❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณทีมใคร????

ทีมปิญญ์ # หล่อเลวแบบนี้ใช่เลย จัดหนักจัดเต็ม
26 (15.3%)
ทีมขนมผิง # แกมาทำร้ายชั้นเรอะ ไม่ยอม ฉันจะเอาคืน
38 (22.4%)
ทีมแฝดลูกหมู # ปล่อยให้พ่อๆไปเคลียกันเอง มุ้งมิ้งกันสองคน
106 (62.4%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 170

ผู้เขียน หัวข้อ: ❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖  (อ่าน 291761 ครั้ง)

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
ยังไงความคดนายมันก็ยังเหนแก่ตัวอยู่ดี
อย่าหวังว่าผิงจะยอมง่ายๆไอ้ประสาทหลอนโรคจิต
ล่มจมไปซะเถอะ

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
วันนี้ฉันรออ่านอยู่นะ

จะมาไหมเอ่ย

ออฟไลน์ supamat_ice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-3
เห็นแก่ตัวอยุ่ดี

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
แหม...........ยังไม่ทันดิ้น ก็จะเรียกคะแนนเห็นใจแล้วเรอะอิคุณปิญญ์
โนว...........ยังจ้ะ ทนไปก่อนนะ :laugh: o18

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
หวงลูกเกินไปจริงๆ ขนมผิง

ถ้าจะเจอมันก็เจอนะ  :hao4:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  กำลังสนุกจบตอนเร็วจัง  อ่านแล้วเห็นว่า ขนมผิงได้อย่างก็เสียอย่างนะ อยากเอาชนะคุณปิณณ์ด้านธุระกิจ แต่ก็ต้องมาเครียดและเสียใจที่ลูกได้เจอพ่อ เรื่องไหนน่าเครียดกว่ากันล่ะ รู้แบบนี้แล้วก็ลุ้นว่าขนมผิงจะเอายังไงต่อไป จะเอาชนะทางธุระกิจต่อไปหรือว่าจะปล่อยเรื่องงานบริษัทแล้วมาดูแลเรื่องพ่อเจอลูกล่ะ
    รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ มาเร็วๆนะคับ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เฮ้อออ เครียดแทนผิงจริงๆ ยิ่งไม่อยากให้เจอกลับเจอเหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง(เอ๊ะ!? หรือว่านักเขียนแกล้งผิงกันแน่ ล้อเล่นนะคะ)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สมองคงได้แตกสักวัน

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
อ่านตอนคุณหมอนี่เกือบรู้สึกดีเลยค่ะ   คือรู้สึกดีที่คุณหมอปฏิเสธข้อเสนอเรื่องเงินของปิญญ์ จรรยาแพทย์เหนือเงิน  แต่พออ่านต่อเสียความรู้สึกเลยค่ะ  รับเงินจากเพื่อนเพื่อรักษาความลับที่ตัวเองมีหน้าที่ต้องรักษาตามหลักการที่ได้ปฏิญาณตนมา    ตามลักษณะแล้วน่าจะเป็นหมอที่ทำมาช่วงหนึ่งแล้วไม่ก้าวหน้ามากกว่านะคะ    ระดับใกล้เกษียณอายุแล้วนั่นรุ่นอาจารย์หมอที่อยู่จุดสูงสุดของสายป่านแล้วค่ะ   คุณวุฒิ ศักดิ์ศรี เกียรติ วุฒิภาวะ ส่วนใหญ่พร้อมพรั่งกันหมดแล้วนะคะ   อีกอย่างตัวหมอเองก็เป็นเพื่อนกับพ่อขนมผิงด้วยนะคะ   นอกจากจรรยาแพทย์แล้วก็มีความความเป็นเพื่อนด้วยค่ะ

ตอนที่ขนมผิงไปหาคุณเฉินที่อิตาลี่นี่เราว่าไม่รอบคอบเลย  ไปเดี๋ยวๆ ไม่บอกแทนทัพ  แถมดื่มจนเกือบทรงตัวไม่ได้  ไม่รักตัวเองหรือ?  ขนมผิง represent บริษัทแบบไหนให้กับคนที่ตัวเองอยากร่วมลงทุนด้วย?

ขนมผิงเจอปิญญ์แล้วลนตลอด  ทำไมไม่นิ่งบ้าง? ให้อีกฝ่ายเต้นเอง   เอะอะก็กระชาก โคตรรำคาญผู้ชายแบบนี้เลย

ปิญญ์ถ้าหากว่าไม่มีเงินและอำนาจแล้วเหลืออะไรบ้าง?  เห็นการบริหารบริษัทแล้วต้องส่ายหัวให้   ปิญญ์คือรุ่นที่ 2 ที่ดำเนินบริษัทแบบ stagnant   ขนมผิงคือรุ่นต่อไปที่มารับงานบริหารแล้วพยายามขยายบริษัทสุดฤทธิ์สุดเดช  โดยที่ไม่ดูพื้นฐานว่ารองรับการขยายที่เร็วแรงไหวไหม?  ทั้งสองคนทำงานแบบมีคนทักท้วงแต่ไม่ฟังทั้งคู่  งานนี้ไม่อ่วมก็ไม่รู้ว่าไงแล้วค่ะ   เพราะว่าทั้งคู่เอาอนาคตไปแขวนไว้กับการเซ็นต์สัญญากับคุณเฉินที่สิงคโปร์  ไม่ได้มีตัวกระจายความเสี่ยงเลย

ขนมผิงดูกร้าวขึ้น  ถ้าหากว่าปิญญ์จะเข้าหาลูกได้ก็คงต้องผ่านทางแม่ขนมผิงแหละ  ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่าในเรื่องของความบาดหมางรุ่นก่อนหน้านั้น   แม่ของผิงจะไม่โกรธอีกฝ่ายบ้างเลยหรือ?  ปิญญ์ทำกับแม่ผิงดีกว่าผิงเยอะเลย ทั้งๆที่แม่ผิงเป็นตัวต้นเหตุ   

ไม่รู้ว่าคนเขียนตั้งใจหรือเปล่านะคะ  เห็นแม่ผิงใช้คำว่ายายกับเด็กๆแล้วมีการใช้การบรรยายว่าเป็นย่า  เรายังนึกเลยว่าปิญญ์จะฉุกใจหรือเปล่า?  แม่ผิงจงใจหรือเปล่า?

เขียนได้ดีขึ้นนะคะ  รบกวนตรวจทานคำสะกดหน่อยเถอะค่ะ  ผิดหลายคำเลย
ประธาน , ผู้ปกครอง ++

เรื่องการเขียนนิยายก้เขียนไปตามที่คุณตั้งใจไว้แหละค่ะ    การวิจารณ์ของคนอ่านก้มีบ้างที่เป็นส่วนสะท้อนงานที่คุณเขียนออกมาฝ่านมุมมองของคนอ่านที่มีประสบการณ์ชีวิตที่ต่างไปจากคุณบ้าง   ส่วนไหนที่คุณอ่านแล้วเก็บเอาไปทบทวน เอาไปใช้ปรับปรุงได้ก็ดีค่ะ   แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนเขียนก็สมควรที่จะเห็นคล้อยตามก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข

ถ้าหากว่าคนเขียนจะเขียนพล็อตตามที่แฟนๆเรียกร้องมาก็ขอให้คิดนิดว่าเนื้อหาที่เขียนๆมามันซัพพอร์ทเนื้อเรื่องแบบนั้นไหม?  ถ้าจะไม่แก้แค้นปิญญ์แล้วที่ทำๆมามันโอเคไหม? ทั้งปิญญ์ทั้งผิง    ถ้าหากว่าจะแก้แค้นให้เต็มเหนี่ยวแบบสุดๆปิญญ์เป็นพระเอกหรือเปล่า?   จะหันกลับมาหากันได้อย่างไร?   มีจุดไหนที่สามารถทำให้มันเป็นไปได้ไหม?  เอาใจช่วยค่ะ   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-11-2015 21:52:23 โดย Freja »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Zxjmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
การทำงานของทั้งคู่ดูไม่เหมือนคนจบสูงมาเลย
ผิงเร่งที่จะขยายบริษัทมากไปมั้ยอ่า
พ่อเตือนยังไม่ฟังจ้องจะแก้แค้นอย่างเดียว
กลัวมันพลาดขึ้นมานี่มีแต่เสียกับเสีย
อีกอย่างพ่อของลูกกับคนที่รักไม่จำเป็นต้องคนเดียวกันเสมอไปหรอกค่ะ



ปล.ประธาน เขียนแบบนี้นะคะ

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
สนุกดีค่ะ อ่านรวดเดียวถึงตอนปัจจุบันเลย สงสารเด็กๆ ทั้งกิม สลิ่มที่ต้องตกอยู่ในความแค้นของพ่อกับแม่ อยากให้ปินรู้ความจริงเร็ว เชื่อว่าอย่างน้อยปินน่าจะเข้ามาพยายามดูแลลูกบ้าง ส่วนขนมผิงรู้สึกเหมือนว่าจริงๆรักปิน แต่หลอกตัวเองให้แค้น แล้วแค่ชอบคุณหมอ เพราะหลายครั้งชอบคิดว่า ถ้าเป็นปินรักเด็กอย่างแทนทัพก็คงจะดี ลึกๆ ก็คงอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น พ่อแม่ลูก พอปินปฎิเสธในตอนท้องจึงได้แค้นมากขนาดนี้

ออฟไลน์ น้องแมว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ผิงหวงลูกเวอร์อ่าาาาาาาาาาาาาาาา    :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
13 ผลกระทบ

 

              ขนมผิงไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงกับเครื่องมือเก็บข้อมูลชิ้นเล็กที่ได้รับมาจากปิญญ์ชานนท์ดี ตาคู่สวยจ้องมองแฟรชไดรฟ์นิ่ง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าลึกๆแล้วใจของเขากำลังกลัวสิ่งที่อยู่ข้างใน

              ลมหายใจร้อนพรูออกมาเมื่อรูปแฟ้มสีเหลืองปรากฏอยู่บนหน้าจอเบื้องหน้า นานแล้วที่เขาเอาแต่ชี้เม้าท์ไปที่แฟ้มนี้แต่ไม่ตัดสินใจเปิดมันดูสักที เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเล่นตลกอะไรกับเขา

              แต่แล้วในที่สุดขนมผิงก็ชั่งใจคลิกเปิดแฟ้มนั้นเมื่อความอยากรู้ของเขาสั่งการให้ทำ และทันทีที่เปิดแฟ้มนั้นออกมา ภาพลามกมายมายก็ปรากฏสู่สายตาทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบ

              มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลยหากว่าคนที่อยู่ในรูปจะไม่ใช่เขา จู่ๆขนมผิงก็รู้สึกจุกหน่วงขึ้นมาที่ก้อนเนื้อในอกซ้าย หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นไปชั่วขณะกับสิ่งที่ได้เห็น ร่างกายมันด้านชาราวกับถูกสาดซัดด้วยน้ำเย็นจัดจนแทบกระดิกนิ้วไม่ได้

              มันช่างเป็นการกระทำที่สุดแสนจะสกปรกและต่ำช้าที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ มือผอมค่อยๆกดปิดภาพตรงหน้าราวกับว่ามือนั้นแทบจะไร้เรี่ยวแรง คนอย่างปิญญ์ชานนท์สกปรกเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้จริงๆ สามารถที่จะเอาชนะและเหยียบย่ำคนอื่นให้อยู่เบื้องล่างโดยไม่เลือกวิธีการที่จะทำ

              ขนมผิงแทบอยากจะตะโกนร้องออกมาสุดเสียงกับอารมณ์ที่มันอัดอั้นอยู่ในเวลานี้

              ก๊อก ก๊อก!!

              แต่แล้วเสียงเคาะประตูห้องก็เสียงให้ร่างสูงโปร่งสะดุ้งพับปิดโน้ตบุ๊คแล้วดึงเอาอุปกรณ์เก็บข้อมูลอันเล็กออกมาทันที

              “แม่กับเด็กๆเข้าไปนะผิง”เสียงของลำดวนดังขึ้นมาพร้อมกับประตูห้องนอนที่ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ

              “มีอะไรเหรอครับ ผิงว่าจะลงไปพอดี”ขนมผิงถามพลางจ้องมองเด็กๆแอบอยู่ด้านหลังของมารดาพลางชะโงกหน้ามองมาทางเขากล้าๆกลัวๆ

              “แม่นะไม่มีอะไรหรอก แต่วันนี้หยุดแม่อยากให้ผิงพาเด็กๆออกไปเที่ยวเล่นผ่อนคลายนอกบ้านบ้าง อยู่แต่ในบ้านเด็กๆจะอุดอู้เอา”

              “แต่วันนี้ผิงไม่อยากไปไหน ผิงอยากจะพักผ่อน”

              อารมณ์ของเขาในเวลานี้มันแปรปรวณจนแทบไม่เป็นอันทำอะไรเลย รูปที่ได้เห็นมันยังคงติดตาของเขาไม่หาย

              ใจของเขาคิดก็แต่รูปที่ถูกตัดมาจากวีดีโอพวกนั้น ขนมผิงไม่รู้เลยว่าปิญญ์ชานนท์ต้องการอะไรจากตัวเองกันแน่ แต่ถ้าหากว่าปิญญ์ชานนท์ต้องการที่จะให้เขาเจ็บล่ะก็ สำเร็จแล้วล่ะ เพราะตอนนี้เขาเจ็บจนแทบจะบ้าให้รู้แล้วรู้รอด หากภาพพวกนั้นหลุดออกไป ชื่อเสียงของเขาก็จะเสียหาย แต่นั่นมันก็ไม่สำคัญเท่ากับชื่อเสียงของครอบครัวที่เขารักมากที่สุด

              “อะไรกัน ช่วงนี้เราเป็นอะไรน่ะผิง แม่ไม่เห็นว่าผิงจะคุยกับเด็กๆบ้างเลยนะ หรือว่าเครียดเรื่องงาน แม่อยากให้ผิงตั้งใจทำงานเอาแต่พอดี เด็กๆกำลังโตผิงน่าจะเอาเวลามาใส่ใจกับเด็กๆมากกว่า”

              “ผิงก็ไม่ได้ทิ้งลูกไปไหนนี่ ผิงก็กลับมาหาลูกทุกวัน แล้วเรื่องงานแม่ไม่ต้องห่วง ผิงรู้ว่าผิงทำอะไรได้บ้าง”พูดพร้อมกับผลุดลุกขึ้นจากเตียงทันที

              ไม่ลืมที่จะคว้าแฟรชไดรฟ์อันเล็กติดมือมาด้วย

              “นั่นผิงจะไปไหน!! แล้วเด็กๆล่ะ”

              “วันนี้ผิงไม่ว่างแล้ว ผิงจะไปทำงาน”

              “แต่วันนี้วันหยุดไม่ใช่รึไง”

              “ผิงต้องวางแผนงานล่วงหน้า จะได้ทำงานง่ายขึ้น ขอโทษนะแม่ แต่ผิงไม่ว่างจริงๆ”ขาบอกด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบกับมารดา ทว่า

              “ปะป๊า”เสียงเล็กแผ่วเบาเรียกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามอง

              “อยากอยู่กับปะป๊า”

              เสียงเรียกและคำอ้อนวอนของเด็กๆทำให้เขาแทบใจสลาย ใบหน้ากลมแป้นที่เคยยิ้มแย้มโชว์เหงือกสีสดบัดนี้กลับเศร้าหมองไม่ร่าเริงเหมือนเก่า

               “เอาไว้วันหลังนะครับ วันนี้ป๊าต้องไปทำงาน”

              พูดจบก็เดินออกมาจากห้องนอนทิ้งให้เด็กๆที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังของคุณยายหันมามอง ท่าทีที่ห่างเหินไม่เหมือนเก่าทำให้ขนมผิงเริ่มรู้สึกผิด จากเดิมที่ลูกๆจะวิ่งเข้าหาเขาตอนนี้ได้แต่ยืนมองอยู่ไกลๆ

              แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่เขาไม่ต้องการจะอยู่ใกล้กับเด็กๆทั้งที่ยังมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่ และเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายที่ได้วาดเอาไว้เขาจำเป็นที่จะต้องเสียสละในส่วนเล็กๆไปเพื่อที่จะได้ส่วนที่ใหญ่ที่สุดมาครอบครอง

 

              --------------------------------------------------------------

 

              ที่ลานจอดรถของโรงพยาบาลเอกชนใจกลางกรุง ปิญญ์ชานนท์จอดรถอยู่ด้านหน้าตึกของโรงพยาบาลด้วยท่าทางเหนื่อยล้า เขานึกเจ็บใจกับเรื่องงี่เง่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นจนอยากจะบึ่งรถไปหาอีกฝ่ายแล้วบีบขย้ำอีกฝ่ายด้วยมือเขาให้รู้แล้วรู้รอด

              ความเหนื่อยที่รุมเร้าในเวลานี้ทำให้เขาแทบเดินไม่ไหว ความเมื่อยล้าความอ่อนแรงของกล้ามเนื้อจากเครื่องช็อตไฟฟ้าเมื่อคืนนั้น

ทำให้ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกหนาวสั่นจากอาการไข้จับ

              ถึงระดับไฟฟ้าที่โดนจะไม่แรงพอที่จะทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาด แต่มันก็ส่งผลต่อกล้ามเนื้อและทำให้เขาสลบได้ พอรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนั่งพิงผนังห้องน้ำอยู่โดยที่มีพนักงานทำความสะอาดเป็นคนมาปลุกก็เมื่อเวลาผ่านเกือบไปค่อนคืน

              แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือตอนนี้เขายังรู้สึกตกใจไม่หายที่ปัญหาทั้งหมดทั้งมวลของเขามันมาจากขนมผิงเพียงคนเดียว คนที่เขาเอาแต่ดูถูกดูแคลนและเหยียดหยาม

              ปึง!!

              เขาทุบพวงมาลัยรถตัวเองสุดแรงด้วยเรี่ยวแรงที่มีไม่มาก เขาต้องการที่จะระบายเรื่องราวที่อัดอั้นอยู่ในใจออกไปให้หมด มันเหมือนกับว่าตอนนี้เขากำลังจะพ่ายแพ้ให้กับคนที่เคยดูถูกมาตลอด พวงมาลัยรถคันหรูถูกกระหน่ำทุบนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อรองรับอารมณ์ของเจ้าของที่ระบายออกมาในรูปแบบของการใช้กำลัง

 

              ----------------------------------------------------------

 

              “ไม่มีอะไรมากนะครับ ไม่ต้องกังวลไป กล้ามเนื้อของคุณที่อ่อนล้าจากการถูกไฟฟ้าอ่อนๆช๊อตจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมในอีกไม่ช้า ส่วนเรื่องอาการปวดศีรษะไข้ขึ้น หมอคิดว่ามาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอแล้วก็ความเครียด เดี๋ยวหมอจะให้ยาไปทานแล้วก็พักผ่อนเยอะๆนะครับ”

              “จำเป็นที่จะต้องพักผ่อนเหรอครับ แค่ให้ยาที่ทำให้หายจากอาการก็พอ ผมไม่มีเวลาว่างมาพักผ่อนหรอก”เขาตอบด้วยท่าทางหงุดหงิด

              ปิญญ์ชานนท์ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าจะต้องป่วยจนเข้าโรงพยาบาลอย่างคนอ่อนแอแบบนี้

              “ไม่มียาแบบนั้นหรอกครับ การพักผ่อนคือยาดีที่สุดสำหรับการรักษาโรค แต่หมอคิดว่าคุณคงจะเครียดเกินไปถึงได้อาการหนักขนาดนี้ ทางที่ดีคุณน่าจะพักจากเรื่องเครียดๆสักระยะ”

              หมอเจ้าของไข้เอื้อมมือมาดึงมือของชายหนุ่มไปจับอย่างเบามือก่อนจะพลิกไปมา มือที่มีรอยช้ำจนเกือบจะปริแตกถูกจับแล้วกดเบาเบาทำเอาเขาสะดุ้งแล้วชักมือกลับด้วยความเจ็บ

              “ผมไม่ได้ต้องการให้หมอดูมือ ผมต้องการรักษาอาการไม่สบายเพื่อที่ผมกลับไปทำงานได้เร็วที่สุดแค่นั้น เรื่องอื่นผมไม่สนใจ”

              “หมอคิดว่าคุณเครียดเกินไปแล้วนะครับคุณปิญญ์ชานนท์”

              “ผมไม่ได้เครียด”

              “เหมือนกับคนบ้านั่นแหละครับ ที่ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองบ้า”

              “ผมไม่ได้บ้าเหมือนกัน รีบๆตรวจให้เสร็จดีกว่า ผมต้องกลับไปทำงาน”ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด

              หมอเจ้าของไข้ถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อคนไข้ที่ดูน่าจะมีภาวะทางอารมณ์จากหน้าที่งานการที่ต้องควบคุมคนมากมายกลายเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุผลเดียวที่ทำให้เป็นแบบนี้ก็คงจะมาจากความเครียดจัดและความกังวล

              “งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่าครับ หมอจะไม่ก้าวก่ายเรื่องภาวะทางอารมณ์ของคุณ แต่หมอจะให้นี่ไป เมื่อไรที่คุณคิดว่าคุณกำลังหงุดหงิดหรืออยากระบายอารมณ์ คุณอาจจะต้องการคนรับฟังหรือให้คำปรึกษา”

คุณหมอในชุดกราวน์สีสะอาดหยิบนามบัตรในลิ้นชักแล้วยื่น

              มือใหญ่รับนามบัตร์ใบเล็กมาแล้วพบว่ามันเป็นนามบัตรของจิตแพทย์ มันทำให้เขายิ่งโกรธจนแทบอยากต่อว่าหมอที่อยู่ตรงหน้าออกไปซะเดี๋ยวนั้น

              หากแต่คำพูดเตือนของหมอเกี่ยวกับสภาวะทางอารมณ์ของเขานั้นมันทำให้เขาฉุกคิดและเลือกที่จำกำมือที่ถือนามบัตรเอาไว้แน่น จนนามบัตรนั้นยับยู่ยี่

              “ไม่ต้องห่วงครับ ทุกอย่างของคนไข้จะเป็นความลับทั้งหมด คุณไม่ต้องกังวลว่าความลับของคุณจะถูกเผยแพร่ให้คนอื่นรู้ คุณสามารถไว้ใจหมอได้ครับ”

              “ผมจะเก็บเอาไปคิดดู”

              นามบัตรยับย่นถูกสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท

              “เดี๋ยวผมจะให้พยาบาลพาคุณไปทำแผลแล้วก็ไปรับยา หากอาการยังไม่ดีขึ้น ให้เอาใบนัดมาติดต่อผมได้เลย เรียบร้อยแล้วครับ อาการไม่น่าเป็นห่วง เหลือแค่คุณต้องให้เวลากับตัวเองเพื่อพักผ่อนบ้าง”คุณหมอแนะนำ

              “ขอบคุณ”ปิญญ์ชานนท์ตอบรับก่อนจะเดินออกมาจากห้องตรวจเพื่อไปทำแผลต่อ

              นามบัตรที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋ากำลังถูกเก็บไปครุ่นคิดว่าเขาควรจะพึ่งมันดีหรือไม่ แต่เขาไม่ได้เป็นผู้ป่วย ไม่ใช่คนบ้า หรือคนโรคจิต ทำไมเขาจะต้องคุยกับจิตแพทย์ด้วย

              ไม่มีทาง!!

              เข้าตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องเอาคืนขนมผิงให้เจ็บแสบ จำต้องให้ขนมผิงที่กล้าเชิดหน้าขึ้นมาต่อกรกับเขายอมเชื่องเหมือนสุนัขที่ถูกฝึกมาอย่างดีให้ได้ สุนัขที่มันไม่เชื่องจะต้องถูกสั่งสอนให้หลาบจำจะได้ไม่มาแว้งกัดเขาแบบที่กำลังทำอยู่

              ปิญญ์ชานนท์ก้าวขึ้นไปนั่งบนรถยนต์คันครู เขาหยิบโทรศัพท์เครื่องแพงขึ้นมากดหาเบอร์โทรที่เขาเสียเงินเพื่อที่จะซื้อมันมาในราคาแพง ก่อนจะกรอกเสียงลงไปเมื่อทางด้านนั้นกดรับ

              “ไง เงียบไปเลยนะ หรือว่ากำลังกลัวอะไรอยู่ หึหึ”เขาหัวเราะในลำคอราบกับต้องการจะเยาะเย้ย

              อีกฝ่ายเงียบไปพักใหญ่ราวกับว่ากำลังตกใจที่รู้ว่าเขาคือใคร

              “นึกว่าจะจำเสียงผัวชั่วคราวไม่ได้ซะอีก”เขายอมรับเลยว่าค่อนข้างพึงพอใจเมื่อเสียงปลายสายดูตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าเป็นเขา

              ‘ใครบอกว่าผมจำได้ล่ะครับ ผมก็แค่เดาเอาเพราะมีไม่มีคนที่น้ำเสียงจะส่อถึงความสกปรกที่แสดงออกมา…ก็แค่นั้น’

              อีกฝ่ายตอบกลับมาในแบบที่เจ็บแสบทำเอาเขาแทบจะทุบมือลงกับพวงมาลัยรถเพื่อระบายอารมณ์ที่คุกรุ่นอีกครั้ง

              หากแต่ผ้าพันแผลนั้นเป็นสิ่งเตือนใจให้เขาหยุดมือค้างเอาไว้

              “นั่นสินะ ฉันก็ลืมไปว่าคนอย่างนายมันเป็นพวกได้ไม่เลือกหน้า คงจะเยอะจนแทบจำไม่ได้สินะ”

              ‘มันก็แล้วแต่คุณจะคิดนะครับ แค่รู้เอาไว้ก็พอว่าคุณก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้นเหมือนกัน’

              “ปากดีนักนะขนมผิง!! อย่าคิดจะเอาฉันไปเหมารวมกับพวกชั้นต่ำที่หลงเสน่ห์คนอย่างนายเชียว!!”

              ‘หึหึ ทำไมล่ะครับ หรือว่า…คุณจะไม่ยอมรับว่าหลงเสน่ห์ผมเหมือนกัน’

              “อย่ามาหลงตัวเองไปหน่อยเลย นายมันก็แค่หมาที่เลี้ยงไม่เชื่องที่กลับมาแว้งกัดเจ้าของ”เขากัดฟันจนกรามขึ้นนูน

              คำพูดของขนมผิงมันจี้ใจดำของเขาจนอยากจะกระชากอีกฝ่ายเข้ามาบดขยี้หากว่าอีกฝ่ายนั้นยืนอยู่ต่อหน้าเขา

              ‘ถ้าผมมันเป็นสุนัขที่ไม่เชื่อง ทำไมทำไมคุณไม่ลองเปลี่ยนมาเป็นสุนัขของผมบ้างล่ะ เผื่อผมอาจจะทำให้คุณเชื่องได้’

              “ปากดีนักนะ!! นายต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายที่ยอมรับความพ่ายแพ้ นายก็น่าจะรู้ดี”

              เขาพยายามควบคุมอารมณ์ที่กำลังปะทุ แล้วหยิบยกอาวุธที่เก็บเอาไว้ขึ้นมาข่มอีกฝ่าย แล้วก็ได้ผลเมื่อเสียงปลายสายขาดห้วงเล็กน้อยก่อนจะกลับมาแข็งกร้าวดังเดิม หากไม่จับสังเกตให้ดี

              ‘งั้นก็ว่าธุระของคุณมาสิ ผมไม่มีเวลามาเล่นขายของเล่นกับคุณนะครับ คุณปิญญ์’

              “เดี๋ยวนายก็จะได้รู้ว่าเล่นหรือไม่เล่น”

              ‘คุณต้องการอะไร!!....หรือว่าต้องการเงินล่ะ เงินที่คุณชอบน่ะ’

              “เงินน่ะ ฉันมีเยอะแล้ว ฉันแค่อยากจะสั่งสอนหมาที่ไม่เชื่องกับเจ้าของก็แค่นั้น วันพรุ่งนี้หกโมงเย็นมาเจอฉันที่หมู่บ้าน…ล่ะ อ้อ แล้วก็มาคนเดียวด้วยล่ะถ้านายเอาชู้ของนายมาด้วยล่ะก็ฉันไม่รับประกันว่าภาพเคลื่อนไหวของนายที่กำลังร้องเหมือนพวกติดสัตว์จะถูกปล่อยออกไป”

              ‘เพล้งงง!!!’

              เสียงของแตกจากปลายสายก่อนมันจะตัดไปทำให้อารมณ์หงุดหงิดที่กำลังปะทุของเขาแทบจะหายไปเป็นปลิดทิ้งทันทีปิญญ์ชานนท์แสยะยิ้มออกมาที่มุมปากอย่างพอใจ

              น่าแปลกที่เขากลับอารมณ์ดีกับเรื่องแบบนี้เมื่อได้รับรู้ว่าขนมผิงหงุดหงิดเพราะเขา

 

              ---------------------------------------------------------------

 

              “แกไปไหนมา ฉันโทรเข้าไปที่ออฟฟิต พลอยฟ้าบอกว่าแกยังไม่ได้เข้าไปในออฟฟิต แต่ฉันเห็นว่าแกออกไปตั้งแต่เช้า”

              เสียงแข็งกร้าวถามขึ้นเมื่อเขาเดินเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่ บ้านของตระกูลอนันตไพลินที่เขาภูมิใจนักหนากับฐานะอันมั่งคั่ง

              “ผมไปทำธุระมานิดหน่อย”

              เขาไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย และตอบกลับชายสูงวัยที่นั่งอยู่บนวิลแชร์ราคาแพง ด้านหลังมีพยาบาลส่วนตัวคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง

              “แล้วนั่น มือแกไปโดนอะไรมา!!”อาทิตย์ถามลูกชายด้วยน้ำเสียงแข็งคล้ายจะกำลังไม่พอใจ

              “แค่อุบัติเหตุน่ะครับ พ่อไม่ต้องใส่ใจมันมากหรอกครับ”

              “แกจะไม่ให้ฉันใส่ใจมันได้ยังไงในเมื่อแกเป็นคนที่จะต้องสืบทอดอนันตไพลินกรุ๊ป ถ้าแกเป็นอะไรไปใครจะเป็นคนสืบทอดมันล่ะ”

              “เรื่องนั้นผมรู้อยู่แล้วพ่อไม่ต้องย้ำมากก็ได้ ผมคิดว่าผมฟังมาบ่อยมากพอแล้ว ขอตัวนะครับ ผมต้องการพักผ่อน ผมเหนื่อย”

              ถึงจะต้องการทำงานต่อ แต่ถ้าหากเขาฝืนความล้าของร่างกาย เขาคงจะถึงขั้นต้องนอนพักที่โรงพยาบาลแน่  ในเวลานี้อาการปวดหัวเริ่มรุนแรงมากขึ้น เพราะตั้งแต่เช้ามีเพียงกาแฟแก้วเดียวที่ตกถึงท้องของเขา

              “อาทิตย์หน้าฉันจะไปหาฤกษ์กำหนดงานแต่งงานของแกกับหนูเดหลี แกก็หาเวลาว่างไปด้วยกันล่ะ คุณเชตุพลเองก็บอกว่าแกไม่ค่อยมีเวลาให้กับหนูเดหลีเลย”

              “ผมไม่ได้มีเวลาว่างเหมือนเขานี่ครับ ผมต้องทำงาน พ่อก็น่าจะรู้ว่าไม่ทำงานก็ไม่ได้เงิน…อย่างที่พ่อชอบพูด”

              “แกจะพูดว่าอะไรฉันไม่สนหรอกนะ อาทิตย์หน้าแกต้องไปด้วยกันกับฉัน นี่คือคำสั่ง!! แกห้ามปฏิเสธ”

              “ตามใจพ่อก็แล้วกัน ผมก็บอกไปแล้วว่าผมไม่แต่ง แต่ถ้าพ่อต้องการผมก็ไม่ขัด ผมไม่มีสิทธิเลือกอยู่แล้วนี้”เขาแสยะยิ้ม ราวกับกำลังดูแคลนตัวเอง

              “ยังไงซะแกก็ต้องแต่ง ฉันจะไม่รอให้แกทำอะไรตามใจชอบเหมือนเก่าอีกแล้ว”

              “นั่นสินะ พ่อก็แค่ต้องการคนที่จะสืบทอดเงินทองมากมายนี่ต่อจากผม ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะทำตามที่พ่อสั่งทุกอย่าง ยังไงพ่อก็ชอบเลือกนั้นเลือกนี่ให้ผมอยู่แล้ว ผมเหนื่อย ผมขอตัว”

              เขาตัดบททิ้งให้ผู้เป็นพ่อมองตามด้วยความไม่พอใจ

 

              ------------------------------------------------------------

 

              เพล้งงงง!!

              เครื่องมือสื่อสารถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับผลักห้องทำงานอย่างรุนแรงด้วยอารมณ์ของเขาของที่ปะทุขึ้นมาอย่างกะทันหัน

              แม้ว่าขนมผิงจะพยายามสะกดกลั้นอารมณืที่มีอยู่ทุนเดิมและตอบโต้กลับอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ปิญญ์ชานนท์หยิบยกขึ้นมาขู่นั้นเลี่ยงไม่ได้เลยที่เขาจะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้วระบายมันออกมาในรูปแบบความรุนแรงที่เขาแสนจะเกลียดชัง

              โทรศัพท์เครื่องที่ใช้อย่างทะนุถนอมอย่างยาวนานตอนนี้กลับแตกละเอียดและนอนอยู่บนพื้นอย่างไร้ปราณี

              ในที่สุดเรื่องสกปรกที่ขนมผิงกลัวก็ถูกหยิบยกขึ้นมาข่มขู่จนได้ ขนมผิงจะไม่ใส่ใจเลยสักนิดหากเรื่องนี้มันไม่สามารถส่งผลกระทบให้กับครอบครัวได้

              กระดาษที่เต็มไปด้วยรายชื่อของผู้เสนอขายหุ้นในราคาถูกที่พึ่งจะปริ้นท์ออกมาถูกฉีกกระชากจนยับและเหวี่ยงทิ้งอย่างไม่ใยดี

              เขาต้องทำยังไงกันนะที่จะตัดความรู้สึกราบกับคนบ้าออกไป จะต้องทำยังไงเพื่อที่จะทำให้คนอย่างปิญญ์ชานนท์แพ้ให้เร็วที่สุดแล้วกลับไปใช้ชีวิตเหมือนปกติอย่างที่ควรจะเป็น

 

              -------------------------------------------------------

 

              และเมื่ออารมณ์นั้นไม่สามารถดับได้ในเร็วไว ขนมผิงก็พาตัวเองมายังห้างสรรพสินค้าไม่ไกลจากที่ทำงานสักเท่าไร ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อสำนึกได้ว่าตนเองนั้นระบายอารมณืกับสิ่งของจนเสียหายไปแล้ว

              เขาน่าจะควบคุมอารมณ์ให้มากกว่านี้!!

              กลับกลายเป็นว่าเขาต้องเสียเวลาในการทำงานเพื่อที่จะมาซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่เพราะการบัลดาลโทสะอันไร้สาระของตัวเอง

              ขนมผิงเลือกเครื่องมือสื่อสารเสร็จเรียบร้อยก็ยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงาน ทว่าเสียงแหลมขึ้นจมูกก็ทำให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลาหันไปมองเล็กน้อย

              “ที่สั่งไว้มารึยังค่ะ เบื่อเครื่องเก่าจะแย่แล้ว เรื่องราคาฉันไม่ติดหรอกนะค่ะ ขอแค่ของมาตรงเวลาก็พอ”

               คำพูดถือตัวที่ทำให้นึกถึงปิญญ์ชานนท์ทำให้ขนมผิงอดเหนื่อยใจแทนพนักงานไม่ได้ ขนมผิงไม่แปลกใจเลยว่าทั้งคำพูดและท่าทีที่เย่อหยิ่งและถือตัวนั้นจะคลับคล้ายคลับคลากับปิญญ์ชานนท์

              ที่แท้ก็เป็นลูกสาวของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของอนันตไพลิน คำพูดที่ว่ากันว่าพวกเดียวกันมักจะเหมือนกันก็เป็นจริงเข้าวันนี้

              ขนมผิงจ้องมองใบหน้าที่สวยหวานต่างจากการกระทำเมื่อระลึกได้ว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังจะหมั้นกับปิญญ์ชานนท์ ช่างเป็นคู่ที่ดูเหมาะสมกันดีจริงเชียว แต่อาจจะเป็นเพราะว่าขนมผิงมองเธอนานไปหน่อย เธอจึงหันมาจ้องตอบเขา

              “เอ่อ คุณ คุณ ผิงใช่รึเปล่าค่ะ”

              ในตอนแรกแววตาของหญิงสาวนั้นไม่ค่อยพอใจที่รู้ตัวว่าถูกจ้องมอง แต่เมื่อนึกขึ้นได้กับหน้าตาที่คุ้นเคยเธอก็ชะงักแล้วยกยิ้มขึ้นมา

              คงจะเหมือนกันหมดสินะ กับการเลือกที่จะใส่หน้ากากเฉพาะคนมีฐานะ

               “ครับ ยินดีที่ได้พบครับคุณเดหลี”ขนมผิงแสร้งยิ้มรับก่อนจะถามออกไป “สั่งของเอาไว้เหรอครับ”

              “ค่ะ สั่งของเอาไว้ พอดีรุ่นนี้ยังไม่นำเข้ามาเดหลีเลยสั่งพิเศษ อยากจะลองใช้ของใหม่ดู”

              “นั่นสินะครับ ใครใครก็ชอบของใหม่ที่ดีกว่า”ขนมผิงบอกอย่างแฝงความนัยน์

              “แหมคุณผิงล่ะก็ รู้ความคิดเดหลีได้ยังไงกัน ถ้าของเก่ามันน่าเบื่อก็ต้องเปลี่ยนใหม่ที่มันดีกว่าแหละค่ะ แล้วนี่มาซื้อใหม่เหมือนกันเหรอค่ะ”เธอตอบในคำตอบที่แฝงความนัยน์เช่นเดียวกัน

              “ครับมาซื้อใหม่ พอดีซุ่มซ่ามทำหล่นแตกน่ะครับ”โกหกพลางปั้นยิ้ม

              “แหม ซุ่มซุ่มจริงเชียนะคะ ไม่รู้ว่าเรื่องอื่นจะซุ่มซ่ามรึเปล่า ว่าแต่ภรรยาไม่มาด้วยเหรอค่ะ แล้วก็เด็กผู้ชายน่ารักๆอีกสองคน ไปไหนซะแล้วล่ะ”

              “ภรรยาผมเสียไปนานแล้วล่ะ ส่วนเด็กๆก็อยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ผมน่ะ วันหลังถ้าคุณว่างอยากจะไปเล่นกับเด็กๆก็ได้นะครับ เด็กๆน่าจะดีใจที่มีคนแวะไปเล่นด้วย”

              ขนมผิงกำลังโกหก เขาจงใจที่จะให้คนอื่นๆรับรู้ในเรื่องที่เขาปั้นแต่งว่าเขามีภรรยาและภรรยาได้เสียไปในตอนคลอดลูก

              “เสียใจด้วยนะคะ เดหลีไม่น่าถามเลย ขอโทษนะคะที่เดหลีถามอะไรที่ไม่น่าถามออกไป”

              หญิงสาวยอกมือขึ้นป้องปากอย่างตกใจ แต่แววตาของเธอไม่ได้แสดงออกตามท่าทีของเธอเลยสักนิด

              เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พนักงานยื่นบัตรเครดิตคืนให้กับขนมผิงและพนักงานอีกคนเอาโทรศัพท์ของเดหลีมาเช็คขนมผิงยกยิ้มก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานอีกครั้งแล้วกระซิบบอกพนักงานในขณะที่เธอกำลังสนใจกับมือถือเครื่องใหม่

               “นึกว่าจะไม่มาตามนัดซะแล้วเชียว”เธอหันมาบ่นเบาๆ

              มือเรียวสวยหยิบบัตรเครดิตสีทองของตัวเองออกมาก่อนจะยื่นให้กับพนักงาน แต่นั่นมันก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อพนักงานตอบกลับให้เธอให้ประหลาดใจ

              “สินค้าตัวนี้รับชำระเงินมาแล้วนะค่ะ”พนักงานโบกมือไม่รับบัตรจากเธอ

              “อะไร ฉันยังไม่ได้จ่ายเลยนะ ทำงานยังไงกันเนี่ย”เธอเริ่มหงุดหงิด

              “คือคุณผู้ชายท่านนี้เขาจ่ายให้คุณผู้หญิงแล้วค่ะ”พนักงานรีบตอบ

              และนั่นก็ทำให้เดหลีหันมามองด้วยความตกใจ

               “เป็นของขวัญการพบกันอย่างไม่เป็นทางการครับ”ขนมผิงยิ้ม

              “จะดีเหรอค่ะ แหมเดหลีเกรงใจจังเลย งั้นถ้าไม่รังเกียจให้เดหลีเลี้ยงข้าวสักมื้อเป็นการตอบแทนนะคะ ห้ามปฏิเสธนะคุณผิงไม่งั้นเดหลีโกรธจริงๆด้วย”

              “ก็เอาสิครับ ผมไม่คิดจะขัดคนน่ารักอย่างคุณอยู่แล้ว”

              “ปากหวานเชียวนะคะเนี่ย นอกจากจะหล่อรวยแล้วยังจะใจดีอีก อย่างนี้ผู้หญิงคงหลงกันเยอะแน่เลย”

              “ไม่มีหรอกครับผู้หญิงที่จะมาหลงน่ะ แต่เริ่มจะอยากลองให้มีคนหลงอย่างที่คุณบอกขึ้นมาแล้วสิ”

              ทุกอย่างมันล้วนแล้วแต่เป็นเกมทั้งสิ้น ขนมผิงไม่แม้แต่จะใส่ใจว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่มันคืออะไร เขสนเพียงแค่ชัยชนะที่กำลังกระหายอยู่เท่านั้นเอง

 

              -----------------------------------------------------------
มีต่อ



 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 07:19:00 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
ต่อ
 

              เป็นเวลาดึกมากแล้วกว่าขนมผิงจะกลับมาถึงบ้าน มีเพียงความเงียบสงัดเท่านั้นที่บ่งบอกว่าคนในบ้านหลับกันหมดแล้ว ขนมผิงถอนหายใจด้วยความเพลียจากการที่ต้องจัดการเอกสารกองโตในช่วงเย็นหลังจากที่เขาจบมืออาการจากเดหลี

              ขนมผิงครุ่นคิดถึงผู้เล่นรายใหม่ในเกม หญิงสาวที่เป็นดาราที่กำลังเป็นดาวรุ่งในด้านบทบาทของนางร้ายอีกทั้งยังเป็นลูกสาวของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของอนันตไพลิน

              ใจของขนมผิงตอนนี้แทบจะไม่มีสมาธิจดจ่อกับงานเลยในเมื่อรูปลามกพวกนั้นที่ปิญญ์ชานนท์จงใจหยิบยกขึ้นมาข่มขู่นั้นมันยังคงก่อกวนเขา

              ขนมผิงเปิดประตูห้องนอนเด็กๆอย่างเบามือ กลัวว่าเด็กๆจะตื่นเพราะว่าเขามารบกวนในเวลาดึกขนาดนี้ ตาคู่สวยจ้องมองร่างจ้ำม่ำนอนกอดกันใต้ผ้าห่มผืนหนา ใบหน้าอันไร้เดียงสาเปื้อนยิ้มเล็กน้อยราวกับว่ากำลังหลับฝันดีอยู่ ร่างสูงโปร่งเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงก่อนจะดึงผ้าห่มที่ร่นลงคลุมให้ลูกหมูทั้งสองอย่างเบามือ

              ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้มีเวลาให้กับเด็กๆเหมือนกับเมื่อก่อน เวลาทั้งหมดเขาเอามันไปลงกับงานเพียงอย่างเดียว มือผอมเกลี่ยเอาปอยผมเส้นเล็กที่ตกลงมาปรกบนใบหน้าเพราะกลัวว่าเจ้าตัวที่หลับในขณะที่กอดคู่แฝดของตัวเองอยู่จะตื่น

              “อือ ปะป๊า”ปลากริมลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะจับมือของขนมผิงเอาไว้แน่น

              “นอนต่อนะครับคนเก่ง”ขนมผิงลูบหัวทุยๆนั้นอย่างเบามือ

              “อือ”เจ้าตัวครางอือรับ

              “ปะป๊ารักพวกเรานะครับ”ขนมผิบอกเสียงเบาเมื่อเจ้าตัวเล็กหลับตาลง

              ขนมผิงไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงของเด็กๆทั้งที่ยังอยู่ในชุดทำงาน โทรศัพท์เครื่องใหม่ในกระเป๋าสั่นเรียกให้หยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสงสัยเพราะเป็นเวลาดึกมากแล้ว

              คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อเมื่อเบอร์ที่แสดงบนหน้าจอนั้นไม่คุ้นเคย ทว่าถึงเขาจะไม่ได้บันทึกเบอร์นี้เอาไว้เขาก็จำได้ดีจากเลขท้ายว่าเจ้าของเบอร์นี้คือใคร

              ปิญญ์ชานนท์!!

              ขนมผิงค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงเพราะกลัวว่าจะทำให้เด็กๆตื่น ร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากห้องนอนของเด็กๆด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบาจนโทรศัพท์ที่ดับไปแล้วส่องแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง

              ทำไมปิญญ์ชานนท์ถึงได้โทรมาดึกดื่นป่านนี้!!

              เป็นครั้งที่สามที่หน้าจอสว่างขึ้น แสดงให้เห็นเบอร์เดิมที่โทรเข้ามาราวกับว่าจะไม่หยุดโทรหากว่าเขาไม่ยอมรับ ขนมผิงชั่งใจสูดหายใจเข้าปอดลึกกดรับสายในที่สุด

              “คิดถึงผมรึไงครับ ถึงได้โทรมาหาผมในเวลาแบบนี้”พยายามที่จะพูดด้วยน้ำเสียงอันยั่วเย้าทั้งที่ใจเหนื่อยล้าเต็มที

              ‘อย่ามาหลงตัวเองไปหน่อยเลย’ อีกฝ่ายตอบกลับก่อนจะเงียบไปสักพัก  ‘แต่จะว่าอย่างนั้นก็ได้นะ ฉันอาจจะคิดถึงนายจริงๆ และอาจจะคิดถึงเผื่อไปถึงลูกของนายด้วย’

               “หมายความว่าไง!! คุณมีอะไรก็ว่ามา อย่ามายุ่งกับลูกของผม”

              ‘ทำไมฉันถึงจะยุ่งไม่ได้ล่ะ หรือว่านายมีอะไรกำลังปิดบังฉันอยู่’

คำถามที่แทงใจดำทำให้ขนมผิงตัวชาวาบ

              “ผมไม่มีอะไรจะต้องปิดบังคุณ คุณพูดธุระของคุณมาดีกว่าว่าคุณต้องการอะไร หรือว่าคุณเปลี่ยนใจต้องการได้เงินขึ้นมาล่ะ”

              ‘ฉันบอกแล้วไงว่าเงินน่ะฉันมีเยอะแล้ว’

              “ผมไม่มีเวลาจะมาต่อปากต่อคำกับคุณหรอกนะครับ หรือถ้าเหงาก็เอาเงินที่คุณมีอยู่เยอะไปใช้แก้เหงาสิครับ จะได้ไม่เอาเวลาเอาเวลามารังควาญคนอื่นแบบนี้”

              ‘หึหึ ปากดีให้ได้ตลอดเถอะนะขนมผิง ฉันก็แค่มาเตือนเผื่อนายจะลืมนัดของเรา แล้วก็…..’พูดค้างเอาไว้ให้คนทางปลายสายถามกลับอย่างร้อนรน

              “แล้วก็อะไร?!”

              การที่ปิญญ์ชานนท์พูดค้างเอาไว้แบบนี้ทำให้ขนมผิงเริ่มจะเป็นกังวลกับเล่ห์กลของอีกฝ่าย การที่อีกฝ่ายทำอะไรไม่เลือกวิธีนั้นมันไม่เป็นเรื่องดีเอาซะเลย

              ‘ฉันเปลี่ยนใจแล้ว วันพรุ่งนี้นายต้องมาหาฉันพร้อมกับเด็กๆตามสถานที่ที่นัดเอาไว้ แล้วก็อย่าพาใครมาด้วยล่ะ…ฉันไม่อยากพูดซ้ำ’

              “ไม่มีทาง!! ผมไม่มีวันเอาเด็กๆไปด้วยเด็ดขาด ทำไมคุณจะต้องเอาเด็กๆมาเกี่ยวด้วย”

              จู่ๆทำมิญญ์ชานนท์ถึงได้เบนความสนใจมาที่เด็กๆได้ล่ะ แล้วทำไมถึงได้บอกให้เขาเอาเด็กๆไปด้วยทั้งที่เด็กๆไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เขาจะต้องตกลงกับอีกฝ่ายได้เลย

              ความกังวลที่มีเพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัวจนขนมผิงแทบอยากจะตะโกนตอกกลับปลายสายไป

              ‘แค่นี้แหละที่ฉันจะบอกนาย หวังว่าพรุ่งนี้ฉันจะเจอกับเด็กๆพร้อมกับนาย ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับปากว่าภาพเคลื่อนไหวพวกนี้มันจะหลุดออกไปหาใครบ้าง’

              “คุณ!!”

              ยังไม่ทันที่จะโต้แย้งปลายสายก็ตัดไปซะก่อน

              นี่มันเรื่องบ้าอะไร!! ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ไปได้

              ขนมผิงกำโทรศัพท์ที่อยู่ในมือแน่นอย่างแค้นใจ อยากที่จะปามันออกไปเพื่อระบายอารมณ์เหมือนครั้งที่แล้ว แต่เพราะว่านี่คือบ้านขนมผิงจึงทำได้แค่หายใจเข้าลึกๆก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อสกัดกลั้นอารมณ์

             

               “ผิง มาทำอะไรเงียบๆตรงที่มืดๆล่ะลูก”เสียงของลำดวนทพให้ขนมผิงหันไปมอง

               “ไม่มีอะไรหรอกครับ เดี๋ยวผิงก็จะเข้านอนแล้ว”

              “มีอะไรรึเปล่า พึ่งกลับมาจากทำงานเหรอ ทำไมกลับมาดึกจัง พ่อกับแม่เป็นห่วงนะลูก”

              ลำดวนเดนมาแตะแขนผอมเบาๆ เรียกให้ความรู้สึกผิดที่มีมันแล่นเข้ามาที่หัวใจ หัวใจที่พยายามต่อเติมกำแพงให้ด้านชาพลันก็เจ็บแปลบราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบเอาไว้

              เขาจะต้องทำยังไงกันนะ ถึงจะปกป้องครอบครัวที่เขารักเอาไว้ได้โดยไม่มีใครต้องเสียใจ

              “เป็นอะไร ร้องไห้เหรอผิง!!”ลำดวนถามด้วยความตกใจ

              “ปะ เปล่าผิงไม่ได้ร้องไห้”

              รู้ตัวอีกทีขนมผิก็รีบเงยหน้าขึ้นมองเพดานเมื่อหยาดน้ำอุ่นกำลังคลอเคลียอยู่ที่หน่วยตา

              “ผิง”ลำดวนเรียกย้ำ

              “ผิงไม่เป็นไร แล้วแม่ทำไมยังไม่นอนอีก ดึกแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

              “แม่น่ะนอนหลับไปแล้ว แต่แม่ได้ยินเสียงผิงแม่ก็เลยออกมาดู แต่ถ้าผิงยืนยันว่าไม่เป็นอะไรแม่ก็เชื่อ แต่แม่จะบอกไว้นะว่าพ่อกับแม่ยังรักผิงเสมอไม่ว่าผิงจะเป็นยังไง ปลากริมกับสลิ่มก็เหมือนกัน เด็กๆรักผิงมาก รอผิงจนหลับไปทุกวัน”

              ลำดวนดึงลูกขายเข้าไปกอดเอาไว้

              “ครับ ผิงรู้”

              “งั้นก็ไปนอนได้แล้วดึกมากแล้ว พักผ่อนให้เยอะๆ ตื่นขึ้นมาจะได้สดชื่น”

              “ผิงรักแม่นะ”

              ประโยคสุดท้ายพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอันเบาโหวงไม่ต่างอะไรกับเสียงของสายลม

              เขารู้สึกผิดที่ให้เวลากับครอบครัวน้อยลงไปทุกที หากแต่ตอนนี้เขาไม่สามารถถอยหลังกลับได้แล้ว

 

              --------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 07:19:29 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
เมื่อไหร่ผิงจะได้ เอาคืนแบบสาสมสะที อ่านมานี้ผิงยังทำอะไรไม่ได้เลยนะ แค่ทำหุ้นตกได้อย่างเดียว ตอนหน้าโดนขมขืนอีกแล้วจะโดนถ่ายคลิปไว้แบล็คเมล หรือป่าว ถีาแบบนี้ น้ำเน่าไปอะ  :fire:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อย่างปิญญ์ก็คงทำเลว เช่น ข่มขืนและแบล็คเมล์ต่อไปแน่ๆ เลย ไม่อยากให้มีการแบล็คเมล์เลยจริงๆ เพราะแค่ข่มขืนก็แย่พอแล้ว (ที่ว่ามาทั้งหมดเดาล้วนๆ ไม่รู้ถูกหรือเปล่านะ 555)

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
เปิดตัวแล้วววๆ

ปิญญ์เป็นไรไปเนี่ย ลุ้นๆตอนหน้า :katai2-1:

ออฟไลน์ ben

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-3
ผิงหวงลูกเกินไปจนน่ารำคาน #ไม่ชอบตรงนี้

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ใกล้จะถึงจุดไคลแมกซ์แล้วซินะ :fire:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
อ่านไปอ่านมา บางทีก็สงสัยนะ ว่าทำไมแฝด ถึงได้ปักจิตปักใจกับอิตาปิญขนาดนั้น ไม่เข้าใจจริงๆ จะบอกว่าสายสัมพันธ์พ่อลูกหลอ

มันเว่อร์ไป คนไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่เคยพบเจอกัน แค่เจอหน้ากันก็กระโจนเข้าใส่แบบนี้มันไม่ใช่ละ แสดงว่าการเลี้ยงดูของผิงนั้นมีปัญหาอย่างแรง

สอนลูกยังไงให้วิ่งเข้าใส่คนแปลกหน้า  ใครก็ไม่รู้แต่ลูกวิ่งเข้าใส่เค้าได้เนี่ย อันตรายนะ ไม่ใช่แค่ปิญเท่านั้น แต่รวมถึงคนอื่นๆ

แสดงว่าสองแฝดพร้อมจะไปกับใครทุกเมื่อเลยน่ะสิ เห็นมาหลายตอนแล้วถ้าผิงเป็นพ่อหรือแม่คนจริงๆบอกได้เลยว่าแย่มากๆถึงขั้นเลวร้ายเลย

จำได้เลยตอนไปเที่ยวห้าง มีอย่างที่ไหนปล่อยลูกขนาดนั้น ไม่ได้กลัวลูกหายเลยหลอ เซ๊นส์ของความเป็นพ่อแม่ไม่มีเลย

ถ้าจะเลี้ยงแล้วทำแบบนี้ยกให้อิตาปิญไปเลยดีกว่า เราว่าถ้าผิงฉลาดกว่านี้อีกสักนิดก็ไซโค ใส่ลูกไปเลยว่าอิตาปิญเนี่ยมันมาไม่ดี

มันจะมาแยกทำร้ายแม่ หรืออะไรก็ว่ากันไป นี่ไม่ทำ เอาแต่ป้องกันเด็กไว้อย่างเดียว ผิงควรจะเล่นไม้แข็งได้แล้ว ล้างสมองลูกไปเลย

สร้างความเกลียดชังให้ลูกเข้าไปเยอะ แบบให้อิตาปิญเจอหน้าลูกแล้วลูกกลัวร้องไห้ดังๆ หรือเหมือนเห็นผีไปเลย นั่นแหละดี

ไม่ใช่เอาพี่เลี้ยงมาเยอะๆๆๆๆ แบบนี้มันไม่ใช่ ควรจะสร้างภูมิคุ้มกันที่ตัวลูกตัวเองก่อน แล้วอีกอย่างจะปิดไว้ทำไมบอกพ่อแม่น่ะ

บอกไปเลย เค้าจะได้ช่วยกัน กันไม่ให้มันเข้าถึงลูกเรา นี่ก็อมวัดอมโบสถ์อยู่ได้ แถ+ใส่ความแม่งเลยสิ ให้เค้าเกลียดมันกันเข้าไป

**************************************

เราชอบพล็อตเรื่องนี้นะบอกเลย พล็อตสนุก แต่การแก้แค้นในแง่ธุรกิจแล้วโอเค อิตาปิญจิตแบบคนมีปัญหาทางครอบครัว

แต่บอกเลยเรื่องนี้มีส่วนนึงที่ทำให้เราอ่านแล้วบางทีก็เซ็งๆ คือ ตัวขนมผิงน่ะแหละ ความอ่อนหัดของขนมผิงในการเลี้ยงลูก ถือว่าแย่มาก

อย่างที่บอกไปข้างต้น เลี้ยงแบบนี้ เป็นคนจริงๆ ป่านนี้ได้ไปนั่งขอทานแล้ว   คนมันจะเกลียดกันมันควรเอาให้สุดๆ ไม่ใช่มาครึ่งๆกลางๆแบบผิง

แบบนี้มันยักเย่ยักยัน ออกแนวไปทางน่าลำคาญแบบละครหลังข่าว ตอนนี้เราหวังที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

ปล.หากมีคำพูดไหนทำให้ไม่พอใจต้องขอโทษ ณ ที่นี้ด้วย เราติแรงเกินไป แต่เราหวังดีเพื่อต้องการให้ปรับปรุงในทางที่ดีขึ้น ไม่ได้ต้องการติเพื่อทำลายความมั่นใจหรือประการใด เราจะรออ่านผลงานในตอนต่อๆไปและขอเป็นกำลังใจในการพัฒนาฝีมือให้ดียิ่งๆขึ้นไปกว่าเดิม  :3123:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ปิณณ์รู้ความจริงแล้วสิ คราวหน้าก็ต่อย-จูบแล้วเสกเด็กเข้าท้องขนมผิงอีกรอบนะ ๕๕๕  ขนมผิงก็เอาคืนเรื่องธุระกิจ ปิณณ์ก็เอาคืนเรื่องลูกซึ่งทำร้ายจิตใจขนมผิงมากๆเลยนะ จะว่าไปก็แฟร์ๆนะ รอลุ้นว่าจะเป็นยังไงต่อไปคับ
    ตอนใหม่มาเร็วๆนะคับ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
*เฮ้อออออออออออออ*

ถอนใจเพราะเคยเมนท์ไปแล้ว 
งานเปิดตัวประธานบริษัท
งานเลี้ยงอย่างเป็นทางการของบริษัท
ที่ต้องออกบัตรเชิญแขกผู้มีเกียรติมาร่วม
ไม่มีใครพาเด็กไปงาน Social Functions หรอกค่ะ
เพราะว่าไม่สมควรด้วยประการทั้งปวง
ถ้าหากว่าเป็นงานครบรอบอะไรสักอย่างที่บรรยากาศสบายๆโอเคค่ะ
อารมณ์ประมาณพนักงานบริษัทพาครอบครัวมาร่วมได้อะไรแบบนี้
หรือว่าเมืองไทยทำได้?
ภาพพจน์ของบริษัทสำคัญนะคะ

ปิญญ์หน้ามืดตามัวจริงๆ
เป็นเราจะให้คนสืบหารายละเอียดของฝ่ายตรงข้ามตั้งนานแล้ว
นาทีนี้ขนมผิงน่าจะอยู่บนจุดสุดยอดแล้วมั๊ง?
น่าจะสะใจที่เห็นปิญญ์งงๆ
ไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าขนมผิงจะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้
เราอยากรู้ว่าปิญญ์จะแก้เกมส์ยังไง
จะเลเวลอัพความเลวแบบไหน

ชอบภาษาเด็กที่พูดไม่ชัดนะคะ
น่ารักดี เห็นปิญญ์เข้ากับลุกได้ก็ดีค่ะ
เข้าทางแม่ยายดีกว่านะปิญญ์
วุฒิกับแทนทัพก็แสนดี
คุณเลขาท่าจะแกร่งกว่าคุณหมอนะ
ไม่รู้เป็นไงเราจิ้นคู่นี้แล้วอ๊ะ
แทนทัพ - วุฒิ

น่าจะขยายปูมหลังของการเลี้ยงดูของปิญญ์อีก
จะได้เห็นได้กระจ่างขึ้นมาอีกว่าทำไมปิญญ์ถึงเป็นคนนิสัยแย่ๆแบบนี้
เอาให้ปิญญ์เสียทุกอย่างก็ดีนะคะ
แล้วสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง
เมื่อไม่มีทั้งเงินและอำนาจปิญญ์จะเหลืออะไร?

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
เป็นไงล่ะปิญญ์
พอรู้อย่างนี้แล้วจะทำไง
ดูถูกคนดีนัก

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :confuse: อ่านแล้วยังมึนๆ

ปิญญ์รู้เรื่องลูกแล้วหรือยัง หรือจะเอาเรื่องลูกมาข่มขู่ผิงอีก

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
รู้สึกขนมผิงจะหวงลูกเกินไปนะ

คิดให้ดีมันเป็นวิธีที่ถูกหรือเปล่า

ที่ไม่ได้เด็กๆออกไปไหน

สรุปแล้วพระเอกยังไม่ได้ดูผลตรวจดีเอ็นเอ ใช่ไหม

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
ตอนนี้ว่าเลวแล้วยังจะเลวขึ้นอีกเหรอ

ออฟไลน์ Tfsutthirat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องนี้นายเอกแก้แค้นโดนใจมากแต่อย่สแก้แค้นจนทำฝห้ตัวเอง้ปลี่ยนล้ะ รักลูกให้เหมือนเดิมนะ ยอมรับเลยผิงเก่งมากแบบฉลาดอ่ะ ที่อัดเสียงนายปิญไว้ นั่นคือตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเลย ชอบที่ทำให้พระเอกหวั่นได้นี่แหละโดนใจมากๆ แต่ขอเถอะให้ทุกอย่างมันพอดีอย่าให้งล่มเล้ยยยย :katai4:

ออฟไลน์ นางโจร

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกว่าโอเคกับเรื่องและตัวละครนะคะ
จริงๆอ่านไปก็อ่านเอาเพลินๆ ไม่คิดจะใส่ใจรายละเอียดเท่าไร การดำเนินเรื่องช้าไปบ้างแต่พอให้อภัย
ยอมรับว่าเรื่องนี้ก็สนุกดีค่ะ อ่านแล้วเหมือนกับด้านมืดในตัวเราพร้อมจะระเบิดยังไงก็ไม่รู้ ฮ่าๆ
แต่ปัญหาหลักๆของเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกไม่โอเคเลยคือการเลือกใช้ภาษาในการสื่อสารของเด็กแฝด
มันมีตั้งหลายวิธีนะคะที่คนเขียนจะเลือกใช้ในการสื่อให้เห็นถึงความเป็นเด็กไร้เดียงสา
แต่จำเป็นด้วยหรือที่คนเขียนจะหยิบเอาคำพูด(ภาษาพูด)แบบการออกเสียงเพี้ยนๆมาใช้ได้'เยอะ'ขนาดนี้
มันเยอะเกินไปจนจากความน่ารักเริ่มที่จะทำให้เราคิดว่ามันเกินความไร้เดียงสาจนอาจจะถึงขั้น
การเป็นเด็กที่มีพัฒนาการช้า ถ้าเลือกเอามาใช้ให้พอดีๆ แบบมีบ้าง  ออกเสียงเพี้ยนเป็นบางคำ มันก็น่ารักอยู่
แต่ตอนนี้เรารู้สึกว่ามันเยอะไป อ่านแล้วคันยุบยิบเลยอ่านข้ามไปเลยดื้อๆ

ปล. อาจจะทำให้คนเขียนไม่พอใจไปบ้าง จะมองข้ามความเห็นเราไปหรือจะแจ้งลบก็ไม่ว่ากันนะคะ  แต่เราหวังดีกับคุณและตัวเราเอง เราอยากให้นิยายของคุณเป็นนิยายที่น่าประทับใจเรื่องหนึ่งสำหรับเรา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด