บ้าน
“nobody’ s home yeah~~~” พายหรือพชรผู้กำลังเกากีตาร์ไปร้องเพลงเหลือบมองข้างบ้านที่เงียบสงบผ่านหน้าต่างกระจกใสในตอนบ่ายแก่อยู่เป็นระยะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าวันนี้ของอาทิตย์หมอจะกลับถึงบ้านเกือบสองทุ่มโดยประมาณ
พายจำได้ดีว่าหมอมักจะเดินเข้าบ้านด้วยใบหน้าบึ้งตึง ไม่รู้เพราะว่านั่นเป็นเพราะคนข้างบ้านอย่างพายคอยกวนหรือเพราะเป็นใบหน้าปกติของหมอกันแน่
“พี่พายคะ เสื้อเนยอยู่ไหน” พายเงยหน้าขึ้นไปมองหญิงสาวหน้าตาน่ารักก่อนจะยิ้มให้ตามประสา เธอเป็นหนึ่งในหลายคนที่ย่างก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้
พวกเธอทั้งหมดต่างรู้ดีว่ามาที่นี่ทำไมและต่างก็รู้ดีว่าสถานะที่ย่างก้าวเข้ามาเป็นอย่างไร แต่ทั้งๆ ที่รู้ทุกคนก็ยังอยากจะมา... บางคนเมื่อมาถึงแล้วก็อยากจะออกไปและบ้างก็อยากจะอยู่ที่นี่ไปอีกแสนนาน
พายผู้ที่ไม่เคยทีสิ่งที่เรียกว่าบ้านมาก่อนรู้แค่เพียงว่าบ้านคือที่ๆ เขาสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจ จะพาใครเข้ามาก็ได้ จะอยู่แบบไหนก็ได้ จะกลับมาหรือไม่ก็ได้ จึงไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมพวกเธอถึงได้ยึดติดกับการได้เข้าบ้านของเขานัก
“เสื้อน้องเนยอยู่ในห้องเสื้อผ้าค่ะ” เธอย่นจมูกนิดหน่อยแต่ก็ยอมเดินไปในที่สุด พายมองตามหลังคอขาวเนียนและผมสีดำขลับคล้ายคุณหมอโจ้ ก่อนจะคลี่ยิ้มให้กับตัวเองเมื่อพักนี้นึกถึงคุณเพื่อนบ้านมากเกินไป อาจจะเป็นเพราะหมอเล่นด้วยยากเกินไปเลยเฝ้าคิดวนเวียนถึงอยู่แบบนี้
“พี่พายดูแปลกๆ ” หญิงสาวที่เดินกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้นั่งลงบนโซฟาข้างๆ กัน พายที่ไม่รู้ว่าตัวเองเหม่อไปนานแค่ไหนยิ้มให้อีกคน เธอเบียดซบลงบนแผ่นอกกว้างก่อนที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มจะบอกออกมา
“ช่วงนี้พี่พายดูเงียบไป ไม่ร่าเริง”
เจ้าของบ้านหัวเราะให้กับคำบอกเล่า เพราะเมื่อวานหมอพึ่งด่ามันมาว่าพูดมาก กวนตีนและน่ารำคาญ หลังจากได้คุยกับหมอมากขึ้นพายถึงได้รู้ว่าหมอโจ้ไม่ใช่คนพูดน้อยเสียทีเดียว แต่จะเลือกพูดมากกว่า ต่างจากเขาผู้พูดทุกอย่างที่อยากจะพูดซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องไร้สาระ
“นั่นไง พี่พายเงียบอีกแล้ว”
ในบรรดาของคนที่พายคั่วอยู่ในตอนนี้ เขาชอบเธอคนนี้มากที่สุด เพราะเธอรู้จักออดอ้อนแบบไม่มากไปและไม่น้อยเกินไป เธอมีหน้าตาที่มองยังไงก็ไม่เบื่อ และเธอก็ไม่ได้งี่เง่า แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่ได้หมายความว่าเขาพร้อมที่จะดูแลเธออยู่ดี
“พี่กำลังคิดเพลงเฉยๆ ” เจ้าของบ้านตอบพลางลูบหัวเล็กๆ ของเธออย่างเอาใจ ผมยาวสลวยที่ถูกรวบไว้ตั้งแต่แรกให้สัมผัสอ่อนนุ่มอย่างที่ควรจะเป็น
“พี่พายแต่งเพลงแบบไหนคะ”
จริงอยู่ว่าพายไม่ได้อยากให้เธอมารับรู้หรือก้าวก่ายการทำงาน แต่ก็ตอบออกไปตามมารยาท บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอพิเศษอยู่หน่อยก็ได้
“พี่ชอบเพลงอกหัก” เขาพูดติดตลก หลายๆ คนจะรู้ว่าเพลงของพายมักจะเศร้า ประชดประชัน รุนแรงและเจ็บปวด ที่เขาว่ากันว่าศิลปินมักจะถ่ายทอดอารมณ์ตัวเองลงไปในผลงานนั้นไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อยเลย
“แสดงว่าพี่พายอกหักบ่อยสิคะ”
พายยิ้มให้เธอที่กำลังหันหน้าขึ้นมามอง เขาก้มหน้ารับจูบของอีกคนที่ลุกมาป้อนให้ ลิ้นเล็กร้อนแสนซนนั่นทำอย่างกับว่าตัวเองชำนาญ เจ้าของบ้านบีบนวดต้นคอเล็กๆ ของเธอพร้อมกับเอียงคอจูบอย่างเอาอกเอาใจ บางทีเธอคงดูผิดไป เขาไม่เคยอกหักเลยต่างหาก
...เพราะพายไม่ได้รู้จักรักเสียด้วยซ้ำ…
“โฮ่ง!”
ดูเหมือนว่าเวลาสนุกของวันนี้จะหมดลงเสียแล้ว ใบตองที่จำเวลาหมอกลับบ้านได้มักจะวิ่งเข้าห้องมาก่อนเวลานั้นเสมอ ไอ้หมาตัวใหญ่นั่งมองหน้าเจ้านายและหญิงสาวนิ่งอยู่อย่างนั้น อย่างกับว่ากำลังรอให้ออกไปหาคุณหมอพร้อมกัน
พายผละออกจากสาวสวย ดูท่าทางเธอจะเสียดายไม่น้อย แต่เมื่อเธอหันไปเห็นหมาตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงประตูห้อง เธอก็ถามออกมาด้วยท่าทางสดใส
“ตัวนี้ชื่อเบ็กหรือเปล่าคะ”
พายขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามนั้น เพราะเธอคนนี้แม้จะเจอกันอยู่หลายครั้งแต่ก็เคยมาที่นี่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและเจอใบตองเป็นครั้งแรกด้วย พายไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเคยเล่าอะไรให้อีกคนฟังบ้าง
“ชื่อใบตองครับ”
สาวสวยมองที่หมาตัวใหญ่ก่อนจะคลี่ยิ้ม
“ชื่อเบ็กน่ารักกว่าอีก” เธอหัวเราะน้อยๆ อย่างดูดี แต่พายไม่ได้ใส่ใจนักเพราะในเวลานี้มันนึกถึงคนข้างบ้านที่มักจะเรียกใบตองด้วยชื่อนี้เสมอ หรือบางทีแล้วใบตองอาจจะเหมาะกับชื่อเบ็กมากกว่าจริงๆ
“พี่พายจะไปไหนคะ” หญิงสาวถามเมื่อเจ้าของบ้านเหมือนจะลุกออกไป
“พี่ว่าจะไปดูหน้าบ้าน”
“อย่าไปเลยนะคะ อยู่ด้วยกันก่อน” ขาเพรียวสวยวาดคล่อมตัก มือเล็กลูบไปทั่วแผงอกแกร่ง
“วันนี้เนยว่าทั้งที อยู่ด้วยกันก่อนสิคะ”
พายยิ้มในตอนที่ถูกดึงมืไปวางบนหน้าอกเปลือยใต้เสื้อยืด...เอาเป็นว่าวันหลังค่อยไปกวนหมอดีกว่า
.
.
.
“ไอ้เบ็ก!” ระหว่างที่พายกำลังอาบน้ำให้หมาตัวใหญ่ในตอนบ่ายของวันอังคารก็มีใครบางคนที่ข้างรั้วเอ่ยทักทาย แต่ทักทายหมาแทนที่จะเป็นเจ้าของหมา พายยิ้มให้เขาแต่หมอเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ แล้วหันไปเล่นกับหมาที่วิ่งไปหาทั้งๆ ที่ตัวเต็มไปด้วยฟองสบู่
“อาบน้ำเหรอเบ็ก”
“โฮ่ง!”
คุณหมอตัวขาวที่มักจะอยู่ในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนและกางเกงแสล็คดึงแขนเสื้อของข้างตัวเองขึ้นลวกๆ ก่อนจะเอื้อมมือข้ามรั้วมาขยำขนหมาที่เปียกและลื่นท่าทางสนุก...ดูแปลกตาดี
“หมอมาลองดูไหม” คุณพ.เอ่ยชวนพร้อมกับยิ้มหวานให้ตามเดิมเมื่อเห็นว่าอีกคนดูท่าทางสนุก โจ้มองกำแพงที่สูงเท่าเอวตัวเองก่อนจะกระโดดข้ามไปโดยไม่คิดอะไร พายอดทึ่งไม่ได้เมื่อเห็นผู้ชายตัวสูงโปร่งดูภูมิฐานแต่กระโดดข้ามรั้วด้วยท่าทางชำนาญอย่างกับว่า
“ก่อนเป็นหมอ เป็นโจรมาก่อนรึเปล่าครับ?” พายถามกลั้วหัวเราะ หมอจูงใบตองเดินมาบริเวณก๊อกน้ำก่อนจะนั่งยองๆ ลงข้างด้วยท่าทางทะมัดทะแมง
“จะเริ่มขโมยจากบ้านมึงเป็นหลังแรก” หมอตอบพลางตั้งอกตั้งใจเริ่มต้นฟอกขนให้หมาตัวใหญ่
พายหัวเราะแล้วลอบมองใบหน้าแบบที่ตัวเองชอบไปพลาง คิ้วสีเข้มที่เรียงกันอย่างกับถูกเขียนไว้ของหมอมักจะขมวดอยู่เกือบตลอดเวลา เช่นเดียวกับริมฝีปากบางสีสดตัดกับสีผิวขาวที่มักจะเรียบตึงหากไม่ได้พูดอะไรออกมา พายมองจมูกโด่งแต่เรียวเล็กได้รูปของอีกคนอย่างนึกอิจฉา หน้าตาหมอน่าจะเป็นที่นิยมเสียด้วยซ้ำหากหมอไม่ชอบทำหน้าโหดแบบนี้
หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาหมอมักจะแวะมาเล่นกับใบตองในวันหยุดและทุกวันที่หมอไม่ได้อยู่เวร บางวันพายที่พึ่งกลับมาจากข้างนอกหาหมาตัวเองไม่เจอเพราะอีกคนจูงหมาข้ามรั้วไปเล่นด้วย นอกจากนั้นตอนนี้พวกเขามักจะมานั่งกินมื้อเย็นด้วยกันเกือบทุกวัน ต้องบอกว่าหมอมานั่งกินกับไอ้ใบตองถึงจะถูก เพราะไม่ได้สนใจเจ้าของบ้านเลย
พายเดาว่าเหตุผลของพี่แกคงเป็นเพราะขี้เกียจออกไปหาซื้อกับข้าว หมอไม่มีรถและมักจะกลับมาบ้านด้วยสภาพซอมบี้เกือบทุกวัน แต่พายเองกลับหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้เสียเท่าไหร่ว่าทำไมต้องมารอปรนนิบัติพัดวีหมอขนาดนี้ด้วย
“ทำไมหมอเรียกใบตองว่าเบ็กครับ” พายถามอีกคนที่ดูตั้งอกตั้งใจกับการอาบน้ำให้หมาคนอื่นอย่างอารมณ์ดี ใครคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองอยู่หน่อยก่อนจะตอบ
“เคยคิดว่าถ้าเลี้ยงหมาจะให้ชื่อเบ็ก” หมอที่ดูอารมณ์ดีในตอนแรกดูแปลกไป พายไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น แล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนไม่ละเอียดอย่างเขาถึงเริ่มมองเห็นอะไรที่เล็กน้อยเช่นนั้นได้
“แล้วทำไมไม่เลี้ยงครับ”
“ไม่มีเวลา ไม่มีคนช่วยเลี้ยง” หมอตอบอย่างเซ็งจิตพลางปล่อยให้ใบตองมันเลียไหล่ตัวเองผ่านเสื้อเล่นๆ พายสังเกตมาตั้งนานแล้วว่าคนข้างบ้านนี่ถ้าไม่มีไอ้ใบตองคงจะไม่ญาติดีกับเจ้าของหมาอย่างเขาแน่นอน
“เดี๋ยวผมช่วยเลี้ยง” พายแหย่หวังจะให้หมอที่หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่อารมณ์ดีขึ้นแต่หมอกลับแค่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาโหดๆ แค่ครู่เดียวแล้วตอบว่า…
“ไม่เอา มึงไม่มีเวลาให้มันด้วยซ้ำ”
คุณพ.หัวเราะน้อยๆ แต่กลับรู้สึกเจ็บใจพิลึก จริงอยู่ว่าพายใช้ชีวิตไม่ติดที่ ไม่ยึดมั่นถือมั่น และก็ไม่มีความมั่นคง แต่อย่างหนึ่งที่แน่ใจก็คือเขาสามารถดูแลใบตองได้เหมือนกัน
คุณพ.เองก็รู้ว่าหมอไม่ค่อยพอใจที่เขาหายไปข้างนอกบ่อยๆ แล้วปล่อยใบตองไว้ ด้วยลักษณะนิสัยของหมาพันธ์นี้มันไม่ได้ง้อเจ้านายมากมายขนาดนั้นอยู่แล้ว จะมีแต่หมอนี่เองที่กลัวหมาเหงาจนต้องหอบหมาคนอื่นไปเล่นด้วย
“ผมดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ไม่รู้หรอก” โจ้เงยหน้ามองอีกคนให้เต็มตา จริงอยู่ที่ว่าช่วงนี้พวกเขาสนิทกันมากขึ้นเล็กน้อย และจริงอยู่ที่ว่าหมอพอจะรู้ว่าอีกคนอยากจะเล่นสนุกอะไร แต่ก็ไม่กล้าไปตัดสินว่าพายเป็นคนยังไง
โจ้หยิบสายยางมาราดตัวหมาตัวใหญ่ที่เริ่มจะไม่อยู่นิ่ง ก่อนจะฉีดน้ำล้างตัวหมาแล้วลามไปถึงเจ้าของหมาที่ยังนั่งหน้าหงอยอยู่
“ผมว่าผมงอนหมอว่ะ”
“งอนอะไร”
“ผมว่าเราสนิทกัน แต่หมอกลับบอกว่าไม่สนิท”
หมอโจ้ผู้เกิดมาไม่เคยโดนใครงอนยืนมองคนข้างบ้านอย่างอึ้งๆ กับความหน้ามึนของคุณพ. สุดท้ายแล้วก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นทรงผมที่เซ็ตมาอย่างดิบดีของอีกคนเริ่มฟีบลง
หมอที่นิสัยปกติเป็นคนที่คิดอยู่แทบจะตลอดเวลาและในความคิดนั่นจะเต็มไปด้วยเหตุและผล พึ่งรู้ความหมายของการคุยเรื่อยเปื่อยไร้สาระ
พายแอบอมยิ้มเมื่อเห็นอีกคนหัวเราะปากกว้างแบบที่ไม่เคยเห็น
“งอนแล้วยิ้มทำไม”
พายเลิกคิ้ว
“ก็หมอน่ารัก”
โจ้ขมวดคิ้ว ไม่ได้ว่าอะไรแต่ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ หมอว่าบางทีตัวเองคงจะแก่แล้วเพราะนั่งลงไปแค่ครู่เดียวก็รู้สึกปวดเมื่อยแล้ว และก็คงแก่แล้วเหมือนกันที่ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของคนที่เด็กกว่าเลยแม้แต่น้อย
“วันนี้กินข้าวไหนดี” คุณพ.ที่งอนเขาแต่ชวนเขาไปกินข้าวจัดการล้างตัวใบตองให้สะอาดพลางเหลือบมองหมอที่กำลังคิดหาเมนูมื้อเย็นแต่ทำหน้าบึ้งอย่างกับจะไปฆ่าใคร
พายค้นพบความจริงอย่างหนึ่งคือหมอไม่ได้โหดหรอก แต่หน้าหมอเป็นแบบนั้นเองต่างหาก
“ไม่เอาป้าผัดไทนะ ไปกินบ่อยจนเขาเชื่อว่ากูเป็นแฟนมึงแล้ว” โจ้บอกอีกคนผู้หน้ามึนและอัธยาศัยดีไปทั่ว พายไปกินข้าวร้านไหนก็สนิทกับเขาไปเรื่อยเปื่อย นับตั้งแต่คุณป้าร้านผัดไทยหรือแม้แต่อาแปะร้านข้าวต้มที่ถึงกับอยากได้ไปเป็นลูกชาย ทำเอาคนที่อัธยาศัยติดลบอย่างหมอรู้สึกตัวเองด้อยไปเลย
“เป็นจริงๆ ก็จบแล้วหมอ” พายว่าพลางหัวเราะ วันก่อนคุณป้าร้านนั้นแซวเรื่องแฟนจนหมอแทบกินข้าวไม่ลง แถมเอาแต่นั่งทำหน้าเครียดจนน่าสงสาร ส่วนตัวพายนั่งขำและเจริญอาหารจนผิดปกติ
“ไม่เอา” คุณหมอที่ตอนนี้เสื้อเชิ้ตสีฟ้าเปียกไปเกือบครึ่งตัวตอบพลางเช็ดตัวให้หมาอย่างแข็งขัน ปล่อยให้อีกคนยืนเก้อกับคำปฏิเสธแบบไม่คิดอะไรเลยอยู่คนเดียว