เด็กเลี้ยง
- 14 -
หนีเที่ยว (2)
หลังจากจัดการภารกิจทุกอย่างเสร็จ ผมอุ้มกระชับคนร่างบางมาวางที่เตียงกว้าง เดินไปรูดม่านปิดให้สนิท ปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้พอเหมาะ กดปิดไฟกลางห้อง เหลือไว้เฉพาะไฟหัวเตียงที่ส่องแสงสีเหลืองนวลตา ผมเดินกลับมาที่เตียงล้มตัวลงนอนเด็กผมก็ช่างรู้หน้าที่ขยับตัวเข้าสู่กอดโดยไม่อิดออด
ผมพลิกตัวขึ้นคล่อมตัวร่างบางสานต่อเรื่องที่ทำไว้กับผมเมื่อตอนเช้า น้ำนิ่งฉงนกับการกระทำของผม ริมฝีปากแห้งผากถูกลิ้นหยุ่นสีชมพูสดแลบเลียจนชุ่มชื้นมันวาวปากนุ่มเผยออ้าเชิญชวนให้ผมสอดลิ้นร้อนแทรกเข้าไปในโพรงปากหวานไล่กวาดต้อนลิ้นเล็กอย่างหิวกระหาย ดูดดึงเบาๆ ควานหาความหวานจนทั่วโพรงปาก มือหนาสอดเข้าไปในชายเสื้อบีบบี้ที่ยอดอกเล็กจนเกิดเสียงครางอู้อี้จากปากนิ่มของคนใต้ร่าง ผมผละปากออกเพื่อให้คนตัวบางได้มีโอกาสสูดเอาอากาศเข้าไปเลี้ยงปอด
“คิดถึง ภูมิกอดหนูนะ”
ผมกระซิบเสียงเบาริมหูเล็ก ผละมือออกจากหน้าอกเล็กยกชายเสื้อนอนร่นขึ้นจนเห็นยอดอกเล็กชมพูระเรื่อ อดไม่ได้จนต้องตวัดลิ้นลงไล้เลีย เสียงครางหวานจากปากเล็กๆ นั้นยิ่งกระตุ้นให้ผมดูดดึงยอดอกแรงขึ้นอีกนิด เด็กน้อยแอ่นอกขึ้นสอดรับการดูดเลียของผม ลูบไล้มือลงไปตามสะโพกมนล้วงมือเข้าไปในกางเกงนอนลูบไล้มาจนถึงแก่นกายเล็กที่เริ่มแข็งขืนนิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเบาๆ ที่ส่วนปลายน้ำใสปริ่มเล็กน้อย คนร่างบางยกสะโพกขึ้นเสียดสีกับกายผม
“อา..ภูมิ”
เด็กน้อยเลื่อนมือมาทาบทับมือผมที่ตอนนี้กุมตัวตนน่ารักของเค้าอยู่ให้ขยับ ผมผละปากจากยอดอกเล็กยิ้มพอใจ ยกตัวขึ้นมองคนร่างบางที่ตอนนี้สายตาฉ่ำหวานเชิญชวนให้ผมรักเขาอยู่ตรงหน้า จึงก้มลงเอาลิ้นเลียไล้ลงที่ริมฝีปากนิ่ม คนร่างบางครางเครือ
“บอกภูมิก่อนว่าอยากให้ทำอะไรฮึ” ผมถามแนบปากคนตัวบาง เด็กน้อยหน้าแดงเขินอายหันหน้าไปอีกข้าง ผมคิดว่าการทำรักมันคือการทำให้คู่รักของเรามีความสุขทั้งฝ่ายผู้ให้และฝ่ายผู้รับ ไม่ใช่เราสุขแล้วคู่ไม่เคยได้รับความสุขจากการทำรักเลย อันนั้นก็ไม่ใช่การทำรักแล้วมันคือความเห็นแก่ตัวของคนๆ หนึ่งครับ
ผมชอบนะที่จะให้เด็กผมครางเสียงกระเส่าแล้วบอกผมว่าอยากให้ผมทำอะไรให้เขามีความสุข มันดูเซ็กซี่และกระตุ้นความต้องการได้สุดบรรยายยามที่เอ่ยออกมาจากปากน่าฟัดนั่น ผมรู้ว่าน้ำนิ่งกำลังต้องการ เลยถามย้ำไปอีกครั้ง
“หือ..อยากให้ภูมิทำยังไงครับ”
คนใต้ร่างถอนหายใจข่มกลั้นความอายจับมือผมไปวางที่ตัวตนน่ารักของตัวเองที่ตอนนี้น้ำซึมเปียกกางเกงนิดหน่อย น้ำนิ่งขบกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเบา...
“ดูดแรงๆ ให้หนูหน่อยนะ...”
ปากเล็กเอ่ยเว้าวอนเสียงแผ่วหวาน นัยน์ตาวิบวับอย่างคาดหวัง ผมยกยิ้มอย่างพอใจ รู้ว่าตัวเองใช้สายตาโลมเลียคนตรงหน้ายังไงแก้มนิ่มของคนใต้ร่างขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย ก่อนจะหันหน้าหนีมีจะทิ้งหางตาที่ไม่รู้ว่าจะงอน เขิน เชิญชวน หรืออ้อน ผมบอกไม่ถูกแต่แมร่งแบบนี้ผมจะตายเอาให้ได้
“เด็กดีไม่เห็นจะต้องอายอยากได้อะไรก็บอก ภูมิจะทำให้หนูมีความสุขนะครับ”
คนร่างบางหันหน้ากลับมามองสบตาสื่อความหมาย แขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบไปที่คอโน้มหน้าผมลงมาจนปากเราประกบกัน ผมดูดดึงปากเล็กสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กของคนใต้ร่าง ดูดชิมความหวานจากอ่อนโยนแล้วเริ่มรุนแรงขึ้นตามแรงอารมณ์ของเราทั้งคู่จนพอใจจึงผละออก แทรกตัวเข้ามา หว่าง กลางยื่นมือแกร่งรูดดึงกางเกงนอนของน้ำนิ่งออกโยนไว้ข้างเตียง แก่นกายเล็กที่ได้รับการปลดปล่อยจากสิ่งพันธนาการดีดตัวขึ้นทักทายผมด้วยความดีใจจนน้ำตาปริ่ม
ผมไม่รอช้าเกี่ยวยึดสะโพกมนดึงร่างเล็กจนมาจ่อที่หน้าตัวเอง ครอบปากลงส่วนปลายยอดสีชมพู ซีดดูดชิมน้ำหวานที่ไหลปริ่มออกมาไม่หยุด ตวัดลิ้นเลียวนตั้งแต่โคนถึงปลาย สลับกับการครอบปากดุนดันดูดกลืนกินจนสุดความยาว ขยับรูดขึ้นลง ดูดเน้นๆ ตรงส่วนรอยหยักรูปตัววี จนร่างบางหลุดเสียงครางหวาน
“อ๊ะ..อา..เสียว”
นิ้วเรียวเล็กสอดเข้ามาเกี่ยวกระหวัดเส้นผมของผมกดดึงรั้งหัวไว้ เด็กน้อยยกสะโพกมนกระแทก แก่นกายสวนสอดรับกับการดูดดึงครอบครองของผม มืออีกข้างของผมเลื่อนลงไปดึงรั้งกางเกงของตัวเองถีบขาจนมันหลุดไปกองอยู่ปลายเท้า เลื่อนมือไปกอบกุมแก่นกายใหญ่ที่ตอนนี้มันพองตัวคับแน่นเต็มมือตัวเอง ขับรูดรั้งขึ้นลงจังหวะเดียวกับที่ปากก็ทำหน้าที่รูดรั้งขึ้นลงครอบครองแก่นกายของร่างบางเร็วขึ้น มือเล็กที่กดหัวผมอยู่เกร็งแน่น เด็กผมกำลังจะไป
“อ๊ะ...อา...เร็วอีกหนูไม่ไหวแล้ว”
ผมห่อปากดูดเม้มแก่นกายเล็กขยับขึ้นลงระรัวเร็ว ร่างบางยกสะโพกกระแทกแก่นกายเข้าปากผมแรงๆ แล้วเกร็งตัวแน่นปลดปล่อยน้ำรักขุ่นขาวไหลลงสู่ลำคอผมกลืนกินมันอย่างไม่รังเกียจ ขยับรูดปากมาส่วนปลายดูดกลืนน้ำรักของคนใต้ร่างจนหมดจด
น้ำนิ่งทิ้งร่างลงบนที่นอนนุ่ม ผมเลื่อนตัวขึ้นไปประกบจูบปากเล็กที่เผยออ้าด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน ก่อนจะลุกขึ้นอุ้มเตงเด็กพาไปยังโซฟาเบดริมหน้าต่างบานกว้าง นั่งลงโดยมีเด็กน้อยนั่งค่อมอยู่บนตัก แขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบรอบคอผม
“หนูช่วยภูมิหน่อยนะ”
ผมเอ่ยเสียงแหบพร่าข้างหูน้ำนิ่ง ปากหนาได้รูปขบเม้มใบหูเล็กเบาๆ จูบละไปตามคอดูดเน้นๆ จุดไว้ความรู้สึกตรงใต้คางเสียงครางแผ่วเบาอย่างพึงพอใจจากคนบนตัก มือแกร่งกอบกุมสะโพกมนยกร่างบางขึ้นจนยอดอกเล็กจ่ออยู่ที่ปากตวัดลิ้นเลียไล้วนครอบดูดจนคนบนตักเชิดหน้าครางเสียงหวานด้วยความเสียวซ่าน สะโพกมนขยับบดเบียดเสียดสีไปกับตัวตนที่พองใหญ่แข็งขืนของผม
“ซี๊ด...อา...หนูของภูมิ.”
ผมขยับมือไปกอบกุมแก่นกายร้อนทั้งของตัวเองและของคนบนตักไว้ด้วยกันแน่นด้วยมือเดียว เอ่ยเสียงแหบพร่าบอกคนบนตักขยับกระแทกสะโพกเข้าใส่ในมือผมแรงๆ ผมตวัดลิ้นเลียสลับการดูดดึงยอดอกของร่างบาง มือที่กอบกุมสะโพกมนลูบไล้บีบกระชับก้นงอนกลมกลึง นิ้วมือกดย้ำๆ ที่ปากทางรักสลับลูบวนรอยจีบพับระรัว ความกระสันเสียวจากการถูกกระตุ้นหลายทางมันเป็นแรงผลักดันให้ร่างบางขยับสะโพกกระแทกเข้าใส่มือผมอย่างแรง การเสียดสีแก่นกายทั้งคู่ที่กุมแน่นอยู่ในมือผมมันสร้างความหฤหรรสุดบรรยายจนเราครางไม่เป็นภาษา
“อา...ดีเหลือเกิน แรงๆ อีก”
“อ๊ะ...อา...อา”
“อ๊ะ..ซี๊ด.. เสียวเหลือเกิน”
“หนูไม่ไหวแล้ว กำแน่นๆ อีก”
ผมกำมือที่มีแท่งร้อนของเราทั้งคู่ให้แน่นกว่าเดิมตามคำขอ น้ำนิ่งกระแทกใส่แรงเต็มที่ไม่ยั้ง ตอนนี้เรากำลังจะไปถึงตรงนั้นแล้ว ปากผมทั้งดูดทั้งเลียที่ยอดอกหวาน นิ้วมือไล้วนระรัวบนรอยจีบพับ คนบนตักก็ไม่ยอมแพ้เพิ่มแรงขยับสะโพกกระแทกเสียดสีแก่นกายในมือผมอย่างแรง ในที่สุดความเสียวซ่านก็วิ่งมาจนสุดปลายทางเราทั้งคู่เกร็งตัวแน่นปลดปล่อยน้ำรักออกมาพร้อมกันเลอะเต็มมือและหน้าท้องของเรา หัวสมองขาวโพลนความสุขสมแล่นริ้วตามร่างกายจนอุ่นซ่าน
ความสุขสมยังไม่สิ้นสุดผมยังไม่ปล่อยแก่นกายทั้งคู่ น้ำนิ่งยังคงขยับสะโพกกระแทกเข้ามาในมือเนิบนาบ แก่นกายของเรายังเสียดสีสร้างความสุขสมเสียวซ่านจนหยาดหยดสุดท้ายของความรัก หน้าสวยหวานที่เชิดรั้งซบลงกับบ่าแขนเรียวเล็กที่เกาะกอดผมยังเกร็งแน่น
ผมลุกขึ้นอุ้มเด็กไปวางริมเตียง ขาเรียวเล็กสั่นระริกจากการเกร็งห้อยลงข้างเตียงอย่างเหนื่อยล้า ผมคลุกเข่าลงที่พื้นข้างเตียงดึงร่างเล็กมาจ่อตรงหน้า ตวัดลิ้นเลียแก่นกายน่ารักที่ยังแข็งขืนดูดกลืนกินหยาดน้ำรักที่เปรอะเปื้อนจนสะอาดหมดจด เลื่อนตัวขึ้นไปกอดกระชับจูบที่ปากนิ่มอีกครั้ง
“แรดน้อยของภูมิ มีความสุขไหมฮืม..” ผมกระซิบถามเสียงพร่ากับริมฝีปากนุ่ม
“มากฮะ..”
เสียงหวานแหบพร่าหอบโยนตอบกลับมา ตาฉ่ำเยิ้มที่มองสบกันมันสื่อความหมายว่าสุขสมเพียงใดกับสิ่งที่ได้รับ ผมยิ้มกว้างก่อนที่จะกดจมูกสูดดมไปที่ขมับชื้นเหงื่อทั้งสองข้าง ระเรื่อยมาที่แก้มใส่ที่ตอนนี้ ยังแดงระเรื่อก่อนจะจบลงที่ปากนุ่มหยุ่น ผมอยากทำมากกว่านี้แต่น้ำนิ่งยังเด็กเกินกว่าจะรับผมได้ทั้งหมด แค่นิ้วที่ผมทำให้วันนั้นยังทำให้น้ำนิ่งป่วยอยู่สองวันจนพี่หนึ่งมันโทรด่าจนหูชา
“รักเหลือเกินเป็นของภูมิไปนานๆ นะ”
“ภูมิก็เป็นของหนูไปนานๆ นะ”
“ครับ”
“ไปอาบน้ำกันนะ”
ผมลุกขึ้นยืนข้างเตียงก้มลงอุ้มร่างบางขึ้นกอดกระชับแน่น น้ำนิ่งซบหน้าลงกับบ่าผมเดินเข้าห้องน้ำไปยืนใต้ฝักบัวปล่อยตัวคนในอ้อมกอดลงยืน แต่เจ้าตัวคงจะเหนื่อยมาก ซบหน้าพิงกับอกผม มือโอบประคองไว้ไม่ให้ล้มคว่ำ อีกข้างยื่นไปเปิดน้ำอุ่นรดเราทั้งคู่ ฟอกสบู่แล้วล้างตัวออกอย่างรวดเร็ว สงสารครับจะยืนไม่ไหวแล้ว อุ้มไปเช็ดตัวลงครีมหาทาทั่วตัวหาเสื้อผ้าให้ใส่ก่อนจะอุ้มมาวางที่เตียง เด็กผมจะหลับมิหลับแหล่ แต่ฝืนตารอ ผมก้มลงเก็บเสื้อชุดนอนตัวเก่าใส่ตะกร้าซัก รีบเดินไปหยิบกางเกงนอนขายาวออกมาจาก ตู้สวมแล้วจึงเดินไปล้มตัวนอน
ร่างบางขยับตัวเข้ามาในอ้อมกอดในตำแหน่งประจำ ผมยื่นมือไปหยิบผ้าประจำตัวอีกฝั่งมาให้ ขาเรียวเล็กยกขึ้นเกี่ยวขาผม ๆ เอื้อมมือไปตบก้นงอนเบาๆ ไม่นานคนในอ้อมกอดก็หลับสนิทลมหายใจสม่ำเสมอ ผมนอนมองหน้าร่างบางด้วยความรักกดจมูกสูดดมความหอมตามหน้าผาก แก้ม ซอกคอ บางครั้งกดจูบปากบางที่เผยออ้าน้อยๆ จนพอใจไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร...
.
.
.
.
.
ผมคิดว่าตัวเองคงจะหลับไปนานพอสมควรควานมือไปข้างๆ หวังจะดึงเด็กตัวหอมมากอด แต่ที่นอนข้างตัวกลับว่างเปล่า ผมเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว น้ำนิ่งไม่ได้อยู่ในกรอบสายตาไม่รู้หายไปไหน เดินไปเปิดดูในห้องน้ำไม่มี เดินลงมาข้างล่างจนถึงห้องโถงแต่ไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้
เสียงดังเอะอะบริเวณหาดทำให้ผมหันไปมองจึงเห็นว่าเป็นเด็กของผมกับพวกพี่ๆ มันกำลังเล่นแย่งบอลในน้ำกันอยู่ เด็กน้อยของผมขี่คอพี่ฉาน พี่พีชี่คอพี่ณิต พี่หนึ่งกับพี่แสนเป็นกองเชียร์อยู่ข้างๆ หนีลงมาเล่นไม่ปลุกต้องมีทำโทษกันบ้างแล้ว
(คือไม่ใช่จะทำอะไรรุนแรงหรอก แค่หาเรื่องกดเด็กอะครับ) เมื่อเห็นว่าเด็กอยู่ไหนเลยหันหลังเดินกลับขึ้นไปบนห้องล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีดำกับเสื้อกล้ามขาวตามลงไปยังหาด
ผมเดินมานั่งลงบนพื้นทรายข้างๆ เฮียเซนที่ตอนนี้ยกกล้องกดซัตเตอร์รัวเก็บภาพความสนุกสนานข้างหน้าแต่ให้เดาก็คงเน้นเฉพาะเด็กตัวหอมศูนย์กลางของจักรวาลนั่นแหละ ร่างบางหันมาเห็นผมโบกไม้โบกมือไหวๆ บอกให้พี่ฉานปล่อยตัวลง วิ่งถลาเข้ามาหา มาถึงไม่พูดพล่ามทำเพลงนั่งปรุลงบนตัก แขนเรียวเล็กยกขึ้นคล้องคอ จมูกเล็กน่ารักคลอเคลียป่ายปัดไปมากับจมูกผม มือผมตบลงเบาๆ ที่ก้นงอนในกางเกงว่ายน้ำสีฟ้า
“อ๊ะ เค้าเจ็บ” แอ๊คติ้งสุดยอดของเด็กตัวหอมทำให้เฮียรีบวางกล้องหันมาดูว่าน้องเป็นอะไร ผมเลยทำปากว่าเด็กแกล้ง เฮียเลยหลุดขำส่ายหน้ากับความเจ้าเล่ห์ของเด็ก
“ทำโทษที่ลุกมาไม่ปลุก” ผมทำเสียงเข้มใส่คนบนตัก
“ก็...” น้ำนิ่งก้มหน้างุดเหมือนพยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองพ้นผิด
“ก็อะไร...” แกล้งทำเสียงแข็งใส่
“ก็เฮียบอกภูมิเหนื่อยไม่ให้ปลุก พี่ฉานไม่ให้เวลาตอบรับหรือปฏิเสธเลยอุ้มหนูลงมาเลย”
เด็กตัวหอมตรงหน้าบอกพร้อมเงยหน้าส่งสายตาอ้อนๆ มาให้ แล้วผมจะกล้าโกธรเหรอ...แค่อยากแกล้งเด็กน่ะ ปฏิกิริยาน่ารักทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้เลยก้มลงกดจูบหน้าผากมนที่ตอนนี้มีกลิ่นเค็มของเกลือเจอปนอยู่แต่นั่นก็ไม่สามารถกลบกลิ่นหอมรวยรินจากร่างของคนตรงหน้าได้หมด
“ภูมิไม่ได้ว่าซักหน่อย แล้วเล่นอะไรอยู่ครับ”
“เล่นแย่งบอลฮะ กำลังจะชนะอยู่เชียว ภูมิเล่นกับหนูไหม” เด็กบนตักบอกด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน
“เหรอแล้วทำไมไม่ชวนเฮียไปเล่นด้วยล่ะหืม”
“เดี๋ยวคนแก่หัวใจวาย เล่นไม่ได้หรอกเนอะ” เด็กน้อยทำเสียงสัพยอกคนข้างๆ ผม นั่นก็ฮึมๆ ใส่น้อง
“เดี๋ยวๆ ว่าใครแก่ ไม่รู้ซะแล้ว มานี่เลยมา”
เฮียยกตัวน้ำนิ่งจากตักผม ดึงแขนน้องเดินตรงไปที่พวกพี่ๆ มันเล่นบอลกันอยู่ เสียงดังโหวกเหวกท้าทายกัน ทีนี้เกิดเป็น 3 ทีมครับ เฮียเซนกับเด็กผม พี่ฉานกับพี่หนึ่ง พี่ณิตกับพี่พี แข่งกันสองอย่างคือแย่งบอลใครทำบอลตกถือว่าแพ้ แล้วก็แข่งว่ายผลัด ใครแพ้ทั้งสองครั้งจะต้องจ่ายค่าอาหารเครื่องดื่มคืนพรุ่งนี้ทั้งหมด ผมถอดเสื้อ กล้ามและกางเกงขาสั้นออกเหลือแต่กางเกงว่ายน้ำเดินไปยืนข้างพี่แสนให้กำลังใจเด็กใกล้ๆ
“เฮียซ้ายๆ อิ๊บ” น้ำนิ่งร้องบอกทาง ก่อนจะส่งบอลไปทีมพี่ณิตแต่ตีให้ห่างไปนิดหน่อยกะให้ฝ่ายนั้นพลาด
“อ๊ะ แกล้งเหรอ ขวาๆ ณิต” เสียงร้องของพี่พีสั่งคนของตัวดังลั่น แต่ก็สามารถรับบอลส่งต่อให้ทีมพี่หนึ่งได้ พี่หนึ่งตีคืนส่งให้พี่พีเหมือนเดิม เกือบรับไม่ได้ครับ
“แมร่งรุม...ได้” พี่ณิตโวยวาย แต่ก็สามารถรับและส่งบอลต่อให้เด็กผมได้เฉียดฉิว
“เฮียๆ ขวาๆ อีกนิด” เด็กน้อยส่งบอลคืนให้พี่พี ฝ่ายนั้นรับได้
เสียงหัวเราะกังวานใสที่เกิดจากความสุขของน้ำนิ่ง เสียงโหวกเหวกของพี่ชายตัวใหญ่หกเจ็ดคน ท่ามกลางลำแสงสีส้มแดงของพระอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้า มันเป็นภาพของความสุขที่ตราตรึงอยู่ในใจที่ไม่อาจลืมได้ ความสุขรอยยิ้มของคนตัวหอมผมสัญญาจะดูแลรักษาอย่างดีไม่ให้เลือนหายไปจากใบหน้าสวยหวานนั่น ผมหันไปทางดงมะพร้าวส่งสายตาคมดุมุ่งมั่นดั่งเป็นสัญญาให้ใครก็ตามที่กำลังเฝ้ามองพวกเราอยู่ตลอดเวลาได้รับรู้
“มีอะไร” พี่แสนหันมาเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้าสงสัย
“พี่รู้สึกใช่ไหมว่ามีคนจ้องพวกเราอยู่” ผมหันไปถามเสียงเข้มติดจะกังวลกับพี่แสน
“กูรู้” น้ำเสียงที่ตอบกลับมาติดจะกังวลเหมือนผม
บทสนทนาของเราจบลงแค่นั้น ก่อนจะให้ไปสนใจเกมส์ตรงหน้า เสียงตอบโต้ส่งบอลกันไปมาอยู่เกือบยี่สิบนาทีด้วยความเหนื่อยที่เล่นกันมานานประกอบกับคลื่นลมแรง ในที่สุดพี่พีก็พลาดบอลลอยหวือเฉียดมือไปนิดเดียว พี่แกสบถออกมาด้วยความเจ็บใจ คนอื่นๆ เลยหัวเราะลั่น
“โธ่เว้ย! แมร่ง บอกให้ไปซ้าย กลับไปขวา”
“เออ มันเพิ่งเริ่มต้น รับรองว่ายน้ำไม่แพ้แน่” พี่ณิตประกาศกร้าวเดินลุยน้ำมาเกือบถึงฝั่งรอคนอื่นๆ เดินมาสมทบเพื่อแข่งว่ายน้ำต่อ เด็กน้อยวิ่งเข้ามากระโดดเอาขาเกี่ยวเกาะเอวผมหัวเราะเสียงใส
“เค้าสนุกจัง แต่เหนื่อยมากเลย” เสียงบอกเล่าของความสนุกเจือมากับน้ำเสียงกังวานใสที่บอกผม
“เหนื่อยที่ไหน อยู่บนคอเฮียตลอด” เฮียเซนคัดค้านคำพูดน้องทันควัน คนสวยหน้างอง้ำแต่ก็ยังส่งเสียงเถียงคอเป็นเอ็น
“ที่ไหน ถ้าไม่มีมันสมองและการเล็งเป้าที่แม่นยำของหนูแพ้ตั้งนานแล๊ว ภูมิว่ายน้ำแทนเค้าน้า นะ นะ...”
“มีอะไรแลกเปลี่ยน บอกภูมิก่อน”
ผมก้มลงเอาริมฝีปากร้อนแตะหน้าผากมนและป่ายปัดจมูกของเราไปมา กระซิบเสียงเจ้าเล่ห์กับร่างบางที่ผมยังอุ้มอยู่ ฝ่ายนั้นนิ่วหน้าขมวดคิ้วคำนวณผลได้ผลเสียแล้วครับ
“เค้าให้หมดเลย ถ้าภูมิชนะนะ” ตกหลุมพรางแล้วครับ ผมยกยิ้มสุขสมใจ
“สัญญาแล้วนะ” ก้มลงขบเม้นปากนุ่มหยุ่นเบาเป็นการมัดจำ
“ฮือ..ชนะก่อนสิ” เด็กน้อยดันหน้าผมออก เสียงหัวเราะใสพึงพอใจ
“ก็มัดจำ เดี๋ยวไม่มีแรงแข่ง”
“เอ้า!! ผัวเมียคู่นั้นจะออเซาะอีกนานเปล่าวะ จะได้นั่งจิบเบียร์รอ” พี่ฉานส่งเสียงล้อเลียนมาจากในน้ำ
“เรื่องของเขาสิเนอะ ตัวอิจฉาเค้าเหรอ”
คนน้องปากยื่นปากยาวต่อล้อต่อเถียงแล้วหันมาหาพรรคพวกกับผม พี่ๆ มันหัวเราะชอบใจใหญ่กับท่าทางของน้ำนิ่ง ถามว่าเด็กผมอายไหมที่พี่ฉานเรียกแบบนั้น คำตอบคือไม่ ชอบมากกว่าที่ได้ประกาศตัวว่าเราเป็นอะไรกัน เราสองคนมีนิสัยที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ
“หวงของ” อะไรที่เป็นของเรายิ่งเป็นของสำคัญด้วยแล้วคนอื่นห้ามยุ่ง อยากประกาศให้ใครๆ รู้ไปเลยด้วยว่านี่ของเราห้ามยุ่งเด็ดขาด
“เอาให้พี่ฉานหงายเก๋งไปเลยนะ แล้วหนูจะให้ทุกอย่างเลย”
ร่างบางยื่นหน้ามากระซิบริมหูติดสินบนที่ผมเต็มใจรับ ปากนิ่มร้อนขบเม้มติงหูเบาๆ ฉกจูบปากเป็นของแถม ก่อนที่เจ้าตัวจะรูดลงจากตัวผม ตบก้นผมเร่งให้เข้าสนามแข่ง ผมหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกครั้งรู้สึก ได้ว่าแข่งครั้งนี้ถึงจะไม่ชนะตัวเองได้กำไรเห็นๆ
ผมคู่กับเฮียแทนน้ำนิ่ง แต่ละคนจะว่ายไปจนถึงทุนสีแดงก็ประมาณร้อยเมตรแล้วว่ายกลับมาแตะมือคู่ของตัวเองให้ว่ายต่อ ไปกลับก็ตกคนละสองร้อยเมตร ค่อนข้างหินพอสมควรเพราะตอนนี้คลื่นและลมแรงมาเป็นระลอก รอบแรกที่แข่งมีเฮียเซน พี่พี และพี่หนึ่ง ส่วนรอบสองผมแข่งกับพี่ณิต และพี่ฉาน พี่แสนยืนเป็นกรรมการ น้ำนิ่งเป็นกองเชียร์
รอบแรกเฮียว่ายเข้ามาแตะมือผมก่อน ตามด้วยพี่พี และพี่หนึ่ง ซึ่งเข้ามาในเวลาใกล้เคียงกันมาก หลังจากแตะมือกับเฮียผมรีบว่ายอย่างรวดเร็วหนีสองคนนั้น ได้ยินเสียงโวยวายของพี่ณิตที่โดนพี่ฉานแกล้ง ดึงกางเกงว่ายน้ำ ผมละเอือมระอาถ้าไม่ใช่เวลาทำงานพวกพี่มันทำตัวได้ยิ่งกว่าเด็กมากครับ
“เฮ้ย!! ไอ้ฉานไม่เล่น มึงโกง” พี่ณิตโวยวายมือดึงกางเกงเท้าถีบอีกคนเป็นพัลวัน ก่อนจะว่ายตามมา
“ก็ไม่ได้บอกให้เล่นใสสะอาดนี้หว่า” พี่ฉานรีบว่ายหนีมา
“ณิตอย่ายอมนะ เร็วๆ ถ้าแพ้ไม่ต้องกอดห้าวันนะ”
พี่พีกลัวคนของตัวเองเพลี่ยงพล้ำ มีติดสินบนครับคิดว่าพี่มันคงได้ยินคำว่าไม่ให้กอด เท่านั้นแหละพี่ณิตรีบสปีดว่ายตามมาจนทันก่อนที่มือแกร่งจะดึงกระชากกางเกงว่ายน้ำของพี่ฉานหลุดลอยไปตามน้ำ
“เอ้ย!!”
เสียงร้องตกใจทำให้เสียจังหวะ พี่ณิตถือโอกาสนั้นถีบตัวว่ายนำหน้าอย่างรวดเร็ว ถามว่าพี่ฉานอายจนต้องตามไปคว้ากางเกงว่ายน้ำที่ลอยไปรึเปล่า ไม่ครับความอายไม่มีบัญญัติไว้ในพจนานุกรมของฉะฉานครับ พี่มันว่ายตามมาอย่างรวดเร็วเกือบจะคว้าข้อเท้าของพี่ณิตได้อยู่แล้ว แต่คนนี้ก็ไวกว่านักกีฬา ว่ายน้ำเหรียญทองของมหาวิทยาลัยนี่น่าว่ายหนีได้เฉียดฉิว
“ฉานเร็วๆ เมียเค้าติดสินบนกันแล้ว กูเชียร์มึงอยู่นะ เร็วๆ อย่าให้เสียชื่อนะมึง“
พี่หนึ่งตะโกนเชียร์ทีมตัวเองเสียงดัง ผมว่ายลอยตัวอยู่ตรงทุ่นยังไม่ว่ายกลับรอจนพวกพี่มันตามมาเกือบถึงห่างกันแค่สองช่วงตัว ผมทำหน้าตาท้าทายพวกพี่มัน ปากบอกไม่มีเสียงว่าไปก่อนนะพี่ ผมสปีดตัวว่ายออกมา ระหว่างสวนกันพี่ฉานมันจะเข้ามาคว้าข้อเท้าผมไว้ แต่ผมไวกว่าอยู่แล้ว ถีบตัวออกอย่างรวดเร็ว เด็กผมบนฝั่งร้องโวยวายฟ้องพี่แสนให้ลั่น
“ไม่เอาสิพี่ฉานแกล้งภูมิอ๊ะพี่แสนเห็นไหมๆ ปรับแพ้เลยน้ำไม่ยอม แพ้ๆ”
“เฮ้!! ฉานมึงอย่าตุกติก เห็นไหมเมียเค้าโวยวายห่วงผัวแล้วเนี่ย”
เสียงดังตะโกนตำหนิพี่ฉานไม่จริงจังนักตอนท้ายมันทะแม่งๆ ไงไม่รู้ แล้วก็หัวเราะกันลั่นหาด มือเล็กๆ ของน้องเลยซัดเผี้ยะตรงแขนแกร่งเข้าให้ ถอยหนีเป็นพัลวัน เสียงหัวเราะของความสุขที่แกล้งน้องได้ดังลั่นหาด
ผมว่ายเข้ามาถึงฝั่งก่อนเป็นคนแรก ตามด้วยพี่ณิต แล้วก็พี่ฉาน พี่หนึ่งเอาผ้าเช็ดตัวไปให้พี่ฉานพันตัวไม่อยากจะให้น้องเห็นภาพอุจาดตา แต่สรุปคือ ทีมพี่ฉานโดนปรับแพ้เพราะรบกวนทีมอื่น สองทีมเลยต้องเป็นคนจ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มคืนพรุ่งนี้
พวกเราเล่นน้ำกันต่อจนลำแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ความมืดเริ่มเคลื่อนตัวเข้าครอบครองแผ่นฟ้ากว้างแทน ดาวเล็กๆ ทอแสงวิบวับบนฟากฟ้า ลมเย็นที่พัดหอบเอาความเค็มของทะเลกระทบร่างทำให้เหนียวตัวไปหมด เมื่อเห็นว่าเล่นกันนานเดี๋ยวเด็กจะไม่สบาย เฮียเซนเลยให้แยกย้ายกันไปอาบน้ำก่อนจะไปทานอาหารค่ำกันข้างนอก
ก่อนที่จะแยกย้ายความรู้สึกนั่นมันกลับมาอีกแล้ว ผมหยุดชะงักเสตาไปทางดงมะพร้าวชั่วแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับมาสบเข้ากับสายตากังวลของพี่แสนเราทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เด็กตัวหอมกับสัตว์สายพันธุ์เล็กอย่างพี่หนึ่งกับพี่พี รีเควสว่าเหนื่อยไม่อยากออกไปกินข้างนอกทำปิ้งย่างอาหารทะเลกันเองได้ไหมสายตาเว้าวอนวิบวับส่งให้พี่ชายใหญ่ของกลุ่ม เท่านั้นแหละครับ เฮียก็เฮียเถอะหน้านิ่งเย็นชาขนาดไหน ถ้าเจอสามคนนี้รวมพลังกันนะ บึ้มเป็นโกโก้ครั่น ขึ้นไปอาบน้ำไม่ถึงชั่วโมงกลับลงข้างล่างทุกอย่างพร้อมสรรพ หมึก กุ้ง หอย ปู เครื่องดื่ม เพียบลานหน้าบ้าน เฮียท่าจะหลงเด็กหัวปักหัวปำแล้วครับทูนหัวทูนเกล้าให้ทุกอย่าง แต่ผมว่าดีแล้วที่ไม่ออกไปทานกันข้างนอกให้ได้ห่วง
>>มีต่อด้านล่าง<<