เด็กเลี้ยง_EP.38_[ตอนจบ] P.9_1542016 // จบแล้วย้ายได้นะค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กเลี้ยง_EP.38_[ตอนจบ] P.9_1542016 // จบแล้วย้ายได้นะค่ะ  (อ่าน 116605 ครั้ง)

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:ใครอยู่กับบ๋อมอะ :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
มีคำถามหลายข้อ รอการเปิดเผย

ออฟไลน์ maytarapat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-4
ตั้งสามเดือนแล้วพี่ภูมิจะทำยังไง
555555555 ฝึกไว้พี่ๆ ห่างเมียบ้าง

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เด็กเลี้ยง




- 17 -

เรื่องเล่าคั่นเวลาจากแม่ปั๋ว









      หลังจากทิ้งให้สองหนุ่มนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดที่ห้องรับแขก ตลอดช่วงสายจนถึงเที่ยงป๋ากับเกลล์จูงมือ ลูกชายคนเล็กชมบ้านแทบจะทุกซอกทุกมุม หลังทานอาหารกลางวันเสร็จคุณป๋าลากสองหนุ่มเข้าปางไม้ที่สบเมย  ส่วนสองแม่ลูกคู่ใหม่ย้ายมาประจำกันที่ห้องนั่งเล่น  เพื่อไม่ให้น้ำนิ่งเบื่อกับการที่จะต้องนั่งเฉยไม่มีอะไรทำเกลล์รื้ออัลบั้มรูปเก่าๆ ที่บันทึกเรื่องราวของครอบครัวมาให้น้ำนิ่งดูระหว่างรอพวกหนุ่มๆ กลับ


      “โอ๊ว!! พระเจ้า...พระเจ้านะ นี่ งะ งั้น..โอ๊ยไม่อยากจะเชื่อให้ตาย!!” 

       น้ำนิ่งตาตั้งค้างตื่นเต้นปนประหลาดใจเป็นครั้งที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้ ละล่ำละลักพูดไม่เป็นภาษา ‘เกลล์ตั้งท้อง’  มันน่าตื่นน้อยอยู่เหรอกับความจริงข้อนี้  ตอนแรกน้ำนิ่งเชื่อว่า ภูมิเป็นลูกติดของป๋ากับผู้หญิงอีกคน แล้วป๋ากับแม่จริงๆ ของภูมิแยกทางกัน แต่มันไม่มีเหตุผลอะไรมารองรับว่าทำไมเกลล์ถึงมีสถานะเป็นแม่เลี้ยงได้ ที่คิดนี่มันผิดหมดเลย  แต่ถ้ามองตามความเป็นจริงก็จะเห็นว่าหน้าตาท่าทาง นิสัยใจคอ บางอย่างของภูมิเหมือนแม่เกลล์ค่อนข้างมาก
 
      “โธ่เอ๊ย!! ร้องซะตกใจนึกว่าอะไร เด็กน้อยภาพนั้นน่าจะตั้งท้องราล์ฟได้สักห้าเดือนมั้ง”  เกลล์ชะโงกตัวมาดูภาพที่เปิดค้างอยู่บนตักน้ำนิ่งพยักหน้ายิ้ม ๆ

      “มันมหัศจรรย์มาก เท่าที่น้ำเคยได้ยินข่าวมีผู้ชายที่ท้องแล้วคลอดอย่างปลอดภัยมีไม่กี่คนเองในโลกนี้แม่เล่าให้ฟังหน่อยนะฮะ น้า..”  น้ำนิ่งขยับตัวเข้าไปเกาะแขนเกลล์น้ำเสียงออดอ้อนตื่นเต้น


      “ก็ได้ๆ ช่างอ้อนซะจริงๆ นะเราน่ะ เรื่องมันเริ่มจากป๋ากับแม่เราอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยามานานป๋า เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องลูกเลยสักครั้งแม่ก็เลยเข้าใจว่าป๋าคงไม่ชอบเด็ก วันหนึ่งป๋าเขาชวนแม่ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะเดินกันจนเหนื่อยเลยหาที่นั่งพักกัน  ก็คุยนั่นนู้นนี่กันอยู่ๆ ดี ป๋าเขาเงียบไปแม่เลยหันไปมองเห็นสายตาของป๋ากำลังทอดมองคู่พ่อลูกกำลังเล่นกันอยู่บริเวณสนามเด็กเล่นคนเป็นแม่ยืนดูอยู่ใกล้ๆ สายตาที่ป๋ามองดูครอบครัวนั้นมันเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน  แม่พูดไม่ออกเลยตอนนั้น ในหัวอื้ออึงวนเวียนอยู่แค่ว่าป๋าอยากมีลูก มันน่าเจ็บปวดนะ...ที่ให้ในสิ่งที่เขาต้องการไม่ได้

       เรื่องลูกถือเป็นปมใหญ่ในชีวิตแม่ตั้งแต่ตอนนั้น แม่พยายามแสร้งทำว่ามีความสุขเหลือเกินเวลาอยู่ต่อหน้าป๋า  แต่ระหว่างเรามันเหมือนมีเส้นบางๆ กั้นอยู่มันไม่สนิทใจที่จะอยู่ด้วยกัน  ป๋าสงสัยถึงความเปลี่ยนแปลงแต่ก็ไม่ถามถึงเขาอยากให้พูดออกมาเอง ก็อย่างว่าความคิดของเราฆ่าเราเอง ความสุขที่เคยมีเริ่มเหินห่างออกไป  แม่หวาดระแวงที่จะอยู่กับป๋าผลักไสทุกครั้งที่เขาเข้ามาหา ในที่สุดก็ขอแยกตัวไปอยู่คอนโดต่างหากจ่อมจมและเฝ้าวนเวียนโทษตัวเองว่า เป็นคนตัดโอกาสของป๋า ทำให้เขาไม่มีความสุข ทำให้ป๋าไม่มีลูก ถ้าไม่มีแม่ซะคน..ทุกอย่างคงจะดีกว่านี้  เราระหองระแหงกันจนถึงขั้นทะเลาะกันใหญ่โตแทบจะเลิกกันเพราะความมโนงี่เง่าของแม่  เขาหงุดหงิดและโกธรที่แม่คิดเองเออเอง เส้นความอดทนของป๋าขาดผึงเขาบุกมาหาแม่ที่คอนโดปากพร่ำอยู่แต่ว่า

       ‘เพราะลูกใช่ไหม อยากจะได้นักก็เอา’ ป๋าพูดเสียงเข้มดุดัน จับแม่กดทำอย่างบ้าคลั่งจนพอใจ


      .................



      ‘เราต้องคุยกันเกลล์ แล้วก็ไม่ต้องขุดมันขึ้นมาทะเลาะกันอีก’ หลังบทรักเร้าร้อนยาวนานผ่านไป เรานอนกอดกันโดยที่ไม่มีใครปริปากอยู่นาน อเลสซานโดรคงทนไม่ได้เขาพูดขึ้นมาก่อน สิ่งที่เขาพูดวันนั้นแม่จำมันได้เหมือนกับว่ามันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

       ‘ผมก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรักมากมายให้กับเกลล์ที่เป็นผู้ชาย แล้วความรักของผมมันผิดเหรอ อะไรคือถูกอะไรคือผิดใครบอกได้ ถ้ามีใครบอกได้ก็สงเคราะห์ผู้ชายที่ไม่รู้อะไรเลยคนนี้ทีเถอะนะจะเป็น  พระคุณ ’

      ‘ แต่ว่า...’

       ‘ใจผมบอกว่าเกลล์คือคนที่ใช่ผมก็ไม่สนว่าเกลล์จะเป็นผู้ชาย ทำไมต้องเกี่ยงงอน แคร์คนอื่นทำไม เกลล์รักผมบ้างรึเปล่า เคยมีผมอยู่ในใจไหม สนใจความรู้สึกของผมคนเดียวไม่ดีกว่าเหรอ แล้วปัญหาของเราคืออะไร...’ 

      ‘เกลล์รักคุณอเสสซานโดร รักมากแล้วก็หวงมากขอให้เชื่อ รักเพราะคุณเป็นคุณขอให้เชื่อเถอะนะ...’  แม่ตอบป๋าไปทันที ก่อนที่จะเงียบกันทั้งสองฝ่าย ความรักฉายชัดออกมาจากดวงตาของเราทั้งคู่ ป๋าเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อนเขาเปิดเปลือยทุกความรู้สึกกับแม่

       ‘ถ้าเรื่องลูกมันไม่ใช่จุดแตกหักของชีวิตครอบครัวๆ หรอกนะเกริดา ลองคิดในมุมกลับกันชายหญิงที่สังคมยอมรับว่าเป็นคู่ที่ถูกต้องธรรมเนียมประเพณีก็ใช่ว่าเขาจะมีลูกเสมอไป อีกฝ่ายอาจจะเป็นหมันหรือเหตุอื่นใดก็ตามแต่ทำให้เขาไม่มีลูกเขาก็อยู่กันได้ ใช่ว่าชายหญิงที่แต่งงานกันทุกคนจะต้องมีลูก หนำซ้ำบางคู่อาจจะอยู่กันไม่ยืดหย่าร้างกันภายในเวลาไม่กี่ปีที่แต่งงาน แล้วอะไรคือปัญหา ทำไมต้องเอาความรู้สึกของคนอื่นที่ไม่ได้อยู่กับเรามาเป็นบรรทัดฐานกับชีวิตของเรา ทำไมไม่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคนที่อยู่กับเรา..’

      เท่านั้นแหละเกลล์ร้องไห้โฮทำนบน้ำตาพังทลายเสียใจที่ทำตัวหมางเมินขอเลิกโดยไม่มีเหตุผล ทำให้เราทั้งคู่ต้องห่างกันตั้งหลายวัน อเสสซานโดรกอดกระชับร่างที่สั่นเทาของภรรยาแน่นขึ้น มือหนาลูบแผ่นหลังบางปลอบประโลมกระซิบบอกรักเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยน

       ‘ความรักที่ผมให้เกลล์คนเดียวมันไม่พอเหรอหึ ทำไมต้องคิดอะไรมากมาย ไม่มีก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะรักเกลล์น้อยลงเลย...หยุดสำออยได้แล้วน่า ไม่ชอบเลยน้ำตานี่ให้ตายเถอะ!!’ 

      'ขอโทษ เกลล์ขอโทษ...ฮือออ. จะไม่คิดมากอีกแล้ว'

      ‘ชู่ว์ Querida…ที่รัก เงียบน่า’


       อเลสซานโดรกอดกระชับเกลล์แน่นขึ้น มือหนาลูบปลอบแผ่นหลังบางอยู่เกือบสิบนาที แรงสะอื้นค่อยเบาบางมือเรียวยกขึ้นไล้เช็ดน้ำตาป่อยๆ  เกลล์รู้ถ้าเป็นคนอื่นคนตัวโตคงจะเมินเฉยและเดินหนีไปนานแล้ว  แต่ที่ยังกอดเอาอกแกร่งให้เช็ดน้ำตาได้นี่คือรักมากหวงมาก คนนี้เลยยอมให้เสียทุกอย่างก็บอกแล้วจะไม่ให้คนนี้เสียใจ 

       ‘อเลสซานโดรเกลียดพวกล้ำเส้นเจ้าน้ำตาพิรี้พิไร แม้แต่ตอนที่กำลังนัวเนียถึงพริกถึงขิงแล้วทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ อเลสซานโดรถอนตัวเขี่ยทิ้งทันทีไม่สนด้วยกำลังทำอะไรกันอยู่พวกคู่ควงคู่ขารู้ซึ้งกันดี’

       ขณะที่เล่าแม่ยิ้มกว้างเต็มหน้า นัยน์ตาหวานเฟ้อฟันเหม่อลอยถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของทั้งคู่ น้ำนิ่งอดที่จะยิ้มตามไม่ได้คิดถึงตอนที่ตัวเองตกหลุมรักภูมิครั้งแล้วครั้งเล่ามันก็คงจะแบบเดียวกัน  เกลล์เปิดอัลบั้มหน้าถัดไปเป็นรูปที่เกลล์นอนหนุนตักป๋ามือของทั้งคู่สอดประสานกันวางอยู่บนหน้าอกของเกลล์ มือแกร่งอีกข้างลูบปัดผมที่ระหน้าฝากให้  แสงแดดยามเช้าทอลำแสงสีทองอ่อนผ่านรอยแยกของผ้าม่านบางเบาที่พลิ้วไหวตามแรงลมอาบไล้ทั้งคู่ดูอบอุ่นอ่อนโยน ป๋าก้มหน้าลงเหมือนพูดอะไรสักอย่างกับคนที่นอนหนุนตัก เกลล์เงยหน้าขึ้นมองความรักเอ่อล้นจากสายตาที่สบกัน

      ‘ ฟังนะเกริดาผมยอมรับในจุดนี้มาตั้งแต่ตอนที่รู้ตัวว่าตกหลุมรักเกลล์แล้ว ลูกไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับผมขอแค่ข้างๆ มีเกลล์ แค่นั้นจริงๆ ที่ผมมองไม่ใช่ว่าอยากจะได้ก็แค่มองดูเฉยๆ ไม่ได้ร้อนรนหรือรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ เข้าใจรึยังละฮึม ‘  นั่นเป็นคำพูดยืนยันหนักแน่นของอเสสซานโดร

       เมย์เป็นคนถ่ายรูปนี้ตอนแรกที่เห็นน้องคิดว่ามันเป็นภาพที่อาบทอไปด้วยความอบอุ่น ความรักที่อบอวลอยู่ทั่วห้อง แต่ฟังไปฟังมากลายเป็นว่าเรากำลังทะเลาะและปรับความเข้าใจกันพอดี แม่น้องสาวรับทราบถึงปัญหาระหองระแหงของเราสองคน น้องไม่พูดพล่ามทำเพลงเธอชี้หน้าเราสองคน

       ‘ไม่รู้ว่าพี่สองคนจะมีน้องเป็นนักวิทยาศาสตร์ทำไม เรื่องมีลูกไม่เห็นจะต้องคิดมาก เกลล์ก็ท้องเองเลยสิไม่เห็นจะยาก’ เธอว่าอย่างนั้นแล้วก็หันไปหาป๋าทำหน้าทะเล้นที่แต่แววตาจริงจัง

       ‘ป๋าเมย์ขอน้ำเชื้อหน่อยได้มะ อย่าปฏิเสธว่าไม่กับน้องนะรู้หรอกตอนนี้คงเยอะน่าดูเลยสิไม่ได้ยิงประตูมานานแล้วนี่’ ป๋าทำหน้าจะขำก็ไม่ขำจะโกธรก็ไม่โกธรหันมองแม่

       ‘เฮ้ย!! ลามกนะเรา แล้วจะเอาไปทำไม’  แม่ร้องถามเมย์แม่ตัวแสบหัวเราะร่วนก่อนจะไขข้อข้องใจพี่ชายทั้งสอง 

       ‘ฮั่นแน่ หน้าแบบนี้ป๋าก็คิดอยู่ป๊ะ ไม่ต้องเลย ถามคำเดียวอยากได้รึเปล่าลูกนะ’ เราทั้งคู่มองสบตากันไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

       ‘เอาเหอะน่าไม่ต้องคิดมาก เอาสเปิร์มมาเลยแล้วกัน แลกกับไข่ที่ดีที่สุดยื่นหมูยื่นแมว’

      ‘แล้วจะเอาไปทำไม แล้วเกลล์จะท้องได้ไง เค้าเป็นผู้ชายนะตัวก็รู้’ 

      ‘คืองี้นะเกลล์ของเค้า เมย์คนสวยก็จะเอาสเปิร์มของป๋ากับไข่ที่ดีที่สุดของเมย์คนสวยมาผสมเทียมทำเด็กหลอดแก้ว เมื่อเกิดการปฏิสนธิเมย์คนสวยก็จะเอาตัวอ่อนไปฝังในท้องของเกลล์ที่รักไงแบบนี้เกลล์ของเค้าก็ท้องและมีลูกได้แล้ว’

      ‘มันอันตรายไม่ใช่เหรอเมย์ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะเปอร์เซ็นต์ที่จะสำเร็จน้อยมาก ป๋าไม่อยากจะเสี่ยงกับชีวิตของเกลล์ ถ้าเกลล์เป็นอะไรไปป๋าคงจะแบกรับไม่ไหว ขอย้ำเลยนะลูกไม่ได้สำคัญเท่ากับเกลล์เลยนะ เมย์เข้าใจป๋าใช่ไหม’ 

      ‘เมย์รับรองว่ามันจะสำเร็จ ป๋าเชื่อใจเมย์รึเปล่า’

      ‘ป๋าเชื่อ แต่เมย์จำที่ป๋าบอกตอนแรกก่อนที่จะขอคบกับเกลล์ได้ไหม ป๋าขอยืนยันอีกครั้งว่า ชีวิตป๋าขอแค่เกลล์อยู่ข้างๆ  อะไรอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว ป๋าไม่อยากจะเสี่ยงนะเมย์ เห็นใจป๋าบ้างไม่อยากสูญเสียอะไรอีกแล้ว’



      น้องสาวที่น่ารักของเกลล์เธอทรุดนั่งลงอย่างอ่อนแรงแทบเท้าเอาหน้าซบลงกับตักของแม่ มือเรียวเล็กซีดเย็นของเมย์กุมที่มือแม่แน่นจนรู้สึกถึงความเปียกชื้นตรงตัก ความเงียบเข้าครอบงำทั่วบริเวณต่างคนต่างจ่อมจมอยู่ในห้วงคำนึงของตัวเอง

.

.

.

.

      ‘เกลล์...’  เสียงเรียกแผ่วเบาดังขึ้นมาจากตัก  แล้วก็เงียบไปนาน

       ‘เค้ากำลังจะตาย’ 

      ‘ตะ..ตัวพูดอะไร นี่ไม่ใช่เรื่องจะพูดเล่นนะ เค้าไม่ยอม’

      ‘เวลาที่เหลือมันแทบจะไม่พอแล้ว...ตัวรู้ไหมเค้ายังไม่ได้ทำอะไรตั้งหลายอย่าง...’ 


      ไหล่เล็กดูบอบบางลงเมื่อมันสั่นเทาตามแรงสะอื้น  ความเปียกชื้นตรงตักขยายวงกว้างขึ้น เกลล์เพิ่งสังเกตตอนนั้นเองว่ามือเรียวของน้องสาวมันเล็กและผ่ายผอมแทบจะเหมือนหนังหุ้มกระดูก หน้าตาถึงแสร้งทำให้ดูสดใสแต่ก็ซูบผอมไร้แววของความสุข

      ‘มะเร็งกระดูกระยะสุดท้าย โอกาสมันปิดตายสำหรับเค้าแล้ว แต่ของตัวยังมีอยู่..’

      เสียงเธอแผ่วเบาแทบจะไม่ได้ยิน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากตัก ใบหน้าสวยหวานเปรอะเปื้อนอาบไล้ด้วยคราบน้ำตา  สายตาเว้าวอนคลอคลองไปด้วยน้ำตาวาวใสที่เตรียมหยด ริมฝีปากบางลั่นระริกกลั้นก้อนสะอื้น เกลล์เอื้อมมือทั้งสองไปประคองหน้าซูบผอมของน้องสาวนิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกจากแก้มนิ่ม น้องสาวที่น่ารักของเขาซูบผอมเหลือเกิน น้องทรมานกับความเจ็บปวดเพียงคนเดียวมานานเท่าไรกัน เกลล์ไม่เคยรับรู้ถึงความเป็นไปของน้อง ละเลยที่จะเหลียวหลังไปดูน้องสาวที่น่ารักคนนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน  ลืมได้อย่างไรกัน เมย์เอื้อมมือขึ้นมาเช็ดเกลี่ยแก้มของคนเป็นพี่ นั่นจึงทำให้เกลล์รู้ว่าตัวเองร้องไห้อยู่

      ‘อย่าร้องไห้ อย่าเสียใจเพียงเพราะคิดว่าตัวละเลยเค้าๆ ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นเอง เกลล์ของเค้าเหมาะกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มเท่านั้นรู้ไหม อย่าเสียน้ำตาเพื่อเค้าอีกเลยนะ มันไม่เจ็บปวดอะไรเลย เค้าเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันมาหลายปี อย่าร้องไห้จนทำให้เค้าห่วง เค้าไม่อยากจะนอนหลับโดยที่ยังห่วง ขอร้องนะอย่าทำ..’

      พี่น้องมองหน้ากันเนิ่นนานดังจะบันทึกทุกรายละเอียดของกันและกันไว้ เมย์ซบหน้าลงกับตักเกลล์เหมือนเดิม เกลล์หันไปสบตาคนข้างตัวด้วยความอ้ำอึ้งระคนร้าวรานเศร้าสร้อย มือเรียวของคนเป็นพี่ยกขึ้นลูบผมยาวสลวยของน้องสาวเบาๆ  คนตัวโตเลื่อนมือมากุมกระชับมืออีกข้างของเกลล์ส่งผ่านความรักและกำลังใจทั้งหมดให้แก่กัน  ความเงียบเข้าปกคลุมคนทั้งสามอีกครา เกลล์คิดว่าน้องสาวคงจะหลับไปแต่ไม่ใช่เมย์เงยหน้าขึ้นจากตักหน้าตาเหนื่อยอ่อน แต่แววตาทอประกายของความมุ่งมั่นและกำลังใจเต็มเปี่ยม

      ‘ได้โปรดเถอะนะขอร้อง เค้าแค่อยากจะให้สิ่งนี้แทนความรักทั้งหมดที่เค้ามีกับพี่ชายที่เค้ารักทั้งสองคนได้ไหม นะครั้งสุดท้าย แล้วเค้าจะไม่ขออะไรอีกเลย...’

      ‘ได้ไหมซานโดร...นะครับ’  เกลล์หันไปหาอเสสซานโดรหลุดเสียงสั่นเครือขออนุญาตทำสิ่งสุดท้ายให้น้อง สายตาเว้าวอนที่ส่งมาให้ ป๋ารู้เกลล์รักน้องแค่ไหน อยากจะทำเพื่อน้องเป็นครั้งสุดท้าย ป๋าเองก็ไม่ต่างจากเกลล์ เขารักเมย์ดั่งน้องสาวของตัวเอง แล้วป๋าจะขัดใจคนที่ป๋ารักที่สุดได้ยังไง

      ‘ป๋าเชื่อใจเมย์ได้ใช่ไหม’

      ‘ขอแค่ป๋าเชื่อ’

      เมย์ยิ้มกว้างทั้งน้ำตา แขนเล็กโผเข้าโอบกอดเราทั้งคู่ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความดีใจอยู่กับอกเราจนหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน..อเลสซานโดรอุ้มน้องไปนอนในห้อง เราทั้งคู่นั่งมองน้องอยู่อย่างนั้นหลายชั่วโมงจนน้องสาวเราตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนเที่ยงครึ่ง เธอบ่นหิวข้าวจนแสบท้อง อเลสซานโดรเข้าครัวทำของชอบของน้องด้วยตัวเอง.. มือเรียวของเกลล์ลูบไปบนภาพของน้องสาวสายตามองดูคนในภาพด้วยความรักและอาลัยอาวรณ์


      “ขอโทษฮะ นิ่งไม่น่าถามเรื่องนี้”  น้ำนิ่งเอ่ยคำขอโทษด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาระคนเสียใจ สีหน้าเศร้าเฝ้าโทษตัวเองไม่น่าจะอยากรู้เรื่องนี้ขึ้นมาเลย ขยับเข้าไปกอดเอวเกลล์อิงหัวทุยตัวเองไปกับไหล่บางของเกลล์ๆ ยกมือขึ้นโอบไหล่น้ำนิ่งลูบมือไปมากับไหล่บางราวปลอบเด็ก

      “ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร เมย์ไม่ได้ไปไหนซะหน่อยเขาก็ยังอยู่กับพวกเราเสมอ เมย์เขาอธิบายหลักการท้องให้ฟังคร่าวๆ ว่ามันคล้ายกับการ in-vitro fertilization ในผู้หญิง เป็นการนำไข่มาผสมกับสเปิร์มในหลอดแก้ว แล้วเอาตัวอ่อนฝังในช่องท้องหรือที่เรียกว่า  Abdominal pregnancy จริงๆ มันก็คือการตั้งครรภ์นอกมดลูกนั่นแหละ มันเสี่ยงต่อชีวิตมากโอกาสที่สำเร็จแทบจะเป็นศูนย์ แต่เราก็ยังเสี่ยงนั่นเพราะเรารักน้อง

      กว่าแม่จะได้รับการฝังตัวอ่อนนะเมย์ให้แม่กินฮอร์โมนเพศหญิงอยู่นานเกือบปีเลย เพื่อปรับสมดุลและเตรียมความพร้อมของร่างกาย  (หน้าอกกระเปลาะเล็กๆ นั่นมาจากการกินฮอร์โมนของเกลล์นี่เองคำตอบตรงนี้คลายปมในใจน้ำนิ่งได้ซะที)  ด้วยความตั้งใจและอยากจะให้เด็กเป็นตัวแทนความรักทั้งหมด แม่น้องสาวเฝ้าเก็บไข่และคัดเลือกสเปิร์มตัวที่แข็งแรงที่สุดสมบูรณ์ที่สุดจนพอใจ แล้วจึงเอาไข่ผสมกับอสุจิในหลอดแก้ว จนเกิดการปฏิสนธิ แล้วจึงคัดแยกยีนส์ด้อยออกให้เหลือยีนส์เด่น

       เมื่อเห็นว่าแม่พร้อมเธอจึงเอาตัวอ่อนมาฝังในท้อง ตอนอายุครรภ์ได้ 20 สัปดาห์ เมย์หน้าเสียบอกไม่ดีเลยเพราะไม่มีมดลูกรกที่เป็นตัวแลกเปลี่ยนอาหาร ออกซิเจน มันไม่ได้ยึดตัวเข้าเฉพาะในตับ ไต เท่านั้นแต่มันยึดตัวเข้าไปม้ามบางส่วนด้วย  เป็นภาวะที่อันตรายยิ่งอายุครรภ์มากยิ่งเสี่ยงต่อภาวะตกเลือด แต่เมย์ยืนยันกับป๋าว่าควบคุมได้ไม่ต้องห่วง...ระหว่างนี้แม่น้องสาวทรุดหนักต้องนอนโรงพยาบาลเกือบสองสัปดาห์ แต่เธอก็มีแรงฮึดสู้ รักษาตัวเองจนลุกขึ้นมาได้อีกครั้งเฝ้าทะนุถนอมดูแลการตั้งครรภ์ของแม่อย่างใกล้ชิด

      โชคไม่ค่อยเข้าข้างเรานัก ตอนอายุครรภ์สักประมาณ 34 จะ 35 สัปดาห์ แม่เกิดอาการปวดท้องรุนแรงและตกเลือดในช่องท้อง ถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัดเร่งด่วน เมย์บอกว่าป๋าแทบคลั่งมือนี่ชื้นเหงื่อกุมมือเย็นชืดของแม่ตลอดเวลาที่อยู่ในห้องผ่าตัดนั่น  สัญญาเด็ดขาดจะไม่ให้แม่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว เขาร้องพร่ำวอนหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มอบปาฏิหาริย์ไม่ขาดปาก เหมือนพระเจ้าจะเห็นใจเรา เมย์และคณะแพทย์สามารถผ่าตัดเอารกออกได้สำเร็จช่วยชีวิตเราทั้งคู่ไว้ได้ แต่แม่ก็ไม่สามารถที่จะมีลูกเองได้อีกแล้ว....”  แม่หยุดพูดหลับตาลงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายนาที  น้ำนิ่งยื่นมือของตัวเองไปกอบกุมมือของแม่ๆ ลืมตาขึ้นเลื่อนมืออีกข้างมาวางทับมือของน้ำนิ่งที่กุมอยู่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ก่อนที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่อ

      “หลังผ่าตัดแม่สำเร็จแม่น้องสาวมีสีหน้าเหนื่อยอ่อน หน้าสวยไร้สีเลือดซีดขาวราวกระดาษ น้องประคองตัวเองแทบจะไม่ไหวนัยน์ตาสวยหวานมองดูเมล็ดพันธุ์แห่งความหวังที่ตัวเองเฝ้าฟูมฟักด้วยความรักจนแตกตัวเป็นสิ่งที่สวยงามสมบูรณ์อยู่ตรงหน้าด้วยความภาคภูมิใจ  ก่อนที่สติของเมย์จะดับวูบไปในอ้อมแขนของป๋า เธอเรียกเด็กน้อยของเธอว่า  “ราฟาเอล”

       เธอนอนป่วยไม่ได้สติอยู่ในโรงพยาบาลนานกว่าสามสัปดาห์ แต่วันหนึ่งเธอกลับฟื้นและมีอาการดีขึ้นราวกับไม่ได้เป็นอะไรเลยเมื่อเข้าสัปดาห์ที่สี่เราเอาน้องมาพักกับเราที่บ้าน

.

.

.

       วันเวลาผ่านไปสิ่งที่เราไม่อยากจะพบเจอมันจะมาเร็วเสมอ วาระสุดท้ายของชีวิต เมย์เธอเลี้ยงดูและเฝ้ามองเด็กน้อยที่ตั้งใจมอบให้เราด้วยสายตารักใคร่และภาคภูมิใจในสิ่งสวยงามครั้งสุดท้ายในชีวิตของเธอ  เมย์จากเราไปอย่างสงบในวันที่ราฟาเอลอายุได้สามเดือน...

       เราไม่ร้องไห้ฟูมฟายเพราะน้องไม่ชอบ งานศพของน้องเป็นเสมือนงานพบปะสังสรรค์ของเพื่อนที่รักเธอ ไม่มีความความเศร้า ไม่มีหยาดน้ำตา ไม่มีใครสักคนที่แต่งสีดำ ทุกคนแต่งสวยแข่งกันราวกับงานแฟชั่นวีคกันเลยทีเดียว  เสียงเพลงป๊อบร๊อคที่เมย์และก๊วนเพื่อนชอบดังกระหึ่มตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่เราโปรยเถ้ากระดูกของเธอ เมย์อยู่ในใจพวกเราเสมอ...."  แม่ยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้น้ำนิ่ง คนร่างบางขยับตัวเข้าไปหายกแขนเรียวเล็กขึ้นโอบกอดแม่ไว้

      “น้ำเสียใจ...”

      “ไม่เป็นไรจ๊ะ ก็อย่างที่บอกเรื่องมันผ่านมานานแล้ว เมย์ยังอยู่กับเราเสมอ...ตรงนี้”  เกลล์ตอบเสียงนุ่ม แย้มยิ้มส่งมาให้มือเรียววางทาบที่อกซ้ายของตัวเอง


            “แต่ว่าทำไมในเมื่อภูมิเป็นลูกบ้านนี้แล้วภูมิไปอยู่ที่เรือนชิดชลได้ยังไงละฮะ” เราทั้งคู่ต่างอยู่ในห้วงคำนึงของตัวเองอยู่นานกว่าที่น้ำนิ่งจะถามออกไป

      “มันก็มีเหตุขัดข้องหลายอย่างน่ะนะ  แม่ขอทำความเข้าใจกับเราสักนิดว่าธุรกิจของป๋ามันไม่ขาวหรือดำชัดเจนมันเป็นสีเทาซะส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่มีส่วนไหนของธุรกิจเรายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายเลยแต่ถึงจะอย่างนั้นเราก็มีอำนาจต่อรองทั้งรัฐบาลและกลุ่มผลประโยชน์ได้เสมอ กว่าจะมาถึงวันนี้ได้เราสู้กันมาด้วยตัวเองไม่เกี่ยวกับตระกูลต้องฟันฝ่าหลายอย่างศัตรูเพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านมา

       เรื่องมันเกิดตอนราล์ฟอายุ 1 ขวบ เราเดินทางมาที่ไทยเรากำลังจะบินต่อไปยังประเทศข้างเคียงเพื่อเจรจาเรื่องสัมปทานไม้และก๊าซธรรมชาติ แล้วก็ดูที่ทางขยายสาขาโรงแรมและคาสิโน่แถบชายแดนภาคเหนือด้วย  ก่อนเดินทางมานี่เรามีเรื่องขัดผลประโยชน์สัมปทานขุดเจาะก๊าซธรรมชาติกับ KAB ของวัลโด้  และ ACE ของไต้หย่งผู่ ทั้งสองกลุ่มเป็นพันธมิตรกันอยู่ คนของวัลโด้ตามมาถึงที่นี่แล้วลักพาตัวราล์ฟเพื่อต่อรอง เอ็ดมันซ์พ่อของอันเดรียช่วยราล์ฟออกมาได้แต่ฝั่งนั้นก็ตามติดอย่างไม่ลดละ เอ็ดมันซ์รู้ดีว่าคงจะหนีไม่รอดระหว่างที่สลัดคนร้ายหลุดช่วงหนึ่งเขาเลยเอาตัวราล์ฟไปซ่อนไว้ตรงที่คุณเหมือนวาดเจอนั่นแหละ เมื่อเห็นว่าเด็กปลอดภัยเขาก็หนีต่อ แต่ก็ไม่รอดเขาถูกฆ่าอย่างทารุณในวันต่อมา   

       เราตามหาราล์ฟอยู่หลายปีจนเกือบจะหมดหวังอยู่แล้ว โชคและปาฏิหารย์มันวนกลับมาหาเราอีกครั้ง เมื่อคุณเหมือนวาดเอาตัวราล์ฟไปวัดประเมินระดับสติปัญญาที่สถาบันพัฒนาศักยภาพการใช้สมอง ซึ่งอยู่ในความอุปถัมภ์ของมูลนิธิเมย์ฟราย ซึ่งเราตั้งขึ้นเพื่ออุทิศให้เมย์นะน่ะ ก็หลายปีเหมือนกันกว่าทางสถาบันฯ จะสงสัยว่าเป็นเด็กที่พวกเราตามหาแล้วส่งประวัติคร่าวๆ พร้อมผลการประเมินมาให้เราดูแล้วมันก็บิงโก 14 ปีกับตามหาลูกสิ้นสุดกันซะที 

       เราเดินทางมาพบคุณเหมือนวาดเพื่อยืนยันว่าราล์ฟเป็นลูกของเราที่หายไป ตอนแรกท่านก็ลังเลไม่เชื่อว่าเราเป็นพ่อแม่ของราล์ฟจริงๆ เลยให้ตรวจดีเอ็นเอผลปรากฏเป็นลูกจริง คุณเหมือนวาดไม่ขัดข้องหากเราจะนำราล์ฟกลับบ้าน  ตอนนั้นราล์ฟเขาดูแลน้ำอยู่  ป๋ากับแม่ตกลงขอรับหนูเป็นลูกอีกคนจะเอาหนูมากับเราด้วย แต่ราล์ฟเสียงแข็งเลยว่า เขายอมให้ป๋ากับแม่รับหนูเป็นลูกบุญธรรมได้ แต่เขาจะไม่กลับบ้านกับพวกเราเขาจะอยู่ที่นี่ดูแลน้ำเอง “ของของเขาเขาดูแลได้”  ตาดุคมกับคำพูดแข็งกร้าววันนั้นที่แม่จำได้ดีทีเดียว เด็กอะไรก็ไม่รู้ช่างเย่อหยิ่ง เด็ดเดี่ยว เชื่อมั่นในตัวเองไม่มีใครเกิน ยีนส์พ่อเขาเต็มๆ ไม่มีผิดเพี้ยน”

       น้ำนิ่งโน้มตัวเข้าไปโอบกอดเกลล์แทนคำขอโทษ นัยน์ตาสวยหวานบ่งบอกว่าเศร้าเสียใจแค่ไหนเพราะคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวต้องพลัดพลาด เกลล์ยกมือขึ้นประคองใบหน้าสวยหวานของเด็กตรงหน้านิ้วโป้งเกลี่ยไล้แก้มนิ่มเบาๆ อย่างปลอบโยนไม่ให้คิดมาก

      “ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร เรื่องมันนานแล้ว ไม่คิดมากนะ ป๋าเขาไม่บังคับนะก็ให้อิสระและเคารพการตัดสินใจของลูกอยู่แล้ว  ความสุขของลูกๆ สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด ลูกมีความสุขกับสิ่งที่เขาเลือกป๋ากับแม่ก็มีความสุขนะ อีกอย่างราล์ฟเขาเข้าใจสถานการณ์ดีเรามีความขัดแย้งระหว่างกลุ่มค่อนข้างรุนแรง ลอบฆ่ากัน  ไม่เว้นแต่ละวัน ป๋าเองก็ไม่อยากจะเสี่ยงกับความสูญเสีย จึงให้พวกหนูอยู่กันที่นี่”  เกลล์เอ่ยยิ้มๆ ให้น้ำนิ่งสบายใจว่าไม่ใช่สาเหตุให้ครอบครัวแตกแยกแต่อย่างใด









มีต่อข้างล่างตัวอักษรเกิ๊น :a5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2015 17:23:57 โดย WiChy »

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
[ต่อ]





      “เฮ้อ!! รักแม่จัง ดีใจที่น้ำก็มีแม่เหมือนคนอื่นๆ ”  เกลล์ชะโงกหน้าไปหอมแก้มลูกชายคนเล็ก ก่อนจะผละออกมาส่งยิ้มหวานกลับไป คิ้วเรียวยกขึ้นเป็นเชิงถามอย่างรู้ทัน

      “อ้อนนี่จะเอาอะไรละครับ” 

      “ไม่มีอะไรซักหน่อย ก็น้ำรักแม่นี่ฮะ”  น้ำนิ่งเอาหัวทุยถูไปมาตามหน้าอก แขนเรียวเล็กโอบไปรอบตัวคนเป็นแม่อย่างอ้อนๆ

      “เรานี่น่า บอกมาจะเอาอะไรหึม” เกลล์ยกมือขึ้นบีบจมูกของน้ำนิ่งบิดไปมาด้วยความรัก คนตัวเล็กยกยิ้มน่ารัก แต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป

      “เอ..รึแม่จะบอกป๋าให้ราล์ฟดูแลงานที่ไทยดีไหมคนสวย”

      “….”   น้ำนิ่งไม่ตอบแต่ยกยิ้มพอใจกับอกของเกลล์   “ว่าไงตกลงรึเปล่า”

      “หนูแล้วแต่แม่ฮะ”

      “ฮือ ฉลาดตอบ เดี๋ยวแม่จัดการให้แล้วกันนะ”

      “ขอบคุณฮะ รักแม่ที่สุดเลย” 

      “แม่ก็รักน้ำนะ อย่าคิดว่าไม่มีใครอีก เราเป็นครอบครัวเดียวกันมันเป็นแบบนี้มาตลอด”

      “ฮะแม่”  แขนเรียวเล็กกอดกระชับแม่แน่นขึ้น

      “น้ำรู้สึกได้นะป๋ารักแม่เกลล์เหลือเกิน น้ำแอบเห็นสายตาที่ป๋ามองแม่แล้วเขินจัง มันจะต้องมีเรื่องเล่าดีๆ แน่เลยเล่าให้ฟังได้ไหมฮะ”  น้ำนิ่งทำหน้าเขินกับการแสดงออกของป๋าที่มีต่อแม่ทั้งคู่ดูจะตกหลุมรักกันอยู่ตลอดเวลาเลยเชียว

      “เรานี่น้า เอาจริงเหรอ”

      “นะฮะ..”

       “เอ้าก็ได้ จริงๆ แม่กับป๋าเราไม่ได้รักกันมาก่อนหรอกนะ แม่ออกจะเกลียดป๋าเข้ากระดูกดำ ผู้ชายอะไรเจ้าชู้ขอแค่ลูบแล้วไม่มีหางคุณชายเขาฟันเรียบ  เสือผู้หญิงตัวยงวันหนึ่งควงหญิงหลายคนไม่ซ้ำหน้าเลยล่ะ ผู้ชายแบบอเลสซานโดรไม่ใช่ผู้ชายในสเปคและไม่เคยจะเป็นด้วย ผู้ชายเจ้าชู้แบบนี้แม่ขอลาขาดเลยเกลียดที่สุดในชีวิต เอาจริงๆ ก่อนที่จะตกลงคบกับป๋าแม่มีแฟนมาหลายคนแต่ก็คบทีละคนนะ แล้วก็ไม่ชอบแบ่งปันของของตัวเองกับใครด้วย

       ป๋าเราน่ะเข้ามาจีบแม่ผ่านแม่น้องสาวแต่ระหว่างที่ขอจีบไม่เคยคุยกับแม่เลยสักทีนะ ป๋าสนิทกับยายน้องมากกว่าหัวร่อต่อกระซิกราวกับคู่รักหวานแหวว  แต่กลับส่งสายตาว่าอยากจะได้แม่เหลือเกินมาให้ แทนที่สายตานั้นจะมองแต่แม่น้องสาวเท่านั้น จะให้คิดยังไงถ้าไม่หวังฟันทั้งพี่ทั้งน้อง อะไรวะนิสัยแบบนี้มันจะเกินไปแล้วแม้แต่เกย์คุณชายแกยังไม่เว้นทำแบบนี้ได้ไง..ก็เอาสิออกฤทธิ์ออกเดชเต็มที่ เกลียดผู้ชายเจ้าชู้ไง ถ้าแม่น้องสาวได้ผู้ชายคนนี้ไปมีหวังชีช้ำ น้ำตาเช็ดหัวเข่าไม่มีความสุขตลอดชีวิตเป็นแน่

      แม่ทำทุกวิถีทางเพื่อเปิดเผยธาตุแท้ของคุณชายให้เมย์ได้รับรู้ บางครั้งรุนแรงจนเจ็บตัวได้เลือด แต่เขาก็ไม่เคยโกธรหรือโมโหเลยนะที่ทำกับเขาขนาดนั้น  จนแม่น้องสาวเราเองแหละทนเห็นคุณชายเจ็บตัวไม่ไหว โพล่งออกมาว่า

       ‘อเลสซานโดรเขามาขออนุญาตจีบตัวกับเค้าต่างหากเล่า ถ้าตัวพอจะสังเกตเห็นก็จะรู้ว่าอเลสซานโดรรักตัวแทบคลั่งรู้ตัวซะบ้างเลิกทำแบบนี้ซะที’ 

       เราก็อึ้งค้างงงเป็นไก่ตาแตกเลยสิ แต่หน้ายังเชิดถือดีท้าทายเพราะคิดไงคนบริโภคเซ็กซ์แทนข้าวแบบนี้คงจะหยุดอยู่ที่คนๆ เดียวไม่ได้ แล้วที่สำคัญเราเป็นเกย์ เขาไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อนไงจะให้คิดไง อยากลองของแปลกเหรอ แม่ไม่ยอมรับหรอก” แม่หัวเราะเสียงใสเมื่อพูดถึงตรงนี้

      ‘ถ้าเลิกเจ้าชู้ เลิกคบกับผู้หญิงทั้งหมดได้เด็ดขาดอยู่กับผมเพียงคนเดียว ผมก็จะคิดดูอีกครั้ง เหอะ!!ผมไม่หวังว่าคนอย่างคุณจะทำได้’  จำได้ว่าวันนั้นปากดีท้าทายไปแบบนี้แหละ

      ‘พูดแล้วนะ จำไว้ด้วยแล้วจะมาทวงสัญญา’

      “คุณชายพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วอเลสซานโดรก็ไม่เคยโผล่หน้ามาที่บ้านอีกเลยหายไปราวคลื่นกระทบฝั่ง ความรู้สึกตอนนั้นคือ  ‘แค่นั้นเอง’   ยิ้มหยันๆ สมเพทตัวเองชะมัด”

       แม่น้องสาวตัวแสบก็ใช่ย่อยพูดกรอกหูอยู่ได้ทุกวันว่าป๋ารักเกลล์อย่างนั้นอย่างนี้ แม่ก็ไม่มีตอบรับหรือปฏิเสธอะไร ทำหน้าระรื่นไปตามปกติทั้งที่เริ่มใจเสียนิดๆ จนวันหนึ่งแม่น้องสาวเขายืนคำขาดเลย

       ‘อเลสซานโดรรักตัวมานานแล้ว  ถ้าไม่ใช่คนนี้ก็ไม่ต้องพามาแนะนำนะอีกแล้วนะ แต่ละคนที่ผ่านมาน่ะไม่สลัมบอมเบย์ก็พวกนนนี่ทั้งนั้น มันมาคบก็แค่หวังฟัน ตัวทุ่มเทให้พวกมันแค่ไม่ยอมให้ฟันมันก็ทิ้งไปง่ายๆ

       แล้วจำความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายจากไอ้ชั่วมิกุเอลได้ใช่ไหม ตัวรักมันมากจนยอมเสียครั้งแรกให้มัน ปรนเปรอมันทุกอย่าง เพราะคิดว่ามันจะจริงจังด้วยแล้วเป็นไงทั้งลูกทั้งเมียมาร้องไห้อ้อนวอนขอผัวคืน ถูกมันทำร้ายทั้งตัวทั้งหัวใจแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่ตั้งหลายเดือน  อย่า..ไม่ต้องเถียงเค้า!! เอาคนนี้แหละดีที่สุดแล้ว ถ้าป๋ากลับมาหาก็ไม่ต้องเล่นตัวเข้าใจรึเปล่ารับปากเค้ามาเลยเดี๋ยวนี้! จะได้ไม่ต้องห่วงมากเข้าใจนะ’ 


       ‘ก็ไม่รู้สิ อย่างที่ตัวว่าเค้าไม่อยากจะคิดอะไรไปเองอีกแล้ว เอาไว้ถ้าคนนั้นกลับมาก่อนแล้วกัน ไม่อยากจะเชื่อน้ำยาคนแบบนั้น ใครจะมารักคนแบบเค้าจริง ก็คงจะเหมือนที่ผ่านๆ มาเค้าไม่อยากจะเจ็บอีกแล้วตัวเข้าใจเค้าใช่ไหม’

      ‘ก็แล้วแต่ตัวเองแล้วกันเค้าอยากจะให้ตัวมีความสุขกับคนที่ใช่ แล้วกว่าจะเจอมันผ่านเข้ามาไม่บ่อยนะ’

           ‘เอาไว้ถึงตอนนั้นเค้าอาจจะรู้ก็ได้’




      “หลังจากที่ป๋าหายไปเดือนกว่าๆ มีข่าวซุบซิบหนาหูจากวงไฮโซถึงงานหมั้นของป๋ากับคุณหนูลูกสาวนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใหญ่  เพื่อตอกย้ำว่าข่าวนั้นเป็นความจริงว่าที่คู่หมั้นแสนดีของคุณชายแล่นมาออกงิ้วฟาดหน้าแม่อย่างแรงประกาศความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอเลสซานโดร  แม่ก็ไม่ได้ตอบโต้หรอกเพราะงงว่าอะไรแล้วอีกอย่างเขาเป็นผู้หญิง แต่แม่น้องสาวสวนกลับทันควันด้วยกำปั้นที่ปากกึ่งจมูก เธอกรี๊ดลั่นกำลังจะกระโจนเข้ามาใส่เราพร้อมกับบอดี้การ์ดของเธอ อเลสซานโดรเข้ามาทันเวลาดึงลากเจ้าหล่อนกลับบ้านไป

       ความรู้สึกตอนนั้นก็แค่ยิ้มหยันมันน่าสมเพทตัวเอง หวังอะไรอยู่วะเกลล์ ความรักของผู้ชายแท้กับเกย์มันไม่มีอยู่จริงหรอกวะ ตัดใจซะเถอะไอ้เกลล์ตอนที่แกมีแค่ความรู้สึกชอบให้เขา ไม่ตายหรอกถ้าไม่อยู่กับคนนี้  ถึงจะคิดแบบนั้นตรงนี้มันเจ็บปวดมากนะน้ำแค่คิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ของเรา ไม่เคยเป็นมาตั้งแต่แรก ร้องไห้ทุกครั้งที่คิดถึงคำสัญญาของคนสับปรับนั้นขึ้นมา

      ว่าที่คู่หมั่นของคุณชายเอาหน้าที่บวมเป่งไปฟ้องคุณปู่ของอเลสซานโดร ท่านโกธรมาก เรียกซานโดรเข้าไปหา คุณชายเขายอมรับว่ามีคนรักแล้วเป็นผู้ชาย  ปรากฏว่าครอบครัวนั้นรับไม่ได้เป็นเรื่องที่เสื่อมเสียของตระกูล  จึงให้มีงานหมั้นและแต่งแบบสายฟ้าแลบในวันถัดมา  อเลสซานโดรปฏิเสธเสียงแข็งกร้าวอาละวาดยังกับหมาบ้าซะจนผู้หลักผู้ใหญ่คนในตระกูลที่ร่วมในงานแตกกระเจิง ทะเลาะกับปู่จนถึงขั้นแตกหักว็อคเอาท์ออกจากตระกูลกอนซาเสสโน่ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับตระกูลนี้อีกต่อไป 

      ‘ถ้าให้ความสำคัญกับหน้าตาชื่อเสียงเกียรติยศของตระกูล มากกว่าความรู้สึกความสุขของผม ครอบครัวก็ไม่จำเป็นต้องมีผม’

      นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่เขาพูดปู่ก่อนจะเดินออกมาโดยไม่หันกลับไปมองเลย เขามาหาแม่ที่บ้านผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าแม่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว ถือดีหยิ่งจองหอง แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่เท่ากับนัยน์ตาสีแปลกเอ่อท้นไปด้วยความรักทั้งหมดที่เขามีให้แม่มันแจ่มชัดอยู่ในความรู้สึกจนถึงวันนี้  มือที่เกาะกุมกันมันทั้งอบอุ่นอ่อนโยนพร้อมจะปกป้องเราจากอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า


      ‘เกริดาผมรักคุณมากเหลือเกิน ขอโอกาสให้ผมได้ดูแลหัวใจคุณนับแต่นี้ต่อไปได้หรือไม่ ถึงตอนนี้จะยังไม่รักผม แต่พอจะเชื่อใจและวางหัวใจของเกลล์ให้ผู้ชายที่ไร้สกุลคนนี้ดูแลได้ไหมครับ..’ 

      ‘......’

      ‘ได้ไหมครับ’
  เสียงของอเลสซานโดรที่ถามย้ำมาช่างเอาแต่ใจ มือใหญ่ที่กุมมือแม่อยู่ชื้นไปด้วยเหงื่อและสั่นน้อยๆ ด้วยความตื่นเต้น คาดหวัง บังคับให้แม่ต้องยอมจำนนอยู่ในที

      'ชีวิตคนเรามันช่างสั้น คิดเหมือนผมไหมเราไม่รู้ว่าความสุขจะผ่านมาอีกเมื่อไร และถ้าผ่านมาก็ไม่รู้จะใช่รึเปล่าอีก แต่ชีวิตมันต้องเสี่ยงกันทั้งนั้นไม่มีอะไรได้มาฟรี ถ้าอยากได้ก็ต้องเสี่ยงครั้งนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับผมที่วางเดิมพันไว้สูงมาก ถ้าพลาดก็คงจะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว... ที่อยากจะพูดคือ ถ้าคุณไม่รังเกียจผู้ชายแบบเกลล์ ผู้ชายที่เคยถูกใช้งานมาแล้ว เกลล์ก็ยินดีจะใช้ชีวิตต่อไปกับคุณ'

      ‘ไม่เลยที่รัก ผมก็ไม่ได้ดีอะไรนักหนา ชีวิตที่ผ่านมามันเป็นอดีตที่เราไม่สามารถจะแก้ไขได้ก็ให้มันผ่านไปเถอะมันไม่สำคัญ ขอแค่เกลล์นะครับ’

      ‘ขอบคุณ ผมชอบคุณนะครับอาจจะยังรักได้ไม่ทั้งหมด แต่คุณจะทำให้ผมรักคุณหมดใจได้ใช่ไหมจากนี้ต่อไป สัญญาได้ไหมว่าเรื่องนี้เราตกลงกันสองคน ถ้าวันหนึ่งคุณจะไม่ใช่คนของผมก็ขอให้บอกตรงๆ อย่าไปโดยไม่บอก ผมไม่อยากจะเจ็บเพราะไม่รู้อีกแล้ว’

      ‘โอ้!! เกริดา ที่รักขอบคุณเหลือเกิน ขอบคุณที่เชื่อใจกันผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจ รับปากว่าจะอยู่ด้วยกันแล้วต่อไปนี้ห้ามเบื่อ ห้ามขอเลิก ห้ามนอกใจ ห้ามรักน้อยกว่าเดิมนะครับ’ 

      ‘คุณเองก็เหมือนกัน’


      เกลล์ยิ้มหวานซบหน้าลงกับต้นแขนของ 'แฟน' หมาดๆ ราวกับอดไม่ได้ อเลสซานโดรโอบกระชับร่างบางแน่นขึ้นพร้อมก้มลงหอมผมนุ่มนิ่มอย่างอดใจไว้ไม่ได้ นัยน์ตาคมมองแต่ใบหน้าสวยปานนางฟ้าด้วยสายตาหยาดเยิ้มราวกับโลกนี้มีเพียงเขาสองโดยลืมไปว่าบริเวณนั้นยังมีแม่น้องสาวยืนมองด้วยความสุขสมหวังอยู่ใกล้ๆ

      ‘แฮ่ม!! ไปทำกันต่อที่ห้องดีไหม’  ป๋าหัวเราะลั่นเลย ก้มลงแตะจูบอีกครั้งก่อนจะกอดร่างบางแน่นขึ้นกว่าเดิม

      ‘ชริ์!!’  เกลล์สะบัดบ๊อบใส่แม่น้องสาวเพราะหมั่นใส้แกมเอ็นดู

      ‘เค้าดีใจนะที่ตัวเองมีคนดูแลแล้ว ป๋าอยู่กับเกลล์ไปนานๆ นะ ดูแลเกลล์แทนเมย์ในวันที่เมย์ไม่อยู่ด้วยรู้ไหมคนสำคัญของเมย์เลยนะนี่’

      ‘ไม่ทิ้งหรอกดวงใจของตัวเองเลยนะ’
  แม่จบเรื่องราวรักโรแมนติกของตัวเองด้วยรอยยิ้มหวานละมุนราวกับตกหลุมรักอีกแล้ว




      “น้ำหนูรักลูกชายของแม่ไหม”  อยู่ๆ เกลล์ก็ถามออกมาโดยไม่ตั้งตัวทำเอาน้ำนิ่งชะงักค้างไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว

      “ห๊ะ!!  อะ อะไรนะครับ”

      “หนูรักราล์ฟรึเปล่าหึม”  แม่เกลล์เลิกคิ้วถาม  น้ำนิ่งยังอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบยังไง

      “รักฮะ แต่ว่า...ถ้าเราเป็นพี่น้องกันแบบนี้ ละ แล้วแม่กับป๋าจะให้เราเลิกกันรึเปล่าฮะ”

      “ทำไมถึงคิดแบบนี้ล่ะครับ ก็อย่างที่บอกเราไม่คิดจะห้ามความสุขของลูก ชีวิตของพวกหนูต้องลิขิตเองไม่ใช่พ่อแม่ชักนำ ที่ถามแม่แค่อยากจะมั่นใจว่าหนูรักพี่เขาจริงๆ อย่าว่างั้นว่างี้หรือโกธรเลยนะแม่แค่อยากจะมั่นใจ จะว่าไปด้วยวัยเท่าน้ำเพิ่งจะผ่านโลกมาไม่กี่ปี ยังต้องเจออะไรอีกหลายอย่าง แล้วที่สำคัญวุฒิภาวะทางอารมณ์ก็ยังไม่คงที่ผันแปรได้ตามสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา  เด็กวัยขนาดหนูเวลารักใครก็เอาแต่ใจเรียกร้องจะเอาให้ได้ แต่หลังจากได้แล้วก็ไม่รักษาของ พอเจอสิ่งใหม่ที่น่าสนใจก็ทิ้งของเก่าแม่เห็นหลายรายแล้วเปลี่ยนคู่เป็นว่าเล่น แล้วยิ่งราล์ฟอายุมากกว่าน้ำแบบนี้....บอกตรงๆ แม่ห่วง”

      “ไม่ฮะขอให้เชื่อน้ำรักลุง หวงมากด้วย ไม่ใช่เพราะสำนึกบุญคุณที่ลุงเลี้ยงมาแต่รักเพราะรัก รักแบบอยากจะเป็นคู่ชีวิต น้ำไม่เกี่ยงด้วยว่าลุงจะอายุมากกกว่า...น้ำลองทบทวนความรู้สึกของตัวเองแล้วถ้าใช่ไม่ความรักน้ำก็คงจะไม่ปวดใจแทบตายตอนที่ลุงมีข่าวกับผู้หญิงคนนั้น...” . น้ำเสียงยืนยันร้อนรนจริงจังกับนัยน์ตาหวานเด็ดเดี่ยวที่มองไม่หลบสายตาจากเกลล์ เรียกรอยยิ้มอบอุ่นจากเกลล์อย่างง่ายดาย

      “ลุง…ผู้หญิง!?”  สีหน้าเกลล์เต็มไปด้วยความสงสัยกับสิ่งที่น้ำนิ่งกล่าวถึง จำไม่ได้ว่าเจ้าลูกนั่นเคยมีความรู้สึกแบบนั่นกับผู้หญิงด้วย

      “อะ เออ คือมันเป็นสรรพนามที่ใช้เรียกเวลารู้สึกว่ารักแบบอธิบายความรู้สึกไม่ได้ คือน้ำไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไงแต่ชอบเวลาเรียกยังงี้ แล้วภูมิเขาค่อนข้างจะเซนซิทีฟกับคำเรียกนี้เอามากๆ”  นัยน์ตาเพ้อฝันของน้ำนิ่งทำให้เกลล์ยิ้มตาม

      “แม่รู้แล้วแหละว่าทำไม ฟังจากน้ำเสียงที่หนูใช้เรียก “ลุง” มันดูเชิญชวนจนอยากจะจับกด ไม่โกธรกันนะที่พูดตรงๆ  แม่ยังรู้สึกแล้วเจ้านั่นจะไม่รู้สึกได้ยังไง เวลาที่มันได้ยินเสียงเรียกแบบนั้นแม่ว่ามันคงหื่นขึ้นคอแน่ๆ เลยทำเป็นโกธรกลบเกลื่อนความอยากของตัวเองนะสิ  โอ้ย!! ไอ้เด็กบ้าเอ๊ยฮ่า ฮ่า”

      “แม่น่ะ...”  เกลล์ทำเสียงสัพยอกล้อเลียนน้ำนิ่งยิ่งตัวแดงหน้าแดงอายม้วนกว่าเดิมน่ารักจริงเจ้าเด็กนี่

      “แล้วเรื่องผู้หญิงมีแบบนั้นด้วยเหรอ เป็นข่าวใหม่ที่ทำเอาแม่แปลกใจเลยนะ เจ้านั่นมีความรู้สึกแบบนั้นด้วยเหรอนี่”

      “เออ..คือจริงๆ มันเป็นความเข้าใจผิดของน้ำเองฮะ  เราปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้วฮะ” 

      “อ้องั้นเหรอครับ  เอหรือเราหาเรื่องแกล้งให้เจ้าเด็กหัวดื้อคลั่งดีไหม เอางี้เราเปลี่ยนมาเรียกเจ้าเด็กนั่นว่า “ลุง” เลยดีไหมเอาให้มันคลั่งไปเลยหึ หึ...”

      “โห้ย! แม่...ไม่เอาหรอกฮะ เดี๋ยวตาลุงขึ้นแล้วน้ำจะโดนชนกระแทกยับเรียกประกันไม่ทันแน่ๆ อะ เออ..แม่ฮะน้ำมีเรื่องอยากจะถาม  ตะ..แต่ไม่รู้ว่าจะเหมาะไหม”  หน้าหวานแดงระเรื่อเจือความสงสัยกระจายไปทั่ว มือบางบิดกุมกันบนตักอย่างคนขาดความมั่นใจ

      “เรื่องอะไรล่ะหึ”
 
      “ระ..เรื่องบนเตียงน้ำไม่ค่อยเข้าใจหลายเรื่องๆ  ถะ..ถ้าหนูเป็นคนเริ่มก่อน เรียกร้องบ้าง  อ..เออมันจะน่าเกียจไหม ละ แล้วเค้าจะว่าเราเยอะไหม...” 

       หลังจากตัดสินใจถามออกไปอย่างเปิดเปลือย น้ำนิ่งก้มหน้าและใบหูที่แดงระเรื่อกว่าเดิมลง มือเรียวเล็กกุมอยู่หน้าตักบิดไปมาด้วยความเขินอาย เกลล์มองคนข้างๆ ด้วยความเอ็นดู ยกมือของตัวเองไปขยี้ผมนุ่มบนหัวทุย ก่อนจะเลื่อนมากุมกระชับมือเล็กที่บิดไปมาอย่างให้กำลังใจ

      “หึ หึ อายทำไมละหืม มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่เห็นเป็นไรเลยถ้าเราจะเริ่มก่อน เรียกร้องเอาแต่ใจบ้าง มันเป็นเสน่ห์ของการทำรัก ถ้าทำแบบนั้นขี้คร้านเจ้าบ้านั่นไปไหนไม่รอด ถ้าเราไม่พูดไม่บอกเขาไม่รู้หรอกนะว่าเราชอบแบบไหน เรื่องบนเตียงมันก็จะจืดชืดพานจะเลิกรากันไปแบบนั้นก็แย่ใช่ไหมล่ะ เราเองก็ถามเขาบ้างก็ได้ว่าชอบแบบไหนก็สนองเขาอย่างที่เขาชอบไม่แปลกนี้จ๊ะ แม่จะบอกว่า เมียที่ดีคือโสเภณีบนเตียงของผัว นะครับจำเอาไว้ที่รัก  แต่ข้อเท็จจริงคือต้องเป็นยิ่งกว่าโสเภณีอีกมั้ง”  เกลล์อธิบายยิ้มๆ มองคนร่างบางที่กังวลจนหน้านิ่วคิ้วขมวดไปแล้ว

      “ไม่ต้องกังวลนะที่รัก เรารักใครก็อยากจะให้เขามีความสุขใช่ไหมล่ะ สัญชาตญาณจะบอกเองว่าหนูจะทำยังไงให้เขามีความสุข  เคล็ดลับอีกอย่างถ้าทะเลาะกันอย่าปล่อยให้ข้ามคืนเด็ดขาด ต้องหันหน้าคุยกันให้เข้าใจเอาให้เคลียร์ในวันนั้น  แต่ก็อย่าคุยในตอนที่อารมณ์ร้อนนะแม่รับประกันได้ว่ามันพังอย่างเดียว ทางที่ดีคือเข้ามุมใครมุมเราอารมณ์เย็นก็ค่อยคุยกัน ไม่มีใครที่จะเข้าใจใครหรือเอาใจใครได้ตลอดหรอกครับ ชีวิตคู่มันก็แบบนี้บางเวลาก็ต้องมีพื้นที่ส่วนตัวของเขาของเราบ้าง ปล่อยบ้างดึงบ้างผู้ชายก็แบบนี้ จะรักเราแค่ไหนเขาก็ไม่ชอบการถูกควบคุมหรอกนะที่รัก 

       ชีวิตคู่มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนปีกย่อยเยอะแยะ ต้องศึกษากันไปตลอดชีวิตนั่นแหละ อย่างป๋ากับแม่เรายังมีเรื่องที่ต้องให้เรียนรู้กันอยู่ตลอดเวลาเลยนะ จะไปเปลี่ยนเขาให้เป็นตามใจเราต้องการก็ไม่ได้ ก็แค่ต้องยอมรับที่เขาเป็นเขา ต้องรู้จักผ่อนปรนรอมซอม คิดตริตรองด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์ ไว้เนื้อเชื่อใจอย่าซักไซ้  ไร่เรียงแม้จะอยากรู้แทบตายทำเหมือนหูหนวกตาบอดบ้าง ให้เกียรติยกย่อง ให้อิสระ เชื่อฟังราวกับช้างเท้าหลัง

       และที่บอกว่าเชื่อฟังในที่นี่ก็ไม่ได้หมายความเราจะต้องอ่อนถ้อยยอมความไปเสียทุกอย่าง แค่เชื่อฟังและถกเถียงบ้างด้วยข้อเท็จจริง เหตุและผล ผู้ชายร้อยทั้งร้อยจะรู้สึกภาคภูมิใจว่าเป็นผู้นำ โลกทั้งใบอยู่ในกำมือ อ๋อ!! ขาดไม่ได้เลยรู้จักใช้มารยาหลายพันเล่มเกวียนอย่างเหมาะสม เขาจะรักเกรงใจเรามากถึงมากที่สุด ที่นี่รู้นะว่าใครยอมใคร ใครบังคับใคร ใครใหญ่สุดในบ้าน” แม่เกลล์จบคำอธิบายปรัชญาชีวิตครอบครัวยืดยาวด้วยรอยยิ้มละมุนอ่อนโยนมาให้น้ำนิ่ง

      “ห๊ะ!! ต้องขนาดนี้เลยเหรอ” 

      “ต้องขนาดนั้นเลยที่รัก  แต่จริงๆ มีอีกเยอะแยะน่ะนะ ก็อย่างที่บอกมันเป็นการศึกษาตลอดชีวิตไม่มีวันจบถ้าไม่ตายจากกันะครับ”  เกลล์ตบมือเล็กที่ยังกุมอยู่ปุปุให้กำลังใจ
 
      “น้ำจะพยายามฮะ”

      “แม่เชื่อครับที่รัก  ตาลุงของหนูไปไหนไม่รอดหรอก หึ หึ”













TBC.

ปล.

1. ว่างๆ ระหว่างมาเฝ้าเด็กซ้อมรำก็เอามาลงให้ เป็นตอนคั่นเวลาเบาๆ กับปูมหลังของครอบครัวภูมิรพี (ระหว่างรอฝ่ายนั้นฟอร์มทีม ก็บอกแล้วเราไม่เอาเปรียบคู่ต่อสู้ที่อยู่ระหว่างอ่อนแอ) ตอนหน้าเราจะยังอยู่กับสองคนนี้อีกสักตอน แล้วเราไปรู้จักคนอื่นกันบ้างนะครับ

2. ขอให้สนุกกับการอ่านและขอบคุณสำหรับการติดตามครับผม  :)

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ที่มาทีไปของ ลุง เป็นงี้เอง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
นี่ถ้าพ่ออเลสซานโดรไม่รักแม่เกลล์จนยอมทะเลาะกับปู่แล้วหันหลังให้กับตระกูลคงไม่มีพี่ภูมิ

และถ้าไม่มีน้าเมย์ที่ลงทุนขอร้องให้ทั้งคู่มีลูกก็คงไม่มีพี่ภูมิเช่นกัน

ว่าแต่ศัตรูที่มีแค่ ACE ก็ไม่รู้ว่าจะรับมือไหวไหม แล้วนี่มีทั้งKAB และ ACE

ที่เป็นพันธมิตรกันอยู่อีกถ้าร่วมมือกันพวกภูมิจะไหวไหมเนี่ย  :ling3: :ling3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ เลิฟลี่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
สนุกมาก ตามอ่านทุกตอนเลย  แล้วใครนะช่างทำกับหนูได้ ลุงกำจัดมันซะนะ

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
@ Ginny Jinny
>>  ครับลุงเขาก็พอจะมีชาติตระกูลอยู่ ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกซะทีเดียว  ด้วยความที่ติดเด็กเลยจำให้ต้องห่างบ้านห่างเมืองห่างอาป๊าอาหม๊า 

@ TaecKhun Imagine Love
>>  พวกไม่มีคนเหล่านั้นก็คงจะไม่มีภูมิรพีจริงๆ  ส่วนสองกลุ่มนั้นมันก็เป็นวิถีมาเฟีย  ถ้าไม่มีอุปสรรคก็ไม่ทำให้แกร่งขึ้นมาได้ ต้องรอดูกันไปครับ

@ เลิฟลี่
>>  ขอบคุณสำหรับการติดตามครับผม  ภูมิรพีกำจัดศัตรูแน่ เมื่อเวลาเหมาะสม


ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เด็กเลี้ยง



- 18 -

แม่ตัวดี








   “คิดอะไรอยู่ครับ ยังไม่นอนเหรอฮืม”  ภูมิรพีถามขณะเดินออกมาจากห้องน้ำบนร่างแกร่งสวมเพียงกางเกงขายาวตัวเดียว มีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพาดบ่าออกมาด้วย ผมถูกเสยขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจแต่เซ็กซี่เอ็กซ์แตกอยากจะขย่มแรงๆ อยู่บนร่างแกร่งโคตรๆ สามีใครก็ไม่รู้เนอะ น้ำนิ่งไม่ได้เยอะนะแต่อย่าบอกตาลุงนั่นก็แล้วกันว่าอะไรคิดอยู่ ก็แค่คิดแต่ยังไม่พร้อมรับอะไรหรอกตอนนี้

   “มานี่สิเดี๋ยวหนูเช็ดผมให้” 

    น้ำนิ่งลุกขึ้นขยับตัวไปนั่งริมเตียง ภูมิรพีเดินมานั่งลงพื้นเตียงตรงหว่างขาของคนตัวเล็ก มือแกร่งยกขาเรียวเล็กทั้งสองข้างของน้ำนิ่งไปพาดบ่ามือใหญ่กอบกุมที่ข้อเท้า นาบปากร้อนกดจูบลงที่ขาอ่อนด้านในย้ำๆ ลากไปเกือบจะถึงจุดยุทธศาสตร์ของน้ำนิ่งอยู่แล้ว เวลาภูมิรพีทำแบบนี้คนที่นั่งซ้อนหลังก็ขึ้นง่ายเกิ๊นหลุดครางเสียงหวานโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้ดัดจริตแต่มันเสียวโคตรๆ ชะโงกไปกัดปากล่างอย่างหยอกเย้าค่อนข้างแรงกับคนตัวโตน้ำนิ่งได้ยินเสียงซี๊ดปากคงจะเจ็บหรือหื่นก็สุดจะเดา ไม่ได้ตั้งใจให้วาบหวามแค่อยากจะให้หยุดความหื่นของตาลุงเท่านั้นเอง คนร่างบางยืดตัวขึ้นดึงผ้าขึ้นมาเช็ดผมให้ภูมิรพีอย่างเบามือแถมกดคลึงนวดไล่คลายความเมื่อยล้าไปด้วย ภูมิรพีครางเบาๆ ด้วยความพึงพอใจ

   “ว่าไงทำไมยังไม่นอนคิดอะไรอยู่”

   “วันนี้มีเรื่องให้ประหลาดใจตั้งหลายเรื่อง ที่ไม่คิดว่าตัวเองจะมีก็มี แล้วมันก็อดน้อยใจไม่ได้ว่าภูมิไม่เคยบอกหนูเลย”

   “อย่าโกธรภูมิเลยนะที่ไม่ได้บอกหนูก่อน ก็กะว่าจะพาไปเซอร์ไพร์ตอนปิดเทอม”

   “ไม่ได้โกธร แต่ภูมิเข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกกันออกจากความจริงหลายเรื่องๆ รึเปล่า”

   “ขอโทษเด็กดี ภูมิไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้  แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง เราเลยยังไม่บอกภูมิไม่อยากให้หนูกังวล”

   “แล้วตอนไหนถึงจะเป็นเวลาที่เหมาะสมกันล่ะ ภูมิทำเหมือนเราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน”

   “ไม่ใช่นะครับ โธ่..แม่ทูนหัวของภูมิคิดมากไปได้น่า ป๋ากับแม่อยากจะเอาหนูไปเลี้ยงเองด้วยซ้ำ แต่สถานการณ์หลายๆ อย่างมันไม่อำนวยที่จะบอกได้ เราไม่อยากจะให้หนูเป็นเป้าหมายของการต่อรองอีกคน ภูมิไม่อยากเสี่ยงแลกหนูกับอะไรทั้งนั้น เข้าใจสิ่งที่พวกเราทำนะครับ”

   “แม่บอกหนูแบบนี้เหมือนกัน”

   “แล้วแบบนี้ยังจะงอนภูมิอยู่อีกหรือเปล่า”

   “ก็ไม่แล้วล่ะ แต่ถ้าคราวหน้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีกและยังคิดว่าหนูเป็นครอบครัว เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตภูมิก็บอกหนูด้วย...บางเรื่องหนูอาจจะช่วยไม่ได้แต่อยู่เป็นกำลังใจให้ได้”

   “เข้าใจแล้วครับ  ภูมิว่าถ้านอนไม่หลับ งั้น....”  ไม่เข้าใจว่าภูมิรพีจะสับสวิตช์เปลี่ยนโหมดได้ไวขนาดนี้ อิลุงส่งสายตา  วิบวับแสดงความต้องการไปให้คนที่นั่งซ้อนหลัง มือร้อนของคนตัวโตลูบไล้ไปตามเรียวขาสวย นาบปากร้อนไปตามเรียวขาโดยเฉพาะข้อเท้าดูดดึงขบเม้มจนน้ำนิ่งแทบจะขึ้น

   “อะภูมิ...หยุดน้าไม่เอา...”

   “หลายวันแล้วนะที่หนูไม่ยอมกอดภูมิ..นะครับ นะ..คิดถึง”

   “ปล่อยก่อนฮะ ไม่เอาแม่กับป๋าอยู่”

   “เขารู้แล้วน่าว่าหนูเป็นอะไรกับภูมิ.. นิดเดียวนะครับคิดถึงหนูจะตายอยู่แล้ว..”  ภูมิคลอเคลียนาบปากร้อนไปตามเรียวขาสวยจนมาหยุดดูดเม้มที่ขาอ่อนด้านในหนักข้อขึ้นคนตัวบางหลุดเสียงครางเบา ภูมิรพียกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยเสียงอ้อนคนตัวเล็กออกไปอีกครั้ง

   “นะครับ”

   “ให้หนูช่วยได้ไหมละ  แล้วพอถึงบ้านเราค่อยทบต้นทบดอกนะ น้า...”  คนตัวเล็กชะโงกหน้าไปนาบจูบที่แก้มสากอย่างหลงใหลเอาอกเอาใจสลายความหื่นตาลุงชั่วคราว  ไม่ใช่จะเล่นตัวอะไรมากมายหรอกนะ เอาจริงๆ น้ำนิ่งก็อยากให้ภูมิเหมือนกัน แต่ก็นะ...เกรงใจแม่สามี ถึงเกลล์จะบอกให้ทำตัวเป็นโสเภณีของสามี แต่มันก็ไม่ใช่ไงเจอพ่อแม่ปั๋วครั้งแรกไม่ไปเห็นเดือนเห็นตะวันแต่ให้นอนซมติดเตียงมันคงไม่เหมาะสักเท่าไรใช่ไหมละ

   “กอดเลยไม่ได้เหรอหึ...ครั้งเดียวเสร็จแล้วภูมิพอเลยไม่ต่อรอบได้ไหมนะ” 

    ภูมิรพียังต่อรองกับเมียเด็กใช่ว่าจะผ่อนปรนไม่ได้  ก็แค่อยากจะอ้อนเมีย แต่ถ้าได้ก็ดีไม่ใช่รึไง  มือหนายกขึ้นโอบไปด้านหลังคอของคนตัวเล็กโน้มคอให้หน้าของคนตัวเล็กคลอเคลียไปกับปากของตัวเองที่ยื่นไปหา น้ำนิ่งเองก็กดจมูกสูดดมไปตามขมับและกลุ่มผมนุ่มหอมของภูมิรพีอย่างรักใคร่ นิ้วเรียวแกร่งของคนตัวโตคลึงนวดหลังคอสอดพันเกี่ยวกระหวัดกับเส้นผมอ่อนนุ่มของคนตัวเล็กอย่างเผลอไผล่

   “ไม่เอาพอก่อน  ไว้ทบต้นทบดอกทีเดียวนะ...หนูยอมให้คิดดอกทั้งคืนเลยไม่ดีกว่ารึไง”  ดูเสียงหวานที่หลอกล่อให้เราตกปากรับคำนี่อีกทำราวกับเราเป็นเด็กน้อยเอาขนมมาหลอกล่อก็จะกระโจนลงหลุมทันทีรึไง

   “นะลุง...”


.


.

   “เฮ้อ...ภูมิปฏิเสธหนูไม่เคยได้สักทีสิน่า”  ผมตายสนิทไปแล้วครับกับคำว่า “ลุง” ท้ายที่สุดก็ต้องยอมเด็กนี่จนได้ แต่เอาเถอะเก็บเปรี้ยวไว้กินหวาน ยังไงซะเด็กน้อยก็เป็นของเขาวันยังค่ำแหละ ปล่อยไปก่อนก็แล้วกันถึงเวลาเขาจะเก็บดอกคืนเอาให้คุ้มจนลุกจากเตียงไปไหนไม่ได้เลยเชียว  คืนนั้นเลยเป็นอันว่าภูมิรพีได้แต่นอนปลอบลูกชายที่ร้องไห้เพราะแม่ไม่ยอมกอดอยู่นานกว่าจะยอมอ่อนข้อให้แต่ไม่ยอมนอน ยิ่งความหอมจากผิวกายที่กรุ่นกำจายจากคนในอ้อมกอดยิ่งทำให้ทรมาน  หลังจากน้ำนิ่งหลับสนิทภูมิรพีรีบปลีกวิเวกทำภารกิจโลกสวยด้วยมือเราเกือบชั่วโมง...วินาทีนี้ภูมิรพีรู้สึกว่าตัวเองชักจะเหมือนตาลุงหื่นกามดีๆ นี่เอง...



   น้ำนิ่งรู้สึกตัวตื่นตอนตีห้าครึ่งตามนาฬิกาชีวิตที่ปฏิบัติเป็นประจำ คนที่นอนกอดกันมาทั้งคืนยังไม่รู้สึกตัวตื่น น้ำนิ่งมองหน้าของภูมิรพีอย่างรักใคร่หลงใหล  คนตรงหน้าหล่อเหลาคมเข้มแม้ยามหลับจนอดไม่ได้ที่จะก้มลงแตะจูบบางเบาบนริมฝีกปากหนาได้รูปนั่น ก่อนจะเคลื่อนตัวลงจากเตียง 

    อากาศตอนเช้าของที่นี่สดชื่นเย็นสบาย  ท้องฟ้าด้านนอกที่มองเห็นจากรอยแยกของผ้าม่านที่ปิดไม่สนิทเจือสีน้ำเงินหมองหม่นของเวลาเช้าตรู่ แสงอาทิตย์บางเบายังไม่โผล่พ้นเหลี่ยมเขาเบื้องหน้า ปุยหมอกลอยเอื่อยอย่างเกียจคร้าน  ไกลออกไปไร่ชาสุดลูกหูลูกตาที่ปลูกเป็นขั้นบันไดคนงานกำลังขะมักขะเม้นเก็บใบชากระจายไปทั่วบริเวณ

    น้ำนิ่งบิดตัวคลายความเมื่อยขบสองสามทีก่อนหันหลังกลับเดินเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัว เสร็จภารกิจจากห้องน้ำคนตัวโตบนเตียงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เดินเข้าไปจนชิดเตียงก้มลงกดจมูกของตัวเองสูดดม กลิ่นกายหอมของภูมิรพีอย่างหลงใหลจนพอใจ ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูงเดินออกจากห้องปิดประตูตามหลังแผ่วเบาไม่ให้รบกวนคนบนเตียง



    ร่างบางคิดว่าจะไปเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์แล้วก็ชมไร่ชาตอนเช้ารอภูมิรพีตื่นน่าจะดีกว่า เดินลงบันไดมายังไปไม่ถึงประตูเลยด้วยซ้ำต้องชะงักเท้าเปลี่ยนใจเดินไปตามเสียงพูดคุยจนมาถึงครัวใหญ่

   “อรุณสวัสดิ์ฮะ”  น้ำนิ่งกล่าวทักทายคนเป็นแม่ ปากบางได้รูปสวยแย้มยิ้มน่ารักเลยไปจนถึงแม่บ้านที่ช่วยแม่เตรียมทำอาหารอยู่

   “อ้าวลูก ตื่นเช้าจังเลยเราหลับสบายดีไหม”  เกลล์วางมือจากเครื่องปั่นน้ำผลไม้เดินมากอดน้ำนิ่งกดจมูกโด่งหอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่ ลูกชายคนเล็กก็ไม่ยอมแพ้หอมแก้มคนเป็นแม่คืนจนได้ยินเสียงหัวเราะของความพอใจ

   “หลับสนิทเลยฮะ  แม่กำลังทำอะไรเหรอฮะ” 

   “กำลังจะปั่นน้ำฝรั่งแล้วก็เตรียมอาหารเช้าครับ แต่ยังไม่ได้ดูเลยว่าจะทำอะไร หนูอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”

   “งั้นให้น้ำทำนะฮะ”

   “ฮืม ทำเป็นเหรอเราน่ะ”

   “เป็นสิฮะ เดี๋ยวน้ำจัดการเอง แม่ไปนั่งรอเลยฮะ”

   “เอางั้นเลยเหรอ”  น้ำนิ่งจูงมือคนเป็นแม่ไปนั่งที่เคาน์เตอร์  เดินกลับมารินน้ำฝรั่งให้แม่จิบรอไปพลาง ตัวเองก็เดินกลับมาเปิดตู้เย็นหลังใหญ่ดูว่ามีอะไรพอจะทำได้บ้าง

   “ป๋ากับแม่ชอบกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าฮะ”

   “ไม่จ๊ะ ป๋าเขาไม่เรื่องมากอะไรก็ได้จ๊ะง่ายๆ” 

   “งั้นน้ำทำข้าวต้มปลากระพง  ไข่กระทะ  มันฝรั่งอบกระเทียมกับแอปเปิ้ลทอด กินกับน้ำฝรั่งสด แล้วกันนะฮะ ”

   “โอ้ เยอะขนาดนั้นให้แม่ช่วยไหม”

   “ไม่เป็นไรฮะ แม่นั่งเลยแป๊ปเดียวเองครับ”

   “แม่ทำด้วยกันดีกว่า อยากมีบรรยากาศแม่ลูกเข้าครัวครั้งแรกนี่น่า”

   “ฮ่า ฮ่า งั้นเราช่วยกันทำดีกว่าฮะ” 

    ระหว่างพูดมือของน้ำนิ่งก็กดมันฝรั่งที่ต้มจนนิ่มแล้วให้แบนเล็กน้อย เสร็จแล้วเอาน้ำมันมะกอกทาไปที่มันฝรั่งโรยด้วยกระเทียมและผงสมุนไพรที่สับไว้แล้ว ก่อนจะนำเข้าตู้อบ หลังจากนั้นก็หันไปทำข้าวต้มปลากระพงต่อ

   “น้ำทำทุกอย่างคล่องแคล่วเชียว ใครสอนหึม” 

   “ยายชื่นฮะ”

   “ใครเหรอครับ”

    “อ๋อน้ำหมายถึงยายที่ดูแลตั้งกะพวกเรายังเด็กนะฮะ ยายเก่งมากเลยฮะแม่ ก่อนที่จะมาดูแลพวกเรา เคยเป็นคุณข้าหลวงในวังประจำอยู่ห้องเครื่องเลยนะทำอาหารเป็นทุกอย่างเลยโดยเฉพาะอาหารชาววังต้นตำรับน่ะสุดยอดมาก  ถ้ามีเวลานะน้ำจะทำให้ทานเลย” 

   น้ำนิ่งคุยเสียงใสเจื้อยแจ้วไม่หยุด มือก็ทำข้าวต้มอย่างคล่องแคล่วจนเสร็จในเวลาไม่นาน ก่อนที่จะหันไปเอามันฝรั่งอบออกจากเตาอบยื่นให้แม่บ้านจัดใส่จานเตรียมเสริ์ฟ  หันไปทำแอปเปิ้ลทอดต่อ คนเป็นแม่และแม่บ้านที่ช่วยงานในครัวสองสามคนมองคนตัวเล็กทำอาหารด้วยสายตาชื่นชมเอ็นดู ขณะที่คณะแม่ครัวกำลังทำอาหารกันอย่างสนุกสนาน  สองหนุ่มเดินเข้ามาในครัว

   “อรุณสวัสดิ์ครับแม่”

    สองหนุ่มเอ่ยทักทายและเดินเข้ามาหอมแก้มแม่คนละข้างฟอดใหญ่  ภูมิรพีเดินเลยเข้าไปโอบเอวคนตัวเล็กซึ่งกำลังหั่นแอปเปิ้ลเป็นแว่นๆ เอาพิมพ์กดไส้กลางออก แล้วนำไปชุบแป้งทอด บางส่วนที่สุกเหลืองก็นำขึ้นมาโรยด้วยไอซิ่ง

   “กำลังทำอะไรครับ ตื่นมาไม่ปลุกภูมิเลย”

   “ฮื่อ..ปล่อยก่อนทำอาหารอยู่เห็นไหมเนี่ย” 

   “ก็ทำไปสิ จะกอดเฉยๆ ไม่ได้กวนสักหน่อย” 

    ปากบอกกอดเฉยๆ แต่การกระทำมันไปคนละทางเลย ปากร้อนของคนตัวโตนาบไปตามลาดไหล่หลังคอ เม้มติ่งหู มือหนาโอบประคองหน้าหวานไปแตะจูบอ่อนโยน หน้าของคนตัวเล็กแดงระเรื่อขึ้นทันตาเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นสายตาล้อเลียนของแม่และพวกป้าๆ

   “ก็มันทำไม่ถนัด หยุดนะฮื่อ...เฮียช่วยเค้าหน่อยเอาไปเก็บทีเหอะไม่ไหวจะเคลียร์” 

   น้ำนิ่งร้องหาตัวช่วยเมื่อคนตัวโตชักจะเยอะ คนถูกเรียกก็ช่างได้ใจเหลือเกินวางแก้วน้ำที่ยังไม่ได้ดื่มลงที่เคาน์เตอร์แทบจะทันที เข้ามาดึงน้องชายตัวดีออกจากคนตัวเล็กทันที

   “มานี่เลย เก็บๆ มั้ง กวนน้องนะมึง” 

   “โอ๊ย!!  น้องเฮียนะเมียผมเปล่าวะ”

   “เออรู้ เพลาๆ บ้างเถอะ”  เสียงร้องประท้วงของภูมิรพีไม่ได้ทำให้เฮียเซนหยุดอาการกระชากลากถูแต่อย่างใด ภูมิรพีโดนลากออกไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร เกลล์มองสองหนุ่มแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยความหมั่นไส้

   “อ้าว!! ก็เด็กมันยั่ว เฮียก็เห็น”

   “ที่ไหนน้องทำอาหารไม่ได้อะไรเลย” 
   
   “โว้ย!! เฮียไม่เข้าใจ”

   “เข้าใจหัวอกเดียวกันเปล่าวะ!! ถ้าไม่ติดเคอร์ฟิวนะ เฮียเผ่นไปแล้ว”

    เสียงสองหนุ่มยังตอบโต้กันไม่หยุด ทำเอาตัวต้นเรื่องเขินจนวางตัวไม่ถูก เลยทำเป็นสนใจทำแอปเปิ้ลทอดจนเสร็จ เกลล์สั่งให้แม่บ้านจัดโต๊ะเพราะป๋ากลับมาจากไร่แล้ว ทุกคนพร้อมกันที่โต๊ะอาหารไม่นานป๋าก็เดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร มาถึงก็เดินเข้ามาหอมแก้มเกลล์ทั้งสองข้างก่อนที่จะผละตัวเดินไปนั่งหัวโต๊ะ

   “วันนี้ทำอะไรเยอะแยะเลย” 

   “วันนี้ลูกชายคนเล็กลงครัวเองครับ” 

   “ฮื่อจริงเหรอหน้าตาน่าทานมากนะ อะไรบ้างล่ะเนี่ย” ป๋าหันมาถามด้วยความแปลกใจ

   “ป๋าจะรับอะไรฮะข้าวต้มปลากะพงหรือไข่กระทะ” น้ำนิ่งเสนอเมนูทางเลือก

   “ชักหิวๆ ป๋าเอาข้าวต้มก่อนแล้วกัน”  แม่บ้านตักข้าวต้มใส่ชามมาเสริ์ฟป๋ากับเกลล์ ภูมิรพีขอไข่กระทะ เฮียเซนขอข้าวต้ม กับไข่กระทะ

   “ฮื้อฮือ อร่อยเข้าท่าเลยนะเนี่ย”  ป๋ากับแม่เอ่ยปากชมพร้อมกันหลังจากตักข้าวต้มกินไปคำแรก คนตัวเล็กยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นว่าอาหารที่ทำถูกปากป๋ากับแม่ เลยตักมันฝรั่งอบกระเทียมสองสามชิ้นมากิน

   “อ้าว!!  แล้วเราไม่กินเหรอ กินแค่นั่นมันจะอิ่มเหรอหึ เพราะงี้สิเลยไม่โตสักทีผอมบางแทบจะปลิวตามลมแล้วนะนั่น” ป๋าถามด้วยเสียงห่วงใยเมื่อเห็นน้ำนิ่งไม่กินข้าว

   “แค่นี้น้ำก็อิ่มแล้วฮะ” คนตัวเล็กเอ่ยตอบ ป๋าพยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะหันไปขอข้าวต้มเพิ่มจากแม่บ้าน ส่วนแม่เกลล์ขอแอปเปิ้ลทอดสามชิ้นราดน้ำผึ้ง  ส่วนตาลุงหื่นกำลังจัดการมันฝรั่งอบกระเทียม

   “ช่วงสามเดือนที่ป๋าให้พวกแกทำงานจะให้เซนรับผิดชอบดูแลงานฝั่งยุโรปกับอเมริกา ราล์ฟก็ดูฝั่งเอเชียกับออสเตรเลียทั้งหมดแล้วกัน”

   “แล้วป๋า..” เฮียเอ่ยถาม

   “ฉันก็จะพาเมียเที่ยวสิ  ทำงานแทนพวกแกมาตั้งกี่ปีแล้ววะ  ขอเวลาส่วนตัวบ้างเถอะ”  ป๋าเอ่ยตอบ

   “ผมก็ไม่ได้จะอะไรสักหน่อย ก็ถ้าป๋าจะพาแฟนเที่ยวแล้วเรื่องกระต่ายผมล่ะ”  เฮียทำเสียงติดจะล้อเลียนป๋า ก่อนจะเลยไปถึงประเด็นหลักของตัวเอง

   “แกก็เลี้ยงเองแล้วกัน  เด็กแกๆ ก็ดูแลกันเองแล้วกัน เดี๋ยวเมียฉันจะเหนื่อย”  น้ำนิ่งหันไปมองหน้าเกลล์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม  เกลล์ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาปากสวยเปิดยิ้มกว้าง นัยน์ตาสวยของเกลล์บอกเป็นนัยว่าใครคือผู้มีอำนาจสูงสุดของบ้านนี้

   “ขอบคุณครับป๋า”  สองหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกันที่ป๋ายอมยกเลิกเคอร์ฟิว 

   “ยอมให้ขนาดนี้แล้ว รับผิดชอบงานให้ดีด้วย”  ป๋ากล่าวสำทับ

   “ขอรับคุณท่าน”  คุณท่านไม่เอ่ยอะไรออกมามีเพียงสายตาคาดโทษส่งมาให้ สองหนุ่มยกยิ้มก่อนจะก้มหน้ากินอาหารตรงหน้า

    หลังทานอาหารเช้าเสร็จป๋าลากสองหนุ่มไปตรวจงานโรงแรมและรีสอร์ทสี่ห้าแห่งที่กระจายตัวอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอ  น้ำนิ่งถูกแม่หนีบตัวเข้าไร่ชา ลุงหมานผู้จัดการไร่พาทัวร์จนทำให้รู้ว่าไร่นี้ปลูกชา 2  สายพันธุ์ใหญ่ๆ  คือ ชาสายพันธุ์อัสสัม ชาพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมของไทย และสายพันธุ์จีน  ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศไต้หวันและจีน 

    การเก็บใบชาสามารถเก็บได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม – พฤศจิกายน ของปี ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยวยอดชาประมาณเวลา 05.00 – 14.00 น.  โดยเฉลี่ยจะเก็บใบชา 10 วันต่อครั้ง การเก็บยอดชาจะต้องไม่อัดแน่นในตะกร้าเพราะทำให้ยอดชาช้ำและคุณภาพใบชาเสีย เนื่องจากความร้อนที่เกิดขึ้นจากการหายใจของใบชา หลังการเก็บเกี่ยวลูกชายลุงหมานซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานจึงรีบนำส่งโรงงานผลิตให้  น้ำนิ่งได้ลองเก็บแล้วก็ไม่ยากเท่าไร ถ้าเกิดเรียนจบแล้วไม่มีงานจะมาขอเป็นชาวไร่ดูสักตั้ง  ออกจากไร่ลุงหมานพาเข้าโรงงานขนาดใหญ่ของไร่ ชมขั้นตอนการผลิตชาซึ่งกว่าจะได้ชาคุณภาพมีขั้นตอนยุ่งยากพอสมควรไม่ว่าจะเป็นการผึ่ง  คั่ว นวด หมัก อบแห้ง  และสุดท้ายคือการคัดบรรจุ 

   ระหว่างนั้นภูมิโทรมาแทบจะทุกชั่วโมงสั่งนั่นนู้นนี่จะอะไรของเขานักหนาก็ไม่รู้  สองแม่ลูกพร้อมบอดี้การ์ดอีกเป็นพรวนออกจากโรงงานเวลาเกือบเที่ยง ขับรถตามกันมาจนถึงโรงเตี๊ยมซึ่งตั้งห่างจากทางเข้าไร่ ประมาณ 500 เมตร  บรรยากาศของร้านเป็นอะไรที่น้ำนิ่งอยากจะกรี๊ดจนสาวแตก  การตกแต่งออกสไตล์เรโทรย้อนยุคผสมผสานรูปแบบโรงเตี๊ยมของจีนอย่างลงตัว สภาพภูมิทัศน์โดยรอบร่มรื่นน่านั่งมากที่นี่มีห้องพักสำหรับแขกที่ชอบการพักผ่อนแบบโฮมสเตย์กึ่งผจญภัย 50 ห้อง

   “เป็นไงชอบละสิ เรียนจบแล้วแม่ยกให้เราดูแลเลยดีไหมล่ะ”  แม่เกลล์เอ่ยถามยิ้มๆ  มือเรียวของแม่ปัดเกลี่ยผมยาวที่ปลิวตามลมจนยุ่งเหยิงของน้ำนิ่งขึ้นทัดหูให้

   “สวยมากจนน้ำอยากจะกรี๊ดให้สาวแตกเลย น้ำฝันอยากจะทำร้านแบบนี้มาตลอดเลย แต่มันจะได้จริงๆ เหรอฮะ”  น้ำนิ่งตอบแม่ทั้งที่ไม่ได้ถอนสายตาออกจากอาคารโรงเตี๊ยมที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้า

   “หึ หึ เป็นเอามากนะเรา ถ้าจะทำก็มา มันไม่มีอะไรเกินความสามารถเราหรอกน่า ปะเข้าไปข้างในเถอะโดนแดดมากเดี๋ยวไม่สบายแล้วเจ้านั่นจะเฉ่งแม่อีก”  เกลล์เอื้อมมือไปจูงน้ำนิ่งจะเดินเข้าไปข้างในแต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาทักทายคนทั้งคู่

   “สวัสดีครับ คุณท่าน” 

   “สวัสดีคุณรวี”  เกลล์เอ่ยตอบชายหนุ่มผู้มาใหม่ แต่สายตาของชายคนนั้นกลับแลเหลือบแสดงความสนใจมาให้น้ำนิ่งแทน

   “สวัสดีครับ คุณ...” 

   “อ้อ นี่นภนทีลูกชายฉัน  ส่วนนี่คุณรวีผู้จัดการโรงเตี๊ยมครับลูก”  คุณรวียื่นมือมาทักทายแต่น้ำนิ่งเลือกที่จะยกมือขึ้นไหว้ผู้มีอายุมากกว่าแทน  คุณรวีหน้าเก้อๆ แต่ก็ปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มได้อย่างรวดเร็ว

   “เป็นยังไงบ้างช่วงนี้ มีปัญหาอะไรไหม”  แม่เกลล์ถามคุณรวีก่อนจะจูงน้ำนิ่งก้าวเดินเข้าไปข้างในด้วยกัน 

   “ช่วงนี้โลว์ซีซั่นครับท่าน แขกไม่เยอะเท่าไรแต่ก็มีมาเรื่อยๆ  มีแขกพักมา 32 ห้อง ช่วงนี้ยังอยู่ในฤดูการเก็บเกี่ยวเราเลยมีกิจกรรมเก็บเกี่ยวผลผลิตให้แขกได้ทำกัน  ส่วนปลายเดือนพฤศจิกายน – มกราคม หมดหน้าเก็บเกี่ยวเราจะเพิ่มกิจกรรมเดินป่าตั้งแคมป์ครับท่าน”  คุณรวีตอบ

    “ก็ดีนะ แล้วเรื่องระบบความปลอดภัย คนนำทาง เราพร้อมรึเปล่า ความปลอดภัยของแขกสำคัญนะดูให้ดีด้วยอย่าให้มีอันตราย”  เกลล์กล่าวกำชับกับคุณรวี  เราเดินกันจนมาถึงบริเวณห้องอาหาร

   “มีครับ เรามีพรานและคนนำทาง 5 คน  ส่วนพื้นที่เดินป่าเรากำหนดโซนน้ำตกท้ายไร่ พื้นที่แถบนั้นยังคงความเป็นป่าที่สมบูรณ์ครับผม”

   “กินข้าวก่อนนะลูกเที่ยงกว่าล่ะ” หลังจากที่เรานั่งเรียบร้อยแล้ว เกลล์จึงหันมาถามน้ำนิ่งที่มัวแต่สนใจหันมองบรรยากาศรอบๆ

   “ยังไม่หิวเลยฮะแม่ ขอแค่น้ำขากับขนมได้รึเปล่าครับ”  น้ำนิ่งตอบคนเป็นแม่

   “ไม่ได้กินข้าวก่อนเดี๋ยวปวดท้อง  เจ้าบ้านั่นมันยิ่งสั่งแล้วสั่งอีกกลัวหนูไม่ทานข้าว เอากะหล่ำปลีทอดน้ำปลา หล่นปลาอินทรีสด  หมูหวาน  แกงคั่วหอยขม  ฟรังโก้ไปจัดการที”  แม่เกลล์ทำเสียงเข้มก่อนจะหันไปสั่งฟรังโก้ให้จัดการเรื่องอาหาร

   “ทานข้าวด้วยกันสิคุณรวี”  แม่เกลล์หันไปเชิญขวนคุณรวี 

   “ขอบคุณครับท่าน  ผมเรียบร้อยแล้วครับมีประชุมบ่ายโมงตรง  ผมขอตัวก่อนนะครับคุณท่าน”   คุณรวีกล่าวกับแม่ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้น้ำนิ่ง

   “งั้นก็ตามสบายเถอะนะ” 

   “สวัสดีครับคุณท่าน คุณนภนที”  คุณรวีลุกขึ้นยืน ก่อนจะโค้งให้คนทั้งคู่

   “สวัสดีครับ”  คล้อยหลังคุณรวีไม่นานอาหารที่เราสั่งก็ลำเลียงมาเสริ์ฟ รสชาดของอาหารอร่อยใช้ได้เลยเชียวแหละ ระหว่างกำลังนั่งทานกันอยู่ น้ำนิ่งรู้สึกถึงการสั่งของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง จึงหยิบออกมาดูปรากฏเป็นภูมิรพีโทรเข้ามา ทำให้คนตัวเล็กยกยิ้มขำๆ ตาลุงนี่ชักเยอะไม่โทรหาก็จะส่งข้อความหาแทบจะทุกชั่วโมงเลย

   “อะไรอีกล่ะภูมิ”  น้ำนิ่งกรอกเสียงลากยาวลงไป   

   // คิดถึง อยากกอด //

   “บ้าเหรอ จะคิดถึงอะไรนักหนาทุกชั่วโมง”  น้ำนิ่งเอามือป้องปากตอบกลับภูมิรพีด้วยเสียงเบา

    //ก็คิดถึงจริงๆ นี่น่า  แล้วกินข้าวรึยังเที่ยงกว่าแล้วนะ //

   “กำลัง แล้วภูมิกินยัง”

   // กำลังเหมือนกัน แต่อยากกินหนูมากกว่า แล้วอยู่ที่ไหนบ้าน?? ภูมิกลับไปกินได้ไหมนะน้า...//

   “บ้าแล้ว  เค้าอยู่ที่โรงเตี๊ยมกับแม่ รีบไปกินข้าวเลยไป๊ ไม่ต้องโทรมาอีกแล้วนะ เย็นก็เจอกันแล้ว”  น้ำนิ่งกดตัดสายทันทีไม่รอให้ทางนั้นต่อความยาวสาวความยืดแต่ประการใด หย่อนโทรศัพท์ใส่กระเป๋าตามเดิม พอเงยหน้าเห็นแม่ส่ายหน้ายิ้มๆ น้ำนิ่งเลยยิ้มตอบแบบเขินๆ เจ้าลูกตัวดีก็ช่างห่วงเมียเด็กเกินเหตุ

   “เจ้าราล์ฟล่ะสิ  มันบ้าบอโทรหาแม่แทบจะทุกครึ่งชั่วโมงย้ำแล้วย้ำอีกให้ดูเมียมันดีๆ นิสัยเหมือนป๋าไม่มีผิดหึ หึ“  แม่เกลล์กล่าวถึงอีกคนด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้แกมเอ็นดู

   “.....”  ไม่มีเสียงตอบจากน้ำนิ่ง มีแต่หน้าที่ขึ้นสีระเรื่องรอเวลาระเบิดและรอยยิ้มเขินอายให้คนเป็นแม่ ก่อนจะก้มหน้างุดจ้วงตักข้าวกิน แต่ยังได้ยินเสียงหัวเราะล้อเลียนของแม่กระทบโสตให้ได้เขินอายกว่าเดิม

   “เติมข้าวอีกไหมครับ” เกลล์ถามหลังจากเห็นข้าวในจานของน้ำนิ่งหมด แล้วคนร่างบางเตรียมรวบช้อน

   “พอแล้วฮะ อาหารอร่อยมากทำให้น้ำลืมตัวกินจนอิ่มตื้อพุ่งปลิ้นเลย” 

   “อ้าว ยังงี้ก็ไม่มีเหลือพอสำหรับใส่ทับทิมลอยแก้ว  กับบัวลอยไข่หวานนะสิ เอาไหมครับที่นี่ของเขาอร่อยนะแม่รับรองเลย”

   “ไม่ไหวแล้วฮะ แม่ดูสิพุงปลิ้นแล้วด้วย”  คนตัวบางทำหน้ามุ่ย ยกเสื้อเชิ้ตสีขาวเปิดพุงที่ยังแบนราบให้คนเป็นแม่ดู จนคนเป็นแม่หัวเราะเสียงดังลั่น

   “ฮ่า ฮ่า เอ้าอิ่มก็อิ่ม งั้นกลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่า แดดชักแรงแล้วเดี๋ยวไม่สบาย”

   “ก็ได้ฮะ”

   คณะคุณนายเคลื่อนขบวนออกจากโรงเตี๊ยมตอนบ่ายโมงเศษ ระหว่างทางเราแวะดูร้านค้าผลิตภัณฑ์จากใบชาและของฝากนิดหน่อยกว่าจะถึงบ้านก็เกือบบ่ายสอง  เกลล์สั่งให้น้ำนิ่งอาบน้ำให้สบายตัวแล้วนอนพักผ่อนได้เลย แล้วเกลล์ก็กลับออกไปดูงานที่ออฟฟิตซึ่งอยู่ปากทางเข้าไร่ต่อ





   น้ำนิ่งรู้สึกตัวตื่นเพราะแรงกอดกระชับจนรู้สึกถึงความอึดอัดหันหลังกลับไปมองเห็นใบหน้าหล่อคมเข้มของคนตัวโตที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง น้ำนิ่งขยับตัวหันหน้าเข้าหาคนตัวโตใช้แรงผลักให้นอนหงายสงสัยจะเหนื่อยและง่วงจริงๆ จึงยังไม่รู้สึกตัว น้ำนิ่งปีนขึ้นไปนั่งทับหน้าท้องแกร่งชะโงกตัวลงไปใช้ลิ้นเล็กชื้นของตัวเองไล้เลียและกดจูบไปตามกลีบปากหนาค่อนข้างแรง แต่คนใต้ร่างก็ยังไม่ตื่น มีเพียงเสียงครางฮืออาในลำคอแล้วก็เงียบไป ยิ่งทำให้คนร่างบางได้ใจก้มลงไล้ลิ้นเลียขบเม้มริมฝีปากหนาหนักข้อกว่าเดิม น้ำนิ่งลากจูบไปจนถึงใต้คาง ซอกคอ มือเรียวเล็กสอดเข้าไปในเสื้อกล้ามของคนตัวโตดึงรั้งขึ้นมาจนเผยให้เห็นยอดอกสีชมพูจาง น้ำนิ่งยกยิ้มมุมปากพอใจ ก้มลงครอบปากลงดูดดึงและตวัดลิ้นเล็กเลียวน  อีกข้างก็บีบบี้อย่างแรง  สะโพกกลมมนร่อนส่ายไปมาเสียดสีกับท่อนลำของคนใต้ร่างจนเริ่มแข็งขืนน้ำเหนียวข้นเริ่มปริ่มปลายนิดๆ ซึมเปียกกางเกงนอนเนื้อบางจนรู้สึกได้

   “อ๊า  อา...ลุง” 

   “อา...ยั่วเหรอ?” คนใต้ร่างหลุดคราง  เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ ลืมขึ้นดูคนบนร่างที่ยังร่อนส่ายสะโพกให้คลึงเคล้ากับท่อนลำของเขาอย่างหลงใหล นัยน์คมสีแปลกเปิดเปลือยถึงความต้องการราวกับสัตว์ป่าที่กำลังกระหายอยาก...คิ้วเข้มยกขึ้นเป็นเชิงถาม

   “อยาก!?”

   “....”

    ไม่มีเสียงตอบจากปากร่างบาง  น้ำนิ่งยืดตัวขึ้นเอนทั้งตัวไปข้างหลังมือเรียววางบนหน้าขาของภูมิรพีค้ำยันไว้ไม่ให้ล้ม หน้าหวานแหงนเงยตาหลับพริ้ม  สะโพกมนขยับบดเบียดเนิบนาบเป็นจังหวะ ริมฝีปากนุ่มชื้นแวววาวด้วยน้ำลายเผยออก ลิ้นเล็กนุ่มหยุ่นสีแดงแลบเลียริมฝีปากของตัวเองจนฉ่ำชื้น  แม่ตัวดีเปิดตามองภูมิรพีฉ้ำหวานเชิญชวน  ยิ้มหวานยั่วเย้าทำเอาคนใต้ร่างชะงักค้าง  ก่อนที่จะทันได้รู้สึกตัวน้ำนิ่งโดดผลุงลงข้างเตียงวิ่งเผ่นแผ่วอย่างรวดเร็วถึงประตู

   “หิวต่างหาก ลามกนะลุง” 

    ตอบแค่นั้นแม่เมียตัวดีดันตัวออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว  เสียงประตูที่ปิดกลับดังปังทำให้ตาลุงลามกสติกลับคืนสบถดังลั่น...

   “แม่ตัวดี!!”









TBC.

ปล. 


1. เหนื่อยกับงานราษฎร์งานหลวง แต่ก็เข็นตอนนี้จนจบก็ยังไม่มีอะไรก็แค่นำเสนอชีวิตหนึ่งวันของครอบครัวสุขสันต์ตอนหน้าจะพักสองคนนี้ไว้ก่อนเพราะเคลียร์คิวว่างไม่ได้  (จริงๆ คือหมดมุขที่จะเล่าต่อ55+) เราจะเอาคนอื่นมายำบ้าง

2. ขอบคุณสำหรับการติดตาม  และขอให้สนุกกับการอ่านนะครับ    :)



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2015 18:07:46 โดย WiChy »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ตัวแสบมากกว่า อิอิ
ขอบคุณค่ะ มุ้งมิ้งจัง

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :z2: จับได้ละเหนื่อยแน่อีหนู

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
“ฮื่อ..ปล่อยหอนทำอาหารอยู่เห็นไหมเนี่ย”  
ส่วนแม่เกลล์ตักขอแอปเปิ้ลทอดสามชิ้นราดน้ำผึ้ง
หล่นปลาอินทรีสด  หมูหวาน  แกงคั่วหอมขม

ช๊อบชอบ คณะคุณนาย ว่าแต่คุณผู้จัดการโรงเตี๊ยมนี่หลงเสน่ห์น้องน้ำซินะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
น้ำนิ่งร้ายจริงๆ


ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

ขอบคุณมากมายสำหรับติดตามเสมอมา :)


@ ❣☾月亮☽❣
>>  “ตัวแสบ”  ทำไมตอนเขียนเค้าคิดไม่ออกน่าคำนี้


@ boonpa
>>  ข่าวว่ากว่าภูมิรพีจะได้จับกดคงจะอีกนาน555+ น่าสงสารเนอะ


@ TaecKhun Imagine Love
>>   ขอบคุณครับผม  ขอยอมรับว่าอ่านไม่ละเอียด  แก้ไขคำไม่หมดทุกบรรทัดจริงๆ 


@ Ginny Jinny 
>>   เห็นจะต้องยกความดีความชอบให้แม่ปั๋ว ที่เทรนงานมาอย่างดี หุ หุ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
มีคำผิดอีกจุดนึงค่ะ ตอนท้ายๆ. คำว่า เป็นจังหวะ. เขียนว่าเป็นจังหวัด. ฮาเลย

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
มีคำผิดอีกจุดนึงค่ะ ตอนท้ายๆ. คำว่า เป็นจังหวะ. เขียนว่าเป็นจังหวัด. ฮาเลย


ขอบคุณครับเค้าแก้ไขแล้วน้า...บางทีมือเค้ามันก็ไปไวกว่าหัวสมอง

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:ลุงอย่างหื่นอะ :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

ตัวอย่างตอนต่อไป


   ‘ตุบ  ผลัวะ’ 

   “อั๊ก...อึก..”

   ‘มึงจะไม่ยอมอ้าปากใช่ไหมไอ้หมูโสโครก  สัส!! มึงเอาของกูไปไว้ไหน’

   ‘กูไม่ได้เอาไป กูไม่รู้...อ๊ากก’   มันหักแขนเด็กหนุ่มจนบิดห้อยผิดรูป

   ‘มึงได้ตายแน่น... ถ้ายังไม่พูด’

   ผลัวะ! ผลัวะ!  มันประเคนหมัดที่หนักราวค้อนปอนด์เข้าชายโครงเด็กหนุ่มจนร่างทรุดกองลงแทบเท้า มันเอื้อมมือไปด้านหลังดึงมีดสนามออกมาก่อนจะก้มลงกระชากร่างที่นอนหายใจขาดห้วงอยู่บนพื้นถนนจ้วงแทงเข้าที่ท้องไม่ยั้ง

   ฉึกๆ

   ‘อึก...กู มะ...ไม่ ได้ เอา ไป..’

   ‘ตุบ’  ร่างของเด็กหนุ่มทรุดกองกับพื้นก่อนจะยกเท้าเบอร์ 42 กระทืบเหยียบบดลงบาดแผลถูกแทงเน้นๆ  เลือดไหลทะลักออกมาจากปากแผลหยดลงไปตามพื้น

   ผลัวะ!  ตุบ!  ตุบ!  โผละ!

   เสียงหมัด เสียงกระโหลกที่โขลกกับพื้นถนนอย่างแรงไม่ได้ส่งผลต่อร่างกายของเด็กหนุ่มเพราะมันเจ็บจนด้านชาหนักอึ้งขยับตัวไม่ได้แล้ว หน้าตาแตกยับบวมปูดเลือดจากหางคิ้วที่แตกไหลกลบตาจนแทบมองไม่เห็นสิ่งรอบข้าง แขนบิดห้อยผิดรูปแผลถูกแทงเลือดสีแดงข้นคักไหลทะลักไม่หยุด ลมหายใจรวยรินแทบจะจับสัญญาณชีพ เสียงเย็นเยียบที่ได้ยินทำให้เด็กหนุ่มขนคอตั้งชันราวมัจจุราชปลิดชีพก่อนสติจะดับวูบไป

   ‘เก็บกวาดซะ’ 






เด็กหนุ่มนี่เป็นใครกันน้า....???



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-11-2015 16:29:39 โดย WiChy »

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เด็กเลี้ยง




- 19 -


Keep the Faith









   ย่านสลัมของฮ่องกงเมืองศิวิไลซ์ ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ห้าคนกำลังรุมกินโต๊ะเด็กหนุ่มร่างสูงผอม ทั้งหมัดทั้งเท้าถูกประเคนเข้าใส่ร่างอ่อนแรงดังสะท้อนก้องตรอกแคบๆ นั่น

   ‘ตุบ  ผลัวะ’ 

   'อั๊ก...อึก..'

   ‘มึงจะไม่ยอมอ้าปากใช่ไหมไอ้หมูโสโครก  สัส!! มึงเอาของกูไปไว้ไหน’

   ‘กูไม่ได้เอาไป กูไม่รู้...อ๊ากก’   มันหักแขนเด็กหนุ่มจนบิดห้อยผิดรูป

   ‘กูอยากรู้ว่ามึงเอามันไปไว้ที่ไหน’

   ‘…’

   ‘จะพูดได้หรือยังว่าเอามันไปไว้ที่ไหน’  ผลัวะ! ผลัวะ! มันประเคนหมัดที่หนักราวค้อนปอนด์เข้าชายโครงเด็กหนุ่มจนร่างทรุดกองลงแทบเท้า มันเอื้อมมือไปด้านหลังดึงมีดสนามออกมาจากซองก่อนจะก้มลงกระชากร่างที่นอนหายใจขาดห้วงอยู่บนพื้นถนนขึ้นมาตะคอกถามเสียงข่มขู่

   ‘มึงอยากตาย...กูสงเคราะห์มึงได้’ 

   ฉัวะ ฉัวะ   

   ‘อึก...กู มะ...ไม่ ได้ เอา ไป..’

   ‘ตุบ’  ร่างของเด็กหนุ่มทรุดกองกับพื้น มันยกเท้าเบอร์ 42 กระทืบลงบนบาดแผลถูกแทงเหยียบบดเน้นๆ  เลือดแดงข้นคักไหลทะลักออกมาจากปากแผลหยดลงไปตามพื้น

   ผลัวะ!  ตุบ!  ตุบ!  โผละ!

   เสียงหมัด เสียงกระโหลกที่โขลกกับพื้นถนนอย่างแรงไม่ได้ส่งผลต่อร่างกายของเด็กหนุ่มเพราะมันเจ็บจนด้านชาหนักอึ้งขยับตัวไม่ได้แล้ว หน้าตาแตกยับบวมปูดเลือดจากหางคิ้วที่แตกไหลกลบตาจนแทบมองไม่เห็นสิ่งรอบข้าง แขนบิดห้อยผิดรูปทิ้งลงข้างตัว แผลถูกแทงเลือดสีแดงข้นคักไหลทะลักไม่หยุด  ลมหายใจรวยรินแทบจะจับสัญญาณชีพไม่ได้  เสียงเย็นเยียบที่ได้ยินทำให้เด็กหนุ่มขนคอตั้งชันราวมัจจุราชปลิดชีพก่อนสติจะดับวูบไป

   ‘เก็บกวาดซะ’ 









   แสงสว่างจ้าจากไฟนีออนที่ติดกลางเพดานทำให้เด็กหนุ่มต้องหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมขึ้นมาใหม่ บาดแผลถูกแทงไม่ปวดเท่าไรแล้ว แขนข้างขวาหนักอึ้งติดอยู่ในเฝือก เด็กหนุ่มยกมือข้างซ้ายเสียบเข็มน้ำเกลือดึงสายส่งออกซิเจนเสียบระโยงระยางออกจากจมูก กลิ่นยาฆ่าเชื้อเจือจางอยู่ในบรรยากาศ เหนือหัวขึ้นไปขวดน้ำเกลือที่เหลือค่อนขวดบอกให้รู้ว่าเขานอนอยู่โรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง...

    เขายังไม่ตายอีกเหรอ ชายชุดดำเหล่านั้นช่วยเขาเหรอ พวกมันต้องการอะไร? เขาก็แค่หมาขี้เรื้อนที่ไม่มีใครต้องการถึงจะตายในตรอกแคบๆ นั่นก็คงไม่ได้รับความสนใจจากใคร...


   ‘รู้สึกตัวแล้วเหรอ ฉันนึกว่าเธอเบื่อไอ้โลกเฮงชวยนี้จนไม่อยากจะฟื้นแล้วซะอีก เห็นนอนเงียบเกือบสามสัปดาห์แล้ว’

   ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองนั้น เสียงเรียบนิ่งกังวานทรงอำนาจของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นฉุดดึงให้ความคิดของเด็กหนุ่มกลับมาที่ปัจจุบัน  เขาหันตามเสียงสบเข้ากับดวงตาสีแปลกคมดุแฝงความเด็ดขาดของชายต่างชาติรูปร่างสูงใหญ่ ชายชุดดำหน้านิ่งเรียบเฉยชาอีกสี่คนยืนเฝ้าห่างออกไป เด็กหนุ่มขยับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อหนีทำให้ความปวดแผลแล่นริ้วทั่วร่าง

   ‘ซี๊ดด...’

   ‘อยู่นิ่งๆ!!’ 

   เสียงตวาดเข้มดุนั่นทำให้เด็กหนุ่มชะงักนิ่งขนคอตั้งชันด้วยความกลัว ก่อนที่จะมีใครได้พูดอะไรประตูห้องถูกเปิดเข้ามาโดยหมอและพยาบาลซึ่งถูกเรียกตัวด่วนให้มาตรวจอาการเด็กหนุ่ม ผู้มาใหม่ก้มหัวทักทายชายหนุ่มก่อนจะเลี่ยงมาที่เตียงลงมือตรวจร่างกายเด็กหนุ่มอย่างละเอียดอยู่หลายนาที

   ‘เขาเป็นยังไงบ้างหมอ’   ชายคนนั้นเอ่ยถามหลังจากที่คุณหมอตรวจร่างกายเด็กหนุ่มเสร็จ

   ‘อาการไม่มีอะไรน่าห่วงครับ บาดแผลสมานกันเกือบสนิทหมดแล้ว ท้องไม่บวมไม่มีเลือดออกในช่องท้องถือเป็นข่าวดีครับท่าน  ถ้าจะเคลื่อนย้ายเขากลับวันนี้ก็ทำได้ครับแต่ขอให้ระวังด้วย’  คุณหมอแจ้งผลการตรวจกับคุณท่านก่อนจะหันกลับไปหยิบชาร์ตจากปลายเตียงมาเขียนผลการตรวจและใบสั่งยาเสร็จแล้วจึงยื่นชาร์ทคืนให้กับพยาบาลหลังจากนั้นคุณหมอก็ขอตัวออกไปตรวจคนไข้คนอื่นต่อ 

    คุณท่านไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา สายตาคมดุหรี่ลงมองนิ่งไม่ได้กดดันแต่กลับทำให้เด็กหนุ่มขยับตัวหนีไปอีกฝั่งด้วยความลืมตัว เหงื่อเม็ดโตซึมตามไรผม ใจสั่นมือสั่นจนคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าคงจะรู้สึกได้ พูดปฏิเสธเสียงอึกอัก

   ‘โอ๊ย!! ผะ ผมไม่รู้  ไม่ได้เอาอะไรของคุณมา ยะ อย่าทำอะไรผมเลย’   

   ‘ขยับทำซากทำไม  แล้วนี่อะไร!! หรือเล่นมันไปแล้ว’ 

    คุณท่านตะคอกถามเสียงดังด้วยโทสะ  เดินเข้ามากระชากแขนซ้ายของเด็กหนุ่มที่ปรากฏรอยเข็มฉีดยาจางๆ หลายรอย  ก่อนจะทิ้งมันลงไปตามเดิม สายตาหลุกหลิกของเด็กหนุ่มชำเลืองมองชายหนุ่มเพียงแวบก่อนจะก้มลงหลบสายตาเหมือนเดิม  มือใหญ่ที่แข็งราวกับคีมตัดเหล็กบีบกรามแน่นบังคับให้หน้าของเด็กหนุ่มเงยขึ้น สายตาคมดุจ้องมองเขม็งกดดันให้เปิดปากเล่าความจริง ความกลัวแผ่ไปทั่วตัวเด็กหนุ่มพยายามเบือนสายตาไปทางอื่น เหงื่อผุดพรายตามไรผม มือแกร่งบีบกรามเด็กหนุ่มแน่นขึ้น จนยอมเบือนสายตาที่เต็มไปด้วยความกลัวมองสบสายตาคมดุนั่นอีกครั้ง

   'ฉันเกียจการโกหก และฉันฆ่าเธอได้ไอ้หนู'  เสียงต่ำเย็นราวจะกระชากวิญญาณบอกให้รู้ว่าชายหนุ่มหมายความตามนั่นจริงๆ ตาสีแปลกคมดุของเขาสีเข้มขึ้น

   “มอร์ฟีน  แค่มอร์ฟีน...”

   “แค่!  เธอบอกแค่เหรอ”  เสียงตะคอกเข้มดุด้วยความโกธรของคุณท่านดังขึ้นอีกครั้ง จนทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งมือสั่นเทาด้วยความกลัว เหงื่อกาฬเม็ดโตผุดพรายเต็มหน้า

   “ผะ ผม พยายามเลิกมันอยู่ สาบานได้ ผะ ผม ไม่ได้ขโมยอะไรของพวกคุณมา” ความเย็นยะเยือกยังแผ่ไปทั่วบริเวณกดดันให้เด็กหนุ่มบอกเสียงละล่ำละลักตัวสั่นเทาด้วยความกลัวยิ่งกว่าเดิม

   “เมื่อไร”

   ‘....’ 

   ‘เมื่อไร!! เธอเล่นมันมานานเท่าไรแล้ว’ 

   ‘คะ คริสมาสต์ที่แล้ว แรกๆ ก็แค่ระงับปวด แต่ตอนหลังผมใช้มันเพราะอยากจะลืมอะไรบางอย่าง ทะ ที่มันตีกันยุ่งอยู่ในหัวผม”  ชายหนุ่มรับฟังสิ่งที่เด็กหนุ่มบอกด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง สายตาสีแปลกหรี่ลงไม่ได้บ่งบอกว่าเชื่อในสิ่งที่เด็กหนุ่มพูดซะทีเดียว



    ‘เอาเป็นว่าฉันจะเชื่อแล้วกัน  ฉันชื่ออเลสซานโดรไม่ใช่พวกสวะนั่น เธอชื่ออะไร แล้วไปทำห่าอะไรอยู่ที่นั่น’  หลังจากนิ่งเงียบกันไปนานคุณท่านเอ่ยถามเสียงเรียบนิ่ง

   ‘ชะ เซน  ใช่ผมชื่อ เซน  ผมจำได้แค่ว่าตัวเองชื่อนั้นตั้งแต่ที่ฟื้นมาคราวที่แล้ว ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครทำอะไรมาก่อนหน้านั้น  พวกมันคิดว่าผมมีส่วนรู้เห็นในการขโมยโคเคนมา เด็กติดยาอย่างผมอาจจะไม่มีเกียรติเพียงพอที่จะให้คุณเชื่อสิ่งที่ผมพูด แต่พระเจ้า สาบานได้ผมไม่รู้ ผมไม่ได้ขโมยมันมา’ เด็กหนุ่มตอบเสียงเข้มจริงจัง สายตาที่มองมาเด็ดเดี่ยว ไม่หลุกหลิก ต่างไปจากตอนที่เขาพยายามเบี่ยงเบนประเด็นการเสพย์มอร์ฟืนโดยสิ้นเชิง เขาคงจะเชื่อได้ว่าเด็กนี่พูดจริง แต่ไม่เข้าใจว่ามีเรื่องกับพวกนั่นได้ยังไง

   ‘บ้านอยู่ไหนจะให้คนไปส่ง’  อเลสซานโดรถามเสียงเรียบนิ่งหลังจากที่ยืนครุ่นคิดอยู่นาน เซนก้มหน้าเงียบมองมือตัวเองที่วางอยู่บนหน้าตักอยู่นานก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบ

   ‘ผมไม่มั่นใจ...’ 

   ‘ก่อนที่จะมีเรื่องนายอยู่ยังไง’

.   ‘ผมอยู่กับเหว่ย แต่เขาหายไปตอนที่ผมถูกจับตัวมา ผมไม่รู้ว่าเขาไปไหน’

.   ‘.....’   

   ‘ไปอยู่กับฉัน’

   ‘แต่...’

   ‘ฉันสั่งก็ทำ’ 

   อเลสซานโดรสั่งเสียงเข้มจริงจังกับเซนทำให้เด็กหนุ่มปิดปากเงียบ ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก ร่างสูงใหญ่เดินห่างออกไปหยุดยืนริมหน้าต่าง สายตาครุ่นคิดมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมพูดตอบโต้คนในสายด้วยภาษาที่เซนไม่เข้าใจ

   ‘เกริดา สถานการณ์ที่เผชิญอยู่มันน่าเป็นห่วง คุณจะว่าอะไรรึเปล่าถ้าผมจะเอาเซนไปอยู่กับเราด้วย’

   // ชื่อเซนเหรอครับ น่าจะอายุเท่าๆ ราฟาเอล แล้วครอบครัวเขาละครับ //

   ‘คิดว่าน่าจะอายุมากกว่าเจ้านั่น ไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัว ความจำเสื่อม แถมเล่นยาถึงจะแค่มอร์ฟืนตามที่เขาบอกแต่ยังไงมันก็คือยาเสพติด เขาก้าวพลาดเพราะขาดทุกอย่างที่ควรจะมี เกริดาเราทุกคนควรมีหลุมฝังศพตัวเอาไว้เพื่อฝังความผิดของเพื่อนๆ และผู้ที่เขารัก เราดึงเขากลับมาในทางที่ถูกต้องได้ ช่วยกันเยี่ยวยาเขา ผมเชื่อว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้เลวในกมลสันดานแต่ที่ล้มเหลวเพราะขาดความเด็ดเดี่ยว หรือคุณว่าไง’

   //เขาเป็นของขวัญอันล้ำค่าที่พระเจ้าประทานมา สิ่งที่เราจะสามารถมอบให้เขาได้คือ ความรักและตัวอย่างที่ดี เราจะช่วยเขาครับ//

   ‘ตามใจคุณ เราอาจจะถึงบ้านช้าสักนิดผมอยากจะให้หมอตรวจสมองเขาให้ละเอียดอีกครั้ง’

   //ดีครับ เผื่อมีอะไรเราจะได้รักษาเขาได้ทันที แม้เพิ่งจะรู้จักเขาผมก็ไม่อาจสูญเสียใครอีกแล้ว //

   “ได้เดี๋ยวเจอกันครับ รักที่รักนะครับ” 

   // ครับรู้แล้ว รักคุณเหมือนกัน แล้วเจอกันครับ //


   ‘แดเนียลติดต่อหมอคิมทีบอกเขาว่าฉันต้องการให้เซนเข้าตรวจสมองโดยละเอียดเดี๋ยวนี้’

   หลังจากเก็บโทรศัพท์เข้าที่เดิมอเลสซานโดรหันกลับมามองคนป่วยบนเตียง แล้วสั่งแดเนียลทั้งที่ยังมองหน้าของคนป่วยอยู่

   ‘ท่านครับ คุณหมอคิมให้พาคุณเซนไปพบได้เลยครับ’ แดเนียลบอกกับอเลสซานโดรหลังจากที่คุยโทรศัพท์กับคุณหมอคิมไม่นาน

   ‘งั้นเราไปกันเลย’

   คุณท่านสั่งเสร็จก็หันกลับเดินออกประตูไปก่อน เซนถูกบอดี้การ์ดอีกคนเข้าประคองตัวเดินตามไป เราลงลิฟต์มาจนถึงชั้นสี่บริเวณห้อง TC Scan เซนถูกแนะนำให้รู้จักกับคุณหมอคิมและถูกนำตัวเข้าห้องสแกน ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย หมอคิมให้คุณท่านพร้อมคนป่วยนั่งรอผลการตรวจที่ห้องพักแพทย์ของเขาร่วมยี่สิบนาทีผลการตรวจก็ส่งถึงมือหมอคิมๆ อ่านผลการตรวจอยู่ไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมองคนป่วย

     ‘ผลจากการแสกนโดยละเอียดคุณเห็นนี่ไหมจุดเล็กๆ สักประมาณ 0.1 มิล อยู่ตรงนี้ หมอสันนิฐานว่าเลือดที่คลั่งอยู่นี่คงจะเป็นสาเหตุทำให้ความจำบางช่วงของคุณเซนหายไป บริเวณรอบไม่มีรอยฟกซ้ำ ฉีกขาด หรือสมองบวม จุดเล็กๆ นี่ไม่ได้มีอันตรายอะไรจึงไม่จำเป็นต้องผ่าตัด หมอเดาว่าจุดนี่คงจะมาจากรอยแผลเป็นยาวสักนิ้วบริเวณท้ายทอยข้างซ้าย พอจะบอกได้ไหมครับว่าคุณเซนมีอาการแบบนี้มานานเท่าไรแล้วครับ’  คุณหมอคิมอธิบายผลการสแกน เซนมองหน้าคุณหมออยู่อึดใจใหญ่ก่อนจะยอมเปิดปากเล่าถึงสาเหตุให้ทั้งหมดฟัง


   ‘ก่อนคริสมาสต์ที่แล้วผมถูกทำร้าย  เหว่ย อะ เออคนที่ให้ผมอยู่ด้วยเขาช่วยผมจากคนของ ACE สภาพตอนนั้นเป็นตายเท่ากันเขาเอาผมไปทิ้งไว้กับญาติของเขาที่เป็นหมอสัตว์ย่านชุมชนแออัด ผมนอนสลบอยู่เป็นเดือนฟื้นขึ้นมาจำได้แค่ว่าตัวเองชื่ออะไร จำไม่ได้ว่าก่อนหน้าจะโดนทำร้ายอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรมาก่อน พวกเขารักษาผมแบบตามมีตามเกิดเวลาปวดมากๆ เขาฉีดแค่มอร์ฟีนระงับปวดให้ พอหายเหว่ยเขาให้ผมไปอยู่กับเขา…’  เซนอธิบายยืดยาวให้คุณหมอฟัง หางตาเห็นคุณท่านที่นั่งกอดอกเอนตัวพิงพนักโซฟารับแขกห่างออกไปเล็กน้อยด้วยสีหน้าครุ่นคิดอยู่ในห้วงคำนึงของตัวเองไม่ได้บ่งบอกว่าสบายเหมือนท่าทางที่คุณท่านแสดงออก

   ‘ตอนนี้คุณเชนจำอะไรได้บ้างหรือยังครับ ปวดหัวรึเปล่า’   คุณหมอคิมถามผม

   ‘มันว๊าบเข้ามาในสมองบางครั้งแล้วก็เลือนหายเมื่อผมพยายามจะคิดถึงมัน พอคิดมากๆ เข้าในหัวนี่มันปวดแทบระเบิด ผมอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงทุกครั้ง เหว่ยทนเห็นผมเป็นแบบนั้นไม่ไหวเขาฉีดมอร์ฟีนให้ผมเพื่อให้ลืมมัน  หลังๆ ผมใช้มันเพราะติด’ เชนตอบคำถามเหมือนไม่ยี่หระและปลงสังเวชในชีวิต คุณหมอคิมชำเลืองมองไปทางคุณท่านทั้งคู่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

   “ระ เรื่องมอร์ฟีนผมกำลังพยายามเลิกมันอยู่  ผะ ผมไม่ได้ใช้มันนานแล้ว”  เด็กหนุ่มบอกด้วยเสียงร้อนรน มือเย็นชื้นเหงื่อสั่นน้อยๆ จับแขนหมอคิมแน่น

   ‘หมอเข้าใจไม่เป็นไรไม่ต้องคิดมากนะ เรื่องความจำหมอแนะนำว่าคุณเชนควรปล่อยวาง อย่าเครียด อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดี คนรอบข้างก็ควรให้ความรักความเอาใจใส่ หมอว่าแบบนี้จะทำให้ความจำที่หายไปของคุณค่อยๆ กลับมาเร็วขึ้น ส่วนเรื่องบำบัดหมอจะส่งเรื่องให้เพื่อนของหมอดูแลต่อนะครับ’  หมอคิมตบลงบนบ่าของเซนอย่างให้กำลังใจ

   พวกเรานั่งรับฟังผลการตรวจและการรักษาตัวของผมอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อได้รับความกระจ่างคุณท่านหน้าเข้มดุเอ่ยขอตัวพาผมกลับไปพักผ่อน ก็พอดีกับคุณหมอคิมมีคนไข้ด่วนเข้ามาเหมือนกัน

   ‘แดเนียลไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย เราจะกลับกันแล้ว’

   คุณท่านหันไปสั่งบอดี้การ์ดคนสนิทก่อนที่จะพยักหน้าให้ทุกคนออกเดินทาง  ผมถูกบอดี้การ์ดคนเดิมประคองตัวเดินตามหลังคุณท่านหน้าเรียบนิ่งแต่สายตามีแววกังวลครุ่นคิดเข้าไปในลิฟต์ บรรยากาศภายในลิฟต์เงียบกริบ แม้เข็มสักเล่มหล่นลงก็คงจะได้ยิน พวกเราลงมาจนถึงชั้นใต้ดินลานจอดรถ หน้าประตูลิฟต์มีรถหรูสีดำมันปลาบจอดรอพวกเราอยู่ คนขับรถเปิดประตูรถให้คุณท่านเข้าไปนั่งก่อน แล้วบอดี้การ์ดคนเดิมประคอง ผมขึ้นไปนั่งข้างคุณท่าน ปิดประตูให้ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณโรงพยาบาล



   รถคันหรูขับผ่านย่านจอแจของเมืองออกสู่เส้นทางไปยังเกาะทางใต้ของฮ่องกง  คุณท่านไม่ได้พูดอะไรกับผมอีก เขาวุ่นอยู่กับการดูตารางตัวเลขบนหน้าจอโน้ตบุ๊คขนาดกะทัดรัดที่เปิดกางไว้บนตักพร้อมกับพูดโทรศัพท์ด้วยภาษาที่ผมฟังไม่เข้าใจ บางครั้งเขาก็โทรสั่งงานเสียงเข้มดุติดจะหงุดหงิด บรรยากาศภายในรถ  ชวนให้อึดอัดราวกับจะขาดอากาศหายใจทั้งที่เย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศชั้นดี ผมเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถเพื่อลดความตึงเครียดในอารมณ์

    เกือบชั่วโมงรถคันหรูขับเข้าไปจอดที่บ้านพักตากอากาศหลังใหญ่แบบพลูวิลล่าริมหน้าผาอ่าวแสตนลีย์ บริเวณบันไดหน้าบ้านมีพ่อบ้านและเมดนับสิบคนยืนคอยต้อนรับอยู่ พอรถจอดสนิทพ่อบ้านเดินมาเปิดประตูรถฝั่งคุณท่านออกเขาก้าวลงจากรถ ส่วนผมโดนบอดี้การ์ดคนเดิมประคองลงจากรถไปยืนเยื้ยงหลังคุณท่านอีกที

   ‘สวัสดีครับคุณท่าน’   ชายวัยกลางคนกล่าวทักทาย เมดคนอื่นๆ ก็กล่าวทักทายและโค้งคำนับเช่นกัน

   ‘สวัสดีลุงเจียง  ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ นายหญิงอยู่ไหน’  คุณท่านเอ่ยถามเสียงเรียบ

   ‘เรียบร้อยครับคุณท่าน  นายผู้หญิงอยู่ที่ห้องรับแขกครับ’  คุณพ่อบ้านกล่าวตอบเสียงอ่อนน้อม

   ‘อ้อ นี่เซนลูกชายของฉัน พี่ชายของราฟาเอล’  คำพูดของนายท่านทำให้ผมถึงกับชะงักอึ้งในน้ำเสียงที่เขาพูดมันหมายความตามนั้นจริงๆ 

   ‘สวัสดีครับคุณเซน ขอต้อนรับสู่จิโอวาดินี่ ถ้ามีอะไรขาดเหลือเรียกผมได้ตลอดเวลานะครับ’

   ‘ส  สวัสดีครับ’ 

   ผมกล่าวคำทักทายพ่อบ้านเจียงและส่งยิ้มไปให้เขา ก่อนที่บอดี้การ์ดจะประคองพาผมตามคุณท่านเข้าไปในบ้าน ที่ห้องรับแขกผมเห็นผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งที่สวยมากคนหนึ่งยืนรอพวกเราอยู่ รอยยิ้มของเธอมันทำให้ห้องทั้งห้องสว่างไสวอบอวลไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยนที่ฉายชัดจากดวงตาเรียวสวย เธอกางแขนเรียวเล็กออกกว้าง คุณท่านเดินเข้าไปในอ้อมกอดนั้น  กดจูบที่ปากรูปกระจับสีสดนั้นอย่างอ่อนโยนเพียงชั่วครู่ก่อนจะผละออก แต่แขนแกร่งของคนตัวโตยังโอบร่างโปร่งบางไว้ ทั้งคู่เดินเข้ามาหาผมรอยยิ้มอบอุ่นที่แตะแต้มบนหน้าสวยของเธอมันทำให้ใจผมอุ่นวาบราวกับได้พบกับคนคุ้นเคย

   ‘เซน ลูกชายของเรา’   คุณท่านเอ่ยแนะนำผมกับภรรยาของเขา

   เธอผละออกจากอ้อมกอดของคุณท่านเดินมาหยุดตรงหน้าผมกางแขนออกโอบกอดผมไว้แน่น ความรู้สึกแรกที่รับรู้ว่าคนที่กอดผมเป็นผู้ชายมันไม่ได้แปลกแปร่ง  กลิ่นอายของความเป็นแม่มันอวลอยู่รอบตัวของผู้ชายคนนี้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างอ้อมกอดของแม่ อ้อมกอดของครอบครัว ความรู้สึกมันเป็นเช่นนี้เอง สิ่งที่ผมโหยหามาตลอดเป็นเช่นนี้เอง ที่นี่คือบ้าน ผมถึงบ้านแล้ว.อ้อมกอดของแม่ที่ผมโหยหามันมีอยู่ในตัวของผู้ชายตรงหน้าผม...ผ่านไปนานหลายนาทีเขาคลายอ้อมกอดออก ผละออกห่างจากผมเล็กน้อยนิ้วเรียวเล็กยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ผมไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองร้องไห้ออกจากหน้า

   ‘ไม่เป็นไรแล้วนะครับ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปไม่ต้องคิดไม่ต้องพูดถึงมัน  เรามาเริ่มสร้างความทรงจำที่ดีกันใหม่ด้วยกัน ต่อไปนี้เซนมีป๋า มีแม่ แล้วก็มีน้อง เซนไม่ได้อยู่คนเดียว เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ’ 

   เธอเอ่ยปลอบเสียงหวานกังวานใส ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง  ผมโอบมือที่ไม่ติดเฝือกไปกอดตอบเธอแน่น  สักพักผมรับรู้ได้ถึงอ้อมกอดที่แข็งแกร่งกว่าของคุณท่านที่โอบเราทั้งคู่เข้าในอ้อมกอดของเขา มันอบอุ่นกว่าตอนที่ผมกอดตัวเองเป็นไหนๆ... 

   ‘ขอต้อนรับสู่ครอบครัวไอ้ลูกชาย’  เสียงทุ้มอ่อนโยนของคุณท่านเอ่ยอยู่เหนือหัวปากหนากดจูบที่กระหม่อมของผม มือใหญ่หนาสากแต่อบอุ่นลูบไปมาที่ไหล่ของผม

   ‘ป๋า  แม่’  ผมตอบรับเสียงเบา





   ผมเข้าบำบัดรักษาผู้ป่วยติดยาเสพติดจนหายขาด พวกเขามอบความรักและความเป็นครอบครัวให้ผมอย่างจริงใจ  เหว่ยตามหาผมจนเจอเขามาดักรอพบผมที่หน้ามหาวิทยาลัยในวันหนึ่ง ท่าทางเขาลุกลี้ลุกลนสายตาหลุกหลิกมองบริเวณรอบๆ อยู่ตลอดเวลา เขาถามหาสร้อยคอห้อยกุญแจที่ให้ผมไว้ในวันที่เราอยู่ด้วยกันครบสามเดือน  ผมถามกลับว่าทำไม  เขาบอกแค่ว่าอยากจะได้มันคืน ผมไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรอีก ล้วงมือเข้าไปในเสื้อถอดสร้อยที่ห้อยกุญแจออกจากคอยื่นคืนให้เหว่ยไป เขาเอ่ยขอบคุณละล่ำละลักก่อนจะรีบผละจากผมไปอย่างรวดเร็ว 

    ผมไม่ได้ข่าวเขาอีกจนสามเดือนต่อมากรอบข่าวเล็กๆ ของหนังสือพิมพ์หัวสีลงข่าวความขัดแย้งค้ายาเสพติดระหว่างแก๊งค์ เหว่ยซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งค์ลู่หยางถูกเช็คบิลที่คลินิกเถื่อนของญาติเขาเอง

   ผมได้พบกับราฟาเอลน้องชายต่างสายเลือดของผมตัวเป็นๆ หลังจากนั้นสองปี ตอนเด็กนั่นเดินเข้ามานั่งตรงหน้า ผมอึ้งแดกเลยก็เบ้าหน้าแถมนิสัยบางอย่างเหมือนป๋ายังกับโขลกออกมาจากบล็อกเดียวกัน แต่เด็กนี่เวอร์ชั่นเด็กกว่า หน้าหล่อๆ หยิ่งๆ ของมันส่งยิ้มแบบเดียวกันกับแม่มาให้ผมก่อน ใจผมกระตุกวูบรู้อย่างเดียวว่า  ‘ผมรักมัน’  น้องชายที่ผมอยากมีมาตลอด



   19  ปีที่ผ่านมาชีวิตผมเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ดอนอเลสซานโดร  และมาดามเกลล์  จิโอวาดินี่ รับผมเป็นบุตรบุญธรรม ราฟาเอลรักผมเหมือนพี่ชายอย่างไร้ข้อกังขา ผมซึมซับคำว่าครอบครัวที่แท้จริงว่าเป็นยังไงจากพวกเขา ในเวลาที่ความเหน็บหนาวเงียบเหงาผมไม่จำเป็นต้องกอดตัวเองเพียงคนเดียวอีกแล้ว  ผมรักพวกเขามากกว่าชีวิตของผม  ถ้าไม่มีพวกเขาก็คงจะไม่มีผมในวันนี้..

   ป๋าและแม่ไม่เคยถามถึงชีวิตก่อนหน้านั้นของผม  ผมว่าเขารู้แต่ไม่รื้อฟื้นถึงมันแต่สร้างความทรงจำอบอุ่นอันใหม่ให้ ผมซึมซับและรับผมเข้าไว้ในชีวิตด้วยความเต็มใจ  แต่ชีวิตก่อนหน้านั้นที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมันคอยรบกวนจิตใจของผมมากพอสมควร  เหมือนเป็นเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มตำอยู่ตลอดเวลาว่าผมทำบางอย่างที่สำคัญในชีวิตหายไป... 

   บางเวลาที่สมองโปร่งโล่งความทรงจำนั่นก็สว่างวาบเข้ามาในหัวแล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว จนรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งเมื่อไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นคืออะไร  หลายครั้งผมทำจิตใจให้ปล่อยวางสิ่งนั้นมันกลับเข้ามาในหัวอีก ผมเริ่มปะติดปะต่อจิ๊กซอว์ความคิดทีละตัวๆ จนเป็นภาพความทรงจำที่เสร็จสมบูรณ์เมื่อห้าหกปีที่ผ่านมานี้เอง

   กระต่ายน้อยที่ผมเก็บได้จากหอโคมแดง..ผมทำมันพลาด สัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ลืมแต่ผมก็ลืมเขา สัญญาว่าจะไปรับมาอยู่ด้วยกันแต่ผมก็ไม่ได้ทำ..ผมพยายามลืมเขายอมปล่อยให้ตัวเองติดอยู่ในบ่วงของความแปลกใหม่ที่เหว่ยปรนเปรอให้จนหลงลืมตัวเองไป  ผมไม่โทษว่าเป็นความผิดของเหว่ย แต่เป็นผมเองที่อ่อนแอล้มเหลวกับทุกๆ เรื่องจนขาดสติยั้งคิด

   ผมตามไปที่บ้านเด็กกำพร้าแต่ที่นั่นบอกว่ามีครอบครัวคุณพ่อขายาวขอรับกระต่ายน้อยของผมไป คุณแม่อธิการให้ที่อยู่ของเขามา แต่ผมออกก้าวเดินช้าเกินไป กระต่ายตัวนั้นไม่ที่อยู่ที่นั่นแล้ว อพาร์ทเม้นท์นั่นถูกรื้อถอนเพื่อสร้างห้างสรรพสินค้าไปแล้ว

    ผมตามหากระต่ายตัวนั้นนานเกือบปีจนไปเจอว่าเขาย้ายไปอยู่อพาร์ทเม้นของการเคหะแถบชานเมือง กระต่ายน้อยตัวนั้นเติบโตขึ้นมากหน้าตาของเขาเปลี่ยนไปแต่ก็ยังคงเค้าโครงเดิมค่อนข้างมาก  รูปร่างสูงโปร่งน่าจะสัก 180  ผิวขาว หน้าตาหล่อน่ารักแบบหนุ่มลูกครึ่ง ตามแขนขามีกล้ามเนื้อพอประมาณ  ต้นแขนข้างขวาปรากฏรอยสักรูปสร้อยกางเขนวางไว้ในมือ พร้อมกับคำว่า “Keep the Faith”  ผมสีน้ำตาลเข้มตัดแต่งตามสมัยนิยม 

   เวลามันผ่านมานานเหลือเกิน  ผมละอายเกินกว่าที่จะเดินเข้าไปหาแล้วบอกว่า เฮียกลับมาแล้ว ผมได้แค่เฝ้ามองอยู่อย่างนั้น  ผมไม่รู้ว่ากระต่ายตัวนั้นจะยังรอผมอยู่หรือยังจำผมได้รึเปล่า สัญญาระหว่างเราจะยังมีผลหรือไม่..ผมอยากจะเดินเข้าไปถามถึงเรื่องที่คำถามค้างคาอยู่ในใจ

   แต่สิ่งที่ผมทำคือตัดใจหันหลังออกมาจากตรงนั้นด้วยความขลาดเขลาและล้มเหลว แต่ยังให้คนของผมเฝ้าติดตามชีวิตประจำวันของเขาและรายงานให้ผมทราบทุกวัน จนทำให้รู้ว่ากระต่ายหนุ่มตัวนั้นอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง เขาดูมีความสุขเวลาอยู่กับเธอ ริมฝีปากบางได้รูปยิ้มสดใสอ่อนโยนทุกครั้งเมื่ออยู่กับผู้หญิงคนนั้น  สองคนพักอยู่ด้วยกันในห้องนั้น ..

   ใจผมปวดร้าวทุกครั้งที่มองภาพของคนทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ที่ยืนข้างๆ ตรงนั้นมันน่าจะเป็นที่ของผม แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ผมเป็นฝ่ายที่ปล่อยมือหนีจากมา เขามีความสุขผมต้องยอมรับผลของความเปลี่ยนแปลง เวลามันเนิ่นนานเกินไปเขาไม่รอก็ไม่แปลกอะไร..ใจผมควรเป็นสุขเมื่อเขามีความสุขแค่นั้นน่าจะเพียงพอแล้ว...









TBC.


ปล. 

1. 2 สัปดาห์ กับการเขียน/ปรับเปลี่ยน/แก้ไข การเปิดตัวเฮียเซน เด็กหลงทางที่ได้รับโอกาสจากคุณท่านอเลสซานโดรและมาดามเกลล์ให้มีชีวิตใหม่เป็นคนใหม่  ขอแค่  “ศรัทธา”  โอกาสเปิดสำหรับเราเสมอ

2. หากพบความผิดพลาดบอกต่อด้วยนะครับ ยินดีนำไปแก้ไข

3. ขอบคุณสำหรับการติดตามกันเสมอมา และขอให้สนุกกับการอ่านนะครับ :D






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2015 21:21:48 โดย WiChy »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew4:  พี่เชน

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เฮียเซนกล้าๆหน่อยสิ

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :sad4: มัวแต่หลงอย่างอื่นถึงเสียสิ่งสำคัญไป

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ระโยงระยางออกจากจมูด กลิ่นยาฆ่าเชื้อเจือจางอยู่ในบรรยายกาศ
เขายังไม่ตายอีกเหรอก
ใบสั่งยาเสร็จแล้วจึงยื่นซาร์ทคืน
เขาเป็นของขวัญอันล้ำค่ำที่พระเจ้าประทานมา 
ตามใจคุณ เราอาจจะถึงบ้านข้าสักนิด
อ้อมกอดของแม่ที่ผทโหยหา

เฮียน่าสงสารอ่ะ แถมยังทนมือทนตีนน่าดู
แขนหักจนผิดรูปยังโดนแทงอีกดีที่ป๋ามาเจอแล้วพาไปเลี้ยงดู

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ขอบคุณสำหรับการติดตามมาโดยตลอด :D



@ ❣☾月亮☽❣
>>  ขอบคุณครับ  พี่เซนตัวละครในดวงใจตะแรกจะให้เฮียแกเป็นตัวประกอบมาแค่ไม่กี่ตอน แต่ไปๆมาๆ เฮียแกน่าสนกว่าน้องภูมิซะอีก เลยเอาซะหน่อย

@ Ginny Jinny 
>>  ถึงจะดูอ่อนแต่เฮียแกเจ๋งพอตัวนะเออ รอดูกันต่อไปครับผม :D

@ boonpa
>>  อย่าว่าเฮียแกเลยครับ ช่วงนั้นเฮียแก่สมองเสื่อม ในเมื่อมีคนเสนอเฮียแกก็สนองเป็นธรรมดาครับ

@ TaecKhun Imagine Love
>>   ขอบคุณมากมายครับผม  ฝ่ายพิสูจน์อักษรยอดเยี่ยม So cool  เค้าแก้ไขแล้วเรียบร้อยนะครับ 

ส่วนเซนเห็นจะต้องยืมคำของคุณท่านมาใช้แล้วล่ะครับ
“เราทุกคนควรมีหลุมฝังศพตัวเอาไว้เพื่อฝังความผิดของเพื่อนๆ และผู้ที่เขารัก เราดึงเขากลับมาในทางที่ถูกต้องได้”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2015 22:55:07 โดย WiChy »

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เด็กเลี้ยง

 




- 20 -

Zhen Side story  :  ไม่รู้จัก [1]




 








       ‘ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าอย่างนั้น’

      ‘ขอโทษ...’

      ‘จะขอโทษทำไมแบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว เฮียดูแลเซล่าอย่างดีมาตลอดหลายปี ถึงจะทำเพราะคำสัญญาที่ให้กับแม่ แต่เซล่าก็ดีใจมากนะที่อยู่กับเฮีย’

      ‘ขอโทษ’   ผมคงจะเอ่ยได้เพียงคำนี้จริงๆ ในอกมันจุกแน่นหน่วงไปหมด

      ‘จะขอโทษทำไมมันไม่จำเป็นเลยสักนิดเดียว ก็อย่างที่บอกเฮียไม่จำเป็นต้องผูกมัดตัวเองไว้กับคำสัญญานั่น เราไม่มีอะไรที่จะต้องชดใช้กันอีกแล้ว เฮียดูแลเซล่ามาอย่างดีตลอดหลายปีส่งเสียจนเรียนจบปริญญานั่นก็เพียงพอแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว…’

      ‘แต่...’

      ‘ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เซล่าขอบคุณทุกๆ อย่างที่เฮียทำให้ เจอกันคราวหน้าหวังว่าเฮียจะมีความสุขจริงๆ สักทีไม่ต้องแสร้งทำเหมือนตอนอยู่กับเซล่าน่ะนะ เอาล่ะเซล่าต้องไปแล้วดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน...’  น้องสาวที่ผมดูแลมาตลอดหลายปีหลังจากแม่ของเธอเสียส่งยิ้มสดใสมาให้ผม เธอยืดตัวขึ้นแตะจูบเบาๆ ที่แก้มผม มือเรียวยกขึ้นโบกลาก่อนจะผละออกหันหลังเดินจากไป ไม่ได้พูดหรือฉุดรั้งเธอไว้สิ่งที่เธอเลือกมันคงจะดีกว่าแน่..ผมคงต้องปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามทิศทางของมัน













Routine’69 Pub  เวลา 01.00 น.


        เสียงเพลงจังหวะเร้าใจจากเครื่องเสียงชั้นดีเริ่มเพลงใหม่เพลงแล้วเพลงเล่าดังแว่วเข้ามาภายในห้องน้ำ นักเที่ยวที่มาใช้ห้องน้ำพูดคุยเสียงดังเซ็งแซ่ฟังไม่ได้ศัพท์แข่งกับเสียงเพลงข้างนอกมันไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มร่างโปร่งละอายที่จะปฏิบัติกามกิจกับผู้หญิงที่เพิ่งเจอเมื่อสักชั่วโมงที่แล้วในห้องน้ำห้องสุดท้ายเลยสักนิด

      ‘ซี๊ด...อา...โอ๊วววดีเหลือเกิน...อ๊ะ อ๊ะ ใกล้แล้วแรงๆ อีก’ 

      เธอคงใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว ชายหนุ่มกระชับสะโพกมนแน่นก่อนจะซอยกระแทกท่อนลำเข้าช่องทางด้านหลังเร่งจังหวะเร็วแรงถี่ยิบตามเสียงครางกระเส่าที่เธอร้องขอ ไม่นานตัวเธอเกร็งสะท้านร้องครางเสียงดังลั่นอย่างสุขสมไปก่อน 

       ผนังอุ่นร้อนเต้นตุบๆ ตอดรัดอย่างบ้าคลั่งยิ่งชายหนุ่มขยับสะโพกซอยกระแทกแรงเร็วก่อนจะถอดถอนท่อนลำออกมาดึงถุงยางทิ้ง มือขยับรูดท่อนลำตัวเองรัวเร็ว ใบหน้าแหงนเงยตาหลับพริ้มครางเครือเสียงต่ำด้วยความสุขสม หญิงสาวนั่งคุกเข่าลงกับพื้นอย่างรู้งาน ปากสีสดของเธออ้ารองรับน้ำขุ่นขาวที่พุ่งจากปลายยอดท่อนลำ กลืนกินมันลงคอราวเป็นน้ำทิพย์ที่แสนอร่อย บางส่วนที่เลอะขอบปากเธอใช้ลิ้นสีสดหยุ่นชื้นไล้เลียจนสะอาดด้วยท่าทางที่ยั่วยวน

       ชายหนุ่มจับท่อนลำที่ยังแข็งขืนตีลงที่ปากสีสดช่างยั่วเย้านั่นเป็นเชิงหยอกเย้า หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะกังวานใสอย่างพึงพอใจ ก่อนจะครอบปากลงส่วนปลายดูดดุนเลียทั่วทั้งท่อนลำจนสะอาด นิ้วเรียวเกี่ยวดึงกางเกงชั้นในของชายหนุ่มขึ้นมา จับท่อนลำที่เริ่มอ่อนตัวเข้าเก็บให้อย่างเรียบร้อย เธอจูบลามันอย่างรักใคร่ ดึงรูดกางเกงยีนส์ให้เข้าที่ แล้วจึงลุกขึ้นจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเปิดประตูห้องน้ำ หญิงสาวเข้ามาคลอเคลียฉุดรั้งร่างโปร่งไว้

      “วันนี้คุณค้างกับฉันนะค่ะน้า...”

      “....”  สติที่ถูกครอบงำด้วยแอลกอฮอร์ที่ดื่มอย่างหนักตั้งแต่หัวค่ำทำให้ชายหนุ่มตอบกลับเธอด้วยความเฉยเมยไร้ความรู้สึก ไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือถึงเซ็กซ์ขนาดนั้น  แต่ถ้าเธอยังต้องการเขาสามารถสนองให้ได้  สำหรับเขามันก็แค่การปลดปล่อยเพื่อให้ลืมความหน่วงในใจที่ได้เพิกเฉยต่ออะไรหลายๆ อย่างที่ผ่านมาจนเรื่องมันเลยเถิดมาจนถึงเมื่อสองสามวันก่อน 

      “นะน้า..ฉันอยากกอดคุณอีกนะค่ะ” 

       เธอทำสีหน้ายั่วเย้าเชิญชวนหนักขึ้น  ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ก็แค่เหตุผลเดียวที่มันวาบเข้ามาคือไม่อยากอยู่คนเดียวคืนนี้ หญิงสาวยิ้มกว้างเธอยืดตัวขึ้นแขนเรียวเล็กของเธอโน้มคอของเขาลงมาเพื่อจูบปาก แต่ชายหนุ่มเบี่ยงหน้าหนีแทบจะทันที ปากสีสดนั่นเลยเฉี่ยวไปโดนแก้มแทน ชายหนุ่มหันกลับมาแสดงสีหน้าไม่พอใจที่หญิงสาวพยายามจะล้ำเส้น ชายหนุ่มแกะมือของหญิงสาวออกจากแขนกำลังจะเปิดประตูห้องน้ำออก 

      “ขะ ขอโทษอย่าไปเลยนะ”  เธอคงจะสัมผัสกระแสความไม่พอใจของผมได้จึงรีบยิ้มหวานยั่วเย้าเชิงลุแก่โทษส่งมาให้ สายตาหวานเชื่อมออดอ้อน

.

.

.

      “นะค่ะ”

      “ถ้ายังอยากจะให้ผมกอด ก็อย่าล้ำเส้น” 

       ชายหนุ่มกล่าวเสียงจริงจัง หญิงสาวพยักหน้ารับปากสวยเผยอยิ่มหวานเย้ายวนมาให้ แขนเรียวเล็กของเธอเลยยกขึ้นคล้องแขนผมฉุดให้เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยกัน นักเที่ยวที่ใช้ห้องน้ำหันมามองเราอย่างสอดรู้สอดเห็นแต่ผมไม่ใส่ใจ ก็อย่างที่บอกผมสนองตอบความต้องการของพวกเธอได้ทุกแบบ แต่อย่าหวังว่าผมจะใช้ปากโอ้โลมหรือทำรักให้เด็ดขาด มันไม่ใช่สำหรับพวกเธอ ที่ตรงนี้มันมีคน “จอง” แล้ว

.

.

.

.

      ภาพที่ชายหญิงที่ปรากฏในกรอบสายตาทำให้เซนอยากจะฆ่าใครสักคนเพื่อระบายอารมณ์กรุ่นโกธรในอกที่พุ่งสูงจนแทบระเบิด จะทำยังไงกับกระต่ายตัวนั้นดี  รายงานที่ได้รับจากลูกน้องของอาแจ็กซ์ทำเอาฟิวส์ขาดต้องบินจากไทยทั้งที่งานไม่เสร็จกลับมาจับกระต่ายหลุดกรง ให้ตายเถอะเด็กนั่นกำลังเข้าสู่วังวนชีวิตแบบเดิมๆ ทำกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าในที่แบบนี้ แล้วยังจะเอาแม่พวกนั้นไปต่อที่อพาร์ทเม้นต์อีก

      “มันน่านัก!! ฉันจะทำยังไงกับนายดี ห่างสายตาไม่ได้เลยใช่ไหม”  เซนพึมพำเสียงทุ่มต่ำสันกรามบดจนขึ้นนูน มือกำแน่นเพื่อระงับโทสะที่แล่นริ้วอยู่ในอก ตาดุวาวโรจน์จ้องมองทั้งคู่ที่โอบกันออกมาจากห้องน้ำอยากจะฆ่าให้ตายคามือนัก เขารู้ว่าตัวเองยังไม่มีสิทธิ์เด็ดขาดในการครอบครองกระต่ายตัวนั้น แต่สักวันเจ้านั่นก็ต้องเป็นของเขาอยู่ดี ก็เขา  “จอง”  ไว้แล้ว เจ้าเด็กนั่นกล้าดียังไงถึงเอาของๆ เขามาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เรื่องนี้เห็นจะปล่อยผ่านไม่ได้มันต้องลงโทษให้หลาบจำ

      “เฮอร์เซลนายไปวนรถมาทางหลังร้าน เดี๋ยวฉันจัดการเจ้านั่นเอง”

       เซนหันไปบอกบอดี้การ์ดคนสนิทของตนเอง แล้วเดินจ้ำพรวดไปกระชากไหล่ร่างโปร่งให้หลุดออกจากการวงแขนของหญิงสาวคนนั้น 

      “ว้ายกรี๊ด!! ทำอะไรของคุณน่ะ” เธอร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะเข้ามาดึงตัวชายหนุ่มกลับคืน เซนตวัดสายตาคมดุเย็นเยียบมองหญิงสาวเขม็งจนเธอรู้สึกกลัวจนตัวสั่น ปล่อยมือจากแขนของร่างโปร่งโดยอัตโนมัติยืนเม้มปากแน่น

      “กลับ!!”  เซนพูดเสียงเข้มดุมือหนาสากฉุดกระชากร่างโปร่งอย่างไม่ปราณีปราศรัยให้เดินตามออกทางหลังร้าน

      “ปล่อยโว้ย มึงจะพากูไปหน่าย..”  กระต่ายดื้อด้านพยายามสะบัดให้หลุดพ้นจากแรงฉุดกระชาก มือเกี่ยวทุกอย่างตามรายทางไม่ยอมเดินตาม ทำให้เซนหน้าตึง กรามแกร่มบดแน่นด้วยโทสะขึ้นมาอีกครั้ง

      “จะไปดีๆ หรือต้องให้เจ็บตัวก่อน”  เซนพูดเสียงต่ำเย็นอย่างข่มโทสะที่กำลังไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ กับความดื้อดึงของอีกฝ่าย

      “กูไม่ไป ปล่อยโว้ย กูไม่รู้จักมึง” 

      “......”   เซนใช้แรงที่มากกว่าฉุดกระชากกระต่ายปากดีออกไปอย่างไม่ปราณีปราศรัย ไม่สนใจเสียงประท้วงแต่อย่างใด

      “ปล่อยโว้ย...ฮึยยย มึงจะพากูไปไหน...” 

      “หยุด!!  ถ้าพูดอีกคำเจ็บตัวแน่”

       ความอดทนของเขาชักจะหมดลงทุกทีกับความดื้อดึงของกระต่ายตัวนี้ ไม่อยากจะใช้ความรุนแรงแต่เด็กนี่ก็ช่างยั่วยุให้ตบะแตก มือใหญ่สากกำข้อมือร่างโปร่งแน่นขึ้น ก่อนจะตะคอกเสียงดังคุกคามทำเอากระต่ายดื้อด้านที่พยายามดิ้นหนี้ชะงักงันด้วยความกลัว เซนเลยถือวิสาสะอุ้มขึ้นพาดบ่า  ร่างโปร่งร้องดังลั่นด้วยความตกใจ มือกำหมัดทุบหลังเซนไม่ยั้งแต่เหมือนคนถูกทุบตีจะไม่สะทกสะท้าน ยังคงก้าวเดินดุ่มจนไปถึงด้านหลังผับซึ่งมีรถยนต์ Mercedes-Benz S-Class S 500  สีดำมันปล๊าบเปิดประตูจอดรออยู่
   
      “โอ๊ย! เจ็บนะโว้ย” 

       ร่างโปร่งที่ยังไม่ได้ตั้งตัวถูกโยนเข้าไปในรถล้มกลิ้งไปกับเบาะหลัง หัวโขกไปกับขอบประตูฝั่งตรงข้ามค่อนข้างแรงจนปวดตุบๆ บวมปูดทันตา กำลังพยายามเอี้ยวตัวควานหาที่เปิดประตู แต่ตัวต้นเหตุก็ตามเข้ามานั่งข้างๆ อย่างรวดเร็ว มือหนาเกี่ยวเอวร่างโปร่งเข้ามานั่งแนบข้างจนแทบจะขึ้นไปเกยอยู่บนตักแกร่ง

      “นั่งนิ่งๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”  เซนพูดเสียงต่ำเจือความหงุดหงิดในความดื้อด้านของกระต่ายตัวนี่

      “ไม่!! มึงปล่อยกูๆ ไม่รู้จักมึง สัสเอ๊ย!!  จะพากูไปไหน..”  กระต่ายตัวนั้นยังคงดิ้นรนสุดแรงเกิดเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของเซนที่โอบร่างโปร่งไว้ทั้งสองแขน 

      “อ๊ากกก...ปล่อยกู” 

       จังหวะที่เซนหันไปปิดประตูรถกระต่ายปากเสียพลิกตัวเข้าหาร่างแกร่งฟันคมบดกัดลงบนบ่าหนาเต็มแรง คนตัวโตสะดุ้งด้วยความเจ็บเลยเผลอปล่อยมือจากร่างโปร่ง  เมื่อหลุดพ้นจากอ้อมกอดกระต่ายปากเสียรีบหันตัวกลับควานมือไปเปิดประตูเพื่อวิ่งสู่อิสรภาพ

       แต่ด้วยความมึนเมาที่ยังหลงเหลือส่งผลให้สมองประมวลผลและสั่งการให้เคลื่อนไหวได้เชื่องช้าทำให้เซนคว้าเอวไว้ได้ และกระชากอีกฝ่ายให้หันกลับมาใช้น้ำหนักตัวที่มากกว่ากดให้นอนลงไปกับเบาะของรถ มือหนาสากจับแขนทั้งสองข้างของกระต่ายปากดียึดไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียว คนหมดทางสู้เตรียมร้องประท้วง แต่ช้ากว่าริมฝีปากหนาได้รูปของเซนที่ก้มลงบดเบียดริมฝีปากบางของคนใต้ร่าง ลิ้นที่สอดเข้ามาเกี่ยวกระหวัดดูดดึงอย่างร้อนแรงดุดัน กวาดต้อนให้กระต่ายปากดีตอบสนองอย่างเงอะงะในตอนแรก แล้วเริ่มร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา  เซนยอมผละปากออกให้คนใต้ร่างได้มีโอกาสโกยอากาศเข้าปอดได้เต็มที่ โทสะที่ยังพุ่งพล่านสั่งให้ร่างสูงใหญ่กัดเม้มริมฝีปากล่างของกระต่ายปากดีค่อนข้างแรงจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่อวลอยู่ในปากเพื่อเป็นการลงโทษ 

       ความอ่อนนุ่มระคนชื้นกลิ่นเหล้าที่เจือด้วยเลือดซึ่งแทรกซึมผ่านปลายลิ้นที่ซอนรอยแยกของปากเข้ามากระทบฟัน ดั่งมีดคมกริบตัดเส้นด้ายแห่งความยับยั้งชั่งใจจนขาดสะบั้น.เซนสอดลิ้นสากหนาเข้าไปในโพรงปากของคนใต้ร่างอีกครั้ง เกี่ยวกระหวัดดูดดุนตักตวงความหวานจากปากบางนุ่มอย่างรุนแรงตามอารมณ์คุกรุ่นที่มีอยู่ก่อนหน้า  ลำแขนของร่างโปร่งที่ได้รับการปลดปล่อยเลื่อนขึ้นไปโอบกอดลำคอแกร่ง  มือเรียวที่เตรียมผลักไสค่อยๆ สอดเข้าไปในเรือนผมนุ่มสีน้ำตาลของเซน ศีรษะเล็กถูกมือแกร่งของเซนโอบประคองปรับองศาเพื่อให้สามารถรับริมฝีปากของเขาได้ถนัดถนี่ขึ้น 

       การตอบสนองอย่างหลงลืมตัวของใครบางคน ก่อให้เกิดความหวามไหวในอกร้อนรุ่มไปถึงตัวตนที่ต้องการปลดปล่อยฉุดรั้งกันและกันไปให้ถึงอีกฝั่งของท้องฟ้า มือหนาสากสอดเข้าไปในเสื้อของร่างโปร่งโดยเจ้าตัวไม่รู้สึกตัว บีบคลึงยอดอกแบนราบของอีกฝ่ายอย่างหลงใหล  ปากร้อนผ่าวเลื่อนมาซุกและกัดเม้มเบาๆ ที่ใต้คาง ซอกคอหอมกรุ่น  มือซุกซนป่ายปัดเสื้อยืดของอีกฝ่ายร่นขึ้นข้างบน ปากหนาร้อนผ่าวครอบครองดูดดึงขบเม้มที่ยอดอกสีหวานอย่างลุ่มหลง  อีกมือลูบไล้ผิวเนียนนุ่มลื่นดุจแพรไหมเนื้อดีของร่างโปร่งระเรื่อยผ่านหน้าท้องแบนราบ มือล้วงเข้าไปในกางเกงสัมผัสตัวตนที่เริ่มแข็งขึงของคนใต้ร่างที่ปลายยอดเริ่มจะชุ่มฉ่ำแล้ว

      “โอ๊ว อ๊ะ อา...”

      เสียงครวญครางแหบพร่าและสูดปากด้วยความพึงพอใจของอีกฝ่าย กระตุ้นความต้องการของเซนอย่างสุดระงับ เขาผงกหัวขึ้นเพื่อใช้ปากดูดซับเสียงของอีกฝ่ายไว้  กระต่ายปากเสียลืมสิ้นแม้เสียงประท้วงของตนเอง ลืมแม้กระทั่งว่าตัวเองยังอยู่ในอารมณ์หน่วง  และประเด็นสำคัญอีกฝ่ายเป็น “ผู้ชาย”  สิ่งที่ได้เจอะเจอมาสองสามวันมันทำให้เขาเบี่ยงเบนทางเพศเหรอ..!? แต่ก็ช่างประไรความสุขอยู่ตรงหน้าทำไมเขาจะต้องบอกปัด...

      ก่อนที่ทุกอย่างจะอยู่นอกเหนือการควบคุม เซนผลักคนใต้ร่างออกเหมือนเจอของร้อน ชายหนุ่มสบถและก่นด่าตัวเองที่ตกหลุมพรางของอารมณ์ได้โดยง่าย เพียงเพราะ...

      “โธ่เว้ย!! ใครสั่งใครสอนให้เอาของๆ คนอื่นมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตห๊า!!  มันเป็นความผิดของนาย ให้ตายเถอะแมร่งเอ๊ย”  เซนสบถใส่คนตรงหน้าก่อนจะร้อนรนเปิดประตูรถออกไปยืนริมฟุตบาท  ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าดึงบุหรี่ออกมาจุดสูบดับอารมณ์กรุ่นโกรธเจือความร้อนรุ่มที่ยังควบคุมไม่ได้ของตัวเอง

      ร่างโปร่งมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความงุนงง  เพราะดื่มเข้าไปอย่างหนักมาหลายชั่วโมง แถมเหน็ดเหนื่อยจากการปลดปล่อยอารมณ์ดิบกับหญิงสาวคนนั้นมาอย่างหนักหน่วง ทำให้สมองประมวลเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปด้วยความเชื่องช้า แต่ก็ยังทันได้ยินเสียงของคนไม่รู้จักสั่งให้คนขับรถออกรถเพื่อกลับบ้าน..ก่อนที่ตาจะหรี่ปรือและปิดลงสมองหยุดการประมวลผลชั่วคราว จึงไม่ได้รับรู้ถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นหวงแหนและรักใคร่ของคนไม่รู้จักที่มีให้ในเวลาต่อจากนั้น...











TBC.

ปล. 

1. เอาครึ่งแรกไปก่อนนะครับ จะเขียนให้จบร่างกายมันก็ฝืนไม่ไหวโหมงานหนักมาหลายวัน สมองมันเลยตื้อคิดอะไรไม่ค่อยออกอีกสัก 2 - 3 วันเขาจะเอาส่วนที่เหลือมาลงให้อีกเน้อ

2. ก็เหมือนเดิมถ้าเจอข้อผิดพลาดประการใดบอกเค้าด้วยนะเออ เขาจะได้แก้ไขให้ถูกต้องต่อไป

3. ขอบคุณสำหรับการติดตามกันเสมอมา ขอให้สนุกกับการอ่านนะครับ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2015 15:56:32 โดย WiChy »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ทำให้เซนอยากจะฆ่าใครสักคนเพื่อระบายอารมณ์กรุ่นโกธรในอก

เรื่องนี้เห็นจะปล่อยผ่านไม่ได้มันต้องลงโทษให้หราบจำ >>> หลาบจำ

ความอดทนของเขาซักจะหมดลงทุกที

 “นั่งนิ่งๆ ถ้าไม่อยากเจ็บแน่”  >>> เจ็บตัว

คนตัวโตสะดุ้งด้วยความเจ็บเลยเผยอ >>> เผลอ

ร่างสูงใหญ่กัดเม้มริมฝีปากล่างของกระต่ายปากดีนี่นค่อนข้างแรง

ก่อนจะร้อนรนเปิดประตูรถออกไปยืนริมฟุตบาตร >>> ฟุตบาท

เฮียเซนไปเก็บกระต่ายที่ไหนมาเลี้ยงนะ ดูท่าจะทั้งดื้อและซนสุดๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เอาล่ะสิพี่เชนจะทำอะไรกับกระต่ายกันนะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด