จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 30] [12 - 9 - 59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 30] [12 - 9 - 59]  (อ่าน 60034 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0


ตอนที่ 27



 

 

          ร่างสูงเล่นเอ่ยขอแบบหน้าด้านๆ พร้อมกับส่งสายตาที่แลดูติดจะออดอ้อนมาให้ด้วย ผมนอนใจเต้นตึกตักรัวๆ แทนที่จะหยิบยื่นลิ้นออกไปให้ตามที่ขอ ผมกลับขบกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่น


          ไม่ใช่เพราะหวง แต่เพราะตื่นเต้นและรู้สึกหัวใจพองโตต่างหาก


          “วิป” เรียกอีกครั้งเพื่อกระตุ้น


          ผมรวบรวมสติสตางค์กลับมาแล้วหลับตาปี๋อ้าปากยื่นลิ้นออกมาตามที่อีกฝ่ายขอ ร่างสูงยิ้มรับนิดๆ แล้วโน้มใบหน้าลงมา อ้าปากเม้มปลายลิ้นของผมเบาๆ เล่นเอาขนลุกซู่ไปทั่วร่าง ร่างหนาค่อยๆ แทะเล็มไปทีละนิดอย่างไม่รีบร้อน อารมณ์ประมาณว่าขนมหวานตรงหน้านี้ยังไงก็ได้กินจนอิ่มแน่ๆ


          โอ๊ย กูคิดอะไรอยู่!


          ผมรู้สึกมือไม้ตัวเองเกะกะไปหมด ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนดี พี่กันคนดีของผมเลยช่วยหาที่วางให้ โดยการรั้งแขนผมทั้งสองข้างให้ยกขึ้นกอดรอบลำคอแกร่ง ส่วนตนเองนั้นก็มัวเมากับริมฝีปากผมไม่เลิก


          ล่องลอย~ ล่องลอยสุดๆ แล้วในตอนนี้ มันนุ่มนวลชวนให้เคลิบเคลิ้มแล้วค่อยเพิ่มความหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ผมเบ้หน้าเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ปลายลิ้น


          รุนแรงไปนะหื้อออ~


          “อะ…อื้ม~” เสียงร้องครางหลุดออกมาเบาๆ ไอ้กันดูชอบใจไม่น้อย ยิ่งบดเบียดเข้ามาแนบแน่น มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข เลื่อนลงไปลูบแขนผมเบาๆ ปลายนิ้วเกลี่ยหยอกล้อกับผิว


          ผมนอนละทวยใต้ร่าง ใจก็เต้นรัวๆ เลย ในหัวกำลังคิดภาพต่อจากนี้อยู่ บนเตียง จูบกัน มีลูบแล้วด้วย ต่อไปจะเป็นอะไรวะ เฮ้ยตื่นเต้น!


          ร่างหนาเมื่อจูบจนพอใจแล้วก็ผละออกไปเล็กน้อย จ้องตาผมด้วยสายตาที่ร้อนแรงและดึดดูด เล่นเอาในใจผมแวบนึงอยากจะดึงพี่แกมาจูบอีกรอบ ยิ้มให้นิดๆ แล้วจูบปลายจมูกผมไปก่อนจะย้ายลงไปนอนข้างๆ


          อ้าว


          “ไม่ทำต่อเหรอวะ” ผมยันศอกหันไปถาม หน้าตาดูข้องใจมาก พากูเคลิ้มแล้วก็ทำกันอย่างนี้เหรอ


          “อยากให้ทำเหรอ” ไอ้นี่ก็กวนตีนกลับมา สายตาโคตรจะล้อเลียน ผมเชิดหน้าแล้วสะบัดหน้าหนีแม่งซะเลย โด่ว~ ไม่ได้อยากให้ทำสักหน่อย แต่ถ้าจะทำกูก็พร้อมนะเออ ไอ้กันหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วรั้งตัวผมเข้าไปกอด


          เฮ้ยๆ กอดไมเนี่ย

          “อย่ามากอด กำลังหวงตัวอยู่”


          “ไม่ทันแล้ววิป เมื่อกี้กูได้ไปเยอะแล้ว” ดูว~ ดูมันพูดเข้า ผมยกมือตีปากไปมันไปที ข้อหาหมั่นไส้ล้วนๆ ไม่มีอย่างอื่นผสม ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ผมคงจะโดนกลับมาไม่ใช่น้อย แต่ในตอนนี้ร่างสูงเพียงแค่หัวเราะด้วยความอารมณ์ดีเท่าไหร่ ไม่พอ ยังจับมือผมขึ้นไปจูบหนักๆ อีก


          เอาเลย~ กูเขินแน่นอนอยู่แล้ว

          “แกล้งมึงก็สนุกดีนะวิป”

          “แกล้งมากกูน้อยใจนะเออ”


          “เดี๋ยวค่อยง้อไง” นัวเนียชุดใหญ่ เดี๋ยวจูบแก้มเดี๋ยวจูบที่ปลายจมูก มึงรักจมูกกูมากเลยสินะกันๆ เอะอะวนเวียนเข้าแถวนี้ตลอด ผมก็นิ่งใจง่ายยอมให้ผม เล่นตัวทำไมล่ะจริงมั้ย


          “ถ้าก่อนหน้านี้กูไม่ฟอร์มจัด กูคงได้กอดมึงเร็วขึ้นกว่านี้สินะ” อยู่ๆ ไอ้กันก็พูดขึ้นมา ผมเบะปากด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะเอานิ้วจิ้มๆ ริมฝีปากสวยของมันแรงๆ


          “ก็ใช่น่ะสิ มึงเพิ่งจะรู้หรือไง มัวแต่เล่นตัวอยู่นั่นแหละ ฟายยยยย~ ฟายมากๆ”

          “พอๆ พอแล้ว เลิกจิ้มได้แล้ว ขอโทษๆ”


          “ดีมาก เด็กดีๆ” ผมยืดมือออกไปลูบศีรษะของมัน คราวนี้ไม่มีโมโหวุ้ย ยิ้มยอมให้จับให้ลูบได้อย่างเต็มที่ น่ารักไปอีกหมาน้อยของผม ร่างสูงก็ยิ่งขยับเข้ามาชิดมากยิ่งขึ้น ช่องว่างตรงกลางแทบไม่มีเหลือ


          Rrrrrrrr


          กอดกันกลมได้สักพักเสียงโทรศัพท์ของก็ดังขึ้น ไอ้กันชักสีหน้าไม่พอใจที่มีคนมาขัดจังหวะ ผมลูบหัวปลอบไปหนึ่งทีก่อนจะหยิบออกมา เบอร์ที่บ้านโชว์หลามาเลย ผมมองร่างสูงก่อนจะยิ้มแหยๆ


          “ฮัลโหล วิปวิปพูด~”

          [ลูกพ่อ กลับบ้านหรือยังลูก ถึงไหนแล้ว]


          ต้องโทษโทรศัพท์มั้ยที่เสียงมันดังเกินไป ดังทะลุออกมาข้างนอกให้อีกคนได้ยิน จากที่หน้าบูดอยู่แล้วยิ่งบูดหนักเข้าไปอีก นี่สงสัยถ้าไม่ติดว่าคนในสายคือพ่อของผมนะ ไอ้หมาบ้าคงดึงโทรศัพท์ไปตัดสายทิ้งแล้วแน่ๆ


          “เอ่อ…เดี๋ยวก็กลับแล้วพ่อ”


          “ไม่ให้กลับ” เหมือนว่าคำตอบที่ผมตอบพ่อไปนั้นจะไม่ถูกใจไอ้หน้าบูดอย่างแรง พี่แกยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูว่าอย่างนั้น กระซิบธรรมดาก็ไม่ได้นะ ต้องทำเสียงเซ็กซี่ด้วย แบบนี้มันยั่วกันชัดๆ เลย ผมกัดริมฝีปากฉับ ไอ้บ้า~ ทำไมแรดแบบนี้ ผู้ชายอ่อยเข้าหน่อยก็ไม่อยากกลับบ้านแล้ว


          แต่ว่า…

          [เดี๋ยวพ่อรอกินข้าวเนอะ]


          เห็นมั้ย จะปล่อยให้พ่อรอมันก็ไม่ถูกต้อง นานๆ ทีพ่อจะกลับมาสักครั้ง แล้วครั้งนี้ก็อยู่นานด้วย (ด้วยเรื่องของผมนี่แหละ) เราต้องใช้เวลาอยู่กับพ่อบ้าง


          “โอเค เดี๋ยวกลับแล้ว” ผมบอกก่อนจะวางสาย


          “วิป มึงอย่าใจร้ายกับกูสิ” หมาบ้ามันกลายเป็นลูกหมาไปแล้วครับ คงรู้ว่าโมโหใส่ผมก็กลับอยู่ดี เลยเปลี่ยนมาอ้อนแทน แหมรู้มากนะมึง รู้ว่าทำอย่างนี้แล้วกูจะใจอ่อน มองผมตาระห้อยเลย ผมยิ้มแล้วยื่นมือออกไปลูบหัวอีกฝ่าย


          “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันอีก กลับแล้วน้า~”

          เอาคืนเล็กๆ ก็คือความสะใจอีกแบบ




……………………..




          ผมต้องบอกเลยว่า ไม่ว่าจะยังไง ไม่ว่าผมจะพยายามพูดข้อดีของไอ้กันๆ ออกมายังไง พ่อก็ไม่ยอมรับมันแม้แต่น้อย ฝังใจเป็นอย่างมากว่าร่างสูงนั้นจะมาล่อลวงลูกชายตนเอง


          พ่อก็ช่างคิดได้


          และพ่อเองก็ไม่มีแพลนว่าจะกลับด้วยนะ เหมือนอยู่ยาว อยู่ทนคอยขัดขวาง หลังๆ พ่อเริ่มรู้งาน รู้ตารางเรียนของผม พอเลิกปุ๊บมีโทรเช็กด้วยว่าอยู่ไหนแล้ว จะกลับหรือยัง ซึ่ง…หมาบ้าที่ผมเลี้ยงไว้ก็ออกอาการอย่างหนักเพราะไม่ได้อยู่ใกล้เจ้าของ


          จะเจอกันก็ได้แค่แป๊บๆ เท่านั้น ซึ่งพี่แกก็หาทางล่อลวงผมไปที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ติดที่พ่อนี่แหละก้างชิ้นใหญ่เลย ขัดตลอด ถ้าเห็นไอ้กันเดินมาส่งผมที่หน้าบ้านเมื่อไหร่นะ เป็นอันได้ไล่ตะเพิดตลอด สงสารหมาบ้าเหมือนกันนะ


          มันเองก็เริ่มเคืองผมเหมือนกันที่ไม่ยอมไปเจอ เช้านี้ไม่มีไลน์หรือโทรหาเลย โทรศัพท์เงียบสนิท ผมหยิบขึ้นมาดูแล้วยักไหล่ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเพราะอะไรทำไมถึงได้ไม่อะไรมาก อาจจะเป็นเพราะเห็นไอ้กันมันคลั่งผมมากล่ะมั้ง ยังไงมันก็ไปไหนไม่รอดอะไรอย่างนี้


          ผมอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปซื้อของให้ปู่ตามที่แกสั่งไว้เมื่อคืน มีการทิ้งท้ายไว้ด้วยว่าถ้าไม่รีบซื้อ ข้าวเช้าก็ได้กินช้า แหมะ…เล่นขู่ซะไม่กล้าขัดเลย


          ผมเดินลงมา รับตังค์จากปู่แล้วออกมา จริงๆ ถ้าไม่ติดว่าหมาบ้ามันงอนอยู่นะ วันนี้ก็กะจะชวนไปเดินซื้อของที่ตลาดด้วยกันอยู่หรอก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายงอนเป็นเด็กๆ อย่างนี้ก็ปล่อยมันไปก่อนแล้วกัน


          ผมเดินมาถึงหน้าปากซอยก็ดูใบรายการที่ปู่ให้มาไปด้วย ซื้อเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ทำอย่างกับว่ากินกันหลายคนงั้นแหละ นี่ถ้าตังค์ถอนเหลือเรามุบมิบได้มั้ยเนี่ย


          พรึ่บ!

          เฮ้ย!


          กำลังเดินดูใบรายการอยู่ดีๆ จู่ๆ กระดาษในมือก็ถูกดึงออกไป ผมตาโตรีบเงยหน้าคนที่มาดึงมันไป ก่อนจะเผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ไอ้พี่พลุมองกระดาษในมือก่อนจะเบ้หน้าหน่อยๆ ด้วยเพราะหน้าพี่แกโหดอยู่แล้ว พอทำอย่างนี้เลยดูเหมือนว่าไม่พอใจรายการที่เขียนไว้


          “พี่พลุ ไม่ได้เจอกันนานเลย”

          “คิดถึงใช่มั้ยล่ะ”

          “เปล่าเลย”


          “ว่าไงนะ!!” ผมย่นคอหนีเสียงดังๆ นั่น ไอ้บ้า! แค่พูดความจริงแค่นี้ทำไมต้องตะคอกกลับมาด้วย ผมรีบยิ้มประจบแล้วกวักมือเรียกให้เดินตามไปด้วยกัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมไปด้วยอย่างว่าง่าย เออดีเว้ย


          “จะไปซื้อของเหรอ”


          “เปล่า จะไปขโมย”


          “ตลกเหรอ”


          “ช่วยขำหน่อยสิ” ไอ้พี่พลุยิ้มรับก่อนจะเดินตามมาเงียบๆ จนถึงตลาด ผมก็ไม่ได้ถามนะว่ามีธุระอะไรที่ไหนหรือเปล่า แต่เดินตามมาขนาดนี้คงไม่มีหรอกมั้ง


          พี่แกมาด้วยก็ดีอย่างนะครับ มีคนช่วยถือของด้วย ป้าแม่ค้าแกก็ตกใจนิดหน่อยเมื่อพี่พลุยื่นมือไปรับของแทนผม ป้าแกส่งให้ผมไง แต่พี่พลุมันตัดหน้า เขาก็นึกว่าจะขโมย แต่พอเห็นหน้าก็ไม่กล้าโวย โถ่พี่พลุ คนกลัวพี่เยอะเลยเนอะ


          “พี่พลุ วันนี้พี่ไม่ทำงานเหรอ”


          “วันนี้พี่หยุด” เอ่ยตอบแล้วรับถุงไข่ไก่จากแม่ค้ามาด้วย พี่พลุแม่งพึงพาได้ว่ะ ตัวใหญ่แรงเยอะ ถือเท่าไหร่ก็ไม่บ่น แบบนี้เรียกเอาใจได้หรือเปล่านะ


          พอซื้อของเสร็จก็ได้เวลากลับบ้าน ผมเหมือนมีองค์รักษ์ข้างกายเลยว่ะ ไอ้พี่พลุเดินหน้าโหดจนไม่มีใครกล้าเดินเฉียด มันจะดีก็ดีหรอกนะ แต่เหมือนตัวเชื้อโรคยังไงก็ไม่รู้แฮะ


          และในระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้น สายตาผมก็เหลือบไปเห็นเด็กในชุดนักเรียนกำลังปั่นจักรยานอยู่ริมถนน มึงเปรี้ยวมากไอ้น้องเอ้ย ไม่กลัวรถเลยหรือไง ตัวก็เล็กนิดเดียว ผมมองไปเรื่อยๆ ด้วยความเป็นห่วงอยู่ลึกๆ แล้วเรื่องที่กำลังห่วงมันก็เกิดขึ้น! รถมอไซค์ที่ขับมาอย่างเร็ว เฉียดเข้ากับน้องมันอย่างแรงจนร่างเล็กๆ นั่นล้มลง ผมเบิกตากว้าง มือกระตุกแขนเสื้อพี่พลุยิกๆ


          “พี่ๆ ดูนั่น!”


          “เฮอะ! โง่เอง ขี่ยังไงให้ล้ม” ร่างหนาทำสีหน้าเยาะๆ ไม่มีความรู้สึกเห็นใจอยู่ในนั้นแม้แต่น้อย ขายาวก็ก้าวเดินต่อ ผมอ้าปากค้างนิดหน่อย เอ่อ…กับคนที่พี่ไม่ชอบคือพี่ไม่เอาเลยใช่มั้ย


          “เฮ้ยเดี๋ยวสิพี่พลุ! ไปดูน้องมันก่อน”


          “มันไม่ตายหรอก!!”


          แล้วทำไมต้องตะโกนใส่กูด้วย?


          “งั้นเดี๋ยวผมไปดูน้องมันเอง พี่รออยู่นี่นะ เอ้าฝากของด้วย” ผมบอกอย่างร้อนใจ ไอ้บ้า น้องมันตัวนิดเดียว นั่นยังไม่ลุกจากพื้นเลย รถก็เยอะ เดี๋ยวมีคันไหนมาซ้ำอีกเดี๋ยวจะยิ่งไปกันใหญ่ ผมส่งของในมือให้ร่างหนาถือ พี่พลุขมวดคิ้วฉับหน้าดุซะจนผมยังอดที่จะหวั่นใจไม่ได้ มึงอย่าเพิ่งฆ่ากูนะพี่พลุ


          “เรารออยู่นี่แหละ เดี๋ยวพี่ดูเอง รถเยอะอันตราย” ด้วยความที่เป็นห่วงผมมากกว่าห่วงไอ้น้องคนนั้น ร่างหนาก็ยัดของที่ถือมาให้ผมแล้วเดินไปดูไอ้เด็กนั่น ผมก็เดินตามเข้าไปด้วยอย่างเป็นห่วง


          “เฮ้ย!!” เดี๋ยววววววว!! ไอ้พี่พลุ สาบานดิ๊ว่านั่นคือมึงจะเข้าไปช่วยเขาน่ะ เฮ้ยซะน้องมันตกใจเลย


          ร่างเล็กที่นั่งกองอยู่กับพื้นถนน ข้างๆ เป็นจักรยานที่นอนกองอยู่ ใบหน้าเล็กเงยขึ้นมามองไอ้พี่พลุด้วยความตื่นกลัว อย่างว่าแหละ แค่น้ำเสียงพี่มันก็กินขาดแล้ว ดวงตากลมโตน่ารักแบบสุดๆ ไหนจะรูปร่างเล็กนิดเดียวที่น่าพบกลับบ้านนั่นอีก ผิวขาวออร่ามาก แต่ท่าทางดูอ่อนแอไม่น้อย


          “พะ…พี่อย่าปล้นผมเลยนะ! วันนี้ผมเพิ่งโดนไถเงินมาเอง”


          “ห้ะ!”


          อุ๊บ!


          ผมเกือบหลุดขำพรืดออกไปดีนะงับริมฝีปากไว้ได้ทัน แต่ก็กลั้นขำจนตัวเกร็งเหมือนกัน ก๊ากกกกก ไอ้บ้า! น้องมันคิดว่ามึงมาปล้นว่ะพี่พลุ ไม่ได้คิดว่ามาช่วย ฮ่าๆๆ โอ๊ย ผมล่ะฮาหน้าพี่แก ทั้งเหวอทั้งอยากถีบปนๆ กันไป ร่างเล็กน้ำตาคลอด้วยความน่าสงสาร เห็นแล้วโคตรอยากจับฟัด น้องมันมีลักษณ์คล้ายๆ กับไอ้น้องตอง น่ารักน่าหยิก แต่น้องคนนี้เขาดูบอบบางกว่าเยอะเลย


          “มึงจะบ้าเหรอ!!!” ตะคอกใส่เสียงดัง ขนาดผมที่ไม่ใช่คนที่ถูกตะคอกนะ ผมยังหัวหดเลย แล้วน้องมันล่ะ จะเหลือเหรอ จากที่น้ำตาคลออยู่นั้น ทีนี้ก็ไหลพรากเลยจ้า


          “แงงงงงงง!!”


          “พี่พลุ! พี่ทำเด็กน้อยร้องไห้!” กูใส่ไฟ ตอนแรกร่างหนาดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน มึงจะเป็นอะไรก็เรื่องของมึง แต่พอผมโวยเท่านั้นแหละ อีกฝ่ายก็ถอนหายใจ สบถอย่างหัวเสียก่อนจะย่อตัวลงไปเอามือแตะไหล่เล็กเบาๆ


          “กูมาช่วย เห็นมึงล้ม”


          “อะ…อ้าว” เหวอไปดิ พี่พลุพยุงร่างเล็กขึ้นมา น้องมันดูท่าจะเจ็บขานะ หักเปล่าวะนั่น ยิ่งดูบอบบางปลิวง่ายอยู่ด้วย ผมมองด้วยความเป็นห่วง น้องมันน่ารักน่าฟัด เห็นแล้วชอบ นอกใจหมาบ้าแป๊บนึงแล้วกันนะ


          สรุปแล้วผมก็ให้พี่พลุแกไปส่งน้องเขาซะ บ้านอยู่ถัดไปอีกซอยนึงนี่เองใกล้ๆ พี่พลุตอนแรกแกไม่ยอม บอกไม่ใช่เรื่อง ไม่มีความสงสารให้น้องมันเลย แต่พอผมขอร้องก็เลยยอมไปให้ เห็นมั้ยว่าพี่พลุแกก็น่ารัก


          ผมเดินกลับบ้านพร้อมของพะรุงพะรัง ปู่ก็สั่งไม่ดูรูปร่างหลานตัวเองเลยว่าถือไหวมั้ย และพอเดินใกล้ถึงบ้านก็เบรกแทบไม่ทัน ของแทบร่วงจากมือแน่ะพ่อคุณ ร่างสูงของสุดที่รักผมยืนพิงเสาอยู่ใกล้ๆ กับบ้านผมพอดี เหมือนกับว่ากำลังรอผมอยู่ ผมรีบสาวเท้าเข้าไปหา

          “มาได้ไง! แล้วมายืนทำไมตรงนี้ เดี๋ยวพ่อเห็น!”


          “ให้เห็นไปเลย กูจะอกแตกตายอยู่แล้ว ได้เจอมึงแค่แป๊บเดียวเอง” ไอ้กันก็ไม่ยอม พูดกลับมาด้วยอารมณ์เต็มเปี่ยม มือหนาก็ยื่นมาแย่งถุงของสดในมือผมไปถือไว้แทน เออดี กูกำลังเมื่อย


          “เดี๋ยวไปหาที่บ้านก็ได้”

          “ไปแล้วก็ให้พ่อมึงมาขัดอีกน่ะเหรอ”


          แฮ่~ อย่าทำตาดุสิ


          “ทำไมไม่ยอมให้กูเข้าไปคุยกับพ่อมึงตรงๆ วะวิป มึงกลัวอะไร”


          “มันไม่ใช่อย่างนั้น มึงก็เห็นว่าพ่อกูไม่ยอมฟังอะไรเลย เขาเอาแต่ไล่มึง กูก็ห่วงมึงนะกันๆ” ผมพูดด้วยความเหนื่อยใจ ผมก็ไม่ชอบเหมือนกันที่พ่อคอยตามบังคับตามคุมผมอยู่แบบนี้ แต่เพราะเขาเป็นพ่อ ผมเลยไม่ค่อยอยากจะขัดใจ


          ร่างสูงเห็นสีหน้าผมไม่ดีก็ยืดตัวตรงแล้วโน้มใบหน้าเข้ามาจนหน้าผากเราแตะกัน คงเพราะมือไม่ว่างมั้ง เอาหน้าผากแตะก็ยังดี

          “อยากกอดมึงมากเลยรู้มั้ย” อย่ามาอ้อน เดี๋ยวละลายไอ้บ้าเอ้ย


          “อยากกอดเหมือนกัน แต่ตอนนี้กูต้องเข้าบ้านแล้ว” สิ้นคำผมร่างสูงก็มีสีหน้าหงุดหงิด ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันว่ะ พ่อไม่ได้กีดกันแบบรุนแรง แต่บางครั้งมันก็น่ารำคาญ


          “งั้นเอางี้ เดี๋ยวกูเอาของเข้าไปเก็บก่อน แล้วเดี๋ยวจะไปหาที่บ้าน โอเคนะ”


          “ก็ได้ เร็วๆ นะครับ” กันๆ ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่ก็ยอม แถมยังทิ้งคำว่าครับไว้เป็นตัวกระตุ้นให้ผมรีบไปหาอีกด้วยนะ มึงมันร้ายไอ้หมาบ้า! รู้ว่าเราแพ้ก็พูดจังเลย


          ผมเอาของที่ซื้อเข้ามาเก็บในบ้าน กวาดสายตามองหาพ่อแต่ก็ไม่เจอ ปู่ที่นั่งอยู่เลยชี้ขึ้นไปข้างบน ผมยิ้มกริ่มแล้วพุงตัวเข้าไปอ้อนปู่

          “ปู่อ่า~”

          “จะเอาอะไร”


          “ฮี่! ทำไมรู้ใจเค้าขนาดนี้ รักจุงเบยยยยย~” ผมซบหน้าลงกับแขนของปู่ นี่อ้อนสุดฤทธิ์เลยนะเออ ปู่แกสะบัดออกเหมือนรังเกียจ หูยยยย ทำงี้ใจร้าวนะเว้ย


          “คือจะไปหากันๆ อะ ปู่ช่วยหน่อยได้มั้ย”


          “ช่วยให้หลานได้ไปหาผู้ชายเนี่ยนะ!” ปู่ขึ้นเสียงใส่ ผมรีบทำเสียงชู่เอานิ้วแตะปาก จะเสียงดังทำไมเล่า เดี๋ยวพ่อก็ได้ยินพอดีหรอก ผมบีบตาอ้อนหวังให้ปู่ใจอ่อน ยังไงๆ ปู่ก็คุยง่ายกว่าพ่อเยอะ แล้วปู่นี่แหละตัวช่วยชั้นดีเลย


          “น้า~”

          “…”

          “จะรีบไปรีบกลับเลย”


          “เออๆ อย่านานจนพ่อมึงสงสัยก็แล้วกัน” ปู่ตอบเสียงสะบัดด้วยความรำคาญ ผมยิ้มกว้างลุกขึ้นกระโดดดึ๋งๆ ด้วยความดีใจ ก่อนจะพุงเข้าไปหอมแก้มปู่ฟอดใหญ่ น่ารักอ่า~ แบบนี้เอาใจไปเลย ปู่ทำสีหน้ารังเกียจใส่แล้วสะบัดมือไล่ ผมล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาวางไว้


          “ฝากไว้หน่อย เดี๋ยวกลับมาเอา”


          เอาไปพ่อก็โทรตามน่ะสิ ทิ้งไว้นี่แหละ ไม่รู้สึกผิดด้วยเวลาเห็นแต่ไม่รับสาย




……………………




          คุณพ่อผู้หวงลูกชายเป็นชีวิตนั้น พอได้ยินเสียงเหมือนว่าลูกจะกลับมาจากซื้อของแล้วก็เดินหน้าบานยิ้มร่าลงบันไดมา กวาดสายตามองหาลูกรักแต่ก็ไม่พบ พบเพียงแค่ของพี่ถูกซื้อมาแล้วเรียบร้อย


          “พ่อ วิปล่ะ ไปไหน” เอ่ยถามคนเป็นพ่อด้วยสีหน้าสงสัย ในใจตงิดๆ ว่าลูกจะแอบไปหาไอ้หนุ่มนั่นอีกหรือเปล่า มันบังอาจมากมายุ่งกับลูกชายผู้เป็นดวงใจของเขา ไม่ยอมหรอก ไม่ยกให้!


          “ออกไปแล้ว”

          “ไป?!! ไปไหนพ่อ!!”


          “เห็นบอกว่าเพื่อนมีเรื่องกลุ้มใจ โทรคุยกันเสร็จก็รีบออกไปเลย ท่าทางร้อนรนอยู่ ดูสิ ขนาดโทรศัพท์ยังลืมเอาไปเลย” ว่าแล้วก็ชี้ไปที่โทรศัพท์ที่ถูกวางทิ้งไว้ คุณพ่ออ้าปากค้างนิดๆ ก่อนจะพยักหน้าสองสามหงึกเข้าใจ


          “อืม สงสัยจะด่วนมากแน่ๆ เลยพ่อ เป็นห่วงแล้วสิ”


          “อืม เป็นห่วงแล้วสิ” คุณปู่ผู้รักหลานพยักหน้าเออออเห็นด้วยแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ไอ้หลานตัวดี! หาเรื่องให้ได้ตลอดเลย! มันน่านัก!




………………………….




          ผมลั้นลาวิ่งดุ๊กดิ๊กๆ มาที่บ้านร่างสูง เดี๋ยวนี้สามารถเข้ามาได้แบบไม่ต้องรอใครอนุญาต เปิดทางโดยกันๆ ที่อนุญาตตลอด ผมโบกมือทักทายลุงชมแกนิดหน่อย แกก็ชินแล้วเห็นที่ผมเข้าๆ ออกๆ บ้านหลังนี้


          แกไม่เคยถามอะไรด้วยนะ ไม่สงสัยว่าเป็นผู้ชายทั้งคู่รักกันได้ไง ไม่สงสัยว่าเจ้านายตัวเองเป็นเกย์ด้วยเหรอ ถือว่าดีมากเลย ลุงน่ารัก

          “คุณกันอยู่ห้องออกกำลังกายนะ!” ลุงชมแกลุกขึ้นตะโกนบอกด้วยความหวังดี ผมยิ้มกว้างเป็นการขอบคุณแล้วมุ่งตรงไปที่ห้องที่ว่านั่น


          เปิดประตูเข้าไปก็พบกับร่างสูงกำลังซิทอัพอยู่เลย ถอดเสื้อโชว์กล้ามท้องสวยๆ ผิวสีแทนชุ่มไปด้วยเหงื่อ เห็นแล้วเกิดอาการน้ำลายไหลขึ้นมาวูบหนึ่ง

          ไอ้กันหยุดชะงักลงเมื่อเห็นผม ก่อนจะกวักมือเรียกเข้าไปใกล้ ผมจ้องมองหน้าท้องอีกฝ่ายด้วยความอิจฉาปนๆ อยากลูบ อื้อหื้อออออ~ มันน่าจะแน่นน่าดูเลยนะ


          “จ้องใหญ่เลยนะ”

          “ชอบ~”


          “ลูบมั้ย” ไม่ถามเปล่า ยังมีการลูบหน้าท้องตัวเองให้ดูด้วยเป็นตัวอย่าง แม่งอ่อยว่ะ! ผมริมฝีปากด้วยความหมั่นเขี้ยว ไอ้กันรู้ว่าผมเป็นอะไรก็หัวเราะออกมา ก่อนที่มือหนาจะยื่นออกมาดึงผมให้ล้มเข้าไปในอ้อมกอด


          “อี๋~ เหงื่อ”


          “อ้าว ไม่ชอบเหรอ” ดูว~ มันถามหน้าระรื่น แล้วก็ไม่ยอมปล่อยผมด้วยนะ อ้อมแขนแกร่งรัดผมไว้แน่นเลย และในเมื่อมันไม่ปล่อยอย่างนี้ผมก็เอนตัวพิงอกหนาเต็มที่


          “นึกยังไงมาออกกำลังกาย”

          “เดี๋ยวมึงไม่หลง”


          “ขอความจริงได้มั้ยหื้ออออ” อีกฝ่ายหัวเราะ


          “แค่หาอะไรทำ ไม่คิดว่ามึงจะมาเร็วขนาดนี้” พูดไปแล้วเอาหน้ามาแนบแก้มผมไปด้วย คางก็วางอยู่ที่ไหล่เล็กของผม อ้อนเต็มขั้น ไอ้คนถูกอ้อนก็ตายไปเลย ผมวางมือลงบนมือหนาที่กอดรัดผมไว้อยู่แล้วลูบเล่นเบาๆ


          “ขอโทษที กูรีบเองมั้ง”


          “รีบมาสิดี คิดถึง” ว่าแล้วก็ขโมยหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ เต็มที่ครับพี่ ผมนั่งนิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทำตามที่ใจต้องการ เอาใจเขาหน่อย เดี๋ยวได้อกแตกตายซะก่อน และเมื่อผมไม่ห้าม ร่างสูงก็วนเวียนจูบแก้มไม่ผละห่าง พอเผลอเข้าหน่อยก็ลากริมฝีปากลงมาที่ซอกคอขาว


          “เดี๋ยวๆ น้องเปลี่ยวเหรอ”

          “นิดนึง”


          กูว่าไม่นิดละแบบนี้ นัวเนียไม่มีปล่อย แถมมือก็เริ่มเลื้อยไปเรื่อย จากที่กอดอยู่เฉยๆ ก็เปลี่ยนมาลูบเบาๆ แล้วย้ายมาวางที่หน้าท้อง ปลายนิ้วค่อยๆ เกลี่ยเข้าที่ชายเสื้อ


          “กันๆ กูหิวข้าว”


          “อืมมม กูก็หิวเหมือนกัน” กระซิบเสียงแหบพร่าข้างหู มึงหิวกูใช่มั้ยไม่ใช่หิวข้าวหรอกใช่ปะ ไม่ห้ามแบบจริงๆ จังๆ ก็เอาใหญ่ มือหนาสอดเข้ามาภายในเสื้อยืดตัวบาง ผมสะดุ้งทันทีที่ความร้อนจากมืออีกฝ่ายแตะโดนผิว จากที่แค่เอนตัวพิง ตอนนี้มันระทวยทรงตัวไม่อยู่แล้ว


          “กันๆ…อืม…อย่าดูดนะ” ผมร้องห้ามเสียงแผ่วเมื่อริมฝีปากสวยที่ผมชอบ วนมาจูบเข้าที่ซอกคอ ขนผมลุกซู่ไปทั่วร่าง ร่างสูงครางรับในรับคอเบาๆ ตอบกลับมา แต่ผมก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจอย่างที่บอกหรือเปล่า


          มือหนาลูบไล้ผิวกายของผมขึ้นมาสูงขึ้นเรื่อยๆ วนเวียนอยู่แถวๆ แผ่นอก ริมฝีปากก็คลอเคลียไม่ห่าง ก่อนจะย้ายขึ้นมาเม้มที่ติงหูเบาๆ พร้อมกับกระซิบเสียงเซ็กซี่

          “ขอกินได้มั้ยครับ…”


          อึก!


          “ตะ…แต่ กูยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะ” เรายอมนายได้อยู่แล้ว แต่ปากท้องเราก็สำคัญนะเว้ย ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ข้างหู ก่อนที่ใบหน้าหล่อๆ นั่นจะซบลงกับไหล่ผมอย่างหมดแรง


          “อยากกอด…อยากจูบ…อยาก…”


          เออออออ!! ก็รู้ว่าอยาก ไอ้บ้าเอ้ย!


          “กินข้าวกันเถอะ ไม่ห่วงกูเหรอ”


          “แล้วมึงไม่ห่วงกูเหรอวิป” น้ำเสียงที่อีกฝ่ายพูดออกมานั้นโคตรจะหมาหงอย ผมเลิกคิ้วถาม แต่อีกฝ่ายไม่เห็นหรอก ทำไมต้องห่วงวะ เรื่องแค่นี้เอง


          แต่แล้วผมก็ได้รู้ว่าทำไมผมต้องห่วงมันเมื่อมือหนาจับมือผมแล้วรั้งให้ไปแตะโดนอะไรบางอย่างที่มันแข็งๆ เข้า ผมนิ่งค้างเบิกตากว้าง อ้าปากพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออก

          “เริ่มห่วงกูบ้างยัง” แล้วก็ตบท้ายด้วยการพูดอ้อนข้างหูอีกครั้ง มึงวนเวียนวอแวกับหูกูเหลือเกินเนอะ ผมหลับตาปี๋รีบดึงมือกลับ


          กูเริ่มไม่ห่วงละ กูห่วงสภาพกูเองมากกว่า

          “กินข้าวกันเถอะ!!” ผมตีเนียนเอ่ยไปเรื่องอื่น ไอ้กันเงยหน้าขึ้นมาจากไหล่ก่อนจะหัวเราะหึๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยวแล้วกอดรัดตัวผมแรงๆ ไปหนึ่งที


          “โอเค กินข้าวก็กินข้าว”

          “ดีมากค้าบบบ”


          “เสร็จแล้วค่อยกินมึงก็ได้” แฮ่~ ยิ้มร้ายด้วยไง กูไม่รอดแน่ๆ งานนี้


          ไอ้กันพาผมออกมานั่งรอป้าแม่บ้านทำกับข้าวให้กิน ส่วนพี่แกก็ขอตัวแวบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ กลับลงมาแบบตัวหอมฟุ้ง แต่ก็ยังคงไว้ด้วยสภาพเดิมคือไม่ใส่เสื้อ มาพร้อมกางเกงยีนส์เท่ๆ ตัวเดียว เห็นขอบบ๊อกเซอร์แพลมๆ

          “เสื้อไม่ได้ซักเหรอพี่”


          “ซัก แต่จะอ่อยคนแถวนี้ เลยไม่ใส่”


          ไอ้บ้าาาาาาาาาาา~


___________________________________________

 :mew3: :mew3: :mew3:




ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กันอ่อยหนักมาก!!
ยอมให้กันไปคุยกับพ่อเหอะวิป พ่ออาจจะยอมก็ได้  :katai2-1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ทำไมมันหวานกันขนาดนี้ อ่อยเข้าไป ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
อ่อยขนาดนี้แล้วนะวิปจะรอดมั้ย

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
คุณพ่ออย่าหวงน้องวิปนักเลย
เดี๋ยวหมาบ้าฉุดลูกไปไม่รู้ด้วยนะ

 :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
มีอีกคู่โผล่มารึเปล่านะ

ห่วงหมาบ้าหรือสวัสดิภาพวิปดีหล่ะ

ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 

 


ตอนที่ 28

 

 

 

 

          ผู้ชายอะไรขยันอ่อย พอโดนผมจ้องก็เหมือนจะเขินซะเอง เดินมานั่งลงข้างๆ แล้วโถมตัวเข้าใส่ เฮ้ยๆ มึงก็เลื้อยจังเลย ไม่มีกระดูกหรือไง ผมยันแผ่นอกแกร่งไว้เบาๆ

 

          “นั่งดีๆ ดิ”

 

          “ใช่ นั่งดีๆ ดิ จะกอด” ดูมันสวนกลับมา ผมเหนื่อยใจที่จะพูดก็ปล่อยให้พี่แกเขากอดต่อไป ท้องก็ร้องหน่อยๆ แล้ว ไอ้กันเองก็ได้ยิน แม่งหัวเราะก่อนจะส่งมือมาลูบพุงผม กวนตีนละมึง

 

          “หิวขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

 

          “ไม่หิวมั้ง กูต้องรีบออกมาหามึงเนี่ย กับข้าวฝีมือปู่เลยไม่ได้กินเลย แถมต้องเดินไปซื้อของอีก เห็นใจบ้างดิ” ผมย่นปากใส่อีกคน จริงๆ จะอยู่รอกินข้าวก่อนแล้วค่อยออกมาก็ได้นะ แต่มันจะยากอยู่พอสมควรกว่าจะผ่านด่านพ่อออกมา เพราะงั้นผมเลยตัดสินใจอย่างนี้

 

          “อย่างอแงดิ”

 

          “ไม่ใช่เด็กแล้วนะ!” ผมแกล้งพูดเสียงสะบัดใส่ เออดีนะ อยู่ด้วยกันแม่งก็เล่นกันทุกอย่างเลย ดีๆ ไม่เงียบเหงา ผมกับไอ้กันนั่งเล่นรอสักพัก ป้าแม่บ้านก็เดินมาบอกว่ากับข้าวเสร็จแล้ว ผมนี่เด้งตัวลุกขึ้นแบบทิ้งหมาบ้ามันเลย ร่างสูงชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ ผมยักไหล่ไม่แคร์ เดินดุ๊กๆ ตามหลังป้าแกมาที่โต๊ะกินข้าว

 

          “หนูทานเผ็ดได้มั้ยคะ”

 

          “ได้ครับ กินได้ทุกอย่างเลย” ผมยิ้มกว้างทำตัวน่ารักเดินไปนั่ง ป้าแกยิ้มให้อย่างเอ็นดู ไอ้กันที่เดินตามมาก็เข้ามาผลักหัวผมไปที

 

          “มันกินได้หมดแหละป้า อย่าไปห่วงมันเลย”

 

          ดูวววว ดูสุดที่รักของผม ผมเอี้ยวตัวกลับไปเลิกคิ้วใส่

 

          “ไม่ห่วง?”

 

          “ห่วงสิ” กลับตัวแทบไม่ทันแน่ะ รีบโน้มตัวลงมากอดผมที่นั่งอยู่ไว้เต็มอ้อมแขน ผมสะดุ้งแล้วหันมองป้าแกอย่างตื่นๆ ได้บ้า~ ทำอะไรไม่เกรงใจป้าแกหน่อยเหรอ มึงๆ เห็นมั้ยป้าเขามองอยู่ ผมตีแขนหนาไปหลายๆ ทีเพื่อให้มันปล่อย

 

          “หึ! เดี๋ยววันนี้จะกอดให้ช้ำเลย” เลื่อนใบหน้ามากระซิบข้างหูก่อนจะผละออกไปนั่ง ผมนั่งตัวแข็งทื่อ หน้าแดงก่ำแทบระเบิด โอ๊ยยยย! พูดอะไรไม่เห็นใจคนฟังบ้างเลย

 

          ป้าแกหลังจากเตรียมของให้พวกเราเสร็จแล้วก็เดินจากไปทำงานของตัวเองต่อ ผมเลิกสนใจร่างสูงตรงข้ามไปพักหนึ่งแล้วจัดการกับของอร่อยตรงหน้า ตักเข้าปากได้รสชาติที่ถูกใจก็ยิ้มกริ่มมีความสุข

 

          “อร่อยมั้ย”

 

          “มากๆ ป้าเขาฝีมือดีนะเนี่ย”

 

          “ถ้าชอบก็มาบ่อยๆ สิ” ผมหรี่ตามอง หึ! ไม่ได้ผลหรอกกันๆ

 

          “อย่าหลอกล่อเลย ไม่ได้ผลหรอก ไม่ว่ายังไงกูก็ชอบกับข้าวที่ปู่ทำมากกว่าที่ไหน” ร่างสูงยิ้มรับนิดๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เราสองคนนั่งกินข้าวกับเงียบๆ พอเสร็จผมก็โดนลากมาเดินย่อยที่สวน เป็นเรื่องจริงอย่างที่ไอ้นานาเคยพูดไว้เลย ว่าไอ้กันมันชอบต้นไม้มาก

 

          “นี่ๆ” ผมกระตุกแขนเสื้ออีกฝ่ายเพื่อเรียก

 

          “ว่าไง”

 

          “ถ้ากูตัดต้นไม้ของมึง มึงจะโกรธอย่างที่ไอ้นานาเคยบอกกูเปล่า” ถามออกไปก็ไม่ได้คิดที่จะทำจริงๆ หรอกนะ แต่พอร่างสูงได้ยินคำถามปุ๊บ ดวงตาคมกริบนั่นก็วาววับขึ้นมาแวบหนึ่ง เล่นเอาเสียวสันหลังไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องลูกรักของมัน

 

          คนตรงหน้าผมยังไม่ได้ตอบออกมาในทันที ดวงตาคมดุกวาดมองต้นไม้รอบๆ ก่อนจะมาจบที่สบตากับผม ขายาวก้าวเข้ามาหา ผมได้กลิ่นอันตรายลอยมา! ก้าวถอยหนีอีกฝ่ายเรื่อยๆ จนแผ่นหลังชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่

 

          “ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้ามึงทำจริงๆ…” พูดค้างไว้แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจ ผมกลืนน้ำลายลงคอแบบหวั่นๆ มันเป็นความอันตรายไปอีกแบบหนึ่ง ไม่ใช่จะตบตีให้ผมเจ็บตัว แต่ทำอะไรอย่างอื่นกับร่างกายน่ะไม่แน่ ดูสายตามันสิ วาววับพร้อมขย้ำ และมีความหื่นปนอยู่!

 

          “…ถึงตอนนั้นกูค่อยคิดบัญชีทีเดียว”

 

          “หูยยยๆๆๆ กับกูก็คิดเหรอ”

 

          “คิดทุกเม็ดเลย” ว่าจบก็กดจมูกลงมาบนแก้มผม

 

          “เดี๋ยวพ่อ! นี่ข้างนอกเลยนะ! อายต้นไม้ต้นหญ้าแถวนี้บ้างมั้ย”

 

          “งั้นไปที่ห้อง”

 

          พรึ่บ!

 

          คนอะไรใจร้อน คำตอบ…คนอย่างไอ้กันนี่แหละ พอผมร้องห้ามไปพี่แกก็สวนกลับมาอย่างนั้นแล้วอุ้มผมขึ้น มาเดินขึ้นมาบนห้อง ผมใจเต้นรัวๆ ตื่นเต้นด้วย กลัวด้วยนิดหน่อยปนๆ กันไป พอเข้ามาในห้องแล้วร่างสูงก็จัดการล็อกประตูกันคนเข้ามาขัดจังหวะแล้ววางผมลงบนเตียงด้วยความนุ่มนวล

 

          ทีนี่้มึงนุ่มนวลเนอะ

 

          “กันๆ”

 

          “ว่าไงครับ” มันครับด้วย!

 

          “กูยังไม่ได้อาบน้ำเลย” ตอแหลลลลลล~ อาบตั้งแต่เช้าตรู่แล้วเฮอะ ดวงตาคมหรี่มองจับผิด ก่อนที่ริมฝีปากสวยจะแสยะยิ้มออกมาเหมือนรู้ทัน ผมตีหน้าซื่อเข้าสู้

 

          “งั้นก็อาบเลยแล้วกัน” ฮะ…เฮ้ย! ผมร้องในใจอย่างตกใจอีกครั้ง โดนอุ้มอีกแล้ว คราวนี้อุ้มเข้าห้องน้ำแทน วางผมลงใต้ฝักบัว ห้องน้ำแม่งกว้างกว่าห้องนอนกูอีกมั้งเนี่ย

 

          ร่างสูงไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ผมยังไม่ทันได้อ้าปากร้องห้ามอะไรเลย มือหนาก็จัดการดึงเสื้อผมออกไปแล้วโยนไปด้านหลังอย่างไม่สนใจ รู้สึกว่าจะโยนไปไกลด้วยนะ กันผมหยิบขึ้นมาใส่อีกมั้ง

 

          “แอ๊ะแอ๋~ กูอาบเองได้นะ”

 

          “อาบเองทำไม ช้า กูอาบให้” โน้มใบหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูเสียงกระเซ่าเลย มึงอารมณ์นำไปก่อนแล้วใช่มั้ยกันๆ ผมรู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงแบบนั้นของอีกฝ่าย มันก็…เอ่อ…กระตุ้นได้ดีเหมือนกันนะ

 

          เอาล่ะ เข้าสู่โหมดใจง่าย อั้ยยะ!

 

          อีกฝ่ายนิ่งไปแวบหนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงหึเบาๆ ในลำคอ ท่าทางเหมือนคิดอะไรได้ ก่อนที่ผมจะได้ถาม มือหนาก็ยื่นออกไปเปิดน้ำให้ไหลลงมา ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเบิกตากว้าง เฮ้ยๆ กางเกงกูยังไม่ได้ถอดเลย!

 

          “กันๆ มันเปียก!”

 

          “นั่นแหละที่ต้องการ มึงจะได้กลับบ้านไม่ได้ไง” ผมอ้าปากค้างกับคำคิดนั่นของอีกฝ่าย มึงเอางี้เลยเหรอ เมื่อกางเกงผมเปียกจนอีกฝ่ายพอใจแล้ว มือหนาก็เลื่อนลงไปปลดมันออก รวดเร็วทันใจ ผมรู้สึกวูบวาบแปลกๆ กับสายตาที่ร่างสูงมองมา

 

          “ขาวแฮะ” ดวงตาคมจ้องมองที่ช่วงล่างที่ยังมีกางเกงในปกปิดเอาไว้อยู่ เล่นเอ่ยชมโต้งๆ อย่างนี้มีหรือที่ผมจะไม่เขิน แต่ร่างสูงนั้นก็ไม่ปล่อยให้ผมเขินนาน เบียดตัวชิดเข้ามา มือหนาเกี่ยวเอวผมเข้าไปกอดแล้วแนบริมฝีปากลงมา

 

          มืออีกข้างก็เชยคางผมให้เงยรับสัมผัส ค่อยๆ ไล้เลียแทะเล็มช้าๆ พาให้เคลิบเคลิ้ม ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มความหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามลับดับ ร่างสูงดูท่าจะมีความหมั่นเขี้ยวให้กับผมสูงมาก เพราะเมื่อเผลอๆ อีกฝ่ายก็งับลงมาอย่างไม่เบาแรงเท่าไหร่

 

          “อะ…อื้ม”

 

          ผมค่อยเปิดปากออก ร่างสูงก็รู้งานเป็นอย่างที่ สอดแทรกลิ้นอุ่นร้อนเข้ามาด้านใน แล้วตวัดกวาดต้อนไปทั่วทั้งโพรงปาก วนเวียนทักทายกับปลายลิ้นของผมเล่นเป็นบางครั้ง

 

          มือหนาเลื่อนไปลูบไล้เนื้อตัวผมก่อนจะออกแรงบีบเค้นเบาๆ ขาแกร่งแทรกเข้ามาที่หว่างขา แล้วใช้ต้นขาของตนบดเบียดกับส่วนนั้นของผม ผมสะดุ้งเฮือก มือบีบไหล่แกร่งไว้แน่น ร่างสูงไม่ยอมให้ผมขยับหนี และริมฝีปากก็ไม่ยอมผละออกให้ได้หายใจ

 

          “อื้อ!” กูจะตายแล้วกันๆ

 

          ผมส่งเสียงร้องในลำคอดังๆ อีกฝ่ายก็ดูเหมือนแกล้งกันเลย ไม่ยอมผละออก แถมยังดูดดุนที่ปลายลิ้นหนักๆ เสียวแปล๊บไปทั่วร่าง มือหนาบีบเค้นเนื้อตัวไม่หยุด

 

          ผมควานมือไปด้านหลังเพื่อจะปิดน้ำซะ ไหลเข้าหน้าเข้าตาจนรำคาญ แต่ไอ้หมาบ้ามันไม่ยอม ตรึงมือผมไว้ไม่ให้ทำ ริมฝีปากผละออกไป เลื่อนไปพรมจูบที่แก้มหลายๆ ที ผมเชิดหน้าโกยอากาศเข้าปอดทันที แต่พอเงยหน้าขึ้นไปปุ๊บ น้ำที่เปิดอยู่ก็เข้ามาเต็มๆ ปากเลย

 

          “กัน…อึก…ปิดน้ำ”

 

          “อืมมม…” อืมแล้วก็ช่วยทำตามด้วยสิวะ!

 

          ที่ร้องขอไปดูจะไม่เป็นผล ร่างสูงยังคงมัวเมาอยู่ที่ซอกคอขาว ปลายลิ้นหนาตวัดเลียเหมือนผมนั้นเป็นขนมแสนอร่อย ผมเลื่อนมือไปกอดรอบคออีกฝ่ายเมื่อรู้สึกว่าตัวเองจะทรงตัวไม่อยู่

 

          “อะไร แค่นี้ขาอ่อนเลยเหรอ” กระซิบหยอกข้างหูก่อนจะตวัดปลายลิ้นเลีย เออ ตอนนี้ผมปล่อยให้มันได้ใจไปก่อน จบกิจแล้วเราค่อยเอาคืน เพราะตอนนี้…ระทวย~

 

          พรึ่บ

 

          มือหนาช้อนอุ้มผมขึ้น ทำให้ผมต้องตวัดขาเกี่ยวรอบเอวของมันแบบช่วยไม่ได้ ส่วนนั้นบดเบียดเข้าหากันจังๆ เลย ร่างสูงก้มลงไปมองก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยท่าทางเซ็กซี่เกินบรรยาย

 

          “รู้งานดีหนิ”

 

          ผมแยกเขี้ยวใส่ มึงจะแซวทำไมเนี่ย แล้วไม่ใช่เพราะมึงเหรอที่อยู่ๆ ก็อุ้มก็ขึ้นเนี่ย กูไม่เกี่ยวกูก็ตกมั้ย ไอ้หมาบ้าไม่สนว่าผมจะทำหน้ายังไง ดันแผ่นหลังผมให้ชิดกำแพง แล้วดันช่วงล่างนู้นๆ แข็งขืนของตัวเองเข้ามาบดเบียด

 

          “อ้าปากหน่อยวิป”

 

          ผมอ้าปากให้ตามที่ขอ อีกฝ่ายก็ไม่รอช้ากระแทกริมฝีปากเข้ามา เจ็บจนผมต้องเบ้หน้าลงเล็กน้อย ฟันคมขบกัดริมฝีปากผมย้ำๆ ก่อนจะดูดดุนอย่างแรง มันต้องเจ่อบวมแบบไม่ต้องสงสัยเลย

 

          มือหนาย้ายมาลูบไล้อยู่ที่แผ่นอกของผม ปลายนิ้วสะกิดเข้ากับตุ่มไตบนนั้นเบาๆ ผมกระตุกเฮือกยิ่งจิกมือลงบนไหล่แกร่งแน่นขึ้น ต้องเป็นรอยเล็บผมไปแล้วแน่ๆ มึงอย่าโกรธนะกันๆ

 

          และครั้งนี้ดูเหมือนไอ้กันจะรู้สึกเหมือนผมบ้างแล้วว่าน้ำที่เปิดอยู่นี่มันโคตรน่ารำคาญเลย มือหนาเอือมไปปิดก่อนจะดึงผมให้ลงมายืนดีๆ จากนั้นก็ถอดชิ้นส่วนสุดท้ายบนตัวผมออกไปอย่างรวดเร็ว

 

          “เฮ้ย!”

 

          “ตกใจอะไร…ยังไงกูก็ต้องเห็น” แต่กูยังไม่เตรียมใจให้มึงเห็นเลย ร่างสูงจ้องลึกเข้ามาในดวงตาผมด้วยแววตาที่โคตรจะร้อนแรง บ่งบอกถึงอารมณ์ในตอนนี้ของเจ้าตัวเต็มที่ ขาวยาวแทรกเข้ามาตรงกลางดันให้ผมแยกขาออก

 

          “อืมม…วิวดี”

 

          ไอ้เหี้ยยยยย~ ทะลึ่ง!

 

          ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าไอ้กันมันจะหื่นได้มากขนาดนี้ มึงเก็บกดใช่มั้ยกันๆ มึงไม่เคยได้ทำอะไรแบบนี้ใช่มั้ย พอมีกูปุ๊บมึงจัดเต็มเลยอ่า~

 

          ผมรู้สึกว่าการมองหน้าหล่อๆ ของมันจะทำให้ผมเขินหนัก ผมเลยเลี่ยงด้วยการมองลงข้างล่างแทน แล้วสายตาไม่รักดีก็ไปจ้องเข้ากับส่วนที่นูนดันกางเกงขึ้นมา ซึ่งก่อนหน้าที่จะขึ้นห้องมานี่…ผมได้จับมันไปครั้งหนึ่งแล้ว

 

          “อยากดูเหรอ” เมื่อเห็นผมจ้องตาไม่กะพริบก็โน้มลงมากระซิบเสียงกระเซ่า มือหนาดึงมือผมให้ไปวางลงตรงนั้นอีกครั้ง ก่อนจะขยับมือบังคับให้ผมลูบเจ้าสิ่งนั้น

 

          โอ๊ยคุณพระคุณเจ้า! มึงไม่อายแต่กูอายนะเออ!

 

          “อืมมมม…” เสียงครางต่ำๆ ข้างหูทำให้ผมรู้สึกวูบวาบไปทั่วร่าง แค่เสียงครางแค่นี้ก็สามารถยั่วให้ผมมีอารมณ์ตามได้แล้ว จากที่มันต้องบังคับมือผม ตอนนี้กลายเป็นว่าผมลูบแท่งแข็งๆ นั่นผ่านเนื้อผ้าเองซะแล้ว

 

          “อ่าาา…” เสียงครางฟังดูโคตรหื่นเลย

 

          ริมฝีปากสวยย้ายมาพรมจูบที่ไหล่ผม ขบกัดลงมาอย่างแรงสร้างรอยฟันได้ ผมเม้มปากกลั้นเสียงครางเอาไว้ ถึงมันเจ็บแต่ก็รู้สึกดีอย่างน่าประหลาด และตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำรอยในส่วนนอกผ้า ผมก็โอเคทั้งนั้น

 

          “อื้อ…กัน…มึงกัด…อึก…แรงไปแล้ว”

 

          ขอนับถือเลย ไอ้กันเลื้อยเร็วมาก จากที่ไหล่ตอนนี้ลงมาที่อกแล้ว หัวนมกูจะขาดติดปากมึงอยู่แล้วกันๆ ผมเบ้หน้าแล้วเบ้หน้าอีก อีกฝ่ายก็เมามันไม่ยอมปล่อย

 

          “ซี้ด…ไอ้กัน…”

 

          “อืม…ครับ…” เหลือบตาขึ้นมามอง แต่ริมฝีปากก็ยังค้างอยู่ที่ตุ่มไตบนอก ผมกัดริมฝีปากฉับ ข่มอารมณ์ที่พุ่งพล่านขึ้นมา ที่มันบอกว่าวิวดีเมื่อกี้ ตอนนี้ผมขอพูดบ้าง วิวดีจริงๆ

 

          พรึ่บ

 

          เหมือนว่าไอ้กันจะทนไม่ไหวแล้ว ขยับถอยไปนิดให้ผมได้หายใจหายคอ แล้วจัดถอนสลัดเสื้อผ้า ถอดออกไปจนตัวเปลือยเปล่า ผมมองช่วงล่างของมันแล้วกัดปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ร่างสูงขยับเข้ามาชิดอีกครั้ง มือหนาคว้าหมับเข้าที่ก้นผม

 

          “เต็มไม้เต็มมือ หึๆ”

 

          “กูไม่คิดว่ามึงจะหื่นขนาดนี้”

 

          “แค่กับมึงไง” ตบท้ายด้วยรอยยิ้มชวนให้หลง จากนั้นร่างสูงก็ย่อตัวลง พรมจูบที่หน้าท้องหนักๆ หลายที ผมเชิดหน้าร้องครางแผ่วๆ มือจิกที่ไหล่ที่อีกฝ่ายแน่น ไอ้กันยิ้มกริ่มแลดูหื่น ก่อนจะส่งมือกำรอบส่วนนั้นของผม

 

          “อื้อ…”

 

          “วิป”

 

          “วะ…ว่าไง”

 

          “ครางดังๆ ได้มั้ย กูชอบ” ร้องขอแบบหน้าด้านๆ เลย และไม่ยอมให้ผมตอบอะไรด้วยนะ กระทำให้ผมต้องร้องอย่างห้ามไม่อยู่ มือหนาขยับรูดรั้งส่วนนั้นเนิบๆ ก่อนจะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ มืออีกข้างก็เลื่อนไปที่ช่องทางด้านหลัง ผมสะดุ้งเฮือกขึ้นมาอีกครั้ง

 

          “กัน…อึก…”

 

          “อ้าขากว้างๆ หน่อย” สั่งเข้าไป ผมก็ไม่มีแรงจะขัดขืน ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ปลายนิ้วหนาลูบวนๆ อยู่ตรงช่องทางนั้น ผมยืนขาสั่นแทบทรงตัวไม่อยู่

 

          “อ๊า!!...” แหกปากร้องลั่นห้องน้ำเมื่อนิ้วที่ลูบวนอยู่ถูกดันเข้ามา ผมอ้าปากค้าง มันเจ็บแปล๊บขึ้นมานิดหน่อย รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไอ้กันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะปล่อยมืออกจากแก่นกายผมแล้วใช้ริมฝีปากครอบครองลงมาแทน

 

          “อาห์…กัน…อึก…อื้อ”

 

          ริมฝีปากสวยรูดรั้งส่วนนั้นหนักๆ ส่วนมือก็ขยับนิ้วขยายช่องทางนั้นเรื่อยๆ ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่น มีเผลอเอามือไปจิกศีรษะอีกคนด้วย กันๆ กูโทษ

 

          พรึ่บ

 

          ร่างสูงจัดการจับตัวผมให้พลิกหันหลังให้ มือหนาบีบเค้นแก้มก้นหนักๆ ด้วยความมันมือ จับผมให้โก่งโค้งแล้วสอดนิ้วเข้ามาอีกครั้ง ขยับมือเล่นกับตรงนั้นอยู่สักพักใหญ่ๆ เลย ผมก็ครางจนเสียงแหบเสียงแห้ง

 

          พรึ่บ

 

          “ไปที่เตียงดีกว่า” อยู่ๆ ร่างสูงก็ดึงมือออกไป ไม่บอกไม่กล่าวอะไรก่อนเลยกูสะดุ้งรู้มั้ย แขนหนาช้อนตัวผมขึ้น เออดี ตอนนี้แข้งขากูอ่อนเดินเองไม่ได้แล้ว ไอ้กันพาออกมานอนที่เตียง ก่อนจะขึ้นมาคร่อมทับแล้วบดจูบให้อีกรอบ

 

          มีการเอาแต่ใจด้วยการบังคับให้ผมกอดรอบคอตัวเองด้วย ผมยกยิ้มในใจ มึงไม่ต้องบังคับกูก็กอดมึงนะกันๆ ผมหลับตาพริ้มรับจูบที่ดุเดือดนั่น แล้วจูบตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ เรียนรู้มาจากกันๆ ล้วนๆ เลย อาจารย์สอนดีก็งี้แหละ

 

          “อื้มมม”

 

          จุ๊บ…จ๊วบ

 

          เสียงจูบที่ดังออกมาไม่สามารถทำอะไรผมได้เลย ตอนนี้ในหัวผมมันขาวโพลนไปหมด เคลิมเคลิ้มไปกับสิ่งที่คนด้านบนมอบให้ พออีกฝ่ายผละออกไปก็ยังรู้สึกเมากับจูบอยู่เลย

 

          “พร้อมหรือยัง”

 

          “อะไร…” ถามกลับอย่างเพ้อๆ สติยังไม่กลับมา

 

          “พร้อมเป็นเมียกู”

 

          อึกกก!!

 

 

          “อ๊า!!! ไอ้กัน!...” ผมเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆ ไอ้หมาบ้ามันก็แทงพรวดเข้ามา มึงให้กูเตรียมตัวก่อนได้มั้ย ผมอ้าปากค้างพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออก จุกฉิบหายไอ้เหี้ย! ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด ถึงแม้ไอ้กันจะเล่นกับตรงนั้นในห้องน้ำอยู่นานจนมันขยายขึ้นมากแล้วก็เถอะ มึงคิดว่ากูจะไม่เจ็บหรือไง

 

 

          “นอกจากน่ารักแล้ว…มึงก็เซ็กซี่ได้เหมือนกันหนิ” ปลายนิ้วเกลี่ยเข้าที่รอบดวงตา ซึ่งตอนนี้มันคลอด้วยน้ำใสๆ นิดหน่อย ผมปรือตามองอีกฝ่าย ไม่รู้หรอกว่าหน้าตัวเองตอนนี้เป็นยังไง แต่ดูจะถูกใจไอ้กันไม่น้อย

 

 

          “กูขยับนะ…”

 

 

          “อะ…อืม”

 

 

          ผมพยักหน้าอนุญาต เห็นหน้าไอ้กันแล้วเกรงใจ กัดฟันกรอดทนอดอยู่ แรกๆ มันก็ขยับเนิบๆ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ผมนอนจิกมือลงบนเตียง ช้าๆ ก็จริงๆ แต่มันก็…เสียวนะเออ

 

 

          “อาห์…”

 

 

          พอผมไม่ร้องห้ามเข้าหน่อย จากที่ช้าๆ มันก็เริ่มความความแรงขึ้น ใบหน้าหล่อดุชื้นเหงื่อ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสวยอ้าออกเล็กๆ เพื่อร้องคราง เสียงครางต่ำๆ ของกันๆ โคตรเซ็กซี่เลย

 

 

          “ซี้ด…วิป”

 

 

          ร้องครางชื่อผมไปด้วยแล้วก็ก้มลงมาสบตา แววตาร้อนแรงทำเอาเขิน ผมกัดปากแล้วส่งมือลงไปขยับส่วนล่างของตนเอง ไอ้กันปัดมือผมออกแล้วกอบกุมขยับให้แทน

 

 

          “ขอแรงกว่านี้นะ” เสียงแหบพร่าร้องขอ ผมพยักหน้าตอบกลับไปรัวๆ ร่างสูงยิ้มรับแล้วโน้มตัวลงมาจุ๊บให้เป็นร่างวัล สะโพกแกร่งขยับกระแทกเข้ามารุนแรงมากขึ้น ผมทั้งจุกทั้งเสียวจนร้องไม่ออก

 

 

          “กัน จูบหน่อย…” ผมดึงคอมันลงมา กันๆ ก็น่ารัก จัดให้ตามที่ขอ มือหนาก็ขยับรัวๆ นิ้วมือปัดผ่านส่วนปลายจนร่างผมกระตุกอยู่หลายครั้ง

 

 

          “อะ…อาห์…”

 

 

          “ทนนะวิป” ร่างสูงกระซิบข้างหู ทีแรกผมยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร แต่วินาทีต่อมาผมก็ได้เข้าใจ ที่ว่าให้ทนก็เพราะมันจะใส่ไม่ยั้ง ผมพยายามจะดิ้นหนีแต่ไอ้กันก็ไม่ยอม ล็อกตัวผมไว้ด้วยอ้อมแขนแกร่งแล้วขยับสะโพกกระแทกเข้ามารัวๆ

 

 

          “กัน…อ๊า!!”

 

 

          ร่างผมกระตุกเกร็งทนไม่ไหว ปล่อยออกมาเลอะมืออีกฝ่าย ไอ้กันยังขยับมือรูดรั้งอีกพักหนึ่งก่อนจะยิ้ม ผมนอนหอบหายใจ ร่างสั่นคลอนไปตามแรงอีกฝ่าย

 

 

          “ซี้ดดด…” ไอ้หมาบ้าเชิดหน้าร้องออกมาเสียงดัง ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกได้ถึงสิ่งอุ่นๆ ที่ถูกปล่อยเข้ามา พี่แกยังไม่ยอมถอนตัวเองออกไป ขยับสะโพกอีกสามสี่ทีก่อนจะทิ้งตัวลงนอนกอดผม

 

 

          “มึงรู้มั้ยวิป…”

 

 

          “อะไร” ผมถามกลับไป เสียงนี่ยังหอบอยู่เลย

 

 

          “มึงรัดกูแน่นมากเลย หึๆ” แล้วมันใช่เรื่องที่จะต้องบอกมั้ย ผมหันหน้าหนีรับไม่ได้ อยู่ๆ ก็เกิดอายขึ้นมา ขอความหน้าด้านก่อนหน้านี้กลับมาได้มั้ย

 

 

          “พ่อกูสงสัยแน่ กูหายมานานอย่างนี้” นี่แต่เช้าเลย ไอ้บ้ากลางวันแสกๆ ทำไปได้ ไอ้กันยิ้มขำแล้วขยับตัว อะไรๆ ที่มันเพิ่งส่งผ่านมาให้ผมก็ไหลออกมาตาม ผมชะงักก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆ เห่อร้อนขึ้นเรื่อยๆ ไอ้ตัวคนทำก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย หัวเราะร่า

 

 

          “ขำหาอะไร!”

 

 

          “ดูมันน้อยไปเนอะ เอาอีกสักรอบมั้ย”

 

 

          “เอ๊ะ ทำไมหื่น”

 

 

          “หึๆ”

 

 

 

 

…………………..

 

 

 

 

          Rrrrrr

 

 

          อืม…เสียงไรวะ

 

 

          Rrrrrrrr

 

 

          มันยังดังไม่หยุด

 

 

          ผมงัวเงียลืมตาขึ้นมา รอบตัวมืดสนิท นั่งอึนอยู่สักพักท่ามกลางเสียงโทรศัพท์นั่นแหละ ระลึกได้ว่าหลังจากเสร็จรอบแรกไอ้กันก็พาจัดรอบสองต่อเลย สุดท้ายก็หลับไปด้วยความเพลีย จนตอนนี้ฟ้ามืดไปแล้ว

 

 

          ผมมองหาโทรศัพท์ที่มันแหกปากร้อง ไม่ใช่ของผมแน่ๆ เพราะผมทิ้งไว้ที่บ้านเรียบร้อย พอจอแล้วจะยืดตัวไปหยิบก็ติดที่อ้อมแขนแกร่งมันกอดรัดผมไว้ไม่ยอมปล่อย ผมต้องค่อยๆ ดึ๊บไปหยิบ

 

 

          “กันๆ ไอ้กัน” สะกิดเรียกเจ้าของเครื่องที่นอนหลับอยู่ ร่างสูงได้ยินเสียงรบกวนก็คิ้วขมวดหน้าไม่พอใจ ดวงตาดุลืมขึ้นมา ผมส่งโทรศัพท์ไปให้แล้วล้มตัวลงนอนต่อ

 

 

          ระบมอยู่ แง่งงง~

 

 

          “ฮัลโหล!!” เสียงโคตรดุเลย ท่าทางจะไม่พอใจเป็นอย่างมากที่โดนขัดจังหวะการนอน แขนหนาเกี่ยวผมเข้าไปกอดให้แนบแน่นขึ้น มึงเห็นมั้ยเนี่ยว่ากูเบ้หน้าแล้ว กูเจ็บตูด ระบมอยู่!

 

 

          [เสียงโหดมาเลยนะ หลับอยู่หรือไง] ผมได้ยินเสียงแว่วๆ ดังออกมา น้ำเสียงนุ่มๆ ที่ติดหูฟังครั้งเดียวก็รู้ได้เลยว่าเป็นไอ้อาร์คคนหล่อ

 

 

          “มึงมีอะไร” ถามกลับไปด้วยเสียงหงุดหงิด ผมไม่รู้ว่ามันหงุดหงิดจริงหรือเปล่านะ เพราะพี่แกพรมจูบที่หลังคอผมย้ำๆ ซุกไซ้มันอยู่นั่นแหละ

 

 

          “อื้อ…กัน…พอก่อน”

 

 

          [อยู่กับหมาเป๋าเหรอ]

 

 

          “อยู่กับเมีย!”

 

 

          เฮ้ยๆ

 

 

          มันตอบแบบเต็มปากเต็มคำ ถึงจะเป็นเรื่องจริงก็ยังไม่ต้องประกาศกร้าวขนาดนั้นก็ได้ม้างงงง~ ผมหันไปทำหน้าดุใส่ และนอกจากมันจะไม่กลัวแล้ว ผมยังได้รับจูบหนักๆ กลับมาอีกต่างหาก

 

 

          […หึ เป็นเมียแล้วเหรอวะ] ปลายสายทางนู้นเสียงไปพักหนึ่งก่อนจะแซวกลับมา ผมอดที่จะเป็นห่วงพี่แว่นอาร์คนิดหน่อยไม่ได้ แหมๆ เขาชอบเรานะหื้อ ได้ฟังแบบนี้จะทนได้จริงน่ะเหรอ

 

 

          “มึงมีอะไรรีบๆ พูด ขัดจังหวะกู”

 

 

          [เดี๋ยวกูกลับไอ้ชานจะเข้าไปหามึง เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ มึงอย่า! อย่ามาปฏิเสธ ไม่ทันแล้วล่ะ ไอ้ชานมันออกไปก่อนกูแล้ว ใกล้ถึงแล้วด้วยมั้ง] ปลายสายรู้ทันรีบดักคอไว้ก่อน ร่างสูงลุกขึ้นมานั่งด้วยความหัวเสีย

 

 

          “แล้วทำไมไม่บอกกูก่อนวะ!”

 

 

          [ก็บอกอยู่นี่ไงวะ หึๆ]

 

 

          “ไม่ต้องมา!”

 

 

          [ไม่ทันแล้วววว ขอโทษนะครับ เจอกันที่บ้านมึงนะ รอต้อนรับพวกกูด้วย] พี่อาร์คมาวินว่ะ กันๆ สู้ไม่ได้เลย ผมมองคนที่นั่งขยี้หัวตัวเองแล้วก็ขำ ไอ้อาร์คชิงตัดสายไปก่อนแล้วพี่แกเลยด่าอะไรไม่ได้

 

 

          “ขำอะไรเมีย!”

 

 

          “ขำสามี~” มันเล่นมาก็เล่นกับมันหน่อย แต่พูดแล้วอายปากว่ะ

 

 

          “หึ อาบน้ำกัน เดี๋ยวพวกมันจะมา” ยื่นหน้ามาหอมแก้มเสร็จก็จัดการอุ้มผมเข้าห้องน้ำโดยไม่รอให้ได้ตอบอะไร แม่ง ห้องน้ำอีกละ หวังว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดีนะ

 

 

          ถือว่าไอ้กันยังมีความเมตตาให้กับผมอยู่บ้าง อาบน้ำให้โดยไม่ทำอะไร แต่ดูอาการแล้วมันเองก็อยากทำนะ เสื้อผ้าของผมก็เปียกไปอย่างที่ร่างสูงต้องการ มันเพิ่งจะเอาไปซักให้เอง ผมเลยต้องใส่เสื้อผ้าของไอ้กันไปก่อนหลวมฉิบหาย

 

 

          “นี่กันๆ พวกมันจะมาทำไมวะ”

 

 

          “นั่งเล่นแหละ” ตอบกลับมาโดยไม่หันมามอง เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อกล้ามออกมาใส่ ผมแทบจะถลาไปกราบขอให้เปลี่ยนเสื้อ แต่แน่นอนมันไม่ยอมหรอก มึงขี้อวดเหรอกันๆ รอยเล็บผมเต็มตัวมันเลยนั่น

 

 

          ร่างสูงหันกลับมา เห็นผมจ้องตามตัวของมันอยู่ก็ก้มลงมามองบ้าง มือหนายกขึ้นมาแตะตามรอยพวกนั้นก่อนจะกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์น่าหาอะไรมาฟาดสักที

 

 

          “ร้อนแรงเหมือนกันนะเนี่ย”

 

 

          “กวนตีน!”




______________________________________________




ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อร๊ายยย อีกันๆหื่นมากๆอิอิ

ออฟไลน์ tinmoiy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ติดตามจ้าติดตาม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

ตอนที่ 29

 



 

          ผมถูกไอ้กันลากให้ลงมานั่งเล่นกับพวกมันด้วย ไอ้ชานมาถึงก่อนหน้าไอ้อาร์คสักพัก ซื้อเนื้อซื้อผักมาชุดใหญ่ ทำอย่างกับว่ายกมากินกันทั้งหมู่บ้าน มึงๆ อยู่กันแค่ไม่กี่คนเองนะ


          ตอนแรกผมจะไม่ลงมาแล้วนะ ไม่เคยรู้สึกขี้เกียจขนาดนี้มาก่อนเลย จะกลับบ้านก็ไม่ได้อีกเพราะเสื้อผ้าเพิ่งจะเอาไปตาก กลับชุดนี้พ่อสงสัยแน่ๆ จะให้ปีนเข้าหน้าต่างก็ทำไม่ได้อีก แม่งติดลูกกรง


          สักวันผมจะตัดลูกกรงนั่นทิ้งซะ


          “มึงเหมือนเพิ่งผ่านศึกมาเลยหมาเป๋า เพราะงั้นนั่งเฉยๆ แล้วกัน” ไอ้ที่เอาของเข้าไปล้างในบ้านเสร็จก็เดินออกมา นั่งแม่งกลางสวนนี่แหละบรรยากาศดี…ไม่ใช่ผมบอกนะ เจ้าของบ้านรูปหล่อนั่นต่างหาก


          “กูก็อยากช่วยนะหื้อ”


          “ไหวเหรอหื้อ” มันล้อเลียน ผมเบะปากใส่ก่อนจะสะบัดหน้าหนี ไอ้ชานหัวเราะเบาๆ แล้วเอามือเปียกๆ ของมันมายีหัวผม เฮ้ยๆ ก็รู้ว่ามือสะอาด แต่อย่ามาจับตอนมือเปียกๆ ได้มั้ย


          ผมนั่งสบายปล่อยให้สามหนุ่มเขาเตรียมพื้นที่กันเอง นี่รอกินอย่างเดียวเลยนะเนี่ย คุณชายอะ ไอ้สามหนุ่มนี่ก็ดูเรียบร้อยดีเหมือนกันนะ ปกติเพื่อนรวมตัวกันต้องมีเหล้ามีเบียร์ใช่มั้ย นี่ไม่จ้ะ กินหมูกระทะกันเฉยๆ ไม่มีใครหิ้วของอย่างว่ามาเลยสักคน น่ารักอะ



          “มองแล้วยิ้มหมายความว่าไงวะหมาเป๋า” รูปหล่อใส่แว่นหันมาเห็นผมยิ้มพอดีก็ร้องทัก


          “พวกมึงน่ารักเนอะ”


          “แน่นอน!” ไม่ปฏิเสธเลยนะไอ้ชาน


          หมับ!


          “ชมกูได้ แต่คนอื่นห้าม ต่อหน้าต่อตากูเลยนะ” ชมไปได้ไม่เท่าไหร่ คอผมก็ถูกล็อกโดยแขนหนาของไอ้กัน ผมย่นจมูกใส่ ไอ้บ้า กูก็ชมไปตามที่เห็นเหอะ ไม่ได้คิดอะไรเป็นอื่นเลย มึงแม่งคิดมาก ผมโบกมือไล่ให้มันไปจัดการของตรงหน้าต่อ ล็อกไว้แบบนี้หายใจไม่ออก


          จัดเตรียมของเสร็จก็ได้เวลากิน หมาบ้าทำตัวน่ารักด้วยการย่างให้ผมกินแบบไม่ต้องลำบาก ร่างสูงไม่เกรงใจสายตาของเพื่อนรักทั้งสองเลยแม้แต่น้อย อยากแสดงออกก็ทำซะอย่างนั้น



          เออดีๆ



          “นี่สรุปคบกันแบบจริงจังแล้วใช่ปะ” นั่งกินไปได้สักพักไอ้ชานก็เอ่ยถามขึ้นมาพลางมองผมกับไอ้กันสลับกัน ผมคาบตะเกียบไว้ที่ปากก่อนจะกะพริบตาปริบๆ ถามมาแบบนี้ก็ฉุกคิดขึ้นได้ คบจริงจังหรือเปล่าก็ไม่รู้แฮะ


          ผมหันไปมองคนข้างตัว มึงตอบก่อนดิ ไอ้กันก็ดูจะไม่เข้าใจสายตาที่ผมส่งไปให้ ใบหน้าหล่อดุนั่นเริ่มเปลี่ยนไปทางหงุดหงิด แขนหนายกขึ้นมากอดไหล่ผมดังหมับ



          “ทำไมไม่ตอบ ไม่มั่นใจหรือไง!”


          “เอ้า! หมาบ้าอะไรเข้าสิงมึงอีกเนี่ย ก็กูไม่รู้อ่า~”


          “ไม่รู้หมายความว่าไง! ไม่รู้ใจตัวเองหรือไง”


          “ไม่มั่นใจตัวมึงต่างหาก!”


          “ทำไม!! แค่นี้กูยังแสดงออกไม่ชัดเจนอีกหรือไง!” แล้วทำไมต้องตะโกนใส่หน้ากูด้วยวะ! มึงไม่เคยบอกเลยว่าคบกันหรือเปล่า อย่าให้กูต้องมโนไปเองนะ ถ้ากูมโนแล้วมึงหลุดยากนะบอกเลย ร่างสูงนั้นทำหน้าเหมือนอยากจะกินหัวผม ส่วนเพื่อนรักของมันทั้งสองคนก็นั่งเท้าคางดูเราตีกัน


          “ตีกันให้เสร็จแล้วค่อยตอบกูก็ได้นะ”


          “คบ! จริงจัง! และกูไม่ให้มึงเลิกด้วย” คำหลังหันมาพูดกับผม


          “เออ!! ไม่ให้เลิกเหมือนกัน!”


          “เอ้า! ไอ้อาร์ค ไชโยกับบ่าวสาวหน่อยเร็ว” ไอ้ชานเอ่ยแซวพลางยกแก้วน้ำอัดลมของตนเองขึ้น ผมคิดว่าพี่แว่นจะไม่บ้าตามนะ แต่เปล่าเลย พ่อรูปหล่อบ้าจี้ยกแก้วขึ้นตามด้วย ผมแยกเขี้ยวใส่พวกมัน


          “แหย่เล่นน่าหมาเป๋า อย่าคิดมากดิ”


          “ไม่เคยคิดมากเลย มันแค่รู้สึกแปลกๆ”


          “เจ็บตูดแปลกๆ?”


          “กันๆ กูขอสั่งให้มึงเลิกคบเพื่อนคนนี้ มันเลววววว~” ผมเขย่าแขนคนข้างตัว ไอ้ชานแม่งหัวเราะชอบใจใหญ่เลย ส่วนพี่กันๆ ก็ดูชอบใจนะที่ผมทำเหมือนอ้อนอยู่กลายๆ เหอๆ มึงยังไม่เคยเจอลูกอ้อนของจริง เดี๋ยวเจอเลย เดี๋ยวได้หลงเลย อุบ๊ะ!


          นี่ดีนะพี่กันรอบขอบจุดยากันยุงแล้วเรียบร้อย ไม่งั้นยุงได้หามพวกเราไปหมดนี่แล้วแน่ๆ แต่ยุงก็ยังอันตราย มีบินเล็ดลอดมากันผมอยู่บ้าง ร่างสูงข้างตัวเห็นผมแอบเกาแขนก็คิ้วขมวด จับแขนผมไปลูบเบาๆ ตรงรอยแดง


          “เข้าบ้านมั้ย ยุงกัดหมดแล้ว”


          “หูยยยย ไม่เอา อยากนั่งกับพวกมึงต่อ”


          “ไม่เอาพวกสิ น่ารักหน่อย บอกว่าอยากนั่งกับกูสิ” อาศัยจังหวะที่เพื่อนสองคนหันไปคุยกันก้มหน้าลงมาใกล้ ส่งสายตาหวานๆ ในระยะประชิด ผมอมยิ้มแก้มแทบแตก เป็นการเอาแต่ใจที่น่ารักมากเลย


          “อยากนั่งกับมึง”


          “น่ารักมาก” เอ่ยชมเสียงหวานแล้วยกมือขึ้นมาแตะแก้มผมเบาๆ


          “อาร์ค กูก็อยากนั่งกับมึงนะ”


          “หึๆ น่ารักมาก” มีคนล้อเลียน ไอ้ชานแกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่พี่แว่น ไอ้อาร์คก็ตบมุกอย่างดีด้วยการยื่นมือไปแตะที่แก้มไอ้ชานเหมือนกับที่ไอ้กันทำเป๊ะๆ เลย แต่สายคนของพี่เจ้าชายนั้นยิ่งกว่าไอ้หมาบ้าของผมอีก มึงก็สมจริงไป ผมตีหน้าเอือมใส่ ก็ปล่อยให้เราหวานบ้างอะไรบ้างซี่~ พวกนายก็แซวตลอดเลย


          เรานั่งกินนั่งเล่นกันต่ออีกไม่นาน ไอ้ชานกับไอ้อาร์คก็โดนไอ้กันไล่กลับบ้าน ส่วนตัวมันก็หิ้วผมขึ้นมาบนห้องอีกครั้ง จับวางลงบนเตียงแล้วโถมตัวเข้ามากอด


          “มึงไม่คิดจะให้กูกลับบ้านบ้างเหรอวะ”


          “คิดแต่จะขังมึงไว้ไม่ให้กลับอย่างเดียว” ตีเหม่งสักทีได้มั้ย


          “กูกลับบ้านไปกูโดนพ่อด่าแน่ๆ” ผมบอกด้วยสีหน้าเครียดๆ จริงๆ ก็ไม่ได้เครียดอะไรมากมายหรอก ต้องบอกเลยว่าผมเนี่ยเป็นลูกไม่ดี ผมแคร์ความรู้สึกของปู่มากกว่าพ่ออีกนะ และที่ยังไม่ร้อนใจถึงขั้นต้องวิ่งกลับบ้านก็เพราะปู่อนุญาตให้มาได้


          แต่อนุญาตให้ค้างหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้~


          “เดี๋ยวกูรับหน้าเอง จะไปสารภาพผิดว่าเอาลูกเขามากก” ไม่มีสลด พอได้กอดอยู่กับอกล่ะหน้าระรื่นเชียวนะ ผมชอบนะที่ไอ้หมาบ้ามานัวเนียแบบนี้ แต่มากไปก็รำคาญนะเฮ้ย! ผมดันหน้าหล่อๆ นั่นออก ต้องทำอย่างเนียนๆ ด้วยนะ ไม่งั้นพี่แกหาว่ารังเกียจไม่อยากให้หอม


          “คืนนี้กูค้างที่นี่ก็ได้ แต่พรุ่งนี้ต้องกลับแต่เช้านะ” ผมยืนคำขาด ร่างสูงหน้าเซ็งเล็กน้อยแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลง ผมยิ้มกว้างแล้วเกี่ยวคอแกร่งเข้ามากอด ใบหน้าโหดๆ ของมันซุกอยู่กลางอกผม


          “น่ารักมาก ทำตัวน่ารักแบบนี้บ่อยๆ แล้วพี่จะรักน้องมากขึ้นเรื่อยๆ”


          “เหรอ แต่มึงไม่ต้องทำอะไรเลยนะ ยังไงกูก็รักมึงเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว”


          ว้ายยยย~ หยอดกลับ




………………………..




          เช้า


          ผมรีบแหกขี้ตาลืมมาแต่เช้า ฟ้ายังไม่ทันจะสว่างดีเลย ผมคำนวณเวลาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ว่าเช้านี้ยังไงก็ต้องเสียเวลาแงะไอ้หมาบ้าข้างตัวนานแน่ๆ แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด กว่าจะหลุดจากอ้อมแขนแกร่งได้ก็เล่นเอาเหนื่อย



          กันๆ ไม่ได้เต็มใจให้ผมกลับหรอก แต่ผมเองก็ไม่ยอม สุดท้าย…ก่อนจะปล่อยผมกลับบ้าน ที่รักก็จัดจูบดูดดื่มให้มาเป็นของฝาก เล่นเอาปากเจ่อดูไม่ได้ ของฝากที่ว่าน่ะฝากผมพ่อนะ ไอ้หมาบ้า! มึงแม่งร้าย! ถ้าพ่อคุมเข้มหนักกว่าเดิมมึงอย่าโวยวายนะ


          ผมรีบติกสปีดกลับบ้าน วิ่งด้วยขาสั้นๆ ของตัวเองนี่แหละ มายืนหน้าบ้านได้ก็หอบแฮกๆ เป็นลูกหมาเลย สอดส่ายสายตามองเข้าไปข้างใน เงียบแฮะ ปู่ยังไม่ตื่นหรือไงนะ



          ผมมองที่ประตูรั้ว ไม่ได้ล็อกกุญแจอย่างทุกที แสดงว่าปู่ตื่นแล้วแน่ๆ แล้วอย่างนี้พ่อผมล่ะ หวังว่าคงยังไม่ตื่นหรอกเนอะ อากาศดีนะพ่อตอนเช้าๆ นอนต่อไปก่อนก็ได้



          ผมค่อยๆ เปิดประตูเบาๆ ให้มันเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วค่อยๆ ย่องเข้าบ้าน เหมือนขโมยเลยง่าแบบนี้ ผมเปิดประตูเข้ามาในบ้าน กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วก็ต้องสะดุ้งกับสายตาของคนที่นั่งอยู่ ปู่นั่งกอดอกอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าถมึงทึง ผมยิ้มประจบไปก่อนเลย แล้วเดินดุ๊กดิ๊กๆ เข้าไปหา



          “ปู่อ่า~”


          “กลับซะเช้าเลยนะ”


          “นิดนุงงงงงง~”


          “แรดใหญ่แล้วนะมึงเนี่ย” นั่นกำลังชมหลานอยู่หรือเปล่า~ ผมตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่องว่าปู่หมายถึงอะไร แบ๊วไว้ก่อนยังไงก็ชนะ ผมยิ้มกว้างเต็มปากแล้วกอดแขนปู่ นี่ถ้าไม่ปู่นะผมก็ไม่ได้เสียตัว เอ้ย! ไม่ใช่! ไม่ได้ไปเจอไอ้กันแน่ๆ


          ผมนั่งกอดนัวเนียอยู่ได้สักพัก คุณพ่อที่รักก็เดินงัวเงียลงมาจากชั้นบน พอเห็นผมก็ตาโตอย่างน่ารัก ถลาเข้ามาหา ดึงตัวผมไปยืนแล้วจับหมุนสำรวจ


          “เดี๋ยวๆ พ่อ”


          “เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นลูกไม่กลับบ้านพ่อห่วงมากเลยนะ”


          “ผมสบายดี”


          “แล้วเพื่อนเราเป็นยังไงบ้างล่ะ เห็นเมื่อวานปู่เอ็งบอกว่าเพื่อนมีปัญหา รีบร้อนออกไปโทรศัพท์ก็ไม่ยอมเอาไปด้วย” พ่อถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง เพื่อนเหรอ? ผมหันกลับไปมองปู่ทันที ปู่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มองไปทางอื่น ผมนิ่งไปนิดก่อนจะเข้าใจได้เอง หันกลับมายิ้มให้พ่อ


          “อ๋อ มันไม่เป็นไรแล้วพ่อ โอเคแล้ว แฮปปี้สุดๆ” กลัวไม่เชื่อ ยกนิ้วโป้งให้สองข้างเลย


          “อ๋อ…”


          “หึ ท่าทางจะแฮปปี้มากด้วยนะ”


          ปู่อย่าแซวดี้~


          ผมทำเนียน ยิ้มไม่รู้ไม่ชี้ คุยกับพ่อต่ออีกนิดหน่อยแล้วก็ขึ้นมานอนต่อ พ่อก็เบาใจ เห็นผมนอนก็ระความระแวงว่าผมจะออกไปหาไอ้กันลงไป ผมนอนแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเที่ยง ไอ้กันไลน์มาอยู่แต่ผมยังไม่ได้ตอบกลับไป ลุกไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินลงมาข้างล่าง



          “ปู่ มีอะไรกินบ้างอะ”


          “ตื่นมาก็จะแดกเลยนะ”


          “หิวข้าว~”


          “ในครัวเลยลูก ไปอุ่นกินเลย” ผมพยักหน้ารับที่พ่อบอก เดินเข้าครัวไปอุ่นกับข้าว ระหว่างที่ยืนรอก็คุยไลน์กับไอ้นานาไปด้วย แม่คุณบ่นมาเป็นชุดเลยว่าไม่มีอะไรทำ อยากเที่ยว


          มึงไปเที่ยวคนเดียวเถอะนะ กูจะนอนเปื่อยอยู่บ้าน



          อุ่นกับข้าวเสร็จผมก็ตักราดๆ ใส่จานแล้วเดินไปนั่งกินหน้าโทรทัศน์ ปู่แกดูละครยามบ่ายอีกแล้ว นี่แหละคนแก่ไม่มีอะไรทำ เห็นว่าติดหนึบหนับด้วยนะ อย่าไปแย่งแกดูเชียว



          ครืน ครืนนน



          นั่งกินข้าวอยู่โทรศัพท์ก็สั่น ดีนะที่ผมปิดเสียงไว้ แต่เสียงสั่นของมันก็ดึงความสนใจได้เหมือนกัน ผมหยิบขึ้นมาดูก่อนจะเบิกตากว้างแล้วสำลักข้าว ไอแค่กๆ หน้าดำหน้าแดง



          มึงโทรมาทำไมตอนนี้ไอ้กันๆ!!


          “แค่กๆ…”


          “กินน้ำสิลูก” ผมพยักหน้ารับแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม มือรีบกดวางสายไอ้กันเลย ไม่พร้อมคุย คุยไม่ได้! จะเดินหนีไปรับที่ห้องก็ดูน่าสงสัยเกินไป หลังจากวางไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีพี่แกก็ไลน์เข้ามาแทน


          G’ : ไม่รับสาย อยากตายเหรอ


          VIP : รับไม่ได้ นั่งอยู่กับพ่อ


          G’ : ถ้างั้น พ่อเผลอแล้วเจอกัน


          ผมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับคำพูดนั้นของไอ้กัน แหม มึงก็มีอารมณ์ขันเนอะ



          “คุยกับใครน่ะ นั่งยิ้มมีความสุขเชียว”


          เฮือก!


          ผมรีบลดโทรศัพท์ลง วางคว่ำหน้าด้วยไม่อยากให้เห็น ยิ้มเนียนๆ ก่อนจะส่ายหน้า พ่อหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ เดี๋ยวนี้คุณพ่ออัพเวลเหรอ เมื่อก่อนจะยังเชื่อได้ง่ายๆ เลย



          “เอ่อ…นี่พ่อก็มาอยู่นานแล้วนะ จะกลับเมื่อไหร่เหรอ” ผมต้องรีบหาเรื่องมาพูดให้ผมลืมๆ ไป แต่เหมือนคำถามจะไม่ถูกใจคนฟังเท่าไหร่นัก พ่อมองผมด้วยสีหน้าช้ำใจนิดๆ เล่นเยอะไปแล้วพ่อ เบาๆ ลงหน่อย


          “อยากไล่พ่อไปขนาดนั้นเลยเหรอ จะได้ไปหาไอ้หนุ่มนั่นใช่มั้ย!”


          “หูยยยยย~ พ่อคิดอะไรอย่างนั้น นี่ๆ ถามเพราะสงสัยหรอก แบบพ่อจะอยู่ที่นี่ถาวรเลยมั้ย ก็เห็นไม่กลับไปสักที แต่อีกใจนึงผมก็ห่วงพ่อน่า ออกมานานแล้ว คนที่นู้นเขาไม่เป็นห่วงพ่อเหรอ ไม่ได้บอกไว้ใช่ม้าว่าจะมาหลายวันน่ะ” อยู่ๆ สมองอันชาญฉลาดก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ พ่อนิ่งไปก่อนจะมีสีหน้าคิดหนัก


          นั่นไง!! คิดตามแล้วช้ะ


          “ก็จริงนะ มึงมานี่นานแล้ว ได้บอกทางนู้นไว้หรือเปล่า”


          “เปล่าง่ะ” พ่อตอบเสียงอ่อยๆ พลางทำหน้าอยากจะร้องไห้ กัดนิ้วคิดหนักเป็นเด็กๆ เลย ผมแอบบอกรักปู่อยู่ในใจ มีช่วยพูดด้วย…หรือเปล่าไม่รู้ อาจจะห่วงทางนู้นของพ่อก็ได้ แต่ก็ขอบคุณครับ


          ผมรู้นะว่ามันดูแย่ที่ทำเหมือนอยากไล่พ่อไปไกลๆ จริงๆ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย กับพ่อเองผมก็อยากจะอยู่ แต่ถ้าเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ผมก็จะบ้าตายเหมือนกัน ต้องคอยโดนจับตามองอยู่ตลอด ใช้ชีวิตไม่สนุกเลย



          “เอาไงล่ะ”


          “แต่ว่า…” พ่อมองผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล แหมๆ ขนาดนี้แล้วยังจะกลัวลูกหนีไปหาผู้ชายอีกนะ นี่ถ้ารู้ว่าลูกชายตัวเองเสียตัวให้คนอื่นไปแล้วจะทำหน้ายังไงน้า~ แหม…กูนี่ก็บาปจริงๆ


          “มึงจะห่วงอะไรนักหนา ก็ปล่อยลูกมันใช้ชีวิตของมันบ้าง มันโตแล้วนะ” ดูเหมือนปู่จะทนไม่ไหว โวยออกมา สีหน้าหงุดหงิดมาเต็มขั้น พ่อเจอพูดแบบนี้ใส่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน


          “เพราะโตแล้วเลยต้องยอมปล่อยให้มันไปมีแฟนเป็นผู้ชายงั้นเหรอ”


          “มีแล้วมันจะตายหรือไง! กูยังไม่เห็นจะว่าอะไรเลย”


          “ก็เพราะว่าพ่อตามใจมันจนเคยตัวไง!”


          “ก็กูรักของกู! กูจะตามใจมันผิดตรงไหน!!” ปู่โวยกลับไปเสียงดังมากขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วย ผมหน้าเหวอที่จู่ๆ ก็เกิดสงครามขึ้นซะงั้น ผมกระตุกแขนดึงให้ปู่นั่งลงเหมือนเดิมแต่กลับโดนสะบัดออก


          “แฟนผู้ชายเลยนะพ่อ!! จะให้อยู่เฉยๆ ตามใจไม่ได้นะ!” ทางพ่อเองก็ไม่ยอมแพ้ ปู่ลุกพ่อก็ลุกมั่ง ยืนประจันหน้าใช้สายตาฟาดฟันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ผมกลืนน้ำลายแบบหวั่นๆ แล้วลุกขึ้นไปยืนแทรกกลาง


          “อย่าทะเลาะกันซี่”


          “ก็พ่อมึงมันงี่เง่า”


          “พ่อนั่นแหละงี่เง่า! พูดไม่รู้เรื่อง!” พ่อสวนกลับด้วยอารมณ์โมโห ปู่ทำหน้ายักษ์ใส่ก่อนจะง้างมือขึ้นจะฟาด พ่อนี่ถอยหนีแล้วเบะปากใส่แบบงอนๆ


          “กูไม่พูดกับมึงแล้ว” ปู่สะบัดหน้าหนีกระแทกตัวลงนั่งอย่างเดิม ปู่เบาๆ ซี่ ไม่ได้วัยรุ่นแข็งแรงอย่างเมื่อก่อนนะ ผมหันมองพ่อ แกยืนทำหน้าบูดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเขยิบไปนั่งข้างปู่ ยื่นมือไปกระแขนปู่เบาๆ


          “ขอโทษนะพ่อ เมื่อกี้อารมณ์ขึ้นไปนิด”


          “กูว่าไม่นิดละ”


          “แฮ่ๆ”


          “แล้วสรุปมึงจะเอายังไง จะอยู่ถาวรเลยมั้ย”


          “ยังอะ ไม่ได้บอกทางนู้นไว้ด้วย เดี๋ยวจะพาลเป็นห่วงกันหมด เย็นนี้กะว่าจะกลับไปสักหน่อย พวกทางนู้นจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง บอกไว้ว่าจะมาแค่ไม่กี่วันเอง” พ่อบอกด้วยสีหน้าหงอยๆ ผมแม่งก็ลูกเลว เผลอยิ้มกว้างออกมา ต้องรีบงับปากตัวเองไว้เดี๋ยวพ่อเห็น


          ฮี่ๆ ไม่ต้องห่วงนะพ่อ ลูกคนนี้จะเป็นเด็กดี จะรีบแวบไปหากันๆ แล้วจะรีบกลับบ้าน ไม่ทำให้พ่อต้องเป็นห่วงแน่นอน สัญญา~


          นั่งกินข้าวเสร็จผมก็รีบย้ายตัวเองขึ้นมาบนห้อง ปิดประตูล็อกเรียบร้อยกันคนเปิดเข้ามา ไว้ใจไม่ได้แล้วบ้านนี้ ปู่น่ะไม่ว่าหรอกถ้าเห็นว่าทำอะไรอยู่ แต่ผมก็รู้สึกไม่ดีนิดหน่อยกับสายตาทิ่มแทงของปู่



          จัดการล็อกประตูเสร็จก็โดดขึ้นเตียง มือจิ้มๆ โทรศัพท์โทรออกหาไอ้หมาบ้า ซึ่งทางนู้นก็ไม่ปล่อยให้ผมต้องรอสายนาน รับสายอย่างรวดเร็ว



          “กันนนนนนนนนๆ~”


          [ว่าไงครับ]


          “หึๆๆๆ” ผมไม่พูดแต่หัวเราะออกไปแทน หัวเราะชั่วๆ ด้วยนะ นี่ไงล่ะ พ่อเผลอแล้วเจอกันของแท้เลย เดี๋ยวได้จัดแน่ๆ ไม่ต้องห่วง


          [อะไรของมึงวิป โทรมาแล้วก็หัวเราะใส่เนี่ย]


          “คิดถึงกูมั้ยไหนบอกให้ชื่นใจหน่อย”


          [คิดถึงสิ]


          “มากมั้ย”


          [อยากได้คำตอบแบบไหนล่ะ] แน่ะ มีย้อนกลับด้วย ผมย่นจมูกใส่คนปลายสาย นี่อุตส่าห์จะบอกเรื่องดีๆ เดี๋ยวก็เล่นตัวไม่ยอมบอกซะเลยหนิ


          “ตอบให้ถูกใจ เพราะถ้าถูกใจจะมีเรื่องดีๆ มาบอก”


          [เรื่องอะไร]


          “เรื่องของเรา~”


          [ดูมึงอารมณ์ดีนะ มีอะไรดีๆ หรือไง] น่านนนนน~ กันๆ สัมผัสได้ ผมกลิ้งๆ ไปบนเตียงยังไม่ยอมพูดออกไป มีความเล่นตัวหนักมาก ปลายสายเห็นผมไม่ยอมบอกสักทีก็ส่งเสียงเร่งออกมา


          [บอกมาเร็วๆ]


          “ใจร้อนจริงๆ คืองี้ พ่อกูเขาจะกลับไปเย็นนี้”


          [หืม?]


          “อ้าว ไม่ดีใจเหรอวะ” ผมหน้าเหวอรีบเด้งตัวขึ้นมานั่งเมื่อปลายสายทำเสียงสงสัยกลับมา อะไรวะ ผมก็นึกว่ามันจะดีใจซะอีก โด่ว~ เล่นเอาใจห่อเหี่ยวเลย ขอเวลาแวบไปนั่งทำใจในห้องน้ำแป๊บ


          [กูยังไม่ได้คุยกับเขาตรงๆ เลย เรื่องของเราก็ยังไม่ได้บอกให้เขารับรู้อย่างเป็นทางการเลย] ผมเบ้ปากใส่ ดีแล้วที่มันไม่เห็น เดี๋ยวโดนตีเหม่ง ขนาดนี้ไม่ต้องบอกแล้วล่ะกันๆ พ่อกูเขารู้หมดแล้วแหละ


          “มึงอย่าพาเข้าเรื่องจริงจังดิวะ เดี๋ยวกูรู้สึกผิด”


          [เฮ้อ…ช่างเถอะ อย่าคิดมากก็แล้วกัน มึงก็ดีใจไว้ล่ะ เดี๋ยวเราจะได้เจอกันบ่อยขึ้นแล้ว และกูจะได้ลากมึงมากกที่บ้านได้อย่างสบายใจสักที] คำหลังทำไมน้ำเสียงมันฟังดูหื่นๆ จังวะ


          ผมคุยกับกันๆ ต่ออีกยาวอยู่พอตัว พอตกเย็นได้เวลาที่พ่อจะกลับก็เดินลงมาส่ง ตอนแรกจะไปส่งขึ้นรถนะ แต่พ่อบอกให้ผมอยู่ดูแลปู่ซะ ผมยืนมองพ่อที่กำลังคุยร่ำลากับปู่อยู่แล้วก็รู้สึกใจหายนิดๆ พ่อหันมาเห็นผมทำหน้าหงอยๆ ก็เดินเข้ามากอด



          “โอ๋ๆ อย่าร้องนะ”


          “ไม่เด็กขนาดนั้นหรอกน่า” แต่อย่าบิ้วนะ เดี๋ยวน้ำตาไหลจริง


          “เอาล่ะ เดี๋ยวพ่อจะรีบมาหาเนอะ แล้วอย่าไปเจอไอ้หนุ่มนั่นล่ะ!” แน่ะ ไม่วายมีสั่งไว้อีกนะ ผมก็พยักหน้ารับไว้ก่อนให้แกสบายใจ ผมเดินออกไปส่งพ่อที่หน้าบ้าน ยืนมองตามหลังไปสักพักก่อนจะเดินกลับเข้ามา


          ปู่นั่งกอดอกอยู่ พอผมเดินเข้าไปก็กวักมือเรียก แหมๆ หน้าตาจริงจังแบบนั้นไม่อยากเข้าไปหาเลย แต่ไม่มีทางเลือก ผมเดินเข้าไปนั่งทำหน้าเด็กดีเข้าไว้



          “ไอ้หนุ่มนั่นน่ะ…”


          “ใครเหรอปู่”


          “ถ้ามึงแบ๊วใส่กูอีกที กูจะไม่ให้มึงออกจากบ้าน”


          “หูยยยยยย นิดนุงงงงง~” แง่ง! เหมือนปู่จะไม่เล่นด้วยแฮะ ผมเปลี่ยนสีหน้าตัวเองใหม่ เอาให้จริงจังเข้ากันได้กับปู่ “ไอ้กันน่ะเหรอปู่ มีอะไรอะ”


          “ไปเรียกมาคุยกันหน่อยสิ รู้สึกว่าเรื่องของมึงน่ะ…ยังไม่ได้คุยกันจริงๆ จังๆ เลยนะ” ปู่บอกพร้อมกับใช้สายตากดดัน นั่นทำให้ผมไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้ เลยได้แต่พยักหน้าตกลง



_______________________________________




ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
รักคุณปู่จัง

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ปู่วัยรุ่นไปอีกก

ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0


ตอนที่ 30



 

 

          ผมกับร่างสูงกำลังนั่งรอการโดนสอบจากปู่ ผมน่ะโคตรหวั่นเลยเหอะ! ถึงแม้ว่าปู่จะเคยบอกเอาไว้ว่าไม่ได้ห้าม แต่อย่าลืม ว่าปู่ก็ไม่ได้ชอบเหมือนกัน


          แต่ร่างสูงข้างตัวผมนั้นช่างต่างกับผมเหลือเกิน นั่งนิ่งไม่หวั่นต่อสายตาที่ถูกจ้องมา หลังยืดตรงพร้อมตอบทุกคำถาม มึงเท่มากเลยนะกันๆ ตอนนี้อะ และสงสัยว่าผมจะเผลอใช้สายตาชื่นชมมองไอ้กันมากไป ปู่เลยหันมามองแบบปรามๆ


          แฮ่! นิดนึงงงงงง~


          “เอ่อ…ปู่ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ” เห็นนั่งเงียบมานานผมก็ทักขึ้น


          “มึงนั่งเงียบๆ ไปเลยวิป ไม่งั้นก็ขึ้นห้องไปซะ” อุ้ยโดนดุ ผมตีเนียนทำเป็นไม่ได้ยินที่ปู่ว่า เรื่องอะไรใครจะไป เราก็อยากรู้นะเออว่าจะคุยอะไรกัน แล้วนี่…ก็นั่งจ้องมานานแล้วนะ เดี๋ยวกันๆ มันก็ท้องเอาหรอก


          “มึงๆ กลัวบ้างปะ” ปู่ไม่ยอมพูดอะไรสักที ผมเลยใช้ศอกสะกิดคนข้างตัวแล้วกระซิบถาม ต่อหน้าต่อตาปู่แบบนี้แหละ ปู่ไม่ว่าอะไรหรอก ร่างสูงยิ้มรับก่อนจะก้มหน้าลงมากระซิบกลับ


          “ไม่กลัว ถ้ากลัวกูก็ไม่ได้มึงน่ะสิ”


          “หูยยยยยย น่ารัก”


          “เห็นหัวกูมั้ย”


          “เอ้า! มีขัดอีก ก็ปู่ไม่ยอมพูดอะไรสักทีนี่หว่า นี่ถ้าเกิดปวดขี้ขึ้นมาปู่จะให้นั่งอยู่อย่างนี้ต่อมั้ยเนี่ย” ผมอดที่จะบ่นไม่ได้ รู้สึกพอมีแฟนแล้วนิสัยเสียขึ้นเยอะ ปู่ชี้หน้าคาดโทษ เหมือนจะบอกว่าเดี๋ยวมึงเจอกูนอกรอบ หูยยยยย ขนลุก!


          “เอาล่ะ เอ็งน่ะ…ชอบวิปมันได้ยังไง” มาแล้วๆ คำถามแรก


          “ที่ชอบก็เพราะวิปน่ารักครับ ถึงแม้ว่าตอนแรกผมจะรู้สึกรำคาญมากก็ตาม” ผมหันขวับมองคนข้างตัวคอแทบหัก ไอ้บ้า! มึงๆ พูดดีๆ ดิวะ เดี๋ยวปู่ก็ดีดมึงออกจากบ้านหรอก


          “อืม ตรงดี”


          เอ้า! ชอบใจซะงั้น


          “ตอนนี้อาจจะมองว่ามันน่ารัก แต่อีกหน่อยจะไม่มองว่ามันน่ารำคาญเหมือนเดิมเหรอ อย่างที่เห็น มันขี้อ้อน กวนตีนไปวันๆ ทำอะไรไม่ค่อยเป็นสักอย่าง แก้ปัญหาอะไรไม่ค่อยได้ ดีแต่สร้างปัญหามากกว่า แบบนี้ต่อไปจะไม่รำคาญมันเหรอ” ปู่กอดอก จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของร่างสูง ผมอยากจะค้านปู่อยู่เหมือนกัน ว่าผมน่ะไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย แต่พอเห็นสายตาที่จริงจังของปู่แล้วมันทำให้ผมไม่กล้าพูด


          ร่างสูงข้างตัวผมเงียบไปพักหนึ่ง เป็นพักเดียวที่ผมโคตรหวั่นใจเลย นั่นดิ ตอนนี้มันอาจจะชอบ ต่อไปมันอาจจะกลับไปรำคาญเหมือนเดิมก็ได้


          “ผมไม่คิดว่าจะมีวันที่ผมกลับไปรู้สึกแบบเดิมอีก เพราะก่อนที่ผมจะมาอยู่ตรงนี้ ผมคิดดีแล้ว คิดหลายรอบแล้ว ปู่บอกว่าวิปคือตัวปัญหา แต่เขาสร้างสีสันให้ชีวิตผมนะ วุ่นวายไปบ้าง สร้างเรื่องให้ปวดหัวบ้าง แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มได้ และผมก็ไม่เหงาเมื่อมีวิปอยู่ข้างๆ ผมคิดดีแล้ว ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ไม่ปล่อยให้วิปไปเป็นของคนอื่นแน่ๆ”


          ร่างสูงตอบด้วยสายตาแน่วแน่ ปู่อาจจะรู้สึกแปลกๆ แต่ไอ้ผมนี่น่ะโคตรจะเขินเลย หูยยยยยๆๆ หมาบ้าของเค้า น่ารักมากเลยอ่า~ เดี๋ยวจบนี่เราจุ๊บๆ ให้เป็นรางวัลนะ


          “และถึงวิปจะสร้างปัญหา หึๆ ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมแก้ปัญหาเอง” พูดกับปู่นะ แต่หันมามองผมเฉยเลย ผมยิ้มแก้มแทบแตก ไอ้หมาบ้าก็ยักคิ้วกลับมาให้ผม


          “เฮ้ย! ไอ้คู่นี้! เอะอะมองตากันตลอดเลยเว้ย! ยังคุยกันไม่เสร็จ!!” คนแก้ที่โดนเมินเรียกร้องความสนใจ ฮี่ๆ ล้อเล่นน้าปู่ เค้ารักปู่มากที่สุดเลย เมื่อกี้มันแค่ช่วงขอเวลานอกเท่านั้น ส่งสายตากันปิ๊งๆ งี้ ปู่ไม่เข้าใจ


          “แต่พ่อมันไม่ยอมรับนะ”


          “ครับ”


          “ครับ?”


          “พูดถึงเรื่องพ่อผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงให้ถูกใจ ผมรู้ว่าเขาไม่ยอมรับ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ถอย เอาไว้ผมทำให้เขาดูดีกว่าว่าผมก็รักลูกเขาไม่ต่างกับที่เขารัก จะดูแลให้อย่างดี ให้วิปรักกับผมน่ะยังไงก็ดีที่สุดแล้วครับ เพราะรักกับผม ผมดูแล ถ้าไปรักกับคนอื่น วิปอาจจะต้องดูแลเขา” กันนนนนนนนนนนๆ~ แง่งงงงงง~ ทำไมน่ารักแบบนี้วะ นี่ถ้าไอ้หมาบ้าหันมาหน่อยนะ มันจะได้เห็นสายตาที่โคตรปลื้มปริ่มเลย ตาผมนี่วิ๊งๆ แล้ว


          ผมยกมือขึ้นมาแตะที่อกเบาๆ ใจโคตรเต้นแรกเลย ไม่คิดว่ามันจะพูดอะไรได้ดีอย่างนี้ ถึงจะมีความกวนตีนแฝงมาด้วยในประโยคก็ตามเถอะ


          ปู่หรี่ตามองร่างสูง ท่าแกเขาเท่มากเลยนะ กอดอกงี้ ผมเองก็โคตรลุ้นเลยว่าปู่จะว่ายังไงต่อ โอเค ใช่ ปู่ให้คบกันน่ะแน่นอนอยู่แล้ว แต่ผมก็อยากให้ปู่โอเคกับตัวไอ้กันมันด้วย


          “มึงน่ารักมากเลยนะกันๆ” ผมเอียงตัวไปกระซิบ


          “กูน่ารักเพราะกูรักมึงมากไงล่ะ”


          ฮ้อยยยยยยยยยยย~


          “หึ! ก็ดี ถือว่าพูดได้ดี แต่ช่วยทำให้ได้อย่างที่พูดด้วยล่ะ นี่หลานที่ข้ารักมากที่สุด ข้าเลี้ยงมันมากับมือ อย่าได้บังอาจทำให้มันเสียใจอีกแม้แต่ครั้งเดียว เพราะถ้าข้าเห็นว่ามันร้องไห้เพราะเองอีก เอ็งจะไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับมัน”


          “ครับ”


          ปู่ยื่นคำขาด ซึ่งร่างสูงเองก็ตอบรับอย่างหนักแน่น ผมกะพริบตาปริบๆ มองทั้งสองคนสลับกันไปมา นี่คือ…คุยกันรู้เรื่องแล้วช้ะ


          “แต่เรื่องพ่อของมัน ไปเคลียร์เอาเองแล้วกัน”


          แล้วก็จบลงอย่างแฮปปี้ บอกแล้วว่ากับปู่น่ะคุยง่ายจะตาย ผมดี๊ด๊าใหญ่เลยจนปู่อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ ไล่ให้ผมขึ้นมาบนห้อง ปู่ก็ไม่ได้บอกให้ไอ้กันกลับบ้าน ผมเองหิ้วร่างสูงขึ้นมาด้วย


          หมาบ้าก็ใจง่าย เดินตามมาโดยไม่ขัดสักคำ



          ผมเดินมานอนแผ่บนเตียงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ร่างสูงล็อกประตูเสร็จก็เดินเข้ามานั่งข้างๆ เตียงผมนั้นก็ไม่ได้ใหญ่อะไรเลย เพราะแบบนี้เลยต้องเบียดๆ กันหน่อย


          แน่นอนนน~ ชอบบบบบ~


          “มึงดูโล่งใจนะวิป”


          “แน่นอน ตอนนี้ก็เหลือแต่พ่อ” แต่เขาจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ลืมถามเลยด้วยมัวแต่ดีใจ จะติดต่อไปถามก็ทำไม่ได้อีก


          “ไม่ต้องห่วง กูไม่ยอมแพ้หรอก ต่อให้เขาเอามึงไปอยู่ป่าด้วยก็ตาม กูจะไปตามเอามึงกลับมา” ผมพลิกตัวมาหาคนข้างๆ ใช้ศอกยันตัวขึ้นมา ท่าทางของผมในตอนนี้ ถ้าเปรียบเป็นหมาก็คงเป็นหูตั้งหางกระดิกดิ๊กๆ


          “จริงง่ะ!”


          “อืม ก่อนกลับเปลี่ยนบรรยากาศปล้ำมึงในป่าก่อนด้วย ได้อารมณ์ดี หึๆ” อุ้ย ทำไมหื่น ผมย่นจมูกใส่ เดี๋ยวนี้ความหื่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นะเออ สงสัยเก็บกดจริงๆ ด้วย กันๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ผมล่ะหมั่นไส้ตาแบบนี้ของมันมากเลย เป็นประกายวิบวับน่าตบ


          “จุ๊บที”


          “เล่นตัวได้มะ”


          “ไม่ได้ ขอสั่งให้ใจง่ายกับกูซะ!” เผด็จการ!


          ก็ตามนั้นแหละ มันสั่งให้ใจง่ายผมก็ใจง่ายตามที่อีกฝ่ายต้องการ หลบตาพริ้มรับจูบที่ร่างสูงมอบให้ แต่เดี๋ยวนะ ไหนบอกแค่จุ๊บไง แล้วลิ้นที่สอดเข้ามานี่คืออะไร! จากที่บอกว่าจุ๊บก็กลายเป็นจูบที่ดูดดื่ม พาให้เคลิบเคลิ้ม กันๆ รุกหนักแบบไม่เว้นช่วงให้ผมได้หายใจ มือหนาใช้จังหวะที่ผมเผลอดันผมให้นอนราบลงไป แต่พอแผ่นหลังสัมผัสกับเตียงปุ๊บผมก็รู้สึกตัว รีบดันอกไอ้หันเป็นการห้าม


          “นี่บ้านกู ไม่เอาๆ เดี๋ยวปู่ช็อกตาย”


          “หึ โอเค ยอมให้” คราวนี้ยอมถอยออกไปง่ายๆ อาจจะเป็นเพราะเกรงใจปู่ก็ได้มั้ง ร่างสูงอยู่ๆ ก็ความอยากรู้อยากเห็นเข้าครอบงำ ลุกเดินสำรวจห้อง ห้องผมก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมาก ของก็มีไม่ค่อยเยอะหรอก ร่างสูงเดินไปที่หน้าต่าง ก่อนที่มือหนาจะหยิบกระบองเพชรที่พี่พลุให้ขึ้นมา


          “น่ารักดีหนิ เอามาจากไหนล่ะ” ถามพลางหมุนดูของในมือ


          “เอ่อ…พี่พลุให้มาน่ะ” ผมตอบแล้วเอานิ้วจิ้มๆ กัน ร่างสูงเลิกคิ้วด้วยใบหน้านิ่งๆ


          “เหรอ” ตอบกลับมาเพียงแค่นั้น ผมเผลอถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่มันไม่ว่าอะไร แต่ในวินาทีต่อมาก็ต้องเบิกตากว้าง ถลาไปคว้ากระบองเพชรจากมืออีกฝ่าย แม่งงงงง!! ไอ้บ้า! เมื่อกี้มันยกขึ้นเหนือหัวจะปาทิ้งแล้วนะ


          “เฮ้ยๆ ของกูนะ”


          “มึงจะเก็บไว้ทำไม ทิ้งไป!”


          “ได้ไงล่ะ พี่เขาอุตส่าห์ให้นะเว้ยยยย~ แล้วกูก็ชอบด้วย มันน่ารักดี” ผมว่าแล้วเอากระบองเพชรเข้าอ้อมอกอย่างหวงแหน ร่างสูงแทบจะกลายร่างเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น


          “มึงว่าไงนะ!!”


          “กันๆ”


          “มึงจะเก็บไว้ทำไม! ถ้าชอบเดี๋ยวกูซื้ใหม่ให้ก็ได้ ส่วนอันนี้จัดการแม่งซะ” หมาบ้ามันชี้นิ้วสั่ง ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ พูดยากเนอะมึงเนี่ย


          “กันๆ มึงอย่างี่เง่าได้มั้ย”


          “กูหึงมึงนี่กูงี่เง่างั้นเหรอ!!!”


          ผมหลับตาปี๋หนีเสียงตะคอกนั่น หัวหดเลยจ้าเมื่อเจออย่างนี้ ดีนะ หึงก็พูดว่าหึงตรงๆ น่ารักดี แต่หึงแล้วหัวร้อนแบบนี้ไม่ไหวนะเออ ผมลืมตาขึ้นมาแล้วบีบตาอ้อนใส่ ยื่นมือไปกระตุกชายเสื้อมันเบาๆ


          “กันๆ ง่า~”


          “อะไร!”


          “กูไม่ได้คิดอะไรกับพี่พลุนะเว้ย ที่กูเก็บไว้เพราะกูชอบเฉยๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่พลุเลย อีกอย่างมันอยู่กับกูมาสักพักแล้วนะ มึงอย่าใจร้ายให้กูต้องทิ้งมันสิ มึงรักน้ำรักปลารักต้นไม้ไม่ใช่เหรอ อย่าใจร้ายสิ” หลอกล่อครับ งานนี้ต้องหลอกล่อ ร่างสูงชะงักไป เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าลืมความชอบของตัวเองไปชั่วขณะ


          “เฮ้อ…”


          “ยอมแล้วใช่ม้า” ผมยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าด้วยท่าทางขี้เล่น ไอ้กันเบือนหน้าหนีไปปรับอารมณ์พักนึงก่อนจะหันกลับมา วางบนลงบนศีรษะผมและขยี้เบาๆ


          “ให้แค่ครั้งนี้นะ ต่อไปห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่นอีก”


          “ปู่ก็ห้ามเหรอ”


          “แล้วปู่เขาจีบมึงมั้ยล่ะ” โด่ววว~ ถามแค่นี้ทำไมต้องมองแรงด้วย





…………………………..



          Rrrrrrr


          “ฮัลโหลลลลลลล~ ว่าไงน้องตอง” ผมรับสายไอ้น้องตองด้วยเสียงที่ร่าเริงเต็มขั้น พักนี้เราอารมณ์ดีนะ ชีวิตเราแฮปปี้ ตอนนี้ผมอยู่บ้านไอ้นานา มันเรียกร้องให้มาหา บอกอยู่คนเดียวแล้วเบื่อๆ


          ไอ้คนเดียวนี่ว่าน่ะ คือมันแยกมาอยู่คนเดียวในห้องแล้วเบื่อ ในบ้านมันนี่พ่อแม่ก็อยู่ ไหนจะญาติมันอีก คนเดียวบ้านมึงสิ! แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ครับ เดี๋ยวแม่องค์ลง


          [มึงอยู่ไหนวิป]


          “บ้านไอ้นา ทำไม มึงมีอะไร” ผมกำลังนอนกลิ้งเล่นบนเตียงของแม่เลย ส่วนแม่นั้นลงไปหาขนมมาให้กิน ประมาณว่าเอาอะไรมายัดปากหลอกล่อไม่ให้ผมกลับบ้าน


          [ง่ะ งั้น…ไม่เป็นไรละ] เสียงอ่อยๆ ตอบกลับมา ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย เดาได้เลยว่าสีหน้าตอนนี้ของไอ้ตองต้องน่ารักมากแน่ๆ ลองจินตนาการถึงหมาที่กำลังหงอยดูสิ แบบหูตกตาเศร้า นั่นแหละ ใช่ไอ้ตองเลย


          “ทำไม มึงมีอะไรหรือเปล่า ใครตายหรา”


          [มึงน่ะสิตาย! ปากหมา! คือพี่เต็งไม่สบาย กูไม่รู้จะดูแลยังไงให้ถูกใจ] ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงฟังดูกลุ้มใจ อืมนะ กูฟังมึงกูยังกลุ้มใจแทนเลย เห็นใจนะเหว่ยยยยย~


          “ไอ้พี่เต็งมันป่วยได้ด้วยเหรอวะ” ไหนเขาบอกว่าคนบ้ามักไม่ป่วยไง


          [นอนซมอยู่ที่ห้องกูเนี่ย กูไม่รู้จะทำยังไงแล้ววิป ให้กินข้าวก็ไม่ยอมกิน พอกูไม่เอาอะไรให้กินก็หาว่ากูไม่ใส่ใจ ดูแลใกล้ๆ ก็บอกรำคาญ พอหายไปหน่อยก็บ่นบ้านจะแตก กูปวดหัว!] คุณพระ! เอ้ย! คุณเพื่อน กูไม่ใช่พี่เต็งของมึงงงง~ ไม่ต้องมาตะโกนใส่กูก็ได้


          “ลองปล่อยให้ไข้ขึ้นสูงๆ แล้วช็อกตายไปเลยดีมั้ย”


          [มึงเป็นคนเลวเหรอวิป]


          “เปล๊า! เป็นคนดีและใสๆ” โปรดมองเข้ามาในตาฉัน~ แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงความไร้เดียงสานี้~ แล้วคุณจะรู้~ ตัวตนที่แท้จริงของเรา~


          [เกลียดมึง!]


          อย่าเพิ่งร้องไห้นะหนู


          แกร๊ก



          “คุยกับไอ้กันหรือไง หน้าระรื่นเชียวมึง” ไอ้นานากลับมาพร้อมขนมและน้ำเต็มเลย มาถึงก็เอ่ยปากแซวกันทันทีเลยนะ วางขนมไว้บนโต๊ะเล็กๆ แล้วลากมาข้างเตียง แล้วทิ้งตัวลงนั่งจ้วงขนมเข้าปากแบบไม่มีรอ


          “เปล่า ไอ้ตองน่ะ คุยมั้ย”


          [ไม่เอานะ! กูไม่คุย] น้องตองเขาไม่อยากคุยกับมึงว่ะนานา เสียใจด้วย


          “แล้วมันมีอะไรล่ะ”


          “พี่เต็งไม่สบาย แล้วแม่งเรื่องเยอะไง ไอ้ตองปวดหัวขั้นสุด ที่โทรนี่มึงจะให้กูไปหาใช่ปะ” ประโยคหลังผมถามกับคนในสาย โทรมาคร่ำครวญขนาดนี้ก็น่าจะให้ไปหาอย่างที่คิดไว้นั่นแหละ


          [ใช่ แต่มึงอยู่กับไอ้นานา ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกูดูเอง]


          “มันหงอยแล้วว่ะมึง พอรู้ว่ากูอยู่กับมึงปุ๊บมันเกรงใจขึ้นมาทันทีเลย” ผมเอามือปิดโทรศัพท์ไว้แล้วหันมาพูดกับคุณแม่ คนสวยตวัดสายตาดุๆ ใส่ผมพรึ่บเลย อะไรอ่า~ เค้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ทำไมต้องดุกันด้วย


          พรึ่บ!


          “มึงเป็นส้นตีนอะไรของมึงห้ะไอ้ตอง! มันอยู่กับกูแล้วยังไง ก็ลากแม่งไปสิ! กูไม่แดกหัวมึงหรอก ไอ้ห่าจะกลัวอะไรกูนักหนา กูออกจะสวย!” คนสวยองค์ลงแล้ว อยู่ๆ ก็ยืดตัวขึ้นมาแย่งโทรศัพท์ไปจากมือ ว้ากใส่ปลายสายด้วยเสียงที่ดังแสบหู แถมตบท้ายด้วยการอวยตัวเองอีกเบาๆ


          ติ๊ด!


          “อ้าวๆ ตัดสายทำไม กูยังคุยไม่เสร็จเลย”


          “ไม่ต้องไปคุยกับแม่งแล้ว รำคาญ มึงน่ะก็ไปหามันสิ เดี๋ยวมันจะบ้าตายไปซะก่อน” นานาโยนโทรศัพท์คืนให้ผม ย้ำว่าโยน ผมนี่ถลารับแทบไม่ทัน ถึงแม้ว่าถ้าตกก็ตกลงบนเตียงก็เถอะ


          “แล้วมึงล่ะ ไปด้วยกันมั้ย”


          “ไม่อะ กูไม่อยากเจอคนประหลาด” ปฏิเสธเสียงแข็งเลย


          สรุปแล้วผมก็ต้องมาบ้านไอ้น้องตองเพียงคนเดียว อย่างที่เห็นนั่นแหละ ไอ้นานาไม่ยอมมาด้วย ขนาดชวนแล้วนะ ก็ยังยืนยันคำเดิม มันคงกลัวว่าเดี๋ยวจะทนไอ้พี่เต็งไม่ไหวแล้วตีกันแน่ๆ เลย


          ไอ้พี่เต็งก็ไม่ได้ประหลาดอะไรขนาดนั้นหรอก ไม่ได้น่ารังเกียจนะ แต่ผมก็ยังหวั่นๆ อยู่ บอกแล้วไงครั้งนึงผมเกือบโดนพี่มันปล้ำแล้วนะ ถึงจะดูทีเล่นทีจริงก็เถอะ พี่เต็งมันแค่เรื่องเยอะเฉยๆ พูดมาก ขี้บ่น แล้วทุกคนต้องอยู่ใต้ล่างมันตลอด


          แม่งเผด็จการ!


          ไอ้ตองออกมารับผมที่หน้าบ้านแล้วพาเดินขึ้นมาดูคนที่นอนซมอยู่บนห้อง ดีนะ มานอนที่ห้องนอน เพราะตัวเองไม่สบาย แต่ไม่อยากให้ใครเหยีบบเข้าไปในห้องตัวเอง


          ผมมองดูร่างที่นอนจมเหงื่อด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ปกติเวลาเจอจะเจอแต่แบบเวอร์ชั่นร้ายกาจไง ไม่เคยมาเจอแบบเงียบสงบดูน่ารักแบบนี้ ใบหน้าขาววิ๊งนั่นชื่นไปด้วยเหงื่อ พี่เต็งมันมีลักษณ์เด่นคือริมฝีปากที่ดูนุ่มนิ่มเล็กๆ สีชมพูอ่อนๆ น่าจูจุ๊บ ปากพี่มันสวยมาก สวยกว่าไอ้กันอีก บวกกับตอนนี้ผมที่ยาวประบ่าดูยุ่งๆ คลอเคลียกับใบหน้า


          “พี่มึงเซ็กซี่ดีเนอะ” ผมกระซิบกับไอ้ตองเบาๆ


          “อืม แต่อย่าให้ตื่นล่ะ” ไอ้ตองกระซิบกลับ ผมพยักหน้าเห็นด้วยทันที แต่มึงนี่ก็เผาพี่ตัวเองเนอะ ผมมองดูไอ้ตองที่เดินไปเอาน้ำกับผ้ามาเช็ดตัวให้พี่ชาย มีน้องอย่างไอ้ตองนี่ก็ดีนะ โดนแกล้งโดนใช้สารพัด แต่ก็ดูแลไม่เคยทิ้ง


          “อือออ…” เสียครางดูอ่อนแรงดังมาจากคนที่นอนอยู่ ใบหน้าเบ้ลงหน่อยๆ หันหน้าหนีผ้าเย็นๆ ที่ไอ้ตองกำลังเช็ดอยู่


          “พี่ ให้หนูเช็ดตัวก่อน”


          ผมเบือนหน้ามากลั้นขำ ได้ยินทีไรก็จั๊กจี้ทุกทีเลย งี้แหละ ไอ้ตองเวลาคุยกับพี่ ไม่หนูก็น้อง มีสองคำนี้แหละ มันเคยเล่าว่าจริงๆ ไม่อยากพูดหรอก แต่พี่เต็งมันบังคับ มันเลยชินจนไม่คิดอะไรแล้ว


          “ไม่เอา พี่หนาว”


          “แต่พี่ตัวร้อน”


          “โว้ยย!! แค่กๆ…” นั่นไง อวดเก่ง จะโวยน้องแต่เสียงไม่มี ไอจนตัวโยนหมดแล้ว ผมต้องเข้าไปช่วยดันให้พี่เต็งมันนอนลงไปดีๆ ช่วยจับตัวไว้ให้ไอ้ตองได้เช็ดตัวง่ายๆ พี่เต็งมึงแม่งดื้อจริงๆ ตัวร้อนขนาดนี้แล้ว


          “ทำไมพี่เต็งถึงไม่สบายได้วะ ปกติดูแลตัวเองดียิ่งกว่าอะไร”


          “ไปนั่งตากฝน”


          “ห้ะ!”


          “นั่งตากฝนนั่นแหละ บอกอยากซึมซับบรรยากาศ นี่ไง ซึมเข้ามาจนเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ” ไอ้ตองบอกด้วยสีหน้ายุ่งๆ คงปวดหัวกับนิสัยแปลกๆ ของพี่ตัวเอง ผมพยักหน้ารับรู้เบาๆ ดีนะกูไม่มีพี่แบบนี้ ไม่งั้นกูคงอยากโดนตึกฆ่าตัวตายวันละหลายๆ ครั้ง


          “น้อง”


          “ครับ”


          “พี่ต้องตายแน่ๆ เลย” ถุ้ย! ไอ้พี่เต็ง มึงไม่สบายแค่นี้ แดกยาแล้วนอนพักสามวันมึงก็หาย จะตายบ้านมึงดิ! ผมมองหน้าหมั่นไส้มองคนที่ปรือตาขึ้นมาอ้อนน้องชายตัวเอง ใบหน้าแดงระเรื่อเพราะพิษไข้ แต่ดูแล้วโคตรเซ็กซี่เลย


          “ไม่ตายหรอกน่า”


          “ใช่ เพราะพี่เป็นคนดี พี่ไม่ตายง่ายๆ หรอก”


          เอ้า! เอากับมันดิ


          ผมส่ายหน้าพูดอะไรไม่ออก นี่ดีนะที่พี่เต็งดูเหมือนจะยังไม่รับรู้ว่าผมอยู่ด้วย ไม่งั้นก็เยอะมากกว่านี้อะ ไอ้ตองเช็ดตัวให้พี่ชายก่อนหายามาให้กิน พอกินเสร็จพี่เต็งก็หลับไปเลย ไอ้ตองถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนั่งแผ่ลงกับพื้นข้างเตียง


          “เหนื่อยอ่า~”


          “ใช่ เหนื่อยใจมากเลย” ผมตบไหล่เล็กนั่นอย่างให้กำลังใจ


          “แล้วนี่มึงกินข้าวหรือยัง” แล้วก็นึกขึ้นมาได้ ไอ้ตองจะได้กินข้าวหรือยังมัวแต่ดูแลคนป่วย ร่างเล็กส่ายหน้ากลับมาเบาๆ


          “มึงลงไปกินข้าวก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูดูให้ คงยังไม่ตื่นขึ้นมาตอนนี้หรอก” ผมบอก ทีแรกไอ้ตองมันไม่ยอม ปากก็บ่นแต่ใจก็ยังห่วงพี่ชาย คงรู้แหละว่าเมื่อพี่เต็งไม่สบายขึ้นมามันไม่เอาใครเลยนอกจากน้องชายตัวเอง แต่สุดท้ายมันก็ยอมลงไป แต่ไม่ได้ลงไปกินนะ ไปเอาข้าวขึ้นมากินบนห้องนี่แหละ


          ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ไอ้กันกำลังทำรายงานอะไรสักอย่างอยู่เลย ผมก็ทำตัวเป็นแฟนที่ดี ชวนคุยทุกสองวินาที ร่างสูงก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ ตอบผมทุกสองวินาทีเหมือนกัน


        G’ : แล้วตอนนี้มึงอยู่นี่ไหน


        VIP : อยู่บ้านไอ้ตอง พี่ชายมันไม่สบาย กูเลยมาช่วยดู


        G’ : ผู้ชาย?


        VIP : อะห้ะ


          ตอบไปแล้วก็หวั่นๆ ใจ หมาบ้ามันขี้หึงไง นิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้ ไม่ยอมเลย นี่ถ้าเป็นไปได้มันคงขังผมไว้ที่บ้านแน่ๆ ผมมั่นใจ


        G’ : ห้ามเข้าใกล้นะ กูขอสั่ง


          นั่นไง มาละ มันมาละ


          เพื่อความสบายใจของทั้งผมและมัน ผมเลยจัดการถ่ายรูปไอ้พี่เต็งที่นอนซมอยู่นั่นแล้วส่งให้มันดูซะเลย เอาให้รู้ว่านั่งห่างกันแค่ไหน และด้วยสภาพนั้นพี่เต็งไม่สามารถลุกขึ้นมาทำอะไรผมได้แน่ๆ


          Rrrrrrr


          แล้วหลังจากที่ทางนู้นได้รับรู้ สักพักมันก็โทรเข้ามาเลย ผมมองดูเบอร์ที่โชว์ขึ้นมาแล้วขมวดคิ้ว มึงไม่เข้าใจเหรอวะเนี่ย


          “ฮัลโหล”


          [สวยดีนะ พี่ของเพื่อนมึงน่ะ]


          หื้มมมมมมม~


          “โทรมาเพราะจะบอกแค่นี้น่ะเหรอ”


          [เปล่า โทรเพราะอยากได้ยินเสียง] น้ำเสียงติดจะอ้อนถูกส่งออกมา ผมยิ้มรับนิดๆ แล้วลุกขึ้นไปหาไอ้พี่เต็ง มันสบายดิ้น สะบัดหน้าไปมาจนผ้าที่แตะไว้บนหน้าผากตกลงมา ผมหยิบขึ้นมาวางไว้ให้เหมือนเดิม แต่คนที่นอนซมอยู่กลับค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา จ้องมองผมนิ่งๆ แวบหนึ่งก่อนที่มือเรียวจะยื่นออกมาดึงโทรศัพท์ผมไป


          “โหล…สวัสดี คือเงินกูด้วย”


          ตุบ


          เอ่อ…


          หลังจากที่แย่งไปพูดแบบนั้นเสร็จพี่แกก็ปล่อยโทรศัพท์ร่วงหลุดจากมือแล้วหลับตา ผมกะพริบตาปริบๆ ตามไม่ทัน ไอ้บ้า!! มึงละเมอหรือไงพี่เต็ง คืนเงินอะไร คนเป็นหนี้มึงเยอะใชมั้ย!



_________________________________________________





ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
มีช่วงนึงลืมไปเลยว่าอ่านเรื่องนี้ นึกขึ้นได้ว่าเอออ่านค้างไว้นี่ อิ กลับมาอ่านเจออัพตั้งสามตอนนน เฮ่ ดีใจๆ

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
น่าจะมาลงต่อให้จบนะคะ ถึงแม้ว่าจะมาทำเป็นหนังสือแล้ว แต่เราชอบอ่านในเว็บมากกว่าแล้วค่อยไปตามอ่านในหนังสค่ต่ะ กำลังหวานๆเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด