❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณทีมใคร????

ทีมปิญญ์ # หล่อเลวแบบนี้ใช่เลย จัดหนักจัดเต็ม
26 (15.3%)
ทีมขนมผิง # แกมาทำร้ายชั้นเรอะ ไม่ยอม ฉันจะเอาคืน
38 (22.4%)
ทีมแฝดลูกหมู # ปล่อยให้พ่อๆไปเคลียกันเอง มุ้งมิ้งกันสองคน
106 (62.4%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 170

ผู้เขียน หัวข้อ: ❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖  (อ่าน 291150 ครั้ง)

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
มีหวานนิด ๆ ก่อนจะดราม่าสินะครับ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ราตรีสีน้ำเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ทำไมเราอ่านแล้วรู้สึกเครียด



 :ruready :ruready :ruready

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
หวังว่าจะไม่มีเรื่องเครียดๆตามมา

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
37ความสุขของครอบครัว

   “ถอดเสื้อออกสิ”น้ำเสียงอันเรียบนิ่งสั่งก่อนที่จะวางกะละมังน้ำอุ่นลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ร่างสูงโปร่งของขนมผิงนั่งลงที่ริม
ขอบเตียงเช่นเดียวกับปิญญ์ชานนท์ มือขาวพลางบิดผ้าขนหนูชุ่มน้ำอุ่นให้แห้งหมาด

   “ถอดให้ฉันหน่อยสิ”

   ขนมผิงเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายก่นจะถอนหายใจ เขาคงจะปฏิเสธอะไรไม่ได้มากหากปิญญ์ชานนท์ยังคงรับบทบาทของ
คนเจ็บและสาเหตุก็คือตัวเขาเองที่ทำให้เป็นแบบนี้ กระดุมเม็ดเล็กๆค่อยๆถูกปลดทีละเม็ดเผยให้เห็นแผงอกแน่นไปด้วยกล้าม
เนื้อแน่นขนัด ไล่ลงมาก็เป็นหน้าท้องที่พอกระดุมถูกปลดออกปิญญ์ชานนท์ก็สูดสายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนที่หน้าท้องที่ขนม
ผิงเห็นแวบๆว่ามันนูนออกมาจะหายไป

   “หึหึ”อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมาเล็กๆ ปรายตามองหน้าแดงก่ำของอีกฝ่ายก่อนจะจัดการถอดเสื้อของปิญญ์ชานนท์
ออก

   “นายหัวเราะอะไร”

   “ผมเปล่าหัวเราะ คุณคงจะคิดไปเอง”ขนมผิงปฏิเสธเสียงเบาหันไปหยิบผ้าผืนเล็กที่เตรียมเอาไว้เช็ดลงบนแผงอก

   “ก็เห็นๆกันอยู่”

   “ก็แล้วแต่คุณจะคิดครับ”

   “ช่วงนี้งานฉันยุ่ง อีกอย่างก็เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันเลยไม่มีเวลาไปเข้าฟิตเนสน่ะ”

   “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณ”

   “ก็นายหัวเราะเยาะฉันนี่”

   “ผมเปล่า”

   “ช่างเถอะ พอฉันหายดีแล้วเดี๋ยวมันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม คอยดูนายจะต้องอึ้งถ้าได้เห็นมัน”

   “ครับ ขอให้มันเป็นอย่างนั้น”ขนมผิงตอบรับ ริมฝีปากบางอมยิ้มเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกไปเองรึเปล่าว่าความอึดอัดที่
มีมันเริ่มค่อยๆจางหายไปทีละน้อยทำให้เขานั่งต่อปากต่อคำกับปิญญ์ชานนท์ได้โดยที่ไม่โดยที่ไม่ลุกหนีเสียก่อน

   “ว่าแต่นายได้คิดเอาไว้รึยัง”

   “มีอะไรที่ผมจะต้องคิด?”

   “ชื่อลูกสาวคนนี้ของเราไง นายได้คิดเอาไว้รึยัง”ปิญญ์ชานนท์ถามเสียงเบา ดวงตาคู่คมกริบทอดมองมายังเสี้ยวหน้านิ่งๆ
ของอีกฝ่าย มือใหญ่เอื้อมเข้ามาหาก่อนจะวางลงบนแผ่นท้องของขนมผิงอย่างเบามือและลูบไปมาอย่างทะนุถนอม น่าแปลกที่
ขนมผิงกลับยอมให้เขาสัมผัสโดยที่ไม่ปัดมือของเขาออกเสียก่อน

   “เรื่องนั้นผมยังไม่ได้คิด แล้วคุณรู้ได้ไงว่าเด็กที่อยู่ในท้องของผมเป็นผู้หญิง”ทั้งที่เขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเด็กในท้องเป็น
เด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย

   “ก็ฉันอยากได้ลูกสาวนี่ เด็กผู้หญิงน่ารักๆ ฉันคิดเอาไว้แล้วนะว่าจะให้ลูกชื่ออาลัว มันเป็นชื่อของขนมที่ฉันกินบ่อยๆก่อน
หน้านี้”

   “แล้วถ้าเกิดว่าไม่ใช่ผู้หญิงล่ะ”ขนมผิงถามออก จริงๆแล้วเขาจะต้องห้ามไม่ให้ปิญญ์ชานนท์ก้าวล้ำเส้นที่ขีดเอาไว้มากเกิน
ไป แต่ทำไมเขาถึงยังรับฟังสิ่งที่ชายหนุ่มพูดออกมาเกี่ยวกับลูกในท้องและหนำซ้ำยังตอบกลับราวกับเป็นบทสนทนาที่ไม่มีอะไร
เคลือบแคลง

   “ต้องเป็นผู้หญิงสิ เพราะว่าฉันอยากได้ลูกสาว”

   “มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้ทุกอย่างที่ต้องการหรอกนะ”

   “ทำไมล่ะ นายไม่คิดเหมือนกันเหรอ”

   “แล้วทำไมคุณถึงอยากให้ใช้ชื่อนั้นล่ะ”

   “อาจเป็นเพราะว่าชื่อนี้มันหวานเหมือนกับชื่อของนายก็เป็นได้ ถึงฉันจะยังไม่เคยกินขนมผิงก็เถอะแต่ฉันก็คิดว่ามันต้องทั้ง
หอมแล้วก็หวานมากแน่นอน”คำพูดของปิญญ์ชานนท์ทำให้ใบหน้าของขนมผิงร้อนวูบ ดวงตาคู่สีโศกวูบไหวเมื่อใบหน้าหล่อ
เหลานั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ ฝ่ามือร้อนประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ให้หยุดนิ่งไม่สามารถเบือนหนีไปทางไหนได้

   จมูกโด่งแตะลงบนแก้มของเขาเบาๆ ดวงตาคมกริบนั้นจ้องมองเข้ามาในตาของเขาราวกับกำลังสะกดให้มันยินยอมและ
หลับตาลงตอบรับริมฝีปากได้รูปที่บดเบียดลงมาอย่างบางเบา ลิ้นร้อนชื้นแตะลงมาบนกลีบปากสอดแทรกเข้ามาภายในตักตวง
และป้อนความหวานเจือความขมให้กับเขา หัวใจของขนมผิงสั่นรัวเมื่อมือใหญ่ของปิญญ์ชานนท์นั้นแตะเข้ามาที่บั้นเอวสอดเข้า
มาใต้เสื้อเชิ๊ตก่อนจะสัมผัสกับผิวหนังของเขา มือนั้นมันช่างร้อนผ่าวราวกับเปลวไฟทำให้ต้องสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะผลักร่างของ
ปิญญ์ชานนท์ออก

   “ผมคิดว่าผมเช็ดเสร็จแล้ว ผม…จะเอาของไปเก็บที่เดิม”พูดจบขนมผิงก็เดินถือกะละมังน้ำอุ่นหนีเข้ามาในห้องน้ำ

   ขนมผิงจ้องมองใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก ใบหน้าที่ช่างน่าอายเมื่อสีของมันแดงเรื่อไปจนถึงใบหูหัวใจเจ้า
กรรมที่มันอยู่ในอกก็ยังคงเต้นรัวจนต้องยกมือขึ้นมาทาบไว้บนอก



   ทางด้านปิญญ์ชานนท์เขายังรู้ดีว่าขนมผิงนั้นเช็ดตัวให้เขายังไม่เสร็จแต่เนื่องด้วยอะไรบางอย่ามันทำให้เขาไม่สามารถรั้ง
ขนมผิงเอาไว้ได้ กายที่ผงาดอยู่ภายใต้ร่มผ้านั่นทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาก่อนจะใช้มือขยี้ไปที่ผมของตัวเองแรงๆเมื่อมัน
ไม่เป็นดั่งใจ ความจริงแล้วเขาเองก็เป็นผู้ชาย ยิ่งอยู่ใกล้ชิดกับคนรักแล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะระงับอารมณ์ของตัวเอง
เอาไว้ได้เมื่อเทียบกับการที่เขาไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงคนไหนเลยนอกจากขนมผิงในสี่ปีที่ผ่านมา ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอีก
ครั้งและอีกครั้งพยายามสะกดจิตให้สิ่งที่มันกำลังคำรามอยู่ภายใต้ร่มผ้าอย่างบ้าคลั่งให้มันสงบลง

   เขาเอนกายลงนอนก่อนจะยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ถ้าหากว่าขนมผิงเข้ามาใกล้เขาอีกแบบเมื่อครู่อีก ครั้งหน้าเขาจะสงบใจ
ตัวเองไม่ให้ดึงเอาร่างนั้นมากดลงบนเตียงได้ไหวไหม จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่พยายามกดร่างนั้นลงบนเตียง ลูกที่อยู่ในท้องก็
ทำพิษส่งสัญญาณห้ามออกมาให้เขารู้ว่าไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องคนเป็นแม่ไปมากกว่านี้พอคิดไปคิดมาความง่วงก็ค่อยๆคืบ
คลานเข้ามา



   กว่าขนมผิงจะออกมาจากห้องน้ำปิญญ์ชานนท์ก็หลับไปแล้ว ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปใกล้เตียงจ้องมองร่างสูงใหญ่นอนทอด
ลำไปกับความยามของเตียงทั้งที่ท่อนบนยังเปลือยเปล่า มือผอมเอื้อมไปหยิบรีโมทแอร์มาปรับระดับความเย็นให้อุ่นขึ้นก่อนจะ
ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายให้กับอีกฝ่าย พอหลับแล้วปิญญ์ชานนท์ก็ดูเหมือนเด็กเล็กๆคนหนึ่งที่ไม่ค่อยมีพิษภัยอะไรสักเท่าไร ภาย
ใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทนั้นกำลังซ่อนดวงตาคู่คมกริบเอาไว้ ตาที่ใช้จ้องมองเขาด้วยอารมณ์ที่หลากหลายทั้งโกรธเกลียด ตัดพ้อ
และอ่อนโยน เขาควรจะเชื่ออย่างไหนดีที่จะรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของปิญญ์ชานนท์ จะทำอย่างไรกับคำว่ารักที่ได้รับมา

   -----------------------------------------------------------------------

   “เฮือกกก!!”ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกดวงตาคู่คมเบิกตาโพล่งขึ้นมาด้วยความตกใจ ทั้งที่อากาศภายในห้องนั้นเย็นกำลังดีแต่
ทว่าร่างกายกลับโทรมไปด้วยเหงื่อ

   ปิญญ์ชานนท์ได้แต่นกมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนหน้าผาก เขาจ้องมองไปรอบๆก็พบเพียงแต่คามว่างเปล่า ไร้ร่างของขนมผิง
อยู่ในห้องนี้ทิ้งเพียงแต่เขาที่เผลอหลับเอาไว้อยู่คนเดียวชายหนุ่มก้มมองท่อนกายที่ถูกผ้าห่มคลุมกาย อะไรบางอย่างที่มันมีผล
มาจากความฝันที่ทำให้เขาแทบบ้านั่นค่อยๆปรากฏออกมาทีละเล็กทีละน้อย

   ให้ตายสิ!!ปิญญ์ชานนท์อยากสบถออกมาดังๆเมื่อเขาเองก็ไม่ใช่เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดสิบแปดที่ต้องมาเก็บกดกับเรื่องอย่างว่า
แล้วเก็บเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะ เขาดันฝันว่ามีอะไรกับขนมผิงโดยที่อีกฝ่ายยินยอมแต่โดยดี มันช่างเป็นอะไรที่ทั้งน่าเจ็บใจและ
น่าเสียดาย ชายหนุ่มสะบัดหัวไปมาพยายามไล่ความคิด

   รีบแต่งตัวแล้วเดินลงมายังชั้นล่าง ทอดมองเข้าไปในห้องนั่งเล่นห้องรับแขกแต่ก็ไม่พบวี่แววของแขกกิตติมาศักดิ์ของเขา
เลย หรือว่าขนมผิงจะกลับไปแล้วชายหนุ่มได้แต่คิดในใจ ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงเขาคงจะต้องบุกไปถึงบ้านของอีกฝ่ายให้มันรู้ๆ
กันไปเลย

   คิดได้ดังนั้นก็เดินหลบเข้ามาในครัวเพื่อที่จะถามความเอากับแม่บ้านทว่ายังไม่ทันก้าวเข้าไปในห้องครัว แผ่นหลังของคนที่
หันหน้าเข้าหาเตาก็ทำให้ปิญญ์ชานนท์ลอบยิ้มออกมาก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับแม่บ้านเป็นเชิงรู้กัน

   ร่างสูงใหญ่ย่างก้าวเข้าไปหาใครบางคนที่ถูกทิ้งเอาไว้เพียงลำพังในห้องครัวโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้ตัว ปิญญ์ชานนท์ฉวย
โอกาสที่ขนมผิงเผลอเอาแต่จ้องหม้อแกงจืดที่กำลังเดือดใช้อ้อมแขนแข็งแรงกอดเข้าที่เอวสอบก่อนจะรวบเข้ามาหาตัวเอง

   “คุณ!! ทำอะไรของคุณ”ขนมผิงส่งเสียงออกมาอย่างตกใจก่อนจะรีบกดปิดเตาที่กำลังทำงาน

   “ฉันแค่อยากกอดลูก”อ้างได้อย่างหน้าตาเฉยทั้งที่สีหน้าของอีกฝ่ายนั้นดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

   “ถ้าหากหม้อต้มมันหกลงมามันจะเป็นยังไง ทำไมคุณถึงไม่คิดซะบ้าง”

   “ฉัน…”

   “คุณมันก็ยังคงทำตามใจของตัวเองโดยไม่คิด”ขนมผิงผละตัวออกจากอ้อมกอดทิ้งให้ชายหนุ่มเริ่มหน้าเจื่อนกับคำบ่น

   “ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

   “ช่างเถอะยังไงซะบ่นไปมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร”ขนมผิงหันไปหยิบถ้วยที่แม่บ้านเตรียมเอาไว้ให้มาตักแกงจืดร้อนๆจนควัน
กรุ่นใส่ลงไป

   “ฉันช่วย”

   “ไม่ต้อง คุณไปนั่งรอเถอะ”ขนมผิงออกปากไล่

   “เถอะน่าฉันช่วยเอง”พูดจบก็แย่งเอาถ้วยต้มร้อนๆไปถือแล้วเอามันออกไปวางลงบนโต๊ะกินข้าวก่อนจะเดินกลับเข้ามาอีก
ครั้ง

   คราวนี้ดูให้แน่ใจว่าจะไม่โดนต่อว่าอะไรอีก ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้แล้วคว้าร่างที่กำลังจะเดินออกไปจากครัวเข้ามากอด
อีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่รอให้เจ้าของริมฝีปากได้รูปนั้นต่อว่า ปิญญ์ชานนท์เหยียดยิ้มออกมาก่อนจะดันร่างสูงโปร่งถอยหลังชิด
กำแพง ไร้ซึ่งทางหนีเมื่อทั้งถูกกอดแล้วแผ่นหลังก็ชิดติดกำแพงอยู่ ริมฝีปากร้อนผ่าวของคนป่วยฉกจูบลงไปอย่างจาบจ้วงไม่
รีรอให้โอกาสนี้หลุดลอยไปอีกครั้ง ภาพในความฝันยังคงเด่นชัด ส่งให้ลิ้นร้อนสอดเข้าไปกวาดต้อนในโพลงปากนุ่ม ความ
ต้องการในตัวของอีกฝ่ายเริ่มคุกกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ

   มือร้อนผ่าวของปิญญ์ชานนท์สอดเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตของขนมผิงอีกครั้ง และครั้งนี้อารมณ์ที่ค้างคามันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่า
ตัวเองไม่อยากหยุดและจบอยู่แค่ตรงนี้ และต่อให้ต้องการหยุดเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะหยุดความต้องการที่ร้อนรุ่มของตัวเองได้
คิดได้ดังนั้นมือก็เลื่อนสูงขึ้นไป ลากผ่านหน้าท้องนูนก่อนจะกอบกุมแผ่นอกแบนราบ

   “อะ โอ้ยยยย ขนมผิง!!”

   ไม่ทันไรปิญญ์ชานนท์ก็ร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บปวด กายสูงใหญ่งอตัวเข้าหากันก่อนจะกอบกุมโรงงานผลิต
ทายาทของตัวเองเอาไว้ทั้งที่สีหน้านั้นแดงก่ำ

   “คุณมันจิตไม่หายจริงๆ”

   ขนมผิงสบถทิ้งท้ายก่อนจะเดินหนีออกไป ทิ้งให้ปิญญ์ชานนท์ได้แต่แบกรับกับความเจ็บปวดอยู่เพียงคนเดียว ใครจะรู้ว่า
ขนมผิงจะยังมีไม้ตายซ่อนเอาไว้ ดันใช้เข่ากระทุ้งเข้ามากลางเป้าเขาซะได้ ถึงแม้มันจะไม่แรงมากก็เถอะแต่มันก็จุกจนตัวงอเลย
ทีเดียว สุดท้ายชายหนุ่มก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความงี่เง่าของตัวเองอีกครั้ง เขาจะต้องรออีกเมื่อไรกันถึงจะได้แตะต้องร่างกายนั้น
โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะมีอะไรมาขัดอยู่ตลอด



   “เป็นอะไรไปซะล่ะ ทำไมแกถึงหน้าเขียวหน้าแดงเดินตัวงอออกมาจากครัวแบบนั้น”อาทิตย์ทักลูกชายเมื่อเห็นถึงความผิด
ปรกติ

   “ปะ เปล่าครับ”ปิญญ์ชานนท์ส่ายหน้ารัวพยายามยืดตัวตรง จ้องมองใครบางคนที่นั่งตรงกันข้าม

   “พ่อปินเจ็บแผลเหรอฮะ”ปลากริมเงยหน้าขึ้นมาถาม

   “เจ็บสิ เจ็บมากเลย”ปิญญ์ชานนท์ยังเล่นบทเดิมต่อ

   “เจ็บมากไหมฮะ หลิ่มอยากให้พ่อปินหายไวไว”ตากลมโตจ้องมองมาที่ชายหนุ่มตาแป๋ว แยกไม่ออกระหว่างการแสดงกับ
เรื่องจริง

   “ไม่ต้องห่วงอีกเดี๋ยวก็หาย แต่ว่าตอนนี้รู้สึกว่าแขนไม่มีแรงเลย คงจะตักข้าวกินไม่ไหว นายช่วยป้อนฉันหน่อยสิ”

   เพราะคำอ้อนทำให้ผู้เป็นพ่ออย่างอาทิตย์เกือบจะทำช้อนหลุดมือ เงยหน้ามองลูกชายอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนจะหันไป
มองอีกฟากที่ยังคงมีใบหน้าที่เฉยชาไม่ทุกข์ร้อนกับคำขอของลูกชาย สมกับที่เป็นขนมผิงจริงๆ ไม่หลงเล่ห์กลของลูกชายเขา
คนนี้

   “ไม่ครับ”

   “แต่ว่า…”

   “ไม่ก็คือไม่ครับ”ขนมผิงตัดบทหันไปป้อนข้าวให้ลูกชายไม่สนใจคนที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามของโต๊ะ ได้ยินเสียงหัวเราะเหมือน
จะสมน้ำหน้าดังแว่วมาจากหัวโต๊ะอยู่ไกลๆ

   “งั้นเดี๋ยวกิมป้อนพ่อปินเองฮะ พ่อปินไม่สบาย”กลับกลายเป็นเด็กๆที่พากันใสซื่อพากันสงสารคนชายหนุ่มทั้งที่ไม่รู้ความ
จริงเบื้องหลัง

   “เดี๋ยวหลิ่มป้อนพ่อปินด้วยฮะ”สองแฝดแสดงท่าทีแข็งขันอาสาช่วยพ่อเต็มที่ สุดท้ายปิญญ์ชานนท์ก็ไม่ได้ดั่งที่ตัวเองหวัง
แต่อย่างน้อยขนมผิงกับลูกๆก็ยังมาหาเขาในเวลาที่เขาต้องการมากที่สุด



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 08:15:14 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
38 ความช่วยเหลือ

   “มันเกิดอะไรขึ้นคุณแทนทัพ ทำไมจู่โกดังเก็บสินค้าของเราถึงได้เกิดไฟไหม้ได้”ขนมผิงถามด้วยความร้อนรนทันทีที่ขับรถ
บึ่งมาจากใจกลางตัวเมืองเพื่อมายังโกดังเก็บสินค้าที่พื้นที่เขตปริมณฑลเมื่อได้รับแจ้งว่าโกดังเก็บสินค้าถูกไฟไหม้เวลากลางดึก

   “ตอนนี้กำลังเร่งหาสาเหตุ คุณผิงใจเย็นๆก่อนนะครับ”แทนทัพแตะไหล่ขนมผิงเบาๆเพื่อให้อีกฝ่ายเย็นลง

   “มันเกิดเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง แล้วรปภ.ล่ะ”ในเมื่อสินค้าล็อตนี้เป็นสินค้าล็อตใหญ่ที่สุดของปีนี้ อีกทั้งใกล้ถึงกำหนดที่จะส่ง
งาน ขนมผิงได้แต่จ้องมองไปยังกองที่กำลังโหมลุกไหม้ในขณะที่รถดับเพลิงเร่งพากันฉีดน้ำสกัดเพลิงเอาไว้ไม่ให้ลุกลาม

   “รปภ.สองคนถูกวางยานอนหลับ ส่วนอีกคนถูกลอบทำร้ายไม่ได้สติ ตอนนี้นำตัวไปส่งโรงพยาบาล”เลขาหนุ่มตอบ

   “นี่มันไม่ใช่อุบัติเหตุ ผมอยากรู้ว่าคนร้ายเป็นใครและต้องการอะไรจากเรากันแน่ แล้วตำรวจล่ะได้เรื่ออะไรบ้างไหม”ในเวลา
นี้เขาไม่รู้เลยว่าจะโฟกัสไปที่จุดไหนของเรื่องดีระหว่างคนร้ายหรือว่าสินค้าที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถผลิตทันออเดอร์ลูกค้าได้และ
ถ้าหากผลิตสินค้าส่งให้ไม่ทันออร์เดอร์ทางมณีรัตน์ก็จะต้องเสียค่าปรับให้กับลูกค้าที่นำส่งสินค้าให้ไม่ทัน

   “ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววของคนร้าย ทางตำรวจสืบสวนกำลังรวบรวมหลักฐานและพยานอยู่ครับ”

   “ผมอยากรู้ว่าทั้งหมดนี่เป็นฝีมือใคร”ขนมผิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก เขาไม่รู้ว่าทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของใคร แต่ที่
มั่นใจคือเจตนาของอีกฝ่ายที่ต้องการทำให้เขาและมณีรัตน์ล้มไม่เป็นท่า

   พอนึกถึงศัตรูที่เคยมีมา คนเดียวที่เขานึกได้ก็คือปิญญ์ชานนท์ ผู้ชายคนเดียวที่เคยเกลียดชัง แล้วในเวลานี้ล่ะเรื่อง
ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือใคร ยิ่งมองไปรอบๆตัวราวกับว่ามืดแปดด้านมองไปทางไหนก็ไม่เป็นทาง

   “ผมคิดว่าอาจจะเกี่ยวกับที่คุณปิญญ์ชานนท์ถูกยิงในวันนั้น บางทีอาจจะเป็นคนเดียวกันนั้น”

   “แล้วคนคนนั้นคือใครกันล่ะ?”

   ----------------------------------------------------------------------------------

   “กลับมาแล้วเหรอตาผิง เป็นยังไงบ้าง พ่อกำลังจะออกไปดูอยู่พอดี”พิศณุถามลูกชายทันทีที่เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทาง
อิดโรย ใบหน้าบ่งบอกถึงความเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

   “สินค้าครึ่งหนึ่งถูกไฟไหม้เสียหาย อีกครึ่งหนึ่งก็เปียกน้ำอีกไม่นานก็คงเป็นเชื้อราน่ะครับ พ่อไม่ต้องไปดูหรอกตอนนี้เจ้า
หน้าที่เขาดับไฟหมดแล้ว เหลือก็แค่พรุ่งนี้เช้าให้เกณฑ์คนไปคัดแยกสินค้าที่เสียหายอีกที”

   “โกดังเก็บสินค้าของเราไฟไหม้ได้ยังไงในเมื่อระบบป้องกันก็ดีพร้อมทุกอย่าง”


   “มันไม่ได้เกี่ยวกับระบบหรอกพ่อ มันเกี่ยวเจตนาของคนมากกว่า”

   “ผิงกำลังจะบอกพ่อว่ามีคนลอบวางเพลิงโกดังของเรางั้นเหรอ”พิศณุมีท่าทีแปลกใจกับคำบอกเล่าของลูกชย ตั้งแต่ทำ
ธุรกิจมาไม่เคยมีสักครั้งที่จะเกิดการขัดแย้งทางธุรกิจหรือว่าอะไรร้ายแรงแบบนี้ขึ้นเลย

   “ครับ รปภ.สองคนถูกวางยานอนหลับ ส่วนอีกคนถูกทำร้ายร่างกายจนไม่ได้สติตอนนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไปแล้วครับ”

   “ให้ตายสิ เป็นฝีมือใครกันนะคิดไม่ออกเลยจริงๆ”ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นบีบนวดขมับตัวเองด้วยความกลุ้มใจ

   “ใจเย็นๆค่ะคุณพิศ”ลำดวนแตะแขนสามีด้วยความเป็นห่วง

   “แล้วกำหนดส่งสินค้าล่ะ”

   “ภายในสิ้นเดือนนี้ครับ ยังไงก็ทำไม่ทันอยู่ดี มีทางเดียวก็คือจ่ายค่าปรับความเสียหายตามระยะเวลาที่ล่าช้าให้กับลูกค้า”

   “แต่นั่นมันไม่ใช่น้อยๆเลยนะลูกก็รู้ มันถึงขั้นทำให้เราขาดทุนในสินค้าล็อตนั้นเลยก็ว่าได้”

   “ผิงรู้ครับพ่อ แต่จะให้ทำยังไงได้ใน ต่อให้ทั้งคนทั้งเครื่องจักรทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเราก็ผลิตสินค้าทันได้แค่ครึ่ง
เดียว”ขนมผิงถอนหายใจออกมาด้วยความกลุ้มใจกับทางออกที่ไม่มี

   “พ่อจะลองคุยกับทางลูกค้าเพื่อขอยืดเวลาให้ก็แล้วกัน”

   “ผิงไม่อยากให้ทางเรามีปัญหากับคุณเฉียนทั้งที่เราเพิ่งจะทำธุรกิจกับเขาไม่ได้นาน”มันอาจจะหมายความว่าลูกค้าที่เขา
แย่งมาจากอนันตไพลินนั้นจะถูกแย่งคืนไปโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ลงแรงอะไรเลย มันแสดงถึงศักยภาพของมณีรัตน์ที่มีเพียงพอต่อ
การทำธุรกิจในอนาคตข้างหน้า

   “งั้นเราคงต้องส่งงานให้กับที่อื่นช่วยผลิตให้เราอีกแรง”

   “ผิงไม่มั่นใจในคุณภาพของสินค้าที่ออกมา เราไม่มีเวลาพอที่จะตรวจเช็คและแก้ไขสินค้าที่มาจากที่อื่นได้ทัน”

   “พ่อรู้ว่าสำหรับเราแล้วคุณเฉียนเป็นลูกค้ารายสำคัญที่ทำให้บริษัทของเราเติบโตมาได้ไกลขนาดนี้ แต่ว่าพ่อไม่อยากให้
ลูกเหนื่อย บางทีถ้ามันถึงเวลาของมันจริงๆเราก็ต้องปล่อยมันไป”

   “ผิงรู้ แต่ผิงไม่อยากให้สิ่งที่พยายามทำมันจบแค่นี้ ยังไงผิงก็ต้องรู้ให้ได้ว่าใครกันแน่ที่ทำให้เรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้”เพราะสิ่งที่พยายามเหล่านั้นมันแลกมาด้วยความเจ็บปวดของคนรอบตัว แลกมาด้วยความเกลียดชังและความแค้น เขาจะยอม
ให้มันจบทั้งที่ทุกอย่างยังไม่ถูกต้องไม่ได้

   “พ่อเข้าใจที่ลูกคิด แต่มันอาจจะหมายถึงอันตรายที่พวกเรามองไม่เห็น อย่างครั้งที่แล้วถ้าหากว่าคุณปิญญ์ไม่มาช่วยลูก
เอาไว้พ่อกับแม่คงจะเสียใจไปตลอดชีวิต”

   “ผิงอยากให้ทุกเรื่องจบ ไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนในสิ่งที่ผิงทำ”

   “พ่อเชื่อว่าอีกไม่นานเรื่องทั้งหมดนี่จะจบ พ่อสัญญา”พิศณุแตะไหล่ลูกชายเบาๆเพื่อปลอบใจก่อนจะหันไปสั่งภรรยา “คุณ
พาลูกไปนอนเถอะ อีกเดี๋ยวก็คงเช้า”

   “แล้วคุณล่ะคะ”

   “ผมมีอะไรบางอย่างต้องไปทำ”

   ----------------------------------------------------------------------------

   “คุณมาที่นี่ทำไม!!”ขนมผิงออกปากถามด้วยความไม่พอใจ ทั้งไม่พอใจและประหลาดใจที่ปิญญ์ชานนท์โพล่มาที่โกดังเก็บของของมณีรัตน์ในเวลาสายของวันแบบนี้

   “ฉันเป็นห่วงนาย”

   “ไม่มีอะไรที่คุณต้องห่วง”ขนมผิงตอบกลับ

   “ฉันรู้ดี”ปิญญ์ชานนท์กลับส่ายหน้าเบาๆจ้องมองใบหน้าของคนรักด้วยความเป็นห่วงกับใบหน้าที่ดูอิดโรย รู้ดีว่าขนมผิงจะ
ไม่ยอมหยุดแก้ปัญหาง่ายๆหากว่าปัญหานั้นยังขวางทางอยู่

   “งั้นคุณก็กลับไปได้แล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คนป่วยอย่างคุณควรจะอยู่”และเขาเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีอันตรายอะไรโผล่มาอีก
ไหม อีกทั้งแผลของอีกฝ่ายก็ยังไม่หายดี

   “นายเองก็ควรจะกลับไปพร้อมกับฉัน นายกับลูกของเรา”

   “คุณอย่ามาพูดเรื่องนี้ในที่แบบนี้”ขนมผิงมองไปรอบๆด้วยความระแวงกลัวว่าใครจะได้ยิน “กลับไปได้แล้ว”

   “ฉันไม่ยอมกลับหรอกนะถ้านายไม่ไปกับฉันด้วย”


   “มันไม่ใช่เวลานี้ที่คุณจะมากวนผม”

   “ฉันรู้ แต่ฉันอยากจะช่วยนายจริงๆ มานี่สินายยืนตากแดดแบบนั้นมันไม่ดีกับตัวนายเองนะรู้ไหม”ปิญญ์ชานนท์ดึงขนมผิง
ให้เดินตามเข้ามาในเต้นท์ที่กางเอาไว้ชั่วคราว

   “จะช่วยได้มากกว่านี้ถ้าหากคุณไม่มารบกวน”

   “แต่ฉันคิดว่าฉันช่วยนายได้มากกว่านั้นนะ”ปิญญ์ชานนท์ยกยิ้ม เอื้อมหยิบผ้าเย็นที่เตรียมเอาไว้ให้พนักงานมาซับลงบน
หน้าผากชื้นเหงื่อ

   “อยากจะพูดอะไรก็พูดมา แล้วก็ผมทำเองได้”ขนมผิงเบือนหน้าหนี แย่งเอาผ้าเย็นในมือของอีกฝ่ายมาถือเอาไว้เอง

   “ให้ฉันช่วยนายเถอะนะ”

   “ช่วย?...คุณหมายถึงอะไร”

   “เรื่องสินค้าที่ต้องส่งให้ทันกำหนด ฉันช่วยนายได้นะ”ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอ

   “ไม่มีทาง คุณก็รู้ว่าอนันตไพลินกับมณีรัตน์เป็นคู่แข่งกัน อีกอย่างไม่ไม่เหตุผลที่คุณจะต้องมาช่วยผม”

   “ทำไมจะไม่มีล่ะ ในเมื่อเมียฉันกำลังเดือดร้อน”

   “พูดอะไรระวังด้วย”ขนมผิงตวัดตามองเป็นการปราม จู่ๆปิญญ์ชานนท์ก็เดินเข้ามายื่นข้อเสนอให้ มันทำให้ขนมผิงยิ่งรู้สึก

แปลกใจกับการกระทำของอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก

   “นายก็รู้ว่าอนันตไพลินเคยทำธุรกิจกับคุณเฉียน ทางเรารู้เสปกของสินค้าดีว่าควรจะเป็นยังไง ให้ฉันได้ช่วยนายเวลาที่นาย
เดือดร้อนเถอะนะ ฉันทนเห็นแม่ของลูกตัวเองเดือดร้อนแบบนี้ไม่ได้หรอก”ชายหนุ่มยื่นมือไปแตะไหล่ของขนมผิงเบาๆใช้โอกาส
ที่อีกฝ่ายกำลังครุ่นคิดกับข้อเสนอเลื่อนมือขึ้นไปโอบไหล่แทนอย่างง่ายดาย

   “คุณต้องการอะไรเป็นการตอบแทน”

   “ก็ไม่มีนี่ ฉันไม่ได้ต้องการอะไร”

   “จู่ๆทำไมคุณถึงเสนอตัวมาช่วยเรา”

   “เอาเถอะน่า นายจะระแวงสามีตัวเองไปถึงไหน”ปิญญ์ชานนท์ก้มลงกระซิบข้างหู ซึ่งนั่นก็ทำให้ขนมผิงผละตัวออกแล้วหัน
ไปมองโดยรอบด้วยความตกใจ และแน่นอนว่าทายาทของบริษัทสิ่งทออันดับต้นๆที่เป็นคู่แข่งมาอยู่ด้วยกันปละแสดงท่าทีสนิท
สนมกันย่อมเป็นที่จับตามองของคนที่อยู่รอบตัว ไม่เว้นแม้แต่นักข่าวที่มาทำข่าวเช่นกัน

   “ถึงคุณจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่คุณคงจะลืมไปว่าผมรู้จักอนันตไพลินดีแค่ไหน ไม่มีทางที่คุณจะช่วยทำงานให้เราเสร็จ
ทันเวลา”เพราะเขาได้ใช้เวลาสืบค้นรู้ข้อมูลของอนันตไพลินจนหมดเปลือกในตอนที่ขึ้นเป็นผู้บริหารของฝ่ายนั้น

   “และนายก็คงจะยังไม่รู้ว่าหลังจากที่ฉันได้มันคืนมาฉันขยับขยายและปรับเปลี่ยนมันไปมากแค่ไหน”

   “คุณหมายความว่าไง”

   “ฉันปรับปรุงโครงสร้างขององค์กรใหม่ทั้งหมดและสั่งซื้อเครื่องจักรมาเพิ่มหนึ่งเท่าตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ไม่ให้
ตัวเองตกที่นั่งลำบาก”

   “ถ้าอย่างนั้น…”ขนมผิงพึมพำ

   “แน่นอนฉันมั่นใจว่ามันต้องเสร็จทันเวลานายไม่ต้องกังวล ส่วนเรื่องนี้”ชายหนุ่มเบือนหน้าไปทางโกดังเก็บสินค้าที่เสียหาย
จากไฟไหม้ “ฉันจะเป็นคนจัดการเอง นายสนใจแค่เรื่องสินค้าก็พอ”

   “คุณรู้งั้นเหรอว่าเป็นฝีมือใคร”

   “เอาเป็นว่านายไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ก็พอ ฉันไม่อยากให้นายกับลูกมาเสี่ยงอันตรายอีกแล้ว ถ้าเรื่องจบเมื่อไรฉันขอแค่มื้อ
เย็นฝีมือนายที่บ้านฉันก็พอ”

   “ไหนก่อนหน้านี้คุฯบอกว่าไม่ต้องการอะไรตอบแทน”

   “นี่ไม่ได้เรียกว่าการตอบแทน แต่เรียกว่าสินน้ำใจ”

   “แล้วมันต่างกันตรงไหน”ขนมผิงกรอกตาอย่างระอาใจกับคนตรงหน้า แต่ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อปัญหาถูกแก้ไขไปได้
โดยดี เขาควรจะมองปิญญ์ชานนท์ใหม่จริงๆ ตอนนี้เขาเชื่อแล้วว่าคำรักที่อีกฝ่ายนั้นมีให้มันเป็นเรื่องจริง

   “กลับบ้านกันเถอะ ปล่อยให้คนอื่นทำงานของตัวเองไป นายอย่าลืมนะว่านายเป็นคนท้อง”

   “ผมรู้ตัวเองดีคุณไม่ต้องย้ำมากนักหรอก”ขนมผิงตอกกลับ ขืนมือที่ถูกดึงให้เดินตามไปเล็กน้อยก่อนจะเดินตามไปยังที่
จอดรถ

   “รถคุณล่ะ”ขนมผิงถามขึ้นเมื่อปิญญ์ชานนท์เดินตามเขามาทีรถ

   “ฉันไม่ได้เอารถมา”

   “แล้วคุณมายังไง”

   “ฉันให้คนขับรถมาส่ง แล้วฉันก็บอกให้เขากลับไปแล้ว”ปิญญ์ชานนท์ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ริมฝีปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์
นัยน์ตาคู่คมกำลังยิ้มเป็นประกายอยู่ข้างใน

   “คุณมันบ้า”มีอย่างงที่ไหนที่ให้คนขับรถมาส่งในที่ที่ห่างไกลความเจริญแบบนี้แล้วไล่กลับไป มีอยู่อย่างเดียวที่จะคิดได้ก็
คือความเจ้าเล่ห์ที่มีมากเกินไปของอีกฝ่ายที่ทำให้ขนมผิงอดขมวดคิ้วใส่ไม่ได้

   “ไปกันเถอะ ฉันขับรถให้เอง ส่วนนายกับลูกนอนพักผ่อนให้สบาย ฉันรู้ว่านายไม่ค่อยได้พักผ่อนหลังจากที่เกิดเรื่อง”

   “ถ้าจะรู้ดีทุกเรื่องแบบนี้คุณน่าจะไปเป็นหมอดู”ขนมผิงตัดบทเข้าไปนั่งในรถไม่มีรอให้ชายหนุ่มต่อความยาวสาวความยืด

   


-------------------------------------------------------------------------------------------------------
มีต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 08:17:14 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ใครทำเนี่ย เจ้คนนั้นเรอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ต้องเป็นฝีมือนางร้ายแน่ๆ ขนมผิงจะใจอ่อนเร็วๆนี้แน่ๆ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :m28: ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังหว่า

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
หวังว่ามันจะช่วงให้ขนมผิงมองพระเอกในแง่งดีขึ้นมาบ้างนะ อิอิ :hao7:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
"เลิกระแวงสามีตัวเองซะที" ชอบประโยคนี้จัง

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ยอมขึ้นรถแต่โดยดี ..

ออฟไลน์ plugie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เริ่มจะดีกันแล้ว :hao7:

ออฟไลน์ aommama

  • เป็ดมึน คนเซอร์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-5
ตามอ่านทันเเล้ว รู้สึกว่าพลาดไปหลายตอนเลย
ถ้าจะเปรียบเป็นละครหลังข่าวสักเรื่อง คงเป็นเเนว ดราม่า คอเมดี้ บู๊ เเอ็คชั่น ครบรสกันเลยเเหละ ระวัง ผิง กะ ปิญ ร่วมมือกันตะหลบหลังคืนนะเดลี หึหึ

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
คราวนี้นางร้ายต้องไม่ยอมอยู่นิ่งแน่ๆ แต่ขนมผิงกับปินดีกันแล้ว คงจะเอาชนะนางร้ายนั่นได้ จัดการให้เด็ดขาดไปเลย

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
38.2

   ขนมผิงลืมตาขึ้นมาอีกทีก็ได้กลิ่นอายของความเค็มลอยมาพร้อมกับสายลม ความเหนื่อยล้าจากเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เขา
เผลอหลับไปจนได้ ร่างสูงโปร่งยันตัวลุกขึ้นจากเบาะที่ถูกปรับเอนจนเป็นแนวราบ ตาคู่โศกกระพริบตาถี่ๆจ้องมองชายหาดสีขาว
กับท้องทะเลที่ทอดยาวออกไปจนสุดสายตาผ่านประตูรถที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้

   “ตื่นแล้วเหรอ ดื่มนี่ก่อนสิ เผื่อนายจะคอแห้ง”มะพร้าวที่ถูกปลอกและเปิดฝาเอาไว้มีหลอดเสียบให้อย่างดิบดีถูกยื่นมาข้าง
หน้า ริมฝีปากได้รูปงับลงไปที่หลอดอย่างงงๆเมื่อปลายหลอดนั้นมาจ่ออยู่ที่ริมฝีปาก

   “ที่นี่ที่ไหน ทำไมคุณถึงพาผมมาที่นี่ล่ะ”หลังจากที่น้ำมะพร้าวเย็นสดชื่นไหลผ่านลงคอเรียบร้อย คิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากัน
แล้วถามออกไปด้วยความไม่พอใจ

   “เอาน่า นายเหนื่อยมากแล้ว ฉันแค่อยากให้นายได้พักผ่อนบ้าง แล้วอีกอย่างฉันก็แค่อยากพาลูกสาวของเรามาทะเล”

   “บ้าบอกันไปใหญ่ ผมไม่เคยบอกว่าลูกที่อยู่ในท้องเป็นผู้หญิง”

   “แต่ฉันอย่างได้ลูกผู้หญิง เอาน่า อย่าเครียดไปเลย”ปลายนิ้วเรียวแตะลงมาระหว่างคิ้วมุ่นแล้วขยี้ให้มันคลายออกเบาๆ
“นายหิวรึยัง มานี่สิ”

   ปิญญ์ชานนท์เดินอ้อมมายังฝั่งที่นั่งข้างคนขับก่อนจะดึงมือให้คนที่ยังไม่ตื่นดีให้ลุกออกจากรถแล้วเดินตามไปยังชายหาด
มองเห็นเก้าอี้ชายหาดสองตัววางคู่กันกับโต๊ะตัวเตี้ยที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลดูน่าอร่อยอยู่เต็มโต๊ะ แต่ทั้งที่เป็นชายหาดสวย
ขนาดนี้ แต่มันกลับเงียบสงบนานทีจะมีใครสักคนเดินผ่านมา ขนมผิงอดที่จะประหลาดใจไม่ได้กับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า พลันท้อง
ก็ร้อนขึ้นมาราวกับรู้ว่ามีของอร่อยรออยู่ ถูกดันให้นั่งลงบนเก้าอี้ชายหาดก่อนที่จะถูกจับให้ล้างมือในถ้วยเซรามิคใบใหญ่ทั้งที่ทำ
เองได้

   “เอานี่ กินนี่สิ”ยังไม่ทันไรกุ้งตัวโต๊ะก็ถูกแกะแล้ววางลงมาในจานข้างหน้า

   “คุณก็กินเองสิ มาให้ผมทำไม”

   “ใครบอกฉันให้นายกิน ฉันให้ลูกสาวของเรากินต่างหาก”ไม่รู้จะโกรธดีหรือหมั่นไส้ดีกับความยียวนของอีกฝ่าย สุดท้าย
แล้วทั้งกุ้งทั้งปูก็ถูกแกะวางลงมาเต็มจานจนกินไม่ทัน

   “คุณไม่กินรึไง”

   “นายต่อให้นายกินก่อน นายมีสองคนฉันมีคนเดียว นายเริ่มกินก่อนน่ะถูกแล้ว”เขาเพิ่งจะรู้หรือว่าปิญญ์ชานนท์พึ่งจะมีความ
เป็นสุภาพบุรุษกัน ขนมผิงได้แต่กินและก็กินอาหารในจานตรงหน้า เพราะว่าความหิวและด้วยความต้องการของคนท้องทำให้เขา
กินไปเยอะพอสมควร กว่าจะรู้ตัวว่าถูกมองพร้อมกับรอยยิ้มท้องก็อิ่มไปเสียแล้ว

   “ขอบคุณ”ขนมผิงกล่าวออกไปสั้นๆ ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

   “ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณนาย ที่นายไม่หนีฉันไปอีก”มือใหญ่เอื้อมมือมามือของเขาไปจับก่อนจะกระชับเอาไว้แน่น “ต่อ
ไปนี้ฉันจะเป็นคนดูแลปกป้องนายกับลูกเอง จะปกป้องครอบครัวของเรา”แค่คำพูดไม่กี่คำแต่ก็ทำให้ใจคนฟังนั้นวูบไหว ความ
อ่อนโยนแล่นวาบเข้ามาในจิตใจให้ใบหน้าได้ร้อนผ่าว

   “คะ คุณทำอะไร”

   ยังไม่ทันไรก็ร้อนโวยวายออกมาเมื่อใบหน้าหล่อเหลานั้นแนบลงมาบนหน้าท้องก่อนที่ร่างนั้นจะเอนตัวลงมาซบบนตัก

   “ว่าไงลูกสาวพ่ออิ่มรึยัง รีบๆออกมาให้พ่อเห็นหน้าได้แล้วพ่อรออยู่รู้ไหม จุ๊บๆๆๆ”ไม่พูดเปล่าแต่ก็จูบลงมาซ้ำๆบนผิวท้องที่
มีเพียงเสื้อเชิ้ตกั้นเอาไว้

   ขนมผิงได้แต่ตกใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตาคู่คมหลุกหลิกไปมากลัวว่าจะถูกใครเห็นเข้า แต่ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างที่ไม่มีใครผ่านมาแถวนี้

   “ประสาทเสื่อมไปแล้วรึไง หยุดได้แล้ว”มือผอมผลักใบหน้าของคนที่พึมพำกับท้องของตนเองออก คำพูดหยอกล้อที่
พล่ามออกมายิ่งทำให้รู้สึกอายและก็อายจนไม่รู้จะพูดยังไงให้คนคนนี้หยุดสักที เพราะว่าใจของเขามันเต้นแรงจนจะบ้าตายอยู่
แล้ว

   “โอ๊ะ ลูกดิ้น ใช่ไหม ฉันรู้สึกได้เลยว่าลูกเรากำลังดิ้นอยู่ นายดูสิ บางทีลูกอาจจะกำลังคุยตอบฉันก็ได้”ตาคู่คมเบิกกว้าง
เหมือนกระต่ายตื่นตูม ชี้นิ้วจิ้มลงมาที่ท้องของเขาไม่ไปมาแล้วจับมือเขาไปวางบนท้อง “ใช่ไหม ลูกเรากำลังดิ้น”

   “ท้องผมพึ่งจะสี่เดือน”

   “แต่ฉันได้ยินลูกดิ้นจริงๆ ถีบลงตรงหน้าฉันตรงเลย”พูดพลางชี้ลงไปที่แก้มตัวเองให้ได้พยายามกลั้นขำเอาไว้

   “ก็อาจจะนะ”เพราะเขาเองก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน

   “ต้องเป็นลูกสาวนะรู้ไหม พ่ออยากได้ลูกสาวน่ารักเหมือนตุ๊กตา คนอื่นๆจะได้อิจฉา”

   “แล้วปลากริมกับสลิ่มไม่น่ารักรึไง”ขนมผิงอดเคืองแทนลูกๆไม่ได้

   “น่ารักสิ ลูกของฉันต้องน่ารักอยู่แล้ว แต่โตขึ้นลูกชายก็ต้องหล่อเหมือนฉันใช่ไหมล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นพอฉันแก่ตัวไปตอน
นั้นลูกก็จะหล่อมากกว่าฉัน ถึงตอนนั้นนายก็อาจจะสนใจลูกมากกว่าฉัน”ไม่รู้ว่าปิญญ์ชานนท์ยกเอาตรรกะไหนมาพูด แต่มันก็
ทำให้ขนมผิงอดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้เลย เรียกให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามอง

   “ฉันชอบตอนนายหัวเราะนะ”



   ---------------------------------------------------------------------------

   “เดหลี มานี่สิ”ผู้เป็นพ่อเรียกลูกสาวในขณะที่เธอกำลังเดินผ่านห้องพักผ่อนของบ้านด้วยท่าทางอิดโรยราวกับคนอดนอน

   “ว่าไงคะพ่อ”

   “นี่แกไม่ได้นอนรึยังไง ทำไมถึงได้โทรมแบบนี้ล่ะ ฉันลองติดต่อไปถามผู้จัดการส่วนตัวเองแก บอกว่าแกปฏิเสธรับงานทุก
อย่างทั้งละครทั้งถ่ายแบบ ถึงฉันจะมีเงินเหลือกินเหลือใช้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้แกมาหลบอยู่แต่ในบ้านไม่ออกหน้าออกตา
สังคมอย่างนี้นะ”

   “คือ…ช่วงนี้เดหลีเบื่อๆน่ะค่ะ แล้วก็รู้สึกไม่สบายด้วย”เดหลีบอกปัด ตาคู่สวยหลุบตามองมือของตัวเองที่จิกเข้าหากันแน่น
สีของน้ำยาทาเล็บที่ทาเมื่อนานมาแล้วเริ่มหลุดลอกจนดูไม่ได้

   “อย่าบอกนะว่าแกยังลืมไอ้ฝรั่งนั่นไม่ได้”

   “พ่อวางใจได้ค่ะ เดหลีกับมาเวลเราไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว”เพราะตั้งแต่รู้เรื่องที่ปิญญ์ชานนท์เป็นคนวางแผนเอาไว้ ตั้งแต่
นั้นมาเวลก็ไม่ได้ติดต่อเธอมาบ้างเลยทั้งที่ก่อนหน้าเทียวไปเทียวมาหาเธอบ่อยเป็นว่าเล่น

   “ยังไงซะวันนี้แกก็ช่วยออกไปทำตัวเองให้มันดูดีขึ้นมาหน่อยก็แล้วกัน วันพรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปพบอธิบดีกรมสอบสวน
พิเศษ ฉันได้ข่าวว่าลูกชายเขาพึ่งจะเรียนจบกลับมาจากนอก ถึงจะดูเด็กไปสักหน่อย แต่อนาคตก็คงไม่ต่างอะไรกับคนพ่อนัก แก
น่าจะรู้จักเอาไว้ จะได้ช่วยฉันหาทางหนีทีไล่กับเรื่องที่เป็นอยู่”

   “แต่เดหลีพึ่งจะ…”เธอพึ่งจะถูกถอนหมั้นโดยผู้ชายสองคนในระยะเวลาติดๆกัน ไม่สิ จะว่าผู้ชายก็ไม่ถูก ต้องเรียกว่าพวก
ผิดเพศต่างหาก พอคิดเธอก็แค้นใจขึ้นมา ทุกวันนี้มันทำให้เธอไม่กล้าที่จะออกหน้าไปเผชิญกับสังคมเพราะกลัวสายตาของคน
รอบข้างที่มองมา กี่คนกันที่กำลังสมน้ำหน้ากับความล้มเหลวจนไม่เป็นท่าที่เกิดขึ้น “แต่เดหลีไม่อยากไป”เธอตอบเสียงแผ่ว

   “แกต้องไป ฉันบอกแล้วไงว่าแกคือทางเลือกเดียวที่พอจะช่วยฉันกับพวกได้ บางทีถ้าเราได้เกี่ยวดองกับครอบครัวของ
อธิบดีของดีเอสไอ ฉันก็อาจจะพอมีทางรอดกับเรื่องพวกนี้”

   “เรื่อง? เรื่องอะไรเหรอคะ”เธอเหลือบตามองผู้เป็นบิดาด้วยความระแวง ตอนนี้เธอทั้งระแวงและทั้งกลัวว่าจะถูกจับได้กับ
สิ่งที่ทำ ความลับที่คอยทิ่มแทงอยู่ข้างหลังตลอดเวลา พอคิดได้มือทั้งสองข้างก็เริ่มสั่นขึ้นมาควบคุมไม่ได้

   “จะอะไรมันก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แกไม่ต้องรู้นั่นแหละดีแล้ว”ชายวัยกลางคนบอกปัดก่อนจะหันไปจ้องมองรายงานข่าวที่
ปรากฏอยู่หน้าจอทีวี “พูดถึงก็มาพอดี”

   เสียงที่ฟังดูสะใจอยู่ไม่น้อยพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มแสยะ ตาจ้องมองรายงานข่างเพลิงไหม้โกดังเก็บของที่อยู่ในเครือ
ของมณีรัตน์ส่งผลให้สินค้าที่เก็บอยู่ข้างในได้รับความเสียหายไปกว่าครึ่ง นอกนั้นก็เสียหายจากการเปียกน้ำ

   “ทะ ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะ”เดหลีหลุดพูดออกมาเสียงเบา ตาคู่สวยจ้องมองข่าวที่ปรากฏหน้าจอทีวีอย่างไม่เชื่อสายตา
จากรายงานข่าวบ่งบอกว่ารปภ.ถูกลอบทำร้ายและถูกวางยานอนหลับ ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือของผู้ไม่หวังดี แต่แล้วคนคนนั้น
คือใครล่ะ หญิงสาวได้แต่มองรอยยิ้มที่แสยะออกมาอย่างน่ากลัวของผู้เป็นพ่อ คงไม่ใช่ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอหรอกนะที่เป็นคน
ทำ ไม่อย่างนั้นพ่อของเธอก็จะยิ่งเพิ่มความผิดให้กับตัวเอง

   “พ่อ…เป็นคนทำเหรอคะ”

   “ฉันบอกแล้วไงว่ามันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ส่วนแกก็เตรียมตัวออกไปทำหน้าทำตาให้มันดูดีได้แล้ว”

   “ไม่ใช่ฝีมือพ่อใช่ไหม”

   “จะฝีมือใครแกจะรู้ไปทำไม ฉันบอกให้แกไม่ต้องสนใจแกก็ไม่ต้องสนใจไงล่ะ แต่สมแล้วกับที่มันสร้างความอับอายให้กับ
ฉัน ฉันหวังว่ารายต่อไปจะเป็นคู่ขาของมันที่จะโดนสั่งสอนให้ได้รู้สำนึก”

   เป็นพ่อของที่ที่ทำจริงๆด้วย เธออ่านมันได้จากคำพูดและรอยยิ้มอันน่ากลัวนั่น หญิงสาวได้แต่เดินออกกมาจากห้องนั่งเล่น
เธอกอดตัวเองราวกับว่ากำลังหนาวสั่นทั้งที่อากาศนั้นกำลังดี ริมฝีปากได้รูปแต่กลับแห้งผากนั้นถูกขบกัดจนแน่น เธอควรจะทำ
ยังไงดี ถึงแม้ว่าเธอกำลังสะใจกับเรื่องที่เกิด แต่ความผิดมันก็คือความผิด มันทำให้เธอทั้งกลัวและทั้งกังวลกับผลที่จะตามมา



   -------------------------------------------------------------------------------

   “ลำดวน คุณมาดูนี่สิ”พิศณุกวักมือเรียกภรรยาที่กำลังเดินผ่านห้องนั่งนั่งเลนให้ได้เดินเข้าไปหา ใบหน้าที่ยังดูงดงามถึงแม้
จะล่วงเลยวัยมองหน้าสามีด้วยความประหลาดใจที่หน้าจอโทรศัพท์ถูกยื่นมาให้ดู

   “มีอะไรเหรอคะ”

   “คุณดูนี่สิ เพื่อนผมส่งนี่มาให้ดู”หน้าจอของโทรศัพท์เครื่องทันสมัยโชว์ให้เห็นถึงข่าวซุบซิบที่อัพเดทเร็วทันใจต่อผู้อ่าน
“เขาถามผมว่าลูกของเรากับลูกของคุณอาทิตย์สนิทกันตั้งแต่เมื่อไร”

   เพราะภาพข่าวที่ปรากฏมันแสดงถึงความใกล้ชิดของลูกชายของฝั่งนี้กับฝั่งนั้นมากเกินกว่าที่ควร

   “ตายจริง!”

   “ผมจำได้ว่าเราเตือนเขาแล้วว่าไม่ให้เข้าใกล้ลูกของเรา แต่นี่อะไร เขาไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลยใช่ไหม เห็นลูกของเราเป็น
อะไรกันแน่ พอพวกเราเผลอก็แอบเข้าหาเป็นว่าเล่น ครั้งที่แล้วเห็นว่าเป็นคนช่วยชีวิตลูกเราเอาไว้หรอกนะผมถึงไม่พูดอะไร”

   “ใจเย็นๆค่ะ มันอาจจะบังเอิญก็ได้มั้งคะ”ลำดวนพยายามพูดให้สามีเธอใจเย็น

   “จะให้ผมใจเย็นได้ยังไง ถึงลูกของเราจะเป็นผู้ชาย แต่คุณก็อย่าลืมว่าลูกของเราน่ะท้องได้ ถ้าเกิดท้องขึ้นมาอีกล่ะจะทำ
ยังไง ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บใจ พอเข้าหน้าบ้านไม่ได้ก็แอบเข้าหลังบ้าน มันน่านัก”

   “คุณพูดอย่างกับหวงลูกสาวเลยนะคะ”ลำดวนหัวเราะคิกคัก

   “มันก็น่าไหมล่ะ”

   “แล้วถ้าลูกของเราท้องขึ้นมาอีกล่ะคะ คุณจะทำยังไง”

   “จะทำยังไงได้ ก็ต้องเอาเรื่องจนถึงที่สุดสิ ผมไม่ยอมให้ลูกเราถูกทำร้ายอีกเป็นครั้งที่สองหรอกนะ”

   “พอพูดถึงเรื่องลูกก็ดูจริงจังขึ้นมาเลยนะคะ”

   “ไม่ได้หรอก ถ้าบ้านเราจะต้องมีลูกเขยเข้าจริงๆ อย่างน้อยผมก็อยากได้ลูกเขยที่ดูพึ่งพาได้มากกว่านี้”พิศณุพูดกันท่าเอา
ไว้ทันที ตาจ้องมองภาพข่าวในหน้าจอโทรศัพท์ คนอย่างปิญญ์ชานนท์ ลูกชายของคนที่เคยคิดที่จะมายุ่งกับภรรยาของเขา ยัง
ไงเขาก็จะไม่ยอมให้คนคนนี้ผ่านด่านเข้ามาได้ง่ายๆแน่



------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้เน้นขำๆเนอะ เขียนไปยิ้มไป เขียนไปขำไป ถ้าลูกคลอดออกมาเเล้วเป็นลูกสาวจริงเฮียแกคงเต้นบัลเล่รอบโรงพยาบาลเลย ฮ่าๆ นี่ขนาดยังไม่คลอดออกมานะ ทึกทักเอาเองตาหลอด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 08:16:05 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
โห กว่าคุณพ่อตาจะได้ฤกษ์ออกโรง เขามีลูกด้วยกันจะสามคนละฮะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aommama

  • เป็ดมึน คนเซอร์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-5
ถ้าคุณปิญเต้นบัลเล่ นี้เตรียมกล้องไว้รอเลย 555555
 :hao7:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ไม่ทันแล้วมั้งคะคุณพ่อ 4 เดือนละ 5555

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ลูกเขย กับ พ่อตา ..

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ไม่ทันล่ะคุณพ่อ ขนมผิงโดนเสกเด็กเข้าท้องนานแล้วท5555

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
39 กระโปรงตัวเล็กๆ

   รถคันสีดำสนิทที่เจ้าของของมันไม่ได้เป็นคนขับหากแต่เป็นเพียงตุ๊กตาหน้ารถขับมาจอดหน้าประตูบ้านมณีรัตน์ ขนมผิงยืด
ตัวขึ้นเล็กน้อยเพราะความอิ่มทำให้เขาหลับไปอีกรอบในระหว่างขับรถกลับมา เขาหันไปมองร่างสูงใหญ่ของปิญญ์ชานนท์เปิด
ประตูออกไปจากรถก่อนจะเปิดประตูรถออกไปบ้าง

   “ฉันส่งนายแค่นี้นะ หลังจากนี้นายคงต้องขับเข้าไปเอง”

   “อืม”ขนมผิงรับคำ “แล้วคุณจะหลับยังไง”

   “ฉันให้คนขัยรถมารอรับอยู่ก่อนหน้าแล้ว นั่นไง”โบ้ยหน้าไปทางรถคันสีดำจอดอยู่ริมกำแพงบ้าน

   “คุณ…จะเข้าไปกินน้ำในบ้านสักหน่อยไหม”ขนมผิงออกปากชวน ตาคู่คมเบือนหนีไปมองประตูบ้านของตนอง

   “มันคงไม่ดีแน่หากพ่อนายจะเห็นหน้าฉันตอนนี้”ครั้งที่แล้วเขาจำได้ดีเลยล่ะว่าถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้ขนมผิงยังไง ยังไงซะ
มันก็ยังไม่ถึงเวลา

   “งั้นกลับดีดีล่ะ”

   “นายก็อย่าเอาแต่ทำงานจนลืมพักผ่อนล่ะ ไว้พร้อมเมื่อไรค่อยเข้ไปหาฉันที่บริษัทหรือถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวเราจะ
ไปที่คอนโดของฉันก็ได้นะ”คำพูดเป็นนัยน์ของปิญญ์ชานนท์เรียกให้ขนมผิงตวัดตามอง “ฉันล้อเล่นนะ” ชายหนุ่มไหวไหล่ก่อน
จะก้าวเดินออกไป ทว่าท่อนแขนก็ถูกคว้าเอาไว้ด้วยมือผอมให้ชะงักหันหลับมามอง

   “อีกสองอาทิตย์ผมจะไปตรวจร่างกาย แล้วจะอัลตร้าซาวด์ ถ้าหากคุณว่างบางทีคุณอาจจะอยากได้ด้วยกัน”ขนมผิงบอก
เสียงเบา ตาคู่สีโศกไม่สบตาคู่คมที่มองมา

   “ไปสิ ฉันต้องไปแน่อยู่แล้ว แล้วคอยดูว่าลูกของเราต้องเป็นลูกสาวแน่นอน”

   “อืม”

   “ไว้วันหลังเราไปซื้อกระโปรงตัวเล็กๆด้วยกันนะ ฉันไปล่ะ มีอะไรต้องไปทำอีกเยอะเลยทีเดียว”ปิญญ์ชานนท์บอกก่อนจะ
ยกยิ้มแล้วเดินจากไป



   “ไปไหนมาตาผิง แม่กับพ่อก็เป็นห่วงแทบแย่ โทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง ถามหากับใครก็ไม่เห็น นี่พ่อเขาจะออกไปแจ้งความ
แล้วนะ”ลำดวนปรี่เข้ามาหาลูกชายทันทีที่ลูกชายเดินเข้าไปในห้อง

   “สงสัยแบตจะหมด ผิงขอโทษที่ทำให้แม่กับพ่อเป็นห่วง”

   “แล้วไปไหนมาล่ะฮึ”

   “ผิงไป….”ขนมผิงอ้ำอึ้ง ทั้งบิตาและมารดาต่างก็จ้องมองมาที่เขาราวกับจำคาดคั้นเอาคำตอบ

   “ไปกับคุณปิญญ์มาใช่ไหม”ในที่สุดผู้เป็นพ่อก็พูดแทนออกมา”

   “พ่อรู้ได้ยังไง”

   “มีอะไรเกี่ยวกับลูกที่พ่อไม่รู้บ้าง สงสัยที่พ่อพูดกับเขาไปครั้งที่แล้วคงไม่มากพอ ถึงได้ยังยุ่งกับผิงอยู่อย่างนี่”

   “พูดอะไรเหรอครับ”

   “ไม่มีอะไรหรอก แล้วทำไมถึงได้ไปกับเขาล่ะ คนอย่างนั้นไม่น่าไว้ใจหรอกนะพ่อจะบอกเอาไว้เลย”

   “คุณพิศคะ อย่าไปว่าคุณปิญญ์เขาอย่างนั้นสิ”

   “มันก็จริงไหมล่ะ เห็นลูกของเราตามไม่ทันไงเล่ห์กล ถึงได้ได้ใจอยู่อย่างนี้”

   “หมายความว่ายังไง ผิงไม่เข้าใจที่พ่อกับแม่พูดเลยนะครับ”ขนมผิงจ้องมองทั้งพ่อกับแม่สลับกัน

   “เอาเป็นว่าผิงรู้ไว้แค่ว่าพ่อของผิงไปพูดห้ามคุณปิญญ์ไม่ให้เข้าใกล้ผิงก็พอ”ลำดวนตอบแทนสามี

   “แต่เขากำลังช่วยเราจัดการปัญหาอยู่นะครับ ผิงไม่ไปเจอเขาไม่ได้หรอก”

   “ช่วย? ช่วยที่ว่าน่ะช่วยอะไรล่ะ พ่อไม่เห็นว่าเขาจะช่วยอะไรนอกจากจะทำให้เรื่องแย่ขึ้นไปอีก”พิศณุบ่นอุบ นึกถึงข่าวที่
เอาไปลงซุบซิบถึงความสัมพันธ์ของลูกชายกับอีกฝ่ายให้ยิ่งแย่ไปใหญ่

   “เขาจะช่วยเราผลิตสินค้าในส่วนที่ขาดให้ทันวันกำหนด”

   “จะบอกว่าที่หายไปด้วยกันนี่ไปคุยเรื่องงานกันใช่ไหม”

   “คะ…ครับ”ขนมผิงตอบรับอย่างช่วยไม่ได้

   “แน่ใจนะว่าแค่เรื่องงาน แล้วทำไมจู่ๆเขาถึงยื่นมือเข้ามาช่วยเราล่ะ”

   “ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะครับ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

   “ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่านอกจากเรื่องงานก็อย่าไปยุ่งกับเขาแล้วกัน อายุอานามก็น่าจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ได้แล้วแท้ๆ
เชียว ดันมาสร้างความวุ่นวายให้กับคนอื่น”

   “คุณพิศคะ นี่คุณบ่นเรื่องนี้มาหลายชั่วโมงแล้วนะคะ”

   “ก็จะไม่ให้ผมบ่นได้ยังไงกัน ก็เขา…”

   “เอาเป็นว่าผิงขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าแล้วค่อยลงมาดีกว่านะ ปล่อยให้พ่อเขาบ่นไปคนเดียวเถอะ แม่ก็ชักจะขี้เกียจฟังแล้ว
ล่ะ”ลำดวนตัดบทก่อนสามีจะพูดจบแล้วดันหลังให้ลูกชายเดินออกไปจากห้อง



   -----------------------------------------------------------------------------

   เป็นวันที่อากาศดีอีกหนึ่งวันของปีและเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวอีกครั้ง ปิญญ์ชานนท์จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างของห้องทำงาน
ที่อยู่บนตึกสูง เขากำลังจินตนาการถึงภาพลูกสาวตัวน้อยๆอยู่ทั้งที่อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจะต้องเข้าประชุมถึงเรื่องออร์เดอร์ที่ต้อง
เร่งลัดคิวผลิตให้กับมณีรัตน์ เสียงเคาะประตูห้องปลุกให้ชายหนุ่มละสายตาอออกจากวิวสวยหันไปมองเลขาหนุ่มเดินเข้ามาด้วย
สีหน้าเรียบเฉย

   “มีคนมาขอพบน่ะครับ แต่ไม่ได้นัดเอาไว้”

   “ใครกันไม่ได้นัดแต่กล้ามาขอพบฉับแบบนี้”

   “ประธานของมณีรัตน์ครับ”

   “งั้นก็ให้เข้ามาสิ นายก็รู้ดีนี่ว่าเขาเป็นใครให้เขารอได้ยังไงกัน”เขาเป็นถึงเมียของเจ้านายจะให้รอได้ยังไงกัน ปิญญ์ชา
นนท์ติ

   “แต่ว่าอีกไม่ถึงสิบห้านาทีก็จะถึงเวลาประชุมแล้วนะครับ”

   “ให้เขาเข้ามาได้เลย ฉันไม่อยากให้เขารอนาน”

   “ได้ครับ”เลขาหนุ่มรับคำ สีหน้าเริ่มกระอักกระอ่วน จริงอยู่ที่แขกที่มาขอพบเป็นประธานของมณีรัตน์จริง แต่เขาก็บอกไม่
ได้ว่าเป็นประธานคนเก่าเพราะถูกคนที่ว่ากำชับเอาไว้ว่าห้ามบอกแบบนั้น แต่มันก็สายไปเสียแล้ว



   “ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะ”เสียงของคนมีอายุเรียกให้ชายหนุ่มชะงัก คิ้วข้าวขวากระตุกเล็กน้อยบอกลาง

   “คุณพ่อ?แล้วขนมผิงล่ะครับไม่ได้มาด้วยเหรอครับ”ปิญญ์ชานนท์ถามพลางยืดตัวตรง กุลีกุจอดึงเก้าอี้เชิญแขกนั่งถึงแม้จะ
ผิดหวังอยู่บ้างก็ตาม

   “คิดว่าผมจะปล่อยให้ลูกชายของเรามาหาคุณคนเดียวรึไง”

   “เปล่าครับ”

   “งั้นก็ดี ผมจะไม่พูดพล่ามให้มากเรื่องกับคุณหรอกนะที่ผมมาวันนี้ผมแค่อยากจะมาขอบคุณที่คุณช่วยเหลือพวกเรา ก็ไม่รู้
หรอกนะว่าคุณต้องการอะไรถึงทำอย่างนี้ ทางเราก็ขอรับน้ำใจเอาไว้ด้วยความยินดีและซาบซึ้งกับน้ำใจของคุณมาก”

   “เล็กน้อยน่ะครับ ผม…ไม่ได้ต้องการอะไรเลย”ซะที่ไหนกัน ในเสื่อไอ้สิ่งที่ต้องการหากพูดออกไปประวัติจะซ้ำรอยเอา
เมื่อไรก็ไม่อาจรู้

   “อย่างงั้นเหรอ ช่างเป็นคนที่มีน้ำใจจริงๆ น่าแปลกใจที่ทำไมถึงยังได้ไม่แต่งงานและมีครอบครัวที่ดีพร้อมสักทีนะ จะว่าไป
ผมเองก็มีหลานสาวที่พอจะแนะนำให้คุณได้อยู่นะ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่คุณช่วยชีวิตลูกผมเอาไว้แล้วยังช่วยกู้สถานการณ์
ของมณีรัตน์อีก ไว้ผมจะนัดให้คุณไปทำความรู้จักกับหลานสาวก็แล้วกัน”

   “เรื่องนี้ผมคงต้องขอปฏิเสธ ผมมีคนที่อยากจะใช้ชีวิตด้วยกันเป็นครอบครัวด้วยอยู่แล้ว”แบบนี้มันเรียกว่ามากันท่ากันไม่ใช่
รึไง ยิ้มที่ส่งให้อีกฝ่ายเริ่มจะเบาบางลงทีละนิด

   “แล้วใครกันล่ะที่คุณอยากจะใช้ชีวิตด้วยกันแบบครอบครัวน่ะ”

   “ขนมผิงครับ”ชายหนุ่มตอบออกมาชัดถ้อยชัดคำ “ผมอยากจะใช้ชีวิตที่เหลือยู่ด้วยกันกับขนมผิงครับ”

   “ที่พูดมาทั้งหมดคุณไม่เข้าใจที่ผมเคยพูดเอาไว้ในครั้งนั้นใช่ไหม คุณไม่รู้หรอกว่าขนมผิงต้องเจอกับอะไรมาบ้าง ทางที่ดี
คุณเลิกเข้าใกล้ลูกชายของเราดีกว่า ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เขาอ่อนแอเกินไปที่จะเจอเรื่องร้ายๆซ้ำสองอีกครั้ง ถือว่าผมจะพูด
อีกแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็แล้วกัน”

   “ผมทำไม่ได้อย่างที่คุณพ่อต้องการไม่ได้หรอกครับ ถึงเวลาผมจะอธิบายกับคุณพ่อทั้งหมดเอง”ปิญญ์ชานนท์ยังคงยืนยัน
คำเดิม

   ทั้งห้องทำงานของชายหนุ่มตกอยู่ในความเงียบได้พักใหญ่จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังขึ้นเรียกให้ชายหนุ่ม
กดสปีคโฟนรับ

   ‘อีกห้านาทีได้เวลาเข้าประชุมแล้วนะครับ’

   “ฉันรู้แล้ว ขอบใจ”ปิญญ์ชานนท์ตอบรับเลขาหนุ่มก่อนจะกดวาง

   “ก็นะ บางทีต่อให้อายุมากเท่าไรก็อาจจะคุยบางเรื่องกันไม่รู้เรื่อง ยังไงจะให้คนส่งของขวัญแทนคำขอบคุณมาให้ก็แล้ว
กัน”พิศณุลุกขึ้นด้วยท่าทีนิ่งเฉยต่างจากทุกที ยังไงซะการที่เขามาที่นี่เรื่องสำคัญมันไม่ใช่ธุรกิจ หากแต่เป็นเรื่องของอนาคตของ
ลูกชายมากกว่า มันเป็นการปกป้องตามสัญชาติญาณของคนเป็นพ่อที่ไม่เคยทำหน้าที่มาตลอดยี่สิบกว่าปี แต่ดูเหมือนว่ามันจะ
ล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะความรั้นของอีกฝ่ายที่ต้องการจะกันให้ห่างจากลูกชาย

   “เดี๋ยวผมไปส่งนะครับ”

   “ไม่ต้องหรอก มีเรื่องสำคัญจะต้องไปทำไม่ใช่รึไง”

   “เดินทางปลอดภัยนะครับ”ปิญญ์ชานนท์ได้แต่ยืนส่งชายวัยกลางคนอยู่แค่ประตูห้อง จ้องมองแผ่นหลังของร่างนั้นเดินออก
ไปกับคนสนิทจนลับตา

   ดูท่าการกีดกันของพ่อตาจะเริ่มรุนแรงขึ้นในขณะที่เขาเริ่มรุกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ขนมผิงใจกำลังค่อยๆเปิดใจให้แล้วแท้ๆ
ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ เรื่องศัตรูที่ต้องคอยระวังก็หนักเอาการอยู่แล้ว ยังจะมาเรื่องไม่ผ่านกระประเมินจากพ่อตาอีก แล้วการ
ประชุมในอีกไม่กี่นาทีเขาจะทำสมาธิกับมันไหมก็ยังไม่รู้

   -----------------------------------------------------------------------------

   “ปะป๊ามารับแล้ว เย้”ร่างป้อมอ้วนท้วนวิ่งมากระโดดขึ้นมาเกาะขนมผิงอย่างที่เคยชินใบหน้ากลมยิ้มจนแก้มปริเมื่อเห็นว่า
เขามารับ

   “ว่าไงตัวแสบ ทำไมหนักอย่างนี้ล่ะ ถ้าหนักอย่างนี้ปะป๊าไม่อุ้มแล้วนะครับ อุ้มไม่ไหว”เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องระวังเรื่อง
การออกแรง การยกของหนักหรือการอุ้มลูกชายคนใดคนหนึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเด็กที่อยู่ในท้องได้

   “แต่กิมอยากให้อุ้มนี่ฮะ”

   “แล้วสลิ่มล่ะ ทำไมถึงเอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้น เป็นอะไรรึเปล่า”ถามเมื่อสลิ่มเอาแต่ยืนเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ไกลๆไม่กล้า
เดินเข้ามาหาต่างจากทุกทีที่จะวิ่งมากระโดดเข้าใส่

   “น้องหลิ่มอิจฉาเหมียว”

   “เหมียว?”

   “แล้วเหมียวเป็นใครล่ะ ไหนมาเล่าให้ปะป๊าฟังหน่อยสิครับคนเก่ง”ขนมผิงย่อตัวกวักมือให้ลูกชายคนเล็กเดินเข้ามา
ใกล้”สุดท้ายสลิ่มก็ยอมเดินเข้ามาหาช้าๆแล้วเอนตัวกอดคอของขนมผิงทั้งที่ริมฝีปากเล็กๆกำลังเบะอยู่

   “หลิ่มไม่ชอบเหมี้ยวเลย”

   “ทำไมล่ะครับ”

   “เหมียวชอบอวดว่ามีน้อง หลิ่มอยากมีน้อง ทำไมปะป๊าไม่มีน้องให้หลิ่มบ้างฮะ หลิ่มจะได้เอาไปอวดเหมียวบ้าง”

   “กิมก็อยากมีน้องนะฮะ แต่กิมไม่ร้อง กิมเป็นพี่ต้องเข้มแข็ง”ปลากริมเดินเข้ามากอดน้องชาย

   “ทำไมถึงอยากมีน้องกันขึ้นมาล่ะ”ถามออกไปใจที่อยู่ในอกมันเต้นรัว มันก็ดีอยู่หรอกที่ลูกๆอยากจะมีน้องตัวเล็กๆแบบ
เพื่อนคนอื่นบ้าง และสำหรับครอบครัวของเขาแล้วพ่อกับแม่จะยินดีด้วยรึเปล่า ความอับอายที่เกิดจากประวัติซ้ำรอยมันกำลังจะ
หวนกลับมาอีกกครั้ง

   “หลิ่มอยากมีน้องตัวเล็กๆแบบเหมียว เหมียวเอารูปมาอวดทุกวันเลย”

   “เหมียวบอกว่าเวลาอยู่บ้านได้ป้อนมให้น้องด้วย น้องของเหมียวตัวเล็กเหมือนลูกแมวเลยฮะ”

   “แน่ใจนะว่าอยากมีน้องกัน”

   “แน่ใจฮะ/แน่ใจฮะ”ทั้งสองคนพยักหน้าพร้อมกัน ริมฝีปากเล็กฉีกยิ้มกว้างอวดเหงือกสีสดจนตาปิด

   “งั้นสัญญากับปะป๊าก่อนนะครับว่าจะรักน้อง และช่วยปะป๊าดูแลน้องและที่สำคัญห้ามอิจฉาน้องเวลาที่ปะป๊าดูแลน้องโอเค
ไหม”

   “โอเคฮะ/ได้ฮะ”

   “ปะป๊าไม่อุ้มแล้วนะครับ ถ้าจะให้ปะป๊ามีน้องให้”

   “ฮะ/ฮะ”รีบพยักหน้าหงึกๆด้วยความดีใจ

   “แล้วก็ความลับนะครับห้ามบอกใครแม้แต่คุณตากับคุณยาย”

   “ไม่บอกฮะ/ไม่บอกฮะ”ขนมผิงยกนิ้วขึ้นมาทำท่าจุ๊ๆ เจ้าตัวแสบทั้งสองคนเห็นก็ยิ้มแป้นพากันกระโดดดีใจไปมาก่อนจะ
คว้ามือของขนมผิงเอาไว้คนละข้างแล้วเดินตามแรงจูง

   ท้องของเขาก็เริ่มที่จะขยายมากขึ้นทุกที ยังไงซะสักวันความลับก็ต้องเปิดเผย เพียงแค่ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไรเท่านั้น

   ---------------------------------------------------------------------------
[จบครึ่งแรก]

"ไปซื้อกระโปรงตัวเล็กๆด้วยกันไหมครับ" ปิญญ์ได้กล่าวเอาไว้ เรื่องเปย์ผมไม่มีปัญหา ผมกระเป๋าหนัก ยินดีจ่ายทุกบาทเพื่อลูก
เมีย
ตอนนี้เขามีการชวนกันไปนู่นนี่นั่นด้วยแหละคู๊ณณณณ มีการพัฒนา พ่อปิญญ์เริ่มมีโอกาสได้พาเมียไปหาหมอตามประสาคุณพ่อและนะ เธออออ

มีต่อ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 08:18:39 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ช่วงนี้คุณสามีทำตัวได้น่ารักจิงๆ :mew1:

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
แอร๊ยยยยยยย ดีงามมมมมม!!!! ว่าแต่ชวนกันไปซื้อกระโปรง??ตอนท้องนี่นะ?
ต่อให้คลอดแล้วก็อีกกี่ปีกว่าจะได้ใส่กระโปรงคร้าคุณพ่อ?!!! ไม่ค่อยจะเห่อเล้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ไม่เห่อเท่าไหร่เลยค่า ชวนไปซื้อกระโปรงละ คึคึ
แต่คุณตาทำไมใจแข็งจังค๊าาา
ยอมให้ลูกเขยอย่างคุณปิณมาดูแลขนมผิงเถอะ นะๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด