ต่อ
ผมอ่านความรู้สึกตัวเองที่เขียนลงไปแล้วได้แต่ยิ้มกับตัวเอง แม้แต่ตอนนี้ผมก็มีความสุข แม้เขาจะทิ้งความทรงจำระหว่างเราไปแล้วตาม มันมีความสุขมากจริงๆ
“ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ที่นี่ด้วย”เสียงคุ้นกูของผมดังขึ้นผมเลยรีบปิดกล่องไม้นั้นแล้วหันไปดู แล้วผมเดาไม่ผิด ติณณ์เดินเข้ามา สีหน้าดูมีความสุขพร้อมกับรอยยิ้ม ผมยิ้มไม่กว้างมากแล้วซ่อนกล่องไม้ไว้ข้างหลัง
“อ่าวติณณ์ มาได้ไง”ผมรู้ว่ามันเป็นคำถามโง่ แต่มันก็ดีที่สุดแล้วในความคิดผม ผมใจเต้นแรงมาก ไม่คิดว่าเขาจะเดินเข้ามาแบบนี้
“ก็เดินเข้ามาดิ”เขาตอบ นั่นแหละสไตล์เขา
“อ่อ นั่นสิเนอะ”ผมพูดอย่างเขินๆ แล้วเอามือข้างขวาเกาหัวตัวเอง “แล้ว...ไม่อยู่ในงานเหรอ”ผมถามอีกครั้ง
“แค่อยากมาเดินเล่นเบื่อๆ”เขาบอกแล้วเดินไปนั่งที่ม้าหินอ่อนที่ผมเพิ่งลุกขึ้นมา
“เบื่อด้วยหรอ เห็นคุยกับคนอื่นสนุกออก”ผมพูดโดยที่ยืนอยู่ที่เดิม
“ก็สนุกแหละ แต่ไม่ได้เป็นคนที่อยากคุยด้วยจริงๆ”ติณณ์พูดแล้วมองหน้าผม “แล้วไปยืนทำไมตรงนั้น ไม่มานั่งล่ะ”เขาถาม
“เอ่อ...ก็กำลังจะไปนั่งไง”ผมค่อยๆ เดินไปในขณะที่ซ่อนกล่องนั้นไว้ บางทีผมก็คิดนะว่าอยากจะให้เขาดู แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะเก็บมันไว้คนเดียว เขาจะได้ไม่ต้องมาห่วงความรู้สึกที่มันจะเข้ามาทีหลังอีก
“สบายดีป่ะ”หลังจากเงียบอยู่สักครู่เขาก็ถามขึ้นมา
“ก็...สบายดี ติณณ์ล่ะ?”ผมหันไปมองหน้าแล้วพยายามทำหน้าให้ปกติที่สุด
“ก็สบายดี”เขาบอกแล้วเราก็เงียบอีกครั้ง “เรียนเป็นไงบ้าง”เขาถามอีกครั้ง
“ก็หนักอยู่”
“อยู่แล้วล่ะ เภสัชฯ นี่เนอะ”เขาบอก
“อืม”ผมพยักหน้า แล้วผมกับเขาก็ต่างคนต่างเงียบ ผมเข้าใจแล้วว่าระยะเวลากับความห่างไกลมันทำให้คนสองคนที่เคยสนิทกันมากเหมือนเป็นคนเพิ่งรู้จักกันได้ขนาดนี้จริงๆ ผมนั่งมองไปรอบๆ อย่างเรื่อยเปื่อย จะลุกออกไปก็ไม่กล้า
“เราว่าเราออกมาจากงานนาน...แล้วเราขอตัว...”
“คิดถึงเนอะ”อยู่ดีๆ เขาก็พูดขึ้นมาผมเลยชะงักแล้วนั่งกลับไปตามเดิม “คิดถึงโรงเรียน คิดถึงครู คิดถึงเพื่อน คิดถึงทุกที่”ผมนิ่งฟังไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้หวังว่าเขาจะพูดว่าคิดถึงผมออกมา
“อืม คิดถึงมากๆ เลยล่ะ”ผมบอกแล้วก้มหน้ายิ้มอย่างมีความสุข ที่ผมคิดถึง คือผมคิดถึงติณณ์ครับ
“คิดถึงติณณ์มากๆ” ผมได้แต่พูดประโยคนั้นในใจเพราะไม่คิดจะพูดออกมา
“คิดถึงทุกอย่างเลยหรอ ?”ติณณ์หันมาถาม ผมก็พยักหน้า
“อืม”
“เราก็คิดถึงทุกอย่าง แต่มีอย่างหนึ่งที่เราคิดถึงสุดๆ เลยล่ะ”เขาพูด ผมเลยเลิกคิ้ว
“อะไรล่ะ...?”ผมถาม ติณณ์ก้มหน้าแล้วยิ้มหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มแบบนี้นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้เห็น จำได้ครั้งสุดท้ายที่เห็นก็เมื่อนานมาแล้ว
“เราคิดถึงคนที่เคยนั่งร้องเพลงกับเราตรงนี้ทุกเย็น” อึก ! เหมือนวินาทีนั้นโลกของผมหยุดหมุนไปชั่วขณะ เสียงทุกเสียงไม่ได้เขาสู่โสตประสาทของผม ไม่มีลมพัดใดๆ เขามากระทบร่างกาย นี่ติณณ์กำลังบอกว่าคิดถึงผมอย่างนั้นหรอ แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาที่ผมกับเขาไม่ได้คุยกันทำไมเขาไม่ทักผมมาบ้างเลย
“อะ...อะไรนะ ?”ผมถามเสียงติดๆ ขัดๆ
“เราคิดถึงคนที่อยู่ข้างๆ เราตอนนี้มากๆเลย”ติณณ์พูดกับผมแล้วยิ้มออกมา ทำให้ผมหน้าแดง
“อ่อ”
“แค่นั้นหรอ กายไม่คิดถึงเราเลยหรอ ?”ติณณ์ถามเหมือนรู้สึกผิดหวัง
“คิดถึงสิ คิดถึงมาก คิดถึงมากๆๆๆ คิดถึงจนต้องเดินไปทุกที่ในโรงเรียนที่เราเคยทำอะไรด้วยกัน จนมาอยู่ตรงนี้ไง”ผมบอกออกไปทันทีและรวดเร็ว ติณณ์เลยยิ้มออกมา “แต่...”
“อะไรหรอ ?”ติณณ์เลิกคิ้ว
“ทำไมไม่ทักทายกันบ้าง”น้ำเสียงผมเหมือนน้อยใจผมรู้ แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนนี้ผมรู้สึกถูกดึงกลับไปสู่อดีตเหมือนที่เราเคยทำอะไรด้วยกัน
“เราขอโทษ”ติณณ์บอกสั้นๆ แต่ผมไม่ได้โกรธติณณ์เลยแม้แต่น้อย
“เราไม่ได้โกรธ แค่อยากรู้ว่าทำไมไม่ทักทายกันบ้าง รู้ไหมว่าเราอยากทักติณณ์นะ แต่เหมือนว่าเราถูกอะไรบางอย่างกั้นไว้”ผมบอกไปตามความรู้สึก
“ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากคุยกับกายนะ แต่เหมือนตอนนั้นเราสนุกมากกับชีวิตใหม่ในมหาลัย เราเลย...”
“ลืมเรา”ผมบอกด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ
“แต่มันก็เป็นช่วงนั้นนะ พอหลังจากนั้นเราก็คิดถึงกาย แต่พอจะทักก็ไม่กล้าเพราะเหมือนว่ากายก็มีอะไรต้องทำเหมือนกัน”ติณณ์บอกกับผมด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด และไม่มองหน้าผม
“รู้ไหม เราอ่ะไม่เคยโกรธติณณ์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าติณณ์อยากคุยกับเราแค่ทักเรามา เราก็ตอบติณณ์เสมอ เหมือนเมื่อก่อนที่ติณณ์คุยอะไรกับเราทุกเรื่องไง”ผมบอกแล้วยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ ติณณ์มองหน้าผม
“ขอบคุณนะที่ไม่ลืมเรา”ติณณ์บอก
“จะลืมได้ไงล่ะ”ผมยิ้ม “อ่อติณณ์ เราเอาของมาคืน”ผมคิดได้จึงหยิบจดหมายนั้นออกมาแล้วก็ยื่นให้ ติณณ์มองแล้วรับไปก่อนจะเงยหน้าผมงงๆ
“คืนเราทำไม นี่กายยังไม่ได้เปิดหรอ”ติณณ์ถาม
“อืม ก็ติณณ์บอกว่าพอมีแฟนถึงให้เราเปิด แต่เราไม่เคยมี แล้วก็ไม่คิดจะมีด้วยก็เลยเอามาคืน”ผมบอกแล้วยิ้ม
“แล้วทำไมไม่อยากมี”
“เรา...”ผมหันไปมองหน้าติณณ์ที่กำลังตั้งใจฟังคำตอบ “เราไม่อยากทิ้งความทรงจำกับคนๆ หนึ่งไว้ข้างหลัง”ผมบอกแล้วหลบหน้าติณณ์ทันที โดยเป็นฝ่ายติณณ์ที่เงียบไป
“แล้วติณณ์ล่ะ บอกชอบเพื่อนคนนั้นหรือไง เห็นว่าจะมาบอกชอบนี่”ผมถามเพื่อนให้ติณณ์ลืมเรื่องที่ผมพูด ติณณ์หันมามองหน้าผม
“กำลังจะบอก”ติณณ์บอก
“เขาต้องดีใจแน่เลย ถ้าติณณ์บอกไป”
“ไม่รู้สิ เราหวังว่าจะเป็นแบบนั้น”เขายิ้มอย่างอายๆ
“ให้เราช่วยไหม ?”ผมถามพร้อมกับเสนอตัวให้
“ช่วยเราได้จริงหรอ ?”
“จริงสิ บอกเรามาเลยว่าจะให้ช่วยอะไร”ผมกระตือรือร้นถาม
“งั้น...ช่วยเปิดจดหมายนี้แล้วอ่านให้เราฟังหน่อย”ติณณ์บอกกับผมแล้วยื่นจดหมายมาให้ผม
“อะไรนะให้เปิด...”ผมชี้ไปที่จดหมายติณณ์ก็พยักหน้า ผมเลยรับมาแล้วก็มองหน้าติณณ์อีกครั้ง ผมเลยถอนหายใจ ไหนบอกว่าให้ผมเปิดตอนที่ผมมีแฟนแล้ว “อ่านให้ฟังด้วย”ผมหันไปมองหน้าติณณ์อีกครั้งก่อนที่จะอ่านจดหมายที่เป็นลายมือของติณณ์เอง
“กาย ถ้ามึงเปิดอ่านจดหมายของกูแสดงว่ามึงมีแฟนแล้ว กูดีใจกับมึงด้วยนะเว้ย ที่มึงมีแฟนสักที ถึงแม้ว่ากูจะเสียใจก็ตาม ที่กูเสียใจไม่ใช่อะไรหรอกนะ กูเสียใจที่กูไม่มีโอกาสได้บอกความรู้สึกของกูให้มึงได้ฟังตรงๆ สักที ทุกวันๆ ที่กูอยู่กับมึง ที่กูแกล้งบอกรักมึง รู้ไหมว่าลึกๆ แล้วมันเป็นความรู้สึกจริงๆ ของกูเอง ทุกๆ วันกูอยู่กับมึงมีความสุขมากเลยนะเว้ย แต่มึงไม่มีท่าทีคิดกับกูเกินเพื่อนเลย แต่กูก็ไม่เสียใจนะ อย่างน้อยกูก็ได้อยู่กับมึง กูรู้ตลอดเวลาที่กูอยู่กับมึง ทำตัวติดมึง มึงอาจจะรำคาญ แต่กูอยากอยู่กับมึงจริงๆ แล้วก็กูไม่อยากเห็นมึงมีแฟน กูเลยต้องกันท่าทุกคน แต่วันหนึ่งกูกับมึงต้องแยกย้ายกันไป กูก็ทำใจแล้วว่ามึงต้องเจอคนใหม่ๆ แน่นอน กูเลยเขียนจดหมายขึ้นเพื่อได้บอกความรู้สึกของกูเอง กูเขียนเพื่อบอกว่า
กาย...กูรักมึงนะ รักมากกว่าเพื่อน รักมาตลอด ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันกูมีความสุขทุกครั้ง แม้มึงจะคิดกับกูแค่เพื่อนก็ตาม กูไม่รู้ว่าเมื่อไรกูจะลืมความรู้สึกกับมึงที่มากกว่าเพื่อนได้ แต่กูสัญญากูจะรักมึงแบบนี้ตลอดๆ รักมึงที่สุด กายเพื่อนรัก” ผมอ่านจดหมายจบก็หันไปมองหน้าติณณ์ที่นั่งมองหน้าผมอยู่พร้อมกับยิ้มมาให้ผม ตอนนี้ผมไม่รู้จะพูดยังไงครับเพราะความรู้สึกมันกันไปหมด มันทั้งดีใจที่ผมกับติณณ์รู้สึกเหมือนกัน แต่ก็เสียใจที่เราสองคนมารู้ความรู้สึกของกันและกันช้ากันมาก แต่ก็ยังโชคดีที่ต่างคนต่างไม่มีใคร ผมเลยน้ำตาคลออยู่ที่เบ้า
“ไม่รู้ว่าเขาจะดีใจหรือเปล่านะ”ติณณ์พูดออกมาแล้วยิ้มกว้าง ผมเลยพับกระดาษแล้วมองหน้าเขาก่อนจะยิ้มออกมา
“เราว่า เขาดีใจมากเลยล่ะ”ผมบอกแล้วหัวเราะออกมา ติณณ์ลุกขึ้นแล้วมายืนอยู่ตรงหน้าผมก่อนจะนั่งยองๆ ข้างหน้า
“กาย มันอาจจะช้าไปหน่อยสำหรับคำนี้นะ แต่มันก็คงยังไม่สายไปใช่ไหมที่เราจะบอกว่า เราชอบกายนะ ชอบมาตลอด ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันกับกายเรามีความสุขมากๆ มันจะช้าไปไหมถ้าเราจะบอกว่า...”ติณณ์มองหน้าผมแล้วยิ้มกว้างอย่างเขินอาย
“คบกันไหม ?” ผมยิ้มกว้างกับคำคำนั้นก่อนจะหยิบกล่องไม้ที่ซ่อนไว้ออกมาแล้วก็หยิบรูปที่ผมดูเป็นรูปสุดท้ายขึ้นมา แล้วยื่นให้ติณณ์
“อ่านข้างหลังดิ”ผมบอก ติณณ์เลยอ่านแล้วมองหน้าผม “เราอ่ะชอบติณณ์มานานแล้ว”ผมบอกแล้วยิ้มกว้าง ติณณ์ก็ยิ้มกว้าง
“งั้น...”ติณณ์จับมือผมทั้งสองข้าง
“บางทีการที่เราได้ย้อนความทรงจำกลับไปมันก็ดีเหมือนกันนะ”ผมบอก
“คบกับเรานะ”ติณณ์ถามบอก ผมเลยพยักหน้า “จริงๆ นะ”ติณณ์ถามอีกครั้ง
“จริงดิ”ผมบอกแล้วหัวเราะ แต่เร็วเท่าความคิด ติณณ์พุ่งหน้าเขามาจูบผมอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมรู้สึกร้อนที่ใบหน้าแล้วมองหน้าติณณ์ที่ยิ้มทะเล้นอยู่
“รู้ป่ะ...อยากทำแบบนี้มานานแล้ว ในที่สุดก็ได้จูบสักที”ติณณ์บอกกับผมแล้วก็หัวเราะดัง ผมรักรอยยิ้มของเขาที่สุด ติณณ์มองหน้าผมอีกครั้ง
“ติณณ์รักกายนะ”
“กายก็รักติณณ์เหมือนกัน”ผมบอก ผมไม่รู้ว่าผมจะมีความสุขแบบนี้แค่ไหน แต่ผมรู้ว่าผมได้ติณณ์กลับมาแล้ว กลับมาในฐานะที่ไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นคนที่มากกว่าเพื่อน
“ขอบคุณที่รอติณณ์นะ ติณณ์สัญญาว่าจะรักกายเหมือนตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน”ติณณ์บอกกับผม
“ครับ”
“สองปีที่แล้วเราอาจจะคุยกันในฐานะเพื่อน แต่ถ้าเกิดเรากลับมาอยู่ตรงนี้อีกครั้งในปีหน้า แสดงว่าเรากลับมาที่เดิมในฐานะแฟนนะ”ติณณ์บอกกับผมแล้วส่งสายตาหวานและมีความสุขมากให้ผม ผมรับมันมาด้วยหัวใจที่มีความสุขที่สุด อย่างน้อยการย้อนเวลากลับมาครั้งนี้มันก็เป็นการย้อนเวลาที่หอมหวานและมีความสุข ผมไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้ แต่ผมกับติณณ์เราจะเดินต่อไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมีความสุข
Timehop
1 year ago
Tin Thiti
กลับมาในที่เดิม แต่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม ขอบคุณที่รอนะครับ รักมากๆ – กับ Guy Kawinpat
รูป“ติณณ์ๆ ดูดิ หนึ่งปีแล้วอ่ะ”
“อืม เร็วเนอะ”
“อืมๆ”
“แต่จะผ่านไปกี่ปี ติณณ์ก็รักกายนะครับ ฟอดดดด”
“รู้แล้วน่า นี่ก็หอมแก้มจัง”
“ก็รักอ่ะ ไม่หอมแฟนจะให้หอมใคร”
“ครับๆ”
คุณลองคิดถึงความทรงจำที่สวยงามสิครับ เราย้อนกลับไปไม่ได้ แต่เราสามารถคิดถึงสิ่งที่สวยงามในขณะนั้นได้ แล้วคุณ จะยิ้มเหมือนกับผม
The End