❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณทีมใคร????

ทีมปิญญ์ # หล่อเลวแบบนี้ใช่เลย จัดหนักจัดเต็ม
26 (15.3%)
ทีมขนมผิง # แกมาทำร้ายชั้นเรอะ ไม่ยอม ฉันจะเอาคืน
38 (22.4%)
ทีมแฝดลูกหมู # ปล่อยให้พ่อๆไปเคลียกันเอง มุ้งมิ้งกันสองคน
106 (62.4%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 170

ผู้เขียน หัวข้อ: ❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖  (อ่าน 291141 ครั้ง)

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
พ่อตานี่มาไม่มีเหตุผลเหมือนขนมผิงช่วงแรกๆเลย  อุปสรรคมีเข้ามาอีกแล้ว  หวังว่าคุณแม่ยายจะช่วยได้

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คุณตาไม่สงสารหลานหรอคะ
ทำไมไม่ให้คุณปิณพิสูจน์ตัวเองบ้าง

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ยิ่งขัดขวาง ยิ่งอยากเข้าใกล้ ..

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
ตอน…แต่ละวันของปิญญ์ชานนท์


                                 ใครจะไปรู้ว่าว่าที่คุณพ่อมือใหม่คนนี้พยายามมากแค่ไหน



                                 ใครจะไปรู้ว่าว่าที่คุณพ่อมือใหม่คนนี้จริงจังมากแค่ไหน



                                 และใครจะไปรู้ว่าว่าที่คุณพ่อมือใหม่คนนี้ขี้เห่อมากแค่ไหน



                                 เขาตั้งใจยกดัมเบลในมือขึ้นลงนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อมีกล้ามเนื้อแขนที่แข็งแรง



                                 เขาตั้งใจซิตอัพไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเพื่อมีหน้าท้องที่แบนราบไม่ลงพุง



                                 เขาตั้งใจวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าเพื่อมีกล้ามเนื้อขาที่สวยงามเตรียมพร้อมรับทุกสภถานะการณ์



                                 ทั้งหมดนี้เขาทำเพื่อที่ตัวเองจะได้ดูดีต่อหน้าขนมผิงเวลาที่เจอกัน



                                 เขาทำเพื่อที่จะได้รับคำชมจากลูกชายแฝดทั้งสองว่าเขานั้นทั้งหล่อและเท่น่าเอาเป็นแบบอย่าง



                                 ปิญญ์ชานนท์ยืนเอียงซ้ายขวาหันข้างไปมาหน้ากระจก ตาคู่คมจ้องมองร่างสูงใหญ่กายท่อนบนเปลือย
อวดแผงอกกำยำท่อนเอวได้รูปอีกทั้งยังมีซิกแพ็คสวยงามน่าพึงพอใจ เขายิ้มให้กับความหล่อเหลาของตัวเอง หากขนมผิงเห็น
ต้องอดใจไม่ไหวแน่ เขามั่นใจว่ามันต้องเป็นเช่นนั้น



                                 มือใหญ่เอื้อมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กก่อนจะเดินออกจากห้องออกกำลังกายในบ้าน สวนทางกับผู้เป็นพ่อ
ที่กำลังเดินมาพร้อมกับพยาบาลส่วนตัวประคองอยู่ข้างกาย



                                 และแน่นอนว่าแม้แต่พยาบาลผู้ชายก็ยังจ้องมองเขาด้วยความอิจฉา เขามั่นใจจากสายตา ซึ่งไม่รู้ว่า
เอาอะไรมาเป็นตัวตัดสิน



                                 “แกนี่มันงานการไม่ทำจริงๆ”อาทิตย์ส่ายหน้าให้กับลูกชายที่สายป่านนี้แล้วยังมัวแต่บ้าออกกำลังกาย
ไม่ยอมไปทำงานทำการ



                                 เป็นเวลาร่วมเดือนได้แล้วที่ทุกเช้าลูกชายตัวดีเอาแต่ตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกายเป็นบ้าเป็นหลังก่อน
จะออกไปทำงาน ไม่รู้ว่าถูกผีอะไรเข้าถึงได้นับวันยิ่งทำแต่เรื่องไร้สาระ



                                 พอว่างจากการออกกำลังกาย เมื่อก่อนหากจะคุยกันก็คงจะเป็นเรื่องงานเรื่องธุรกิจ แต่ตอนนี้เอาแต่คุย
ถึงเรื่องลูกสาวที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะใช่ลูกสาวจริงๆอย่างที่เห่อนักหนารึเปล่า จำได้ว่าตอนที่เขารู้ตัวว่ากำลังมีลูกเขาไม่เคยออก
หน้าออกตาเท่านี้มาก่อน



                                 “ผมต้องดูดี จะได้ชนะใจลูกเมีย”คำตอบของปิญญ์ชานนท์ทำให้อาทิตย์แสยะยิ้ม อยากจะหัวเราะให้
ฟันหัก ไม่เว้นแต่พยาบาลส่วนตัวที่พยายามกลั้นหัวเราะ ได้แต่อมยิ้ม



                                 “หึ ว่างๆแกน่าจะไปเช็คสมองบ้างนะ”



                                 “ผมไม่ได้ว่างขนาดนั้น”



                                 “แกบอกว่าไม่ว่างแต่มีเวลาออกกำลังกายบ้าบอทุกวี่ทุกวันเนี่ยนะ แกน่าจะเอาเวลาออกกำลังกายสัก
นาทีครึ่งนาทีของแกไปโกนหนวดออกซะบ้าง พนักงานที่บริษัทเห็นเข้าจะคิดว่าแกเป็นโจร”



                                 “ผมไว้หนวดรอลูกสาวของผมต่างหาก สักวันอาจจะมีคนมาจีบหลานสาวของพ่อเขาจะได้เกรงใจ
หนวดผมบ้าง”



                                 “ไร้สาระจริงๆ แกจะไปไหนก็ไป คุยกับแกไปก็คงไม่ได้อะไร เสียเวลาทำกายภาพบำบัดของฉัน
จริงๆ”อาทิตย์ส่ายหน้าให้กับความไร้สาระของลูกชาย



                                 “วันนี้พ่ออยากจะกินอะไรเป็นพิเศษไหม เผื่อผมจะแวะซื้อขากลับ”



                                 “แล้วแต่แกก็แล้วกัน ฉันไม่ได้อยากอะไรเป็นพิเศษ”



                                 “อาบน้ำเสร็จผมจะออกไปทำงานเลย”ปิญญ์ชานนท์บอกล่าวเสร็จสรรพก่อนจะเดินขึ้นบันไดบ้านไปยัง
ห้องนอนของตัวเองเพื่อจะอาบน้ำเตรียมไปทำงาน



                                 ระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำก็อดไม่ได้ที่จะแวะหน้ากระจก เอียงตัวสี่สิบห้าองศาอีกครั้งเพื่อจ้อง
มองซิกแพ็คของตัวเองแล้วยกแขนเบ่งกล้ามอวดตัวเองในกระจก



                                 มันน่าอายที่ตอนนั้นเขาไม่มีเวลาออกกำลังกายจึงทำให้มีพุงยื่นออกมา แล้วขนมผิงก็ดันมาเห็นเข้า
หนำซ้ำยังโดนหัวเราะเยาะใส่มาอีก คราวนี้ล่ะ ถ้าขนมผิงเห็นซิกแพ็คของเขาขนมผิงจะต้องทั้งชมทั้งอิจฉาเขาแน่ เขารับประกัน
ได้เลย
 

------------------------------------------------------------------------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 08:22:04 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ..

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
กำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่เลย

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
41 เสี้ยนหนาม

   ครืดดด

   เครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงสั่นเบาๆปลุกให้ชายหนุ่มที่กำลังคร่ำเคร่งกับเอกสารในแฟ้มเบื้องหน้าหยิบมันขึ้นมาจ้อง
มองเบอร์ที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอ ริมฝีปากหยักผุดยิ้มขึ้นมาเมื่อเจ้าของสายเรียกเข้าที่โทรเข้ามานั้นทำให้เขาดีใจจนแทบจะลุกแล้วก
ระโดดเหมือนกับนักฟุตบอลที่ทำประตูได้

   “อะ แฮ่ม นายโทรมาหาฉันมีธุระอะไรเหรอ”เสียงเรียบถามทันทีที่รับสาย

   ‘คุณปิญญ์ คุณยังไม่เลิกส่งคนมาตามผมอีกรึไง’

   “ฉันเปล่า”ปิญญ์ชานนท์ปฏิเสธ จริงอยู่ที่ก่อนหน้านั้นเขาส่งคนคอยตามขนมผิง แต่พักใหญ่แล้วที่เขาสั่งยกเลิกไป

   ‘จะเปล่าได้ยังไง ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใคร’เสียงจากปลายสายทำให้ปิญญ์ชานนท์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ความคิด
บางอย่างเริ่มผุดเข้ามาในหัว

   “ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน”

   ‘คุณถามทำไม คุณน่าจะรู้ดีไม่ใช่รึไง’

   “บอกฉันมาเถอะน่าว่าตอนนี้นายอยู่ที่ไหน”น้ำเสียงของชายหนุ่มเริ่มเจือไปด้วยความกังวล

   ‘ผมมารับลูกที่โรงเรียน และกำลังจะกลับ’

   “นายอย่าพึ่งไปไหน รอฉันอยู่ที่นั่นไม่เกินครึ่งชั่วโมงฉันจะไปหานาย”


   ‘คุณไม่จำเป็….’

   ไม่รอให้คนที่อยู่ปลายสายได้แย้งปิญญ์ชานนท์ก็กดตัดสายแทบจะทันที พักใหญ่แล้วที่ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยหลัง
จากเรื่องการวางเพลิง เพราะเขาทำให้เรื่องทั้งหมดมันเงียบลงอย่างง่ายดายเพราะต้องการที่จะทำให้ฝั่งตรงข้ามตายใจ แต่ขนม
ผิงพึ่งจะโทรมาต่อว่าตนนั้นทำให้เขาเริ่มเป็นกังวลอีกครั้ง



   ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงตามที่สัญญาเอาไว้รถยนต์คันหรูก็แล่นมาจอดหน้าโรงเรียนอนุบาล เจ้าของร่างสูงก้าวลงจากรถแล้วเดิน
เข้าไปหาขนมผิงกับเด็กแฝดร่างจ้ำม่ำอีกสองคนทันที

   “คุณไม่จำเป็นต้องมา แค่บอกให้คนของคุณเลิกตามผมก็พอ”ขนมผิงว่าพลางปรายตามองไปยังผู้ชายที่ทำทีท่าว่านั่งอ่าน
หนังสือพิมพ์อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนหน้าโรงเรียน

   “เขาตามนายมานานเท่าไรแล้ว”ปิญญ์ชานนท์ตวัดตามองตาม

   ก่อนจะย่อตัวยิ้มรับเด็กๆที่กระโดดมาเกาะขาด้วยความดีใจพลางส่งเสียงทักกันเจี๊ยวจ๊าว

   “พ่อปินมารับเหรอฮะ”

   “ดีใจไหม”

   “ดีใจฮะ/ดีใจฮะ”สองแฝดตอบประสานเสียงพร้อมเพรียงด้วยความดีใจ

   “แล้วคิดถึงพ่อปินไหมครับ”ตอนนี้ชายหนุ่มเรียกแทนตัวเองได้เต็มปากเต็มคำว่า “พ่อปิน”จนใครอีกคนที่ได้ยินขมวดคิ้วว
มุ่น

   “คิดถึงฮะ กิมคิดถึงพ่อปินมากเลย”

   “หลิ่มก็คิดถึงพ่อปินฮะ วาดรูปพ่อปินกับน้องด้วย”คนน้องบอกเสียงใส ซึ่งนั่นก็ทำให้ปิญญ์ชานนท์หันไปเลิกคิ้วมองเจ้าของ
ร่างสูงโปร่ง

   “นายบอกเด็กๆ?”ปิญญ์ชานนท์ถามเสียงเบา และได้คำตอบเป็นการพยักหน้าเบาๆกลับมา

   “ทำไมวันนี้พ่อปินมารับพวกเราล่ะฮะ”ปลากริมถามพลางเอียงคอ ตากลมจ้องมองมาที่ชายหนุ่มตาปริบๆ

   “วันนี้พ่อปินจะพาไปค้างที่คอนโดพ่อปิน ไม่รู้ว่ามีใครอยากไปบ้างไหม”


   “ไปฮะ ไปๆ/ไปๆๆ”สองคนกระโดดโลดเต้นกันยกใหญ่

   “เดี๋ยวสิ ผมยังไม่ได้บอกว่าจะไปเลย”ขนมผิงรั้งแขนปิญญ์ชานนท์เอาไว้

   “เอาน่า เพื่อความปลอดภัยของนายกับลูก”

   “คุณหมายความว่ายังไง”

   “เอาเป็นว่าขึ้นรถกันก่อนดีกว่า”

   “แต่ผมเอารถมา”

   “เดี๋ยวฉันให้คนขับรถขับตามไปเอง”พูดจบก็แย่งกุญแจรถในมือของขนมผิงโดยไม่รอให้ได้แย้งแล้วส่งให้กับคนขับรถที่รอ
อยู่ก่อนแล้ว

   ปิญญ์ชานนท์จัดการอุ้มเด็กๆขึ้นมาก่อนจะจัดการให้เด็กนั่งยังคาร์ซีทเบาะหลัง ไม่ลืมที่จะคาดเข็มขัดให้พร้อมสรรพ ก่อน
จะเปิดประตูข้างคนขับแล้วดันให้ขนมผิงเข้าไปนั่ง

   “คุณอย่าทำอะไรตามใจตัวเองนักจะได้ไหมครับ ผมตามคุณไม่ทัน”ขนมผิงพูดเมื่อรถเคลื่อนตัวออกมามาจากหน้าโรงเรียน
อนุบาล ได้ยินเสียงร้องเพลงของเด็กๆแว่วมาจากเบาะหลังอย่างอารมณ์ดี

   “นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่านายถูกตามมานานเท่าไรแล้ว”คราวนี้ปิญญ์ชานนท์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “สองสามวันได้”

   “แล้วทำไมนายพึ่งจะบอกฉัน”

   “แล้วนั่นไม่ใช่คนของคุณรึไง”

   “นั่นไม่ใช่คนของฉัน ฉันถึงได้เป็นห่วงนายกับลูกอยู่นี่ไง”ชายหนุ่มหันมาตอบก่อนจะหันไปมองถนนข้างหน้า

   และสิ่งที่เขาพูดออกมาก็ทำให้คนฟังขบขบเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นเมื่อรู้สึกว่าใบหน้ากำลังร้อนผ่าว
กับคำว่าเป็นห่วง

   “ผมนึกว่าคนของคุณ”

   “ช่างเถอะ ต่อไปนี้นายกับลูกจะไปไหนมาไหนก็บอกฉันก็แล้วกัน ฉันจะเป็นคนพาไปเอง”

   “ผมดูแลตัวเองได้”

   “ฉันก็ดูแลลูกเมียตัวเองได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นนายอยู่เฉยๆให้ฉันดูแลก็พอ”



   -----------------------------------------------------------------------------

   

   เสียงรายการทีวีสำหรับเด็กดังแว่วมาจากห้องนั่งเล่นหลังจากมื้อเย็นจากฝีมือของขนมผิงจบลง บรรยากาศภายนอก
หน้าต่างเข้าสู่ความมืดโดยสมบูรณ์ ขนมผิงจ้องมองร่างสูงนอนคว่ำราบไปกับพื้นข้างๆเด็กๆที่กำลังนอนวาดรูประบายสีอย่าง
สบายใจ อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้ได้มาค้างคืนในสถานที่แปลกใหม่และมีปิญญ์ชานนท์เข้ามาร่วมด้วยจึงทำให้วันนี้เด็กๆดูตื่นเต้น
ผิดปกติ

   “คนไหนเป็นปลากริม คนไหนเป็นสลิ่ม หืม?”น้ำเสียงอบอุ่นถามพลางจุมพิตลงบนขมับของสองแฝดสลับกันคนละทีก่อนจะ
หันมายิ้มให้กับเขาที่นั่งอยู่บนโซฟา

   “คนนี้พ่อปิน คนนี้ปะป๊าฮะ”

   “แล้วคนนี้ก็น้อง”สองคนสลับกันชี้ไปในแผ่นกระดาษแผ่นใหญ่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันมากมายก่อนจะหยุดลงที่ตัวการ์ตูน
ตัวเล็กๆ

   “ทำไมน้องถึงมีคนเดียวล่ะ”คำถามของปิญญ์ชานนท์ทำให้เด็กชายทั้งสองเอียงคอหันไปมองหน้ากันก่อนจะหันมามอง
หน้าเขาด้วยความสงสัย “นายไม่ได้บอกลูกเหรอว่ากำลังจะมีน้องสองคน”

   “สองคนเลยเหรอฮะ”เป็นปลากริมที่ตาโตถามออกมาเสียงดัง

   “ปะป๊ามีน้องสองคนเลยเหรอฮะ”สลิ่มหันมาถามกับเขาเสียงดังไม่แพ้กัน

   ขนมผิงทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับเบาๆกับท่าทีตื่นเต้นของเด็กๆ ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นลูกทั้งสองกระโดด
ดีใจจนต้องคอยจับเอาไว้เพราะกลัวจะล้มไปเสียก่อน

   “เด็กๆดูท่าจะดีใจกันมากเลยนะ”

   “อืม”

   “แล้วพ่อแม่นายจะดีใจไหมถ้าหากเราบอกเรื่องนี้กับพวกเขา”

   “ผม…ไม่รู้”ขนมผิงตอบได้เพียงแค่นั้น

   นึกย้อนถึงสิ่งที่บิดาออกปากห้ามเมื่อไม่นานมานี้ก็ยิ่งทำให้รู้สึกผิด เขาไม่ได้บอกกับบิดาด้วยซ้ำว่ามาค้างคืนที่คอนโดของ
อีกฝ่าย บอกเพียงแค่ว่าค้างที่คอนโดของตนเอง นอกจากจะโกหกแล้วเขายังฝืนข้อห้ามของผู้เป็นพ่อได้อย่างง่ายดาย หากเป็น
แต่ก่อนใจของเขาคงจะต้องร้องห้ามและขัดแย้งกับความคิดของตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ทว่าตอนนี้เขากลับไม่มีความรู้สึกนั้นอยู่เลย
ขนมผิงจ้องมองชายหนุ่มคุยเล่นกับเด็กๆด้วยความสนิทสนม สายสัมพันธ์ที่เขามองไม่เห็นกำลังถูกทักทอจนแน่นราวกับว่าไม่มี
วันจะขาดออกจากกัน มือผอมลูบลงบนท้องของตัวเองเบาๆ รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่มุมปากเมื่อปิญญ์ชานนท์ออกโรงโชว์ฝีมือการ
วาดรูปให้เด็กๆได้ส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้น



   “คุณปิญญ์”เสียงเรียกแผ่วเบาเรียกให้ปิญญ์ชะนนท์ชะงักมือที่กำลังกดส่งข้อความผ่านโทรศัพท์ลงใส่กระเป๋า

   “ทำไมนายยังไงนอนอีก”

   “แล้วคุณล่ะ”ขนมผิงถามกลับเสียงเบาหลังจากที่ส่งเด็กๆเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ตาคู่สีโศกจ้องมองท่าทีของชายหนุ่มที่ดู
เหมือนกำลังปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้

   “ฉันกลัวว่านายกับลูกจะนอนไม่สบายตัว ฉันเลยคิดว่าจะนอนที่โซฟาแทน”

   “ผมคิดว่านานครั้งคุณจะได้ใช้เวลาร่วมกับเด็กๆ…คงไม่เป็นไรถ้าคุณจะนอนด้วยกันกับเด็กๆ”

   “เหมือนนายพูดเชิญชวนให้ฉันขึ้นเตียงด้วยยังไงไม่รู้”ปิญญ์ชานนท์ไหวไหล่เล็กน้อยแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ

   “ใครมันจะไปพูดอย่างนั้นกัน”พูดจบก็หันหลังเดินหนีกับคำล่อแหลม แต่ยังไม่ทันจะก้าวไปไหนไกลข้อมือก็ถูกคว้าเอาไว้
ก่อนจะถูกดึงเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง รู้ตัวอีกทีนัยน์ตาคู่สวยก็ไหววูบหลุบตาจ้องมองพื้นห้องเมื่อริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่าย
แตกลงมาบนต้นคอพร้อมกับสูดหายใจเข้าปอด

   “นายจะรีบไปไหนล่ะไหนๆก็ยังไม่นอนแล้ว อีกอย่างพรุ่งนี้ก็เป็นวันเสาร์ นานๆทีเราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนายช่วยดูหนัง
เป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”

   “ตามใจคุณก็แล้วกัน”

   คำตอบของขนมผิงปิญญ์ชานนท์ได้ทีค่อยๆไล่จมูกเกลี่ยลงไปบนพวงแก้มนุ่มเบาๆ ยกยิ้มเมื่อเห็นเสี้ยวหน้าของอีกฝ่าย
แดงเรื่อ

   “ขนมผิง”

   “คุณจะเรียกผมทำไม”

   “ฉันอยากอาบน้ำกับนายจังเลย”ไม่พูดเปล่าแต่กึ่งกลางร่างกายของชายหนุ่มกำลังบดเบียดบั้นท้ายของขนมผิง ซึ่งนั่นก็
ทำให้ขนมผิงตาโตด้วยความอายปนตกใจ

   “คุณมันโรคจิต”เสียงเรียบนิ่งต่อว่าก่อนจะผละออกจากอ้อมกอด “ผมเปลี่ยนใจแล้ว คืนนี้คุณนอนที่โซฟานี่ก็แล้วกัน”

   “เดี๋ยวสิ ฉันแค่ล้อนายเล่น นายอยู่คุยกับฉันก่อนสิ ไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันฉันคิดถึงนายกับลูกจะแย่อยู่แล้ว”


   “คุณไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหนกัน มันไม่ได้เข้ากับคุณเลยด้วยซ้ำ”เขาไม่ชินเลยกับคำหวานของปิญญ์ชานนท์ แล้วก็
ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่จะชินกับมัน

   “ฉันรู้ว่าคำพูดพวกนี้มันไม่สามารถลบล้างคำดูถูกในอดีตของฉันได้ แต่ฉันก็อยากที่จะพูดมันกับนายเพราะมันเป็นสิ่งที่ฉัน
ต้องการจะบอกกับนายยังไงล่ะ”

   “สมองคุณไม่ได้กระทบกระเทือนตอนถูกยิงใช่ไหม”

   “ก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว”พูดจบก็ดึงเอาขนมผิงเข้ามากอดอีกครั้งก่อนจะดันอีกฝ่ายให้นั่งลงบนโซฟาข้างกัน

   ถึงแม้ว่าตาจะจ้องมองหนังที่ฉายอยู่หน้าจอทีวี แต่มือใหญ่นั้นกำลังดึงเอาชายเสื้อเชิ๊ตสีขาวของขนมผิงให้เลิกขึ้นเผยให้
เห็นหน้าท้องกลมนูนออกมา ฝ่ามืออุ่นลูบไล้ลงไปบนผิวท้องแน่นตึงนั้นอย่างเบามือ

   “ยังไม่เลิกเสียดายที่ไม่ได้เด็กผู้หญิงเหรอครับ”เสียงเบาถามก่อนมือผอมจะวางลงมาทาบทับ


   “ถึงจะเสียดายแต่ฉันก็มีความสุขมากเลยล่ะที่ได้อยู่ใกล้นายกับลูก”

   “คุณ…ไม่ได้มีอะไรปิดบังผมอยู่ใช่ไหม”


   “ทำไมนายถึงถามฉันอย่างนั้นล่ะ”ปิญญ์ชานนท์หันไปถามเสียงเบา ชายหนุ่มเอียงคอหันไปมองเสี้ยวหน้าคมนิ่งของขนม
ผิง

   “กับคนที่สะกดรอยตามผมในวันนี้ แล้วกับเรื่องที่ไฟไหม้โกดังของมณีรัตน์คุณรู้อะไรมากกว่าที่ผมรู้ใช่ไหม”

   “ฉันจะไม่โกหกนายหรอกนะขนมผิง แต่ฉันอยากให้นายเชื่อใจฉันมากกว่า ฉันสัญญาว่าอีกไม่นานทุกอย่างมันจะต้อง
เรียบร้อย”

   “ถึงจะไม่ชอบใจที่คุณเหมือนจะมีอะไรปิดบังผมอยู่ แต่ก็เอาเถอะ…ผมจะลองเชื่อใจคุณดู”

   กับทุกสิ่งทุกอย่างในเวลานี้ เขาจะลองเชื่อใจปิญญ์ชานนท์ดู จะยอมรับในความรู้สึกที่อีกฝ่ายมอบให้ และความรู้สึกของตัว
เองที่มีต่ออีกฝ่าย

   

   ---------------------------------------------------------------------------



   ภัตตาคารหรูใจกลางกรุงในห้องอาหารวีไอพี ร่างของวัยกลางคนดูสุขุมนั่งใจจดจ่ออยู่กับกล่องของขวัญตรงหน้าที่ตนเอง
เตรียมมาก่อนจะหันไปมองลูกสาวเมื่อบทสนทนาระหว่างพ่อลูกได้เริ่มขึ้นหลังจากภายในห้องตกสู่ความเงียบมาพักใหญ่ตั้งแต่มา
ถึง

   “อันที่จริงเดหลีคิดว่าเดหลีไม่ต้องมากับพ่อทุกครั้งที่พ่อนัดพบเขาก็ได้นะคะ เดหลีคิดว่ามันไม่จำเป็น”

   “ทำไมจะไม่จำเป็น แกมานั่นแหละดีแล้วให้เขาเห็นหน้าเห็นตาแกบ่อยๆ จะได้สนิทสนมกันไวไวๆ”

   “การที่เดหลีมาเจอให้เขาเห็นหน้าบ่อยๆมันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะให้ลูกชายเขามาแต่งงานกับเดหลีหรอกนะคะ เดหลี
กับก่อนดีหว่า”

   “นี่แกพูดอะไร เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าก็ขายหน้ากันพอดี”เชตุพลมองซ้ายมองขวาราวกับกำลังหวาดระแวง ดึงตัวลูกสาวที่
ทำท่าจะลุกให้นั่งลง

   “พ่อออ”

   “แกจะกลับไปหมกตัวอุดอู้อยู่แต่งในบ้านรึยังไง”

   “ก็ยังดีกว่าการออกมาทำอะไรอย่างที่พ่อทอยู่ตอนนี้ก็แล้วกัน”กับการที่ใช้เงินซื้อทุกอย่างและขบปัญหาที่เกิดขึ้นเธอเบื่อ
เต็มที สถานการณ์ในเวลานี้ถึงเธอจะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็พอจะรู้ว่าพ่อของเธอกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก

   ขึ้นชื่อว่าคนที่ไม่เคยต้องมาขอร้องใครและมานั่งรอใครก่อนแต่วันนี้กลับทำในสิ่งตรงกันข้ามซึ่งนั่นก็เป็นตัวบ่งบอกได้อย่าง
ดีแล้วว่าทั้งสิ่งที่เธอและพ่อเธอเคยทำลงไปมันกำลังจะหวนกลับคืนมา ใบหน้าที่เคยสวยบัดนี้กลับซูบลงไปมากจ้องมองบิดาด้วย
ความรู้สึกที่ยากจะพูดออกไปได้กับความลับที่บิดาคิดว่าตัวเธอนั้นไม่รู้

   “แบบนี้ที่แกพูดหมายถึงอะไร”

   “ก็ไอ้ที่อยู่ในกล่องตรงหน้าพ่อนั่นไงล่ะคะ พ่อคิดว่ามันจะจบปัญหาทุกอย่างได้รึยังไงกัน”

   “แกอย่ามาพูดจาไม่น่าฟังเอาตอนนี้นะ”

   “มันแก้ไขอะไรไม่ได้หรอกค่ะ มันไม่มีทางแก้ไขอะไรได้”เพราะท้ายที่สุดจุกจบมันก็จะต้องมาถึง

   เพียงแค่ลองคิดถึงภาพที่ปิญญ์ชานนท์ถูกยิงกับการที่เธอส่งคนไปฆ่าขนมผิงมือทั้งสองข้างก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่
พยายามจะไม่นึกถึงมัน ไม่จินตนาการถึงสิ่งที่ตนไม่เคยเห็นแต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลย ชายกระโปรงสีสวยถูกมือทั้งสองข้างกำ
ขยำจนยับยู่ยี่ ริมฝีปากเคลือบสีสวยปกปิดความแห้งผากและหมองคล้ำขบเม้เข้าหากันแน่น

   “ไม่มีอะไรที่เงินแก้ไขไม่ได้หรอกจำเอาไว้ ฉันไม่รู้ว่าแกรู้อะไรมาหรือว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่แกเป็นลูกของฉันแกก็ทำ
หน้าที่ในส่วนของลูกให้ดีก็พออย่าได้อยากรู้ในสิ่งที่ไม่ควรมากมายนัก”

   “เดหลีไม่ใช่คนโง่นะคะพ่อ”เสียงหวานตอบกลับไปสั่นเครือ

   “ฉันรู้ว่าแกไม่ใช้คนโง่ แต่มันไม่ได้หมายความว่าแกจะไม่มีวันทำในสิ่งที่โง่หรอกนะ”

   “เหมือนกับพ่อที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ใช่ไหมคะ”

   “นี่แกไม่ได้กำลังว่าฉันโง่อยู่ใช่ไหมเดหลี”เชตุพลถามลูกสาวด้วยเสียงที่แข็งกระด้างขึ้นทุกที

   “พ่อน่ะโง่…โง่ที่คิดว่าทุกๆคนรอบๆตัวโง่ พ่อน่ะไม่ได้รู้อะไรเลย หึหึ”หญิงสาวตอบทั้งสะอื้นน้ำตาคลอ

   เพี๊ยะ!!!

   ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนเสี้ยวหน้าสวยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ถึงมันจะไม่แรงนักแต่มันก็พอที่จะทำให้ตาคู่กลโตเบิกกว้าง
ในสิ่งที่พ่อของตนทำ

   “นี่แกบ้าไปแล้วรึไงถึงด่าว่าพ่อของตัวเองโง่น่ะ ห๊ะ!!”เชตุพลตวาดลั่น แต่ก็ชะงักเมื่อประตูห้องวีไอพีเปิดออกตามด้วยคนที่
ทำให้เขานั่งรอมาพักใหญ่เดินเข้ามา “นั่งเฉยๆแล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรล่ะ”

   “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ สบายดีไหมครับท่าน”เชตุพลกล่าวทักพลางค้อมตัวเล็กน้อยอย่างนอบน้อมเมื่อท่านที่ว่าคือคน
ที่จะตัดสินชะตาชีวิตของตัวเองในวันข้างหน้า

   “สบายดี สบายดี ไม่ต้องเกรงใจนั่งเถอะ ว่าแต่มารอกันนานรึยัง”

   “พึ่งจะมาถึงเมื่อครู่นี้เองครับ”เชตุพลตอบโกหกออกไปทั้งที่นั่งรอมาพักใหญ่

   “ต้องขอโทษด้วยแล้วกัน ช่วงนี้มีคดีให้ตัดสินใจเยอะเป็นพิเศษ อีกทั้งคดีที่เพิ่งจะรับมาดูท่าว่าจะทำให้ช่วงนี้วุ่นวายไปสักพักใหญ่เลยล่ะ”

   “คงจะเหนื่อยน่าดูนะครับ”

   “ทำยังไงได้ ก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำล่ะนะ ว่าแต่วันนี้มีธุระอะไรล่ะ คงไม่ใช่แค่เชิญมากินมื้อเที่ยงแพงๆแค่นั่นหรอกใช่
ไหม”อธิการบดีดีเอสไอยิ้มอย่างมีเลศนัยน์

   “อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ก็อย่างที่เคยขอร้องท่านไปนั่นแหละครับ”เชตุพลว่าพลางเหลือบมองบอดี้การ์ดของอธิการบอดี
สูงสุดอีกสองคนที่ยืนคุมอยู่ไม่ไกลก่อนจะหันกลับมามองหน้าอีกฝ่าย

   “อ่อ เรื่องนั้นน่ะเรอะ”

   “ก็นั่นแหละครับ อยากจะให้ช่วยดูๆให้หน่อย นี่ของขวัญเล็กๆน้อยๆครับ”เชตุพลยกกล่องของขวัญที่เตรียมมาวางลงเบื้อง
หน้าของอีกฝ่าย

   “เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันง่ายๆสินะ หึหึ”อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอชวนให้ทั้งเชตุพลและเดหลีขนลุก

   กล่องของขวัญถูกเปิดออกทันทีที่ได้รับเผยให้เห็นเงินจำนวนมากมายที่อัดแน่นอยู่ภายใน เชตุพลตายิ้มประจบให้กับอีก
ฝ่าย จ้องมองใบหน้าของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามพยักหน้าสองสามที ยกยิ้มคล้ายจะพึงพอใจ

   “นี่ไม่ใช่น้อยๆเลยนะเนี่ย”

   “แค่นี้ถือว่าเล็กๆน้อยๆครับ”

   “นั่นสินะ ถือว่าเล็กๆน้อยๆกับสิ่งที่จะตามมาทีหลัง”จบคำพูดนัยน์ตาของคนสูงวัยก็ต้องวูบไหวอย่างประหลาดใจกับรอยยิ้ม
ของอีกฝ่ายที่หุบลง ฉับพลันประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้งก่อนที่คนในเครื่องแบบนับสิบจะกรูกันเข้ามา

      “นี่มันหมายความว่ายังไงกัน!!”

   ไม่ทันได้ถามอะไรไปมากกว่านั้นตำรวจที่เข้ามาก็ล้อมเอาไว้หมดแล้ว เชตุพลยืนขึ้นด้วยความตกใจและเดือดดาล จ้อง
หน้าอีกฝ่ายที่แสยะยิ้มออกมาเขม็ง

   “คุณกำลังเพิ่มข้อหาติดสนบนเจ้าหน้าที่ให้กับตัวเองอยู่ยังไงล่ะ บวกกับข้อหาอื่นๆคุณจะถูกกักตัวแล้วสอบสวนในอีก
หลายๆคดีที่มีหลักฐานว่าคุณมีส่วนเกี่ยวพัน ผมจะเชิญคุณไปดีดี อย่าให้ต้องใช้กำลังกันเลยนะ”

   “แกหักหลังฉัน!!”เชตุพลแทบจะกระโจนเข้าหาอีกฝ่ายด้วยความโกรธแค้น เขาแทบบ้าคลั่งเมื่อรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตอน
นี้มันเร่งเร้าให้เรื่องทุกอย่างที่พยายามหลีกหนีมาถึงตัวเร็วขึ้น

   “เอาตัวไป”

   “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”เสียงแข็งตวาดกร้าวก่อนจะปัดมือที่จับแขนของตนออกแล้วปรี่เข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับมีดหั่นเส
ตกที่วางอยู่บนโต๊ะ

   “เราพยายามที่จะไม่ใช้กำลังในการเชิญตัวคุณไปอยู่นะ”

   ข้อมือที่ถือมีดเอาไว้ถูกบิดบังคับให้ต้องปล่อยมีดออกจากมือก่อนที่ตำรวจหลายคนจะรุมเข้ามาล็อคตัวของเขาเอาไว้

   “แกไม่มีสิทธิจะมาจับฉัน ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”

   “ถูกผิดก็ต้องตรวจสอบกันอีกที แต่ตอนนี้คุณกำลังโดนข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงานและขัดขืนการจับกุม”

   “แกมันไอ้ชาติชั่ว!!”เชตุพลตะโกนก้องก่อนจะชะงักมื่อเห็นตัวลูกสาวของตนกำลังถูกคุมตัวไม่ต่างกัน”อย่ามายุ่งกับลูกสาว
ของฉันจะ เขาไม่เกี่ยวอะไรด้วย!!!”

   “พ่อคะ”เดหลีเรียกผู้เป็นพ่อด้วยเสียงสั่นเครือ พยายามดึงข้อมือผอมออกจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ

   “บอกให้ปล่อยยังไงล่ะ ลูกสาวของฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย พวกแกไม่มีสิทธิมาแตะต้องลูกสาวของฉันนะไอ้พวกสารเลว”

   “ยังไงซะเธอเป็นคนในครอบครัวเธอก็ต้องถูกสอบสวนด้วยเหมือนกัน”

   “ฉันบอกว่าลูกสาวของฉันไม่รู้เรื่องด้วยไง พวกแกหูหนวกกันรึไงห๊ะ!! ลูกสาวของฉันไม่เกี่ยว!!”ไม่เพียงแค่ร้องห้าม แต่
ชายสูงวัยยังพยายามที่จะขัดขืนการจับกุมเมื่อเห็นลูกสาวของตนถูกดึงให้ออกไปจากห้อง

   “ปล่อยลูกสาวของฉันนะ พวกแกจับฉันไปก็ได้ แต่แกอย่ามายุ่งกับลูกสาวของฉัน ลูกสาวของฉันไม่ผิด ฉันคนเดียวต่าง
หากที่ผิด!!”ถึงจะตะโกนจนเสียงแหบแห้ง แต่มันก็กลับสายไปซะแล้วเมื่อร่างของลูกสาวถูกพาหายออกไปจนลับตา

   ร่างของชายสูงวัยสั่นเทา ริมฝีปากสั่นเครือด้วยความหวาดกลัว จะให้เขาทำยังไงก็ได้เพื่อที่จะไม่ให้ลูกสาวที่ไม่รู้อะไรเลย
ถูกโยงเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นเขาเองที่ผิดทุกอย่างผิดจนภรรยาต้องมาเสียไปกับสิ่งที่ตนเองได้ทำกับคนอื่นไว้ สิ่งมีค่าที่เหลือ
อยู่เพียงสิ่งเดียวก็คือลูกสาว แต่ที่ผ่านมาตนเองกลับหลงผิดกับเงินท้องมากมายและมองข้ามสิ่งนั้นไป เขามันโง่จริงๆ โง่อย่างที่
ลูกสาวได้ต่อว่าเอาไว้ไม่มีผิด

   “ปล่อยลูกสาวของผมไปแล้วผมจะยอมให้ความร่วมมือ”



   --------------------------------------------------------------------------------


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 08:22:30 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
มาต่อแล้ว เรื่องนี้น่าจะจบลงได้ดี ว่าแต่คนที่ติดตามขนมผิงอยู่เป็นใคร หรือว่าจะเป็นคนของพ่อตา

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เข้มข้น มากขึ้น ..

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ใครตามขนมผิงอ่ะ ฝั่งคุณพ่อเองหรือเปล่า

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ถึงเชตุจะโดนจับไป แต่คิดว่าลุงคงยังไม่สิ้น ฤทธิ์ง่ายๆ :katai5:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ชอบพ่อปิณ ทำตัวน่ารักขึ้นเยอะเลย  อ่านถึงครอบครัวเดหลี ยังไงพ่อก็รักลูกจริงๆ
  รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปลากริม สลิ่ม ดีใจ มีน้องแฝด :mew1:
คุญปิญญ์ รักเมีย รักลูก น่ะถูกต้องที่สุด :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เรื่องงวดเข้าทุกที
รอดูจุดจบของเชตุพล กับเดหลี
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kitwiphat

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-7

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2016 16:54:25 โดย NeLy เนลี่ »

ออฟไลน์ chocolate_ness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ๊ยยมุมนี้คุณพ่อกับคุณปู่น่าร๊ากกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
สั้นนนนนน จังเลย

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ชอบบรรยากาศของตอนนี้จัง แต่คนติดตามปิณคงไม่ปล่อยไว้นานๆใช่มั้ย มันต้องสืบความ
   รออ่านต่อคับ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
42 ติดตาม

   “นายว่าอันนี้น่ารักไหม”

   “ครับ”ขนมผิงพยักหน้ารับกับหมวกสีชมพูใบเล็กเป็นรูปหมูในมือของปิญญ์ชานนท์

   หลังจากออกมาจากคอนโดปิญญ์ชานนท์ก็พาเขากับลูกไปกินอาการเช้าต่อด้วยการพามาที่ห้างสรรพสินค้าที่ขายของใช้
เกี่ยวกับเด็กทันทีราวกับว่าวางแผนมาล่วงหน้าก่อนแล้ว แม้ว่าเขาจะปฏิเสธแต่ดูท่าทางของเด็กๆต่างก็พากันตาลุกวาวด้วยความ
ตื่นเต้นจึงอดไม่ได้ที่จะปล่อยให้เลยตามเลย อันที่จริงเขาไม่ได้คิดว่าก่อนว่าเขาจะมีลูกอีกครั้งของเด็กอ่อนที่เป็นของปลากริมกับ
สลิ่มเขาจึงบริจาคไปทั้งหมด

   “แล้วอันนี้ล่ะนายว่าเป็นยังไง”ปิญญ์ชานนท์หยิบหมวกลายหมียืนให้เขาดู

   “คุณไม่คิดว่ามันเร็วไปหน่อยรึไง”

   “เอาน่ายังไงมันก็ต้องได้ใช่อยู่แล้วนี่”

   “ตามใจคุณก็แล้วกัน”ขนมผิงว่าพลางหันไปมองเด็กๆยืนเลือกหมวกช่วยปิญญ์ชานนท์อีกแรง

   เขาจ้องมองเสี้ยวหน้าคมคายของชายหนุ่มในยามที่อีกฝ่ายเผลอ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่เขากับปิญญ์ชานนท์จะต้อง
มาเดินเลือกของให้ลูกด้วยกัน

   “อันนี้ได้ไหมฮับ”ปลากริมเงยหน้าหยิบหมวกรูปกระต่ายยื่นให้เจ้าของร่างสูงดูซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มพร้อมกับมือใหญ่ลูบลงไป
บนหัวทุยๆอย่างเบามือ

   “ได้สิเหมาหมดร้านยังได้”

   “จริงเหรอฮับ”ทั้งปลากริมกับสลิ่มพอได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมามองกันตาโต

   “คุณปิญญ์!!”ขนมผิงปรามก่อนที่ปิญญ์ชานนท์จะสอนให้ลูกซึมซับความฟุ่มเฟือยจากตัวเอง

   “โอเคๆ”ชายหนุ่มยกมือสองข้างยอมแพ้ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเด็กๆ “งั้นก็เลือกให้น้องคนละสองอันโอเคไหม”

   “โอเคฮับ/โอเคฮับ”สองแสบพยักหน้าตอบพร้อมกันก่อนจะส่งหมวกในมือส่งให้ปิญญ์ชานนท์กันคนละสองใบแล้วเดินนำ
ไปยังโซนเสื้อผ้าต่ออย่างรู้งาน

   

   “นายเป็นอะไรสีหน้าดูไม่ค่อยดีหรือว่านายรู้สึกคลื่นไส้”

   “เปล่า”ขนมผิงส่ายหน้าเมื่อมือใหญ่แตะลงมาที่ต้นแขนพร้อมกับคำถามที่แสดงถึงความเป็นห่วง ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็ก
น้อย

   “หรือว่านายไม่สบายตรงไหน”

   “เปล่า ผมแค่ปวดหลังนิดหน่อย”

   “ปวดหลัง? ทำไมนายถึงปวดหลังได้ล่ะ”

   “ผมไม่เป็นไร เป็นปกติที่พอท้องเริ่มใหญ่จะปวดหลังบ่อยเป็นธรรมดา”

   “นายนั่งพักก่อนไหม”

   “ผมไม่เป็นไร”

   “นายนั่งรอตรงนี้นะเดี๋ยวฉันจะรีบไปจ่ายเงินแล้วไปส่งนายกับลูกที่บ้าน”

   “ผมบอกว่าไม่เป็นไรไง เอาเป็นว่าผมนั่งรอคุณอยู่ตรงนี้ก็แล้วกันส่วนคุณผมฝากดูเด็กๆด้วยล่ะ”

   เพราะว่าไม่บ่อยนักที่ปิญญ์ชานนท์จะได้อยู่กับเด็กๆ คงจะไม่เป็นไรถ้าหากเขาจะให้เวลากับปิญญ์ชานนท์ให้อยู่กับเด็กๆ
มากขึ้น ขนมผิงพยักหน้าเป็นการบอกย้ำให้ปิญญ์ชานนท์ทำตามที่เขาเสนอซึ่งชายหนุ่มก็ทำท่าเหมือนจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ยอมรับ
อย่างช่วยไม่ได้

   “ถ้าอย่างนั้นนายรอฉันกับลูกอยู่ตรงนี้นะ ถ้านายรู้สึกไม่ดีหรือไม่ไหวยังไงนายต้องบอกฉันด้วยล่ะ”

   “อืม ผมรู้แล้วคุณรีบไปเถอะผมจะรอคุณอยู่ตรงนี้”

   ขนมผิงพยักหน้ารับกับประโยคที่ดูเหมือนจะเป็นคำสั่งของปิญญ์ชานนท์ ตาคู่สวยทอดมองแผ่นหลังกว้างเดินหายไปพร้อม
กับเด็กๆก่อนจะเบือนออกไปมองนอกกระจกยังชั้นล่าง ลานจอดรถด้านหน้าตัวห้างมีรถคันหนึ่งที่ขับตามเขากับปิญญ์ชานนท์มา
ตั้งแต่ออกจากคอนโดของอีกฝ่าย ขนมผิงได้แค่คิดอยู่ภายในใจ หากว่าคนที่พยายามตามติดเขากับเด็กๆไม่ใช่คนของปิญญ์ชา
นนท์แล้วเป็นคนของใคร ทำไมถึงต้องตามเขาตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมา เขาแทบไม่อยากจะคิดถึงเจตนาของฝ่ายนั้นเลยว่า
เป็นเช่นไรในเมื่อเขาเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์ร้ายๆทั้งเกือบจะถูกยิงและโกดังสินค้าของมณีรัตน์กรุ๊ปถูกลอบวางเพลิงโดยที่คนร้าย
ยังไม่ยอมซักทอดว่าใครกันที่เป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้



   -----------------------------------------------------------------------------



   “ฉันส่งนายกับลูกได้แค่นี้ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันด้วยล่ะรู้ไหม”

   เมื่อรถขับมาจอดที่หน้ารั้วบ้านมณีรัตน์ปิญญ์ชานนท์ก็หันมากำชับราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ขนมผิงขมวดคิ้วเล็กน้อยกับท่าที
ของอีกฝ่ายก่อนจะรับคำแบบขอไปที

   “ครับๆ”

   “นายอย่ารับปากส่งๆได้ไหมขนมผิง ฉันเป็นห่วงนายกับลูกนะ”

   “ผมรู้”

   “นายนี่นะ”

   ชายหนุ่มทำได้เพียงแค่ถอนหายใจเพราะไม่อยากทำให้ดูเหมือนเป็นการบังคับมากไป เขาอาศัยในเวลาที่ขนมผิงเบือน
หน้าหนีใช้มือใหญ่เอื้อมไปคว้าต้นคอขาวเอาไว้ก่อนจะดึงให้มันโน้มเข้ามาใกล้ ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว
ชะงักก่อนที่นัยน์ตาคู่สวยจะเบิกกว้าง


   กว่าที่จะหายตกใจริมฝีปากได้รูปก็ถูกทาบทับด้วยริมฝีปากของอีกฝ่ายก่อนจะถูกเคล้นคลึงเหมือนกับรอจังหวะนี้อยู่ก่อน
หน้าแล้ว ชั่วขณะราวกับเวลาหยุดเดินขนมผิงได้ยินเสียงปรบมือดังมาจากข้างหลังคล้ายจะชอบใจจากสองแสบยิ่งทำให้ปิญญ์ชา
นนท์สอดลิ้นเข้ามาข้างในและเริ่มจูบอย่างหนักหน่วง

   “ทำอะไรของคุณ!!”ขนมผิงผลักอกอีกฝ่ายออกทันทีที่ตั้งสติได้ หันไปมองเด็กๆก็พบว่ากำลังจ้องมองมาที่ตนกับปิญญ์ชา
นนท์อยู่ก่อนแล้ว

   “จูบลายังไงล่ะ”

   “คุณไม่อายรึไงมาทำเรื่องแบบนี้ต่อหน้าเด็กๆ”

   “อายทำไมลูกๆออกจะชอบใจ ใช่ไหม”ชายหนุ่มยิ้มกริ่มราวกับกำลังสนุก เขากันไปขอความเห็นจากเด็กๆซึ่งแน่นอนว่าคำ
ตอบที่ได้ย่อมเป็นคำตอบที่เขารู้อยู่แล้ว

   “ฮับ/ฮับ”เจ้าตัวเล็กพากันพยักหน้า

   “ปะป๊ากับพ่อปินจูบกัน”

   “จุ๊บๆกันแบบนี้เลย”ว่าแล้วสองแสบก็หันไปจุ๊บปากเหมือนจะเลียนแบบ นั่นยิ่งทำให้ขนมผิงเริ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทั้งโกรธ
ทั้งอายไปในเวลาเดียวกัน

   “ให้พ่อจูบปะป๊าอีกไหม”

   “เอาอีกๆ/เอาฮับ”ส่งเสียงเฮฮาพากันชูมือชูไม้เชียร์กันยกใหญ่ ใบหน้ากลมยิ้มแป้นอวดฟันน้ำนมกันจนตาหยี ได้ยินเสียง
หัวเราะคิดคักดังลั่นรถ

   “พอเลย!!ต่อไปอย่าได้ทำอย่างนี้อีกเด็ดขาดผมจะเตือนคุณแค่ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย”ขนมผิงคาดโทษชี้หน้าอีกฝ่าย

   “แล้วนายคิดว่าฉันจะรับปากนายไหมล่ะ”

   “คุณกลับไปได้แล้ว!!”ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดกับอีกฝ่ายในตอนนี้ ขนมผิงทำได้เพียงแค่ออกปากไล่ให้อีก
ฝ่ายกลับไป…แม้ว่าลึกๆแล้วยังอยากที่จะให้ปิญญ์ชานนท์ได้อยู่กับเด็กๆนานขึ้นก็ตาม

   “ไว้อาทิตย์หน้าฉันจะมารับเด็กๆไปเที่ยวนะ…ได้รึเปล่า?”ปิญญ์ชานนท์ถามราวกับเป็นการอนุญาต

   “ผมไม่รับปาก…แต่ถ้ามีเวลาว่างพอก็คงจะได้ ไว้ผมจะบอกกับคุณอีกที”

   “ฉันจะรอ”

   ปิญญ์ชานนท์ยิ้ม ขนมผิงไม่ได้รับปากแต่ก็ยังให้โอกาสกับเขา ตอนนี้เขาอยากจะคว้าขนมผิงมาจูบอีกครั้งให้รู้แล้วรู้รอด
ล่วงหน้าเพราะคงจะไม่ได้เจอกันอีกหลายวันทว่ากลัวจะเป็นการตัดโอกาสตัวเองไปเปล่าๆ ยังไงซะเขาคงจะต้องให้เวลากับขนม
ผิงจนกว่าทุกอย่างจะลงตัวและพร้อมสำหรับทุกๆฝ่าย ตอนนี้เขาทำได้แค่ทำตัวหลบๆซ่อนๆเพราะพ่อของขนมผิงเองก็ไม่ชอบใจ
นักที่เขาคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆกับขนมผิงบ่อยๆ

   

   “พ่อปินจะไปแล้วเหรอฮับ”สลิ่มเงยหน้าช้อนตาขึ้นมองเต้าของใบหน้าคมคาย

   “ไว้พ่อจะมารับไปเที่ยวอีกนะลูกหมูตัวแสบ”ปิญญ์ชานนท์พอเห็นตาคู่กลมเหมือนจะมีน้ำตาคลอก็อดใจอ่อนไม่ได้เอื้อมมือ
ไปลูบกลุ่มผมดกดำไปหนึ่งที

   “จริงๆนะฮับ ไม่ได้โกหกนะฮับ”คราวนี้จากที่เบ้หน้าก็ยิ้มกว้างออกมา

   “พ่อปินจะพากิมกับน้องหลิ่มไปเที่ยวจริงๆนะฮับ”

   “จริงสิ”ปิญญ์ชานนท์พยักหน้า

   “สัญญานะฮับ”   ตัวแสบคนพี่ทวงถามหาสัญญาทันทีด้วยความดีใจ นิ้วก้อยอวบๆยื่นมาข้างหน้าเพื่อเป็นการทำสัญญา

   “สัญญานะฮับว่าจะพาไปเที่ยว”ลูกหมูคนน้องก็เอาด้วยเช่นกัน ตอนนี้นิ้วก้อยอวบๆทั้งสองนิ้วพากันยื่นมาข้างหน้าเขาพร้อม
กับรอยยิ้มกว้างจนตาหยี


   “สัญญา”

   ปิญญ์ชานนท์ตกปากรับคำเกี่ยวนิ้วก้อยเรียวยาวเข้ากับนิ้วก้อยเล็กๆทั้งสองนิ้วเป็นการให้คำสัญญาก่อนที่จะก้มลงไปจูบบน
หน้าผากของทั้งคู่

   สิ่งที่ชายหนุ่มทำอยู่ในสายตาของขนมผิงทั้งหมด ตาคู่สวยมองดูกำลังปิญญ์ชานนท์กับเด็กๆพร้อมกับสมน้ำหน้าอยู่ในใจ
กับตาคู่นั้นที่มีน้ำตาคลอทีไรไม่ว่าเขาหรือกับใครก็เป็นอันต้องยอมแพ้มานักต่อนัก ต่อให้ปิญญ์ชานนท์จะแข็งกระด้างหรือเย่อ
หยิ่งมาจากไหนเมื่อเจอกับความไร้เดียงสาของเด็กๆเข้าไปก็ต้องยอมพ่ายแพ้ไปตามระเบียบ



   -------------------------------------------------------------------------------------



   ชายหนุ่มผิวปากเดินเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์ดีพร้อมถุงเสื้อผ้ากับของใช้เด็กมากมายจนพะรุงพะรัง ใบหน้าคมคาย
ประดับรอยยิ้มทำให้คนที่เห็นอดที่จะเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้

   “เมื่อคืนแกไม่ได้กลับบ้านเรอะ”อาทิตย์ถามลูกชายทันทีพร้อมกับมองถุงข้าวของที่อีกฝ่ายถือมาพะรุงพะรัง

   “ผมค้างที่คอนโดกับขนมผิงกับเด็กๆ”

   “แทนที่แกจะพากันไปค้างที่คอนโดทำไมแกไม่พามาค้างที่บ้านล่ะ”

   “ผมกลัวว่าขนมผิงจะอึดอัด”ปิญญ์ชานนท์บอกเสียงเรียบพลางเดินเข้าไปใกล้บิดาก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆแล้ววางข้าง
ของลงบนโต๊ะ

   “นานมากแล้วนะที่แกพาหลานมาหาฉันนะ ฉันเองก็อยากจะเจอหลานบ้างอะไรบ้าง”

   “ไว้ครั้งหน้าผมจะพาเด็กๆมาหาพ่อก็แล้วกัน”

   “ว่าแต่แกซื้ออะไรมาเยอะแยะ”อาทิตย์พอลูกชายรับปากก็อดที่จะทำหน้าไม่พอใจไม่ได้

   นานมากแล้วที่เขาไม่เจอหน้าเด็กๆ เขายังคิดถึงเสียงเล็กเสียงน้อยที่คอยให้กำลังใจเขาตอนทำกายภาพบำบัดอยู่เลย

   “ของใช้ของเด็กอ่อนไง อันที่จริงผมอยากจะเหมาหมดร้านเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะอันไหนๆก็น่ารักไปหมด”ไม่ทันขาดคำคุณ
พ่อมือใหม่ก็หยิบถุงของที่ซื้อมาออกมารื้อค้นเป็นการอวดให้คุณปู่มือใหม่รู้สึกอิจฉา

   “แล้วทำไมแกไม่เคยชวนฉันบ้างเลย ฉันเองก็อยากไปซื้อของให้หลานเหมือนกัน”เสียงหึในลำคอคล้ายกับประชดเรียกให้
ปิญญ์ชานนท์เหลือบตามามองผู้เป็นพ่อที่ทำท่าไม่พอใจใส่ตน

   “เอาไว้ครั้งหน้าผมจะพาพ่อไปก็แล้วกัน”

   “ไม่ว่าอะไรแกก็ครั้งหน้าตลอดนั่นล่ะ ฉันไม่อดทนรอนานหรอกนะฉันบอกไว้ก่อน”

   “นี่พ่อหัดทำตัวเป็นคนแก่ขี้น้อยใจตั้งแต่เมื่อไรกันผมไม่ยักรู้”ปิญญ์ชานนท์เหยียดยิ้มคล้ายเยาะเย้ยกับท่าทีของผู้เป็นพ่อ
หายากที่พ่อของตนจะแสดงท่าทางประชดประชันออกมาให้เห็น คงจะมีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ทำให้เขาได้เห็นอีกด้านของผู้เป็น
บิดา

   “แกว่าฉันเป็นคนแก่ขี้น้อยใจแล้วดูที่แกทำสิ แกไปเที่ยวกับลูกเมียพากันไปซื้อของไม่ชวนฉันสักคำ”

   “ผมบอกพ่อแล้วไงว่าเอาไว้ครั้งหน้า”

   “ถ้าครั้งหน้าแกไม่พาลูกเมียมาหาฉันแกกับฉันได้เห็นดีกันแน่”

   “พ่อกำลังบอกผมอ้อมๆอยู่ใช่ไหมว่าพ่อเห็นหลานดีกว่าลูกตัวเอง”

   “ก็ใช่น่ะสิ  ถ้าฉันรู้ตัวว่ามีหลานเร็วกว่านี้ก็คงจะดี ฉันจะได้ทำพินัยกรรมยกมรดกให้กับหลานแทนที่จะเป็นแก”


   “พ่อพลาดแล้วล่ะที่ตอนนี้ทุกอย่างเป็นของผม”ปิญญ์ชานนท์หัวเราะเบาๆคล้ายจะเยาะเย้ยพ่อตัวเองก่อนจะหยิบหมวกน่า
รักๆที่ลูกชายทั้งสองคนเลือกออกมา

   “แล้วนั่นอะไรน่ะไอ้ที่เหมือนตุ๊กตาที่แกถืออยู่น่ะ”อาทิตย์ถามอย่างอยากรู้

   “เด็กๆเป็นคนเลือกให้กับมือเลยล่ะ”ปิญญ์ชานนท์อวด ส่งหมวกรูปหมูกับกระต่ายส่งให้อีกฝ่าย


   “สมัยนี้มีแต่ของน่ารักๆไม่เหมือนสมัยก่อนจริงๆ”

   อาทิตย์ยิ้มกับหมวกใบน่ารักในมือ จะว่าไปเขาเองก็ไม่เคยได้เลือกซื้อของใช้ของเด็กเป็นจริงเป็นจังสักที เขามัวแต่ทำงาน
ปล่อยให้เรื่องเลี้ยงลูกเป็นเรื่องของภรรยากับพี่เลี้ยงเด็กตลอด หากย้อนเวลากลับไปได้เขาอยากจะกลับเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้
มันดีกว่านี้

   “ไม่ได้มีแค่หมวกนะพ่อ ยังมีรองเท้ามีถุงมือ ผ้ากันเปื้อน ขวดนม ผ้าอ้อมอีกเยอะที่อยู่หลังรถ”

   “แกก็สั่งให้คนไปยกเอามาสิจะเก็บเอาไว้ให้มันอับในรถรึไงกัน เดี๋ยวหลานของฉันใส่ก็เป็นภูมิแพ้เอาหรอก”

   อาทิตย์พูดทั้งที่ยังหยิบของต่างๆออกมาดูไม่หยุดไม่ต่างกับลูกชาย หากใครมาเห็นเข้าตอนนี้คงจะพากันส่ายหน้ากับพ่อ
ลูกที่พากับตื่นเต้นกับของใช้เด็กกองโตตรงหน้า



   ---------------------------------------------------------------------------



   ก๊อก ก๊อก!!

   “เข้ามาได้เลย”


   เสียงเคาะประตูทำให้ขนมผิงเงยหน้าละความสนใจจากเอกสารในแฟ้มที่กำลังตรวจทาน ประตูห้องทำงานของเขาเปิดออก
แทนที่ด้วยชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของผิวเข้มดูสุขุม


   “ขอโทษที่รบกวนครับ พอดีมีของส่งมาถึงคุณ”แทนทัพบอกเสียงเรียบ ตาคู่คมจ้องมองเจ้านายแน่นิ่ง

   “ของอะไร?”ขนมผิงถามกลับด้วยความประหลาดใจ เขาเองก็ไม่ได้สั่งของอะไรที่ไหนเลยสักอย่างทำไมถึงได้มีของส่งมา
ล่ะ

   “เอาเข้ามาข้างในได้เลย”

   แทนคำตอบแทนทัพหันไปบอกกับคนข้างนอก พนักงานส่งของสองคนหอบเอากล่องใบใหญ่มาวางไว้ข้างในห้อง แต่ที่
ทำให้ขนมผิงรู้สึกอับอายก็คงไม่พ้นดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ที่มันกลับมาอีกแล้ว เขารู้ได้ทันทีว่าของพวกนี้มาจากใคร

   ขนมผิงรับช่อดอกกุหลาบแดงมาวางเอาไว้บนโต๊ะ จ้องมองมันทั้งที่ใบหน้าร้อนวูบก่อนจะเบือนหน้าหันไปหาเลขาหนุ่มที่
กำลังจ้องมองตนอยู่ก่อนหน้า

   “หมดแล้วใช่ไหม”

   “ครับ”

   “งั้นคุณไปทำงานต่อเถอะ”

   “ครับ”แทนทัพตอบรับ

   วูบหนึ่งที่ชายหนุ่มเผลอจ้องมองเจ้านายในเวลาที่อีกฝ่ายเผลอ เขาอยู่กับขนมผิงในตอนที่อีกฝ่ายเผชิญกับช่วงเวลาที่
ลำบากที่สุดในชีวิตแต่ท้ายที่สุดแล้วช่วงเวลานั้นกลับเป็นได้เพียงแค่ความทรงจำ



   ขนมผิงละสายตาออกจากกุหลาบช่อใหญ่ มือผอมบางแตะลงบนกลีบดอกของมันอย่างเบามือ แน่นอนว่าดอกกุหลาบพวก
นี้ถูกเลือกมาอย่างพิถีพิถัน ทำไมกันนะหัวใจของเขาถึงได้เต้นรัวราวกับเด็กสาวกำลังถูกจีบ ขาเปิดกล่องใบใหญ่ที่วางอยู่กลาง
ห้องออก วัตถุนุ่มนิ่มสีขาวคล้ายหมอนรูปตัวแอลทำเอาริมฝีปากได้รูปหลุดยิ้มออกมา ไม่เพียงแค่นั้น กล่องใบเล็กที่อยู่ในนั้นก็ยิ่ง
แล้วใหญ่…หมอนสำหรับคนท้องกับเครื่องนวดบรรเทาอาการปวด

   นั่นทำให้ขนมผิงรู้สึกได้ทันทีว่าปิญญ์ชานนท์ใส่ใจลายละเอียดต่างๆมากกว่าที่เห็น เขาหยิบการ์ดที่แนบมาด้วยออกมาเปิด
อ่าน และมันทำให้เขายิ้มออกมาอีกครั้ง

   ‘ฉันไม่รู้ว่ามันพอจะช่วยให้นายหายปวดหลังได้รึเปล่า แต่ฉันลองค้นหาในอินเตอร์เน็ตดูวิธีพวกนี้เป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด
แล้ว ฉันหวังว่านายจะนอนกอดหมอนแล้วคิดถึงหน้าฉันตอนที่กอดมัน’

   ให้ตายเถอะ!ใครจะไปทำอย่างนั้นกันล่ะ มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะทำแบบนั้น ใครจะบ้าเอาหมอนนี่มาแทนตัวคนได้
ขนมผิงคิดในใจ แรงสั่นเบาๆจากเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าเรียกให้หยิบมันขึ้นมาดู

   ข้อความบางอย่างถูกส่งมาให้เขา มันเป็นข้อความรูปที่ถูกส่งมาจากปลายทางในชื่อของคนที่เขากำลังนึกเคืองอยู่ในใจ
และเมื่อเปิดดูมันก็ทำให้ขนมผิงอยากจะจับโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋าลงไปที่เดิม


   รูปในร่างกึ่งเปลือยอวดมัดกล้ามกำลังนอนกอดหมอนรูปตัวแอลแน่น ใบหน้าหล่อเหลาแนบลงกับหมอนด้วยสีหน้าดูมีความ
สุข แต่ขนมผิงกลับรู้สึกว่ามันเป็นสีหน้าที่ล้อเลียนกันมากกว่า ไม่รอช้าขนมผิงตัดสินใจต่อปลายสายโทรหาอีกฝ่ายทันที

   ‘นายได้รับของที่ฉันส่งให้แล้วใช่ไหม’

   “ผมได้รับแล้ว แล้วคุณส่งรูปบ้าอะไรมาให้ผม”รูปที่ส่งมามันเกือบจะเป็นรูปเปลือยอยู่แล้วเชียว

   ‘ฉันแค่อยากให้นายเห็นว่าฉันก็มีหมอนแบบนั้นด้วย มันค่อนข้างใช้งานได้ดีเลยล่ะเวลาที่ฉันคิดถึงนาย’

   “คุณพูดอะไรของคุณ ไอ้คนโรคจิต!!”

   ‘นี่ขนมผิง’อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆก่อนจะเรียกให้ได้ขานรับ

   “อะไรครับ?”

   ‘ฉันคิดถึงนายจริงๆนะ’

   “ผ…ผมไม่ได้ถาม”

   ‘แล้วก็เป็นห่วงนายมากด้วย’

   “อืม…ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้ล่ะ คราวหลังไม่ต้องส่งดอกไม้มาด้วยก็ได้…ผมไม่อยากให้คนอื่นมองไม่ดี”

   ‘ฉันจงใจส่งดอกไม้ให้นายเพราะว่าฉันต้องการให้คนอื่นรู้ว่านายมีเจ้าของแล้ว…เอาล่ะฉันต้องทำงานต่อแล้วไว้เจอกัน
อาทิตย์หน้านะ ฉันจะรอ’

   พูดจบปลายสายก็ตัดไปทิ้งให้เจ้าขอองร่างสูงโปร่งนั่งพิงตัวทอดไปกับเก้าอี้ราคาแพง มือขวาแนบซ้ายของตัวเองราวกับ
กำลังกลัวว่าสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นมันกำลังจะหลุดออกมาข้างนอก



   --------------------------------------------------------------------------------------



   “มีอะไรมาลิศ?”ปิญญ์ชานนท์วางสายจากคู่สนทนาที่ไม่ค่อยอยากจะจบการสนทนาสักเท่าไร ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามอง
เลขาหนุ่มของตัวเอง

   “เกรงว่าจะเป็นข่าวที่ทำให้คุณไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไร”

   “นายมีอะไรก็ว่ามาเลย ฉันจะไม่สบอารมณ์ก็ตอนที่นายพูดเหมือนกับว่ามันเป็นข่าวที่ไม่ดี”

   “เกรงว่าคุณคงจะมีเรื่องให้ปวดหัวมากขึ้น”

   “พูดเรื่องที่นายควรจะพูดมาก่อนที่ฉันจะยกเลิกโบนัสสิ้นปีของนาย”ถึงจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่เลขาคนสนิทก็รู้ดีว่ามัน
เป็นเพียงคำขู่เท่านั้น

   “ก็ได้ครับ”

   “ว่ามาสักทีสิ หากมันไม่สำคัญพอที่นายจะมาขัดบทสนทนาของฉันกับขนมผิงได้ฉันรับรองว่านายเลิกคำนวนโบนัสของตัว
เองได้เลย”

   “คุณเลิกขู่จะหักโบนัสผมได้แล้วนะครับ ขนาดผู้ช่วยของผมได้ยินแล้วยังไม่เชื่อที่คุณพูดเลย ผมแค่จะบอกว่าคนที่ของเรา
ที่อยู่ข้างในเพิ่งจะรายงานมาว่าคุณเชตุพลหลบหนีจากการคุมขังเมื่อเช้าที่ผ่านมาครับ”

   “นายแน่ใจนะว่าข่าวนี้ไม่ผิดแน่”

   “ครับ ดูเหมือนว่ายังจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังเขาอยู่และมีคนของเขาอยู่ข้างในช่วยให้เขาหลบหนีมาได้ตอนที่กำลังจะนำ
ตัวไปฝากขังที่เรือนจำโดยใช้คนอื่นมาสลับแทน”

   “บ้าเอ้ย!! แล้วรู้รึยังว่าตอนนี้เขาหลบไปอยู่ที่ไหน”ปิญญ์ชานนท์ถามเสียงแข็ง

   “มีข่าวลือว่าเขากำลังหลบหนีออกไปนอกประเทศน่ะครับ”

   “ให้มันได้อย่างนี้สิ!! นายส่งคนไปดูแลขนมผิงกับเด็กๆอยู่ห่างๆ ฉันไม่ต้องการให้เกิดอันตรายขึ้นกับพวกเขา”

   “ได้ครับ”

   “ฉันต้องการจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ติดต่อนัดพบคนของเราที่อยู่ในนั้นให้ฉันเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันต้องการจะคุยกับ
เขาเป็นการส่วนตัว”


   “ครับ ผมจะติดต่อกับเขาให้เร็วที่สุดแล้วจะมาแจ้งคุณอีกที”

   ปิญญ์ชานนท์รู้ว่าการใช้เงินในการจบทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่เรื่องดี บทเรียนที่ผ่านมามันเป็นบทเรียนราคาแพงทำให้เขา
ละทิ้งความเชื่อผิดๆพวกนี้ไปจนสิ้น หากแต่ในเวลานี้เลี่ยงไม่ได้เลยที่เขาจะกลับมาใช้มันอีกครั้ง อำนาจของเงินที่สามารถ
ควบคุมกฎเกณฑ์ของเกมการแข่งขันได้อย่างง่ายดาย เพราะเกมๆนี้มันกำลังขัดขวางสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในชีวิตอยู่ตอนนี้



   --------------------------------------------------------------------------------


ฝากแฟนเพจอันใหม่ด้วยนะคะ เพจเก่าเข้าไม่ได้แล้ว >>>เด็กหญิงเย็นชา2

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 08:23:07 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
แอบสงสารคุณปู่ แอบน้อยใจที่ไม่ได้เจอหลานๆสักที :mew6:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
เอาละสิ หนีการจับกุม งั้นคนที่ตามขนมผิงก็คือคนร้ายสินะ
 รออ่านต่อคับ

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
รีบ ๆ จัดการซะคุณพ่อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด