[แจ้งข่าวหน้า๑๖] >>>>ข้ามพิภพ<<<< (๒/๐๘/๖๔) หน้า ๑๖ [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

สำรวจความต้องการให้มีการพิมพ์รวมเล่มนิยาย >>>>ข้ามพิภพ<<<< หรือไม่

ต้องการ
27 (67.5%)
ไม่ต้องการ
0 (0%)
ไม่แน่ใจ
13 (32.5%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 40

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวหน้า๑๖] >>>>ข้ามพิภพ<<<< (๒/๐๘/๖๔) หน้า ๑๖ [จบแล้ว]  (อ่าน 285244 ครั้ง)

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ใครหนอมาขัดจังหวะ ต้องเป็นคุณพี่ชายของมาตะแน่เลย แต่มาตะร้ายมากนะกล่อมพจน์จนเกือบได้

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
พี่ชายมาตะหรอ?  น่าคิดๆ

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ช่างมีเรื่องมาขัดจังหวะได้ตลอดเนอะ มาตะแลดูมีแต่อุปสรรค

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากๆเลยค่ะ

 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
[ต่อ]


อาการร้อนรนทนเห็นมาตะถูกบุคคลลึกลับฟาดฟันทวนเล่มยาวใส่แคล่วคล่อง เจ้าของดาบทองทำทีแต่เพียงยกปัดออกจากตัวกระนั้น ทำให้พจน์ร้อนใจเกรงคนรักจะได้รับอันตราย มองไปที่ใดก็ไม่เห็นหนทางขอความช่วยเหลือได้ ซ้ำจะเข้าไปช่วยมือเปล่าก็ลังเลไม่สมคะเน หวั่นเป็นภาระหนักทำให้มาตะระแวดระวังต้านทานไม่สมกำลัง นึกคิดอยากมีอาวุธสักอย่างหนึ่งเช่นดาบ หรือ ทวน หมายเข้าช่วยจู่โจมนำประจันกับคนนับสิบซึ่งกลุ้มรุมโรมรันพันตูกันชุลมุนอยู่

เพียงสิ้นความนึกคิดก็ปรากฏทวนเล่มยาวสีเงินตลอดคมแหลม แลสลักลายนูนสิงหนาทตลอดด้ามถือผุดขึ้นในมือขวาของพจน์ ประดับพู่ห้อยระหงขาวพิสุทธิ์ เป็นที่มหัศจรรย์แก่ใจอย่างยิ่ง ระหว่างนั้นเหลียวดูมาตะใกล้พลาดท่าเสียทีตนไม่เห็นหนทางอื่นจึงขว้างทวนในกำมือเข้าขัดขวาง และยิ่งกว่ามหัศจรรย์ในฝีไม้ลายมือ ทวนสีเงินพุ่งสกัดได้ถูกต้องเหมือนจับวางทำให้อาวุธของอีกฝ่ายร่วงหล่นสู่พื้นในทันใด แล้วหมุนคว้างกลับมาสู่มือราวกับมุมเมอแรง พจน์รีบคว้าด้ามไว้ บุ่มบ่ามก้าวเข้าหามาตะตั้งใจจะช่วยเป็นกำลังอีกแรงหนึ่ง

“ภัทรพจน์ เจ้านำทวนเทวามาจากที่ใด ฤา” มาตะละมือจากการต่อสู้เช่นเดียวกับเวฬุและโกสินทร์ ทุกคนต่างตื่นตกใจในสาเหตุที่ทำให้อาวุธคู่กายของนายกองเกราะทองถูกปลดง่ายดาย ราวกับใบไม้ปลิดขั้วร่วงหล่นลงพื้น

“ทวนเทวา อย่างงั้นเหรอ”

“ถูกแล้ว อาวุธที่น้องท่านถืออยู่ คือ ทวนอัศวาราตรีกาล อย่างไรเล่า” มาตะเฉลยให้พจน์คลายสงสัย

ทวนอัศวาราตรีกาล พจน์รำพันในใจ ทวนเทวาที่กำลังตามหาอยู่เพื่อนำไปช่วยอาธนพล บัดนี้มาอยู่ในกำมือพจน์ได้อย่างอัศจรรย์ใจยิ่ง

“ไม่รู้ อยู่ๆก็ผุดขึ้นมาในมือ” พจน์เกาหลังคอ สีหน้าสับสนทำให้มาตะไม่หายจากความแคลงใจสงสัย
 
กฤษณะและพรรคพวกต่างเฝ้ามองเหตุการณ์เบื้องหน้าไม่ไหวติงเสมือนกาลเวลาหยุดนิ่ง

“แปลกประหลาดนัก ทวนอัศวาราตรีกาลเล่มนี้เป็นสมบัติของพี่ชายเจ้าถือครองอยู่ แลบัดนี้มาอยู่ในกำมือคู่พิสวาสของเจ้าได้นี้ ข้าอับจนความคิดนัก” เวฬุกล่าว โกสินทร์ยังคงตั้งท่าคุมเชิงมิให้ทหารเกราะทองกระทำจู่โจมลับหลังได้

มาตะลูบคลำทวนจนแน่แก่ใจว่ามิผิดจากของจริงแท้จึ่งไม่ได้กล่าวอันใดอีก

“น้องท่าน โปรดถอยห่างจากลานวิวาทก่อนเถิด บัดเดี๋ยวจักพลัดหลงโดนคมอาวุธให้ต้องเนื้อนวล แลข้าจักพะวักพะวนห่วงหน้าพะวงหลังจนมิอาจรับอาวุธได้เต็มกำลัง” พยักหน้าให้พจน์ยอมถอย

“นายมีแค่สามคนจะชกต่อยกับคนเป็นสิบได้ยังไง เดี๋ยวเราจะช่วยเอง” พจน์กระชับทวนเทวาตั้งท่าได้กระฉับกระเฉงทั้งที่ไม่เคยฝึกปรืออาวุธประเภทนี้มาก่อน

“น้องท่านเปรียบดั่งดวงใจของมาตะ ชะรอยหากถูกคมหอกคมทวนต้องผิวกายเพียงนิด หัวใจมาตะก็เจ็บแปลบประหนึ่งถูกเฉือนทิ้ง เชิญน้องท่านช่วยทำคุณพาใจข้าหลบจากที่อันตรายแห่งนี้เสียก่อนเถิด” มาตะส่งสายตาเว้าวอน

พจน์มีน้ำใจแฝงท่าทีตั้งมั่นวิริยะจะเข้าช่วยให้ได้ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนจับจ้องแต่หน้านายกองเกราะทอง

“บุรุษผู้นี่น่ะหรือ”

กฤษณะเอ่ยแทรก ใช้สองมือถอดเกราะครอบศีรษะออก เผยให้เห็นเด็กหนุ่มวัยเดียวกับพจน์ มาตะและสหาย ใบหน้ายาวแหลม จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง รวมถึงคิ้วเข้ม ดวงตาคมดุจเหยี่ยวนั้นคล้ายคลึงไอ้นิธิราวกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน หนวดเคราเหนือริมฝีปากทำให้กฤษณะดูเป็นผู้ใหญ่กว่าทุกผู้คน เจ้านั่นก้มลงคว้าทวนคู่กายถือไว้อีกข้าง ดวงตาเหยี่ยวนั้นจับจ้องพจน์ไม่ให้หลุดเลือน

“คือคนที่เจ้าพามาสู่ ณ สำนักเรือนพักแห่งนี้”

มาตะยืดกายเผชิญหน้า คิ้วขมวดแน่น สลับเขม้นมองพจน์กับกฤษณะด้วยสีหน้าเครียด

“หาใช่กิจอันใดของพี่ท่าน แต่เหตุวิวาทนี้จงระงับยับยั้งเถิด รังแต่จะสร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่ทรัพย์สินของแม่ป้าท่าน” มาตะดึงพจน์ให้หลบอยู่แผ่นหลังกว้าง

“ฮ่าๆ” กฤษณะหัวเราะลำพอง หยั่งเห็นกิริยาหวงของ สะกดให้อารมณ์ดีฉับพลัน ทั้งที่เมื่อครู่โกรธแค้นประหนึ่งถูกเพลิงเผา แล้วเสร็จก็ควักถุงผ้าหย่อนไปทางซึ่งนางแดงล้มเป็นลมอยู่ ข้าทาสวิ่งวนคว้าทองคำซึ่งหล่นเกลื่อนพื้นมากอบกำไว้

“เป็นความด่วนได้ใจร้อนของข้าเองที่กระทำอุกอาจสร้างความเสียหายแก่โรงสุราท่าน สิ่งนี้จึ่งเป็นทองเล็กน้อยซึ่งน่าจะทดแทนกันแลกันได้” กฤษณะน้อมก้ม กิริยาอาการเปลี่ยนแปลงเป็นนอบน้อมราวกับคนละคน

“หากพี่ท่านรู้การฉะนี้ ข้าก็ขอขอบน้ำใจนัก รอยแผลซึ่งท่านและสหายข้าต่างฝ่ายต่างฝากรอยกันไว้ให้ถือเป็นสัญลักษณ์การฝึกปรือในอาวุธ อันจะเป็นคุณประเสริฐแก่แผ่นดินในภายหน้า โปรดอย่าได้ถือสาหาความต่อกันอีก” มาตะเจรจาไกล่เกลี่ย

สีหน้าเรียบเฉยของกฤษณะพร้อมด้วยดวงตานิ่งสนิทว่างเปล่า ที่พจน์เผลอสบเข้าคราใดก็ให้ความรู้สึกลึกล้ำสุดคาดเดา
 
“วานเจ้ากลับสู่ห้องหับนับสำราญแต่แรกเริ่มเดิมทีเถิด ข้าเวฬุผู้นี้จักนำพา มาตะ จงอย่าได้พะวักพะวนเป็นห่วง”

เวฬุสังเกตอาการกฤษณะซึ่งลอบมองพจน์ดั่งนั้นจึงออกปาก เมื่อเห็นเพื่อนรูปงามพยักหน้าจึ่งเชื้อเชิญ พจน์เห็นว่าการวิวาทคงยุติแน่แล้วกลับใจยอมทำตาม
 
“ข้ายังมิรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าเลย” กฤษณะตะโกนถาม “โปรดแจ้งนามอันประเสริฐของท่านให้ข้าได้ยินสักคราเถิด”

ไม่แน่ใจว่านั่นคือคำถามสำหรับพจน์หรือเปล่าจึงหยุดยั้งรั้งรอเพียงครู่

“นามของผู้สามารถปลดทวนจากมือได้นั้น เป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับขุนทหารผู้ชาญณรงค์” กฤษณะยังคงพูดต่อ “ก็แหละการต่อยุทธกันแลกันนั้น คราใดถูกฝากรอยแผลหนึ่ง ถูกตัดพู่ทวนหนึ่ง แลถูกปลดทวนจากฝ่ามืออีกหนึ่งนี้ จักเป็นขวัญกำลังใจแก่ขุนทหารคู่ศึกในภายภาคหน้าให้ฝึกปรือฝึกซ้อม ย่อมปรารถนาชื่อแลนามของคนผู้กระทำโดยสิ้น หากท่านประสงค์ให้กฤษณะนี้มีกำลังแรงกายหมายหมั่นฝึกฝนมิยินยอมให้ผู้ใดปลดทวนจากมือตนได้อีกแล้ว วานเจ้าจงแจ้งนามนั้นให้เป็นแรงซ้อมด้วยเถิด”

“อย่าได้สนใจเลยเจ้า รีบกลับคืนห้องเถิด” เวฬุกระซิบบอก
 
“หากท่านมิยินยอมบอกนาม กฤษณะก็จักขอคุกเข่าอยู่เช่นนี้ไม่ไปไหน” ว่าเสร็จก็ทรุดกายแนบเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นดิน เหล่าทหารในสังกัดเห็นนายตัวกระทำดั่งนั้นจึ่งปฏิบัติตามโดยพร้อม พจน์เห็นท่าทีลุกะโทษแล้วก็พลันเกิดความรู้สึกเห็นใจ กัดฟันตอบไปว่า

ภัทรพจน์

สีหน้ายินดีในคำตอบทำให้กฤษณะอดวาดรอยยิ้มมิได้

มาตะส่งประกายกล้าสบตาคู่ตนแต่ไม่เอ่ยคำพูดใด พจน์กำทวนเทวาเดินตามเจ้าเวฬุกลับห้องหลังเดิม

“เจ้ามิควรฝากนามแก่คนผู้นั้น” เวฬุเติมน้ำมันตะเกียงพลางกล่าว

“ทำไมล่ะ แค่บอกชื่อเอง แล้วอีกอย่างเรื่องจะได้จบๆกันไปเสียที”
 
“หากเป็นในวาระอื่นแลบุคคลนั้นมิได้มีเจตนาแอบแฝงก็ย่อมจักชอบอยู่” เวฬุถอนหายใจ “แต่นายกองเกราะทองมองเพียงปราดเดียวก็รู้แจ้งว่า หมายปองแลหมายตาเจ้าฉะนี้ การแจ้งนามย่อมหมายถึงเจ้ายินยอมให้คนผู้นั้นทำตามประสงค์แก่ใจตัวได้”

“อะไรนะ นายนั่นน่ะเหรอ คิดอะไรกับเรา” สุดประหลาดใจ

“เจ้ารูปงาม แลกิริยาอาการน่าเอ็นดู เพียงแรกพบสบตาย่อมสร้างอารมณ์สั่นสะเทือนหวั่นใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่งดั่งนี้ มีหรือที่กฤษะพี่ท่านจะมิวาบหวาบใจตาม” เด็กหนุ่มร่างอวบชี้แนะ

“เราไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น จะทำยังไงดี” นึกห่วงความรู้สึกของมาตะขึ้นมาทันที

“เจ้ามีมาตะเป็นดั่งเกราะทองคุ้มภัยแล้ว จงอย่าได้ปริวิตก” เวฬุคลายสีหน้าเครียด “การณ์อันภายหน้าจักเป็นเช่นไรนั้นยากเกินคาดเดา แต่ความจริงใจของเจ้ามีแก่มาตะสหายเรานั้น ยังจะคงหนักแน่อยู่หรือ”

พจน์พยักหน้ารับ ไม่ต้องคิดให้มากความ

“ใช่แน่นอน”

“น้ำคำเจ้า แม้มาตะมาได้ยินคงชื่นอุราเป็นหนักหนา ข้าเองเป็นแต่เพียงสหายรักยังจักปริ่มอกดั่งนี้แล้ว ค่อยหายหวาดต่อสิ่งในห้วงคิดคำนึงนึก หากใจเจ้าแข็งแกร่งยึดมั่นดั่งหินผานิลกาฬตามคำซื่อ มาตะน้องเราจึ่งนับเป็นบุรุษผู้สุขล้นยิ่งในพิภพ”

มาตะเปิดประตูพรวดเข้ามาพร้อมโกสินทร์ เวฬุลุกจากตั่งแล้วยืนขึ้น สีหน้าเครียดนั้นบ่งบอกอารมณ์ของหนุ่มรูปงาม แววตาคมจับจ้องแต่ใบหน้าพจน์

“ข้าแลโกสินทร์จักคอยเฝ้าแหนอยู่หน้าห้องระวังภัย” เวฬุคว้าไหล่เด็กหนุ่มผิวเข้มสูงใหญ่ให้ละสายตาแดงไปจากพจน์

เมื่อเหลือเพียงคนทั้งสองมาตะจึ่งทรุดกายลงข้างเคียง

“นายไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม มาตะ” พจน์สำรวจหารอยแผล แต่เพียงริ้วรอยบาดเจ็บเพียงนิดก็หามีไม่ มาตะทอดถอนใจ แล้วหันมาจดจ้องพจน์อีกครั้ง

“บัดนี้น้องท่านได้ทวนอัศวาราตรีกาลมาถือครองแล้ว อาวุธซึ่งจักช่วยชุบชีวิตญาติกาน้องท่านให้กลับคืนดั่งคำกลอน โปรดจงรักษาดูแลประหนึ่งตัวมาตะอยู่เคียงข้างเจ้า”

พจน์ก้มมองทวนเทวาสีเงินในกำมือที่ปรากฏขึ้นมาหาตนได้ตามใจนึกปรารถนา

“ได้สิ”

“ทวนอัศวาราตรีกาลเป็นอาวุธคู่แผ่นดิน คือสมบัติซึ่งสนองคุณมหาอาณาจักรของชาวเรามาช้านาน นำออกรบทัพจับศึกนับครั้งไม่ถ้วน ล้วนลิ้มเลือดศัตรูมานักต่อนัก การมาสู่มือน้องท่านโดยอัศจรรย์นี้เป็นที่พิศวงแก่ใจข้า แม้นมิอาจหาคำตอบได้ แต่อาวุธทวนเทวามิเคยปรากฏว่าจักละจากมือผู้ถือครองมาสู่ผู้อื่นโดยมิมีสาเหตุ”

ทวนสีเงินสว่างวาบดุจแสงเดือน

“ด้วยเหตุเภทภัยซึ่งน้องเราประสบอยู่นี้คงจักทราบถึงทวนทรงฤทธิ์ จึ่งบันดาลมาสู่มือน้องท่านโดยมิพักต้องตามหา”

“ข้าตรองดูแล้ว เวลาซึ่งน้องท่านจักอยู่กับข้าคงเหลืออีกเพียงไม่นานแล้ว นั่นทำให้หัวอกของมาตะร้าวรานนัก” มาตะประคองหลังมือพจน์ขึ้นจูบสลับไปมา “บัดนี้พ้นยามสองแล้ว หากสิ้นมัชฉิมยามจักเสียพิธีการทำลายมนตราทมิฬ เมื่อคิดดั่งนี้อดทำให้ข้าวาบหวิวในห้วงหัวใจมิได้”

“เวลาซึ่งเราสองจักครองอยู่ด้วยกันช่างสั้นประดุจเทียนหนึ่งเล่ม เมื่อจุดไฟแลแสงเพลิงใช้ไส้เทียนจนหมดแล้วจึ่งสิ้นสุดเวลาพบเจอ”

“นายรู้หรือ....ว่าเรา....ไม่ได้อยู่พิภพนี้” พจน์ถามกลับ

“มีคำหนึ่งที่พระอาจารย์โกสินธพกล่าวกับข้าหลังคำปรึกษาสิ้นสุด”

ดวงตาสั่นไหวทำให้พจน์เจ็บปวดใจเหลือคณานับ ยกมือสัมผัสใบหน้าเศร้าให้คลายโศก มาตะจูบหน้าผากพจน์สูดกลิ่นหอมไว้ประทับทรวงเป็นครั้งสุดท้าย


“คู่ ใจเจ้าอยู่ไกลในพิภพ
ครอง บรรจบจิตมั่นอย่าหวั่นไหว
มา พบจากสิ้นวันผันเปลี่ยนไป
ตะ วันลับคืนไพรหวนกลับมา”


มือพจน์คว้าตัวเจ้าคนล่ำสันเข้าโอบกอดโดยพลัน เมื่อสิ้นสุดคำกลอนของพระอาจารย์ผู้นั้น พจน์ไม่อาจห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลได้ จิตใจของมาตะเจ็บปวดแค่ไหนบัดนี้พจน์รับรู้หมดสิ้นแล้ว หากเป็นตัวพจน์เองที่รู้ว่ามาตะต้องจากตัวไปไม่ได้อยู่เคียงข้างกันทุกวันเช่นนี้ ก็ให้รู้สึกเจ็บหัวอกทรมานจนพาลให้น้ำตาไหล

“ขอโทษ ขอโทษ” พจน์พร่ำบอก หลับตาเพื่อปิดกลั้นหยดน้ำ มาตะยกมือลูบหลังพจน์แผ่วเบา

“โปรดอย่าครวญคร่ำเลยเจ้า ข้าเข้าใจถ่องแท้โดยดีแล้ว”

“ขอโทษจริงๆ มาตะ เราขอโทษนายด้วย”

พจน์ไม่อาจรู้ได้ว่าวันเวลาซึ่งตนจะข้ามพิภพกลับไปแลมาหาคือเมื่อใดอีก คำขอโทษพรั่งพรูพร้อมหยดน้ำตาหลั่งริน สิ่งใดหนอถึงเล่นตลกกับความรักความรู้สึกของพจน์กับเจ้ามาตะเช่นนี้

ลมหนาวประดุจน้ำเย็นยะเยือกไหลผ่านตัวพจน์รวดเร็วดั่งสายฝนสาดใส่ ทำให้พจน์ต้องกลั้นใจลืมตา และทันทีที่เห็นสิ่งที่ปรากฏสู่คลองจักษุก็พาลให้น้ำตาพจน์ไม่อาจหยุดยั้งได้ ร่างสั่นวะวาบเพราะความเศร้าสุดแสนสะเทือนใจ

“ไอ้พจน์ มึงเป็นอะไรหรือเปล่า อยู่ๆก็มากอดกู”

เสียงไอ้กันซึ่งพจน์จำได้ดีกระซิบข้างกกหู เด็กหนุ่มยังคงโอบกอดนิธิอยู่เช่นนั้น เรือนพักแรมของนางแดงแปรเปลี่ยนเป็นห้องพักคนไข้โดยฉับพลัน มือขวาของพจน์ยังคงกำทวนอัศวาราตรีกาลแน่น แต่หัวใจปวดร้าวทรมานเหลือเกิน ในเมื่อทวนเทวายังสามารถติดตามพจน์มาสู่โลกปัจจุบันได้ แล้วเหตุใดหัวใจของพจน์ถึงไม่อาจนำกลับติดตัวมาด้วยได้


100%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2016 09:35:12 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แอบค้างนะเนี่ย แต่คนเขียนเก่งมากอ่ะ คือก่อนหน้าก็ว่าเก่งแล้วที่แบบให้คำพูดดูคล้องจองคล้ายกลอน แต่นี่มีแต่งกลอนได้อีกสุดยอดมากเลย :katai2-1:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
มาตะต้องรอนะ เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
นำ้ตาไหลตามพจน์เลย สงสารความรักของทั้งคู่ ต้องจากกันอีกแล้ว

ทวนมาอยู่กับพจน์ง่ายจัง ไม่รู้ว่าพจน์จะเกี่ยวข้องอะไรกับพี่ชายของมาตะหรือเปล่านะ

เสน่ห์ของพจน์ช่างน่ากลัว มาตะก็คงต้องรู้สึกหวงพจน์อยู่ตลอด มีคนรักที่งดงามก็ต้องควบคุมอารมณ์หึงหวงตลอด
มีคนมาแอบชอบพจน์กี่คนแล้วนี่  แต่มาตะได้ครอบครองทั้งกายใจไปคนเดียวเลยนะคะมาตะ :-[

รอลุ้นว่าจะใช้ทวนช่วยอาของพจน์อย่างไร แล้วพจน์จะได้กลับไปหามาตะอีกเมื่อไร
สนุกมากๆเลยค่ะ ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
โอ๊ยยยยยยยย เศร้าาาาาาา อ่านรวดเดียวมาถึงตอนนี้เลยค่ะ!!!!!
เราเชียร์มาตะนะ พ่อคุณน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน แต่ก็สงสารกันต์ สงสารปาล์มด้วย
น้องพจน์เลือกซักคนแล้วเทที่เหลือมาให้เจ้นะคะ โอเค๊!!!!

ออฟไลน์ noksamsee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มาตะแอบหื่นน่ะเนี้ย ชอบพระเอกเริ่องจังขนาดขอncยังสุภาพ เรียกนายเอกว่าน้อง คนอ่านอยากมีโมเม้นแบบนี้

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
มาตะแอบหื่นน่ะเนี้ย ชอบพระเอกเริ่องจังขนาดขอncยังสุภาพ เรียกนายเอกว่าน้อง คนอ่านอยากมีโมเม้นแบบนี้
มาตะไม่ได้หื่นนะครับ มาตะของเราแค่อดใจไม่ไหวเท่านั้น 555

โอ๊ยยยยยยยย เศร้าาาาาาา อ่านรวดเดียวมาถึงตอนนี้เลยค่ะ!!!!!
เราเชียร์มาตะนะ พ่อคุณน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน แต่ก็สงสารกันต์ สงสารปาล์มด้วย
น้องพจน์เลือกซักคนแล้วเทที่เหลือมาให้เจ้นะคะ โอเค๊!!!!
สุดยอดครับ  :katai2-1: อ่านตั้งแต่แรกจนถึงตอนล่าสุด ไม่ได้อ่านข้ามนะครับ เดี๋ยวจะพลาดปมสำคัญไป มาตะได้แฟนคลับเพิ่มมาอีกคนแล้ว น่าดีใจ แต่ กัน กับ ปาล์ม นี่ ยังจะมีแฟนคลับอยู่บ้างไหมน้า 555 บางทีพจน์อาจจะเก็บไว้หมดเลยก็ได้นะครับ

นำ้ตาไหลตามพจน์เลย สงสารความรักของทั้งคู่ ต้องจากกันอีกแล้ว

ทวนมาอยู่กับพจน์ง่ายจัง ไม่รู้ว่าพจน์จะเกี่ยวข้องอะไรกับพี่ชายของมาตะหรือเปล่านะ

เสน่ห์ของพจน์ช่างน่ากลัว มาตะก็คงต้องรู้สึกหวงพจน์อยู่ตลอด มีคนรักที่งดงามก็ต้องควบคุมอารมณ์หึงหวงตลอด
มีคนมาแอบชอบพจน์กี่คนแล้วนี่  แต่มาตะได้ครอบครองทั้งกายใจไปคนเดียวเลยนะคะมาตะ :-[

รอลุ้นว่าจะใช้ทวนช่วยอาของพจน์อย่างไร แล้วพจน์จะได้กลับไปหามาตะอีกเมื่อไร
สนุกมากๆเลยค่ะ ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:
คนเขียนก็น้ำตาไหลครับ ไม่อยากพรากพวกเขาเลยจริงๆ แต่ทวนมาหาพจน์ง่ายไปเหรอครับ เอ ต้องติดตาม เพราะตอนนี้อุบัติการแห่งพลังสถิตร่างของพจน์โดยสมบูรณ์พร้อมแล้วนี่นา เตรียมใจไว้เลยครับ พจน์ของเราเสน่ห์แรงกว่านี้อีกมาก รอติดตามต่อไปเรื่อยๆนะครับ

มาตะต้องรอนะ เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก
ใช่ครับ อดทนๆ  :z3:

:o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

คู่-ครอง-มา-ตะ ♡
ภั-ท-ร-พจน์  :L1:

โหยยยยย  :z3:
ใจเย็นๆครับ

:mew6:
:mew4:

แอบค้างนะเนี่ย แต่คนเขียนเก่งมากอ่ะ คือก่อนหน้าก็ว่าเก่งแล้วที่แบบให้คำพูดดูคล้องจองคล้ายกลอน แต่นี่มีแต่งกลอนได้อีกสุดยอดมากเลย :katai2-1:
ขอบคุณครับ ถ้าชอบก็คอยติดตามเป็นกำลังใจเรื่อยๆนะครับ

เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากๆเลยค่ะ

 :katai2-1: :katai2-1:
ขอบคุณครับ คอยติดตามน้า อย่าทิ้งกันไปไหนนะครับ

แทบขาดใจ ค้างงงง :katai1:
อย่าเพิ่งขาดใจตายเสียก่อนสิครับ แบบนี้ก็อดรู้เรื่องต่อน่ะสิ 555

ช่างมีเรื่องมาขัดจังหวะได้ตลอดเนอะ มาตะแลดูมีแต่อุปสรรค
รักแท้ต้องพิสูจน์ผ่านกาลเวลา และอุปสรรคขวากหนามมากมายครับ ถึงจะได้ชื่อว่า รักมั่นคงชั่วนิรันดร์

แอร๊ยยย :jul1:
ฮ่าๆ  :m25:

พี่ชายมาตะหรอ?  น่าคิดๆ
ยังๆครับ พี่ชายมาตะยังไม่ปรากฏตัวง่ายๆ รอติดตามกันต่อไปนะครับ

o13
:pig4:

ใครหนอมาขัดจังหวะ ต้องเป็นคุณพี่ชายของมาตะแน่เลย แต่มาตะร้ายมากนะกล่อมพจน์จนเกือบได้
ถึงตอนล่าสุดน่าจะรู้แล้วนะครับ ว่าไม่ใช่พี่ชายมาตะ อิอิ พจน์แพ้ทางมาตะตลอดเลย คราวหน้าต้องฮึดสู้ให้ได้

ก่อนอื่น เราต้องขอขอบคุณ ซึ่งต้องขอบคุณมากๆๆๆ ฮะ
เป็นเรื่องที่สนุก เพลิดเพลิน ละมุน กลมกล่อม ทั้งยังมีความสลับซับซ้อนเกินกว่าที่จะคาดเดาได้ ซึ่งเชื่อว่าผู้ประพันธ์ได้รังสรรค์ผลงานชิ้นนี้ด้วยความคิดอ่านที่ผ่านการคัดกรองมาอย่างดีและเต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ...

อ่านมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ก็ต้องขอขอกว่า เรื่องนี้ดีมาก แทบจะไม่มีที่ติ แต่เนื่องด้วยเป็นเรื่องที่มีการพรรณนาด้วยถ้อยคำที่สละสลวยซะส่วนใหญ่และมีความวิจิตรบรรจงอยู่มาก จึงทำให้มาตรฐานการอ่านจึงสูงขึ้นตาม ทั้งนี้ คำผิด แม้เพียงเล็กน้อยก็จะทำให้เสียอรรถรสได้ เช่น ท่อนร่าง ซึ่งเราจะพบได้บ่อยในบทตอนต้นๆ หรือคำ พิศวาส ซึ่งพบได้ในบทนี้ และจะพบคำอื่นๆ อีกประปราย แต่โดยรวมไม่ได้มีมากและก็ไม่ได้ทำให้ความหมายผิดเพี้ยนหรือเสียหายอะไรไป นอกจากนี้ การบรรยายความในช่วงย้อนเวลา บางช่วงบางตอน ดูจะเป็นการผสมผสานทั้งคำสมัยใหม่และสมัยก่อน ซึ่งมองว่าเป็นการหลุดออกจากโทนไปบ้าง ถ้าควบคุมการใช้คำให้สอดคล้องกับแต่ละช่วงเวลาได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก
ทั้งนี้ทั้งหมดไม่ใช่ข้อผิดพลาดอะไรที่สำคัญมากมายอะไร แค่จะช่วยเติมเต็มให้มันสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น (เชื่อว่าถ้าได้ย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่ต้น ก็จะเจอและเข้าใจในสิ่งที่เราบอก)...
สุดท้าย...ทุกอย่างเป็น คหสต นะฮะ
ได้โปรดอย่าโกรธกันเลย หรือ ถ้าเราทำให้รู้สึกไม่ดีก็ต้องขออภัยด้วยนะฮะ
[size]
ชอบมากครับ ความคิดเห็นยาวๆแบบนี้ โดยเฉพาะคำติชมต่างๆ คำผิดนี่จะตรวจทานให้ดีที่สุดก่อนลงนะครับ บางทีก็หลงหูหลงตาหลุดไปบ้าง แต่จะตามแก้ย้อนหลังอีกทีครับ ส่วนคำที่เป็นสมัยใหม่หรือสมัยเก่าปนกันต้องดูเหตุการณ์ว่าตอนนั้นเป็นฉากข้ามพิภพแล้วถ้าเป็นคำพูดของพจน์ก็อยากจะยังคงคำสมัยใหม่เพราะพจน์มีชีวิตอยู่ยุคปัจจุบัน เรื่องคำสมัยใหม่ติดปากมาด้วยจึงเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากเป็นคำบรรยายในฉากข้ามพิภพ ตั้งใจว่าจะใช้คำสมัยก่อนให้มากที่สุด แต่ถ้าหากหลุดไปบ้างก็ขออภัยด้วย ณ ที่นี้ ไม่โกรธหรอกครับ ยิ่งชอบเสียมากกว่า คราวหน้าเอายาวกว่านี้อีกนะครับ

เหมือนเจอขุมทรัพท์;_____; แงดีใจที่ได้เจอเรื่องนี้ คุณคนเขียนบรรยายภาษาสวยมากๆๆๆๆ ×10000000เลย บทกลอนบทโคลง ทำให้เรานึกถึงตอนครูให้นั่งแปลความ 555555555 ทำไม่ได้ยังไงก็ยังเหมือนเดิม พอถูไถๆไป สงสัยต้องกลับนั่งค้นนั่งแปลแล้วล่ะ555555 เนื้อเรื่องดีมากกกกกชวนติดตาม ด้วยความที่ชอบแนวนี้ยิ่งไปใหญ่

น้องพจน์นี่อ้อยใจจริงๆ อ้อยแบบไม่รู้ตัว เราแมนแมนเตะบอลแต่งกลอนเป็น5555555555 ฮือ น้องไม่ผิด ไอ้พวกผู้ชายพวกนั้นต่างหากมันไว้ใจมั้ยดั้ยยยยยยยยย คนน่ารักซื่อๆไม่ผิดจัมวรั้ย!!! (พิมพ์ไปกลั้นขำไป เรา #ทีมพจน์55555) ตอนล่าสุดนี่โมโหมาตะจริงๆขอหยาบนะคะ ไอ้บ้า คนผีทะเลพูดไม่รู้เรื่อง โมโหไปดิ เถียงฉอดๆๆๆ พอเอาเข้าจริง เห้ย มีแผนนี่หว่ากะให้น้องโมโหแล้วตะล่อมน้อง ร้ายกาจ หยอดได้หยอดดี ละโกรธไม่ลงด้วยนะ5555555555 น้องพจน์อย่ายอมนะ คราวหน้าอย่าใจอ่อน นี่อยากเห็นมาตะทุรนทุราย555555555555หมั่นไส้

ปล. น้องพจน์จะมีพลังตอนต้องเสียหยาดเหงื่อแรงกายหรอ นึกว่ามาตะพูดเป็นเล่นตอนวรรคท้าย แฮ่ก เหนื่อยแทน
โห ถึงขนาดต้องนั่งแปลเลยหรือครับ 555 ใช่แล้วครับ พจน์ไม่ผิด คนที่มาชอบนั่นแหละทำให้พจน์สับสน อิอิ คราวหน้าคนเขียนก็อยากเห็นมาตะทุรนทุรายเหมือนกัน ต้องคอยติดตามครับ

:กอด1: การใช้ภาษาของคนเขียนนี้ชั้นเทพจริงๆ อ่านแล้วให้ความรู้สึกสละสลวย มันเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ ตามต่อคะ  :mew1:
ขอบคุณครับ ความคิดเห็นของคุณเป็นกำลังใจแก่คนเขียนเป็นอย่างดียิ่ง

เคยอ่ายฉากวาบหวามแต่สำนวนสวยแบบนี้ไหม ตอบเลยว่าไหม

คือมันสละสลวยมากจนดูไม่โป๊ แต่แใงไปด้วยอารมณ์อะ มาตะเกี้ยวน้องพจน์เสียไปไม่เป็นเลย

คนเขียนรู้ไหมเราลำบากมาก เพราะเราไม่เก่งไทย และอยู่บ้านแม่ไม่มีพจนานุกรม บางคำนี่เดาตามความรู้สึกล้วน ๆ 55555555555555
ดีใจที่คุณชอบครับ โห ถึงขนาดต้องเปิดพจนานุกรมเลยหรือครับ อ่านเอาอรรถรสครับ คำบางคำไม่รู้ก็ข้ามไปแต่พอรู้เนื้อความก็ใช้ได้แล้วครับ

อั่ก!!  :m25:
กระอักเลือดเลยหรือครับ 555

มาตะ เจ้าเล่ห์จริงเชียว  :hao6:
เค้าเรียกว่าคารมคมคาย วาจาเป็นเอก สาริกาลิ้นทองอะไรประมาณนั้น มาตะไม่เจ้าเล่ห์หรอก จริงจริ๊ง 555

แอร๊ยยย :jul1:
5555


ขอเขินแป๊บได้มั้ย
ขอเขินด้วยคนครับ  :-[

รออีก50
 อ่าาาาาาาาาา :hao6:
ขอบคุณครับที่รอ.....


เพิ่งเข้ามาอ่าน ติดตามค่าา
เชิญติดตามต่อไปเรื่อยๆนะครับ อย่าทิ้งคนเขียนน้า


o13
:pig4:

คนเขียนทำร้ายจิตใจคนอ่านมากเลย ตัดตอนได้แบบว่าค้างอ่ะ

มาตะออดอ้อนพจน์ได้น่ารักมากอ่ะ หวานมาก

ชอบการบรรยายแบบนี้มากเลยทำให้เห็นถึงความงามของภาษาไทย
จำเป็นต้องตัดจบครับ เพราะคนเขียนก็ทนเห็นเค้าสวีทกันไม่ไหวเหมือนกัน เขินแปบ

เข้าใจความรู้สึกของทั้งมาตะและพจน์เลยนะ  แต่สุดท้ายพจน์ก็แพ้คารมและแววตาของพ่อมาตะจนได้
คู่นี้หวานกันมากๆเลย :-[   อยากอ่านต่อมากๆเลย :ling1:
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:
หวานจนน้ำตาลขึ้นหรือเปล่าครับ อิอิ พจน์แพ้ทางคนแบบนี้ เลยไม่รู้คราวหน้าพจน์จะเอาวิธีไหนมาต้านทานดี

ตอนนี้มาตะแอบเจ้าเล่ห์อ่า~ มีอ้อนด้วย พจน์ก็ตกลงหลุมของมาตะไปเต็มๆเลย คราวก่อนลืมบอกไปว่าชอบชื่อของพนจ์มาก คำพูดที่ดีงาม (ใช่ป่ะ รึเราจำผิดหว่า) เอาเป็นว่าคนเขียนแต่งชื่อเพราะอ่ะ ชอบค่ะชอบ :katai2-1:
คุณแปลชื่อพจน์ได้ถูกต้องแล้วครับ ขอบคุณครับที่ชอบ รอติดตามชื่อตัวละครใหม่ที่จะตามมาเรื่อยๆนะครับ

พ่อมาตะ เจ้าคนปากหวาน คนหื่น
 :hao6: :hao6:
มาตะ นายต้องยอมรับแล้วล่ะว่าตัวเองหื่น มีแต่คนบอก 5555

ค้างงงงงงงง :katai1:

ทำงี้เอมาดมาแทงกันเลยนนคนเขียน  :hao5:
เกิดพลาดพลั้งแทงไป แล้วใครจะมาอ่านเรื่องนี้ต่อละครับ ไม่แทงเนอะๆ


ป๊าดดดดดดดดดดดดดดดด!!
เป็นไงๆบ้างครับ 5555

ใครเป็นเบื้องหลังเนี่ยยย แล้วกันจะเป็นไรป่าว? :katai1:
ผู้บงการเบื้องหลังจะค่อยเผยโฉมหน้าออกมาทีละน้อย คอยให้ลุ้นครับ

ชอบมากค่ะ ชอบจริงๆ อ่านไปฟินไป อบอุ่นไปกับมาตะ แอร๊ยยยย ป้าปลื้มนาง เป็นนิยายที่เหมือนลูกผสม นิยายฝรั่งกับไทยเลย ชอบจังเลยค่ะ สนุกชอบๆๆ มาอีกนะคะ
ขอบคุณครับ คุณป้า เอ๊ย เรียกแบบนี้จะแก่ไปหรือเปล่า เรียกพี่ละกันเนอะ นี่ก็เอฟซีมาตะอีกคน ยินดีครับที่พี่ชอบ อิอิ

สนุกค่า รอๆๆๆๆๆๆ :hao6: :hao6:
ถ้าสนุก ก็ต้องรอติดตามเป็นกำลังใจให้กันเรื่อยๆนะครับ คอมเม้นต์บ้าง ส่งสติกเกอร์ ก็ดีใจแล้วครับ

รอค่ะ
คอยติดตามครับ จะลงให้ถี่ที่สุด ไม่ให้ทิ้งห่างเวลาลงมากเกินจนลืมเรื่องราวบทก่อนหน้า

มารอคะ
:3123:

รออ่านต่ออยู่นะครับ
รักเลย :กอด1:


ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ ๑๕


มนตราลีลาทมิฬ



วงแขนแน่นกอดกระชับแนบสนิท ต่างฝ่ายต่างชิดประกบผิวกายร้อนให้ร้อนยิ่งขึ้น พจน์ไม่อยากถอนอ้อมแขนจากไอ้กันเลยในวินาทีที่ตนกำลังร้องไห้อยู่นี้ ไม่อยากให้มันเห็นตนเสียใจ จึงโอบแขนรอบร่างสูงไว้เหมือนที่ยึดเหนี่ยว คนถูกกอดเกี่ยวเห็นกิริยาอาการดังนั้นจึงกระทำตอบกลับ ลูบแผ่นหลังผ่านเสื้อกันหนาวขึ้นลง

“มึงเจอเรื่องไม่ดี หรือว่ามีใครรังแกมึง รีบบอกกูมา ไอ้พจน์” เสียงทุ้มต่ำซักไซ้ พจน์ส่ายหน้ากับไหล่กว้าง ยกหลังมือเช็ดคราบน้ำตา

“มึงทำให้กูเป็นห่วงนะ ถ้ายังไม่บอกสิ่งที่มึงไปเจอมา กูคงทุกข์ใจอยู่แบบนี้” ไม่ได้เป็นคำสั่ง แต่เหมือนเป็นคำร้องขออ้อนวอนเสียมากกว่า

แววตาเศร้าโศกของมาตะยังติดตราตรึงใจพจน์อยู่ เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นเองที่ไออุ่นจากเนื้อกายล่ำสันสัมผัสผิวนวลของพจน์ยังไม่ทันจางหาย เขาก็ข้ามพิภพกลับมาสู่ร่างปัจจุบันทันด่วน ทำเอาหัวใจถูกบีดรัดเหมือนมีเชือกล่องหนขึงตึงจนเจ็บปวดร้าวราน อ้อมกอดของไอ้กันแม้ไม่อุ่นหนาเท่ามาตะแต่เป็นเครื่องปลอบความรู้สึกเศร้าเสียใจได้เป็นอย่างดี

“มึงพูดอะไรก็ได้ให้กูได้ยินสักคำ ให้กูรู้ว่ามึงโอเค”
 
แรงเต้นเหนืออกซ้ายของนิธิสั่นระรัว กลัวก้อนเนื้อนั้นจะหลุดออกมาสู่ภายนอก พจน์เลื่อนมือแตะบนอกแน่นให้คลายความตึงเครียด เพียงมือพจน์สัมผัส จังหวะสูดลมหายใจจึงคืนกลับปกติ เด็กหนุ่มนัยน์ตาคมเต็มตื้นด้วยหยาดน้ำถอนกอดออกเชื่องช้า ก้มหน้าปิดบังรอยชอกช้ำ

นิธิประคองใบหน้างดงามขึ้น เพียงพบเห็นตาแดงก่ำเพราะแรงบีบหยดน้ำ ส่งให้ดวงตาคมดุจเหยี่ยวเครียดขมึง คิ้วเป็นเส้นบางเคลื่อนเข้าหากัน พลางใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดคราบน้ำตาให้เหือดหาย

“ไอ้นั่นมัน...” ไอ้กันกัดฟันพูดข่มอารมณ์โกรธเบื้องลึก “มันทำร้ายมึงงั้นหรือ”

พจน์ส่ายหน้า แม้ไม่รู้ว่าไอ้กันหมายถึงใคร แต่สิ่งที่ทำให้ตนร่ำไห้เสียใจล้วนมาจากตัวเขาเองทั้งนั้น เป็นพจน์เองที่ทำให้เจ้ามาตะที่บัดนี้คงใจหายไม่ต่างจากตน

“ไม่มีใครทำอะไรกูหรอก”

ใบหน้าตึงแสดงว่าคนตัวสูงไม่เชื่อในคำอธิบายนี้ พจน์ยกหลังมือเช็ดรอยน้ำตาอีกครั้ง สูดหายใจลึกเพื่อเรียกสติและกำลังแรงทั้งหมดกลับคืน เรื่องราวระหว่างพจน์กับมาตะล้วนเป็นสิ่งเหนือคำอธิบายใดจะแจงแถลงไขให้ใครอื่นสามารรับรู้หรือเข้าใจได้ พจน์เชื่อว่าสักวันหนึ่งต้องมีใครสักคนตอบคำถามในใจนี้ได้ ว่าทำไมถึงเล่นตลกกลั่นแกล้งความรู้สึกของมนุษย์ที่มีหัวจิตหัวใจ รับรู้ทุกข์สุข รับรู้ความเจ็บปวด รับรู้ว่าการถูกพรากจากอ้อมอกของคนที่ต่างฝ่ายต่างฝากใจกันและกันไว้นั้นมันทรมานเหลือแสน

“ถ้างั้นทำไมมึงถึงร้องไห้ล่ะ” แววตาดุจ้องรอคำตอบอันน่าพึงใจ

“ไม่มีอะไร แค่...กูไม่เข้าใจอะไรบางอย่างเท่านั้น” พจน์ส่ายหน้า

“มึงเป็นคนที่กูสาบานจะปกป้องคุ้มครองด้วยชีวิต แค่เห็นมึงร้องไห้ครั้งไหน หัวใจกูก็เจ็บยิ่งกว่านั้นเสียอีก ถ้าไม่ยอมบอกว่าอะไรทำให้มึงถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ก็สลัดแววตาเศร้าให้หายไปเสียที เพราะกูนี้โคตรทรมานเลย ปากก็บอกว่าเฝ้าดูแลชีวิตมึงได้ แต่แค่มึงไม่ได้อยู่บนพิภพนี้ กูก็ไม่มีความสามารถจะติดตามไปช่วยเหลือ โธ่ เว้ย”
 
ไอ้กันยกมือข้างที่ยังพันผ้าพันแผลเงื้อง่าพร้อมจะชกกำแพงห้องทำร้ายตัวเองอีก โชคดีที่พจน์ยื้อยุดฉุดรั้งไว้ทันการณ์

“มึงอย่าทำแบบนี้ดิ ไอ้กัน” พจน์ตวาดกลับเพื่อเรียกสติอีกฝ่าย มันจึงยอมผ่อนแรงตามกำลังขัดขวาง

ขณะนี้ภายในห้องพักคนไข้มีแต่ความเงียบผิดปกติวิสัย ภพดนัยเอนซบศีรษะกับพนักโซฟา มีดารานอนหลับบนตักของบิดาในทิศตรงข้าม เช่นเดียวกับพยาบาลสาวสองคนที่นั่งฟุบอยู่ข้างเตียงของอาธนพล ส่วนพี่สุนิสาไม่มีวี่แววว่าจะอยู่ในห้องนี้ เธอคงออกไปทำธุระสักอย่างหนึ่ง บรรยากาศดึกสงัดสะท้อนผ่านกระจกริมระเบียงห้อง เข็มหน้าปัดนาฬิกาติดผนังบอกว่าเพิ่งผ่านเวลาตีสามมาเพียงห้านาที

“กูจะบอกมึงเมื่อถึงเวลา เข้าใจไหม” พจน์ลดเสียงลงไม่อยากปลุกให้คนอื่นตื่นจากนิทรา สีหน้าของนิธิดื้อรั้นกับคำพูดพจน์เป็นอาการว่าไม่เข้าใจอย่างแน่นอน “ถ้ามึงไม่เข้าใจ งั้นมึงคงอธิบายได้ว่า ทำไมถึงรู้ว่ากูสามารถข้ามพิภพได้”

นิธิขยับถอยห่างจากกายพจน์แล้วหันหน้าหลีกหนี

“เช่นเดียวกับเมื่อครั้งมึงถามว่ากูคือใคร กูขอปฏิเสธ”

พจน์ถูกคนคนนี้ขัดใจนับครั้งไม่ถ้วนนั่นทำให้อารมณ์โกรธกลับคืนทดแทนความเศร้าในทันที

“กูรู้ว่ามึงไม่ใช่เด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆแน่ มึงรู้ว่าจะมีคนทำร้ายกู มึงรู้จักจุมพิตสีเลือด มึงรู้ในสิ่งที่คนบนโลกนี้ไม่มีทางรู้ แล้วจะให้กูยินดีที่จะฝากความเชื่อใจไว้ในความคุ้มครองของคนที่กูไม่รู้จักตัวตนแท้จริงได้ยังไง”

“กูคือไอ้กันคนเดิมของมึง ไอ้มนุษย์ที่ตกหลุมรักเพียงแรกพบสบตา ไอ้คนที่สาบานจะรักมึงคนเดียวและจะปกป้องคุ้มครองมึงไปชั่วชีวิต ไอ้คนนั้นคือคนที่นั่งอยู่ตรงหน้ามึงนี้” มันจับมือพจน์ไว้ไม่ให้ถอยหนี

“หากวันหนึ่งความจริงเปิดเผยว่ากูคือใคร กูก็จะยังเป็นคนคนเดิมที่รักมึง ถึงเวลานั้นมึงจะรังเกียจกู แต่มึงรู้ไว้เลย หัวใจกูดีใจทุกครั้งที่มึงยิ้มและเจ็บทุกครั้งเมื่อมึงร้องไห้ มึงรู้เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”

พจน์ไม่รู้จะโกรธกว่าเดิมหรือโกรธไม่ลงเมื่อได้ยินคำซื่อตรง ไม่รู้ว่าพจน์ทำสิ่งไหนให้ไอ้กันเกิดชอบพอได้ อยู่ๆมันก็มาท้าให้พจน์แปลความโคลงสี่สุภาพ พร้อมเงื่อนไขสุดประหลาด ต่อมาก็มาสารภาพความรู้สึก สำนึกผิดและสาบานจะอยู่เคียงข้างพจน์ เขาไม่เห็นว่าจะมีช่วงเวลาไหนเลยที่ปฏิบัติต่อไอ้กันด้วยดีจนมันเกิดนึกชอบพอ แต่อย่างน้อยสิ่งที่มันช่วยชีวิตไอ้น้ำก็ทำให้มันก้าวมาเป็นเพื่อนได้อย่างสนิทใจ แต่เบื้องลึกในกายคนผอมสูงใบหน้าหล่อร้ายนี้คือใครกันแน่ เจ้าตัวเองก็ปฏิเสธมาโดยตลอด

ความร้อนแผ่กระทบถึงผิวมือพจน์ข้างซึ่งกำทวนอัศวาราตรีกาลไว้ เมื่อคั้นเอาความจริงจากไอ้กันไม่ได้จึงละไว้ก่อน หักใจตัดความรู้สึกเศร้าเพราะการพรากจากมาตะอย่างปัจจุบันทันด่วนเพื่อแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้า

“คำตอบของกลอนปริศนาคือสิ่งนี้ใช่ไหม สิ่งที่มึงจะบอกกูแต่พูดไม่ได้”

“ใช่แล้ว ทวนเทวาคือส่วนซึ่งขาดหายไปในบทสุดท้ายของมนตราลีลาทมิฬ” นิธิพยักหน้ารับ จับจ้องทวนสีเงินไม่วางตา พจน์ผลุดลุกขึ้นยืน
 
“แล้วต้องทำไงต่อ”

ไอ้กันคว้ากระดาษกลอนที่ติดอยู่ในมือพจน์อีกข้างมาอ่านทวนซ้ำ สีหน้าเครียด พึมพำงึมงำกับตัวเอง สักพักจึงก้าวเข้าประชิดปลายเตียงคนเจ็บ สีหน้าซีดขาวราวกับไร้เลือดของธนพลทำให้หลานชายคนเดียวรู้เจ็บปวดอีกครั้ง พจน์เห็นกราฟบนหน้าจอของเครื่องวัดอัตราการเต้นหัวใจพุ่งขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ นั่นช่วยให้มีความหวังมากขึ้น

ทวนอัศวาราตรีกาลสีเงินสะท้อนแสงไฟข้างเตียงผู้ป่วยดูแวววาวเปล่งประกายประหลาด ความยาวเมื่อวัดจากส่วนสูงของพจน์ปลายคมแหลมเลยศีรษะตนมาเพียงเล็กน้อย ขยับเปลี่ยนข้างถือก็ไม่เลื่อนหลุดโดยง่าย อาวุธโบราณนี้จึงเหมาะเข้ากับมือพจน์อย่างน่าพิศวง

“สิ่งที่มึงกำลังจะเจอในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เป็นสิ่งที่มึงไม่สามารถลบลืมไปจากความทรงจำได้ และกูเชื่อว่ามึงมีความกล้าหาญพอที่จะเผชิญกับอะไรก็ตามไม่ว่าสิ่งนั้นจะอันตรายแค่ไหน เหตุการณ์ทั้งหลายนี้ล้วนกำหนดไว้แล้วเพื่อให้มึงได้พบเจอ แต่กูขออย่างเดียว หากมึงไม่สามารถฝืนทนไหว จงร้องบอกกูทันที”

สายตาแน่วแน่จ้องรอขอคำตอบรับ

“ได้ดิ” พจน์ยืนยัน “มึงรู้ได้ยังไงว่าเรากำลังจะเจอกับอะไร”

“กูไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ก่อนหน้าที่กูจะเจอมึง โลกใบนี้ล้วนเต็มไปด้วยภยันอันตรายยิ่งกว่าอันตรายทั้งหมด มึงนึกไม่ออกว่าโลกที่กูอยู่ก่อนหน้าเป็นอย่างไร แต่วินาทีที่กูสบตามึง ทุกสิ่งที่กูเชื่อพลันเลือนหายสาปสูญ อันตรายแม้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่หวั่นเกรงอีก โลกใบนี้เป็นเหมือนลูกฟุตบอลที่มึงเตะซ้อมแข่งขัน มีผู้เล่นแข่งอยู่สองฝ่าย แต่ละฝ่ายต่างตั้งใจเตะบอลไปในทิศทางที่จะนำสู่ชัยชนะ และตอนนี้เหมือนกูย้ายข้างมาอยู่ทีมเดียวกับมึง
 
ลูกบอลเมื่อมันอยู่ในเท้า มึงก็รักมัน มั่นใจว่าสามารถนำไปสู่ชัยชนะยิ่งใหญ่ แต่เมื่อลูกกลมๆนั่นหลุดไปอยู่ในฝีเท้าคู่แข่ง มึงก็หวั่นว่าเจ้าลูกนั่นจะพุ่งเข้าตุงตาข่ายฝ่ายตัวเองจนพ่ายแพ้ราบคาบ ความรู้สึกทั้งรักหวงแหนทั้งหวาดกลัวในคราวเดียวกัน นั่นคือ ความจริงของโลก ณ ตอนนี้ เช่นเดียวกับความรู้สึกก่อนที่กูจะเจอมึง แต่ตอนนี้เหลือเพียงความรู้สึกเดียวสำหรับกู”

“รัก...หวงแหน” พจน์เผลอตอบอย่างไม่ทันรู้ตัว

“แล้วอย่างนี้จะให้กูหายหน้าไปจากชีวิตมึงได้ยังไง จะให้กูเลิกรักมึงได้ยังไง จะให้กูไม่รักลูกบอลนี้ได้ยังไง” นิธิมอบจูบสัมผัสหน้าผากพจน์แผ่วเบา อ้อยอิ่งเนิ่นนาน พจน์หลับตายินยอมให้ไอ้กันได้ปลดปล่อยความรู้สึกนั้น

“ขอบใจมึงมาก ที่ไม่ชกกูกลับเหมือนครั้งก่อน” มันยกยิ้มมุมปาก

“โลกนี้จะอยู่ในกำมือมึงหรือฝ่ายคู่แข่งนั้นไม่สำคัญอีก อันตรายแม้จะชั่วโฉดหรือร้ายกาจยากเกินรับไหวก็ไม่สำคัญอีก กูจะอยู่เคียงข้างมึงเอง จำไว้”

“มึงพูดเหมือนกับว่าโลกที่เราอยู่กำลังตกอยู่ในสถานะอันตราย”

“แล้วมึงไม่คิดว่าเรื่องน้ำท่วมโลกที่ปู่มึงประกาศไม่เป็นอันตรายงั้นเหรอ” ไอ้กันถามกลับ พจน์พยักหน้ารับ

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอันตรายที่มึงบอกว่าเรากำลังจะเจอในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า”

“อันตรายอย่างเดียวกัน แต่ชั่วร้ายยิ่งกว่าและพบเจอได้รวดเร็วกว่าภัยน้ำท่วมโลก” ไอ้กันก้มลงอ่านทวนบทกลอนมนตราลีลาทมิฬอีกครั้งจนขึ้นใจ แววตาอ่อนโยนบัดนี้แข็งกร้าวจ้องมองใบหน้าอาธนพลบนเตียงแน่วแน่ มันยื่นฝ่ามือขวากางขยายนิ้วออกหน้านิ่วคิ้วขมวด พลางพึมพำเป็นคำที่พจน์ไม่อาจเข้าใจได้
 

“กฤษดามนตราทมิฬ ทวารตรีสหัสวรรษกัมปนาจ!!!”


คำกล่าวเมื่อเริ่มแรกแผ่วเบาประดุจสายลม แต่พอใกล้สิ้นสุดกลับแผดก้องเหมือนฟ้าผ่าลงกลางห้อง พจน์ขนลุกอย่างหาสาเหตุไม่ได้ เหลียวมองรอบกาย คุณพ่อและน้องสาว รวมถึงพยาบาลทั้งสองเหมือนหูดับ ยังคงนอนหลับลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ

และทันใดนั้นอกของอาธนพลก็ยกขึ้นสูงรวดเร็วเหมือนมีมือล่องหนฉุดรั้ง บัดเดี๋ยวก็ฟุบลงกลับคืนฉับพลัน สัญญาณกราฟอัตราการเต้นของหัวใจขยับขึ้นลงเร็วกว่าปกติ พจน์เห็นดังนั้นจึงตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก

“ไอ้กัน มึงพูดอะไรทำอาพลถึงมีอาการแบบนั้น” ตอนนี้ร่างธนพลบิดเร่าราวกับทรมานสุดแสน พจน์รีบประชิดจับแขนเย็นยะเยือกไม่ให้ทำสายน้ำเกลือเลื่อนหลุดขาด

“ไอ้พจน์ มึงกลับมายืนข้างๆกูเดี๋ยวนี้” เมื่อพจน์ยังรั้งรอมันจึงตวาดเสียงดังก้อง “เร็ว!!!”

พจน์เห็นอาการบิดซ้ายขวาทุรนทุรายของอาพลแม้หลับตาอยู่ก็ให้รู้สึกเวทนาสงสารเหลือล้ำ จำต้องถอนกลับมาตามคำของไอ้กัน

ดวงตาแข็งกร้าวยังคงจับจ้องร่างดิ้นรนของอาธนพลไม่วางตา ประกาศถ้อยคำประโยคเดิมซ้ำจนครบสามครั้งเสร็จสิ้น ร่างอาธนพลก็แน่นิ่งสงบทันที สัญญาณชีพจรฟื้นกลับคืนปกติดังเดิม และฉับพลันเสียงเตือนก็ดังลั่นบ่งบอกว่าอัตราการเต้นของหัวใจกำลังเหลือเพียงขีดเส้นตรง

“ไม่ ไม่นะ” ความรู้สึกชาวาบทั่วทั้งร่างกาย หน้าจอมอนิเตอร์เหลือเพียงเส้นขาวยาวประกอบเสียงเตือนดังสะท้อนก้อง ไอ้กันคว้าเอวพจน์ไม่ให้พุ่งเข้าหาร่างธนพล เด็กหนุ่มตาคมลืมคำเตือนทั้งหมดทั้งสิ้น เมื่อชีวิตของอาที่ตนเคารพรักกำลังจะจากไปรวดเร็วขนาดนี้ เฝ้าร้องเรียกชื่อธนพลสุดเสียง


“แดงเฉิดฉานผลาญสิ้นดิ้นแดดับ
อุราลับลามไหม้ไฟลุกโหม
ร้อนร้อนร่อนผ่อนกายคลายประโลม
เจ็บจินต์โทมนัสวาทไม่คลาดครา”


นิธิอ่านประกาศกลอนมนตราลีลาทมิฬดังก้อง ประตูกระจกระเบียงเปิดออกรวดเร็ว ลมวายุมากประมาณซัดโหมเข้ามารวดเร็วดุจมีพายุ พัดพาม่านและวัสดุเบาบางให้ปลิ่ววอนกระจัดกระจาดเกลื่อนกลาด

ภาพความทรงจำในวันแรกที่พจน์ฝึกปั่นจักรยานโดยมีอาพลในวัยห่างกันเพียงแปดปีเป็นคนสอน ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นพจน์น่าจะมีอายุห้าหรือหกขวบ หลงคิดว่าอาพลจับยื้อรถจักรยานไว้จึงปั่นอย่างไม่เกรงกลัวล้ม แต่พอลองหันกลับ อาพลโบกมืออยู่ห่างตั้งไกล ระหว่างเหลียวหลังมองทำให้ไม่ได้ดูทางจึงขี่ไปชนกระถางต้นไม้ล้มลงจนหัวเข่าแตก ก็อาพลอีกไม่ใช่หรือที่ปลอบพจน์ทั้งที่ร้องไห้จ้า เพียงแค่พูดชมว่าพจน์เก่งขี่จักรยานได้เองแล้ว เขาก็ลืมความเจ็บไปเสียสิ้น

ภาพวันที่พจน์นั่งทำการบ้านวิชาภาษาไทยด้วยสีหน้าเครียดเพราะยากเกินกว่าจะทำได้ ก็เป็นอาพลอีกไม่ใช่หรือที่อธิบายจนเข้าใจ และทำให้พจน์ชอบแต่งกลอนในที่สุด
 
ภาพความจำในวันฝนตกที่พ่อของพจน์ติดธุระด่วน ทั้งที่วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิด ก็เป็นอาพลไม่ใช่หรือที่ขับรถมารับหน้าโรงเรียน และยังพาไปฉลองวันเกิดกินไอศกรีมร้านดัง แถมยังซื้อของขวัญเป็นลูกบอลลูกแรกให้อีกด้วย
 
ภาพงานวันพ่อตอน ป. ๖ ทุกคนต่างมีพ่อมาร่วมงาน แต่พ่อของพจน์ติดงานทำข่าวต่างจังหวัดไม่สามารถมาได้ ก็เป็นอาพลอีกไม่ใช่หรือที่รีบวิ่งมาเหงื่อตกเกรงจะไม่ทันงาน ทั้งที่ใส่ชุดนักศึกษาแตกต่างจากพ่อคนอื่น แค่พจน์ได้เห็นหน้าอาพลก็น้ำตาไหลวิ่งร้องไห้กอดขาอยู่อย่างนั้น จนคุณครูต้องมาเชิญให้นั่งเก้าอี้สำหรับพิธีไหว้ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หรือคำพูดปลอบนั้นวันนั้น พจน์จำไม่ได้เลย ในหัวมีแต่คำว่า พ่อ พ่อ

 
ภาพร่างกายที่ตนเคยก้มกราบเสมือนบิดาคนหนึ่งขณะนี้สิ้นเรี่ยวแรงและพลังอันยึดเหนี่ยวให้เคลื่อนไหว ทำให้พจน์หัวใจร้าวรานจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อยู่ เป็นความผิดของพจน์เองที่ไม่สามารถกลับมาช่วยได้ทัน ไม่สามารถช่วยคนที่ตนรักได้ คือความผิดของเขาเองทั้งหมด


50%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2019 19:08:53 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
คิดมากน่าได้ทวนมาแล้วไง ยังไงก็ต้องช่วยได้ ต้องได้แน่ๆ  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ม่ายน้าาาาาาาาาาาาา  :o12:

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ต้องช่วยได้อยู่แล้ว ใจเย็นๆนะพจน์

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ความรักและความจริงใจของกันไม่แพ้มาตะเลย  เริ่มสงสารกัน

พจน์ต้องลองอีกครั้ง  มีพลังแล้วนะ  รู้ตัวแล้วยัง  อย่าท้อ 

รอติดตามเสมอนะคะ  ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ :L2:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
อย่าพึ่งลูกกกกกก สติค่ะ ตั้งสติ มันต้องมีหนทางสิคะ  :กอด1:
ทวนที่อยู่ในมือยังไม่ได้ใช้เลย

อย่าเหมาหมดซีคะะะะะะ สงสารคนแรก(มาตะ)บ้างงงง  :hao5:

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
[ต่อ]


“ไอ้พจน์ นำปลายทวนอัศวาราตรีกาลชี้ยังเหนืออกของอามึงเดี๋ยวนี้” ไอ้กันตะโกนลั่นแข่งกับเสียงลมพัดโหม สติอันเลื่อนลอย น้ำตาท่วมการมองเห็นทำให้พจน์แทบไม่ได้ยินคนข้างกาย เมื่อเห็นอาการนิ่งเฉยของพจน์จึงทำให้ไอ้กันคว้าข้อมือเรียวช่วยพยุงยื่นปลายทวนหันเหสู่อกไร้การกระเพื่อมไหว

“สติ ไอ้พจน์ มึงต้องกล้าหาญมากกว่านี้ อย่าหลงกลในเล่ห์เพทุบายนี้ ตั้งสติให้มั่น”

ร่างพจน์สั่นโยกเพราะแรงร้องไห้
 
“มึงโปรดไว้วางใจ น้ำตามึงนี้ทำกูเจ็บรวดร้าว อย่าร้องไห้เลย กูขอ โปรดเชื่อใจกู กูไม่มีวันทำอันตรายต่อครอบครัวมึงแน่ กลับมาตั้งสติให้มั่น”

“แต่อาพล...”

“ยัง นั่นเป็นเล่ห์กลหลอกล่อเท่านั้น” คิ้วขมวดแน่นจ้องพจน์ด้วยดวงตาสั่นไหว “อย่าได้หลงกลมนตราลีลาทมิฬ มันชั่วร้ายเกินกว่าที่กูคิดไว้”

“หมายความว่าอาพลยังไม่ได้ตายใช่ไหม” มือกำทวนสีเงินสั่นวะวาบ คาดหวังคำตอบที่พจน์อยากได้ยิน

“กูจะปกป้องดูแลชีวิตและครอบครัวมึงจนลมหายใจสุดท้าย จำคำกูได้ไหม”

“ได้ๆ” พจน์พยักหน้ายืนยัน เช็ดน้ำตารวดเดียวเพื่อไม่ให้ไอ้คนตรงหน้าเจ็บปวดอีก ถือทวนอัศวาราตรีกาลให้มั่นคงยื่นตรงไปยังตำแหน่งเหนือหน้าอกกว้างของอาพล ลมแรงยังสาดพัดใส่ทุกผู้คนในห้อง ไม่มีทีท่าว่าพยาบาลสาวทั้งสองจะฟื้นตื่น คงถูกอำนาจบางอย่างทำให้หลับใหลเช่นเดียวกับภพดนัยและดารา

แสงฟ้าผ่า ณ ที่แห่งใดสว่างวาบเหนือท้องฟ้ามืดมิด พร้อมเสียงคำรนสะท้อนก้อง

“โลหิตหลั่งทั้งเก้าทวารจุด
ฤทธิรุทธอำมหิตพิษแทรกหา”

เมื่อไอ้กันกล่าวเพียงบาทแรกของกลอนบทที่สองจบ เสียงลึกลับกรีดร้องแหลมสูงสุดทุกข์ทรมานดังแผดสนั่นผสมเสียงลมพายุ ชวนขนหัวลุก พจน์ยังเห็นอาพลหมดสติอยู่ แต่ตอนนี้เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจเผยกราฟขึ้นลงบนหน้าจออีกครั้ง นำพาความหวังกลับคืนมา

“ดวงใจน้อยลอยสู่คู่นภา
จำจากลากายสุขทุกขภัย”

สิ้นคำ ทุกขภัย แรงระเบิดของอากาศ ณ จุดที่ปลายทวนเทวาชี้เหนืออก ซัดกระหน่ำใส่พจน์ ไอ้กัน รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์มากมายล้มหงายหลังระเนระนาดทันที กระจกประตูระเบียงห้องพักแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับตั้งแต่ชั้นสูงสุดของตึกโรงพยาบาลจรดชั้นล่าง พร้อมด้วยพลังงานไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้างกว่าห้ากิโลเมตร

พจน์ถูกไอ้กันคว้าเอวไว้โดยเร็ว รีบขยับซ้อนด้านหลังไว้ ทำให้ตอนนี้ไอ้คนตัวสูงกลายเป็นถุงลมนิรภัยสำหรับพจน์ ไม่มีเสียงโอดครวญจากปากมันแม้แต่น้อย และทันทีเมื่อพจน์ลืมตาจากลมปริศนาซัดใส่ ห้องพักคนไข้จึงแปรสภาพเป็นพื้นที่โล่งกว้าง ท้องฟ้าดารดาษด้วยดาวและเดือนเต็มดวง มีเพียงเตียงนอนและอาพลเท่านั้นที่เหลืออยู่จากเศษซากแรงระเบิด เหนือหัวเตียงมีต้นลีลาวดีขนาดใหญ่ต้นหนึ่งผงาดง้ำอยู่ บรรยากาศเย็นยะเยือกจนขนตั้งชัน พจน์ขยับลุกจากตัวไอ้กัน

“มึงเป็นไงบ้าง”

“กูโอเค”

ต่างคนต่างช่วยพยุงอีกฝ่ายให้ยืนหยัด พจน์กระชับทวนอัศวาราตรีกาลในมือแน่น ก่อนหน้านี้ทวนเทวาร้อนเหมือนเพลิงไฟ แต่ตอนนี้เย็นราวกับน้ำแข็งขั้วโลก
 
“เรามาอยู่ที่ไหน” พจน์เหลียวซ้ายแลขวา หรือเขาจะข้ามพิภพมาอีกครั้ง
 
ไอ้กันสังเกตภูมิทัศน์โดยรอบด้วยสีหน้าเครียด

“ลีลาวดีเพลิง”

“ต้นนั้นน่ะเหรอ” พจน์คราง ไม่อยากเชื่อในสายตา กิ่งก้านสูงใหญ่ผลิใบเขียวชะอุ่ม แซมด้วยดอกขาวสว่างวาวท่ามกลางความมืดมิด แข่งแสงจันทร์จนดูเปล่งประกาย

“ไม่ผิดแน่”

“แล้วทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ได้” พจน์ว่าพลางจะขยับเข้าหาอาพล

กลุ่มควันดำมหึมาพวยพุ่งออกมาจากอกของธนพลก่อเกิดเป็นร่างบุรุษสูงสง่าตกแต่งภูษาอาภรณ์ด้วยผ้าดำ ประดับเครื่องอัญมณีสีนิล เกล้ามวยผม สวมเครื่องครอบศีรษะ ผิวกายล้วนมืดทมิฬมีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ทอแสงล้อจันทรา ย่างเหยียบเหนืออกของอาพลซึ่งไร้สตินอนอยู่ แววเหี้ยมโหดจ้องมองพจน์และนิธิไม่วางตา
 
“ดวงวิญญาณ ณ ร่างนี้เป็นของข้า หามีผู้ใดจักพรากจากอำนาจทมิฬได้ไม่” สำเนียงทุ้มชั่วร้ายประกาศเจตจำนงดังก้อง
 
“อำนาจทมิฬมนตราเก่าแก่ นับแต่สมัยบรรพกาลล้วนยอมศิโรราบสูญสิ้น ไร้หนทางแก้กล อนึ่งบัดดลคำกลอนสาปสูญประสบพบเจอ แลมีเกลอผู้ไขปริศนา ครบอักขราสมบูรณ์ความ” เป็นครั้งแรกที่พจน์ได้ยินคำพูดสมัยเก่าหลุดจากปากของไอ้กัน สร้างความฉงนสนเท่ห์หลากใจ

ความเงียบคือคำโต้ตอบของบุรุษดำ ดวงตาเบิกโพลงโทสะขุ่นแค้น

“หามีผู้ใดจักไขถอนอักขระคำลึกล้ำซ่อนกล จงอย่าดิ้นรนโอ่อวดให้เกินตัว” มันตวาดกลับกลั้วหัวเราะ

“มาตรแม้นเป็นจริงดั่งวาจา ก็แหละนี่หนาคือสิ่งใดเล่า หากเจ้าเกรงภัยจงละทิ้งร่างนี้โดยพลัน”

นิธิเชิญพจน์ขยับมาเบื้องหน้า แสงจันทราส่องต้องกระทบคมอาวุธทวนอัศวาราตรีกาลจนสว่างจ้า

“อาวุธเทวานี้ ฤา หมายใจจักให้ข้ายอมแพ้สวามิภักดิ์” บุรุษทมิฬประชดกลับ “จริงดังคำเจ้าว่า กลอนบุราณถูกค้นพบ แลบรรจบตริตรองด้วยปรีชาญาณจนสำแดงไขปริศนาสมคะเน แต่มีความอย่างหนึ่งซึ่งเจ้ามิอาจหยั่งรู้”

พจน์เห็นสีหน้าของไอ้กันซีดเผือด พลางว่า

“มาตรว่าอับจนระเหระหนระคนเกรงภัย จงอย่าโอ่คำสำบัดสำนวนใดให้เปลืองสิ้นเปล่าดาย หากมิยอมผ่อนปรนละทิ้ง ชะรอยตัวเจ้านั่นแลจักต้องสูญสิ่งสิ้นสลาย”

เสียงหัวเราะหวีดร้องสุดสูงดังจากริมฝีปากดำ
 
“ข้านี้ ฤา อับจนหนทางดังถ้อยคำเจ้า ก็แหละอำนาจทมิฬนี้หรือมิใช่ ที่พรากทะลวงดวงชีวิตมาเหลือคณานับ ชุบพลังอำนาจของข้าให้ทรงฤทธิ์ยิ่งกว่าเดิมร้อนเท่าพันทวี มีหรือที่ข้าจักเกรงภัยจากทวนเทวาเล่มนี้”

เด็กหนุ่มทั้งสองต่างนิ่งเงียบ พจน์กำทวนอัศวาราตรีกาลแน่นข่มอารมณ์

“ตราบนี้เจ้าควรตรึกตรองประคองปัญญาจงดี ประการหนึ่งกลอนบุราณถูกจดจารพร้อมโองการสาปแช่งล้วนล่วงผ่านกาลเวลามานับแสนสหัสวรรษ บัญญัติขึ้นก่อนข้าจักก่อถือกำเนิด มีหรือจักตระหนักรู้ถึงเดชานุภาพที่บัดนี้ทรงพลังท่วมท้นยิ่งกว่าคนผู้ขีดคำเมื่อเริ่มต้น” ดวงตาดำจ้องเด็กมนุษย์พร้อมรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม “มิหนำซ้ำจะมีผู้ใดสัมผัสพลังเหนือพลังยิ่งไปกว่าตัวข้า เพียงแค่ทวนเล่มเดียวนี้ ฤา จักถอนมนตราแลอำนาจได้ดังคำปริศนาเมื่อเนิ่นนานเช่นนั้น”

“ไอ้กัน มันหมายความว่ายังไง แปลว่าทวนอัศวาราตรีกาลไม่สามารถทำลายมนตราคำสาปนี้เหรอ”

“เงียบก่อน”

“สหายเจ้ายังถอนใจแล้วดั่งนี้ จงกลับไป ข้าจักไว้ชีวิตพวกเจ้า แต่ร่างนี้จักเป็นของข้าชั่วกัลปาวสาน”

“ไม่ยอมหรอก” พจน์ตะโกนกลับ “อาพลจะต้องกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม”

“เช่นนั้นเจ้าประสงค์จักยอมตายใช่ ฤา ไม่”
 
“ไม่มีทางเสียหรอก” ไอ้กันหัวเราะสุขุม ใบหน้าเปื้อนยิ้มสำราญดั่งเรื่องราวเบื้องหน้าเป็นของสนุกอย่างหนึ่ง “ข้านี้เสียดายเรี่ยวแรงแลน้ำคำประวิงเพลาของเจ้าเหลือล้น”

“เสียดายอันใด” ร่างดำตวาดอื้ออึง

“ภายใต้หน้ากากนิ่งสงบนั้นมีแต่แววหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ ข้านี้รับรู้ได้ น้ำลายของเจ้าล้วนสิ้นประโยชน์ ทวนอัศวาราตรีกาลนี้แลคืออาวุธเพียงหนึ่งเดียวซึ่งจักทำลายล้างเจ้าได้” สีหน้ามีชัยชนะของไอ้กันปรากฏเด่นชัด “ไอ้พจน์ ถึงเวลาแล้ว เตียมพร้อมขว้างทวนเทวานี้ตรงไปยังร่างปีศาจนั่น”

ดวงตาหม่นหมองเสแสร้งเป็นหึกโหมลำพอง พลางว่า

“ฮ่าๆ คำกลล่อลวงอันแยบยลถูกเจ้าจับรู้โดยง่ายดาย เจ้าคงหาใช่มนุษย์ธรรมดาเป็นแน่ เช่นนั้น ข้าจักเผยความจริงอันเที่ยงแท้ให้เจ้าล่วงรู้ไว้สักอย่างหนึ่ง เหตุด้วยเลื่อมใสในปัญญาแลเวทนาสงสารนักจักบอกกล่าว ทวนอัศวาราตรีกาลนี้มีถึงสองเล่มเคียงคู่กัน แลเจ้ามั่นใจเช่นนั้น ฤา ว่าทวนเทวาในกำมือนั่นจะเป็นทวนที่สามารถล้างคำสาปมนตราลีลาทมิฬ”

พจน์เหลียวมองทวนสีเงินในกำมือ ยังมีทวนอัศวาราตรีกาลอีกเล่มงั้นหรือ ถ้างั้นแปลว่าพจน์อาจนำมาถูกหรือผิดเล่มก็เป็นได้
 
“ไม่มีประโยชน์อันใดจักเชื่อถือในคำโป้ปดของทาสปีศาจอย่างเจ้าอีก” ไอ้กันย้อนคำ “ในมิช้าเราต่างจักได้รู้เช่นเห็นกันว่า ข้านำทวนอัศวาราตรีกาลมาผิดเล่ม ฤา ไม่”

นิธิพยักหน้าให้พจน์ เด็กหนุ่มตาคมสวยหลับตาลง ภาวนาด้วยความดีซึ่งทำมาตลอดชีวิตให้ทวนเทวาซึ่งตนถืออยู่คือเล่มที่ถูกต้อง และสามารถถอนล้างมนตราลีลาทมิฬได้

“เมื่อกูท่องกลอนจบ เล็งไปยังอกด้านซ้ายของมัน แล้วพุ่งทวนใส่สุดแรง ใช้พลังทั้งหมดที่มึงมีเหมือนตอนเล่นฟุตบอล เข้าใจนะ”

“อืม เข้าใจ”

“ทวนเทวาชุบร่างกระจ่างฟ้า”

ท้องฟ้าแจ่มกระจ่างก่อนหน้าบัดนี้ถูกกลุ่มเมฆขนาดใหญ่เคลื่อนมาปกคลุมบดบังดาราเหลือเพียงดวงจันทราเท่านั้น พร้อมลมวายุซัดโหมเข้าใส่บริเวณนั้นรวดเร็ว

“หยุดเอ่ยอ้างบัดเดี๋ยวนี้”

ปีศาจลีลาทมิฬตะโกนเดือดดาล กลุ่มควันดำหลุดลอยออกจากผิวกายมันตามทิศทางลมเบื้องหลัง เหมือนฟืนถ่านมอดไหม้ สีหน้าเจ็บปวดทุรนทุราย มันยื่นฝ่ามือมายังเด็กทั้งสองพร้อมงึมงำฟังไม่ชัดเจน แล้วฉับพลันลูกไฟสีดำดวงใหญ่ก็พุ่งออกมาจากกลางหัตถ์ แหวกผ่านอากาศรวดเร็วมายังเหยื่อเคราะห์ร้าย

ไอ้กันกางฝ่ามือออกรับพร้อมเสกลูกไฟมอดไหม้สกัดใส่ทำให้ทิศทางมนตราดำทั้งสองระเบิดเป็นเพลิงประทุกลางอากาศ พจน์เหลียวมองเพื่อนข้างกายด้วยแววตาสงสัยในความสามารถเหนือมนุษย์นั้น

“กูจะอธิบายให้ฟังทีหลัง ตั้งสติให้ดี”

“อัศวาสัประยุทธ์ดุจแขไข”

“ตั้งท่าให้พร้อมกำทวนให้มั่น” กันตะโกนแข่งกับเสียงหวีดร้อง พจน์ขยับท่าทางให้มั่นคงกำทวนในท่าเตรียมพุ่งไว้เหนือไหล่ขวา รอจังหวะคำกลอนสิ้นสุด กลุ่มเมฆเคลื่อนบดบังดวงจันทร์รวดเร็ว

“ราตรีเพ็ญเช่นเดือนเลื่อนลับไป”

ถ้อยคำของไอ้กันอึงคะนึงยิ่งกว่าเสียงกรีดร้องโหยหวน ปีศาจดำทมิฬลอยจากอกของอาพลสู่อากาศเบื้องบน กางมือทั้งสองออกกว้าง ดอกลีลาวดีสีขาวทั้งหมดปลิดขั้วจากลำต้นล่องลอยสู่อากาศเช่นเดียวกัน ปากก็พร่ำโคลงสี่สุภาพทมิฬดังแข่งขัน

“มวลบุปผากิ่งก้าน   ดอกใบ ชื่นเอย
รินหลั่งเลือดโลมไหล      หล่อค้ำ
ผุดดอกเพลิงต้นไฟ      เกิดก่อ ฤาดับ
โค่นไพร่ศัตรูซ้ำ         ต่อสู้ ขัดขืน”

“หมุนทวนเป็นโล่กำบังเดี๋ยวนี้ ไอ้พจน์”

นิธิฟังโคลงนั้นให้รู้สึกเกรงภัย เพราะทันใดดอกลีลาวดีก็เปลี่ยนสีเป็นแดงฉานพุ่งแหวกอากาศตรงมายังคนทั้งคู่รวดเร็ว พจน์หมุนควงทวนเทวาเป็นโล่กำบังจนก่อเกิดเป็นอาวุธล่องหนคุ้มกัน เพียงจุมพิตสีเลือดกระทบโล่พลังก็ดับสลายกลายเป็นผุยผงทันที เป็นจังหวะให้ไอ้กันมีโอกาสได้เอ่ยกลอนบาทสุดท้าย

“กาลฉุดใจวิญญ์กลับรับคืนตน”

พจน์เปล่งซ้ำกลอนบาทสุดท้ายผสานพร้อมไอ้กัน แล้วลงมือลงแรงทั้งหมดพุ่งอาวุธทวนอัศวาราตรีกาลใส่ยังจุดหมายเหนืออกซ้ายของร่างปีศาจดำ ทวนเทวาแหวกอากาศดังสนั่นหวั่นไหว ยังมิทันให้ปีศาจตนนั้นร่ายมนตราสะกดกำบัง ทวนกลับพุ่งพรวดเร็วกว่าวิถีอาวุธปกติปักเข้าอกซ้ายร่างบุรุษกายดำในทันใด เสียงกรีดร้องดังยิ่งกว่าเคย เนื้อตัวสั่นเทิ้ม พร้อมไฟปริศนาลุกท่วมต้นลีลาวดีเพลิง จบสิ้นอาวุธพิฆาตซึ่งอยู่ยั้งยืนต้นมานับตั้งแต่บรรพกาล


*****************************************


ดวงจันทราแจ่มกระจ่างเหนือปราสาทหินเก่าแก่เมื่อพันปีล่วงผ่าน เป็นดั่งนิมิตมารแห่งชัยชำนะของแผนการทำลายล้าง มันรอเพียงแค่อาณัติสัญญาณบางอย่างเท่านั้น เสียงคล้ายแส้หวดแทรกอากาศนิ่งสนิทเสียดผ่านรวดเร็วเกินกว่ามันจะทันได้เห็นทิศทางเสียง เงาทวนสีเงินสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงเดือนพุ่งเข้าหาร่างใต้ผ้าคลุมผืนดำทันที เร็วยิ่งกว่าแสงหรือพลังมนตราใด ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวนี้คือสิ่งซึ่งมันมิเคยรับรู้นับตั้งแต่ครอบครองสิ่งสูงค่า

แต่บัดนี้เงาอาวุธนั่นสร้างรอยแผลเจ็บลึกโทมนัส มันขยับก้าวลงขั้นบันไดศิลาซวนเซและล้มลงแทบพื้น มือซีดขาวกำเหนืออกซ้าย ความพ่ายแพ้บัดนี้ฉายชัดแก่ใจมันอย่างที่สุด ดวงตาแดงดุจเพลิงสว่างวาบ เหตุใดมนตราลีลาทมิฬทรงอิทธิฤทธิ์จึ่งถูกทอดถอนได้ง่ายดายดุจบุปผาล่วงหล่นจากกิ่งก้าน  เลือดสีดำทะลักล้นออกจากปากสาดกระเซ็นทั่วพื้นศิลา ความเจ็บทรมานแล่นทั่วสรรพางค์กายราวกับจักแตกดับในมิช้า ข้าเข้าใกล้วิถีอมตะยิ่งกว่าผู้ใดเหนือพิภพ ไฉนเลยจึ่งต้องประสบชะตากรรมเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานมิปานฉะนี้
 
“องค์จอมมาร” สมุนผู้ภักดีผิวกายฟ้าปรากฏตัวถลันเข้าพยุงผู้เป็นนาย

“เลือดซึ่งข้ากรีดลงหล่อเลี้ยงต่ออายุต้นลีลาวดีเพลิง บัดนี้กลายเป็นอาวุธหันกลับมาทำร้ายข้าแล้ว”

“ข้าพระองค์ต้องทำประการใด โปรดแจ้งด้วยเถิด” พร่ำรำพันอาลัย

“หามีประโยชน์ไม่ ร่างนี้จักแตกดับในอีกมิช้า เจ้าต้องกระทำการตามแผนเดิมบนพิภพนี้ให้ลุ่ล่วง อัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา”

“พระเจ้าข้า” ก้มน้อมรับพระบัญชา

“ข้าดูเบาปัญญามหาเทพเกินไปจึ่งพ่ายแพ้เสียท่า มินึกว่ากลหมากอันแยบยล จักเป็นหนทางสู่การดับสลาย” เลือดสีดำมากประมาณแผดพุ่งสู่เบื้องหน้า

“มีสิ่งหนึ่งซึ่งเจ้าจำต้องล่วงรู้ก่อนข้าจาก บุรุษผู้ต้องมนตราลีลาทมิฬนั่นหาใช่ผู้ครอบครองสิ่งล้ำค่าสูงสุด”

“เช่นนั้นก็จักเหลือเพียงสามเท่านั้น พระเจ้าข้า”

“ข้าต้องรู้ให้ได้ว่ามันคือผู้ใด อึก”
 
แรงหายใจเฮือกสุดท้ายผ่อนออกจากกายซีดขาว พร้อมดวงตาสีแดงมอดดับลง ฉับพลันผ้าคลุมดำมืดและกายภายในก็สลายกลายเป็นควันดำต่อหน้าต่อตาอัครมหาเสนาบดีปีศาจฝ่ายขวา สิ้นสรรพเสียงอื่นใดนอกจากเสียงลมหายใจผสมประกายแววตาสีน้ำเงินสว่างวาวโรจน์เหนือใบหน้าเหี้ยมผิวกายฟ้าเท่านั้น



100%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2019 19:10:45 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
พวกด้านมืดดดดดด  หยุดเถ๊อะะะ ปล่อยให้มาตะมันหวานกันโหน่ยยยยยย

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
คุณอารอดแล้วววววววววว
มาตะ ส่งมาตะมาหวานให้เจ๊อิ่มอกอิ่มใจเถอะค่ะ

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ meanmena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
กันปกป้องพจน์แบบนี้  ได้ใจไปอีกแล้ว 

ลุ้นมากๆว่ากันเป็นใครกันแน่ 

เห็นใจพจน์เจอแต่เรื่องประหลาดใจ  และคิดถึงมาตะ555

ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ รอติดตามเสมอนะคะ :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด