❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณทีมใคร????

ทีมปิญญ์ # หล่อเลวแบบนี้ใช่เลย จัดหนักจัดเต็ม
26 (15.3%)
ทีมขนมผิง # แกมาทำร้ายชั้นเรอะ ไม่ยอม ฉันจะเอาคืน
38 (22.4%)
ทีมแฝดลูกหมู # ปล่อยให้พ่อๆไปเคลียกันเอง มุ้งมิ้งกันสองคน
106 (62.4%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 170

ผู้เขียน หัวข้อ: ❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖  (อ่าน 291120 ครั้ง)

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
43 หวาดระแวง

   ขนมผิงกลับมาจากทำงานด้วยสภาพอ่อนเพลีย ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในโถงของตัวบ้านหลังใหญ่เพื่อที่จะเดินผ่านไปยัง
ห้องนั่งเล่นของเด็กๆ ทว่าสายตาก็ดันสะดุดเข้ากับห้องรับแขกที่นานทีจะมีแขกมาสักคน

   ขนมผิงชะงักเมื่อแขกผู้มาเยือนนั้นช่างคุ้นหน้าเสียเหลือเกิน จะไม่ให้เขาคุ้นหน้าได้อย่างไรเมื่อคนคนนั้นคือคนที่สะกดรอย
ตามเขามาหลายวันติด ทว่าคนคนนั้นทำไมถึงได้มาอยู่ในบ้านของเขาได้ หนำซ้ำยังคุยกับพ่อของเขาด้วยท่าทีราวกับรู้จักกันมา
ก่อน

   “นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ผิงไม่เข้าใจ”ถามทันทีเมื่อเดินเข้าไปในห้องรับแขก ตาคู่คมจ้องมองแขกผู้มาเยือนไม่กระ
พริบตา

   “มาแล้วเหรอ พ่อกำลังรออยู่พอดีเลย”

   “เขาเป็นใคร?”

   “คนนี้คือสมชาย ต่อไปนี้เขาจะมาเป็นบอดี้การ์ดให้ลูก”

   “ผิงไม่ได้อยากรู้จักชื่อของเขา ผิงแค่อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ทำไมเขาถึงต้องตามผิงไปแทบทุกที่ที่ผิงไป และ
ทำไมเขาต้องมาเป็นบอดี้การ์ดให้ผิง”แม้ไม่อยากที่จะขึ้นเสียงใส่ผู้เป็นบิดา แต่บอกไม่ได้เลยว่าตอนนี้รู้สึกไม่พอใจแค่ไหน

   เหตุใดพ่อของเขาจึงต้องส่งคนมาตามติดเขาตลอดเวลา ทำราวกับว่าต้องการจะจับผิดอะไรสักอย่าง พอนึกย้อนกลับไปก็
อดคิดไม่ได้กับคำที่บิดากล่าวห้ามไม่ให้เขาเข้าใกล้ปิญญ์ชานนท์ หรือแท้จริงแล้วคือเหตุนี้กัน

   “พ่อก็แค่อยากแน่ใจว่าผิงจะปลอดภัย”

   “แต่แบบนี้มันเกินไป พ่อไม่เคยบอกผิงสักคำ”

   “ถ้าพ่อบอกผิงจะยอมไหม”

   “ผิงดูแลตัวเองได้”

   “ดูแลตัวเองได้หรือว่าไม่อยากให้พ่อรู้ว่ายังติดต่อกับคุณปิญญ์”

   “พ่อทำแบบนี้มันไม่ถูก”

   มันไม่ถูกต้องเลยที่เขาจะต้องถูกจับตามองในเรื่องนี้ หากแต่ประโยคอันยืดยาวที่อยากจะพูดออกไปนั้นก็กลับกลืนลงคอ
เมื่อสายตาของผู้เป็นพ่อจ้องมองมาด้วยแววตาที่จริงจัง

   “มันไม่ถูกต้องรึไงที่คนเป็นพ่อจะห่วงลูกชายตัวเอง เรื่องคุณปิญญ์ตอนนี้พ่อจะยังไม่ใส่ใจ ตอนนี้เรื่องที่พ่อจะใส่ใจก็คือ
ความปลอดภัยของตัวลูกเอง พ่อต้องการที่จะทำหน้าที่ของพ่อที่ไม่ได้ทำมาตลอดยี่สิบกว่าปี หวังว่าผิงคงจะไม่ขัด เพราะต่อให้
ผิงขัดพ่อก็จะทำ”

   “ผิงขอแค่พ่อบอกผิงสักคำก็ยังดี”ตอบรับเสียงเบาโหวงเมื่อผู้เป็นพ่ออ้างถึงเหตุผลที่ยากจะค้าน

   “ตอนนี้คุณเชตุพลหนีการคุมตัวออกมาได้ ไม่มีอะไรยืนยันได้เลยว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น พ่อไม่สามารถปล่อยให้ลูกชาย
ของตัวเองเสี่ยงอันตรายเหมือนก่อนแน่นอน”

   “ผิง…”

   “ถึงแม้จะยังไม่มีหลักฐานว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะเกิดด้วยฝีมือใคร แต่พ่อไม่ต้องการที่จะเอาชีวิตของคนในครอบครัวมา
เสี่ยงกับสิ่งที่ยังไม่รู้ไม่เห็น เพราะฉะนั้นช่วงนี้พ่ออยากให้ผิงอยู่ติดบ้านสักพัก ถ้าหากต้องการไปข้างนอกพ่อจะให้สมชายไป
ด้วย”

   “ยังไงผิงก็ขัดพ่อไม่ได้อยู่แล้ว”ขนมผิงตอบรับก่อนจะเดินออกมาจากห้องรับแขก

   

   ร่างสูงโปร่งทอดกายทอดกายไปตามความยาวของเตียง ตาคู่สวยจ้องมองเพดานด้วยสายตาอันว่างเปล่า ราวกับว่าเวลานี้
เขากำลังถูกครอบครัวไม่ไว้วางใจ มันยิ่งทำให้เขาอึดอัดมากขึ้นเมื่อความลับที่อยู่ในร่างกายกำลังขยายตัวพร้อมที่จะเปิดเผยให้
ทุกคนได้รับรู้

   แม้ว่าเขาจะพร่ำบอกตัวเองทุกวันเพื่อรอโอกาสที่จะบอกความจริงออกไป หากแต่โอกาสที่ว่าเขาเองก็ยังไม่รู้จะเริ่มสร้าง
มันจากตรงไหนดี

   ร่างสูงโปร่งเอียงตัวไปคว้าเอาหมอนข้างใบใหม่มากอด ซุกจมูกเข้าหาความนุ่มของมันราวกับต้องการจะระบายความอึดอัก
ทั้งหมดที่มี

   อดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่าเวลานี้เขากำลังคิดถึงเจ้าของหมอนใบนี้ เวลานี้เขาต้องการใครสักคนเพื่อที่จะพูดคุยในเรื่อง
ต่างๆให้หายกังวล พลันประตูห้องก็เปิดออกตามด้วยร่างจ้ำม่ำสองร่างเดินเข้ามา

   “ปะป๊า”สลิ่มเดินเข้ามาก่อนจะเรียกเสียงเบา

   เขาลืมทักทายลูกหลังจากกลับมาจากทำงานเสียสนิท

   “ปะป๊าไม่สบายเหรอฮับ”ปลากริมปีนขึ้นมาบนเตียงก่อนนั่งจุมปุกอยู่ข้างๆ

   “เปล่าครับ ปะป๊าขอโทษที่ไม่ได้ไปเล่นด้วยนะครับคนเก่ง”ว่าพลางยันตัวขึ้นมาลูบหัวสองแฝดสลับกัน

   “ไม่เป็นไรฮับ ปะป๊าเหนื่อย”สลิ่มปีนตามขึ้นมาพลางเอียงคอบอก มือเล็กป้อมวางลงบนท้องของเขาเบาๆราวกับต้องการจะ
สื่ออะไรบางอย่าง

   “คิดถึงน้อง เมื่อไรน้องจะออกมา”มือป้อมอีกข้างของเจ้าตัวแสบคนพี่วางทาบลงมาบ้าง

   “อีกสี่เดือนครับ”

   อีกแค่สี่เดือนเท่านั้นที่เด็กแฝดคู่ใหม่ในท้องของเขาจะออกมาลืมตาดูโลก เพียงแค่คิดเขาก็ยิ้มออกมาบางเบา บอกไม่ได้
เลยว่าสิ่งที่จะตามมาคืออะไร แต่ที่เขามั่นใจก็คือความสุข อย่างน้อยเขาก็คาดหวังที่จะเห็นรอยยิ้มของใครบางคน…รอยยิ้มของ
เจ้าของเลือดเนื้อที่อยู่ในร่างกายของเขา

   “สี่เดือนนี่กี่วันฮับ หนึ่ง สอง สาม ไม่อยากรอแล้วอ่า”สลิ่มยกนิ้วขึ้นนับจ้องสองมือตัวองไปมา

   “กิมอยากเจอน้องแล้วฮับ กิมรักน้อง”

   “หลิ่มก็รัก”

   ใบหน้ากลมแป้นยิ้มอวดเหงือกสีแดงสดแนบลงบนท้องของเขาก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกผละออกมา

   ขนมผิงนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงแรงถีบคล้ายกับเจ้าตัวแสบข้างในกำลังทักทายพี่ๆอยู่

   “ปะป๊า หู๊ววววว น้องขยับด้วย”

   “เมื่อกี้น้องโดนตรงนี้เลย คิกๆ”

   สองคนพากันหัวเราะ ขนมผิงเองก็อดที่จะหัวเราะตามไม่ได้กับการทักทายของพี่น้อง อย่างน้อยเวลานี้เขาก็ลืมเรื่องกลุ้มใจ
ไปบ้าง

   ยังไงซะความจริงทุกอย่างก็ต้องเปิดเผยอยู่ดี เขาตัดสินใจแล้วว่าต่อไปนี้เขาจะไม่วิ่งหนีมันอีกแล้ว…ต่อให้จะยังไม่รู้ถึงสิ่ง
ที่จะตามมาก็ตาม เขาจะบอกเรื่องทั้งหมดกับครอบครัว จะบอกว่าปิญญ์ชานนท์คือพ่อของเด็กๆ



   -------------------------------------------------------------------------



   ทางด้านเดหลีหญิงสาวผู้เคยเป็นดวงดาวประดับอยู่บนฟากฟ้า ใบหน้าที่เคยงดงามบัดนี้กลับหม่นแสง ร่างผอมบางที่เคย
อรชรคู้กายอยู่บนโซฟาก่อนจะขบกัดปลายเล็บของตนเองซ้ำๆ ตาจ้องมองผู้คนหลายต่อหลายคนเดินไปมาในบ้าน

   ข้าวของในบ้านถูกรื้อค้นไม่เว้นแต่ใต้ผืนพรมที่ปูอยู่บนพื้น เธอรู้ดีว่าคนพวกนี้ต้องการหาอะไร และเวลานี้แม้แต่กระทั่งตัว
เธอเองก็ยังถูกคนพวกนี้จับตามองแทบตลอดเวลา

   ตั้งแต่มีข่าวว่าพ่อของเธอหนีการการคุมตัวออกมาได้ การถูกจับตามองของบ้านหลังนี้ก็มีเพิ่มเป็นเท่าตัว แม้แต่โทรศัพท์ใน
บ้านเธอก็มั่นใจดีว่ามันจะต้องถูกดักฟังแน่นอน

   เธอไม่รู้ว่าพ่อของเธอหนีไปได้ยังไง และตอนนี้อยู่ที่ไหน แต่ความรู้สึกของเธอในเวลานี้ราวกับกำลังถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดด
เดี่ยว ให้หวาดระแวงกับสิ่งที่ได้เคยทำเอาไว้

   “คุณเดหลีคะ”

   “เฮือก!!”

   หญิงสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อมีมือมาสะกิดที่ต้นแขน และเมื่อหันไปมองก็พบกับป้าแม่บ้านที่ทำงานกับบ้านหลังนี้มานานมาก
แล้ว

   “คือว่า…มากับป้าข้างในครัวสักพักได้ไหมคะ”

   “ทำไมต้องไปด้วยล่ะ หรือว่าเรื่องเงินเดือน”

   เพราะตอนนี้เงินเก็บของเธอก็แทบจะหมดแล้ว เธอไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายเงินเดือนให้กับคนในบ้านหรือแม้กระทั่งค่าใช้
จ่ายเล็กๆน้อยๆได้เลย

   “ไม่ใช่หรอกค่ะ เรื่องเงินเดือนป้าไม่เร่งคุณเดหลีหรอกค่ะ ป้าเข้าใจ”แม่บ้านบอกเสียงพินอบพิเนา

   เพราะเธอเองก็ได้รับความเมตตาจากเจ้าของบ้านหลังนี้มาไม่น้อย

   “ถ้าไม่ใช่เรื่องเงินเดือน…แล้วเรื่องอะไร?”

   “มากับป้าเดี๋ยวก็รู้เองแหละค่ะ”

   ถึงจะไม่เข้าใจและค่อนข้างจะไม่ต้องการที่จะคุยกับใครในเวลานี้ แต่เธอก็ยอมเดินตามแรงจูงของเจ้าของมือที่เต็มไปด้วย
ริ้วรอยก่อนจะหยุดอยู่ที่ในครัว

   แม่บ้านของเธอมองซ้ายมองขวาราวกับว่ารอให้แน่ใจดีว่าไม่มีใครอยู่จึงได้เปิดถุงกับข้าวที่พึ่งจะซื้อมาจากตลาดสดออก

   แหวกมือลงไปในเนื้อหมูที่พึ่งจะซื้อมาแล้วหยิบเอาถุงที่บรรจุวัตถุสีดำออกมา มันคือโทรศัพท์รุ่นที่ล้าสมัยที่สุดเท่าที่เดหลี
เคยเห็นมา

   ตาคู่สวยจ้องมองสิ่งที่แม่บ้านหยิบออกมาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเข้าใจเมื่อโทรศัพท์ถูกส่งมาให้พร้อมกับกระดาษใบ
เล็กที่จดเบอร์โทรศัพท์เอาไว้

   “ป้าช่วยได้แค่นี้จริงๆ คุณท่านบอกให้คุณหนูโทรหาวันพรุ่งนี้หลังเที่ยงค่ะ”

   “จะ จริงๆเหรอ”

   ตอนนี้เธอจับต้นชนปลายแทบไม่ถูก ได้แต่มองเครื่องมือสื่อสารล้าสมัยในมือแน่นิ่ง

   “เก็บไว้ให้ดีๆนะคะ เดี๋ยวใครจะมาเจอเข้าคุณจะเดือดร้อนไปด้วย”

   มือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยล้างมือจนสะอาดก่อนจะจับมือเธอให้เก็บยัดโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง เดหลียอมทำตามอย่าง
ว่าง่าย เก็บเครื่องมือสื่อสารใส่กระเป๋า

   เพราะอะไรกันนะเธอถึงได้ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เพราะความผิดของพ่อที่ที่ได้ทำมานานแล้วอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่
เลย!! มันไม่ใช่เลยสักนิดในเมื่อก่อนหน้านั้นเธอไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพ่อของเธอเลย

   แต่พอมีใครบางคนเข้ามาในชีวิตของเธอ มันราวกับเหรียญที่ถูกพลิกกลับด้าน ความวุ่นวายและความเจ็บแค้นมันสุมอยู่ใน
อกทำให้เธอตัดสินใจที่จะทำอะไรผิดพลาดลงไป ทุกอย่างมันเป็นแผนการของใครบางคนที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ ใช่แล้ว!
แผนการ เพราะเธอหลงที่จะเดินตามเกมที่ไม่ได้เป็นคนเริ่มต้น ตัวหมากอย่างเธอจึงต้องพ่ายตั้งแต่ยังไม่เริ่มวางแผน

   แต่หลังจากนี้เธอจะเป็นฝ่ายล้มกระดานเกมๆนี้เอง เธอจะเป็นฝ่ายจบทุกอย่าง ในเมื่อเธอไม่ชนะ เธอก็จะทำให้ทุกคนที่อยู่
ในเกมพังพินาศไปตามๆกัน จะไม่มีใครได้มีความสุขทั้งนั้นตราบใดที่เธอไม่มีความสุข

   “พรุ่งนี้ป้าช่วยเดหลีทำอะไรสักอย่างสิ”

   เดหลีก้มกระซิบข้างหูแม่บ้านสูงอายุก่อนจะหยิบมีดปลอกพลไม้บนโต๊ะแอบซ่อนเอาไว้ทางด้านหลัง



   -----------------------------------------------------------------


   วันรุ่งขึ้นขนมผิงตื่นมาแต่งตัวให้เด็กๆไปโรงเรียนแต่เช้า และเลือกที่จะให้ผู้เป็นพ่อกับสมชายไปส่งเด็กๆแทน

   การที่ต้องไปไหนมาไหนโดยถูกจับตามองยอมรับเลยว่ามันค่อนข้างอึดอัด แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความปลอดภัยของลูกใน
ท้องมากกว่า

    ขนมผิงเอนหลังพิงโซฟาก่อนจะจ้องมองข่าวในทีวี หลายวันมานี้ข่าวของเชตุพลเรื่องการทุจริตยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
เมื่อเจ้าตัวได้หลบหนีการคุมตัวระหว่างถูกส่งไปไต่สวนที่ศาล และยิ่งไปกว่านั้นก็คือรายชื่อของผู้มีอิทธิพลที่หนุนหลังที่ค่อยๆถูก
เปิดเผยออกมาทีละรายชื่อ

   จะเป็นเชตุพลหรือไม่ที่จ้องจะเอาชีวิตของเขาด้วยการส่งมือปืนมายิงเขาในวันนั้น จะใช่คนเดียวกับที่ส่งคนมาลอบวาง
เพลิงที่โกดังเก็บสินค้าของมณีรัตน์รึเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งยากจะคาดเดาเพราะเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะเก็บเอาเรื่องพวกนี้มาคิดมาก
ในขณะที่ยังท้อง

   แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเรียกให้ขนมผิงหยิบมันขึ้นมาดูหน้าจอ ริมฝีปากได้รูปยิ้มออกมาเล็กน้อยเรื่องปลายสายนั้น
คือเจ้าของหมอนที่เขานอนกอดอยู่ทั้งคืน

   “มีธุระอะไรครับ”ถึงจะเอ่ยออกไปอย่างนั้น แต่ข้างในมันรู้สึกดีใจแปลกๆ

   ‘ฉันจำเป็นต้องมีอะไรด้วยรึไง ถึงจะโทรหานายได้’

   “เปล่า”

   ‘งั้นถ้าฉันบอกว่าธุระของฉันคือฉันคิดถึงนายล่ะ’

   “ผมก็จะวางสาย”บอกก่อนจะหัวเราะเสียงเบาเพราะได้ยินเสียงจากปลายสายโอดครวญ

   ‘อย่าพึ่งสิ นายจะใจร้ายมากเกินไปแล้ว ฉันแค่อยากจะโทรมาคุยกับลูก’

   “เด็กๆไปโรงเรียนกันหมดแล้วครับ”

   ‘ฉันหมายถึงลูกในท้องต่างหาก’

   “งั้นแค่นี้ล่ะครับ”ขนมผิงทำท่าจะตัดสายอีกรอบ คนบ้าที่ไหนกันจะมาคุยกับเด็กที่ยังอยู่ในท้องผ่านโทรศัพท์

   ‘เดี๋ยวก่อนสิ!! ฉันแค่จะโทรชวนนายออกมากินข้าว นายว่างรึเปล่า’

   “ผม…ไม่ว่าง”

   ไม่สิ!! จะว่าไม่ว่างก็ไม่ถูก ต้องบอกว่าไปไม่ได้ต่างหาก ตาคู่สวยเงยขึ้นมองมารดาที่เดินผ่านห้องรับแขกไปชั่วครู่ ก่อนจะ
หลุบลงเล็กน้อยเมื่อผู้เป็นมารดาชะงักเมื่อเห็นว่าเขาคุยโทรศัพท์และเดินผ่านไป

   ‘ทำไมล่ะ ฉันอุตส่าห์โทรไปจองโต๊ะห้องอาหารในโรงแรม’

   “ผมไม่ว่างก็แล้วกัน แค่นี้นะครับ”

   ‘ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็ได้’อีกฝ่ายยังไม่ยอมลดละ

   “พรุ่งนี้ก็ไม่ได้ครับ”

   ‘วันต่อไป’

   “ไม่ได้ครับ ช่วงนี้ผมไม่ว่าง แค่นี้นะครับ”

   ขนมผิงกดตัดสายก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนโซฟาข้างๆ ขืนคุยยาวกว่านี้มีหวังคงจะถูกตามตื้อด้วยน้ำเสียงในแบบที่เขาไม่
คุ้นชินแน่

   ช่วงนี้ปิญญ์ชานนท์เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ จนเขาแทบจะนึกภาพคนที่ข่มขืนเขาในอดีตไม่ออกเลย อะไรกันนะที่
เป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งเขาและอีกฝ่ายเปลี่ยนไป

   ขนมผิงครุ่นคิดพลางลูบมือลงบนท้องเบาๆ ทว่าโทรศัพท์ก็แผดเสียงขึ้นมาอีกรอบเรียกให้ต้องคว้ามันมากดรับแล้วกรอก
เสียงลงไปคล้ายจะต่อว่า

   “จะโทรมาทำไมอีก”

   ‘คุณผิง’แต่น้ำเสียงหวานปนสั่นเครือก็ทำให้ขนมผิงชะงักมือที่กำลังจะกดตัดสายอีกรอบ

   “เดหลี”ขนมผิงหลุดเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบา

   ‘ฮึก ฮือ คุณผิงช่วยเดหลีด้วย ฮึก ฮือ ตอนนี้เดหลีไม่เหลือใครเลย เดหลีกลัว’

   “ใจเย็นๆครับ ค่อยๆพูด”

   ขนมผิงถึงจะบอกอย่างนั้น แต่น้ำเสียงที่ลอดผ่านปลายสายมานั้นทั้งสั่นเทาและสะอื้นจนน่าสงสาร

   ‘ดะ เดหลี ฮึก ไม่เหลือใครแล้ว คุณผิง ฮือ เดหลี ไม่เหลือใครเลย’

   “ใจเย็นๆนะครับ ผมว่าคุณใจเย็นๆดีกว่านะครับ”

   ขนมผิงพยายามพูดให้อีกฝ่ายหยุดสะอื้น อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้เลยที่ตนเองทำให้อีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ เป็นคนที่ทำให้ชีวิตผู้
หญิงคนหนึ่งหลงเข้ามาในเกมที่เขาเป็นคนเริ่มเอง

   ‘คุณผิงมาหาเดหลีหน่อยได้ไหมคะ ฮึกๆ เดหลีกลัว’

   “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ มีใครอยู่ข้างๆคุณรึเปล่า”ขนมผิงถาม

   ยืดตัวขึ้นนั่งเต็มตัวด้วยท่าทีกระวนกระวายใจเล็กน้อย บางทีการที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องมาเจอกับหลายๆเรื่องที่กระทบกระทั่ง
จิตใจอาจจะนำพาไปสู่การคิดสั้นก็เป็นได้

   ‘ไม่มี ฮึก ไม่มีใครเลย เดหลีไม่เหลือใคร ผิงมาหาเดหลีนะ มาหาเดหลี ฮึกๆ’

   “ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ”

   ‘เดหลีอยู่ที่บ้าน ฮือ เดหลีกลัว’

   “รออยู่ที่นั่นนะครับ เดี๋ยวผมจะไปหาคุณ”

   อย่างน้อยเขาก็ต้องรับผิดชอบในส่วนที่เกิดขึ้นบ้าง แค่ให้กำลังใจให้อีกฝ่ายเลิกกังวลก็ยังดี

   เพราะเขาเข้าใจดีว่าความรู้สึกที่ราวกับว่าถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวมันเป็นยังไง



   ------------------------------------------------------------------------

   
   หลังจากที่พิศณุไปส่งเด็กๆที่โรงเรียนเสร็จก็กลับบ้านมาพร้อมกับสมชาย ชายวัยกลางคนมองไปรอบๆบ้านเมื่อพบกลับ
ความว่างเปล่าก็แปลกใจจึงได้ถามภรรยาออกไป

   “แล้วลูกล่ะ”

   “เมื่อครู่ยังอยู่ในห้องรับแขกนี่”ลำดวนบอกก่อนจะชะโงกมองห้องที่เมื่อครู่ลูกชายยังนั่งดูทีวีอยู่เลย

   “แล้วข้างบนล่ะ”

   “เมื่อครู่ลำดวนพึ่งเอาเสื้อผ้าไปเก็บในห้องตาผิงก็ไม่มีนี่คะ”

   “อะไรกัน อย่าบอกนะว่าแอบหนีออกไปข้างนอกโดยไม่บอกไม่กล่าว”ใช่ว่าจะออกไปหาปิญญ์ชานนท์ทั้งที่เขาห้ามเอาไว้
หรอกนะ

   รู้ว่าการที่ต้องมีผู้ติดตามโดยไม่ได้ยินยอมมันน่าอึดอัดแค่ไหน แต่การที่จะออกไปข้างนอกโดยไม่บอกไม่กล่าวและมี
อันตรายที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะก้าวเข้ามาหาเอาตอนไหน

   แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คิดเมื่อรถของลูกชายไม่อยู่ หัวอกคนเป็นพ่อได้แต่หนักใจ ยิ่งพยายามปกป้องลูกชายมากเท่าไรก็
กลับยิ่งเหมือนไปทำร้ายเจ้าตัวมากเท่านั้น

   ขาควรจะให้โอกาสในสิ่งที่กำลังกลัวว่าจะเกิดกับลูกชายดีไหม เขาไม่อยากจะให้ทุกอย่างมันซ้ำรอยเหมือนเมื่อครั้งที่แล้ว
ครั้งที่หัวใจของลูกชายแหลกสลายไม่มีชิ้นดีตอนที่ถูกผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าพ่อของลูกทิ้งให้เลี้ยงลูกคนเดียว

   “ให้ลำดวนโทรตามตาผิงไหมคะ”

   “ถ้าก่อนเที่ยงแล้วยังไม่กลับค่อยโทรตามก็แล้วกัน”

   “ค่ะ”




   ------------------------------------------------------------------



   ขนมผิงขับรถเลี้ยวเข้ามาจอดในบ้านหลังใหญ่ เขาไม่แปลกใจเลยว่ามีคนหลายคนกำลังจับตามองบ้านหลังนี้อยู่ ขายาว
ก้าวเข้าไปในบ้านที่ดูเหมือนจะเงียบสงัดแต่ก็มีคนเดินไปมาอยู่ในบ้านเรื่อยๆราวกับว่ากำลังหาอะไรอยู่

   หลายคนเริ่มมองมาที่เขาราวกับประหลาดใจ แต่ขนมผิงไม่ได้ใส่ใจเมื่อเจตนาของเขานั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้

   “คุณผิงใช่ไหมคะ ทางนี้เลยค่ะ คุณเดหลีรออยู่ข้างบน”แม่บ้านสูงอายุเดินมาแตะแขนเบาๆให้หันไปมอง

   “ข้างบน?”เอียงคอถามกลับไปเมื่อรู้สึกแปลกใจ

   “ใช่ค่ะ ตั้งแต่คุณท่านถูกจับไปคุณเดหลีก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องไม่ยอมออกไปไหน ป้าล่ะก็เป็นห่วงไม่ยอมกินข้าวกิน
ปลา เห็นบอกว่าคุณผิงจะมาหาป้าก็ดีใจ”

   ไม่รู้เลยว่าคำพูดพวกนั้นเป็นคำโกหก กลับกันที่ขนมผิงกลับรู้สึกสงสารหญิงสาวจับใจเมื่อเธอถูกทิ้งห้างว้างอยู่คนเดียว
โดยไม่มีใครที่พอจะให้ความช่วยเหลือใดใดได้เลย

   ร่างสูงโปร่งก้าวขึ้นบันไดหินอ่อนเงาวับ มองตามแผ่นหลังของแม่บ้านสูงอายุไปจนถึงห้องที่อยู่สุดทางเดิน

   “ห้องนี้เหรอครับ”ขนมผิงถามเมื่ออีกฝ่ายหยุด

   “ใช่ค่ะ ห้องนี้แหละค่ะ”บอกพลางเคาะประตูแล้วเปิดออก

   ฉับพลันที่ขนมผิงพยักหน้ารับแล้วก้าวเดินเข้าไปข้างใน กลิ่นน้ำหอมฉุนก็ลอยคลุ้งเตะจมูกทันที จมูกได้รูปย่นลงเล็กน้อย

ก่อนจะทอดสายตามองเข้าไปข้างใน แทบจะไม่เห็นอะไรเลยเมื่อไฟทุกดวงไม่ได้ถูกเปิด หน้าต่างทุกบานถูกผ้าม่านปิดเอาไว้ส่ง
ผลให้มีเพียงแสงสลัวเล็กน้อยเท่านั้นที่ส่องเข้ามาให้เห็น

   “ผมเข้าไปนะ”ขนมผิงบอกเสียงเบา ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับ

   ได้ยินเพียงเสียงสะอื้นเบาๆมาจากมุมห้อง ยิ่งเดินเข้าไปเสียงนั่นยิ่งชัดเจน ในที่สุดตาก็ปรับเข้ากับความมืดพอที่จะมอง
เห็นได้อยู่บ้าง

   ร่างผอมบางนั่งคู้กายกอดเข่าอยู่มุมห้องดูน่าเวทนา ความมืดทั้งทำให้ขนมผิงมองไม่เห็นเลยว่าแววตาของเจ้าของเสียง
สะอื้นนั้นแสดงความรู้สึกใดออกมา ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ เสียงสะอื้นก็ยิ่งดัง


   “เดหลี”

   มือผอมแตะลงที่ต้นแขนเล็กอย่างเบามือ ซึ่งนั้นก็ส่งให้ร่างที่สั่นเทาสะดุ้งเฮือกราวกับกลังกลัวอะไรอยู่ เธอเงยหน้าเปื้อน
น้ำตาขึ้นมามองเขาด้วยท่าทางสั่นกลัว ทันทีริมฝีปากเปื้อนลิปสติกสีแดงสดก็คลี่ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาแล้วโผเข้ากอดเขาทันที

   “คุณผิง!! คุณผิงมาจริงๆด้วย ฮึกๆ คุณผิงมาหาเดหลีจริงๆด้วย”

   “ทำไมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะครับ”

   วงแขนเล็กนั้นกอดรับคอของเขาแน่นจนเริ่มหายใจไม่ออก ขนมผิงพยายามผละถอยออกมาเมื่อความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นนั้น
มาเกินสมควร ทว่าเดหลีก็ยังไม่ยอมปล่อย กลับยิ่งกอดแน่นขึ้นแล้วซบใบหน้าเปื้อนน้ำตาลงบนอกของเขา

   “เดหลีกลัว ฮึก เดหลีกลัว”

   “ผมว่าเดหลีไปนั่งบนเตียงก่อนดีกว่านะครับ มานั่งตรงนี้มันไม่ดีเลย”

   ขนมผิงพยายามที่จะพูดให้อ่อนโยนมากที่สุด ดูจากสภาพแล้วหญิงสาวคงจะถูกกระทบกระเทือนทางจิตใจมาไม่น้อย เขา
ประคองร่างของหญิงสาวขึ้นมานั่งบนเตียง

   “คุณผิงอย่างทิ้งเดหลีไปนะคะ เดหลีกลัว”

   “ครับ ผมจะอยู่ตรงนี้”

   ขนมผิงตอบรับอย่างช่วยไม่ได้เมื่อความรู้สึกสงสารนั้นยิ่งทวีมากขึ้นเมื่อได้เห็นใบหน้านั้นชัดๆ

   “เดหลีดีใจที่คุณผิงมา”

   แขนผอมถูกดึงเข้าไปกอดเอาไว้แน่น เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องยอมปล่อยให้เลยตามเลย ปล่อยให้หญิงสาวซบนั่งเอนตัวลงมาซบ
แล้วกอดแขนเอาไว้แน่นราวกับไม่ต้องการที่จะปล่อย

   เขาไม่รู้เลยว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนดีเมื่อสถานการนี้มันช่างชวนให้น่าอึดอัด แต่เหมือนจะมีตัวช่วยเมื่อประตูห้องถูกเคาะ
ก่อนที่แม่บ้านจะเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำในถาด

   “ป้าเอาน้ำมาให้ค่ะ”

   หากไม่จับสังเกตจะไม่รู้เลยว่าภายใต้น้ำเสียงที่ดูใจดีนั้นสั่นมากแค่ไหน ขนมผิงพยักหน้ารับก่อนจะรับแก้วน้ำมาถือเอาไว้
ด้วยมือข้างที่ว่าง

   “ขอบคุณครับ”

   “ถ้าไม่มีอะไรป้าขอตัวนะคะ”แม่บ้านพูดก่อนจะเดินออกไปและปิดประตูห้องลง

   ข้างในห้องตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเวลากลางคืนเมื่อแทบจะไม่มีแสงสว่างใดใดเลย ขนมผิงจึงวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะข้างเตียง
แล้วหันไปกระซิบบอกกับเดหลีเสียงเบา

   “เดี๋ยวผมไปเปิดไฟสักหน่อยดีกว่า”

   “คุณผิงห้ามหนีเดหลีไปนะคะ”

   ถึงแม้จะบอกแบบนั้นแต่ก็ยอมปล่อยแขนแต่โดยดี ขนมผิงจึงเดินไปเปิดไฟในที่สุด และทันทีที่ไฟเปิดสภาพภายในห้องก็
ปรากฏ

   เสื้อผ้ามากมายถูกรื้อออกมาระเกะระกะ ไม่เพียงแค่เสื้อผ้าเท่านั้นที่วางระเกะระกะอยู่บนพื้น แต่เครื่องสำอางเองก็มีแทบจะ
ทุกที่ที่สามารถวางได้

   “การที่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องแบบนี้มันไม่เป็นผลดีเลยนะครับ ผมว่าคุณน่าจะออกไปข้างนอกบ้าง คุณอยากไปกินข้าวขาง
นอกด้วยกันไหม”ขนมผิงอออกอุบาย

   อย่างน้อยมันก็ดีกว่าปล่อยให้อยู่แต่ในห้องเงียบๆที่มีสภาพแบบนี้ ตาคู่สวยเหลือบมองหญิงสาวที่มีท่าทีดีขึ้นจากเมื่อครู่
ใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางบัดนี้เปรอะเปื้อนจากน้ำตาที่ไหลลงมา

   “เดหลีไม่อยากไป เดหลีกลัว”

   “ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ไม่มีใครมาทำอะไรคุณหรอก วางใจได้”

   “จริงๆเหรอคะ”ริมฝีปากสวยฉีกยิ้มออกมาราวกับว่ากำลังดีใจต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ

   พอเห็นดังนั้นขนมผิงจึงยิ้มตามกับท่าทีที่ดีกว่าเก่าของหญิงสาว

   “นี่ก็เที่ยงแล้ว ผมว่าเราไปหาอะไรอร่อยๆทานกันข้างนอกดีกว่านะครับ”ขนมผิงพยายามชวน

   “แต่ว่า”ตาคู่สวยหลุกหลิกไปมา

   “ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”

   “ก็ได้ค่ะ”เดหลียอมพยักหน้าในที่สุด

   “ถ้าอย่างนั้นคุณแต่งตัวเลยครับ ผมจะไปรอข้างนอก”

   “ไม่เอา!! อย่าไปนะ เดหลีไม่ให้คุณผิงไป”หญิงสาวร้องห้ามในทันทีก่อนจะคว้าแขนของเขาเอาไว้

   “มันจะดูไม่เหมาะนะครับถ้าผมยังอยู่ในห้องนี้”

   แค่อยู่ด้วยกันสองต่อสองมันก็มากเกินไปแล้วด้วยซ้ำ อีกอย่างในห้องนี้ก็คลุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำหอมชวนให้รู้สึกอึดอัดไม่น้อย

   “งั้นเดหลีไม่ไปแล้วค่ะถ้าคุณผิงจะออกไปข้างนอก เดหลีกลัวคุณผิงทิ้งเดหลีไปอีกคน”

   “งั้นก็ได้ครับ ผมจะรออยู่ตรงนี้ ส่วนคุณก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ”

   “ตกลงก็ได้ค่ะ แต่ว่า…คุณผิงมาเหนื่อยๆดื่มน้ำก่อนไหมคะ”


   ไม่รู้ว่าจู่ๆหญิงสาวเปลี่ยนเรื่องไปหยิบแก้วน้ำที่เขาวางทิ้งเอาไว้มาได้ยังไง ขนมผิงส่ายหน้าเบาๆก่อนจะรับแก้วน้ำมาถือ
เอาไว้

   “ไม่เป็นไร ผมยังไม่หิวน้ำเท่าไร”กลิ่นน้ำหอมในห้องมันไม่ชวนให้อยากจะกลืนอะไรลงท้องสักเท่าไรเลย ขนมผิงได้แต่คิด
ในใจ ยกยิ้มให้กับอีกฝ่ายบางเบา

   “แต่ว่าเดหลีอยากให้ผิงกินน้ำนี่คะ”

   “ผมว่าเอาไว้เราไปกินที่ร้านที่เดียวดีกว่า”

   “แค่เดหลีอยากให้คุณผิงกิน!!”เกือบจะเป็นน้ำเสียงที่ตวาดจนขนมผิงชะงัก “อะ เอ่อ ขอโทษค่ะ คือเดหลี”เหมือนจะรู้ตัวว่า
เผลอเสียงดังออกมาสาวเจ้าจึงชะงักเช่นกัน

   “ไม่เป็นไรครับ”เจ้าของใบหน้านิ่งเฉยบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ “คุณไปแต่งตัวเถอะครับ”

   “ถะ ถ้าอย่างนั้น…คุณผิงอย่าไปไหนนะคะ”

   “ครับ”ขนมผิงตอบรับ

   ไม่รู้เลยว่าเมื่อหันหลังให้กับหญิงสาวแล้ว อีกฝ่ายจะมีสีหน้าแบบไหน ตาคู่สวยนั้นจ้องมองมาที่เขาด้วยความเจ็บใจ มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่นเมื่อไม่ได้ดั่งใจที่ต้องการ แต่ฉับพลันเธอก็เหลือบไปเห็นแจกันกระเบื้องใบสวยที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมือ
เร็วกว่าความคิดเมื่อมือของเธอเอื้อมไปหยิบมันเอามาถือไว้แล้วก็

   เพล้งงงง!!!

   ทันทีที่เสียงแตกกระจายดังขึ้น ร่างสูงโปร่งก็ทิ้งตัวฟุบลงไปบนเตียง แทนที่ด้วยของเหลวสีแดงสดค่อยๆไหลซึมออกมา
ก่อนจะถูกผ้าปูที่นอน ก่อนที่สีขาวของมันถูกย้อมด้วยสีแดงสดน่ากลัว


   -------------------------------------------------------


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 08:23:43 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3

เปิดพรีฯวายไทย
“เรื่อง Dangerous Rose กุหลาบซ่อนหนาม”
วันนี้  – 31 มกราคม 60
ลายละเอียด
Set 1 ราคา 650 บาท (รอบปกติ 690)
ประกอบด้วย หนังสือ ขนาดa5 2 เล่มจบ 300+หน้า/เล่ม
ของแถม ที่คั่น 2 ลาย โปส 2 ลาย
ของแถมเฉพาะรอบพรีฯ เล่มพิเศษขนาดa5 1 เล่ม
Set 2 ราคา 770 บาท (รอบปกติ 820 )
ประกอบด้วย หนังสือ ขนาดa5 2 เล่มจบ 300+หน้า/เล่ม กล่องจั่วปังใส่หนังสือ (ตามรูป)
ของแถม ที่คั่น 2 ลาย โปส 2 ลาย
ของแถมเฉพาะรอบพรีฯ เล่มพิเศษขนาดa5 1 เล่ม
พิเศษสำหรับรอบพรีฯ สามารถแลกซื้อ “บันทึกลับลูกหมู” (โมเม้นของเด็กๆ) ในราคา 35 บาท
ค่าจัดส่ง Ems 100 บาท(Setต่อไปเพิ่มSetละ20บาท) ลทบ 65 บาท
**2Setขึ้นไปจัดส่งแบบEMSเท่านั้นนะคะ(น้ำหนักเกิน2โล)
จัดส่งหนังสือในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ (กำหนดการอาจมีการการคาดเคลื่อนเล็กน้อย)
จอง/สอบถาม ได้ที่ แฟนเพจ “เด็กหญิงเย็นชา2” หรือ sindy_lamoonอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com
**หมายเหตุ:เนื้อหาในเล่มไม่มีเนื้อหาคู่ของคุณวุฒิกับแทนทัพนะคะเนื้อหาในเว็บเป็นแค่เนื้อหาคั่นอารมณ์ที่เขียนเพิ่มเข้าไปเท่านั้น

ตอนพิเศษในเล่ม
- สามีขี้หึง
- ท้องที่สาม
- คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว
- ครอบครัววุ่นวาย
- ขนมเรไร
ตอนในเล่มแถม
- สามีบ้ากาม
- ครีมทาหน้าท้องแตก
- ลูกสาวข้าใครอย่าแตะ
- พ่อบ้านใจกล้า
- พ่อตาดุ
บันทึกลับลูกหมู
จะเป็นบันทึกที่เด็กๆเขียนเอาไว้ในแต่ละเหตุการณ์ลับหลังพ่อๆ กับแผนการที่จะช่วยทำให้พ่อแม่ได้ใกล้ชิดกัน

   

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
หนมผิงนะ หนมผิง เอาตัวไปเสี่ยงโดยไม่จำเป็นอีกละ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2017 06:16:06 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ goldentime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เรื่องกำลังเข้มข้นแล้วสินะ ปิญญ์ไปช่วยขนมผิงให้ทันทีนะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
ท่าทางเจ๊เดหลีต้องไปอยู่หลังคาแดงแล้วแหละ สติแตกขนาดนี้อ่ะ  :mew5:
รอลุ้นตอนต่อไปอยู่น๊าาาา  :L2:
ปล. แล้วจะมีเรื่องของคุณหมอวุฒิกับเลขาทัพไหมคะคนแต่ง  :hao4:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  ขนมผิงยังไม่หมดเคราะห์กรรมสินะ ปิญชานนท์ชวนไปกินข้าวไม่ไป ดันไปไปหาเดหลีซะได้
 รออ่านต่อคับ ค้างมาก

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
44 ตัวประกัน

   “คุณปิญญ์ครับ คุณพิศณุมาขอพบคุณครับ”มาลิศเลขาหนุ่มบอก เรียกให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มเอกสารแล้วมอง
หน้าเลขาหนุ่มด้วยความประหลาดใจ

   “มาขอพบฉัน?”

   ใช่ว่าจะมากันท่ากันเหมือนครั้งที่แล้วแล้วเสนอให้ไปดูตัวกับหลานสาวของตัวเองหรอกนะ ปิญญ์ชานนท์ได้แต่ครุ่นคิดอยู่
ในใจ แต่ก็พยักหน้าเป็นการบอกอนุญาตเลขาหนุ่มให้เชิญอีกฝ่ายเช้ามา

   “เชิญครับ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ สบายดีไหมครับ”

   ก็ต้องทำตัวเคารพอีกฝ่ายอย่างที่เห็นนั่นแหละ รีบลุกขึ้นมาดึงเก้าอี้ให้ แถมกล่าวทักทายอย่างสุภาพอีกต่างหาก

   “ไม่ต้องมากพิธีรีตองนักหรอก”อีกฝ่ายนอกจากจะไม่ตอบรับยังมองไปทั่วห้องราวกับว่ากำลังหาอะไรอยู่

   ซึ่งนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มถามออกไปด้วยความสงสัย

   “กำลังหาอะไรอยู่เหรอครับ”

   “ลูกชายของผมอยู่ไหน”เสียงเรียบนิ่งกดต่ำกว่าที่เคยเรียกให้คิ้วได้รูปขมวดมุ่น

   “ลูกชาย? หมายถึงขนมผิงนั่นเหรอครับ”

   “ผมมีลูกชายคนเดียว คุณก็น่าจะรู้ดี”ประโยคนี้แฝงความนัยน์เอาไว้ ปิญญ์ชานนท์รู้ดี

   แต่ลูกชายคนเดียวของพิศณุนั่นแหละที่เป็นแม่ของลูกเขาทั้งสี่คน สี่คนนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยสำหรับคนทั่วไป

   “ครับผมทราบดี แต่ว่าขนมผิงไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกนะครับ”

   “จะไม่ได้อยู่ที่นี่ได้ยังไงในเมื่อลูกชายของผมเขาหายไป ซ้ำยังติดต่อไม่ได้”

   พิศณุรอจนเวลาล่วงเลยไปครึ่งวันแล้วกะว่าลูกชายจะกลับมา แต่ทว่าเลยเที่ยงไปแล้วลูกชายก็ยังไม่กลับมา หนำซ้ำไม่ว่า
จะโทรไปกี่ทีกี่ทีโทรศัพท์ก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ ที่บริษัทก็ไม่มีวี่แวว คนเดียวที่เขานึกได้ก็คือปิญญ์ชานนท์ คนที่เทียวไล้เทียว
ขื่อแอบมาหาลูกชายเป็นประจำ นอกจากอีกฝ่ายจะยังไม่เชื่อคำห้ามไม่ให้เข้าใกล้ลูกชายแล้วยังจะแอบมาไปเจอกันลับหลัง คิด
แล้วก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เขาเองก็เป็นแค่พ่อที่ต้องการจะปกป้องลูกก็เท่านั้น

   “ผมขอยืนยันคำเดิมว่าขนมผิงไม่ได้อยู่ที่นี่ จริงอยู่ที่ผมได้ชวนขนมผิงออกมากินข้าวด้วย แต่ขนมผิงก็ได้ปฏิเสธคำชวน
ของผม”ปิญญ์ชานนท์ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

   ทว่าใจก็ยังนึกสงสัยและอดเป็นห่วงไม่ได้ ขนมผิงหายไปไหนกัน? ในเมื่อบอกว่าไม่ว่างและปฏิเสธคำชวนของเขา

   “คุณแน่ใจนะ”

   “ผมแน่ใจครับ”

   ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อหาขนมผิงทันที ทว่าเสียงฝากหมายเลขโทรกลับนั้นทำให้เขาเริ่มหวั่นใจ
ไม่ว่าจะลองต่อสายอีกกี่รอบทางปลายสายนั้นก็เป็นสัญญาณฝากหมายเลขโทรกลับอยู่ดี

   “ติดไหม”

   “ปิดเครื่องน่ะครับ”ปิญญ์ชานนท์ส่ายหน้าเบาๆ

   “ไปไหนของเขากันนะ”

   พิศณุเริ่มกระวนกระวายใจ เขาคิดว่าลูกชายอยู่ที่นี่กับอีกฝ่ายเลยไม่ได้เตรียมใจเอาไว้ว่าจะหาลูกชายไม่เจอ ชายสูงวัย
ทอดสายตามองชายหนุ่มดีกรีประธานบริษัทคู่แข่ง เขาไม่ได้ต้องการจะจับผิด แต่เขาต้องการที่จะสังเกตดูปฏิกิริยาที่แสดงออก
มาต่างหาก

   แล้วก็ทำให้เขาชะงักเมื่อท่าทีของปิญญ์ชานนท์นั้นเริ่มเป็นกังวล ถึงภายนอกจะไม่ได้แสดงออกมานัก แต่จากสายตาที่ดู
เป็นห่วงและการที่เจ้าตัวพยายามต่อโทรศัพท์หาปลายสายนั้นบอกได้ดีว่าปิญญ์ชานนท์นั้นก็เป็นห่วงลูกชายของเขาไม่แพ้กัน

   “ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอโทษที่มารบกวนเอาลางานของคุณก็แล้วกัน”พิศณุถอนหายใจพลางลุกขึ้น

   เขาคงต้องไปตามหาที่อื่นต่อ ถึงแม้จะมืดแปดด้านก็ตาม

   “ไม่เป็นไรครับ ทางผมเองก็ต้องขอบคุณที่คุณนึกถึงผมเป็นคนแรก”

   นั่นหมายความว่าพิศณุเองก็รับรู้ความสัมพันของเขากับขนมผิงแล้วสินะ แม้จะถูกไม่ไว้ใจแต่ปิญญ์ชานนท์ก็ดีใจที่อย่าง
น้อยก็เป็นแบบนี้

   “ถ้ารู้ว่าลูกชายผมอยู่ที่ไหนรบกวนคุณช่วยติดต่อมาทางผมด้วยล่ะ”

   “ได้ครับ”

   ปิญญ์ชานนท์เดินมาส่งผู้เป็นพ่อของคนรักหน้าประตูก่อนจะกลับเข้าไปในห้องแล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้บุนวมราคาแพง ตัดสิน
ใจกดต่อปลายสายหาคนที่เขาส่งให้ไปดูขนมผิงกับเด็กๆอยู่ห่างๆ

   “ฉันอยากจะรู้ว่าตอนนี้ขนมผิงอยู่ที่ไหน”ทันทีที่ปลายสายตอบรับปิญญ์ชานนท์ก็กรอกเสียงถามไปทันที

   ‘เพราะว่าคุณผิงไม่ได้ออกไปไหนหลายวันทำให้ตอนนี้ผมคลาดกับเขาน่ะครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่ผมจะรีบตามหา
เขาให้เร็วที่สุดนะครับ’

   “ฉันต้องการให้นายหาตัวขนมผิงได้ได้เร็วที่สุด”

   จากคำพูดของปลายสายยิ่งทำให้ชายหนุ่มเป็นห่วงขนมผิงมากขึ้นไปอีก ในเมื่อขนมผิงไม่ได้มาหาเขาและไม่ได้อยู่ที่บ้าน
แล้วขนมผิงจะไปไหนกัน?

   คิดได้ดังนั้นปิญญ์ชานนท์เลยเลือกที่จะต่อโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อติดต่อคนที่เขาไม่ได้ติดต่อมานานมากแล้ว

   ‘สวัสดีครับ มีอะไรถึงได้โทรมาหาผมได้ล่ะ’

   “ฉันอยากจะถามนายว่าขนมผิงได้อยู่กับนายไหม”

   ‘ไม่นี่ครับ ผมเองไม่ได้เจอกับผิงมานานแล้ว’คุณวุฒิตอบกลับมาให้ความเป็นกังวลของปิญญ์ชานนท์นั้นเพิ่มเป็นทวีคูณ

   “ถ้าอย่างนั้นก็แค่นี้ล่ะ ขอโทษที่โทรมารบกวนนาย”

   ‘ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่พี่ปิญญ์พอจะบอกผมได้ไหมว่าทำไมถึงได้มาถามหาผิงกับผม ขนมผิงหายไปเหรอครับ’

   “ใช่ ขนมผิงหายไป”

   ‘ผมจะลองถามกับเพื่อนๆของผิงดูให้นะครับ’คุณวุฒิตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

   “ขอบใจ”

   มันทำให้เขานึกได้ว่าเขาเป็นคนแย่งขนมผิงมาจากน้องชายคนนี้ อดที่จะรู้สึกกลัวจะโดนคุณวุฒิดูถูกไม่ได้เลยที่เขาไม่รู้
อะไรเกี่ยวกับขนมผิงสักนิด

   ก๊อก ก๊อก!!

   เสียงเคาะประตูตามมาด้วยร่างของเลขาหนุ่มเดินเข้ามาในห้องอีกครั้ง

   “เจ้าหน้าที่ที่คุณต้องการพบเป็นการส่วนตัวมาแล้วนะครับ คุณจะให้ผมเชิญมาเข้ามาเลยรึเปล่าครับคุณปิญญ์”

   “เชิญเข้ามาเลย”

   ใจของเขานึกเป็นห่วงขนมผิงจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร แต่เรื่องที่ต้องจัดการให้เสร็จโดยเร็วก็สำคัญไม่แพ้กัน

   ปิญญ์ชานนท์เชิญให้แขกผู้มาเยือนนั่งลงยังฝั่งตรงข้ามก่อนจะนั่งลงด้วยท่าทางสุขุมทั้งที่ใจนั้นร้อนรุ่มราวกับเปลวเพลิง


   “ขอบคุณที่มาวันนี้นะครับ”

   “ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ”

   “ถ้าอย่างนั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”ปิญญ์ชานนท์เท้าข้อศอกทั้งสองข้างลงบนโต๊ะทำงานอย่างเคร่งเครียด

   อีกฝ่ายพยักหน้า

   “นี่เป็นข้อมูลทั้งหมดที่ผมมี ผมเชื่อว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับคุณ”

   “คุณต้องการจะแลกด้วยอะไร”อีกฝ่ายถามกลับมาไม่อ้อมค้อมเช่นกัน

   ฝั่งหนึ่งต้องการผลงาน อีกฝั่งหนึ่งก็ต้องการให้ครอบครัวปลอดภัย แม้จะผิดกฎกติกาการเล่นเกม แต่ก็ถือว่าได้ผล
ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย

   “ผมต้องการคำยืนยันความปลอดภัยที่จะตามมา”

   “แค่ความปลอดภายของคุณก็พอใช่ไหม”

   “ไม่ใช่แค่ผม แต่รวมไปถึงครอบครัวของผมและครอบครัวมณีรัตน์ด้วย”ปิญญ์ชานนท์ต่อรอง

   เขาต้องการที่จะกำจัดเสี้ยนหนามให้หมดไปโดยที่ต้องการจะทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีเสี้ยนเล็กๆหลงเหลือมาตำมือของเขา
และครอบครัวได้

   “ครอบครัวมณีรัตน์?”

   “ใช่”

   “จะพูดยังไงดีล่ะ เมื่อครู่ได้รับรายงานมาว่าประธานคนปัจจุบันของมณีรัตน์กรุ๊ปกำลังจะเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ต้องถูกตรวจ
สอบเกี่ยวกับคดีนี้ด้วย”

   “ที่คุณพูดหมายความว่ายังไง?”ปิญญ์ชานนท์เลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ

   “มีคนพบว่าเขาเข้าไปที่บ้านของคุณเชตุพลเมื่อตอนเที่ยง ด้วยรูปคดีที่มีความระเอียดอ่อนบวกกับความซับซ้อนทำให้ต้อง
ตรวจสอบทุกคนที่รู้จักที่อยู่โดยรอบน่ะครับ”

   “เป็นไปไม่ได้ คุณบอกว่าขนมผิงไปที่บ้านของเชตุพลวันนี้ คุณแน่ใจนะ?”

   “ครับผมแน่ใจ ลูกน้องของผมไม่เคยทำงานผิดพลาด”

   ขนมผิงไปทำอะไรที่บ้านของเชตุพลกัน!! ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็หมายความว่าขนมผิงตกอยู่ในอันตรายไม่ใช่รึไง

   “ขอบคุณที่มาวันนี้ ผมขอตัวผมมีธุระต้องไปทำ”

   ปิญญ์ชานนท์ผลุนผันออกไปจากห้องทันทีโดยไม่สนใจว่าจะเสียมารยาทกับเจ้าหน้าที่กรมการสอบสวนคดีพิเศษที่เขา
เชิญมาพบไหม

   เขาขอเพียงว่าอย่ามีอะไรเกิดขึ้นกับคนรักกับลูกของเขาเลย!!



   ----------------------------------------------------------------------



   ทางด้านพิศณุ เขากำลังติดต่อให้คนที่รู้จักและสามารถไว้ใจได้ช่วยให้ตามหาลูกชายด้วยอีกแรง ความเป็นห่วงที่มีมากขึ้น
นั้นทำให้ชายสูงวัยไม่สามารถวางเครื่องมือสื่อสารลงได้เลย

   แต่แล้วสายจากคนที่เขาพึ่งจะคุยด้วยเมื่อครูก็ติดต่อกลับมาโดยไม่ทันตั้งตัว

   “มีอะไรคืบหน้าบ้างไหม”

   ‘ผมรู้แล้วล่ะครับว่าขนมผิงอยู่ที่ไหน’

   “ลูกชายของผมอยู่ที่ไหน”

   ‘ตอนนี้ขนมผิงอยู่ที่บ้านของคุณเชตุพลครับ’

   “ขนมผิงไปทำอะไรที่นั่นกัน”พิศณุถามกลับด้วยความตกใจ

   ‘ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมกำลังจะไปที่นั่น’อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างร้อนรน

   “ผมจะรีบตามไป”

   ทั้งที่อุตส่าห์เน้นย้ำเอาไว้แล้วว่าหากออกไปไหนก็ให้มีคนตามไปด้วย แต่ทำไมกันนะถึงไม่ฟังกันบ้างเลย เป็นครั้งแรกที่
เขารู้สึกหงุดหงิดกับลูกชายคนนี้ มันทำให้เขารู้สึกว่าเขาแทบจะไม่รู้จักลูกชายดีพอเลยจริงๆ



   -------------------------------------------------------



   “ขึ้นไปไม่ได้นะคะ ขึ้นไปไม่ได้!!”แม่บ้านรีบปรี่เข้ามาห้ามชายหนุ่มทันทีเมื่อชายหนุ่มอดีตว่าที่คู่หมั่นของเจ้านายเดินเข้า
มาในบ้านและทำท่าจะเดินขึ้นไปยังชั้นบน

   “ขนมผิงอยู่ที่ไหน!!”

   “ขนมผิงไหนกันคะป้าไม่รู้จัก แล้วก็ยังไม่มีใครมาที่นี่เลย”แม่บ้านสูงวัยปฏิเสธ

   “อย่ามาโกหกผม ผมเห็นว่ารถของขนมผิงจอดอยู่หน้าบ้าน”

   “ไม่มีหรอกค่ะ ไม่ได้อยู่ที่นี่ คุณกลับไปซะดีกว่า คุณเดหลีเขาบอบช้ำมามากพอแล้วนะคะ อย่าทำให้เธอเสียใจมากไปกว่า
นี้เลยค่ะ”

   “หลบไป ผมไม่อยากเสียเวลา!!”

   เสียงโวยวายของชายหนุ่มประกอบกับเสียงร้องห้ามของแม่บ้านทำให้เจ้าหน้าที่ที่คอยเฝ้าจับตาดูที่บ้านหลังนี้พากันหันเห
ความสนใจมาที่ทั้งสองคน

   “คุณกำลังบุกรุกอยู่นะคะคุณปิญญ์!!”

   “ไม่อยากโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดก็ถอยไป!!”ปิญญ์ชานนท์ตวาดก่อนจะดันร่างของหญิงสูงวัยให้พ้นทาง

   “หยุดนะคะ คุณจะขึ้นไปข้างบนไม่ได้นะคะ”เธอโวยวายก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ให้ช่วย
ห้าม

   “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับขนมผิงล่ะก็พวกคุณที่ห้ามผมทุกคนเจอดีแน่”

   ชายหนุ่มคาดโทษเอาไว้ก่อนจะรีบขึ้นไปยังชั้นบนทันทีโดยไม่สนใจว่าจะมีใครตามมาเพื่อจะห้ามหรือไม่ เขาสนใจเพียง
อย่างเดียวก็คือความปลอดภัยของขนมผิง



   ---------------------------------------------------------



   “ไม่ ไม่นะ ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ผิด”เจ้าของเสียงพึมพำนั่งคู้กายกอดตัวเองอยู่บนเตียง

   ข้างกายมีร่างสูงโปร่งนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่ข้างๆ ตาคู่สวยเปรอะไปด้วยเครื่องสำอางจ้องมองสีแดงฉานของเลือดไหล
ออกมาเลอะผ้าปูที่นอน

   ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเจ้าของน้ำสีแดงสดนั้นครึ่งหนึ่งถูกย้อมไปด้วยเลือดจนน่ากลัว เลือดบางส่วนนั้นเริ่มที่จะแห้งเกรอะ
กรังไปบ้างแล้ว

   “มันผิดเอง มันเป็นคนผิด ฉันไม่ผิด”

   มือทั้งสองข้างของเดลีหลีกำมีดปลอกผลไม้ปลายแหลมเอาไว้แน่น ปลายของมีดนั้นจ่อมาทางประตูราวกับว่ากำลังกลัวว่า
จะมีใครเข้ามาทำร้าย

   หญิงสาวจ้องมองไปยังรอบๆอย่างหวาดระแวง ทำไมกันนะ ทำไมถึงมีแต่คนไม่ต้องการเธอ ขนาดพ่อยังทิ้งเธอเอาไว้แล้ว
หนีไปคนเดียวเลย แค่คนเดียวไม่ได้รึไงที่จะต้องการเธอและปกป้องเธอบ้าง

   “อยู่กับเดหลีนะ อย่าไปไหนนะ”

   จู่ๆเธอก็ขยับเข้าไปใกล้กับร่างที่แน่นิ่งราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน มือเรียวแต้มด้วยสีฉูดฉาดลูบลงไปบนศีรษะของขนมผิง
อย่างเบามือ ไม่สนใจว่ามือนั้นจะติดเอาของเหลวสีแดงฉ่ำติดมาด้วย

   ไม่มีใครสนใจเธอก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครอยู่ด้วยกันกับเธอก็ไม่เป็นไร แค่ขนมผิงเท่านั้น ขนมผิงที่มาหาเธอยามที่เธอร้องขอ
นั่นแสดงให้เห็นว่าขนมผิงเป็นห่วงเธอ ใช่แล้ว!!คนคนนี้เป็นห่วงเธอ เพราะฉะนั้นคนคนนี้ต้องเป็นของเธอ ของเธออย่างที่ควรจะ
เป็น ไม่ใช่ของไอ้ผู้ชายหน้าด้านนั่นที่มาแย่งเอาไป!!

   คิดได้ดังนั้นตาคู่สวยก็เกร็งแข็งขึ้นมา ก่อนจะอ่อนลงเมื่อหันไปจ้องมองใบหน้าของคนที่ไม่ได้สติ แล้วก็ยิ้มเมื่อร่างนั้น
ค่อยๆขยับ เปลือกตาที่เหมือนจะหนักอึ้งค่อยๆกระพริบเปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ

   “อึก!! อือ”เสียงแหบพร่าครางในลำคออย่างทรมาน

   ร่างสูงโปร่งเอี้ยวตัวขยับเล็กน้อยก่อนที่จะยกมือขึ้นมาจับศีรษะของตนเองเมื่อรู้สึกเจ็บ แต่พอจับดูก็พบว่าความชื้นแฉะของ
น้ำข้นหนืดประกอบกับกลิ่นคาวนั้นไหลย้อมศีรษะของตนไปครึ่งหนึ่ง ตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ

   ขนมผิงผุดลุกขึ้นมาแทบจะทันทีด้วยความตกใจและเป็นห่วงลูกใจท้อง แต่ด้วยความที่เสียเลือดไปมากจึงทำให้ความวิง
เวียนเข้าจู่โจมจนต้องใช้มือข้างหนึ่งยันที่นอนเอาไว้ไม่ให้ล้มฟุบลงไปอีกรอบ

   ความทรงจำในครั้งสุดท้ายที่มีสติไหลย้อนกลับมา คิดได้ดังนั้นก็หันมองไปยังด้านข้างของตน จ้องมองหญิงสาวในชุดนอน
ด้วยความกลัวและเป็นกังวล

   “ทำไมกัน”พึมพำออกมาราวกับคิดหาคำที่จะพูดออกมาไม่ถูก

   “ตื่นแล้วเหรอคะ”ริมฝีปากเคลือบสีแดงสวยแย้มยิ้มให้ราวกับว่าไม่เห็นสีแดงของเลือดไหลย้อมหัวของเขา

   รอยยิ้มที่ดูต่างออกไปจากทุกทีนั้นทำให้ขนมผิงเริ่มที่จะรับรู้แล้วว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นเข้าสู่สภาวะที่จิตใจไม่ปกติ จึงได้
พยายามยันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง เรี่ยวแรงที่มีราวกับไหลออกไปจากร่างกายพร้อมกับเลือดมากมาย

   ความกลัวยิ่งซึมลึกไปทั่วอณูเมื่อเหลือบไปเห็นผ้าปูที่นอนย้อมด้วยสีแดงฉาน บางส่วนแห้งเกรอะกัง เขาเสียเลือดไปมาก!!
ใจข้างในแทบจะกรีดร้องออกมา มือข้างหนึ่งกุมแผลบนหัวเอาไว้แน่น กดเอาไว้เมื่อไม่รู้ว่าเลือดนั้นหยุดไหลรึยัง มืออีกข้างกุม
ท้องด้วยความเป็นห่วงลูกโดยสัญชาติญาณ แต่ยิ่งพยายามออกแรง ภาพตรงหน้ามันก็ยิ่งพร่าเบลอ

   “อย่าไปนะ!! คุณผิงอย่าไปนะ”เสียงห้ามพร้อมกับมือเรียวส่วนหนึ่งมีเลือดติดดึงแขนของเขาเอาไว้

   นั่นทำให้ขนมผิงทรุดลงไปนั่งบนเตียงด้วยความอ่อนแรงอย่างง่ายดาย แต่สิ่งที่ทำให้ต้องตกใจก็คืออ้อมแขนเล็กๆสอดเข้า
มาจากทางด้านหลังก่อนที่จะรวบกอดเอวของเขาเอาไว้ ใบหน้าสวยเปื้อนเครื่องสำอางซบลงมาที่หลังก่อนจะถูไถไปมาเบาๆ

   “ทำ…อะไรน่ะ?”

   ขนมผิงแทบจะไม่อยากกระดิกแม้แต่ปลายนิ้วเมื่อมองเห็นบางสิ่งบางอย่างในมือของหญิงสาว เดหลีสวมกอดเขาจากทาง
ด้านหลังแน่น มือที่ถือมีดปลอกผลไม้เอาไว้อยู่ตรงช่วงท้องของเขาพอดี!!

   “คุณผิงอย่าไปนะ อย่าทิ้งเดหลีไปนะ”น้ำเสียงออดอ้อน แต่ปลายมีดนั้นทาบลงมาราวกับต้องการจะข่มขู่

   “ผมต้องไปโรงพยาบาล”ขนมผิงบอกออกไปเสียงเบา

   หากหยุดหายใจได้ตอนนี้เขาก็จะทำ เขาแทบจะไม่อยากกระดิกอวัยวะส่วนไหนของร่างกายเลยด้วยซ้ำ

   “ถ้าคุณผิงไป เดหลีจะฆ่าลูกของเรา”จากน้ำเสียงที่เว้าวอน แปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม

   ขนมผิงสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายแหลมคมกดลงมาบนผิวท้อง สัมผัสได้ถึงความเย็นของคมมีดได้เป็นอย่างดี

   แต่นั่นไม่เท่ากับการที่เดหลีรู้ได้ยังไงว่าในท้องของเขามีเด็กอยู่!!

   ปึง!!

   เสียงประตูถูกกระแทกออกอย่างแรงส่งให้ทั้งขนมผิงและเดหลีหันไปมองด้วยความตกใจ อารามของความตกใจนั้นทำให้
ปลายมีดกดลงผ่านเสื้อเชิ๊ตตัวบางและบาดลงไปบนผิวท้อง

   “อึก!!”

   ความแสบเพียงเล็กน้อยแต่ก็ราวกับคมมีดนั้นกดลึกเข้าไปในจิตใจ ตาคู่สวยเบิกกว้างจ้องมองเลือดซึมผ่านเสื้อออกมา แต่นั่นก็ไม่เท่ากับสายตาของใครบางคนที่มองมาด้วยความโกรธแค้นและเป็นห่วงในคราวเดียวกัน

   “นั่นเธอจะทำอะไรน่ะเดหลี!!”ปิญญ์ชานนท์ตวาดลั่น

   แทบอยากจะปรี่เข้าไปเมื่อเห็นว่าใบหน้าครึ่งหนึ่งของคนรักอาบไปด้วยเลือด อีกทั้งเลือดที่ซึมออกมาจากท้องนั้นยิ่งทำให้
ชายหนุ่มโกรธจัด

   “อย่าเข้ามานะ!!”

   “คุณปิญญ์”ขนมผิงเรียกเสียงแผ่ว ก้อนเนื้อในอกเต้นราวกับยินดีที่ได้เห็นอีกฝ่าย

   “ปล่อยขนมผิงเดี๋ยวนี้นะ!!”

   “เดหลีไม่ปล่อย คุณผิงเป็นของเดหลี!!”เดหลีตวาดเสียงแหลม

   ตาคู่สวยเกร็งแข็งจ้องมองชายร่างสูงอดีตคู่หมั้นที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ด้านหลังมีแม่บ้านของเธอกับเจ้าหน้าที่
ยืนออกันอยู่หน้าประตู เห็นดังนั้นเธอยิ่งกระชับมีดในมือแน่นขึ้น

   “ทิ้งมีดซะเดหลี เธอจะบ้าไปแล้วรึไง”ปิญญ์ชานนท์บอกเสียงแข็ง

   “ใช่สิ ฉันมันบ้าไปแล้ว แต่ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะใครล่ะถ้าไม่ใช่เพราะแก!!”

   “ฉันว่าเธอทิ้งมีดแล้วมาคุยกันดีดีจะดีกว่านะ”ปิญญ์ชานนท์บอกพลางเดินก้าวเข้ามาในห้อง

   “หยุดนะ ถ้าก้าวเข้ามาใกล้อีกแม้แต่ก้าวเดียวฉันจะแทงเข้าไปในท้องนี่จริงๆด้วย รู้ดีไม่ใช่รึไงว่าในท้องนี่มีอะไรอยู่”หญิง
สาวแสยะยิ้ม

   “อย่าแม้แต่จะคิด”ชายหนุ่มข่มเสียง

   ตาคู่คมกริบจ้องมองเลือดที่ซึมออกมาจากท้องของขนมผิงด้วยความเป็นกังวล ก่อนจะเลื่อนขึ้นมามองใบหน้าซีดเผือด ตา
คู่สวยหรี่ปรอยลงเล็กน้อยราวกับคนที่แทบจะไม่เหลือสติ

   “ถ้าไม่อยากให้ฉันแทงมีดลงไปที่ท้องนี่ก็พากันออกไปให้หมด คุณผิงเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้แก
มาแย่งคุณผิงกับลูกไปจากฉันได้อีก!!”

   เพราะลูกในท้องของขนมผิงต้องเป็นลูกของเธอ เหมือนกับที่ขนมผิงเป็นของเธอ ต่อไปนี้เธอจะไม่ต้องถูกทิ้งหรือจะต้อง
โดดเดี่ยวหากมีขนมผิงอยู่ด้วย

   เธอไม่สนใจเลยสักนิดว่าใครต่อใครจะพากันเกลี้ยกล่อมเธออยู่หน้าประตู แต่เธอสนเพียงร่างที่แทบไม่หลงเหลือสติที่เธอ
กอดอยู่เท่านั้น คางของเธอเกยอยู่บนหัวไหล่ของขนมผิง ไม่สนว่ากลิ่นเลือดจะคาวแค่ไหน หรือจะเปรอะบนใบหน้าของเธอให้ดู
น่ากลัวเพียงใด

   “ต้องให้ฉันทำยังไงเธอถึงจะยอมปล่อยขนมผิง เธอก็เห็นว่าขนมผิงเสียเลือดมากแล้ว”

   “ฉันไม่สน!! ออกไปกันให้หมด ออกไป ฉันบอกให้ออกไป!!”

   “ใจเย็นๆสิเดหลี เธออยากได้อะไรก็บอกฉันมาสิ ฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอขอ”ปิญญ์ชานนท์เจรจาพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้น
ค่อยๆสาวเท้าเข้าไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเผลอ

   “ก็บอกว่าอย่าเข้ามายังไงล่ะ!! ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น”

   เสียงตวาดทำให้ปิญญ์ชานนท์ต้องชะงักเท้าเอาไว้ หัวใจของชายหนุ่มเต้นรัวรากับผืนกลองถูกกระหน่ำตี บอกไม่ได้เลยว่า
รู้สึกเป็นห่วงคนรักแค่ไหนเมื่อตาคู่สวยใกล้จะปิดลงไปทุกที

   “ฉันขอร้องล่ะ ปล่อยขนมผิงเถอะนะ”ปิญญ์ชานนท์ขอร้องเสียงอ่อน

   เขาแทบจะทนไม่ได้กับสภาพของคนรัก!!

   “หึ!! คนอย่างแกขอร้องใครเป็นด้วยเหรอ คนอย่างแกมันเลว ที่ชีวิตของฉันต้องมาพังแบบนี้ก็เพราะแก!! ออกไปซะ!! ออก
ไป!! ฉันบอกให้แกออกไปไง!! กรี๊ดดดดดดดด”

   ราวกับทนรับความกดดันที่มีไม่ไหว เดหลีกรี๊ดออกมาสุดเสียงราวกับต้องการจะระบายสิ่งที่อัดอั้นออกมาจากใจ เธอยิ่ง
กระชับอ้อมกอดแน่นและจ่อมีดในมือลงไปบนผิวท้องของขนมผิงอีกรอบ

   “อึก!! หยุดนะ”ขนมผิงร้องออกมาเสียงแผ่ว

   อยากที่จะปัดป้องให้คมมีดนั้นออกไปห่างๆจากลูกที่อยู่ในท้อง แต่เรียวแรงที่มีน้อยและความกลัวที่จะทำให้พลาด ไม่กล้า
แม้แต่จะขยับตัว ทั้งที่ภาพตรงหน้าเลือนลางและหมุนคว้างจนแทบอยากจะหลับตาแล้วหลับลงไปอีกครั้ง

   “อย่าหลับนะขนมผิง!! นายมองฉันสิ”

   ปิญญ์ชานนท์พยายามเรียกเอาไว้ไม่ให้ขนมผิงหลับ เขากลัวว่าเมื่อขนมผิงหลับไปจะไม่ยอมตื่นขึ้นมาอีกเลย บอกไม่ได้
เลยว่าในเวลานี้คนที่เก่งกาจอย่างเขาราวกับเป็นพวกไร้ค่าที่แทบจะทำอะไรไม่ได้สักอย่างนอกจากยืนมองคนรักตกอยู่ใน
อันตราย

   “ฮึกๆ ออกไปสิ ออกไป ฉันบอกให้ออกไปไง คุณผิงเป็นของฉันคนเดียวนะ คุณผิงเป็นของฉัน พวกแกมันคนเลว ไปตาย
ซะ ไปตายกันให้หมดเลย อึก ฮือ”

   จากกรีดร้องเสียงแหลมสูงก็กลับกลายเป็นสะอึกสะอื้น ตัวสั่นเทาแต่ก็ยังกอดร่างในอ้อมแขนเอาไว้แน่น

   “พอได้แล้วเดหลี!!”เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกให้เสียงสะอื้นนั้นหยุดในทั้นที

   “พ่อ”หญิงสาวพึมพำเรียกชายสูงวัยร่างท้วยที่เดินแทรกตัวเข้ามาในห้องเสียงเบา

   “หยุดเถอะนะเดหลี อย่าทำให้เรื่องราวมันต้องเลวร้ายไปมากกว่านี้เลย”

   “ไม่ เดหลีไม่หยุด ฮึก เดหลีไม่เหลือใครแล้ว ถ้าเดหลีหยุดเดหลีจะไม่เหลือใคร”หญิงสาวส่ายหน้าทั้งน้ำตา

   “เหลือสิ แกยังเหลือพ่ออยู่ทั้งคน เพราะฉะนั้นแกวางมีดลงได้แล้ว”

   “ไม่จริง พ่อทิ้งเดหลีไปแล้ว”

   “พ่อไม่เคยทิ้งแกเลย ที่ผ่านมาพ่อขอโทษที่ทำให้แกรู้สึกว่าถูกทิ้งอยู่ตามลำพัง แต่ที่พ่อทำไปก็เพราะแก เพราะอยากให้
แกมีแต่สิ่งที่ดีๆเข้ามาในชีวิต แต่พ่อคิดผิด พ่อผิดเองที่ทำให้ชีวิตของแกพัง ตอนนี้พ่อไม่อยากจะให้ชีวิตของแกพังไม่มากกว่านี้
แล้ว ดังนั้นแกส่งมีดมาให้พ่อนะ”

   “แต่ว่า…”

   “แกไม่ต้องกลัว ต่อไปนี้ฉันจะอยู่กับแกเอง”เชตุพลบอกเสียงเบา

   ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ลูกสาวอย่างเชื่องช้า เขาไม่รู้เลยว่าถ้าหากไม่เอะใจมาที่นี่เสียก่อนอะไรจะเกิดขึ้น เขารอโทรศัพท์จาก
ลูกสาวครึ่งค่อนชั่วโมง แต่ลูกสาวก็ยังไม่ติดต่อมาตามที่นัดแนะเอาไว้ผ่านแม่บ้าน ความร้อนใจและเป็นห่วงลูกสาวจึงทำให้เขา
ตัดสินใจเสี่ยงมาที่นี่ ยอมแลกอิสรภาพที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายให้กับสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิต

   “ส่งมีดมาให้พ่อเถอะนะ” เกลี้ยกล่อมอีกครั้ง

   มือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นค่อยๆวางลงบนมีดปลอกผลไม้อย่างเบามือ

   “แต่ว่า…”

   “เถอะนะ ส่งมีดมาให้พ่อเถอะ พ่อของแกอยู่ตรงนี้แล้ว”

   เชตุพลบอกเสียงแผ่ว และในที่สุดเขาก็แย่งมีดนั้นจากมือของลูกสาวได้

   “พ่อคะ”หญิงสาวเรียกเสียงเบาก่อนจะยอมคลายอ้อมกอดจากร่างที่แทบจะไร้เรี่ยวแรง

   เธอสวมกอดพ่อของเธอแทนและซบใบหน้าลงบนอกของพ่อเธอราวกับต้องการจะหาไออุ่น

   “ไม่เป็นไรแล้วนะ พ่ออยู่ตรงนี้”

   “พ่อคะ ฮึก เดหลี ฮึก อย่าทิ้งเดหลีไปอีกนะคะ”เธอกระชับกอดร่างของผู้เป็นบิดาแน่น

   ราวกับว่าตลอดเวลาในส่วนที่ขาดหายของเธอได้ถูกเติมเต็ม เธอไม่สนใจขนมผิงอีกต่อไปแล้วในตอนนี้

   ไม่สนใจว่าร่างสูงโปร่งจะลุกขึ้นจากเตียงอย่างเชื่องช้าราวกับร่างกายนั้นเป็นก้อนหินที่หนักอึ้ง ตาคู่สวยจ้องมองไปยังร่าง
สูงเบื้องหน้าแม้เปลือกตาจะแทบลืมไม่ขึ้นก็ตาม

   “คุณปิญญ์”เสียงแผ่วเบาไม่ต่างอะไรจากเสียงของลมพัดเรียกออกไป

   แค่เอื้อมมือที่ขนมผิงจะไขว่คว้าคนรักเอาไว้ได้ และเพียงก้าวเดียวเท่านั้นที่ก้าวออกไป ขนมผิงก็ล้มลงพร้อมกับสติที่ดับวูบ
ร่างกายตกสู่อ้อมกอดที่คุ้นเคยราวกับคาดหวังที่จะถูกอ้อมแขนนี้โอบกอดอีกครั้ง

   อ้อมกอดของคนที่เขารัก



   --------------------------------------------------------

ีอีก 2 ตอนนะ รอคอยลอยคอกันเลย ><
(ถ้าจบเศร้าคงโดนคนอ่านเอารองเท้าปาแน่)

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อย่างน้อยเชตุพลก็ยอมเป็นคนดีเพื่อลูก ถึงแม้จะสายไปแล้ว แต่ก็ดีกว่าให้มันแย่ไปกว่านี้

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ผ่านพ้นเรื่องร้าย ๆ กันซะที ตอนนี้ก็รอสองแฝด

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  มีดเข้าไม่ลึกมากเท่าไหร่ ลูกไม่เป็นอันตรายหรอก
 คลอดลูกเร็วๆนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ goldentime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ขนมผิงกับลูกอย่าเป็นอะไรไปนะสาธุ :mew6:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
 ดีนะที่มาช่วยทัน

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ขอให้ปลอดภัยทั้งแม่ ทั้งลูกแฝด

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
45 คำตอบของหัวใจ

            “ลูกของผมอาการเป็นยังไงบ้าง”พิศณุถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล หลายชั่วโมงแล้วที่ลูกชายถูกพาออกมาจากห้องฉุกเฉินแต่ก็ยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา

            แววตาหม่นหมองหันไปมองร่างไม่ไหวติง แขนทั้งสองข้างมีสายห้อยระโยงระยาง ศีรษะมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ยิ่งทำให้คนเป็นพ่อเป็นห่วงลูกชายมากขึ้นเป็นเท่าตัว

            “โชคดีที่คนไข้มาถึงมือหมอก่อนที่จะเสียเลือดมาก ส่วนที่แผลที่ศีรษะจากผลตรวจเราไม่พบความผิดปกติของสมองใดใด ตอนนี้ทางเรากำลังหาสาเหตุว่าทำไมคนไข้ถึงได้ยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมา”

            “แล้วลูกของผมจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไรกัน”

            “ตอนนี้ทางเรายังให้คำตอบไม่ได้นะครับว่าคนไข้จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไร ได้แต่เฝ้าดูอาการของคนไข้ในระยะใกล้ชิดครับ อีกอย่าง…”คราวนี้คนเป็นหมออ้ำอึ้งราวกับกระดากใจที่จะพูด แต่ริมฝีปากก็คลี่ยิ้มออกมาบางเบา

            “อีกอย่างอะไรครับ”

            สิ่งที่คุณหมอพูดค้างเอาไว้ทำทั้งพิศณุและลำดวนยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นเป็นเท่าตัว

            “ถึงแม้คนไข้จะเสียเลือดมากแต่เด็กที่อยู่ในครรภ์ก็ปลอดภัยดีครับ”

            “เด็กแหรอคะ?”ลำดวนถามสีหน้าฉงน

            “ครับเด็กทั้งสองคนปลอดภัยดีครับ”

            “สองคน?”คราวนี้เป็นพิศณุที่ดูแปลกใจไม่แพ้กัน

            มันหมายความว่ายังไงที่หมอบอกว่ามีเด็กอยู่ในท้องของขนมผิง อย่าบอกนะว่าลูกชายของเขากำลังท้อง!!

            แล้วใครกันที่เป็นพ่อของเด็ก?

            “ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอต้องขอตัวก่อนนะครับ”

            “เดี๋ยวครับหมอ พอจะบอกได้ไหมว่าเด็กในท้องของลูกชายผมกี่เดือนแล้ว”

            “จากประวัติของคนไข้ที่ได้มาจากหมออีกคนก็ราวๆห้าเดือนครับ เดี๋ยวช่วงบ่ายหมอเจ้าของไข้ที่คนไข้ได้ฝากครรภ์เอาไว้จะมาตรวจดูอีกทีนะครับ”

            “ขอบคุณหมอมากครับ”พิศณุตอบรับ

            จนประตูห้องพิเศษปิดลงจึงได้ละสายตามามองร่างของลูกชายอีกครั้ง สายของน้ำเกลือบวกกับสายให้เลือดตอนนี้มันดูไม่น่ามองสักเท่าไรเลยสำหรับเขา พอมองดูดีดีแล้วลูกชายของเขาในช่วงนี้ก็ดูมีเนื้อมีหนังขึ้นมากกว่าแต่ก่อนเยอะ ตอนนั้นเขาคิดเพียงแค่ว่าลูกชายเจริญอาหาร ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเพราะกำลังท้อง

            “คุณพิศคะ”ลำดวนแตะแขนสามีเบาๆเมื่อสามีของเธอนิ่งเงียบไป

            “ทำไมกันนะ…ผมถึงได้รู้สึกว่าไม่รู้จักลูกชายของเราเลย”

            เขาทั้งเป็นห่วงและโกรธที่ลูกชายปิดบังเรื่องนี้กับเขา เรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้ทำไมลูกชายถึงได้ปิดบังเขาได้ลงคอ ทั้งที่เขาเป็นพ่อ เป็นพ่อที่ควรจะปกป้องลูก พ่อที่ควรจะรับฟังลูกได้ทุกเรื่อง มันเหมือนกับว่าเขาแทบไม่มีบทบาทในความเป็นพ่อเลยสักนิด

            “ลำดวนว่าลูกเราอาจจะลำบากใจก็ได้นะคะที่จะบอกเรา”ลำดวนบอกสามี

            เธอเองก็รู้สึกตกใจไม่แพ้สามี อีกแล้วที่เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นแม่ที่ไม่ได้ความ ไม่รู้แม้กระทั่งคนเป็นพ่อของเด็กที่อยู่ในท้องของลูกชาย

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!

            เสียงเคาะประตูเรียกให้ทั้งพิศณุและลำดวนหันไปมอง ร่างสูงใหญ่สภาพเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนคราบเลือดเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

            “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!!”

            ปิญญ์ชานนท์ก้าวเข้าไปในห้องเพียงก้าวเดียวก็ถูกพิศณุห้ามเอาไว้ให้ชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมามองผู้สูงวัยกว่าด้วยความไม่เข้าใจ

            “ผม…”

            “พอเถอะ ตอนนี้ลูกชายของผมก็เป็นแบบนี้แล้ว เพราะฉะนั้นคุณเลิกเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเขาสักที”

            หลายต่อหลายเรื่องมีอันตรายต่อขนมผิงล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับชายหนุ่มเบื้องหน้าทั้งสิ้น พิศณุไม่อยากจะโทษว่าใครคือสาเหตุในเรื่องนี้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะออกปากไล่ไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ลูกชายอีก

            “ผมอยากจะเข้าไปดูอาการของขนมผิง”ปิญญ์ชานนท์บอกเสียงแผ่ว หลุบตาลงเล็กน้อยด้วยความรู้สึกผิด

            “ตาผิงก็แค่หลับไปเท่านั้น อีกเดี๋ยวเขาก็ตื่นขึ้นมาเอง ดังนั้นคุณออกไปได้แล้ว”พิศณุยังคงยืนยัน

            “คุณพิศคะ เขาเป็นห่วงลูกเราก็ปล่อยให้เขาเข้ามาดูตาผิงสักหน่อยนะคะ”ลำดวนช่วยเกลี้ยกล่อม

            “พอสักที ลูกชายเราเป็นถึงขนาดนี้แล้วนะลำดวน”

            “ไม่ครับ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”ปิญญาชานนท์ปฏิเสธเสียงหนักแน่น

            “คุณกลับไปซะเถอะ ครั้งนี้ผมจะเตือนคุณครั้งสุดท้ายจริงๆ อย่าให้ผมต้องใจร้ายเรียกให้คนมาพาคุณออกไปเลยนะ”ชายวัยกลางคนเบือนหน้าหนีเล็กน้อย

            “ไม่ครับ ผมไม่ไป ผมจะอยู่กับขนมผิง”

            “คุณต้องการอะไรกันแน่ ไม่เห็นรึไงว่าลูกชายของผมตกอยู่ในสภาพไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไร อีกอย่างลูกชายของผมไม่เหมาะกับคนอย่างคุณหรอก”

            คนที่มีหน้ามีตาทางสังคม คนที่มีฐานะมีความสามารถอย่างปิญญ์ชานนท์ ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาให้ความสำคัญกับขนมผิงที่ตอนนี้ยังไม่ได้สติขึ้นมา

            “ผมไม่สนหรอกครับว่าเราจะเหมาะกันหรือไม่ ผมสนแค่ผมต้องการที่จะอยู่ข้างขนมผิง”

            “คุณก็รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคนที่พร้อมทุกอย่างแบบคุณ คุณกลับไปได้แล้ว”

            อีกครั้งที่พิศณุไล่ และอีกครั้งที่ทำให้ปิญญ์ชานนท์รู้สึกราวกับมีกำแพงสูงขวางอยู่เบื้องหน้า

            “ผมขอร้องล่ะครับ ให้ผมได้เข้าไปดูขนมผิงด้วยเถอะครับ”

            “ผมบอกแล้วไงว่าคุณกลับไปได้แล้ว คุณไม่ได้ยินรึไงกัน!!”

            “ไม่ครับ ผมขอยืนยันคำเดิมว่ายังไงผมก็จะไม่ออกไปจากห้องนี้เด็ดขาด”ปิญญ์ชานนท์ยื่นคำขาด

            ไม่เพียงแค่นั้น ชายหนุ่มยังคุกเข่าลง ห่างจากเบื้องหน้าของพิศณุและลำดวนเพียงไม่กี่ก้าว ซึ่งนั่นก็ทำให้สองสามีภรรยาต่างก็พากันตกใจในสิ่งที่ชายหนุ่มทำ

            “คุณทำอะไรอย่างนั้น ลุกขึ้นเถอะค่ะคุณปิญญ์”ลำดวนรีบโผมาดึงแขนของของเขาให้ลุกขึ้น

            “ไม่ครับ ผมจะไม่ยอมลุกไปไหนทั้งนั้นหากไม่ยอมให้ผมอยู่ดูอาการขนมผิง”

            “ต่อให้คุณทำแบบนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ”

            ต่อให้ชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อเรื่องความหยิ่งทระนงตนมาคุกเข่าเบื้องหน้าของเขามันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าลูกชายของเขากำลังท้องได้เลย

            “ผมรู้ว่ามันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา”ปิญญ์ชานนท์พึมพำ

            จริงอย่างที่พิศณุว่า นอกจากจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว เขายังเป็นต้นเหตุที่ฉุดให้ขนมผิงเจอกับเรื่องอันตรายหลายต่อหลายครั้ง

            “แล้วเพราะอะไรล่ะ เพราะอะไรคุณยังยืนยันที่จะอยู่ต่อทั้งที่ถูกผลักไสไล่ส่งแบบนี้”

            ร่างของชายสูงวัยเดินเข้ามาใกล้ร่างที่กำลังคุกเข่าอยู่ราวกับต้องการที่จะมองอีกฝ่ายให้ชัดเจน เขาต้องการที่จะมองเห็นสิ่งที่แสดงออกมาทางสายตาคู่นั้น

            “เพราะว่าผมเป็นพ่อของเด็กที่อยู่ในท้องของขนมผิงไงครับ”

            ราวกับเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะกับสิ่งที่ปิญญ์ชานนท์ยอมรับออกมา ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน และเป็นลำดวนที่เป็นฝ่ายทำลายความเงียบซะเอง

            “คุณพูดอะไรกันคะคุณปิญญ์”

            “เด็กที่อยู่ในท้องของขนมผิงเป็นลูกของผม รวมถึงปลากริมกับสลิ่มด้วย ผมเป็นคนที่ทำให้ขนมผิงท้องและปฏิเสธความรับผิดชอบเมื่อสี่ปีก่อนเอง ผมข่มขืนขนมผิงจนท้องและไล่ขนมผิงไปตอนที่เขามาขอให้ผมรับผิดชอบ”

            เพี๊ยะ!!

            แทบจะทันทีที่จบประโยค ฝ่ามือกร้านกระทบลงมาบนซีกหน้าของปิญญ์ชานนท์อย่างแรงจนเกิดเสียงดัง

            “แล้วคุณพึ่งจะโผล่มาเอาป่านนี้เนี่ยนะ หนำซ้ำยังจะกล้าทำผิดซ้ำสองอีก ใจคอทำด้วยอะไรกันแน่!!”

            “คุณพิศ!!”

            จากที่พยายามฉุดให้ชายหนุ่มลุกขึ้นตอนนี้ลำดวนกลับผละมารั้งสามีเอาไว้เสียเอง ไม่เคยเลยที่จะเห็นสามีตัดสินอะไรด้วยการใช้กำลัง แม้เธอเองจะรู้สึกโกรธและไม่พอใจไม่แพ้กัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือการที่ลูกชายของเธอยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมาต่างหาก

            “ผมรู้ว่าผมทำผิด ผมอยากที่จะขอโทษในสิ่งที่ได้ทำลงไป ผมรู้แล้วว่าที่ทำไปเป็นเพราะผมรักขนมผิงมาก ผมอยากที่จะเริ่มต้นใหม่และรับผิดชอบในสิ่งที่เคยทำกับเขาและลูก ขอร้องเถอะครับอนุญาตให้ผมอยู่ดูแลขนมผิงด้วยเถอะนะครับ ผมอยากจะดูแลพวกเขาจริงๆ”

            “ยังไงก็ไม่ได้หรอก เวลาที่ผ่านมามันได้แสดงให้เห็นแล้วว่าคุณไม่สามารถปกป้องลูกชายของผมกับหลานๆได้ คุณกลับไปซะเถอะ คำขอโทษของคุณมันไม่จำเป็นแล้วสำหรับเวลานี้”

            “ไม่ครับ ผมจะไม่ยอมทิ้งขนมผิงกับลูกไปไหนอีกแล้ว”ยังคงยืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

            “เรื่องนี้มันสำคัญก็จริงนะคะ แต่ที่สำคัญกว่าก็คือตาผิงที่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา เพราะฉะนั้นเราอย่าพึ่งพูดถึงเรื่องนี้กันจะดีกว่า เวลานี้มันไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร ส่วนคุณเองก็กลับไปก่อนจะดีกว่านะคะ ตอนนี้สภาพคุณเองก็ดูไม่ต่างอะไรกับตาผิงเลย”ลำดวนบอกเสียงอ่อน มองสภาพของชายหนุ่มที่ลำตัวและเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนเลือดของลูกชาย

            จริงอย่างทีลำดวนว่า ต่อให้พูดต่อความยาวสาวความยืดกันแค่ไหน ด้วยอารมณ์ของทั้งเขาและพิศณุมันไม่ได้ช่วยให้เรื่องทุกอย่างมันดีขึ้นเลย ซ้ำจะยังเป็นการรบกวนขนมผิงอีกต่างหาก

            “ก็ได้ครับ แล้วผมจะกลับมาใหม่”

            สุดท้ายปิญญ์ชานนท์ก็ต้องยอมรับแล้วถอยหลังเดินออกมาจากห้องนั้นเอง สมควรแล้วสินะกับผลที่ได้กระทำเอาไว้ในครั้งก่อนๆ เขาอยากจะแค่นยิ้มให้กับตัวเองใจจะขาดหากแต่เวลานี้เขาทำได้แค่เดินถอยหลังออกมาจากกำแพงสูง

 

            ----------------------------------------------------------

 

            จนเวลาล่วงเลยสู่ยามเย็น ปิญญ์ชานนท์กลับบ้านมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะกลับไปหาขนมผิงอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันจะได้ออกจากบ้านโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขากดรับอย่างช่วยไม่ได้เมื่อปลายสายคือพิศณุ

            “ปิญญ์ชานนท์ครับ”

            ‘เพราะผมปฏิเสธคุณใช่ไหมคุณถึงได้เอาตัวเด็กๆไป’ทันทีที่รับสายอีกฝ่ายก็พูดประโยคที่ทำเอาชายหนุ่มมึนงง

            “อะไรนะครับ?”

            ‘คุณเอาตัวเด็กๆไปใช่ไหมคุณปิญญ์’

            “เปล่าครับ เด็กๆไม่ได้อยู่กับผม”

            ‘เด็กๆหายไป ถ้าคุณไม่ได้เอาเด็กๆไปแล้วเด็กๆจะหายไปไหนได้ยังไง’

            “เด็กๆหายไปเหรอครับ”คราวนี้ปิญญ์ชานนท์ถามกลับเมื่อจับใจความในข้อกล่าวหาได้

            ‘ใช่ ปลากริมกับสลิ่มหายไปตั้งแต่ช่วงบ่าย เวลาเดียวกับที่คุณออกไปจากโรงพยาบาล’

            “เด็กๆไม่ได้อยู่กับผมครับ ลองหากันดีแล้วเหรอครับ อาจจะเดินหลงอยู่ที่ไหนก็ได้”

            ‘ผมให้คนลองหาดูหมดแล้ว’

            “แล้วกล้องวงจรปิดล่ะครับ”

            ‘ตอนนี้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกำลังตรวจเช็คอยู่ ผมหวังว่าคุณจะพูดความจริงนะคุณปิญญ์ ถ้าคุณไม่ได้เอาเด็กๆไปผมก็ไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว ขอโทษที่โทรมารบกวน’

            “เดี๋ยวผมจะรีบไปครับ”

            บอกไปแบบนั้นแต่ไม่รู้ว่าปลายสายจะได้ยินหรือว่าสนใจไหม เพราะไม่มีการตอบรับและถูกตัดสายไปในทันทีราวกับเร่งรีบ ปิญญ์ชานนท์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อนึกถึงลูกชายแสนซนทั้งสองคน เพราะถึงจะวิ่งเล่นแค่ไหนก็ไม่เคยไปไกลกว่าที่บอกหรือไกลกว่าระยะสายตาเลย แล้วลูกๆของเขาหายไปไหนล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วงจนอยู่เฉยไม่ได้

 

            ----------------------------------------------------------

 

            “ยังไม่เจออีกเหรอคะ”ลำดวนถามเมื่อสามีเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย

            “ยังเลย”พิศณุส่ายหน้าอย่างอ่อนใจพลางกุมขมับ

            ลูกชายก็ยังไม่ฟื้นแถมหลานสองคนก็หายไปโดยไม่มีใครรู้เลยว่าหายไปไหน ทั้งที่มีพี่เลี้ยงสองคนคอยดูแลแต่ก็หายไปจนได้ราวกับจงใจจะหนีไปอย่างนั้น

            “แล้วคุณปิญญ์ล่ะคะ”

            “เขาบอกว่าไม่ได้เอาเด็กๆไป”

            “ตายจริง”ลำดวนยกมือทาบอกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งแล้วดมยาดมเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ของวัน

            “กล้องวงจรปิดก็เห็นแค่ว่าเด็กๆเดินไปทางมุมอับลานจอดรถจากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย”

            “จะทำยังไงดีคะ แบบนี้มันไม่ดีเลย”ลำดวนพูดเสียงสั่น เธอจวนที่จะรับเรื่องต่างๆที่ถาโถมเข้ามาในทีเดียวกันแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว

            “ผมให้เพื่อนที่รู้จักสั่งตั้งด่านสกัดเอาไว้แล้ว หากว่าเด็กๆถูกลักพาตัวไปจริงก็น่าจะไปได้ไม่ไกล”

            “แล้วก่อนไปเด็กได้กินข้าวกินปลารึยัง ป่านนี้คงจะหิวแย่”ลำดวนหันไปถามพี่เลี้ยงทั้งสองที่ยืนหน้าเจื่อนอยู่ไม่ไกล”

            “ก่อนหน้านั้นนิวกับแนนพาน้องไปกินข้าว พอกินเรียบร้อยแล้วก็พากลับมาทีนี่ แต่พอดีคุณพิศณุกับคุณลำดวนมีแขกก็เลยรออยู่ข้างนอก น้องๆบอกว่าอยากเข้าห้องน้ำก็เลยพาไป จากนั้นก็ไม่เห็นอีกแล้วค่ะ”

            “เดี๋ยวนะ ทั้งสองคนบอกว่าพากลับมาตอนที่มีแขกงั้นเหรอ”

            “ใช่ค่ะ ได้ยินเสียงคุยกันเหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญก็เลยรออยู่ข้างนอก”พี่เลี้ยงตอบ

            “คุณว่าเด็กๆจะได้ยินที่เราคุยกันไหมคะคุณพิศ”ลำดวนหันไปถามสามี

            “ก็น่าจะได้ยินนั่นแหละ”

            “อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กๆหายไปก็ได้นะคะ”

            “เฮ้อ ให้มันได้อย่างนี้สินะ”

            ใจคอจะไม่รอให้เรื่องมันจบไปทีละเรื่องเลยรึไง ถ้าหากเป็นอย่างที่คาดเอาไว้ เด็กๆก็คงจะได้ยินที่เขาคุยกับปิญญ์ชานนท์หมดแล้วสินะ คงจะได้ยินว่าปิญญ์ชานนท์เป็นพ่อที่แท้จริงและได้ยินว่าเป็นเด็กที่เกิดมาโดยไม่ได้ตั้งใจไปแล้ว

            พิศณุเบือนหน้าไปมองลูกชายที่ยังคงแน่นิ่งไม่ไหวติง ไม่รู้เลยว่าลูกชายจะรู้ถึงเรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมดไหม แล้วถ้าได้เห็นว่าคนคนนั้นที่เคยหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีมาตลอดยอมคุกเข่าเพื่อรับผิดในสิ่งที่ทำ…ลูกชายของเขาจะทำอย่างไร

 

            -----------------------------------------------------------------

 

            หลังจากที่วางสายจากพิศณุ ปิญญ์ชานนท์ก็รีบขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลทันทีด้วยความเป็นห่วงลูกชายทั้งสองคน

            ครืด ครืด

            แต่แล้วเครื่องมือสื่อสารก็สั่นเรียกความสนใจขณะที่เขากำลังขับรถ ชายหนุ่มหยิบขึ้นมากดรับโดยทันทีเพราะคิดว่าเป็นสายจากพิศณุ แต่แล้วเขาก็ต้องเบี่ยงรถจอดยังข้างทางเมื่อเสียงของปลายสายที่ไม่คุ้นเคยนั้นดังลอดมา

            “สวัสดีครับ ผมแค่จะโทรมาบอกคุณว่าตอนนี้ลูกชายของคุณอยู่กับพวกเรา”

            “คุณเป็นใคร แล้วลูกชายของผมไปอยู่กับคุณได้ยังไง”

            สิ่งแรกที่คิดก็คือการลักพาตัว ในเรื่องนี้แล้วแทบจะเป็นเรื่องปกติกับการจับตัวลูกของคนมีฐานะเพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่

            “ผมเป็นพ่อค้าขายผลไม้อยู่ในตลาดแถวโรงพยาบาลนี่ล่ะ เมื่อตอนบ่ายผมพาภรรยาไปหาหมอ แต่พอกลับมาก็เจอว่าเด็กแฝดสองคนดันติดหลังรถมาด้วย รบกวนคุณช่วยมารับลูกๆของคุณกลับไปด้วยก็แล้วกัน”

            “อย่างนั้นเองเหรอ ได้สิแล้วผมจะรีบไป”

            “พ่อปินมาเร็วๆนะฮับ”

            “พ่อปินมาเร็วๆน้า”

            เสียงเจื้อยแจ้วดังลอดปลายสายมา น้ำเสียงนั้นยังคงสดใสร่าเริงเป็นปกติไม่มีอะไรน่าห่วง ปิญญ์ชานนท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งใจ ทำไมจู่ๆลูกชายที่คิดว่าเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายถึงได้ซนไม่เข้าเรื่องขึ้นมาได้ เขาทั้งห่วงทั้งรู้สึกไม่พอใจในคราวเดียวกัน

            ชายหนุ่มขับรถเลี้ยวเข้ามายังตลาดสดที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเท่าไร โชคดีที่เขาเคยแอบให้เด็กๆท่องจำเบอร์ของเขาเอาไว้เผื่อโทรหาเขาได้เมื่อนานมากแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะได้ใช้ประโยชน์เอาก็ตอนนี้

            “ปลากริม สลิ่ม”เสียงทุ้มหูเรียกสองแสบราวกับว่าพยายามข่มเสียงให้ดูน่ากลัว

            ทั้งโล่งใจทั้งหงุดหงิดที่ถูกทำให้เป็นห่วง ทั้งที่ผู้ใหญ่หลายต่อหลายคนพากันตามหา แต่เจ้าตัวแสบทั้งสองกลับนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังแผงขายผลไม้ปากพลางเคี้ยวมะม่วงที่คนขายกำลังปลอกให้ตุ้ยๆอย่างอารมณ์ดี เขาได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของทั้งสองคนตั้งแต่ยังไม่เดินเข้าไปใกล้ด้วยซ้ำ

            “พ่อปิน!!”

            “พ่อปินมาแล้วววว”

            ทันทีที่ทั้งสองหันมาเจอก็กระโดนลงมาจากเก้าอี้ ปรี่เข้ามาเกาะแข้งเกาะขาชายหนุ่มทันที ถึงจะน่ารักน่าชังขนาดไหนแต่ก็ยังหงุดหงิดอยู่ดี

            “ทำไมถึงทำแบบนี้ห่ะ รู้ไหมว่าคนอื่นเขาเป็นห่วงกันแค่ไหน”ปิญญ์ชานนท์ก้มลงดุ

            “พ่อปิน”ปลากริมชะงักเงยหน้ามองหน้าดุๆของชายหนุ่ม

            “ฮึกๆ”สลิ่มเองก็เช่นกัน เมื่อเห็นหน้าดุๆกับเสียงไม่พอใจก็รู้ตัวว่ากำลังถูกโกรธจึงเริ่มสะอื้นออกมา

            “สมควรถูกตีไหมทั้งสองคน”

            “แต่ว่า…แต่ว่ากิมกับน้องหลิ่มอยากเจอพ่อปิน อยากอยู่กับพ่อปิน ฮึก คุณตาไม่ชอบพ่อปิน แต่กิมกับน้องชอบพ่อปิน อยากอยู่ด้วยกัน ฮึก”

            “ฮึก ฮือ อยากอยู่กับพ่อปิน หลิ่มอยากอยู่กับพ่อปินกับปะป๊า คุณตาไม่รักพ่อปิน คุณตาไล่พ่อปิน”เด็กๆพากันสะอื้นทั้งน้ำตา มือป้อมยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ผล็อยออกมา

            และนั่นปิญญ์ชานนท์ชะงักกับคำพูดของเด็กๆ หมายความว่ายังไงกันกับสิ่งที่เด็กๆพูด หรือว่าเด็กๆจะได้ยินที่เขากับพิศณุพูดกันเมื่อตอนบ่ายถึงได้บอกว่าพิศณุไล่เขา

             คงเป็นเหตุผลนี้สินะที่ทำให้เด็กๆแอบหนีออกมาเพื่อจะมาหาเขา แต่ยังไงมันก็ไม่สมควรเลยจริงๆ หากโชคไม่ดีเข้าไม่รู้เลยว่าจะป่านนี้จะเป็นยังไง

            “ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูเด็กๆให้ นี่นามบัตรของผมครับ รบกวนช่วยติดต่อกลับมาภายหลัง แล้วผมจะตอบแทนที่ดูแลเด็กๆไว้ให้นะครับ”บอกพลางยื่นนามบัตรให้กับชายขายผลไม้

            “ไม่ต้องหรอก เรื่องแค่นี้เอง อีกอย่างเด็กๆก็ไม่ได้เป็นภาระอะไรเลย ก็แค่มานั่งคุยเป็นเพื่อนกันสักพัก”อีกฝ่ายโบกมือไม่ยอมรับ

            “ถ้าอย่างนั้น…”ปิญญ์ชานนท์ขมวดเล็กน้อยพลางครุ่นคิดกับน้ำใจของอีกฝ่ายก่อนจะพูดต่อ “งั้นผมจะเหมาผลไม้ทั้งหมดไปเลี้ยงพนักงานที่บริษัทแทนก็แล้วกัน”

            “จะเอาอย่างนั้นก็ได้ถ้าคุณยืนยันแบบนั้น”

            “นี่เงินค่าผลไม้ ส่วนผลไม้ผมจะส่งคนมารับอีกที ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ดูแลเด็กๆให้”

            ปิญญ์ชานนท์ขอบคุณอีกกครั้ง เขาถอนหายใจออกมาอีกระรอกก่อนจะก้มตัวลงไปอุ้มลูกแฝดทั้งสองขึ้นมาพร้อมกัน

            “พ่อปินอย่าตีน้องนะฮับ ตีกิมคนเดียว กิมเป็นคนชวนน้องหลิ่มเอง”คนพี่บอกเสียงสั่น มือป้อมกำเสื้อของเขาเอาไว้แน่น

            “ไม่เอา ฮึก ไม่ตีไม่ได้เหรอฮับ ไม่อยากให้ตีพี่กิมเลย”คนน้องส่ายหน้า ซบหน้าลงบนไหล่ของเขาพลางสะอื้น

            เขาก็ได้แค่ขู่เท่านั้น จะให้เขาตีเด็กๆเขาคงทำไม่ลง อยากจะรู้ว่าถ้าเป็นขนมผิงจะทำยังไงหากเด็กๆทำแบบนี้ จะต่อว่าหรือจะทำยังไงนะ

            พอคิดถึงขนมผิงแล้วก็ไม่รู้เลยว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง นี่ก็จะหมดวันแล้วแต่ยังไม่มีทีท่าว่าขนมผิงจะฟื้นขึ้นมาเลย หากเขาระวังมากกว่านี้ก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้กับขนมผิง

            “ครั้งนี้จะยังไม่ตี แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกจะถูกตีแล้วจะไม่พาไปกินไอติมข้างนอกอีก ตกลงไหม”

            “อื้อ ตกลงฮับ จะไม่ทำอีกแล้วฮับ”

            “ตกลงฮับ แต่ว่า…พ่อปินอย่าทิ้งปะป๊านะฮับ ปะป๊าไม่สบาย อยากให้พ่อปินอยู่กับปะป๊ากับพี่กิมกับน้องหลิ่ม”

            ดูท่าว่าเด็กๆจะกลัวว่าเขาจะทิ้งตัวเองกับขนมผิงไม่น้อย

            “อย่าห่วงไปเลย พ่อไม่มีวันทิ้งพวกเรากับปะป๊าแน่นอน”บอกก่อนจะจูบลงบนหน้าผากของทั้งคู่สลับกันราวกับกำลังสัญญา

            “ฮับ/ฮับ”สองแฝดพยักหน้าพร้อมกัน

            “งั้นตอนนี้เรารีบกลับกันดีกว่า ป่านนี้คนอื่นๆคงจะเป็นห่วงแย่”

            “อื้อ ไปหาปะป๊า”

            “คิดถึงปะป๊าจังฮับ”

 

            ---------------------------------------------------------
มีต่อ
 

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3

 

            “ทำไมถึงได้ดื้อกันแบบนี้ห่ะ รู้ไหมว่าตากับยายเป็นห่วงแค่ไหน”

            หลังจากที่ปิญญ์ชานนท์โทรมาบอกลำดวนกับสามีก็มายืนรอรับเด็กๆอยู่หน้าโรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วง เธอปรี่เข้าหาชายหนุ่มกับเด็กๆทันทีที่ได้เห็นหน้า

            “แต่ว่าคุณตาไล่พ่อปิน กิมกับน้องไม่อยากให้พ่อปินไปเลย”ปลากริมตอบเสียงแผ่ว ซบหน้าลงกับไหล่กว้างเมื่อถูกดุ

            “อยากให้พ่อปินอยู่ด้วย อย่าไล่พ่อปินเลยนะฮับคุณตา”สลิ่มหันไปบอกกับพิศณุ

            ซึ่งนั่นก็ทำให้ชายวัยกลางคนชะงักเล็กน้อย เข้าใจในทันทีว่าหลานๆทำแบบนี้เพราะอะไร ที่แท้ก็เพราะว่าเขาออกปากไล่ปิญญ์ชานนท์ไปนี่เอง

            ดูเหมือนว่าสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของปิญญ์ชานนท์กับหลานๆของเขาจะแน่นจนเขาไม่สามารถตัดมันออกจากกันได้ และครั้งนี้ก็เป็นบทเรียนได้เป็นอย่างดี การที่เด็กๆพากันหนีไปเพื่อที่จะไปตามชายหนุ่มมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย ทำเอาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดที่พยายามเข้าไปคั่นกลางระหว่างพ่อลูก

            พิศณุถอนหายใจพลางมองเด็กๆสลับกับปิญญ์ชานนท์ ปิญญชานนท์เองก็มองมาที่เขาเช่นกัน ราวกับต้องการคำตอบไม่แพ้กับเด็กๆ พิศณุเห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายใต้แววตาที่ดูเป็นกังวลนั้นกำลังอ้อนวอนเขาแค่ไหน

            “คุณคะ”ลำดวนแตะแขนสามีคล้ายจะช่วยพูดอีกแรง

            “เฮ้อ ช่วยไม่ได้ ก็คงต้องตามใจหลานๆอีกตามเคยนั่นแหละ”

            สุดท้ายแล้วพิศณุก็ยอมจำนนให้กับวีรกรรมของหลานๆที่เล่นเอาคนอย่างเขาเป็นห่วงจนไม่เป็นอันทำอะไร ทั้งโกรธจนอยากจะต่อว่า แต่ความเป็นห่วงมันก็มีมากกว่าจนพาลโกรธไม่ลง

            “คุณตาไม่ไล่พ่อปินแล้วไหมฮับ”

            “ใครจะไปกล้าล่ะ มีหลานแสบขนาดนี้ คราวหน้าคราวหลังอย่าแอบหนีกันไปไหนอีกนะรู้ไหม ตาเป็นห่วงแทบแย่”พิศณุส่ายหน้า

            ลำดวนเองก็ได้แต่ยิ้มให้กับสามี มองดูเด็กๆพากันยิ้มกว้างพลางกอดคอของปิญญ์ชานนท์เอาไว้แน่น

            “ไม่หนีแล้วฮับ”

            “อื้อ ไม่หนีแล้วฮับ”

            “ขอโทษคุณตารึยังปลากริมสลิ่ม”ปิญญ์ชานนท์กระซิบ

            “กิมขอโทษฮับ”

            “หลิ่มก็ขอโทษเหมือนกัน”

 

            ---------------------------------------------------------------

 

            จนเรื่องวุ่นวายได้จบไป ภายในห้องพิเศษของโรงพยาบาล บรรยากาศตกสู่ความเงียบอีกครั้งเมื่อต่างคนต่างก็จ้องมองไปยังร่างของขนมผิงที่ยังคงไม่ได้สติ ต่างคนต่างไม่รู้ที่จะพูดอะไรราวกับว่าคิดอะไรไม่ออกนอกจากจะเป็นห่วงขนมผิงกับเด็กที่อยู่ในท้อง

            เด็กๆเองด้วยความเหนื่อยล้าจึงพากันหลับไปบนโซฟาเพราะยืนยันว่าไม่ยอมกลับบ้านท่าเดียว ได้ยินเสียงอุปกรณ์วัดสัญญาณชีพดังเป็นจังหวะกลบความเงียบภายในห้องเอาไว้

            ปิญญ์ชานนท์จ้องมองใบหน้าซีดเผือดของคนรักพลางดึงมือผอมมากุมเอาไว้ ราวกับว่าต้องการจะส่งผ่านความรู้สึกห่วงใยทั้งหมดผ่านสัมผัส ร่างของขนมผิงนั้นเริ่มจะเย็นจนต้องขยับผ้าห่มเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าหาใบหน้าของคนที่กำลังหลับอย่างช้าๆ ก่อนจะกดจูบลงไปบนขมับอย่างแผ่วเบา

            “ตื่นขึ้นมาได้แล้วขนมผิง ฉันกับลูกรอนายอยู่นะ”

            ยิ่งนานก็ยิ่งเป็นห่วง ชายหนุ่มกระซิบข้างหูของคนรักเสียงเบา มือใหญ่กระชับมือที่จับเอาไว้แน่น มืออีกข้างวางลงบนลำตัวบนช่วงท้องราวกับว่าต้องการจะสื่อสารกับลูกที่อยู่ในท้องของขนมผิง แต่ละวินาทีในตอนนี้ไม่ต่างอะไรเลยกับชั่วโมง

            และสิ้นสุดการรอคอยเมื่อปลายนิ้วมือที่เขากำลังกุมเอาไว้เริ่มขยับเล็กน้อย เรียกชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกใจ และยิ่งตกใจเมื่อเปลือกตาของขนมผิงกำลังเคลื่อนไหว แพขนตานั้นขยับราวกับว่ามันหนักอึ้ง

            “ขนมผิง!!”ปิญญ์ชานนท์เรียกคล้ายต้องการจะปลุก มือกระชับมือของขนมผิงเอาไว้แน่น

            เปลือกตาที่แสนจะหนักอึ้งเปิดออกเผยให้เห็นนัยน์ตาคู่สวยและจ้องมองมาที่เขา ปิญญ์ชานนท์แทบกระโดดดีใจเมื่อรอยยิ้มเฝื่อนส่งมาให้

            “นายตื่นแล้วขนมผิง นายตื่นแล้ว”ราวกับคนบ้าที่ชายหนุ่มหัวเราะทั้งน้ำตาคลอแบบนี้

            ลำดวนและพิศณุต่างก็ปรี่เข้ามาหาแทบจะทันทีที่เห็นว่าลุกชายฟื้นขึ้นมา

            “คุณคะ!!ลูกเราตื่นแล้ว”

            “เป็นยังไงบ้างตาผิง ยังเจ็บตรงไหนไหม”พิศณะละล่ำละลักถามลูกชาย

            ได้รับคำตอบแค่ส่ายหัวเบาๆ ริมฝีปากแห้งผากเปิดปากพูดอย่างช้าๆ แต่เสียงที่ออกมานั้นแทบจะไม่ได้ยินเลย

            “ยังไม่ต้องพูดอะไรตอนนี้นะ นายควรจะพักผ่อนก่อน”ปิญญ์ชานนท์ห้ามเอาไว้

            แต่ขนมผิงก็ส่ายหน้าอีกครั้ง ก่อนจะดึงมือของปิญญ์ชานนท์เบาๆคล้ายจะเรียกให้เข้าไปใกล้

            ปิญญ์ชานนท์ขยับหน้าเข้าไปใกล้เพื่อที่จะฟังในสิ่งที่คนรักต้องการจะพูด

            “ลูก…ลูก ปลอดภัย…ไหม”เสียงกระซิบถามเบาแทบจะไม่ได้ยิน

            “ปลอดภัยสิ ลูกของเราปลอดภัยดี พวกเขาไม่เป็นอะไร”

            คำตอบของชายหนุ่มทำให้ใบหน้าซีดเผือดพยักหน้าเบาๆแล้วยิ้มออกมา

            “ดีจัง…ที่…ปลอดภัย”

            “นายอย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้เลย แล้วตอนนี้นายรู้สึกปวดหัวบ้างไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า รอเดี๋ยวนะ หมอกำลังจะมา”

            “ผม…ไม่เป็นไร”ขนมผิงส่ายหน้า

            “นายจะไม่เป็นอะไรได้ยังไง นายหลับไปตั้งนานขนาด”

            เป็นปิญญ์ชานนท์ที่กระวนกระวายจนคนเป็นพ่อเป็นแม่ของคนป่วยหันมองหน้ากันเมื่อถูกชายหนุ่มแย่งพูดไปหมดแล้ว ได้แต่ยืนห่วงอยู่ข้างเตียง มองดูท่าทีตื่นเต้นเกินพอดีจนเริ่มคิดว่ามันดูตลกพิกล

            “ผม…”ขนมผิงกระตุกมืออีกครั้ง

            “นายทำไม หรือว่านายรู้สึกเจ็บตรงไหนขึ้นมา”

            ขนมผิงส่ายหน้ากับคำถาม ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยกับความเป็นห่วงของปิญญ์ชานนท์ที่ดูจะออกหน้าออกตา

            “ผม…หิวข้าว”

            เป็นคำตอบที่ทำให้ปิญญ์ชานนท์ขมวดคิ้ว ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากลำคอของขนมผิง

            “นะ นายหิวข้าวเหรอ”

            “อืม”เสียงเบาตอบรับพลางพยักหน้า

            จะดีใจหรืออะไรดีที่ขนมผิงที่ทุกคนต่างก็เป็นห่วงจนไม่เป็นอันทำงานทำการ ตื่นขึ้นมาก็ถามหาข้าวหลังจากที่รู้ว่าเด็กๆในท้องปลอดภัย ทั้งลำดวนและพิศณุก็ต่างพากันโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

            “เดี๋ยวฉันจะให้เขาเอามาให้นายนะ นายอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”

            “คุณบอกให้ขนมผิงไม่ต้องพูดอะไรแต่คุณกลับถามนั่นถามนี่เขาไม่หยุดเนี่ยนะคุณปิญญ์”เป็นพิศณุที่หยุดเอาชายหนุ่มเอาไว้ก่อน ก่อนที่ลูกชายจะหมดแรงกับการตอบคำถามที่ดูเหมือนจะไม่หมดเอาง่ายๆ

            “นั่นสินะ ผมขอโทษ พอดีผมตื่นเต้นไปหน่อย”เอ่ยขอโทษอย่างง่ายดายกับความประเจิดประเจ้อของตัวเองที่พึ่งจะรู้ตัว

            ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากลำคอของคนที่อยู่บนเตียงอีกรอบเลยหันกลับไป มือพลางกุมมือผอมเอาไว้แน่น

            “ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว พ่อกับแม่เป็นห่วงแทบแย่”ลำดวนแตะแขนลูกชายเบาๆ

            “หมดเคราะห์หมดโศกกันสักทีนะ”พิศณุส่ายหน้าเบาๆ

            “นายรออยู่นี่นะ เดี๋ยวฉันจะบอกให้เขาหาอะไรมาให้นายกิน”ปิญญ์ชานนท์บอกอย่างเร่งรีบก่อนจะผละออกไป

            แต่มือที่กำลังจะปล่อยมือจากขนมผิงนั้นก็ถูกจับเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยจนต้องกันหลับไปถาม

            “มีอะไรเหรอ ถ้านายไม่ปล่อยฉันจะไปหาอะไรให้นายกินไม่ได้นะ”

            “ผม..อยากจะตอบคำถามของคุณ”

            “นายจะมาตอบคำถามอะไรตอนนี้ นี่มันไม่ใช่เวลานะขนมผิง นายนอนพักก่อนเถอะนะ”

            เขาทั้งห่วงและอยากจะตามใจคนรักในสิ่งที่ร้องขอให้เร็วที่สุด แต่ดูเหมือนว่าคนรักจะไม่ค่อยเป็นใจเพราะเอาแต่จับมือของเขาเอาไว้แน่น และเสียงแหบพร่าที่แทบจะไม่ได้ยินนั้นก็ทำให้เขาชะงัก หัวใจพลันเต้นรัวเมื่อได้ยินมันราว

            “ผม…รัก…คุณ”ขนมผิงบอกเสียงเบาทั้งที่ลำคอแห้งผาก

            เพราะอะไรกันนะเขาถึงได้บอกคำตอบนี้กับชายหนุ่มต่อหน้าพ่อกับแม่ของเขาเอง อาจจะเป็นเพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาได้ปิดบังทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเอาไว้เป็นความลับตลอด และตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่ามันน่าอึดอัดมากแค่ไหนที่ต้องปิดบังเรื่องสำคัญเอาไว้จากคนรอบตัว

            ต่อไปนี้เขาจะไม่วิ่งหนีมันอีกแล้ว ความรักที่เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด แต่ก็เต็มใจที่จะรับมันด้วยหัวใจที่ถูกเยียวยา บาดแผลที่เคยถูกตีตราเอาไว้บัดนี้มันได้เลือนหายไปหมดแล้ว ทิ้งเอาไว้แต่สิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดในชีวิต มากกว่าเงินทองที่ผู้คนต่างยกย่อง มากกว่าอำนาจที่ผู้คนต่างแย่งชิง มันคือความรักที่ทำให้เขาทั้งเจ็บปวดและมีความสุขนั่นเอง

 

            -----------------------------------------------------------------------

เปิดมาก็ตบจูบแบบละครไทย จบก็น้ำเน่าแบบละครไทย 5555 มีบทส่งท้ายอีกตอนนะ จะได้เจอกับแฝดที่อยู่ในท้องของขนมผิงแล้ว ฮู่เร่!! รอดูกันดีกว่าว่าคุณพ่อลูกอ่อนอย่างพ่อปินจะเห่อลูกขนาดไหน


ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
 
เปิดพรีฯวายไทย [Mpreg]
“เรื่อง Dangerous Rose กุหลาบซ่อนหนาม”
วันนี้ – 31 มกราคม 60
ลายละเอียด
Set 1 ราคา 650 บาท (รอบปกติ 690)
ประกอบด้วย หนังสือ ขนาดa5 2 เล่มจบ 300+หน้า/เล่ม
ของแถม ที่คั่น 2 ลาย โปส 2 ลาย
ของแถมเฉพาะรอบพรีฯ เล่มพิเศษขนาดa5 1 เล่ม
Set 2 ราคา 770 บาท (รอบปกติ 820 )
ประกอบด้วย หนังสือ ขนาดa5 2 เล่มจบ 300+หน้า/เล่ม กล่องจั่วปังใส่หนังสือ (ตามรูป)
ของแถม ที่คั่น 2 ลาย โปส 2 ลาย
ของแถมเฉพาะรอบพรีฯ เล่มพิเศษขนาดa5 1 เล่ม
พิเศษสำหรับรอบพรีฯ สามารถแลกซื้อ “บันทึกลับลูกหมู” (โมเม้นของเด็กๆ) ในราคา 35 บาท
ค่าจัดส่ง Ems 100 บาท(Setต่อไปเพิ่มSetละ20บาท) ลทบ 65 บาท
**2Setขึ้นไปจัดส่งแบบEMSเท่านั้นนะคะ(น้ำหนักเกิน2โล)
จัดส่งหนังสือในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ (กำหนดการอาจมีการการคาดเคลื่อนเล็กน้อย)
จอง/สอบถาม ได้ที่ แฟนเพจ “เด็กหญิงเย็นชา2” หรือ sindy_lamoonอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com
**หมายเหตุ:เนื้อหาในเล่มไม่มีเนื้อหาคู่ของคุณวุฒิกับแทนทัพนะคะเนื้อหาในเว็บเป็นแค่เนื้อหาคั่นอารมณ์ที่เขียนเพิ่มเข้าไปเท่านั้น
ตอนพิเศษในเล่ม
- สามีขี้หึง
- ท้องที่สาม
- คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว
- ครอบครัววุ่นวาย
- ขนมเรไร
ตอนในเล่มแถม
- สามีบ้ากาม
- ครีมทาหน้าท้องแตก
- ลูกสาวข้าใครอย่าแตะ
- พ่อบ้านใจกล้า
- พ่อตาขาโหด
บันทึกลับลูกหมู
จะเป็นบันทึกที่เด็กๆเขียนเอาไว้ในแต่ละเหตุการณ์ลับหลังพ่อๆ กับแผนการที่จะช่วยทำให้พ่อแม่ได้ใกล้ชิดกัน
สามารถอ่านตัวอย่างแบบอัพเดท ได้ที่ ธัญวลัยค่ะ

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
จะจบแล้ว ดีใจนะที่พ่อตายอมรับได้ซะที

ออฟไลน์ goldentime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สุดท้ายพ่อตาต้องยอมรับเพระหลานๆนะเนี่ย จบไปด้วยดี ดีใจกับขนมผิงนะที่รู้ใจว่ารัก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด