#เนื่องจากแปลงเนื้อหามาจากฟิคชั่นหากจุดไหนยังไม่ได้แก้ไข.. ก็บอกได้เลยนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
Chapter 2" เหม่ออีกแล้ว. . . ถ้าหลานชายฉันออกมาหน้าหงิกงอไม่หล่อขึ้นมามันเป็นความผิดของนายคนเดียวเลยนะปุณ" เสียงหวานติดแหบเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกเป็นห่วงปนฉุนนิด ๆ ที่เห็นว่าที่คุณแม่ท้องแก่ใกล้คลอดเอาแต่นั่งลูบท้องนูนเหม่อลอยตากลมอยู่ ตรงมุมนั่งเล่นที่สนามหน้าบ้าน .. แม้อากาศจะไม่เย็นจัดเหมือน 3-4 วันที่ผ่านมา
แต่คงไม่ดีนักหากคุณแม่คนใหม่นั่งตากลมเย็นสบายที่พัดเอื่อย ๆ อยู่ตลอดเวลาแบบนี้
" มาบ่นเอากับฉันแบบนี้งอนกับพี่ติณมาอีกรึไง " กายบางแต่หากเริ่มอุ้ยอ้ายเพราะอายุครรภ์ที่ย่างเข้าเดือนที่ 8 สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองใบหน้าน่ารักของคุณครูเจ้าของโรงเรียนอนุบาลชื่อดังที่มักจะมีรอยยิ้มเสมอแต่หากบัดนี้กำลังงอง้ำอย่างน้อยคนนักที่จะได้เห็น และเป็นหนึ่งในเจ้าของบ้านหลังใหญ่หลังนี้ที่เค้าอาศัยอยู่นับตั้งแต่ย้ายออกจากห้องชุดสุดหรูใจกลางเมืองและขายกิจการในฝันที่ยังไม่ได้เริ่มกำลังเดินตรงมาหา
" อย่ามาถามกลบเกลื่อน. . ถ้าไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงเจ้าตัวเล็กในท้องบ้าง .. ติณก็บอกอยู่ทุกวันไม่ใช่หรอถ้าคิดมากมันส่งผลถึงเจ้าตัวเล็กในท้องหน่ะ "
เพราะว่าที่คุณแม่คนใหม่มักจะมีอาการแบบนี้ให้เห็นเสมอหากอยู่เพียงลำพังทำเอาคนรอบข้างอดเป็นห่วงไม่ได้
" . . . ฉันขอโทษพี .. ฉันก็แค่ "
" คิดถึงหมอนั่น? " เสียงหวานเอ่ยดักคออย่างรู้ทัน
ใช่.. ทำไมภูมิรพี อัครพนธ์ จะไม่รู้ว่าปุณยวีร์ เพื่อนรักของเขาคิดถึงไอ้บ้ากวินภพ ก้องกฤติกรนั่นมากแค่ไหน
" . . . . . "
" นายจะคิดถึงใครฉันไม่ว่า. . แต่ถ้านายคิดถึงแล้วเอาแต่เครียดแบบนี้ฉันไม่สนุกด้วยหรอกนะ "
" โอเค .. ไม่คิดมาก.. พอใจรึยัง "
" ยัง.. "
" อ้าว. . ยังนี่หมายความว่ายังไง " นัยน์ตากลมโตเจือโศกเมื่อครู่บัดนี้มันกลับเจือความฉงนสงสัยเข้ามาแทนที่ เมื่อมองเพื่อนรักที่นั่งกอดอกตีหน้าจริงจังอยู่ข้าง ๆ
" ฉันรู้ว่านายอยู่แต่ในบ้านคงจะเบื่อ. .. เราออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกดีกว่า.. นะ. .อีกสักพักติณก็จะเลิกงานแล้ว. . น๊า~ "
" อืม. . ไปก็ไป " ใบหน้าที่บูดบึ่งเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นออดอ้อนน่ารักอย่างฉับพลันของคุณครูตัวบางทำเอาคุณแม่คนใหม่อดที่จะยิ้มและกลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ จากภายในไม่ได้
วันนี้เราจะออกไปเที่ยวกันนะครับน้องกันต์.. ดีใจมั๊ยลูก
. . . . .
" ตาวิน .. นี่แกจะทำตัวลอยไปลอยมาแบบนี้อีกนานมั้ย " เสียงหวานแต่หากแฝงไปด้วยอำนาจที่น่าเกรงขามของคุณหญิงแห่งก้องกฤติกรเรียกความสนใจให้ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับเอกสาร สำคัญตรงหน้าได้เป็นอย่างดี
" ผมลอยไปลอยมาตรงไหนครับ .. ผมก็มาทำงานทุกวัน . . พาเกรซไปกินข้าว ดูหนัง ชอปปิ้งตามคำสั่งคุณแม่ทุกอย่าง .. ยังมีอะไรที่สร้างความไม่พอใจให้คุณแม่อีกงั้นหรอครับ " เสียงทุ้มเอ่ยออกมาคลายกับเลื่อนลอยไม่ต่างจากนัยน์ตาคมที่กำลังจดจ้องใบ หน้างามอ่อนกว่าวัยของผู้เป็นมารดาอยู่ แม้ประโยคที่เอ่ยออกมาจะไม่ได้โต้เถียงหรือประชดประชันหากแต่มันคือสิ่งที่ กวินภพกำลังปฏิบัติอยู่ทุกอย่างนั้นกลับทำให้คนฟังรู้สึกร้อนผ่าวทั่วใบหน้าด้วยความโกรธ
" นี่แกย้อนแม่หรอ . . เพราะเลขาที่ชื่อปุณของแกใช่มั้ยที่ทำให้แกเป็นแบบนี้หน่ะตาวิน! "
" ปุณเกี่ยวอะไรด้วยครับ .. หรือว่าที่เขาหายไปเป็นเพราะคุณแม่ " นัยน์ตาคมแต่หากไร้แววเมื่อครู่เบิกโตขึ้นวูบไหวระริกอย่างตกใจเมื่อบุคคล ที่สามถูกดึงเข้ามาเอี่ยวด้วย
" ไม่ใช่เพราะแม่ .. แต่เป็นเพราะความไม่เพียบพร้อมของเด็กนั่นต่างหาก "
" การที่เขารักผม . . การที่เค้าเอาใจใส่ดูแลผมอย่างดี .. ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผมเลย . . เขาไม่ดีไม่มีความเพียบพร้อมตรงไหนครับ .. หรือเพราะว่าเค้าเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไม่มีชาติตระกูลไร้ญาติขาดมิตรอย่างนั้นหรอครับคุณแม่ "
ใช่ ... กวินภพรู้ดีว่าปุณยวีร์รักเขามากแค่ไหน .. และเขาเองก็พึ่งแน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเมื่อคนที่เป็นคนก่อร่างสร้างความรู้สึกเหล่านั้นหนีหายจากเขาไป
และนั่นมันทำให้กวินภพรู้สึกคิดถึงปุณยวีร์แทบบ้า..
" แม่ว่าแม่คุยกับแกเรื่องนี้ไปหลายต่อหลายครั้งแล้วนะตาวิน .. อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะว่าแกออกตามหาเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นอยู่ ถ้าแกยังเห็นว่าแม่เป็นแม่และถ้ายังไม่อยากเห็นแม่ตายลงไปต่อหน้าต่อตาแกก็ ปรับปรุงตัวเองเสียใหม่ .."
" . . . . . "
" .. .อย่าทำให้หนูเกรซต้องเสียใจกับพฤติกรรมของแกอย่างที่ผ่านมาอีก . . เย็นนี้รับหนูเกรซไปเยี่ยมคุณปู่ของเธอด้วย "
" . . . ครับ " ทันทีที่สิ้นเสียงทรงอำนาจของคุณหญิงร่างบอบบางก็เดินหายออกจากห้องทำงานหรูของลูกชายไปทิ้งไว้เพียงร่างสูงที่รับคำออกมาอย่างเลื่อนลอย
' ตาวินลูกรัก .. ลูกกว่าหนูเกรซน่ารักมั๊ย '
' น้องก็น่ารักดีนะครับ .. เอ่อ. . คุณแม่คงไม่ได้หมายความว่า... '
' แม่อยากให้ลูกแต่งงานกับหนูเกรซ '
' แต่ผม. . ผม '
' แต่อะไร. . หรือเพราะเลขาหน้าสวยของลูกถึงทำให้ลูกอึกอักกับแม่แบบนี้ '
' คุณแม่ครับ.. ผม '
' ถ้าลูกคิดที่จะจริงจังกับเด็กนั่นก็หยุดความคิดซะตั้งแต่ตอนนี้เลย .. เพราะลูกสะใภ้ของแม่คือหนูเกรซคนเดียวเท่านั้น '
' คุณแม่ครับ.. ที่ผ่านมาผมทำตามสิ่งที่คุณแม่กับคุณพ่อขีดเส้นและต้องการให้เป็นทุกอย่าง . . แต่เรื่องนี้ผมขอตัดสินใจเองได้มั้ยครับ '
' นี่ลูกคิดจะดื้อกับแม่เพราะเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นงั้นหรอ. . ทั้งที่เราตกลงกันแล้ว .. เอาเถอะถ้าลูกต้องการแม่ก็จะไม่ห้าม .. แต่แม่อยากให้ลูกรู้เอาไว้ว่าแม่เสียใจมาก .. โอ๊ย!!~ '
' คุณแม่! .. เป็นอะไรไปครับ. . เจ็บหน้าอกเหรอหายใจลึก ๆ นะครับผมจะพาคุณแม่ไปหาหมอเดี๋ยวนี้ '
' ไม่ต้อง .. อึก. . ปล่อยให้แม่ตายอยู่ตรงนี้แหละในเมื่อลูกชายคนเดียวของ .. อึก .. แม่ทำเพื่อแม่ไม่ได้ .. แม่ก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะระ. .โอ๊ย!! '
' โอเค! ๆ .. ผมยอมแล้ว ผมจะแต่งงานกับเกรซตามที่แม่ต้องการแต่ตอนนี้แม่ไปโรงพยาบาลกับผมก่อนนะ ครับ. . คุณแม่อย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะครับ '
ก็เพราะผมเห็นว่าคุณแม่คือแม่ที่ผู้ให้ชีวิตผม. .
ก็เพราะผมไม่อยากเห็นคุณแม่อาการหัวใจกำเริบเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาเหมือนครั้งก่อนอีก
ผมถึงยอมทำทุกอย่างที่คุณแม่ต้องการ .. ทั้งที่ความรู้สึกของผมกำลังตายลงไปทีละน้อยแบบนี้ . .
และอีกไม่นานผมก็คงเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เหลือเพียงแต่ร่างกายที่ยังคงหายใจ . . แต่หากไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ อีกต่อไป. . เหมือนอย่างที่คุณแม่ต้องการ
เขารู้สึกขอบคุณที่ท่านนายพลเกิดล้มป่วยขึ้นมากะทันหันเพราะโรคประจำตัวรุมเร้า ทำให้งานหมั้นระหว่างเค้าและกัญญ์วราต้องพักเอาไว้ก่อนจนกว่าประมุขใหญ่ของตระกูลอัตรคุปต์จะอาการดีขึ้น . .
ทั้งที่งานหมั้นควรจะมีขึ้นตั้งแต่ 3 เดือนก่อน
นับตั้งแต่วันที่ปุณยวีร์หนีหายออกไปจากชีวิตของกวินภพ.. จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมากว่า 5 เดือนแล้ว
5 เดือนที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้าและทรมาน
5 เดือนที่ออกตามหาปุณยวีร์ทุกครั้งที่ว่างและทุกคืน . .
ไปทุกที่ที่เคยไปด้วยกัน
ไปทุกที่ที่คิดว่าว่าดวงใจดวงนี้ของเค้าจะไป
ลงทุนแม้กระทั้งจ้างนักสืบเอกชนให้ตามหา
แต่ทุกอย่างมีเพียงแค่ความว่างเปล่าอย่างไร้ร่องรอยของปุณยวีร์
นายหายไปไหนกันนะ. . รู้มั้ยฉันกำลังจะตายเพราะคิดถึงนาย . . ปุณยวีร์
. . . . .
" โอ๊ะ. . "
" ปุณเป็นอะไร! " เสียงอุทานจากร่างอุ้ยอ้ายที่เดินอยู่ข้าง ๆ อีกทั้งท่าทางที่ฝ่ามือบางกุมหน้าท้องกลมมนเสียแน่น ใบหน้าหวานนิ่วน้อย ๆ คล้ายกับกำลังเจ็บปวดทำเอาร่างสูงทิ้งรถเข็นของซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ชั้นใต้ดินของห้างดังผวาเข้าประคองคุณแม่คนใหม่ด้วยความตกใจ
" เปล่าครับ .. ตากันต์ดิ้นแรงไปหน่อย .. สงสัยอยากจะขอบคุณปะป๋าแกมั้งที่เลี้ยงอาหารหรู ๆ ซะอิ่มแปร่เลย คิคิ " ใบหน้าหวานระบายยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะแลบลิ้นออกมาด้วยความเคยชินอย่างน่ารักทำเอาพ่อทูนหัวของหนูน้อยกันติทัตถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก
" อยากขอบคุณปะป๋าก็ไม่บอก. . ทำเอาปะป๋าตกใจหมดเลยรู้มั้ยครับ. . ดิ้นแรงแบบนี้คุณแม่เค้าเจ็บน๊า " ร่างสูงทรุดกายลงอย่างไม่อายผู้คนมากมายที่มาเดินจับจ่ายซื้อของที่เริ่มมอง การกระทำของเค้าเลยแม้แต่น้อยใบหน้าคมอยู่ในระดับหน้าท้องกลมนูน ฝ่ามือใหญ่ลูบทักทายเจ้าตัวเล็กผ่านเนื้อผ้านั้นกำลังสร้างความจั้กกะจี้และ ความเขินอายให้คุณแม่คนสวยกับสายตาหลายสิบคู่ที่กำลังมองอยู่
" สงสัยรู้ว่าพี่ติณดุแกแน่เลย .. ดิ้นซะเบาเชียว "
" พี่เปล่าดุสักหน่อย .. อย่าเผลอพูดแบบนี้ให้ม่าม๊าของกันต์ได้ยินเข้าล่ะ. . พี่โดนตีตายแน่ ๆ ที่ไปว่าลูกชายเขาหน่ะ " ร่างสูงยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนใบหน้าคมจะทำหน้าปนสยองเล็กน้อยเมื่อนึกไปถึงความดุดันของภรรยาที่เคารพรัก
" โอเค .. ไม่พูดก็ไม่พูด .. ว่าแต่ทำไมพีไปเข้าห้องน้ำนานจังเลย . . " นัยน์ตากลมโตกวาดมองไปรอบ ๆ ผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมามากมายแต่หากมองไปทางไหนก็ไม่เห็นใครที่จะเหมือน หรือคล้ายเพื่อนรักร่างเล็กของตัวเองเลยแม้แต่คนเดียว. . แต่หากทุกอย่างกลับแน่นิ่งราวกับโลกกำลังหยุดหมุนเมื่อ. . .
" นั่นสิ. . ซื้อของจนจะครบแล้วยังไม่มาอีก "
" . . . !!! . . . "
" ปุณ. . เป็นอะไร. . ปุณยวีร์ " ร่างสูงเขย่าร่างอุ้ยอ้ายที่ยืนนิ่งราวกับถูกสาปอีกทั้งใบหน้าหวานซีดเผือดอย่างน่าตกใจด้วยความความเป็นห่วง
ค.. คุณกวินภพ!
" พ. . พี่ติณ. . ปุณ . . อ ..อยากกลับบ้าน " เสียงหวานแหบพร่าราวกับขาดน้ำมาเป็นเวลานานเอ่ยตะกุตะกักจนร่างสูงนึกแปลกใจ
" แต่เรายังซื้อของไม่ครบเลยนะจะรีบ.. "
" ปุณ! .. นายจริง ๆ ด้วย "
เสียง ๆ หนึ่งที่คนหนึ่งคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับอีกคนหนึ่งกลับไม่คุ้นเอาเสียเลยสร้าง ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงให้กับคนทั้งคู่ .. แต่ก่อนที่สมองของนายแพทย์หนุ่มจะประมวลอะไรได้ร่างอุ้ยอ้ายก็สะบัดกายออกจากการเกาะกุมและวิ่งออกไปทันที
" ปุณอย่าวิ่ง! "
เสียง ร้องอย่างตกใจจากนายแพทย์หนุ่มก่อนเจ้าตัวจะวิ่งตามไปติด ๆ แต่หากใครอีกคนกลับสาวเท้าเร็วกว่าหลายช่วงตัวและรวบร่างอุ้ยอ้ายของคุณแม่คนใหม่ไว้ในอ้อมกอดทันที
" หยุดเดี๋ยวนี้นะปุณยวีร์! .. นายหายไปไหนมารู้มั้ยฉันตามหานายจนทั่วแล้วขายร้านทำไม นายทิ้งฉันไปทำไม! "
" ปล่อยผมนะครับ .. " กายบางแต่หากอุ้ยอ้ายพยายามขืนกายออกจากความอบอุ่นที่โหยหามาตลอดอย่างยากลำบาก นัยน์ตากลมโตแดงก่ำแต่หากไม่มีน้ำตาไหลออกมา
ณ ขณะนี้ความรู้สึกดีใจ คิดถึง หวาดกลัว และสับสนกำลังตีรวนกันมั่วไปหมดจนไม่รู้ว่าตอนนี้เค้ากำลังรู้สึกอะไรอยู่กันแน่ ..
" น .. นายท้องหรอ. . นายท้องลูกของฉันใช่มั้ย! " เมื่อร่างสูงผละกายปล่อยให้ร่างในอ้อมกอดที่ดูเหมือนจะมีน้ำมีนวลกว่าเมื่อ ก่อนชั่วครู่แต่ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้ร่างบางหลุดการเกาะกุมไปได้ .. เมื่อจับกายบางหันกลับมาเผชิญหน้ากัน
หน้าท้องกลมนูนของร่างตรงหน้า อีกทั้งชุดเดรสกึ่งเชิ้ตสีฟ้าเบาสบายที่เค้าพึ่งสังเกตเห็นทำให้ก้อนเนื้อในอกรู้สึกพองโตอย่างประหลาด
" คุณกวินภพ. . กรุณาปล่อยปุณก่อนครับ " มือหนาจับข้อมือบางของน้องชายต่างสายเลือดเอาไว้แน่น .. ก่อนจะเอ่ยขออย่างสุภาพ
" คุณเป็นใคร "
" ผมติณณภพ .. เป็น... "
" เค้าเป็นสามีของผมเองครับ. . กรุณาปล่อยผมเถอะผม..อึดอัด " ร่างสูงที่ยังคงแนะนำตัวเองยังไม่จบเสียงหวานก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน .. ก่อนจะขืนกายออกจากการเกาะกุมของร่างสูงตรงหน้าได้อย่างง่ายดาย .. ทั้งที่ต้องการหลุดออกจากเกาะกุมนั้นแต่หากปุณยวีร์กลับรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
" น .. นายว่าอะไรนะ .. สามีของนายงั้นหรอ!? "
" ครับ. . พี่ติณเป็นสามีของผมเอง .. และเด็กในท้องก็เป็นลูกของเขาด้วย .. ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ .. ไปครับพี่ติณ.. ปุณอยากกลับบ้าน " สีหน้าที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของร่างสูงตรงหน้า ทำเอาร่างบางรู้สึกเหมือนมีก้อนหนามแหลมจุกอยู่ที่กลางอกขึ้นไปถึงลำคอ รู้สึกจุกและเจ็บไปหมดแต่หากเสียงหวานที่แหบพร่าก็พยายามเปล่งเสียงออกมา อย่างยากลำบาก
สิ้นประโยคที่สร้างความเจ็บปวดให้กับทั้งคนฟังและคนพูดร่างอุ้ยอ้ายก็หันหลังกลับและเดินออกไปโดยมีร่างสูงของนายแพทย์หนุ่มประคองอยู่ไม่ห่าง
นัยน์ตากลมโตที่มักจะทอประกายสุกใสและมีเค้าอยู่ ในนั้นเสมอแต่เมื่อครู่นัยน์ตาคู่นั้นกลับว่างเปล่าอย่างน่าใจหาย. . และมันคล้ายกับมีมนต์สะกดให้ร่างสูงยืนแน่นิ่งราวกับถูกสาป
สมองว่างเปล่าและขาวโพลนไปหมด. . ทั้งมึนทั้งชายิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าร่างบางเมื่อครู่หนีหายเค้าไปเมื่อหลายเดือนก่อนหลายเท่านัก
กว่าสมองจะเริ่มประมวลสิ่งที่ได้รับรู้ร่างบางแต่หากอุ้ยอ้ายก็เดินหายไปแล้ว
" เดี๋ยวสิปุณ .. .กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน. . ปุณยวีร์!! "
ทันทีที่ถูกประคองเดินมาถึงลานจอดรถเรียวขายาวก็สั่นพร่าเรี่ยวแรงหายไปเสียเฉย ๆ หากไม่มีมือหนาของพี่ชายต่างสายเลือดโอบประคองเอาไว้ร่างทั้งร่างคงทรุดลง กับพื้นซีเมนต์แข็ง ๆ เป็นแน่
" ทำไม่ถึงบอกเค้าไปแบบนั้นล่ะปุณ "
" ถึงบอกไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรนี่ครับ .. อีกไม่นานเค้าก็จะแต่งงานแล้ว . . ผมบอกพี่แล้วไงว่าเราอยู่กันแค่ 2 คนแม่ลูกได้ . . โอ๊ย!! " นัยน์ตากลมโตที่เลื่อนลอยแต่หากแดงก่ำน้ำอุ่นใสเริ่มรืนรินไหลย้อนขึ้นมา เรื่อยจนล้นอาบแก้มเนียนความเจ็บปวดที่ไม่เคยเลือนหายกลับถาโถมเล่นงานว่าที่คุณแม่อีกครั้ง. . แต่หากเพียงแค่เริ่มก้าวเท้าก้าวแรกหมายจะเดินไปที่รถที่จอดอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรอยู่ ๆ ความจุกเสียดก็จู่โจมร่างอุ้ยอ้ายเข้าอย่างจัง
แขนเรียวเล็กโอบประคองหน้าท้องกลมคลายกับหวงแหนก่อนจะค่อย ๆ ทรุดกายลงช้า ๆ เพราะยืนไม่อยู่จนนายแพทย์หนุ่มต้องค่อย ๆ ประคองร่างอุ้ยอ้ายนั่งลงช้า ๆ เหยียดขาตรงและให้แผ่นหลังบางพิงกับอกกว้าง
" ปุณ!. . เป็นอะไรปวดท้องหรอ. . ใจเย็น ๆ หายใจลึก ๆ เดี๋ยวพี่จะพาเราไปโรงพยาบาลทนอีกนิดนะ " ฝ่ามือหนาลูบซับเหงื่อเม็ดโตที่ผุดขึ้นทั่วใบหน้าซีดขาวมากมายอย่างร้อนรน
" อื้อ.. ผมเจ็บท้อง . . เจ็บมาก "
" ปุณ!! " ยังไม่ทันที่นายแพทย์หนุ่มจะช้อนอุ้มร่างอุ้ยอ้ายเอาไว้ในอ้อมกอดเพียงเสี้ยววินาทีก็ทำเอานายแพทย์หนุ่มถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ ๆ ร่างที่อยู่ในวงแขนนั้นหมดสติไปต่อหน้าต่อตา
. . . . .
** มีต่อนะคะ **