❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณทีมใคร????

ทีมปิญญ์ # หล่อเลวแบบนี้ใช่เลย จัดหนักจัดเต็ม
26 (15.3%)
ทีมขนมผิง # แกมาทำร้ายชั้นเรอะ ไม่ยอม ฉันจะเอาคืน
38 (22.4%)
ทีมแฝดลูกหมู # ปล่อยให้พ่อๆไปเคลียกันเอง มุ้งมิ้งกันสองคน
106 (62.4%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 170

ผู้เขียน หัวข้อ: ❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖  (อ่าน 291653 ครั้ง)

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
ผิงสู้ อย่ายอมแพ้

ออฟไลน์ PaTtO

  • อาซามิซามะ.. ทาคาบะ4ever
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1638
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
หูย นายเอกมันต้องแบบนี้
แซ่บมาก เข้มแข็งดีมากค่ะผิง

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
7 สิ่งที่ต้องการ

              ขนมผิงกดลิฟท์ไปพลางคิดอะไรไปพลาง ริมฝีปากได้รูปยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงใครบางคนที่พึ่งจะกลับไป

              ความรู้สึกราวกับถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นที่มองไม่เห็น ทำให้หัวใจเอ่อล้นไปด้วยความสุขในแบบที่เขาไม่ได้สัมผัสมันมานานแล้ว

              ปลายนิ้วกดรหัสหน้าประตูก่อนจะเปิดประตูห้องอย่างช้าๆพร้อมกลับรอยยิ้มที่ยังคงติดอยู่บนใบหน้า พลันรอยยิ้มบนใบหน้านั้นกลับเลือนหาย

              “ไง กลับมาแล้วเหรอ”น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันเอ่ยทักทันทีที่ก้าวพ้นขอบประตู

              นี่มันหมายความว่ายังไงกัน!! ปิญญ์ชานนท์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

              แล้วเด็กๆที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนพื้นข้างๆกับร่างสูงราวกับว่าสนิทสนมมันอะไรกันนะ

              “คุณปิญญ์!! คุณเข้ามาได้ยังไง!!”

              “เด็กๆเปิดประตูรับฉันเข้ามา ดูท่าลูกๆของนายจะดูเป็นเด็กที่ฉลาดและว่าง่ายพอตัวนะ”อีกฝ่ายไหวไหล่ พยักหน้าไปทางเก้าอี้ที่วางอยู่หน้าประตู

              ดูท่าว่าเด็กแฝดทั้งสองคนจะมองผ่านตาแมวแล้วช่วยกันเปิดประตูให้ปิญญ์ชานนท์เข้ามาสินะ

              “ออกไปซะ ที่นี่ไม่ต้นรับคุณ”บอกออกไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวจนเด็กๆเริ่มเงยหน้าขึ้นมามองทั้งที่มือยังหยิบจับของเล่นเตรียมชวนแขกผู้มาเยือนเล่นด้วยกัน

              “ปลากริม สลิ่ม เข้าไปรอปะป๊าในห้องก่อนนะครับ”ขนมผิงหันไปสั่งเด็กๆ

              เด็กๆพยักหน้าตบรับอย่างมึนงง แต่ก็ยอมหยิบฉวยเอาของเล่นติดไม้ติดมือแล้วพากันเดินเข้าไปในห้องนอนเงียบๆ

              “อะไรกัน ฉันกำลังเล่นกับเด็กๆสนุกเลยเชียว ทำไมนายถึงสั่งให้เด็กๆเข้าไปในห้องซะได้ล่ะ”อีกฝ่ายบอกพลางเหยียดยิ้มออกมา

              มันช่างเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ชวนให้น่าอึดอัดยิ่งนัก ขนมผิงได้แต่ขบเม้มริมฝีปากของตนเองแน่น จ้องมองอีกฝ่ายเขม็งด้วยสายตาที่แค้นเคืองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อคนที่อยู่เบื้องหน้า

              “ออกไปก่อนที่ผมจะเรียกรปภ.มาโยนคุณออกไป”

              “ไม่มีใครเขาอยากจะยุ่งเรื่องผัวเมียหรอกน่า นายก็น่าจะรู้ดี”

              ปิญญ์ชานนท์ไม่เพียงแค่พูดย้ำในสถานะที่น่าสมเพช แต่กลับลุกขึ้นแล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้ประตูห้องของเด็กๆจนขนมผิงต้องปรี่เข้าไปขวางเอาไว้

              “อย่าได้มายุ่งกับลูกของผม อย่าได้เอาความคิดต่ำๆของคุณมาแสดงออกต่อหน้าเด็กๆ”

              “ทำไมล่ะ ทีกับนายวุฒินายยังให้หมอนั่นเข้ามาอยู่ด้วยตั้งนานสองนาน ทีกับฉันที่พึ่งจะมาถึงได้ไม่กี่นาทีนายกลับไล่ฉันเหมือนหมูเหมือนหมา จะไม่ใจร้ายกับผัวไปหน่อยรึไง”

              ผล๊วะ!!

              หมัดเล็กๆส่งเข้าไปที่ริมฝีปากที่เอาแต่พูดพล่ามในสิ่งที่น่ารังเกียจ

              ใบหน้าคมคายหันไปตามแรงกระแทกเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาพร้อมกับของเหลวสีแดงสดติดอยู่มุมปาก

              ปลายลิ้นชิ้นตวัดเลียมุมปากเล็กน้อยก่อนจะกลืนรสปร่าลงคอ ส่งสายตาดุดันจ้องมองมาที่ใบหน้าของขนมผิงด้วยความไม่พอใจ

              “ถึงคุณกับพี่วุฒิจะมีสายเลือดเดียวกัน แต่มันไม่ได้หมายความว่าพี่วุฒิเขาจะมีจิตใจที่สกปรกต่ำช้าแบบคุณ มันอาจจะเป็นเพราะอาหารที่คุณกินเข้าไปรึเปล่านะ มันถึงทำให้คุณพูดพล่ามแต่สกเน่าๆออกมาแบบนี้”ขนมผิงเหยียดยิ้มออกไปเพื่อยินยันในสิ่งที่ตนพูด ตาคู่สวยจ้องมองอีกฝ่ายแน่นิ่งพลางเชิดหน้าขึ้นอย่างถือตัว

              “นายกล้าทำร้ายผัวตัวเองขนาดนี้เลยรึไง สงสัยว่าสามปีมันจะนานเกินไปจนจำเรื่องระหว่างเราไม่ได้แล้วสินะ”

              พูดจบมือใหญ่ราวกับคีมเหล็กก็ตะปบเข้ามาที่ต้นแขนผอม บีบจนขนมผิงรู้สึกเจ็บร้าวไปถึงกระดูก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเงยหน้าขึ้นจ้องตอบแววตาของอีกฝ่าย

              “อย่าเอามือสกปรกขอคุณมาแตกต้องตัวผม”

              “อย่าทำเป็นกระแดะไปหน่อยเลยในเมื่อตัวนายมันก็สกปรกพอๆกัน อย่าลืมสิว่ามือสกปรกคู่นี้มันบีบเค้นไปทั่วตัวนายรุนแรงแค่ไหน”

              ไม่หยุดแค่บีบมือลงมาที่แขน แต่ปิญญ์ชานนท์กลับใช้อีกมือยกขึ้นมาบีบกรอบหน้าของเขาเอาไว้

              ไม่ทันตั้งตัวนัยน์ตาคู่สวยก็ต้องเบิกกว้างเมื่อริมฝีปากได้รูปกดกระแทกลงมาให้ได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในโพลงปาก

              ขนมผิงพยายามที่จะผลักอกของอีกฝ่ายให้ออกห่าง แต่มันก็เท่านั้นเมื่อปิญญ์ชานนท์โถมกายและตรึงใบหน้าเขาเอาไว้แน่น บังคับให้ตอบรับจูบที่ไม่ได้เต็มใจ

              ขนมผิงเปลี่ยนเป็นใช้มือผลักอกอีกฝ่ายมาเป็นจิกเล็บลงบนลาดไหล่ ฝังปลายเล็บลงบนไหล่หนาเมื่อปลายลิ้นของอีกฝ่ายสอดแทรกเข้ามายามที่เขาเปิดริมฝีปากเพื่อสูดอากาศหายใจ

              มันยิ่งน่ารังเกียจเมื่อปลายลิ้นนั้นสอดแทรกเข้ามาลึกและพยายามเกี่ยวกระหวัดป้อนจูบที่ทั้งรุนแรงและหนักหน่วง

              กึก!!

              ขนมผิงตัดสินใจกัดฟันลงบนปลายลิ้นที่รุกราน หากแต่อีกฝ่ายกลับรู้ตัวและถอนจูบออกก่อนที่ลิ้นจะขาดเสียก่อน

              “มันจะมากไปแล้วนะขนมผิง!!”ตวาดเสียงดังก่อนจะเช็ดเลือดที่ไหลย้อนออกมาจากมุมปาก

              “หึ! ก็สมควรแล้วนี่”ขนมผิงแสยะยิ้มพลางเช็ดเลือดออกจากมุมปากไม่ต่างกัน

              มันก็สมควรแล้วนี่ ในเมื่อปิญญ์ชานนท์เป็นฝ่ายที่ทำให้เขาเสียเลือดก่อน เขาก็จะทำให้อีกฝ่ายเสียเลือดมากกว่า…ให้มากกว่าเป็น

              “หมาอย่างนายนี่มันกัดไม่เลือกจริงๆ ดูท่าฉันคงจะต้องทำให้นายเชื่อสินะ ขนมผิง”

              ปิญญ์ชานนท์จ้องมองมาด้วยแววตาที่ขุ่นเคือง หากแต่นั่นขนมผิงกลับไม่ได้สะทกสะท้านเลยสักนิด

              “ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองทำดูสิครับ”

              ยกยิ้มอย่างท้าทายพร้อมกับจ้องลึกเข้าไปในตาคู่ดุดัน

              “เก่งนักนะที่กล้ามาท้าทายคนอย่างฉัน!!”

              เหมือนว่าชายหนุ่มจะทนไม่ไหวแล้ว เขาปรี่เข้ามากระชักตัวของขนมผิงให้เซเข้าไปหาตัว

              และไม่หยุดอยู่แค่นั้นเมื่อครั้งนี้มันดูรุนแรงมากกว่าเก่า แขนแข็งแรงดอบเอาเอวสอบไว้แน่นด้วยท่าทีคุกคาม

              “ปล่อยนะ!! คุณไม่มีสิทธิมาแตะต้องตัวผม!!”

              “ทำไมล่ะ ฉันมีสิทธิเต็มที่เลยนะ นายอย่าลืมสิว่าฉันเป็นผัวนาย รึว่านายลืมไปแล้ว”

              “ไอ้โรคจิต!! อย่ามาใช้ถ้อยคำทุเรศกับผมนะ ผมจะเตือนคุณครั้งสุดท้าย ก่อนที่คุณจะต้องเป็นฝ่ายเสียหน้าถูกจับโยนออกไปจากที่นี่”

              อ้อมแขนของปิญญ์ชานนท์นั้นกอดรัดแน่นจนดิ้นไม่หลุด แม้สีหน้าของขนมผิงนั้นจะเต็มไปด้วยโทสะ แต่แท้จริงแล้วภายใจใจลึกๆยังคงเป็นห่วงกลัวว่าอีกฝ่ายจะมาแย่งเอาเด็กๆไป

              ทำไมกันนะ!! ในเมื่อเขายอมที่จะถอยออกมาในวันที่อีกฝ่ายไล่เขากับลูกๆออกไปจากชีวิต ทำไมปิญญ์ชานนท์ถึงต้องตามตอแยตามรังควาญเขาด้วย หรือเพียงเพราะต้องการแก้แค้นให้พ่อตนเองกัน

              “ถ้านายคิดว่าทำได้ก็ลองดูสิ”

              เป็นราวกับกระสุนบอกเริ่มเกม สิ้นเสียงร่างกายก็ลอยหวือตามแรงกระชากเข้าไปในห้องนอนอีกฝากกับห้องของเด็กๆ

              “จะทำอะไร!!”

              ขนมผิงถามด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว ภาพความทรงจำสุดแสนจะเลวร้ายวนกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง

              ไม่!! เขาเฝ้าบอกตนเองนับครั้งไม่ถ้วนภายในเสี้ยววินาทีที่ถูกดึงให้ตามเข้ามาในห้องที่เคยถูกย่ำยีนี้

              ถูกย่ำยีทั้งที่ยังตั้งท้องเด็กๆอยู่!!

              “จะถามทำไมล่ะ ในเมื่อของมันเคยๆกันอยู่”

              “ไม่!! คุณมันโรคจิตคุณปิญญ์ ออกไปนะ ออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้!!”

              มันยากที่จะขัดขืนด้วยแรงกายเมื่อเขาถูกดึงให้ก้าวผ่านประตูนรกเข้ามาแล้ว ภาพในอดีตยิ่งชัดเจนมากขึ้นกว่าเก่า

              ขนมผิงไม่มีทางเลือกแล้ว เขาก้มลงกัดเข้าที่ต้นแขนของอีกฝ่ายเต็มแรง

              “โอ้ย!! บ้าเอ้ย!! นายนี่มันไม่เชื่องง่ายๆสินะ ดูท่าฉันคงจะต้องใช้กำลังสั่งสอนนายซะแล้ว”

              เพี๊ยะ!!

              สิ้นเสียงใบหน้าเกลี้ยงเกลาก็หันไปตามแรงฝ่ามือของอีกฝ่าย แรงพอที่จะทำให้คนที่ไม่ทันได้ตั้งหลักเซถลาลงไปบนพื้น

              “ฮึก!! คุณมันดีแต่ใช้กำลัง ไอ้ชั้นต่ำ”ขนมผิงเค้นเสียงต่ำ เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้น มือข้างหนึ่งจับใบหน้าร้อนผ่าวข้าวหนึ่งเอาไว้แน่น

              เลวไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆสำหรับปิญญ์ชานนท์!!

              “ชั้นต่ำงั้นเหรอ? หึ!! ต่ำมันก็ต้องคู่กับสกปรกก็ถูกแล้วนี่”

              ร่างสูงก้าวเข้ามาประชิดก่อนจะใช้แรงอันมหาศาลดึงเขาให้ลุกขึ้นแล้วจับทุ่มลงบนเตียง

              “อึก!!”

              เจ็บจนจุก นิ่วหน้ากุมท้องตัวเองแน่น

              “มาดูกันดีกว่าว่าฉันจะทำให้หมาอย่างนายเชื่องได้ไหม”

              มือใหญ่บีบเข้ามาที่กรอบหน้าของขนมผิงอีกครั้ง บีบแน่นให้เจ็บร้าวไปทั้งใบหน้า

              “ไม่มีวัน!! ต่อไปนี้คุณจะไม่มีวันได้สิ่งที่คุณต้องการ”

              “ก็ดี ฉันก็อยากจะรู้ว่าคนอย่างนายจะมีปัญญาขัดขืนฉันได้สักกี่น้ำ ไหนนายลองทำให้ดูหน่อยสิว่ากับคนอื่นนายล่อลวงพวกนั้นยังไง”

              “ปล่อย!!”

              ถึงจะร้องบอก แต่ก็กลับถูกกดลงบนเตียงๆเดิมกับเมื่อสามปีที่แล้ว เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกฉีกกระชากออกด้วยอารมณ์รุนแรงของอีกฝ่าย

              แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว!!

              “อุ๊ก!!”

              ปิญญ์ชานนท์ร้องออกมาก่อนจะกุมเข้าที่หน้าท้องตัวเอง

              ขนมผิงถีบเข้าที่หน้าท้องของอีกฝ่ายเต็มแรงก่อนจะคลานหนีออกมาเมื่ออีกฝ่ายเสียหลัก

              “จะไปไหน!! ฤทธิ์เยอะนักนะ!!”

              “คุณมันบ้าไปแล้ว”

              พูดพลางถอยหนีอีกฝ่ายเมื่ออีกฝ่ายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ รอยยิ้มชั่วร้ายนั้นเริ่มจะทำให้ขนมผิงนึกหวั่น

              มือผอมปักป่ายไปบนโต๊ะเพื่อควานหาโทรศัพท์ หากแต่เมื่อเขาคว้ามาได้ เครื่องมือสื่อสารนั้นก็ถูกแย่งแล้วจับโยนไปยังอีกฝั่งห้อง

              “จะทำอะไร มันไม่มีใครเขากล้ามายุ่งเรื่องของผัวเมียหรอกน่า มานี่!!”

              อีกครั้งที่ถูกจับเหวี่ยงลงบนพื้น ตามด้วยร่างสูงใหญ่ขึ้นคร่อม ร่างกายทั่วทั้งร่างเจ็บปวดจนแทบไม่มีแรงต้าน

              “คุณต้องการอะไรกันแน่!!”

              “ต้องการอะไรงั้นเหรอ ไม่รู้สิ…”เว้นเอาไว้ก่อนจะก้มลงมากระซิบ “ฉันรู้แต่ว่าฉันต้องการที่จะทำลายนายให้ย่อยยับ ให้สมกับที่แม่ของนายทำลายพ่อฉันยังไงล่ะ”

              พูดจบริมฝีปากร้อนที่ตะโบมจูบลงมาอย่างบ้าคลั่ง ครั้งที่มันทั้งร้อนและทั้งรุนแรงยิ่งกว่าเก่า

              มันหมายความว่ายังไงกันนะกับสิ่งที่ปิญญ์ชานนท์พูดออกมา

              ยิ่งพยายามดิ้น เสื้อที่ขาดวิ่นยิ่งถูกดึงให้หลุดออก

              “อึก!!”

              ขนมผิงสะดุ้งเฮือกก่อนจะนิ่วหน้า สัมผัสได้ถึงความเจ็บแสบที่กัดลงมาบนต้นคอ

              ไร้ซึ่งความปราณี ร่างกายถูกโถมทับลงมาเต็มแรง ถูกตรึงด้วยมือใหญ่ที่เป็นราวกับโซ่ตรวนเส้นหนา

              “ปล่อย อึก นะ คุณมันบ้าไปแล้ว!! ผมจะร้องให้คนช่วย”

              “เอาสิ ร้องดังๆเลยร้องให้ลูกของนายได้ยินและออกมาดูว่านายมันสกปรกแค่ไหน”

              ทำไมกันนะ ทำไมปิญญ์ชานนท์ถึงได้เลวขนาดนี้

              ขนมผิงมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา จ้องมองปิญญ์ชานนท์หยัดกายขึ้นมาเหนือร่างของตนและมองมาด้วยแววตาดูถูก

              “ออกไป”

              “คนอย่างนายทำไมถึงไม่ตายๆไปซะนะ”

              ชั่วพริบตาแววตาที่ดูถูกก็กลายเป็นเกลียดชัง ขนมผิงดิ้นสุดแรงเมื่อมือใหญ่ทั้งสองข้างพาดลงมาบนต้นคอของตนและกดลงมาอย่างแรง จนเริ่มที่จะหายใจไม่ออกและพยายามที่จะทุบตีเข้าที่แขนของอีกฝ่าย

              “ปล่อย แค่กๆ ปล่อยนะ!! คุณปิญญ์”

              “อยู่นิ่งๆสิวะ!!”ปิญญ์ชานนท์ตวาดลั่น

              มือข้างหนึ่งละออกไปปลดกระดุมเสื้อตัวเองออก ขนมผิงถึงได้หายใจได้ขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังติดขัดเมื่ออีกมือของปิญญ์ชานนท์ยังคงค้างอยู่บนคอและยังออกแรงกดลงมา

              เคร้ง!!!

              เสียงเหมือนของตกกระทบลงบนพื้นทำให้ทั้งคู่ชะงัก ตาคู่ดุดันหันมาสบตาของเขาด้วยความไม่ได้ตั้งใจ

              “ปลากริม สลิ่ม”

              สัญชาติญาณความเป็นแม่ทำให้ขนมผิงผลักอีกฝ่ายออกเต็มแรงแล้วรีบวิ่งไปยังห้องที่อยู่ข้างๆ

              พลันหัวใจหล่นวูบเมื่อเห็นลูกชายคนเล็กนั่งร้องไห้น้ำตานองหน้า

              “สลิ่ม!! ปรากริม น้องเป็นอะไร ทำไมน้องถึงได้ร้องไห้ล่ะ”

              ขนมผิงคว้าเอาสลิ่มขึ้นมากอด ตาคู่สวยมองสำรวจไปทั่วร่างเล็กอย่างกระวนกระวายใจ

              “อย่าเข้ามานะ!!”

              เสียงแข็งร้องห้ามเมื่อเหลือบมาเห็นร่างสูงกึ่งเปลือยอกกำลังเดินพ้นประตูห้องนอนของเด็กๆเข้ามา

              “นายคิดว่าจะห้ามฉันได้รึไง”อีกฝ่ายขึ้นเสียงหึคล้ายจะเย้ย

              “ผมบอกว่าอย่าเข้ามาไง!!”ขนมผิงห้ามอีกครั้งเมื่อฝ่านยังคงก้าวเข้ามาเรื่อยๆ และเข้ามาใกล้กับลูกของเขามากเข้าไปทุกที

              “นายนี่มันไม่ดูตาม้าตาเรือเลยนะ”

              สิ้นเสียงทุ้มต่ำ เจ้าของเสียงก็ลดตัวลงมาข้างๆแฝดคนพี่แล้วดึงเอาร่างจ้ำม่ำเข้าไปใกล้

              “ปลากริมมาหาปะป๊า”

              “อย่ามาทำเป็นหมาหวงก้างโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ เจ็บไหม”หันมาทเสียงแข็งใส่ก่อนจะถามประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มกับเจ้าตัวเล็กที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ปลายนิ้วใหญ่ลูบลงบนหน้าผากมนอย่างเบามือ

              เมื่อครู่ยังทำตัวเป็นยักษ์ใจมารใส่เขาไม่ใช่รึไง แต่ทำไมถึงได้แสดงท่าทีอ่อนโยนกับเด็กๆได้ล่ะ

              “เอาลูกผมคืนมา”

              “ถ้านายดูให้คนนั้นหยุดร้อนก่อนได้ ฉันจะยอมคืนคนนี้ให้”

              พูดราวกับว่าจะไม่ยอมคืนลูกให้ ยิ่งทำให้ขนมผิงใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

              “อย่ามาพูดบ้าๆนะ นั่นมันลูกผม”

              แม้ว่าจะเป็นลูกของอีกฝ่ายด้วยก็ตาม แต่เมื่อปฏิเสธไปแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่มีสิทธิแม้แต่จะมาเข้าใกล้เด็กๆด้วยซ้ำ

              “บอกฉันมาสิว่าเธอไปทำอะไรมาถึงได้หัวโนแบบนี้”

              ดูเหมือนปิญญ์ชานนท์จะเมินคำพูดของขนมผิงและหันไปพูดกับเจ้าตัวเล็กด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแทน

              แต่นั่นมันก็ทำให้ขนมผิงชะงักและจ้องมองไปที่หน้าปากมน เก็นรอยนูนเล็กๆปูดออกมา

              “พี่กิมเจ็บไหม ฮึกๆ หลิ่มขอโทษ”

              สลิ่มพูดพลางสะอื้นให้ขนมผิงได้ลูบหัวปลอบให้เลิกเสียขวัญ และหันไปเพ่งมองลูกอีกคนด้วยความเป็นห่วง

              “กิมปีนขึ้นไปบนเตียงแล้วโหม่งกับหุ่นยนต์ฮับ แต่กิมไม่เจ็บ กิมไม่อยากร้องไห้ กัวน้องหลิ่มเสียใจ”ปลากริมตอบเสียงใสพลางยิ้มแย ยกมือป้อมลูบหัวโนๆของตัวเองป้อยๆ

              “ไปครับไปหาหมอกัน”ขนมผิงตัดสินใจอย่างเร็วพลัน

              อุ้มลูกคนแรกขึ้นมมาก่อนจะทำท่าเข้าไปคว้าอีกคน

              “นายจะไปทั้งสภาพนั้นรึไง ก็ก็นะนายคงจะไม่มียางอาย หรือว่านายชินซะแล้วล่ะ”ปิญญ์ชานนท์เหยียดยิ้มในสภาพที่กึ่งเปลือยของเขา

              “คืนปลากริมมาให้ผมแล้วคุณก็ออกไปซะ”

              “ใส่เสื้อซะแล้วจะๆได้พาเด็กๆไปหาหมอ ขืนนายชักช้าบางทีลูกนายอาจจะเลือดคลั่งในสมองตาย ฉันไม่รู้ด้วยนะ”ชายหนุ่มไหวไหล่

              “คุณนี่มัน!”

              “เลือกเอาว่าจะทิ้งเด็กไว้กับฉันหรือว่าจะรอจนฉันไปนายถึงจะได้พาลูกไปโรงพยาบาล”

              นั่นมันแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดด้วยซ้ำ ขนมผิงกัดฟันยอมให้เด็กๆอยู่กับอีกฝ่าย ก่อนจะออกจากห้อง เขาได้ปรายตามมองดูอีกฝ่ายจับคนน้องนั่งบนตักแล้วใช้มือลูบหัวเบาๆ ส่วนมืออีกข้างก็กำลังลูบหัวเจ้าตัวเล็กอีกคนที่ยืนยิ้มอย่างเริงทั้งที่เป็นคนเจ็บ

 

              “คราวนี้ส่งลูกคืนมาให้ผมได้แล้ว”ยื่นมือไปเพื่อหวังจะรับลูกๆคืนมาจากตักของอีกฝ่าย

              อดที่จะอิจฉาในรูปกายของอีกฝ่ายไม่ได้เมื่อตักกว้างนั้นสามารถให้เด็กๆนั่งได้อย่างสบายถึงสองคนพร้อมกัน

              “จะเอาคนไหนล่ะ”ยกยิ้มคล้ายจะต่อรอง

              “ทั้งสองคน”

              “นายจะอุ้มทั้งสองคนได้ยังไง”

              “เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ”

              “หึ อย่างเก่งนายก็อุ้มได้แค่คนเดียว จะอุ้มคนที่ร้องให้แล้วปล่อยคนที่เจ็บให้เดินตาม หรือว่าจะอุ้มคนที่เจ็บแล้วปล่อยให้คนที่ร้องไห้เดินตามล่ะ”

              ดูเหมือนเป็นการเยาะเย้ยกันเสียมากกว่าคำแนะนำ

              “ไปหาปะป๊าเธอสิ”เสียงทุ้มกระซิบบอกเจ้าตัวเล็กที่ยังสะอื้นไม่หาย

              แต่สิ่งที่ทำให้ขนมผิงแทบควันออกหูก็คือการที่ปลายจมูกโด่งเฉียดลงบนแก้มกลมของสลิ่ม ในขณะที่กำลังปรายตามองมาที่เขาราวกับต้องการจะยั่วยุ

              ขนมผิงรับสลิ่มขึ้นมาอุ้มห่อนจะหันมาเรียกคนพี่ให้เดินตามมา หากแต่ว่าปิญญ์ชานนท์กลับคว้าเอาคนพี่ขึ้นมาอุ้มแล้วเดินผ่านหน้าของเขาไปเสียเอง

              “นั่นคุณจะเอาปลากริมไปไหนคุณปิญญ์!!”

              “ก็พาไปหาหมอไง หรือว่านายกลัวว่าฉันจะแย่งลูกของนายไปเลี้ยงซะเอง”

              คำตอบของอีกฝ่ายทำให้ก้อนเนื้อในอกกระตุกวูบ

              ยอมเดินตามอีกฝ่ายมายังลานจอดรถ น่าแปลกที่ปิญญ์ชานนท์รู้ว่าที่จอดรถประจำของเขาอยู่ตรงไหน

              แต่เวลานี้ขนมผิงกลับห่วงลูกจนไม่อยากจะใส่ใจอะไรมากไปกว่านี้ เขาจับลูกคนเล็กนั่งใส่คาร์ซีทก่อนจะหันไปขอลูกคนโตคืนจากอีกฝ่าย

              “ส่งปลากริมมาได้แล้ว”

              ครั้งนี้ปิญญ์ชานนท์ยอมคืนปลากริมให้เขาแต่โดยดี

              ขนมผิงปรายตามองอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย จับให้ลูกคนโตนั่งบนคาร์ซีทอีกอันที่เบาะหลัง ก่อนจะเดินไปยังที่นั่งคนขับ

              เสียบกุญแจรถยังไม่ทันกดสตาร์ทเสียงเปิดประตูด้านข้างคนขับก็ทำให้ขนมผิงชะงักด้วยความตกใจ

              หันไปมองก็เห็นเข้าไปใบหน้านิ่งเฉยปนเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย นี่มันอะไรกันนะ!!

              “คุณจะขึ้นมาทำไม ลงไปเดี๋ยวนี้”

              “ฉันจะไปด้วย”

              “คุณจะไปทำไมทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องของคุณ”

              “ทำไมจะไม่ใช่ล่ะในเมื่อฉันเป็นผัวนาย อย่างน้อยเด็กๆก็เป็นลูกเลี้ยงของฉัน”อีกฝ่ายกระซิบบอก

              นี่มันบ้าไปแล้ว ช่างหน้าด้านหน้าทนจนขนมผิงแทบอยากคว้าเอาของที่อยู่ใกล้มือโยนใส่หน้าอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด หากแต่ต่อหน้าเด็กๆการที่เขาทำหน้าบึ้งตึงมันก็มากพอแรงอยู่แล้ว

              “ปะป๊าฮับ เราจะไปหาลุงหมอวุฒิใช่ไหมฮับ”สลิ่มเอ่ยถามเสียงใสมาจากด้านหลัง ซึ่งนั้นก็ทำให้ปิญญ์ชานนท์เลิกคิ้วมองกระจกมองหลัง

              “เปล่าครับ เราไม่ได้ไปหาคุณลุงวุฒิ”

              “แต่กิมอยากไปหาคุณลุงหมอกิมชอบคุณลุงหมอ”

              คำพูดของปลากริมยิ่งทำให้คิ้วของชายหนุ่มแขกผู้ไม่ได้รับเชิญกระตุก

              “ครับ ปะป๊าก็ชอบลุงหมอเหมือนกัน”

              จากคำพูดของขนมผิง ถ้าไม่ติดว่ามีเด็กๆปิญญ์ชานนท์คงกระโจนเข้ามากัดคอเขาแน่ ขนมผิงไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าคำพูดที่ไม่ตั้งใจนั้นทำให้ใครอีกคนโกรธเคืองแค่ไหน

 

              ----------------------------------------------------------------------

 

              “ถึงโรงพยาบาลแล้ว จะไปไหนก็ไปสักที”ออกปากไล่ทันทีที่มากถึงโรงพยาบาล

              แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทำหูทวนลมเดินตามเข้ามาในห้องตรวจจนได้

              ตาคู่สวยพยายามไม่ใส่ใจกับส่วนเกินของครอบครัว จ้องมองหมอลูบคลำมือลงบนหน้าผากมนที่มีรอยนูนเล็กๆพลางกอดเอาเจ้าหัวเล็กที่หยุดร้องเอาไว้บนตัก

              อารการของแฝดคนพี่จอมซนไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงมากนัก หมอจึงได้ให้ยาไว้สำหรับทาและบอกให้กลับบ้านได้

              ขนมผิงพาเจ้าตัวแสบทั้งสองคนมาหยุดพักตรงเก้าอี้ม้านั่ง แต่อีกนัยน์หนึ่งก็เพื่อที่จะหาทางสลัดอีกคนให้หลุดเสียมากกว่า

              “คุณไปได้แล้ว”บอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง”

              “นายไม่ต้องไล่ฉันหรอกขนมผิง เพราะฉันได้ในสิ่งที่ฉันต้องการแล้ว”ปิญญ์ชานนท์ยิ้มเจ้าเล่ห์

              มันหมายความว่าอย่างไรกันนะ? สิ่งที่ต้องการที่ปิญญ์ชานนท์พูดถึง

              “สิ่งที่คุณต้องการมันหมายถึงอะไร”

              “ฉันจำเป็นต้องบอกนายรึไง คนอย่างนายมันไม่มีค่าพอที่จะก้าวเข้ามาใกล้กับชีวิตของฉันหรอกนะขนมผิง แล้วก็เด็กสองคนนี้…” พูดค้างเอาไว้ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหู “น่าสนใจดีนี่”

              “ไม่ว่าจะด้วยอะไร…คุณไม่มีวันได้สิ่งที่คุณต้องการ”แค่นเสียงบอกออกไป

              แต่ปิญญ์ชานนท์กลับลุกขึ้นจากม้านั่งแล้วเดินออกไปแล้ว ทิ้งให้ขนมผิงได้ทอดสายตามองตามแผ่นหลังของร่างสูงเดินไกลออกไปจนลับตา

              ท่าทีอันสบายใจของปิญญ์ชานนท์มันยิ่งเพิ่มความแค้นให้ขนมผิงเป็นทวีคุณ กลิ่นคาวเลือดยังคงคละคลุ้งติดอยู่ในโพลงปาก

              ขนมผิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อปลายสายหาเลขาคนสนิท

               “นอนหรือยังครับคุณทัพ”ถามด้วยน้ำเสียงเรียบ

              ‘ยังครับ ว่าแต่คุณผิงมีอะไรรึเปล่าครับ โทรมาตอนนี้’

              “ผมมีเรื่องจะรบกวนคุณทัพหน่อยน่ะ วันพรุ่งนี้ตอนบ่ายผมอยากได้รายงานราคาหุ้นชุดใหม่หลังจากที่เซ็นต์สัญญากับM Techน่ะ ช่วยเร่งฝ่ายการตลาดให้ทีนะครับ”

              ‘ได้ครับ ไม่มีปัญหา’

              “ขอบคุณมากครับ ฝันดี”ผมตอบพร้อมกับตัดสาย

 

              ถึงแม้ว่าการเซ็นสัญญาระยะยาวนี้อาจจะยังไม่มากพอที่จะล้มอนันตไพลินได้ แต่มันก็มากพอที่จะสั่นคลอนยักษ์ตัวใหญ่ให้ก้มลงมาสำรวจจุดยืนของตนเองได้บ้าง

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 07:04:30 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
เอาใจช่วยผิงผิงล่ะกัน

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
รอวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการของขนมผิงนะคะ

ปล. คำผิดจ้า ^^

ทั้งยังมาทำหัวร่อต่อกระซิบ(หัวร่อต่อกระซิก)กับน้อยชาย(น้องชาย)เขาอีก

ให้มันได้สำนึกว่ามันกำลังคิดผิดที่ย้อนกลับมายยุ่งกับอนันตไพศาลอีก

อีกย่าง(อีกอย่าง)ผมก็กลัวว่าเด็กๆจะไปเล่นซนรบกวนคนอื่นเขา

เดี่ยว(เดี๋ยว)จะพากันไม่สบาย

ผมเดินถอยออกมาจากห้างน้ำ(ห้องน้ำ)เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้

คำพูดถากถางพร้อมกับรอยยิ้มที่แสยะออกอย่างน่าสะอิดสะเอียด(สะอิดสะเอียน)

ผมว่าพลางหันไปยิ้มบางให้พี่วุฒิถือเป็นโอกาสที่ผมจะแยกตัวออกจากเข(เขา)เสียที

เลยอบาก(อยาก)จะแนะนำคุณพิศให้รู้จัก

เขามองผมอย่างสำรวจด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะชื่อ(เชื่อ)เท่าไร

ไม่รุ้(ไม่รู้)ว่าผมและแม่มีตัวตนใจฐานะอะไรสำหรับพ่อ

ผมรับมาอย่างเบามือแล้ววางลงบนคาร์ชีท(คาร์ซีท)

ผมเรียกเด็กแสบสองคนที่นั่งคุยกับคุณยายอยู่ในห้อนั่งเล่น(ห้องนั่งเล่น)

พ่อพูดติดตลอก(ตลก)ทำให้พนักงานยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย

เพราะนาอกจาก(นอกจาก)จะมีลูกชายที่พวกขาไม่เคยรู้จักก้าวเข้ามาแล้ว

ยังจะมี่(มี)เด็กที่เป็นหลานโตถึงขนาดนี้โผล่มาอีก

แล้วคุณแ(คุณแม่)ของเด็กๆล่ะค่ะ

ผมถามถึงคอลเลกชั่นของเสื้อ้า(เสื้อผ้า)แบรนด์ที่เขาลงทุนอยู่

เขาบก(บอก)ว่าเขาสนใจสินค้าที่มาจากเอเชียในตอนนี้

ขอบใจนายาก(มาก)นะเดล

เดลถามถึงเด็กๆเพาะ(เพราะ)ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับเด็กๆดี

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
อยากให้ขุ่นพ่อรู้เร็วๆว่าน้องแฝดเป็นลูก

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
เมื่อไรปิญญจะรู้ว่าเด็กๆเป็นลูกตัวเอง
อยากให้เสียใจ

ออฟไลน์ gatenutcha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
 :hao7:
อ่านรวดเดียวเลย ชอบมากค่ะ  มาต่อไวๆนะค่ะ
ผิงสู้ๆนะ   :katai5:

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
คำผิดอีกแล้ววว
คือผิดตอนพิมพ์ไม่เป็นไร แต่พิมพ์เสร็จให้เช็คก่อนจะเอามาลงดีกว่านะ หรือลงเสร็จแล้วกลับมาตามแก้อีกทีก็ได้ เวลาอ่านแล้วเจอคำผิดบ่อยๆมันรู้สึกหงุดหงิดน่ะ

ออฟไลน์ nutipkra

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ศตรัศมี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอาคืนไอ้คุณปิญช์ให้หนักๆเลยนะขนมผิง เอาให้ร้องไห้หนักมากตุ๊ดแตกเสียจริตไปเลยยิ่งดี รอตอนต่อไปฮั๊บ

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ปิญญ์อาจจะลุ่มหลงอยากเอาชนะ  ติดใจในรสชาดแปลกใหม่
ผิงมีแต่ความแค้น แต่ชอบนะดูจะเป็นนายเอกแนวmpreg ที่เอาคืนพระเอกได้เจ็บแสบที่สุด
ไม่มีความรัก นึกไม่ออกว่าจะญาติดีกันได้ไง เห็นแต่แววทำร้ายแก้แค้น จนตายกันไปข้างมากกว่า

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
 :katai2-1: :hao5:มาอ่านแล้ว

อ่านทีเดียวรวดเลย

นี่จะตีหนึ่งแล้ว

ชอบแนวนี้และก็ชอบที่นายเอกสู้คน

และที่ชอบที่สุดชอบพระเอกนิสัยแบบนี้ สุดท้ายพระเอกรู้สึกผิดและเจ็บปวด อิอิ

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อยากเห็นผิงเอาคืนเร็วๆ จัง นี่ถ้าปิญญ์รู้ว่าแฝดเป็นลูกจริงจะทำยังไงนะ

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
รอดูคุณปิญญ์เจ็บกระอักค่ะ
ผิงสู้ๆนะ

ออฟไลน์ yaoisamasang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Yaoi-Sama/463499467036395?ref=hl
ยิ่งรักยิ่งแค้นสินะ :katai1:

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
ผมพลาดเรื่องนี้ไปได้ไง ติดตามต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
8 สั่นคลอน

              ในยามที่ดวงอาทิตย์พึ่งจะพ้นขอบฟ้าได้ไม่กี่ชั่วโมง ร่างสูงใหญ่ของปิญญ์ชานนท์นั่งอยู่ภายในรถด้วยท่าทีนิ่งสงบราวกับราชสีห์ที่ซุ่มรอตะปบเหยื่อ

              ด้วยท่าทีที่นิ่งเฉยดุจหินผา ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าภายในใจของเขานั้นกลับสั่นไหวราวกับยอดไม้ถูกคลอนด้วยแรงลม

              “คุณปิญญ์ครับ ตอนนี้นายแพทย์วีระกำลังออกเวรแล้วครับ จะให้ผมเชิญเขามาพบคุณหรือว่าคุณจะไปพบเขาด้วยตัวเองครับ”เลขาหนุ่มถามเพื่อความมั่นใจจากด้านนอกของตัวรถ

              เรียกให้ปิญญ์ชานนท์ลดกระจกลงเล็กน้อยก่อนจะมองไปยังร่างของแพทย์สูงอายุที่เดินออกมาจากตัวตึกของโรงพยาบาล

              เขาค่อนข้างจะขุ่นเคืองเมื่อเงินที่เขานับถือนั้นไม่สามารถจัดการในสิ่งที่เขาต้องการได้ เป็นอีกครั้งที่เงินของเขาถูกปฏิเสธ

              เป็นเหตุที่ทำให้เขาถ่อมาถึงที่นี่เพื่อที่จะมาพบกับนายแพทย์วีระคนนี้ คนเดียวกับที่ออกเอกสารให้กับขนมผิงเมื่อเกือบสี่ปีก่อน

              ภายในใจของชายหนุ่มกำลังร้อนรุ่มด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมเงินของเขาถึงได้จัดการเรื่องนี้ไม่ได้

              นายแพทย์อาวุโสคนนี้ปฏิเสธคำเชิญของที่ต้องการจะคุยกันเป็นการส่วนตัว แม้กระทั่งข้อเสนอที่แลกด้วยเงินตราก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้

               “ฉันจะเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง”

              ร่างสูงใหญ่ดูน่าเกรงขามในชุดสูทเป็นทางการของเขาย่างก้าวด้วยท่าทีนิ่งสงบเข้าไปหาคุณหมอชราวัยล่วงเข้าห้าสิบที่กำลังเก็บสัมภาระที่เบาะหลังของรถ

              “สวัสดีครับคุณหมอวีระ”กล่าวทักทายเรียกให้อีกฝ่ายละจากข้าวของตรงหน้ามามอง

              “มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าครับ”นัยน์ตาสูงวัยดูฉลาดลอดมองผ่านแว่นสายตา

              “ผมมีเรื่องจะถามคุณสักเรื่องสองเรื่อง พอจะมีเวลาให้ผมสักนิดได้รึเปล่า”ถามพลางเหยียดยิ้ม”

              ซึ่งนั่นก็ทำให้คุณหมออาวุโสคนนี้จ้องมองมาที่ชายหนุ่มร่างสูงอย่างแน่ใจ

              “พอดีผมออกเวรแล้ว ถ้าหากมีอะไรเร่งด่วนล่ะก็ ติดต่อแพทย์ที่เป็นเวรด้านในจะสะดวกกว่านะครับ”เขาตอบอย่างระแวง

              “ผมไม่ได้ป่วยอะไรหรอก แค่ต้องการจะรู้อะไรบางอย่าง รบกวนคุณหมอช่วยตอบคำถามผมสักนิด คงจะใช้เวลาไม่นาน”

              “คุณเป็นใครกัน ผมคิดคุณไม่เคยเป็นคนไข้ของผมนะ”คุณหมอถาม เริ่มนึกปะติดปะต่อเรื่องราว

              เพราะเมื่อเร็วมานี้เขาได้รับการติดต่อจากคนของนักธุรกิจชื่อดังเพื่อสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลบางอย่าง ซึ่งนั่นก็เป็นจรรยาบรรณของแพทย์ที่สมควรจะปกปิดข้อมูลคนไข้ให้เป็นความลับ

              “ผมยินดีจ่ายให้ตามที่คุณเรียกร้องหากว่าคุณจะบอกข้อมูลที่ผมต้องการ”

              “คุณคือคนที่ส่งคนมาติดต่อผมเมื่อเร็วๆนี้ใช่ไหม”

              “ใช่แล้ว เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ผมยินดีที่จะจ่ายตามที่คุณเรียก เพื่อที่คุณจะได้สบายใจ…แลกกับข้อมูลอะไรบางอย่าง”ปิญญ์ชานนท์เปิดประเด็น

              “ถ้าเป็นเรื่องข้อมูลของคนไข้ล่ะก็ ผมขอปฏิเสธ ผมไม่สามารถบอกคุณได้หรอก ต่อให้เอาเงินมากองตรงหน้าก็ซื้อจรรยาบรรณแพทย์ของผมไม่ได้หรอก ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว ผมขอตัว”

              “แล้วถ้าผมกำลังสงสัยว่าผมเป็นพ่อของเด็กในท้องของผู้ชายที่เป็นคนไข้ของคุณเมื่อเกือบสี่ปีก่อนล่ะ”ปิญญ์ชนนนท์พูดแย้งเมื่อนายแพทย์สูงวัยเดินหนีไปยังฝั่งคนขับ

              “ยังไงผมก็บอกข้อมูลให้คุณรู้ไม่ได้อยู่ดี”นายแพทย์วีระหันมาตัดบทก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถแล้วขับออกไปทันที

              ทิ้งให้นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างปิญญ์ชานนท์ยืนกัดฟันด้วยความไม่พอใจ

              เขาไม่สบอารมณ์สักนิดที่เงินของเขาถูกปฏิเสธง่ายดายเช่นนี้

               “ได้เรื่องไหมครับ”มาลิศทักเจ้านายพร้อมกับเปิดประตูรถให้

              “ไม่ นายลองไปสืบดูว่านายแพทย์คนนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกับมณีรัตน์กรุ๊ปไหม ฉันสังหรณ์ใจว่ามันอาจจะมีอะไรอยู่เบื้องหลัง ไม่มากก็น้อย”

              ไม่มีทางที่นายแพทย์วัยใกล้เกษียรคนนี้จะปฏิเสธเงินก้อนโตได้ หากว่าไม่ได้รับเงินมาจากคนอื่นอยู่ก่อนหน้าแล้ว และคนอย่างขนมผิงก็ไม่มีเงินและอำนาจมากพอที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้

              ถ้าหากว่าเขาคาดการไม่ผิดล่ะก็ เรื่องนี้ต้องมีคนของมณีรัตน์หนุนหลังอยู่เป็นแน่ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะได้ในสิ่งที่เขาต้องการจากอำนาจของเงินแล้ว

 

              “จะเข้าบริษัทเลยรึเปล่าครับ ดูเหมือนจะมีเรื่องเร่งด่วนรอการตัดสินใจอยู่”

              “อืม”ปิญญ์ชานนท์ตอบสั้นๆอย่างไม่ใส่ใจ

              ความคิดที่ผุดขึ้นมาในตอนนี้มันกำลังตีกันวุ่นวายไปหมด มันเพราะอะไรกัน เงินของเขาถึงทำให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการไม่ได้ ปกติแล้วเมื่อเขาต้องการอะไร เงินที่อยู่ในมือก็จะเป็นตัวแปรที่บ่งบอกถึงอำนาจที่มี ทำให้เขาได้ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการ

              แต่นี่กลับตรงกันข้าม และไม่ใช่ครั้งแรกที่เงินของเขาซื้อในสิ่งที่เขาต้องการไม่ได้

              เมื่อเกือบสี่ปีที่แล้วก็เช่นกันเช็คเงินสดก้อนโตที่เขาจงใจส่งไปเพื่อเหยียดหยามใครคนนั้นกลับถูกตีกลับมาอย่างไม่ใยดี ครั้งนี้ก็เช่นกัน เงินที่เขาเสนอไปถูกมองข้ามราวกับสิ่งที่ไร้ค่า ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงอำนาจของเขา

              มือหนากำเข้าหากันแน่นอย่างเจ็บใจ เขาจะต้องรู้เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับขนมผิงให้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะด้วยทางใดก็ตาม!!

 

              -------------------------------------------------------

 

              “ตอนนี้มีรายงานสำคัญมาจากฝ่ายการตลาด ดูเหมือนจะเกี่ยวกับสรุปการเปรียบเทียบยอดราคาหุ้นของไตรมาศนี้ที่เพิ่งจะออกมาครับ”เลขาหนุ่มบอกกับเจ้านายที่ดูเหมือนว่ากำลังจะใจลอยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

              “เอามาดให้ฉันดู”ปิญญ์ชานนท์ละสมองออกจากเรื่องที่เขากำลังร้อนรนใจอยู่ตอนนี้หันไปตอบ

              “เล่มนี้เป็นรายงานราคาจริงฉบับล่าสุดค่ะ”พลอยฟ้าผู้ช่วยเลขายื่นแฟ้มงานให้เจ้านายที่กำลังไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่ก่อนสักเท่าไร

              “มีอะไรเร่งด่วนกันถึงต้องให้ฉันรีบดูขนาดนี้”ปิญญ์ชานนท์เปิดมันออกอย่างไม่ใส่ใจทำให้ผู้ช่วยทั้งสองปรายตามองหน้ากันอย่ากระอักกระอ่วน

              “คือว่า จู่ๆราคาหุ้นของมณีรัตน์ก็พุ่งสูงขึ้นมาเร็วมากเลยค่ะ”พลอยฟ้าตอบอย่างเก็บท่าที

              “แล้วยังไง”ปิญญ์ชานนท์ถามกลับอย่างไม่ใส่ใจ

              ยังไงซะอนันตไพลินก็เป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ใจคู่แข่งที่อยู่รอบข้างสักเท่าไร

              “ตอนนี้ราคาหุ้นของมณีรัตน์จู่ๆก็พุ่งขึ้นมาเทียบเท่ากับของเราหลังจากที่เซ็นต์สัญญากับเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่ลอนดอน ทำให้ลูกค้าคนอื่นๆต่างก็หันไปสนใจไปลงทุนกับตลาดใหม่ที่น่าจะมีผลตอบแทนขึ้นสูงไวกว่าของเรา”

              “มันจะเป็นไปได้ยังไง กะอีแค่เวลาสั้นๆแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่ราคาหุ้นที่อยู่ในระดับต่างกันขนาดนั้นจะพุ่งขึ้นมาเทียบเราได้”ปิญญ์ชานนท์เปิดแฟ้มออกด้วยท่าทีที่หงุดหงิดใจอย่างไม่เคยเป็น

              นอกจากเรื่องราวที่กำลังวนใจเขาอยู่ตอนนี้ยังไม่พออีกรึยังไง ยังมีเรื่องของราคาหุ้นที่ไม่รู้ที่มาที่ไปอีก

              “หลังจากที่แนวโน้มราคาหุ้นของไตรมาศนี้ออกมาเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ทางนั้นก็ดึงเอาลูกค้ารายย่อยของเราไปทำให้ราคาหุ้นและผลประกอบการของเราตกลง อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงไปของมณีรัตน์กรุ๊ปที่พุ่งสูงขึ้นทำให้ตอนนี้สถานการณ์ของเราตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ขั้นวิกฤติ”เลขาหนุ่มชิงตอบด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ

              หากแต่คนเป็นเจ้านายที่กำลังใจร้อนอยู่เป็นทุนเดิมอยู่นั้นกลับยิ่งไม่พอใจมากยิ่งกว่าเก่า

              “แล้วทำไมไม่มีใครบอกฉัน!! รายงานฉบับที่แล้วยังไม่มีแนวโน้มว่ามณีรัตน์จะแซงเราได้ แล้วทำไมพวกนายพึ่งจะมาบอกฉันหลังจากที่เราถูกตีเสมอไปแล้ว”ปิญญ์ชานนท์ถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด มือหนากำกระดาษในแฟ้มรายงายล่าสุดจนยับยู่ยี่แล้วกระชากมันออกอย่างไม่ใยดี

              เป็นไปไม่ได้ที่องค์กรเล็กๆอย่างมณีรัตน์ที่ไม่เคยสามารถขึ้นมาตีเสมอหรือแม้จะสั่นคลอนอนันตไพลินได้ตอนนี้จะขึ้นมาเทียบเท่าและตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว

              “อันที่จริงเมื่ออาทิตย์ก่อนมีรายงานคะเนราคาชุดใหม่ออกมา แต่ว่า”เลขาสาวพูดค้างเอาไว้ ไม่กล้าพูดต่อว่าช่วงนี้เจ้านายแทบจะไม่โผล่เข้ามาที่บริษัทเลย

              “แต่ว่าอะไร”

              “เอ่อ ช่วงนั้นคุณปิญญ์ไม่ค่อยเข้ามา พลอยโทรไปแจ้งแล้วแต่คุณปิญญ์เป็นคนบอกว่าไม่สำคัญ พลอยเลยไม่ได้รายงาน”เลขาสาวตอบเสียงแผ่ว ดูท่าวันนี้เจ้านายของหล่อนจะอารมณ์เสียไม่น้อย

              “ออกไปได้แล้ว”ชายหนุ่มไล่ผู้ช่วยเลขาสาวก่อนจะหันไปหาเลขาหนุ่มที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามแทน

              “ดูเหมือนว่าเรื่องจะเกิดขึ้นเร็วมาก ในช่วงที่คุณกำลังใส่ใจกับเขาคนนั้นนะครับ”เลขาหนุ่มพูดขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ

              “คนที่ว่าคือขนมผิงสินะ”ปิญญ์ชานนท์ยิ้มเยาะ เพราะเขามัวแต่ตามขนมผิงเพราะอยากรู้เรื่องราวของอีกฝ่าย ทำให้เรื่องทั้งหมดนี่มันเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว

              “ครับ ผมว่าตอนนี้คุณปิญญ์น่าจะเลิกสนใจเขาแล้วเตรียมรับมือกับประธานคนใหม่ของมณีรัตน์ดีกว่านะครับ เพราะผมคิดว่าคุณขนมผิงอาจจะเป็นตัวล่อที่ทำให้คุณไขว้เขว”

              “หมายความว่าไง ประธานคนใหม่ อ้อ จริงสิ ทางมณีรัตน์นั่นพึ่งจะเปลี่ยนประธานคนใหม่ไป แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายขนมผิงนั่นกัน นายถึงบอกว่าขนมผิงเป็นตัวล่อ”ปิญญ์ชานนท์เงยหน้าขึ้นมองเลขา

              “ข้อมูลที่ผมพึ่งจะได้มาเมื่อครู่มันบ่งบอกว่าคุณขนมผิงมีอะไรเกี่ยวข้องกับประธานคนปัจจุบันของมณีรัตน์กรุ๊ปไม่มากก็น้อย เพียงแต่ว่าตอนนี้เราไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันในฐานะอะไร”

              “หึ ฉันคิดเอาไว้ไม่มีผิดว่ามันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันจนได้”ชายหนุ่มเหยียดยิ้มอย่างดูแคลนออกมา

              ยังไงซะคนเป็นลูกก็ต้องเหมือนกันคนเป็นแม่ไม่มีผิด ดูท่าคนชั้นต่ำอย่างขนมผิงจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับประธานคนใหม่ของมณีรัตน์อย่างลึกซึ้งไม่น้อย

              มิน่าเงินของเขาถึงดูไร้ค่าขึ้นมา เขาชักอยากเห็นหน้าประธานคนใหม่ของมณีรัตน์กรุ๊ปขึ้นมาแล้วสิ ว่าเป็นคนแบบไหน มันถึงได้หลงคนอย่างขนมผิงจนตามเก็บเบื้องหลังให้แทบทุกอย่าง

              แต่ตอนนี้เรื่องที่สำคัญมากที่สุดก็คือราคาหุ้นของอนันตไพลินที่กำลังสั่นคลอนในเวลานี้ ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องเล่นแล้ว การถูกตีเสมอมันไม่ใช่เรื่องที่จะนิ่งเฉยได้เหมือนก่อนหน้า

              มันยิ่งทำให้ปิญญ์ชานนท์หงุดหงิดเป็นเท่าตัวมื่ออีกฝ่ายเป็นมณีรัตน์และเป็นคนที่อาจจะเกี่ยวข้องและคุ้นเคยกับขนมผิง

              ก็คิดเขาก็นึกแค้นขึ้นมาแล้ว เขาดันเผลอปล่อยให้ตัวเองมัวแต่สนใจตัวหลอกล่ออย่างขนมผิงแล้วประมาทละทิ้งจุดยืนที่บัดนี้กำลังสั่นคลอน

              “ติดต่อคุณเฉียนที่สิงคโปร์ที บอกว่าฉันมีข้อเสนอใหม่หากว่าเขาต่อสัญญาระยะยาวกับเราเร็วขึ้น”ปิญญ์ชานนท์บอกด้วยน้ำเสียงแข็ง

              ยังไงซะยักษ์ใหญ่อย่างเขาก็ไม่ยอมถูกโค่นง่ายๆเด็ดขาด อีกฝ่ายก็แค่คลื่นลูกใหม่ ก็แค่สาดเข้ามาแรงๆครั้งเดียวแล้วก็เงียบหายไป

              “ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ”

              “เดี๋ยว ฉันมีอะไรจะให้นายทำอีกอย่าง”

              “อะไรเหรอครับ”

              “นายเอานี่ไปตรวจให้ฉันหน่อย ฉันอย่างรู้ว่ามันจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันบ้างไหม ระหว่างเจ้าของดีเอ็นเอทั้งสามคนนี้”ผู้บริหารหนุ่มยื่นซองพลาสติกใสที่บรรจุเส้นผมสามเส้นให้กับเลขา

              ต่อให้เขาไม่ได้ข้อมูลจากนายแพทย์คนนั้น เขาก็มีทางพิสูจน์ว่าเด็กแฝดสองคนนั้นใช่ลูกของเขาหรือไม่

              มันอาจจะดูตลกกับสิ่งที่เขากำลังจะทำ แต่หลายเรื่องที่น่าสงสัยมันก็ทำให้เขาอดที่จะมองผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้เลยสักนิด

              “อย่าบอกนะครับว่าผมนี่เป็นของเด็กแฝดสองตันนั้นกับของคุณ”

              “ใช่”ปิญญ์ชานนท์พยักหน้า

              “แต่มันจะดีเหรอครับ ผมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วอีกอย่างตอนนี้คุณก็ควรจะสนใจเกี่ยวกับราคาหุ้นที่กำลังตกลงมา”

              เลขาหนุ่มแย้ง ดูท่าเจ้านายของเขาจะสนใจเด็กสองคนนั้นมากเกินไปจนประมาทปล่อยให้มณีรัตน์กรุ๊ปที่ไม่มีแววว่าจะขึ้นมาเทียบเสมอได้กลับขึ้นมาตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว

              “ฉันสั่งให้นายไปทำนายก็ไปทำเถอะ เรื่องแค่นี้ฉันจัดการได้”

              ยังไงซะเขาก็แค่ต่อสัญญากับคู่ค้าที่สิงคโปร์ที่กำลังจะหมดลง เท่านี้ความน่าเชื่อถือของเขาก็จะกลับมาเหมือนเดิม

              แล้วคลื่นลูกใหม่ที่มันบังอาจมาเทียบชั้นกับเขาก็จะต้องดับลง พร้อมกับตัวหลอกล่อที่ต้องพินาศด้วยน้ำมือของเขา

              แฟ้มเอกสารชุดล่าสุดถูกโยนลงถังขยะอย่างไร้ปราณีหลังจากที่เลขาหนุ่มเดินออกจากห้องทำงานของเขาไป

              เขาอยากจะรู้ว่าคนอย่างขนมผิงมันมีดีอะไรถึงได้เหยื่อชั้นดีอย่างประธานคนใหม่ของมณีรัตน์มาหนุนหลังให้อย่างนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าขึ้นที่สูงมาเทียบชั้นคนอย่างเขา เขาคนนี้ก็จะทำให้ได้ร่วงกลับลงไปที่เก่า ให้ได้ลิ้มรสว่าคนอย่างเขาไม่ใช่คนที่จะมาเทียบกันง่ายๆ

              เสียงข้อความโทรศัพท์เข้าทำให้ชายหนุ่มละสายตามามองเครื่องมือสื่อสารเครื่องแพงแล้วเปิดมันขึ้นมา

              รูปถ่ายของขนมผิงกับผู้ชายที่ถูกระบุว่าเป็นเลขาของประธานมณีรัตน์กรุ๊ปคนใหม่ในร้านอาหารบนห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เป็นตัวบ่งบอกชั้นดีว่าขนมผิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับมณีรัตน์กรุ๊ปแน่นอน

              ช่างเป็นผู้ชายชั้นต่ำที่ดูเย่อหยิ่งไม่น้อย ทั้งที่ทำตัวเป็นพวกปลิงเกาะคนอื่น แต่ยังมีหน้าเชิดหน้าใส่เขา ตกลงแล้วคนอย่างขนมผิงเป็นคนยังไงกันแน่!!

              คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทำงานของตัวเองทันที ยังไงเขาก็จะไม่ปล่อยขนมผิงไปง่ายๆแน่ คนที่คอยรบกวนจิตใจของเขาแทบทุกเวลาแบบนี้ เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้คนไร้ค่าอย่างนั้นหลุดออกไปจากความคิดของเขาสักที

 

              -------------------------------------------

 

              “จะดีเหรอครับ ที่มาเลี้ยงข้าวลูกจ้างอย่างผมแบบนี้”แทนทัพพูดทีเล่นทีจริง

              “เอาน่า คิดซะว่าเป็นการเลี้ยงฉลองที่ราคาหุ้นของเราตีเสมออนันตไพลินได้ง่ายๆแบบนี้”ขนมผิงบอกพร้อมกับตักอาหารใส่จานอีกฝ่าย

              ในเวลานี้ผลตอบแทนที่เขาได้รับมันช่างคุ้มค่ากับราคาแรงที่อุตส่าห์เสียไป

              ขนมผิงชักอยากจะเห็นสีหน้าของปิญญ์ชานนท์ซะแล้ว ว่าเวลานี้จะเป็นเช่นไรเมื่อถูกตีเสมอได้ทั้งที่ยังคงอยู่ในที่สูง

              “อย่าวางใจอะไรง่ายๆสิครับ ทางนั้นเป็นถึงอนันตไพลิน คงไม่ยอมล้มง่ายๆหรอกครับ อีกอย่างตามที่ผมคาดการณ์เอาไว้ อีกไม่นานเขาคงจะกู้สถานการด้วยการต่อสัญญากับทางคู่ค้าที่สิงคโปร์”

              “เอาน่า เรื่องนั้นผมคิดเอาไว้แล้ว อาทิตย์หน้าเราจะบินไปสิงคโปร์กัน”ขนมผิงบอกพลางยิ้ม

              เขาไม่เคยรู้สึกมีความสุขขนาดนี้มาก่อนในช่วงสามปีที่ผ่านมา

              “อย่าบอกนะครับว่า…”

              “ใช่ เราจะแย่งลูกค้าของอนันตไพลิน แค่นี้ยังเล็กน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่ผมต้องการจะทำ”

              “ผมคิดว่าพอแค่นี้ก่อนจะดีกว่านะครับ อีกอย่างผมเกรงว่าบุคลากรของเราอาจจะไม่เพียงพอที่จะรองรับการเติบโต”

               “คุณทัพไม่ต้องกกังวลหรอก เรื่องพวกนั้นผมคิดเอาไว้หมดแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้เรามาฉลองกัน อย่าพูดถึงเรื่องงานเลยดีกว่า”ขนมผิงบอกปัด

              เขารู้ดีว่าแทนทัพเป็นห่วงในหลายๆเรื่องที่ของต้องการจะทำ โดยเฉพาะเป้าหมายของเขาที่ต้องการจะล้มยักษ์ปักหลั่นอย่างอนันตไพลิน เพราะถ้าหากพรากพลั้ง นั่นหมายถึงขนมผิงอาจจะต้องสูญเสียทั้งเดิมพันทั้งหมดที่มี นั่นคือสิ่งที่พ่อของเขาได้สร้างเอาไว้ แต่ทางเดียวที่จะทำให้เขาชนะได้ก็มีแต่ทางนี้เท่านั้น

              ไม่รู้ว่าป่านนี้ปิญญ์ชานนท์จะเป็นอย่างไร คงหงุดหงิดแทบบ้ากับราคาหุ้นที่ตกต่ำลงมาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง

              พอนึกแล้วขนมผิงก็ยังไม่หายโกรธเคืองที่อีกฝ่ายเข้ามายุ่งย่ามกับเด็กๆ ทำให้เขาต้องตัดใจส่งเด็กๆให้อยู่ในความดูแลของพี่เลี้ยงซึ่งจะคอยมาดูแลที่บ้าน แต่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าปิญญ์ชานนท์จะไม่มีทางเข้าใกล้เด็กๆได้ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ช่องว่างระหว่างเขากับลูกมีมากขึ้น แต่เขาก็ไม่ต้องมาคอยระแวงว่าอีกฝ่ายจะโผล่มาแย่งลูกไปเมื่อไร และมีเวลาใส่ใจกับงานมากขึ้น

               “ความจริงผมก็ไม่อยากให้คุณรีบร้อนแบบนี้นะครับ อีกอย่างคุณก็น่าจะพักผ่อนบ้าง”แทนทัพตอบเสียงเบาแล้วตักอาหารใส่จานของเขา

              “ผมก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมาย”

              “คุณอาจจะมัวยุ่งกับงานจนลืมสังเกตไปว่าตัวเองซูบลงไปมาก”

              “คุณทัพคงจะคิดมากไปเอง เพราะอย่างนี้ไง ผมถึงได้พาคุณออกมาพักสายตาและกินข้าวข้างนอก”ขนมผิงบอกปัดก่อนจะละสายตาหลบจากสายตาที่แสดงออกถึงความห่วงใย

              “ยังไงซะ ผมไม่อยากให้คุณดันทุรังทำในสิ่งที่เกินตัว”

              “ผมบอกคุณทัพแล้วไงว่าเรามาฉลอง ผมจะไม่คุยเรื่องงาน อีกอย่างผมเองก็ไม่ได้ดันทุรัง”

              มันอาจจะจริงที่แทนทัพว่ามันเกิดตัวไป แต่ในเมื่อเขาได้ก้าวขาขึ้นบันไดขั้นแรกมาแล้ว มีแต่ต้องก้าวเดินขึ้นไปจนจุดสูงสุด…ก้าวเดินขึ้นไปเพื่อที่จะมองเห็นอีกฝ่ายจมลงไปกับตา

 

              หลังจากจบมื้ออาหารขนมผิงกับแทนทัพก็พากันเดินย่อยอาหารอยู่พักใหญ่เพื่อเตรียมตัวกลับไปทำงานต่อ ในระหว่างที่กำลังเดินด้วยความสบายใจอยู่นั่นเอง

              แขนข้างหนึ่งก็ถูกดึงเอาไว้อย่างกะทันหัน จนร่างสูงโปร่งเซไปตามแรงดึงเกือบจะล้ม

              “อยู่นี่นี่เอง ให้ฉันเดินหาแทบแย่”น้ำเสียงดูถูกแบบนี้คงเป็นใครไม่ได้นอกจากปิญญ์ชานนท์!!

              การปรากฏตัวของอีกฝ่ายทำให้ขนมผิงชะงักด้วยท่าทีตกใจ ตาคู่สวยจ้องมองร่างสูงในชุดสูทราคาแพงเขม็ง

              “อะไรของคุณ!!”บอกด้วยน้ำเสียงตกใจเล็กน้อยก่อนจะดึงมือกลับ

              ทว่าแรงบีบที่กดลงมาบนแขนกับท่าทีคุกคามของอีกฝ่ายนั้นทำให้ขนมผิงไม่ไม่สามารถสะบัดแขนออกจากการจับกุมของอีกฝ่ายได้

              “หึ ดูท่านายจะมีเหยื่อให้เลือกไม่ซ้ำหน้าเลยสินะ”เสียงทุ้มพูดอย่างเย้ยหยันก่อนจะปลายตามองชายร่างสูงที่อยู่ข้างกันกับขนมผิง

              “รู้จักกันเหรอครับ”แทนทัพเดินมาขนาบข้างพลางถามเสียงเรียบ ดวงตาคู่นิ่งเฉยจ้องมองมือของปิญญ์ชานนท์ที่กำลังบีบแขนผอมของเจ้านายนิ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจกับท่าทีคุกคามสักเท่าไร

              “ไม่ครับ ผมไม่รู้จักเขา”ขนมผิงตอบเสียงเรียบก่อนจะเบือนหน้าหนีเล็กน้อย

              ซึ่งนั่นก็ทำให้ใครอีกคนขบกรามแน่นด้วยความไม่พอใจ

              “อย่ามาเสแสร้งไปหน่อยเลยน่าขนมผิง นายจะปฏิเสธว่านายไม่รู้จักฉันได้ยังไงในเมื่อเรารู้จักกันอย่างดี”พูดพร้อมกับบีบมือลงมาแน่นกว่าเดิม

              ดูท่าปิญญ์ชานนท์น่าจะหงุดหงิดมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมาเจอเข้าแสดงท่าทีอย่างนี้ถึงได้ดูหงุดหงิดมากโข

              ขนมผิงอยากจะรู้จริงๆว่าปิญญ์ชานนท์หงุดหงิดกับเรื่องอะไรมา เพียงแค่คาดเดาก็ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยคล้ายจะยั่วยุอารมณือีกฝ่ายให้ทวีคูณ

              “คุณพูดอะไรน่ะ ผมไม่เคยรู้จักคุณสักหน่อย”

              “มันจะมากไปแล้วนะขนมผิง!!”แทบจะทันทีที่ปิญญ์ชานนท์แสดงท่าทีก้าวร้าวตอบกลับมา

              ทว่ามือใหญ่ของแทนทัพก็รั้งแขนของปิญญ์ชานนท์เอาไว้ก่อนที่ปิญญ์ชานนท์จะกระชากร่างของขนมผิงให้ถลาเข้าไปหา

              ในเสี้ยววินาทีที่ชายหนุ่มทั้งสามคนชุลมุนวุ่นวาย นัยน์ตาคู่นิ่งเฉยก็สบเข้ากับนัยน์ตาคู่ดุดันที่แสดงออกถึงความโกรธจัด

              “คุณผิงบอกไม่รู้จักคุณ คุณก็สมควรที่จะปล่อยมือจากเขานะครับ จริงอยู่ที่คุณอาจจะรู้จักชื่อของเขา แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะรู้จักคุณ”

              “สงสัยจะเป็นโรคจิตน่ะครับคุณทัพ ถึงได้คอยตามรังแกคนอื่นเขาอย่างนี้”ขนมผิงเสริมพร้อมกับเหยียดยิ้ม

              และนั่นก็เป็นการเติมเชื้อเพลิงให้กับไฟที่กำลังลุกไหม้

              “นายคงจะเป็นเหยื่ออีกคนสินะ ทางที่ดีนายอย่ามายุ่งดีกว่า ถ้าไม่อยากเดือดร้อน”ปิญญ์ชานนท์ข่มเสียง จ้องมองแทนทัพด้วยท่าทางคุกคามไม่แพ้กัน

              “ผมไม่รู้หรอกครับว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไร แต่คุณผิงได้ยืนยันแล้วว่าเขาไม่รู้จักคุณ คุณก็ควรจะปล่อยมือออกจากเขานะครับ ไม่อย่างนั้นผมคงต้องเรียกรปภ. คุณคงไม่อยากจะขายหน้าต่อหน้าคนมากมาย ดูท่าคุณเองก็ไม่ใช่คนทั่วไปซะด้วย ผมคงจะคิดถูกสินะครับ รบกวนช่วยปล่อยมือจากคุณผิงด้วยนะครับ”แทนทัพพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มหู

              แต่มือใหญ่ที่จับเข้าที่แขนของอีกฝ่ายนั้นกลับออกแรงบีบหนักมือให้ตาคู่ดุของปิญญ์ชานนท์วาวโรจน์

              แต่ท้ายที่สุดเมื่อทั้งสามคนเป็นจุดสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมา ในที่สุดปิญญ์ชานนท์ก็ยอมคลายมือออกจากแขนของขนมผิง

               “มันไม่จบง่ายๆหรอกนะขนมผิง นายได้เจอผลตอบแทนจากสิ่งที่นายทำไว้สาสมแน่”คาดโทษก่อนจะหันหลังเดินจากไป

              “ผมไม่รู้ว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไร แต่ว่า ผมเองก็จะไม่ยอมให้คุณมารังแกผมง่ายๆแน่นอน”ขนมผิงพูดให้อีกฝ่ายได้ชะงักเท้าเอาไว้ ก่อนจะเดินไปต่อพร้อมกับอารมณ์ที่ไม่มั่นคง

              ดูจากอารมณ์แล้วปิญญ์ชานนท์คงจะหงุดหงิดมาก ถึงได้มาลงอารมณ์กับเขาแบบนี้ แต่ที่เขาสงสัยก็คงไม่พ้นว่าปิญญ์ชานนท์มาเจอเขาได้ยังไง

              “นั่นคุณปิญญ์ชานนท์ประธานอนันตไพลินนี่ครับ ทำไมคุณถึงบอกว่าไม่รู้จักเขา แล้วอีกอย่างทำไมเขาถึงได้เข้ามาทำท่าคุกคามคุณอย่างนั้นล่ะครับ”หลังจากที่อีกฝ่ายเดินจากไปแทนทัพก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

              “สงสัยเขาคงกำลังหงุดหงิดกับเรื่องที่เกิด อีกอย่างคนอย่างนั้นผมไม่คิดจะรู้จักด้วยหรอก”ตอบพลางลูบแขนที่ถูกบีบเมื่อครู่เบาๆ

              ความรู้สึกเจ็บร้าวมันยังคงอยู่ไม่หาย ราวกับว่าถูกลิ่มหมุดแหลมคมตอกเอาไว้ให้ได้ฝังอยู่ในนั้นตลอดเวลา

              “ผมไม่รู้หรอกครับว่าก่อนหน้าคุณกับเขามีเรื่องอะไรกันมาก่อน แต่เป็นถึงขนาดนี้ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้”

              แทนทัพคว้าเอาแขนของขนมผิงไปลูบเบาๆ ถึงแม้จะแปลกใจจากการกระทำ แต่ขนมผิงก็เลือกที่จะดึงแขนกลับมาเบาๆ

              “อย่าห่วงเลย ยังไงตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าผมเป็นใคร”

              “นั่นแหละครับ ผมถึงเป็นห่วง บางทีผมว่าคุณอาจจะต้องมีคนคอยติดตามสักคน ผมคงอยู่กับคุณตลอดเวลาไม่ได้”

              “คุณกำลังพูดถึงบอดี้การ์ดใช่ไหม”เงยหน้าถามออกไป

              อันที่จริงขนมผิงก็เคยอยู่ในจุดที่ไม่มีอะไรมาก่อน การที่จะต้องมีคนมาคอยเอาใจหรือใช่ชีวิตฟุ่มเฟือยเพียบพร้อมไปด้วยทุกสิ่งมันก็อาจจะดูเกินไป แต่บางทีในเวลานี้มันก็อาจจะจำเป็นสำหรับเขา

 

              เพื่อที่จะรับมือกับสุนัขจนตรอกที่ไม่รู้ว่ามันจะกลายร่างเป็นหมาบ้ามาแว้งกัดเอา

 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 07:05:40 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2015 14:54:47 โดย NeLy เนลี่ »

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
ขอคนแรก

ขอตัวไปอ่านก่อน

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
สองคนนี้ก็มีเคมีดึงดูดกันพอสมควรนะ
เสียแต่ว่า ความแค้นมันบังตากันไปหมด กว่าจะยอมวางลงได้คงอีกนาน คาดว่าจะย่อยยับกันไม่น้อย

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
คุณแม่ใจเย็นๆน้าาาา แฝดอ้วนตกใจหมดเลย ตาพระเอกนี่ร้ายยังไงก็แย่อย่างนั้น  :katai1:

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
ขนมผิง แพ้ตลอด ททำไรบ้างสิ ไหนจะแก้แค้น  ถ้ายังเป็ยแบบนี้ ก็แพ้ไปเรื่อยๆ

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
เดาว่าพระเอกเริ่มสงสัยแล้วว่า

เมื่อ3ปีก่อนที่นายเอกบอกว่าท้องอาจจะจริง

เห็นขนาดนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอ

ดีแล้วที่นายเอกไม่ยอมง่ายๆ

ปล กด+จ้า

ออฟไลน์ gatenutcha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
 :z6:
เกลียดพระเอกค่ะ  ขนมผิงสู้ๆนะ เอาคืนให้เจ็บแสบเลย

ออฟไลน์ JY_JRB

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่าเบื่ออะ นายเอกกยังงี้ .. ดีแต่ปาก  ปากก็บอกว่าจะนั่นจะนี่ ถึงเวลา.... โอ่ย นกกระจอกยังไม่ทันได้เห็นบ่อน้ำเลยเจ้าค่า


- -....   จะอ่อนแอ อ๊อง แอ๊ง ไปถึงไหน   

ปล.  ขอโทษที อารมณ์เต็มๆ   

จะเฝ้ารอนายเอกนะอิที่บอกว่า จะสู้จะเข็มแข็งนั่นน่ะ  (แต่ สงสัยจะยาก  ดูเหลวตั้งแต่เริ่มเลย  มันน่าจะเข็มแข็งแล้วค่อยๆอ่อนลงดิ่  ปวกเปียกแต่แรก ต่อไปจะเหลืออะไร หละเน้อ  ขนมผิง)
 

ออฟไลน์ Abella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นี่จะเริ่มต้นเอาคืนแล้วใช่ไหมพอเอาคืนก็อยากให้ขนมผิงเข้มแข็งเหมือนที่เคยพูดไว้ ไม่อยากให้อ่อนแอให้ใครรังแกอีก :mew5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด