[แจ้งข่าวหน้า๑๖] >>>>ข้ามพิภพ<<<< (๒/๐๘/๖๔) หน้า ๑๖ [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

สำรวจความต้องการให้มีการพิมพ์รวมเล่มนิยาย >>>>ข้ามพิภพ<<<< หรือไม่

ต้องการ
27 (67.5%)
ไม่ต้องการ
0 (0%)
ไม่แน่ใจ
13 (32.5%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 40

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวหน้า๑๖] >>>>ข้ามพิภพ<<<< (๒/๐๘/๖๔) หน้า ๑๖ [จบแล้ว]  (อ่าน 284906 ครั้ง)

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
ลึกลับ ซ้อนเงื่อน ปมใหญ่ๆ ค่อยแกะออกมาทีละนิดจึงจะเข้าใจ
แอร๊ยยยย สนุกมากค่ะ กันต์จะตายมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ ๗



คิดถึงคะนึงหา


   
แววตาวาวโรจน์สีแดงชาดทอลอดจากเงื้อมเงาใต้ผ้าคลุมผืนทมิฬปกปิดผิวซีดขาวไว้เล็บยาวร่างหนึ่งซึ่งยืนอยู่เหนือเสาสูงสุด ณ สะพานแขวนข้ามแม่น้ำผืนกว้าง เบื้องล่างคือ พาหนะขับเคลื่อนวิ่งสวนกันขวักไขว่ เร่งร้อนกลับคืนเหย้าเรือน และเป้าหมายการสังหารอยู่บนรถรับส่งสีเหลืองหนึ่งเดียว จอดนิ่งเพราะการสัญจรติดขัด
 
ลมวายุพละกำลังมหึมาหอบเมฆฝนดำทะมึนแผ่กระจายปกคลุมท้องฟ้ายามสนธยาแห่งมหานครมนุษย์แต่ยังไร้หยาดเม็ดฝนร่วงหล่นลงสู่พื้น ความหนาวเย็นแทรกซึมสู่บรรยากาศมืดสลัว
 
ร่างดวงจิตมีขีดจำกัดของพละอำนาจ มันจำต้องใช้ทาสภักดีสูงสุดอีกตนเป็นผู้สำเร็จการ สายฟ้าลึกลับผ่าลงกึ่งกลางสะพาน แสงสว่างสาดกระทบจ้าก่อกำเนิดเป็นปีศาจยักษ์ร่างสูงเกือบสามเมตร ผิวกายสีฟ้า นุ่งห่มเครื่องประดับด้วยสีนิล ดวงตาเขียวส่องประกายวาบอยู่เบื้องหน้าพาหนะเป้าหมาย การปรากฏกายของทาสรับใช้ สร้างความโกลาหลแก่มนุษย์ตัวเล็กๆโดยรอบทันควัน รถยนต์สัญจรหลบชนกันคันต่อคันเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตผิดประหลาด เสียงหวีดร้องสร้างความหฤหรรษ์สุดแสนปรีดา ชั่ววินาทีชุลมุน กลุ่มควันดำกลับระเบิดปกคลุมทัศนียภาพ ร่างซีดขาวผอมสูงเพียงสองเมตรภายใต้ชุดเครื่องประดับสีนิลเฉกเช่นเดียวกันจึงก้าวมาเผชิญหน้ากับศัตรูผิวกายฟ้า เร่งร่ายลูกไฟใส่ทาสผู้ภักดีของมันอย่างรวดเร็ว ทาสรับใช้ผิวกายฟ้าหลบหลีกอย่างชำนาญ ส่งให้ลูกไฟส่วนหนึ่งพุ่งใส่พาหนะขับเคลื่อนจนระเบิดเป็นเพลิงไฟ กลุ่มมนุษย์หน้าโง่วิ่งหนีตื่นกลัว หลบหลีกจากสมรภูมิรบกึ่งกลางสะพาน
 
ทาสร่างยักษ์เสกลูกไฟขนาดมหึมาสีฟ้าใส่เป้าหมายแต่ศัตรูหลบหลีกเหาะเหินเดินอากาศสู่ลวดเคเบิล จนทำให้สายเคเบิลบริเวณนั้นถูกลูกไฟสีฟ้าอีกดวงตัดเฉือนขาดกระเด็น สะพานซึ่งถูกขึงด้วยสายเคเบิลเริ่มสั่นคลอน การทรงตัวและสมดุลถูกทำลาย แต่มันยอมแลกความพินาศแลถูกเปิดเผยกับชีวิตแลจิตวิญญาณของผู้ทรยศ
 
พลังอำนาจที่มนุษย์สามัญหามีไม่สร้างความเสียหายแก่สะพานข้ามสัญจรอย่างไร้ความปราณี แต่มิอาจหักเอาวิญญาณของศัตรูมาครอบครองได้ เพราะฝีมืออีกฝ่ายมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าทาสผู้ซื่อสัตย์ของมันแม้แต่น้อย ถ้าหากร่างนี้ใช้พละกำลังสูงสุดได้ เพียงชั่ววินาทีเท่านั้นก็จักดับสูญ แต่บัดนี้มันพิเคราะห์ดูว่า จำต้องละชีวิตผู้คิดคดทรยศตนนั้นไว้ก่อน เสี้ยนหนามเล็กๆชิ้นนี้จะถูกกำจัดเมื่อถึงเวลาอันควร มันส่งอาณัติสัญญาณให้ปีศาจผิวกายฟ้าล่าถอย ศัตรูผู้แปรพักตร์หายลับจากแววตาดุจเพลิง

ขี้ขลาด ตาขาว แต่ทรงพลังยิ่ง

มันยื่นฝ่ามือไว้เล็บยาวสีดำเสกกลุ่มควันมอดไหม้แล้วสาดใส่ฝูงชนอลม่านเบื้องล่าง เมื่อหมอกลบความทรงจำแผ่กำจายปกคลุมสะพานง่อนแง่น ร่างนั้นจึงเลือนหายภายใต้ท้องฟ้าดำมืดพร้อมสายฝนหยดลงสู่พื้นพิภพ

****************************************

“ส่งมาทางนี้” พจน์ตะโกนเสียงดัง
 
ลูกบอลถูกแรงเตะส่งมายังผู้ร้องขอ เขาพักลูกด้วยอกล่ำเปลือยเปล่า แล้วเขี่ยบอลด้วยเท้าขวาข้างถนัดจัดการหลบผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามพุ่งเข้าสกัด อีกฝ่ายสวมใส่เสื้อพละสีเทาปักตราโรงเรียน เมื่อเลี้ยงลูกหลบอย่างชำนาญ และระยะหวังผลพร้อมช่องว่างประจวบเหมาะมาถึง พจน์จึงส่งลูกด้วยเท้าขวาเต็มแรงซัดเจ้าลูกบอลกลมลอดผ่านกองหลังทั้งสามโค้งสู่มุมเสาแรกเฉียดผ่านมือผู้รักษาประตูเพียงนิดเดียวเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวยงาม พจน์ประกบมือกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆอย่างดีใจ รอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่บนใบหน้าเคล้าหยาดเหงื่อ กรรมการหรือผู้ฝึกสอนทีมโรงเรียนเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขันในวินาทีต่อมา ไอ้พวกมนุษย์ถอดเสื้อต่างเฮละโลรุมล้อมกอดพจน์ ตบบ่า ลูบหัว พร้อมคำยินดี เมื่อเขาเป็นผู้ส่งให้ทีมชนะหนึ่งต่อศูนย์ในช่วงเวลาก่อนสัญญาณยุตินั่นเอง
 
อากาศยามเย็นในช่วงเข้าฤดูเหมันต์แม้อบอ้าว แต่เมื่อสายลมพัดผ่านสัมผัสกับหยาดเหงื่อตามผิวกายจึงเย็นชื่นสบายใจ แสงแดดอ่อนหลังก้อนเมฆกำลังใกล้ลับขอบฟ้า นักฟุตบอลทีมโรงเรียนต่างกอดคอกันกลมทั้งฝ่ายชนะและแพ้ ส่งเสียงหัวเราะพูดคุยพร้อมรวมกลุ่ม ณ กึ่งกลางสนามหญ้าสีเขียวสด ล้อมรอบครูผู้ฝึกสอนชายอายุอานามเพียงแค่หลักสามสิบ มีการอธิบายรูปแบบเกมส์ของฝ่ายชนะและเทคนิคส่งลูกของพจน์ว่ามีพัฒนาการดีขึ้น ครูฝึกแจงข้อดีข้อเสียของผู้เล่นแต่ละคนในแต่ละฝ่ายจนครบหมดแล้วจึงบอกเลิกชมรม แยกย้ายกันกลับบ้าน

บรรยากาศหลังเลิกเรียนยังมีนักเรียนชายหญิงให้เห็นนั่งจับกลุ่มทำการบ้านอยู่บ้างประปราย บ้างเป็นสมาชิกชมรมกีฬา หรือชมรมวิชาการ ต่างยังคงทำกิจกรรม ประชุมหารือในวาระต่างๆ อีกชมรมที่พจน์สังกัดและเป็นประธานอยู่คือ ชมรมคนเจ้าบทเจ้ากลอน แต่ขณะนี้เขาได้มอบหมายให้รองประธานซึ่งก็คือ ไอ้เตี้ยน้ำ ชลนธี เป็นผู้ดูแลในระหว่างช่วงฝึกซ้อมฟุตบอลเพื่อแข่งขันกีฬาไตรสามัคคีซึ่งมีกำหนดชิงชัยในวันจันทร์หน้า อ้อ เกือบลืม พจน์ยังเป็นหนึ่งในทีมประกวดกลอนสดของโรงเรียนและจะเข้าแข่งขันระดับชาติในช่วงหลังปีใหม่อีกด้วย ถ้าหากเขาแพ้ไอ้กัน ชมรมคนเจ้าบทเจ้ากลอนคงต้องพึ่งน้องน้ำให้ช่วยอย่างไม่มีทางเลือก ช่วงนี้พจน์จึงสลับปรับตารางชีวิตทุ่มเทให้กับสองอย่างนี้ตามเวลาเอื้ออำนวย

ภัทรพจน์คว้ากระเป๋าพร้อมเสื้อนักเรียนพาดไว้บนไหล่ ยังรู้สึกหายใจเร็วแรงแต่สดชื่น เดินตรงไปหาไอ้เปรมณัฐที่เหม่อมองสาวสวยชมรมวอลเลย์บอล กำลังซ้อมอย่างแข็งขันอยู่สนามข้างเคียง จนพจน์ต้องตบบ่ามันเบามือเจ้าตัวถึงได้ตื่นจากภวังค์ ไอ้ปาล์มจ้องพจน์พร้อมหูแดงชัดเจน

“แอบส่องสาวออกหน้าออกตาเลยนะมึง” พจน์ยกยิ้มยั่วล้อ

“กูเปล่านะเว้ย มึงอย่าเพิ่งเข้าใจผิด” ปฏิเสธเสียงลั่น หลบสายตาพจน์แล้วคว้าขวดน้ำเย็นกับผ้าขนหนูสีขาวส่งให้เขาแทน เด็กหนุ่มนักบอลรับขวดน้ำมาเปิดฝาดื่มอึกใหญ่ก่อนจะเทราดใบหน้าหน้าและผิวกายมันเลื่อมเพื่อดับร้อน

“เลอะเทอะหมด ไอ้ห่า” มันดึงผ้าขนหนูกลับคืนรีบซับน้ำออกจากตัวพจน์เชื่องช้า ใบหูยังคงแดงก่ำเหมือนโดนของ

นับแต่พจน์ออกจากโรงพยาบาล เวลาล่วงเลยเข้าสู่วันที่สาม กลุ่มเพื่อนของพจน์ต่างลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าจะไม่ทิ้งเขาไว้คนเดียวอีกเป็นอันขาด ไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหนก็ตาม หรือแม้แต่จะเข้าห้องน้ำก็ต้องตามติดอย่าให้คลาดสายตา ดังนั้นไอ้ทั้งเก้าคนต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนจัดเวรยามประกบพจน์ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน จนกว่าไอ้เด็กใหม่นามว่ากันจะย้ายโรงเรียน ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของตัวพจน์เอง

เบื้องหลังความจริงนั้นพจน์ยังไม่สามารถเล่าให้พวกมันทุกคนฟังได้ถึงสาเหตุที่ทำให้หมดสติ เกิดจากบางสิ่งชักนำเข้าสู่อีกภพหนึ่งหาใช่ฝีมือไอ้กัน แล้ววันนี้เวรเฝ้าคือไอ้ตี๋หน้าหล่อขวัญใจสาวๆ มันทำหน้าที่ได้ดีเกินคาด พร้อมเตรียมผ้ากับน้ำ อยู่รอจนพจน์ซ้อมเสร็จ และยังบริการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาอีกต่างหาก อะไรจะสุภาพบุรุษปานนั้น

ระหว่างนั่งพักให้หายเหนื่อยบนแสตนด์ข้างสนามฟุตบอล ไอ้พวกเพื่อนในชมรมต่างตะโกนโบกมือลาทยอยกันกลับ พจน์ส่งยิ้มพยักหน้าให้พวกมัน เกมส์ในวันนี้สนุกผิดจากการซ้อมเมื่อหลายวันก่อน อยู่ๆเขาก็ฉุกคิดถึงคำพูดจับประเด็นไม่ได้ของไอ้กันอีกครั้ง ยิ่งคิดยิ่งหาเหตุผลได้ยากกว่าเดิมเต็มที

“มีคนจะทำร้ายมึง”

แววตาสีเข้มของไอ้เด็กใหม่มั่นคงดั่งยืนยันคำพูดหนักแน่น คำเตือนนี้สามารถเชื่อถือได้สักเท่าไร

เหตุการณ์ต่อจากวันนั้นไอ้นิธิยอมปล่อยตัวพจน์และบอกให้เขาไปสมทบกับคนอื่นๆ ส่วนมันมีเรื่องต้องจัดการ มั่นใจว่าระหว่างนี้เพื่อนของพจน์จะดูแลแทนได้ และไอ้คนแปลกประหลาดก็หายหน้าหายตาเงียบเชียบตลอดทั้งสามวันที่ผ่านมา รวมถึงวันเปิดเรียนวันนี้ด้วย
 
สิ่งแปลกพิกลเช่นเดียวกับการหายตัวของไอ้กัน คือหมอกสีขาวจำนวนมหาศาลเริ่มแผ่ขยายปกคลุมทุกช่วงเวลาเช้านับแต่วันที่คุณปู่ประกาศคำแถลงการณ์ ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นทั่วทั้งกรุงเทพมหานครและหัวเมืองใหญ่แต่ละภูมิภาค กลายเป็นข่าวครึกโครมเสมอข่าวน้ำท่วมโลก มีบางคนบอกว่านี่คือสัญญาณบางอย่างและกำลังนำไปสู่หายนะภัยน้ำท่วมโลก

การประกาศคำแถลงการณ์ของคุณปู่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด ปลุกกระแสความตื่นกลัวและขุดคุ้ยหาหลักฐานมาอ้างอิงต่างๆนานา จนเป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ แต่ท่ามกลางบทความและข่าวเจาะลึกมากมาย พจน์รู้ว่าหลักฐานสำคัญยืนยันคำพูดของคุณปู่ทั้งหมด ยังไม่มีสิ่งใดสามารถใช้เชื่อถือได้ และท่านเก็บงำส่วนสำคัญนี้ไว้ไม่นำออกมาแถลงการณ์แต่อย่างใด เหมือนรอเวลาบางอย่าง จึงทำให้ฝ่ายไม่เห็นด้วยโต้กลับคัดค้าน กล่าวหาว่าเป็นเรื่องราวโกหก หลอกลวง ตบตา ชาวโลกได้อย่างไม่แนบเนียน

“พจน์ พจน์” เสียงตะโกนเรียกชื่อดังมาจากขอบสนามฟุตบอล ไอ้พีธนะโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณทักทาย มันเหลียวหลังร่ำลาเพื่อนในชมรมบาสแล้วจึงวิ่งมาหา ไอ้พีทยังอยู่ในชุดบาสตัวใหญ่สีเลือดนก ใบหน้าเคร่งขรึมผิดจากสีหน้าปกติที่มักจะแจกยิ้มโชว์ฟันขาว
 
“นายโอเคหรือเปล่า วันนั้นเราไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลสวนทางกันเลยไม่ได้เจอ โทรหาก็ไม่ติด ส่งข้อความก็ไม่ตอบ ทำเอาเราเป็นห่วงแทบแย่” พีธนะหย่อนตัวและกระเป๋าสำภาระใบโตลงอีกข้างที่ว่างใกล้ๆพจน์

“แบตมือถือกูหมดว่ะ นอนหลับไปตั้งนานไม่มีใครสนใจชาร์จให้กูเลย” พจน์กล่าวติดตลก แต่ไอ้นักบาสตัวโรงเรียนยังขมวดคิ้วมุ่น จ้องหน้าพจน์นิ่ง ถ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนคงคิดว่ามันจ้องจะหาเรื่องอยู่เป็นแน่

“มึง เอ่อ มือตีนหนักใช่เล่นนะ ซัดไอ้กันซะน่วมเลย” พจน์เปลี่ยนเรื่องแล้วยิ้มแห้ง

“ถ้าหากเราไม่ไปเจอ มันจะทำอะไรนายหรือเปล่าก็ไม่รู้ นั่นยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่มันทำกับนาย” ไอ้พีทกัดฟันจนแนวกรามนูนชัด กำหมัดแน่นพร้อมชกไอ้กันอีกรอบ

“กูไม่ยักรู้ว่ามึงเก่งมวยไทยด้วยนะเนี่ย” พจน์หัวเราะไม่อยากให้บรรยากาศตรึงเครียด เพราะเรื่องทั้งหมดผ่านพ้นไปแล้ว และลึกๆพจน์รู้ว่าสิ่งใดทำให้ตนหมดสติ ถึงแม้ไอ้กันจะเฝ้าโทษตัวเองว่าเพราะโคลงสี่สุภาพต้องห้ามสองบทนั้นเป็นต้นเหตุก็ตามที

“กูขอบใจมึงมากนะเว้ย ไอ้พีท” เด็กหนุ่มตาสวยตบไหล่กว้างของเพื่อนต่างชมรมอย่างทราบซึ้งในน้ำใจ

“เราเป็นห่วงนายมากนะ พจน์” ไอ้พีทเริ่มยิ้มกว้างอย่างเดิม

“กูรู้” พจน์ตอบจากใจจริง

“ช่วงหยุดเสาร์อาทิตย์ เราติดต่อนายไม่ได้ เราแทบเป็นบ้าอยากตามไปดูถึงบ้าน แต่โค้ชมีนัดซ้อมด่วน เพื่อแข่งนัดกระชับมิตรวันนี้ เราเลยไม่ได้เจอนายตั้งแต่เช้า คิดว่าหลังแข่งจะตามไปหาที่บ้าน ก็พอดีกับ...”

ไอ้ปาล์มส่งเสียงไอเหมือนมีอะไรติดคอ ลืมเสียสนิทว่ามันนั่งกำขวดน้ำเย็นและผ้าเช็ดตัวอยู่อีกข้าง หันไปอีกทีมันก็ลุกเดินไปหาเด็กสาวสองคนที่ริมขอบแสตนด์ ใบหน้าเรียว ตาโต ริมฝีปากบาง ผมยาวมัดด้วยริบบิ้นสีน้ำเงิน ดูคุ้นตา แต่นี่มันสเปคไอ้ปาล์มเลยนี่หว่า ส่วนอีกคนสวยแต่ดูธรรมดา คนสวยกว่ายื่นโทรศัพท์ให้ไอ้หน้านิ่ง มันกดยุกยิกแล้วส่งคืน ใบหน้าหล่อไม่มีรอยยิ้มจนเกือบไร้อารมณ์ ส่วนสาวเจ้าของมือถือดูก็รู้ว่าเขินอายพอประมาณ มันคุยกับอีกฝ่ายเสียงเบาจนพจน์แทบไม่ได้ยิน

“ให้เราไปส่งที่บ้านหรือเปล่า นี่ก็เย็นมากแล้วนะ”

พจน์ถอนสายตาจากไอ้เพื่อนรัก แล้วยักคิ้วให้คนถาม

“มึงว่าไงนะ” ไอ้นั่นทำหน้าอ่อนใจ

“ให้ไปส่งหรือเปล่า หรือว่าแวะหาอะไรกินก่อนกลับก็ได้ อยากจะอยู่กับนายให้หายคิดถึงสักหน่อย”

คิดถึง
 
พจน์หัวเราะกลบเกลื่อน ถึงจะจับสังเกตุการกระทำและคำพูดของไอ้พีทมาสักระยะแล้ว แต่เขาไม่อาจปักใจให้เชื่อได้ว่ามันกำลังตามจีบพจน์อยู่ ถ้าบอกว่าตนโง่หรือไม่มีญาณสัมผัสในเรื่องนี้ก็คงได้ และอีกอย่างการโดนเพศเดียวกันเฝ้าตามมาพูดว่า คิดถึง ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยเหมือนโดนสาวบอกรักเสียด้วย พจน์จึงไม่อยากด่วนสรุปเลยทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสียก่อน

“ช่วงนี้กูเถลไถลไม่ได้ว่ะ มีคนเฝ้า” พูดขำขันบุยใบ้โทษไอ้ปาล์ม เมื่อเห็นสีหน้าไร้รอยยิ้มของคนเคยอารมณ์ดี จึงรีบพูดเสริมต่อ “เปล่าๆ ช่วงนี้ที่บ้านกูยุ่งๆนิดหน่อยอ่ะ มึงคงรู้แล้ว”

พจน์พยักหน้าหวังว่าไอ้พีทจะเข้าใจสถานการณ์ไม่ปกติ เมื่อคุณปู่ประกาศคำแถลงการณ์สะเทือนทั้งโลก นำความวุ่นวายมาสู่ครอบครัวสงบเงียบมากพอควร

“อืม เราเข้าใจ ถ้างั้นแค่ไปส่งก็ได้สินะ” มันยักคิ้วพร้อมยิ้มกว้าง “นายยังติดค้างเรื่องเราไปช่วยอยู่นะ”

ขณะที่พจน์กำลังเผชิญสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่นั้น อีกเสียงหนึ่งก็เอ่ยแทรกมาจากเบื้องหลัง

“มึงคิดจะอาสาไปส่งแฟนคนอื่นหรือวะ”


50%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2019 19:15:40 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
อยากเจอมาตะอีก ว่าแต่แฟนคนอื่นที่ว่าคือใครหรอปาล์ม?

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
[ต่อ]

รถแท็กซี่จอดห่างจากหน้าประตูบ้านของพจน์พอประมาณ มีกลุ่มคนเนืองแน่นยืนกีดขวางทางเข้าออก บ้างถือกล้องรายงานข่าว บ้างจัดแสงจัดไฟ ส่วนหนึ่งร้องตะโกนฟังไม่ได้ศัพท์จนล้นทะลักเกลื่อนทับพื้นผิวเส้นทางเดินรถ กีดขวางการจราจรดูสับสนอลม่าน ไอ้ปาล์มยื่นเงินค่าแท็กซี่ให้คนขับพร้อมกับบอกพจน์ว่า ไม่อยากหารค่ารถ เอาไว้เลี้ยงข้าวแทนในวันหลัง และอีกเหตุผลคือวันนี้เป็นเวรมันดูแลพจน์ คนที่ดูแลจะให้คนถูกดูแลออกเงินนั้นคงไม่ดี เป็นตรรกะตามสไตล์คุณชายปาล์ม พจน์จึงเลยตามเลย
 
ระหว่างทางเมื่อพจน์ถามถึงประโยคอ้อนตีนไอ้พีท มันกลับทำหน้ามึนเบลอ เขายังจดจำสายตาตวัดมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อได้ตราตรึง นึกถึงแล้วให้รู้สึกสยองพองขน เด็กหนุ่มคนกลางรีบเร่งส่ายหน้าโบกมือปฏิเสธ แต่ไอ้พีทคงเชื่อฝังใจแล้วว่าพจน์มีแฟนเป็นตัวเป็นตนตามคำพูดไอ้ปาล์ม ส่งผลให้นักบาสทีมโรงเรียนกระชากกระเป๋าลุกขึ้นยืน จ้องหน้าคุณเปรมณัฐด้วยสายตาแฝงความนัยบางอย่าง จากนั้นจึงรีบรุดเดินออกสู่ประตูโรงเรียนทันที ผิดวิสัยแต่ดั้งเดิมของคนสุภาพเช่นมันอย่างยิ่ง เพราะอย่างน้อยควรซักถามหรือบอกลาพจน์ก่อนกลับ ไม่ใช่หุนหันพลันแล่นตีจากโดยไม่ได้ความจริงอย่างนั้น
 
“ทำไมมึงต้องโกหกเรื่องกูมีแฟนวะ เห็นหรือเปล่าว่าไอ้พีทมันเข้าใจผิดหมด” พจน์ถามเป็นรอบที่ร้อย และความเงียบคือคำตอบรอบที่ร้อยเช่นกัน
 
“เอาเถอะ ไว้เคลียร์คราวหลัง มันเป็นคนดีนะเว้ย ไอ้พีทน่ะ มึงก็รู้จักมันดีนี่หว่า ยังจะแกล้งอีก” ไม่ใช่พจน์กลัวไอ้พีทจะเลิกคุยกับตน แต่ความเป็นเพื่อนต่างหากที่เขาหวงแหน
 
“เออๆ แล้วคนเมื่อเย็นนี่ แฟนมึงหรือเปล่าวะ ทำไมไม่แนะนำให้กูรู้จักเลย” พจน์เอ่ยแซว อยากเห็นสีหน้าอารมณ์เสียของไอ้ตัวสร้างปัญหาบ้าง
 
“กูมีคนที่ชอบอยู่แล้วว่ะ” ไอ้ปาล์มมองดูแสงสีนอกรถ บรรยากาศย่ำค่ำสวยสดงดงามเสมอ

“ใครวะๆ” พจน์เกาะไหล่หนาของไอ้หน้าตี๋ พยายามยื่นคอเข้าเค้นเอาคำตอบ แต่อีกฝ่ายเบือนหลบพร้อมหัวเราะเสียงเข้ม

“มึงจะอยากรู้ไปทำไม” พจน์แกล้งทำหน้าขัดใจ กดริมฝีปากแน่น เลิกเซ้าซี้คนข้างเคียงแล้วถอยกลับมานั่งที่ทางของตน หันหน้าหนีเหมือนสนใจบางสิ่งข้างนอกมากกว่าคำถามของคนภายใน เขาเคยลองใช้วิธีนี้มาแล้วและมันก็ได้ผลสำเร็จมาตลอด พจน์ลอบยิ้มในใจ

“ไอ้พจน์” ไอ้ปาล์มเรียกเสียงเบา “มึง...มึงโกรธกูหรือวะ”

พจน์ตีหน้าตึงกว่าเดิม แต่ในใจแทบรอคำตอบไม่ไหว ความเงียบเข้าปกคลุมคลอเคล้ากับเสียงเพลงลูกทุ่งของพี่คนขับอยู่พักนึง เสียงทุ้มนุ่มถอนหายใจแล้วจึงเผยความรู้สึก

“คนที่กูชอบ เค้าเปรียบเหมือนดวงอาทิตย์ เป็นสิ่งสำคัญของทุกสิ่งอย่าง เป็นเหมือนศูนย์กลางของจักรวาล จึงดึงดูดผู้คนเข้าหามากมาย และกูก็ตกอยู่ในแรงดึงดูดนั้นด้วยเหมือนกัน” ไอ้คุณเปรมณัฐเล่าเสียงเบา พจน์รู้สึกประหลาดใจเป็นที่ยิ่ง ตลอดเวลามันไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยถึงคนที่ชอบเลยเพียงนิด

“คนที่กูชอบ แม้จะร้อนแรงดั่งตะวัน แต่ก็ให้ความอบอุ่นแก่กูเสมอ ไม่มากหรือน้อยไป และนั่นทำให้กูคิดเข้าข้างตนเองว่าสักวันอีกฝ่ายก็คงคิดชอบกูบ้าง” ไอ้ปาล์มก้มลงมองฝ่ามือทั้งสอง “แต่กูเป็นแค่ดาวเคราะห์ดวงน้อย ภายใต้ดวงดาวใหญ่โตมากมายซึ่งสามารถรับแสงอาทิตย์ได้เพียงพอ ระยะห่างของกูกับเค้าเหมือนใกล้แค่เอื้อมแต่ในใจกูรับรู้ว่าอยู่ห่างหลายล้านปีแสง กูเต็มใจโคจรอยู่ในวงล้อม ณ จุดนี้มากกว่า ถ้าหากมึงอยากรู้ว่าดวงอาทิตย์ของกูคือใคร กูคงบอกมึงไม่ได้ และถ้าหากมึงจะโกรธกูต่อไปแบบนี้ กูคงห้ามมึงไม่ได้อีกเช่นกัน ไอ้พจน์ ถ้ามึงรอถึงวันที่แรงดึงดูดระหว่างเราหมดลงนั่นแล้วได้ กูจะบอกมึงเอง”

คำพูดเปรียบเทียบคนรักของไอ้ปาล์มกับดวงอาทิตย์ทำให้พจน์รู้สึกกระตุกวูบบริเวณอกเบื้องซ้าย ดวงอาทิตย์คือทุกสิ่งอย่างของสรรพชีวิต เหมือนเป็นสิ่งขาดไม่ได้สำหรับไอ้เพื่อนคนนี้ มันคงชอบเค้าคนนั้นมาก ความรู้สึกเหมือนได้สูญเสียเพื่อนรักร่วมแบ่งปันให้คนอื่นทำเอาพจน์พูดเล่นต่อไม่ออก ความสำคัญที่พจน์รู้ว่าตนมีอยู่ในเบื้องลึกสุดใจบัดนี้ถูกทดแทนด้วยดวงอาทิตย์ดวงนั้นแล้ว ความรู้สึกหวงเพื่อนบังเกิดขึ้นอาจเป็นเพราะไอ้ปาล์มคือเพื่อนสนิทคนหนึ่งนับตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาล ภาพความทรงจำทุกอย่างมีมันมาตั้งแต่ต้น

ณ วินาทีนี้ความอยากรู้ว่าใครคือแฟนของไอ้เพื่อนรักเหมือนยาขมยากลำบากจะกล้ำกลืนฝืนทน พจน์ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกแปลกพิกลนี้อย่างไรดี อาจเป็นเพราะไม่เคยนึกว่ามันมีคนที่ชอบมาก่อนนั่นเอง เด็กหนุ่มทั้งสองนั่งเงียบไม่พูดจา ปล่อยความคิดผ่านเสียงเพลงลูกทุ่งหมอลำจนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทาง

“คืนนี้มึงนอนบ้านกูก็ได้นะ” พจน์หลุดปากชวนทันทีเมื่อก้าวลงจากรถโดยสาร ไอ้ปาล์มช้อนสายตามองพจน์ ริมฝีปากเม้มแน่น “กูมีเรื่องให้มึงช่วยอ่ะ เอ่อ จะให้ช่วยแปลโคลงสี่สุภาพของไอ้กันไง”

“มึง...” ไอ้ปาล์มหันมองกลุ่มนักข่าวหน้าประตูรั้วชั่วครู่ “มึงแปลไม่ได้หรือวะ”

“เฮ้ย ได้ๆ แต่กูติดคำบางคำ อยากลองถามความเห็นมึงดู” พจน์หัวเราะกลบเกลื่อน ต่อมาก็มีเสียง อืม แผ่วเบาจากปากคนมาส่ง ไม่รู้เหตุผลกลใดดลใจให้พจน์ชวนมันอยู่ แต่ค่ำคืนนี้พจน์คิดถึงเรื่องราวเก่าๆระหว่างกัน ก่อนพจน์จะพยายามทำใจยอมรับให้ได้ว่า วันหนึ่งไอ้ปาล์มคงต้องไปทำหน้าที่อื่นที่ไม่ใช่ตรงนี้กับตนเอง

พวกเขาฝ่าแนวฝูงชนนักข่าวเข้าประตูรั้วได้อย่างลำบากยากเข็ญ เนื่องจากส่วนหนึ่งพยายามเล็ดลอดแทรกตามเข้ามาด้วย ลุงชม คนสวนประจำ เรือนเทพวิมาน ในวัยห้าสิบกว่าทำหน้าที่เปลี่ยนเป็นยามรักษาความปลอดภัยชั่วคราว ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ศีรษะล้านมีผมประปรายบ่งบอกถึงอัธยาศัยดี แกเป็นสามีของป้าแจ่มแม่ครัวฝีมือเยี่ยมนั่นเอง

“ลำบากหน่อยนะครับ ลุงชม” พจน์ทักทาย แต่สีหน้าแก่ชรายังคงกระปรี้กระเปร่า แสงไฟเหนือซุ้มประตูส่องสว่างขับไล่ความมืดแต่ไม่ได้ผลกับนักข่าวด้านนอกสักนิด

“เชิญขึ้นเรือนเถอะครับคุณหนู” ตาชมรับไหว้เด็กหนุ่มทั้งสอง “คุณท่านกำลังรอรับประทานอาหารเย็นอยู่พอดี”

ลุงชมทำการล็อกประตู แต่ไม่อาจสกัดกั้นเสียงตะโกนร้องหาศาสตราจารย์วิชัยได้ พจน์และไอ้ปาล์มเดินตามคนสวน อับจนหนทางเพื่อจัดการความวุ่นวายนอกประตูรั้ว

ณ หอมุขกลาง ป้าแจ่มและพี่ส้มกำลังเรียงอาหารคาวหวานส่งกลิ่นยั่วยวนจนท้องของพจน์ร้องครวญคราง คุณปู่ และอาชาญณรงค์ กำลังเดินออกจากห้องมาสบทบกับชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งนั่งรออยู่เบื้องหน้าอาหารหลากหลาย พจน์และไอ้ปาล์มยกมือไหว้อาธนพล และพี่สุนิสา แฟนสาวของอาพล น้องชายของคุณพ่อ ธนพลเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ วัยเบญจเพศ ใบหน้าหล่อเหลา จมูกโด่ง ตาเข้ม คิ้วหนา เค้าโครงเดียวกับศาสตราจารย์วิชัย แตกต่างจากพ่อของพจน์ซึ่งดูละม้ายคล้ายคุณย่ามากกว่า คือมีดวงตากลมโต ขนตาหนา ริมฝีปากบาง และกรรมพันธุ์ส่วนนี้ถูกถ่ายทอดจากภพดนัยมาสู่ตนเองเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกับดาว ลึกๆแล้วพจน์อยากองอาจหน้าคมเข้มเหมือนคุณปู่มากกว่า ส่วนพี่สุนิสา เป็นหญิงสาวงามหยดย้อย ผิวขาวผ่อง หน้าตาดี รอยยิ้มมักปรากฏอยู่บนใบหน้าราวกับนางฟ้าอยู่เสมอ อีกทั้งยังใจดีชอบซื้อของมาฝากพจน์กับดาวเป็นประจำ

ศาสตราจารย์วิชัยรับไหว้ลูกหลานแล้วหย่อนกายลงบนฟูกรองนั่ง สำรับกับข้าวมื้อเย็นมีจัดเพิ่มเติมให้ไอ้ปาล์มอีกหนึ่งที่ แต่ไม่มีวี่แววว่าภพดนัยและดาราจะมาร่วมรับประทานอาหารด้วย

“อ้าว นี่เพื่อนตาพจน์ไม่ใช่หรือ มองไม่ใคร่เห็น สายตาฝ้าฟางเต็มที” ศาสตราจารย์วิชัยร้องทักขยับแว่นขึ้นสวมใส่ ไอ้ปาล์มฉีกยิ้มกว้าง กลายเป็นภาพพบเห็นได้ยากยิ่ง มันพนมมือไหว้คุณปู่อีกรอบแล้วตอบรับท่าทีสุภาพ

“ผมชวนเพื่อนมาทำงานน่ะครับ คุณปู่ คืนนี้คงต้องค้างที่นี่” พจน์อธิบาย ศาสตราจารย์พยักหน้าเข้าใจ รอยยิ้มชั่วคราวเลือนหาย อาการตึงเครียดปรากฏให้เห็นเด่นชัด ท่านชวนอาธนพลและพี่สุนิสาสนทนาเรื่องการงาน  ระหว่างนั้นภพดนัยกับดาราจึงตามมาสมทบ แจ้งว่ามีเรื่องติดพันอยู่สถานีข่าวเลยทำให้ล่าช้า เพราะมีเหตุด่วนเรื่องรถแก๊สระเบิดกลางสะพานพระรามแปด จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย นอกจากนั้นยังส่งผลให้โครงสร้างหลักของสะพานเสียหายด้วย คงต้องปิดใช้สัญจรอย่างไม่มีกำหนด หลังจากขอโทษผู้เป็นบิดาแล้วจึงร่วมรับประทานอาหารโดยพร้อมเพรียงกัน

“พี่ปาล์มจะมาค้างด้วยหรือคะ” ดาวกระซิบถามพจน์ เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบ

“ดีจังค่ะ ดาวชอบพี่ปาล์ม ส่วนคนอื่น ดาวว่าไม่เหมาะกับพี่พจน์” ขมวดคิ้วเป็นเครื่องหมายคำถาม แต่น้องสาวไร้การอธิบายเพิ่มเติม ได้แต่ส่งยิ้มกว้างให้เพื่อนสนิทพี่ชาย

“เสียงดังของนักข่าวรบกวนผู้คนละแวกบ้านพอสมควรนะครับ ผมได้รับคำขอร้องมาจากเพื่อนบ้านของเราให้หาหนทางจัดการ” ภพดนัยรายงานสถานการณ์ให้ศาสตราจารย์วิชัยทราบ

“พ่อคิดว่าจะเดินทางออกต่างจังหวัดสักสองสามวัน” ศาสตราจารย์วิชัยวางช้อนส้อมแล้วดื่มน้ำ พจน์เหลียวมองทุกคนแต่กลับได้รับความเงียบ “แกเห็นว่ายังไงละ พ่อดนัย”

“เอ่อ...น่าจะเป็นวิธีที่ดีนะครับ นอกจากจะทำให้นักข่าวกลับไปแล้ว คุณพ่อยังสามารถพักผ่อนหย่อนใจได้อีกด้วย” ภพดนัยพยักหน้างึกงักเห็นด้วย มองสบตาน้องชาย แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีสนใจ

“ผมว่าถ้าเราหนีปัญหา สุดท้ายปัญหาก็ยังรอเราอยู่” ธนพลตอบสีหน้านิ่ง รอยยิ้มของพี่สุนิสาเริ่มจืดจาง “ทำไมคุณพ่อถึงไม่ยอมให้นักข่าวสัมภาษณ์ละครับ”

บรรยากาศตึงเครียดกดดันให้ทุกคนอิ่มจากการรับประทานอาหารทันควัน ศาสตราจารย์วิชัยเหลียวมองลูกชายคนเล็กอยู่ชั่วขณะ

“เอาเป็นว่าวันเสาร์อาทิตย์นี้เราไปเที่ยวอยุธยากันดีไหมครับ ผมเพิ่งได้โปรแกรมทดลองขับรถเที่ยวจากเพื่อนที่ทำบริษัททัวร์มา เค้าอยากให้ลองสำรวจว่าสามารถเที่ยวได้จริงไหม อีกอย่างค่าใช้จ่ายทางบริษัทเพื่อนผมจะเป็นคนออกเองทั้งหมด และพี่รู้ว่าแกว่างนะ ตาพล พี่อยากให้แกไปด้วย” ภพดนัยพูดรวดเดียวจบ พร้อมกำชับกำชาน้องชายให้เห็นด้วยกับตน “คุณชาญณรงค์ไปด้วยกันนะครับ น้องปาล์มด้วยนะ”

ชาญณรงค์พยักหน้าสีแดงตอบรับ ไอ้ปาล์มยิ้มรับคำเช่นกัน ถ้าสาเหตุที่คุณปู่ไม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเพราะเห็นว่าเรื่องราวครบสมบูรณ์ในคำแถลงการณ์อยู่แล้วนั้นเป็นคำตอบของท่าน พจน์คิดว่าไม่ใช่ทั้งหมดเสียทีเดียว อย่างน้อยการให้สัมภาษณ์ตอกย้ำอีกครั้งนับเป็นสิ่งดี เสมือนน้ำหยดลงบนหินสักวันหินย่อมกร่อน รวมถึงจิตใจคนเราด้วย

หยดน้ำจากการเช็ดผมของไอ้ปาล์มกระเซ็นมาโดนพจน์จนเขาต้องจ้องถลึงตาใส่มัน ไอ้คนเปลือยครึ่งท่อนอวดโชว์มัดกล้ามอกและหน้าท้องหกแพคไม่มีทีท่าจะเกรงกลัวสายตาเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อย ยังคงทำหน้านิ่งแต่เบื้องลึกนั้นอารมณ์ดีผิดหูผิดตา
 
“มึงชวนกูนอนค้างคืนนี้ ทำให้กูคิดถึงวันเก่าๆสมัย ป. ๖ ตอนมึงไม่ยอมให้พวกกูหนีไปเที่ยวทะเลเพราะพ่อมึงห้าม สุดท้ายมึงก็อ้อนพวกกูให้มาค้างที่บ้านมึงแทน”

“กูไม่ได้อ้อนเหอะ พวกแมร่งรู้ดีแก่ใจว่าพ่อกูไม่ชอบให้ไปเที่ยวทะเล แล้วยังจะหนีกูไปกันอีก” พจน์แกล้งสบัดหน้าหนี ไอ้ปาล์มหัวเราะลงคอ มันย้ายมานั่งบนเตียงขนาดสองคนนอนด้านข้างพจน์ เขากำลังขัดเกลาเนื้อความซึ่งถอดมาจากโคลงสี่สุภาพสองบทต้องห้ามเพื่อให้มันช่วยดู
 
“ในบรรดาทั้งเก้าคนที่มึงมีสิทธิ์เลือกให้นอนห้องเดียวกับมึงในคืนนั้นน่ะ ทำไมต้องเป็นกูวะ” ไอ้ปาล์มเลิกเช็ดตัว ผมชี้โด่เด่ไม่เป็นทรงของมันทำให้พจน์อดขำไม่ได้

“มึงเป็นคนเงียบๆ กูกลัวว่ามึงจะพูดแข่งกับไอ้พวกนั้นไม่ทันว่ะ” พจน์หัวเราะ “อีกอย่าง กูอยากนอนมากกว่าจะฟังพวกแมร่งเพ้อเรื่องไร้สาระ”

“แต่มันทำให้กูรู้คำตอบบางอย่างว่ะ” ไอ้ปาล์มเลิกคิ้วขึ้น “คำตอบที่ทำให้กูเฝ้าคิดถึงคืนนั้นจนถึงคืนนี้”

“อะไรวะ” พจน์เงยหน้าตั้งใจฟัง

“คำตอบที่ว่า...กูเจอดวงอาทิตย์ของกูแล้ว”


100%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2019 19:15:18 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
อยากเจอมาตะอีกจัง...
พจน์คือคนที่ปาล์มชอบใช่ไหมอ่ะ

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
พจน์เสน่ห์แรงนะครับ

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ ๘


ไฟราคะ

   

ดวงอาทิตย์

คำเพียงคำเดียวแต่มีพลานุภาพมหาศาล สติสัมปชัญญะของพจน์เสมือนหลุดลอยออกจากร่าง แผ่นกระดาษถอดความโคลงสี่สุภาพสั่นสะท้าน จวบจนกระทั่งวินาทีแห่งความจริงแท้มาถึง เด็กหนุ่มยากทำใจยอมรับความเป็นไปได้อย่างลำบากล้นเหลือ ความรู้สึกนี้คือสิ่งใด ความรู้สึกเจ็บจนอยากร่ำไห้ ทั้งที่ตนตั้งปณิธานมั่นดังหินผาจะพยายามยืนอยู่เคียงข้างเพื่อนสนิทให้ได้ แต่เพียงแค่ไอ้ปาล์มเอ่ยย้ำอีกครั้ง กลับฉุดกระชากจิตใจเบื้องสูงสุดให้ทรุดลงต่ำสู่พื้นพสุธา
 
สายเกินไปแล้ว
 
ตลอดเวลาพจน์พยายามหาข้ออ้างของตนในการทำสิ่งพิเศษให้ไอ้ปาล์มเหนือกว่าพวกเพื่อนในกลุ่ม รวมถึงการที่มันปฏิบัติกับพจน์แตกต่างจากคนอื่น อาจเป็นเพราะเด็กหนุ่มสองคนไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง แต่บัดนี้พจน์รู้ว่าส่วนหนึ่งในใจมีไอ้ปาล์มแทรกซึมเข้ามาทีละนิดละน้อย ทั้งด้วยการกระทำและจิตใจอันดีงาม พจน์รู้สึกดีกับการอยู่ใกล้คนคนนี้ ไม่เคยคิดว่านั่นคือ ความชอบ ไม่เคยรู้ใจตัวเองจนมันบอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ตนถึงได้รู้ว่าทุกช่วงเวลาที่มีมันในชีวิตคือความสุขอย่างสุดแสนยินดี

เด็กหนุ่มตาชั้นเดียวก้มมองเพื่อนสนิทนั่งนิ่งเงียบอยู่นาน

“มึง...ร้องไห้เหรอวะ” ปาล์มถามเสียงตกใจ พจน์จึงได้สติและรับรู้ถึงหยาดน้ำไหลจากสองจักษุสู่แก้มนวลเชื่องช้า เขารีบเช็ดด้วยหลังมืออย่างเร่งร้อน

“เปล่าๆ กูแสบตาน่ะ” พยายามปรับไม่ให้เสียงสั่น

“มึงลองช่วยดูให้กูหน่อย” พจน์จับแผ่นกระดาษแปลความใส่มืออีกคน แล้วพลิกตัวล้มลงนอนตะแคงข้าง หันหลังให้เพื่อนสนิทโดยเว้นที่ว่างให้คนมาพัก

“มึงไม่สบายหรือเปล่า ไอ้พจน์ หรือว่ากูทำอะไรผิดอีก” ไอ้ปาล์มยังคงถามห่วงใยตามนิสัยคนดีของมัน
 
“กู...กูง่วงแล้วว่ะ นอนกันเหอะ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยดู” พจน์เปลี่ยนใจ เสียงความเงียบของไอ้ปาล์มดังชัดเจนถึงพจน์แต่ก็ทำตามคำบอก เดินไปปิดไฟกลางห้อง เหลือเพียงดวงสีส้มสองข้างเตียง ที่นอนด้านข้างยุบยวบ พจน์รีบเช็ดน้ำตา

“ถ้ามึงไม่สบายจริงๆ รีบบอกกูนะเว้ย” ไอ้ปาล์มกระซิบบอก พจน์ยังคงนอนหันหลังหลบหน้าซุกกับหมอน

“อืม ขอบใจมึงมากนะ”

ความรู้สึกปวดหัวเข้าเล่นงานพจน์จนความคิดสับสน หมดสิ้นหนทางออกกับปัญหาหัวใจ พยายามนึกหาวิธีช่วยเหลือคุณปู่ ตนปรึกษาหารือกับน้องสาวแล้ว ตกลงกันว่าจะพยายามกระจายข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ให้มากที่สุด ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะหลักฐานสำคัญ แต่ความคิดเรื่องคนรักของไอ้ปาล์มกลับแทรกหวนคืน จนอยากหลับสู่นิทราโดยเร็ว และขอตื่นในวันรุ่งพรุ่งนี้เพื่อพบว่า ดวงอาทิตย์ของเพื่อนเปรมณัฐเป็นเรื่องราวความฝันเท่านั้น

ลมหนาวพัดวูบใส่ร่างของพจน์ราวกับสายธาราโหมสาดซัด เด็กชายสะดุ้งลืมตาตื่นฉับพลัน เบื้องหน้าตนเปลี่ยนจากห้องนอนเรือนทรงไทยเป็นพระที่นั่งปราสาทไม้สักทอง ฐานก่ออิฐฉาบปูนทาสีขาว มุงกระเบื้องดีบุก องค์ใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว ดวงจันทร์ใกล้วันเพ็ญลอยอยู่เบื้องหลังยอดมณฑปปลายแหลม ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ แลบาลีส่องประกายสีทองอร่ามระยับ แสงไฟทอลอดผ่านม่านอุบะดอกรักระย้าย้อยกลางบานหน้าต่างทรงสูงเรียงรายรอบองค์ปราสาท มีขั้นบันไดทอดลงมาจากกึ่งกลางพระที่นั่งแบ่งเป็นทางขึ้นลงทั้งสองข้าง

พจน์ยืนอยู่ปลายขั้นบันไดด้านหนึ่ง โดยรอบตกแต่งภูมิทัศน์ด้วยไม้ดัดประดับเป็นรูปทรงแปลกตา องค์ปราสาทล้อมรอบด้วยระเบียงคด แสงวับแวมของคบไฟจากทหารเวรยามเคลื่อนผ่านช่องลูกมะหวดระหว่างระเบียงคดจากภายนอก เสียงหริ่งหรีดเรไรดังแว่ว พร้อมเสียงดนตรีประเภทดีดสีตีเป่าดังลอยเลื่อนมาจากองค์พระที่นั่ง
 
พจน์ไม่แปลกใจมากเท่าครั้งก่อน ตนได้มาเยือนสถานที่ภพภูมิหนึ่งอีกครา ทุกครั้งที่ตนมาสู่สภาพแวดล้อมต่างถิ่นโดยเร็วดั่งนี้ บุคคลแรกที่พจน์เจอก็คือ เจ้ามาตะ บุรุษหนุ่มร่างหนานามเจ้าของชื่อในชุดนุ่งผ้าสีน้ำเงินเครื่องประดับทองปรากฏกายขึ้น แลกำลังก้าวเดินลงจากขั้นบันไดของมหาปราสาทมาสู่บริเวณ ณ พจน์ยืนนิ่งอยู่
 
วินาทีสบตาของเด็กหนุ่มทั้งคู่ เบื้องลึกในใจอันบอบช้ำของพจน์บังเกิดความรู้สึกอุ่นวาบ เหมือนได้รับยาดีสมานบาดแผล เจ้ามาตะแสดงสีหน้าเคร่งขรึมผิดปกติ รีบเร่งก้าวเท้าลงโดยเร็ว คิ้วขมวดแน่นส่งผลให้หยดน้ำสีทองกึ่งกลางหน้าผากเปลี่ยนเป็นขีดยาว มันตรงเข้าหาพจน์แล้วออกแรงผลักให้คนร่างบางกว่าถอยเข้าซอกมุมขององค์พระที่นั่งโดยเร็ว

และสิ่งไม่คาดฝันจึงบังเกิดขึ้นก่อนพจน์จะตั้งสติได้  ริมฝีปากของคนตัวหนาจู่โจมประกบปากพจน์ทันที อาการตกใจทำให้พจน์กดปิดริมฝีปากแน่น แต่นั่นเหมือนยิ่งตอกย้ำให้มาตะก่อเกิดอารมณ์คุกรุ่นขัดเคืองใจเป็นทวีคูณ เลื่อนมือจับคางพจน์แล้วบีบเบามือพยายามเปิดปาก มืออีกข้างลูบไล้ด้านข้างลำตัวเปลือยเปล่าขึ้นลงอย่างทะนุถนอม เพียงสัมผัสปากต่อปาก พร้อมมืออุ่นหนาหยาบกร้านอย่างคนจับอาวุธเป็นประจำกระตุ้นผิวบางของตน อารมณ์เบื้องลึกของเด็กหนุ่มจึงถูกปลุกติดราวกับเพลิงไฟเจอหยดน้ำมัน
 
พจน์อ้าปากพยายามหายใจพาอากาศเข้าปอด เป็นจังหวะให้เจ้ามาตะสอดลิ้นร้อนช้อนชิวหาของคนในอ้อมกอดราวกับกระหายใคร่ทักทาย ความรู้สึกแผดเผาทำลายความรู้สึกผิดชอบชั่วดี อารมณ์วัยหนุ่มกำดัดเมื่อถูกปลุกขึ้นทำให้พจน์ไม่อาจหักห้ามสิ่งใดไว้ได้เลย เจ้ามาตะไม่เพียงรุกล้ำจูบพจน์ราวกับจะดูดกลืนตนอย่างกระหายนั้น แต่ทำให้ส่วนกึ่งกลางของลำตัวท่อนล่างนูนแน่นแทบระเบิดเช่นเดียวกับหัวใจเต้นระรัวเร็ว
 
ลมหายใจร้อนของคนทั้งคู่สัมผัสกระทบผิวหน้ากระตุ้นความดิบเถื่อนเป็นอย่างดี มือเงอะงะของพจน์ถูกอีกฝ่ายรวบไว้คล้องลำคอเพื่อพยุงร่างตน เจ้ามาตะถอนจูบมองสบตาพจน์ที่หายใจหอบถี่กระชั้น แล้วจู่โจมเข้าประกบรุนแรงดุจคราแรก ปรับเปลี่ยนมุม ควานหาลิ้นร้อนตามแต่ใจของคนรุกราน พจน์เริ่มสนองตอบกลับบ้างเมื่อไม่อยากย้อมแพ้ให้อีกฝ่ายรุกตนแต่ฝ่ายเดียว หัวใจเต้นเร็วแรงยิ่งกว่าตอนแข่งฟุตบอลนัดสำคัญ
 
ซอกมุมมหาปราสาท ณ บริเวณนั้นเป็นจุดอับแสง แลอับสายตาในคราเดียวจึงไม่เป็นที่สังเกตุของมหาดเล็กรักษาพระองค์ผู้เฝ้ายามเดินผ่าน มาตะพยายามคุมสติ ระงับความรู้สึกเบื้องลึก หักห้ามใจค่อยๆถอนจุมพิตออกอย่างยากลำบาก พจน์หายใจหอบมองสบตาอีกฝ่ายซึ่งฉ่ำเยิ้มทอประกายวิบวับ เพิ่งรู้สึกว่าตัวสั่นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ฝ่ามือร้อนของเจ้ามาตะยังดึงรั้งพจน์ไว้ในอ้อมแขนล่ำหนาต่างสั่นสะท้านไม่แพ้กัน สติอันเลือนรางของพจน์เริ่มกลับคืน จำต้องละสายตาอันดึงดูดนั้นแล้วก้มลงมองพื้น
 
เสียงดนตรีไพเราะประกอบจังหวะรื่นรมย์กลมกลืนกับบรรยากาศล้อมรอบเด็กหนุ่มทั้งสอง
 
“ข้าคิดถึงคนึงหาเจ้าหรือประมาณ ภัทรพจน์” มาตะกระซิบกกหูของพจน์เสียงกระเซ่า หอบหายใจแรง สีหน้าแลแววตาบ่งบอกตามคำพูด ก้มมองริมฝีปากพจน์สลับกับดวงตาสวยดูหักห้ามใจยากลำบาก

“มึง เอ่อ นายสบายดีนะ” พจน์ทักทายอย่างเก้อเขิน หลังจากการกระทำคุกรุ่นรุนแรงเมื่อแรกเจอ

“ไม่ ข้าหาได้สุขสบายแม้ชั่วยามเดียว เมื่อเจ้าเลือนหายต่อหน้าต่อตาข้าเฉกเช่นนั้น” มาตะลูบไล้ใบหน้าพจน์ กระซิบเสียงสั่นเบา “ข้าปริวิตกว่าจักไม่มีวันได้พบเจอเจ้าอีก นั่นทำให้ดวงใจของข้าแทบสลาย”

“เราอยู่ตรงนี้แล้วไง” พจน์หัวเราะเบาๆ หายใจแรงราวกับเหตุการณ์แลกจูบเมื่อครู่ได้หยุดกระบวนการแลกเปลี่ยนออกซิเจนไปเสียแล้ว

“เกิดเหตุเภทภัยอันใดกับเจ้า ฤา” มาตะกระชับร่างพจน์โอบกอดเข้าหาตัว พจน์เกยคางบนไหล่หนา รับรู้จังหวะเต้นเร็วแรงของหัวใจคนตั้งคำถาม “ข้านี้แทบไม่เป็นอันกินอันนอน เดือดเนื้อร้อนใจเหลือประมาณ”

“ไม่มีอะไรหรอก เราอยู่ตรงนี้แล้วไง” พจน์ตอบเสียงอู้อี้ เข้าใจความห่วงใยของอีกฝ่าย

“ภัทรพจน์ เจ้ารู้ ฤา ไม่” มาตะถอนกอดแล้วจ้องหน้าพจน์นิ่ง สัมผัสผิวกายร้อนของมันทำเอาพจน์รุ่มร้อนไม่ต่างกัน “ถ้าหากนี้มิใช่ความฝัน และตัวตนของเจ้าคือ จริงแท้ ข้า มาตะ ขอมอบดวงใจทั้งดวงแทบเท้าเจ้า”

หากประสาทการได้ยินของพจน์ไม่สูญสิ้นเพราะจูบแรกก่อนหน้านี้ และเขาตีความได้ถูกต้อง หมายความว่าเจ้ามาตะกำลังสารภาพรักกับตนอย่างนั้นหรือ หัวใจอีกดวงของพจน์เต้นระส่ำ ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเครียดรอคำตอบ

“เพียงแค่แรกพบสบตา ข้ารับรู้ใจตนเองว่ามิอาจเปลี่ยนไปรับรักผู้ใดได้อีก เจ้าทำให้ข้ารู้สึกพิศวง ทำให้ข้าสุขสม ขำขัน แลประสงค์ปกป้องคุ้มครองเจ้า” มันจูบหลังมือพจน์แผ่วเบา “วินาทีที่เจ้าเลือนหายจากข้า นั่นทำให้ข้ารู้ใจตนเอง ไม่มีเพลาใดที่ข้าเจ็บปวดรวดร้าวปานนั้นเมื่อเจ้าลาจาก ถ้าเจ้ารู้สึกเช่นเดียวกับข้า โปรดเอ่ยคำให้ไอ้มาตะนี้ชื่นใจเถิดหนา”

หัวใจเต้นระรัวเร็วของพจน์ยืนยันหนักแน่นถึงคำตอบ ภาพไอ้ปาล์มยื่นสมุดการบ้านให้คัดลอกในตอนเช้าก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ บรรยากาศหลังเรียนที่ไอ้หน้าตี๋คอยรอกลับบ้านพร้อมพจน์หลังซ้อมฟุตบอล ไอ้ปาล์มเซอร์ไพรส์ของขวัญวันเกิดพจน์เป็นอัลบั้มรูปถ่ายตั้งแต่สมัยเด็ก บัดนี้ถูกลบเลือนจางหาย พจน์เห็นเพียงใบหน้าเว้าวอนรอคอยคำตอบของเจ้ามาตะ
 
“เจ้าร่ำไห้เหตุเพราะเสียใจ ฤา ยินดี” มาตะใช้นิ้วโป้เกลี่ยรอยน้ำตาทั้งสองข้าง “หากข้าบังคับจิตใจเจ้ากระทำข่มเหงล่วงเกินโดยเจ้าหามีใจให้ข้าไม่แล้ว ข้าขอสมาโทษ แลยินดีให้เจ้าประทุษร้ายข้าได้ดังใจ”

เจ้ามาตะเห็นพจน์นิ่งเงียบดังนั้น สีหน้าเจ็บปวดเหลือทานทนผุดวาบทั่วใบหน้า แววตาไหวระริก คิดเอาว่านั่นคือคำปฏิเสธความรู้สึกตน รีบชักดาบทองคู่กายออกแล้วยื่นด้ามใส่มือพจน์ซึ่งรับถือไว้อย่างมึนงง มาตะคุกเข่าลงแทบเท้าพจน์ กำมือแน่นนิ่งข้างกาย มองตรงแน่วบนฐานก่ออิฐถือปูนของพระที่นั่ง
 
“โปรดสังหารข้าเถิด ข้าได้กระทำการอุกอาจหักหาญน้ำใจเจ้า ทั้งที่เจ้าหาได้มีใจให้ข้าไม่ เป็นความผิดเกินกว่าให้อภัย ข้ายอมสิ้นชีพเสียดีกว่ามีชีวิตอยู่ต่อโดยไร้เงาเจ้าเคียงข้างกาย”

ภัทรพจน์ถือดาบหนักนิ่งขึงสั่นสะท้านเพราะการกระทำของคนทั้งคู่ เขายังไม่ได้ให้คำตอบแม้เพียงนิด แต่เจ้าคนตรงหน้ารีบด่วนสรุปรวดเร็วจนทำให้พจน์รู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่นความรู้สึก และหยามน้ำใจเบื้องลึกของตน มันควรรอคำตอบไม่ใช่ตีตนไปก่อนไข้เช่นนี้ เขาโยนดาบกระทบพื้นเสียงดังสะท้าน แล้วเดินหนีออกจากซอกมุมนั้นหมายหนทางสู่ประตูซุ้มเรือนยอดแหลมของระเบียงคด หมายใจจะให้ตนตอบคำถามทั้งที่เกิดเหตุการณ์มากมายดั่งนี้นั้นช่างยากลำบากเกินคณานับ เขาต้องการเวลา
 
เด็กหนุ่มร่างบางจ้ำเดินผ่านทางชนวนปูอิฐแดงรวดเร็ว เสียงฝีเท้าตามติดแล้วจึงถูกแรงกระชากข้อมือดึงบังคับพจน์ให้หันเผชิญหน้ากับไอ้คนขโมยจูบแรก

“โปรดอย่าโกรธเคืองมาตะคนซื่อเถิดหนา ข้าผิดเอง คิดเองเออเองมิถามเจ้าให้กระจ่างชัด” พจน์พยายามขัดขืนแต่เปล่าประโยชน์แม้นส่วนสูงและขนาดตัวไม่ได้ต่างกันมาก แต่อีกฝ่ายกลับมีกำลังกายเหนือกว่า

“แต่ข้าจำต้องขอโทษที่บังอาจล่วงเกิน เพราะเบื้องลึกข้ามิอาจหักห้ามใจไว้ได้ เจ้าจงให้อภัยข้าในส่วนนี้ แต่คำตอบที่ข้าถามก่อนหน้าโปรดพินิจตรึกตรองด้วยเถิด ใจเจ้ามาตะนี้อยากรู้สุดพรรรณา”

พจน์รู้คำตอบของตนอยู่แล้ว แต่ที่ไม่แน่ใจคือ ความรู้สึกนี้ไม่ใช่เพราะเกิดความเสียใจจากไอ้ปาล์มหรือต้องการคนปลอบโยน ต้องการเพื่อนแก้เหงา แก้ความรู้สึกเท่านั้น นี่คือความยุ่งยากเกินเอื้อนเอ่ย เพียงคำนึกถึงไอ้เพื่อนสนิท จิตใจปวดร้าวแทบปริแตกเปิดแผลออกอีกครั้งจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ มันจะไม่ได้อยู่เคียงข้างพจน์อีกนับจากนี้ ที่ตรงข้างมันจะมีคนอื่นมาทดแทน คนคนนั้นจะดูแลไอ้ปาล์มเหมือนที่ตนทำหรือเปล่า จะชวนมันไปกินข้าวตอนกลางวัน และบังคับให้กินข้าวตรงเวลาหรือไม่
 
มาตะดึงแขนพจน์เข้าสู่เงาใต้ระเบียงคดหลบหลีกนางข้าหลวงกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังเดินลงมาจากองค์พระที่นั่ง พจน์กลับคืนสู่โหมดเหม่อลอยอีกครา น้ำตาคลอเบ้า อารมณ์เสียใจมากประมาณถาโถมคืนกลับเหมือนคลื่นทะเล

“ถ้าเจ้าต้องใช้เพลาคิด ข้าคงจำต้องอดทนรอ จะมิคาดคั้นเจ้าเป็นเด็ด...”

พจน์ประกบปากตนกับคนพูดมาก ไม่เพียงอยากให้มันหยุดเท่านั้น แต่ ณ เวลานี้ คำตอบของคำถามคือการกระทำของพจน์นี่เอง เจ้ามาตะตกอยู่ในอาการเดียวกับพจน์เมื่อแรกจูบ ก่อนปรับสติตอบสนองพจน์กลับคืนรวดเร็วอย่างชำนิชานาญ สัมผัสแผดร้อนเล่นงานเด็กหนุ่มทั้งคู่อีกครั้ง แลครานี้เพลิงไฟราคะได้ลุกโหมอย่างมิอาจหยุดยั้งได้ เสียงจูบโต้ตอบกระตุ้นแรงสัมผัสผิวกายของอีกฝ่าย เจ้ามาตะดันพจน์เข้าชิดผนังแล้วใช้เข่าแยกขาพจน์ออก มันชิดส่วนนูนแน่นกึ่งกลางท่อนล่างให้ใกล้กับท่อนร่างร้อนของพจน์จนสติของตนเกือบหลุดออกจากร่าง ส่วนเสียดสีร้อนดั่งเพลิงไฟ หน้าขาเปลือยเปล่าโผล่พ้นจากผ้านุ่งปล่อยชายขยับชนกันจนสั่นสะท้าน พจน์ถอยจูบเพื่อรับอากาศ หอบหายใจหนักยิ่งกว่าเดิม
 
“ข้ามิอาจฝืนทนแม้ชั่วเพลาเดียว โปรดตอบข้าให้ชื่นใจด้วยเถิดเจ้า คำตอบนั้นคือสิ่งใด” มาตะกระซิบเสียงเบา

พจน์ค่อยๆลืมตา เขามั่นใจด้วยเหตุผลทั้งจักรวาล ว่าสิ่งที่ตนตอบนี้ไม่ใช่เพราะอารมณ์นำพาหรือเพราะความเศร้าเสียใจจากไอ้ปาล์มเป็นเด็ดขาด
 
“เราจูบนาย มันยังไม่ใช่คำตอบอีกหรือ”

เพียงเท่านั้นเจ้ามาตะจึงกระหน่ำจูบพจน์คืนอย่างไม่รู้จักพอ
 
“เจ้ามอบกายให้ข้าเถิด ภัทรพจน์ มาตะคนนี้ยากจะอดกลั้นทานทนไหว” มาตะถอนริมฝีปากห่างเพียงนิดกระซิบถาม พจน์รู้ว่าคำขอร้องนั้นคือสิ่งใด แต่ไม่คิดว่าความรู้สึกและการกระทำทั้งมวลจะดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ ถ้าตอบปฏิเสธนั่นคงทำร้ายเจ้ามาตะสุดแสนทรมานเพราะพจน์รับรู้ส่วนร้อนเบื้องล่างกระจ่างชัด มิต่างจากตนเองเช่นกัน
 
“ให้ข้าได้มั่นใจเถิด กายแลใจของเจ้า ขอจงเป็นของมาตะเพียงผู้เดียว หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นเราต่างผูกเชื่อมสัมพันธ์แน่นแฟ้น แลสิ่งนั้นจะพรากเราห่างกันมิได้อีก”


50%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2019 19:19:19 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
มาตะนางมาแรง แรงแซงหน้าทุกคนนนนนนนน ชนะค่ะ
5555555555555555 แอบสงสารพจน์นางดูสับสน

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
มาตะรุกอย่างแรง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
มาตะคะใจเย็นๆค่ะใจเย็นๆ...

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ขุ่นพี่!!! ใจร่มๆเน้อขุ่นพี่มาตะ น้องพจน์ร้อนรุ่มไปหมดแล้ว แอร๊ยยยยยยยยยย  :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
สนุกมากๆ น่าติดตามที่สุดเลยค่ะ

พจน์สับสน เราก็ยิ่งสับสนไปด้วย ไม่รู้จะเชียร์ใครดี555
ทุกคนที่มาชอบพจน์รู้สึกว่ารักและดีกับพจน์เหลือเกิน
แต่มาตะมาแรงเกิน  หรืออดีตกาลเคยมีความสัมพันธ์กันยังไง ลุ้นมากๆค่ะ
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านค่ะ :L2:

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
[ต่อ]


แม้นสิ่งชักนำพจน์สู่พิภพหนึ่งบันดาลส่งบุคคลแรกเจอทุกคราเป็นเจ้ามาตะแล้วไซร้ เบื้องลึกระหว่างจิตใจเด็กหนุ่มทั้งสองต้องมีความข้องเกี่ยวกันด้วยวิถีแห่งปริศนา ร่างกายแลจิตสำนึกอาจผูกสัมพันธ์มาแต่ชาติปางก่อน ด้วยข้อสังเกตทั้งมวลเท่าสติอันเลือนรางของพจน์พอคาดคิดออกนี้ ทำให้ไม่อาจปฏิเสธคำร้องขอมาตะได้ เสี้ยวหนึ่งในใจซึ่งมีไอ้ปาล์มครอบครองอยู่นั้นมีเจ้ามาตะรุกล้ำแย่งชิงโดยที่พจน์เองไม่รู้ตัวแม้เพียงนิด ถึงเจอกันเพียงนับครั้งได้ในฝ่ามือเดียว แต่ความรู้สึกล้ำลึกเข้าอกเข้าใจเหมือนรู้จักคบหามาเนิ่นนานคือคำตอบทุกอย่าง
 
พจน์จ้องแผ่นหลังกว้างหนาของคนเบื้องหน้าซึ่งกำลังลากจูงตนให้เดินตามอย่างครุ่นคิด มาตะพาพจน์ผ่านซุ้มประตูเรือนยอดมณฑปฉาบสีขาวอยู่หลายบานจนกระทั่งถึงเขตแนวกำแพงขาว มีทหารเวรยามจำนวนสี่นายเฝ้าประตูขนาดใหญ่สีแดงอยู่ สายตาทั้งสี่จ้องพจน์ด้วยแววตาแตกต่างกัน ประหนึ่งพบเจอของสำคัญ บ้างมองออกว่าอยากทำทีเข้ามาทักทาย ทุกนายร่างกายกำยำล่ำสันแต่งกายเช่นมาตะแลตน แต่นุ่งผ้าสีแดงเข้ม มีอาวุธทวนประจำกาย ขีดหยดน้ำสีขาวกึ่งกลางหน้าผากสะท้อนเด่นชัดท่ามกลางความมืด แสงคบไฟภายในซุ้มประตูสะท้อนนัยน์ตาที่พจน์อยากก้มหลบมองพื้น

“ข้าหมดสิ้นเวรยามถวายอารักขาพระเจ้าอาทิตยาธรแล้ว บัดนี้จักขอเข้าพักในเรือนนอนสักครู่ หากมีกิจอันใดสำคัญจงเร่งแจ้งข้าโดยพลัน” มาตะออกคำสั่งเสียงเข้มสะกดอารมณ์เบื้องลึกในกายไม่ให้แสดงออกให้เห็นเด่นชัด

“ขอรับ นายกอง” หนึ่งในทหารเฝ้ายามร่างใหญ่ผิวกายเข้ม ไว้หนวดยาวแหลมตอบรับโดยดุษฎี แต่มิวายส่งสายตาวิบวับมองพจน์

“แลบุรุษหนุ่มสำนักภูษาผู้นี้ เหตุใดถึงติดตามท่านมาด้วยได้ขอรับ เพลานี้ควรอยู่ถวายงานตำหนักฝ่ายในวังหน้า เหตุเพราะจำต้องเป็นพนักงานจัดหาส่งฉลองพระองค์ให้พระอัครชายาแลพระสนมทอดพระเนตรในงานพระราชพิธีจองเปรียงลดชุดลอยโคมในราตรีวันรุ่งพรุ่งนี้" ยามอีกคนร้องทัก

“หาใช่กิจธุระของพวกเจ้าไม่ ข้าเหนื่อยแลจำต้องพักบัดเดี๋ยวนี้” มาตะตัดบทเสียงเข้ม ส่งผลให้สีหน้าตื่นตระหนกฉายชัดสู่ทุกผู้คนทันควัน รีบเร่งยกดาลประตูแลเปิดออกโดยพลัน
 
มาตะจูงพจน์ผ่านรวดเร็ว ก้าวเดินย่ำลงบนอิฐทางเดิน หมู่เรือนไม้ขนาดกลางเสาสูงเพียงเมตรตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทาง สลับสับหว่างด้วยไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เรือนไม้แต่ละหลังบ้างปลูกติด บ้างห่างเว้นระยะ มีชานเรือนไว้ต้อนรับแขกพอเป็นพิธี ด้านในเป็นห้องหับสำหรับพักผ่อน แสงไฟส่องวับแวมจากเรือนหลายหลัง แต่อีกจำนวนมากมืดดำสนิท เจ้ามาตะพาพจน์หยุดยืนหน้าเรือนเงามืดหลังหนึ่ง มือข้างที่ว่างค้นหาของสำคัญตรงขอบเข็มขัดทอง แล้วจึงดึงพวงกุญแจโบราณสีเงินออกไขแม่กุญแจ ก้าวข้ามธรณีประตูพร้อมดึงพจน์ให้ทำตามอย่าง มันละพจน์ไว้ตรงปากประตูเพื่อจุดตะเกียงไฟ แสงสว่างค่อยๆฉายชัดให้เห็นห้องนอนขนาดกลางไม่ใหญ่เท่าห้องครั้งก่อนที่พจน์เคยปรากฏกาย ผนังสลักลายมวลดอกไม้สลับหมู่สิงสาราสัตว์  เตียงนอนอยู่กึ่งกลางขนาบด้วยช่องลูกมะหวดมีม่านสีขาวปิดทับอีกชั้นหนึ่ง พื้นกระดานไม้มันเลื่อมเมื่อต้องกระทบแสงไฟ จากนั้นเจ้ามาตะจึงลงลั่นดาลประตู

เด็กหนุ่มล่ำหนาพุ่งเข้าหาพจน์พร้อมมอบจุมพิตดูดดื่ม อารมณ์คุกรุ่นระหว่างเดินทางมาสู่เรือนพักถูกปลุกติดอีกครา
 
“เจ้าหายลับนับสามทิวาราตรี ข้านี้ทุรนทุรายเหน็บหนาว ช่างยืดยาวราวพันปีมิปาน ดวงมาลย์ของมาตะ” เด็กหนุ่มตัวหนาล่ำถอนริมฝีปาก ประคองใบหน้าเฝ้าพินิจพจน์มิรู้หน่าย

“แหละนี่คือสิ่งเจ้าประสงค์โดยจริงแท้ มิเปลี่ยนแปรใจ ใช่ ฤา ไม่ ข้าอยากสดับรับยินคำมั่นอีกสักครา” มาตะถามแววตาสั่นระริกดูหักห้ามจิตใจภายในยากลำบาก

“หากแม้นเจ้าคืนสติบริบูรณ์ แลจักแก้คำปฏิเสธร้องขอยังทันการณ์ ข้านี้ให้สัตย์สาบาน มิรุกรานแตะต้องกายเจ้าเด็ดขาด แลจักให้เจ้าพักผ่อนอยู่ภายใน ส่วนตัวข้านี้จะออกไปเฝ้ายามภายนอก ข้ามิอยากฝืนจิตใจเจ้า แต่จงรู้ไว้เจ้าจะไม่มีวันเลือนหายจากใจข้า โปรดจงพูดอีกคราให้ชื่นอุราเถิด”

ภัทรพจน์เงยหน้าจากพื้นห้องแล้วลืมเปลือกตา ใบหน้าเว้าวอนออดอ้อนสุดทรมานของมาตะแทนคำพูดมากมายของมันก่อนหน้านี้อย่างไม่จำเป็นต้องเอ่ยอ้างใดๆ พจน์ได้เลือกแล้ว ไม่ว่าเหตุการณ์เบื้องหน้าจะเป็นเช่นไร เขาไม่เสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้แน่นอน

“เรายืนยันคำเดิม” พจน์พยักหน้าหนักแน่น
 
ความดีใจสุดแสนปรีดาฉายชัดบนใบหน้าของคนเฝ้ารออีกครั้ง คนร่างหนาดันพจน์เข้าหาเตียงฟูกนอนสีขาว ม่านมุ้งกลมถูกรวบเก็บไว้เหนือหัว บุรุษหนุ่มทั้งสองแนบชิดกายเสียดสีสัมผัสกันและกันให้มากที่สุด เมื่อบัดนี้อยู่ในที่รโหฐานเป็นการส่วนตัว อารมณ์ซึ่งหักห้ามไว้ก่อนหน้าระเบิดออกราวทำนบเขื่อนพังทลาย

พจน์ถอนจูบจากริมฝีปากฝ่ายรุกหนักเพื่อโกยอากาศเข้าสู่ปอด พลางเอนกายลงบนเตียงนอนนุ่ม มาตะเกลี่ยเส้นผมบางเบาพ้นใบหน้าเพื่อให้เห็นดวงตาของคนที่ตนเฝ้าถวิลหาชัดเจน มีสิ่งหนึ่งที่พจน์อยากถามก่อนสติอันแน่วแน่จะกลืนหายพร้อมอารมณ์ตัณหา

“นายแน่ใจใช่ไหม เราสองคนเป็นชายไม่ต่างกัน” พจน์ถามเสียงเบา มาตะดันแขนเหยียดตึงสะกดให้พจน์นอนนิ่ง มองคนในกำแพงแขนอย่างสุดแสนยินดี

“เมื่อหัวใจของคนสองคนตรงกันดั่งนี้ แม้ครองเพศใดก็หาใช่อุปสรรคขวากหนาม” มาตะกระซิบลมร้อนข้างใบหูพจน์ สร้างอาการสั่นสะท้านที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชิวิต “ข้ารักเจ้า คือความสัตย์แท้ เมื่อกายแลใจของเราเป็นของกันแลกัน แม้แต่ทวยเทพก็จักอวยชัยกับรักของเรา”

พจน์ไม่อาจสรรหาคำคัดค้านใดมาต้านทานอารมณ์ปรารถนานี้ได้แล้ว ถ้ามีสิ่งใดเกิดขึ้นก็เพราะนี่คือสิ่งที่ตนต้องการให้บังเกิด ไม่ใช่การบังคับของเจ้ามาตะแม้แต่น้อย
 
มาตะบรรจงจูบลงหลังเปลือกตาพจน์แผ่วเบา เมื่อคนเบื้องล่างลืมตาอีกครั้งเจ้ามาตะกำลังค่อยๆถอดสังวาลเส้นหนาพร้อมผ้าคล้องไหล่สีน้ำเงินออก ร่างท่อนบนเปลือยกำยำเห็นชัดยิ่งกว่าเดิมในมุมนี้ แสงไฟตกกระทบกล้ามเนื้อสร้างอารมณ์ทรมานจิตใจของผู้พบเห็น หยดน้ำสีทองกึ่งกลางหน้าผากของมาตะแจ่มชัดและพจน์พยายามโฟกัสอยู่แค่เพียงสิ่งนั่น เขาไม่รู้จะทำสิ่งใดต่อ ไม่รู้ว่าต้องวางมือไว้ตรงไหน จึงนอนนิ่งให้อีกฝ่ายเป็นผู้นำพา มาตะเอื้อมมือปลดสายสังวาลและผ้าคล้องไหล่สีม่วงของพจน์ออกเช่นกัน เมื่อไร้อาภรณ์และเครื่องประดับเหนือกายท่อนบนทำให้พจน์รู้สึกเปลือยเปล่า จนแม้แต่ดวงตาคมเข้มนั้นสามารถทะลุทะลวงถึงเบื้องลึกในใจได้

มาตะประทับริมฝีปากบนซอกคอขาวของพจน์ นั่นสร้างความกระสันสั่นทั่วสรรพางค์กาย ขนอ่อนบริเวณหลังคอตั้งชันเช่นเดียวกับจุดซ่อนเร้นกึ่งกลางลำตัว  จากนั้นจึงไล่จูบซับมาถึงบริเวณอกแน่น พจน์กำมือหักห้ามอารมณ์ไม่ให้ส่งเสียงน่ารังเกียจ

“ร้องออกมาเถิด อย่าเก็บงำไว้ให้เจ็บปวดเลย” มาตะเงยมองจากมุมแผงอกขาว พจน์ปรือตาฉ่ำหวานแลดูการกระทำ จนกระทั่งเจ้ามาตะกดริมฝีปากครอบเหนือยอดอกนั่นถึงทำให้พจน์ต้องหลุดปลดปล่อยเสียงครวญครางอย่างสุดแสนทรมาน เสียงจาบจ้วงดูดกลืนเม็ดสีเข้มสร้างอาการสั่นสะท้านให้แก่ผู้ถูกกระทำอย่างเหลือล้น เปลี่ยนจากอีกข้างสู่อีกด้านหนึ่ง อาการเหมือนเจ็บปวดแต่สุขสมในคราเดียวกันนี้คือสิ่งใหม่สำหรับพจน์ และเขาไม่คาดคิดว่าจะได้สัมผัสพบเจอ

“ภัทรพจน์ ข้ารักเจ้าเหลือประมาณ เจ้ารักข้า ฤา ไม่” มาตะกระซิบพร้อมลมหายใจร้อน

พจน์พยักหน้ารับ

“โปรดเอื้อนเอ่ยให้ข้าได้ยินสักคราหนึ่งเถิดหนา” มาตะทำเสียงออดอ้อน

“เราก็เหมือนกัน”

เพียงเท่านั้นคนรูปงามจำต้องถอนกายลุกจากตัวพจน์ ซึ่งนอนสั่นเทิ้มอยู่กลางเตียง มาตะปลดผ้านุ่งท่อนร่างออกอย่างรีบเร่ง พจน์มองกิริยาอาการนั้นแล้วให้รู้สึกขวยอายจึงเบือนหน้าหนีอีกทาง เมื่ออาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดจากร่างของหนุ่มผิวขาว เจ้าตัวจึงแนบผิวเนื้อเปลือยเปล่าเข้าหาคนที่ตนปรารถนาจะครอบครองอย่างที่สุด จัดแจงถอดผ้านุ่งห่มของพจน์ออกโดยเร็ว พจน์อยากช่วยแต่มือทั้งสองเงอะงะเกินกว่าจะจัดการได้ทันใจคนเบื้องบน จนในที่สุดผ้าสีม่วงจึงถูกมาตะสะบัดทิ้งลงข้างเตียง

บัดนี้พจน์ไม่อยากลืมตาดูสภาพล่อนจ้อนของตนเองเลย รีบคว้าผ้าแพรสีขาวสำหรับห่มนอนมายึดถือปิดบังไว้แทน เสียงหัวเราะแหบต่ำสร้างความไม่พอใจให้แก่พจน์

“นายหัวเราะเยาะเรางั้นหรือ มาตะ” พจน์เบือนหน้าหนีไม่อยากปะร่างเปลือยของคนตรงหน้า ขยับเขยื้อนชิดหัวเตียง แต่คนขบขันเคลื่อนติดตามอย่างไม่ลดละ
 
“ข้าขันเพราะอาการเดียงสาของเจ้าต่างหาก” มาตะจูบหน้าผากพจน์ “เจ้าช่างงดงามเสียนี่กระไร”

เจ้าหนุ่มร่างหนาประชิดกายไร้อาภรณ์แนบลำตัวเข้าหาคนเบื้องล่าง พจน์รับรู้ถึงสัมผัสร้อนของจุดซ่อนเร้นของอีกฝ่ายซึ่งไม่แตกต่างจากตน มาตะไล้มือลูบสัมผัสผิวเนียนละเอียดของพจน์แล้วครางอย่างสุขสม ตะโบมประทับรอยทั่วร่างกายพจน์สุดห้ามใจ
 
“หทัยข้าแทบระเบิดออกมาหาเจ้าเหลือประมาณ เจ้ารู้ ฤา ไม่ ภัทรพจน์” มาตะถอนจูบครางเสียงเบา พจน์อือออตามคำถามไม่อาจสรรหาคำพูดใดมาเอ่ยอ้าง
 
“หากกายแลใจของเจ้าเป็นของข้า สายสัมพันธ์เราจะมิแยกห่าง แลจักเป็นหนึ่งเดียวของกันและกันชั่วกัลปาวสาน”

ผิวกายร้อนของเด็กหนุ่มทั้งสองลุกโหมยิ่งกว่าเพลิงกาฬ เพียงแตะสัมผัสต่อกัน ณ จุดใด เหมือนเชื้อไฟราคะกระจายสะพัดให้ก่อเป็นมหากองเพลิงยิ่งขึ้นนับทวี บัดนี้แม้แต่หยุดยั้งก็มิอาจกระทำได้ พจน์ไม่รู้ว่าตนตอบเจ้ามาตะว่าอย่างไรแต่เมื่อคนตัวหนาพูดจบจึงถอนตัวลุกขึ้น จัดการแยกขาขาวของพจน์ให้กว้างกว่าเดิม ใบหน้าหล่อเหลาสะท้อนแสงไฟปลุกอารมณ์ร้อนให้ลุกโชนยิ่งคณานับ สายตาพจน์พร่ามัวไม่เห็นว่ามาตะทำสิ่งใดอยู่ชั่วขณะ แต่แล้วความรู้สึกเย็นวาบ ณ ช่องทางเบื้องหลังทำให้พจน์สะดุ้งวาบ สัมผัสเปียกชื้นแต่เสียวกระสันมาพร้อมความอึดอัดบางอย่าง

“นาย...นาย...ทำเป็นใช่ไหม มาตะ” พจน์พูดสลับหอบ

มาตะพยายามสะกดอารมณ์ให้ใจเย็นเยือก แม้นในกายกลับเร่งร้อนเกินจะกล่าว

“ข้าเรียนรู้จากสหายของข้าผู้เคยคุ้นกับกิจนี้ แต่หาได้คิดจักนำมาใช้จริงไม่” มาตะพยายามอธิบายให้คนเบื้องล่างเข้าใจแจ่มชัด
 
“แลข้าจำเป็นต้องช่วยเจ้าให้พร้อม” มืออีกข้างที่ว่างอยู่ช่วยลูบไล้ท่อนลึงค์ของพจน์ให้คลายความร้อน

เมื่อช่องทางเบื้องล่างขยายพอเพียง มาตะโน้มตัวประกบปากพจน์อีกครั้ง ตนรู้ว่าอาวุธประจำกายของเจ้ามาตะมีขนาดมิใช่น้อย แต่ ณ วินาทีนี้ต้องยอมรับให้ทุกอย่างดำเนินสู่จุดหมายปลายทาง เขาจูบตอบมาตะ เลื่อนสู่แนวลำคอ นั่นทำให้คนเหนือร่างร้องครวญครางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
 
“เจ้าโปรดเชื่อใจข้า ภัทรพจน์ ข้ารู้ว่าอาจเจ็บปวด แต่เพื่อระหว่างเรา โปรดช่วยให้มาตะคนนี้สู่ฝั่งฝันด้วยเถิด ข้านี้จะช่วยพาเจ้าไปสู่สุขสมเฉกเช่นกัน” มาตะกดจูบพร้อมดันแท่งร้อนเข้าสู่ช่องทางเบื้องล่างของพจน์ ณ วินาทีแรกผิวเนื้อทั้งสองสัมผัสกันพจน์รู้สึกเหมือนโดนกระแสไฟแล่นกระจายทั่วร่าง หยาดน้ำตาไหลซึมสองแก้ม มาตะเหมือนล่วงรู้ว่าพจน์เริ่มเจ็บก้มลงจูบซับน้ำตาอย่างทะนุถนอม แต่นั่นหาได้ละความพยายามของคนมุ่งมั่นไม่ ขยับเขยื้อนเคลื่อนส่วนนั้นพร้อมใช้น้ำบ่อน้อยช่วยให้เข้าสู่ช่องทางคับแน่น

“แน่นเหลือเกิน ภัทรพจน์” มาตะครางสบตาพจน์ฉ่ำเยิ้ม ความเจ็บลึกและอึดอัดแรกเริ่มทุเลาเบาบาง อาการหอบหายใจถี่กระชั้นเล่นงานเด็กหนุ่มทั้งคู่ มาตะขยับบั้นท้ายกลมกลึงอย่างอาวรณ์ พจน์ไหวตัวขึ้นลงตามแรงจังหวะของผู้กระทำ หยิกกำผ้าปูเตียงสีขาวแน่นระบายความเจ็บแลความเสียวกระสัน จนเจ้ามาตะต้องจับมือพจน์มาลูบไล้หน้าท้องและอกแน่นนูนของตน ใบหน้านิ่งขรึมที่พจน์เคยเห็นตลอดเวลาบัดนี้ขมวดคิ้วแน่นเชิดหน้าสูงร้องบอกความพึงพอใจ

ตะคองแนบเนื้อนวลครวญใคร่คิด
ฝากจุมพิตนวลปรางครางสุดแสน
ลูบไล้เลื่อนแลลับจับดวงแดน
เกาะเกี่ยวแขนพร่ำเกี้ยวเชี่ยววาจา

อัศจรรย์เพลิงใจไฟราคะ
กลัดอุระก่อโหมโจมเข้าหา
ลุกลามไล่ไม้ผลสนธยา
สยบยอมไฟป่าพนาพรรณ

เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะไม่เร็วหรือช้า หยาดเหงื่อพร่างพรมทั่วผิวกายมันวาวของคนทั้งคู่ ความรู้สึกเจ็บเลือนหายหลงเหลือแต่ความสุขสมจนพจน์แลเห็นสวรรค์อยู่เบื้องหน้า เลื่อนมืออีกข้างช่วยตัวเองเมื่อรับรู้ว่าอีกในมีกี่วินาทีมิอาจอดทนต่อไปได้ มาตะก้มลงจูบปากพจน์สลับพร่ำเรียกชื่อคนเบื้องล่าง มันเร่งจังหวะรวดเร็วกว่าเดิมเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคนรุกล้ำใกล้ถึงฝั่งฝัน พจน์จึงเร่งจังหวะมือเช่นกัน
 
ครืนครืนครั่นลั่นร้องกระหน่ำฝน
เมฆมัวหม่นทะลักล้นพ้นสวรรค์
ต้นรุ่มร้อนอ้อนซ้ำน้ำหลั่งพลัน
หยาดวสันต์เพริศพลบจบคู่ไพร

ในห้วงวินาทีแห่งความปิติล้นเหลือ น้ำขุ่นขาวทะลักพุ่งแปดเปื้อนกระจายทั่วหน้าท้องของพจน์ มาตะเร่งจังหวะตามติดทันควัน เสียงร้องและเสียงเนื้อสัมผัสดังผสานจนความรู้สึกอุ่นวาบในช่องทางเบื้องหลังทำให้สายตาพจน์พล่ามัวโดยทันที


****************************************


แสงสว่างแผดจ้าปกคลุมการมองเห็นทั้งมวล ชั่วพริบตาความเงียบสงบจึงแผ่ครอบครองอยู่รอบอาณาบริเวณลานกว้างเหนือยอดเขาแห่งหนึ่งยามค่ำคืน เมฆหมอกสีขาวลอยคลอเคล้าต้นไทรขนาดใหญ่ด้านขวามือ ใบไม้แห้งกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นผิว หมู่ดาวเหนือท้องฟ้าดำมืดส่องกระจ่างเรียงรายแจ่มชัดสู่สายตา แข่งกับดวงจันทร์กลมโต อากาศหนาวถูกพัดพาเป็นระลอก เบื้องหน้ากลุ่มหมอกสีขาวลอยฟุ้ง ปรากฏบุรุษร่างกำยำคนหนึ่งชันเข่าก้มหน้า แต่งชุดนุ่งห่มภัตราภรณ์สีขาว เครื่องประดับทองคำ หยดน้ำ ณ กึ่งกลางหน้าผากส่องประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงจันทรา เมื่อบุรุษผู้นั้นเงยหน้า แสงเจิดจ้าต้องกระทบสายตาจนต้องหลบเพียงครู่ ต้นเหตุของแสงสว่างแรงกล้าคือ อัญมณีเพชร รูปคล้ายหยดน้ำสถิตอยู่กึ่งกลางหน้าผากนั่นเอง

“ในที่สุดพลังอำนาจเหนือพลังจักอุบัติขึ้น” บุรุษชุดขาวเปล่งเสียงสะท้อนก้อง “ข้าทรงพลังยิ่งกว่าทวีคูณ นายข้า”

“นายเป็นใคร” พจน์ถามกลับ บุรุษร่างขาวเริ่มทอประกายแสง แผ่รัศมีทั่วผิวกายขยับลุกขึ้นยืน แววตาสีน้ำตาลเข้มจ้องตอบพจน์ และแทบไม่ต้องใช้สมองประมวลผลก็รับรู้ได้ว่าใบหน้านั้นคือใบหน้าที่ตนเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นใบหน้าของพจน์นั่นเอง แตกต่างเพียงร่างกายบึกบึนกำยำกว่า รวมถึงเครื่องนุ่งห่มอันวิจิตรปราณีต จะเป็นไปได้อย่างไร

“ข้าเป็นทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของท่าน ผู้ครอบครอง” เสียงนั้นตอบ แตกต่างจากเสียงของพจน์โดยสิ้นเชิง “จิตใจผูกพันล้ำลึกแต่บรรพกาลบัดนี้ชักนำให้ท่านทรงพลังกว่าที่เคยเป็น”

“นายหมายความว่าไง” พจน์สับสนจนปวดศีรษะ

“วิถีอมตะจุติลง ณ ร่างของท่านแล้ว นายข้า พร้อมพลังเหนืออำนาจที่จะใช้ต่อกรอริราชศัตรู ทรงพลังเทียมเท่ามิยิ่งหย่อนเกินกว่ากันอีก” พจน์สบตาสีเดียวกับตนเอง “ชะตากรรมแห่งมหาพิภพพลิกผัน แปรเปลี่ยนในที่สุด”


100%....TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2019 19:22:21 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :m25: :m25: :m25:
ตายอย่างสงบ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
 :pighaun: :m25: เร่าร้อนมาก
แอร๊ยยยยย กำลังสนุกเลย มาอีกน๊าา

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
 :haun4:   :haun4:
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ :L2:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:

ออฟไลน์ Rhapsody-PT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกมากค่ะ
เรื่องราวน่าติดตาม
ภาษาสวย
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
นั่น...เป็นการเสริมพลังอย่างงั้นเหรอเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ 14th-friedegg

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เป็นบทมหัศจรรย์ ที่ชวนเรียกเลือดมาก

ตกลงแล้งพจน์ เป็นอะไร?

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ทำไมร้อนแรงกันเยี่ยงนี้

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไฟราคะสมชื่อตอน  :haun4:  :jul1:

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ ๙


ภวังค์ตัณหา


   
ลมหายใจแผดร้อนพรั่งพรูกระทบลำคอระหง ทรวดทรงเอวองค์ดั่งเทพจุติสั่นสะท้าน กอบโกยอากาศบริสุทธ์สู่นาสิกคมสัน ภาพจากสองนัยนาสว่างวาบผันเปลี่ยนเป็นเรือนพักแรม ขื่อคานเหนือเพดานแจ่มชัด แลรับรู้น้ำหนักของคนเบื้องบนที่สั่นกระนาบแนบชิดร่างของพจน์อยู่ 

ทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ วิถีอมตะ มหาพิภพ

คำสามคำสร้างความพิศวงแก่ใจพจน์ แต่บัดนี้ทดแทนด้วยอารมณ์พิศวาสซึ่งผ่านพ้นสู่จุดสูงสุดโดยสำเร็จลุล่วง เสียงหอบถี่กระชั้นของเจ้ามาตะผสานลมร้อนจากปลายจมูกของพจน์เป็นจังหวะสอดคล้อง ผิวกายระยับเยิ้มด้วยหยดเหงื่อ ฝ่ามือเรียวจิกรั้งผิวกายด้านหลังของคนตัวหนาเพื่อระบายความเจ็บแลสุขล้น
 
“เจ้าสุขสมเสมอข้า ฤา ไม่ ดวงใจของมาตะ” เด็กหนุ่มกล้ามแกร่งกระชับมัดแขนกอดพจน์รัดรึงแน่นขนัด คำกระซิบฟังชัดเจนแม้เสียงกระเส่าแหบพร่า
 
ทุกสัดส่วนร่างกายพจน์สั่นเทิ้มราวเหน็บหนาวแต่เร่าร้อนยิ่งกว่าถูกแสงดวงอาทิตย์เผาไหม้ กล้ำกลืนน้ำลายช่วยลำคอโล่งโปร่งเอื้อนเอ่ยตอบคนเห็นแก่ตัวที่นอนทับตนอยู่

“ลุกออกจากตัวเราได้แล้ว” เด็กหนุ่มตาสวยเฉไฉอ้างเรื่องอื่น เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังสะท้อนรับคำ ไม่เพียงไม่ทำตามคำร้องแต่ยังกดแนบลำตัวให้ประชิดยิ่งกว่าเดิม แท่งร้อน ณ ช่องทางเบื้องหลังเริ่มขยายขนาดเพียงขยับเขยื้อนเคลื่อนกาย

“นายเอาไอ้นั่นออกไปก่อน มาตะ” พจน์อ้อนวอนเสียงเบา แต่เจ้ามาตะทำเหมือนดั่งหูดับชั่วคราว เลื่อนหน้าออกจากซอกคอพจน์อย่างอาวรณ์ แล้วจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลด้วยหน้านิ่งเฉย พจน์พยายามใช้แขนดันหน้าอกมันเลื่อมของมาตะพ้นจากระยะแนบชิดอันตราย แต่แรงกดทับต้านทานขัดขืนแทบไร้การขยับเขยื้อน

“เจ้าอยากให้ข้าทอดถอนกระนั้นหรือ” คนร่างหนาขยับบั้นท้ายกลมกลึงกระแทกซ้ำเบาๆ นั่นทำให้พจน์บีบรัดช่องทางร้อนตามปฏิกิริยาตอบสนอง คนหน้านิ่งส่งเสียงครวญสุดหักห้าม
 
“แต่ร่างกายของเจ้าหาได้เป็นดั่งคำพูดไม่ ภัทรพจน์ ความอัดอั้นของข้ามากล้นเกินกว่าระบายหมดสิ้น โปรดช่วยให้มาตะปลดเปลื้องความคะนึงหา ความเสน่หารัดรึงเสมือนหนึ่งกลัดเป็นหนอง ให้ได้รับการเยียวยารักษาจนสิ้นความคิดถึงเถิด”

แรงโยกของเอวพริ้วไหวของคนเจ้าคารมกลับมาทำงานได้แคล่วคล่องดังเดิม แต่จังหวะเนิบช้าราวกับรอคำอนุญาตจากพจน์อยู่ ความเสียวกระสันพร้อมเจ็บปวดผสมผสานเล่นงานพจน์อีกครั้ง

“หมายความว่านายจะทำ... เอ่อ รอบสองงั้นหรือ” พจน์ถามพร้อมอาการตกใจมิใช่น้อย ไม่นึกว่าคนหน้านิ่งเฉยแต่เที่ยงแท้แล้วภายในมีอารมณ์มากล้น
 
“ได้โปรดเถิดหนา ข้าอึดอัดเหลือประมาณ เมตตาวานช่วยข้าให้พ้นจากความทุกข์ระทมเถิด” พจน์จะอ้างคำปฏิเสธ แต่ร่างกายของเขาตอบสนองการกระตุ้นอารมณ์ตัณหาเบื้องลึกจนปลุกติดอีกครั้ง แข็งขันตามการปรนเปรอของเจ้ามาตะอย่างไม่อาจหักห้ามได้ ห้วงตัณหาราคะก่อกำเนิดแลลุกลามโรมรัน แม้แต่คำเอื้อนเอ่ยก็เป็นการยากจะพูดให้ได้ใจความ พจน์ทำได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น แววยินดีปรีดาฉายชัดบนใบหน้ารูปงามนั้น มาตะก้มลงประทับจูบพจน์ดับอารมณ์ร้อน

อัศจรรย์เรือน้อยลอยสมุทร
ท้องฟ้าดุจผ้าดำฉ่ำเม็ดฝน
ละอองฝอยคล้อยเย็นเป็นหยาดชล
ลมพัดวนเวียนว่ายสายนที

เปรี้ยงเปรี้ยงวาบวับแวมแซมก้อนเมฆ
ดุจขวานเสกเมขลาอสูรย์ศรี
ล่อแก้วกรอกหยอกเย้าเคล้าราตรี
อสุรีรุกเร้าเฝ้าตรึงตรา

วายุพัดซัดกลืนผืนแผ่นน้ำ
โยกเรือซ้ำเอนโอนโจนเข้าหา
มหรรณพวังวนคนธารา
ฉุดเรือน้อยลอยฝ่าวาตภัย

หว่างสมุทรสุดระทึกนึกวาดฝัน
หวาดกลัวพลันเกรงเรือทรุดผุดหลั่งไหล
วะวาบหวามน้ำทะลักหักกลางใบ
กระเซ็นร้อนอ้อนใจพื้นเจิ่งนอง

กระเพื่อมซ้ำกระแทกสาดบนดาดฟ้า
สี่ห้าครามิหยุดหย่อนร่อนสนอง
โคลงเคลงฝืนแหวกคลื่นตามครรลอง
ประคับครองนาวาพักเรือนกาย

เด็กหนุ่มไม่เคยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยมากเท่านี้มาก่อน แม้กิจกรรมแข่งฟุตบอลอันเชี่ยวชาญก็หาได้ชดใช้พลังงานอย่างล้นเหลือขนาดนี้ ไม่เพียงเจ้ามาตะจะทำการซ้ำสองเท่านั้น แต่พจน์สัมผัสได้ว่ามากกว่านั้น เพราะตนเองสำเร็จมากกว่าสองเช่นกัน ช่วงเวลาร้อนแรงดำเนินอย่างเชื่องช้าแต่ชัดเจนรับรู้ทุกการเคลื่อนไหว สติอันรางเลือนนึกรู้ปฏิกิริยาตอบสนองตัณหาของคนทั้งสองเป็นอย่างดี เสียงหอบหายใจกระชั้นรดผิวเนื้อวาวของอีกฝ่ายมิรู้เหน็ดเหนื่อย แหละวินาทีสำเร็จความใคร่ครั้งสุดท้ายของเจ้ามาตะดำเนินมาถึง เรี่ยวแรงซึ่งใช้ไปเพื่อผนึกสานสัมพันธ์นี้ของพจน์จึงหมดสิ้นลงพร้อมกับสติอันมั่นคง

ภัทรพจน์มารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อมีสิ่งชื้นเย็นสัมผัสกลางหน้าผาก เขาเผยอเปลือกตาอย่างอ่อนแรง เห็นใบหน้าเปี่ยมสุขของมาตะพยายามใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดผิวกายพจน์อยู่ เสียงหริ่งหรีดเรไรยามราตรีแทรกผ่านเรือนพักเป็นเครื่องประโลมความเจ็บจากสมรภูมิรัก

“มาตะ...” น้ำเสียงแหบพร่าร้องเรียกชื่อ

เจ้าของนามเงยหน้าสบตาสีน้ำตาลงดงาม ปรากฏความยินดีสะท้อนวาบในแววตาคมเข้มนั้น มันนุ่งผ้าสีน้ำเงินไว้อย่างหมิ่นเหม่ปิดบังกายท่อนร่าง ชวนเย้ายวนแก่ผู้เฝ้ามอง ภายใต้ผ้าแพรสีขาวซึ่งห่มร่างพจน์หาได้มีเครื่องนุ่งห่มครองอยู่จนสัมผัสได้
 
“เจ้ามีอาการไข้อ่อนๆ ผิวกายร้อนแต่หาได้รุนแรงเท่าครานั้น” มาตะแจ้งแถลงไข ประคองศีรษะพจน์รับน้ำจากจอกดื่มแก้กระหาย
 
“เป็นความผิดของข้าเอง หากยับยั้งชั่งใจตนเองได้ เจ้าคงไม่ตกอยู่ในอาการเช่นนี้”

“รู้ความผิดตัวเองก็ดีแล้ว” พจน์ตอบกลับ ทำทีเบือนหน้าหนี เจ้ามาตะรีบทรุดกายลงข้างเตียง คุกเข่า ประคองมือทั้งสองของพจน์ไว้ในอ้อมหัตถ์

“อย่าถือโทษโกรธเคือง มาตะเลยเจ้า” พจน์แอบเห็นสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนเมื่อแรกพบสถิตอยู่ทั่วใบหน้าของคนพูด ลองขยับส่วนท่อนล่างก็ให้รู้สึกเจ็บแสบพอทานทน

“ใจข้าเฝ้าปรารถนาเจ้าเหลือล้น หากมิได้กระทำดั่งว่า มาตะคงต้องวายชีวาเป็นแน่”

สีหน้าออดอ้อนเว้าวอนซึ่งมีเพียงเจ้าคนนี้เท่านั้นทำได้ ส่งให้พจน์ลอบถอนหายใจ จะว่าเป็นความผิดของมันฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกเสียทีเดียว หากตนไม่สมยอมร่วมมือด้วย  ถ้าผิดก็คงผิดด้วยกันทั้งสองฝ่าย
 
“นายทำไปกี่ครั้งวะ” พจน์ร้องถามอย่างสงสัย เพราะครั้งสุดท้ายตนแทบไม่ได้สติ

เจ้ามาตะหน้าขึ้นสีแดงฉับพลัน รีบหลบตาก้มหน้านิ่ง แต่ยังยื้อยุดฉุดมือพจน์ไว้แนบอกหนา วงแขนเกร็งแน่น ผุดมัดกล้ามนูนชัดกระจ่างตา วงแขนนี้หรือคืออ้อมกอดปลอมประโลมพจน์ ณ ห้วงเวลาเร่าร้อน นึกย้อนเหตุการณ์แล้วให้รู้สึกอายในคำถามชอบกล

“เออ เออ ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ”

“ห้าครา...”

“หะ!!!” เจ้านี่ฝึกความอึดทนและเอาเรี่ยวแรงมาจัดการตนได้ยาวนานเช่นนี้จากแห่งหนไหน พจน์ไม่กล้าสู้หน้าเจ้ามาตะเลย ณ วินาทีนี้
 
“หากมีคราหน้าข้าคงจักลดลงให้เหลือเพียงสอง”

“เฮ้ ปัญหามันไม่ใช่อยู่ตรงนั้นโว้ย” พจน์ร้องอย่างตกอกตกใจ ไม่นึกว่าเจ้ามาตะยังจะคิดถึงคราวหน้าอยู่อีก
 
“ข้าจักถนุถนอมเจ้ามากกว่านี้ ข้าให้คำสัตย์สาบาน” มาตะพยักหน้าเคร่งขรึม พจน์อยากจะเอาศีรษะโขกกับหัวเตียง ประเด็นมันไม่ใช่ว่าครั้งหน้าจะทำกี่ครั้งคราว ไอ้เจ้าบ้านี่
 
“ใครบอกว่าจะมีครั้งหน้าอีกวะ” พจน์โวยวายหน้าแดงปรี๊ด เจ้ามาตะทำสีหน้าสลดทันทีเมื่อได้ยิน แววตามั่นคงซึ่งร้อนแรงชวนเคลิบเคลิ้มนั้นนิ่งงัน จนหวั่นเกรงว่ามันจะคว้าดาบทองข้างหัวเตียงมาประหัตประหารพจน์

“เจ้าตกเป็นของข้าแล้ว ทั้งทางกาย แต่ทางใจนั้นเจ้าหาได้เป็นของข้าใช่รึไม่” คำถามแข็งกระด้างเหมือนคนห่างเหินไม่รู้จักกันทำเอาพจน์วูบโหวงในอก “มีผู้อื่นครอบครองใจของเจ้าอยู่แล้วกระนั้นหรือถึงมิยอมมอบให้แก่ข้า”

“นายอย่าคิดเองเออเองสิวะ” พจน์ตวาดกลับ นั่นดูเหมือนฉุดจิตใจดำมืดของเจ้ามาตะให้พ้นจากหลุมลึก

“ข้าขอโทษ” เจ้าคนตัวหนาครางเสียงเบา “ตอบให้ข้าชื่นใจเถิดหนา ใจเจ้าเป็นของมาตะใช่ ฤา ไม่”

พจน์ไม่มีคำตอบอื่นสำหรับคำถามนี้ เขารู้คำตอบก่อนหน้าที่จะตกปากรับตามคำขอของเจ้ามาตะเสียอีก

“ใช่”

“ข้าจักเร่งสู่ขอเจ้ามาครองคู่ เหตุลบหลู่ล่วงขนบประเพณีวิถีอารยะ” มาตะพูดรวบรัดเปรมปรีดิ์

“เห้ยๆ เดี๋ยวก่อน” พจน์ผลุดลุกขึ้นนั่ง รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณบั้นทายแต่ต้องฝืนทนเพราะเจ้ามาตะเหมือนคิดดำเนินการณ์ไกลเกินกว่าตนคาดไว้เสียแล้ว
 
“ไม่ต้องถึงขนาดต้องมาสู่ขอหรอกมั้ง เราเองไม่เสียหายอะไร อีกอย่างเป็นชายเหมือนกัน ไม่มีทางท้องแน่นอน ไม่ต้องรับผิดชอบหรอก” พจน์หัวเราะกลบเกลื่อน

“หาได้ไม่” มาตะปฏิเสธเสียงเข้ม สีหน้าจริงจังทำเอาพจน์ไม่กล้าเถียงกลับ

“ข้าจำต้องรับเจ้าเข้าเรือนข้าให้ถูกต้องประเพณี ชายใดได้ล่วงเกินผู้อื่นทั้งทางกายแลใจแล้วไซร้ มันผู้นั้นจักต้องตบแต่งคนรักเข้าสู่เหย้าเรือนอย่างช้าที แม้นล่วงเลยเกินเจ็ดทิวาราตรีนับว่าหาใช่บุรุษผู้อาจหาญไม่

“เดี๋ยวก่อน มาตะ” พจน์เห็นท่าทีจริงจังของเจ้ามาตะแล้วให้รู้สึกว่ามันพูดจริงทำจริงแน่จึงร้องห้ามไว้ก่อน “เหตุการณ์เกิดขึ้นด้วยเราสองคน ไม่มีใครรับรู้...”

“แต่ทวยเทพจักล่วงรู้...”

“นายฟังเราให้ดี เรายินดีที่จะอยู่อย่างนี้ ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องระหว่างเรา มันจะเป็นเรื่องราวของเราเท่านั้น” พจน์ฉุดคนร่างหนาขึ้นนั่งบนเตียงแนบชิดกับตน ผิวเนื้อร้อนผ่าวของพจน์ทำให้เจ้ามาตะสะดุ้งสะเทือนหวั่นไหว พยายามชี้แจงเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลเท่าที่คิดออก

“มันจะเป็นความลับของสองเรา”

พจน์มองสบตาสีเข้ม คาดคะเนว่าเจ้ามาตะคงไม่ได้ยินดีด้วยกับคำพูดของตน แต่ความนิ่งเงียบทำให้สามารถตีความได้ว่าอีกฝ่ายคงยินยอมแม้ไม่สมความมุ่งมาดปรารถนาส่วนตัว

“เจ้าทำประหนึ่งรังเกียจเดียดฉันท์ข้า” มาตะก้มหน้าตรึกตรองข่มความอัดอั้นใจ พจน์ลูบไล้ลำคอหนาของคนน้อยอกน้อยใจ พยายามสัมผัสปลอบประโลม “ข้าจะเป็นบุรุษผู้กล้าหาญได้เช่นไร หาก....”

พจน์ประกบริมฝีปากปิดคำพูดของเจ้ามาตะให้กลืนกลับคืน คำต้องประสงค์ดังใจปรารถนาจะเป็นจริงได้อย่างไร เมื่อพจน์ยังไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาที่เขาจะอยู่แลจากคือเมื่อไหร่ สิ่งชักนำตนมาและพาตนกลับสู่โลกแท้จริงคือสิ่งใด ช่วงเวลานี้ขอมีเพียงแค่เขาสองคนเท่านั้น ความปรารถนาลึกร้อนของมาตะถูกปลุกฟื้นคืน อ้อมแขนแกร่งกดแน่นแนบร่างเปลือยไร้อาภรณ์ของทั้งคู่นำสู่ห้วงราคะร้อนแรง


50%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2019 19:25:16 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ หนูน้อยหมวกแดง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :jul1: :jul1: :jul1:
สนุกมาก ปมเยอะดี ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ wwss2220

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :haun4:เลือดพุ่งสุดๆๆ ค่ะ เป็นกำลังใขให้นะค่ะ

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ช่างลึกลับซับซ้อนเสียจริง บทอัศจรรย์นี่บรรยายไปซะเห็นภาพเลย นึกถึงตอนเรียนวรรณคดีไทยสมัยม.ปลาย ยังแปลความไม่ออกเหมือนเดิม

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3
ตอนเริ่มแรกรู้สึกว่าอ่านยาก รายละเอียดยิบย่อย บรรยายเยอะ

แต่พอเริ่มคุ้นชิน  บอกเลย....


สนุกมว๊ากกกกก......       :impress3:



สงสารนุ้งปาล์มอะ ถ้ารู้เรื่อง ... แล้วจะเป็นเยี่ยงไร    :ling3:


ปลื้มมาตะนะ แต่เป็น fc นุ้งปาล์ม    :กอด1:


รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
[ต่อ]


เสียงระกาขานขันประชันอรุณรุ่ง พล่านพุ่งผ่านโสตสติ แผ่นหลังหนากว้างคือสิ่งแรกเห็นยามฟื้นตื่น แสงมัวสลัวรางกระทบผ่านช่องลมช่วยการพินิจมอง พจน์ไม่รู้สึกเมื่อยล้ามากเท่าที่คาดคิด แม้นผ่านเหตุการณ์ใช้กำลังกายใจมากล้นเหลือ เพียงย้อนลำดับนึกถึง ความรู้สึกร่ำร้อนจึ่งผุดวาบทั่วผิวหน้า เห่อลุกลามทั้งผิวกาย ไม่เคยคิดหวังว่าตนจะมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันได้ และสิ่งเกินกว่าฝันคือพจน์กลายเป็นฝ่ายรับ แม้แต่วินาทีนั้นพจน์ไม่รู้เลยว่าต้องทำแบบไหน อารมณ์ ความรู้สึก เป็นเครื่องนำพาให้ทุกอย่างเคลื่อนผ่าน เมื่ออีกบุคคลหนึ่งเป็นเจ้ามาตะ พจน์นึกภาพไม่ออกว่ามันจะยอมให้พจน์รุกได้อย่างไร
 
พจน์นึกอยากแกล้งไอ้คนหลับสนิทเพราะอ่อนเพลียเสียกำลัง ร่างกายอุดมกล้ามเนื้อขยับขึ้นลงสม่ำเสมอบอกว่าเจ้าคนรุกรานพจน์กำลังเข้าเฝ้าพระอินทร์อยู่ จึงเลื่อนฝ่ามือโอบเอวสอบ แล้วสัมผัสลูบไล้ลำเอวหนาโดยแผ่วเบา รับรู้ถึงแนวร่องลึกหดหายสู่ใต้ผืนผ้าห่มชวนเย้ายวน หวังจะสร้างอาการจักจี้ซึ่งพจน์รู้ดีเพราะลองทดสอบมาทั้งคืน และในที่สุดปฏิบัติการก่อกวนจึงได้ผลสำเร็จ อวัยวะถูกสัมผัสหดเกร็งทุกสัดส่วนแต่ไม่แสดงคำขอร้องอ้อนวอนให้พจน์หยุดเหมือนทุกที จึงลองลูบไล้วนเวียนรอบเอวให้หนักขึ้น
 
“ไอ้...ไอ้พจน์ มึง...” เสียงครางย้อนถามสะดุดติดขัด

เด็กหนุ่มจอมวางแผนรีบดึงมือกลับคืนโดยทันที เสียงนั้นหาใช่สุ้มเสียงที่ตนเคยคุ้นมาทั้งคืน แต่เป็นน้ำเสียงแหบนุ่มของเพื่อนสนิทปาล์มต่างหาก เจ้าของร่างหนาหุ่นดีพลิกกายมาเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มตาสวย อาการตื่นตกใจเพราะหมายสำคัญผิดคนของพจน์ทำให้ดวงตาเล็กหยี่ภายใต้เปลือกตาชั้นเดียวเบิกโพลงกว่าปกติ

“มึง เอ่อ...จะทำ....”

“กูละเมอ” พจน์สวนกลับรีบแก้ตัว “กูไม่ได้ตั้งใจนะเว้ย ไอ้ปาล์ม”

สีหน้าเผือดซีดแปรเปลี่ยนเป็นแดงชมพูของผู้มาค้างคืนทำให้พจน์รู้สึกผิด บัดนี้ตนกลับคืนสู่โลกแท้จริงอีกหน สภาพห้องนอนตกแต่งโทนสีน้ำตาลของพจน์ทดแทนเรือนพักผนังสลักลาย ไอ้ปาล์มถอดเสื้อนอนเหลือเพียงกางเกงขายาวสีเทาเท่านั้น อวดหุ่นล่ำขาวไม่ผิดแผกแตกต่างจากมาตะสักเท่าไหร่ รวมถึงรูปร่างระดับความสูงด้วย นั่นทำให้พจน์ไม่ทันสังเกตให้จงดีจนเกือบทำสิ่งน่าอับอายขายหน้าเสียแล้ว

ไอ้ปาล์มผุดลุกขึ้นนั่ง นั่นทำให้พจน์ตกใจลุกนั่งเช่นกัน รีบเขย่าแขนพร้อมขอร้องให้มันเชื่อในคำพูดของตน

“กูละเมอจริงๆนะเว้ย” แขนล่ำหนาอย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำหาได้สั่นคลอนมากเท่าใจพจน์ต้องการ หวังว่ามันคงรับรู้ความรู้สึกผิดของพจน์ผ่านการสัมผัส แววตาของเพื่อนสนิทปิดแน่น คิ้วขมวดชนกัน แลดูลำบากยากใจ

“มึงละเมอ ไม่ได้ตั้งใจ จริงๆเหรอวะ” เปรมณัฐช้อนดวงตาขึ้นมองภัทรพจน์ สายตาเช่นนี้ราวกับพจน์เพิ่งประสบพบเจอมา อาการดั่งเว้าวอนอ้อนขอกระนั้น

“เออ แหะๆ” พจน์ยกมือเกาหลังศีรษะอย่างเก้อเขิน “กูฝัน แล้วคงละเมอไปโดนมึงอ่ะ ขอโทษนะเว้ย”

เด็กหนุ่มนัยน์ตาน้ำตาลกุมมือเพื่อนข้างกายแน่นหวังให้มันเข้าใจ ถึงตนจะเคยชอบมัน แต่การกระทำล่วงเกินเพียงฝ่ายเดียวของพจน์ไม่ใช่สิ่งที่ตนพึงทำได้ตามใจปรารถนาอีกแล้ว ไอ้หน้าหล่อถอนหายใจพรั่งพรู

“มึงอย่าได้ไปละเมอกับใครแบบนี้อีกนะ”

“รับทราบ” พจน์ตะเบ๊ะตอบรื่นเริง

“มึงไม่โกรธกูแล้วใช่ไหมวะ” คุณชายปาล์มย้อนถาม เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของคู่สนทนาจึงเสริมต่อ “ก่อนนอนมึงร้องไห้ กูไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดใจมึงหรือเปล่า กูนอนไม่หลับทั้งคืนจนใกล้สว่าง”

ความรู้สึกเศร้าเสียใจเหมือนสูญเสียคนที่ชอบให้คนอื่นไปนั้นถูกอารมณ์รักร้อนแรงของเจ้ามาตะสมานบาดแผลทุเลาเบาบางลงอย่างชะงัก พจน์มองใบหน้าขมวดคิ้วมุ่นของไอ้ปาล์มได้บริสุทธิ์ใจอีกครั้ง หากตนไม่ได้ข้ามพิภพสบเจอกับมาตะ ความรู้สึกหลังตื่นนอนตอนเช้าคงต่างไปจากนี้ พจน์เข้าใจเรื่องราวความรักของไอ้ปาล์มมากขึ้น ถ้าวันนั้นมาถึงเขาคงยิ้มส่งอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจอีก

“กูเข้าใจแล้ว” พจน์ตบไหล่หนาดังเปาะแปะ “มึงไม่ผิดหรอก เป็นที่ตัวกูต่างหาก”

คนหน้านิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นจนเกือบชิดกัน

“กูขอกอดมึงได้ไหมวะ” คำขอของพจน์คลายวงคิ้วอย่างได้ผล ไม่ทันเจ้าของร่างจะอนุญาตพจน์ก็วาดวงแขนโอบกอดเพื่อนสนิทที่ตนเคยชอบโดยไม่รู้ตัวมาตลอด นำคางมนเกยไหล่เปลือย ไอ้ปาล์มหลังจากหายตกตะลึงจึงค่อยๆกระชับวงแขนกอดตอบ

“มึงไม่สบายใจสินะ”

“อือ”

“มึงขอกอดกูแต่ละครั้งต้องมีเรื่องทำให้มึงไม่สบายใจสักอย่าง” คุณชายเปรมฯลูบแผ่นหลังสวมชุดนอนอย่างรู้ทัน พจน์ขยับแพขนตาหนาขึ้น ถอนร่างออกจากอ้อมแขนแกร่ง นี่จะยังคงเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นสำหรับเขาตลอดไป

“ตอนนี้กูสบายใจแล้วว่ะ ขอบใจมากเพื่อน” ฉีกยิ้มอวดฟันขาว พร้อมดึงแก้มคนหน้าตึงให้ยิ้มเหมือนตนเอง สีหน้าแดงระเรื่ออย่างคนสุขภาพดีของคุณชายปาล์มยังคงอยู่แม้ใบหน้าจะนิ่งเฉยก็ตามที

พจน์ลองขยับร่างกายส่วนล่างปรากฏว่าบริเวณช่องทางเบื้องหลังไร้ความรู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด เสมือนร่างบนโลกนี้ของพจน์ไม่ได้ถูกเจ้ามาตะรุกล้ำเลยแม้แต่นิด ช่างเป็นความรู้สึกสับสนเหลือเกิน แท้จริงแล้วเขากับมาตะได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันหรือไม่

“กูขอไปเข้าห้องน้ำนะ” ไอ้ปาล์มลุกยืนพรวดพราด รีบหันหลังอวดหุ่นวีเชฟและก้นกลมแน่นให้พจน์รวดเร็ว เร่งกุมฝ่ามือทั้งสองไว้ส่วนหน้าปกปิดบางอย่าง
 
“มึงไม่ต้องคิดมากหรอก” มันหันหลังให้พจน์แทนที่จะหมุนตัวมาเผชิญหน้ากัน “กูจะอยู่ให้มึงกอดแบบนี้เสมอ”

จากนั้นพ่อหนุ่มเปลือยครึ่งท่อนก็เร่งรุดเปิดประตูออกไป พจน์มองแผ่นหลังแน่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใจหนึ่งอยากอธิบายความรู้สึกทั้งมวลให้มันได้รับรู้ แต่อีกใจก็ไม่อยากฉุดรั้งให้ไอ้ปาล์มต้องมาทนฟังคำพูดพร่ำเพ้อของคนที่มันไม่ได้รัก ลึกๆในเศษเสี้ยวหัวใจแล้วเขารู้ว่ามีคนชื่อปาล์มหลงเหลืออยู่ แม้เจ้ามาตะจะได้ครอบครองใจของตนไปแล้วทั้งดวง เมื่อนึกถึงคนผู้กล้ากระทำตอบสนองอารมณ์รัก อารมณ์ใคร่อย่างเจ้ามาตะ นั่นทำให้พจน์อดเป็นห่วงเจ้านั่นไม่ได้ จะเป็นร้ายดีประการใดเมื่อตื่นขี้นมาแล้วไม่พบเจอพจน์ ความรู้สึกจะเป็นเหมือนเช่นตนเองหรือเปล่า
 
อาวรณ์ คิดถึง อยากสัมผัส รัก ห่วงหา

พจน์หย่อนเท้าเปล่าลงพื้นกระดานเยียบเย็น ลุกเดินเข้าหาประตูเพื่อไปห้องน้ำ อยากล้างหน้าล้างตาเพื่อชะล้างความคนึงหาให้บรรเทาลง ทันทีเมื่อเปิดประตูออก กลุ่มหมอกสีขาวลอยฟุ้งพุ่งปะทะร่าง รู้สึกขนลุกทั่วตัว พื้นเรือนไทยเย็นชื้นด้วยละอองไอของหยดน้ำค้าง บรรยากาศมืดสลัว กลุ่มเมฆทึบปิดบังแสงรุ่งอรุณ
 
ปรากฏการณ์เมฆหมอกดำเนินมาอย่างต่อเนื่องนับแต่วันที่ศาสตราจารย์วิชัยประกาศแถลงการณ์น้ำท่วมโลก และสาเหตุความจริงทั้งหมด นี่คือสัญญาณเตือนถึงเหตุหายนะภัยจริงๆน่ะหรือ เพราะไม่เพียงก่อเกิดขึ้นในประเทศไทยเท่านั้น ขณะนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญปรากฏการณ์แปลกประหลาดไม่ต่างกันทุกทวีป ซึ่งกำลังแผ่ขยายกระจายหมอกเมฆลุกลามเคลื่อนสู่นานาประเทศอย่างเชื่องช้า ข่าวเมื่อวานนี้ล่าสุดรายงานว่า แม้แต่ทะเลทรายซาฮาร่ายังไม่รอดพ้น และอีกในไม่ช้าโลกของเราคงตกอยู่ในกลุ่มหมอกปริศนาทั่วทุกพื้นที่
 
พจน์ลองสืบค้นข้อมูลพบว่า หมอก เกิดจากในบรรยากาศมีฝุนละอองมาก ไอน้ำในอากาศบางส่วนจะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำขนาดเล็กเกาะตามฝุ่นละอองเหล่านั้นจนเกิดเป็นหมอกปกคลุมทั่วไป โดยมากหมอกมักเกิดในช่วงกลางคืนฟ้าใส ความร้อนที่สะสมตลอดกลางวันจะแผ่จากผิวโลกสู่ท้องฟ้า อากาศชื้นใกล้ผิวดินจึงกลั่นตัวจับกับฝุ่นละอองในอากาศเกิดเป็นหมอกปกคลุมและยังอยู่จนรุ่งสาง เมื่อแสงแดดส่องทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น หมอกจึงสลายตัวหายไป

แม้แต่ทะเลทรายยังคงมีไอน้ำในอากาศจนก่อเกิดเป็นหมอกได้หละหรือ นี่คือปริศนาที่แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกก็ไม่สามารถอธิบายได้

เด็กหนุ่มเดินฝ่าอากาศเย็นชื้นปกคลุมเรือนไทยเทพวิมานผ่านแสงไฟจากหอมุขกลางสู่หมู่เรือนพักมากหลาย ห้องน้ำตั้งอยู่ท้ายสุดของชานเรือนด้านหลัง ความเงียบเชียบผสานเสียงนกร้องเป็นสัญญาณว่าทุกคนยังอยู่ให้ห้วงภวังค์หลับใหล

ห้องนอนของดาวและของคุณปู่ยังปิดสนิทแสงไฟเหนือชานเรือนหน้าห้องส่องสว่างเช่นเดียวกับห้องพักของคุณพ่อ เมื่อก้าวพ้นประตูฉากกั้นในส่วนนี้เป็นเรือนพักสำหรับแขกผู้มาเยือน และเจ้าพวกเพื่อนของพจน์ก็เคยได้มาใช้บริการอยู่หลายครั้งหลายหน ภายใต้ความมืดมิดผุดแสงไฟหน้าชานเรือนพักห้องหนึ่งส่องสว่างเป็นสัญญาณมีคนภายนอกเข้าพักและจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ชาญณรงค์ นั่นเอง
 
ระหว่างพจน์กำลังก้าวพ้นผ่านหน้าห้องพักผู้ติดตามของคุณปู่ บังเกิดเสียงปริศนาฉุดให้เด็กหนุ่มยืนตัวแข็งทื่อ เสียงกระซิบแม้เบาบางแต่ผสมเสียงครวญครางจึงได้ยินชัดเจน พจน์ก้าวถอยหลังกลับมายังหน้าชานเรือนใกล้ประตูห้อง ตัดสินใจอย่างลังเล ไม่รู้ว่าคนภายในห้องเกิดเหตุอันตรายอย่างหนึ่งอย่างใดหรือเปล่าจึงหักใจแนบหูชิดติดประตู ทันใดนั้นเสียงคร่ำครวญราวกับเจ็บปวดร้องดังครั้งหนึ่ง ณ วินาทีฉุกละหุกพจน์กำลังเงื้อง่ากำปั้นเพื่อเคาะประตู ก็บังเกิดเสียงกระซิบเรียกขานชื่อที่ทำให้พจน์ได้แต่ยืนนิ่งเหมือนต้องคำสาป

“อื้อ...คุณภพดนัย” เด็กหนุ่มจำได้แม่นว่านั่นคือเสียงของชาญณรงค์ไม่ผิดแน่

เสียงครางกระเส่าพร้อมเสียงเนื้อสัมผัสกันดังกระทบถนัดชัด ดั่งเหตุการณ์ซึ่งพจน์เพิ่งผ่านพ้นเผชิญมา ทำให้ภาพของเจ้ามาตะสอดประสานส่วนสำคัญกับร่างของตนผุดวาบขึ้นในความคิด เสียงสุขสมผสมเสียงร้องเรียกชื่อพ่อดนัยดังแผ่วเบา จนในที่สุดเสียงร่ำร้องรีบเร่งร้อนผ่อนจังหวะถี่กระชั้น ทำหัวใจของพจน์เต้นกระหน่ำอย่างตื่นตะลึง เป็นไปได้อย่างไรที่คุณพ่อของเขากับชาญณรงค์กำลัง....

“ผมไม่ไหวแล้วครับ คุณภพดนัย อ่า....” เสียงชาญณรงค์แผดกระซิบ

“ให้คุณเป็นของผม ของผมนะครับ...”
 
“โอ้ย ไม่ไหวแล้ว” เสียงหอบหายใจผสานคำร้อง

ถ้าเหตุการณ์ที่พจน์เผชิญเป็นสิ่งไม่ควรประสบพบเจอตั้งแต่แรกแล้ว เขาภาวนาว่าตนกำลังนอนหลับฝันอยู่ในห้องเสียยังดีกว่า ความรู้สึกประหนึ่งหน่วงและแน่นในอกหายใจไม่ออกเกาะกินจิตใจพจน์เหลือเกินรับไหว จะเป็นความจริงได้อย่างไร ตลอดเวลาพจน์ไม่เคยเห็นคนทั้งสองมีท่าทีปฏิสัมพันธ์เกินเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มกำมือแน่นผละจากหน้าเรือนพักอย่างเลื่อนลอย

สติอันแน่วแน่มีแต่ภาพร่างเปลือยกอดเกี่ยวกระหวัดของคุณพ่อกับชาญณรงค์ไม่ต่างกับที่ตนกระทำกับเจ้ามาตะ หัวสมองของพจน์ว่างเปล่าจนแม้แต่ความตั้งใจแรกเพื่อเข้าห้องน้ำก็ถูกบดบังจนยืนเคว้งคว้างอยู่เช่นนั้นนานหลายวินาที จวบจนกระทั่งมีเงาร่างหนึ่งเดินมาจากเรือนชั้นในกำลังก้าวข้ามประตูฉากกั้นสู่หมู่เรือนด้านหลังผุดขึ้นมาท่ามกลางหมอกสลัว

แสงไฟรางเลือนส่องต้องกระทบบุคคลที่พจน์ภาวนาไม่ให้อยู่ในห้องนั้นกับชาญณรงค์

“คุณพ่อ”
 
“อ้าว พจน์ออกมาทำอะไรแต่เช้ามืด” ภพดนัยร้องทักลูกชาย กระชับผ้าคลุมชุดนอนแน่นขึ้น
 
“อากาศหนาวแบบนี้จะไม่สบายเอานะ น่าจะใส่รองเท้ามาด้วย” ชายหนุ่มแสดงสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย

พจน์เหลียวมองประตูห้องของชาญณรงค์ที่ยังคงปิดแน่นสนิท

“คุณชาญณรงค์นอนพักที่เรือนเราใช่ไหมครับ”

“ใช่ มีอะไรหรือเปล่า หืม?” พจน์กลืนน้ำลายลงลำคอ
 
“พ่อว่าเราไปคุยกันที่อื่นเถอะ จะเป็นการรบกวนคุณชาญณรงค์เสียเปล่า” ใบหน้าสวยแต่ดูหล่อเหลาในบางมุมยิ้มกว้างให้ลูกชาย พยักเพยิดไปทางประตูห้องที่พจน์เพิ่งแอบได้ยินเสียงห้วงภวังค์ตัณหา

ความรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกเป็นเช่นนี้นี่เอง พจน์ถอนหายใจ แต่เขาก็ได้หลักฐานพิสูจน์ความจริงบางอย่าง ชาญณรงค์คงมีใจให้คุณพ่อของเขาอย่างแน่แท้


100% TBC... โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2019 19:26:44 โดย LoveBlueSky2203 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด