#เนื่องจากแปลงเนื้อหามาจากฟิคชั่นหากจุดไหนยังไม่ได้แก้ไข.. ก็บอกได้เลยนะคะ
Chapter 3" เป็นห่วงเขารึไง .. ถ้าเป็นห่วงก็พาเขาเข้ามาข้างในก่อนสิ "
" พี่ติณ!. . ตกใจหมดเลย! . . ผมเปล่านะ " น้ำเสียงทุ้มที่คุ้ยเคยแว่วดังในระยะประชิดทำเอาว่าที่คุณแม่ที่เอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง. .
หรืออีกนัยหนึ่งคือเหม่อมองเลยออกไปบริเวณนอกรั่วบ้านที่มีใครบางคนยืนกอดอกพิงรถคันหรูชะเง้อคอยาวพยายามมองเข้าไปภาย ในตัวบ้านหลังใหญ่เช่นกัน . . ถึงกับสะดุ้งตกใจยกมือลูบอกเรียกขวัญให้ตัวเองพลางมองตัวต้นเหตุเสียตาขวาง. . ทั้งที่มันควรจะน่ากลัวแต่มันกลับดูน่ารักและเรียกเสียงหัวเราะน้อย ๆ ให้กับนายแพทย์หนุ่มเสียมากกว่า
" อยู่ใกล้กันแค่นี้เสียงดังทำไม.. หูจะแตก "
" พีเสียงดังกว่าผมอีก.. ทำเป็นมาบ่น ชิส์ " เมื่อเห็นพี่ชายต่างสายเลือดอมยิ้มกลั้นขำก็ทำเอาคนสวยแจกค้อนวงใหญ่เข้าให้ด้วยความหมั่นไส้
" เหมือนกันที่ไหน.. เอ่อๆ ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นพีให้มาตามไปกินข้าว "
" แต่... " นัยน์ตาสีดำสนิทกลมโตเหลือบมองไปยังนอกหน้าต่างอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ หันกลับมา
" ไม่มีแต่. . . อย่าบอกนะว่ายังไม่หิว. . ถึงยังไม่หิวก็ต้องกินแล้วก็ต้องกินให้ตรงเวลาด้วยเข้าใจมั้ย. .วันนี้พีเค้าลงครัวเองเลยนะ.. ไปด้วยกันเลยเดี๋ยวพี่ก็โดนพีว่าอีก "
" ... บ่นทำไมยืดยาว "
" นี่เป็นห่วงนะเนี้ย.. ยังจะมาว่ากันอีก " คราวนี้กลับเป็นนายแพทย์หนุ่มเสียเองที่บ่นอุบขึ้นมาอย่างไม่จริงจังนัก.. แต่หากทั้งหมดล้วนมาจากความเป็นห่วงทั้งน้องชายสุดดื้อกับหลานชายในท้องเสียมากกว่า
" อะไรกันสองคนนี่ .. ติณนี่ยังไงให้มาตามปุณนะไม่ได้ให้มาเถียงกัน .. มากินข้าวได้แล้วทั้งคู่เลย " เสียงหวานแหลมติดแหบดังแหวกกลางวงสนทนาขึ้นซึ่งต้นทางมาจากห้องรับประทาน อาหารที่อยู่ไม่ไกลจากห้องนั่งเล่นเท่าไหร่นักทำให้ว่าที่คุณแม่คนใหม่จำต้องลุกตามแรงประคองของนายแพทย์หนุ่มที่กำลังพยายามตีหน้านิ่งแต่หากกลับอมลมกลั้นขำพลางยักคิ้วให้ว่าที่คุณแม่ที่อมลมยู่ปากสีแดงฉ่ำอย่างไม่พอใจที่ พี่ชายต่างสายเลือดกำลังมองมาอย่างผู้ชนะ
กลัวน้องกันต์จะหิวหรอก. . หัวเราะเข้าไปเถอะถ้าตัวเองโดนพีดุขึ้นมาก็จ๋อยเป็นหมาเหงาเหมือนกันนั่นแหละไอ้พี่บ้า!
" ถ้าเป็นห่วงพ่อของลูก.. เดี๋ยวฉันไปตามให้ก็ได้นะ .. เอาแต่เขี่ยข้าวแบบนั้นหลานรักของฉันคงอิ่มหรอก " เสียงหวานติดแหบที่เอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอยคล้ายกับกำลังพูดอยู่คนเดียวโดย ที่ตัวเองยังคงก้มหน้าก้มตาตักอาหารน่าตาน่ารับประทานที่อุดมไปด้วยสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่เหมาะสำหรับคนท้องเข้าปากตัวเองอย่างไม่ใส่ใจทำเอาว่าคุณแม่คนใหม่ถึงกับสะดุ้งน้อยๆและหยุดเขี่ยอาหารในจานทันทีทั้งที่เสียงที่แว่วมาลอยๆ นั้นไม่ได้ดังอะไรมากมาย
" เปล่าสักหน่อย .. ก็แค่ยังไม่หิวเท่าไหร่. . เมื่อตอนบ่ายกินผลไม้เยอะไปหน่อยก็แค่นั้นเอง "
" งั้นก็แล้วไป. . เดี๋ยวกินเสร็จแล้วฉันจะไปไล่ให้เขากลับไปเลยดีมั้ย .. อีกอย่างจอดรถขวางทางขับรถเข้าบ้านก็ลำบากแถมยังทำให้นายต้องคอยไปยืนดูบ่อยๆ อีก เครียดมากๆ หลานฉันสุขภาพจิตเสียพอดี "
" ก็ตามใจนายสิ . . ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย " เสียงหวานรับคำอย่างผะแผ่ว ใบหน้าหวานนิ่งเฉยพลางตักอาหารในจานของตัวเองเข้าปากราวกับว่ามันอร่อยเหลือเกินทั้งที่ตั้งแต่สิ้นประโยคของเพื่อนรักลิ้นเล็กก็แทบจะไม่สามารถรับรสได้อีก
ในใจวูบโหวงและรู้สึกหน่วงวูบหวิวไปหมดแต่หากมันกลับถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าหวานที่เรียบเฉยได้อย่างมิดชิด
แต่หากเจ้าตัวคงไม่รู้ตัวว่านัยน์ตากลมโตของตัวเองนั้นกำลังวูบไหวมากแค่ไหน .. และคงยังไม่รู้ตัวว่ามีสายตาอีก 2 คู่ที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกำลังลอบมองอยู่
" งั้นก็ดี.. ติณไปไล่ให้ไอ้หมีป่าซื่อบื่อนั่นกลับไปเถอะ เดี๋ยวนี้เลยนะ . . เห็นแล้วรำคาญลูกตา อีกอย่างฝนตกแล้วด้วยเกิดมาปอดบวมตายหน้าบ้านขึ้นมาก็ต้องเดือดร้อนหาบ้านใหม่อีก.. เอ๊า!. . เอาแต่มองอ้าปากห้อยๆ อยู่ได้เค้าบอกให้ไปก็ไปสิ ไล่ไปให้ไกลๆ เอาแบบไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีกนะ " นัยน์ตาเรียวเล็กสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองคุณแม่คนใหม่ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินเพียงชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยสั่งร่างสูงที่กำลังนั่งรับประทานในส่วนของตัวเองอยู่ข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เย็นเหยียบทำเอาทุกการเคลื่อนไหวภายในห้องอาหารหยุดนิ่งสนิทราวกับถูกสาปทันที
" อะ. . จ๊ะ ๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ . . ไล่ไปให้ไกลๆ แบบไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีกนะ. .จ๊ะ "
" เอ่อ.. พี . . " เมื่อเห็นร่างสูงลุกออกไปทันทีที่สิ้นเสียงสั่งก็ทำเอาว่าที่คุณแม่คนใหม่ถึงกับพูดไม่ออก
" อะไรอีกล่ะ. . รีบๆ กินเถอะหลานฉันหิวแล้ว "
นี่นายให้พี่ติณออกไปไล่คุณวินจริง ๆ หน่ะหรอพี..
. . . . .
" นี่มันอะไรกันค่ะคุณ. . คุณมาทำงานได้ยังไงแล้วตาวินค่ะหายไปไหน นี่บ้านช่องก็ไม่ยอมกลับตั้งเป็นอาทิตย์แล้วที่คอนโดก็ไม่อยู่ " เสียงหวานที่เคยอ่อนเสมอแต่หากน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันบัดนี้หวีดแหลมออกมา ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคุณหญิงผู้สง่างามแห่งตระกูลกำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ ใด
และความกรุ่นเดือดยิ่งพุ่งสูงขึ้นทันทีที่เปิดประตูเข้ามา แล้วกลับพบว่าร่างสูงสง่าที่กำลังนั่งอ่านรายงานการประชุมครั้งก่อนบนเก้าอี้หนังของผู้บริหารระดับสูงนั้นคือสามีของนางที่ได้วางมือจากการทำงานไปแล้วตั้งแต่กวินภพเข้ามาบริหารธุรกิจในเครืออย่างเต็มตัวแทนที่จะเป็นลูก ชายเพียงคนเดียวดังที่ควรจะเป็นและคือต้นเหตุแห่งความคุกรุ่นอยู่ของนางอยู่ในขณะนี้
" บ่นจบแล้วใช่มั้ยคุณหญิง " ใบหน้าคมคายคล้ายรูปสลักผู้ส่งมอบความคมคายให้กับกวินภพผู้เป็นลูกชายอย่างเต็มเปี่ยมแต่หากดูจะต่างกันก็แค่ตรงที่ริ้วรอยแห่งวัยบนใบหน้าคมเท่านั้น .. นัยน์ตาคมดุจพญาเหยี่ยวล่ะความสนใจจากตัวอักษรตรงหน้ามาอยู่ที่ใบหน้าสวยหวานของภรรยาที่บ่งบอกได้ถึงความโกรธเกรี้ยวแทนก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงโทนเรียบ
" คุณปกรณ์! "
" ผมไม่รู้หรอกว่าเจ้าวินมันหายหัวไปไหน .. แต่เห็นว่าทำหนังสือลาพักร้อนและขอผมให้มาดูงานแทน 1 เดือน "
" ลางานตั้ง 1 เดือน!? .. ทำไมคุณถึงไม่บอกฉันสักคำแล้วปล่อยให้ลูกทำตามอำเภอใจแบบนี้ได้ยังไงค่ะ .. เป็นถึงผู้บริหารแต่กลับทำตัวแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน "
เมื่อรู้สาเหตุแต่หากยังหาเบาะแสไม่ได้ว่าที่ลูกชายตัวดีหายไปไหนอารมณ์ที่กรุ่น เดือดกลับพุ่งสูงขึ้น. . เพียงแค่ไปฝรั่งเศสแค่ 2 อาทิตย์เจ้าลูกชายตัวดีก็ก่อเรื่องให้คนเป็นแม่อย่างนางต้องร้อนใจพอจะสืบถามให้รู้เรื่องเจ้าตัวกลับหนีหายไปไหนก็ไม่รู้
" แล้วไอ้ที่ลูกทำตามใจพวกเรามาตลอดเกือบ 30 ปีนี่มันยังไม่พออีกเหรอคุณหญิงเขมจิรา "
" แต่ที่ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อลูกนะคะคุณ ..แกเป็นชีวิตของฉัน คุณก็รู้ว่าฉันรักแกมากแค่ไหนแล้วคุณว่าฉันแบบนี้ได้ยังไง "
" ผมรู้ว่าคุณรักเจ้าวินยิ่งกว่าชีวิต .. อยากจะให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด . . ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างจากคุณ . .แต่คุณกลับไม่เคยมองเลยว่าสิ่งๆ นั้นมันคือสิ่งที่ลูกต้องการรึเปล่า "
" แล้วหนูเกรซไม่ดีหรือมีข้อบกพร่องตรงไหน .. ตาวินถึงทำตัวแบบนี้ . . ถึงขั้นที่หนูเกรซต้องมาขอถอนหมั้น "
" ผมขอถามคุณหน่อย. . แล้วปุณยวีร์ไม่ดีหรือมีข้อบกพร่องตรงไหนคุณถึงตั้งท่ารังเกียจเด็กคนนั้น "
" ฉันไม่ได้รังเกียจ! . . ฉันยอมรับนะว่าในสายตาของฉันปุณยวีร์คือเด็กที่ดีที่สุดมากคนหนึ่ง .. หน้าตาก็น่ารักดีแถมยังทำงานเก่งตาวินก็เอาการเอางานมากขึ้นเพราะเด็กคน นั้น. . แต่. . เด็กนั่นไม่มีหัวนอนปลายเท้า พ่อแม่เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ . . ส่วนหนูเกรซมีทุกอย่างทั้งหน้าตา การศึกษา และชาติตระกูลเก่าแก่เป็นที่รู้จักในสังคม " สิ่งที่อยู่ส่วนลึกภายในจิตใจของนายหญิงแห่งตระกูลก้องกฤติกรพรั่งพรูออกมาจากกลีบปากอิ่มสวย
" อื้ม~ . . ผมก็เห็นด้วยกับคุณนะ. . ที่คุณพูดมาหน่ะถูกทุกอย่างเลย "
" เห็นมั้ยล่ะว่าสิ่งที่ฉันเลือกให้วินคือสิ่งที่ดีที่สุด. . แต่เขากลับไม่เห็นคุณค่าของมันเลย "
" แต่ถ้าต้องเลือก..ระหว่างหน้าตาทางสังคมกับความสุขของลูกผมเลือกอย่างหลังนะ "
" คุณปกรณ์! "
" ผมขอร้อง. . คุณอย่าได้คิดว่าสิ่งที่ลูกทำอยู่นั้นเป็นการต่อต้านหรือที่ทำไปเพราะเขาไม่ได้รักคุณเลย. . " ร่างสูงสง่าลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินเข้าหามือหนากุมมือบางเอาไว้น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยบอกภรรยาอันเป็นที่รักอย่างอ่อนโยน. .
รู้ดีว่าที่ภรรยาทำลงไปทั้งหมดนั้นเพียงเพราะความรักที่มีให้กับลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขา
และรู้ดีว่าลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขาต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่พวกเขายัดเยียด ให้มากแค่ไหน . . ทั้งที่เป็นพ่อและใช่ว่าเขาจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ภรรยาทำลงไปในครั้งนี้แต่กลับไม่ทำอะไรเลยแม้แต่จะห้ามปราม
เพราะเขาก็เพียงแค่คิดว่าอยากจะให้ลูกชายได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเหมือนกัน. . และในวันหนึ่งที่ลูกชายเพียงคนเดียวเขาเดินเข้ามาคุกเข่าลงต่อหน้าเอ่ยขอต่อเขาอ้อนวอนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน . . และเอ่ยสัญญาว่าทั้งชีวิตนี้ขอเพียงแค่ได้เลือกคู่ครองที่จะต้องใช้ชีวิต ร่วมกันกับอีกครึ่งชีวิตที่เหลือเท่านั้นแล้วจะไม่ร้องขออะไรจากพวกเค้าอีกเลย
จากเรื่องราวที่เอ่ยออกจากปากลูกชายทั้งหมดเค้าก็ได้รับรู้ว่าเรื่องนี้เขาคิดผิดที่พร้อมใจให้ทุกอย่างเป็นไปตามสิ่งที่ภรรยาต้องการ. . .
ผิดอย่างมหันต์
" . . ฮึก. . "
" อ่า. . คุณคงไม่อยากมีหลานชายที่เกิดจากแม่ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าสินะ "
" ฮืม..เมื่อกี้คุณพูดว่าไงนะคะฉันได้ยินไม่ถนัด "
" ไม่มีอะไรหรอก. . ผมก็พูดไปเรื่อยเปื่อยอย่าใส่ใจเลย .. ว่าแต่คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าเจ้าวินมันรักคุณมากที่สุดในโลก. . รักแบบไม่มีใครสามารถแทนได้ . . แต่ตอนนี้คนที่เจ้าวินมันรักมากที่สุดกำลังทำร้ายตัวของแกเองจากความรักที่คนๆ นั้นก็มีให้เหมือนกัน "
" . . ฮึก. . ฉัน " เหตุผลที่เอ่ยผ่านจากน้ำเสียงอันอ่อนโยนของผู้เป็นสามีทำเอาหยาดน้ำเม็ดโต รืนรินขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้ทั้งที่ปลายนิ้วอุ่นของสามีพึ่งเกลี่ยเช็ดให้มันเหือดแห้งไปไม่นาน
" จริงอยู่ที่มันอาจจะเจ็บปวดมาก. . . และเจ้าวินมันก็เข้มแข็งพอที่จะทนกับมันได้เพราะรู้ดีว่ามันคือสิ่งที่ดี ที่สุดที่คนที่เจ้านั่นรักมากที่สุดเลือกไว้ให้ "
" . . . . . "
" แต่ตอนนี้คุณรู้มั้ยว่าเจ้าวินมันกำลังเจ็บปวดเป็นเท่าทวีคูณเพราะคนที่เจ้านั่นรักมากที่สุดกำลังทำร้ายเจ้านั่นอย่างไม่รู้ตัวพร้อมๆ กันถึง 2 คน "
" คุณ .. หมายถึงปุณยวีร์งั้นหรอ .. แต่ฉันคิดว่าตาวินก็แค่กำลังหลง " แม้จะคล้อยตามและยอมจำนนในเหตุผลที่สามีเอ่ยออกมาแต่หากด้วยความดื้อรั้นที่ไม่ได้เคลือบแฝงการเอาชนะของคุณผู้หญิงแห่งตระกูลก้องกฤติกรก็ทำให้เอ่ยค้านขึ้นมาเล็กๆ
" แล้วไอ้ที่เขาอยู่ด้วยกันมาตั้ง 3-4 ปี นี่คุณว่าพวกเค้าแค่กำลังหลงกันอยู่งั้นหรอ . . "
" แล้วฉันคิดผิดตรงไหน "
" เฮ้อ~ ก็ไม่ผิดหรอก. . . แต่ผมว่าผมคิดถูกแล้วหล่ะที่ปล่อยให้เจ้าวินมันทำตามอำเภอใจซะบ้าง. . อย่างน้อยถ้าเกิดอะไรขึ้นมามันก็จะไม่ต้องมาโทษเราหรือมาเสียใจที่หลังถ้ามันตัดสินใจผิด " เมื่อเห็นภรรยาคนสวยยังคงดื้อรั้นแบบนี้ก็ทำเอาอดีตท่านประธาน KPK Corporation ถึงกับถอนใจยาว ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเข้าประชุมแล้ว
" คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคุณปกรณ์ "
" คุณรู้สิ.. ว่าผมกำลังหมายความว่ายังไง . . กลับไปคิดทบทวนในสิ่งที่คุณทำลงไปให้ดีๆ ผมไม่อยากให้คุณต้องมาเสียใจทีหลังเพราะการกระทำของคุณเอง .. ได้เวลาแล้วผมไปประชุมก่อนนะ "
" เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูกเลย.. "
. . . . .
" ทานของว่างคะคุณปุณ "
" ขอบคุณครับ. . วันนี้แอปเปิ้ลกับโยเกิร์ตอีกแล้วหรอครับ " เสียงหวานรับคำ กลีบปากสีแดงฉ่ำระบายยิ้มบางๆ ก่อนนัยน์ตากลมโตจะฉายแววฉงนสงสัยเมื่อเห็นว่าอาหารว่างที่แม่บ้านวัยสามสิบตอนปลายยกมาให้มันคือเมนูเดียวกันกับเมื่อวานเปะ
ทั้งที่ตลอดกว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเมนูอาหารว่างเพื่อสุขภาพเหมาะสำหรับคนท้องมีมาไม่ซ้ำกันสักวัน. .
ทุกวันจะมีกระเช้าที่ข้างในจุไปด้วยนมสดใหม่สำหรับ 1 วัน ผลไม้ 1 อย่าง โยเกิร์ต ของสดที่อาจจะเป็นเนื้อปลา เนื้อหมู หรือเนื้อไก่ตามแต่จะสลับสับเปลี่ยนกันมา ไข่ไก่ ผักสดสำหรับประกอบอาหารครบ 3 มือในแต่ละวัน
และรู้ดีว่าอาหารที่มี ประโยชน์หลากหลายคุณค่านั้นมาจากใคร. . ทั้งที่นับตั้งแต่ถูกติณณภพเชื้อเชิญให้กลับไปนัยน์ตากลมโตก็ไม่เคยเห็นร่างสูงเจ้าของรถคันหรูที่จอดหน้าบ้านนานนับสัปดาห์อีกเลย
" ค่ะ .. เป็นของที่เหลือจากเมื่อวาน. . เอ่อ.. คือวันนี้คุณคนนั้นเขายังไม่เอากระเช้ามาส่งเลยค่ะ. . พอดีว่าพี่เห็นของเมื่อวานเหลืออีกเยอะแยะก็เลยจัดมาให้ทานก่อนไม่อยากให้เลยเวลาอาหารว่าง "
" ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยหนิครับ. . ใครจะมาหรือไม่มามันก็เรื่องของเขาไม่เกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อย "
เขาคงเบื่อที่จะทำอะไรซ้ำๆ ซากๆ แบบนี้แล้วต่างหากละฮะพี่ยิ้ม
" ค่ะ. .ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว .. เดี๋ยวพี่ขอตัวไปเตรียมอาหารเย็นก่อนนะคะเห็นคุณติณบอกว่าเย็นนี้จะมีแขกมาด้วย " ใบหน้าอิ่มอมยิ้มน้อยๆ อย่างนึกเอ็นดูว่าที่คุณแม่ที่ดูหงอยเหงาลงไปถนัดตาแต่หากยังคงพยายามปั้น หน้ายิ้มให้กับหล่อน
" คุณปุณค่ะ! .. พี่ยิ้ม.. แย่แล้วค่ะแย่แล้ว!!~ "
" อะไรกันยัยจุ้มจิ้มนี่. . กะโตกกะตากไปได้เห็นมั้ยคุณปุณตกใจหมด .. ฟ้องคุณพีซะดีมั๊ยเนี้ย " แม่บ้านวัยเลขสามตอนปลายเอ็ดสาวใช้วัยไม่ถึงยี่สิบปีที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้า มาแถมยังโหวกเหวกโวยวายจนคุณแม่คนใหม่และหล่อนเองถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ
" ขอโทษค่ะ "
" ไม่เป็นไร. . ฉันไม่ได้ตกใจอะไรขนาดนั้น.. พี่ยิ้มอย่าไปดุจุ้มจิ้มเลยครับ .. ว่าแต่วิ่งหน้าตาตื่นแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า " ทั้งที่ตัวเองก็ตกใจอยู่มากแต่เมื่อเห็นสาวใช้ถึงกับหงอยด้วยความรู้สึกผิดก็อดสงสารไม่ได้
" อ๋อ.. จริงสิ! .. เอ่อ .. เมื่อกี้ตอนจุ้มจิ้มกลับมาจากจ่ายตลาดจุ้มจิ้มเห็นรถคันสวย ๆ ของคุณคนที่หล่อๆ ที่เอากระเช้าอาหารมาให้คุณปุณทุกวันจอดอยู่ซอยข้างบ้านเราค่ะ! "
" ร.. เหรอ. . แล้วไง ทำไมเธอถึงวิ่งหน้าตื่นมาแบบนี้ " สิ้นประโยคบอกเล่าด้วยน้ำเสียงร้อนรนและตื่นเต้นของสาวใช้ร่างเล็กก็ทำเอามือบางทาบอกรู้สึกใจหายวาบฉับพลันมันกลับรู้สึกพองโตอย่างประหลาด
" จุ้มจิ้มเห็นคุณเขาอยู่ในรถ . . ก็เลยจะเข้าไปทักพอเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าคุณเขาหลับเหมือนคนหมดสติเลยค่ะ จุ้มจิ้มเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตอบแถมยังตัวร้อนจี๋อีกต่างหาก "
แต่หากเพียงเสี้ยววินาทีมันกลับหายวาบจนรู้สึกวูบโหวงทั่วในห้วงอกและถูกความกังวลใจ หวาดกลัวแทรกซึมเข้ามาอย่างรวดเร็ว
" ตอนนี้รถจอดอยู่ซอยข้างบ้านใช่มั๊ย. . พี่ยิ้มตามสนให้ด้วยนะครับ "
" ได้ค่ะ. . อ๊ะ! . .คุณปุณค่อย ๆ เดินค่ะอย่าวิ่ง.. ยัยจุ้มจิ้มมัวแต่ยืนเอ๋ออยู่นั่นแหละตามคุณปุณไปสิเร็ว!! "
" จ้ะ พี่ยิ้ม!! "
**มีต่อนะคะ**