[แจ้งข่าวหน้า๑๖] >>>>ข้ามพิภพ<<<< (๒/๐๘/๖๔) หน้า ๑๖ [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

สำรวจความต้องการให้มีการพิมพ์รวมเล่มนิยาย >>>>ข้ามพิภพ<<<< หรือไม่

ต้องการ
27 (67.5%)
ไม่ต้องการ
0 (0%)
ไม่แน่ใจ
13 (32.5%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 40

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวหน้า๑๖] >>>>ข้ามพิภพ<<<< (๒/๐๘/๖๔) หน้า ๑๖ [จบแล้ว]  (อ่าน 285343 ครั้ง)

ออฟไลน์ wwss2220

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากค่ะ  มาต่อเร็วนะค่ะ.   เป็นกำลังใจให้คะ :ling1: :กอด1:

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
พ่อมาตะมาเป็นกลอนเลยนะจ๊ะ จะอ้อนเอาอะไรจากพจน์นะ อิอิ

ส่วนพ่อโกสินทร์  ก็เหมือนจะหลงเสน่ห์พจน์อีกคนแล้ว

พจน์จะรู้ตัวไหมว่ามีคนมาชื่นชอบมากมายเลย  แล้วถ้ารู้ว่าปาล์มก็ชอบพจน์จะเป็นยังไงนะ

ชอบบทกลอนมากๆค่ะ  ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แอร๊ยยยยยยยยยยยย โดนแน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
[ต่อ]


“น้องท่าน ทำข้าระทมหม่นไหม้นัก” มาตะผละจูบ จับจ้องใบหน้างามงดของคู่พิศวาส

“เดี๋ยวๆ ถ้าเราจำไม่ผิดนายอ่อนเดือนกว่าไม่ใช่หรือ ทำไมเรียกว่าน้องเล่า” พจน์ปัดป้องมือซึ่งโลมไล้ผิวกายตนอย่างอับจน

“ถูกแล้ว แม้นวันคืนถือกำเนิดจักชักนำให้น้องท่านมาก่อน แต่มาตะนี้ขอถือฐานะเป็นดั่งผู้ดูแลให้สมใจมุ่งมาดปรารถนา จึ่งนับเอาว่าตัวเป็นพี่เฝ้าทะนุถนอมน้องท่านไว้ในอ้อมอกมิให้มีภัยอันตรายมาแผ้วพาน”

“อือๆ แล้วแต่นายแล้วกัน แต่ลุกไปจากตัวก่อนได้หรือเปล่า”

เด็กหนุ่มแพขนตายาวกีดกันอกแน่นของคนเบื้องบนด้วยสองมือ แรงกดทับดื้อดึงเป็นกิริยาโต้กลับว่าเจ้ามาตะปฏิเสธคำร้อง

“จักให้ข้าหักห้ามใจมิให้แตะต้องตัวน้องท่านเลยนั้น เสมือนดั่งห้ามมดมิให้ลองลิ้มชิมน้ำตาล ข้ามิอาจทำตามคำเจ้าได้” ว่าพลางก็ก้มลงสูดกลิ่นหอมหวานชื่นใจจากลำคอขาว

คำหวานของเจ้ามาตะทำให้พจน์ปั่นป่วนทั้งทางกายแลใจ กระสับกระส่ายจำยอมให้อีกฝ่ายฉกชิมรสสวาทตามแต่ใจเริงรมย์ พจน์ต้องกำมือระงับอารมณ์ร้อนรุ่มทั่วกาย
 
“ขอโทษ ที่จากไปโดยไม่ได้บอกลา” พจน์เอื้อนบอกจากน้ำใสใจจริง มาตะยับยั้งชั่งใจ เงยหน้าจากซอกคอละเอียด ดวงตาฉ่ำน้ำ สีหน้าเจ็บปวดดูสะกดกลั้นอารมณ์เบื้องลึก

“ข้าเฝ้าตามหาน้องท่าน ณ สำนักที่อยู่ แต่หามีผู้ใดรู้จักนามภัทรพจน์ไม่ จนกระทั่งข้านำเรื่องนี้ปรึกษาพระอาจารย์โกสินธพ”

“นายเอาเรื่องเราไปพูดกับอาจารย์ของนายหรือ” พจน์ยกมือปิดหน้ารู้สึกวุ่นใจเขินอาย

“น้องท่านอย่าได้ตีโพยตีพายเหตุเพราะความด่วนได้ใจร้อนของข้าเลย” มาตะกุมมือพจน์ไว้ในอ้อมอุ่น “หาไม่ดวงใจมาตะคงแดดับหม่นหมอง”

“น้องท่านจะลงทัณฑ์ข้าก็ย่อมได้ แต่โปรดฟังให้จบสิ้นความก่อน”

พจน์ไม่รู้ว่าตอนนี้ความรุ่มร้อนกับความเขินอายอย่างไหนท่วมท้นในใจมากกว่ากัน จึ่งชันกายลุกนั่งแล้วหันหลังให้คนตัวหนากว่า

“ในชั้นแรกข้าปรารภถึงเหตุแห่งทุกข์ของการพบแลจาก มิได้กล่าวอ้างถึงน้องท่านแม้เพียงนิด ตามประสาผู้ศิษย์แลอาจารย์ยามสบหน้าเล่าความสุขกายต่อกันแลกัน มาตรว่าจะด้วยกฤษดาภินิหาร ฤา กุศลผลบุญซึ่งบำเพ็ญเพียรมาช้านานของพระอาจารย์โกสินธพ ครูท่านทักข้าว่า บุรุษน้อยผู้คู่เคียงละเจ้าไว้โดยเดียวจึ่งทุกขเวทนาดั่งนี้ใช่ ฤา ไม่ ข้าก้มกราบอัศจรรย์ในญาณสมาบัติเหนือทุกผู้คนน้อมรับว่า จริงดังพระอาจารย์กล่าว พลางว่า เหตุแห่งทุกข์คือตัวคน แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามิอาจจะค้นหาเหตุแห่งทุกข์นั้นได้จากที่ใด จึ่งตรอมตรมขมใจยิ่งกว่าได้รับพิษบาดแผล

พราหมณ์ผู้เฒ่าจึ่งว่า มาตะเอย เหตุแห่งทุกข์นั้นหาได้ทำให้เจ้าทนทรมาน แต่เป็นกิเลสในรูปของความอยาก อยากพบ อยากเจอ อยากสัมผัส อยากครอบครอง ทุกสิ่งล้วนเป็นกิเลสในใจเจ้าโดยสิ้น ศิลปศาสตร์วิทยาการซึ่งข้าพร่ำถ่ายทอดสู่เจ้านั้นล้วนเป็นสรรพวิชาต่อการบ้านการเมือง แต่ทางด้านจิตใจนั้นศิลปศาสตร์ลึกล้ำนี้เป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญพรตเท่านั้นจะตระหนักรู้ หากเจ้าจักระงับทุกข์จากกิเลสแลเหตุแห่งทุกข์นั้นดั่งว่าแล้ว จงปลดเปลื้องภาระทางโลกอาณาจักรสู่พราหมณ์อาณาจักร นั่นแล้วเจ้าจึ่งไร้ซึ่งความทุกข์ทั้งปวง สิ้นคำของครูพราหมณ์ ข้าฟุบกายน้อบกราบ รู้สึกผ่องแผ้วอย่างประหลาด ความอัดอั้นในใจเริ่มผ่อนปรน คำปรึกษาต่ออาจารย์ล้วนมีแต่เพียงเท่านี้แล”

พจน์ลอบถอนหายใจ นึกเกรงมาตะจะเล่าสัมพันธ์ทางกายของคนทั้งคู่ต่ออาจารย์ตัวเสียแล้ว

“น้องท่านจักตัดสินลงโทษมาตะหรือให้มาตะนี้ลงทัณฑ์”

รอยยิ้มพริ้มเพรานั้นทำให้พจน์หน้าขึ้นเฉดสี มือหนารวบกุมไว้ใกล้อก
 
“จะเอาโทษอะไรกันเล่า ช่างเถอะ” พจน์เบี่ยงกายหลบหนีหน้าคนเจ้าเล่ห์ คำเสนอบ้าบออะไรกัน เลือกทางไหนพจน์ก็มีแต่เสีย จึงปิดปากเงียบ

“หากน้องเรามิคิดชำระความเอาผิดตามโทษานุโทษแล้ว โปรดปลอบประโลมมาตะให้คลายจากความเจ็บแลคนึงหาด้วยเถิดเจ้า” สีหน้าเว้าวอนออดอ้อนทำให้พจน์รีบก้มหน้า ตัวเองรู้ว่าแพ้ทาง หากจ้องมองต่อไปคงต้องตกหลุมพรางของคนมากเล่ห์เป็นแน่แท้

“จากจวบพบเจอกันพลันชื่นจิต
พี่เฝ้าคิดนวลปรางกระจ่างใส
ซบตรึงแนบเนื้อกายคลายเคลื่อนไป
อยู่เคียงใกล้ดั่งไกลแสนนที”

มาตะละมือพจน์แล้วจดจ้องแสงไฟจากตะเกียงน้ำมัน สีหน้าอ้อนเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วแน่น พร่ำเพ้อเป็นกลอนสี่สุภาพอีกครั้ง

“จากคืนวันทุกข์ตรมระทมเศร้า
พี่ครวญเฝ้าวาดฝันวันสุขี
ฝ่ามือน้อยตะคองกอดปลอบฤดี
คงไม่มีวันคืนกลืนน้ำตา”

“มาตะ เราไม่ได้จะปฏิเสธแต่เรามีเรื่องเดือนร้อนบางอย่าง”

พจน์ดึงแขนล่ำให้หันหน้ามาสบตากันอีกครั้ง อาการสำแดงเป็นกลอนของมาตะทำให้พจน์จำสิ่งที่ทำให้ตนต้องเร่งร้อนข้ามพิภพมาได้ ก้มลงมองมือขวาของตนเอง แผ่นกระดาษหน้าที่ถูกฉีกออกจากหนังสือต้นฉบับที่ไอ้กันให้พจน์ยังคงอยู่ เขาจำได้ว่ามาตะมีความสามารถด้านการแต่งกลอนเป็นเอกเช่นเดียวกัน

“นายช่วยไขปริศนากลอนนี่ได้ไหม รู้จักหรือเปล่าว่ามันคืออะไร” พจน์ปรึกษาพร้อมยื่นกระดาษกลอน

สีหน้าเคร่งขรึมเปลี่ยนเป็นฉงนสนเท่ห์ฉับพลัน

“เกิดเหตุอันใดกระนั้น ฤา”

“ลีลาวดีเพลิง” ภาพอาธนพลบนเตียงคนไข้พร้อมเครื่องช่วยชีวิตชัดเจนในห้วงความคิด “จุมพิตสีเลือดทำให้ญาติของเราบาดเจ็บ นายรู้จักหรือเปล่า”

มาตะคลี่กระดาษกลอนสามบทให้เรียบตึงแล้วขยับนั่งบนตั่งกลางห้องใกล้กับตะเกียงไฟ พจน์ขยับตามประชิด
 
“เป็นอักขระกลอนที่ข้ามิเคยประสบพบเจอมาก่อน” มาตะสารภาพ “แต่ไม่มีใครในมหาอาณาจักรนี้ไม่รู้ซึ้งถึงพิษภัยของจุมพิตสีเลือด อาวุธร้ายกาจซึ่งสามารถสังหารชีวิตชาวเราได้”

“มีคนบอกว่ากลอนบทสุดท้าย คือปริศนาของการช่วยคืนชีวิตของผู้ประสบเหตุจากลีลาวดีเพลิงได้ คำที่หายไปในแต่ละบาทคือคำตอบที่เราต้องการ” พจน์ชี้จุดที่คำสี่คำหายไป มาตะขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ใบหน้าหล่อเหลาดุจรูปปั้นเทพพินิจพิจารณา

“เท่าที่ข้ารู้ไม่มีใครรอดชีวิตจากจุมพิตสีเลือด” มาตะตอบประสาซื่อ

พจน์กำมือแน่นรู้สึกมึนงงชั่วขณะ ความหวังที่จะช่วยอาธนพลกลับมืดมนอนธการอีกครั้ง

“กลอนนั่นบอกว่าต้องกระทำชุบร่างในคืนวันเพ็ญ และเราคิดว่าถ้าพ้นคืนนี้ไปอาพลคงไม่มีทางรอด” พจน์พูดตามความเข้าใจ

“เป็นเช่นนั้น ให้ข้าได้ตรึกตรองจงดีก่อน น้องท่าน อย่าได้ทอดถอนกำลังใจ หากใจเจ้าเจ็บข้าก็เจ็บเสมอด้วย เรามาร่วมกันแก้ไขปริศนานี้ให้ทุละปรุโปร่งเถิด”

พจน์สลัดความคิดด้านร้ายออก ความหวังยังคงมีอยู่ตามมาตะว่า คนตัวหนาจูบหน้าผากพจน์ปลอบประโลมให้คลายโศก

“ข้ามิรู้ว่าน้องท่านประสบเหตุเภทภัยใหญ่หลวงจึ่งมัวแต่โอ้โลมตามประสา มิได้มีเจตนายื้อหยุดฉุดให้เสียการ จงปลดเปลื้องลืมหลงความน้อยอกน้อยใจของข้าเสียเถิด อย่าได้ปริวิตกเลย”

“อืม”

“หากว่ากลอนนี้คือหนทางเยียวยาแล้วไซร้ คำที่เลือนหายจึ่งเป็นสิ่งของที่ใช้เยียวยามิผิด” มาตะว่าพลางพิเคราะห์พลาง

“เราก็ว่าน่าจะเป็นสิ่งของบางอย่างหรืออาจจะเป็นยาสมุนไพรที่ใช้รักษาได้” มาตะส่ายหน้า

“พิจารณาจากคำกลอนบริบทเบื้องหลังแล้ว คำหน้าบาทจำต้องเป็นสิ่งที่เทพเป็นผู้ประทานหรือสร้างสม” พจน์ก้มใบหน้าชิดกับคนรูปงาม ทำให้ปลายจมูกโด่งเสียดสีกันชั่วครู่ มาตะหลับตาระงับอารมณ์เบื้องลึก พจน์สะดุ้งถอยห่างสีหน้าขัดเขิน

เทวาชุบร่างกระจ่างฟ้า ต้องเกี่ยวกับเทพเทวดาแน่ๆ” พจน์ปักใจแน่วแน่ “ถ้างั้น สัประยุทธ์ดุจแขไข ก็คงต้องเกี่ยวกับการต่อสู่สินะ”

“ข้าคิดเห็นเป็นเช่นนั้น คำนำหน้าของ เพ็ญเช่นเดือนเลื่อนลับไป จำต้องเป็นสิ่งธรรมชาติเช่นเดียวดั่งเดือนเพ็ญ”

“ส่วนบาทสุดท้าย สิ่งที่จะ ฉุดใจวิญญ์กลับรับคืนตน คืออะไรล่ะ”

มาตะหลับตาระลึกถึงสิ่งทั้งหลายซึ่งประกอบคำสี่คำเป็นรูปประโยคหนึ่งเดียว ฉับพลันใบหน้าหล่อดุจเทพบุตรลืมตามีประกายกล้า พร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะฉกขโมยจูบพจน์โดยเร็วเป็นรางวัล พจน์หน้าขึ้นสีอีกครั้ง

เหตุเพราะกลิ่นเนื้อนวลของน้องท่านเป็นเสมือนยาดีชุบสติตรึกตรองของข้าให้โลดแล่นปลอดโปร่งกระจ่างแจ้ง รวมถึงริมฝีปากแดงก่ำนำปัญญามาสู่มาตะ เช่นเดียวกับดวงตาสีเนื้อทรายที่ทำให้จิตใจข้าคำนึงคิดถูกต้อง นับเป็นสิ่งประเสริฐที่น้องเจ้ามาประทับนั่งเป็นขุมกำลังเคียงข้างกาย

มาตะพร่ำพรรณนาลักษณะรูปกายพจน์โดยละเอียดถี่ถ้วนพร้อมยกยอสรรเสริญ

“หมายความว่านายคิดออกแล้วใช่ มาตะ มันคืออะไรล่ะ”

รอยยิ้มกว้างที่นานครั้งจะพบเห็น ปกติเจ้านี่ชอบทำหน้านิ่ง ส่งให้หัวใจพจน์เต้นผิดจังหวะ

ทวน เทวาชุบร่างกระจ่างฟ้า
อัศวา สัประยุทธ์ดุจแขไข
ราตรี เพ็ญเช่นเดือนเลื่อนลับไป
กาล ฉุดใจวิญญ์กลับรับคืนตน”

มาตะท่องเป็นกลอนครบถ้วนสมบูรณ์จบ

ทวนอัศวาราตรีกาล” พจน์รวมเป็นคำที่ถูกต้อง มาตะพยักหน้ารับพร้อมมอบจุมพิตแสดงความยินดี


100%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2019 19:40:24 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ๊ยย ชอบแนวนี้อ่ะ เห็นชื่อเรื่องแล้วคือกดเข้ามาเลย ตอนแรกแอบมึนหน่อย แต่หลังๆมาชอบมาก อยากรู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเร็วๆจัง สงสารมาตะด้วยแบบต้องรออย่างเดียวเลย พจน์จะไปจะมาเมื่อไรไม่รู้ แต่อย่างน้อยเค้าก็ได้เจอกันเนาะ ไม่งั้นคงเศร้าหนักแน่
รอตอนต่อไปน้าค้าาา~

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
มันคือทวนเหรออออออ
มาตะหว๊านหวาน เขินแทนพจน์ :o8: :-[ :impress2:

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ไขปริศนาบทกลอนกันไปกุ๊กกิ๊กกันไป  หวานกันจัง  เขิน :-[
พจน์ต้องไปช่วยอาก็แสดงว่าต้องจากกันอีก  สงสารมาตะจังค่ะ :hao5:
สนุก  ลึกลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ รอลุ้นมากๆว่าจะเป็นยังไงต่อไปค่ะ o13
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:

ออฟไลน์ ฤดูใบไม้หลากสี

  • ผู้เป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • อิสระ ไม่อาจพรากไปจากเรา, จินตนาการก็อยู่คู่เราจนสิ้นลมหายใจ
กว่าจะรักกันได้ พ่อมาตะเราต้องทนคิดถึงนายเอกเราอีกนานเท่าใดหนอ

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แอร๊ยยยยยยยยยยย   :-[ :-[

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
แอร๊ยยยยยยยยยยย   :-[ :-[
เขินเหรอครับ 555

กว่าจะรักกันได้ พ่อมาตะเราต้องทนคิดถึงนายเอกเราอีกนานเท่าใดหนอ
ต้องส่งกำลังใจถึงมาตะเยอะๆนะครับ คนเขียนก็อดสงสารไม่ได้  :sad11:

ไขปริศนาบทกลอนกันไปกุ๊กกิ๊กกันไป  หวานกันจัง  เขิน :-[
พจน์ต้องไปช่วยอาก็แสดงว่าต้องจากกันอีก  สงสารมาตะจังค่ะ :hao5:
สนุก  ลึกลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ รอลุ้นมากๆว่าจะเป็นยังไงต่อไปค่ะ o13
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:
ฉากเข้าพระ-นาย เป็นยังไงบ้างครับ ติชมหรือแสดงความเห็นกันได้ มีแต่คนสงสารมาตะ ไม่มีใครสงสารพจน์บ้างหรือครับ ข้ามพิภพไปมาก็เหนื่อยนะ อิอิ

มันคือทวนเหรออออออ
มาตะหว๊านหวาน เขินแทนพจน์ :o8: :-[ :impress2:
ใช่แล้วครับ พจน์เราจะรับมือกับมาตะโหมดนี้ยังไงต้องติดตามนะครับ

โอ๊ยย ชอบแนวนี้อ่ะ เห็นชื่อเรื่องแล้วคือกดเข้ามาเลย ตอนแรกแอบมึนหน่อย แต่หลังๆมาชอบมาก อยากรู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเร็วๆจัง สงสารมาตะด้วยแบบต้องรออย่างเดียวเลย พจน์จะไปจะมาเมื่อไรไม่รู้ แต่อย่างน้อยเค้าก็ได้เจอกันเนาะ ไม่งั้นคงเศร้าหนักแน่
รอตอนต่อไปน้าค้าาา~
อยากให้ค่อยๆลองอ่านครับ อย่าเพิ่งรีบร้อน 555 เป็นแนวที่ไม่เคยแต่งเหมือนกัน ยังไงก็จะพยายามเขียนให้ดีที่สุด เอ...ใครอยู่เบื้องหลังน้า นึกแล้วก็ขนลุกเลย บรื๋อออ รอติดตาม ไม่สงสารนายเอกของเราบ้างหรือครับ?

แอร๊ยยยยยยยยยยยย โดนแน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
เอ๋ คิดไปถึงไหนแล้วครับเนี่ย 555

พ่อมาตะมาเป็นกลอนเลยนะจ๊ะ จะอ้อนเอาอะไรจากพจน์นะ อิอิ

ส่วนพ่อโกสินทร์  ก็เหมือนจะหลงเสน่ห์พจน์อีกคนแล้ว

พจน์จะรู้ตัวไหมว่ามีคนมาชื่นชอบมากมายเลย  แล้วถ้ารู้ว่าปาล์มก็ชอบพจน์จะเป็นยังไงนะ

ชอบบทกลอนมากๆค่ะ  ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:
พจน์หวานเสน่ห์ไปทั่วอีกตามเคย มาตะเก่งด้านกวีครับเลยระบายออกเป็นกลอนเลย ถ้าพจน์รู้ว่าปาล์มชอบ....เห้อ ถอนหายใจแรงๆ

สนุกมากค่ะ  มาต่อเร็วนะค่ะ.   เป็นกำลังใจให้คะ :ling1: :กอด1:
รอติดตามตอนต่อไปนะครับ

โอยยยยยย รออีกครึ่งจ้าาาาา
กดเข้ามาติดตามเรื่อยๆนะครับ


ในที่สุดก็มาต่อแล้ววว

แหม่ พ่อมาตะจ๊ะ มาเป็นกลอนเชียวนะพ่อ
มาตะมาแนวนี้ พจน์จะทำอย่างไหรหนอ อิอิ

ห๊ะ? ค้างเว่อร์ มาต่อด่วนเลยคนเขียน
คนอ่านจะลงแดงตาย  :a5: :z3:
อย่าเพิ่งด่วนจากไปครับ ช่วยให้กำลังใจมาตะพจน์ก่อนๆ  :mc4:

กรี๊ดประโยคสุดท้ายมากๆค่ะ  มาตะรักพจน์มากๆเลย แต่พจน์ก็ไปๆมาๆ  สงสารมาตะมากๆค่ะ
นักเขียนแต่งเก่งมากๆ นักวิทยาศาสตร์เก่งหลายด้านจริงๆค่ะ o13
ลุ้นตอนต่อไปมากๆค่ะ   ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :กอด1:
เป็นความชอบส่วนตัวครับ แต่วิทยาศาสตร์ก็ชอบ แต่ยังนึกโครงเรื่องแนววิทยาศาสตร์ไม่ออก อาจเป็นเรื่องต่อก็ได้ครับ ไม่สงสารพจน์บ้างหรือครับ นายเอกเราก็เหนื่อยไปใช่น้อยนะครับ เจอแต่ปัญหา  :hao5:

มาแสดงตัวค่ะ ยังไม่ได้อ่านเต็มๆ แค่อ่านผ่านๆก่อน แต่มันอดมาเม้นไม่ได้ค่ะ ตอนเห็นชื่อเรื่องนี่ไม่ได้มีความคาดหวังอะไรเลยค่ะ ถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะด้วยสัญลักษณ์ รูปแบบการตกแต่งชื่อกระทู้ หรือกระทั่งตัวชื่อเรื่องเองบอกตรงๆว่ากลืนไปกับเรื่องอืนๆมากค่ะ (มีช่วงก่อนหน้านี้มีนิยายชื่อพีคๆค่อนข้างเยอะค่ะ) แต่พอกดเข้ามาสแกนผ่านๆเจอโคลงสี่สุภาพในเรื่องนี่ต้องหยุดมาสำรวจเรื่องเลยค่ะ โคลงนี่โปรประหนึ่งกำลังอ่านวรรณคดี ภาษาสำนวนก็สวย โครงเรื่องก็น่าสนใจดีค่ะ ก่อนจะเจอเม้นว่าคุณนักเขียนเรียนคณะวิทย์นี่ยังคิดๆอยู่เลยว่าต้องจบพวกอักษรไรพวกนี้มาแน่ๆ 5555
ค่อยๆอ่านครับ อย่าข้ามนะครับ เดี๋ยวจะพลาดส่วนสำคัญไม่รู้ด้วยน้า ผมเพิ่งเคยลงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกครับ เรื่องการตกตกแต่งอะไรต้องขอผ่าน หรือขอศึกษาอีกสักพักก่อน ถ้าชอบโคลงสี่สุภาพต้องชอบเรื่องนี้แน่นอน รอติดตามโคลงบทต่อไปนะครับ เมื่อก่อนอยากเข้าอักษรเหมือนกัน แต่ไหงมาเรียนวิทย์ได้ก็ไม่รู้ งงตัวเองเหมือนกัน 555

เจ้มจ้น

รอบทที่ 12    :katai4:
รอติดตามน้า จะเจ้มจ้นอีกแน่ครับ รับรอง  :katai4:

ขอบคุณฮะ  สุดยอดเลย
  :pig4:

***สุขอ +เป็ด ให้ทุกreplyเลยนะจ๊ะ***


สารภาพตามตรงว่า

1. พึ่งมาอ่านล่ะ อ่านรวดเลย11ตอน
2. อ่านไปขนลุกไป

ไม่เชิงว่าหลอนนะ แต่มันแบบ ขลังๆอ่ะ เหมือนว่านิยายเรื่องนี้มันมีอะไรๆ

โวหารดี ถ้อยคำไพเราะเสนาะหู ไม่ใช่คำสมัยนิยมวัยรุ่นแต่ก็ไม่ใช่ประเภทโบราณที่อ่านแล้วงง

ที่สำคัญคือ บทบรรยาย/พรรณนาละเอียดมากกกกกกกกกกกกกกกกก

ยิ่งกว่าดูละครย้อนยุคในทีวี

ความรู้สึกมันยิ่งกว่านั้นจริงๆค่ะ

ตะลึงหนักไปอีกพอเห็นคนเขียนบอกว่าเรียนวิทยาศาสตร์ ซึ่งมันเป็นอะไรที่คนละแนวเลย

คือถึงจะบอกว่าชอบแต่งกลอนก็เถอะ แต่เเต่งนิยายด้วยภาษาระดับนี้ในยุค4Gมันถือว่าไม่ธรรมดาแล้วนา

(ใช้เวลาแต่งนานมั้ยคะ? แบบว่าด้านการสรรหาคำมาใช้น่ะค่ะ)

ยิ่งแต่ละประโยคที่พ่อหนุ่มมาตะเอื้อยเอ่ยนี่แบบ โอยยยยย อิฉันยอมค่ะ สุนี่ยอมใจเลย (อนาคตถ้าสุพัฒนาฝีมือจนถึงขั้นนี้ได้ก็พอใจแล้วงือ)

ตกลงพ่อมาตะนี่เป็นพระเอกรึเปล่าคะ?

แล้วกันนี่เป็นใครกันแน่? ดูแล้วคล้ายว่าจะไม่ใช่คนนะ ถึงเป็นคนเลเวลก็คงห่างจากคนปกติอยู่โข

ที่ปักใจรักและเทิดทูนพจน์ขนาดนี้นี่แปลว่าก่อนหน้านี้มันต้องมีอะไรดิ? แล้วมันคืออะไรกันล่ะ? เมื่อไรนายพจน์จะรู้ถึงอดีตและอนาคตอันไม่ใกล้ไม่ไกลนี้สักทีน้อ?

นายปาล์มนี่เราอ่านแล้วก็แอบคิดเล็กๆนะว่าเขามีแอบส่วนเอี่ยวกับเหตุการณ์นี้รึเปล่า?

ปาล์มพูดว่าพจน์คือดวงอาทิตย์ โถ่ถัง นายพจน์ก็ดันเข้าใจผิดไปไกล น้ำตานองหมอน  สุดท้ายไปเจอพ่อมาตะปลอบทั้งกายทั้งใจเลยเชียว

ถ้าในอนาคตอันใกล้นายปาล์มเกิดหลุดว่าชอบพจน์นี่พจน์คงช็อคพอควรมั้งนะ

คุณพ่อกับคุณผู้ช่วยมีอะไรๆกับจริงๆด้วย

ตอนล่าสุดก็ตัดจบยังงี้เลยโถ ค้างแบบไม่มีแอบ พรุ่งนี้สุมีสอบตั้ง5วิชาด้วยแน่ะ แย่ๆ

ถึงจะพูดอย่างงั้นแต่ก็จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
เรื่องนี้มีอะไรๆแน่ๆครับ 555 มีหลายคนบอกว่าผมบรรยายละเอียดมาก จะแก้ไขปรับปรุงเรื่อยๆครับ คมชัดยิ่งกว่ากล่องงดิจิตัลรึป่าวครับ ขนาดนั้นเลย 555 มีแต่คนสงสัยว่ามาตะเป็นพระเอกหรือเปล่า ถึงบทล่าสุดนี่น่าจะได้คำตอบกันแล้วนะครับ หรือว่ายังไม่แน่ใจอยู่ ก็ต้องรอกันต่อไป พจน์กับปาล์มจะลงเอยยังไงนี่....เห้อ (ถอนหายใจแรง) รอติดตามตอนต่อไปนะครับ

คำเดียว ค้างมาก เอาตรง ๆ นะ เราไม่ได้อยากรู้เลยว่าโลกปัจจุบบันของพจน์จะเป็นเช่นไร แต่อยากรู้แค่ว่าพจน์กับมาตะจะได้ครองคู่กันไหม อารมณ์แบบเหมือนมาตะเป็นเพียงตัวประกอบง่ะ น้องไม่พอใจ !

ละคือแบบฉันอยากให้มีแต่เหตุการณ์ในอดีต สงสารพ่อมาตะคนดีเสียจริง เดี๋ยว ๆ พจน์นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป ห่วย

โห เรียนวิทยาศาสตร์ ก้มกราบคาราวะสิบจอก ฮ่า ๆ มาลงตอนใหม่บ่อย ๆ นะฮะคนเขียน คิดถึงเรื่องนี้มากมายก่ายกอง
โห เรื่องราวโลกปัจจุบันไม่น่าสนใจเลยหรือครับ ทำไงดีๆ  :katai1: ตอนล่าสุดนี่น่าจะรู้แล้วนะครับว่ามาตะเป็นตัวประกอบหรือเปล่า 555

สนุกมากๆ น่าติดตามที่สุดเลยค่ะ

พจน์สับสน เราก็ยิ่งสับสนไปด้วย ไม่รู้จะเชียร์ใครดี555
ทุกคนที่มาชอบพจน์รู้สึกว่ารักและดีกับพจน์เหลือเกิน
แต่มาตะมาแรงเกิน  หรืออดีตกาลเคยมีความสัมพันธ์กันยังไง ลุ้นมากๆค่ะ
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านค่ะ :L2:
เลือกเชียร์สักคนนะครับ โปรดอย่าหลายใจเลย มาตะกับพจน์นี่มีความสัมพันธ์ยังไงนี่ ต้องติดตามครับ

ขุ่นพี่!!! ใจร่มๆเน้อขุ่นพี่มาตะ น้องพจน์ร้อนรุ่มไปหมดแล้ว แอร๊ยยยยยยยยยย  :impress2: :impress2: :impress2:
ฉากนี้คนเขียนก็ร้อนรุ่มเหมือนกันครับ  :impress2:

มาตะคะใจเย็นๆค่ะใจเย็นๆ...
ฉากนี้มาตะคงใจเย็นไม่ไหวแล้วครับ  :man1:

มาตะรุกอย่างแรง
มาตะของเราเป็นคนตรงครับ รู้สึกยังไงก็ทำอย่างนั้น 555

มาตะนางมาแรง แรงแซงหน้าทุกคนนนนนนนน ชนะค่ะ
5555555555555555 แอบสงสารพจน์นางดูสับสน
แรงแซงโค้งจริงครับ ยอมรับเลย 555

พจน์เสน่ห์แรงนะครับ
หากคุณจิตนาการรูปลักษณ์พจน์ออก คงต้องหลงเสน่ห์พจน์แน่เลย

อยากเจอมาตะอีกจัง...
พจน์คือคนที่ปาล์มชอบใช่ไหมอ่ะ
ดีใจกับมาตะด้วย มีแต่คนอยากเจอ อิอิ

อยากเจอมาตะอีก ว่าแต่แฟนคนอื่นที่ว่าคือใครหรอปาล์ม?
ปาล์มของเราเริ่มจะเผยความรู้สึกบ้างแล้วนะเนี่ย

รอค่ะ  o13
  :pig4:

ลึกลับ ซ้อนเงื่อน ปมใหญ่ๆ ค่อยแกะออกมาทีละนิดจึงจะเข้าใจ
แอร๊ยยยย สนุกมากค่ะ กันต์จะตายมั้ยเนี่ย
นี่ไง แฟนคลับพี่กันของเราอีกคน ค่อยคลี่คลายขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ รอติดตามน้า


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ ๑๓


รสกามารมณ์



อนึ่งดุจนักเดินทางรอนแรมหลงเวียนวนอยู่หว่างกลางไพร สิ้นปัญญาพบหนทางออก จวบกระทั่งมีผู้หวังดีขีดเครื่องหมายข้างลำต้นชี้นำสู่แสงสว่างแห่งความหวัง ภัทรพจน์ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาสรรเสริญปัญญาและความคิดของมาตะได้

“ใช่จริงๆ ใช่ไหม” พจน์อัศจรรย์ในการค้นพบ อยากให้มาตะยืนยันอีกครั้ง

“มิผิดแน่ กลอนบทนี้ชี้นำสู่ ทวนอัศวาราตรีกาล เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”

“แล้วทวนอัศวาราตรีกาลที่ว่าอยู่ที่ไหนล่ะ รีบไปเอามาเถอะ”

“หาจำเป็นต้องรีบร้อนไม่ ทวนเทวาอยู่ใกล้เพียงเอื้อม แลข้าสามารถนำมาสู่น้องท่านโดยมิพักต้องเปลืองแรง” มาตะกุมมือพจน์ “ผู้ถือครองอยู่คือพี่ชายของข้าเอง”

“แล้วพี่ชายนายอยู่ที่ไหน ไปตามหากัน” พจน์ผลุดลุกยืนยินดี แต่มาตะเอื้อมแขนฉุดรั้งให้พจน์นั่งยับยั้งชั่งใจก่อน

“ภัทรพจน์เอย บัดนี้เราต่างไขปัญหาร่วมกันจนสิ้นแล้ว แต่เพลาด้วยเราเคียงเสมอกันช่างยากเย็นแสนเข็ญนัก ข้านี้สะกดความวุ่นใจแทบคลั่ง อยากจะตักตวงความสุขแลกลิ่นเนื้อน้องเราไว้ประดับจมูกแลประทับทรวงมิให้เลือนหายสักเพลาเถิด”

มาตะแสร้งตีสีหน้าสลดจูบหลังมือพจน์เคลิบเคลิ้ม แววตาเว้าวอนออดอ้อนที่เคยใช้แสดงอยู่บนใบหน้ารูปงาม

ความคิดที่จะช่วยอาธนพลทำให้พจน์หลงลืมความรู้สึกของมาตะโดยสิ้น แต่ความวิตกระคนกังวลยังคงอยู่ เพราะทวนอัศวาราตรีกาลที่ว่านั้น ยังไม่พบเจอหรือถือไว้ในกำมือจึงไม่อาจปลงใจลงได้

“มาตะ เวลานี้น้องชายของพ่อเราสิ้นสติหายใจรวยรินจำเป็นต้องใช้ทวนเทวานั่น อย่าได้คิดว่าเราจะไม่ปรารถนาอยู่กับนายสองต่อสองเลย แต่สมองเราตื้อตันไปหมดอดห่วงไม่ได้” พจน์ตอบตามจริง

“มาตรแม้นว่าหัวใจของมาตะเจรจาโต้ตอบได้แล้วไซร้ คงจักตอบถ้อยคำน้องท่านได้ว่า เจ็บแลประหนึ่งถูกมีดมาเชือดเฉือน คำน้องท่านแม้ตอบโดยใจจริง แต่กิริยาทางกายเหินห่างดั่งประสงค์ตีจากหัวใจของมาตะให้ได้โดยพลัน หัวอกชื่นสะคราญเมื่อแรกพบเมื่อหัวค่ำ บัดนี้หม่นหมองยิ่งกว่าไฟสุมอก”

“เฮ้ย อย่าตีความไปแบบนั้น เราไม่ได้อยากจากนายไปสักหน่อย” ทัดทานด้วยว้าวุ่นใจ

“ก็แหละเมื่อหนทางซึ่งจะนำเรามาอยู่ใกล้กันแลกันฉะนี้ เป็นของยากดุจถือดวงจันทร์มาครอบครองกระนั้น เหตุใดน้องท่านมิใช้เพลาดั่งว่า ร่วมหาความสำราญสักเพลาหนึ่งนั้นมิได้เชียวหรือ”

ใจร้อนรนอยากตามหาทวนอัศวาราตรีมีอยู่แน่นอก แต่ใจห่วงหาความรู้สึกของมาตะก็ไม่อาจละทิ้งได้ ทำให้พจน์ตรองเครียดขมึง เห็นจอกเงินบรรจุสุราอยู่ใกล้เคียงจึงขว้ามาดื่มดับคลายสติ นี่ไม่ใช่หนแรกที่พจน์เคยสัมผัสเครื่องดื่มมึนเมา แต่รสหวานและรสขมสัมผัสปลายโคนลิ้นผลาญลำคอเย็นให้ร้อนผ่าวนี้เป็นรสชาติใหม่ไม่เคยลิ้มลอง แล้วเทคนโทลงจอกยกดื่มซ้ำอีกหน พลางว่า

“ใจหนึ่งเราอยากจะอยู่กับนายให้หายคิดถึง แต่อีกใจอดกังวลถึงอาเราไม่ได้ จะเป็นตายร้ายดีหรือรอดพ้นก็อยู่ที่ทวนอัศวาราตรีกาลเล่มนั้น”
 
“ข้ามอบคำสัตย์แก่น้องท่านให้เบาใจแล้วว่า ทวนเทวาบัดนี้เป็นอาวุธคู่กายพี่ชายข้า เจรจาหยิบยืมมาช่วยคนสักคราคงยินดี มีหรือที่พี่เราจะปฏิเสธ มิพักจะจักรีบเร่งให้นำไป”

“กรุณาบอกเราให้หายวิตกด้วยว่า พี่ชายนายอยู่ที่ไหน”

“ปัจจุบันนี้พี่เราคงเจรจาความเมืองกับเหล่าเสนาบดี ณ ปะรำพิธีริมฝั่งน้ำซึ่งเจ้าเคยร่วมอยู่เมื่อครู่นี้” ว่าพลางเอนเอียงเขยิบกายชิดแนบต่อกัน มาตะคว้าคนโทเติมจอกเหล้าแล้วยกดื่มรวดเดียวหมด พจน์ค่อยเบาใจแต่บรรยากาศหนาวเย็นทำให้ตนยกจอกสุราดื่มอีกครั้งเพิ่มความอบอุ่น

เด็กหนุ่มรูปงามวางดาบทองคู่กายลงข้างเคียง ยกมือโอบไหล่มอบไออุ่นจากตัวตนให้คู่พิสมัยคลายจากความหนาวแลปริวิตก พจน์กระสับกระส่ายขยับหนีดิ้นรน ถอยห่างจากคนเจ้าเล่ห์พร้อมก้มหน้างุดไม่อยากตกอยู่ในหลุมพรางของแววตาเว้าวอนนั้น มาตะเห็นกิริยาอึกอักฉะนั้น จึ่งเทสุราเพิ่มสติกำลังตัว

“อนิจจาเอย มาตะคนนี้ช่างน่าสงสารเวทนานัก หามีผู้ใดเปรียบแล้วบนพิภพ เฝ้าคิดคะนึงหาตรึกตรองใฝ่ฝันถึงยอดรักแต่ฝ่ายเดียว มัวหลงนึกว่าคนที่ตนมอบกล่องดวงใจแลจิตวิญญาณไว้ให้นั้นจะมีหัวอกเดียวกัน แต่ต่อเมื่อพบแลเห็นกิริยารังเกียจเดียดฉันท์ราวกับเป็นเศษฝุ่นธุลีดินติดเปื้อนชายผ้าคล้องไหล่กระนั้น จึ่งรู้สึกน้อยอกน้อยใจสุดพรรณนา”

“ไม่ใช่สักหน่อย” ผินหน้าหนีปฏิเสธแล้วเม้มปากแน่น “นายคิดเองเออเองทั้งนั้น”

“หากความนึกคิดของข้ารู้ใจตัวเองดั่งน้องท่านกล่าวแล้ว มาตะคงมิพักต้องทนทรมานปานจะกลืนเช่นนี้ เจ้าตัวความคิดคงแจ้งแถลงความโง่เขลาของมาตะโดยตลอดแล้วว่า ข้าอุตส่าห์มอบน้ำรักน้ำใจให้แก่ผู้ครองหทัยหินโดยแน่แท้ แลความคิดเมื่อแรกพบเป็นสิ่งโอ่อวดมาตะให้อิ่มใจอยู่ฝ่ายเดียว โดยความคิดของอีกฝ่ายมิได้ตรงดั่งมาตะแม้เพียงนิด”

“ไปกันใหญ่แล้ว ความคิดของนายผิดทั้งหมดนั่นแหละ”

“มาตรว่าความคิดมาตะเลือนผิดเคลื่อนจากความจริงแล้ว น้องท่านโปรดแจงแถลงความด้วยเถิดหนา เพราะบัดนี้ข้าสับสนหย่อนสติปัญญาจนเกินจะอรรถาธิบายให้ตรงกับความจริงดั่งเจ้าว่าแล้ว”

ใจพจน์รู้สึกร้อนเหิมโหมรวมถึงโกรธตัวสั่นเทิ้มที่ไอ้คนรูปหล่อทึกทักเอาเองไปต่างๆนานา เมื่อดื่มเหล้าเพื่อดับความหนาวอีกครั้งก็กลับเพิ่มไฟพิโรธให้ลุกโหมภายในกาย

“ก็ใครว่าเรารังเกียจนายกันเล่า ถ้ารังเกียจคงไม่ยินยอมให้นายสัมผัสจูบลูบกอดแบบนั้นหรอก” เอ่ยจบก็เม้มปากเบือนหน้าหนี ไม่นึกว่าจะต้องมาแจงการกระทำน่าอายให้คนทำฟัง

“กรรมแต่ปางไหนหนอถึงกลับมาเล่นงานมาตะในคราวเดียวนี้” พจน์ลอบมองทางหางตายังเห็นสีหน้าโศกสลดนั้นอยู่ “นอกจากจะบังคับฝืนใจน้องท่าน กอดจูบโลมไล้ตามแต่ใจตัวมิได้ถามความสมัครยินยอมแล้ว หนำซ้ำยังสร้างราคีบดบังราศรีสง่าของน้องท่านให้มัวหมอง มาตะนี้ช่างเป็นคนเขลาเบาปัญญานัก ปากท่านบอกว่าไม่รังเกียจเดียดฉันท์แต่การกระทำตอกย้ำความผิดของข้าอยู่ชัดแจ้งแก่สายตา”

“ใครกันที่เรามอบกายให้ ถ้าเพราะความรังเกียจตามความคิดของนาย คนคนนั้นก็ไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้” พจน์สะกดอารมณ์ลุกเดินหนีห่างเจ้าคนสิ้นปัญญา มาตะลอบยิ้มมุมปากแล้วแสร้งตีหน้าเศร้าดังเดิม

“น้องท่านดุจพระอาทิตย์ส่องแสงอยู่บนนภากาศ ร้อนแรงยามอรุณรุ่ง แลเยือกเย็นยามสนธยา ไฉนเลยจะแลเห็นมนุษย์ตัวเล็กๆผู้หนึ่งซึ่งยอมจ้องมองพินิจรูปลักษณ์พระอาทิตย์ แม้นยอมเสียดวงตามืดบอดเพื่อยอมแลเห็นสักคราหนึ่งก็นับว่าสุขมากล้นในใจแล้ว”

เหล้าชั้นดีของนางแดงเจ้าของร้านเสมือนไฟเหลวสุมอกภายในให้ร้อนดั่งเพลิง บรรยากาศเหน็บหนาวเลือนหาย ภายในห้องมองไปทิศทางไหนก็ร้อนแรงไปหมด

“ถ้าเราเป็นพระอาทิตย์ตามนายว่า ก็โชคดีแค่ไหนแล้วที่ยอมให้นายเห็นตัวตนชัดเจน” ผละหนีออกสู่นอกชานเรือนติดแม่น้ำ แสงโคมหลากสีประดับประดามากมายผุดเป็นดอกไม้ไฟท่ามกลางความมืด

“จักนับว่าเป็นความโชคดีนั้นคงหามิได้ เพราะคนหนึ่งนั้นยอมสูญเสียดวงตาอันเป็นหน้าต่างหัวใจเสียสิ้นแล้ว เพียงเพื่อครั้งเดียวแค่ได้แลเห็น แต่ความมืดบอดจักอยู่กับคนผู้นั้นตราบลมหายใจสุดท้าย” มาตะขยับวงแขนล่ำกดอกแน่น จำจ้องร่างของพจน์ด้วยแววตาฉ่ำเยิ้ม

“สมควรแล้วกับการกระทำนั้น จะมืดบอดจนตายก็คือความยินยอมแต่แรกแล้วนี่” พจน์รู้สึกถึงลมหายใจร้อนยามพรั่งพรู่

“ดวงใจของพระอาทิตย์ก่อเกิดขึ้นจากสิ่งใด ฤา ถึงได้แข็งดั่งหินนิลกาฬ แลเย็นยะเยือกดั่งใจกลางมหาสมุทร มิเห็นใจถึงความกล้าหาญชาญชัยของมนุษย์ผู้ซึ่งอุตส่าห์แหงนหน้ามองดวงสุริยะด้วยตาเปล่าเลยกระนั้นหรือ แม้นจะล่วงรู้ถึงหายนะจักบังเกิดแก่ตนในภายหลัง” มาตะยังโต้คำกลับทันควัน

“ใจของพระอาทิตย์ก็เหมือนของใจมนุษย์ รู้จักสุข ทุกข์ ไม่ต่างกัน คงเสียใจและไม่อาจทำสิ่งใดตอบแทนมนุษย์คนนั้นได้นอกจากมองดูจากที่ของตัวเอง”

มาตะเหลิงใจโอบแขนกระชับเอวคอด แต่ในคราวนี้พจน์ยินยอมให้อีกฝ่ายสัมผัสกายโดยสะดวก

“ถ้าดวงอาทิตย์มีจิตเมตตาดั่งสายน้ำไหลหลากแล้วไซร้ มนุษย์ผู้น่าเวทนานั้นคงมิเสียดายความกล้า รังแต่จะยื่นหน้ามองดวงอาทิตย์อยู่เช่นนั้น แลหวังว่าสักวันความมืดบอดจักเลือนหายแลได้เห็นกล่องดวงใจอันเมตตาของพระอาทิตย์อีกสักครา”

สำนวนคำพูดของเจ้ามาตะไม่ใช่ว่าพจน์จะไม่รู้ ขณะนี้ดวงอาทิตย์ดวงนั้นอยู่ในอ้อมกอดของคนเจ้าคารมโดยดุษฎีแล้วไม่มีคำโต้แย้งอีก พจน์รู้สึกร้อนทั่วถ้วนทั้งกายและใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์สุราหรือเพราะคำโอ้โลมของเจ้ามาตะ

“ข้ามีคำประสงค์จักขอน้องท่าน โปรดเมตตาสักคราหนึ่ง” มาตะสูดกลิ่นหอมดอกไม้จากเรือนผมมุ่นและลำคอขาว

“อะไรเล่า”

“โปรดทำให้ดวงตามาตะผู้นี้หายมืดบอดด้วยเถิดหนา ข้าจักได้เชยชมพระอาทิตย์ให้เต็มอิ่มอีกสักครา”

พจน์ใจอ่อนหลับตาลงแล้วพยักหน้ารับ

“อืม”

จากนั้นมาตะจึ่งวาดวงแขนแกร่งช้อนร่างอ่อนระทวยของพจน์ที่มีขนาดไม่ต่างกันอุ้มสู่ภายในเรือนพัก  พจน์คิดว่าน้ำหนักตนก็ไม่ใช่น้อย แต่มาตะซึ่งมีร่างกายหนากว่าก็แบกรับได้ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด ใบหน้ายินดีมอบจูบลงกึ่งกลางหน้าผากแล้วนำคนในอ้อมแขนนั่งบนหน้าขาแกร่งของตน

มาตะจูบซับกระพุ้งแก้ม พจน์หลับตาเคลิ้มตามอารมณ์นำพา อาการสั่นสะท้านทั่วร่างเหมือนเมื่อครั้งแรกที่โดนสัมผัสทำให้พจน์เชิดหน้าสูง มาตะกระชับทรวดทรงองค์เอวบางมิให้เลื่อนจากตักตน เฝ้าสูดกลิ่นรสสุคนธ์หอมหวานชื่นใจนั้นโดยทั่วถ้วน ซอกซอนตักตวงผิวกายเนียนให้ตราตรึงติดปลายจมูกมิให้คลายเสื่อม

“ชื่นใจเป็นหนักหนา ผิวเนื้อนวลน้องท่านประดุจเครื่องหอมชโลมใจให้สะคราญ” ดวงตาวาดขอบดำของมาตะขับให้ดูคมเข้มแลเย้ายวนชวนหลงใหล
 
ณ จุดที่พจน์นั่งเป็นท่อนขาด้านซ้ายจึ่งทำให้ใบหน้าตนอยู่สูงกว่าคนตัวหนา เจ้ามาตะจึ่งโน้มเหนี่ยวปลายคางพจน์ให้ลงต่ำ มุมมองเบื้องสูงนี้เห็นจมูกโด่ง ริมฝีปากชมพูบาง แลอกหนาอุดมมัดกล้ามในมุมที่แปลกตา ยิ่งสร้างอาการสั่นไหวในใจพจน์ยิ่งกว่าทุกครั้ง

“ข้ามิอยากห่างจากน้องท่านแม้ชั่วยามเดียว อยากจูบ อยากสัมผัสน้องท่านทุกลมหายใจเข้าออก ภัทรพจน์ วัจนะอันดีงาม ของมาตะแต่ผู้เดียว” ว่าพลางก็ฉกชิมปลายยอดอกชมพู ดูดกลืนประหนึ่งลิ้มรสธารถัน เปลี่ยนสลับอีกข้างมิให้น้อยหน้ากันสร้างความกระสันแก่พจน์จนต้องหอบหายใจนำอากาศเข้าร่างโดยด่วน


50%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2019 18:59:26 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ป๊าดดดดดดดดดดดดดดดด!!

ออฟไลน์ ฤดูใบไม้หลากสี

  • ผู้เป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • อิสระ ไม่อาจพรากไปจากเรา, จินตนาการก็อยู่คู่เราจนสิ้นลมหายใจ
ค้างงงงงงงง :katai1:

ทำงี้เอมาดมาแทงกันเลยนนคนเขียน  :hao5:

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
พ่อมาตะ เจ้าคนปากหวาน คนหื่น
 :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนนี้มาตะแอบเจ้าเล่ห์อ่า~ มีอ้อนด้วย พจน์ก็ตกลงหลุมของมาตะไปเต็มๆเลย คราวก่อนลืมบอกไปว่าชอบชื่อของพนจ์มาก คำพูดที่ดีงาม (ใช่ป่ะ รึเราจำผิดหว่า) เอาเป็นว่าคนเขียนแต่งชื่อเพราะอ่ะ ชอบค่ะชอบ :katai2-1:

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
เข้าใจความรู้สึกของทั้งมาตะและพจน์เลยนะ  แต่สุดท้ายพจน์ก็แพ้คารมและแววตาของพ่อมาตะจนได้
คู่นี้หวานกันมากๆเลย :-[   อยากอ่านต่อมากๆเลย :ling1:
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
คนเขียนทำร้ายจิตใจคนอ่านมากเลย ตัดตอนได้แบบว่าค้างอ่ะ

มาตะออดอ้อนพจน์ได้น่ารักมากอ่ะ หวานมาก

ชอบการบรรยายแบบนี้มากเลยทำให้เห็นถึงความงามของภาษาไทย

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
เพิ่งเข้ามาอ่าน ติดตามค่าา

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
รออีก50
 อ่าาาาาาาาาา :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
[ต่อ]


ความแข็งขันอันแรงกล้า ณ จุดกึ่งกลางลำตัวดึงดันภูษาอาภรณ์นูนชัด พจน์ต้องลูบปลอบให้คลายความอัดอั้น มาตะเห็นอาการดั่งนั้นจึ่งกุมมือคู่พิศวาสมาสู่ของรักของตัว

“ช่วยปลอบประโลมให้กล่องดวงใจของมาตะคลายความคนึงหาด้วยเถิดเจ้า”

กล่าวพลางจูบพลางมิให้พจน์ได้พักหายใจ เมื่อฝ่ามือบางสัมผัสส่วนเร่าร้อนแทบระเบิดออกผ่านผ้าแพรขาวก็สัมผัสรู้ถึงความแข็งขืนไม่ต่างจากตนเอง พิษสุรามิใช่น้อยซึ่งดื่มระงับความหนาวบัดนี้ทำเอาสติของพจน์ว่างเปล่ามองเห็นแต่เพียงคนคนเดียวที่ชิดแนบรัดเฟ้นตนอยู่ในขณะนี้

“เราร้อนไปหมดเลย มาตะ”

พจน์ครางสั่น ผิวกายขาวของคนทั้งคู่ผุดหยดเหงื่อราวกับถูกประพรมด้วยน้ำ

“หนทางเดียวที่จะดับร้อนรักให้ทุเลาลงคือเราสองต้องผสานใจกันเป็นหนึ่งเดียว” มาตะขบปลายติ่งหูพจน์ด้วยริมฝีปากร้อน นั่นดูเหมือนยิ่งสุมไฟในกายให้แผดลุกยิ่งกว่าเดิม

“ยอดรัก เจ้าโปรดส่งเสียงให้ข้าชื่นใจด้วยเถิด อย่ารัดรึงเก็บกักไว้ให้ทรมานอยู่ภายในเลย”

พจน์เม้มปากแน่นนึกเกรงเสียงน่ารังเกียจจะหลุดรอดออกสู่ภายนอกห้องจึงขบเม้มไว้ แต่บัดนี้สุดต้านทานเกินสติกำลัง เมื่อเจ้ามาตะโหมกระทำดูดกลืนยอดอกจนแดงระเรื่อ

“อืมมม อ่าส์”
 
พจน์หลับตาแน่นอายเหลือเกินกับเสียงร้อนนั่น มาตะโน้มเหนี่ยวลำคอพจน์เข้าหาตัว แล้วจูบเปลือกตาประโลมปลอบ

“น้องท่านทำดีแล้ว เสียงร้องของเจ้าดังขึ้นคราใด เหมือนเป็นเครื่องทำคุณแก่ข้าที่เฝ้าพาอารมณ์น้องท่านให้สุขล้นได้”

มาตะลูบขาเนียนขาวใต้ภูษาชั้นนอก พจน์ยกขาเหยียดโค้งขึ้นเพื่อระบายความทรมาน ผ้าปกคลุมจึ่งเลิกร่นหล่นกองอยู่หน้าตักเผยเรียวปลีน่องอันขาวกระจ่าง นั่นเหมือนเป็นช่องสบโอกาสให้คนรูปงามหยอกเย้าถึงโคนขาขาวโดยง่าย คนจัดเจนก้มลงจูบตั้งแต่หัวเข่าเวียนวนเข้าใกล้โคนต้นหว่างจุดซ่อนเร้น พจน์ขยับถอยหนีเมื่อหลวมตัวเสียรู้ สร้อยสังวาลกระทบเข็มขัดดังเป็นจังหวะเพิ่มกำลังใจแก่ผู้รุกนำ

มือใหญ่โอบเอวดึงรั้งให้พจน์ขยับทรวดทรงเข้าหาส่วนแข็งขันของตัวเอง เพียงก้นแน่นสัมผัสส่วนแข็งร้อนก็สร้างประจุไฟฟ้าสั่นสะท้อนสู่กายคนทั้งคู่

“เนื้อผ้านี้เป็นดั่งมหานทีกางกั้นน้องเรากับตัวข้าโดยแท้ หากมีสะพาน ฤา เรือสักลำหนึ่งเป็นเครื่องพาให้เราทั้งคู่มาสู่ถึงกันได้แล้วไซร้ น้องท่านยังจะยินดีอยู่หรือ”

“อืมม มาตะ” พจน์ร้องขึ้นอีกครั้งเมื่อมาตะบีบบั้นท้ายกลมหยอกเย้า หลงลืมความอายเสียสิ้น

“วานมือน้องเจ้าเป็นดั่งสะพาน ฤา เรือน้อยชักพาให้ข้านี้ได้ออกมาสู่ท่านโดยเร็วเถิด” ว่าพลางจึ่งนำมือพจน์เข้าแตะสัมผัสส่วนเร่าร้อนกลางลำตัว พจน์สะดุ้งถอยหนีเพราะบัดนี้ขนาดขยายใหญ่นูนชัดผ่านผืนผ้า

“อย่าได้เกรงภัยอันใดเลยเจ้า ครั้งหนึ่งน้องท่านก็รู้จักตัวข้านี้เป็นอย่างดีแล้วมิใช่หรือ ทุกสัดส่วนซอกมุมใด หรือรอยแผลเป็นตำหนิแห่งใดซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้า น้องท่านเพียงผู้เดียวล้วนรู้แจ้งโดยสิ้นแล้ว บัดนี้จะมาเกรงของสำคัญอันนำข้ามาสู่น้องท่านนั้นจะถูกต้องอยู่ ฤา”

“ไม่ได้กลัว แต่ไม่เคยจะ..จับมาก่อนนี่” พจน์ก้มหน้างุดสีหน้าแดงฉานลุกลามถึงใบหู

“ฮ่าๆ” มาตะหัวเราะอารมณ์ดี แม้แววตาฉ่ำชื้นนั้นจะกำลังอดกลั้นเหลือประมาณ “กิริยาประหม่าของน้องเรา ทำเอามาตะตื้นตันเป็นหนักหนา ว่าการทอดตัวน้องท่านมาสู่ข้านั้นเป็นครั้งแรกแลครั้งเดียวโดยแท้”

“นายกำลังจะกล่าวหาว่าเราเป็นคนใจง่ายงั้นเหรอ”

พจน์สะบัดมือหนีหุนหันถอยห่าง แต่มาตะยังคงดึงรั้งเอวบางไม่ให้เคลื่อนกายจากโดยง่าย จูบคลุกคลีลูบโลมไม่ว่างเว้น

“หาได้ไม่ กิริยาน่าเอ็นดูต่างหากเล่าที่ข้ากล่าวและประสงค์ให้น้องท่านรู้ ก็แหละเมื่อเราต่างเคยมีสัมพันธ์สวาทมาแล้วคราหนึ่ง เหตุใดข้าจักมิรู้ด้วยรสกามารมณ์เล่าว่าน้องท่านบริสุทธิ์ทั้งทางกายและใจโดยแท้ สิ่งนี้ต่างหากที่ทำให้มาตะเอ่ยด้วยความตื่นตันในอกตัวว่า กิริยาเราต่างบ่งว่ามิเคยเป็นของใครมาก่อน ใช่ ฤา ไม่” มาตะเฝ้าพะเน้าพะน้อเอาอกเอาใจคนในอ้อมแขน

พจน์พยักหน้ารับโดยเร็ว เมื่อมาตะแจงความเข้าใจผิดนั้นให้ทะลุปรุโปร่งใจโดยตลอด ก็ทำให้พจน์ฉุกคิดได้ว่าตนหลวมตัวเข้าสู่กับดักของคนมากเล่ห์จนได้ เสียงหัวเราะด้วยยินดีในสิ่งที่ต้องการของมาตะยิ่งโหมไฟราคะในกายให้ลุกลามลำพองใจมากกว่าเดิม

“แต่นายก็ช่ำชองเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ไม่น้อยเลยนะ” พจน์หลบจูบ ยกมือดันอกแข็งให้ถอยห่างตัว เมื่อไม่อยากจนแต้มยอมแพ้โดยง่าย

“ยามเมื่อเด็กทารกน้อยจักดูดน้ำนมจากอกมารดา ประพฤติอ้าปากดูดกลืนสิ่งที่จะหล่อเลี้ยงเป็นกายตนก็ล้วนเกิดขึ้นด้วยวิถีธรรมชาติ หามีผู้ใดสั่งสอน มิต่างอันใดกับประสาชายหนุ่มเมื่อปะคนต้องใจแล้วไซร้ก็ย่อมประพฤติด้วยวิถีธรรมชาติ ปฏิบัติตามใจปรารถนา มุ่งบำเรอให้อีกฝ่ายสุขล้นเช่นตนฉะนั้น” มาตะยกตัวอย่างให้เห็นจริงชัดกระจ่าง

“แม้นฤาษีชีพราหมณ์ผู้ละกิเลสทางโลกโดยสิ้น หากพบคนผู้ต้องลักษณะใจตนแล้วมิยอมละศีลภาวนาอันบำเพ็ญเพียรมาชั่วนานนั้นก็นับว่าเป็นคุณประเสริฐแก่พิภพศาสนา แต่มาตะนี้เป็นแต่เพียงปุถุชนคนเดินดิน มีความรู้สึกนึกคิดนึกรู้ในสิ่งถูกแลผิด ในสิ่งสวยงามแลล้ำค่า เมื่อมีแก้วมณีดุจหาค่ามิได้นี้หล่นอยู่ต่อเบื้องหน้าแล้วมิคว้าหยิบมาไว้เป็นของตัว ก็นับว่าโง่เขลาเบาปัญญาเหลือคณานับ”

พจน์ขนลุกวาบกับคำเปรียบเปรยนั้น แต่ก็อดทำหน้าโกรธจ้องตาตอบกลับไม่ได้

“แก้วนั้นอาจเป็นของใครก็ได้ นายเก็บเอาไว้ก็คงได้ชื่อว่าเป็นขี้ขโมยน่ะสิ” ทัดทานตอบกลับ

“แก้วมีค่าดุจอัญมณีเรืองนามฉะนี้ หากจะว่าเป็นสมบัติพัสถานของชาวบ้านชาวเมืองโดยทั่วถ้วนนั้นคงมิอาจปลงตก แต่หากจะเป็นของขุนทหารนักรบ ฤา พระราชามหากษัตริย์ก็นับว่าคู่ควรกว่า แลมาตะนี้ได้ชื่อเรืองนามทางอาวุธดาบเป็นเอกดั่งนี้ สมควร ฤา ที่จะติติงว่ามิสมควรคู่แก้วมณีมีค่า” มาตะยิ้มกริ่มโลมไล้ท่อนแขนขาวให้ยินยอมในคำตน

“อย่างนั้น ทำไมนายไม่มอบให้ท้าวพระยามหากษัตริย์ล่ะ” พจน์ล่วงรู้ฐานะมหาดเล็กของมาตะดี

“อันเชื้อสายวงศ์องค์เทพจุติล้วนมีสนมนางห้ามอันเหมือนแก้วหลากสีมากหลาย หากข้าจักนำถวายกษัตริย์เกล้าเหนือหัวก็เหมือนนำเพชรมาเกลือกกลั้วกับหินกรวดหลากสี มิหนำซ้ำจักเกิดรอยหมองแก่แก้วมณีมีค่า ควร ฤา ที่ข้าจักต้องสร้างความหมอง ก็แหละตนเก็บงำไว้แต่ผู้เดียวเฝ้าทะนุถนอมเช็ดถูให้เงาวามตามศักดิ์โดยผู้เดียวอย่างนี้ มิดีกว่าหรือเจ้า”

“ก็คงจะอย่างงั้น” พจน์เอนเอียงตามคำ

“เมื่อสิ้นความสงสัยแล้ว วานน้องท่านยื่นสะพานแขนมาชักนำสู่ตัวน้องท่านเสียทีเถิด บัดนี้ข้าเดียวดายใจหายอยู่ฝั่งฝันแต่ผู้เดียว โปรดวานปลดปล่อยน้ำใจของมาตะให้ซาบกระทบใจเจ้าด้วยเถิด” มาตะเอื้อมมือพจน์ให้สัมผัสอาวุธลับใต้ผืนผ้าอีกครั้งและครั้งนี้พจน์แตะสัมผัสได้ไม่เขินอาย

“วานลูบปลอบให้คลายร้อนหน่อยเถิด ฤา หากมีน้ำใจมากล้นแล้วจึ่งค่อยแผ้วทางแหวกสายน้ำให้มาตะนี้ได้สัมผัสไออุ่นไอเย็นจากสะพานนี้เถิดหนาเจ้า”

อาการกึ่งกล้ากึ่งกลัวทำให้พจน์ละล้าละลังไม่อาจเปลื้องผ้าหยักรั้งชั้นในของมาตะได้ เหตุเพราะคราวนั้นเหตุการณ์เริ่มต้นรวดเร็ว เจ้ามาตะเป็นผู้ผลัดผ้าเอง แต่บัดนี้อาการเหมือนหนึ่งหยอกเอินผสานคารมคนเจ้าเล่ห์ ประสงค์จักหยอกเย้าคนประสาซื่อ ถ่วงเวลาให้อยู่ใกล้ชิดเนิ่นนาน ยอมอดกลั้นฝืนอารมณ์ไฟมิให้เผาลามมอดไหม้เร็วเกินไป

มาตะเวียนจูบใบหน้างดงามเหมือนให้กำลังใจ พจน์ข่มตาข่มใจทำสิ่งที่อีกฝ่ายปรารถนา ปลดผ้าหยักรั้งภายในด้วยมือสั่น รอยสัมผัสจากริมฝีปากบนผิวกายของมาตะเสริมแรงกล้าหาญอย่างได้ผล แท่งร้อนผงาดชัดสัมผัสอากาศเย็น

“โอ้ ภัทรพจน์เอย” มาตะครางกระเส่า

“บัดนี้สายน้ำอันเป็นอุปสรรคขวากหนามลดระดับลงสิ้นแล้ว เหลือเพียงสะพานน้อยของน้องท่านช่วยนำพาข้าข้ามฟากโดยเร็วเถิด ข้านี้จักทอดสะพานช่วยท่านเฉกเช่นกัน”
 
พจน์แตะสัมผัสอาวุธร้อนแดงก่ำนั้นด้วยมือสั่นสะท้าน มาตะปลดผ้าชั้นในของพจน์ช่วยลูบไล้เสมอกัน ความเสียวกระสันในช่องท้องสร้างอารมณ์ปรารถนาลึกล้ำให้พวยพุ่ง จากนี้ไม่ต้องให้เจ้ามาตะพรรณนาสั่งสอนก็รู้ว่าต้องทำสิ่งใดต่อจึงขยับมือขึ้นลงทั้งที่ตนยังนั่งอยู่บนหน้าขาของอีกฝ่าย แขนอีกข้างเกี่ยวกระหวัดโอบหลังไหล่กันเลื่อนตก

หยาดเหงื่อผุดพรายทั่วผิวกายของคนทั้งสองตามจังหวะเร่งเร้าขยับลงขึ้น ผสานด้วยเสียงหอบหายใจกึ่งเผ็ดร้อนกึ่งสุขสม เสียงมือกระทบเนื้อแน่นเป็นจังหวะสอดผสานของคนทั้งคู่ ให้เร่งข้อมือพร้อมเพรียงกันเหมือนรู้ใจ รอยจูบนับครั้งไม่ถ้วนช่วยผ่อนปรนความรู้สึกเขินอายให้ปลดเปลื้องลง บัดนี้มีเพียงความตั้งใจให้อีกฝ่ายถึงฝั่งฝันเท่านั้นคือภาระหน้าที่ที่อีกคนต้องกระทำให้ลุล่วง

“ใจของข้าเต้นรัวเร็วเหลือเกิน” มาตะคราง

“อ่าส์” พจน์ตัวสั่นเทิ้ม

“ร้องอีกเถิดเจ้า ร้องให้มาตะนี้ชื่นใจ”

แขนล่ำสันรัดเฟ้นเอวคนตัวบางไว้แน่นนูน พจน์เงยหน้ารับรู้จังหวะที่เร่งเร้าของเจ้ามาตะ จึงขยับตามท่วงท่านั้นเช่นกัน วินาทีที่ดวงตาพจน์มองเพดานมืดนั้นกลับสว่างวาบเหิมโหมเมื่อความร้อนสำลักล้นจากกายสู่ภายนอก เช่นเดียวกับมาตะซึ่งปลดปล่อยน้ำรักนองฝ่ามือชายคู่สุดสวาสดิ์ แรงกระตุกตามติดจนหยดสุดท้ายหลั่งริน ทำให้พจน์เสมือนหนึ่งไปวิ่งซ้อมเตะฟุตบอลมา

มาตะจูบซับเหงื่อทั่วใบหน้าใสกระจ่างของพจน์ ทอดกายคนในอ้อมแขนนอนลงบนฟูก

“หยาดน้ำรักของน้องท่านนี้ มาตะขอเป็นเครื่องชูกำลังแรงกายแรงใจเถิดหนา” มาตะยื่นมือที่เปรอะเปื้อนน้ำขาวขุ่นขึ้นสูดดม โดยไม่รอคำตอบของพจน์ก็เลียลิ้มชิมรสกลืนกินจนหยดสุดท้าย พร้อมทำความสะอาดส่วนสำคัญของพจน์จนหมดสิ้น
 
“หวานเหลือเกิน ชื่นใจเหลือเกิน” มาตะคร่ำครวญสำราญ

“นายไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ มาตะ” พจน์หอบหายใจบอก

“หยาดน้ำรักนี้ล้วนเป็นสิ่งซึ่งเราร่วมกันผสานให้ก่อเกิด เป็นเหมือนสุธารสรักระหว่างคนทั้งสอง เปรียบประดุจน้ำปรุงทิพย์จากสวรรค์ชั้นฟ้า มีพลังมากมายสถิตอยู่ในนั้นตามตำนานเล่าขาน หากละทิ้งไม่กลืนสนองก็เหมือนทิ้งขว้างของมีค่าไม่รู้ราคา ฤา น้องท่านมิลิ้มชิมรส ก็จงสลัดทิ้งเช็ดชำระเสียเถิด เพราะน้ำใจของข้านั้นถูกรีดมาโดยมิได้มีจิตพิสมัย พลังอันมากมายคงไม่มีอยู่เป็นแน่”

มาตะทำสีหน้านิ่งเตรียมผ้าผืนบางสำหรับจะเช็ดน้ำนั้นออกจากฝ่ามือพจน์

แต่ด้วยเพราะคำพูดตัดพ้อหรือเพราะใจหนึ่งอยากลิ้มลองไม่อาจบอกได้ ทำให้พจน์ตัดสินใจยื่นปลายลิ้นแตะสัมผัสความหวานดุจน้ำตาลอ้อย ไร้กลิ่น ไร้ความคาว มีแต่เพียงความหวานเท่านั้นที่พจน์รู้สึก และวินาทีแห่งความอัศจรรย์ในรสชาติ พจน์รู้สึกสั่นสะท้านทั่วร่าง เหมือนมีบางอย่างลุกโชนอยู่ภายใน ผิวกายซึ่งมีมัดกล้ามแต่พองามเหมือนผุดผาดนูนชัดเกินกว่าเก่า


ข้าทรงพลังยิ่งเป็นตรีคูณ นายข้า อุบัติการณ์แห่งพลังผนึกแน่นสู่ร่างนี้โดยสมบูรณ์พร้อม


เสียงทุ้มพูดก้องกังวานอยู่ในหัวพจน์

เด็กหนุ่มตาคมสวยรู้สึกอุ่นวาบทั่วสรรพางค์กาย เรี่ยวแรงซึ่งสูญเสียผ่านหยาดเหงื่อเพราะกระทำกิจกามถูกดึงกลับคืน รู้สึกสดชื่นแข็งแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนับแต่จดจำความได้


100%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2019 19:03:12 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ขอเขินแป๊บได้มั้ย

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
มาตะ เจ้าเล่ห์จริงเชียว  :hao6:

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3

ออฟไลน์ ฤดูใบไม้หลากสี

  • ผู้เป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • อิสระ ไม่อาจพรากไปจากเรา, จินตนาการก็อยู่คู่เราจนสิ้นลมหายใจ
เคยอ่ายฉากวาบหวามแต่สำนวนสวยแบบนี้ไหม ตอบเลยว่าไหม

คือมันสละสลวยมากจนดูไม่โป๊ แต่แใงไปด้วยอารมณ์อะ มาตะเกี้ยวน้องพจน์เสียไปไม่เป็นเลย

คนเขียนรู้ไหมเราลำบากมาก เพราะเราไม่เก่งไทย และอยู่บ้านแม่ไม่มีพจนานุกรม บางคำนี่เดาตามความรู้สึกล้วน ๆ 55555555555555

ออฟไลน์ boworange

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-0
 :กอด1: การใช้ภาษาของคนเขียนนี้ชั้นเทพจริงๆ อ่านแล้วให้ความรู้สึกสละสลวย มันเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ ตามต่อคะ  :mew1:

ออฟไลน์ runtothemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เหมือนเจอขุมทรัพท์;_____; แงดีใจที่ได้เจอเรื่องนี้ คุณคนเขียนบรรยายภาษาสวยมากๆๆๆๆ ×10000000เลย บทกลอนบทโคลง ทำให้เรานึกถึงตอนครูให้นั่งแปลความ 555555555 ทำไม่ได้ยังไงก็ยังเหมือนเดิม พอถูไถๆไป สงสัยต้องกลับนั่งค้นนั่งแปลแล้วล่ะ555555 เนื้อเรื่องดีมากกกกกชวนติดตาม ด้วยความที่ชอบแนวนี้ยิ่งไปใหญ่

น้องพจน์นี่อ้อยใจจริงๆ อ้อยแบบไม่รู้ตัว เราแมนแมนเตะบอลแต่งกลอนเป็น5555555555 ฮือ น้องไม่ผิด ไอ้พวกผู้ชายพวกนั้นต่างหากมันไว้ใจมั้ยดั้ยยยยยยยยย คนน่ารักซื่อๆไม่ผิดจัมวรั้ย!!! (พิมพ์ไปกลั้นขำไป เรา #ทีมพจน์55555) ตอนล่าสุดนี่โมโหมาตะจริงๆขอหยาบนะคะ ไอ้บ้า คนผีทะเลพูดไม่รู้เรื่อง โมโหไปดิ เถียงฉอดๆๆๆ พอเอาเข้าจริง เห้ย มีแผนนี่หว่ากะให้น้องโมโหแล้วตะล่อมน้อง ร้ายกาจ หยอดได้หยอดดี ละโกรธไม่ลงด้วยนะ5555555555 น้องพจน์อย่ายอมนะ คราวหน้าอย่าใจอ่อน นี่อยากเห็นมาตะทุรนทุราย555555555555หมั่นไส้

ปล. น้องพจน์จะมีพลังตอนต้องเสียหยาดเหงื่อแรงกายหรอ นึกว่ามาตะพูดเป็นเล่นตอนวรรคท้าย แฮ่ก เหนื่อยแทน

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ ๑๔


ทวนอัศวาราตรีกาล



มาตะจูบซับรสหวานจากปากพจน์ ช้อนชิวหาแลกรสร้อนดูดดื่ม พจน์มัวแต่หลงคนึงถึงเสียงในหัวจึ่งพลาดพลั้งเสียทีคนตัวหนาที่เบียดชิดผิวกายผ่าวแนบกระหนาบ

“ประพฤติของน้องท่านทำใจมาตะสุขล้นเกินจะกล่าว” ถอนจูบกระซิบข้างกกหู “รสสวาทของเราสองหอมหวานดั่งคำข้า ฤา ไม่”

“หวาน หวานมาก แต่....นายขยับตัวออกจากท่อนขาเราก่อน”

พจน์เห็นกิริยาอาการของมาตะแล้วให้หวั่นเกรงกาลภายหน้า อีกทั้งท่าทีประหนึ่งกำลังปลดเปลื้องอาภรณ์นั้นทำให้ความคิดของพจน์ต้องหยุดคำนึงถึงที่มาของเสียงปริศนา

“เนื้อกายน้องท่านดูเต่งตึง แน่นกระชับผิดถนัดตา” ลูบไล้สัมผัสกล้ามแขนนูนของคนใต้ร่างอย่างพินิจ พจน์เองก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้อทุกสัดส่วนขยายตัวเช่นเดียวกัน “เย้ายวนกวนใจข้าให้สั่นวะวาบเกินทนไหว”

“แต่นายเพิ่งจะ...เอ่อ...”

“น้องท่านอย่าด่วนตัดหนทางสู่สวรรค์ของข้าเลย” ว่าพลางแทรกเข่าเข้าหว่างขาขาวของพจน์ ปรากฏเป็นท่าอันตรายต่อหัวใจตนอย่างยิ่ง
 
“หากข้ามิได้ร่วมหลอมกายเป็นหนึ่งกับเจ้าแล้ว ราตรีนี้มาตะคงสิ้นชื่อเป็นแน่แท้ อย่าได้ปฏิเสธป้องปัดเลยเถิดหนา”

จับแยกขาพจน์ให้กว้าง หัวใจเต้นระรัวเมามัวต่อน้ำคำของมาตะ หักใจยอมตามเพราะร่างกายตนตอบสนองต่อการแตะสัมผัสจนเร่าร้อนขึ้นอีกครั้ง จึ่งพยักหน้ารับคำร้องขอ

“เช่นนั้นโปรดวานมือน้องท่านช่วยปลดภาระอาภรณ์ของข้าด้วยเถิด มาตะอยากจะตักตวงเนื้อนวลของน้องท่านให้สมกับดวงใจปรารถนา” ว่าแล้วก็จรดปลายจมูกโด่งเคล้าคลอเคลียลาดไหล่แลลำคอ พจน์พยายามขยับมือช่วยดึงผ้านุ่งหุ่มแต่สั่นสะท้านเกินกว่าจะมั่นคงได้

“มาตะ เรา...อื้อ...”

“พึงกระทำตามแต่ใจน้องท่านโปรดประสงค์ จักเปลื้องปลงแต่โดยช้า ฤา ฉีกกระชากขวากวิถีอาภรณ์เสียสิ้น มาตะจักมิดิ้นรนถอยหนี ฤา อาลัยในภูษาราคาสูงแม้แต่นิด เพียงภัทรพจน์เจ้ารื้อรั้งปราการอันเป็นอุปสรรคหนทางให้ผิวกายเนื้อเราแนบชิดกันได้นั้นจะเป็นคุณอย่างสูง”

“เราไม่ไหวแล้ว” พจน์ครวญเมื่อมาตะดูดขบหน้าอกตนจนสั่นวะวาบหวาม

“ปรารถนาสิ่งใด น้องท่านช่วยบอกให้มาตะทราบด้วยเถิด” คิ้วเข้มขมวดแน่นจนขีดขาวกลางหน้าผากเป็นเส้นตรงดุจดาบคู่กาย

เสียงรัวเคาะประตูดังสนั่นหวั่นไหว

มาตะ มาตะ” น้ำเสียงสั่นระรัวร้องเรียกขาน

“หากเจ้ากระทำการกิจอันใดอยู่ ณ บัดนี้จงละเสียโดยพลัน เร่งหุนหันพันกายให้จงดี แล้วออกมาเดี๋ยวนี้เถิด มีเหตุอันมิควรเกิดขึ้นแล้ว”

“เวฬุ” มาตะจำเสียงสหายสนิทได้ ปรับสีหน้าเป็นเครียดขมึงทันควัน รีบลุกจากกายพจน์ พร้อมประคองรั้งคนคู่เคียงให้นั่งในท่าสงบ จัดแต่งอาภรณ์อันยับย่นให้คืนดังเก่า

“จักมีเหตุอันไม่พึงประสงค์เกิดแก่เพื่อนเราเป็นแน่ หากนิ่งเฉยแลมัวเมาอยู่ในอารมณ์รักคงถูกตราหน้า ว่าทอดทิ้งสหายในยามอันตราย น้องท่านอย่าได้โกรธขึ้งมาตะเลยหนา จงประทับนั่งคอยแต่ในที่นี้ อีกสักครู่มาตะจักมามอบกายแก่น้องท่านเป็นแน่แท้”

คว้าดาบทองกระชับมั่น หุนหันเปิดประตูสู่ภายนอก พจน์ให้รู้สึกพิศวง เสียงเวฬุสำแดงว่ามีเรื่องร้อนเกิดขึ้นอยู่ภายนอก บัดนี้จิตใจตนกลับเป็นปกติแล้วเมื่อไร้การสัมผัสเล้าโลมของมาตะ หากจะนั่งรอคอยอยู่ในนี้ก็รังแต่จะสร้างอาวุธทรมานใจตัว เป็นตายร้ายดีอย่างไรคงต้องรู้ให้ได้ว่ามีเหตุใดเกิดขึ้น ตริตรองแล้วจึงลุกพรวดเปิดประตูเรือนพักออก

ลานดินกว้างอุดมด้วยแคร่ไม้ไผ่บรรจุนักร่ำสุราจำนวนมากบัดนี้กลายเป็นแคร่ไม้ร้างไร้ผู้คน คอเหล้าจำนวนหนึ่งย้ายกายไปกระจุกรวมตัวกันอยู่ ณ มุมด้านหนึ่งใกล้กับโต๊ะเตรียมสุราอาหารของนางแดงเจ้าของโรงเหล้า ที่บัดนี้กุมหน้าอกด้วยอาการปริวิตก สีหน้าหวาดผวา แสดงเหตุให้แจ้งว่า เรื่องเดือดร้อนกำลังจักเกิดเป็นหายนะสู่ร้านตนเป็นแน่แท้ เพราะท่ามกลางลานโล่งนั้น มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนนับสิบคน นุ่งผ้าหยักรั้งสีแดง สวมเกราะทองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ลวดลายนูนตราสิงห์ แสดงชัดว่าเป็นทหารหลวง พร้อมอาวุธทวน โล่แลดาบครบมือ

มาตะยืนองอาจอยู่ใกล้ เวฬุ และโกสินทร์ในฝั่งตรงงข้าม เจ้าเวฬุต้องคอยประคองกอดโกสินทร์ซึ่งมีท่าทีเมามาย สีหน้าแดงก่ำรวมกับดวงตาหรี่จะหลับมิหลับแหล่นั้น แสดงเหตุว่าโกสินทร์คงยกไหเหล้าดื่มไปมากพอควรระหว่างที่พจน์กับมาตะอยู่ในห้อง

“ประพฤติการณ์ดั่งสุนัขลอบกินอาจมขมต่ำนี้ หากจะแทนสิ่งที่มึงกระทำคงมิต่างกันกระนั้น” บุรุษชุดเกราะทองร่างล่ำสันสูงใหญ่เช่นเดียวกับมาตะ ก้าวเท้าออกมาจากกลุ่ม เกราะศีรษะบดบังส่วนสำคัญของหน้าเหลือเพียงปากและนัยน์ตาทั้งสองอันแข็งกร้าวเท่านั้นที่สังเกตเห็น

พจน์เห็นไหล่กว้างของมาตะขยับสั่นไหว มือข้างถือดาบทองกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

“อันวิสัยสุนัขมีเจ้าของเลี้ยงก็ย่อมจักได้กินของคาวหวานแต่อย่างดีเสมอนายตน แลเจ้าของก็เฝ้าทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูประดุจดั่งเพื่อนกายสหายรัก มิพักให้อดอยากยากแค้นอับจน จึ่งสบายแลสุขล้นยิ่งกว่าสุนัขจรจัดอันหามีนายไม่”

เจ้าคนเกราะทองนัยน์ตาคมขีดขอบตาเข้มยังคงกล่าว พลางตวัดทวนคู่กายสลับไปมาระหว่างมือทั้งสอง อารมณ์ดีราวกับกำลังเล่านิทานให้คนในที่นั้นฟัง

“ก็แหละสุนัขอันนับเป็นสัตว์เดรัจฉานแต่ดั้งเดิม นิสัยประจำเผ่าพงศ์มิเว้นจักแสวงหาของต่ำตมเป็นของกินกระนั้น แม้นมีอาหารอย่างดีวางอยู่ตรงหน้าก็มิพักจักมองของต่ำกว่าเสมอยาดี ถึงนายเฝ้าห้ามปราม ฤา ล่ามตรวนไว้มิให้กระทำการต่ำ ด้วยวิสัยเดรัจฉานจักแว้งกัดขู่เอาเมื่อไม่สมประสงค์มิรู้จักคุณผู้เลี้ยงดูฉะนี้ ควรหรือที่ความผิดนั้นจะตกอยู่ที่นายว่าเฝ้าถนอมดูไม่ดี เจ้าว่าเช่นนั้น ฤา ไม่ นางแดง”

หญิงร่างใหญ่เจ้าของโรงเหล้าแต่เดิมก็ให้อกสั่นขวัญหายอยู่แล้ว เมื่อเห็นคำถามดุจอาวุธทวนชี้ปลายแหลมมายังอกตนดังนั้นก็ร่ำไห่พลางตอบว่า

“เป็นเช่นนั้นเจ้าข้า นายกอง”

ทาสบ่าวทาสีต่างช่วยพยุงนายตนที่ทรุดกายลงให้นั่งยังที่เหมาะควร พลางโหมโบกพัดแลนำยาหอมอย่างดีมารักษานายตัวมิให้สิ้นลมไปเสียก่อน

“ดั่งนั้นควรหรือที่นายมันจะปล่อยไว้แลเลี้ยงดูต่อไป เมื่อสิ้นความไว้ใจต่อกันและกันแล้ว” เสียงประกาศกร้าวดังก้องทั่วบริเวณ ชาวบ้านร้านตลาดบริเวณใกล้เคียงต่างรีบเก็บของขายริมทางเดินเมื่อเห็นว่าจักเกิดเรื่องเป็นแม่นมั่น

ไม่มีผู้ใดในที่นั้นตอบคำถาม ความเงียบปกคลุมในอากาศอยู่ชั่วครู่

“ควรหรือที่มึงมาลอบกระทำหยามเกียรติน้องสาวกูลับหลังเยี่ยงนี้ ไอ้มาตะ”

คำตวาดดังกึกก้องสะท้อนอารมณ์โกรธของผู้พูด มาตะยังคงยืนนิ่งไม่โต้ตอบแต่อย่างใด

“หะแรกที่กูได้ยินความ มิอาจปักใจเชื่อ เหตุเพราะมึงมิเคยกระทำการอันขายหน้าแต่อย่างใดให้เสื่อมเสียมาถึงน้องสาวกูมาก่อน แลมึงกับกูต่างเป็นทหารใต้เบื้องพระบรมโพธิสมภารขององค์พระเจ้าอยู่หัว ล้วนถือเกียรติศักดิ์แลน้ำพระพิพัฒสัตยา จักกระทำมิให้เสื่อมพระยศมาถึงพระองค์ได้กระนั้น กูจึ่งมิระแวดระวังตะขิดตะขวงใจอันใดให้หนักอก” เจ้านายกองชุดเกราะทองเดินกลับไปมาพลางระงับอารมณ์ของตัว

“แลราตรีนี้กูได้ยินความข้างว่ามึงนัดแนะนัดพาสตรีไร้ศักดิ์มากกกอดอยู่ในโรงเหล้าร้านตลาด กระทำประหนึ่งสุนัขอดอยากของต่ำดั่งนี้ อดที่กูจักมาดูให้เห็นกับตามิได้ว่า ไอ้ยอดนักดาบแห่งกรุงนพรัตนบุรีนี้ มีประพฤติเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน สุขสำราญแต่ของต่ำตม ตามสันดานอันไม่สมราคากับอาวุธพระราชทานคู่กายแม้แต่น้อย” ว่าเสร็จก็ชี้ปลายทวนมายังมาตะห่างเพียงคืบก็จักถึงอกล่ำเปลือยเปล่า

เวฬุตวัดดาบเงินของตนให้อาวุธทวนหันเหห่างอันตรายจากเพื่อนตัว พลางว่า

“ระวังคำของพี่ท่านด้วย นายกองกฤษณะ สหายข้ามิได้กระทำต่ำศักดิ์อันใดให้ระคายเบื้องพระยุคลบาทแม้เพียงนิด อันคำกล่าวเกินเลยดั่งนี้จะมิเป็นคุณแก่ตัวพี่ท่านแลสหายข้า หากมีผู้นำความกราบบังคมทูล”

“ฮ่าๆ” บุรุษนามว่า กฤษณะ หัวเราะดังก้องสร้างอกหวั่นขวัญแขวนแก่คนในที่นั้นยิ่งเป็นทวีคูณ

“วิสัยช่างฟ้อง ช่างทูลเกล้า ดั่งสตรีนางในยามถูกเพื่อนอิจฉาริษยานั้นมิเคยมีในทหารผู้สังกัดกองทหารเกราะทอง หากเป็นเหล่ากองอื่นนั้นข้ามิอาจล่วงรู้ได้ ว่าจักมีนิสัยเยี่ยงพระสนมนางห้าม ฤา ฉันใดนั้น ข้ามิอาจรู้ ก็แหละในที่นี้มีแต่ทหารเกราะทอง แลทหารมหาดเล็กสังกัดกองทหารดาบทองดั่งนี้ แล้วเจ้าว่าฝ่ายใดจักนำคำข้าไปกราบบังคมทูลกระนั้นรึ”

“ไอ้คนนิสัยพาล” โกสินทร์ตวาดลั่นพร้อมชี้นิ้วใส่หน้านายกองกฤษณะ บัดนี้เริ่มมีสติทรงกายได้มั่นคงดังเดิมเหมือนสร่างเมาในทันทีเมื่อได้ยินคำดูถูกดูแคลน

แววตาดุจสิงห์ถูกหวดหลังตวัดมองโกสินทร์ราวกับเหยื่อในอุ้งเท้า กระชับอาวุธทวนในกำมือแน่น
 
“หากกูมีนิสัยพาลดั่งมึงว่า แล้วเพื่อนตายสหายของมึงนั้น มีนิสัยอย่างใดเล่า โปรดแถลงให้กูนี้หายขัดข้องหน่อยเถิด” กฤษณะสวนกลับดังก้อง

มิทันที่นายกองทหารเกราะทองจักกล่าวจบ โกสินทร์ก็ชักดาบเงินของตนออกจากฝักพร้อมพุ่งเข้าหากฤษณะทันที นายกองเกราะทองอยู่ในท่าพร้อมอยู่แล้วจึ่งยกทวนสกัดรับคมดาบได้โดยพลัน ชั้นเชิงคมทวนแลคมดาบเป็นอาวุธต่างชนิด แต่ทักษะการปะทะต่ออาวุธล้วนมีส่วนได้เปรียบเสียเปรียบต่างกัน ทวนมีอาวุธคมอยู่ปลาย แต่มีด้ามยาวเหมาะแก่การจู่โจมในระยะไกล เมื่อเห็นว่าโกสินทร์ถลันเข้ามาในระยะปลายทวนดั่งนั้น กฤษณะจึ่งแทงทวนหมายเอาเลือดผสมสุราออกสักหน่อยนึงให้เป็นแผลฝากไว้ แต่อาวุธดาบแม้สั้นยาวต่างกับทวนแต่เหมาะมือสำหรับป้องกันกายในระยะประชิด เมื่อปลายทวนหมายแผลเบื้องไหล่ซ้ายของตน โกสินทร์อันมีสติมิครบถ้วนเท่าใดก็สามารถปัดป้องปลายคมกริบจากการฉกเนื้อตนได้โดยง่าย

มาตะเห็นเพื่อนตัวถลันเข้าสู้ดังนั้นมิอาจปล่อยให้เข้าสู่กรงเล็บของพญาสิงห์ได้จึ่งตวัดดาบทองคู่กายเข้าโรมรันอีกด้านหนึ่ง ทหารเกราะทองผู้ติดตามเห็นนายตนโดนรุมดังนั้นจึ่งซัดอาวุธหมายช่วย แต่ทักษะดาบของมาตะลื่อชื่อสมคำเล่าลือ แม้นอาวุธปะทะต่างกันแต่ผู้ชำนาญในศิลปศาสตร์สรรพอาวุธเท่านั้นเป็นผู้เหนือกว่า มาตะจัดการทหารเกราะทองล้มลงโดยง่าย ฝากแผลตามช่องว่างระหว่างเกราะเอาไว้ให้เจ็บแสบเจ็บปวดตามแต่ผู้ใดหมายใจคิดฝากแผลให้ตนไม่ออมมือ

เวฬุแม้ร่างกายอวบอ้วนแต่ทักษะต่อสู้มีชั้นเชิง ร่างกายมิได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด ชักดาบเงินคู่กายเข้าช่วยเพื่อนตน ฝากรอยไว้กับทหารเกราะทองก็มากล้น

อาการตะลุมบอนผสมเสียงดาบปะทะทวนดังก้อง นักสุราต่างหน้าซีดอกสั่นหวั่นจิต เช่นเดียวกับนางแดงซึ่งบัดนี้เป็นลมล้มลงนอนพังพาบไปเรียบร้อยแล้ว แคร่ไม้ล้มคว่ำ ไหสุราแตกกระจาย น้ำเหล้าเจิ่งนองพื้น ผู้คนวิ่งหนีสับสนอลม่าน เสียงหวีดร้องดังผสานคมดาบอาวุธ

กฤษณะละจากโกสินทร์แล้วตวัดปลายทวนเข้าหามาตะ ซึ่งเอนหลังหลบได้โดยง่าย
 
“ราตรีนี้ถ้าหากปลายทวนของกูมิได้ลิ้มรสเลือดในกายมึงแล้วไซร้ ก็อย่านับกูเป็นนายกองทหารเกราะทองอีกเลย”
 
เวฬุกับโกสินทร์รับมือชุลมุนกับทหารเกราะทองทั้งสิบคนอยู่ข้างเคียง

“พี่ท่านโปรดระงับสติ แลพินิจให้จงดีเถิด” มาตะยกดาบยันปลายทวนด้วยกำลังกล้าแข็ง “ความวุ่นวายที่ท่านก่อนี้จะเป็นภัยต่อเราทั้งสองโดยแท้ จงครองสติสั่งหยุดทหารโดยพลัน แลข้าจักอธิบายให้ท่านคลายความสงสัย”

“จักมีอันใดให้สาธยายอีก กูล้วนเห็นด้วยตาโดยสิ้นแล้ว”

“หาเป็นเช่นนั้น ความอันใดที่ท่านรู้แลทราบดีแล้วนั้นล้วนผิดพลาด” มาตะเอ่ยตอบพลางปัดป้องทวนจากกายตัวแต่มิได้หมายให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสคมดาบ

“ในฐานะที่เราต่างเคารพกันและกันเมื่อครั้งรับราชการนั้น ข้าได้พี่ท่านสั่งสอนอบรมแลเข้าสังกัดเกราะทองเมื่อแรกต้น เข้านอกออกในเรือนพี่ท่านตามเวรฝึกซ้อม กฤษณาผู้น้องสาวเอ็นดูข้าประหนึ่งเพื่อนวัยเดียวกัน ข้านี้ก็เอ็นดูนางเสมือนน้องสาวดุจกันมิคิดต่างจากนี้ หามีสิ่งใดเกินเลยไปกว่าสนทนาตามประสาคนรู้จักมักคุ้น จวบกระทั่งบัดนี้ก็หาแตะต้องฝากเป็นราคีแก่น้องสาวพี่ท่านไม่”

“มึงจะกล่าวว่าน้องกูนึกคิดไปแต่ผู้เดียว แลมีจิตพิศวาสแต่มึงโดยที่มึงมิมีใจตอบกลับเลยกระนั้นรึ” แรงทวนซัดกลับรุนแรงกว่าเดิม ดวงตาภายใต้เกราะทองสวมป้องกันหน้ามีแต่แววเกลียดชัง

“ข้านี้มิได้มีใจด้วยน้องท่าน ขอตอบโดยสัตย์จริง”

คำตอบของมาตะเป็นเสมือนฟืนไม้เติมเชื้อไฟแค้นในอกของกฤษณะให้ลุกโชนกว่าเดิม

“มึงนี้ดำรงอยู่เป็นชายได้อย่างไร ว่ากล่าวคำร้ายแก่สตรีมีศักดิ์ให้เสื่อมเกียรติดั่งนี้ จงนำผ้าถุงมานุ่งห่มเสียเถิด”

“มนุษย์นี้เกิดมาจักรักใคร่ผูกใจกันได้ย่อมมีดวงจิตเสมอแลตรงกันมิใช่ ฤา ก็แหละข้าและน้องสาวพี่ท่านมิได้มีน้ำใจเสมอแลตรงกันดั่งนี้แล้ว แลข้าบอกความตามสัตย์จริง ดั่งนั้นพี่ท่านจะกล่าวหาว่าข้านี้ให้ร้ายสตรีได้อย่างไร”

กฤษณะเต้นวนรอบตัวมาตะ ตวัดแทงหมายที่สำคัญใดก็พลาดเพราะแรงปัดป้องจากดาบทองทุกทีไป ยิ่งโหมกำลังแค้นให้ลุกโชนยิ่งกว่าเก่า ความเจ็บในหัวอกนี้อยากให้คนคู่ประอาวุธได้รับคืนไปบ้าง

“คนทั้งพระนครต่างรู้แจ้งเห็นจริงว่า มึงแลน้องสาวกูต่างไปมาหาสู่เป็นนิตย์ สมัครรักใคร่กันโดยถ้วนทั่วแล้ว แลมึงมากลับคำฉะนี้ หวังให้น้องสาวกูได้ยินแล้วอกแตกตายอย่างนั้นหรือ”

“หามิได้ มาตะนี้กระทำการใดก็จักว่าไปตามนั้น มิได้บิดผันแปรเปลี่ยน การจักว่าไปมาหาสู่นั้นมิได้ก่อน เพียงแค่พบหน้า ฤา สนทนาต่อกันนั้นยังนับครั้งได้ภายในมือข้างเดียว ดั่งนี้ จักหาว่าไปมาหาสู่เป็นนิตย์นั้นมิได้”

“มึงคงอยากสิ้นชีวาวายโดยมิได้นอนอยู่บนตักของคู่รักเป็นแน่ จึ่งเอ่ยคำตายออกมาดั่งนี้ เช่นนั้นกูจักนำร่างมึงไปขอโทษน้องกูแทนคำมึงก็แล้วกัน”

กฤษณะหมุนทวนเป็นวงกลมรวดเร็ว มาตะก้าวถอยมาตั้งรับ กระบวนท่าของนายกองเกราะทองเป็นทักษะชนิดพิเศษประจำอาวุธ เสร็จแล้วจึ่งวาดใส่คู่ต่อสู้รวดเร็วเมื่ออีกฝ่ายมึนงงจับจ้องกับวงล้อม

เสียงวัตถุพุ่งแหวกอากาศมารวดเร็วเหมือนหวดแส้ดังกระทบ อาวุธทวนสีเงินสว่างเจิดจ้าตั้งแต่ปลายแหลมคมจรดสุดท้ามถือ อันประกอบด้วยสีเงินยวงกระทบแสงเดือนส่องประกายขาวสว่าง ประดับพู่ห้อยสีขาว สกัดกั้นกระแทกใส่ทวนของกฤษณะจนอาวุธคู่กายของนายกองมีชื่อกระเด็นหลุดมือสุดต้านทานในพละกำลัง

แววตาเหี้ยมตระหนกในอาการพลัดหลุดของอาวุธประจำกายร่วงหล่น วิถีทวนเงินหมุนย้อนกลับคืนยังผู้ซึ่งขว้างมาขัดขวาง มาตะเหลียวหลังกลับมอง กฤษณะยืนตื่นตะลึงจับจ้องผ่านไปยังบุคคลผู้ส่งทวนเทวามาสกัดตน เงาร่างนั้นรับทวนกลับสู่มือขวาก้าวออกมาจากเงามืดของเรือนพักสู่แสงสว่างของโคม

ณ วินาทีแสงเดือนต้องใบหน้า นายกองหนุ่มภายใต้ชุดเกราะทองก็มิอาจถอนสายตาจากคนผู้นั้น ด้วยไม่เคยแลเห็นบุรุษใดงดงามเท่านี้มาก่อนในชีวิต


50%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2019 19:05:53 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ pui_noizๆ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ก่อนอื่น เราต้องขอขอบคุณ ซึ่งต้องขอบคุณมากๆๆๆ ฮะ
เป็นเรื่องที่สนุก เพลิดเพลิน ละมุน กลมกล่อม ทั้งยังมีความสลับซับซ้อนเกินกว่าที่จะคาดเดาได้ ซึ่งเชื่อว่าผู้ประพันธ์ได้รังสรรค์ผลงานชิ้นนี้ด้วยความคิดอ่านที่ผ่านการคัดกรองมาอย่างดีและเต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ...

อ่านมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ก็ต้องขอขอกว่า เรื่องนี้ดีมาก แทบจะไม่มีที่ติ แต่เนื่องด้วยเป็นเรื่องที่มีการพรรณนาด้วยถ้อยคำที่สละสลวยซะส่วนใหญ่และมีความวิจิตรบรรจงอยู่มาก จึงทำให้มาตรฐานการอ่านจึงสูงขึ้นตาม ทั้งนี้ คำผิด แม้เพียงเล็กน้อยก็จะทำให้เสียอรรถรสได้ เช่น ท่อนร่าง ซึ่งเราจะพบได้บ่อยในบทตอนต้นๆ หรือคำ พิศวาส ซึ่งพบได้ในบทนี้ และจะพบคำอื่นๆ อีกประปราย แต่โดยรวมไม่ได้มีมากและก็ไม่ได้ทำให้ความหมายผิดเพี้ยนหรือเสียหายอะไรไป นอกจากนี้ การบรรยายความในช่วงย้อนเวลา บางช่วงบางตอน ดูจะเป็นการผสมผสานทั้งคำสมัยใหม่และสมัยก่อน ซึ่งมองว่าเป็นการหลุดออกจากโทนไปบ้าง ถ้าควบคุมการใช้คำให้สอดคล้องกับแต่ละช่วงเวลาได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก
ทั้งนี้ทั้งหมดไม่ใช่ข้อผิดพลาดอะไรที่สำคัญมากมายอะไร แค่จะช่วยเติมเต็มให้มันสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น (เชื่อว่าถ้าได้ย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่ต้น ก็จะเจอและเข้าใจในสิ่งที่เราบอก)...
สุดท้าย...ทุกอย่างเป็น คหสต นะฮะ
ได้โปรดอย่าโกรธกันเลย หรือ ถ้าเราทำให้รู้สึกไม่ดีก็ต้องขออภัยด้วยนะฮะ
[size]

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด