❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณทีมใคร????

ทีมปิญญ์ # หล่อเลวแบบนี้ใช่เลย จัดหนักจัดเต็ม
26 (15.3%)
ทีมขนมผิง # แกมาทำร้ายชั้นเรอะ ไม่ยอม ฉันจะเอาคืน
38 (22.4%)
ทีมแฝดลูกหมู # ปล่อยให้พ่อๆไปเคลียกันเอง มุ้งมิ้งกันสองคน
106 (62.4%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 170

ผู้เขียน หัวข้อ: ❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖  (อ่าน 291115 ครั้ง)

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
คิดว่าปิณณ์โดนยิงนี่คุ้มนะ ทำให้ขนมผิงใจอ่อนยวบเลย5555 :hao7:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
สองตอนที่ผ่านมาสะใจมากกกคับ เดหลีเดินหมากผิดตั้งแต่ขู่เอาหุ้นจากปิณณ์แล้ว แทนที่จะไปขู่เอากับขนมผิง 555
งานนี้เดหลีตายแน่ๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
เดหลีน่ะหล่อนเล่นผิดคนแล้ว คุณปินน่ะตัวร้ายนะ ไม่ใช่พระเอก เดี๋ยวหล่อนโดนสวนคืนแน่

แถมผิงเองก็ร้ายนะ พวกหล่อนเตรียมตัวได้เลย

ออฟไลน์ natt teng

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-3
เพิ่งอ่านมาถึงตอนเปิดตัวผิงเป็นประธานคนใหม่ แต่เราว่าปิญเลวแบบนี้ดีแล้ว และไม่อยากให้บริษัทล้มด้วย ล้มไปจะเป็นหัวหน้าครอบครัวได้ไง แพ้เมีย ไม่รู้ยังอ่านไม่ได้ไกลเลยไม่รู้ตอนต่อไปที่เขียนไปแล้วบริษัทเจ๊งไปยัง แต่เลวๆแบบนี้ดี ถ้าตอนจบดูแลครอบครัวและเข้าใจกันได้ อ่านดุก็เอ็นดูลูกจะตาย แต่เพราะเลี้ยงดูมาแบบผิดๆเลยโตเป็นคนแบบนี้ก็ได้ หล่อเลวรวยก็ดีออก ไม่แรงไม่น่ากลัวอาจดูแลบริษัทไม่ได้ก็ได้ ตามพล็อตเป็นแบบนี้นื

ออฟไลน์ natt teng

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-3
ความจริงปิญอาจร้าย ไม่ดี แต่ที่เราอ่านมาถึงตอนไปกินอาหารญี่ปุ่นด้วยกันครั้งแรกครบครอบครัว เรารำคาญผิงมากกว่า บอกตรงๆ ผิญอ่ะไม่เท่าไหร่หรอก

ออฟไลน์ natt teng

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-3
อ่านถึงหน้า 13 ก็อินมั้ง แต่เราเข้าข้างปิญมากกว่าผิงนะ เราว่าผิงงี่เง่ามากกว่า ไม่รู้ไรนักหนา คนที่ทำเรื่องง่ายเป็นเรื่องยากคือผิงแม้ปิญจะเลวและทำร้ายมามากก็เถอะ ไม่ใช่ไรอยากให้ครอบครัวคืนดีกันเร็วๆมากกว่า ทำร้ายกันไปมายังไงก็เจ็บ ลูกก็คือได้ผลกระทบ

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
35 ความรู้สึกที่ถูกเปลี่ยน[ครึ่งแรก]


   หน้าห้องไอซียู ร่างสูงโปร่งนั่งกอดอกเอนตัวพิงพนักพิงเก้าอี้ ใบหน้าก้มลงสัปหงกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เจ้าตัวก็ยังคง
ดันทุรังยืนกรานที่จะนั่งรอถึงแม้ว่าจะถูกเซ้าซี้ให้กลับหลายครั้งแล้วก็ตาม

   “พี่บอกแล้วไงครับ ว่าให้ผิงกลับบ้าน”คุณวุฒิเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าก่อนจะนั่งลงข้างๆ มืออุ่นเอื้อมมาแตะไหล่ของขนม
ผิงเบาๆ

   “ผิง…ยังไม่อยากกลับ”

   “แต่พี่ปิญญ์พ้นขีดอันตรายแล้ว ผิงไม่ต้องห่วงมากหรอกนะ”

   “แต่เขายังอยู่ในไอซียูอยู่เลย”ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

   ก้มหน้าจ้องมองแต่ปลายเท้าของตัวเองไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง เพราะทั้งหมดขนมผิงยอมรับและคิดว่าเป็นความผิดของ
ตัวเอง

   “ตอนนี้แค่ยังอยู่ในระยะเฝ้าดูอาการติดเชื้อ ผิงเองก็เหนื่อยมามากแล้ว พี่ปิญญ์เองก็คงไม่อยากให้ผิงมาลำบากอย่างนี้
หรอกนะ”

   “แต่พี่วุฒิ ผิงอยากอยู่ดูเขา อยากให้ฟื้นขึ้นมา”

   “พี่รู้ แต่ผิงเองก็ควรดูตัวเองบ้าง”คุณวุฒิบอกเสียงเบา พลางจ้องมองต่ำลงไป “ผิงไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะครับ อย่าลืม”

   นั่นสินะ เขาเองก็ไม่ได้ตัวคนเดียว หากคนที่รับกระสุนเป็นเขา เขาคงจะต้องสูญเสียลูกในท้องไป ปิญญ์ชานนท์คงคิดอย่าง
นั้นตั้งแต่แรก ถึงได้เอาตัวเองมารับกระสุนแทนเขาแบบนี้

   “ก็ได้ ผิงจะกลับ”

   ขนมผิงพยักหน้ารับ ถึงอยู่ไปก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่ภาวนาให้ปิญญ์ชานนท์อย่าเป็นอะไรไปก็แค่นั้น





   “นี่เธอยังไม่กลับบ้านไปอีกเรอะ”อาทิตย์ถามเมื่อกลับมาอีกครั้งในช่วงสายของอีกวัน นัยน์ตาของคนสูงวัยจับจ้องร่างสูง
โปร่งในสภาพเหนื่อยล้าเบื้องหน้า

   “ผิงกำลังจะกลับครับคุณลุง กำลังจะโทรให้คนที่บ้านมารับกลับอยู่พอดีน่ะครับ”คุณวุฒิตอบแทน

   “งั้นหรอกเหรอ    เอาอย่างนี้ซิ เดี๋ยวฉันเป็นคนไปส่งเอง ไม่ต้องโทรให้คนขับรถมารับหรอก กว่าจะมาถึงกว่าจะไปก็อีก
นาน ฉันเองก็มีอะไรจะคุยกับเธอด้วย”อาทิตย์บอกหลานชาย

   “แต่ว่า…ผิงเขา”คุณวุฒิรู้ดีว่าขนมผิงรู้สึกยังไงกับลุงของตนเอง คนที่ทำให้ชื่อเสียงของครอบครัวเคยแปดเปื้อนมาก่อน

   “ไม่เป็นไร ผมกลับกับคุณก็ได้”ขนมผิงพยักหน้า ตอบเสียงเบา ดวงตาสีโศกดูหม่นแสงจ้องมองใบหน้าของชายสูงวัยแน่
นิ่ง



   --------------------------------------------------------------------------



   “เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”อาทิตย์เป็นฝ่ายเปิดปากชวนคุยก่อน

   “ครับ”ขนมผิงตอบรับเสียงเบา

   “เธอรู้ไหมว่าครั้งแรกที่ฉันรู้ว่าลูกชายถูกยิงฉันรู้สึกตกใจมากเลยล่ะ แต่พอยิ่งรู้ว่าลูกชายฉันอยู่กับเธอฉันยิ่งเป็นกังวลมาก
ขึ้นไปอีก พอเห็นว่าเธอไม่เป็นอะไรฉันก็สบายใจ”

   “เขาเป็นคนรับลูกกระสุนแทนผม”บอกความจริงด้วยน้ำเสียงเจือไปด้วยความรู้สึกผิด

   “เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว และฉันก็คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ลูกชายของฉันควรจะทำ”

   “ไม่ครับ เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น”ไม่จำเป็นที่ปิญญ์ชานนท์จะต้องมารับกระสุนแทนเขา ขนมผิงคิดเพียงอย่างนั้น

   “สำหรับลูกชายของฉันเธอกับลูกคือครอบครัว มันต้องจำเป็นอย่างแน่นอนที่เขาจะปกป้องเธอและลูกเอาไว้”ชายสูงวัยตอบ เขาจ้องมองไปยังถนนเบื้องหน้า

   เมื่อประโยคที่เอ่ยออกไปนั้นจบลง ภายในรถมีเพียงความเงียบงันที่เข้ามาปรกคลุม รถค่อยๆแล่นไปบนท้องถนนเรื่อยๆ
ผ่านเข้ามาในตัวเมืองที่รถเริ่มติดขัด



   

   “ฉันรู้ว่าเธออาจจะยังโกรธเกลียดพวกเราอยู่มาก แต่ทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นเพราะความใจแคบของฉันเองที่ทำให้ทั้งหมดมัน
เป็นแบบนี้ ฉันแค่อยากจะบอกเธอว่าลูกชายของฉันเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายจิตใจของเธอ แต่เป็นเพราะฉันที่ปลูกฝังให้เขาเป็น
แบบนั้น ถ้าหากเธอคิดจะโกรธเกลียดเขาล่ะก็ ฉันอยากให้เธอเอาความรู้สึกทั้งหมดนั้นมาลงที่ฉันมากกว่าที่จะไปโกรธเกลียด
เขา”

   “ผม…”

   “นายปิญญ์เขาเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก เขามีแค่ฉันคนเดียวที่เป็นครอบครัว แต่ฉันก็เอาแต่ทำงานหนักเพื่อหาเงินให้กับพวก
เรา  ปลูกฝังให้เขาทำแค่ในสิ่งที่จะได้รับผลประโยชน์ ปลูกฝังให้เขาเห็นแก่ตัวกับคนรอบข้าง มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้
อภัยของตัวฉันเอง เพราะฉะนั้นฉันอยากจะขอร้องเธอให้เธอช่วยยกโทษให้เขาหน่อยจะได้ไหม”

   อาทิตย์ขอร้องด้วยความจริงใจ นัยน์ตาของชายสูงวัยจ้องมองเสี้ยวหน้าคมนิ่ง ขนมผิงนิ่งไปชั่วขณะกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะ
กลืนก้อนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยกลำบาก

   “อันที่จริง….ผม”

   จริงอยู่ที่เขาเกลียดอาทิตย์และปิญญ์ชานนท์มากจนแทบไม่อยากที่จะเหยียบย่ำอยู่บนโลกใบเดียวกัน

   หากแต่นั่นมันเป็นเรื่องราวของอดีตที่เขาเองก็ทำใจลืมมันไปได้สักพักแล้ว เพราะว่าทุกอย่างมันได้ถูกแก้ไขใหม่ทั้งหมด
ศักดิ์ศรีของครอบครัวของเขาได้ถูกกู้กลับคืนมา หลงเหลือก็เพียงแต่ทิฐิที่เขามีต่อปิญญ์ชานนท์

   “ผม…ลืมเรื่องพวกนั้นไปหมดแล้วล่ะ”ตอบเสียงแผ่วเบา “ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนั้นแล้ว”

   “อย่างนั้นเหรอ”อาทิตย์จ้องขนมผิงราวกับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น ความจริงแล้วเขาเพิ่งจะเคยเห็นขนมผิงใกล้ๆก็วันนี้
ใบหน้าสะอาดสะอ้านที่ถึงแม้จะดูเหนื่อยล้าและมีความเศร้าแสดงออกมาผ่านสีหน้านั้น แต่โดยรวมแล้วก็ยังคงถึงความอ่อนโยนที่
ได้มาจากผู้เป็นแม่ไม่ผิดเพี้ยน

   พอจ้องมองเข้าไปในตาคู่นั้น มันกำลังแสดงออกว่าสิ่งที่ขนมผิงพูดนั้นมันออกมาจากใจจริง อาทิตย์ผุดยิ้มขึ้นมาอย่างโล่ง
ใจ ตอนนี้ก็เพียงภาวนาให้ลูกชายอย่าได้เป็นอะไรไปมากกว่านี้เลย



   บรรยากาศภายในรถถูกดึงเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ในขณะที่รถบนถนนเริ่มติดขัด

   “เด็กๆดูฉลาดมาก ฉันคิดว่านั่นคงได้มาจากเธอ”อาทิตย์เป็นฝ่ายชวนคุยอีกครั้ง

   “ไม่หรอกกครับ เด็กๆฉลาดเหมือนกับเขามากกว่า”ขนมผิงส่ายหน้า เพราะเด็กๆจะชอบต่อรองเวลาที่ต้องการอะไร เหมือ
นกับปิญญ์ชานนท์ไม่มีผิด

   “อย่างนั้นเรอะ ฉันคิดว่าเด็กๆได้ลูกชายฉันแค่หน้าตาเสียอีก”อาทิตย์หัวเราะในลำคอ “แล้วคนที่อยู่ในท้องของเธอล่ะ รู้
หรือยังว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย”

   “คุณรู้เหรอครับ”หันมามองหน้าอาทิตย์ด้วยสีหน้าแปลกใจ “ผมยังไม่รู้เลยครับว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย อายุครรภ์ยังไม่เยอพอที่

จะเห็นเพศของเด็ก”

   “งั้นหรอกเหรอ ฉันเองก็แทบจะรอลุ้นไม่ไหวแล้วว่าครั้งนี้จะได้หลานผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าครั้งนี้ได้แฝดอีกก็คงจะดีสินะ”

   “ไม่หรอกครับ”ขนมผิงส่ายหน้า “ผมไม่อยากให้เป็นแฝด”

   “ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ”

   “เพราะผมกลัวว่าพวกเขาจะไม่ยอมแยกออกจากกัน”เหมือนกับที่เขากับพี่สาวเคยเป็น ทำให้คนหนึ่งรอดด้วยการที่ต้อง
ยอมสูญเสียอีกคนหนึ่ง

   ขนมผิงยอมรับว่าครั้งที่แล้วเป็นกังวลอยู่มากว่าปลากริมและสลิ่มจะไม่ยอมแยกจากกัน แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วย
ดี

   “ฉันเองก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องพวกนี้หรอกนะ แต่คิดว่าทุกอย่างมันจะต้องผ่านไปด้วยดี เธออย่าเป็นกังวลไปเลย”อาทิตย์ให้
กำลังใจ “เธอรู้ไหมว่าก่อนหน้านี้ลูกชายของฉันเขาแพ้ท้องแทนเธอน่ะ”

   “แพ้ท้องเหรอครับ?”ขนมผิงถามด้วยความแปลกใจ

   “ใช่ ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าตลกมากเลยล่ะ ที่คนเย็นชาอย่างเขาจะมาแพ้ท้องแทนเธอแบบนี้ ช่วงนั้นฉันไม่เป็นอันได้กิน
อะไรอร่อยๆเลยล่ะนะ”

   “งั้นเหรอครับ”

   ความจริงแล้วเขาก็เคยได้ยินอยู่เกี่ยวกับอาการแพ้ท้องแทนกัน แต่ว่าที่ได้ยินมาอาการนั้นจะเกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่รักกัน
มากเท่านั้น พอนึกย้อนไป มีช่วงหนึ่งที่เคยเห็นว่าอีกฝ่ายเหม็นกลิ่นอาหารเหมือนกับเขา มันก็คงจะเป็นอย่างที่อาทิตย์บอกจริงๆ
ว่าปิญญ์ชานนท์แพ้ท้องแทน แต่มันจะจริงที่ว่ารึเปล่าที่ว่าคนรักกันเท่านั้นที่จะแพ้ท้องแทนกัน



   “กลับบ้านไปพักผ่อนล่ะ ลูกชายฉันตื่นมาคงจะดีใจที่เห็นนายปลอดภัยดี”อาทิตย์บอกพลางส่งยิ้ม

   เมื่อรถขับมาจอดเทียบหน้าประตูบ้านมณีรัตน์ ขนมผิงยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาอีกฝ่าย ยอมรับว่านี่เป็นการคุยกัน
ครั้งแรกของเขากับอาทิตย์ และมันก็ไม่ได้อึดอัดอย่างที่คิดเอาไว้ กลับกันความรู้สึกบางอย่างที่สัมผัสได้นั้นมันค่อนข้างที่จะ
คล้ายความเป็นครอบครัว

   “ขอบคุณที่มาส่งครับ”



   -----------------------------------------------------------------------------------



   “แกเป็นอะไรไป ปกติแกไม่เคยอยู่ติดบ้านนี่ จู่ๆทำไมถึงเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหนบ้างล่ะ”

   “กะ ก็ไม่มีอะไรนี่คะ ดะ เดหลีแค่อยากพักผ่อนอยู่กับบ้าน ไม่มีอะไรนี่คะ เดหลีไม่มีอะไรจริงๆ”หญิงสาวตอบเสียงขาดหาบ
ดวงตากลมไร้เครื่องสำอางหลุกหลิกไปมา

   “แน่ใจนะ ช่วงนี้แกไม่มีงานถ่ายแบบถ่ายโฆษณาเลยรึไง แต่ช่างเถอะถ้าแกไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ฉันว่าจะออกไปพบท่าน
รัฐมนตรีข้างนอกสักหน่อย”

   “คะ ค่ะ”เดหลีพยักหน้ารับเร็วๆ

   บิดาของเธอจ้องมองที่เธอเหมือนจับสังเกตได้ถึงความผิดปกติ แต่ก็ถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องของเธอไปอย่างไม่
ใส่ใจ



   เดหลีก้มมองมืออันสั่นเทาของตัวเองเธอทำลงไปแล้วจริงๆ ออกคำสั่งให้คนไปฆ่าขนมผิงอย่างเลือดเย็น แต่จะเป็นอะไร
ไป ในเมื่อมันสมควรแล้วนี่ที่สองคนนั้นต้องตาย เป็นเพราะว่าพวกมันรวมหัวกันทั้งนั้น เธอถึงต้องจัดการทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้
เธอพยายามบอกตัวเองเป็นร้อยพันรอบว่าเธอไม่ผิด

   พวกนั้นต่างหากที่ผิด พวกนั้นสมควรตายอยู่แล้ว พวกน่ารังเกียจน่าขยะแขยงพวกนั้น

   เดหลีจับจ้องมองแฟรชไดร์สีขาวอันเล็กในมืออีกครั้ง มือของเธอกำลังสั่น ฟันคมกันริมฝีปากตัวเองจนห้อเลือด

   “มันสมควรแล้ว ตายไปซะได้ก็ดี น่าขยะแขยง”

   เธอพูดวกไปวนมากับตัวเอง ข้อมูลที่อยู่ในนั้นเป็นข้อมูลที่เธอไม่เคยรู้เลยสักนิด ข้อมูลเกี่ยวกับการฟอกเงินโดยมีผู้สมรู้
ร่วมคิดเป็นนักการเมืองและคนดังมากมาย

   ที่ผ่านมาเธอไม่เคยรู้เลยสักนิดว่ามือของพ่อเธอผ่านอะไรมามากมายแค่ไหน ไม่รู้เลยว่ามือคู่นั้นที่เลี้ยงเธอมาจะสกปรก แต่
ไม่เป็นไร เพราะทุกอย่างเธอได้จัดการด้วยตัวของเธอเองแล้ว

   เธอกำจัดปิญญ์ชานนท์ให้พ้นทางไปแล้ว ต่อไปนี้ก็ไม่มีใครหน้าไหนมาทำร้ายเธอกับพ่อได้อีกแล้ว ไม่มีทาง

   คิดดังนั้นรอยยิ้มอันน่ากลัวก็แสยะขึ้นมาราวกับคนโรคจิต ใบหน้าสวยไร้เครื่องสำอางไม่เหมือนอย่างเคยจ้องมองตัวเอง
ผ่านกระจกเงา ความสวยงามที่ทำให้ใครต่อใครต่างก็ออกปากชม และหลงในรูปลักษณ์ของเธอ เว้นก็แต่อย่างปิญญ์ชานนท์และ
ขนมผิงนั่นเท่านั้น ทั้งสองคนต่างก็พากันถอนหมั้นเธอ ทำราวกับต้องการที่จะมองผ่านรูปลักษณ์อันเลอค่าของเธอไป และนั่นมัน
เป็นสิ่งที่ไม่น่าให้อภัย พวกขยะพวกนั้นหายไปจากโลกซะได้ก็ดี

   



   ---------------------------------------------------------------------------

[ครึ่งแรก]

รอบนี้มาลงไว ยังไงก็อย่าเพิ่งหนีกันเนอะ คนอ่านที่นี่ร่อยหรอเหลือเกิน หรือว่าหนีไปอ่านที่ธัญวลัยน้อ :mew1:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 08:11:08 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ natt teng

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-3
ขอให้คืนดีกันเร็วๆ จะได้เป็นครอบครัวสุขสันต์ แฝดอีกครั้งก็ดีนะ บ้านจะได้ครึกครัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ถ้าปิณณ์ตื่นมาได้ยินที่ผองพูดคงฟินใช่น้อย :hao3:

ออฟไลน์ goldentime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ใกล้กลับมาคืนนดีกันแล้วสินะ รอรอรอรอนะคะ :impress2:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ใกล้จะได้เป็นครอบครัวสุขสันต์ละ

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ความรู้สึกของผิงเริ่มเปลี่ยนแล้วว จะได้มีความสุขเสียทีนะ

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
35 [ครึ่งหลัง]


หลังจากที่ได้ข่าวว่าปิญญ์ชานนท์ได้ออกมาจากห้องไอซียูแล้วและได้ส่งตัวมาพักฟื้นที่โรงพยาบาลเดียวกับที่คุณวุฒิประจำอยู่
ความหนักใจที่มีอยู่ในอกส่วนหนึ่งมันก็หายไป แต่ถึงอย่างคำบอกกล่าวที่ว่าปิญญ์ชานนท์ยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมานั้นยังคงส่งผลต่อ
จิตใจของเขาอยู่

   “ทำไมมาแต่เช้าเลยล่ะครับ พี่บอกแล้วไงว่าให้ผิงพักผ่อน”คุณุฒิพูดเชิงตำหนิเมื่อเช้าวันรุ่นขึ้นหลังจากเข้าเวรได้ไม่กี่
ชั่วโมงและหลังจากที่ปิญญ์ชานนท์ถูกส่งตัวมาพักฟื้นที่นี่กลางดึกของพี่คืนขนมผิงก็ปรากฏตัวทั้งที่ใบหน้ายังคงแสดงออกถึง
ความหมองเศร้าและไม่สดชื่นเอาซะเลย

   “ผิงนอนไม่ค่อยหลับ แต่ว่าผิงพักผ่อนมากพอแล้วล่ะ”ขนมผิงส่ายหน้า

   “พี่คงจะห้ามไม่ได้สินะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ตอนนี้พยาบาลส่วนตัวที่ติดต่อเอาไว้ก็ยังไม่มา งั้นพี่ฝากผิงไว้ด้วยแล้วกัน เดี๋ยว
พี่ต้องไปเข้าตรวจคนไข้ต่อ หมดเวลาพักของพี่แล้ว แล้วเจอกันนะครับ”คุณวุฒิยิ้มออกมาเมื่อพูดจบก่อนจะเอื้อมมือมาแตะไหล่
ขนมผิงเบาๆ

   “ถ้างั้น ผมขอถามอะไรพี่วุฒิสักอย่างจะได้ไหม”

   “ถามอะไรเหรอครับ”

   “ผมพาพวกเขาเข้าไปในห้องนั้นได้รึเปล่า”

   พูดจบก็ดันเจ้าสองตัวแสบที่หลบอยู่ข้างหลังอย่างสงบเสงี่ยมโชว์ตัวออกมา ที่สงบเสงี่ยมไม่พูดไม่จาไม่ใช่ว่าเพราะอะไร
แต่เพราะว่าถูกกำชับก่อนหน้าที่จะเข้ามานักหนาว่าห้ามพูดเสียงดังห้ามวิ่งเล่นไม่เช่นนั้นจะถูกจับไปฉีดยา แล้วผลก็เป็นอย่างที่
เห็น ยืนหลบหลังขนมผิงกันอย่างสงบเสงี่ยม มีแค่เพียงรอยยิ้มทะเล้นโชว์เหงือกสีสดเท่านั้นที่ยังคงบ่งบอกถึงความสดใสของ
เด็กๆเช่นเคย

   “สวัสดีคุณลุงก่อนครับ”

   “สวัสดีฮะคุณลุงหมอ”

   “สวัสดีฮะคุณลุงหมอ”

   “มาด้วยเหรอ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน โตขึ้นตั้งเยอะแน่”คุณหมอใจดีส่งยิ้มให้เด็กๆ ย่อตัวลงนั่งเสมอกับเจ้าสองแฝดก่อนจะ
ยกมีขยี้หัวคนละทีด้วยความเอ็นดู


   “ทำไมคุณลุงหมอไม่ไปหากริมกับน้องหลิ่มเลยล่ะฮะ”ปลากริมเอียงคอถาม

   “เป็นคุณหมอก็ต้องอยู่รักษาคนไข้ไงครับ ว่าแต่มาทำอะไรกันหืม?”

   “มาเยี่ยมพ่อปินฮะ/มาเยี่ยมพ่อปินฮะ”ตอบเป็นเสียงเดียวพร้อมกันทันที

   “พ่อปินไม่สบาย กริมอยากให้พ่อปินหายไวไว”

   “หลิ่มก็อยากให้หายไวไวเหมือนกันฮะ”สองแฝดผลัดกันพูด

   “ลุงหมอก็อยากให้พ่อปิญญ์ของพวกเราหายไวไวเหมือนกัน”คุณวุฒิยิ้ม ดูเหมือนเด็กๆจะเรียกปิญญ์ชานนท์ว่าพ่อโดยที่ยัง
ไม่รู้สินะว่าปิญญ์ชานนท์เป็นพ่อจริงๆ คงจะเรียกเพราะแค่อยากเรียกและถูกบอกให้เรียกแบบนั้น

   “เอาเป็นว่าพี่ไปเข้าห้องตรวจก่อนนะครับ แล้วก็ดูให้เด็กๆอย่าจับอะไร แล้วก็ให้ล้างมือหลังเยี่ยมเสร็จ มีอะไรเรียกพี่
ล่ะ”คุณวุฒิกำชับ “บางทีการที่ผิงมา พี่ปิญญ์อาจจะยอมตื่นขึ้นมาก็ได้นะ”พูดอย่างมีเลศนัยน์ ส่งยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดิน
หายไป

   ขนมผิงเปิดประตูเข้าไปในห้องผู้ป่วย ร่างสูงใหญ่ของปิญญ์ชานนท์ยังคงนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง สายน้ำเกลือถูก
ต่อห้อยระโยงรยางค์ เสียงเครื่องวัดชิพจรดังขึ้นเป็นระยะบ่งบอกถึงชีพจรที่คงที่ของผู้ป่วย

   “ปะป๊าว่าพ่อปินจะเจ็บไหมฮะ”ปลากริมกระตุกชายเสื้อเงยหน้าขึ้นมาถาม

   “เจ็บสิ เจ็บมากเลยล่ะ”ขนมผิงพยักหน้าตอบเสียงเบา

   “แล้วปะป๊าจะตื่นมาคุยกับพวกเราไหมฮะ”สลิ่มเงยถามบ้าง

   เด็กแฝดร่างจ้ำม่ำทั้งสองคนชะเง้อมองร่างแน่นิ่งของพ่อตัวองบนเตียงผู้ป่วย คิ้วเล็กๆของทั้งคู่ขมวดมุ่นเมื่อปิญญ์ชานนท์
ไม่ยอมตื่นขึ้นมาคุยหรือเล่นด้วยเหมือนครั้งก่อนๆ

   “พ่อ….”ขนมผิงพูดเสียงแผ่ว กลิ่นน้ำลายก้อนเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก ถอนหายใจเล็กน้อยราวกับต้องการที่จะ
ละทิ้งความลำบากใจออกไป “พ่อเขาไม่สบายมากน่ะ แต่อีกเดี๋ยวก็คงจะตื่นนะครับ ไม่ต้อห่วง”เพราะเขาเชื่อว่าอีกฝ่ายต้องตื่นขึ้น
มา ปิญญ์ชานนท์ต้องตื่นขึ้นมาเอาคำตอบของเขาที่เขาค้างเอาไว้

   “ฮะ/ฮะ”

   สองแฝดตอบรับ ฉีกยิ้มใสซื่อทั้งที่ไม่รู้อะไรเด็กยืนเกาะขอบเตียงจ้องมองปิญญ์ชานนท์นิ่งอย่างที่ถูกสั่งเอาไว้ รอคอยว่า
เมื่อไรจะตื่นขึ้นมาเล่นกัน

   ใบหน้าของปิญญ์ชานนท์ในตอนนี้ดูดีกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกัน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงซีดเซียวและไร้ชีวิตชีวาเหมือนเดิม
ริมฝีปากหยักของปิญญ์ชานนท์แห้งผากจนลอกเป็นขุย

   เห็นดังนั้นขนมผิงจึงเปิดกระเป๋าสัมภาระของเด็กๆหยิบเอาลิปมันแท่งสีขาวออกมา ก่อนจะบรรจงทาลงใบบนริมฝีปากนั้น
อย่างเบามือ

   ริมฝีปากที่พูดคำว่ารักออกมาในครั้งสุดท้ายที่อีกฝ่ายยังได้สติ บอกให้เขาหยุดอยู่กับที่เพื่อรอคอยให้อีกฝ่ายเดินตามมา
และมาหยุดอยู่เคียงข้าง ก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระจากลมปากที่เชื่อไม่ได้ของปิญญ์ชานนท์

   แต่ตอนนี้เขาเชื่อแล้ว และเชื่ออย่างสนิทใจจากการกระทำของปิญญ์ชานนท์ที่เอาแต่วิ่งไล่ตามและปกป้องเขากับลูกเอาไว้
จากอันตรายจนตัวเองต้องรับผลของการกระทำนั้นแทน

   ขนมผิงมองดูมือเล็กๆของเด็กๆเอื้อมขึ้นมาแล้วดึงมือของปิญญ์ชานนท์ไปจับเอาไว้ ถ้าหากเขารู้ตัวและหยุดที่จะวิ่งหนีอีก
ฝ่ายก่อนหน้านี้ เรื่องทุกอย่างก็คงจะไม่จบอย่างนี้ จบที่เขายังคงทำให้คนรอบตัวต้องเจ็บอยู่เหมือนเคย



   --------------------------------------------------------------------------



   ‘ขนมผิง’ชายหนุ่มเรียกอีกฝ่ายเอาไว้เมื่อมองเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยอยู่ใกล้แค่เอื้อม

   ‘มีธุระอะไรกับผม’ขนมผิงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา ดวงตาคู่สีโศกจ้องมองมาที่เข้าด้วยแววตาอันนิ่งเฉย

   ‘ทำไมนายถึงพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงนั้นล่ะ’ตอบกลับด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

   ‘ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องพูดดีกับคุณ’   

   ‘ทำไมกันล่ะ ทำไมนายถึงต้องพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงแบบนั้น มองฉันด้วยสายตาแบบนั้น นายคิดจะดูถูกฉันรึไง’

   ‘ก็แล้วทำไมล่ะ ในเมื่อคุณเองก็เคยทำแบบนี้กับผมเหมือนกัน’

   ‘แต่ฉันก็ขอโทษนายไปแล้วไม่ใช่รึไง’

   ‘คุณคิดว่าแค่คำขอโทษมันจะพอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำเอาไว้กับผมและลูกรึไง’

   ‘แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง ถ้าฉันไม่ทำอย่างนั้น นายก็คงจะหนีฉันไป ฉันยอมไม่ได้หรอกนะที่จะปล่อยให้นายไปเป็นของ
คนอื่นโดยที่คนคนนั้นไม่ใช่ฉัน’

   ‘คุณไม่มีสิทธิที่จะมาตัดสินในสิ่งที่ผมเลือก จำเอาไว้’เสียงที่ตอบกลับอย่างเย็นชานั้นดังก้องไปทั่ว

   ขนมผิงหันหลังกลับไปอีกครั้ง ค่อยๆเดินทิ้งห่างออกไปทีละก้าว

   ‘นายจะมาเดินหันหลังให้ฉันอย่างนี้ไม่ได้นะ อย่ามาเดินหันหลังให้ฉันแบบนี้!!’ตะโกกนออกไปเสียงดังก้อง ฉุดแขนของ
ขนมผิงเอาไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมกอด กอดรัดขนมผิงเอาไว้อย่างนั้น เพราะกลัวว่าขนมผิงจะหนีหายไปในความมืดที่อยู่เบื้อง
หน้า

   ‘ปล่อยผม’

   ‘ฉันไม่ปล่อย นายเป็นเมียของฉัน ฉันไม่มีวันจะปล่อยนายไปกับคนอื่นแน่’

   ‘หึ คุณเอาแต่พูดว่าผมเป็นเมียของคุณ คุณลองถามตัวเองบ้างสิ ว่าคุณเคยทำอะไรให้ผมในฐานะที่คุณเอาแต่ยกมาอ้า
งบ้างรึเปล่าล่ะ’

   ‘ฉัน’

   ‘ตอบไม่ได้ล่ะสิ ถ้าคุณหาคำตอบให้กับผมไม่ได้ล่ะก็ คุณหยุดอยู่กับที่ตรงนี้ซะดีกว่า เลิกเดินตามผมสักที ปล่อยให้ผมได้
เดินไปตามทางของตัวเอง’ร่างในอ้อมกอดพูดขึ้น จู่ๆก็รู้สึกว่าเรี่ยวแรงที่กอดรัดขนมผิงเอาไว้เริ่มน้อยลง จนอีกฝ่ายจวนเจียนจะ
หลุดออกไปจากอ้อมแขนนี้เต็มที

   ‘แล้วทำไมนายถึงไม่หยุดอยู่กับฉันด้วยกันตรงนี้ล่ะ หยุดเดินหนีฉันสักที’

   ‘ทำไมต้องเป็นผมด้วยที่เป็นฝ่ายหยุด ทั้งที่คุณเอาแต่คอยไล่ตามให้ผมต้องคอยหนี’

   ‘นั่นก็เป็นเพราะฉัน…ฉันรักนายยังไงล่ะ ฉันถึงได้คอยตามนายไปทุกฝีก้าวอย่างนี้’สารภาพออกไป พลางจ้องมองดูว่าขนม
ผิงจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับคำตอบของเขา ทว่าใบหน้าของขนมผิงนั้นกลับแสดงออกมาถึงความดูถูกและเหยียดหยามส่งมาให้
เขา ริมฝีปากได้รูเหยียดยิ้มเย้ยหยันในสิ่งที่เขาพูดออกไป

   ‘คุณจะให้ผมเชื่อคำว่ารักที่ออกมาจากปากที่คอยเอาแต่พ่นคำพูดดูถูกผมรึไงกัน คุณคิดว่าผมโง่รึไง’

   ‘นายไม่เชื่อที่ฉันพูดเหรอขนมผิง’

   ‘ใช่ ผมไม่เชื่อ’   

   ‘จะต้องให้ฉันทำยังไงนายถึงจะเชื่อฉันล่ะ’

   ‘คุณกล้าตายแทนผมกับลูกไหมล่ะ เมื่อไรที่คุณกล้าตายแทนผมกับลูก เมื่อนั้นผมถึงจะยอมเชื่อคุณ’

   ‘นายไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม’ทันที่ที่ถามออกไป ร่างในอ้อมกอดก็หลุดออก แผ่นหลังของขนมผิงค่อยๆเคลื่อนห่างออกไป
ทุกที

   แทนที่ด้วยเงาดำมืดของร่างสูงใหญ่ราวกับปีศาจ ถือกระบอกปืนสีดำสนิทจ่อมาที่เขา เขามองเห็นลูกกระสุนลอยออกมา
จากปลายกระบอกปืนนั้นช้าๆราวกับเวลาแต่ละวินาทีนั้นถูกยืดออกไปให้นานแสนนาน

   ในที่สุดกระสุดนัดนั้นก็ทะลุเข้ามาที่ช่วงท้องของเขา ความเจ็บปวดทำให้เรี่ยวแรงที่มีอยู่ของเขาหายไปในพริบตา ชาย
หนุ่มทรุดนั่งลงบนพื้นสีดำสนิท เลือดที่แดงสดค่อยๆไหลทะลักออกมาจากช่วงท้อง

   



   “แค่ก แค่ก แค่ก”เสียงไปออกมาแห้งๆดึงความสนใจให้คนที่เข้ามาในช่วงพักจากการเข้าเวรหันไปมองด้วยความตกใจ

   คุณวุฒิรีบกดปุ่มเรียกพยาบาลให้ตามหมอเจ้าของไข้ทันทีก่อนจะหันไปสนใจพี่ชายตัวเองแล้วหยิบแก้มน้ำใกล้มือยืนให้

   “พี่ปิญญ์ ฟื้นแล้วเหรอครับ”

   “น้ำ ขอน้ำหน่อย”ร้องขอเมื่อลำคอรู้สึกแห้งผาก

   “ค่อยๆดื่มครับ”

   “เจ็บจัง ทำไมถึงเจ็บล่ะ”ถามเสียงแหบก้มลงไปมองช่วงลำตัวของตัวเอง

   ร่างกายมันรู้สึกเมื่อยล้าและปวดไปทั้งตัวจนแทบทนไม่ไหว เปลือกตามันรู้สึกหนังอึ้งเหมือนจะปิดลงมาอีกครั้ง

   “จะไม่ได้เหรอครับว่าถูกยิง”

   “ฉันถูกยิงเหรอ”นั่นมันไม่ใช่แค่ความฝันรึไงกัน ปิญญ์ชานนท์ขมวดคิ้ว

   ลองทบทวนความทรงจำตัวเองดู ใช่แล้ว ครั้งสุดท้ายที่จำความได้ก็คือ เขากำลังอยู่กับขนมผิง ก่อนที่จะเอาตัวเองไปรับ
กระสุนแทนอีกฝ่าย มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝันสินะ

   “ทั้งๆที่ศีรษะก็ไม่ได้กระทบกระเทือน แต่ทำไมถึงได้หลับไปเกือบสองวันอย่างนี้ล่ะครับ พาเอาคนอื่นเขาเป็นห่วงกันไป
หมด อวัยวะภายในที่สำคัญก็ไม่ได้โดนอะไร”คุณวุฒิส่ายหน้านัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นจ้องมองพี่ชายคล้ายจะตำหนิ

   “แล้วขนมผิงล่ะ เป็นอะไรไหม บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

   “หัดฟังที่คนอื่นเข้าพูดเกี่ยวกับอาการตัวเองบ้างสิครับ”

   “ขนมผิงเขาไม่ได้มาเยี่ยมฉันเลยใช่ไหม”นอกจากจะไม่ฟังแล้ว ปิญญ์ชานนท์ยังถอนหายใจออกมา พูดด้วยน้ำเสียงแหบ
แห้งอย่างตัดพ้อเอาเอง

   “เขาไม่ได้มาหรอกครับ แต่ไม่ได้กลับไปเลยต่างหาก ผมก็เลยไล่กลับไปตั้งแต่เมื่อวาน เพราะไม่งั้นลูกในท้องคงจะลำบาก
แย่ที่มีพ่อที่แค่ถูกยิงนิดหน่อยแต่กลับทำเหมือนกับอาการโคม่าเป็นเจ้าชายนิทราให้คนอื่นเขาทุกข์ใจเล่น”

   “กลับไปแล้วงั้นเหรอ”จู่ๆก็ยิ้มออกมา ไม่ได้สนใจที่ถูกกระแนะกระแหนเหมือนเดิม สนใจแค่ว่าขนมผิงเป็นห่วงเขาแล้วเฝ้า
ไม่ยอมห่างแค่นั้น จะว่าไปแล้วก็อดไม่พอใจอยู่บ้างที่ขนมผิงเฝ้าเขาจนเผลอละเลยตัวเองกับลูกในท้อง

   “แล้วจะมาอีกไหม”

   “ใครจะไปรู้ล่ะครับ ตอนนี้พี่ปิญญ์แค่รอหมอเจ้าของไข้มาตรวจก็พอ ถ้าผิงอยากจะมาเขาก็มาเองล่ะครับ”

   “นายคงไม่ได้อิจฉาฉันอยู่ใช่ไหม”ปิญญ์ชานนท์ปรายตามองน้องชายอย่างจ้องจับผิด

   “ทำไมผมต้องอิจฉาคนที่ถูกยิ่งล่ะ ถ้าจะมีเรื่องให้อิจฉาก็คงจะเป็นเรื่องเด็กแฝดที่น่ารักสองคนกับเด็กที่อยู่ในท้องกำลังจะ
ลืมตาขึ้นมาดูโลกก็แค่นั้นครับ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”คุณวุฒิยืนยันความบริสุทธิ์ใจกับพี่ชายตัวเอง

   “งั้นก็แล้วไป”ปิญญ์ชานนท์บอกเสียงเรียบ “แล้วฉันจะกินอะไรได้รึยัง ตอนนี้รู้สึกว่าหิวมากจนไส้จะขาดเลยล่ะ”


   “ต้องรอหมอเจ้าของไข้ครับ”คุณวุฒิส่ายหน้าอีกครั้งพอฟื้นขึ้นมาก็ยังไม่เลิกนิสัยเดิม ทั้งเอาแต่ใจ ขี้หวง และเผด็จการ ไม่
แปลกใจเลยว่าทำไมขนมผิงถึงได้เอาแต่หนีพี่ชายของตัวเอง





   

   “หมอตรวจเสร็จแล้ว ผมเองก็ต้องเข้าห้องตรวจ อยู่คนเดียวไปก่อนนะครับ เดี๋ยวพยาบาลคงจะเอาอาหารมาให้”

   “อืม”พยักหน้ารับพอนานๆเข้าก็เริ่มที่จะชินกับความเจ็บที่แผลที่ถูกยิงบ้างแล้ว

   “งั้นผมไปก่อนนะครับ”คุณวุฒิบอกเป็นครั้งสุดท้าย

   ทว่าก่อนจะก้าวขาออกไปจากห้อง ก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยกำลังพูดปรามเด็กๆดังมาจากข้างนอก จึงหันไปบอกกับพี่ชาย

   “ขนมผิงมาน่ะครับ กำลังจะเข้ามา ให้ผมเรียกเข้ามาเลยไหม”

   “เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่ง”บอกพลางจัดท่าทางตัวเองให้เอนตัวลงนอนราบ

   “ครับ?”

   “แล้วอย่าบอกขนมผิงล่ะว่าฉันฟื้นแล้ว”

   พูดจบก็หลับตาลงนอนตามเดิมทำเหมือนกับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หูคอยเงี่ยฟังเสียงความเคลื่อนไหวของประตูห้อง
ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคนเดินเข้ามา




-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ปิญญ์มันหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วววววว มันใช่เรื่องไหนล่ะท่าน ปล. อย่าลืมน้องรัมภ์กับนายหัวของเจ๊กันนะ >>> กดโลด >>Numb Guy บทร้าย ผู้ชาย...เย็นชา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 08:11:42 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
เดี๋ยวโดนงอนอีกอ่ะ

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
เดี๋ยวได้มีงอนอีกหรอก

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
โหบปิญญ์ หาเรื่องให้ตัวเองอีกทำไม :katai1:

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
36 อีกด้านของตัวร้าย


   ใบหน้าหล่อเหลาที่ถึงแม่จะดูดีขึ้นมาเล็กน้อยแต่มันก็ยังคงซีดเซียวทำให้ขนมผิงยังคงไม่เป็นกังวลเกี่ยวกับอาการของชาย
หนุ่มตรงหน้า ผ่านมาเกือบสองวันแต่ปิญญ์ชานนท์ก็ยังคงหลับนิ่งเฉยอยู่บนเตียงไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้น

   “คุณมันเกินจะเยียวยาจริงๆ ต่อให้หลับไม่รู้สึกตัวคุณก็ยังสามารถทำให้คนอื่นทุกข์ใจได้ตลอดเวลา”พึมพำกับตัวเองเสียง
เบา

   หันไปมองลูกชายทั้งสองที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกฟากของห้องอย่างสงบเสงี่ยม ความเงียบงันและความเย็นของเครื่องปรับ
อากาศทำให้เด็กๆเริ่มพากันปรือตาด้วยความง่วงงันทั้งที่พึ่งจะมาถึงได้ไม่นาน

   “ง่วงกันแล้วเหรอครับ”

   “ฮะ/ฮะ”พยักหน้าพร้อมกันทั้งที่ตาแทบจะปิด


   ขนมผิงเดินเข้าไปใกล้ๆเด็กๆก่อนจะจัดท่าทางให้เด็กๆนอนบนโซฟาได้ถนัดก้มลงไปจูบหน้าผากของทั้งสองคนอย่างเบาๆ

   ร่างสูงโปร่งเดินกลับมาที่เตียงผู้ป่วยอีกครั้ง สะดุดตาเข้ากับเหงื่อที่ผุดซึมบนหน้าผากของปิญญ์ชานนท์ราวกับว่าเจ้าตัว
กำลังอึดอัดไม่สบายตัวทั้งที่อากาศเย็นขนาดนี้

   พอเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ จริงอย่างที่พูดจริงๆ ต่อให้ปิญญ์ชานนท์จะหลับไม่รู้สึกตัว แต่ก็ยังสามารถทำให้
เขาคนนี้เดือดร้อนได้ตลอด ร่างสูงโปร่งเดินหายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนมหนูผืนเล็ก

   ไม่รู้เลยสักนิดว่าหลังจากที่หันหลังให้กับเตียงผู้ป่วยจะมีใครกำลังจับจ้องมองการกระทำของตนอยู่

   ชายหนุ่มในคราบผู้ป่วยหรี่ตาขึ้นมองลอบยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ขนาดหลับยังไม่วายถูกอีกฝ่ายต่อว่าเข้าจนได้ ความที่
ต้องแกล้งหลับทำให้รู้สึกอึดอัดเพราะกลัวจะถูกจับได้ ผลมันก็เลยกลายเป็นอย่างที่เห็น เหงื่อผุดซึมจนต้องยกมือขึ้นมาเช็ดมัน
ออก

   เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกร่างสูงใหญ่รีบหลับตาลงนอนแน่นิ่งสวมบทบาทผู้ป่วยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นผืนเล็กถูกบิดจนหมาดก่อนจะเช็ดลงบนหน้าผากไล่ลงบนใบหน้าซีดผาดอย่างเบามือ ดวงตาคู่โศกยังคง
จับจ้องใบหน้านั้นอยู่ตลอดเวลา บางทีเขาอาจจะคิดไปเองว่าพอเช็ดเหงื่อออกจากบนใบหน้านี้แล้วสีหน้าที่ซีดเซียวนั้นกลับ
เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ

   ขณะที่กำลังยุ่งอยู่กับการเช็ดตัวคนไข้ที่ไม่ได้สติ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเรียกความสนใจ ตามมาด้วยพยาบาลที่เดินเข้ามา
ในห้องพร้อมกับถาดข้าวต้มร้อนๆส่งควันหอมกรุ่น ขนมผิงมองมันด้วยสีหน้าประหลาดใจ

   “ทำไมถึงเอาอาหารมาล่ะ คนไข้ยังไม่ได้สติเลยนี่ครับ”ถามออกไปอย่างสงสัย

   “เอะ แต่เมื่อครู่นี้คุณหมอบอกว่าคนไข้ห้องนี้ฟื้นแล้ว ให้เอาข้าวต้มมาให้ เมื่อครึ่งชั่วโมงนี้เองค่ะ หรือว่าจะหลับไปอีกแล้ว”

   ทันทีที่ได้ยิน ความคิดอะไรบางอย่างมันก็แวบเข้ามาในหัว สามสิบนาทีก่อนมันก็เป็นช่วงเวลาที่เขามาถึงที่นี่พอดี แล้ว
ทำไมปิญญ์ชานนท์ถึงยังอยู่ในสภาพเดิมได้ล่ะ นอกเสียจากว่า…

   ขนมผิงมองตามพยาบาลสาวเดินออกจากห้องไป หันมาจ้องมองคนไข้บนเตียง หัวใจพลันเต้นระรัวเมื่อดวงตาคู่คมกำลัง
จ้องมองมาที่ตน ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มขึ้นมาอย่างพึงพอใจ

   “คุณตลกมากนักรึไง”

   บอกออกไปอย่างเหลืออด ทั้งที่เขารู้สึกเป็นห่วงที่อีกฝ่ายไม่ยอมฟื้นขึ้นมา แต่กลับกลายเป็นว่าถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้ง
ทาลิปมันลงบนริมฝีปากแห้งผากนั้น ทั้งเช็ดตัวให้ นี่เขาทำอะไรลงไป

   “เดี๋ยวก่อนสิ”ปิญญ์ชานนท์รียก รีบความแขนของขนมผิงเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินหนี

   “ปล่อยผม ผมจะพาลูกกลับ”

   ใบหน้าที่แสดงออกถึงความไม่พอใจจ้องมองมือที่กุมแขนของตนเอาไว้ ดวงตาคมสั่นไหวไม่ต่างอะไรกับม่านน้ำที่ถูกก้อน
หินโยนลงไป ริมฝีปากบางเม้มแน่น รู้สึกว่าอะไรบางอย่างมันกำลังเอ่อล่นอยู่เต็มกระบอกตา

   “ฉันขอโทษ ฉันแค่อยากรู้ว่านายจะทำยังไงตอนที่ฉันยังหลับอยู่”

   “พอที คุณเล่นกับความรู้สึกของผมมากเกินพอแล้ว ปล่อยแขนผมได้แล้ว”

   ถึงจะพูดอย่างนั้น ทั้งที่จะสลัดแขนให้หลุดออกจากมือนั้นก็ทำได้ แต่ก็กลัวว่าปิญญ์ชานนท์จะเจ็บ มือทั้งสองข้างกำเข้าหา
กันแน่น ขบฟันลงบนริมฝีปากตัวเอง

   “นายโกรธฉันขนาดนั้นเลยเหรอ ฉัน…คิดว่านายจะดีใจซะอีกที่ฉันฟื้นขึ้นมา”

   ดีใจงั้นเหรอ ถามว่าตอนนี้ดีใจไหม ถ้ามองข้ามความคิดที่ว่ากำลังถูกเล่นกับความรู้สึกอยู่ล่ะก็ แน่นอนเขาต้องดีใจอยู่แล้ว
ดีใจที่ปิญญ์ชานนท์ฟื้นขึ้นมาสักที หลังจากที่ทำให้เขาเป็นห่วงจนแทบบ้า

   “ในเมื่อคุณฟื้นแล้วผมกลับล่ะ”พยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น

   แต่ทำไมกันบนแก้มถึงได้อุ่นวาบเมื่อน้ำอุ่นร้อนมันไหลลงมาจากกระบอกตา ไม่รู้ว่ามันไหลลงมาเพราะอะไร ดีใจหรือว่า
เสียใจ ขนมผิงหันหลังให้กับปิญญ์ชานนท์ เก็บซ่อนน้ำตาที่ร่วงหล่นเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็น

   “อย่าไปเลยนะ ฉันอยากให้นายอยู่กับฉันให้นานกว่านี้ อยากจะอยู่ใกล้ๆนายให้นานกว่านี้ ก่อนที่ฉันจะตื่นขึ้นมา ฉันฝันไม่ดี
เลย ฉันนึกว่าฉันจะตายซะแล้ว”พูดเสียงเบาก่อนจะออกแรงดึงให้ขนมผิงเดินเข้ามาใกล้

   ขนมผิงไม่ได้ขืน ไม่ใช่ว่ายินยอม แต่เพราะไม่อยากให้ปิญญ์ชานนท์เจ็บตัวเพราะเขาไปมากกว่านี้

   “แต่ฉันจะตายตอนนี้ไม่ได้ถ้าฉันยังไม่ได้ทำหน้าที่ของพ่อให้ดีพอ”ปิญญ์ชานนท์บอกเสียงเบา

   เอื้อมมือใหญ่เข้าไปใกล้ใบหน้าของขนมผิงก่อนจะเกลี่ยนิ้วเช็ดน้ำตาออกจากแก้มอีกฝ่ายอย่างเบามือ

   “ผมไม่ได้ขอให้คุณมาปกป้องผม”

   “ถึงนายไม่ขอฉันก็เต็มใจทำ ฉันปล่อยให้คนที่ฉันรักกับลูกที่อยู่ในท้องเป็นอะไรไปไม่ได้หรอกนะ แล้วก็อีกอย่าง ฉันยังไม่
ได้คำตอบจากนายเลย นายจะช่วยเปิดใจให้ฉันหน่อยได้ไหม ไม่ต้องยกโทษในความผิดที่ฉันทำลงไป ขอแค่ให้ฉันได้เข้าใกล้
นายมากขึ้นกว่าเดิมก็พอ”มือใหญ่วาดลงบนท้องที่เริ่มนูนออกมาอย่างเบามือ

   “เห็นกับที่คุณช่วยผมกับลูกเอาไว้ ผม…”ขนมผิงเม้มริมฝีปากแน่น ราวกับริมฝีปากนั้นมันหนักอึ้งจนพูดไม่ออก “ผม…จะ
ยอมรับคำขอของคุณ…ฮึก!!!”

   ไม่ทันได้พูดจบแขนก็ถูกดึงด้วยแรงจนเซเข้าไปหา ดวงตาคู่คมเบิกกว้างด้วยความตกใจกับริมฝีปากหยักที่กดลงมาแนบ
ชิดกับริมฝีปากของตัวเอง มือข้างหนึ่งของอีกฝ่ายประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ก่อนจะแทรกปลายลิ้นอุ่นร้อนเข้ามา



   “โอ้ย!! เจ็บชะมัด”ปิญญ์ชานนท์สบถออกมาเมื่อถูกผลักออก

   แผลที่เอวมันก็เจ็บขึ้นมาทันทีเพราะขนมผิงดันตัวออกไปจากอ้อมกอดของเขาอย่างแรง

   “การที่ผมยออมรับคำขอของคุณ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาจูบผมตามใจชอบได้โดยที่คุณยังไม่ได้แปรงฟัน”

   ถึงจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉยชาแบบนั้นแต่ใบหน้ากลับแดงเรื่อจนปิญญ์ชานนท์คิดว่ามันน่ามอง ไม่มากนักที่ใบหน้าที่มักจะ
นิ่งเฉยนี้จะแสดงให้เห็นถึงความเขินอาย

   ถือว่าหาดูชมได้ยากเลยทีเดียว ค่อยคุ้มกับที่เจ็บตัว แต่จะว่าไปก็ออกจะเสียหน้านิดหน่อยที่ถูกต่อว่าเรื่องไม่แปรงฟัน ยิ่ง
คิดก็ยิ่งน่าเสียดาย

   



   --------------------------------------------------------------------------------



   “นี่แกยังอยู่ติดบ้านอยู่อีกเรอะ ฉันคิดว่าแกจะออกไปเที่ยวเล่นหรือไปซื้อของกับเพื่อนๆแกซะอีก นี่แกเป็นอะไรของแกจู่ๆก็
ไม่ยอมออกไปไหน”เชตุพลทักลูกสายหลังจากที่กลับมาจากข้างนอก

   ใบหน้าของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความเป็นกังวลและความเหนื่อยล้ากับสิ่งที่ได้เจอมาในวันนี้ทั้งวัน

   “เดหลีแค่ไม่อยากไปไหน ละ แล้วพ่อล่ะคะ ไปไหนมาทั้งวัน”ใบหน้าของเดหลีซีดเซียวไร้เครื่องสำอางต่างจากทุกที เธอ
ตอบกลับพ่อของเธอด้วยน้ำเสียงที่เบาโหวงราวกับไม่เต็มใจที่จะตอบ

   “ก็ดีเอสไอน่ะสิ ออกหมายเรียกให้ฉันเข้าพบ ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง ทำไมพวกนั้นถึงได้กลิ่น
ง่ายๆขนาดนี้”

   “ระ เรื่องอะไรเหรอคะ”

   “แกไม่ต้องรู้หรอก เอาเวลาไปดูแลตัวเองดีกว่า เดี๋ยวนี้แกชักเริ่มจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่เป็นผู้เป็นคนมากขึ้นทุกวันๆ ถ้า
แกไม่ออกจากบ้านแกจะเจอผู้ชายดีดีได้ยังไงกัน”

   “ช่วงนี้เดหลีไม่อยากไปไหนนี่คะ”ตอบด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น ดวงตากลมโตหลุบต่ำเอาแต่จ้องมองบนพื้น

   “เออ ฉันได้ยินข่าวมาว่าปิญญ์ชานนท์มันถูกยิง ฉันล่ะสมน้ำหน้ามันนัก สงสัยมันจะสร้างศัตรูเอาไว้เยอะ น่าเสียดายที่มันไม่
ตาย แต่ก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงสั่งสอนมัน”

   “งะ งั้นเหรอคะ”

   เดหลีตอบรับ ดวงตาคู่กลมยังคงหลุกหลิกไปมาเมื่อได้ยินชื่อของอดีตคู่หมั้น และมันยิ่งทำให้เธอเป็นกังวลจนสติแทบจะ
หลุดออกจากร่างเมื่อพ่อของเธอตอกย้ำว่าปิญญ์ชานนท์ยังไม่ตาย

   เธอจะทำยังไงดีถ้าเรื่องทั้งหมดที่เธอทำมันทำให้พ่อของเธอกำลังเดือดร้อนอย่างตอนนี้ เดหลีทั้งกลัวและสับสน ถ้าหากพ่อของเธอรู้ว่าเธอทำการทั้งหมดเองโดยไม่ปรึกษาและทำทุกอย่างพลาด เธอจะทำยังไง พ่อของเธอคงเกลียดเธอและไม่เอา
เธอไว้แน่

   พอคิดได้ดังนั้นมือทั้งสองข้างก็เริ่มสั่น เธอมองตามแผ่นหลังของพ่อเดินขึ้นบันไดบ้านพลางจิกเล็บลงบนแขนจนเลือดเริ่ม
ซึมออกมา

   “จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี”

   เธอพึมพำซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ ตั้งคำถามที่ตัวเองก็ยังไม่สามารถให้คำตอบได้



   -----------------------------------------------------------------------------------------

หวานพอไหม หลายคนอยากได้หวาน หวานสุดแล้วจ้าาาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 08:13:10 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เริ่มมีความหวานกะเค้าบ้างแล้ว :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด