เด็กเลี้ยง_EP.38_[ตอนจบ] P.9_1542016 // จบแล้วย้ายได้นะค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กเลี้ยง_EP.38_[ตอนจบ] P.9_1542016 // จบแล้วย้ายได้นะค่ะ  (อ่าน 116600 ครั้ง)

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
มีแบ็คกราวด์ที่น่าสนใจกันดีค่ะ
ไม่ทราบว่ามีแพลนที่จะขยายบทแต่ละคนหรือเปล่าคะ?
คือ ณ ตอนนี้ปูพื้นให้แต่ละตัวละครก็หมดไปแล้ว 1 ตอนโดยที่มีพี่คณิตนำมาก่อน
รออ่านต่อว่าจะไปในรูปไหน
ระวังนิดนะคะเรื่องการแบ่งบทเพราะว่ามีตัวละครเยอะ

ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
เรือนชิดชลนี่รับอุปการะเด็กไว้หลายคนเลยนะคะ
แถมแต่ละคนมีความสามารถพิเศษที่โดดเด่นทุกคน น่าชื่นชมมากค่ะ

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ขอบคุณมากมายสำหรับการติดตาม และเม้นท์ดีๆ


@ Ginny Jinny 
>> ขอบคุณครับผม  คือพิมพ์ผิดไปจริงๆ มือมันไปก่อนสมอง คือจะพิมพ์ “ที่”  มือกลับพิมพ์ “เคย” 

@ TaecKhun Imagine
>> จิตใจคนเรายากแท้หยั่งถึง   ชาติตระกูลที่ดีใช่ว่าจะทำให้คนเป็นคนดีได้  ขอบคุณกำลังใจพวกเราจะทำให้ดีที่สุด
เรื่องนี้อยากจะสื่อแบบนั้นแหละครับ

@ BeeRY
>> ยินดีต้อนรับสู่โลกของการกินเลี้ยงเด็กไว้กินเองครับผม

@ Freja
>> ตัวละครเหล่านี้จะโล้ดแล่นสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเล่าเรื่องของตัวเองไปอีกยาวนานเท่าที่มีคน ต้องการอ่าน 

@ ❣☾月亮☽❣
>> ขอบคุณครับผม

@ Yara
>> เรือนชิดชลส่วนหนึ่งเปิดเป็นบ้านเด็กกำพร้าและผู้ยากไร้ครับผม แต่ ณ ที่นี่เราจะโฟกัสไปที่เด็กกำพร้าซะส่วนใหญ่

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
แต่ละคนชีวิตไม่สมบูรณ์ แต่รักดีกันทุกคนเลย น่าปลื้มใจแทนแม่ๆ นะ

ออฟไลน์ choinudee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เรื่องน่าติดตามมากกกกกกกก

ไม่ว่าแต่ละคนจะต่างที่มา แต่เมื่อมาอยู่ด้วยกัน

เป็นพี่น้องกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน ความรักมันจะแข็งแกร่งมากขึ้น

ขอให้สิ่งที่คิดที่ทำสำเร็จนะ  อย่าลืมดูแลน้องดีๆ รักกันให้มากๆนะ (เหมือนอวยพรบ่าวสาว555)

ออฟไลน์ PPink

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ประวัติแต่ละคนนี่โชกโชนจริงๆ

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ประวัติแต่คนนนน ชีวิตนี่มีอะไรที่ยากแท้จริงๆ
อืมม แต่ครอบครัวบุลวัชรนี่ใหญ่จริงไรจริงนะ
พี่น้องเยอะมากกก

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: เด็กเลี้ยง__EP.10_ P.3 [24_10_2558]
«ตอบ #68 เมื่อ24-10-2015 14:17:59 »

เด็กเลี้ยง


- 10 -



   เกือบจะห้าโมงครึ่ง ผมบึ่งรถจากบริษัทไปรับน้ำนิ่งคิดว่าปานนี้คงจะออกอาการงอนผมเต็มรูปแบบไปแล้วล่ะ ก็ตั้งแต่เกิดเรื่องผมไม่เคยมารับช้ากว่าสี่โมงเย็นสักที  การประชุมที่คิดว่าจะจบเร็วกลับกลายเป็นว่ามีเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ต้องตัดสินใจลากยาวมาจนถึงเกือบห้าโมงครึ่งก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้เลยให้พี่พีดำเนินการประชุมต่อ

    มีคนเคยถามว่า น้ำนิ่งโตขนาดนี้แล้วทำไมไม่หัดให้กลับบ้านเอง  “ห่วง”  เป็นคำตอบที่ออกจากปากผมไป  มันคงจะยากถ้าใครสักคนมีความหวาดกลัวและไม่เชื่อใจค้ำคออยู่  ตอนน้ำนิ่งขึ้น ม.3 เคยขอกลับบ้านเองหลายครั้ง ด้วยความวิตกกังวลและห่วงใยกลัวเด็กได้รับอันตรายจึงปฏิเสธความต้องการของเขาไป ครั้งสุดท้ายน้ำนิ่งรบเร้าหนัก เลยจับตัวนั่งคุยกันนานจนได้คำตอบว่าทำไมเขาอยากจะกลับเอง กลายเป็นโอละพ่อความต้องการของเขากับของผมมันคนละเรื่อง กันเลย

   ‘อายใช่ไหมที่ไปรับไปส่ง...’   

    ผมหลุดคำถามที่มันตกตะกอนขุ่นในใจมาเนิ่นนานหลายเดือน  คิดว่าเด็กน้อยคงจะอายโตขนาดนี้แล้วยังต้องมีผู้ปกครองไปรับไปส่ง น้ำนิ่งอายุ 15 ปี เข้าช่วงวัยรุ่นย่อมต้องการอิสระในทางความคิด เขาคงจะอยากมีช่วงเวลาใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นบ้าง แต่ผมกลับตามติดเขาตลอดเด็กก็คงจะอึดอัดตามวัยไม่อยากจะให้ผมวุ่นวายมากนัก

   ‘…..’  เด็กน้อยนิ่งชะงักงันกับคำถามของผม เขานิ่งเงียบดวงตาหวานที่สบกันไหวระริกนี่คงเป็นคำตอบ ผมใจสั่นวูบกับท่าทางของเขาก่อนจะหลุดเสียงพูดราบเรียบที่พยายามปกปิดความน้อยใจของตัวเอง

   ‘เข้าใจแล้ว หนูโตแล้วคงจะต้องการอิสระอยากจะทำอะไรเอง อยากมีความเป็นส่วนตัวแบบวัยรุ่นทั่วไป แต่ช่วยเข้าใจหน่อยว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะเป็นห่วง  แต่ถ้าหนูต้องการอย่างนั้นจริงๆ ก็ได้ ’

   ‘ภูมิ.............มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”  น้ำนิ่งหน้าเสียตกใจกับคำพูดที่ผมเอ่ยออกมา ก่อนจะละล่ำละลักเค้นเสียงตอบออกมา หน้าที่เงยขึ้นมาสบตากันเต็มไปด้วยความเสียใจและสำนึกผิดที่ทำให้ผมคิดแบบนี้

   ‘ ก็ถ้าไม่ใช่อย่างที่คิดแล้วจะอยากกลับเองทำไม ‘   ผมถามเสียงเข้มมองคนตรงหน้าอย่างเค้นหาคำตอบ น้ำนิ่งนั่งก้มหน้ามองมือตัวเองที่ว่างอยู่บนตักนิ่งเงียบไปนาน  คนตัวเล็กทอดถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นสบตาผม สายตาที่ส่งมาให้เต็มไปด้วยความหวงแหนฉายมันชัดอยู่ในนั้น

   ‘ หวง'    น้ำนิ่งพรูลมออกจากปากบางก่อนจะตอบเสียงเบาในลำคอ ก่อนจะหลบซ่อนหน้าที่แดงระเรื่อของตัวเองลงมองมือที่กุมแน่นบิดไปมาอยู่หน้าตัก

   ‘ ไม่เข้าใจ เงยหน้าขึ้นมาพูดกันให้รู้เรื่องนะน้ำนิ่ง'  ผมถามเสียงคาดคั้น ชักจะหงุดหงิดกับการถามคำตอบคำไม่ชัดเจนของคนตรงหน้า

   ‘…..’

   ‘น้ำนิ่ง!!’  ผมย้ำเสียงเข้ม

   ‘ก ก็หวง  หวงมากๆ เข้าใจไหม ไม่อยากให้ใครมอง ไม่อยากให้สนใจภูมิ  พี่ผู้หญิงพวกนั้นอยากได้ภูมิจนตัวสั่นแม้แต่ครูประจำชั้นยังชอบ พวกเขาฝากของมาให้ภูมิทุกวันแต่หนูเอาทิ้งไปแล้ว หนูกลัวว่าภูมิจะชอบพวกนั้นแล้วลืมหนู...’ 

    น้ำนิ่งพูดสารภาพรัวเร็วแทบจะฟังไม่ทัน นัยน์ตาหวานไหวระริกฉายแววของความกลัวการสูญเสีย แต่หลักๆ คือไม่อยากให้ผมเจอผู้หญิงหรือครู? ที่โรงเรียนของเขา กลัวว่าผมจะสนใจคนอื่นมากกว่า น่ารักมากเกินไปหรือเปล่าวะเด็กผม กลั้นยิ้มจนปวดหน้าลิงโลดด้วยความดีใจ  แต่ยังตีหน้าขรึมถามเด็กเสียงเข้ม

   ‘ผู้หญิงพวกนั้น....” 

   ‘ไม่!!  ภูมิเป็นของหนู จะให้หนูอกแตกตายเพราะหึงหวงใช่ไหมฮึกฮืออออ... ’ 

    ผมพูดยังไม่จบน้ำนิ่งชิงตัดบทเสียงดังหนักแน่นในตอนแรก ตามด้วยเสียงแผ่วเบาตัดพ้อต่อว่า ดวงตาคู่สวยที่มองสบกันฉายแววน้อยใจเต็มเปี่ยม  ริมฝีปากบางลั่นระริกแล้วในที่สุด...น้ำตาแตกราวกับทำนบพัง       

   ‘ชูว์ เด็กดีไม่เอาไม่ร้อง ไม่อยากให้มองก็ไม่มอง ไม่เคยสนใจพวกนั้นด้วยซ้ำ เคยทำให้เห็นเหรอฮืม”

   ผมดึงตัวน้ำนิ่งเข้ามากอดเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มปลอบให้หยุดร้อง  อยากจะทึ้งหัวตัวเองคิดได้เป็นตุเป็นตะให้ตัวเองเจ็บปวดใจเล่นอยู่ตั้งนาน น้ำนิ่งไม่เคยอายไม่ได้สนใจความแตกต่างของอายุของเราที่ห่างกันมาก   แต่ ‘น้ำนิ่งแค่หวงของ’

   ‘ถ้าไม่เห็น ภูมิก็จะทำใช่ไหม บอกมานะจะทำใช่ไหม’  น้ำนิ่งผละตัวออกเงยหน้าขึ้นสบตาเอ่ยถามเสียงเข้มคาดคั้นเจือปนก้อนสะอื้นนิดๆ

   ‘คิดมากน่า เคยที่ไหน ก็บอกแล้วไม่เคยสนใจมองใครที่ไหน แค่หนูคนเดียวก็ไม่มีใจจะรักใครแล้ว ถามแบบนี้เคยเชื่อใจกันบ้างรึเปล่า น่าจะเป็นภูมิมากกว่าที่จะต้องคิดมากเรื่องนี้” 

    ผมเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มปลอบประโลมพร้อมถามหาความเชื่อใจของน้ำนิ่ง ผมเข้าใจดีเด็กวัยขนาดนี้วุฒิภาวะทางอารมณ์ยังไม่มั่นคงมักเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ กับสิ่งยั่วยุแปลกใหม่ที่เขาพบเจอจากการใช้ชีวิตประจำวันระหว่างที่อยู่โรงเรียน

   ‘ภูมิก็ไม่ต้องห่วงไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาดฮะ‘

    ‘เข้าใจตรงกันแล้วภูมิไปรับส่งเหมือนเดิมนะ เป็นห่วงไม่อยากให้กลับเองนะครับ’

   ‘ฮะ’





   คิดอะไรเพลินๆ จนขับรถมาถึงวิทยาลัยโดยไม่รู้ตัว  บรรยากาศตอนเกือบหกโมงเย็น ยังมีนักศึกษานั่งอยู่โต๊ะใต้ถุนภาควิชาเจ็ดแปดคน  ลำแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับมุมตึกยังทอแสงสีล้มเหลือบสีแดงคล้ำอมม่วงของยามเย็นอยู่บางเบากระทบกับพื้นลานจอดรถ  แสงไฟนีออนจากเสาไฟฟ้าตามถนนทางเดินเริ่มเปิดขึ้นทีละดวง 

    ผมกวาดตามองไปทั่วสนามข้างลานจอดรถเห็นร่างของน้ำนิ่งนั่งบนเก้าอี้สนามปลายเท้าเล็กไขว้กันเหยียดยาวไปข้างหน้า เอนหลังพิงไปกับพนักเก้าอี้ แขนเรียวเล็กวางประสานกันอยู่บนหน้าท้อง สายตาเหม่อลอยทอดไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย  รู้สึกหงอยเหงาและอ้างวางเหมือนกับว่าในโลกใบใหญ่ที่แสนวุ่นวายนี้เหลือเพียงเราคนเดียว ห่างออกไปห้าสิบเมตรคนของผมเฝ้ามองเด็กน้อยอยู่ไม่ห่าง  เมื่อเห็นผมพวกเขาก้มหัวให้แล้วก็สลายตัวกันไป

   ผมเดินเข้าไปยืนตรงหน้าน้ำนิ่งวางมือข้างหนึ่งแนบไปกับแก้มนิ่มดึงให้หน้าหน้าหวานเงยขึ้น นิ้วแกร่งเกลี่ยไล้เบาๆ น้ำนิ่งยกยิ้มหวานเต็มหน้าส่งมาให้

   “ขอโทษที่ช้านะครับ” 

   “งานยุ่งเหรอฮะ”  เด็กน้อยถามเสียงเบา

   “ครับภูมิปลีกตัวออกมาไม่ได้เลย ขอโทษนะครับที่ให้รอ” ผมเอ่ยขอโทษเสียงนุ่ม ก่อนจะดึงตัวน้ำนิ่งเข้ามากอดด้วยความคิดถึง

   “กลับบ้านเลยหรือว่าจะแวะที่อื่นก่อน” 

   “กลับบ้านฮะ ”

    ผมกดจมูกลงซอกคอหอมและแก้มนิ่มอีกครั้ง ก่อนจะผละออกก้มลงหยิบกระเป๋าเป้อีกมือยื่นไปกุมกระชับมือน้ำนิ่งเดินไปที่รถ เปิดประตูให้เด็กขึ้นไปนั่งฝั่งของเขา ส่วนผมวนกลับมานั่งฝั่งคนขับก่อนจะขับรถออกจากวิทยาลัยกลับบ้าน  ถึงบ้านก็เย็นมากแล้วพวกพี่มันอยู่กันที่โซนใต้ถุนด้านทิศใต้เลยมาจนถึงลานสนามหญ้าข้างบ้านกันทุกคนแล้ว เสียงพูดคุยกันโหวกเหวกเป็นที่สนุกสนาน


    ผมเดินจูงมือน้ำนิ่งเข้ามาด้วยกันกำลังจะถึงใต้ถุนบ้าน  น้ำนิ่งเงยหน้าขึ้นมองตามทิศทางของเสียงพูดคุยที่ต่างไปจากทุกวัน  ก่อนเด็กน้อยจะทำตาโตด้วยความประหลาดใจที่เห็นคนที่ตนเองคุ้นเคยอยู่เต็มใต้ถุนและลานข้างบ้าน  หน้าที่ประหวาดใจเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบสามสิบสองซี่ก่อนจะ ดึงมือเล็กออกจากมือผม

   “พี่หนึ่งงงงงง” 

    เด็กน้อยร้องเสียงดังลั่นด้วยความดีใจ วิ่งถลาเข้าไปหาอ้อมกอดของคนหน้าสวยที่กางแขนรออยู่แล้ว  สองคนพี่น้องกอดรัดฟัดเหวี่ยงหอมแก้มซ้ายขวาของกันและกันอยู่หลายนาทีไม่ยอมปล่อย 

    พี่ฉานที่จ้องมองด้วยความหมั่นไส้สองคนพี่น้องอยู่แล้วเดินย่องเข้ามาด้านหลังกอดหมับเข้าที่เอวคอดบางของน้ำนิ่งก่อนจะดึงตัวเข้าหาอ้อมกอดของตัวเอง จับตัวน้องให้หันหน้าเข้าหาตัวเองแล้วฟัดแก้มนิ่มนั้นหลายที  เอ้อ..ผมนี่อยากจะเข้าไปฉุดตัวเด็กออกจากอิพี่ฉานเหลือเกิน แก้มนิ่มๆ นั่นขึ้นรอยแดงเถือกเลยล่ะ

   ได้แค่คิดยังไม่ได้ก้าวเดินเข้าไปแยกเด็กออกมาด้วยซ้ำ พี่แสนไม่รู้เดินมาจากทางไหนฉกตัวน้องออกไปจากอิพี่ฉานได้ก็ยกตัวอุ้มขึ้นในอ้อมกอดฟัดแก้มนิ่มเด็กผมอย่างหมั่นเขี้ยวน้ำนิ่งหัวเราะร่วน เอาไปเอามากลายเป็นศึกแย่งเด็กระหว่างพี่ทั้งสามคน ผมกลัวเด็กจะเหนื่อยหอบเพราะหัวเราะมากเกินไปเลยเดินเข้าไปแย่งเด็กออกมาจากมือพวกพี่มัน  กอดกระชับไว้กับอกมือลูบแผ่นหลังเล็กบางเบาๆ ให้เด็กหายจากอาการเหนื่อยหอบ ก่อนจะปล่อยเด็กลงยืนตรงหน้ายกแขนโอบกอดไว้

   “พอ พอ พี่นี่เด็กผม ไม่ให้เล่น”  ร้องห้ามพี่มันเสียงจริงจัง กลัวเด็กหัวเราะมากๆ แล้วจะเหนื่อยพอเหนื่อยมากๆ มีอ๊วกครับ

   “ไงคนเก่ง ทำไมกลับช้าจัง  พวกพี่มารอเราจนรากจะงอกแล้วนะ”  พี่ฉานก้มตัวลงถามเด็กเสียงนุ่ม

   “วันนี้ภูมิงานยุ่งฮะ  แต่ว่าทำไมพวกพี่มาอยู่นี่ได้”  น้ำนิ่งไขข้อข้องใจ  เพราะไม่ได้พบกันนานเด็กน้อยเลยตื่นเต้นดีใจถามพวกพี่ด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นใคร่รู้

   “ตอนนี้พวกพี่ตกงานไม่มีที่อยู่...ไม่รู้คนแถวนี้พอจะให้อาศัยอยู่ด้วยได้ไหมสักเดือนสองเดือน”  พี่ฉานทำเสียงอ้อนขอความเห็นใจ พี่อีกสองคนพยักหน้าสนับสนุนเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ฉาน  ในเมื่อพี่ฉานส่งบทมาแบบนี้น้ำนิ่งหรือจะเมินเฉยกระโจนลงสวมวิญญาณดาราเจ้าบทบาท น้ำตาสั่งได้เริ่มคลอหน่วยตาแดงๆ ฉายแววของความน้อยใจตัดพ้อต่อว่าด้วยเสียงหวานแหบพร่าสั่นน้อยๆ

   “หายไปอยู่ที่อื่นมาตั้งนานไม่เคยคิดจะกลับมาหา โทรศัพท์มีก็ไม่คิดที่จะติดต่อมา  พอจะมาก็มา พวกพี่เคยคิดถึงเค้าไหม  แล้วเคยรักเค้าบ้าง รึเปล่า” 

   “ทำไมคิดว่าพวกพี่จะไม่รักน้ำล่ะ ไม่ร้องนะ”  พี่แสนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ ดึงตัวน้องเข้าไปกอดปลอบ

   “พวกพี่รักน้ำนะแล้วก็รักมากๆ ด้วย  งานที่ทำเวลามันไม่เอื้อให้เรากลับมาหาน้องๆ ได้บ่อยทั้งที่อยากจะมา”  พี่หนึ่งอธิบายเสียงนุ่มให้น้องเข้าใจ มือเรียวยื่นไปขยี้ผมนุ่มคนเป็นน้อง ก่อนจะผละนิ้วมือมาเกลี่ยไล้น้ำตาออกจากแก้มนิ่มเบาๆ

   “ก็ถ้ารักแล้วจะถามเหมือนเราไม่ใช่พี่น้องกันทำไม ไม่อยากกลับมาอยู่กับน้องก็บอกมาตรงๆ เลย”  ยังมีเสียงตัดพ้อเล็กๆ จากคนเป็นน้อง ก่อนจะผละตัวออกจากอ้อมกอดของพี่แสน สะบัดหน้าเชิดๆ งอนๆ

   “ถ้าไม่อยากอยู่ด้วยกันพวกพี่ก็คงไม่รีบกลับมาทันทีที่มีโอกาสหรอกนะ  ขอโทษที่เมื่อกี้พูดให้น้อยใจนะครับ”  พี่ฉานเอ่ยเสียงนุ่มลุแก่โทษ

   “ก็แค่นั้นแหละที่ต้องการ ท่ามากกับน้องอยู่ได้นะคนเรา” น้ำนิ่งเอ่ยตอบน้ำเสียงกังวานใส น้ำตาที่สั่งพิเศษหยุดไหลทันควัน  รอยยิ้มน่ารักของความสุขกระจายอยู่เต็มหน้า

   “นี่มารยา??”  พวกพี่มันพูดขึ้นพร้อมกันด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้เล็กๆ ยื่นมือมายีผมน้องจนผมยุ่งไปหมด คนน้องส่ายหัวหนีพัลวันก่อนที่จะถลาตัวมายืนกอดแขนผม

   “ก็ใช่ไงฮะ พวกพี่ส่งบทมาทำไมล่ะ ถ้าน้ำไม่เล่นด้วยก็กลัวจะเสียใจอะไรอย่างนี้  ที่นี้ก็ไม่ต้องอะไรแล้วนะจะอยู่กี่วันก็อยู่หรือจะอยู่ตลอดไปน้องก็จะดีใจมาก  อ๋อแล้วอย่าพูดหรือคิดอะไรเหมือนดูถูกน้ำใจน้องๆ อีกนะ ถ้าได้ยินอีกคราวหน้าเค้าจะงอนจริงๆ ด้วยบอกไว้เลย”  คนน้องลอยหน้าลอยตาตอบแบบเชิดๆ  ก่อนจะพูดน้ำเสียงจริงจังในตอนท้ายกับพวกพี่มัน

   “คือน้องกูโตแล้วสะดีดสะดิ้งเก่งซะด้วย พี่ยอมเลยหนู  เมื่อกี้ล้อเล่นเพราะคิดถึงนะครับ ตอนนี้เราได้พักครับเด็กน้อยเลยรีบกลับมาอยู่กับน้องๆ ทันที”   พี่ฉานมันเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะปนความเอ็นดู

   “อ้าวๆ พวกมึงทางโน้นจะดราม่าหรือจะอะไรอีกนานไหมล่ะนั่น เย็นมากแล้วนะเด็กๆ กินข้าวไม่ตรงเวลาเดี๋ยวมีปวดท้องแล้วงานเข้านะเว้ยเฮ้ย”  พี่ณิตตะโกนเรียกเสียงดังมาจากเตาปิ้งย่างบาร์บีคิวและอาหารทะเล

    “มันเร่งมาล่ะ สิงห์พาน้องไปอาบน้ำไป๊อากาศค่อนข้างเย็นเดี๋ยวจะไม่สบาย เสร็จแล้วรีบมาเลยนะจะรอกินข้าวพร้อมกัน”  พี่คมหันไปดูพี่ณิตก่อนจะหันกลับมาบอกน้องสองคนให้รีบไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวหลังจากที่ไม่ได้อยู่กินด้วยกันมานานหลายปี


   หลังอาบน้ำเสร็จเรารีบลงมาข้างล่าง  พวกพี่มันเริ่มลงมือกินกันไปคุยกันไป  ผมกุมมือเด็กให้เดินมา นั่งลงที่ว่างข้างพี่หนึ่ง พี่แสนเอาจานกุ้งเผาที่แกะเปลือกแล้วกับบาร์บีคิวอีกสองไม้มาวางตรงหน้าเด็กน้อย

   “ขอบคุณครับ”  น้ำนิ่งหันไปขอบคุณพร้อมรอยยิ้มละลายใจคนพี่เลยก้มลงหอมเหม่งน้องเป็นค่าอาหาร

   “กินเยอะๆ นะเราน่ะ ผอมไปรึเปล่าเนี่ย” 

   “อ้วนแล้วเหอะ พี่แสนกินมากินกับน้ำนะฮะ” 

   “เรานะกินไปเถอะ พี่กินไปบ้างแล้ว”
   
      พี่แสนเอ่ยเสียงทุ่มนุ่ม ส่งยิ้มอ่อนโยนให้น้องเล็ก ก่อนจะผละไปที่เตาปิ้ง ผมเลื่อนน้ำจิ้มซีฟู๊ดแบบไม่เผ็ดมากและซอสมะเขือเทศมาวางตรงหน้าเด็กน้อย  ก่อนจะรับแก้วเครื่องดื่มจากพี่กรณ์ 

   “ขอบคุณครับ”

   “ภูมิกินกับหนูนะ” 

    เด็กน้อยยื่นกุ้งที่ราดน้ำจิ้มแล้วยื่นมาจ่อปากผมเลยอ้าปากรับ พี่นิ่มตักข้าวใส่จานมาให้  ผมติดนิสัยต้องกินข้าวก่อนถึงจะดื่มครับ วันนี้มีหมึกผัดไข่เค็ม ห่อหมกทะเล แกงจืดเต้าหู้หมูสับกับผักกาดขาว กินเองด้วยป้อนใส่ปากเด็กน้อยจนข้าวหมดไปสองจาน

    เรานั่งกินกันไปคุยถึงเรื่องราวชีวิตของแต่ละคนที่ผ่านมา บางทีก็หันมาแกล้งเด็กผมบ้าง คือเวลาเด็กงอนแล้วมันน่ารักน่าฟัดไง พวกพี่มันเลยชอบจะได้ฟัดเด็กให้หนำใจ  เด็กน้อยยิ้มหน้าบานตลอดเพราะพวกเราไม่ได้เจอกันมานาน  สี่ทุ่มเศษๆ เด็กขยับตัวขึ้นมานั่งตัก หน้าเล็กๆ  ซุกเข้ากับอกผม แขนเรียวเล็กโอบกระชับไปรอบเอวของผม   ตาเริ่มปรือเพราะถึงเวลานอนแล้ว

   “ภูมิจ๋าหนูง่วงจัง..”  น้ำนิ่งพึมพำเสียงเบากับอกผม  ผมก้มลงหอมหัวทุยของเด็ก

   “งั้นไปนอนเนอะ”  เด็กพยักหน้า 

   “พี่เดี๋ยวผมพาเด็กไปนอนก่อนนะ”

   “น้ำไปนอนก่อนนะฮะ เดินทางมาเหนื่อยๆ อย่าอยู่ดึกกันมากนะฮะ” น้ำนิ่งหันไปกล่าวลากับพี่ๆ  ก็ใช่ย่อยกรูกันเข้ามาฟัดแก้มซ้ายขวาบอกให้น้องนอนหลับฝันดีกันเซ็งแซ่

   ผมขยับปากบอกพี่ๆ โดยไม่มีเสียงว่าเดี๋ยวเจอกันที่ห้องทำงาน  น้ำนิ่งตัวอ่อนโงนเงนจะหลับแหล่มิหลับแหล่จนต้องอุ้มกระชับวงแขนพาขึ้นไปนอน  ถึงห้องก็ปลุกให้ล้างมือมือ และแปรงฟัน  เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดนอนให้เรียบร้อย เสร็จแล้วจึงอุ้มไปวางบนเตียงเอาผ้าห่มวิเศษประจำตัวใส่ในอ้อมแขนให้เด็กกอด  หันดึงผ้าห่มมาห่มให้จนถึงคอก่อนจะสอดตัวเข้าในผ้าห่มเอนตัวลงนอนดึงเด็กเข้ามาในอ้อมกอด  เด็กยกหัวขึ้นกดปากนิ่มจูบลงตรงอกผม

   “นอนหลับฝันดีนะภูมิ”

   “ฝันดีครับ รักมากนะ”

   ผมก้มลงหอมหัวทุย นาบปากร้อนจูบลงหน้าผากเหม่ง  มือสอดเข้าไปในเสื้อลูบแผ่นหลังนุ่มลื่นมือกล่อมร่างในอ้อมกอดไม่ถึงกี่สิบนาทีต่อมาเด็กตัวอ่อนยวบลมหายใจสม่ำเสมอ  ผมนอนกอดร่างบางอยู่สักพักวนเวียนกดจมูกปากจูบหอมทั่วหน้าเด็กจนพอใจ  ก่อนจะลุกขึ้นดึงผ้าห่มขึ้นคลุมและกันผ้าให้แน่นเด็กน้อยจะได้ไม่รู้สึกว่านอนอยู่คนเดียว ก่อนจะเดินออกไปห้องทำงานคุยเรื่องที่ผมให้พวกพี่มันกลับมา





[มีต่อเน้อ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2015 14:47:21 โดย WiChy »

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: เด็กเลี้ยง__EP.10_ P.3 [24_10_2558]
«ตอบ #69 เมื่อ24-10-2015 14:28:25 »

[ ต่อ ]



ห้องทำงาน

   พวกพี่มันอยู่กันครบทุกคนแล้ว  พี่เอ็กซ์ไปราชการด่วนอยู่จังหวัด...เพิ่งมาถึงก่อนหน้าผมสักยี่สิบนาที เมื่อเห็นผมเข้ามาในห้องปิดล๊อกประตูแน่นหนา  พวกพี่ที่ยืนอยู่ตามมุมนั้นมุมนี้ก็เดินมานั่งที่โซฟา

   “ตกลงที่เรียกมานี่มันมีเรื่องมากกว่าที่พวกกูรู้ใช่ไหมวะ”  พี่แสนเปิดประเด็นด้วยเสียงเครียดจริงจัง

   “มันไม่ใช่แค่เรื่องโกงบริษัทอย่างเดียวแล้วพี่  ตอนนี้เรื่องมันใหญ่กว่าที่คิด”  ผมตอบกลับหน้าตาเคร่งขรึม

   “เดี๋ยวขอกูหาอะไรดื่มกระแทกคอก่อนจะรับเรื่องเครียดๆ นี้เข้าในหัว”

     พี่ฉานขอพักเบรกก่อนจะหันไปถามว่าใครจะเอาอะไรไหม  ผมลุกขึ้นไปช่วยพี่มันจัดเครื่องดื่มให้คนอื่นๆ เมื่อเรียบร้อยแล้วผมจึงเล่าเรื่องคุณอาคมกิจโกงเงินบริษัทให้พวกพี่มันฟังอย่างละเอียด  แต่ละคนทำหน้าเครียดเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด

   “แล้วตกลงมึงเอาไงวะสิงห์”  พี่หนึ่งถามผม

   “เรื่องบริษัทตอนนี้ผมให้ตั้งทีมสอบสวนแล้ว ถึงรู้ว่าคุณอาเป็นคนบงการและมีคนเก่าแก่สองสามคนร่วมอยู่ด้วยแต่เรายังรวบรวมหลักฐานที่จะเอาผิดเขาได้ไม่ชัดเจนพอ..อีกอย่างช่วงนี้พวกเขาระวังตัวมาก ไม่ค่อยจะแสดงพิรุธอะไรให้เราจับได้  ผมให้คนติดตามพวกเขาอย่างใกล้ชิด  ติดเครื่องดักฟังทั้งห้องทำงานและที่บ้านของพวกนั้นแล้ว”  ผมสรุปประเด็น

    “ผมได้ข้อมูลบางอย่างมาซึ่งคาดว่ามันต้องเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องใหญ่ที่เรากำลังเผชิญกันอยู่”

    ผมบอกพวกพี่มันก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานเปิดลิ้นชักหยิบซองสีน้ำตาลออกมาจากลิ้นชัก แล้วเดินไปเปิดทีวียัดแผ่นซีดีเข้าไปในเครื่องเล่น

   “อะไรวะสิงห์” 

    พี่ณิตถามด้วยความฉงนสงสัย  ผมไม่ตอบแต่เดินไปเครื่องเล่นยัดแผ่นเข้าไปในเครื่องก่อนจะกดปุ่มเพลย์  ไม่นานภาพบรรยากาศแสงสลัวค่อนข้างมืดของผับปรากฏขึ้น ภาพไม่ค่อยชัดนักแต่ก็ระบุรูปพรรณได้ว่าเป็นใคร  ชายหนึ่งในสองหันไปผสมเครื่องดื่มเสร็จแล้วเทของจากขวดเล็กๆ ที่ล้วงออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทลงในแก้วแล้วยกไปให้เด็ก พวกมันคะยั้นคะยอให้ดื่มแต่เด็กไม่ยอมพยายามขัดขืน  ชายคนหนึ่งก้มไปพูดอะไรสักอย่างกับเด็กจนยอมยกแก้วขึ้นดื่มจนหมด หลังดื่มเสร็จเด็กพยายามลุกออกจากเก้าอี้อีกครั้ง  แต่ก็โดนฉุดให้นั่งเหมือนเดิมทุกครั้ง ไม่ถึงสิบนาทีต่อมาเด็กนั่นเริ่มมีอาการแปลก

    ร่างบางกระสับกระส่ายมือเล็กพยายามดึงกระชากเสื้อออกจากตัว หน้าตาท่าทางราวกับเจ็บปวด ร้องครวญครางนอนหลับตาพริ้มเอนตัวไปกับพนักโซฟา  มือล้วงเข้าไปในกางเกงเล่นกับส่วนนั้นของตัวเอง  พวกมันยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจสายตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยความหื่นกระหาย (คุณสุนีย์ก็ช่างซูมจับตรงนี้ได้ดีเหลือเกิน)  พวกมันคนหนึ่งเอาปลอกคอมาใส่ที่คอเด็ก จับแขนเรียวเล็กทั้งสองข้างไพล่ไปข้างหลังล็อกด้วยกุญแจมือ

   ส่วนอีกคนล่วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทหยิบเอาบางอย่างออก มันเอื้อมมือไปดึงกางเกงเด็กลง จากนั้นเอาของที่อยู่ในมือรัดไปตรงโคนอวัยวะเพศของเด็ก  เชี๊ยะ!! สัสเอ๊ยเลวระยำหมา แมร่งจิตดันเอาค๊อกริงรัดเพื่อไม่ให้เด็กปลดปล่อยได้ง่ายๆ  เสร็จแล้วมันเอาดิลโด้ยัดเข้าไปช่องทางด้านหลังของเด็กอย่างแรงจนร่างบางผวาเฮือก (ถึงว่าทำไมคุณสุนีย์ละตรงนี้ไว้แล้วก็หน้าแดงจนไม่กล้ามองหน้าผมตอนเล่าให้ฟังเมื่อเข้านี้) 

         มันก้มลงดูดเลียแก่นกายของเด็กอยู่หลายนาทีจึงผละออก  พวกมันครอบปากลงไปกัดที่ยอดอกของเด็กคนละข้าง ท่าทางเหมือนเด็กร้องครางลั่นอาจจะด้วยความเจ็บหรือเสียวก็ไม่ทราบได้ คนทั้งสามแสดงท่าทางแปลกขนาดนั้นแต่ก็ไม่มีใครสนใจมองหรือเข้าไปช่วย  พวกมันผละออกจากยอดอกยกยิ้มุมปากมองดูเลือดที่ซึมเปรอะเสื้อตรงหน้าอกของเด็กอย่างหื่นกระกาย

    ทั้งคู่พยักหน้าให้กันคนหนึ่งเดินออกไปก่อน อีกคนลุกขึ้นก้มลงอุ้มเด็กเดินตามกันออกไปคลิปจบแค่นั้น  ภาพที่ผมเปิดให้พวกพี่มันดูเหมือนกับที่คุณสุนีย์เล่าให้ผมฟังเมื่อเช้านี้ทุกประการ หลังจากดูคลิปจบสีหน้าที่แต่ละคนแสดงออกแตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันคือ ความเวทนาสงสารเหยื่อที่โดนล่อลวงและถูกกระทำอย่างทารุณ  พวกเรานั่งเงียบกันอยู่นานแม้เข็มสักเล่นหล่นลงก็คงจะได้ยินเสียง

.

.

.

.

.

.

   “อาร์”  พี่เอ็กซ์พูดขึ้นอย่างเหม่อลอย

   “อะ อะไร นะพี่”  ผมถามด้วยความตกใจ 

   “เด็กนั่นน้องพี่  ขอโทษ...อาร์พี่ขอโทษ..”

    พี่เอ็กซ์ตอบออกมาด้วยเสียงสั่นแหบพร่า  สายตาที่มองเหม่อบ่งบอกว่าเจ็บปวดและเสียใจแค่ไหน  ริมฝีปากพึมพำโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองซ้ำๆ  ก่อนจะก้มหน้าซบลงกับฝ่ามือของตัวเอง ร่างสั่นเทาที่เกิดการข่มกลั้นความเจ็บปวดที่กำลังจะทะลักล้น  พี่กรณ์เอื้อมมือไปดึงเพื่อนเข้ามากอดปลอบ  มือของพี่เอ็กซ์ตกลงมากำแน่นที่หน้าขาตัวเอง มันเกร็งจนข้อมือขาวเห็นเส้นเลือดปูดโปน

   “ชูว์ ๆ พวกเราจะไปช่วยอาร์ด้วยกัน น้องนายต้องปลอดภัย” 

    พี่กรณ์ให้คำมั่นสัญญาแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมามันไม่ได้หนักแน่นอะไรผมรู้สึกได้  ไม่มีหลักประกันอะไรว่าเด็กจะยังมีชีวิตอยู่ มือใหญ่คอยลูบตบปลอบเพื่อนเบาๆ  ผ่านไปสักครู่พี่เอ็กซ์ลุกชึ้นนั่งตัวตรงแววตาเจ็บช้ำปนเครียดแค้นยังคงฉายอยู่เต็มพื้นที่ พี่เขาบดกรามแน่นมือที่ประสานกันบนตักบีบกำแน่น  พี่กรณ์เอื้อมมือไปตบลงเบาๆ ที่มือของพี่เอ็กซ์ส่งผ่านกำลังใจถึงกัน 

.

.

.

.

.

.



   “ฉันไม่หวังแล้วว่าน้องจะยังมีชีวิตอยู่ ถ้าสิงห์จะเอายังไงกับเรื่องนี้พี่ร่วมด้วยเต็มที่”

    หลังจากที่ต่างคนต่างเงียบกันไปนานในที่สุดพี่เอ็กซ์ก็กล่าวออกมาด้วยเสียงแหบพร่าเจ็บปวด  ผมคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเด็กที่อยู่ในคลิปที่คุณสุนีย์ถ่ายไว้จะเป็นน้องพี่เอ็กซ์  คนเป็นพี่คงใจสลายกับเรื่องที่น้องถูกกระทำ เรื่องเลวระยำเช่นนี้มันไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นอีกไม่ว่ากับใคร ผมคงจะปล่อยให้เรื่องนี้ยืดเยื้อต่อไปไม่ได้แล้วมันถึงเวลาที่จะตัดจบซะที

   “แมร๊งเอ๊ย เลวระยำหมาจริงๆ ถ้าจับมันได้กูอยากจะทำเหมือนที่มันทำกับเด็กเหลือเกิน”  พี่แสนพูดด้วยความเครียดแค้นหมายมาดถึงสิ่งที่อยากจะทำ

   พี่พีเดินไปที่บาร์เครื่องดื่มรินเหล้าที่ตั้งอยู่บริเวณนั้นใส่แก้ว แล้วยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด รินเติมใหม่อยู่สองครั้ง ทั้งๆ ที่ตัวเองคออ่อนหน้าสวยเริ่มจะมีสีแดงระเรื่อจากฤทธิ์แอลกอฮอร์  แววตาวาวโรจน์ กรามขบแน่น  มือที่กำแก้วบีบเกร็งจนแทบจะแหลกคามือ พี่ณิตเดินเข้าไปดึงแก้วออกจากมือไม่ให้ดื่มอีก เรื่องนี้ใครเห็นก็คงหดหู่เศร้าสลดใจไม่ต่างกัน

   “แล้วที่ว่าเรื่องใหญ่คืออะไรวะ”  พี่ฉานถามเสียงเครียด ผมจึงเล่าเรื่อง  ACE ให้พวกพี่มันฟังอย่างละเอียด   

   “ตอนที่ยังอยู่ในกองทัพพวกกูก็พอจะรู้เรื่ององค์กรห่าเหวนี้พอสมควร  แต่พอออกมาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไร กูไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใกล้ตัวพวกเราแบบนี้”  พี่แสนพูด

   “ช่วงเดือนหน้าผมว่าเราน่าจะหาอะไรสนุกๆ ทำกันซักหน่อยต้อนรับที่พวกพี่กลับไทย”  ผมบอกพวกพี่เสียงราบเรียบ

   “กูชักคันไม้คันมือ จะเล่นแมร่งให้เละเลย” พี่ณิตพูดอย่างหมายมาด

   “ไม่ใช่ทุกคนจะได้ไปนะตั๋วที่จองมีไม่ครบทุกคนวะพี่ เอาเป็นว่าพี่สองคนก็อยู่บ้านกับน้องแล้วกันนะ”  ผมมองไปที่พี่หนึ่งกับพี่พีพูดจบเท่านั้นล่ะพี่มันโวยวายทันที

   “แมร๊งง!! กวนตีน  คือมึงเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าวะกูกะไอ้พีก็ผู้ชายเหอะ แข็งแรงพอที่จะทำเรื่องแบบที่พวกมึงทำได้”  พี่หนึ่งโวยดังลั่น  ผมจึงเล่าเรื่องน้ำนิ่งโดนยาและท่าทีแปลกๆ ของคุณอาคมกิจมีต่อน้ำนิ่งให้พวกพี่มันฟัง

   “อย่างที่บอกเราไว้ใจใครไม่ได้เลยตอนนี้  ผมอยากจะให้พี่คอยดูแลทางนี้พี่หนึ่ง”  ผมบอกถึงสิ่งที่คิดอยู่ในใจ

    “หลักๆ คือมึงหวงเด็ก แล้วให้กูเป็นพี่เลี้ยงนี่นะ”  พี่หนึ่งยังไม่ยอม

   “ผมไว้ใจพวกพี่นะ ถ้าเราไปกันหมดแล้วใครจะอยู่ดูแลแม่ บริษัทอีก ผมห่วงจริงๆ กลัวว่าจะเกิดเหตุตอนพวกเราไม่อยู่”  ผมแสดงสีหน้ากังวล

   “เออๆ ก็ได้วะมึงแมร๊งงี้ทุกที” พี่หนึ่งยังบ่น  แต่ก็ยอมตกลงตามที่ผมขอ 

   “พูดถึงเรื่องเลี้ยงเด็กแล้วผมคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เมื่อสักห้าหกเดือนที่แล้วคุณอาพาเพื่อนนักธุรกิจชาวต่างชาติมาแนะนำให้แม่รู้จักชื่อ มิสเตอร์แฟรงค์  เค. นายแฟรงค์แจ้งความประสงค์ว่า อยากจะขอเด็กไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม  คุณแม่ขอเวลาตรวจสอบคุณสมบัติและอยากให้นายแฟรงค์นี่สร้างความสนิทสนมกับเด็กที่อยากจะรับเป็นบุตรบุญธรรมก่อน  เขาก็เอาประวัติภาพถ่ายครอบครัวเขา แม่ตรวจสอบประวัติบุคคลไปที่สถานทูตแล้วก็ไม่พบพิรุธอะไร ตลอดสัปดาห์พวกเขาแวะมาที่บ้านทุกวัน จนสนิทกับบี น้องน่ารักมากนะพี่แม่เพิ่งเข้ามาอยู่ที่เรือนได้สองเดือนเองมั้ง“ ผมพูดให้พวกพี่มันฟัง

    “คุณอาคะยั้นคะยอให้คุณแม่ยอมยกบีเป็นลูกบุญธรรมของฝรั่งคนนี้  รับรองว่าเป็นคนดีอย่างนั้น  อย่างนี้ ภาพลักษณ์ที่พวกเขาแสดงออกทำให้คุณแม่เริ่มแสดงท่าทีไว้ใจ แต่ก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ ขอถามความสมัครใจของบีก่อน เพราะอยากจะให้เด็กได้ไปอยู่ในที่ดีๆ มีคนรักเขาอย่างจริงใจ ตอนนั้นแวบหนึ่งผมเห็นพวกเขาทั้งสองมองสบตาอย่างสื่อความหมาย ผมยังไม่ทันได้สงสัยอะไรดันของขึ้นต้องรีบดึงแขนเด็กออกมาซะก่อน ”  ผมพูดถึงสิ่งที่คิดได้ยืดยาว

   “ญาติของแม่ละสิที่เป็นสาเหตุให้ของขึ้น”  พี่แสนประชดประชัน

   “ก็เออไง พี่ไม่เห็นสายตาท่าทางที่เขาใช้กับเด็ก เห็นแล้วขึ้นถ้าไม่ใช่ญาติแม่นะผมจัดแมร่งแล้ว เรื่องเด็กโดนยาผมก็สงสัยเขาอยู่”

   “สรุปแล้วเด็กบีนั่น..”  พี่กรณ์ถามขัดขึ้นมาก่อน

   “จะเหลือเหรอพี่ ผมเข้าไปที่เรือนสัปดาห์ต่อมา คุณแม่อนุญาตให้นายแฟรงค์นั่นรับบีเป็นลูกบุญธรรมเรียบร้อยแล้วจะขัดอะไรก็ไม่ได้แล้ว  เขามารับเด็กกลับไปก่อนผมเข้าเรือนแค่สองชั่วโมงเอง  สัปดาห์แรกๆ ที่บีไปอยู่กับฝ่ายนั้นเขาก็ส่งภาพถ่ายครอบครัวมาให้แม่ดู เห็นเด็กมีหน้าสดใส ท่าทางมีความสุขดี ผมเลยไม่ได้สนใจอีก ช่วงหลังๆ ผมยุ่งทั้งงานที่บริษัทแล้วก็งานส่วนตัวเลยไม่ได้ตามเรื่องพวกนี้เท่าไร  ตอนหลังได้ข่าวว่าเขาพาคนมาขอปิ่นกับแมนไปเป็นลูกบุญธรรมอีก พอมารู้เรื่องนี้ผมว่ามันชักจะยังไงๆ ป่านนี้เด็กพวกนั้นไม่รู้จะเป็นยังไงโคตรห่วงเลยวะพี่  เด็กบริสุทธิ์ต้องมารับเคราะห์กรรมแบบนี้ ผมให้คนของผมสืบประวัติคนพวกนั้นแล้วก็ตามเรื่องเด็กๆ ด้วย แต่ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร คนพวกนี้ระวังตัวเองมากไม่ออกสื่อด้วย”  ผมจบคำพูดยาวเหยียดด้วยสีหน้ากังวลห่วงใย 

   “ถ้าที่มึงพูดมาแล้วเกิดพวกมันเป็นสมาชิก ACE จริง  กูว่ามันเห็นบ้านเราเป็นแหล่งหาเด็กชั้นดีของมันเลยนะเว้ย”   พี่หนึ่งสรุปได้ตรงใจผมมาก

   “กูว่าแบบนี้ยิ่งปล่อยพวกแมร่งไว้ไม่ได้แล้วภัยสังคมเราดีนี่เอง  สงสารคนบริสุทธิ์ที่ต้องตกเป็นเหยื่อ ถึงจะเป็นเด็กกำพร้าชีวิตแมร่งเหี้ยอยู่แล้วไง ยิ่งไม่สมควรจะโดนแบบนี้”  พี่แสนพูดเสียงเข้ม

   “แล้วบอกเรื่องนี้กับแม่รึเปล่าสิงห์”   พี่พีหันมาถามผม

   “ญาติที่เขานับถือมากเลยนะนั่น สุขภาพของแม่ไม่ดีเท่าไรผมไม่อยากให้เขาคิดมาก มันมีความเป็นไปได้สูงที่คนพวกนั้นจะเป็นคนของ ACE”   ผมเอ่ยตอบด้วยสีหน้ากังวล

        "นามสกุลดังต้นตระกูลดี ไม่ได้แปลว่าคุณคมกิจควรได้รับการยกย่องนับถือ"  คำคมดีจากพี่แสนซึ่งนานๆ ครั้งพี่มันจะมีสาระสักทีหนึ่ง

   “ดี ถ้าใช่กูก็จะจัดแมร่งให้หนักเลย”   พี่ณิตพยักหน้าเห็นด้วย

   “ตกลงเอาตามแผนที่เราคุยกันไว้ใช่ไหม”  พี่กรณ์ถามผม

   “ใช่ พี่นำกำลังเข้าพื้นที่ตามที่เราคุยกันนั่นแหละ  ส่วนก่อนหน้านั้นจะมีทีมเข้าจัดการเคลียร์ให้ สำหรับรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ เราจะคุยกันอีกทีตอนไปทริปนะครับ เชื่อใจผม” ผมกล่าวย้ำอีกครั้ง

   “ผมว่านี่ก็สมควรแก่เวลาแล้ว  พวกพี่ไปพักผ่อนกันเถอะเราต้องใช้แรงกันอีกหลายเรื่องกว่าจะถึงวันนั้น” 

   ผมตัดจบเพื่อให้พวกพี่มันไปพักผ่อนเพราะเห็นว่าดึกแล้ว พวกพี่แสนนอนกับผม พี่กรณ์กับพี่เอ็กซ์ผมไม่อยากให้กลับด้วยสภาพจิตใจแบบนั้นของพี่เอ็กซ์ผมไม่อยากเสี่ยงให้ขับรถเองจึงให้นอนด้วยกันที่นี่  ส่วนพี่ณิตกับพี่พีกลับบ้านซึ่งก็ไม่ไกลเดินข้ามรั้วข้างบ้านไปก็ถึง เมื่อตกลงกันได้แล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ผมก็จะได้ไปนอนกอดเด็กสักทีคิดถึงตัวหอมของเด็ก งั้นเสร็จสิ้นภารกิจสำหรับวันนี้เพียงแค่นี้นะครับ.










TBC.



ปล.

1. 23 ตุลาคม 2558 วันหยุดพิเศษก็มีเวลาที่จะคิดเขียนนั้นนู่นนี่จนกลายเป็นตอนนี้ออกมา ถ้าเจอข้อผิดพลาดอะไร หรือยากจะแนะนำอะไรก็บอกกันนะครับยินดีรับฟังและปรุงแก้ไขให้ถูกต้องต่อไป

2. ตอนต่อไปขอเวลาอีกสักวันสองวันนะครับ เขียนเสร็จแล้วล่ะแต่ขอเวลาพิสูจน์อักษรและปรับแก้สำนวนอีกเล็กน้อย

3. ขอบคุณสำหรับการติดตามเรามาโดยตลอด  หวังว่าจะยังอยู่เป็นเพื่อกันไปอีกนานๆ เน้อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2015 23:37:01 โดย WiChy »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เด็กเลี้ยง__EP.10_ P.3 [24_10_2558]
« ตอบ #69 เมื่อ: 24-10-2015 14:28:25 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: เด็กเลี้ยง__EP.10_ P.3 [24_10_2558]
«ตอบ #70 เมื่อ24-10-2015 14:40:23 »

น้ำนิ่งก็น่ารักมีหวงลุงด้วย :o8:
สงสารน้องอาร์ น้องบี พี่ๆช่วยให้ได้นะ :mew4:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: เด็กเลี้ยง__EP.10_ P.3 [24_10_2558]
«ตอบ #71 เมื่อ24-10-2015 14:54:43 »

ขอให้ทำลายพวกชั่วนี่สำเร็จ โดยที่เด็กไม่ได้รับผลกระทบนะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: เด็กเลี้ยง__EP.10_ P.3 [24_10_2558]
«ตอบ #72 เมื่อ24-10-2015 17:41:03 »

สงสารอาร์  :ling3: ไอ้พวกเ_ี้ยนั้นจับได้จัดหนักนะเพ่  :angry2:

แต่ถ้าคิดไม่ออกว่าต้องทำไง ส่งมาเดี๋ยวเจ้จัดให้  o11

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: เด็กเลี้ยง__EP.10_ P.3 [24_10_2558]
«ตอบ #73 เมื่อ24-10-2015 18:25:25 »

เอาใจช่วยพวกพี่ๆให้ทะลายแก๊งระยำนั่นให้ได้
สงสารน้องง่า

ออฟไลน์ เลิฟลี่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: เด็กเลี้ยง__EP.10_ P.3 [24_10_2558]
«ตอบ #74 เมื่อ24-10-2015 22:05:05 »

จับพวกมันให้หมดอ่านแล้วของขึ้นค่ะ 

อ่านเพลินมากๆ สำนวนดีมากค่ะ ติดตามเรื่องนี้อีก 1 คนนะคะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: เด็กเลี้ยง__EP.10_ P.3 [24_10_2558]
«ตอบ #75 เมื่อ24-10-2015 22:43:48 »

ภาวนาขอให้น้องอาร์ น้องบี และเด็กๆคนอื่นที่ถูกเอาตัวไปยังมีชีวิตอยู่ :call: :call:

ขอแค่มีชีวิตและได้ตัวกลับมา แล้วค่อยมาฟื้นฟูสภาพร่างกายและสภาพจิตใจเด็กๆ

พวกเลวระยำพวกนั้นถ้าจับได้แล้ว จับแก้ผ้ามัดมือมัดเท้า

ทาเนยทาน้ำตาลใส่จุ๊ดจู๋มันแล้วปล่อยให้หนูแทะให้มดกัดทีละนิดๆ

ส่วนรูก้นมันก็เอาสากหินไม่ก็สากตำข้าวกระทุ้งเข้าไปเลยเอาเน้นๆหนักๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เด็กเลี้ยง


- 11 -


บทเพลงเห่กล่อม











    Lady Q กำหนดจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอีกสามวันข้างหน้า  แผนการล่องเรือสำราญของพวกเราได้เตรียมการอย่างรัดกุมรอเพียงเวลาที่เหมาะสมที่จะลงมือเท่านั้น

    สงสัยกันล่ะซิว่าผมยังทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่ทั้งๆ ที่เป็นตัวต้นเรื่องและพวกพี่ๆ ก็ล่วงหน้ากันไปหมดแล้ว ‘บ่วง’ นั่นแหล่ะที่ผมอยากจะบอก และมันก็เป็นบ่วงเล่ห์เสน่หาดีๆ นี่เองที่ทำเอาผมแทบคลั่ง

    บ้าเอ๊ย!!  ชายหนุ่มสบถในลำคอด้วยความหงุดหงิดอารมณ์กำลังขึ้นเพราะเจ้าเด็กตัวหอมในอ้อมกอด ที่กำลังกล่อมให้นอนไม่ได้อนุญาตให้ขยับตัวขึ้นมานั่งคล่อมบนตัวผม นั่งเฉยๆ ก็จะไม่ว่าเหมือกันถ้าเอวบางจะไม่พริ้วไหวร่อนสายให้เสียดสีกับกลางกายที่เริ่มจะแข็งขืนของผม มือนุ่มป่ายเปะปะไปทั่วตัวอย่างไม่ประสา แค่นั้นยังไม่เพียงพอหลังจากดูดดึงขบเม้มริมฝีปากผมจนพอใจ มียกตัวขึ้นมือนุ่มลูบไล้เล่นกับเรือนร่างของตัวเอง  ลิ้นเล็กแลบเลียงริมฝีปากอิ่มจนฉ่ำวาวด้วยท่าทางยั่วยวน
 

   ‘ บ้าเอ๊ย!!!  ใครสั่งใครสอนวะ ถ้าจะขนาดนี้ผมก็ไม่อยากจะทนแล้วเอาจริงๆ’

    น้ำนิ่งมองอากัปกิริยาของผมอย่างท้าทายเชิญชวน  เจ้าตัวหอมโน้มตัวลงมาล้อเล่นกับยอดอกผมดูดเลียไล้วนอย่างเงะงะแต่ถึงกระนั่นก็ทำให้ผมถึงกับขนลุกเกลียว ร่างบ้างเลื่อนตัวลงไปจนถึงตัวตนของผม มือเล็กเกี่ยวดึงกางเกงนอนลงไปกองไว้ที่ปลายเท้าข้างหนึ่ง แก่นกายขนาดใหญ่ที่แข็งขืนดีดตัวขึ้นทักทาย  เจ้าเด็กขี้ยั่วจ้องมองตัวประกันในมือที่กำลังร่ำไห้อย่างพึงพอใจรอยยิ้มหวานระบายเต็มหน้า ไอ้ตัวประกันยิ่งรู้ว่าเค้ามองก็ยิ่งลำพองตัวขู่ฟ่อๆ  น้ำใสปริ่มทะลักออกมาไม่หยุด ปากนุ่มอุ่นร้อนครอบดูดที่ส่วนปลายจนแก้มตอบ ก่อนจะผละออกเอาลิ้นเล็กหยุ่นสีขมพูไล้เลียจากโคนจนถึงยอดปลายบานราวกับเลียแท่งไอติมที่แสนอร่อยก็ไม่ปาน 

   “อ๊า...” 

    แค่เจ้าเด็กตัวหอมนี่ส่งลิ้นเล็กแตะโดนตัวตนของผมแผ่วเบาก็ทำเอาผมแตะขอบสวรรค์หวามไหวจนต้องหลุดเสียงครางแหบพร่า อากัปกิริยาเนิบนาบเงอะงะนั่นทำให้ผมหัวหมุนร่างกายสั่นระริกด้วยความต้องการ   

    การล่อลวงที่แสนหวานนั้นก็ทำให้ผมขาดสติเส้นใยบางๆ ที่ฉุดรั้งความยั้งคิดของผมกำลังจะขาดผึง   สุดท้ายแล้ว....ผมก็แค่มนุษย์คนหนึ่งที่ยังจะมีรัก โลภ โกรธ หลง ในกมลสันดานเต็มเปี่ยม  ถ้าจะทำกันซะขนาดนี้ ผมลุกขึ้นโน้มตัวสอดมือเข้าไปในกางเกงนอนของน้ำนิ่งกดนิ้วย้ำๆ ลงตรงจีบพับไล้วนตรงปากทางแต่ไม่สอดเข้าไป 

   “อ๊ะ...ฮือ...” 

    เด็กตัวหอมครางเสียงหวาน ผมผละมือออกดึงรูดกางเกงของเขาออก จับร่างบางให้ก้นงอนหันมาเผชิญหน้ากัน  ก้นนิ่มถูกแหวกออกกว้างช่องทางรักสีหวานขมิบถี่ยิบเรียกร้องเชิญชวนให้ผมก้มลงไปสำรวจ 

   “อา ..อ๊ะ...อ๊ะ..ซี๊ด...”

   เสียงครางหวานนั่นช่างเสนาะหูและยาวนานเมื่อผมส่งลิ้นเลียวนแยงสำรวจช่องทางรักสีหวานที่ยังคับแน่น  น้ำนิ่งกั้นเสียงร้องครางของตัวเองด้วยการครอบปากนุ่มลงตัวตนของผมลึกเท่าที่ปากอุ่นร้อนของเขาจะรับได้  ขยับโยกหัวขึ้นลงตามแรงที่ผมแยงลิ้นใส่ช่องทางรักของเขา  อีกมือผมเอื้อมไป  กอบกุมแก่นกายน่ารักที่มียอดปลายปริ่มน้ำใสเริ่มรูดรั้งขึ้นลงตามจังหวะลงลิ้นของตัวเอง เด็กน้อยผละปาก จากตัวตนของผมร้องครางกระเส่าเพราะโดนปรนเปรอทั้งหน้าและหลังพร้อมกันความกระสันเสียวมันจึงทบ เท่าทวี

   “ลุง..อา อ๊ะ อ๊ะ“ 

    เสียงหวานครางกระเส่าร้องเรียกแทนตัวผม “ลุง” ช่างเป็นเสียงที่กระตุ้นให้ตัวตนของผมพองคับแน่น ในปากอุ่นร้อนของน้ำนิ่งยิ่งขึ้นแทบแตกสลาย  เด็กน้อยของผมกำลังจะไปถึงขีดสุดของความสุขสมที่ไขว่คว้า ผมจึงทั้งขบเม้มดูดไล้เลียวนแย้งลิ้นสลับกันมือของผมขยับแก่นกายคนร่างบางรัวเร็วขึ้นไม่นานเด็กน้อยเกร็งตัวและปลดปล่อยน้ำรักขุ่นขาวออกมาเต็มหน้าอกผม 

    ผมพลิกตัวน้ำนิ่งให้นอนหงายลงกับเตียงครอบปากลงส่วนปลายยอดตัวตนน่ารักดูดกลืนกินน้ำหวานที่ไหลทะลักออกมาไม่หยุด น้ำนิ่งเกร็งกระตุกอีกครั้งเมื่อน้ำหวานหยดสุดท้ายที่ผมดูดกลืนไหลลงสู่ลำคอ  เด็กน้อยตัวอ่อนนอนราบลงบนเตียงนุ่มหอบเหนื่อยจากสิ่งที่ได้รับ ผมดูดเลียทำความสะอาดตัวตนของเขาจนสะอาดก่อนผละปากออก

   “ขอภูมินะครับเด็กดี”

   ตอนนี้ชักจะเกินทนผมขยับตัวเข้ากอดรัดจับน้ำนิ่งนอนตะแคงบอกให้เขาหนีบขาให้แน่นๆ ก่อนจะสวนกระแทกแก่นกายที่แข็งขืนของตัวเองเข้าใส่หว่างขาเด็กน้อยแรงๆ  เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องเป็นจังหวะ ร่างบางตัวไหวโยกตามแรงกระแทก ผมจับมือนิ่มของเขาให้ยื่นมากำแก่นกายของผมตอนที่กระแทกเข้าไปมันให้ความรู้สึกซ่านเสียวเกินบรรยาย  อีกมือผมเอื้อมไปกอบกุมแก่นกายของน้ำนิ่งขยับรูดขึ้นลงตามแรงกระแทกของผม

   “ซี๊ด...ดีเหลือเกิน  มีความสุขไหม.....เด็กดีของภูมิ”

   “ลุงเร็วอีก  อ๊ะ อ๊ะ ....” ผมขยับมือรูดรัวเร็วตามคำขอของน้ำนิ่ง สะโพกซอยกระแทกไม่ยั้งตามแรงอารมณ์ที่ไต่ระดับสูงขึ้นของเราทั้งคู่

   “ไม่ไหวแล้ว ซี๊ด....อา อา..”

    ผมกอดกระชับร่างบางแน่นขึ้นก้มลงสูดกลิ่นหอมจากซอกคอเนียน มือขยับตัวตนของคนในอ้อมกอดรัวเร็วสะโพกขยับกระแทกเข้าใส่แรงเร็วไม่กี่ครั้งความเสียวกระสันก็ซัดพาอารมณ์พุ่งทะยานอย่างระงับไม่อยู่ เราทั้งคู่เกร็งตัวและปลดปล่อยน้ำรักออกมาพร้อมกัน ในที่สุด  คนตัวเล็กในอ้อมกอดตัวอ่อนระทวยหายใจหอบเหนื่อย ผมยกมือเสยผมอ่อนนิ่มที่ระหน้าของเด็กขึ้น  นาบปากจูบขมับชื้นเหงื่อเรื่อยมาตามลาดไหล่บางอย่างรักใคร่หวงแหน

   “มีความสุขไหมฮึ” 

    ผมกระซิบถามเสียงแหบพร่า  กดจูบสูดดมทำรอยรักไปทั่วแผ่นหลังเนียนเรียบลื่น เด็กน้อยครางเครือก้นงอนส่ายบดเบียดแก่นกายที่ยังคงแข็งขืนของผมบางเบา

   “มาก....”  เสียงตอบยังหอบเหนื่อย  แก้มเนียนละเอียดขึ้นสีระเรื่อ ผมยกยิ้มพอใจกับคำตอบที่ได้รับ

.

.

.

.

.

   “ภูมิ....”

   “ครับ...” 

   “หนูขออีกได้ไหม”  สิ้นเสียงหอบเหนื่อยที่ร้องขอ น้ำนิ่งกลับส่ายก้นงอนเสียดสีบดเบียดแก่นกายผมแรงขึ้น 

   “ลุง...อ๊า...อา” 

    เสียงครางกระเส่าเชิญชวนนั่นมาอีกแล้ว ชักจะเอาใหญ่แล้วเจ้าเด็กนี่เลยจัดการพลิกร่างบางนอนหงายแทรกตัวเองเข้าหว่างกลางน้ำนิ่งตาปรือฉ่ำหวาน  ริมฝีปากเผยอน้อยๆ ลิ้นเล็กอุ่นชื้นสีชมพูแลบเลียให้ความชุ่มชื่นริมฝีปากของตัวเอง

    ช่างยั่วให้หลงอยู่ในวังวนของความเสน่หาจนอดไม่ได้ที่จะก้มลงประกบจูบสอดลิ้นร้อนเข้าไปดูดดึงกวาดต้อนลิ้นเล็กช่างยั่วในโพรงปากหวานจากบางเบาอ่อนโยนแล้วรุนแรงขึ้นตามอารมณ์ความปรารถนาและจบลงด้วยความอ่อนโยนนุ่มนวลอีกครั้งเมื่อร่างบางเริ่มขาดอากาศหายใจ  ผมไล้เลียลิ้นกดนาบตามริมฝีปากนุ่มดูดเม้มจนบวมเจ่อ นาบปากจมูกสูดดมขบเม้มไปตามซอกคอหอมจนถึงยอดอก ผ่านไปจนถึงยอดอกเล็กสีหวานตวัดลิ้นเลียวนขบกัดเบาๆ จนตุ่มไตตั้งชัน 

   “ซี๊ดภูมิ ภูมิ อา..”

    เสียงร้องครางหวานของคนใต้ร่างบ่งบอกว่าคงจะทั้งเจ็บทั้งเสียวแต่ก็แอ่นอกเสนอให้ถึงปากผมไล้เลียสลับขบเม้มดูดดึงทำรอยจนพอใจ ก่อนผละปากนาบจูบมาจนถึงสะดือบุ๋มจูบกัดทำรอยจนคนใต้ร่างซี๊ดปาก มืออีกข้างหนึ่งคีบบีบเขี่ยยอดอกสลับไปมาทั้งสองข้าง  แก่นกายน่ารักแข็งขืนผงกหัวทักทายเชิญชวนให้ผมดื่มกินน้ำหวานใสที่ผุดปริ่มตรงปลายยอด ปากร้อนครอบลงตามคำเชิญชวนดูดเม้มดื่มกินที่ส่วนปลายแรงจนคนใต้ร่างครางเสียงหวานกระเส่า

   “ซี๊ด..อ๊ะ ลุง ฮือ...”    

   ผมครอบปากลงจนสุดความยาวขยับปากขึ้นลงรัวเร็ว สะโพกมนของน้ำนิ่งขยับไหวตามแรงขยับปากของผม ผมละมือจากยอดอกเล็กที่ขึ้นสีชมพูเข้มจากการดูดดึงและบีบขย่ำ  ชะโงกตัวเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงหยิบหลอดเจลมาชโลมนิ้วมือจนชุ่ม  มือดันสะโพกมนลอยขึ้นสูงจนเผยให้เห็นช่องทางรักสีหวาน ผมเอานิ้วที่ชุ่มไปด้วยเจลไล้วนจีบพับสีหวานก่อนจะค่อยกดนิ้วลงไปในช่องทางรักที่คับแน่นและยากต่อการขยับเข้าไปได้  เด็กน้อยสะดุ้งและขยับสะโพกให้หลุดพ้นจากนิ้วแกร่ง มือเล็กพยายามผลักผมออกจากตัวเขา

   “อ๊ะ..เจ็บ...ภูมิ เอาออกไป..ไม่เอาฮึกฮือ...”

   คนตัวเล็กร้องครางด้วยความเจ็บ นัยน์สวยคลอคลองด้วยหยาดน้ำใสมีบางส่วนไหลปริ่มหางตา หยาดเหงื่อผุดพรายซึมตามไรผม ร่างบางบิดเร่าพยายามผลักดันสิ่งที่กำลังรุกล้ำออกจากร่างกาย  ผมก้มลงจูบซับน้ำตาทั้งสองข้างปากพึมพำปลอบประโลมชิดริมฝีปากนุ่ม  นิ้วยังคงแช่ค้างไว้ไม่ขยับ

   “ชู่ว์ ชู่ว์ เด็กดีๆ  ปล่อยให้ภูมิช่วยนะครับ นะ”

   ผมดึงตัวน้ำนิ่งเข้ามากอดปลอบ สอดลิ้นเข้าเกี่ยวกระหวัดดูดดึงลิ้นเล็กด้วยความอ่อนโยนจนคนใต้ร่างครางเครือในลำคอ ผละปากออกอย่างเสียดายเพื่อให้เด็กในอ้อมกอดได้มีโอกาสสูดลมหายใจเข้าปอด  ดูดเม้มค่อนข้างแรงใต้คางจุดไหวสัมผัสที่ทำให้ร่างบางครางกระเส่าแทบไม่เป็นภาษา แก่นกายเล็กที่อ่อนตัวเริ่มแข็งขืนอีกครั้งตามแรงอารมณ์ที่เริ่มพุ่งสูง จนช่องทางรักเริ่มผ่อนปรน

   “เด็กดีไม่เกร็งครับ  เชื่อใจภูมินะ”

   ผมถอนนิ้วเข้าออกจนสุดก่อนที่จะดันกลับเข้าไปใหม่อยู่สองสามครั้งเพื่อสร้างความคุ้นเคย  ผนังอุ่นร้อนตอบรับนิ้วผมระรัว ผมคว้านนิ้วไปทั่วช่องทางคับแน่นจนไปสะดุดเข้ากับจุดไหวสัมผัสที่ทำให้ร่างบางถึงกับหวีดร้องลั่นนิ้วเท้าจิกเกร็งด้วยความซ่านเสียวภายในผนังอุ่นร้อนตอดรัดนิ้วผมอย่างแรงจนต้องยกยิ้มกว้างด้วยความพอใจ

   “อ๊ะ...ตรงนั้น อา...”

   “หึ หึ..” ผมชักนิ้วออกจากช่องทาง ชโลมเจลลงบนนิ้วมือสามนิ้วก่อนจะกดกระแทกเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนให้โดนจุดนั้นเน้น ๆ

   “อ๊ะ...อ๊ะ ...อา...ลุง”

   ผมยืดตัวขึ้นประกบปากนุ่มดูดซับเสียงครางหวาน เกี่ยวกระหวัดกวาดต้อนดูดดึงจนคนในอ้อมกอดครางกระเส่าผมผละปากออกมาอ้อยอิ่งขบเม้มที่ริมฝีปากล่างบางเบา  นิ้วมือถูกชักออกจนสุดและดันเข้าไปใหม่กระแทกตรงจุดนั้นเน้นๆ แรงเร็วผนังอุ่นร้อนตอดรัดนิ้วผมระรัว คนใต้ร่างเกร็งกระสันเสียวซ่าน

   “ลุง ซี๊ด แรงๆ อ๊ะ  อา...”

   ความกระสันเสียวผลักดันให้น้ำนิ่งยกสะโพกมนกระแทกสวนใส่นิ้วมือผมที่ยังชักเข้าออกอย่างแรง ช่องทางรักตอดรัดนิ้วผมอย่างบ้าคลั่ง จนถึงจุดหมายน้ำนิ่งเกร็งตัวและปลดปล่อยน้ำรักขุ่นมัวออกมาอีกครั้งทั้งทีไม่ได้แตะต้องแก่นกายน่ารัก 

    แค่เพียงเพราะเสียงครางกระเส่ากับคำว่า “ลุง”  และปฏิกิริยาตอบสนองที่น้ำนิ่งกระแทกตัวเองใส่นิ้วมือผมอย่างแรง เท่านั้นจริงๆ ที่ทำผมแตกสลายทั้งที่ผมไม่ได้สอดใส่ (ไอ้อ่อนเอ๊ย!!)  ร่างบางเกร็งปลดปล่อยจนหยาดหยดสุดท้าย ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนอนนุ่มอย่างเหนื่อยอ่อน  แผ่นอกบางสะท้อนขึ้นลงตามแรงหอบถี่ของหัวใจที่ทำงานหนักราวกับวิ่งมาราธอนมาหลายพันกิโล  แขนเรียวเล็กทิ้งลงข้างลำตัวอย่างหมดแรง ตาหวานฉ่ำปรือง่วงงุนจะหลับมิหลับแหล่

   ผมถอนนิ้วออกจากช่องทางรักที่ยังตอดรัดเบาๆ อย่างเสียดาย  ใช้มือดันก้นงอนยกขึ้นสูงช่องทางรักที่เคยเป็นสีชมพูระเรื่อตอนนี้บวมแดงนิดหน่อย ผมก้มลงใช้ลิ้นไล้เลียช่องทางรักกดจูบอ่อนโยนบางเบา ระเรื่อยมาจนถึงแก่นกายเล็กที่เริ่มอ่อนตัว หน้าท้องแบนราบที่เปรอะไปด้วยหยาดน้ำหวานของคนตัวเล็กจนสะอาด  ยืดตัวขึ้นนาบจูบลงที่ปากนุ่มเบาๆ เลื่อนจูบซับเหงื่อชื้นตามไรผมระเรื่อยมาจนถึงแก้มนิ่ม ขบเม้นหูเล็กเบาๆ ก่อนจะผละตัวลุกจากเตียง

   ผมเดินเข้าห้องน้ำเปิดน้ำอุ่นใส่อ่าง ระหว่างรอน้ำเต็มอ่างผมเดินกลับเข้ามาในห้องอุ้มคนตัวเล็กไปว่างไว้ที่ตั่งก่อนจะกลับมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ ปลุกให้คนตัวเล็กกินยาแก้ไข้แก้อักเสบดักไว้ก่อน  แล้วจึงอุ้มคนตัวเล็กลงไปแช่น้ำในอ่างด้วยกัน ความอุ่นเกือบร้อนทำให้ร่างเล็กผ่อนคลายจนต้องครางฮือ อา ตัวอ่อนยวบลงบนอกผม เราแช่น้ำกันจนน้ำเริ่มอุ่นจึงอุ้มน้ำนิ่งขึ้นมาเช็ดตัวลงสารพัดครีมจนครบถ้วน สวมชุดนอนตัวใหม่ให้ก่อนจะอุ้มมาวางที่เตียงนุ่ม

    เด็กน้อยนอนหลับตามพริ้ม เรียวปากนุ่มยกยิ้มน้อยๆ  ราวกับบทเพลงเห่กล่อมนั่นทำให้พบเจอฝันดี ผมวางผ้าวิเศษประจำตัวเข้าในอ้อมกอด ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงคอกันด้านข้างให้แน่นแล้วจึงกดจูบที่แก้มนิ่มอีกครั้ง

   “รักมากนะแรดน้อยของภูมิ  รอภูมินะเด็กดี”

   “ฮือ กลับมาเร็วๆ นะฮะ”













[มีต่อด้านล่าง]






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-04-2016 23:30:47 โดย WiChy »

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
[ต่อจากด้านบน]



   ผมมาถึงจุดนัดหมายตอนตีห้าครึ่ง คนที่ออกมายืนรอรับที่หน้าบ้านพักตากอากาศริมหน้าผาไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้ผมนัก  ‘เฮียเซน’ ชายชาวจีนรูปร่างสูงใหญ่กำยำ (192) แขนขาปรากฏกล้ามเนื้อแน่นสวยตามลักษณะของคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ หน้าหล่อคมแต่เรียบนิ่งเย็นชา นัยน์ตาดุเรียวรีหางตาเชิด ถ้าเฮียจะยิ้มสักนิดนะผมว่าสาวแก่ แม่ม่าย เก้ง กวาง ติดเฮียตรึมไม่แพ้พี่ฉานนั่นล่ะ

   เขาให้เฮียมาควบคุมทีมสังหารและทีมสไนเปอร์จำนวนหนึ่ง พร้อมอาวุธสงครามเต็มอัตราร่วมทริปครั้งนี้  แม้คนที่เขาส่งมาจะน้อยนิดแต่ไม่ต้องห่วงเรื่องฝีมือทุกคนระดับพระกาฬทั้งสิ้น 

    บ้านพักตากอากาศริมหน้าผาที่อยู่ตรงหน้าเฮียเซนเป็นคนจัดหาเอง ชั้นล่างด้านติดทะเลอยู่ตรงชะง่อนผาติดกระจกบานใหญ่จากเพดานจรดพื้นมองเห็นบริเวณโดยรอบรวมถึง Lady Q ได้ชัดเจน พื้นที่ทั้งหมดถูกปรับเปลี่ยนเป็นห้องประชุม  ห้องทำงาน  รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารทันสมัยเพื่อซับพอร์ทการทำงานของทีมสังหารให้สะดวกและปราศจากอุปสรรคที่จะรบกวนการทำงาน เขาโทรทางไกลข้ามประเทศมาสั่งเด็ดขาดให้ผมสังเกตการณ์ได้แต่ห้ามลงเล่นเองเด็ดขาดถ้าขัดคำสั่งทุกอย่างยกเลิก ทุกกิจกรรมให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ  “เฮียเซน” 



   ผมเดินมาถึงบริเวณพื้นที่ประชุมพวกพี่ๆ และคนของเฮียเซนพร้อมอยู่แล้วรอการมาถึงของผม หลังจากที่ผมเข้านั่งเรียบร้อยเฮียเซนเริ่มแจงรายละเอียดของทริปทันที

    “ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลย คืนพรุ่งนี้ผมไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด จึงให้ทุกทีมทำตามแผนและรักษาเวลาด้วยนะครับ เราจะแบ่งทีมออกเป็น 3 ทีมหลัก และหกทีมซัพพอร์ท ทีม A  คุณแสน อันเดรีย และอาแจ๊กซ์  เก็บกวาดห้องประมูล  ทีม B คุณณิต อัลแบร์โต้ และดิเอโก้ เก็บกวาดห้องเก็บสินค้า  ทีม C คุณฉาน  ฟรังโก้ และปิแอร์ เก็บกวาดทำความสะอาดทุกพื้นที่  หลังจากนั้นจึงเป็นเรื่องของทีมคุณกรณ์นำกำลังฝ่ายรัฐบาลเข้าจับกุมกลุ่มคนร้าย

   “ผมให้ทีมซัพพอร์ทแทรกซึมเข้าไปในเรือแล้วบางส่วน  และที่เห็นอยู่บนจอตรงหน้าคือ แบบพิมพ์เขียวทั้งหมดของ  Lady Q บริเวณโถงทางเดินทุกชั้น บันไดหนีไฟ หน้าลิฟต์ ติดกล้องวงจรปิด แต่นั้นไม่เป็นปัญหากับเรา

    ชั้นใต้ดิน พื้นที่เป้าหมายมีระบบการป้องกันแน่นหนา ทุกห้องในโซนนี้มีติดสัญญาณอินฟาเรดด้วยซึ่งก็ไม่ยากในการเข้าถึง ชั้นนี้มันแบ่งเป็นสามส่วน คือ ห้องควบคุม  ห้องประมูล และห้องเก็บสินค้า

        งานปาร์ตี้เปิดตัว Lady Q จัดขึ้นบริเวณชั้นดาดฟ้าเรือ เวลา 21.00 นาฬิกา ตัวใหญ่จะใช้เวลาอยู่ในงานหนึ่งชั่วโมง หลังตัวใหญ่เข้างานทีมสื่อสารจะแฮกค์เข้าคอมพิวเตอร์หลักของระบบควบคุมกล้องวงจรปิดทำการกรอภาพและฉายซ้ำ รวมทั้งตัดสัญญาณอินฟาเรด เรามีเวลาแค่ 20 นาที ให้ทีม B  เข้าตรวจสอบสินค้าเตรียมขนย้าย แล้วทีมสื่อสารจะออกจากระบบควบคุมเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต 

    ตัวใหญ่จะออกจากงานปาร์ตี้ เวลา 22.00 นาฬิกา โดยใช้ลิฟต์ส่วนตัวจากบริเวณนี้ ลิฟต์นี้จะตรงถึงห้องประมูล ใช้เวลาราว 1 นาที ทีม A ต้องเร่งรัดตัดจบทุกอย่างให้ได้ภายใน 20 นาที หลังจากนั้นทีม C เข้าเก็บกวาดให้เสร็จ และทุกทีมถอนตัวออกจากพื้นที่ เวลา 23.00 น. เขาให้จับเป็นตัวใหญ่แต่ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยก็ให้เก็บได้เลย

    ทีมคุณกรณ์นำกำลังของหน่วยพิเศษเข้ากวาดล้าง เวลา 23.15 นาฬิกา และต้องออกจากพื้นที่ เวลา 23.45 นาฬิกา ระเบิดที่เราตั้งไว้จะทำงานหลังจากนั้น 1 นาที มีใครสงสัยอะไรรึเปล่า” เฮียเซนอธิบายแผนให้เราทุกคนฟังอย่างละเอียด

        "พวกคุณชอบปาร์ตี้รึเปล่า?"  เฮียเซนถามขึ้นหลังจากที่ไม่มีข้องใจหรือสงสัยแผนล่องเรือสำราญ

   “ปาร์ตี้?”  พี่เอ็กซ์ถามขึ้นด้วยความสงสัย

   “ใช่ปาร์ตี้”  เฮียเซนตอบเสียงเรียบ

   “น่าสนใจดีนี่”  เสียงพี่เอ็กซ์ตอบกับด้วยความกระตือรือร้น

   “มันแน่อยู่แล้ว”  เฮียเซนตอบกลับสีหน้าเย็นชาเรียบนิ่ง

   “อืม งั้นวันนี้ก็คงจะแค่นี้แยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อน  พรุ่งนี้คิดว่าคงจะยาวนานสำหรับพวกเราทุกคน” เฮียเซนตัดจบและให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน



หนึ่งวันก่อนทริปเรือสำราญ

   เวลา  10.00 น. พวกเรารวมตัวกันอยู่ห้องประชุมชมบรรยากาศภายใน Lady Q แทบทุกตารางนิ้ว และบริเวณโดยรอบจากจอมอนิเตอร์นับสิบในห้องนี้ 

   “ตอนนี้เป้าหมายของพวกคุณเข้าพื้นที่แล้ว  คนของผมยืนยันแล้วว่าคุณคมกิจเป็นตัวการสำคัญในการโกงบริษัทของคุณแม้นเหมือน  แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของ ACE ในฐานะที่พวกเขาเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนจน Lady Q สามารถเปิดตัวได้สำเร็จ  ACE รับรองสถานะของเขาให้เป็นสมาชิกขั้น 3 พร้อมสัตว์เลี้ยงที่เขากระเหี้ยนกระหือรืออยากได้โดยไม่ต้องเข้าประมูล และปาร์ตี้เอ๊กซ์คลูซีฟส่วนตัวที่คลับบนชั้นดาดฟ้า Lady Q คืนนี้

    เป้าหมายของพวกคุณไม่ได้เพิ่งจะทำอย่างนี้กับเด็ก พวกนั่นทำกันมายาวนาน แหล่งหาเด็กของคนพวกนี้คือ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั่วประเทศรวมถึงเรือนของพวกคุณด้วย  ล่อลวงจากผับ ร้านคาราโอเกะ ร้านเกมส์ เด็กที่พ่อแม่เอามาขัดดอกเบี้ยเงินกู้นี่แค่บางส่วน”  เฮียเซนพูดเสียงเย็น ตาคมดุเต็มไปด้วยความโกธรเกรี้ยว

   “คนเราจะทำสิ่งที่น่าแปลกใจ เมื่อมีแรงกระตุ้นที่มากพอ และแรงกระตุ้นของคนแบบมันก็คงจะไม่พ้นอำนาจ เงิน ยาเสพติด และเซ็กซ์ กูว่าถ้าปล่อยไว้ก็ยิ่งอันตรายกับคนอื่น“  พี่ณิตเสียงเรียบนิ่งเจือความหดหู่

   “แมร่งเอ๊ย!! ระยำหมา ชาติตระกูลหรือการศึกษาไม่ได้ช่วยขัดเกลาให้แมร่งเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเลย กูไม่อยากปล่อยเศษสวะนี่มีชีวิตอีกแล้ว กูสงสารน้องๆ วะ”  พี่แสนพูดเสียงเข้มกรามขบแน่น ตาวาวโรจน์ด้วยโทสะเริ่มคุกรุ่น คนอื่นๆ ต่างพยักหน้าเห็นด้วย

   “ถ้ามันทำมานานขนาดนี้แล้วยังลอยนวลอยู่  กูว่ากฎหมายแมร่งก็คงเอาผิดมันไม่ได้ จะรอทำไมจัดแมร่งเลยสิ”  พี่ฉานพูดเสียงเข้มออกเสียงสนับสนุนอีกคน

   “เราจะจบเรื่องนี้กันคืนนี้”  ผมหันไปพูดเสียงต่ำเย็นกับเฮียเซนซึ่งพยักหน้าเห็นด้วย

   “ตามนั้น”  เฮียเซนตอบรับเสียงเรียบ



    เวลา  22.00  น. พวกเรานั่งจับจ้องทุกความเคลื่อนไหวบน Lady Q โดยเฉพาะบรรยากาศงานปาร์ตี้เอ็กซ์คลูซีฟของ   คุณคมกิจ ผมเห็นคุณคมกิจ คุณธนู (ผู้ถือหุ้นและกรรมการบริหารบริษัท บุลวัชร) มิสเตอร์แฟรงค์ (คงจำคนนี้ได้เคยมาขอน้องบีไปเป็นบุตรธรรม ชัดเจนว่ามันเป็นคนของ ACE ไม่อยากจะคิดว่าตอนนี้น้องบีจะเป็นยังไงใจผมหดหู่ที่คิดถึงน้องขึ้นมา) เสี่ยวิชัย และชายแปลกหน้าอีกคนที่ผมไม่รู้จัก

    ทั้งหมดกำลังเล้าโลมเด็กชายสองคนที่ถูกสวมปลอกคอ มือเท้าถูกมัดด้วยเชือกโยงใส่กัน ดูจากหน้าตาอายุคงจะไม่เกินสิบปี คาดว่าเด็กทั้งคู่คงจะโดนยาปลุกเซ็กซ์เข้าไปเต็มๆ เสียงร้องครวญครางที่ไม่มั่นใจว่าเจ็บหรือสุขสมมันปะปนกันจนแยกแยะไม่ออกจากปากเด็กทั้งสอง ภาพที่เห็นมันทั้งน่าสงสารและน่าสมเพทเวทนาจนใจหดหู่แทบจะรับไม่ไหว 

    ขณะที่ชายแก่ทั้งหมดกำลังมัวเมากับเรือนร่างเปล่าเปลือยของเด็กอยู่นั่นเอง อาแจ๊กซ์  ฟรังค์โก้ และการ์ดอีก 3 คน ตรงเข้ากระชากชายมากตัณหาออกจากตัวเด็ก เหวี่ยงหมัดไม่มีหูรูดเปรี้ยงเดียวเข้าปลายคางชายเหล่านั้นน็อคกลางอากาศ  การ์ดร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเข้าช่วยเหลืออุ้มเด็กขึ้นบ่าเดินออกจากห้องไปก่อน 

    ส่วนอีก 4 จัดการมัดมือเท้าของชายทั้งหมดแล้วแบกใส่บ่าออกจากห้อง  ภาพเคลื่อนไหวไปยังมุมอับท้ายเรือที่มีรถโฟล์วิวสองคันจอดติดเครื่องรออยู่ คนของเฮียเซนแบกชายทั้งห้าโยนเข้าไปในรถโฟล์วิลก่อนทั้งหมดจะตามขึ้นรถแล้วขับลับหายออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว




   จนกระทั่งเวลา 23.00 น. คนของเฮียเซนรายงานเข้ามาว่า  ทุกอย่างพร้อมในงานแล้ว พวกเราทั้งหมดจึงแยกกันขึ้นรถสองคันที่จัดเตรียมไว้ไปยังสถานที่จัดงาน

   รถเคลื่อนตัวไปตามถนนสายรอบเมืองมายังอีกอำเภอหนึ่งของจังหวัดแต่ไม่ได้ตรงเข้าตัวอำเภอ กลับเลี้ยวไปตามถนนเส้นเล็กๆ เหมือนทางเข้าหมู่บ้านระยะทางประมาณ  9  กิโลเมตรจากถนนใหญ่ เลี้ยวลงถนนดินของสวนปาล์มเข้ามาอีกราว 900 เมตร จนถึงบริเวณป่าหญ้าที่ขึ้นสูงเกือบท่วมหัวเนื้อที่เกือบไร่ผ่านป่าหญ้าไปมีบ้านร้างอยู่หลังหนึ่งคาดว่าคงไม่มีคนอยู่มาหลายปีเพราะสภาพภายนอกสีมันผุกร่อนจนไม่เหลือเค้าเดิม  คนของเฮียก็ช่างสรรหาสถานที่เหลือเกินทั้งห่างไกลและเปลี่ยวร้างเพื่อนบ้านแหกป่าให้ตายก็ไม่มีใครได้ยิน

    บริเวณหน้าบ้านมีรถโฟร์วิลจอดอยู่แล้วสองคัน พวกเราขับรถเข้าไปจอดบริเวณหน้าบ้านได้ยินเสียงดังโวยวายลอดออกมาจากในบ้าน  ฟรังค์โก้เปิดประตูออกมาทักทายพวกเรา

    ผมมองเข้าไปบริเวณห้องโถงอาแจ๊กซ์และบอดี้การ์ดอีกสามคนยืนเฝ้าชายทั้งห้าอยู่  คนพวกเขานั้นถูกมัดมือไขว้ไปข้างหลังนอนอยู่บนพื้น  หน้าตาบวมปูดแตกยับหลายแห่งเลือดยังไหลซิบ  อาแจ็กซ์และคนอื่นๆ หันมาทักทายพวกเรา 

   “พวกมึงเป็นใคร ปล่อยกูเดี๋ยวนี้ มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร” 

    พอได้ยินเสียงประตูเปิด คุณคมกิจตะคอกเสียงดังและข่มขู่ให้ปล่อย บริเวณหน้าบ้านที่พวกเรายืนอยู่มันไม่ค่อยสว่างเขาจึงยังไม่รู้ว่าใคร  พวกเราเดินเข้าไปในบ้านคนของเฮียเซนปิดประตูแล้วให้คนของเขาคนหนึ่งไปเฝ้าหน้าบ้านไว้  พอพวกเราเดินไปถึงบริเวณห้องโถงที่มีแสงสว่างของไฟหลอดกลมแรงเทียนน้อย คนทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจที่ไม่คิดว่าจะเป็นพวกเรา

   “สัสเอ๊ย!! พวกลูกกระหรี่พ่อไม่เอานี่เอง มึงจับกูมาทำไม”  คุณคมกิจที่ได้สติก่อนใครพ่นคำบริภาษเสียงแข็งกร้าว 

   “ครับคุณคมกิจ ขอต้อนรับสู่นรกที่แท้จริงอย่างเป็นทางการ  หวังว่าคงจะพอใจกับการต้อนรับของพวกเรา”  ผมตอบกลับด้วยเสียงเย็นราบนิ่ง

   “กูเป็นอาของแม่มึงนะ กล้าเนรคุณกับคนที่แม่มึงนับถือเหรอ..”  ผมยืนฟังด้วยสีหน้าเรียบเย็นชา ความเดือดดาลเริ่มพลุกพล่านในอก มันยังกล้าเอาแม่มาอ้างผมกำมือแน่น

   “จุ๊ๆ แล้วทำไมกูจะไม่กล้า..สิ่งที่พวกทำแค่นี้มันยังน้อย”  พี่แสนเอามือบีบกรามของคุณคมกิจแน่นตอบกลับด้วยเสียงทุ่มต่ำ ก่อนจะผลักคนนั้นล้มลงไปกับพื้นเหมือนเดิม

   “จับกูมาทำไม กูไปฆ่าพ่อมึงเหรอ ลืมไปพวกมึงลูกไม่พ่อ  รู้ไหมกูเป็นใคร ถ้ากูรอดไปได้จะเอาลูกตะกั่วยัดปากพวกมึง”  เสี่ยวิชัยพ่นคำข่มขู่เสียงแข็งกร้าวหลังจากตั้งสติได้

   “ยังปากดีนะมึง แต่ที่แน่ๆ กูไม่รู้ว่ามันจะมีวันนั้นรึเปล่านี่สิ เวลานี้ ตรงนี้ กูมั่นใจว่าความตายมันนั่งกอดคอพวกคุณมึงแล้ว”  พี่ณิตตอบกลับพวกมันเสียงกร้าว

   “ปะ ปล่อยผมเถอะ คะ คุณสิงห์ ผะ ผมไม่รู้เรื่อง”  คุณธนูพูดอ้อนวอนลนลาน

   “ผะ ผม โดนบะ บังคับ หะ ให้ทำ ผะ ผม มะ ไม่ รู้เรื่อง” 

    คุณธนูคลานเข้ามาซบที่เท้าผม  ฟรังค์โก้เดินเข้ามาแล้วยกเท้าใหญ่ที่หุ้มด้วยคอมแบทยันโครมเข้าตรงกลางลำตัว จนร่างของคุณธนูลอยหวือไปกระแทกเสากลางบ้าน เสียงร้องดังอั๊ก ก่อนที่ร่างนั้นจะแน่นนิ่งไป คุณคมกิจตาเบิกโพลงเหลือกลาน เอ่ยละล่ำละลักปัดความผิดให้พ้นตัว

   “มะ ไม่ อาไม่ระ รู้เรื่อง ไอ้ธนูมันต้นคิด ปล่อยอาไปเถอะ อาไม่รู้เรื่อง” 

   “จับกูมาทำไม กูทำอะไรให้พวกมึงๆ กูไม่เกี่ยวกับพวกมัน ปล่อยกูนะโว้ย พวกชาติหมา...”  ชายอีกคนที่ผมไม่รู้จักรีบปฏิเสธเป็นพัลวันดิ้นรนกระเสือกกระสนจากสิ่งพันธนาการ  เลยโดนฟรังโก้เตะเข้าสะบักเอวเต็มๆ ถึงกับล้มคว่ำกระแทกพื้นอีกครั้ง

   คุณคมกิจเบิกตากว้าง  ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว  เมื่อความตายเข้ามาเคาะประตูบ้าน  คนเรามักจะอ้อนวอนปัดความผิดให้พ้นตัว ตัวเองจะได้เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่คิดว่าผมจะเห็นใจเหรอสิ่งที่พวกเขาทำกับเด็กมันเลวระยำยิ่งกว่าเดรัจฉาน

   “น้องกูอยู่ไหน”  พี่เอ็กซ์ดึงกระชากผมจนหน้าคุณคมกิจแหงนเงยขึ้นตะคอกถามเสียงแข็งกร้าว

   “คะ ใคร ไม่รู้เรื่อง ทะ ทำอะไร อาไม่ได้ทำ”  คุณคมกิจละล่ำละลักปฏิเสธพัลวัน

   “มึงยังว่าไม่ได้ทำอีกเหรอ แล้วเด็กที่มึงกับไอ้แก่นั้นมอมยาแล้วทำระยำที่ผับดาร์กแองเจิลคืออะไร น้องกูอยู่ไหน มึงเอาเขาไปไว้ไหน”   พี่เอ็กซ์ตะคอกใส่หน้าคุณคมกิจเสียงดังด้วยโทสะที่พุ่งสูง ตาวาวโรจน์ด้วยความเครียดแค้นชิงชัง

   “อาไม่ได้ทำนะ ส สิงห์  อาไม่รู้เรื่อง ไอ้ธนูมันเอายาให้เด็กเกินขนาดจนเด็กนั่นทนไม่ไหวตายเอง ไว้ชีวิตอาเถอะ  อาไม่เกี่ยว อาไม่รู้เรื่องธนูมันทำ มันขายร่างเด็กไปแล้ว”  ความกลัวที่ฉายชัดอยู่ในแววตาของชายแก่ที่น่าสมเพททำให้เขาปัดความผิดออกจากตัวเองพัลวันกระเสือกกระสนตัวเองจนมาแทบเท้าผม

   “มึง!!” 

   “ผลัวะๆๆๆ”

   “ตุบ”

   เส้นความอดทนขาดผึง พี่เอ็กซ์ร้องดังลั่นกระแทกหมัดใส่หน้าชายแก่อย่างแรงรัวเร็วติดหลายมัดด้วยความคั่งแค้น เลือดสาดกระจายฟันหน้าหลุดกระเด็นจากเหงือกเกือบทั้งแผง คุณคมกิจล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรงพื้น เลือดสีแดงฉานทะลักออกจากปากกระเด็นเปรอะไปตามพื้น พี่เอ็กซ์ย่างสามขุมเข้าไปหาร่างที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นหวังจะซ้ำแต่พี่กรณ์เข้ามาดึงตัวออกไปก่อน

   “เอ็กซ์ใจเย็นๆ เดี๋ยวมันตายเสียก่อนแล้วงานเราจะกร่อย”  พี่กรณ์บอกเสียงเรียบมือแกร่งดึงเพื่อนออกห่างจากคุณคมกิจ

   “กูคงให้อภัยกับสิ่งที่มึงทำไม่ได้”  พี่เอ็กซ์สบถดังลั่น นัยน์ตาแข็งกร้าว ผมหันไปพยักหน้ากับคนของเฮียเซน

   “ในเมื่อคุณเสพติดปาร์ตี้ก็ขอให้สนุกกับมันให้เต็มที่นะครับขาดเหลืออะไรบอกผมยินดีสนองเต็มที่”  ผมบอกเสียงเย็นกับคุณคมกิจที่พยายามยกหัวขึ้นมาส่งสายตาวอนขอชีวิต

   คนของเฮียดึงกระชากกางเกงของชายแก่ทั้งห้าออกจากตัว  แล้วลากตัวไปมัดไว้กับเสากลางบ้านคู่ละต้น เชือกที่มัดตรงข้อเท้าทั้งสองข้างถูกดึงจนตึง ทำให้ขาทั้งคู่ยกแนบไปกับอกก้นลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อย 

    อาแจ๊กซ์ ฟรังโก้ และการ์ดอีก 2 คน เอาเข็มฉีดยาขนาดใหญ่ดูดน้ำสีใสจากขวดเท่าฝ่ามือเด็กจนเต็ม ฉีดเข้าไปในเส้นเลือดใหญ่ตรงแขนของชายทั้งห้า หลังจากนั้นจึงเอายาปลุกเซ็กซ์แบบสอดยัดเข้าไปในช่องทางด้านหลัง  พวกเขานำแท่งของเทียมขนาดใหญ่กระแทกเข้าไปในช่องทางนั้นอย่างไม่ปราณีปราศรัย ทั้งหมดร้องโอ๊ดโอ๊ยด้วยความเจ็บปวดพยายามดิ้นหนีแต่คนของเฮียกดยึดสะโพกไว้แน่นดันแท่งของเทียมนั้นมิดด้ามอย่างแรงจนยาถูกดันเข้าไปในช่องทางจนหมด พวกเขาไม่ได้ดึงแท่งนั้นออกแต่เสียบมันไว้อย่างนั้น

    ผมว่ายาที่ยัดเข้าไปนั่นคงหลายสิบเม็ด ชายแก่ทั้งห้าตาเบิกโพลงด้วยความกลัวกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ ไม่กี่นาทีต่อมาแก่นกายของพวกคุณกิจเริ่มแข็งขืนขึ้น คนของเฮียเอาค๊อกริงรัดเข้าไปที่โคน ไม่พอการ์ดนำหมุดขนาดเท่าปลายก้อยเด็กสองเม็ดยัดเข้าไปในรูตรงส่วนปลายที่บานใหญ่ เสียงร้องของคนพวกนั้นโหยหวนด้วยความกำหนัดอยากจะปลดปล่อยแต่ไม่สามารถทำได้

   ปาร์ตี้มันเพิ่งจะเริ่ม คนของเฮียดึงแท่งเทียมออกจากช่องทางของคนทั้งหมดอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง 'พล๊อก' ช่องทางนั้นเมื่อไม่มีอะไรยัดอยู่เกิดเป็นรูกร๋วงโบ๋เลือดสีแดงชาดไหลซึมออกมา พวกการ์ดเอาเครื่องช่วยตัวเองซึ่งตรงปลายมีแท่งของเทียมสีดำขนาดใหญ่เท่าแขนเด็กเล็กไปจ่อตรงรูกร๋วงโบ๋  เมื่อมันอยู่ในรัศมีทะลวงก็กดปุ่มเปิดเครื่องระดับแรงที่สุดของเทียมนั้นกระแทกอย่างแรงเข้าไปในรูกร๋วง 

         ตึก ตึก

         อ๊ากกกกกกกกก...

    ชายตัณหากลับร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมาน  พยายามกระถดร่างหนีแต่ไม่สามารถขยับไปไหนได้เพราะติดเสา  แต่ยิ่งดิ้นเชือกยิ่งมัดแน่นเปิดช่องทางให้รัศมีการทะลวงแม่นยำยิ่งขึ้น ตรงแก่นกลางเริ่มมีสีคล้ำเพราะไม่สามารถปลดปล่อยความต้องการได้ 

   “ตึก ๆ ๆ ๆ”

    เสียงเพลงแห่งความตายดังก้องผสานเสียงโหยหวนที่บ่งบอกถึงเจ็บปวดเมื่อเครื่องนั่นกระแทกเข้าออกช่องทางด้านหลังอย่างรุนแรง เลือดสีแดงฉานทะลักออกมาจากช่องทางนั้นไหลไปตามแก้มก้นก่อนหยดลงพื้นทุกครั้งที่เครื่องนั้นถูกดึงเข้าออก กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งลอยปะปนกับอากาศในห้องแทบคลื่นเหียน

    เสียงโหยหวนดังขาดห้วงราวกับแผ่นเสียงตกร่องค่อยๆ เงียบลงเมื่อเวลาประมาณตีสี่ คุณคมกิจและพวกอยู่ในสภาพช็อกตาเหลือกโปน ปากอ้าค้างเลือดไหลทะลักจากปากและช่องทางด้านหลัง เครื่องเพศดำคล้ำคลั่งไปด้วยเลือด มันเป็นภาพที่สยดสยองและน่าสมเพทจนต้องเบือนหน้าหนี  การ์ดเดินเข้าไปจับชีพจรปรากฏว่าพวกนั้นหัวใจวายตาย มันเหมาะสมกันดีกับสิ่งที่พวกมันทำกับเด็ก ไม่มีอะไรฟรีในโลกนี้ทุกอย่างต้องแลกเปลี่ยนทั้งนั้น…ชีวิตต่อชีวิต

   “เก็บกวาด”  เฮียเซนสั่งคนของเขาเสียงต่ำเย็นไร้ความรู้สึก ก่อนที่นะหันมาพยักหน้าให้พวกเราออกจากพื้นที่เพื่อไปพักผ่อนเตรียมตัวไปทริปกันในเย็นวันนี้















TBC.



ปล.

1. เขียนบทนี้จบรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อย เหมือนฆาตกรโรคจิตรึเปล่า (แอบสะใจเล็กๆ) ไอ้ตัวรีพาย 2 คงไม่แรงไปหรอกนะ พิมพ์แล้วตัดแก้ไขอยู่หลายครั้งเหมือนกันเพื่อไม่ให้มันดูโหดและเถื่อนมากเกินไป

2. ขอย้ำเรื่องนี้มันไม่หวานอย่างเดียวหรอกนะ อย่างที่บอกมนุษย์ไม่ได้มีใครดีร้อยเปอร์เซ็น จิตใจของมนุษย์มันยากแท้หยั่งถึงตราบใดที่ยังมีความรัก โลภ โกธร หลง คอยชักใยสั่งการอยู่เต็มพื้นที่   

3. อีกสักสองสามวันเราจะไปทริปล่องเรือสำราญกันเตรียมตัวให้พร้อมนะครับ เขียนเสร็จแล้วขอพิสูจน์อักษรและแก้ไขสำนวนอีกนิดครับ :)

4. ขอบคุณมากมายจากใจสำหรับการติดตามเราเสมอมา หากเจอข้อผิดพลาดประการใดอยากให้แก้ไขก็บอกเล่าเก้าสิบกันนะครับยินดีรับฟังและแก้ไข


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-10-2015 17:47:53 โดย WiChy »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เศร้ามากที่น้องตายแล้ว

ไหนๆเรื่องมันก็จิตได้ขนาดนี้ ช่วยจัดให้ทุกคนโดนอย่างสาสมด้วยเถอะค่ะ พลีส

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
สงสารน้องอาร์ แม้แต่ร่างก็ไม่ได้กลับไปทำพิธีเผา :monkeysad:

สงสัยตอน

คนของเฮียดึงกระชากกางเกงของชายแก่ทั้งหกออกจากตัว 

เอาเข็มฉีดยาขนาดใหญ่ดูดน้ำสีใสจากขวดเท่าฝ่ามือเด็กจนเต็ม ฉีดเข้าไปในเส้นเลือดใหญ่ตรงแขนของชายทั้งห้า

สรุปว่าหกคนหรือห้าคนที่โดน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
แรดน้อยของภูมิ ชอบประโยคนี้จัง  :m4:

อุ้ยตาย..พวกชิงหมาเกิด จัดหนักถูกใจแม่ยก  :z4:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
การลงโทษพวกนี้มันดูโหดก็จริง
แต่ก็แอบคิดว่า มันก็สมควรแล้ว

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เด็กเลี้ยง




- 12 -

ไปล่องเรือกันเถอะ









20.45 น.

   ผม เฮียเซน และบอดี้การ์ดซึ่งที่มีหน้าที่ควบคุมเครื่องมือสื่อสารอีก 3 คน กำลังนั่งดูความเคลื่อนไหวบริเวณรอบๆ Lady  Q และทั่วทั้งบริเวณงานประดับประดาด้วยไฟประดับสีส้มเล็กและดอกไม้สวยงาม เสียงเพลงจากวงดนตรีชื่อดังร้องขับกล่อมคลอเบาๆ แข่งกับเสียงพูดคุยเซ็งแซ่จนไม่ศัพท์ ภายในงานคราคร่ำไปด้วยกลุ่มผู้ทรงอิทธิพล คนดังไฮโซเซเลปทั่วฟ้าเมืองไทยและต่างประเทศ แม้กระทั้งคนปล่อยยาเสพติด อีตัวชั้นสูงที่ทำตัวเป็นไฮไซหวังตกถังข้าวสาร แต่ใครจะสนทุกคนต่างหัวร่อต่อกระซิกสนุกสนานเต็มที่กับสิ่งที่เจ้าของงานจัดหาไว้ให้

   จอมอนิเตอร์ 4 – 6 ที่พวกเรามองอยู่เป็นส่งจากกล้องขนาดจิ๋วที่ติดอยู่กับทีม B พี่ณิต อัลแบร์โต้ และดีเอโก้ ทั้งสามกำลังเดินอย่างระแวดระวังลัดเลาะไปตามกาบเรือไปสู่ทางลงบันไดหนีไฟที่เชื่อมไปถึงห้องกักเก็บสินค้า ไฟที่ติดประดับระหว่างทางเดินอวดความหรูหราบอกรสนิยมของเจ้าของแต่ไม่อาจส่องแสงสว่างมาถึงเส้นทางที่ทั้งสามกำลังเดินลงไปสู่ห้องกักเก็บสินค้าได้ 

    ในที่สุดทั้งสามก็เดินมาจนถึงบริเวณชั้นใต้ดิน ห่างจากประตูทางเข้าสิบเมตรทีมซัพพอร์ตรออยู่แล้ว 3 คน แต่ไม่เห็นคนของ ACE เฝ้าประตู  การรักษาความปลอดภัยช่างหละหลวมกว่าที่คาดไว้มากทั้งที่เป็นพื้นที่ต้องห้าม

   พี่ณิตล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหยิบแว่นดำที่ใช้สำหรับสแกนและตรวจจับสัญญาณอินฟาเรดขึ้นมาสวม ภาพที่ปรากฏคือเส้นสีแดงโยงไขว้กันไปมาเต็มหน้าจอมอนิเตอร์ เพราะอย่างนี้เองพวกมันถึงไม่มีคนเฝ้าหน้าห้องเก็บกับสินค้า

   “พร้อมตรวจสอบสินค้า”

    พี่ณิตให้สัญญาณมายังศูนย์ควบคุม  ทิมหันดำเนินการแฮกค์เข้าระบบคอมพิวเตอร์เมนเฟรมของฝ่ายนั้นใช้เวลาไม่ถึงนาทีทิมก็บล็อกสัญญากล้องและอินฟาเรดได้สำเร็จ

    - เคลียร์ -

   ทั้งหมดรีบเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วไปยังประตู แต่ปรากฏว่ามันคล้องไว้ด้วยแม่กุญแจตัวเขื่อง พี่มันกระดิกนิ้วเรียกสมาชิกในทีมให้เข้ามาจัดการ แค่ชั่วอึดใจแม่กุญแจหล่นแคร๊งลงกระทบพื้น  ประตูถูกกระชากเปิดด้วยมือของพี่ณิต 

    ด้านหลังประตูสลัวด้วยไฟแรงเทียนน้อยที่ติดเว้นระยะห่างไปตามแนวผนัง ทั้งหมดเดินไปตามทางแคบๆ จนไปถึงประตูเหล็ก ด้านข้างของกรอบประตูมีอุปกรณ์แผงอิเล็กทรอนิกส์ติดอยู่ หน้าปัดมีตัวเลขตั้งแต่ 0 - 9 ด้านบนเป็นสวิตซ์สีแดงกระพริบอยู่เป็นจังหวะ มันเป็นประตูอัตโนมัติที่ต้องใส่รหัส 

    - คลิ๊ก -

    ประตูปลดล๊อกอย่างง่ายดายสัญญาณไฟสีแดงก็กลายเป็นสีเขียวภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากทิมบอดี้การ์ดคนเดิมพรมนิ้วก๊อกแก๊กลงบนแป้นคีย์บอร์ดตรงหน้า

    - เคลียร์ -

   สมาชิกของทีมคนหนึ่งชะโงกหน้าเข้าไปดู เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงเดินนำหน้าพวกพี่ณิตเข้าไปสำรวจความเรียบร้อยก่อนจะส่งสัญญาณให้ตามเข้ามา ข้างในสว่างกว่าข้างนอกเพราะมีแสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ลอดออกมาจากช่องประตูที่เปิดแง้มอยู่ เสียงเอ็ดตะโรสบถคำหยาบคายดังลั่นให้จัดเตรียมสินค้าให้พร้อม สลับกับเสียงครวญครางสะอึกสะอื้นอย่างหวาดกลัวและเจ็บปวดของเด็ก 

    อัลแบร์โต้เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วไปยืนหลังช่องประตูที่แง้มอยู่ชะโงกมองเข้าไปภายในห้องก่อนจะให้สัญญาณว่ามีพวกมันอยู่ 5 คน  และเด็กอีก 12  คน ก่อนจะทำสัญญาณมือให้ทุกคนหลบก่อน เพราะมีเสียงฝีเท้าคนเดินมาที่ประตู แต่ละวินาทีที่ผ่านไปช่างน่าอึดอัดและยาวนานราวกับเป็นชั่วโมง

    ชายผิวคล้ำรูปร่างล่ำสันหน้าตากักขฬะดึงกระชากประตูให้เปิดออก  ก่อนที่มันจะได้เดินพ้นประตูออกไปอีกห้องอัลแบร์โต้พุ่งเข้าชาร์ตจากด้านหลังเพียงชั่วเสี้ยววินาทีไม่เพียงพอที่จะให้ชายคนนั้นได้ร้องคร่ำครวญด้วยซ้ำเสียงกระดูกคอหักดังขึ้น

    - ก๊อก -

    อัลแบร์โต้ลากร่างไร้วิญญาณหลบเข้าไปใต้บันได แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เดินออกมาจากใต้บันได ประตูห้องเปิดออกอีกครั้งโดยมือของชายอีกคนที่กักขฬะไม่แพ้คนแรก เสียงสบถตะโกนหาชายที่นอนสงบนิ่ง ไร้วิญญาณอยู่ใต้บันใดดังลั่น

   “ไอ้วิทย์ สัสเอ๊ย!! มึงไปเอาของถึงไหนวะ พ่อมึงยิ่งเร่งอยู่จะถึงเวลาแล้ว”

   “ไอ้วิทย์  ไอ้เหี้...”

   ชายคนนั้นยังพูดไม่จบ ดิเอโก้พุ่งมาจากอีกทางเข้าชาร์ตจากด้านหลังกดหัวของชายคนนั้นเอาไว้ แน่นมืออีกข้างยกมีดเดินป่าปาดเข้าที่คอเลือดพุ่งกระฉูดเปรอะตามพื้นเป็นด่างดวง สิ้นลมหายใจโดยไม่มีเสียงร้องสักแอ๊ะ ดิเอโก้ทิ้งร่างไร้วิญญาณลงพื้น วินาทีนั้นเองพวกมันที่เหลืออีกสามคนกรู่ออกมาจากในห้อง เกิดการชุลมุนขึ้นภาพในจอหมุนวนยากจะจับทิศทางได้ เสียงเหล็กสัมผัสกับเนื้อและกระดูก

    
    “โป๊ก”


    “ ปั๊ก”


    “ผัวะ”


   “โพล๊ะ”    


    เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือ เสียงของกะโหลกที่กระแทกลงกับพื้นปูนดังสนั่น  ก่อนที่ทุกอย่างในบริเวณนั้นจะอยู่ในความสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  พวกมันทั้งหมดนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นปูนสภาพร่างกายเละจนจำแทบไม่ได้ มีซัพพอร์ตเข้าเคลียร์พื้นที่อย่างรวดเร็วราวกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด

    พี่ณิตและคนอื่นๆ เดินเข้าไปภายในห้อง สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือ เด็กชายอายุไม่น่าจะเกินสิบห้าปี จำนวน 12 คน ถูกใส่ปอกคอโซ่เส้นยาวเกี่ยวไว้บนตะขอติดผนังราวกับสัตว์ เนื้อตัวมีเพียงกางเกงชั้นในหนังห่อหุ้มร่างกาย ท่าทางแต่ละคนเหมือนโดนยากล่อมประสาท ร้องครวญครางด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด พวกพี่ณิตและสมาชิกทุกคนเข้าไปช่วยกันปลดเด็กๆ ออกจากพันธนาการ และเคลื่อนย้ายเด็กออกจากบริเวณนั้นไปยังที่ปลอดภัยเพื่อรอทีมพี่กรณ์มารับช่วงอีกที

   ผมหายใจคล่องขึ้นแต่ก็ไม่โล่งซะทีเดียว เด็กยังอยู่ในพื้นที่อันตราย แต่ก็วางใจได้เพราะทีมซัพพอร์ต ยังซุ่มดูอยู่  ตอนนี้พวกเราก็แค่รอเวลาเวลาดูหนังบู๊ฉากใหญ่ที่จะเริ่มฉายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า…

   จอ 1 – 2 ฉายภาพบรรยากาศบนดาดฟ้าเรือและบริเวณโดยรอบอีกครั้ง งานปาร์ตี้กำลังดำเนินไปด้วยความสนุกสนานกับทุกสรรพสิ่งที่พร้อมเสริ์ฟตามรสนิยมของแขกไม่ว่าจะต้องการบริการแบบไหนหญิง ชาย เด็ก หรือแม้กระทั่งยาทุกชนิดทุกประเภทที่ต้องการเจ้าภาพจัดหามาบริการให้ทั้งสิ้น
 
   เฮียเซนชี้ให้ผมดูคนๆ หนึ่งที่แต่งตัวด้วยชุดกี่เพ้าสีขาวตัวยาวด้านหลังปักไหมสีทองเป็นรูปมังกรคาบแก้วตลอดชุด คนนั้นรูปร่างสูงโปร่งบอบบางหน้าตาสวยสง่าทรงอำนาจ  ดวงตาเรียวปลายเชิดขึ้นเหมือนตาหงส์  ผมดำยาวตรงถูกปล่อยเคลียไปถึงกลางหนัง กำลังพูดคุยอยู่กับนักธุรกิจสิ่งทอผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของฟ้าเมืองไทยอย่างอารมณ์ดี

    “สิงห์เห็นผู้ชายผมยาวใส่ชุดกี่เพ้าที่ยืนคุยอยู่กับนักธุรกิจคนนั้นไหมนั่นคือ ไต้ชินหยาง หรือ นายอะเคื้อ สัชฌุกรกังวาล ลูกครึ่งไทย-จีน นายใหญ่ รุ่นที่ 4 ของ ACE ส่วนอีกคนที่ยืนเยื้องมาข้างหลัง คือ มาร์โค บอดี้การ์ดและคู่ขาของชินหยาง ที่สำคัญเป็นน้องชายบุญธรรมของชินหยางด้วย”

    ผมหันมองตามที่เฮียชี้แล้วก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจถ้าไม่บอกว่าชินหยางเป็นผู้ชายผมก็คิดว่าคนนั้นเป็นผู้หญิงเพราะความสวยสง่าจนผู้หญิงในงานบางคนยังอาย  ส่วนมาร์โคเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่พอๆ กับผม หน้าตาหล่อคม นัยน์ตาดุคอยชำเลืองมองชินหยางด้วยความจงรักภักดีและเทิดทูนที่ไม่ปิดบัง

   “ผมเหมือนจะรู้สึกว่าคุ้นหน้าแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน”

   “ก็อาจจะใช่ก็ได้ ช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยไต่ชินหยางประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์หนักพอสมควร เพราะฉะนั้นหน้าตาของเขาเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ได้รับการศัลยกรรมจนเหลือเค้าเดิมน้อยมาก ไต่หยงผู่ปิดข่าวนี้รู้เฉพาะวงในเท่านั้น  ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ชอบออกสื่อ นี่ก็เพิ่งได้รับเลือกจากสมาชิกชั้นสูงของ ACE ให้เข้ารับตำแหน่งรุ่นที่ 4 พร้อมสืบทอดธุรกิจจาก พ่อชาวจีนที่ถูกลอบฆ่าโดยยังจับมือใครดมไม่ได้ มันน่าสนใจตรงที่ว่าไต้หยงผู่ถูกฆ่าตายก่อนที่ชินหยางจะเข้ารับตำแหน่งเพียงวันเดียว สมาชิกหลายฝ่ายต่างเคลือบแคลงสงสัยถึงสาเหตุการตายของไต่หยงผู่  หลายกระแสว่าชินหยางฆ่าพ่อเลี้ยงของตัวเองเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง  ส่วนแม่กับน้องยังมีชีวิตอยู่แต่เขาไม่เคยพูดถึง นามสกุลที่ใช้เป็นนามสกุลที่ชินหยางตั้งขึ้นมาใหม่   

   มาร์โครักและเทิดทูนซินหยางยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ยอมทำให้ทุกอย่างเพื่อให้พี่ชายพึงพอใจและแม้ชีวิตก็สละให้ได้  แต่สำหรับชินหยางแล้วสิ่งที่รักมากที่สุดก็คือ ตัวเอง  มาร์โคก็แค่สุนัขรับใช้ที่มีไว้เพื่อสนองตัณหาของชินหยางชั่วครั้งคราวในเวลาที่ยังหาสัตว์ถูกใจไม่ได้”  เฮียเซนพูดขยายความเป็นมาของชินหยางให้ผมฟังค่อนข้างละเอียด

   ผมมองคนทั้งคู่เดินทักทายแขกคนสำคัญทั่วงาน จนถึงเวลา 22.00 น. ชินหยางบอกให้แขกทุกคนสนุกเต็มที่ต้องการสิ่งใดให้บอกคนของเขาได้เลย ก่อนจะขอตัวไปจัดการธุรกิจสำคัญ ทั้งคู่เดินแยกมาที่ลิฟต์ส่วนตัวก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดผมเห็นมาร์โคก้มลงจูบปากชินหยาง  คนเป็นนายผลักมาร์โคออกอย่างแรง ความโกธรกรุ่นอาบไล้อยู่ทั่วหน้าสวย  มาร์โคมีสีหน้าสลดและก้มหน้าลงเหมือนจะสำนึกผิดต่อสิ่งที่ตนเองทำ

   ผมหันไปมองจอมอนิเตอร์ 3 มันเป็นภาพที่ส่งจากกล้องที่ติดอยู่หน้าห้องประมูลตอนนี้คนทั้งคู่มาถึงหน้าห้องแล้ว มาร์โคยื่นนิ้วมือไปวางยังแผงควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ข้างประตูเพื่อสแกนลายนิ้วมือ ปุ่มสวิตซ์สีแดงด้านบนที่กระพริบปิ๊ปๆ สลับเป็นสีเขียว แล้วประตูก็เลื่อนเปิดออก ทั้งคู่เดินเข้าไปในห้องประตูเลื่อนปิดโดยอัตโนมัติตามหลังคนทั้งคู่

    ผมมองไปที่จอมอนิเตอร์ 7 – 9 ซึ่งฉายภาพบรรยากาศภายในห้องประมูลมันเหมือนงานปาร์ตี้ของกลุ่มเศรษฐีเซเลปคนดังทั้งหลาย เหล้า ยาเสพติด โสเภณีทั้งชาย หญิง และเด็ก โดยเฉพาะเด็กจะเป็นที่ต้องการของคนเหล่านี้มากที่สุด  ควันสีเทาลอยฟุ้งคลอไปกับเสียงดนตรีจากเครื่องเสียงที่เปิดเบาๆ ขับกล่อมบรรดาแขกในงาน  ผนังห้องทุกด้านหรูหรากรุด้วยผ้าไหมเนื้อดีสีครีมสลับกับกระจกสูงตั้งแต่เพดานจรดพื้น  เพดานด้านบนเป็นกระจกสะท้อนทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นในห้องนี้  ตรงกลางห้องเป็นเวทีทรงกลมยกพื้นไม่สูงนัก รอบเวทีจัดตั้งชุดโซฟาสีน้ำตาลทองดูหรูหราขนาดใหญ่หลายสิบชุด โต๊ะเล็กข้างโซฟาแต่ละชุดเพียบพร้อมไปด้วย เหล้า ยา  สารพัดชนิดตามรสนิยมของแขกในงาน


    แขกในงานนั่งบ้างยืนบ้างตามที่ต่างๆ ทั่วห้อง แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ร่างกายเปลือยเปล่าในมือจูงสัตว์เลี้ยงที่เนื้อตัวเปลือยเปล่าเช่นเดียวกับเจ้านายเข้ามาด้วย  บางกลุ่มก็เล่นรักแบบหมู่กับสัตว์เลี้ยง  บ้างก็เล่นเซ็กซ์วิตถารประเภทโซ่ แส่ กุญแจมือ น้ำตาเทียน กับโสเภณีชายหญิงอย่างเมามันและรุนแรง

   ชินหยางพร้อมด้วยบอดี้การ์ดคนสนิทเดินเข้ามาในห้องเดินตรงไปยังโซฟาหรูหราชุดใหญ่ตรงหน้าเวทีทุกคนในห้องหยุดกิจกรรมชั่วคราวลุกขึ้นกล่าวทักทายนายใหญ่...

   “สวัสดีทุกท่าน ยินดีตอนรับสู่ความสำเร็จครั้งใหม่ของ  ACE  ขอให้ทุกท่านสนุกกันให้เต็มที่ ผมมีสิ่งพิเศษสำหรับทุกท่าน...” 
   
   เสียงกังวานทรงอำนาจที่ไม่แพ้หน้าตาของนายใหญ่กล่าวกับเหล่าแขกในห้องประมูล ผมไม่ได้ฟังจนจบ แต่ตวัดสายตามามองจอมอนิเตอร์ 10 – 12  ฝั่งด้านนอกห้องประมูลพี่แสน อันเดรีย อาแจ็กซ์ และสมาชิกในทีม 3 คน เดินเลียบผนังเข้ามาตามทางเดินอย่างง่ายดายจนมาหยุดห่างจากประตูห้องประมูลสิบเมตร ก็อย่างที่บอกระบบการรักษาความปลอดภัยหละหลวมมาก เชื่อมั่นในการวางระบบป้องกันของตัวเองเกินไปว่าปลอดภัย ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะลูกน้องส่วนใหญ่ขึ้นไปสนุกกันบนดาดฟ้าและไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น 

    คอมพิวเตอร์เมนเฟรมถูกบล๊อกสัญญาณกล้องและสัญญาณอินฟาเรดอีกครั้ง ทั้งหมดเคลื่อนตัวไปหยุดหน้าประตูห้องประมูลอย่างง่ายดาย  อันเดรียล้วงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วว่างลงที่ช่องว่างของแผงควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่ติดอยู่ข้างประตู ไฟสีแดงที่กระพริบปิ๊บๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียว อันเดรียหยิบของสิ่งนั้นเก็บลงในซองซิบแล้วยัดใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าตามเดิม  ลายนิ้วมือที่อันเดรียใช้เปิดประตูผมคาดเดาว่ามันคงจะเป็นของคนใดคนหนึ่งที่ให้เป็นของสมนาคุณจากงานปาร์ตี้เอ๊กซ์คลูซีฟเมื่อคืนเป็นแน่แท้ 

   เมื่อประตูปลดล๊อกทั้งหมดแทรกตัวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว ภายในห้องหรี่ไฟให้มีแสงไฟสลัวมากกว่าเดิม เสียงดนตรียังคลอเบาแต่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจ ผู้คนภายในห้องต่างให้ความสนใจที่เวทียกพื้นกลางห้องแทน  กล้องที่ติดประจำตัวของอันเดรียซูมเข้าไปกลางเวทียกพื้นภาพที่เห็นทำเอาผมแทบช็อก

   “บี!!”

    น้องกำลังเล่นกับกลางกายของตัวเอง นัยน์ตาหวานปรือปรอยเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง ปากเล็กร้องครวญครางอย่างเสียวกระสันต์ แขกภายในงานต่างยกป้ายชูราคาเพื่อให้สามารถครอบครองน้อง...ผมกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ โทสะเริ่มคุกรุ่นขึ้นทีละน้อย

     ชินหยางนั่งเอนตัวตามสบายไปกับโซฟา  สายตามองการประมูลมือข้างหนึ่งยกกล้องยาขึ้นสูบส่วนอีกมือกดหัวเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังครอบปากเล็กรูดรั้งกลางกายใหญ่ของผู้เป็นนายขึ้นลง  มาร์โคยืนอยู่ข้างๆ กำลังดำเนินรายการประมูล บางครั้งสายตาคมดุวาวโรจน์ลอบชำเลืองมองเด็กชายที่กำลังครอบครองตัวตนของชินหยางด้วยความริษยา

   การประมูลยังดำเนินการต่อไป ขณะนี้ชายหน้าตาเหมือนชาวตะวันออกไกลก็คงจะเป็นเศรษฐีน้ำมันในแถบนั้น ให้ราคาเด็กคนนี้ 50,000 ดอลล่าร์

   “มีท่านใดจะให้ราคาสูงกว่านี้หรือไม่” มาร์โคร้องถาม

   “55,000 ดอลล่าร์” เสียงสู้ราคาจากเศรษฐีน้ำมันจากแถบนั้นอีกคน

   “55,000 ครั้งที่ 1   55,000 ครั้งที่ 2  และ 55,000 ครั้งที่ 3” มาร์โคขานราคาเมื่อไม่มีผู้ใดสู้ราคาอีก

   “เคาะที่ราคา 55,000 ดอลล่าร์  สัตว์เลี้ยงนี่เป็นของคุณจาฟา” 

    บี ถูกบอดี้การ์ดอุ้มตัวไปวางใส่ตักของชายที่ชื่อจาฟา เมื่อได้ตัวเด็กมาไว้ในครอบครองนายจาฟาใช้สายตาโลมเลียหื่นกระหายก่อนก้มลงกัดเข้าไปเต็มรักที่ยอดอกเล็กตรงหน้า ส่วนมือก็จับแก่นกายใหญ่ของตัวเองทิ่มพรวดเข้าไปในช่องทางคับแน่นของบีโดยไม่มีการเบิกทาง  น้องสะดุ้งสุดตัวร้องเสียงดังลั่นด้วยเจ็บมือเล็กพยายามผลักดันให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการ จาฟาดึงกระชากผมน้องจนหน้าแหงนเงย ก้มหน้าลงกัดเข้าซอกคอน้องอย่างแรง  ยิ่งบีดิ้นหนียิ่งโดนกระทำอย่างรุนแรง

   ชินหยางยกยิ้มด้วยความพึงพอใจกับสิ่งที่เห็น ร่างโปร่งบางยืนขึ้นเต็มความสูง มือเรียวยึดหัวเด็กที่นั่งอยู่แทบเท้าไว้แน่น ก่อนเด้งสะโพกกระแทกซอยรัวเร็วเข้าในปากของเด็ก ตาของเด็กเหลือกลานเพราะแก่นกายกระแทกแรงโดนลิ้นปี่แทบหายใจไม่ออก  ในที่สุดหน้าสวยเชิดขึ้นหลับตาพริ้มปลดปล่อยใส่ปากเด็กนั่นจนเปรอะเปื้อนเลอะขอบปากออกมา  หลังเสร็จกามกิจก็ผลักเด็กคนนั้นออก กระดิกนิ้วเรียกบอดี้การ์ดอีกคนมานำตัวเด็กไปที่เวทีกลางห้องเพื่อประมูลขาย

    ชินหยางกระดิกนิ้วเรียวเรียกมาร์โคมาที่โซฟา คนเป็นน้องยิ้มกว้างด้วยความดีใจนัยน์ตาฉายแววสุขสม ชินหยางผลักคนมาใหม่คว่ำหน้ากับโซฟาดึงกระชากกางเกงของมาร์โคลงไปกองอยู่ที่ข้อพับ มือเรียวสวยแหวกแก้มก้มของคนใต้ร่างออกเผยให้เห็นช่องทางรักสีระเรื่อ

     ชินหยางเอาแก่นกายใหญ่ที่ฝังมุกของตัวเองจ่อช่องทางนั้นก่อนจะกระแทกทีเดียวมิดด้าม  ปากสวยก้มลงกัดเข้าตรงชอกคอของคนใต้ร่างอย่างแรง เสียงแหบพร่าของมาร์โคร้องครางอย่างพึงพอใจ ชินหยางยกตัวขึ้นเห็นแขกอีกคนกำลังเล่นกับแก่นกายของตัวเองจึงพยักหน้าเรียกให้เอาแก่นกายกระแทกใส่ปากของมาร์โคเพื่อปิดกั้นเสียงคราง ก่อนที่ตัวเองจะดึงแท่งร้อนออกจนสุดลำแล้วกระแทกกลับเข้าไปใหม่อย่างแรง มือเรียวอ้อมไปกำแก่นกายของคนใต้ร่างนิ้วโป้งกดปิดรูตรงส่วนปลายไม่ให้ปลดปล่อย อีกข้างยกขึ้นบีบบี้ ยอดอกอย่างแรงผ่านเนื้อผ้า ฝ่ายคนถูกระทำได้เพียงร้องครางเครือในลำคอด้วยความกระสันซ่านเสียว ภาพที่ปรากฏบนจอมันน่าสมเพทเวทนาผมทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว การกระทำของพวกมันผิดมนุษย์เลวระยำยิ่งกว่าหมา


   “เอาเด็กออกมาเดี๋ยวนี้ แล้วจัดการมันให้หมด”


    ผมพูดเสียงต่ำเย็นผ่านไมโครโฟนสั่งทีม A ทันทีที่สิ้นเสียงสั่งเกิดความโกลาหลขึ้นในห้องประมูล เสียงร้องด้วยความตกใจ  ตามมาด้วยเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด  เสียงของหมัดที่กระทบกับเนื้อ เสียงของกะโหลกที่กระทบเข้ากับของแข็ง


   “ปังๆๆๆๆๆๆ”


   “ผลัวะๆๆๆๆ”


   “โผล๊ะ”


    “ปึกๆๆๆ”


   เกือบสิบนาทีภาพที่สั่นพร่าไหวกลับมานิ่งอีกครั้ง กล้องแพนภาพไปทั่วไปห้อง สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าคือ สภาพเละเทะของเหล่านักประมูลและคนติดตามทั้งหลายนอนเกลื่อนพื้นราวกับใบไม้ร่วง แต่กลับไม่เห็นตัวของชินหยางอยู่ในกรอบสายตา

   อีกจอที่อยู่ข้างกันปรากฏหน้าของพี่แสนที่มุมปากแตก โหนกแก้มแตก เลือดซึมออกมาเล็กน้อย แต่ข้างเท้ามีร่างของ มาร์โคสลบเหมือดอยู่บนพื้น เลือดไหลออกมาจากริมฝีปากที่ปริแตก รอยเนื้อแตกที่โหนกแก้ม  หางคิ้ว  ขมับเลือดอาบไหลหยดลงพื้น  พี่มันใช้เท้าเขี่ยร่างนั้น แต่ก็ไม่ไหวติง

   “เอาเชือกมามัดไว้ก่อน” พี่แสนหันไปสั่งสมาชิกในทีม ก่อนจะยืดตัวขึ้นยืนตัวตรงกำลังจะหันกลับนั้น..


   “ปัง  ปัง  ปัง”

    เสียงปืนดังขึ้นสามนัด ภาพในจอหมุนคว้างไม่เป็นท่าอีกครั้งก่อนจะกระแทกพื้นแล้วนิ่งไม่ไหวติง ภาพที่เห็นคือพื้นปูนเอียงๆ และดับวูบไป


   “ระยำเอ๊ย!!” 


    ผมร้องเสียงดังด้วยความตกใจและคิดไม่ถึง ทุกคนตกตะลึงเกินกว่าจะสามารถพูดอะไรออกมาได้ มือผมบีบกันจนเกร็ง แน่นหน้าอกลมหายใจสะดุดเป็นห้วงเหมือนมีอะไรมาจุกหลอดลมเอาไว้ ภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือให้พี่แสนปลอดภัย

   จอมอนิเตอร์ 11 เป็นภาพของอันเดรียวิ่งเข้าไปประคองพี่แสนลุกขึ้นนั่งที่ไหล่ข้างซ้ายมีแผลถูกยิงวิถีกระสุนไม่ฝังมันเจาะจากด้านหลังทะลุออกด้านหน้า แขนขวา และบริเวณชายโครงกระสุนน่าจะแค่ถาก เลือดสีแดงไหลทะลักออกจากปากแผลจำนวนมาก พี่มันขบฟันแน่นข่มความเจ็บ ตามไรผมมีเหงื่อกาฬผุดพราย หน้าเริ่มซีดเผือดไร้สีเลือด...

    ผมใจเต้นแรงเร็วด้วยความโกธร หน้าแดงก่ำ ขบกรามแน่น  ดวงตาคมดุวาวโรจน์เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มเข้มเกือบแดง เฮียเซนหันมามองก่อนจะยื่นมือมาบีบมือผมที่บีบเกร็งตรงพนักโซฟา  เขารู้ว่าตอนนี้อารมณ์ของผมมันพลุกพล่านเพียงใด เขาไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่เห็นเพราะรู้มานานแล้วว่ามันเป็นกรรมพันธุ์ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษทุกรุ่นของผม  ผมไม่ได้มองหน้าพี่แสนกลับแต่สั่งเสียงเย็นเยียบ


   “เคลื่อนย้ายเขาออกมาด่วน  ทุกทีมเข้ากวาดล้างให้หมด ใครตายก็ช่างแมร่งกูไม่สน  ย้ำ จับตาย!!


   “ได้ยินแล้วนะ” 

    เฮียเซนสำทับเสียงต่ำเย็น สายตาผมสะดุดเข้ากับคนๆ ที่หลุดหายไปจากกรอบสายที่จอ 10 ชินหยางลดปืนลง ก่อนจะหันหลังวิ่งเข้าไปในช่องทางลับ

   “อันเดรียยี่สิบนาฬิกามันกำลังจะหนี รีบตามไป จับตาย”

   ผมสั่งเสียงรัวเร็ว อันเดรียส่งร่างของพี่แสนให้อาแจ๊กซ์ที่เข้ามารับช่วงต่อ แล้วลุกขึ้น รีบวิ่งไปตามทางที่ชินหยางวิ่งลับหายไป  ฟรังโก้ที่เพิ่งมาถึงพยักหน้าให้ทีมเข้าเคลียร์พื้นที่แล้วเขาวิ่งตามอันเดรียไป

   ผมมองจอภาพที่ฉายจากกล้องติดตัวของอันเดรียตอนนี้เขาวิ่งตามชินหยางมาจนถึงลานจอดฮอลิคอปเตอร์บนดาดฟ้าเรือซึ่งอยู่คนละฟากกับบริเวณงาน

    ทั้งคู่ยืนประจันหน้ากัน ตาจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ชั่วเสี้ยวนาทีชินหยางยกปืนกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. Smith & Wesson MP9c ขึ้น นิ้วเตรียมลั่นไก ไหวพริบและสัญชาตญาณสั่งให้อันเดรียพุ่งเข้าหาคนที่อยู่ตรงหน้า ด้วยน้ำหนักตัวที่มากกว่ากับแรงเหวี่ยงทำให้ฝ่ายตรงข้ามล้มโครมตั้งตัวไม่ติด ปืนในมือหลุดกระเด็นไปอีกด้าน ชินหยางกระเสือกกระสนร่างจะไปคว้าปืนที่กระเด็นหลุดมือ แต่ยังไปไม่ถึง...

   “ผลัวะๆ”

   อันเดรียยกเท้าเตะเข้าที่สีข้างของชินหยางเต็มแรงจนอีกฝ่ายตัวงอด้วยความจุก ก่อนจะดึงปืนกึ่งอัตโนมัติ Desert Eagle ขนาด .44 Magnum จากด้านหลังของเสื้อเกราะกันกระสุน ตบเข้าที่กกหูของชินหยางเต็มแรงทำให้หน้าสวยหันตามแรงเหวี่ยง เลือดพุ่งกระจายออกจากจากปากสวยเปรอะไปตามพื้นเป็นดวงๆ

    อันเดรียยกปากกระบอกปืนจ่อไปที่ขมับชินหยาง ไม่ห่างจากคนทั้งคู่ฟรังโก้ยกบาเร็ตตา ทอมแคท .32 ในมือเล็งมาที่ชินหยาง  ถ้าฝ่ายนั้นเล่นตุกติกก็มีหวังหน้าฝากประดับรูโดยไม่ต้องร้องขอแน่นอน

   ชินหยางแสดงสีหน้าหวาดกลัวเพราะขณะนี้รอบตัวไม่เหลือใครแล้ว มาร์โคถูกพวกมันซัดซะหมอบ แต่ก็ยังอุตสาห์ส่งเสียงกร้าวข่มขู่อันเดรีย

   “พวกมึงเป็นใคร”

   “ไม่ใช่เรื่องที่ต้องรู้ว่าพวกกูเป็นใคร แต่สิ่งที่มึงทำมันต้องได้รับการชดใช้ เด็กพวกนั่นทำอะไรให้มึง   พวกเขาทำอะไรให้มึง..” 

   “พวกมันเป็นญาติพี่น้องของมึงหรือไง กูถึงจะ เXด ไม่ได้ กูไม่สน”

   “พลั่ก”

   “ยังปากดี”

   อันเดรียยกปืนขึ้นตบเข้าที่แก้มกึ่งจมูกของชินหยางอย่างแรง หน้าที่หันตามแรงตบหันกลับมาจ้องเขม็งและสำรอกคำพูดหยาบช้าโสมมใส่พวกเขาทั้งคู่  ตอนนี้หน้าของผู้ชายตรงหน้ามันไม่เหลือเค้าของความสวยงามอีกแล้ว แก้มบวมปูด มุมปากแตกมีเลือดไหลซึม จมูกหักเบี้ยวผิดรูปเลือดไหลออกมาไม่หยุด

    ชินหยางก็แค่ชายที่มีปัญหาทางจิตคนหนึ่งที่พอไม่มีใครรองมือรองเท้าก็ไม่สามารถทำอะไรได้เองอันเดรียจับตัวชินหยางคว่ำหน้าลงกับพื้นเรือ มือข้างที่ว่างล้วงหยิบกุญแจมือจากกระเป๋าออกมาล๊อกข้อมือบางของชินหยางที่พยายามดิ้นหนี

   “สัส!! พวกมึงอย่าให้กูรอดออกไปได้นะ จะยัดปากพวกมึงด้วยคXX กู”

   “ผลัวะ”
   
   “ผลัวะ”

     ชินหยางยังปากดีประกาศกร้าวข่มขู่ หมัดลุ่นๆ กระแทกเข้ากับปากกึ่งจมูกซ้ำกันสองครั้ง ร่างของ ชินหยางกระเด็นไปจากที่เดิมเกือบเมตรจากแรงชก จมูกของมันมีเลือดไหลทะลักออกมา ฟันหน้ากระเด็นหลุดจากเหงือกเกือบทั้งแผง  ส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด มันสมควรที่จะเรียนรู้ว่าไม่มีหนี้อะไรที่ไม่ต้องชดใช้

   “จะฆ่าก็รีบฆ่า”

   “มึงได้ตายแน่น แต่ไม่ใช่ตอนนี้  ความตายมันง่ายเกินไปสำหรับคนอย่างมึง”  อันเดรียกมือแกร่งบีบกรามชินหยางแน่น พูดเสียงเหี้ยมเกรียมใส่หน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บของชินหยาง อันเดรียปล่อยมือและผลักอีกฝ่ายล้มกลิ้งไปกับฟื้น ลุกขึ้นเต็มความสูง

   “ภารกิจเคลียร์”

   สิ้นเสียงแจ้งศูนย์ควบคุมของฟรังโก้หน้าจอที่รับภาพจากกล้องของทั้งคู่ก็มืดสนิทไป ผมคงไม่ต้องคาดเดาว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับชินหยางในค่ำคืนนี้คืออะไร...แต่มันคงจะเป็นฝันร้ายที่น่าสยดสยองสำหรับชินหยางมากทีเดียว..
   
   “ทีม C ทีมซัพพอร์ตเข้าเก็บกวาดให้สะอาด ถอนกำลังภายใน 15 นาที”

   ผมและเฮียเซนนั่งดูการเก็บกวาดพื้นที่จนทุกอย่างสะอาดหมดจด ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะเชื่อมโยงมาถึงพวกเราได้ จึงหันไปสั่งทิมให้แจ้งพี่กรณ์นำกำลังเข้ากวาดล้างในพื้นที่

   เวลา 21.30 น. ทุกอย่างถูกอพยพออกจากพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ถูกบังคับให้ขายบริการ โสเภณีทั้งชาย และหญิง คนของ ACE ที่โดนจับมัดไว้ในห้องประมูล การเข้ากวาดล้างจับกุมของพี่กรณ์ขยายผลไปถึงการจับกุมกลุ่มผู้ยาเสพติดรายใหญ่ได้ที่คาสิโนอีกด้วย 

   บื้ม!  บึ้ม!! 

       เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวบริเวณท้ายเรือลามมาถึงกลางลำเรือหลังจากพี่กรณ์เคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ ไฟลุกท่วมอย่างรวดเร็ว ทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนฉาบไปด้วยแสงสีส้มแดง

   “ภารกิจเคลียร์”  เสียงรายงานจากทุกทีมเมื่อเวลา 00.00 น.

   “ปิดทริป”   

   เฮียเซนกรอกเสียงใส่เครื่องมือสื่อสาร  เวลา 00.30 น. ทุกทีมกลับเข้าบ้านพัก อันเดรีย  อัลแบร์โต้ และฟรังค์โก้ ขาดหายไป แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจว่าทั้งสามหายไปไหนหรือไปทำอะไร...
















TBC.


ปล.

1. ฉากบู๊ เป็นอีกตอนที่เขียนยากเขียนเย็น อาจจะเขียนได้ไม่มันส์สะใจเท่าไรนักก็ขออภัยนะครับผม พยายามสุดๆ แล้วได้เท่านี้เอง  หากเจอข้อผิดพลาดประการใดแจ้งกันได้ยินดีรับฟังและแก้ไขเหมือนเดิมนะครับผม

2. ขอบคุณ TaecKhun Imagine Love ที่หาจุดผิดพลาดเจอ แก้ไขแล้วนะครับ บางทีสมองก็สั่งการไปก่อนมือ อ่านทวนตั้งหลายรอบแต่ก็ยังเล็ดลอดสายตาไปได้  (“ - -)

3. ขอบคุณมากมายทุกการติดตามมาจนถึงตอนนี้ ตอนหน้าอาจจะช้านิดนึงนะครับติดสัมมนานอกพื้นที่ตั้งหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2016 17:12:11 โดย WiChy »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
อั๊ยย่ะ!!! ชินหยางที่ดูเหมือนผู้หญิงแถมยังสวยกว่ากลับเป็นเมะซะงั้น :a5:

       “ผมเหมือนจะรู้สึกว่าคุ้นหน้าแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน”

ประโยคนี้ทำให้เกิดการตะหงิดๆ ว่าอาจมีการกลับมาเอาคืนภูมิซึ่งอาจจะเป็นพี่น้องของชินหยาง

ACE สาขาอื่นที่กระจายอยู่ทั่วล่ะจะยอมง่ายๆเหรอ

พี่แสนจะเป็นอะไรมากไหม  :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

อันเดรีย อัลแบร์โต้ ฟรังค์โก้ หายไปจัดหนักจัดเต็มให้ชินหยางเหรอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ไม่ใช่ชินหยางเป็นญาติอะไรกับผู้หญิงคนที่ชอบสิงห์จนเหมาปิดห้างร้านเพื่ออยู่กันสองต่อสองกับสิงห์นะ

ตอนที่บรรยายลักษณะของชินหลง ภาพเฟยหลงของอ.ยามาเนะ อายาโนะโผล่ขึ้นมาในหัวเราเลย

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ตอบเม้นท์ # EP.12


@ TaecKhun Imagine Love

>> ต้องดูกันต่อไปครับผม แต่มีการเอาคืนแน่ แต่ไม่รู้ว่าจะรูปแบบไหนนะ ไปเมื่อ ACE ไม่ได้มีที่นี่ที่เดียวน่ะนะ พี่แสนไม่ต้องห่วงแกหรอกนะคนนี้ถึกจิงไรจิง 



@ Freja

>>  เราไม่ได้คิดถึงงานของ อ.ยามาเนะ  อายาโนะ เลยจริงๆ  (ไม่ได้คิดถึงเลยด้วยซ้ำอะนะ) ตอนวางคาแรคเตอร์กำลังดูซีรี่ย์เรื่อง Prison Break แล้วอินกับคาแรคเตอร์ของ ธีโอดอร์ แบกเวลล์ “ทีแบก”  เลยคิดว่าถ้าเอานิสัยของทีแบกที่มันจะโหดมากเมื่อใครกล้าไปแหยมเวลาที่มันไม่ได้ดังใจอารมณ์จะแปรปรวนแล้วมันฆ่าได้แบบหน้าตาเฉย มาปรับรูปลักษณ์ใหม่ที่ดูบอบบาง สวยสง่าจะเป็นยังไงนะ  เลยออกมาเป็นชินหยางเมะหน้าสวย อยากให้รูปลักษณ์ภายนอกอำพรางจิตใจที่วิปริตของนาง(แต่นางก็ยังแสดงนิสัยที่แท้จริงออกมายังไม่หมดดันโดนสามหนุ่มจัดไปซะแล้ว)

ออฟไลน์ You MakeMe

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รีบมาต่อน้าาา  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
รีบมาต่อน้าาา  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับผม  เขียนเสร็จแล้วกำลังตรวจพิสูจน์อักษรและแก้ไขสำนวนอีกเล็กน้อย แต่กว่าจะได้มาโพสอีกทีก็คงจะอาจจะเป็นวันศุกร์ หรือเร็วกว่านั้นถ้าได้กลับมาเร็วนะครับ 

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เด็กเลี้ยง



- 13 -

หนีเที่ยว





   ผมขยับตัวตื่นตอนตีห้าครึ่งของเช้าวันเสาร์ทั้งที่เมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็เกือบตีสี่ ร่างกายมันเด้งขึ้นมาเอง เมื่อวานเป็นอีกวันที่ยาวนานเหลือเกิน ถึงจะแก้ไขปัญหาได้หลายเรื่อง แต่ในใจผมมันยังหนักอึ้งอยู่เหมือนเดิมปัญหามันไม่ได้เบาบางลงแต่ทำให้พวกเราต้องคิดหนักกว่าเดิม ระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม ตัวเองคงไม่เท่าไรแต่สำคัญคือเด็กน้อยต่างหากที่น่าห่วงกว่าอะไรทั้งหมด  ยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์จากหัวเตียงต่อสายตรงถึงคนนั้นตอนนี้ฝั่งนั้นคงพลบค่ำแล้ว รอสายอยู่ไม่นานฝ่ายนั้นก็กดรับสาย

   //ว่าไง//

    “ขอบคุณครับผม”

   //ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม//

   “ก็ไม่ให้ผมเล่นเองจะเป็นอะไรได้ไง มีเฉพาะพี่แสนโดนยิงสามนัดตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ”

   //เป็นห่วงเข้าใจรึเปล่า อีกอย่างนับจากนี้ก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน  ครั้งนี้เราถล่มมันซะเละเรื่องมันคงไม่จบง่ายๆ //

   “ครับ จะระวังจนยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมพอใจรึยังครับ”

    // ได้ยังงั้นยิ่งดี เปิดหูเปิดตาให้กว้างเข้าไว้ไอ้ลูกชาย อ้อฉันจะให้เซนอยู่เคลียร์ทางนั้นให้เรียบร้อยแล้วบินกลับเช้าวันอาทิตย์พร้อมพวกอันเดรียงานทางนี้ยุ่งมากไม่มีคนทำ การ์ดชุดใหม่จะไปถึงวันจันทร์นะ//

   “ครับผม  /ก็แล้วทำไมตัวเองไม่ทำก็มัวแต่เฝ้ากันอยู่นั่นแหละ/ ” ผมรับคำแต่มีแอบนินทาเสียงเบาๆ คนเดียวเพราะคิดว่าฝ่ายโน้นจะไม่ได้ยิน

   //บ่นเพื่อ??  งานมันเยอะพูดมากพรุ่งนี้มากับเซนมารับช่วงต่อแบบเต็มตัวไปเลยปล่อยสบายมานานแล้ว//  ฝ่ายนั้นพูดเสียงเข้มดุจริงจังกลับมา

   “อ้าว!!  ไม่สิ พูดความจริงแล้วพาลคนเรา  ทุกวันนี้ผมก็ทำแทนคุณในส่วนของผมอยู่ แล้วน้องยังเรียนไม่จบก็รู้อยู่ สัญญาแล้วไง”

   //เออๆ รู้แล้วก็ทำแทนอยู่นี่ไง  แค่นี้แหละฉันมีงานต้องทำ ดูแลตัวเองด้วย//

   “ครับผม ฝากความคิดถึงเกลล์ด้วยนะ” 

   //เออ//


   ฝ่ายนั้นวางสายไปนานแล้ว ตัวเลขหน้าจอโทรศัพท์มันบอกเวลาหกโมงเด็กผมคงตื่นแล้วปานนี้ จึงสไลด์เลื่อนหารายชื่อแล้วกดโทรออกอย่างรวดเร็ว รอไม่ถึงนาทีฝ่ายนั้นก็กดรับสายเสียงหวานปลายสายที่ได้ยินอ้อล้อขี้อ้อนทำให้ผมส่ายหัวยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู

   /ลุง...หนูนอนไม่หลับไม่มีใครกอด...คิดถึ้ง คิดถึงแหละ ลุงคิดถึงเค้าไหมหือ/ สรรพนามแทนตัวผมที่คนปลายสายส่งมามันแรดๆ อ้อนๆ ทำเอาผมขึ้น

   “อยากกอดหนูเหมือนกัน”

   /อยากกอดก็ทำไมไม่รีบกลับมากอดละนะน้า...ลุง/ เสียงแรดๆ ตอนท้ายตามมาหลอนอีกแล้ว หัวผมไพล่ไปคิดถึงตอนที่น้ำนิ่งยกสะโพกกระแทกใส่มือผม แค่นั้นจริงๆ ไอ้ลูกชายตัวดีแมร่งเริ่มพองตัวพ่นน้ำใสขู่ฟ่อๆ แล้ว ไอ้ภูมิมึงหื่นมากแค่เสียงกับจินตนาการเล็กๆ เองนะมึง

    “คะ ครับคงถึงบ้านเราสักสี่โมงเย็นนะ”

   /เยส งั้นหนูทำกับข้าวไว้รอนะ ภูมิอยากกินอะไร /  เด็กทำส่งเสียงตื่นเต้นกระตือรือร้นมาตามสาย

   “กินหนูได้รึเปล่าหือ อยากมากตอนนี้”  ผมส่งเสียงอ้อนตอบกลับไปปลายสายเงียบไปสักพัก

   /ลุงอ๊ะ.../  เสียงเรียก ‘ลุง’ แบบแรดๆ กระเส่าเชิญชวนไม่ปิดบัง พร้อมเสียงผ้าขยับสวบสาบแผ่วเบาที่เล็ดลอดเข้ามาในสาย ทำเอาจินตนาการของผมตอนนี้บรรเจิดจนพองคับแน่นแทบบ้า 

   “อ้าซิ๊... อุ๊บ”   ห่านเอ๊ย!! มือแมร่งไปอยู่ตรงนั้นตอนไหนก็ไม่รู้...ผมรีบเม้นปากตัวเองแน่นก่อนที่เสียงครางจะลอดเข้าไปในโทรศัพท์ แต่นั่นก็ยังไม่ทัน

    /ภูมิเป็นอะไร../  เด็กน้อยถามด้วยความร้อนรน

   “ซู้ด..มะ ไม่มีอะไรครับ” ผมตอบละล่ำละลัก ขณะนี้มือยังสาวแก่นกายตัวเองไม่หยุดจน... บ้าเอ๊ย!!  แมร่งบ้าไปแล้ว แค่เสียงกับความขี้มโนชั่วแวบเองนะโว้ย! ผมก่นด่าความง่ายของตัวเอง ก้มลงมองแก่นกายที่ส่วนปลายน้ำขุ่นขาวทะลักเปรอะเต็มมือด้วยความสมเพทเวทนาตัวเองที่สุด  เป็นเอามากเปล่าวะกับคนๆ นี้

   /งั้นเย็นนี้เจอกัน เดินทางปลอดภัยนะฮะ คิดถึงภูมิรู้นะ/ ตัดสายหนีไปแล้วครับ หึ หึ ผมยิ้มจ้องมองความง่ายของตัวเองด้วยความเอือมระอาเบื่อหน่ายตัวเอง ก้าวลงจากเตียงไปอาบน้ำและจัดการภารกิจให้เสร็จก่อนกลับบ้านวันนี้



   เจ็ดโมงครึ่งผมเดินออกมาที่ห้องอาหาร พวกพี่มันนั่งประจำโต๊ะกำลังจิบกาแฟบ้าง กินอาหารเช้ากันบ้าง  แต่ในนี้ก็ยังขาดอันเดรีย อัลแบร์โต้ และฟรังค์โก้ เหมือนเดิม พี่แสนลุกได้แล้วกำลังกินโจ๊กข้าง ๆ แก้วน้ำมียาวางรอ หน้าตาพี่มันยังดูซีดแผลตรงไหล่และแขนซึ่งไม่ได้ถูกปิดด้วยเสื้อกล้ามเห็นเลือดซึมออกมาเล็กน้อย ยอมรับจริงๆ ว่าพี่มันอึดถึก

    ผมเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะ ดีเอโก้ยกกาแฟมาวางตรงหน้าพร้อมหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าที่จั่วหัวหน้าหนึ่งตัวเป้งถึงการเข้ากวาดล้างบ่อนลอยฟ้าที่แอบแฝงการค้ามนุษย์ สามารถทะลายล้างและจับกุมผู้ก่อการร้ายข้ามชาติได้เกือบหมดยกเว้นนายใหญ่ ช่วยเหลือเด็กชายที่ถูกล่อลวงมาขายบริการได้  28  คน  หญิง/ชาย ขายบริการ  38 คน และขยายผลจนสามารถจับผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ 2 ราย  มูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้กว่าพันล้านบาท 

    ที่สำคัญกว่านั้นพวกเราช่วย “บี” จากขุมนรกนั่นได้น้องถูกส่งตัวเข้ารับการบำบัดและฟื้นฟูสภาพจิตใจแล้ว ก็หวังเพียงแค่ว่าการบำบัดฟื้นฟูจะทำให้น้องเข้มแข็งสามารถต่อสู้กับฝันร้ายนั่นได้ ไม่ปล่อยให้มันตามหลอกหลอนไปชั่วชีวิตอีก  วันนี้เราอาจจะจบปัญหาตรงนี้ได้ แต่ในไม่ช้าก็จะมีคนแบบพวกมันผุดขึ้นมาแทนที่อีกไม่สิ้นสุด ในเมื่ออำนาจ เงินตรา ตัณหาราคะ ของคนเรามันถมไม่เคยเต็ม...ส่วนการหายตัวไปของชายแก่ตัณหากลับทั้งห้าคนยังเงียบเชียบราวกับสายลมพัดผ่าน 

   “สิงห์จะกลับบ่ายนี้ใช่ไหม สามคนนั้นขอลาพักร้อนหนึ่งอาทิตย์ครบแล้วก็จะบินกลับเลยทางนั้นเร่งมาแล้วให้รีบกลับไปทำงาน เฮียจะเคลียร์เรื่องทางนี้ให้เรียบร้อยแล้วจะบินกลับพรุ่งนี้วันอาทิตย์ วันจันทร์การ์ดชุดใหม่จะมาอยู่แทนสามคนนั้นนะ”  เฮียเซนบอกผม

   “ครับ ผมคุยกับเขาแล้ว  แล้วคนอื่นๆ ล่ะ”

   “สมาชิกคนอื่นๆ กลับหมดแล้วเขาส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับไปแล้วตั้งแต่ตอนเข้ามืด  ”  เฮียเซนบอก

   “หนึ่งจะตามมาตอนบ่าย พวกพี่เลยจะกะจะพักร้อนกันสักอาทิตย์”  พี่แสนเงยหน้าขึ้นจากถ้วยโจ๊กมาบอก

   “อ้าว! ผมไม่รู้ว่าพี่หนึ่งจะมาด้วย” ผมถามทำหน้าประหลาดใจ

   “ก็พอดีหนึ่งมันรับงานอารักขาให้ผู้นำประเทศแถบอเมริกากลางไว้ เขาจ้างเราทั้งสามคน ก็จะเริ่มงานอีกสองอาทิตย์ก็เลยถือโอกาสพักร้อนแล้วก็รอแสนรักษาตัวด้วย”  พี่ฉานไขข้อข้องใจของผม

   “ส่วนพี่เดี๋ยวทานเสร็จก็จะออกเลยนะเว้ย  เด็กง๊องแง๊งมาล่ะ”  พี่ณิตบอก

   “งั้นถ้าพี่หนึ่งจะมาผมให้เอาเด็กมาด้วยดีกว่า ถือโอกาสลาพักร้อนพาเด็กเที่ยว”

   “เออๆ เข้าท่านี่หว่า ไม่ได้ฟัดมาหลายวัน อยากอ้อนมันเหมือนกัน คิดถึงเด็กโว้ย” พี่ฉานทำหน้ากรุ่มกริมถึงเด็กผม

   “พี่ๆ ข่าวว่านั่นเด็กผมเปล่าวะ”  ผมส่งเสียงโวยวาย

   “เออๆ รู้แต่มันก็น้องกูนะ กับพี่เชื้อยังหวงไม่เว้น”  พี่ฉานทำบ่นแต่หน้ายิ้มๆ เฮียเซนหัวเราะหึๆ ส่ายหน้าระอาความเป็นเด็กของพวกเรา

   “เฮียว่าถ้าจะเที่ยวในไทยก็ไปที่กระบี่ดีกว่าที่เที่ยวเยอะดี  ไม่ต้องห่วงเรื่องที่พักด้วย เรามีโรงแรมและรีสอร์ทในเครืออยู่สองสามแห่ง อ่าวนางเป็นไงเดี๋ยวโทรสั่งผู้จัดการให้เลย”  เฮียเซนรวบรัดตัดความเสร็จสรรพโดยไม่ถามพวกผม ก็เลยต้องเลยตามเลยเอาที่เฮียสบายใจก็แล้วกัน

   “อ้าวเฮ้ย!! แล้วใครจะทำงานวะ พวกมึงหนีเที่ยวกันหมด...”  พี่ณิตโวยลั่น

   “มึงกับพีก็ทำไปสิได้ยินว่าบริษัทอยู่ในความรับผิดชอบของพวกมึงแล้วไม่ใช่เหรอวะ” 

    พี่ฉานพูดสอดขึ้น ขี้เกียจฟังพวกพี่มันทะเลาะกันข้ามหน้าข้ามตาผมเลยล้วงมือหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาพี่พีบอกสิ่งที่ต้องการเสร็จสรรพโดยที่ฝ่ายนั้นยังไม่ได้อ้าปากโต้ตอบกลับมาสักคำ ก่อนจะกดวางสาย หันหน้าไปยกคิ้วเป็นคำถามกับพวกพี่มันสองคน

   “เคลียร์จบนะพี่”  คนทั้งคู่พยักหน้ารับกับการตัดสินใจของผม

   “สิงห์แมร่งเผด็จการ ไม่ถามสักคำว่ากูอยากรึเปล่า” พี่ณิตบ่นพึมพำ ผมยกยิ้มมุมปากทำหน้ารู้ทัน  ก่อนจะยกโทรศัพท์กดหาอีกคน เสียงเรียกของโทรศัพท์ดังไม่ถึงสามครั้งด้วยซ้ำฝ่ายนั้นก็กดรับ

   //ภูมิมีอะไรเหรอฮะ//

   “หนูทานข้าวรึยังครับ”  พวกพี่ๆ เบ้หน้าเบื่อหน่าย  ผมเลยเดินออกมาที่ห้องโถง

   //เรียบร้อยแล้วฮะ  กำลังทำซิฟฟอนส่งร้านกับยายชื่น//  ขยันทำมาหากินจริงเด็กผม ไม่ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์จริงๆ

   “งั้นให้ยายชื่นทำต่อนะ แล้วหนูไปบอกให้พี่นิ่มจัดกระเป๋าให้นะมาเที่ยวทะเลกัน”

   //เย้!  จริงนะฮะ//

   “ครับ ไม่ต้องเอามาเยอะนะ ค่อยมาซื้อเอาที่นี่”  ผมได้ยินเด็กน้อยเรียกหาพี่นิ่มเสียงดังวุ่นวาย บอกพี่สาวคนสวยด้วยความตื่นเต้นว่าจะไปเที่ยวทะเลกับผม

   //หนูไปจัดกระเป๋าช่วยพี่นิ่มนะ//

   “ครับๆ  พี่หนึ่งอยู่ตรงนั้นไหม ภูมิขอคุยด้วยหน่อย” 

   //พี่หนึ่ง ภูมิจะคุยด้วย....//  เด็กน้อยเรียกพี่หนึ่งให้มารับสาย ก่อนที่เสียงหวานใสจะค่อยห่างออกไปเจ้าตัวดีคงวิ่งตามพี่นิ่มขึ้นบ้านไปจัดกระเป๋าแล้ว

   //ว่าไงสิงห์// 

   “ได้ยินว่าพี่จะพักร้อนสองอาทิตย์ ผมเลยแพลนกับพวกพี่แล้วว่าจะไปกระบี่กัน”

   //ก็ว่างั้นแหละ  รอพี่แสนรักษาตัวด้วยก่อนจะเริ่มงานใหม่//

   “พี่ฉานว่างั้นเหมือนกัน  พี่เดี๋ยวอีกยี่สิบนาทีพี่พีจะไปรับนะครับ”

   //พีไปด้วยเหรอก็ไหนว่าพี่ณิตจะกลับบ่ายนี้//

   “ก็นี่แหละตาแก่แถวนี่งอแง  หาว่าพวกเราหนีเที่ยวก็เลยจะไปกันทั้งหมดให้คุณแม่ทำงานรอไปก่อนสักสองสามวัน ถือโอกาสพักร้อนพาเด็กเที่ยว”

   //ถึงว่าทำไมเด็กน้อยถึงยิ้มหน้าบาน  อ๊ะ! เหมือนเสียงรถเข้ามา พีคงมาแล้วแหละ ค่อยเจอกันนะ//

   “ครับพี่”  ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องรับประทานอาหารต่อ




   รถบีเอ็มดับบลิว เอ็กซ์วัน สีน้ำเงินเมทัลริกเคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพักตากอากาศในเวลาเกือบเที่ยง ประตูด้านหลังเปิดออกก่อนที่รถจะจอดสนิท เจ้าตัวดีก้าวลงมาจากรถวิ่งถลามาหา ผมเลยย่อตัวกางแขนรับเอาร่างบางที่โถมตัวเข้ามากอดกระชับไว้กับอก ขาเรียวเล็กที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีขาวเกี่ยวรอบเอวผม น้ำนิ่งผละตัวออกเล็กน้อยหน้าสวยหวานเผยรอยยิ้มเต็มหน้าจนถึงดวงตาหวานส่งมาให้ผม มือเล็กจับหน้าผมให้อยู่นิ่งๆ ก่อนจะก้มลงเอาปากของเราทั้งคู่ทักทายกัน กอดหอมจนพอใจของเขานั่นแหละจึงก้มหน้าซบลงกับซอกคอ ลมร้อนจากปากนิ่มเอ่ยเสียงหวานใส

   “คิดถึงจัง”       

   “คิดถึงหนูเหมือนกันครับ” ผมยื่นหน้าไปหอมหัวคนในอ้อมกอด

   “เฮ้ย! โลกนี้ไม่ได้มีอยู่สองคนนะเว้ย ทักพี่รึยังฮึไอ้ตัวดีไหนหันมาให้ฟัดก่อนสิ” 

    พี่ฉานขัดขึ้นเสียงดัง ก่อนจะยื่นมือมาแย่งเด็กจากอ้อมกอดผม  พี่มันกดจมูกโด่งของตัวเองลงบนแก้มนิ่มสองข้าง หน้าผาก เปลือกตา พี่แสนหมั่นไส้เลยจับหน้าเด็กน้อยหันมาหาตัวเองทับรอยที่พี่ฉานทำไว้ น้ำนิ่งหัวเราะเสียงกังวานใส ก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มซ้ายขวาของพวกพี่มันทั้งคู่เป็นการตอบแทน

   “คิดถึงเค้าไหม”  เสียงหวานใสออดอ้อนพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักละลายใจคนพี่  ทั้งคู่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มและกดจูบไปที่แก้มนิ่มคนละข้างอีกครั้ง คนน้องเลยยิ้มกว้างกว่าเดิม พี่ณิตเดินเข้าไปแยกน้องออกมาจากทั้งสอง ก่อนก้มลงหอมเหม่ง แก้มซ้ายขวาจนพอใจ จับหน้าของไอ้ตัวดีผละออกมองให้เต็มตา

   “แมร่งกูเพิ่งจะเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่า ผู้หญิง (?) อย่าหยุดสวย มันเป็นยังไง ไม่เจอสี่ซ้าห้าวันน่าฟัดมากไปเปล่าวะ ใครติดกิ๊ฟให้แมร่งน่ารัก พวกมึงดูนี่คิดเหมือนกูปะ” 

    พี่ณิตยกมือขึ้นบีบแก้มน้องเรียกสองคนมาดู แล้วพี่มันก็กรูเข้าหาน้องอีกครั้ง ผมก็เห็นด้วยกับพี่มันครับออร่าความน่ารักวิ๊งกระจายมากขึ้นกว่าหลายวันก่อน ผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนนิ่มที่ยาวเคลียไหล่ปลิวตามลม ส่วนของผมด้านหน้าถูกเสยขึ้นติดกิ๊ฟรูปดาวสีฟ้าไว้ ตากลมโตทอประกายของความสุข แก้มเนียนออกสีระเรื่อด้วยไอร้อนของแดดตอนเที่ยงยิ่งทำให้น่าฟัดให้จ่มเขี้ยว ปากสีชมพูสดเกือบแดงน่ากัดแย้มยิ้มไม่หยุด 

   “อ่อยอะ อ้องเอ๊บ”  (ปล่อยนะ น้องเจ็บ) น้ำนิ่งพยายามสะบัดหน้าให้หลุดจากมือพี่ณิตที่บีบแก้มตัวเองอยู่  ผมเลยเข้าไปแยกเด็กออกมา

   “อะไรวะยังเล่นไม่เสร็จเลย จะรีบไปไหน”  ทั้งสามโวยวายเสียงดังลั่น ผมทำท่าขึงขังคาดโทษที่ทำเด็กน้อยของผมเจ็บ ก่อนจะดึงไอ้ตัวดีแยกเด็กมาหาเฮียเซนที่ยืนมองดูพวกเราหยอกล้อกันด้วยสีหน้ายิ้ม


   “หนูครับนี่เฮียเซนเป็นพี่ชายอีกคนของพวกเรา”  ผมแนะนำให้น้ำนิ่งรู้จักเฮียเซน

   “สวัสดีฮะ ยินดีที่รู้จักฮะ”

   น้ำนิ่งยกมือขึ้นไหว้คนอายุมากกว่า เมื่อเงยหน้าขึ้นเด็กน้อยยิ้มกว้างน่ารักที่เกิดจากใจมันส่งไปถึงนัยน์ตาสวยหวานให้เฮีย  ฝ่ายนั้นตะลึงไปแล้วครับเดินเหมือนละเมอเข้าหาเด็กผม  เฮียเซนคว้าตัวน้ำนิ่งเข้าไปกอดกระชับตอนแรกน้ำนิ่งทำท่าจะขืนตัวออกด้วยความตกใจแต่สุดท้ายก็ยอมยืนนิ่งๆ อยู่ในอ้อมกอดของเฮีญเซนนานหลายนาที ก่อนผละตัวออกเฮียกดจูบลงที่หน้าผากของน้ำนิ่งอย่างหลงลืมตัวอีกครั้ง 

   “สวัสดีครับน้ำนิ่งเจอกันซะทีนะ”

   “.....”

   เด็กน้อยยังอยู่ในอาการงงงวยจึงส่งยิ้มบางเบาตอบแทนไปแต่แค่นั้นก็ทำให้เฮียเซนยิ้มกว้างได้อย่างพึงพอใจ  พี่หนึ่งกับพี่พีเดินเข้ามาผมเลยแนะนำให้รู้จักกับเฮียเอ่ยทักทายกันพอหอมปากหอมคอ พี่พีเดินไปยืนข้างๆ คนของตัวเอง ผมแอบเห็นพี่ณิตก้มลงฉกจมูกผ่านแก้มคนข้างๆ ก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็วพี่พีเงยหน้าแดงระเรื่อขึ้นมองถลึงตาใส่ ส่วนพี่หนึ่งเดินไปหาพี่แสนสำรวจสภาพร่างกายของพี่มันจนทั่วว่าแตกหักตรงไหนบ้างจนพอใจ

   “เท่าที่เห็นยังไกลหัวใจ  เพราะแก่ใช่เปล่าวะเลยช้า”  พี่หนึ่งแซวเล่นหน้ายิ้ม  คนเป็นพี่เลยยกนิ้วดีดไปที่หน้าผากมนของคนตรงหน้าดังแป๊ะค่อนข้างแรงขึ้นรอยแดงทันตาเห็น

   “โอ้ย!! เจ็บนะดีดมาได้”  พี่หนึ่งยกมือคลึงเบาๆ ตรงรอยถูกดีด

   “ก็ปากดีไปแหย่ปมแก่มันนี่น่า” พี่ฉานหันไปว่าพี่หนึ่ง

   “ก็แก่จริงเปล่าวะ”  พี่หนึ่งหันหน้าไปอีกด้านแอบนินทาเบาๆ แต่ก็ดังพอที่ทุกคนจะได้ยิน ก่อนจะหันกลับมายกยิ้มน่ารัก นัยน์ตาสวยมีแววล้อเลียนส่งให้พี่สองคน

   “เดี๋ยวเถอะยังจะปากดี” 

    พี่แสนยกมือเตรียมจะดีดหน้าผากอีกครั้ง แต่พี่หนึ่งไวมากหลบไปอยู่หลังพี่ฉานแล้วครับ เฮียเข้าสงบศึกด้วยการเชิญทุกคนเข้าบ้านเพราะเลยเวลาทานอาหารเที่ยงมาพอสมควรแล้ว 




    หลังรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ พวกเราเคลื่อนขบวนออกจากบ้านพักถึงสนามบินเกือบบ่ายสองเพื่อนั่งเครื่องบินส่วนตัวต่อไปยังกระบี่ ภายในห้องโดยสารยังกับโรงแรมหลายดาวแบ่งเป็นโซน ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่นเก้าอี้โซฟาหรูหราบุหนังเนื้อดีราคาแพงระยับ ห้องรับประทานอาหารจุคนได้ 14 คน เพดานด้านบนติดไฟดาวไลท์ส่องแสงนวลตา  ห้องประชุมขนาด 20 ที่นั่ง ผนังมีทีวีจอใหญ่ติดทุกห้อง

    นอกจากนี้ยังมีห้องนอนใหญ่ห้าห้อง น้ำนิ่งตื่นตาตื่นใจมองสิ่งแวดล้อมที่ต่างไปจากที่เคยเห็นต้องจูงมือเดินไม่งั้นมีหวังลงไปวัดพื้นทางเดินแน่เพราะมัวแต่หันซ้ายหันขวาไม่มองทาง จะว่าไปผมไม่เคยพาน้ำนิ่งไปเที่ยวไหนไกลกว่าบริเวณบ้านที่อยู่เลยตื่นเต้นมาก เฮียเซนจะไปส่งเราจนถึงกระบี่ก่อนจะกลับมาสะสางเรื่องที่ทำค้างไว้ ส่วนขากลับพวกเราจะกลับกันเองไม่ต้องให้เฮียส่งเครื่องบินมารับ


   ผมนั่งเอนตัวตามสบายไปกับโซฟานุ่มโดยมีร่างบางนอนซบอก ในอ้อมแขนคนตัวเล็กมีผ้าวิเศษกอดกระชับไว้หลอม คิดว่าคงจะเพลียเพราะไม่เคยเดินทางไกลต่อเนื่องแบบนี้แถมกินอิ่มตาก็เริ่มปรือปรอยแล้วครับ

   “ง่วงเหรอฮืม ไปนอนที่ห้องไหม”  ผมก้มหน้าลงถามเด็กในอ้อมกอดน้อย อดไม่ได้ต้องกดจูบไปที่หัวหอมเป็นของแถม

   “ฮือเหนื่อย แต่หนูตื่นเต้นจัง”  เสียงตอบกลับมาแผ่วเบา

   “ภูมิพาไปนอนที่ห้องนะ”

   “นอนนี่ ให้ภูมิกอด หนูง่วงจัง...”  เด็กน้อยตอบทั้งที่ตาหลับพริ้มอยู่กับอกผม นิ้วมือเรียวเล็กดึงคีบผ้าเน่าของตัวเองตามความเคยชิน 

    “ง่วงก็นอนเดี๋ยวถึงแล้วภูมิจะปลุก”

    ผมกอดกระชับเด็กให้นอนในท่าที่สบายมือตบสะโพกมนอีกมือก็ล่วงเข้าไปในเสื้อเชิ้ตบางสีขาวลูบแผ่นหลังบางกล่อมเบาๆ เฮียเซนซึ่งไม่เคยเห็นส่งสายตามองมาด้วยเอ็นดู ก่อนยกกล้องขึ้นปากขยับพูดโดยไม่มีเสียงว่าขอถ่ายน้องได้ไหม ผมพยักหน้าอนุญาต เท่านั้นแหละเฮียแทบจะกดนิ้วรัวไม่มีพักเอาทุกซ็อต ไม่พอเริ่มอัดวิดีโอแล้วครับ

    คนร่างบางในอ้อมกอดก็ไม่ได้สนอะไรแล้วครับ จะไปเฝ้าพระอินทร์อย่างเดียวแต่ยังฝืนขยับตัวขึ้นกดจูบลิ้นหยุ่นชื้นสีชมพูแลบเลียลงบนริมฝีปากผม ด้วยความหลงลืมตัวผมสอดลิ้นตัวเองเข้าไปเกี่ยวกระหวัดมอบจูบอ่อนโยนให้คนในอ้อมกอดจนพอใจก่อนผละออกมีขบเม้มริมฝีปากล่างแถมอีกที น้ำนิ่งเลื่อนตัวลงไปกดจูบที่อกซ้ายของผมขยับตัวไปมาจนพอใจ ปากนุ่มสีชมพูระเรื่อเอ่ยนอนหลับฝันดีกับอก เลิกฝืนตัวอ่อนยวบหลับไปแล้วคงจะง่วงจริงๆ หลับเร็วมาก ผมก้มลงจูบผมหอมกรุ่นกอดกระชับให้อยู่ในท่าสบาย พี่พีเดินเอาผ้าห่มมาคลีห่มให้กลัวว่าน้องโดนแอร์เย็นมากจะไม่สบาย  ผมเงยหน้าขึ้นเห็นเฮียอึ้งๆ ถือกล้องค้าง ผมเก้อเล็กน้อยลืมตัวทุกทีสินะเลยพยักหน้ายิ้มๆ ไปให้ เฮียมันหลุดยิ้มอย่างอดไม่ได้

   “สิงห์ไม่เอาน้องไปนอนที่ห้องเหรอ” เฮียถามผมด้วยความเป็นห่วงกลัวผมจะเมื่อย

   “ไม่ได้หรอกเฮีย  ถ้าขยับเปลี่ยนที่แล้วตื่นขึ้นมามีงอนครับ”  ผมบอกเฮียพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหยิบกล้องข้างตัวขึ้นมากดดูภาพที่ถ่ายได้ รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นที่มุมปาก สายตาคมที่ทอดมองภาพในกล้องมันส่อแววเอ็นดูรักใคร่อย่างจริงใจ

   “เฮียคิดว่าถ้ามีน้องก็คงจะเหมือนเด็กนี่  เฮียไม่แปลกใจเลยทำไมสิงห์ถึงรักน้องนักหนา น้ำนิ่งเหมือนน้องสาวคนเล็กที่คอยอ้อนให้พี่ชายดูแล ช่างฉอเลาะ ปากเล็กจิ้มลิ้มช่างเจรจานั้นอีก...”  แววตาของคนตรงหน้าที่ส่งมาให้ผม มันเต็มไปด้วยความรักของพี่ชายเต็มเปี่ยม




   “สิงห์..”

   “ครับ”

   “เฮียขอเป็นพี่ชายอีกคนของน้องได้ไหม” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า สายตาของเฮียวิบวับอบอุ่นเหมือนได้พบกับสิ่งที่สามารถเยียวยาจิตใจที่เหน็บหนาวของตัวเองได้อีกครั้ง

   “แน่นอนอยู่แล้ว ก็เฮียเป็นพี่ผม นิ่งก็เป็นลูกป๋ากับแม่ก็ต้องเป็นน้องของเฮียอยู่แล้วสิครับ เป็นครอบครัวเราครับ”  ผมตอบยิ้มๆ ให้กับเฮียเซน


   “อ้าวๆ  หยุดดราม่า เดี๋ยวน้องนอนไม่พอตื่นมาจะงอแงแล้วงานเข้านะเฮีย”  พี่ฉานเดินเข้ามาบริเวณที่เรานั่งอยู่แล้วส่งแก้วเครื่องดื่มมาให้เราทั้งคู่

   “เอาจริงๆ เราทุกคนรักน้ำนิ่งครับ เลี้ยงกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนตอนนี้ฝาหอยเล็กกว่าตีนน้องก็ยังรักแต่มันพ่วงด้วยความหวง จะให้โตแค่ไหนน้องยังเป็นเด็กน้อยสำหรับพวกเราตลอด ถ้าเฮียรักชอบพอจะเป็นพี่เป็นน้องก็ได้ ไหนๆ ก็ยกให้เฮียเป็นพี่ใหญ่แล้วกันเพราะน่าจะอายุมากกว่าพวกผมทุกคนในนี้”  พี่แสนเดินเข้ามาสมทบในมือถือแก้วเครื่องดื่มมาด้วย

   “เฮ้!! บางคนรีบเชียว  ดีใจอะดิมีคนแก่กว่าตัวฮา ฮา”  พี่หนึ่งยังปากดีครับ ร้องแซวคนเป็นพี่กำลังจะยกนิ้วขึ้นดีดแต่หลบทันได้อย่างหวุดวิด ทุกคนเลยหัวเราะชอบใจ

   “เฮียดีใจที่ทุกคนยอมรับเป็นพี่น้อง  ถ้ามีอะไรก็บอกเฮียได้เลยพร้อมช่วยเหลือเสมอ”  พวกพี่มันนั่งคุยแลกเปลี่ยนสารทุกสุขดิบกันกับเฮียจนได้เวลาเครื่องลง ผมก้มลงกระซิบปลุกคนในอ้อมกอด

   “หนูครับ จะถึงแล้วตื่นยังฮึ”  ผมก้มหน้าลงสูดความหอมของแก้มใส  เฮียเค้าหยุดกิจกรรมที่กำลังทำหันมาสนใจสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่อยู่บนอกผมแล้วครับ

   “ฮือ...ไม่เอาไม่กวนสิหนูง่วง”  คนในอ้อมกอดยังไม่ยอมลืมตา แต่ปรามเสียงเบา ขยับตัวคลอเคลียเหมือนแมวน้อยขี้อ้อนหน้าเล็กซุกซอกคอผมตายังหลับพริ้มเหมือนเดิม เฮียไม่พลาดสักซ็อตกดรัวเก็บภาพน้องตลอด  ปากนี่ยิ้มไม่หุบกับความน่ารักของน้อง

   “เฮียไม่กลับไปทำงานได้ป่าววะ”  ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าที่สายตาคมฉายแววอ่อนโยนมองการกระทำของเด็กในอ้อมกอดผมอย่างหลงลืมตัวด้วยความฉงนปนอึ้ง เอากับเขาสิคำที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกจากปากคนจริงจังรับผิดชอบงานแบบนี้ได้ก็หลุดออกมาแล้ว

   “ก็พักสักวันสองวันกับน้องจะเป็นไรไป ธุรกิจเขาไม่ล่มหรอกน่าก็แค่ขาดทุนหลักร้อยซิวมาก”  ผมยุส่งแถมหันไปพยักเพยิดกับพวกพี่ๆ มัน ซึ่งแต่ละคนพยักหน้าสนับสนุน

   “เอาน่าเฮียพักสักวันสองวัน ก็ให้คุณท่านทำงานรอไปก่อน เหมือนสิงห์มันให้แม่ทำรอไปก่อนนั่นแหละ”  พี่ณิตหว่านล้อมอีกคน

   “ใช่ ใช่ เนี่ยครั้งแรกของน้องเลยถ้าเฮียไม่อยู่จะเสียใจนะ ถ้ามีทริปครั้งหน้าบรรยากาศความตื่นเต้นมันก็จะไม่เหมือนครั้งแรกเฮียเข้าใจเปล่า”  พี่หนึ่งสปอยแหลกแล้วครับ เฮียทำหน้าลังเลกังวลกับงานก็ด้วย

   “นะ”  ไม่ใช่เสียงของพวกเราครับ แต่เป็นเสียงหวานใสติดจะออดอ้อนของคนในอ้อมกอดผม นัยน์ตาหวานทอประกายเว้าวอนและรอยยิ้มละลายใจส่งไปให้เฮียเซน

   “ครับ..”   เอาแล้วเฮียเซนรับปากง่ายๆ ไม่มีลังเลซะงั้น พวกผมพูดอยู่ตั้งนานไม่ตกปากรับคำแต่เด็กพูดแค่ “นะ” คำเดียวเรียบร้อยไร้ข้อกังขา

   “เออเฮียแล้วเราจะพักกันที่ไหนเหรอครับ” พี่พีหันมาถามเฮีย

   “เฮียสั่งผู้จัดการโรงแรมที่อ่าวนางให้เขาเตรียมห้องพักไว้แล้ว พรุ่งนี้เราจะข้ามฟากไปที่หาดไร่เลย์ไปปีนผากันคิดว่าพวกนายต้องชอบ”

   “ข้ามวันนี้เถอะนะฮะไปพักที่รีสอร์ทได้ไหมฮะ”

    น้ำนิ่งส่งเสียงหวานถามอย่างกระตือรือร้น รอยยิ้มน่ารักพร้อมกับสายตาเว้าวอนออดอ้อนที่มีให้พี่ชายตัวโตตรงหน้า เท่านั้นแหละ เฮียเซนของผมล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสั่งคนที่รีสอร์ทให้เตรียมเรือนรับรองทันที เด็กน้อยดีใจยกมือไหว้ขอบคุณยกใหญ่ที่พี่ชายตามใจ เฮียยกยิ้มพอใจชะโงกตัวมายกมือใหญ่ขึ้นบีบจมูกเล็กของน้องเบาๆ  จับโยกไปมาด้วยความเอ็นดู

   “เรานี่น้า..”



    เฮียเซนโทรศัพท์ให้คนของโรงแรมเอารถตู้มารอรับ รถเคลื่อนตัวช้าๆ จากสนามบินเข้าสู่แหล่งชุมชนของตัวเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยรถรา จนไปถึงโรงแรมบริเวณอ่าวนางเพื่อขึ้นเรือยอร์ชไปหาดไร่เลย์  ระหว่างที่นั่งรถตู้มาขึ้นเรือผมได้ยินเฮียโทรไปสั่งงานดีเอโก้หลายอย่าง ก่อนจะตัดสายและกดปิดเครื่องเก็บยัดเข้าในกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางเร่งรีบราวกับสิ่งที่เป็นอะไรสักอย่างที่ไม่น่าพิสมัย พวกผมหัวเราะหึ หึ ขำๆ กับคนหัดทำตัวเกเร  เฮียจิ๊ปากใส่พวกผม แล้วพวกผมสนเหรอ...บอกแล้วว่าไม่

   พวกเราเดินทางจากท่าเรืออ่าวนาง ประมาณ 15 นาที ก็มาถึงบริเวณรีสอร์ทแต่ไม่ได้พักกันที่รีสอร์ทเราพักกันที่เรือนรับรองหลังใหญ่ที่อยู่บริเวณใกล้กันกับรีสอร์ท ผมนอนห้องนอนใหญ่กับน้ำนิ่ง เฮียนอนกับพี่ฉาน  พี่แสนนอนกับพี่หนึ่ง พี่ณิตแน่นอนว่าต้องนอนกับพี่พีอยู่แล้ว  ระหว่างที่กำลังตกลงกันว่าใครจะนอนกับใครเด็กน้อยของผมเปิดประตูห้องโถงนั่งเล่นออกไปยังระเบียง สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าทำให้เด็กผมกระโดดโลดเต้นดีใจใหญ่อยากเล่นน้ำ ก็ลงบันไดไปมันเป็นหาดส่วนตัวครับ ทรายขาวสะอาดเม็ดเล็กนุ่มเท้า น้ำนิ่งวิ่งมาเกาะแขนอ้อน สายตาวิบวับอ้อนๆ

   “ภูมิหนูเล่นน้ำได้ไหมฮะ”

   “แดดยังร้อนอยู่ครับ เย็นๆ เราค่อยเล่นกันนะ ตอนนี้ไปนอนกับภูมิก่อนเร็วเมื่อกี้นอนนิดเดียวเองไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวตอนเย็นไม่มีแรงเล่นน้ำนะ”

   “ภูมิเล่นกับหนูด้วยนะ”

   “ครับไปนอนก่อนนะ” 

    เด็กน้อยพยักหน้ามือเล็กกุมกระชับเข้ามาในมือผมดึงให้ขึ้นไปบนห้องด้วยกัน  แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปโบกมือบอกพวกพี่ว่าไปนอนก่อนเจอกันตอนเย็น  ได้ยินเสียงเฮียสั่งให้แม่บ้านของรีสอร์ทที่มาดูแลพวกเรายกเป้ของผมกับเด็กตามขึ้นห้องมา ถึงห้องเราสองคนอาบน้ำให้สบายตัว เสร็จแล้วก็เข้ามาในห้องเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดนอนให้เด็กน้อย

    ผมแอบทึ่งกับเฮียเซนมาก ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงเฮียเตรียมทุกอย่างได้ครบครันมาก ชุดนอนที่ผมเอามาใส่ให้น้ำนิ่งมันพอดีเป๊ะราวกับวัด จนไม่คิดว่าคนเย็นชาอย่างเฮียเซนจะทำเรื่องอย่างนี้ได้ แล้วในตู้เสื้อผ้าไม่ว่าจะข้างนอกข้างในทั้งของผมกับของเด็กน้อยมีครบทุกอย่าง  ละเอียดรอบคอบจริงเฮียผม...





TBC.

ปล.  ตอนนี้ก็กลับมาสู่ความเรื่อยเฉื่อยกันอีกครั้ง  ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2015 17:32:03 โดย WiChy »

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
อิจฉาโว๊ย! อิจฉาน้ำนิ่ง  :fire:

อยากไป เที่ยวทะเล

อยากมี คนให้อ้อน

อยากมี คนคอยเอาใจ

อยากมีๆแบบนี้มั่ง  o9 o9


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด