Chapter 2 โลกกลมโยตื่นขึ้นมาอีกครั้งช่วงสายของวันใหม่ ร่างโปร่งนอนบิดขี้เกียจบรรเทาอาการเมื่อยขบหลังจากการนอนถึงสิบสี่ชั่วโมง แต่อาการเจ็บแปลบแทรกเข้ามาฉับพลันที่สะโพกทำเอาใบหน้าเด็กหนุ่มเหยเกอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งลูบคลำสะโพกบริเวณที่เจ็บ
" ซี้ดด... "
เพราะความเจ็บจึงทำให้นึกขึ้นได้ว่าเกิดก่อนหน้านั้นได้ทำเรื่องอะไรไว้บ้าง...
เมื่อวานหลังจากกลับบ้านเกือบเย็น หลังทะเลาะกับพ่อแล้วเขาก็ขึ้นมานอนบนห้องจนหลับไป เพราะความเพลียสะสม
หากลองย้อนกลับไปอีกหน่อย...
เมื่อวานก่อนเขาไปค้างที่อื่นนอกจากบ้านของหนึ่งนที มันเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่มีอยู่ เวลาเขาทะเลาะกับคนเป็นพ่อทีไรก็มักจะไปอยู่กับเพื่อนคนนี้ประจำ(ไม่ทะเลาะก็ไป) แล้วยิ่งช่วงปิดเทอมเขาจะไปค้างบ้านมันบ่อยขึ้น แทบจะวันเว้นวัน ถ้าเป็นไปได้จะย้ายไปอยู่บ้านมันเลยก็ดี เพียงแต่เกรงใจครอบครัวมัน หากที่บ้านมาเพียงพ่อแม่และมันเขาคงไม่เกรงใจ ไหนจะอาม่า อากง และเหล่าอี้ อึ้ม กิ๋มของมันมันอีก ไม่นับรวมกับหลาน ๆ ตามมาอีกเป็นพรวน...
เพราบ้านมันคนเยอะตามประสาครอบครัวใหญ่(มาก)เลยไม่อยากรบกวนมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นโยไม่อยากอยู่บ้านของตัวเอง เขาเกลียดเมียใหม่ของพ่อ ถึงเธอจะพยายามทำดีแค่ไหนเขาก็ไม่ชอบ รวมถึงลูกอีกคนของพ่อที่คอยแวะเวียนมากวนใจให้รู้สึกหงุดหงิดอยู่เรื่อย
ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์อินดี้อะไรขึ้นมา ถึงได้ไปเดินเล่นคนเดียวจนค่ำ ร่างโปร่งเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมายก่อนจะมาหยุดที่สะพานข้ามแม่น้ำ ผู้คนพลุกพล่านไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรำคาญแต่อย่างใด โยชอบอยู่คนเดียวท่ามกลางคนไม่รู้จักมากมาย ไม่มีใครสนใจใคร ต่างคนก็ต่างยุ่งกับชีวิตประจำวันของตัวเอง
เบียร์สามกระป๋องที่ซื้อติดมาด้วยถูกละเลียดจนหมด เด็กหนุ่มนึกชอบความโตเกินวัยของตัวเอง ที่ทำให้ซื้อเบียร์ ซื้อบุหรี่สูบได้แม้อายุแค่สิบห้าปี เพราะความสูงถึงร้อยเจ็ดสิบสี่เซนติเมตร และผมที่เริ่มยาวในช่วงปิดเทอมคนขายจึงไม่สงสัยอะไร เรียกว่าไม่ใส่ใจดีกว่าเพราะถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าเขาอายุไม่ถึงแต่ก็ไม่เท่าความอยากจะขายของอยู่ดีนั่นแหละ
แชะ แชะ แชะ
เสียงไฟแช็กดังอยู่ไม่ไกลดึงสติของคนเหม่อลอยทำให้โยละสายตาจากผืนน้ำสีดำมองไปทางต้นเสียง เห็นร่างสูงมากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรยืนอยู่สามช่วงของสะพาน ผู้ชายคนนั้นกำลังคาบบุหรี่ จุดไฟแช็กที่ปลายมวน แต่เห็นจุดอยู่หลายทียังไม่ติดสักที
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อชายคนนั้นเริ่มมองหาตัวช่วย ก่อนจะตัดสินใจล้วงเอาซองบุหรี่และไฟแช็กออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง หยิบออกมาหนึ่งมวนก่อนใส่มันกลับเข้าไปในกระเป๋าเหมือนเดิม โยคาบบุหรี่มวนนั้นไว้แล้วจุดไฟที่ปลายของมันเป็นสัญญาณบอกเพราะเขาเอ่ยปากไม่เก่งเท่าไหร่
โยอัดสารนิโคตินเข้าปอด ก่อนจะพ่นควันออกมา เขาเห็นร่างสูงมองมาทางเขาก่อนจะเดินมาหาพร้อมขว้างไอ้ที่จุดไฟห่วยแตกของเจ้าตัวลงถังขยะแถวๆนั้นอย่างแม่นยำ
" ขอต่อบุหรี่หน่อยดิ "
โยล้วงกระเป๋าหยิบไฟแช็กของตัวเองยื่นให้แทนการต่อบุหรี่
" โดนหักอกมาเหรอวะ ถึงได้มานั่งทำมิวสิคที่แม่น้ำ " ชายแปลกหน้าเอ่ยถาม ส่งไฟแช็กคืนหลังจุดติดปลายแดง และพ่นควันออกมาตามอากาศก่อนจะพูดต่อ " ถ้าจะประชดด้วยการกระโดดน้ำตาย แนะนำว่าอย่า ชีวิตมีค่ามากกว่านั้น แค่อกหักอย่าทำร้ายตัวเอง ถ้าโดดลงไปจะทรมาน ในนั้นมันทั้งหนาว ...ทั้งเหงา"
" คุณรู้ได้ไง? " โยหันมองหน้าคนตัวสูง แววตาเต็มไปด้วยคำถาม รู้ได้ไงว่าเหงา? แล้วมันหนาวยังไง? เคยโดดลงไปหรือไง? เขาไม่มีความจำเป็นต้องมายืนฟังใครที่ไหนก็ไม่รู้สาธยายคุณค่าชีวิต ...ไร้สาระ
" เดา " ร่างสูงตอบแบบขอไปที " ขอยืนด้วยคน วันนี้โคตรเซ็ง แต่นี่ไม่ได้อกหักนะบอกไว้ก่อน "
เด็กหนุ่มหันหน้าหนี ไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ ที่นี่ไม่ใช่ของเขาสักหน่อย อยากยืนตรงไหนก็ตามใจสิ ถึงจะน่ารำคาญอยู่นิดหน่อยก็เถอะ
นานหลายสิบนาทีที่เขาสองคนยังยืนอยู่ที่เดิม โยแอบชำเรืองมองคนข้างกายพร้อมสำรวจ ผู้ชายคนนี้น่าจะอายุยี่สิบกว่าๆได้ โครงหน้าหล่อ สันกรามคมสมชาย ไม่รู้ว่าเพราะแสงไฟที่ตกกระทบลงมาทำให้ผู้ชายคนนี้หรือเพราะอะไรที่ทำให้อีกคนดูมีเสน่ห์ดึงดูดแปลกประหลาด ยิ่งเรียวปากนั่นพ่นควันสีเทาจนอากาศขุ่นมัวแล้วยิ่งทำให้น่าค้นหามากขึ้นจนกระทั่งถูกจับได้นั่นแหละว่าแอบมองดวงตาเรียวจึงผินหนีรู้สึกเขินอยู่หน่อย ๆ ที่ถูกจ้องกลับ
โยหย่อนก้นกรองลงใส่กระป๋องเบียร์เปล่าอย่างไม่รู้จะทำอะไรต่อหลังจากโดนจับได้แล้ว สารนิโคตินมวนแล้วมวนเล่าถูกสับเปลี่ยนไปหลายครั้ง แต่อีกคนกลับทอดอารมณ์เป็นสิงห์รมควันไร้แววว่าจะเดินจากไปเสียที
เนิ่นนานจนต่างคนต่างปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมจนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง…
" ฉันเลี้ยง เดี๋ยวกินเป็นเพื่อน อกหักมันต้องย้อมใจเว้ย "
ไม่รู้ว่าเขาเหม่อไปนานแค่ไหน แต่ก็ไม่น่าจะใช่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แน่นอน เพราะคนที่เขาไม่รู้จักแม้แต่ชื่อหิ้วเบียร์ยี่ห้อดังหลายกระป๋องมาวางไว้ข้าง ๆ แถมยังเอ่ยปากว่าจะเลี้ยงอีกต่างหาก
" ขอบคุณ แต่.. " ผมจะกลับแล้ว...
" กินเป็นเพื่อนกันหน่อยก็ได้ พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว " ยังไม่ทันพูดจบคนตัวโตกว่าก็แย้งขึ้นมาเสียก่อน
" ผมไม่ได้อกหัก "
" ฉันก็เคยอกหัก " เอ่ยขึ้นมาโดยไม่ฟังเขาสักนิด " เมื่อก่อนฉันชอบคน ๆ หนึ่ง ตอนนี้เขาไปได้ดีกับคนอื่นแล้ว เวลาเห็นเขามีความสุขฉันก็เลยคิดว่าดีแล้ว ที่เขาเลือกผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่ฉัน "
" ... "
" จะไม่ถามอะไรเลยเหรอ คนอุตส่าห์ชวนคุย "
"ใครขอ.. " ตอกกลับ แต่ไม่ดังนัก
" ไม่มีใครขอแต่ฉันอยากจะบอกและอีกเรื่องคือ "
Rrrr.... Rrrr...เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะพอดี โยจึงเอาออกมาดูมันเป็นเบอร์ของหนึ่งนทีโยจึงกดรับคุยเพียงไม่กี่คำก่อนจะวางสายไป
" เออ.... เดี๋ยวกูกลับ อือ เออ " เมื่อกดวางไปแล้วจึงหันมาถามคนที่คุยค้างไว้ " เมื่อกี้คุณกำลังบอกว่าอะไรนะ ? "
" ที่บ้านโทรมาตามเหรอ ? "
" เพื่อน... " แค่โทรมาถามเฉย ๆ ว่ากลับบ้านหรือยัง " แล้วเมื่อกี้- "
" ไม่สำคัญอะไร แค่จะบอกว่า
ฉันเป็นเกย์ "
" ... "
" ... "
แล้วทั้งสองก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ก่อนคนตัวโตกว่าจะยื่นเบียร์กระป๋องส่งมาให้ โยก็รับไมตรีอย่างไม่อิดออด เพราะร่างกายมีฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่แล้วโยจึงเริ่มกึ่ม ๆ เมื่อกินเข้าไปหลายกระป๋องเข้า ชายที่ไม่รู้จักชวนเขาคุยและถามเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย จากที่รู้สึกเกร็งเมื่ออยู่กับคนแปลกหน้ากลับกันโยรู้สึกว่าสนิทกับอีกฝ่ายจนนึกว่ารู้จักกันมานานแรมปี
เบียร์ถูกซื้อมาเพิ่มขึ้นจนลืมนับไปว่าดื่มไปเท่าไหร่ ยิ่งสติถูกลิดรอนความรู้สึกลึก ๆ ที่พยายามปิดมันไว้ก็เริ่มแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว เพียงอีกฝ่ายแค่ถามว่าจะกลับบ้านหรือยังทำให้คนอายุน้อยกว่าตัวร้องไห้ออกมาราวกับเปิดสวิทซ์
" ฮือออ... "
" นายนี่น้าาา "
" ฮึก! ... "
" รักกันก็คุยกับเขาดี ๆ สิวะ " ชายแปลกหน้าบอก พลางลูบหัวทุยๆนั่นอย่างนึกเอ็นดู
" ผมเกลียดเขา....ฮึก "
" เออ เห็นพูดมาหลายรอบแล้ว ห่านี่ " ผลักหัวคนอายุน้อยกว่าเบาๆ ก่อนจะลูบใหม่
" ผมอยู่กับคุณได้มั้ย? " ใบหน้าแดงจัดเพราะแอลกอฮอร์หันมาถาม ดวงตาแดงช้ำช้อนขึ้นมองชายหนุ่มราวกับอ้อนวอน
น้ำเสียงอ้อแอ้ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์เอ่ยขึ้นทำให้เรียวคิ้วหนากระตุก ไหนจะเสียงโทรศัพท์ที่ดังถี่ ๆ จนเจ้าตัวกดตัดสายปิดเครื่องหนีอีก ทุกการกระทำของคนเมาตกอยู่อยู่ในสายตาคนอายุมากกว่าตลอด แม้จะเริ่มตาพร่าแต่เขาก็ยังครองสติได้มากกว่าเด็กขี้แยได้มากโข
ความเมาทำให้คนกล้าได้กล้าเสีย...
และโยเองก็เลือกที่จะลอง
" แน่ใจแล้วเหรอ? จะมาหาว่าฉันหรอกลวงไม่ได้หรอกนะ "
" อือ "
" เปลี่ยนใจไม่ทันแล้วนะ "
" คืนนี้ ผมจะอยู่กับคุณ "
มือใหญ่จูงมือคนตัวเล็กกว่าหน่อยไปที่อื่นที่ไม่ใช่สะพานข้ามแม่น้ำที่มีรถสัญจรไปมา และยุงที่รวมใจกันทิ่มปากเข้ามาตามเนื้อหนังนอกร่มผ้าจนรู้สึกคันไปทั้งตัว
เพราะถ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ ก็คงทันไม่แล้ว.
.
ใบหน้าของโยร้อนผ่าวเมื่อคิดถึงเรื่องบนเตียงกับชายแปลกหน้า ถึงจะเมาแต่ทว่ารู้ตัวว่าทำอะไรลงไปบ้าง พูดอะไรออกไปบ้าง ทุกสัมผัสเมื่อคืนยังติดอยู่ในหัวของคนที่นั่งอยู่บนเตียงราวกับฉายหนังซ้ำ
เขาจำได้ว่ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนบ่ายแก่ ๆ ร่างของอีกคนยังกอดก่ายเขาอยู่เลย ท่าทางจะขี้เซาหนัก ขนาดโยลุกจากเตียงแล้วเผลอหงายลงไปนั่งอีกครั้งยังไม่รู้สึกตัว ทันทีที่ตั้งหลักได้เขาก็ไปอาบน้ำชำระร่างกาย เหงื่อไคลจากกิจกรรมเมื่อคืน ก่อนจะออกมาจากโรงแรมแห่งนั้น
ให้ตายสิ! กับผู้ชายครั้งแรกเลยนะนั่น!
" แม่ง! "
โยสบถ ยกมือลูบหน้าลูบตาอยู่หลายครั้ง ก่อนจะลุกเอาโทรศัพท์ที่ปิดเอาไว้ตั้งแต่คืนก่อนมาเปิดและเสียบสายชาร์จแบตฯ มีข้อความและอะไรอีกเยอะแยะเข้ามาแต่โยไม่สนใจ เด็กหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำเตรียมตัวไปบ้านของเพื่อนสนิทอีกครั้ง
แต่เมื่อยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำร่องรอยตามตัวทำให้โยรู้สึกขัดใจ ยังดีที่มันไม่เยอะ และอยู่ในร่มผ้าไม่ได้ออกมาประจานตัวเองให้ใครเห็น ครั้งแรกที่ได้ลิ้มลองความแปลกใหม่นอกจากเซ็กส์แบบชายกับหญิงแล้วโยยอมรับว่ารู้สึกดีอยู่ไม่น้อยแม้จะเจ็บ และจุกจนแทบลุกไม่ขึ้น แต่หากอีกฝ่ายที่เชี่ยวชาญอยู่แล้วทำให้เขาผ่อนคลายไปได้มาก..
พอคิดมาถึงตอนนี้ใบหน้าขาวจักของเด็กหนุ่มก็เห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้ง
พอ! เลิกคิด!
ร่างโปร่งใช้เวลาทำธุระส่วนตัวไม่นาน โยสวมชุดใหม่เดินลงจากชั้นสองของบ้านก็ต้องหน้าตึงเมื่อเห็นคนที่ไม่อยากจะใช้พื้นที่อากาศหายใจร่วมกัน
" พี่โยตื่นแล้วเหรอครับ "
ทันทีที่ขาก้าวลงสู้พื้นห้องโถง ไอ้เด็กตาแป๋วมันก็ทักทายเขาทันที แต่คนอย่างสุริโยหรือจะตอบ เขาเลิกจะเมินเฉยไม่ตอบมันตามเคย ร่างโปร่งเดินผ่านหน้าเหมือนกับว่าสองแม่ลูกนั้นไม่มีตัวตน
" พี่โยทาน..ข้าว...กับผมนะครับ " ท้ายประโยคเบาหวิวจนอรณียังไม่ได้ยิน ยิมยังพูดไม่ทันจบ พี่ชายก็เปิดประตูบ้านออกไปแล้ว
ใบหน้าแด็กน้อยสลดลงเมื่อพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จเสียที
ยิมแค่จะชวนพี่โยทานข้าวเช้าเอง...
เด็กชายตัวเล็กหน้าหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด อรณีรู้สึกสงสารลูกเหลือเกิน
.
.
.
" มึงหายไปไหนมาไอ้สัด " หนึ่งแทบจะพ่นไฟใส่หน้าเพื่อนตัวดีที่โผล่หัวมาบ้านตัวเองหลังจากหายไปสองวัน แต่โยกลับคลี่ยิ้มกวน ๆให้เพื่อนแทน
" หาประสบการณ์ "
" ระวังเอดส์เถอะมึง " แช่งซ้ำ " เมื่อวานก่อนกูตีฮอนจนดึก ออนเฟสทิ้งไว้ จู่ๆน้องชายมึงก็ทักแชทเฟสกูว่ามึงกลับไปหรือยัง กูดูนาฬิกาตอนนั้นมันจะเที่ยงคืนกูหลุดบอกไปว่ามึงกลับไปแล้ว ประมาณห้านาทีคุณอรโทรมาหากู กูเลยโทรหามึง ไอ้สัดเสือกปิดเครื่องหนีนะมึง "
ร่างโปร่งแต่ทว่าบางกว่ายักไหล่ เดินมานั่งที่เก้าอี้คอมเจ้าของห้องราวกับเป็นห้องของตัวเอง โยไม่รู้สึกโกรธที่โดนด่า เพราะรู้ว่าตัวเองผิดที่ไม่ได้บอกมัน
" มันไม่ใช่น้องกู " โยแก้ หนึ่งยักไหล่เรียนแบบท่าของเพื่อนเมื่อครู่
หนึ่งนทีเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่โยมี ทั้งคู่สนิทกันตอนเข้า ม.1 หลังแม่ของเขาเสียไปไม่เท่าไหร่ มันเข้ามาคุยกับเขาก่อนเสมอ ยามเขาทะเลาะกับพ่อแล้วอยากหาคนรับฟังปัญหาชีวิต หนึ่งก็เป็นคนที่โยเลือก พวกเขามีอะไรคล้ายๆกันหลายอย่างเช่น ตัวสูงเหมือนกัน เกเรเหมือนกัน นิสัยก็คล้ายๆกัน แต่โยจะค่อนข้างเงียบกว่าเท่านั้นเอง
ยังดีที่ความเกเรของพวกเขาไม่พากันไปติดยา ไม่อย่างนั้นชีวิตคงจะหยำเปไปมากกว่าที่เป็นอยู่ บางทีโยก็รู้สึกผิดที่ฉุดเพื่อนมาเสียด้วยกัน หนึ่งมันคนเรียนดี กีฬาก็เยี่ยม ครูหลายคนมักจะคะยั้นคะยอให้มันกลับมาสนใจเรียนอยู่หลายครั้ง โยเองก็เคยคิดจะเลิกคบกับมันเพราะเรื่องนี้เช่นกัน แต่มันกลับไม่สนใจ และคอยบอกให้เขาเลิกสนใจคนรอบข้าง ยังไงพวกเขาก็เป็นเพื่อนกัน และมันก็ไม่ได้ทิ้งการเรียนไปไหนเสียหน่อย
โยใช้เวลานั่งๆ นอนๆอยู่ที่บ้านของหนึ่งจนเย็น ก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปหาอะไรกินข้างนอก เขาเลือกไปร้านก๋วยเตี๋ยวที่ริมแม่น้ำใกล้ๆกับสะพานที่มาครั้งก่อน ทั้งเล่าให้เพื่อนฟังว่าที่หายไปคืนนั้นมาอยู่ที่นี่กับคนแปลกหน้า ที่ไม่รู้จักชื่อ แต่ไม่ได้เล่าว่าคืนนั้นไปลงเอยกันอย่างไรเท่านั้นเอง แต่หนึ่งเองก็พอเดาเรื่องออกได้
" มึงก็เลยพากูมาแดกก๋วยเตี๋ยวแถวนี้ เพราะหวังจะเจอเขาอีก? " หนึ่งบอก
" ...เปล่า " เอ่ยปฏิเสธ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะแปลกใจไหมที่ตื่นมาไม่เจอเขา และถ้าเจอกันอีกครั้งจะทำอย่างไรซึ่งเป็นไปไม่ได้หรอก โยจำได้ว่าอีกคนพูดว่าจะกลับในวันนี้ซึ่งไม่รู้อีกนั่นแหละว่ากลับไปไหน
" หึหึ เดี๋ยวนี้หันมาเอาผู้ชายเหรอวะ " ไอ้คุณเพื่อนดุนลิ้นที่กระพุ้งแก้มกวนๆ อย่างที่บอก พวกเราคล้ายๆกัน ไอ้เรื่องเกเร กินเหล้า ฟันหญิง พวกเขาก็ร่วมลองมาด้วยกันหมดแล้ว ไม่แปลกที่จะรู้ทันกัน เพียงแค่หนึ่งนทียังไม่มีความคิดที่จะลองมีความสัมพันธ์กับผู้ชายอย่างเพื่อนตัวโปร่ง
" มันก็ดีไปอีกแบบนะ "
" หึ แล้วเป็นไง? "
" ...เจ็บ จุกด้วย " ตอบไปตามตรง " แต่ก็เสียวดี " ประโยคถัดมาทำให้หนึ่งแทบสำลัก
" ไอ้สัด เล่นซะเส้นก๋วยเตี๋ยวแทบพุ่ง ห่าเอ๊ย! กูคิดว่ามึงจะไปบุกเขา "
" พี่เขาตัวสูงกว่ากูว่ะ ตัวใหญ่กว่าด้วย " แถมยังดูเก่งมาก ๆ อีกต่างหาก โยแอบเติมในใจ
" ส่วนสูงไม่มีผลในแนวราบ ไม่เคยได้ยินเหรอวะ? "
" เคย... แต่พี่มันแม่ง! ...เด็ด " เน้นเสียงตรงคำว่า ' เด็ด ' จนเพื่อนที่รอลุ้นไปด้วยสะอึก
" สัด เลิกแดก แม่ง "
โยกระตุกยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนวางตะเกียบลงกับชาม ทำหน้าปุเลี่ยนจนน่าหมั่นไส้ ในใจภาวนาให้มันได้โดนบ้าง จะได้เลิกมองค้อนเขาเสียที
หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวคนเดียวเสร็จก็เดินเล่นต่อที่ตลาดในละแวกนั้นจนค่ำ หนึ่งจึงขับรถมอเตอร์ไซค์มาส่งโยที่บ้าน ที่ตั้งใจจะค้างบ้านมันต้องยกเลิกไปเพราะวันนี้มันจะไปงานเลี้ยงกับป๊ามัน เขาเลยต้องกลับบ้านเร็วกว่าปกติ ทั้งที่จริงอยากอยู่ที่นั่นต่ออีกสักหน่อย แต่เพื่อนของเขามันดึงดันจะมาส่งเพราะกลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอยอีก ซึ่งโยเองก็ไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นอีกแน่นอนเพราะยังรู้สึกเสียด ๆ ทุกครั้งที่เดินอยู่เลย
" ขอบใจ " ถอดหมวกกันน็อคคืนเจ้าของมัน
" เออ กูไปแล้ว "
หลังจากหนึ่งขับมอเตอร์ไซค์กลับไปแล้ว โยถึงหมุนตัวกลับเข้าบ้านแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถคันไม่คุ้นมาจอดที่หน้าบ้าน เหอะ! เด็กหนุ่มแค่นเสียงในลำคอ กรอกตามองดินฟ้าอากาศช่วงหัวค่ำ หวังว่าคงไม่เอาใครเข้ามาอยู่ในบ้านของแม่เขาอีกนะ มือเรียวเปิดประตูเข้าไป
" พี่โยกลับมาแล้ว!! " เสียงไอ้ตัวดีดูดีใจราวกับเขาซื้อของเล่นมาให้มัน
" คุณแม่ พี่โยกลับบ้านแล้ว "
โยไม่สนใจสองแม่ลูกที่เปรียบเสมือนอากาศสำหรับเขา แต่ก็ไม่ได้เดินผ่านหน้าแล้วขึ้นห้องไปอย่างทุกที ดวงตารีชั้นเดียวมองแขกคนของบ้านซึ่งเป็นเจ้าของรถเต่าคันสีเหลืองกลางเก่ากลางใหม่ที่จอดอยู่หน้าบ้านนั่น
" โย สวัสดี
อาจูน ก่อน " เสียงเข้มสั่ง " อาจูน เป็นอาของเรา น้องของพ่อเอง "
" ชื่อโยเหรอ " เสียงทุ้มด้านหลังทำให้โยที่ตั้งท่าจะเดินขึ้นห้องเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ด้านหน้าเลือกที่จะหมุนร่างกลับไปเผชิญหน้าแล้วเอ่ยสั้น ๆ ทั้งที่ใจกำลังเต้นไม่เป็นส่ำ
" ..สวัสดีครับ "
" ลูกชายคนโตที่เล่าให้ฟังบ่อยไงจูน ชื่อโย อายุสิบห้า "
" หืม? " ครางในลำคออย่างไม่เชื่อหู
อายุสิบห้า? จุลจักรหูฝาดไปหรือเปล่า?
ฟันคมขบเข้าที่ริมฝีปากล่างเบา ๆ เมื่อใบหน้าคมฉายแววสงสัยอย่างปิดไม่มิด โยจ้องไปที่ใบหน้าที่จำได้ดีส่งสายตาประมาณว่าห้ามพูดอะไรแปลก ๆ ออกมาเด็ดขาด!
"พี่โยอยู่ ม.สามครับอาจูน " ไอ้เด็กปากดีเสนอหน้า ยิ่งทำให้เลือดในกายเด็กหนุ่มร้อนเข้าไปใหญ่ ตารีตวัดมองเด็กช่างจ้ออย่างเกลียดชังซึ่งมันก็ไม่ได้รับรู้ด้วยเลย
" ไม่เชื่อล่ะสิ มาทีไรก็ไม่เคยเจอสักที พาไปหาแม่ตอนนั้นแกก็ไปเรียนเลยไม่ได้เจอกันน่ะ "
" ถ้าเสร็จธุระแล้ว ผมขอตัวครับ " โยโพล่งออกไปกลางวงสนทา ไม่รอให้ใครอนุญาต คนดื้อก็พาตัวเองขึ้นบันไดหายไปชั้นสองทันที
ขืนอยู่เขาคงได้หักคอใครสักคนแน่ ๆ !
" เดี๋ยวโย! " ร่างโปร่งไม่สนใจเสียงเรียกจากด้านล่างรีบเปิดประตูห้องและปิดลงอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของเด็กหนุ่มวัยสิบห้าเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ทิ้งร่างลงหน้าบานหลังประตูสีโอ๊คที่ปิดสนิทอย่างหมดแรง อางั้นเหรอ?
โลกมันจะกลมเกินไปแล้ว!!
---------------------------------------------------------------------------------
มาแก้ไขเนื้อหานิดหน่อยค่ะ
แล้วจะกลับมาต่อนะคะ ;___;