[แจ้งข่าวหน้า๑๖] >>>>ข้ามพิภพ<<<< (๒/๐๘/๖๔) หน้า ๑๖ [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

สำรวจความต้องการให้มีการพิมพ์รวมเล่มนิยาย >>>>ข้ามพิภพ<<<< หรือไม่

ต้องการ
27 (67.5%)
ไม่ต้องการ
0 (0%)
ไม่แน่ใจ
13 (32.5%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 40

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวหน้า๑๖] >>>>ข้ามพิภพ<<<< (๒/๐๘/๖๔) หน้า ๑๖ [จบแล้ว]  (อ่าน 284896 ครั้ง)

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
นอกจากครั้งแรกที่เจอพจน์แล้ว มาตะวาจาออดอ้อนตลอดเลย คนเขียนเก่งมาก  o15 o15

อยากอ่านตอนหน้าแล้วอ่ะ ช่วยรีบลงหน่อยนะ  :pig4:

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ ๑๘



นารีพิฆาต



กฤษณาเจริญวัยเติบใหญ่ต้องลักษณะรัตนนารี พรั่งพร้อมด้วยรูปทรัพย์ประหนึ่งภาพสลักเทพอัปสร กิริยาอาการนบน้อม สำแดงถึงขนบวิถีแห่งชาววัง ตกแต่งกายด้วยภูษาแดงก่ำคาดอก นุ่งผ้าไหมผืนยาวสีเขียวปีกแมลงทับทอสลับดิ้นทอง มวยผมทรงสูงชโลมน้ำมันตานีเงาเลื่อม ประดับล้อมด้วยกรอบมวยผมทองคำ คล้องทับทรวงฝังอัญมณีหลากสีปิดบังร่องเนินอกนูนกระชับ ทรวดทรงองค์เอวเว้าคอดเผยผิวผุดกระจ่าง รอบข้อมือเรียวทั้งสองสวมกำไลทองหลายวง ซ้อนทับด้วยมาลัยดอกมะลิหอมกำจาย กึ่งกลางหน้าผากจรดสีทองทรงหยดน้ำ รอบดวงตาวาดขอบเข้ม ขับให้เด่นเป็นสง่า ริมฝีปากบางฉาบชาดแดงเพลิง คิ้วโก่งดั่งคันศร จนชายใดมิอาจถอนสายตาละจากสิริโฉมนี้โดยง่าย แม้กระทั่งพจน์เองยังหลวมตัวจับจ้องเพลินตา
 
“ลักษณาผ้าแต่งกายมิผิดมหาดเล็กฝ่ายภูษา” วาจาเสนาะหูเปล่งคำ “ตำหนักวังหน้าคือสถานสังกัด ฤา มิใช่”

ความเงียบปกคลุมอยู่เพลาหนึ่ง มาตะเหยียบย่ำฝีเท้าเดินสู่หอนั่ง จูงมือพจน์ไว้เคียงใกล้ไม่ห่างกาย ไร้ถ้อยคำใดปฏิสัมพันธ์ต่อแขกผู้มาเยือน ใบหน้านิ่งแฝงครุ่นคิดยากจะหยั่งถึง เป็นสิ่งที่พจน์เคยประสบครั้งหนึ่งเมื่อแรกพบในห้องเก็บตำราหลวง สุดล่วงรู้ในความคิดของคนตัวหนา ผู้เป็นนายเจ้าเรือนทรุดนั่งลงตั่งตัวกลาง บ่าวชายขมีขมันยกพานเชี่ยนหมากแลรินน้ำชาใส่จอก ทาสหญิงปรนนิบัติพัดวีบำเรอนายตัวแลแขกทั้งสองเป็นจังหวะเชื่องช้า พจน์ถูกบังคับให้นั่งตั่งตัวเดียวกับเจ้ามาตะ กิริยาท่าทีนั้นสะท้อนสู่สายตาหญิงสาวชาววังผู้ทรงเสน่ห์เต็มชัดถนัดตา
 
“ปล่อยเราไปนั่งอีกตัวก็ได้ มาตะ มัน...เอ่อ จะไม่เหมาะสมหรือเปล่า” พจน์รีบขยับถอยห่าง คิดจะทำตามความประสาซื่อ อนึ่งเขาทั้งสองไม่ได้อยู่ในที่รโหฐานตัวต่อตัวจะทำการใดก็หวั่นเกรงคำครหาตกมาสู่มาตะ

“น้องท่านโปรดประทับนั่งเคียงข้างข้า อย่าได้เกรงผีสางเทวดา ฤา ขนบประเพณีเลย” มาตะฉุดรั้งเอวพจน์เข้าหาตัว นั่นทำให้เขาผลุนผลันผลักมือเหนียวหนึบออกโดยด่วน พลางเร่งสำรวจผู้คนโดยรอบ ข้าทาสทุกคนวางสายตามองพื้น มีเพียงสายตาเดียวเท่านั้นที่จับจ้องอยู่ เป็นคู่นัยน์ตาสีดำของหญิงงามนามกฤษณา ริมฝีปากแดงฉีกยิ้มกว้างดูอัธยาศัยดี ไม่แสดงสีหน้าอื่นใดนอกจากปีติปรีดา
 
“เพลาสนธยาตะวันใกล้ลับแล้วดั่งนี้ บรรยากาศจึ่งชวนให้หนาววะวาบกายแลใจ ดุจเหมันตฤดูมาเยือน คราลมวายุกระโชกผ่านยอดกิ่งไม้มาครั้งใดก็ให้เหน็บสะท้านหนาวเย็น กายท่อนบนข้านี้เปล่าเปลือยไร้ผ้าคล้องไหล่ไว้ประดับตน ไฉนเลยจักทนต้องลมเย็นกระทบเนื้อได้ หากน้องท่านมีน้ำใจอันประเสริฐเฉกทุกครา โปรดเวทนาสงสารผิวกายมาตะนี้ให้ได้รับไออุ่นจากเนื้อนวล มิต้องจำทนหนาวสั่นด้วยเถิด” ละจากเอวบางแสร้งตีหน้าเศร้า
 
“แลภัทรพจน์ท่านมามีอาการประหนึ่งจักคิดละจากที่นั่งอันเป็นดั่งกองฟืนให้ความอบอุ่นแก่ตัวมาตะ อดที่จักทำกิริยาละลาบละล้วงหยาบโลนต่อหน้าธารกำนัลมิได้ การอันใดที่มาตะคนซื่อทำมิต้องใจน้องท่านกรุณาอภัยสักคราหนึ่งเถิด ด้วยเพราะมิอาจทนเห็นรอยบึ้งประทับเป็นอาวุธลดทอนกำลังใจตัวได้”

“เราไม่ได้โกรธนาย แต่นายหนาวจริงหรือเปล่า ถ้างั้นจะได้เอาผ้าคลองไหล่ของเราไปห่มทับ” พจน์สำรวจมองผิวกายอุดมมัดกล้ามก็เห็นสั่นสะท้านจริงดังว่า ตระเตรียมปลดผ้าขาวคล้องไหล่ประจำกาย ก่อนถูกมือหนาฉุดรั้งไว้

“ก็แหละน้องท่านมาทำกิริยาปลดเปลื้องผ้าคล้องไหล่อันเสมอของอันสำคัญประจำกายตน สำแดงบ่งสถานะแลยศถาบรรดาศักดิ์เพื่อมอบให้ผู้อื่นเฉกยกตัวให้คนผู้นั้นฉะนี้ ทำเอามาตะยินดีสุดแสนพรรณา หากแต่จักให้เนื้อนวลต้องเผยสู่สายตาอื่นนอกจากมาตะนี้แล้ว จักชอบอยู่หรือ โปรดระงับน้ำใจงาม แลประทับนั่งเคียง เพียงเท่านี้ก็จักเป็นคุณูปการนักต่อนัก”

เมื่อพจน์แจ้งใจในเล่ห์คำกลโดยตลอดก็พลันรู้สึกหน้าเห่อร้อน นั่งตัวแข็งไม่อาจขยับจากไปยังที่ที่ตนหมายใจได้ เสียงกระแอมแผ่วเบาหลุดออกมาจากริมฝีปากยิ้มสะคราญของกฤษณา
 
“พี่ท่านแลบุรุษผู้นี้ดูราวกับสนิทชิดเชื้อกันเสมอเพื่อนตายสหายรักนับเยาว์วัยมิปาน อดที่น้องจักอิจฉาแลเอ็นดูมิได้” หญิงสาวรุ่นทรามคะเนวัยประมาณพจน์กับมาตะทอดสายตาพริ้มเพราพร้อมรอยยิ้มกว้างแน่วแน่ให้แก่เด็กหนุ่มทั้งสอง ผู้เป็นเจ้าเรือนกลับมาตีสีหน้าขรึมดังเดิม พลางว่า

“จริงดังคำเจ้าคะเน บุรุษข้างกายพี่นี้รั้งตำแหน่งมหาดเล็กฝ่ายภูษาแห่งวังหน้ามิผิดตัว นามว่า ภัทรพจน์” มาตะปรับน้ำเสียงเข้มแจ้งอีกฝ่าย
 
“หะแรกเห็น มาตรแม้นตัวมิได้ดำรงกายเป็นหญิง กฤษณาคงยิ่งปั่นป่วนชวนประหม่า วุ่นใจเต้นระรัว มิหนำซ้ำพาลละล้าละลังจำต้องยับยั้งชั่งใจ เหตุเพราะดวงหน้าหวานสดใสของภัทรพจน์ผู้นี้ แช่มช้อยยิ่งกว่าสตรีนางใดในพระราชวังหลวง ชะรอยหญิงทั่วทั้งพระนครจักต้องครั่นคร้ามหม่นหมองราศีเป็นแน่แท้ แลสะกดด้วยดวงตาสีเนื้อสมัน ส่องประกายโชติช่วงอำพันโดดเด่นดั่งว่า อันประกอบเป็นรัตนาบุรุษเอกเฉกเช่นนี้ อดที่จักหักห้ามใจกระสับกระส่ายวาบหวิวตามมิได้”
 
ได้ยินคำสรรเสริญเกินตัวฉะนั้นทำให้พจน์หุนหันโบกมือปฏิเสธโดยเร็ว

“เธอกล่าวเกินความจริงไปมาก ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”

“ซ้ำน้ำเสียงดังก้องต้องใจกังวาลใสไพเราะเสนาะโสต ดุจสกุณาร้องขับขานมิปาน ใครได้ยินประจักษ์ย่อมใหลหลงในน้ำคำมิใช่น้อย ด้วยรูปลักษณ์ถ่อมตัวแลถ้อยวาจาพิเศษกว่าชายในพิภพอันอาจยกกล่าวได้เช่นนี้ สมแล้วที่จักเป็นผู้ไขถอนให้มาตะ พี่ท่าน หายขาดจากอาการหวาดเกรงดอกลีลาวดี สมดังคำกลอนของพระอาจารย์พราหมณ์หลวง”

พจน์เหลียวมองมาตะ เห็นสีหน้านิ่งเฉยไม่ได้แปลกใจที่เด็กสาวตรงหน้าล่วงรู้ลักษณะพิเศษเมื่อแรกกำเนิด ทุกผู้คนที่เกี่ยวข้องกับมาตะคงล่วงรู้อาการลี้ลับนี้โดยตลอด

“แลภัทรพจน์ท่าน เป็นบุตรอันเกิดแต่ขุนนางกินตำแหน่งราชการงานเมืองใด ฤา เหตุใดก่อนหน้าถึงมิมีผู้ใดเคยพบเห็นเรียกหา ดวงตาอันโดดเด่นของท่าน หากถือกำเนิด ณ ชานเรือนใด คงเป็นที่โจษขานเล่าลือเป็นแน่แท้”

มาตะกระแอมเสียงดังผิดปกติ พลางว่า

“แลเจ้ามาเยี่ยมเยือนพี่ถึงเหย้าเรือนนี้ คงมีกิจอันสำคัญกระมัง”

คำหัวเราะเบื้องหลังมือเรียวยาวปกปิดอาการดังกล่าวอยู่ชั่วครู่ ตวัดสายตาละจากพจน์จดจ้องเพียงมาตะ

“บัดนี้เพลาเราสองจักพบเจอกันคราใด จำต้องมีเหตุอันควรยิ่งสำคัญจึ่งสามารถสนทนาแลปะหน้ากันได้แล้วหละหรือ มาตะ พี่ท่าน” วาจานั้นฉาบปั้นไว้ด้วยรอยยิ้มเฉกดวงตา
 
มาตะสำแดงอาการอึกอักแลอึดอัดชัดแจ้ง

“คำพี่ท่านวันนี้จึ่งทำให้กฤษณาหวนรำลึกถึงวันแรกพบ ณ สำนักกองทหารเกราะทองเมื่อล่วงผ่าน วันคืนเคลื่อนเปลี่ยนจากวสัตฤดู สู่เหมันต์ แลคิมหันตฤดู เป็นวัฏจักรวิถีธรรมชาตินับได้ ๕ รอบแล้วก็ว่าได้ แต่เหตุการณ์เสมือนอุบัติขึ้นเช่นวานนี้ อรุณรุ่งเพลานั้นสวยยิ่งกว่าทุกครา กฤษณาปรนนิบัติแม่ท่านบนเรือนเสร็จครบถ้วนสมบูรณ์ความ คิดตระเตรียมสำรับข้าวปลาอาหารเป็นการใหญ่ เหตุเพราะแม่ท่านแจ้งว่า เพลาวันนี้จักมีศิษย์สำนักใหม่จำนวนหนึ่งเข้ามาฝึกปรือแลฝึกซ้อม จึ่งต้องเตรียมอาหารบริโภคมิให้บกพร่องขาดตกเป็นเด็ดขาด หว่างทางเรือนครัวแลเรือนใหญ่คือสำนักฝึกซ้อม ด้วยเหตุเพราะรุ่งอรุณนั้นตะวันยังมิพ้นขอบฟ้ามองเห็นลายมือมิชัด ข้าแลนางรับใช้จึ่งมิได้สังเกตสังกาถนัดถนี่หอบหิ้วของสดมุ่งหวังสู่เรือนครัว ฉับพลันจึ่งได้ยินเสียงดาบไม้กระทบหุ่นซ้อมดังแว่วมาแต่ในลานฝึก หมอกขาวเบาบางบดบังการมองเห็น หะแรกกฤษณาแลนางข้าทาสปลงใจว่าจักต้องเป็นขโมยลักลอบมาดักปล้นเป็นแน่แท้ จึ่งสั่งความให้ส่วนหนึ่งไปเตือนพ่อท่าน อีกส่วนเร่งตามทหารหลวงโดยพลัน ตัวข้าเองนั้นยืนจับจ้องอยู่แต่เงาคนผู้นั้นไว้ไม่ให้หลุดรอดจากสายตา

แต่ต่อเมื่อแสงสุริยาฉายฉานชัดกระจ่าง เมฆหมอกสลายจาง ปรากฏเป็นบุรุษหนุ่มร่างกำยำผิดวัย สูงใหญ่สมชาตินักรบ ปรากฏ ณ ลานฝึกซ้อม อาการมุ่งมั่นกระชับดาบไม้ตวัดปลายเข้าต่อกรกับหุ่นฝึกซ้อมดูขะมักเขม้น ดวงหน้าเอาจริงเอาจังผสานด้วยรูปงามนั้นสะกดให้กฤษณายืนจ้องมิลดสายตาจาก จนกระทั่งพ่อท่านเร่งฝีเท้ามาตามคำแจ้งเตือนจึ่งล่วงรู้ว่า บุรุษชาติเชื้ออาชาไนยผู้นี้เป็นถึงบุตรของเสนาบดีจตุสดมภ์ ผ่านสนามคัดเลือกเข้าสู่กรมทหารหลวงด้วยทักษะดาบเหนือทุกผู้คน แลประจักษ์สายตาแก่กฤษณาเป็นอย่างที่สุดในเช้าวันนั้นมิลืมเลือน คำขอบน้ำใจครากฤษณานำน้ำใสใส่ขันเงินเย็นชื่นไปให้ติดตรึงโสตมิรู้วายฉะนี้ ไยเพียงน้องจักมาขอพบพี่ท่าน แลขอดื่มน้ำดับกระหายสักขันหนึ่งนั้นจึ่งมิอาจทำได้เลยกระนั้น ฤา” สีหน้าสลดแต่รอยยิ้มยังมิจางหายสะท้อนคำตัดพ้อเคลือบแฝงน้อยใจในอกตัว

มาตะขมวดคิ้วแน่นจ้องกฤษณาไม่วางตา พลางลอบถอนหายใจ พจน์เห็นท่าทีนั้นก็รู้ว่าเจ้านั่นคงไม่สบายใจบางอย่าง
 
“หากน้องนางประสงค์จักมาเยี่ยมหา สอบถามสารทุกข์สุกดิบตามวิสัยคนรู้จัก แลต้องการจักดื่มน้ำดับกระหายจากเรือนพี่นั้นก็ชอบที่พี่จักต้อนรับขับสู้มิได้ทัดทานแต่อย่างใด พวกเจ้าจงเร่งนำภาชนะบรรจุน้ำเย็นมาสู่น้องกฤษณานี้อย่าช้าที”
 
“เจ้าค่ะ” นางรับใช้ผู้อยู่ใกล้สุดตอบรับ ถลันไปปฏิบัติตามคำสั่ง

“ขอบน้ำใจพี่ท่านเป็นยิ่งนัก” กฤษณาเอื้อมรับขันเงินบรรจุน้ำยกดื่มชั่วครู่ “ความน้อยอกอันใดที่สิงสู่กับตัวเมื่อแรกต้นบัดนี้จืดจางลงเพราะน้ำจิตอันประเสริฐนี้โดยแท้”

“คำใดมิต้องใจน้องเจ้า โปรดละไว้เป็นโทษของข้า จงอย่าใส่ใจเก็บเอามาไว้ให้หมองทรวง รังแต่จักเป็นห่วงทรมานตัว น้ำใจเจ้าเมื่อแรกเจอนั้น ไยพี่จะมิประจักษ์แจ้ง หากมิได้น้องนางเอื้ออารีดูแลเหล่าทหารฝึกใหม่พร้อมด้วยข้าวปลาอาหารอย่างเลิศตลอดการฝึกแล้วไซร้ มาตะนี้คงหามีเรี่ยวแรงผ่านสนามฝึกมาได้โดยง่าย บุญคุณในครั้งนั้นเสมอมงคลประจำตัว จักลืมหลงได้อยู่ ฤา”
 
“เพียงได้ยินคำระลึกถึงบุญตัวในครานั้น พลันจิตใจหมองก็ปราศจากรอยเศร้าเสียสิ้น” รอยยิ้มกว้างฉายชัดยิ่งกว่าเดิม “นับหลายปักษ์ล่วงผ่านแล้วเมื่อครั้งได้พบเจอพี่ท่าน บัดนี้ดูรูปกายเติบใหญ่กว่าเมื่อหนหลัง แต่จิตใจยังสุขล้นดีอยู่ ฤา”

“ข้านี้สุขสงบดี” ฝ่ามือหนาเอื้อมกอบกุมมือพจน์ไว้ด้านหลังแน่น จนเด็กหนุ่มตาสีน้ำตาลสะดุ้งตกใจ

“เพียงยินคำนี้ กฤษณาจึ่งค่อยคลายใจ” เด็กสาวปรับสีหน้าแลระงับรอยยิ้มคืนเป็นปกติ พลางว่า

“แต่การมีชีวิตคอยถวายงานอยู่ในรั้วในวังจักเหมือนว่าสุขยิ่งเทียบชั้นสรวงสวรรค์เช่นคำคนกล่าวนั้นถูกต้องเพียงส่วนเดียว เพราะอีกส่วนนั้นคือความมีอิสระอันเป็นลักษณะประจำกายมนุษย์ ถูกจำกัดขีดขวางด้วยขนบประเพณีแลกฎมนเทียรบาล จำเพาะยิ่งนางข้าหลวงกำนัลเพลาจักออกจากขอบรั้วพระบรมมหาราชวังนั้นยากเย็นแสนเข็ญ สดับข่าวคราวภายนอกใดมิรู้แจ้งเนื้อความถนัดก็อดปริวิตกหนักอกมิได้ แลมาได้ยินมาตะ พี่ท่าน แลกฤษณะ พี่เรา มีเหตุวิวาทกันจึ่งทำให้น้องเหมือนมีไฟมาสุมกองอยู่กับอก ร้อนรนทนอยู่แต่ในตำหนักหลวงมิได้ จึ่งรีบทูลลามาสู่เรือนตัวโดยด่วน”

“หากเป็นเหตุประพฤติผิดใจนั้น เรื่องจบสิ้นความเสียเมื่อราตรีแล้ว กฤษณาน้องเราอย่าเพ่อตระหนกตกใจ” มาตะยกมือห้ามปราม

“หามิได้ กิริยาอาการใจร้อน แลหุนหันมุทะลุ เป็นลักษณะประจำกายของกฤษณะนายกอง จึ่งอุกอาจกระทำการนำทหารหลวงทะลวงบุกไปก่อกวนมาตะพี่ท่านให้ระคายเคืองอันมิสมเหตุผล เพียงเพราะหลงต้องกลได้ยินความโดยมิไตร่ตรองว่า พี่ท่านนำสตรีอื่นมาร่วมห้องนั้น ยังจักเป็นความจริงอยู่หรือ”

มาตะกระชับมือพจน์แน่นยิ่งกว่าเก่า ก้มลงมองคนที่กอบกุมมือด้วยสีหน้านิ่งเฉย

“ความใดซึ่งพี่ชายเจ้าแจ้งนั้นถูกต้องทุกประการ”

ถ้อยคำมาตะเป็นเสมือนยาขมสำหรับสตรีนางนี้โดยเร็ว เพราะรอยยิ้มซึ่งปั้นฉาบไว้บนใบหน้างดงามนั้นเหือดหายเสียสิ้นพร้อมทั้งดวงตาเศร้าโศกก็พลันตึงเครียดทันควัน

“เป็นจริงดั่งนั้น ฤา” กิริยานอบน้อมเสแสร้งเปลี่ยนเป็นวู่วาม ซ้ำวิสาสะถามกลับตัวสั่นเทิ้ม

มาตะเห็นคำปรามาสดังเอ็ดอึงฉะนั้น  สติครองกำลังตัวสุดอดกลั้นหลุดขาดโดยพลัน

“ก็แหละน้องเจ้าได้ยินถ้อยความจากนายกองกฤษณะเสียสิ้นแล้ว ไยถึงต้องให้พี่นี้ทวนความซ้ำอีก หรือนายกองเกราะทองจักมิได้แจ้งว่า เหตุกระทำตนอ้างอาชญาสิทธิ์รั้งตำแหน่ง บุกทำลายทรัพย์สินอาณาประชาราษฎร์เสมือนผักปลานั้นกระทำไปด้วยความแค้นส่วนตน อันเหนือจิตสำนึกผู้ดำรงยศข้าทหารพึงระลึก เพียงเพราะได้ยินว่าข้า ไอ้มาตะ กระทำการหยามหมิ่นศักดิ์กฤษณา แลเจ้ายังมาตีซ้ำว่าการณ์ทั้งสิ้นล้วนทำไปโดยอ้างนิสัยมุทะลุมาเป็นเหตุ โดยมิได้ตรึกตรองแต่อย่างใดว่าจักก่อความเสียหายแก่ผู้ใดบ้างนั้น เหมาะควรอยู่หรือ”

พจน์ไม่เคยเห็นมาตะโกรธมากเท่านี้ ไม่นับครั้งเมื่อปะดาบกับนายกองกฤษณะ

ก็แหละสตรีผู้นั้นคือใครเล่า” กฤษณากรีดร้องถ้อยความดังเอ็ดตะโร

คือเราเอง
 
เป็นคำตอบที่พจน์คิดจะเอ่ย แต่มีอีกเสียงหนึ่งแทรกพูดแทน ยุติอารมณ์โมโหของมาตะให้ลดทอนลงตามลำดับ เช่นเดียวกับก่อความฉงนสนเท่ห์สู่กฤษณาให้ผินหน้าสู่เบื้องทิศของต้นเสียงนั้นโดยพลัน


50%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2019 19:22:40 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เอ่อ... เราไหนกัน  :ruready

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
เรา........แต่ไม่ใช่..เรา

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ค้าง :katai1:  ใครมาช่วยกันนะ

มาตะได้ใจมากๆ ให้พจน์อยู่ข้างกายเสมอ  พจน์จะได้อุ่นใจ แม้จะมาอยู่ในที่ที่ไม่รู้จักใครแบบนี้ คนจะมาดีมาร้ายพจน์ก็ไม่รู้ได้
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

มีใครคนหนึ่งเข้ามาในฉากอันดุเดือด
คนๆนั้นคือ.................!?!!!??!

"คือเราเอง......."


ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
ใครอี๊ก พ่อมาตะ ทำไมโดนรุมล้อมขนาดนี้ โอ๊ย เวียนหัวค่ะ

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
[ต่อ]


หญิงสาวเจ้าของถ้อยความดำเนินทอดกายเชื่องช้าสู่หอนั่ง พร้อมข้าทาสบริวารผู้ติดตามอยู่เบื้องหลัง สตรีผู้มาใหม่แต่งองค์ทรงเครื่องคล้ายกฤษณา แต่คาดอกด้วยผ้าสีดอกอัญชัน นุ่งท่อนล่างด้วยภูษาสีเหลืองอ่อนทอลาย ใบหน้าสาวสะพรั่งเต็มตัว อายุอานามวัยใกล้เคียงกับอาธนพล คลับคล้ายคลับคลาเหมือนใครบางคนที่พจน์เคยคุ้น งดงามเสมอกฤษณา แต่ดูมีเสน่ห์เย้ายวนแตกต่างซ่อนเร้น

“เป็นข้าเอง อิสตรีอันเจ้าถามหา” หญิงสาวผู้นั้นโปรยยิ้มพร้อมยืนยันคำเดิม

โกหก
 
คำพูดแหบต่ำยานคางของสตรีเพศดังขัดขึ้น จังหวะเอื้อนเอ่ยผสมลมเย็นพัดวูบ ชวนขนหัวลุกสยดสยอง พจน์รีบเหลียวแลมองหาแหล่งที่มา แต่ดูเหมือนว่าข้าทาสทุกคนในที่นั้นจะปิดปากเงียบยิ่งชีพตน และเสียงนั้นก็ไม่ได้คล้ายคลึงน้ำคำของกฤษณาแม้แต่น้อย
 
มาตะผลุดลุกขึ้นยืนก่อนจักฟุบกายชันเข่าพนมมือเสมออกน้อบศีรษะจรดปลายนิ้วกลางหว่างคิ้ว พจน์รีบทำตามคนตัวหนาทันที

“มาลี พี่ท่าน หวนคืนสู่เรือนแต่เมื่อใดมิได้แจ้งล่วง น้องมาตะเป็นห่วง ประหลาดเหลือใจนัก”

“มาตะ น้องเราอย่าเพ่อซักความใด จงลุกขึ้นเถิดเจ้าทั้งสอง” พี่ท่าน หรือว่า หญิงสาวผู้นี้เป็น...

“ภัทรพจน์น้องเจ้า อิสตรีนางนี้เป็นพี่สาวของข้าเอง” มาตะแนะนำเครือญาติให้คนรักรู้จัก สตรีสาวงามผู้มาใหม่วาดรอยยิ้มมอบให้พจน์ทันที พลางว่า

“เหตุด้วยขณะพี่ทอดกายอยู่ลานหน้าเรือนเจ้า มุ่งหวังจักปรากฏตัวให้เป็นที่ประหลาดใจตามประสาเช่นครั้งวัยเยาว์ จึ่งมิได้ส่งบ่าวผู้ใดมาแจ้ง ครั้นความตั้งใจนั้นมาสำเหนียกยินเสียงเอ็ดอึงอื้อฉาวจับความได้แต่เพียงว่า มีผู้ถามหาหญิงอันเจ้าหมายใจเข้าพบเมื่อราตรีพระราชพิธีสำคัญ จึ่งเอะใจจำต้องสำแดงตนให้ประจักษ์ ด้วยเพราะคนอันน้องนางกฤษณาสืบหาอยู่นั้น คือเรามิผิดตัว”

โกหก
 
เสียงกระซิบปริศนาดังสะท้อนทั่วบริเวณ แต่ดูเหมือนจะมีเพียงพจน์เท่านั้นที่ได้ยิน
 
“มาลี พี่ท่าน” กฤษณายกมือพนมน้อมศีรษะก้มเคารพ “เป็นท่านมิผิดตัวกระนั้น ฤา”

หญิงสาวนาม มาลี ทรุดกายลงนั่งบนตั่งสลักลายตรงข้ามกฤษณา เหลียวแลเด็กสาวผู้สอบความด้วยสีหน้าเปื้อนรอยแย้มสรวล

“คราราตรีสำคัญนั้นข้าทูลลาสมเด็จพระขนิษฐาออกจากรั้วพระราชวังหลวง ด้วยมีกิจอันเร่งด่วนจักแจ้งต่อน้องชายร่วมอุทร โดยมิได้ฝากความไว้กับนางข้าหลวงคนใด ก็แหละมาตะ น้องเรานี้เป็นถึงผู้ครองดาบทองเทวาจึ่งจำต้องร่วมพระราชพิธีบูชาตรีเทพริมฝั่งแม่น้ำนพนทีเป็นแม่นมั่น ข้าแลนางรับใช้คนสนิท จึ่งส่งข่าวแจ้งการพบปะเพื่อการสะดวก ณ เรือนพักโรงสุราของนางแดง ผู้เป็นสหายสนิทของแม่ท่านเมื่อเยาว์วัย อีกทั้งใกล้กับประรำพิธีดั่งนี้ จึ่งเป็นเราที่น้องเจ้ากฤษณาถามหาอยู่” ว่าพลางจึ่งปรบมือสวมกำไลทองเป็นสัญญาณให้ข้าทาสผู้ติดตามยกตะลุ่มครอบฝาขนาดใหญ่มาวางเคียงแก่คนผู้มีศักดิ์ครบทุกผู้

บ่าวไพร่ชายกำยำเริ่มติดไต้ไฟให้แสงสว่าง ตะวันลับหายสู่ความมืดในที่สุด

“กฤษณาเอย กิริยาอาการน้องเราในครานี้มิสมเป็นกุลสตรีแบบอย่าง คุณสมบัติสำคัญอันประกอบเป็นหญิงซึ่งชายพึงปรารถนานั้นคือ กิริยามารยาทเรียบร้อยหนึ่ง รักนวลสงวนตัวหนึ่ง มีความกล้าหาญหนึ่ง มีความรู้ผิดชอบชั่วดีหนึ่ง มีความซื่อสัตย์จงรักภักดีหนึ่ง แลอีกประการหนึ่งนั้นเป็นสิ่งที่น้องเราขาดตกอย่างยิ่ง ณ เพลานี้คือ มีสติปัญญาหลักแหลม”

สีหน้านิ่งเฉยของกฤษณาแม้ก่อนหน้าจะยังคงวาดรอยยิ้มไว้ครองอยู่ แต่เพียงได้ยินคำเตือนต้องลักษณะตัวเหนือคาดคิดเช่นนั้นเหมือนหนึ่งโดนฝ่ามือล่องหนตบเข้าจนขึ้นเฉดแดงทันควัน
 
“กฤษณายังเยาว์แลอ่อนประสบการณ์เป็นที่ยิ่ง คำตักเตือนของมาลีพี่ท่านที่ว่าน้องขาดคุณสมบัติข้อซึ่งมีสติปัญญาหลักแหลมนั้น วานช่วยแถลงไขให้เป็นคุณสักคราหนึ่งเถิด เหตุเพราะตัวมัวแต่หลงคิดว่าจักทำการสิ่งใดก็คำนึงถึงหลักคุณธรรมดั่งว่าไว้เสมอของประจำใจตน จึ่งมิรู้ว่าพลาดพลั้งตกหล่นที่ใดอันเป็นเหตุให้มาลีพี่ท่านเก็บมาเป็นข้อตำหนิได้” สีหน้าแดงก่ำปรับเปลี่ยนคืนดังเก่ารวดเร็ว

มาลีหัวเราะราวกับคำถามของกฤษณาเป็นสิ่งตลกขบขันสุดพรรณา มาตะเห็นเรื่องราวลุกลามบานปลายไปในทางผิดใจกระนั้นจึ่งตั้งท่าจักเอ่ยระงับ แต่ถูกสีหน้าผู้เป็นพี่สาวพยักให้ละไว้เป็นหน้าที่นาง

“หลักคุณธรรมคุณสมบัติแห่งสตรีพึงปฏิบัตินี้ล้วนเป็นสิ่งซึ่งมารดาจำต้องสอนสั่งเมื่อเด็กสาวผู้นั้นรู้ความเป็นหนหนึ่ง แลกฤษณาผู้ถือกำเนิดในวงศ์ขุนนางตระกูลสูงยิ่งเช่นนี้ จำต้องถูกอบรมบ่มจรรยามารยาทเป็นกิจวัตรจนสามารถท่องขึ้นใจเป็นแน่แท้แล้ว ซ้ำถูกฝากฝังเข้าสู่รั้วรอบขอบวัง เพื่อเรียนรู้งานฝีมือนานาประการอันสตรีพึงเรียนรู้มาหลายขวบปีเช่นนี้เป็นหนสอง มีหรือที่ข้าจักกล้าชี้แนะข้อผิดพลาดนั้นให้น้องเจ้าทราบได้”

“มาลีพี่ท่านครองอายุนับว่าสูงกว่ากฤษณา ดุจเป็นพี่สาวคนหนึ่งก็ว่าได้ดั่งนี้ หากจักเทียบชั้นถึงขั้นมารดาผู้มีคุณ จักกรุณาตักเตือนบุตรยามเมื่อทำผิดนอกกรอบคำสอนก็คงมิเกินเลยไปแม้เพียงนิด โปรดชี้ช่องทางอันมิสมประสงค์ให้แจ้งแก่ใจอับจนนี้ด้วยเถิด”

รอยยิ้มของมาลีเหือดหายรวดเร็วราวกับถูกฉกชิงจากเด็กสาวเบื้องหน้าด้วยคำพูดเมื่อครู่

“ดีนัก ในฐานะพี่และมารดาอันเจ้ายกเทียบ ข้าขอชี้ข้อบกพร่องอันประกอบเป็นกุลสตรีดั่งว่า เพื่อเป็นคุณต่อชายใดที่เจ้าจักครองคู่ในภายภาคหน้า ก็แหละสติปัญญาหลักแหลมซึ่งเป็นข้อท้ายแลเปรียบเหมือนข้อสำคัญสุดนี้ น้องเราพลาดพลั้งทำให้เกิดเป็นรอยราคีมัวหมอง คือการอันมาสู่เรือนชายพร้อมด้วยคำสอบความว่า หญิงอันชายผู้นั้นไปพบหานอกจากตัวนั้นคือใครอย่างไรเล่า ซึ่งขาดสิ้นสติปัญญาแหลมหลักอย่างที่สุด”

พจน์ไม่เคยเห็นคำโต้ตอบใดจะดุเดือดเท่าหญิงทั้งสองสนทนาต่อกันอีกแล้ว ฝ่ายหนึ่งนั่งอยู่บนตั่งตัวตรงข้ามด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่อีกฝ่ายก็นิ่งสงบไม่แพ้กัน รอยยิ้มกว้างยังฉาบทออยู่บนโครงหน้าของกฤษณาเช่นเดียวกับมาลี ราวกับเรื่องราวที่ได้พูดคุยกันเป็นคำถามถึงสารทุกข์สุกดิบตามปกติ

กฤษณาเหลียวมองมาตะก่อนจักตวัดดวงตาดำขลับมาสบพจน์ชั่วครู่ แล้วจึ่งวาดเรียวขาจับจีบหน้านางก้าวลงสู่พื้นกระดานของหอนั่ง แล้วก้มกราบใบหน้าจรดพื้นสู่ทิศทางซึ่งมาลีประทับนั่งอยู่

“เป็นคุณแก่กฤษณาอย่างสูงยิ่งแล้ว ด้วยมาลีพี่ท่านชี้ช่องบกพร่องแก่น้องผู้ต่ำต้อยคนนี้ กรรมแต่ปางหลังใดเอยจึ่งมาบดบังนัยน์ตาให้มืดบอดแลกระทำการลดคุณตัวเช่นนี้ได้ นับว่าน้องนี้ด้อยสติปัญญาหลักแหลม แลนำพาอารมณ์อยู่เหนือคุณธรรมประจำตัวก็ว่าได้ พี่ท่านทั้งสองโปรดอภัยแก่กฤษณาสักคราหนึ่งเถิด”

แววตาสำนึกผิดปรากฏเด่นชัดยิ่งกว่ารอยแดงของริมฝีปาก แม้แต่พจน์เองยังรู้สึกเห็นใจ

“ลุกขึ้นก่อนเถิด กฤษณา” มาตะเอ่ยเสียงเครียด

“คำอภัยนั่นแล้วจักช่วยให้กฤษณาลุกขึ้นจากพื้นเรือนได้”

รอยยิ้มแดงชาดของมาลีเผยอกว้างดุจชัยชำนะปรากฏให้เห็นเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ก่อนจักก้าวลงจากที่นั่งตัวเอื้อมสองมือพยุงเด็กสาวต่ำอายุกว่าให้ยืดกายทรงตัวนั่งดังเก่า

“ก็แหละเจ้ายังมีสติปัญญารู้ผิดถูกรู้สำนึกโทษเช่นนี้ จักว่าด้อยสติปัญญาหลักแหลมคงมิถูกต้องเสียทีเดียว เอาเถิด คำใดที่ต้องใจ ฤา มิพึงใจจากข้านี้ น้องเราจงเก็บงำ ฤา ระงับสลัดทิ้งเสีย เหตุที่ชี้แนะข้อบกพร่องก็ด้วยเพราะเอ็นดูมิให้ถลำไปในทางผิด”

ว่าพลางก็เหลียวมองพจน์ ใบหน้าคิ้วสวยตาคมนี้มิต่างจากมาตะแม้แต่น้อย รวมถึงลักษณะคำพูดจา ล้วนมีเหตุมีผลยกเทียบเปรียบเห็นจริงตาม หากมิกล่าวว่าเป็นพี่น้องร่วมท้องกัน พจน์ก็คงคิดว่าอาจเกี่ยวดองหรือร่วมสายเลือดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

“เป็นบุญตัวยิ่งแล้วที่พี่ทูลลากลับมาเยี่ยมพ่อแม่ท่านเอาในเพลานี้ ราวกับมีสิ่งดลใจให้ร้อนรนทนอยู่ในตำหนักหลวงมิได้ มาตะเอย คำอันเจ้าเล่าถึงลักษณาแลนัยน์ตาอันประกอบเป็นร่างกายของชายผู้นั่งอยู่เคียงเจ้านั้นมิสมกับความเป็นจริงแม้แต่น้อย แลหรือยังมิอาจคัดสรรคำใดมาเปรียบเทียบให้เห็นภาพได้เท่ากับพินิจมองด้วยตาของตนเอง ภัทรพจน์น้องท่านนี้ งดงามประหนึ่งรูปสลักริมระเบียงเทพของมหาเทวาลัยมิปาน”

พจน์ยิ้มเขินยกมือเกาหลังคอพร้อมก้มเคารพ มืออีกข้างก็โบกปฏิเสธยากจะรับคำชมนั้นได้

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

“กระไรมาปฏิเสธความจริงอันน้องท่านครองอยู่ ดูเอ๋ยมาตะ กิริยาถ่อมตัวน่าเอ็นดูนี้ เจ้าอดใจนั่งครองตนมิขโมยกลิ่นนวลปรางนั้นยังจักถูกอยู่หรือ”

พจน์ผงะถอยห่างจากมาตะโดยเร็ว แต่เจ้านั่นยังคงนั่งเบ่งกล้ามหลังตรงแน่ว มีเพียงแววตาระยิบเท่านั้นที่หากอยู่สองต่อสองมันคงทำตามคำยุของพี่สาวเป็นแน่

“มาตะ น้องเรา แม้เชี่ยวชาญการณรงค์เป็นเอกเสมอขุนทหารแม่ทัพศึก แต่ข้อปฏิพัทธ์ผูกสมัครนั้นยังจักเชี่ยวชาญเสมอทักษะต่อสู้อยู่หรือ วานภัทรพจน์เจ้าแจงแถลงแก่ข้าเป็นคุณด้วยเถิด” รอยยิ้มเย้าหยอกประดับเหนือดวงหน้าชื่นสะคราญ

“พี่ท่าน!” มาตะร้องขัดเสียงเบา ภายใต้หน้านิ่งงันนั้นพจน์เห็นใบหูเจ้าตัวหนาปรากฏสีแดงรวดเร็ว

“เอาเถิด คำตอบนี้เจ้าสองคงล่วงรู้กันต่อกันโดยดีแล้ว เสียดายก็แต่พี่ชายเจ้าอีกคนที่บัดนี้ยังมิมีบุญจักได้เห็นบุรุษผู้ครองนัยน์ตาสีน้ำตาล คงมีกรรมใดบัดบังอยู่เป็นแน่จึ่งพลาดพลั้งคลาดคราทุกทีไป ยินว่ามีราชการงานด่วนให้ประจำ ณ เมืองท่าชายฝั่ง”

“เป็นเช่นนั้น มาลี พี่ท่าน”

“สงครามครั้งนี้กำลังสร้างความอกสั่นขวัญแขวนสู่ทุกเย้าเรือน” มาลีตีสีหน้าเครียดขรึม ก่อนจักยิ้มกว้างโปรยเสน่ห์อีกครั้ง “มาเถิด มาร่วมสำรับข้าวปลาอาหารเย็นที่พี่เตรียมไว้ต้อนรับเจ้า เชิญกฤษณาน้องเราด้วย”

ข้าทาสผู้อยู่ใกล้ชิดเปิดฝาครอบตะลุ่มบรรจุข้าวปลาอาหารชั้นเลิศ ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นอาหารที่พจน์ไม่คุ้นตา แต่กลิ่นหอมเย้ายวนชวนให้ท้องส่งเสียงร้องสร้างความขบขันให้แก่มาตะและมาลีดังครื้นเครง
 
“เอ่อ มาตะ พี่ท่าน กฤษณานี้ลืมหลงเสียสิ้น ด้วยเหตุเพราะน้องได้คัดสรรผ้าอย่างดีจากเมืองประเทศราชอันเข้ามาค้าขายแก่ตำหนักหลวง เห็นเนื้อผ้าละเอียดละออทอดิ้นยกลายอย่างดี อีกทั้งสีสันล้วนต้องตาทำให้นึกถึง...”

“กฤษณานี้อย่างไร หว่างกลางร่วมสำรับอาหาร ควรหรือที่จักยกเรื่องของที่เจ้าปรารถนาจักยื่นให้น้องเราผ่านข้าวปลาอันเป็นของอย่างดีเพื่อบำรุงชีวิตตัว มิรู้คุณ ข้อมารยาทเรียบร้อยนั้นน้องท่านคงลืมหลงไปแล้วกระมัง”

ท่าทางหยิบผืนผ้าสีดำประคองในมือ ถือไว้เหนือสำรับอาหารยื่นมาทางมาตะปรากฏเป็นข้อตำหนิสำคัญสู่สายตามาลี

“มาตะเอย หากเจ้ามิพูดในวันนี้ พี่จักเป็นผู้กล่าวเอง มิเกรงภัยอันใดจักเกิดกับตัวแม้แต่นิด ด้วยมองเห็นแลรับรู้ความมิสมควรมาโดยตลอดจนสุดกลั้น”

“พี่ท่านโปรดระงับคำก่อน” มาตะยกมือห้าม ถอนหายใจเหมือนตัดสินใจบางอย่าง

“มีความใดที่พี่ท่านทั้งสองซ่อนงำไว้เช่นนั้น ฤา” กฤษณาลืมหลงกิริยานอบน้อมร้องถามโดยพลัน “หรือจักเกี่ยวกับภัทรพจน์ผู้นี้เป็นสำคัญ”

ใบหน้าแสร้งโปรยยิ้มของมาลีเหือดหายเหลือแต่แววตำหนิ
 
“มีความหนึ่งซึ่งน้องคับข้องใจเหลือประมาณ อยากสอบความจากมาตะพี่ท่าน” กฤษณาละท่าทางเรียบร้อยเหวี่ยงผ้าผืนงามสีดำใส่ข้ารับใช้ใกล้ตัว

“นับแต่น้องนี้รู้จักพี่ท่าน มิเคยเห็นรอยยิ้มใดแย้มพรายปรากฏสู่ตัวเพียงนิด แลวันนี้มาเห็นจึ่งอัศจรรย์ใจเหลือประมาณ แต่รอยยิ้มสุดหวงนั้นเกิดขึ้นคราใดก็เพราะภัทรพจน์ท่านเป็นเหตุเสียสิ้นหนึ่ง อีกทั้งคำพูดจาหยอกเย้าแตะเนื้อต้องตัวจักเกิดแก่กฤษณานั้นเป็นไม่มี แต่สนธยาวันนี้กลับเกิดขึ้นให้เห็นตำตาต่อหน้าหนึ่ง ซ้ำมาลีพี่ท่านยังมากล่าวคำไปในทางว่ามาตะแลภัทรพจน์มีใจปฏิพัทธ์ต่อกันเป็นที่ฉงนใจดั่งนี้หนึ่งนั้น วานแจ้งให้ใจร้อนรนของกฤษณาได้รับน้ำคำดับกองไฟคับข้องให้มอดดับเสียเถิด”

พจน์เห็นท่าทีกระวนกระวายแลสีหน้าร้อนรนรอคำตอบด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง นางคงมีใจให้มาตะมากประมาณ และทุกอย่างที่กล่าวล้วนเป็นดั่งหอกหนามทิ่มแทงสุดทานทน มาตะจุ่มมือลงอ่างน้ำชำระล้างเม็ดข้าวแล้วซับให้แห้งด้วยผ้าขาว

บุรุษผู้ครองนัยน์ตาสีสมัน อันพี่เฝ้าฝันแลเห็นมาชั่วชีวิต ช่วยลิขิตให้พ้นคำสาป คนผู้นี้...” มาตะวาดแขนล่ำโอบไหล่พจน์เข้าหาตัว “คือคนที่พี่หมายปอง ครองคู่ร่วมทุกข์สุข ตราบลมหายใจสุดท้าย

ริมฝีปากแดงก่ำขยับสั่นแต่พยายามอย่างยิ่งที่จักแย้มยิ้มให้สมกับเจตนาตัว ขัดกับดวงตาเศร้าหมองสุดแสนเยียวยา พจน์ไม่อาจห้ามให้มาตะพูดความจริงนี้ได้ เพราะไม่วันใดวันหนึ่ง นางต้องล่วงรู้ความจริงในที่สุด แต่การต้องมาเห็นสีหน้าประหนึ่งพร้อมยินดีแต่แววตาตรงกันข้ามสถิตอยู่บนใบหน้างดงามของกฤษณาแล้วอดใจหายไม่ได้

“คำ...มาตะพี่ท่านนี้ ช่วยลบความมืดบอดจากตาของกฤษณาเสียสิ้นในบัดดล ขอบน้ำใจเป็นยิ่งนัก หากกฤษณามิได้มาเยือนเรือนพี่ท่านในเพลานี้ ความหลงผิดใดก็จักดำเนินต่อมิรู้จบสิ้น แหละมาได้ยินน้ำใสใจจริงนี้โดยตลอดจึ่งรู้สึกเหมือนปลดความทุกข์ในอกตัวออกโดยพลัน เหมาะควรยิ่งแล้วพี่ท่านทั้งสอง เหมาะควรยิ่ง”

“กฤษณาน้องเรา” มาลีผลุดลุกเข้าปลุกปลอบเมื่อเห็นรอยน้ำตาไหลหลั่งแม้กระทั้งเจ้าของยังมิรู้ตัว “จงอย่าร่ำไห้เสียใจไปเลย การอันจักผูกสมัครรักใคร่เพื่อครองคู่กันนั้นมิได้ขึ้นอยู่ที่ความรักเพียงถ่ายเดียว แต่เป็นความผูกพัน...”

ลมหนาววูบใหญ่พัดสาดใส่สู่หอนั่งรวดเร็วทำให้ไต้ไฟส่วนหนึ่งมอดดับทันที แสงสว่างจึ่งมีเพียงริบหลี่พอมองเห็นหน้ากันเท่านั้น ข้าทาสชายต่างวิ่งวุ่นเติมเชื้อไฟ

พระแม่จ้าวววววว

เสียงสยดสยองปริศนาหวนกลับคืนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผสานความเจ็บแค้นเจ็บปวดจนพจน์รู้สึกได้ รีบเหลียวมองความมืดโดยรอบเพื่อหาต้นตอความสงสัยนี้

พระแม่จ้าววววว

กูจักทำเยี่ยงใดดี อีสร้อย
 
มีเสียงหญิงสาวอีกคนตอบคำร้องปริศนานั้น
 
อย่าทรงกรรณแสงเลยเพคะ พระแม่จ้าวววว
 
ความรักซึ่งกูเทิดทูนยิ่งชีวี บัดนี้กูกำลังสูญเสียมันไปตลอดกาล กูจักทนอยู่ได้เช่นไร กูจักทำเยี่ยงใดดี

ท่ามกลางความโกลาหลของบ่าวรับใช้ก้มเก็บข้าวของซึ่งถูกลมวายุพัดล้มระเนระนาด ผสานเสียงร่ำไห้ของกฤษณา พจน์จึงจดจำได้ว่าเสียงโต้ตอบนั้นเป็นเสียงเดียวกับที่กำลังร้องไห้อยู่นี่เอง
 
โปรดสั่งความมาเถิดเพคะ สั่งอีสร้อยผู้นี้มา มันผู้ใดสร้างรอยน้ำตาแก่พระแม่จ้าววว

เสียงยานคางถามกลับเชื่องช้า แล้วฉับพลันเงาดำของเสาเรือนเบื้องหลังตั่งที่นั่งของกฤษณาก็แปรเปลี่ยนเป็นร่างดำทะมึนของหญิงผู้หนึ่งเนื้อตัวล้วนดำมืด ผมยาวสยายลากพื้น ดวงตาขาวส่องวาวประกาย มันคลานเข่าด้วยท่าทางแปลกพิกลเสมือนกระดูกทุกส่วนผิดรูปร่าง ขยับเขยื้อนเข้าหาฝ่าเท้าของกฤษณาใช้ฝ่ามือดำลูบโลมปลอบ และพจน์เห็นริมฝีปากดำนั้นขยับเอ่ยต่อว่า

โปรดสั่งความมาเถิดเพคะ แลความตายจักเป็นสิ่งที่มันสมควรได้รับ

พจน์ไม่เคยเห็นความสะพรึงใดจะเสมอเหมือนสิ่งมีชิวิตตรงเบื้องหน้านี้อีกแล้ว ดูเหมือนว่ามาตะ มาลี หรือข้ารับใช้ทุกผู้จะไม่ได้เห็นสิ่งเดียวกับที่พจน์เห็น

“มาตะ มาตะ” พจน์ดึงรั้งแขนล่ำ

“อย่าได้เกรงภัยอันใดเลย อากาศแปรปรวนเช่นนี้คงมีพายุฝน เช่นนั้นเชิญน้องท่านเข้าสู่หอนอนข้าก่อนเถิด”

ความรักของกูพังทลายลง ก็เพราะมันผู้นั้นเป็นเหตุ

เสียงความคิดของกฤษณากรีดร้องดังก้อง และในทันใดดวงตาที่กำลังร่ำไห้ก็จับจ้องตรงมายังพจน์ทันที และรวดเร็วยิ่งกว่าลมพายุ ร่างดำทมิฬนั้นก็เหลือบตาขาวตวัดมองพจน์เช่นเดียวกัน ความแค้นสุดพรรณาสะท้อนสู่ตาพจน์ ก่อนที่มันจะกระโจนเข้าหาเด็กหนุ่มตาสีน้ำตาลรวดเร็ว พจน์หลับตาและยกแขนป้องกันแรงกระแทกใดที่จะเกิดขึ้น

คำกรีดร้องโหยหวนทรมานดังก้องสะท้อนเสียงฟ้าร้อง

ฉุดพจน์ให้เปิดตากว้างอีกครั้ง สีหน้าเครียดของไอ้กันปรากฏยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยที่พจน์นอนอยู่ ความเงียบคือสิ่งที่ครอบคลุมทั่วบริเวณหลังพจน์ข้ามพิภพกลับสู่โลกปัจจุบัน แต่หัวใจเต้นระทึกยังคงกระหน่ำอกด้านซ้ายของพจน์อยู่

“ปีศาจตนนั้น” พจน์สำลักทุกอย่างเป็นคำพูดตะกุกตะกัก

นารีพิฆาต สิ่งที่มึงเจอ เป็นผีร้ายที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อทำสิ่งโฉดชั่ว และมึงรอดพ้นมาได้อย่างหวุดวิด” ไอ้กันอธิบายกำหมัดแน่นจนปรากฏเส้นเลือดชัด

“พจน์ เป็นยังไงบ้างลูก” ภพดนัยผลักประตูห้องพักคนไข้เข้ามาพร้อมด้วยดารา ไอ้น้ำ ไอ้ต่อ ไอ้เอก ไอ้โบท ไอ้เพียว ไอ้นาย ไอ้รัก ไอ้กี และคนที่พจน์อยากเจอมากที่สุด ไอ้ปาล์ม เปรมณัฐ


100%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2019 19:25:10 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
กำลังสนุกอยู่เลย รีบมาต่อไวๆนะคะ  :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
แอร๊ย ชอบพี่มาลี FC ค่าาา มานิ่งๆยิ้มสวยๆ คำพูดสาดใส่กฤษณาซะจนนางเงิบ 5555

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ช่วงนี้เนื้อเรื่องเข้มข้น อยากอ่านตอนหน้าแล้ว  :ling3:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
สนุกมากๆคับ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
การข้ามพิภพได้ทำให้พจน์รอดปลอดภัยใช่ไหม  ชาติก่อนๆคงถูกผีปีศาจทำร้ายตลอด

เราสงสารปาล์มนะถ้าไม่สมหวัง  แต่พอมาตะพูดในตอนล่าสุดนี้ก็อยากให้พจน์เลือกมาตะ
มาตะและพจน์ทั้งรักและผูกพันมากันหลายชาติแล้วแต่คงไม่สมหวังกันสักที 
ครั้งนี้ขอให้สมหวังอยู่เคียงคู่กันไปนานๆเลย :mew6:
สนุกมากๆ ลุ้นทุกตอนเลย  ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ :L2:

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาลีมาทีนี่ทุกคนดับ ขอโทษที่ไม่ได้เข้ามาอ่านซะนานนะคะ กลับมารอบนี้เลยได้อ่านจุใจเลย เขียนแนวนี้คงยาก ยังไงก็พยายามเข้านะคะ

ออฟไลน์ Marchyn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 o18 ข้านี้จักรอจวบจนเมื่อท่านกลับมาอีกครา ช่างเพลิดเพลินเป็นยิ่งนัก

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
เหลือกตายามเมื่อเลื่อนลงมาพบว่าตอนต่อไปนั้นหามีไม่...
 :z3:
โอย เกิดเป็นคนงามนั้นยากแท้
อนึ่ง อ่านเรื่องนี้แล้วเผลออ่านเว้นจังหวะจะโคนเหมือนอ่านกลอนไปเองซะอย่างนั้น นึกขำแล้วกลับไปอ่านปกติ ครู่หนึ่งก็กลับไปอ่านเว้นจังหวะเช่นเดิม  :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2016 14:13:41 โดย rubymoona »

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ ๑๙



โคลงพยากรณ์



“ถึงเวลาแล้วที่มึงจะต้องเข้าใจความหมายแท้จริงของโคลงสี่สุภาพที่กูเคยท้าให้มึงถอดความ”

“มึงจะพูดอะไร”

“สิ่งชั่วร้ายในพิภพอื่นที่มึงเจอ สร้างความเจ็บปวดให้กูจนแทบสิ้นลมหายใจ เพียงเพราะกูตามไปปกป้องมึงไม่ได้ มีทางเดียวเท่านั้น คือกูจะต้องฝึกให้มึงควบคุมพลังซึ่งมึงครอบครอง ยามใดเมื่อสิ้นไร้กูเคียงข้าง กูหวังว่ามึงจะรักษาหัวใจกูที่ฝากไว้กับมึงไม่ให้ต้องเจ็บปวดขนาดนี้อีก”


คำพูดของไอ้กันดังซ้ำเวียนวนนับร้อยครั้ง หลังจากพจน์ข้ามพิภพกลับสู่โลกปัจจุบัน และรอดพ้นอันตรายจากอาวุธร้ายในชื่อเรียกว่า นารีพิฆาต มาได้อย่างเฉียดฉิว แววตาระริกไหวกอรปกับคำพูดแสดงเจตจำนงยึดมั่นของไอ้คนลึกลับ ทำให้พจน์ไม่อาจลบลืมภาพวินาทีผีร้ายตนนั้นเพ่งมองประสงค์ชีวิตออกจากความทรงจำได้ หากพจน์มีพลังดังคำพูดปริศนาในความคิดเคยกล่าว รวมกับคำยืนยันจากไอ้กัน และพระเจ้าวัชรโกมลอดีตชาติของพจน์ย้ำซ้ำอีกหน ความสามารถข้ามพิภพ และพลังเร้นลับซึ่งไอ้กันลั่นคำว่าจะฝึกควบคุมนี้ทำให้พจน์รู้สึกมีความหวังบางอย่าง

อีกทั้งความหมายที่แท้จริงของโคลงสี่สุภาพต้องห้ามนั่นคือสิ่งใด มีความนัยซ่อนเร้นอยู่อย่างนั้นหรือ ภายใต้โคลงซึ่งไม่มีการจารึกใดๆบนพิภพนี้จะทำให้พจน์เข้าใจทุกเหตุการณ์และเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้อย่างนั้นหรือ

คำถามทั้งหมดมีเพียงไอ้กันเท่านั้นที่ให้คำตอบได้ และตอนนี้เจ้าเด็กใหม่ก็หายตัวไปอย่างลึกลับอีกครั้ง

พจน์เชื่ออย่างหนึ่งว่าอันตรายใดๆจาก นารีพิฆาต จะไม่เกิดกับมาตะหรือพี่มาลี เพราะเป้าหมายที่แท้จริงนั้นคือพจน์อย่างชัดแจ้ง ความเคียดแค้นอาฆาตฝังอยู่ในแววตาขาวสว่างจนติดตาพจน์ยากลบเลือน เขาหวังจะเตือนมาตะ แต่วิธีควบคุมการข้ามพิภพกลับไปนั้นไม่อาจล่วงรู้เวลาที่แน่นอนได้
 
สตรีเจ้าของนามกฤษณา แม้มองด้วยลักษณะภายนอก ดูงดงามไร้เดียงสา แต่เหตุผลกลใด ถึงได้มี นารีพิฆาต สิ่งอันแสดงถึงความชั่วร้ายเลี้ยงไว้ใกล้ตัว ความลับดำมืดใดแฝงอยู่ภายใต้หน้ากากเศร้าเสียใจนั้น หากความรักชักนำให้คนคนหนึ่งดำเนินไปผิดทางอย่างนี้ พจน์อาสาจะนำนางกลับมาสู่ในที่ที่ควรด้วยมือตัวเอง

เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลถอดถอนใจ เงยหน้าจ้องประตูห้องกรรมการสภานักเรียนด้วยคิ้วขมวดมุ่น มีบางสิ่งที่พจน์ต้องจัดการให้ชัดเจน และหนึ่งในปัญหามากมายนั้นก็นำพาเขามานั่งรออยู่หน้าห้องสภานักเรียน ป้ายแขวนกับที่จับประตูบอกว่า กรรมการสภานักเรียนกำลังประชุมกันอยู่ และคนเดียวที่พจน์ต้องการพูดคุยด้วยก็อยู่ในกรรมการสภานักเรียนชุดนี้...ไอ้ปาล์ม

หลังจากพจน์ฟื้นสติจากการข้ามพิภพ แพทย์ผู้รักษาบอกว่าเป็นอาการอ่อนเพลียจากการนอนหลับไม่เพียงพอเช่นเดิม จึงให้นอนพักหนึ่งคืนก่อนจะกลับบ้านได้ตามปกติ เป็นคำวินิจฉัยที่พจน์จำเป็นต้องเห็นชอบตามโดยเร็ว ไม่มีคำพูดใดเอ่ยมาจากใบหน้าตี๋หล่อของเปรมณัฐ ยกเว้นดวงตาคมนั้นที่สะท้อนถ้อยคำมากมายจนพจน์อยากจะถามให้ชัดเจนในเดี๋ยวนั้นเลยว่า สิ่งที่พจน์ได้ยินเหนือดาดฟ้าของโรงพยาบาลคือความจริงหรือไม่ พลาสเตอร์ปิดแผลเหนือคิ้วซ้ายและร่องรอยฟกช้ำมุมปาก ยืนยันว่าพจน์อยู่ในเหตุชุลมุนระหว่างไอ้ปาล์มและไอ้พีท พร้อมได้ยินคำสารภาพของเพื่อนสนิทชัดแจ้ง แต่ท่าทีเมินเฉยนี้ส่งผลกระทบต่อพจน์จนเขาทำตัวไม่ถูก หรือว่ามันยังคงโกรธที่เห็นพจน์ยืนกอดกับไอ้กันในห้องสมุด เพราะในวันนี้ทั้งวันไอ้ปาล์มหลบหน้าพจน์ ไม่ยอมเข้ามานั่งเรียนตามปกติ ทำให้เขาจำเป็นต้องหาข้ออ้างจากครูฝึกชมรมฟุตบอล เพื่อมานั่งดักรอเจ้านั่นหลังเลิกเรียนอย่างที่ทำอยู่นี้ รู้ดีแก่ใจว่าผิดต่อเพื่อนร่วมทีมแค่ไหน แต่พจน์อยากพิสูจน์ความในใจบางอย่าง

“อะ พี่พจน์ มาทำอะไรตรงนี้คะ”

“ดาว” พจน์ยิ้มให้น้องสาว ผู้มีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด “พี่ส่งข้อความให้แล้วนี่ว่าวันนี้จะกลับบ้านเอง แล้วดาวล่ะมาทำอะไรแถวนี้”

“คือ...” เด็กสาวฉีกยิ้มกว้าง “กำลังจะกลับพอดีค่ะ มีเรื่องต้องมาส่งให้สภานักเรียนนิดหน่อย แต่ดูเหมือนเค้า...จะประชุมกันใช่ไหมคะ”

“อืม ถ้ามีอะไรฝากพี่ไว้ก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ส่งให้ไอ้ภามเอง” พจน์อาสา แต่ดูเหมือนน้องสาวคนดีจะไม่เห็นด้วย เธอก้มหน้าส่ายปฏิเสธ พร้อมพูดว่า

“ช่วงนี้พี่พจน์สบายดีนะคะ นอกจากเรื่องโชคร้ายที่เกิดกับอาพลแล้ว ดาวรู้สึกว่าอีกคนที่น่าเป็นห่วงเหมือนกันก็คือพี่พจน์”

“เอ่อ ทำไมล่ะ พี่ก็สบายดีนะ” พจน์ยิ้มกว้างกว่าปกติ

“ไม่ เอ่อ ไม่มีค่ะ งั้นดาวไปรอคุณพ่อก่อนนะคะ”

น้องสาวหันหลังกลับตีจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้พจน์ต้องตกอยู่ในห้วงคำถามเป็นห่วงเป็นใยนั้นจนนึกรู้สึกผิด เธอคงเป็นห่วงอาการหมดสติของพจน์ เหตุเพราะเขาข้ามพิภพไปโดยทิ้งร่างแท้จริงอีกหนึ่งไว้บนโลกนี้ ความลับไม่มีในโลก แต่พจน์ไม่รู้จะอธิบายเรื่องราวนี้อย่างไรดี

“อ้าว น้องพจน์ มานั่งรอใครวะ”

ใบหน้าหล่อ คิ้วดกหนา ผิวขาว ระดับส่วนสูงล้ำกว่าพจน์เกือบสิบเซนติเมตร ส่งรอยยิ้มกว้างอวดฟันขาวเป็นระเบียบให้ขณะผลักประตูเปิดออกจากห้องกรรมการสภานักเรียน มันยักคิ้วให้พจน์หนึ่งทีแล้วเดินมาประกบชิดพร้อมวาดแขนล่ำหนาดึงไหล่คนเตี้ยกว่าเข้าหาตัว
 
“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตาเลยนะ น้องพจน์”
 
คนที่พูดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นี่ ชื่อ ไอ้ภาม หรือ พี่ภามภพของสาวๆ ทั้งรุ่นน้อง รุ่นเดียวกัน และรุ่นพี่ ไม่เว้นแม้แต่หนุ่มๆก็มีหลงผิดชอบมันอยู่มากโข ไอ้ภามเรียนอยู่ห้องสายศิลป์ นั่งเก้าอี้ประธานสภานักเรียน ในความคิดพจน์มันต้องติดสินบนให้แฟนคลับตอนเลือกตั้งแน่ ไม่งั้นไอ้คนนิสัยปากว่ามือถึงอย่างไอ้เจ้านี่จะขึ้นมาเป็นประธานนักเรียนได้ไง แต่เห็นนิสัยชอบเล่นถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ มันเอาการเอางานได้เรื่องเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้มากกว่าที่มันได้ตำแหน่ง แต่ในสายตาพจน์ ไอ้ภามก็ยังเหมาะจะเป็นประธานชมรมดนตรีมากกว่า ฝีมือดีดกีต้าร์ของมันนี่ระดับมือเอกของโรงเรียนเลยทีเดียว
 
พจน์แงะมือหนาออกจากไหล่ แล้วเบี่ยงตัวถอยห่าง

“เมื่อไหร่มึงจะเลิกเรียกคำนำหน้ากูว่าน้องสักทีวะ” พจน์แกล้งชักสีหน้าไม่พอใจ

“โอ๋ๆ อย่าโกรธกูดิ กูก็เรียกมึงแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่หว่า ก็มึกเสือกเกิดทีหลังกูตั้งหลายเดือน แล้วไม่ให้กูเรียกว่าน้อง แล้วต้องเรียกว่าเมียหรือไง โอ๊ยๆ”

ไอ้ภามกุมไหล่หนาตัวเองพร้อมร้องเสียงหลงเมื่อเจอกำปั้นพจน์กระแทกใส่
 
“ให้มันน้อยๆหน่อย คำพูดคำจาของมึงนี่นะ ให้มันสมฐานะประธานนักเรียนหน่อยดิวะ เกิดใครมาได้ยินจะนึกว่าเป็นพวกแว้นข้างถนน” พจน์กำหมัดขู่ให้มันกลัว แต่แววตาและรอยยิ้มกว้างแสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้เจ็บจริงซ้ำยังคงไม่สำนึกแม้แต่น้อย

“จ้า พี่เข้าใจละ น้องพจน์ นานๆเจอกันที มาให้กูหอมแก้มหน่อยดิ”

ไม่เพียงไม่รอคำปฏิเสธของพจน์ มันรีบยื่นหน้าเข้าหาแก้มเนียนใสโดยเร็ว โชคดีที่เขามีภูมิคุ้มกันเรื่องหลอกหอมแก้มนี่แล้วเลยรู้จังหวะ หลบก้าวถอยห่างรวดเร็ว ไอ้พวกกรรมการสภาฯที่ส่วนใหญ่เป็นเพศชายกำลังทยอยกันออกมาส่งเสียงหัวเราะชอบใจในท่าทีลูกพี่ของพวกมัน บ้างสงเสียงเชียร์ บ้างโบกมือทักทาย บ้างเรียกชื่อพจน์ ตามประสาคนเคยคุ้นหน้า ถึงแม้ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนร่วมชั้น มีกิจกรรมส่วนกลางให้จัดร่วมกันอยู่หลายครั้ง และหลายครั้งพจน์ก็ต้องมานั่งอธิบายให้ไอ้เจ้าพวกนี้ฟังในฐานะประธานชมรมคนเจ้าบทเจ้ากลอนเพื่อของบไปใช้จ่าย
 
“เดี๋ยวนี้รู้จักหลบหลีกนะ ทีเมื่อก่อนละ มาอ้อนตลอดๆว่า หอมแก้มพจน์ทีๆ โอ๊ยๆ”

ครั้งนี้พจน์ถีบด้วยรองเท้าหนังจนมันเสถลาเลยทีเดียว แต่ดูสีหน้าแสร้งเจ็บของไอ้ประธานนักเรียน ก็ทำให้พจน์อยากจะถีบส่วนอื่นที่ไม่ใช่หน้าแข้งของมันจริงๆ

“เอ้า ถ้าไม่ใช่มาอ้อนให้กูหอมแก้ม แล้วมาดักรอกูถึงหน้าห้องสภาฯทำไม หรือว่าจะยอมให้กูยกขันหมากไปขอแล้ว ไชโย” ไอ้หน้าหล่อกระโดดชูกำปั้นขึ้นลงจนพจน์ต้องกุมขมับ

“กูไม่ได้มาหามึง”

“ก็ว่าละ” ภามภพกรอกตามองบนได้หน้าตบศีรษะมากๆ พร้อมปรับเปลี่ยนเป็นหน้าเศร้าทำปากบึนดูหน้าสงสารเหมือนเด็กน้อยห้าขวบใช้อ้อนแม่ แต่กูไม่ใช่แม่มึงครับ ใช้ไม่ได้ผลหรอก

“ถ้าน้องพจน์ไม่ได้มาหาเค้า แล้วมาหาใครอ่ะ บอกเค้ามานะตัวเอง” อาการเหมือนเด็กน้อยถูกขัดใจปรากฏสู่สายตาบรรดากรรมการสภาฯของมันโดยตลอด แต่ภามภพก็หาได้สนใจกับภาพลักษณ์ที่ตัวเองดำรงอยู่ไม่ เชื่อมันเลยจริงๆ

ระหว่างนั้นกรรมการสภาฯคนสุดท้ายก็เดินออกมาพร้อมด้วยใบหน้าฉงนสนเท่ห์ เปรมณัฐเหลียวมองพจน์ด้วยสายตาว่างเปล่า สายตาเดียวกับที่มันใช้มองนับตั้งแต่พจน์ข้ามพิภพกลับมาเมื่อคืน
 
“อ้อ ที่แท้ น้องพจน์ก็มาดักรอเลขาสภาฯของพี่นี่เอง” ไอ้ภามเลิกตีหน้าสลดเป็นยิ้มกว้าง มึงนี่สมควรไปเข้าชมรมละครนะ
 
“ทำไมอ่ะ เค้าหน้าตี๋ไม่พอเหรอ” มันใช้นิ้วชี้ดึงหางคิ้วขึ้นข้างบนจนดูประหลาดเกินจะสามารถทนดู “เค้าก็สูงล่ำ...ใหญ่...ยาวนะ” ไม่เพียงถลกแขนเสื้อโชว์กล้ามแขน ไอ้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นประธานนักเรียน ยังสามารถเซนเซอร์คำพูดตัวเองได้อีกเสียด้วย พจน์ส่ายหน้าเกินรับไหว แต่ก็อดหัวเราะตามไม่ได้

สีหน้าว่างเปล่าผนวกรวมกับดวงตาชั้นเดียวของไอ้ปาล์มเหล่มองประธานฯของมันทำให้ไอ้คนถูกจับจ้องต้องรีบสูดลมหายใจยืดอกตั้งตรงเหมือนคนปกติดังเดิม
 
“เออๆ กูรู้ละว่าตรงนี้ไม่ใช่ที่ของกู ไม่ต้องมองด้วยสายตาเหมือนกูเป็นเห็บหมาแบบนั้นก็ได้ ไอ้ห่า เดี๋ยวกูสั่งให้มึงส่งรายงานประชุมวันนี้เลยนี่” ไอ้ภามด่าลูกน้องตัวเองยาวเหยียด แต่ไอ้หน้าตี๋นั่นไม่ได้แสดงความหวาดกลัวแต่อย่างใด
 
“อะๆ มีเรื่องอะไรก็คุยกันดีๆล่ะ ขออย่างเดียวมึงอย่าได้แตะเนื้อต้องตัวน้องพจน์ของกูล่ะ ไม่งั้นมึงเจอ...”

คำพูดสุดท้ายถูกกลืนกลับสู่ลำคอรวดเดียวเมื่อเห็นสายตาพิฆาตของเลขาฯคนสนิท

“เชี่ยแมร่ง มึงมันตัวดีเลย ไอ้สัด กูเกือบได้หอมแก้มน้องพจน์ของกูเป็นรางวัลปลอบขวัญละ ประชุมวันนี้เครียดชิบหาย ให้กูชื่นใจสักหน่อยก็ไม่ได้ รีบถลาออกมาเลยนะ กูเห็นๆ ปกติมึงชอบนั่งแช่สรุปประชุมอีกนานนี่หว่า อย่าหาว่ากูไม่รู้”

ไอ้ภามตีสีหน้าโกรธ แกล้งชี้หน้าเลขาสภาฯตัวเอง จังหวะที่พจน์เผลอมองเหตุการณ์ด้วยความสะใจอยู่นั้น คนเจ้าเล่ห์อย่างไอ้ภามก็ตวัดหน้ามาทางพจน์แล้วจรดปลายจมูกเข้าแก้มขาวทันควันอย่างไม่ทันตั้งตัว และเร็วกว่าความคิดเช่นกัน พจน์เตะเท้าเข้าใส่กลางหว่างขาคนกระทำเต็มแรงจนไอ้ภามร้องโอดโอย กุมเป้ากางเกงกระโดดย่องแย่งหนีหายไปทางบันไดทันที

“มึงกลับมาก่อน ไอ้ประธานเหี้ย” พจน์กำลังจะติดตามไปจัดการให้ถึงพริกถึงขิงก็พอดีถูกมือของอีกคนฉุดรั้งไว้
 
“ปล่อยมันไปเถอะ มึงมีอะไรจะพูดกับกู” คำพูดว่างเปล่าเช่นเดียวกับดวงตานี้พจน์ไม่เคยประสบพบเจอนับตั้งแต่เขาทั้งสองคนรู้จักกันมา
 
พจน์ออกแรงถูรอยลมร้อนจากข้างแก้ม ไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกไอ้ภามทำแบบนี้ แต่ครั้งหลังสุดก็ตั้งแต่สมัย ม.ต้น แล้วนี่นา ครั้งนี้ถือว่าพลาดเอง พจน์รู้ว่าไอ้ภามมีนิสัยชอบแกล้ง จึงไม่ได้ติดใจอะไร แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกมึงไม่โดนแค่นั้นแน่ ไอ้โจรขี้แกล้งในคราบประธานนักเรียน

“มึงอย่าถูแรงดิ แก้มช้ำหมดแล้ว เห็นไหม” นิ้วมือขาวดึงรั้งข้อมือพจน์ออกห่างจากรอยแดง ไอ้ปาล์มสูงกว่าพจน์ประมาณสองถึงสามเซนติเมตร ทำให้ดวงตาว่างเปล่าที่มันพยายามทำดูสั่นระริกทันทีในมุมที่พจน์เผลอเงยสบในระยะประชิด หัวใจที่เต้นแรงเพราะความอุกอาจของไอ้ภามบัดนี้สงบนิ่งอย่างประหลาด
 
ระเบียงชั้นเรียนเงียบสงัด แว่วเสียงคนตะโกนพูดคุยอยู่เบื้องล่าง บรรยากาศยามเย็นฉาบทอผนังตึกและต้นไม้ราวกับสีทอง ระหว่างที่พจน์กำลังคิดว่าสิ่งที่ตนเฝ้าตรึกตรองมาตลอดในท่าทีห่างเหินที่ไอ้ปาล์มสร้างกำแพงมาขวางกั้นเป็นสิ่งลวงตา เจ้านั่นก็รีบปรับสีหน้าเป็นนิ่งเฉยแล้วละมือออก ยืดตัวตรงเต็มความสูง กอดอกแล้วเสมองไปทิศทางอื่นที่ไม่ใช่พจน์

“มึงยังโกรธกูเรื่อง...ไอ้กัน อยู่เหรอวะ” พจน์ลองเสี่ยงถาม ปาล์มส่ายหน้า “แล้วทำไมมึงจงใจหลบหน้ากู”

“กู ไม่ได้...ไม่ได้หลบ” จุดโฟกัสเดียวที่มันมองคือเสาอาคารเบื้องหลังพจน์ ตรงกันข้ามกับพจน์ที่อยากจะพินิจใบหน้าที่ทำให้ตนรู้ใจตัวเองเป็นครั้งแรกว่า ใจของพจน์ไม่ได้เป็นของตัวเองมานานแค่ไหน

ไม่รู้ว่าสิ่งที่ไอ้ปาล์มทำนี้จะสร้างขึ้นมาด้วยเหตุผลกลใด แต่ความรู้สึกเบื้องลึกร้องตะโกนกู่ก้องทันทีว่า ปาล์ม เปรมณัฐ เพื่อนสนิทนับตั้งแต่พจน์จำความได้ไม่ใช่ไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
 
วันนี้พจน์ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้มันพูดความจริง คำสารภาพเท่านั้นจะทำให้เงื่อนปมของเชือกระหว่างคนทั้งคู่หลุดออกจากกันอย่างไร้เงื่อนไขใดๆ เด็กหนุ่มหน้าสวยหลับตา สาบานด้วยหัวใจที่ซื่อตรงและภักดีต่อมาตะ เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่วินาทีนี้ขอพจน์พิสูจน์ความในใจบางอย่าง และจะไม่มีสิ่งใดค้างคาระหว่างกันอีก
 
“ไอ้ปาล์ม กูอยากได้ยินเพียงคำเดียว” พจน์เห็นไอ้ตี๋หล่อกำหมัดแน่นตรงกันข้ามกับสีหน้านิ่งเฉยของมันอย่างยิ่ง

“สิ่งที่มึงพูดกับไอ้พีทเมื่อวานที่บอกว่า มึงชอบกู และ...” พจน์รู้สึกสงบอย่างประหลาด “และกูเป็นดวงอาทิตย์ของมึง มันเป็นความจริงหรือเปล่า”

ปาล์มหลับตาลง ไม่อาจรู้ว่าเพื่อระงับความในใจสิ่งใด แต่ทันทีเมื่อมันเปิดตา ราวกับพจน์ได้เพื่อนสนิทคนเดิมกลับมาอีกครั้ง เขาไม่อยากคาดคั้นมันเลย
 
“กู...”

พจน์หลับตา เฝ้ารอสัญญาณบางอย่าง
 
กูไม่ได้ชอบมึง

พจน์แทบไม่ได้ยินเสียงลมพัดหรือใบไม้ไหว รวมทั้งเสียงประกาศจากประชาสัมพันธ์ของโรงเรียนเลยแม้แต่น้อย

“กูแค่อยากยั่วโมโหมัน...ก็เท่านั้น”

พจน์ลืมตาขึ้นเพื่อเผชิญกับความผิดหวัง เป็นคำตอบที่พจน์ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน เพราะหากมันสารภาพเหมือนที่พูดกับไอ้พีท พจน์ก็มีคำตอบสำหรับคำคำนั้นอยู่แล้ว แต่ปัญหาในใจที่เหมือนจะพบหนทางออกกลับมืดดำยิ่งกว่าอุโมงค์ทางตัน และมีเสียงหนึ่งดังเสริมขึ้นเบื้องหลังพจน์เสมือนเป็นกองหินมหึมาระเบิดทลายลงปิดทางออกเพียงหนึ่งเดียวทันที

“พี่ปาล์มคะ แพรวรออยู่ชั้นล่างตั้งนาน ไม่เห็นลงมาซักที เราจะไปดูหนังกันได้หรือยังคะ” พจน์เหลียวมองเด็กสาวใบหน้าเรียว ตาโต ริมฝีปากบาง คนเดียวกับที่พจน์จำได้ว่าเคยมาหาไอ้ปาล์มข้างสแตนด์หลังพจน์ซ้อมฟุตบอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
 
“อ้าวพี่พจน์อยู่นี่เอง ไม่ได้ยินประกาศหรือคะ ประชาสัมพันธ์ประกาศให้พี่ไปพบที่ห้องพักครูภาษาไทยค่ะ เกี่ยวกับเรื่องโคลงๆกลอนๆอะไรนี่แหละ”



50%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2019 19:27:08 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ปาล์มโกหกทำไมอ่า............?
คือแบบ คนอ่านทุกคนก็รู้ๆกันอยู่เนอะ แต่ปาล์มดันตอบว่าไม่ซะงั้นน่ะ
แล้วถ้าหากปาล์มพูดว่าชอบ ตอบว่าใช่ พจน์จะพูดอะไร?
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย กลัวใจพจน์เหลือเกินค่ะ
โอมมม มาตะจงเป็นพระเอก และไม่มีอำนาจใดมาลบล้างได้!
ละตกลงนายกันนี่มันเป็นใครหรือตัวอะไรกันแน่คะ?
ยิ่งอ่านยิ่งงงจริงๆ คิดถึงมาตะแล้วด้วย ครึ่งหลังสุดหล่อจะมีบทมั้ยน้อ..

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ปาล์มโกหก  พจน์ก็เลยอดพิสูจน์หัวใจตัวเองเลย :ling1:
ดีที่เดี๋ยวนี้พจน์มีมาตะเต็มหัวใจแล้ว  ถ้าเป็นเมื่อก่อนพจน์คงเสียใจมากๆแน่นอน

มาตะดีที่สุดแล้ว  เปิดเผย จริงจังจริงใจ  ไม่เคยต้องให้พจน์มาคิดมาก ว่ารักหรือไม่รัก
ไม่ต้องแอบเหมือนปาล์ม  หมั่นไส้ปาล์มแล้ว555  ถ้าเปิดเผยตั้งแต่แรกคงได้เป็นแฟนกับพจน์ไปแล้ว
คนอ่านตัดสินใจเชียร์มาตะคนเดียวแล้ว555  มาตะสู้ๆ
กำลังอินมากๆเลยค่ะ  รออ่านตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ :L2:

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
[ต่อ]


ป้าแจ่มคอยกำกับพี่ส้มถือถาดบรรจุอาหารมื้อเย็น พลางชี้นิ้วสั่งหลานสาวให้วางถ้วยชามลงบนโต๊ะไม้ลายฉลุกลางหอนั่ง เมนูอาหารล้วนประกอบด้วย ต้มยำกุ้งส่งกลิ่นหอมมะนาว แกงเขียวหวานไก่ของโปรดของคุณปู่ ผัดเปรี้ยวหวานปลากระพง น้ำพริกกะปิเคียงกับผักทอดนานาชนิดเมนูชอบของดาวและภพดนัย ปิดท้ายด้วยต้มจืดเต้าหู้สาหร่ายทะเล เสริฟพร้อมน้ำส้มคั้นสด ป้าแจ่มออกตัวว่าคัดสรรเองกับมือ รับรองสดแท้แน่นอน พจน์เห็นท่าทางคั้นส้มของหญิงชราแล้วอดรู้สึกขำไม่ได้ ดาวยกมือเป็นสัญลักษณ์ว่าได้ออกแรงช่วยเป็นลูกมือป้าแจ่มในการนี้ด้วย ทำให้บรรยากาศตรึงเครียดซึ่งปกคลุมอยู่ก่อนหน้าจางหายทีละน้อย เพราะคำพูดของศาสตราจารย์วิชัยก่อนหน้าที่ป้าแจ่มจะเข้ามาขัดจังหวะนั้นทำเอาทุกคนปิดปากเงียบ

“ขอบใจมาก แม่แจ่ม” คุณปู่พยักหน้าให้หญิงชราอายุคราวเดียวกัน

“มิได้ค่ะ คุณท่าน เป็นหน้าที่ของอิฉันอยู่แล้ว เชิญรับประทานเถอะค่ะ ประเดี๋ยวจะหายร้อนเสียรสชาติ อิฉันขอตัวก่อนนะคะ” ว่าพลางก็ชักชวนพี่ส้มซึ่งกำลังกระซิบกระซาบกับดาวอยู่ให้กลับสู่เรือนครัว

“เอ้านี่ ของโปรดของดาวนี่นา” ภพดนัยใช้ช้อนตักผักทอดกรอบให้ลูกสาวด้วยน้ำเสียงดังกว่าปกติ “กินเยอะๆนะ ตาพลด้วย เพิ่งหายป่วย ต้องดูแลตัวเองมากๆนะ อ่ะ”
 
ภพดนัยใช้ช้อนกลางตักต้มยำกุ้งตัวโตให้น้องชายซึ่งนั่งอยู่เคียงข้าง กิริยาอาการของธนพลดูสดชื่นต่างจากหลายวันก่อนซึ่งซีดเผือดเพราะอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติของดอกลีลาวดีเพลิง แต่เบื้องลึกสีหน้าเปื้อนยิ้มนั้น มีความวิตกกังวลบางอย่างแฝงซ่อนเร้น

“ที่คุณพ่อบอกว่าจะต้องไปอยุธยาให้ได้ มันหมายความว่ายังไงหรือครับ เกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งที่ทำให้ผมล้มเจ็บอย่างไม่อาจหาสาเหตุได้หรือเปล่าครับ”

ศาสตราจารย์วิชัยหลับตาลงชั่วขณะ ชาญณรงค์นั่งนิ่งอยู่ข้างท่านแทบไม่ได้จับช้อนส้อมแม้แต่น้อย ดูราวกับสิ่งซึ่งคุณปู่คิดไม่ตกจะสร้างความกังวลแก่ทุกคนจนแม้แต่กลิ่นเย้ายวนของอาหารก็ไม่อาจให้ละทิ้งข้อคิดคำนึงในใจนี้ไปได้

“แกเตรียมตัวให้พร้อมเถอะ อย่าลืมชวนหนูสามาด้วยล่ะ จัดการเรื่องเดินทางไปถึงไหนแล้ว พ่อดนัย”

“แต่ผมว่า...น้องยังไม่หายดี แล้วอีกอย่างเดินทางไกลๆแบบนั้นอาจไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพคุณพ่อและตาพล...” ภพดนัยสร้างรอยยิ้มปกปิดความไม่สบายใจ

“พ่อต้องการสมาธิและพักผ่อนสักสองสามวัน” ศาสตราจารย์วิชัยวางช้อนส้อมลง แล้วดื่มน้ำส้มคั้นปิดท้าย “และแกคิดว่าการอยู่ในบ้านซึ่งมีแต่เสียงตะโกนของนักข่าวจะไม่ทำให้สุขภาพของพ่อแย่ยิ่งกว่าไปอยุธยาอย่างงั้นหรือ”

“คือผม...” ภพดนัยส่ายหน้าทันควัน

“ทำตามนี้ พ่อดนัย พรุ่งนี้พ่ออยากออกเดินทางแต่เช้ามืด”

คุณปู่ลุกขึ้นขยับแว่นเสมองพจน์ชั่วครู่ ก่อนจะเดินกลับสู่ห้องพัก ชาญณรงค์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม พจน์ไม่รู้สึกหิวทั้งที่อาหารทุกอย่างล้วนเลิศรส สักพักหนึ่งอาธนพลก็ขอตัวกลับเข้าห้องตนเองเช่นกัน

รอบตัวพจน์ตอนนี้เหมือนมีพายุมรสุมลูกใหญ่พัดโหมอยู่ มองไปทิศทางใดก็พบแต่อุปสรรคขวากหนาม ใบหน้าเปื้อนยิ้มของดาวซึ่งรู้ดีว่าแสร้งทำสร้างความเจ็บปวดในใจพจน์อย่างยิ่ง เหตุการณ์เฉียดวินาทีชีวิตของอาพลเพิ่งพ้นผ่าน แต่หนทางแสงสว่างของครอบครัวเทพวิมานกลับดำมืดยิ่งกว่าเดิม หนำซ้ำสิ่งต้องประสงค์ของคุณปู่ยังสร้างความกังขาแก่ทุกผู้คน จนแม้แต่คุณพ่อซึ่งเคยอาจหาญกล้าขัดคำสั่งของท่านในหลายๆเรื่องก็จำต้องยอมแพ้ในคราวนี้ หากมองในอีกแง่หนึ่ง การเดินทางสู่อยุธยาอาจทำให้พบหนทางที่ครอบครัวของพจน์จะกลับมาปรองดองกันอีกครั้ง
 

****************************************


Phathara Phoj: พรุ่งนี้เช้ากูจะไปอยุธยาว่ะ มีใครสนบ้างป่ะวะ
Cholnatee Nam: กูๆ กูไปด้วยไอ้พจน์
Paramee Bot: กูด้วย มึงหายดีแล้วอ๋อ น้องน้ำ
Phongsakorn Pure: กูโทรยกเลิกนัดกับพิมพ์แป๊บนึง
Jongrak rak: สัด จะไปด้วยก็อย่ามาลีลา ไอ้เพียว
Keerati Gee: พวกมึงจะไปกันเนี่ยมีรถกันแล้วว่างั้น เดี๋ยวกูเอารถตู้บ้านกูรับไอ้พวกนี้ไปละกัน ไอ้พจน์
Veeraphobb Tor: พาแฟนไปด้วยได้ป่าววะ
Narint Nai: ถุย ถ้ามึงจะไปสวีทก็ไม่ต้องพามาให้คนโสดอิจฉา ไอ้ห่า กูไปด้วยไอ้พจน์
Aekachai Aek: แม่กูฝากซื้อโรตีสายไหมยี่สิบถุงแล้วว่ะ กูด้วยๆ
Phathara Phoj: โอเค ไอ้กี ขอบใจมึงมาก ล้อหมุนจากบ้านกูตอนตีสี่นะเว้ย สรุปว่ามีแค่พวกมึงแปดคนใช่ป่าว
Cholnatee Nam: ก็...มีแค่นี้แหละมั้ง...



Prem nutt: กูไปด้วย


พจน์นึกว่ามันจะนิ่งเงียบไม่ตอบหรืออาจกำลังดูหนังอยู่ เพราะสิ่งที่มันแสดงออกเมื่อตอนเย็นทำให้คิดได้ว่า เจ้านั่นคงไม่อยากเจอหน้าพจน์อีกแล้ว แต่ไอ้ปาล์มก็คือไอ้ปาล์ม สิ่งที่สร้างมาขวางกั้นพจน์กับความเป็นเพื่อนระหว่างไอ้พวกที่เหลือคือคนละส่วนกันอย่างชัดแจ้ง เพราะคำตอบตกลงทำให้รู้ว่ามันยังเป็นเปรมณัฐคนเดิมสำหรับกลุ่ม แต่ยกเว้นเพียงพจน์คนเดียว สายสัมพันธ์หรือพันธนาการใดที่พจน์คิดว่าจะพบบทสรุปได้ในวันนี้กลับผูกเงื่อนปมให้ยุ่งเหยิงพันตูจนแม้แต่พจน์ยังไม่รู้จะแก้ออกได้อย่างไร

Phathara Phoj: โอเค ตามนี้นะ

พจน์มองจำนวนผู้อ่านข้อความสุดท้ายจนครบทั้งเก้าคนแล้วกดออกจากโปรแกรมสนทนากลุ่ม ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนหนานุ่ม จะทำอย่างไรดี สิ่งค้างคาในใจตอนนี้กลายเป็นมีดทิ่มแทงทุกครั้งที่เห็นหน้าไอ้ปาล์มลอยมา ลองหลับตาหวังจะนึกหาวิธีคลี่คลายความรู้สึกทั้งมวลให้พบทางออก ไม่ใช่เฉพาะเรื่องไอ้ปาล์ม แต่รวมถึงเรื่องหายนะภัยน้ำท่วมโลก และความสัมพันธ์อันตึงเครียดในครอบครัว จนกระทั่งเผลอหลับไป

เสียงเตือนข้อความสนทนาดังขึ้น พจน์สะดุ้งตื่นคว้าโทรศัพท์แล้วเปิดดู

G_U_N: กูรออยู่หน้าประตูรั้ว

พจน์เหลียวมองนาฬิกาแขวนผนัง เกือบเที่ยงคืนแล้ว รู้สึกแปลกใจอย่างที่สุด เจ้าของไอดีนี้ถ้าให้เดาคงเป็นไอ้คนลึกลับนั่นเอง พจน์ผลักบานหน้าต่างออก ลมหนาวพัดกระจายใส่ผิวหน้า ความมืดปกคลุมท้องฟ้าเหลือเพียงดวงจันทร์ข้างแรม ระยะห่างระหว่างตัวเรือนกับประตูรั้วไกลพอสมควร แต่ด้วยยามวิกาลไร้ผู้คนสัญจรเดินผ่าน เงาร่างของบุคคลใต้แสงไฟจึงเห็นได้ชัดเจน เด็กหนุ่มคว้าเสื้อกันหนาวหนังสีน้ำตาลสวมทับชุดนักเรียนตัวเดิม ไม่ลืมถืออีกตัวติดมือไปด้วยแล้วถอดสลักประตูออก
 
แสงไฟทอลอดละอองหมอกหนาวเหน็บซึ่งปกคลุมทัศนียภาพโดยรอบ ทุกคนคงนอนหลับกันหมดแล้ว พจน์ก้าวลงจากเรือนทางบันไดหน้า เร่งฝีเท้าผ่านถนนปูอิฐสู่จุดหมาย หลอดไฟใต้ซุ้มประตูรั้วเป็นสิ่งเดียวที่เหมือนจะให้ความอบอุ่นแก่ไอ้กันในสภาพอากาศต่ำกว่ายี่สิบองศา เจ้านั่นยืนพิงเสาซุ้มประตูด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนหนาว มันสวมเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนขาดเข่าเผยหุ่นผอมแต่ปรากฏกล้ามเนื้อชัดเจน พจน์ไขกุญแจแล้วผลักประตูเล็กออกมา

“ไม่หนาวหรือไง” พจน์ยื่นเสื้อกันหนาวตัวโปรดให้อีกฝ่าย มันใช้สายตาคมกริบสำรวจสิ่งที่พจน์ยื่นให้แล้วรับไปถือไว้ “อยู่ๆก็มาบ้านกูซะจะเที่ยงคืน มีอะไรหรือเปล่าวะ”
 
เส้นทางถนนสัญจรหน้าประตูรั้วไร้พาหนะใดสัญจร ไม่มีวี่แววของกลุ่มนักข่าวหลงเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว หมอกสีขาวเริ่มก่อตัวอยู่ตามซอกมุมถนน
 
“งั้นเข้าไปในบ้านก่อนแล้วกัน” พจน์เดินนำ แต่เงาคนตัวสูงที่ตกกระทบพื้นไม่มีวี่แววจะขยับไหวตาม “เข้ามาก่อน ตรงนี้มันหนาว เสื้อน่ะให้ไปใส่ไม่ใช่เอาไปถือไว้”

แววตาคมดุจ้องมองพจน์ด้วยความรู้สึกยากจะคาดเดา

“คุยกันตรงนี้แหละ” นิธิเงยหน้ามองหลอดไฟ แสงนีออนกระทบใบหน้าและนัยน์ตาคมดุนั้นจนเกิดประกายกล้า ดูเหมือนมันจะมีเรื่องเครียดบางอย่าง พจน์ยืดกอดอก ลมหนาวบางเบาถูกพัดมายังบริเวณที่เด็กหนุ่มทั้งสองยืนอยู่ “กูแมร่งโคตรหลอกตัวเอง หวังในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริงได้ เพียงเห็นความหายนะที่ก่อเกิดนิดเดียวก็คิดไปเองว่านับแต่นี้มึงคงจะปลอดภัยแล้ว เหมือนปลาได้น้ำก็หวังว่าน้ำนั้นจะประทังชีวิตตัวไปจนตาย แต่มันไม่ใช่เลย”

“มึงหมายถึงเรื่องอะไร กูสับสนไปหมดแล้ว มึงหายไปไหนมา มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นใช่ไหม” พจน์ส่งสายตาเค้นความจริง ไอ้กันหลบมองไปทิศทางอื่น พาดเสื้อกันหนาวไว้เหนือไหล่กว้าง ยื่นมือหนามาดึงไหล่พจน์แล้วโถมตัวโอบกอดไว้แน่น พจน์ขืนตัวเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการดื้อดึงจึงจำยอม

“กูหวังจะเป็นเกราะคุ้มภัยให้มึงตราบลมหายใจสุดท้าย แต่กูไม่ได้คาดว่า หากมึงไม่ได้อยู่บนพิภพนี้ หรือหากวันหนึ่งกูต้องจากมึงไปตลอดกาล เกราะคุ้มภัยอย่างกูจะมีค่าใดหากไม่ได้อยู่เคียงคู่หรือบุบสลายเสียสิ้นแล้ว กูมองข้าม เพราะคิดว่าจะไม่ใครสามารถทำอันตรายกูได้ แต่กูก็ตามมึงไปไม่ได้อีกเช่นกัน” อ้อมกอดผละหลุดจากตัวพจน์เหมือนสิ้นเรี่ยวแรง

“มึงไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้หรอก กูดูแลตัวเองได้” พจน์พูดปลอบ ตบไหล่หนาให้มันคลายวิตก

“ตลอดเวลากูคิดว่ามึงเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น และมีเพียงกูคนเดียวที่จะปกปักรักษาชีวิตมึงไว้ได้ แต่กูลืมไปสิ่งหนึ่ง สิ่งที่ทำให้กูและมึงได้โคจรมาพบกัน สิ่งนั้นคือจุดเริ่มต้นและบ่งบอกว่ามึงไม่จำเป็นต้องให้ไอ้คนต่ำช้าอย่างกูปกป้องแม้แต่น้อย”
 
“กูรู้ ว่า...กูไม่ปกติเหมือนคนทั่วไป” พจน์พยักหน้ารับคำ ไอ้กันหลับตาระงับความเจ็บปวดเบื้องลึก

“โคลงสี่สุภาพที่กูท้ามึงให้ถอดความ มึงจำได้ใช่ไหม” พจน์ค้นความทรงจำแล้วพยักหน้าแน่วแน่ “ถอดความให้กูฟังเดี๋ยวนี้”

พจน์เห็นท่าทีร้อนรนของไอ้กันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่คำถามในใจถูกเก็บไว้เพื่อทำตามที่อีกฝ่ายร้องขอ

"ยามใดได้ครอบครองสิ่งสูงค่าเพียงหนึ่ง ก็อาจสร้างกองทัพนับหมื่นแสน นำสู่ชัยชนะได้ ทุกเผ่าพันธุ์ต่างสืบหาเป็นที่สุด หากชายใดได้ครองสิ่งล้ำค่านี้ อันเรียกขาน แก้วเก้า อีกทั้งครองตนในฐานะชายเหนือชายแล้วไซร้ ก็อาจสามารถอยู่ยงคงกระพัน หรือเรียกได้ว่าเป็นอมตะ

เพชร สิ่งล้ำค่าสูงสุดในบรรดาแก้วทั้งเก้า ทรงพลานุภาพดั่งดวงใจแลจิตวิญญาณ หากได้ครอบครอง ก็อาจสามารถแบ่งใจ แบ่งวิญญาณลอยล่องข้ามภูผาไพรพนา สู่แหล่งที่ตนหมายปองได้ทั่วทั้งทศทิศตลอดทั้งสามโลก ตราบนั้นจึงหวนกลับสู่กายแท้จริงได้เสมอ"

“ถูกต้องทุกประการ” นิธิยืนยันสิ่งนั้น “โคลงสี่สุภาพนี้มีทั้งความจริงและความเท็จสอดแทรกอยู่โดยตลอด แต่มึงก็เลือกจะถอดความในคำที่ถูกต้อง โดยเฉพาะใช้คำว่า ก็อาจ กูคงแพ้มึงตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้ว”

“มึงรู้ใช่ไหมว่าโคลงสี่สุภาพนี้มีด้วยกันทั้งหมดสี่บท” ดวงตาดุเบิกกว้างไม่คาดคิดว่าจะได้ยินสิ่งนี้ ไอ้กันปิดปากเงียบไม่พูดสิ่งใด พจน์จึงอาศัยจังหวะนี้แปลโคลงสี่สุภาพต้องห้ามที่เหลือ

"อำนาจมนตราของสิ่งสูงค่านี้ หากไร้สำนึกความถูกผิด ปรากฏเป็นด้านทมิฬในใจ ก็อาจสามารถใช้ทำลายวิญญาณจนสิ้นชีวินได้ และครั้งใดที่ฉุดล้างทำลายเสี้ยววิญญาณ แก้วนั้นก็อาจจะทรงพลานุภาพยิ่งเป็นทวีคูณ"

สีหน้าซีดเผือดปรากฏชัดอยู่บนหน้าเรียวแหลมของไอ้กัน

"ด้วยเหตุนี้ทุกเผ่าพันธุ์จึงยอมคุกเข่าแด่อำนาจมนตราด้านทมิฬ และด้วยความชั่วร้ายนี้ ก็อาจสามารถครอบครองผืนพิภพทั้งมวลให้อยู่ภายใต้การปกครองจวบจนชั่วกัลปาวสาน"

พจน์ไม่อยากจะเชื่อในสายตาที่เห็นว่าหยดน้ำซึ่งไหลออกจากดวงตาคมดุนั้นเป็นความจริง
 
“กูขอโทษ”

ไอ้กันทรุดเข่ากระแทกพื้นทางเดิน กำหมัดแน่นราวกับเจ็บแค้นบางอย่างจนสุดจะทานทน

“มึง...ขอโทษกู เรื่องอะไร” พจน์หวังว่าสิ่งที่ตนคิดจะไม่เป็นความจริง แล้วจึงตัดสินใจยื่นเศษกระดาษแผ่นหนึ่งไปเบื้องหน้าให้คนคุกเข่าร่ำไห้อ่าน ไอ้กันรับไว้ด้วยมือสั่นเทา

“มีคนส่งโคลงบทนี้ไปให้ครูที่ปรึกษาชมรมกู” พจน์อธิบายเสียงเรียบ เหม่อมองดวงจันทร์ราวกับมีคำตอบของคำถามมากมาย “ความหมายทั้งหมดของโคลงทั้งสี่บท แสดงถึงอำนาจซึ่งหากใครได้ครอบครองสิ่งสูงค่าหรือที่เรียกว่า เก้าแก้ว”

“มึงบอกว่าโคลงนี้สามารถพิสูจน์บางสิ่งในตัวกู” พจน์สูดลมหายใจเต็มปอด “ถูกต้อง มันปลุกบางอย่างให้ตื่นขึ้นในตัวกู แต่ก็ทรมานเหลือเกิน”

“มึงเจ็บมากไหม” ไอ้กันคว้ามือพจน์กอบกุมไว้

“ไม่เจ็บหรอก มันจะไม่เจ็บเลย ถ้าหากมึงบอกความจริงกูมาตั้งแต่แรก”

“กูขอโทษ กูขอโทษ กูทำให้มึงเป็นแบบนี้เอง ความผิดกูทั้งหมด มึงรู้แค่นี้ก็พอแล้ว  เมื่อถึงเวลานั้นมึงจะเกลียดกูก็ขอให้กูตายไปเสียก่อน กูขอโทษ”

พจน์ดึงไหล่คนตัวสูงให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากัน

“ตอนแรกกูก็ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่คิดจะเป็นจริงไปได้ยังไง เมื่อลองนำความสงสัยมาปะติดปะต่อ นั่นทำให้กูเห็นภาพชัดเจนขึ้น แต่ก็ขอบคุณมึงมาก” พจน์รู้สึกเจ็บลึกๆข้างในเมื่อท่าทีของไอ้กันบ่งแสดงว่าข้อสงสัยทั้งหมดนั้นเป็นความจริง “มึงอ่านโคลงสี่สุภาพบนกระดาษแผ่นนั้นให้กูฟังหน่อยสิ”

สีหน้ากล้ำกลืนฝืนทนยากควบคุม

“ชายเอยชายหยั่งรู้           แก้วนพ เจ้าเอย
ชายหนึ่งในพิภพ               ดั่งข้าม
ชายโฉมงามยามสบ           ตาตื่น ฤาเจ้า
ชายหนึ่งเดียวหยุดห้าม      ต่อสู้ ศึกสอง”

                                        สินะกาวี, โคลงพยากรณ์

      
“โคลงบทนี้เป็นบทต้นของอีกทั้งสี่บทใช่ไหม” ความเงียบคือคำตอบทั้งหมด
 
“กูไม่ได้ตั้งใจโกหกมึง กูไม่ได้ตั้งใจให้มึงต้องแบกรับภาระหนักหนาขนาดนี้”
 
“เมื่อเนิ่นนานกว่าสหัสวรรษ นักปราชญ์ผู้หนึ่งนามว่า สินะ เป็นผู้แต่งถวายเจ้าผู้ครองอาณาจักรโบราณ” คำพูดมาตะในห้วงความทรงจำดังสะท้อนก้อง
“ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระเจ้าข้า”
“อันใด ฤา กาวี” เช่นเดียวกับพระราชดำรัสตรัสตอบของพระเจ้าอนันตราช


“อดีตชาติของมึงชื่ออะไรกันแน่ สินะ หรือว่า กาวี” พจน์กลัวคำตอบนั้นหรือเลย

“หรือว่าเป็นทั้งสองชื่อ นี่ใช่ไหมคือความลับซึ่งมึงบอกกูไม่ได้ว่ามึงเป็นใครหรืออะไร เพราะมึงได้แต่งโคลงพยากรณ์จนปลุกให้ทั้งพิภพลุกเป็นเพลิงไฟ และโคลงพยากรณ์นี้อีกเช่นกันที่นำหายนะมาสู่อาณาจักรอนันตาทมิฬ และทำให้พระเจ้าวัชรโกมลจำต้องสละชีวิตเพื่อต้านภัยคุกคามชั่วร้าย ทุกคนล้วนคิดผิดหมดว่าอำนาจนั้นจะตกมาสู่ตัวเพียงแค่ได้ครอบครองเก้าแก้ว แต่โคลงพยากรณ์บทต้นนี้ไม่ได้หมายถึงใครอื่นใดนอกจากเด็กหนุ่มในอีกภพชาติต่อมาที่ยืนอยู่ตรงหน้ามึงนี้ต่างหาก”         



100%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2019 19:28:16 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
ปาล์มโกหก  พจน์ก็เลยอดพิสูจน์หัวใจตัวเองเลย :ling1:
ดีที่เดี๋ยวนี้พจน์มีมาตะเต็มหัวใจแล้ว  ถ้าเป็นเมื่อก่อนพจน์คงเสียใจมากๆแน่นอน

มาตะดีที่สุดแล้ว  เปิดเผย จริงจังจริงใจ  ไม่เคยต้องให้พจน์มาคิดมาก ว่ารักหรือไม่รัก
ไม่ต้องแอบเหมือนปาล์ม  หมั่นไส้ปาล์มแล้ว555  ถ้าเปิดเผยตั้งแต่แรกคงได้เป็นแฟนกับพจน์ไปแล้ว
คนอ่านตัดสินใจเชียร์มาตะคนเดียวแล้ว555  มาตะสู้ๆ
กำลังอินมากๆเลยค่ะ  รออ่านตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ :L2:
ตอนนี้มีแต่คนไม่ชอบปาล์มของเราเสียแล้ว คะแนนลดฮวบเลย ก็พ่อคุณเล่นตอบพจน์ไปแบบนั้น แต่ยังไงเรื่องของปาล์มพจน์ไม่จบง่ายๆแน่ครับ รอติดตาม

:ling1:
:katai1:

ปาล์มโกหกทำไมอ่า............?
คือแบบ คนอ่านทุกคนก็รู้ๆกันอยู่เนอะ แต่ปาล์มดันตอบว่าไม่ซะงั้นน่ะ
แล้วถ้าหากปาล์มพูดว่าชอบ ตอบว่าใช่ พจน์จะพูดอะไร?
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย กลัวใจพจน์เหลือเกินค่ะ
โอมมม มาตะจงเป็นพระเอก และไม่มีอำนาจใดมาลบล้างได้!
ละตกลงนายกันนี่มันเป็นใครหรือตัวอะไรกันแน่คะ?
ยิ่งอ่านยิ่งงงจริงๆ คิดถึงมาตะแล้วด้วย ครึ่งหลังสุดหล่อจะมีบทมั้ยน้อ..
ขอโทษครับที่ครั้งหลังพระเอกของเรายังไม่ปรากฏตัว รอกันต่อไป ตอนนี้กำลังปั่นบทต่อไปอยู่ครับ

เหลือกตายามเมื่อเลื่อนลงมาพบว่าตอนต่อไปนั้นหามีไม่...
 :z3:
โอย เกิดเป็นคนงามนั้นยากแท้
อนึ่ง อ่านเรื่องนี้แล้วเผลออ่านเว้นจังหวะจะโคนเหมือนอ่านกลอนไปเองซะอย่างนั้น นึกขำแล้วกลับไปอ่านปกติ ครู่หนึ่งก็กลับไปอ่านเว้นจังหวะเช่นเดิม  :o8:
อีกสักพักก็คงชินครับ จะอ่านเป็นกลอนคล้องจอง หรืออ่านปกติ ผมว่าได้อรรถรสต่างกัน แล้วอีกอย่างเจตนาของคนเขียนก็อยากให้คนอ่านมาชื่นชมคุณค่าของภาษาไทยของเราครับ คำหลายคำไพเราะสวยงาม ยิ่งกลอนนี่ควรค่าแก่การอนุรักษ์สืบทอดกันต่อไป พจน์ของเรางามขนาดไหนก็สู้คนอ่านไม่ได้แน่นอน (ผมข้ามพิภพไปดูมาแล้ว) 555

o18 ข้านี้จักรอจวบจนเมื่อท่านกลับมาอีกครา ช่างเพลิดเพลินเป็นยิ่งนัก
บทต่อไปกำลังมาครับ รอติดตาม อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้า อาจจะอัพช้าหน่อย แต่มาชัวร์แน่ครับ

มาลีมาทีนี่ทุกคนดับ ขอโทษที่ไม่ได้เข้ามาอ่านซะนานนะคะ กลับมารอบนี้เลยได้อ่านจุใจเลย เขียนแนวนี้คงยาก ยังไงก็พยายามเข้านะคะ
อีกคนที่เป็นFCมาลี ยินดีที่คุณชอบครับ ยากครับแต่ไม่ยากเกินความตั้งใจที่จะเขียน ยังไงก็รอติดตามตอนต่อไปนะครับ

การข้ามพิภพได้ทำให้พจน์รอดปลอดภัยใช่ไหม  ชาติก่อนๆคงถูกผีปีศาจทำร้ายตลอด

เราสงสารปาล์มนะถ้าไม่สมหวัง  แต่พอมาตะพูดในตอนล่าสุดนี้ก็อยากให้พจน์เลือกมาตะ
มาตะและพจน์ทั้งรักและผูกพันมากันหลายชาติแล้วแต่คงไม่สมหวังกันสักที 
ครั้งนี้ขอให้สมหวังอยู่เคียงคู่กันไปนานๆเลย :mew6:
สนุกมากๆ ลุ้นทุกตอนเลย  ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ :L2:
นารีพิฆาตเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่สำคัญพอสมควรนะครับ แต่พจน์จะรอดจากเงื้อมมือของนางแน่แล้วหรือ อย่าเพิ่งสบายใจไปแล้วกันครับ ขอเตือนไว้ก่อน อิอิ ครับ ปาล์มเป็นตัวละครอีกตัวที่น่าสงสารที่สุดในเรื่อง ตัวละครนี้จะพบจุดจบ ณ ที่ไหน คอยติดตามครับ

สนุกมากๆคับ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ
สนุกแล้วก็อย่าลืมคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ แค่สติกเกอร์ตัวเดียวผมก็มีกำลังใจเขียนต่อมากๆๆๆๆเลย

ช่วงนี้เนื้อเรื่องเข้มข้น อยากอ่านตอนหน้าแล้ว  :ling3:
พจน์ของเราจะต้องเผชิญเหตุการณ์มากมาย และจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ คอยเป็นกำลังใจให้พจน์และคนเขียนด้วยครับ

:a5:
เป็นอะไรครับ อ่านอยู่ดีๆก็ตกใจขนาดนั้น 555

แอร๊ย ชอบพี่มาลี FC ค่าาา มานิ่งๆยิ้มสวยๆ คำพูดสาดใส่กฤษณาซะจนนางเงิบ 5555
ชูป้ายไฟมาลี ดีใจที่มีคนชอบตัวละครตัวนี้ กว่าจะคิดบทนี้ต้องศึกษามาเยอะว่าจะให้เป็นแนวไหนดี ไหนๆก็ต้องรับมือกับกฤษณาแล้ว ก็คลอดออกมาเป็นพี่มาลีแบบฉบับนี้นี่แล หวังว่าคุณจะติดตามบทบาทของนางต่อไปนะครับ

กำลังสนุกอยู่เลย รีบมาต่อไวๆนะคะ  :กอด1: :กอด1:
ถ้าจริง คุณต้องเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะครับ ติดตามตอนไปได้เร็วๆนี้

ใครอี๊ก พ่อมาตะ ทำไมโดนรุมล้อมขนาดนี้ โอ๊ย เวียนหัวค่ะ
จนถึงตอนนี้คุณคงรู้แล้วว่าเป็นใคร อิอิ


มีใครคนหนึ่งเข้ามาในฉากอันดุเดือด
คนๆนั้นคือ.................!?!!!??!

"คือเราเอง......."
ลุ้นดีนะผมว่า จะได้ตื่นเต้นรอตอนต่อไปด้วยความกระวนกระวายใจ การทรมานคนอ่านคือหน้าที่ของผู้เขียน 555 ล้อเล่นครับ

ค้าง :katai1:  ใครมาช่วยกันนะ

มาตะได้ใจมากๆ ให้พจน์อยู่ข้างกายเสมอ  พจน์จะได้อุ่นใจ แม้จะมาอยู่ในที่ที่ไม่รู้จักใครแบบนี้ คนจะมาดีมาร้ายพจน์ก็ไม่รู้ได้
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:
มาตะเป็นคนขาดความอบอุ่นครับ ต้องให้พจน์อยู่ใกล้ตัว เหรออออ 5555 เริ่มหมั่นไส้มาตะเหมือนกันครับ

เรา........แต่ไม่ใช่..เรา
ก็คือเรานั่นเอง งง ไหมครับ

เอ่อ... เราไหนกัน  :ruready
เราแต่ไม่ใช่เรา เอ๊ะ ยังไง เขียนเอง งง เอง

นอกจากครั้งแรกที่เจอพจน์แล้ว มาตะวาจาออดอ้อนตลอดเลย คนเขียนเก่งมาก  o15 o15

อยากอ่านตอนหน้าแล้วอ่ะ ช่วยรีบลงหน่อยนะ  :pig4:
มาตะเป็นคนนิ่งๆเงียบๆครับ เหรอ 555 ถ้าไม่รุ้จักกันจริงๆจะไม่ค่อยพูด แต่ยกเว้นพจน์นะครับ เขาสองคนรู้จักกันตั้งแต่จำความได้แล้วนะๆ

:ruready
ง่วงเหรอครับ 555

อ่านรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุดแล้วแฮ่

เป็นเรื่องที่สนุกมากเลยค่า ปมเยอะมากกกก

ยังไม่ค่อยชินกับสำนวนการอธิบายคำพูดแบบนี้เท่าไหร่๕๕๕๕ แต่ก็จะติดตามต่อไปนะคะ

ลุ้นปาล์มมากเลยค่ะ อยากให้นายแฮปปี้ TT_TT

เก่งมากครับ อ่านรวดเดียวมาถึงตอนนี้ ยกนิ้วโป้งให้เลย อ่านสักพักก็จะชินครับ แรกๆอาจแปลกๆ แต่รับรองสนุกแน่ รวมกับปมอีกมากมายหลายปม 555 ปาล์มของเราจะมีหวังแฮปปี้ไหม เอ๊ะ เอาไงดีน้า 555


ยังไม่ทันจะคุยกันให้รู้เรื่องเลยน้อ...
แหม่ แต่คำพูดคำจานายมาตะนี่มันน่าหมั่นไส้จริงๆนะคะ555555
แม่นางกฤษณานี่มองจากเชิงแล้วคงจะมาร้าย
แต่ก็ไม่แน่ หญิงไทยใจงามเนอะ อาจจะร้ายแค่แว๊บเดียวก็ได้(มั้งนะ)
พจน์ตัดสินใจแล้วสินะ ว่าแต่...ตัดสินใจว่ายังไงล่ะจ๊ะน่ะ? เล่นอุบอิบไม่ยอมบอกงี้เราก็ลุ้นสิจ๊ะนาย
ยังไงก็ชอบตอนอยู่กับมาตะที่สุดแล้วน้อ อดีตชาติก็ออกจากผูกพันกัน

ปล.ก็ยังคงสงสัยจนถึงบัดนี้อยู่ว่ากันเป็นใคร55
ถึงตอนนี้คุณคงรู้แล้วว่า กฤษณามาดีหรือมาร้าย แต่นางเป็นอีกตัวละครที่คิดแคแรกเตอร์ยากมากคนหนึ่ง รอติดตามนะครับ ที่สงสัยว่ากันเป็นใครตอนล่าสุดนี่คงคลายปมออกแล้วนะครับ หรือเปล่า ก็ไม่รู้ 555

มาตะกับพจน์หวานกันตลอด :o8:  แต่ก็มีอุปสรรคมาเรื่อยๆเลยคู่นี้  แค่ข้ามภพไปมาก็เหนื่อยแทนพจน์แล้ว :ling1:

ดีใจนักเขียนมาแต่งต่อแล้ว  รอติดตามตอนต่อไปเสมอนะคะ
สนุกมากๆ  ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ :3123:
ไม่เหนื่อยหรอกครับ ถ้าเราจะข้ามพิภพไปหาใครสักคนที่เรารักและรักเรา แหวะๆๆ 555

ขัดใจจริง คนเค้ากำลังสวีทกันฮือออออ ออดอ้อนงอแง(?)อยู่กันสองคนยังไม่ทันได้คุยรู้เรื่องดี ดันมีเรื่องตล๊อดดดด น้องพจน์อย่าไปยอมนะ จิกไว้ววววว ถ้านางนั่นแกล้งมาหนูซัดกลับเลยลูก สู้เขาาาาาา มาตะดูแลลูกเราด้วยไม่งั้นเจอดีแน่ๆ/เก๊กหน้าขรึม นี่พอจะเดาออกว่านางกฤษณาเป็นใครชาติที่แล้ว ฮึ!
แล้วกฤษณาเป็นใครเมื่อชาติที่แล้วครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน อิอิ

ชะนี นางมารร้ายมาอีกแล้ว :katai1:
แค่เปิดตัวมา นางก็ได้ตำแหน่งนางมารร้ายไปซะแล้ว โถ กฤษณา ไม่น่าเลยๆ 555

:เฮ้อ: :katai1: :mew6:
โห ไม่รู้จะอารมณ์ไหนเลยใช่ไหมครับเนี่ย

:a5: o22
เฮ้ย สะดุ้งตกใจหมด 555

แวะมากอดน้องพจน์  :mew1:
แวะมากอดบ่อยๆนะครับ

สงสารพจน์อีกแล้ว เพิ่งโล่งอกเรื่องคุณอา  แล้วก็มาเจอเรื่องความรักต่ออีก  คงจะสับสนมากๆเลย
ยิ่งแอบชอบปาล์มมาก่อนจะมาเจอมาตะอีก  มาตะก็เหมือนเป็นคนที่อยู่ในความฝัน 
จะข้ามพิภพมาหามาตะเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ไปๆมาๆตลอด
กับคนอื่นพจน์คงไม่รู้สึกอะไรเพราะไม่ได้ชอบ  แต่กับมาตะและปาล์มนี่สิ  จะเลือกรักและอยู่กับคนที่อยู่ในภพไหนดี
ลุ้นมากๆว่าพจน์จะจัดการเรื่องหัวใจยังไง
สนุก ลุ้นมากๆค่ะ ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:
ช่วยเป็นกำลังใจให้พจน์สะสางปัญหาต่างๆด้วยนะครับ โดยเฉพาะปัญหาหัวใจ อิอิ


ในที่สุดพจน์ก็รู้ความในใจของปาล์มจนได้...
ไงต่อล่ะเนี่ย? อย่าเปลี่ยนใจจากมาตะเชียวนาน้องท่าน
ไม่ว่าจะมีกี่คนเข้ามา เราก็เชียร์มาตะและภัทรพจน์ได้ดองได้ครองคู่กันเสมอนะ
ตกลงกันเป็นใครกันแน่? จนถึงตอนนี้ก็ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
มาตะพจน์จงเจริญๆๆๆๆ เย้ๆๆๆๆๆ

รู้สึกว่าเวลาอ่านต้องแปลไทยเป็นไทยอีกที พจน์ก็รู้ถึงอดีตชาติของตัวเองแล้วสินะ
ถึงกับต้องแปลไทยเป็นไทยเลยหรือครับ 555

โรแมนติกมาก รักกันมาหลายภพหลายชาติเลยใช่ไหมค่ะ

แล้วมาตะกับพจน์จะสมหวังอยู่เคียงคู่กันตลอดไปไหม ยิ่งอยู่ต่างภพกันอีก
สงสารทั้งคู่  ลุ้นตอนต่อไปมากๆค่ะ

ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:
คุณเชื่อเรื่องชาติภพไหม? อิอิ นั่นแหละครับ คำตอบอยู่ที่คู่พระนายของเรานี่เอง


อดีตชาติสินะคะ อืมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
อืมมมมมมมมมมมมมมมม นี่หมายความว่ายังไงหรือครับ อยากรู้ๆ

:mew6:
โอ๋ๆ เจ้าเหมี่ยวอย่าร้องไห้เลยนะ

หืมมมมมมมมม เป็นอย่างนี้นี่เอง รักกันมาหลายภพหลายชาติ คงพรากจากกันมาหลายชาติเหมือนกัน
ชาตินี้ขอให้สมหวังแบบไม่พรากจากกันอีกเลยนะ
อ่านตอนนี้แล้วคิดว่าพจน์ต้องจำอะไรได้เยอะขึ้นแหละ อาจจะเป็นตัวเองในอดีตชาติ
รอตอนต่อไปเนาะ คิดถึงมาตะแล้วววว
ถ้าไม่สมหวังในชาตินี้ คนเขียนจะโดนคนอ่านปารองเท้าใส่หรือเปล่า หลบแปบ

เป็นตอนที่บรรยายได้ดีเลยค่ะรับรู้ถึงอารมณ์ของตัวละครเลย สรุปแล้วพระเจ้าวัชรคืออดีตชาตินั่นเอง(ใช่มั้ย555555) แรงอธิฐานยึดมั่นมาก ซึ้งแทนเลยแอบน้ำตาคลอนิดๆตอนพระเจ้าวัชรขอสละตัวเองแทนไม่บอกให้องค์ท่านรู้ความจริง รักเขามากใช่มั้ยยT_______T แต่แหมมมม่องค์ท่านชาตินี้หยอดเก่งจริงๆแถมมือไวปากไวหอมนั่นจูบนี่เขาตลอดไม่แพ้มาตะเลยจริงๆ แล้วที่น้องพจน์บอกว่าทำไมจะไม่รู้จักเพราะฝันถึงตลอด แสดงว่ารู้อยู่ใช่มั้ยแต่ไม่ได้ติดใจสงสัยคิดว่าฝัน? อยากให้น้องกลับไปเจอมาตะไวๆ ให้มาตะช่วยปลอบขวัญ(?) เลิกหมั่นไส้มาตะแปบบบบบบ
ขอบคุณครับ บทนี้ผมนี่เปิดตำราราชาศัพท์กันเลยทีเดียว หวังว่าคุณจะชอบ

โอยยย ขนลุกกก
ปวดท้องหรือครับ 5555

เดี๋ยวนะ นี่มาตะเป็นพระเจ้าแผ่นดินมาก่อนหรอเนี่ย
นั่นน่ะสิ ใช่หรือเปล่าน้า ติ๊กต๊อกๆ 555

ค้างงงงง :katai1: :katai1: :katai1:

คือลึกลับซับซ้อนมากๆ  เลยต้องกลับไปอ่านตอนเรื่องเล่าอีกรอบ

พระเจ้าวัชรโกมลหน้าคล้ายพจน์  แต่พระเจ้าอยู่หัวอนันตราชหน้าคล้ายมาตะ
มาตะนี่เป็นน้องของพระเจ้าอยู่หัวอนันตราชใช่ไหมค่ะ

อยากอ่านต่อแล้ว  ลุ้นมากๆค่ะว่าใครเป็นใคร   เกี่ยวข้องกันยังไง   ความลับอะไรค่ะ :katai1:
สนุกมากๆค่ะ  ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ :L2:
เริ่มมาถูกทางแล้วครับ แต่มาตะจะเป็นน้องหรือสายสัมพันธ์กับพระเจ้าอนันตราชยังไงต้องติดตามครับ

ครึ่งแรกของตอนนี้เงิบมาก

เงิบแรก มีคนหน้าตาเหมือนพจน์

เงิบสอง คนหน้าตาเหมือนพจน์เกี่ยวข้องกับมาตะ หรือคนหน้าคล้ายมาตะ

โอ้ ตอนนี้สตั๊นซ์แรงมาก  :a5: หรือมาตะอายุยาวนานแล้ว หรือมาตะคือรุ่นลูก ? หรือมาตะมีความลับอะไรซ่อนอยู่

แต่ขอมโนว่าคนหน้าเหมือนพจน์อาจเป็นเมียเก่ามาตะได้นะ ฮ่า ๆ

แต่ฉันเบื่อพจน์จังเลย ช่วยเขาหน่อยสิ คนตาย ช่วยอะไร อีโง่ !
ถ้าจะเงิบเยอะขนาดนั้น 555 ถ้าพจน์มาได้ยินประโยคท้ายสุดมีสิทธิ์เงิบเหมือนกันนะเนี่ย

:a5: :a5: :a5:
5555

กรี๊ดดดดดดดดดดดดด นี่พจน์กับมาตะผูกใจรักกันมาตั้งแต่อดีตชาติแล้วสินะคะ  :impress2:
ขอให้ชาตินี้สมหวังเถอะะะะะะะ

ปล. วรรคนี้ "ผู้ครอบครองสิ่งล้ำค่าสูงสุดปรากฏตัวพร้อมอุบัติการณ์แห่งพลังสถิตพร้อมสมบูรณ์อยู่เบื้องหน้าเรานี้"
STAR WARS เพลงลอยมาเลยค่ะ :m20:
A long time ago in a Galaxy far, far away...Da, daaa, da da da daaaa, daaaaaaaaaaaa da da da daaaaaaaaaaa daaaaaaaaaaaaaaaaaaaa da da da daaaaaaaaaaaa.

:katai1:า ค้าง!!!!!
คอมไม่ดีหรือ เน็ตไม่ดีครับถึงค้าง อิอิ

:really2:
:katai5:

เอาล่ะ พี่ท่าน ดังคำที่พี่ตอบน้องมานั้นน้องแจ้งแก่ใจดีว่า ถ้าเป็นบทที่พจน์พูดก็จักเป็นคำสมัยปัจจุบันไปพูดในอดีต แต่ที่น้องหมายคือ การบรรยายความในอดีตที่ไม่ใช่ส่วนของพจน์พูดนั้น บางครามันยังเป็นลูกผสมของปัจจุบันกับคำสมัยก่อน น้องเองก็คร้านจะหาให้ พี่ท่านโปรดพินิจเองเถิด...
ส่วนในบทนี้ซึ่งเป็นภาคปัจจุบัน มีบางคำที่ยังขัดๆ กัน ไม่แน่ช้ดว่าเป็นการที่ยังต้องการมีกลิ่นอายแห่งอดีตมาเจอในปัจจุบัน หรือเป็นการหลุดจากโทนออกไป หรือ แท้จริงเป็นการเอาภาษาเขียนไปใส่ในบทพูดแทน เลยทำให้บางคราฟังดูแปล่งๆ ชอบกล ดูไม่ใช่คำที่จะพูดแต่เหมาะเป็นคำเขียนเสียมากกว่า เช่น

“เช่นเดียวกับเมื่อครั้งมึงถามว่ากูคือใคร กูขอปฏิเสธ”
....เหมือนครั้งที่มึงถาม...

และทันใดนั้นอกของอาธนพลก็ยกขึ้นสูงรวดเร็วเหมือนมีมือล่องหนฉุดรั้ง บัดเดี๋ยวก็ฟุบลงกลับคืนฉับพลัน
...แล้วก็ฟุบ...

หากมึงไม่สามารถฝืนทนไหว จงร้องบอกกูทันที
...ถ้ามึงทนไม่ไหวให้รีบร้องบอกกูทันทีเลยนะ อย่าฝืน...

“มึงโปรดไว้วางใจ น้ำตามึงนี้ทำกูเจ็บรวดร้าว
...ขอให้มึงไว้ใจกูนะ เพราะน้ำตามึงมันทำให้กูเจ็บ...

“ไม่มีประโยชน์อันใดจักเชื่อถือในคำโป้ปดของทาสปีศาจอย่างเจ้าอีก” ไอ้กันย้อนคำ “ในมิช้าเราต่างจักได้รู้เช่นเห็นกันว่า ข้านำทวนอัศวาราตรีกาลมาผิดเล่ม ฤา ไม่”
...มิมีประโยชน์อันใด...

เป็นต้น พี่ท่านโปรดอย่าได้เคือง น้องแค่นำเสนอด้วยสมองอันน้อยนิดของน้อง เพราะน้องก็ไม่รู้ว่ส นิธินั้น นางจะมาสายไหน จะพูดเป็นทางการด้วยภาษาเขียนแต่ภาษาพูดแบบปกตินางก็ใช้ หรือจะอยากซั่มทั้งคำปัจจุบันกับคำในอดีต หรือนางจะมาแนวลิเก น้องก็ไม่รู้จริงๆ จุดนี้

แต่ต้องยอมรับว่าสนุกและฟินเฟอร์
ตกลงนิธิหรือกัน นางคงคือกฤษณะ สินะ แต่นางต้องสาปอันใด หรือให้สัตย์สาบานอะไร จึ่งไม่ตายแล้วต้องคอยมาดูแลพจน์
นอกจากนี้ น้องยังชอบการโต้ตอบกันด้วยสำบัดสำนวนต่างๆ ที่เป็นคำคล้องจองหรือมีสำผัสกัน อ่านแล้วจะรู้สึกว่าได้ย้อนไปยังสมัยก่อนจริงๆ ที่เค้าจะมีสัมผัสรับส่งกันในการสนทนาพาที
น้องขอขอบคุณอีกนะฮะ
เป็นคอมเม้นต์ที่ยาวดีและคนเขียนชอบมาก ตอบทีละข้อเลยนะครับ
1.ในส่วนเหตุการณ์ที่พจน์ข้ามพิภพไปหามาตะ คำบรรยายตั้งใจจะเลือกเฟ้นคำสมัยเก่ามากที่สุด หากจะมีตกหล่นหรือแทรกด้วยคำสมัยปัจจุบันก็อาจหลุดไปต้องอภัยมาในที่นี้ แต่อย่าลืมว่า รากฐานของภาษาในปัจจุบันบางคำล้วนมีมาเมื่อเจ็ดร้อยกว่าปี บางคำเพิ่งเกิดขึ้นไม่ถึงร้อยปี และช่วงเวลาที่มาตะอาศัยอยู่ผู้เขียนไม่อยากระบุช่วงเวลาให้แน่ชัด แต่คำบางคำเมื่อร้อยกว่าปีปัจจุบันก็ยังใช้อยู่จึงไม่รู้จะเรียกว่า คำสมัยใหม่ ได้เต็มปากเต็มคำหรือไม่ แต่หากในภาคบรรยายมี คำสมัยใหม่ แทรกเข้าไปในเหตุการณ์ข้ามพิภพ อาจด้วยจงใจหรือไม่จงใจก็แล้วแต่ คือความผิดของผู้เขียนทั้งหมด ขอน้อบรับคำติชมทุกประการ
2.ในส่วนเหตุการณ์ปัจจุบัน คำบรรยายหรือคำสนทนาก็ดี หากมีคำสมัยเก่าแทรกปะปนเข้ามาในวาระต่างๆนั้น เจตนาแรกของผู้เขียนประสงค์ไม่ให้เนื้อเรื่องทั้งสองภพนั้นหลุดขาดโดดเด่นจากกันเกินไป แต่หากคำไหนเก่าเกิดที่จะสามารถดำรงอยู่ในเหตุการณ์ปัจจุบันจนแสลงในอกของผู้อ่านจนรู้สึกตะขิดตะขวงใจเกินรับไหว ก็นั่นแหละคือความผิดของผู้เขียนอีกเช่นกัน
3.ในส่วนของประโยคสนทนาของกันนั้น ผู้เขียนตั้งใจให้ติดคำสมัยเก่าเข้าไป เหตุเพราะ...นั่นแหละ น่าจะรู้ว่าคนคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา เปรียบเหมือนคนสุพรรณเข้ากรุงบางทีก็ติดสำเนียงมาบ้างประมาณนี้

ขอบคุณสำหรับคำติชมนี้มากๆ มีประโยชน์ต่อผู้เขียนอย่างยิ่ง จุดไหนที่มืดบอดไม่อาจมองเห็นด้วยตาตัวเอง คนอ่านนั่นแลจักเป็นกระจกสะท้อนกลับมา ขอบคุณมากๆครับ

เราชอบเรื่องนี้นะ แต่บางครั้งคำพูดโบราณมันดูโครงกลอนเกิน จนเราอ่านแล้วมัดขัด ๆ อะ ในตอนเกี้ยวกันโอเคงดงาม แต่ตอนพูดคุยหรือแม้แต่วิวาทกันมันดูอย่างไรก็ไม่ดูสิ เพราะอย่างแรกตอนต้นการพูดจาไม่ค่อยเหมือนโคลงกลอนมากนัก แต่พักหลัง ๆ มันมาแบบโคลงกลอนเกือบหมด ซึ่งเรียกได้ว่าพูดกันโดยภาษากลอน เรามองว่ามันค่อยข้างดาดไปนิด มันดูธรรมดาไปเลย แบบมาตะพูดคล้ายโคลงกลอนในบทที่วิวาทเยอะมาก หรือแม้แต่ก่อนเกี้ยวพจน์ คือมันแบบ โอ่ย พูดธรรมดา โบราณ ดั่งเช่นเจอพจน์ครั้งแรกเถอะ

รอมาต่อนะคนเขียน สงสารมาตะ แต่รู้สึกว่ากฤษณาดูมาหาเรื่องวิวาทมาตะโง่ไปนิด แต่พอเจอพจน์กับเจ้าชูงูดินได้แม้เพียงความคิด และพจน์โง่จังเลย เป็นเรานะ "อยากนั่งใช่ไหม เชิญนั่งจนตายไปเลย"

ตอนล่าสุด เราเข้าใจพจน์นะ เฮ้อ แต่บางเรื่องนี่พจน์ควรทำใจยอมรับเถอะ การสูญเสียอะไรทำนองนี้ และดูอ่อนแอจังเลย เฮ้อ

นิธิเรากำลังสงสัยว่าอาจเป็นมาตะภพก่อน หรือใครสักคนที่อยู่ภพก่อน

ความรู้สึกเรา เราคิดว่ามาตะนี่แหละพระเอก มันสะกิดใจมากเลยนะว่าใช่ ส่วนนิธิอารมณ์เหมือนพระรองเกาหลีอะไรเถือกนี้

โอ่ย ๆ เรื่องนี้มีอะไรลุ้นเยอะดี
เห็นด้วยที่บางบทสนทนามันคล้องจองเกินจนดูเหมือนกลอน เจตนาแรกของผู้เขียนประสงค์ให้มันดูแตกต่างจากภพอื่น เจตนาที่สอง คือให้อ่านไหลลื่นประหนึ่งคนที่จัดเจนภาษาเสมือนอาวุธคู่กาย เพราะฉะนั้นจะลดคำคล้องจองลงในบทสนทนาลงตามลำดับ

กันปกป้องพจน์แบบนี้  ได้ใจไปอีกแล้ว 

ลุ้นมากๆว่ากันเป็นใครกันแน่ 

เห็นใจพจน์เจอแต่เรื่องประหลาดใจ  และคิดถึงมาตะ555

ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ รอติดตามเสมอนะคะ :L2:
ดีใจครับที่คุณชอบกัน ตัวละครตัวนี้ลึกลับซับซ้อนอีกตัวหนึ่ง แต่ตอนนี้ความลับกำลังถูกเปิดเผยทีละน้อยๆแล้ว

รอ
มาแล้วๆ

ลึกล้ำ
ขอบคุณครับ

คุณอารอดแล้วววววววววว
มาตะ ส่งมาตะมาหวานให้เจ๊อิ่มอกอิ่มใจเถอะค่ะ
พระเอกของเรายิ้มแก้มแตกพอดี มีแต่คนรักคนชอบ ดีใจด้วยๆ

พวกด้านมืดดดดดด  หยุดเถ๊อะะะ ปล่อยให้มาตะมันหวานกันโหน่ยยยยยย
จอมมารมาได้ยิน คงมีสะดุ้งก็คราวนี้แหละ

อย่าพึ่งลูกกกกกก สติค่ะ ตั้งสติ มันต้องมีหนทางสิคะ  :กอด1:
ทวนที่อยู่ในมือยังไม่ได้ใช้เลย

อย่าเหมาหมดซีคะะะะะะ สงสารคนแรก(มาตะ)บ้างงงง  :hao5:
พจน์คงลืมสติไว้ที่ไหนสักแห่งครับ 555 ขอบคุณที่เตือน เหมาหมดนี่ยังไงครับ อิอิ

ความรักและความจริงใจของกันไม่แพ้มาตะเลย  เริ่มสงสารกัน

พจน์ต้องลองอีกครั้ง  มีพลังแล้วนะ  รู้ตัวแล้วยัง  อย่าท้อ 

รอติดตามเสมอนะคะ  ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ :L2:
เย้ เอฟซีกัน ชูป้ายไฟๆ #ทีมกัน

ต้องช่วยได้อยู่แล้ว ใจเย็นๆนะพจน์
:hao5:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2016 14:44:50 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ ๒๐



คำหวานครวญ



“...ใช่...ใช่หรือเปล่า” ท้ายคำพจน์แทบจะถามกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างขาดความมั่นใจ ปรารถนาให้สิ่งใดที่คาดเดาไว้ผิดทั้งหมด

“....”

“ได้ยินไหม ที่กูพูดมันเป็นความจริง...ใช่...หรือเปล่า” หากไม่ใช่ความจริง ขอให้ไอ้กันพูดมาเพียงคำเดียวว่า ไม่ และพจน์ยินยอมพร้อมใจจะเชื่อในคำยืนยันนี้ทันที
 
“มึงรู้เพียงแค่ว่าโคลงพยากรณ์...หมายถึงมึงก็พอแล้ว”

คำตอบแบ่งรับแบ่งสู้ทำให้ดวงตาพจน์เหมือนถูกเมฆหมอกสีขาวบดบังการมองเห็น
 
“มึงควรจะปฏิเสธ ไม่ใช่ทำเหมือนกำลังปิดบังความจริงกูครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ แล้วจะให้กูไว้เนื้อเชื่อใจในตัวมึงอีกได้ยังไง”

“มึงเชื่อใจกูได้ แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้เรื่องราวทั้งหมด”  สายตามั่นคงตอกย้ำน้ำคำ

“ทำไมต้องเป็นกูวะ” พจน์ส่ายหน้ากุมขมับ ก้าวถอยห่างจากนิธิ “มนุษย์มากมายหลายพันล้านคนบนโลกจะเป็นใครก็ได้ ทำไมโคลงสี่สุภาพต้องห้ามถึงจำเพาะเจาะจงที่กูคนเดียว มึงรู้ไหมมันทำให้ชีวิตกูสับสนแค่ไหน”

“ทั้งพิภพนี้ไม่มีใครอื่นอีกนอกจากมึงคนเดียวที่ได้ครอบครองสิ่งล้ำค่าสูงสุด”

“ไหนล่ะ เพชร สิ่งล้ำค่าที่ว่า มันอยู่ที่ไหน” นิธิส่ายหน้า “ถ้างั้นมึงเอาคืนไปได้ไหม กูไม่อยากได้ ไม่อยากเป็น ไม่อยากต้องแบกรับภาระมากมายที่รออยู่” พจน์ยื่นความว่างเปล่าให้คนตัวสูง
 
“กูขอโทษ แต่มึงยังจำวินาทีสุดท้ายในอดีตชาติได้หรือเปล่า ปณิธานหนักแน่นคือคำตอบที่มึงถาม ไม่มีใครอื่นอีกที่โคลงพยากรณ์จะหมายถึง นอกจากดวงใจของไอ้กันคนนี้”

เป็นพจน์จริงๆน่ะหรือ เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองจะพิเศษเหนือคนอื่น มีสองมือสองขาเหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไป เป็นเด็กมัธยมปลายคนหนึ่งที่อยากทำตามความใฝ่ฝันมากมาย และอยากมีชีวิตสุขสงบกับครอบครัว
 
 ข้ามพิภพ

ใช่ นั่นคือความสามารถอย่างหนึ่งของผู้ครอบของสิ่งล้ำค่าสูงสุด ยากเหลือเกินที่จะปฏิเสธและทำใจยอมรับโคลงพยากรณ์บทนั้นกล่าวอ้าง

แต่ความรู้สึกผิดหวังซึ่งถาโถมประดุจคลื่นสาดซัดอยู่ขณะนี้ เป็นเพราะไม่มีใครยอมพูดความจริงกับพจน์เลย ทั้งคุณปู่ซึ่งเก็บงำความลับเรื่องหลักฐานยืนยันเหตุหายนะภัยน้ำท่วมโลก ทั้งไอ้ปาล์มที่มีท่าทีเปลี่ยนไปเป็นคนละคนหลังจากปฏิเสธคำพูดของตัวเอง หรือแม้แต่คนตรงหน้านี้ก็ยังเลือกที่จะไม่บอกความจริงพจน์ทั้งหมด
 
ท่ามกลางความรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนโลกนี้ไม่มีใครอื่นเข้าใจความรู้สึกเบื้องลึกอ้างว้างนั้นได้ เสียงของเครื่องดนตรีคลับคล้ายซออู้ก็ดังแว่วผ่านอากาศหนาวเย็นมาแผ่วเบา พร้อมค่อยๆชัดเจนขึ้นเมื่อพจน์ลองหลับตา

“บุญคุณที่มึงช่วยชีวิตอาพล กูไม่ลืม สักวันกูจะตอบแทนอย่างแน่นอน มึงกลับไปก่อนเถอะ นับแต่นี้...มึงกับกูคงไม่มีเรื่องต้องคุยกันอีก”

“กูขอโทษ ไม่ ไม่ ไม่ อย่าทำแบบนี้ ไอ้พจน์ อย่าเพิ่งจากกูไป กูขอโอกาสแก้ตัว ให้กูทำอะไรก็ได้ แต่อย่าผลักไสไล่ส่งกูเลย”

เบื้องหน้าพจน์เห็นเงาร่างของไอ้กันยื่นมือไขว่คว้าเลือนรางจนหายลับไปพร้อมกับกลุ่มหมอกสีขาว อากาศหนาวเย็นยังคงอยู่แต่ก็อุ่นขึ้นทันทีเมื่อมันนำพจน์มาสู่ปราสาทผนังไม้ลงรักปิดทองลวดลายเทพพนม รอบเสาขนาดใหญ่สูงชะลูดแกะสลักปิดทองประณีต เบื้องหลังฉากกั้นมีเพียงดวงไฟจากอัจกลับหนึ่งเดียวเท่านั้น เผยให้เห็นเงาร่างของชายผู้กำลังบรรเลงเครื่องดนตรีลักษณะซออู้ เพียงเห็นแผ่นหลังกว้าง และเสี้ยวหน้าจมูกโด่ง ก็ทำให้พจน์จดจำได้ทันควัน พลันเกิดความรู้สึกตื้อตันอัดแน่นเกิดแต่อกตัว เพราะเสียงสีซอฟังดูโศกเศร้าระคนหม่นหมองประดุจเดียวกับอารมณ์ของพจน์ไม่ต่างกัน เผลอจ้องมองมาตะซึ่งหลับตาขมวดคิ้วแน่น ขยับคันสีเป็นจังหวะเช่นเดียวกับนิ้วที่กดเส้นสายเป็นเสียงคร่ำครวญ

ท่วงทำนองหากจะฟังเอาความด้านไพเราะก็เสนาะหู หากจะฟังเอาอารมณ์อันแทรกอยู่ในเส้นสายลายเสียงก็จับจิต พจน์ไม่เคยรู้ว่ามาตะมีทักษะด้านดนตรีชนิดนี้จึ่งเผลอหยุดจับจ้อง อารมณ์โกรธในใจถูกระงับลดทอนลงตามลำดับ ลองหลับตาฟังก็ให้รู้สึกขนลุกแล่นทั่วสรรพางค์กาย ก่อเกิดหยดน้ำรอบดวงตากลมเอ่อคลอได้อย่างประหลาดโดยแท้ ดูราวกับสรรพเสียงอื่นใดก็มิอาจแข่งขันสู้กับเสียงดนตรีนี้ได้ และหรืออาจเพราะสรรพสัตว์ทั้งหลายต่างเงี่ยหูฟังความไพเราะถึงจะถูกต้อง

อกด้านซ้ายกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะท่วงทำนองนำพา ฉับพลันก็รู้สึกเหมือนมีมือล่องหนมาบีบรัด ชักนำให้ลมหายใจกำเริบสะดุดหยุดนิ่ง ประดุจเสียงซอผสานทำนองเชื่องช้าถ่ายทอดเป็นคำพูดของมาตะ และพจน์สามารถเข้าใจได้โดยตลอดความ มือทั้งสองกำแน่นระงับความเจ็บลึกภายใน
 
รูปกายกำยำของมาตะในผ้าภูษาสีขาวบริสุทธิ์ตกแต่งเครื่องประดับทองสะท้อนแสงไฟวับวาม ทอดกายนั่งบนตั่งแกะสลักรูปทรงเทพพนม รายล้อมด้วยเครื่องดนตรีหลากชนิด บ้างคล้ายระนาด กลองชาตรี กลองโทน วางเรียงรายอยู่บนแท่นสูงชิดติดผนัง
 
ไม่รู้ว่าสายตาพร่ามัวเพราะหยาดน้ำชักนำให้พจน์เห็นเรือนร่างมาตะผิดต่างจากทุกคราที่เคยเจอหรือเพราะมีบางสิ่งดลบันดาลให้เห็นภาพเงาพระเจ้าอนันตราชซ้อนทับมาตะจนดวงตาพจน์ไม่อาจแยกแยะความแตกต่างออก ประหนึ่งภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าคลับคล้ายคลับคลาเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง รู้สึกตัวอีกทีพจน์ก็กำลังก้มกราบแทบพระบาทเชิงงอนของเงาอดีตชาตินั้น แล้วหลุดคำกล่าวสุดหักห้ามไว้

“ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท วัชรโกมลอยู่ ณ ที่แห่งนี้แล้ว พระเจ้าค่ะ”

เงาร่างของพระเจ้าอนันตราชปรากฏรูปรอยแจ่มชัด ทรงแย้มพระโอษฐ์กว้างตอบรับคำกราบบังคมทูล พระองค์ทรงฉลองภูษาดำเลื่อมระยับ ประดับเครื่องทรงอย่างกษัตริย์ พร้อมสวมมหาพิชัยมงกุฎเหนือพระเศียร อัญมณีสีนิลกึ่งกลางพระนลาฎต้องแสงไฟดูเปล่งประกาย

“เพลงบรรเลงบทนี้ยังคงต้องใจน้องท่านอยู่ ฤา ไม่” พจน์พยักหน้ารับเชื่องช้า “ยามใดน้องเจ้าวอนพี่ให้ทรงดนตรีสีซออู้ คำหวาน นี้แหละหนาคือยอดชู้ต้องใจเจ้า แม้โศกเศร้าเหงาทรวงก็ได้ท่วงทำนองหวานช่วยคลายการหนักอกให้ทุเลาเบาบางลงเฉกทุกครา วานตอบให้อุราพี่เต็มตื่นชื่นฤดีเถิดหนาเจ้า”

“พระเจ้าค่ะ ยังคงไพเราะเสนาะโสตต้องใจข้าฝ่าพระบาทเสมอเหมือนมิลืมเลือน”

“นานแสนนานเหลือเกิน...ยามเราสองจักได้พบเจอกัน พี่นี้คิดคะนึงถึงเจ้ามิเว้นว่าง ยอดดวงใจแลดวงสุริยะของพี่”

เสี้ยวหนึ่งในกายพจน์ส่งสัญญาณให้รู้สึกปริ่มจะขาดใจ พยักหน้ารับพร้อมหลั่งน้ำตานอง

“เจ้าสุขกายสบายดี ฤา แลหรือปริวิตกการใดอันหนักอกจึ่งสุดกลั้นน้ำตาไว้ได้”

“ใต้ฝ่าพระบาท เกล้ากระหม่อมสุขสำราญดี แต่เหตุอันหลั่งน้ำตาเนื่องเพราะปีติยินดีที่ได้สบพระพักตร์ใต้ฝ่าพระบาทอีกคราหนึ่ง” คำพูดหลุดจากปากพจน์ราวกับต้องมนตร์

“การใดหนักอกยากจักปลงลงได้จงวางเสีย หนทางมิได้มีแค่วิถีเดียวจักสู่ผลสำเร็จ จงตรึกตรองใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ แลน้องพี่จักพบหนทางสว่างนั้น”
 
“เป็นบุญตัวยิ่งแล้วที่ข้าฝ่าพระบาทได้พานพบพระองค์อีกครา หนทางอับจนใดมืดทึบก็บังเกิดเห็นทางออก เหตุเพราะพระราชดำรัสตรัสชี้แนะเสียสิ้น หากแต่หัวใจข้าพระองค์ทนทรมานเหลือล้ำ เส้นทางยาวไกลเบื้องหน้ามากล้นปริศนา มืดดำยิ่งกว่าหินผานิลกาฬ”

“เพลาเราสองจักพบหน้ากันครานี้ เหมือนดั่งจันทราถูกเมฆาบดบังชั่วขณะหนึ่ง ครั้นลมวายุพัดโหมหมู่เมฆเคลื่อนย้ายทิศทาง เผยแสงเดือนส่องพื้นโลกอีกครั้งจึ่งสิ้นสุดเวลาพบเจอ น้องเราลุชันษาเติบกล้า ครองวิสัยอาจหาญชาญณรงค์ ทำการสิ่งใดรู้คิดผิดชอบชั่วดีโดยตลอด เป็นดั่งขุมทรัพย์ปัญญาเคียงข้างพี่ก็อาจกล่าวได้ดั่งนี้ แม้นหนทางเบื้องหน้ามีอุปสรรคขวากหนามกั้นกางอยู่ สติปัญญาน้องท่านจักคิดทลายลงในมิช้า”

พจน์ก้มหน้าผากจรดปลายนิ้วโป้งน้อมกราบซ้ำอีกหน

“พระราชดำรัสอันใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงตรัสล้วนแผ้วถางอุปสรรคให้ลดลงประมาณกึ่งหนึ่งก็ว่าได้ดั่งนี้  ด้วยพระปรีชาญาณแลเดชานุภาพอันเกรียงไกรสมฐานะแห่งกษัตราธิราชเจ้า ข้าฝ่าพระบาทจักสนองคุณแลสนองคำตามพระราชประสงค์ อาวรณ์ก็แต่เพียงบัดนี้เสี้ยวชีวิตหนึ่งของข้าฝ่าพระบาทกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ แลประสบภยันอันตรายมากล้น อีกทั้งปัญหาขบคิดนานัปการเกินสติกำลังจะไขถอน เกรงจักแบกรับคำสนองไว้มิได้ตลอด”

“ก็แหละเสี้ยวชีวิตหนึ่งของพี่ได้กลับมาเกิดเพื่อจักครองคู่ครองรักสมัครสมาน ร่วมผสานร่วมพิชิตสิ่งโฉดชั่วทั้งปวงมิใช่ ฤา อย่าได้หวั่นเกรงสิ่งอันยังมิเกิดขึ้นในภายภาคหน้าเลยน้องเจ้า ความรักชักนำส่วนเสี้ยวของแต่ละฝ่ายมาพบเจอกันแล้ว สิ่งใดจักเกิดก็มิอาจฝืนลิขิตชะตาฟ้าได้อีก”

“น้ำพระราชหฤทัยนี้ทราบซึ้งตรึงใจข้าฝ่าพระบาทยิ่งแล้ว หากแต่อดปริวิตกอยู่สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นอาชญาหนักยิ่งฝังรอยแก่ตัวข้าฝ่าพระบาทจวบจนกระทั่งวันตาย คือทอดกายถวายชีวิตโดยมิได้กล่าวคำอำลาสู่พระองค์เมื่อครานั้นได้” พจน์สะอื้นไห้สุดหักห้าม “มิเพียงนั้นยังทอดทิ้งพระองค์ไว้โดยเดียวทั้งตั้งมั่นสาบานแล้วว่าจักครองคู่จวบเฒ่าชราภาพ”

เงาพระเจ้าอนันตราชยังครองพระพักตร์แจ่มกระจ่าง เอื้อมหัตถ์ลูบโลมผมของพจน์แผ่วเบา

“หาเป็นความผิดถึงขั้นอุกฤษฏ์โทษไม่ ก็แหละกาลโพ้นเมื่อล่วงผ่านเราสองจำต้องละจากกันยังมิทันกล่าวคำลา แต่ภพชาตินี้พี่ลั่นสัตย์วาจา จักมิอาจมีผู้ใดพรากเราสองจากกันอีก”

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งแล้ว”


เสียงซอบรรเลงท่อนจบของมาตะดังแทรกในห้วงคำนึง ฉุดพจน์หลุดออกจากภาพนิมิตสู่เหตุการณ์ความจริง สัมผัสรู้หยดน้ำหลั่งไหลอาบแก้ม พระราชดำรัสของพระเจ้าอนันตราชเสมือนยาดีสมานความคิดให้เฉียบแหลมยิ่งขึ้นเป็นทวี ทั้งมากล้นเรี่ยวแรงกำลังใจล้นพ้น พจน์พนมมือยกเหนือศีรษะน้อมรำลึกถึงบุญญาธิการและบารมีของสองขัตติยราชที่ช่วยขับไล่เงาเมฆหมอกขุ่นมัวออกจากดวงตา

มาตะค่อยๆลืมตาเหม่อมองจดจ้องแสงเดือนนอกหน้าต่าง ไม่อาจรู้ว่าภาพที่เห็นเป็นสิ่งใดถึงได้ดลใจให้อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยถ้อยคำเป็นบทกลอน

“ถ้อยคำในถ้อยใจอัดแน่นอก
กล่าวฝากนกฝากลมถวิลหา
ร้อยคำหวานถักรักปักอุรา
ยอดดวงตา ณ แห่งใดใคร่แจ้งการ”

พจน์ยกหลังมือเช็ดรอยน้ำตาก้าวเท้าเข้าสู่แสงอัจกลับ ทอดสายตาพินิจมองมาตะขยับคันสีจวบกระทั่งจบเพลง กลอนคำกล่าวถ่ายทอดสำเนียงเสียงซออู้เป็นคำพูดได้อย่างดีจนพจน์จำต้องระบายบางสิ่งในอกโต้ตอบเป็นกลอนบทต่อมา

“อันคำหวานฝากลมรสกลมกล่อม
หากเปรียบย่อมยกเทียบน้ำตาลหวาน
รสวาจาเลิศล้ำฉ่ำชื่นนาน
แม้นผ่านกาลผ่านภพจบตรึงใจ”

ใบหน้าเศร้าเคล้าหม่นหมองพลันชื่นปีติทันควันเมื่อสบเห็นร่างของพจน์ มาตะละซออู้ไว้ข้างกายก่อนผลุดลุกเข้าหาคนรัก เด็กหนุ่มร่างหนาประคองสัมผัสมือพจน์แผ่วเบา แววตาสะท้อนความรู้สึกหลากหลายจนพจน์ต้องเอื้อมนิ้วสัมผัสใบหน้านั้นให้คลายวิตก ก่อนที่มาตะจักกล่าวเป็นกลอนอีกครั้ง

“รสน้ำตาล ฤา วาจาโอชารส
จะเปรียบปดว่าหวานก็หาไม่
ซ่อนขื่นขมปนหวานผสานไป
ทั้งอาลัยอาวรณ์ซ้อนอารมณ์”

พจน์เก็บรายละเอียดบนใบหน้ามาตะไว้แน่วแน่แก่ใจ ไม่ให้ขาดหายลืมหลงแม้ไกลห่างสักแค่ไหน เพียงหลับตาก็นึกเห็นอีกฝ่ายอยู่เบื้องหน้าในทันใด แล้วจึ่งกล่าวตอบว่า

“ถ้อยคำเอยคำหวานสำราญถ้อย
จะหวานน้อยหวานมากหรือหวานขม”

มาตะจ้องริมฝีปากพจน์สลับดวงตาสีน้ำตาล ก่อนจักขยับใบหน้ารูปงามเข้าหายอดดวงใจของตน พลางว่า

“เพียงพบหน้าสบตาอกทุกข์ตรม
พลันสุขสมสุขล้ำคำหวานเอย”

สิ้นคำทุ้มไม่ทันที่พจน์จะกล่าวคำใดมาตะก็ประกบริมฝีปาก มอบจุมพิตดูดดื่มเนิ่นนาน ราวกับห้วงเวลาได้หยุดเดินเสียสิ้นในทันใด ราวกับโลกนี้ไม่มีใครอื่นอีกนอกจากคนทั้งคู่ ลมหายใจร้อนพรั่งพรูสู่กันแลกันเป็นจังหวะถี่กระชั้น ปลุกไฟในกายให้ลุกโหมดั่งกองฟืนต้องลมวายุ


50%...TBC โปรดติดตามตอนต่อไป

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2019 09:47:12 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :ling1:ค้าง  ลุ้น รอ ไร้ท  :katai4:
สนุก ชอบ ลึกลับ สมชื่อ ข้ามพิภพ  :katai2-1:
ไร้ท เขียนเก่งมาก คนอ่านตีความกันจ้าละหวั่น  :mew1:
อรรถรสทางภาษา ยอดเยี่ยม หรือไร้ท ก็ข้ามพิภพ มาเช่นกัน  :katai1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
พอเลื่อนมาถึง TBC 50% แบบ  อ่ะ......อะไรอ่ะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ     อ้างปากค้างกันเลยทีเดียว

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
กอดคนแต่ง อิ่มเอิบมาก ยิ่งอ่านยิ่งมีความสุข  :กอด1:
แต่พอเห็น 50% แล้ว ไม่กอดคนแต่งแล้ว ใจร้าย ค้างงง :katai1:

ออฟไลน์ nokkkey

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด