• Lucky Love เปลี่ยนลุค เลยได้รัก • END l หนังสือ #พี่กายหลงฝน l P.12
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: • Lucky Love เปลี่ยนลุค เลยได้รัก • END l หนังสือ #พี่กายหลงฝน l P.12  (อ่าน 190889 ครั้ง)

ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12


…อยากมีเธอเป็นแฟน อยากเดินควงแขนกับเธอคนที่โดนใจ...
kamin

say-hi ในทวิตเตอร์ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะค




โชคครั้งที่ • 4.2 •



• • • ต่อค่ะ 100% • • •



พี่เรน



งือ…


อือ…


เฮ้อ…


ผมได้แต่หันมองซ้ายที ขวาที ซ้ายที ขวาทีอยู่หลายรอบจนเหมื่อยคอแล้วก็เวียนหัวถึงได้ถอนหายใจออกมาแล้วเลิกที่จะหยุดหัน


“ถอนหายใจทำไม / เป็นอะไรครับ”


หือ…


ผมเงยหน้าขึ้นหันมองซ้ายกับขวาเมื่อได้ยินเสียงของตินากับ… เอ… คนนี้ชื่ออะไรนะ นั้นแหละ ใครก็ไม่รู้ที่ตะโกนเรียกผมเสียงดังลั่นก่อนจะวิ่งกระหืดกระหอบมาหา


“ก็… จะยืนมองหน้ากันอีกนานไหมอะ ถึงเช้านี้เราจะไม่มีเรียนกัน แต่เราก็ต้องไปที่อื่นนะ คงจะมายืนมองหน้ากันทั้งวันไม่ไหวหรอก” ผมบอกตามที่คิด


ก็จริงนี่ครับ.. เช้านี้ผมไม่มีเรียนแต่โดนพวกตินาโทรตามแต่เช้าเลยต้องมามหา’ลัยแบบไม่รู้เหตุผล แต่ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรก็… คนนี้น่ะ ที่ตะโกนเรียกผมก็วิ่งมาก่อน ผมจำเขาได้นะ เขาเป็นรุ่นน้องเห็นเรียกผมว่าพี่ น่าจะเป็นคนรู้จักของตินา เมื่อวานผมก็เพิ่งไปซื้อของที่โลตัสกับเขามา แต่… ชื่ออะไรนะ


“กาย”


อ๋อ! ชื่อกายนี่เอง!


รุ่นน้องกายที่มองหน้าผมอยู่หันกลับไปมองตินาเมื่อได้ยินเธอเรียก “จะอธิบายว่ายังไง”


“ผม…” รุ่นน้องกายทำท่าจะพูดแต่ก็หันมามองผมก่อนจะหันกลับไปมองตินาเหมือนกับไม่แน่ใจว่าจะพูดดีไหม


“เดี๋ยวเราไปก่อนก็ได้ จะได้คุยกันสะดวก” ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่ดูแล้วจะคุยกันไม่สะดวกของทุกคน


“ไม่ต้องหรอก แกนั่งรออยู่นี่แหละเดี๋ยวพวกฉันไปคุยตรงนู้นเอง” ใบหม่อนพูดพร้อมกับกดไหล่ผมให้นั่งลงที่เดิม


ให้ผมลุกไปคนเดียวมันน่าจะสะดวกกว่าให้พวกเขาห้าคนย้ายไปคุยกันที่อื่นนะ


“ใช่ แกนั่งอยู่นี่แหละ อะ… กินนี่รอไปก่อนเดี๋ยวพวกฉันมา อ๋อ… แล้วก็อย่าลุกไปไหนละเดี๋ยวก็หลงทางอีก” ตินาหันมาหาผมก่อนจะยื่นถุงเซเว่นมาให้


ผมรับมาอย่างงงๆ ก่อนจะก้มมองในถุงพอเห็นว่าเป็นอะไรผมก็ยิ้มกว้างทันที “อื้ม! นั่งรอตรงนี้ไม่ไปไหนแน่นอนเลย”


“ดีมาก เดี๋ยวพวกฉันมา” ตินาพูดกับผมก่อนจะหันกลับไปหารุ่นน้องกาย “ส่วนนาย… ตามพวกฉันมา”


ผมนั่งมองพวกเขาทั้งหมดเดินออกจากบริเวณสวนข้างอาคารไปก็หยิบของในถุงออกมาเปิดฝาแล้วก็นั่งดูดไปด้วย ฮ๊า… เจเล่ไลท์อร่อย… ดูดสนุกดีครับ อิอิ แล้วดูสิ… ตินาซื้อมาให้ตั้งเยอะเลย แต่ผมว่าเขาทำอันเล็กไปดูดแปบเดียวก็หมดแล้วอะ


พอหมดอันแรกผมก็หยิบอันที่สองขึ้นมาดูดต่อทันที อร่อย


“พี่เรน”


ผมเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเองก่อนจะเห็นรุ่นน้องกายยืนอยู่ตรงหน้า แต่ไม่เห็นพวกตินาเลยแหะ ไปไหนแล้วละ ผมชะเง้อคอมองไปทางด้านหลังก็ไม่มี อะไรกัน… โทรเรียกผมมาแต่เช้าแต่กลับหายไปไหนเฉยเลย


“พวกพี่ตินาบอกว่ามีธุระต้องไปทำครับ” รุ่นน้องกายว่า ซึ่งผมก็พยักหน้ารับรู้ “พี่เรน…”


“หือ…” ตอบมากไม่ได้ปากไม่ว่างอะครับ


“ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่เรนหน่อยครับ ขอเวลาสักหน่อยได้ไหม”


ผมเอียงคอมองอีกคนก่อนจะพยักหน้ารับก็ปากผมไม่ว่างนี่ครับ กำลังดูดเจเล่ไลค์อยู่ อันที่สามแล้วละครับ พอผมพยักหน้าแบบนั้นน้องตรงหน้าก็ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับผม ปกติที่เคยเห็น... ก็แค่ไม่กี่ครั้งนะครับ แต่ทุกครั้งที่เห็นเขาจะชอบยิ้มกว้างๆ แต่คราวนี้ทำหน้าเครียดๆ แหะ


“ผมขอโทษนะครับ” รุ่นน้องกาย... ยาวจัง เรียกสั้นๆ ว่ากายแล้วกันเนอะ กายพูดทำให้ผมได้แต่มองอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าเขามาขอโทษผมเรื่องอะไร


“เรื่องอะไรเหรอ”


กายนิ่งไปนิดเมื่อผมถามแบบนั้นเหมือนลังเลว่าจะบอกผมดีหรือเปล่า “ในเฟส... เมื่อวานที่ผมไปเดินซื้อของกับพี่เรน คือว่า... เฮ้อ...”


“ถ้ามันลำบากใจก็ไม่ต้องพูดก็ได้นะ” ผมบอกขึ้นก่อนเอาเจเล่ไลค์ที่ดูดอยู่ออกจากปากแล้วมองคนตรงหน้ายิ้มๆ


“ไม่ใช่ครับ คือว่า...”


“เรื่องมันจะเป็นยังไงเรารู้ดีอยู่แก่ใจอยู่แล้ว เราจะแคร์คนทั้งโลกไม่ได้หรอกเราเลือกแคร์คนที่แคร์เราดีกว่านะ”






น้องกาย


ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่าคนเราสามารถตกหลุมรักได้วันละกี่ครั้ง แล้วตกหลุมรักได้บ่อยแค่ไหน แล้วแต่ละคนจะตกหลุมรักคนเดิมๆ ได้หรือเปล่า... ผมไม่รู้


แต่กับผม...


ผมกำลังตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า กับคนเดิมๆ ที่ใครหลายคนต่อว่าว่าเขาทั้งเฉิ่ม ทั้งเฉย ดูไม่ได้ ผมกำลังตกหลุมรักพี่เรนซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่หยุด ล่าสุดที่ตกหลุมรักคนคนนี้ก็ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย...


“เรื่องมันจะเป็นยังไงเรารู้ดีอยู่แก่ใจอยู่แล้ว เราจะแคร์คนทั้งโลกไม่ได้หรอกเราเลือกแคร์คนที่แคร์เราดีกว่านะ”


ผมไม่รู้ว่าพี่เรนรู้หรือไม่รู้เรื่องที่ลงในเฟสบุ๊ค พี่เขาอาจจะรู้แต่ไม่สนใจ หรือไม่รู้ก็เลยพูดแบบนี้กับผมกันแน่ แต่ถ้าไม่รู้... พี่เขาจะพูดแบบนี้ทำไม แล้วถ้ารู้... เขาไม่โกรธผมจริงๆ เหรอ


“พี่เรนรู้... หรือครับ” ผมถามกลับไป แต่คนที่ทำเหมือนรู้ที่ตอนนี้ยกซองเจเล่ไลค์ในมือขึ้นมาดูดต่อก็มองผมกลับมาอย่างงงๆ ว่าผมพูดเรื่องอะไร


ให้ตายเถอะ! ตอนนี้กำลังซีเรียสนะ แต่พี่เรนโคตรน่ารักเลยครับ ปากแดงๆ ที่ดูดเอาเยลลี่ในซองขึ้นมานั้นโคตรน่ารักเลยอะครับ


“ก็เรื่องในเฟสไงครับ พี่รู้เหรอถึงได้พูดแบบนั้น” ผมอธิบายเพิ่มเติมเมื่อเห็นสายตาแป๋วๆ ที่มองมาอย่างไม่เข้าใจ


ขวับ ขวับ


คนตรงหน้าส่ายหน้าไปมาเสียผมสะบัด จะน่ารักไปไหนวะ ใครที่มองพี่เรนว่าไม่น่ารักแม่งโคตรตาถั่วอะ แต่ก็ดีแล้วละผมไม่อยากให้ใครเห็นความน่ารักของพี่เรนมากนัก


“ไม่รู้หรอกมีเรื่องอะไรเหรอ มีคลิปแมวกำลังดังเหรอ”


ผมที่กำลังคิดมากเรื่องของพี่เขาก็ได้แต่หลุดยิ้มขำออกมา “เปล่าครับ ไม่ได้มีคลิปแมวอะไรหรอกครับ” พอผมบอกแบบนั้นพี่เรนก็ทำหน้าเสียดายไปทันที ไม่ได้สิ... อย่าเพิ่งนอกเรื่องสิวะกายคุยเรื่องประเด็นในเพจกับพี่เรนก่อน


พอตั้งสติกับตัวเองได้แล้วผมก็เริ่มพูดอีกครั้ง “เมื่อวานที่ผมไปเดินซื้อของกับพี่ที่โลตัส มีคนถ่ายรูปเอาไปลงไว้ในเพจ ซึ่งเรื่องถ่ายรูปลงผมไม่ได้เครียดอะไร... แต่มีคอมเมนต์บางคอมเมนต์ที่...”


“พี่บอกแล้วไง... เราแคร์คนทั้งโลกไม่ได้หรอก ใครเขาจะว่าพี่ยังไงก็ช่างเขาเถอะ เรื่องราวมันเป็นยังไงเราก็รู้ดีกันอยู่แล้วนี่” พี่เรนพูด “พี่ไม่รู้หรอก เอาจริงๆ ไม่ค่อยได้เล่นเฟสนะ แต่พอได้ยินก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องอะไร มันก็น่าจะเดาได้ไม่ยากนะ ฮ่ะๆ คนหน้าตาดีอย่างน้องกับคนหน้าตาแบบนี้อย่างพี่ก็มีเรื่องให้นินทากันไม่กี่เรื่องหรอก”


“พี่เรนน่ารักจะตาย!”


ชิบหาย...


ไอ้กายชิบหายแล้วไหมละมึง!


พอเห็นพี่เรนบอกว่าตัวเองหน้าตาไม่น่ารักแล้วมันอดใจไม่ไหวต้องโพลงออกไปว่าไม่จริง ก็พี่เรนน่ารักจะตายไป ก็น่ารักจริงๆ อะ ทำไมต้องบอกว่าตัวเองไม่น่ารักด้วยวะ แต่อยู่ๆ ผมโพลงไปแบบนั้นมันจะตลกไหมวะ


พี่เรนทำหน้าอึ้งๆ แบบเอ๋อๆ ไปเลย เห็นแล้วโคตรน่ารักขอจับมาฟัดแก้มสักสองสามทีได้ไหม คนบ้าอะไรวะ น่ารักชิบหาย!!


ผมได้แต่ยกมือเกาแก้มตัวเองแก้เก้อก่อนจะพูด “ผมว่าพี่น่ารักนะครับ”


“ขอบคุณนะ...”


ชิบหายแล้วไอ้กาย...


ต้องเป็นโรคหัวใจเต้นแรงเกินไปแน่ๆ เลย


พี่เรนหน้าแดงด้วยอะเพิ่งจะเคยเห็น โอ๊ย! อยากจะลงไปแดดิ้นอยู่กับพื้นแล้วกรีดร้องว่าทำพี่เรนหน้าแดงได้ด้วย ฮือ... เกิดมาเป็นน้องกายหลงรักพี่เรนนี่มันฟินจริงๆ นะ


“เอ่อ... คือ... นั่นแหละครับ ผมเลยอยากจะมาคุยกับพี่แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้พี่เรนต้องมาเจออะไรแบบนี้” โอ๊ยกว่าจะดึงสติตัวเองกลับมาได้นี่ใช้เวลาไปเป็นนาทีเลยครับ


ผมได้แต่นั่งมองพี่เรนดูดเยลลี่ไปเรื่อยๆ คือดูท่าจะชอบมากพอหมดก็หยิบอันใหม่มาดูดต่อเห็นแล้วน่ารักดีครับเลยได้แต่นั่งท้าวคางมองปากแดงๆ นั้น อีกอย่างรอพวกพี่ตินากลับมาด้วยพวกพี่เขาบอกให้เฝ้าพี่เรนเอาไว้อย่าให้คลาดสายตา คนคนนี้ปล่อยเอาไว้คนเดียวไม่ค่อยได้ถ้าไม่ลุกจนหลงไปไหนก็จะมีพวกรุ่นพี่เข้ามาแกล้ง ทั้งแกล้งจีบ ทั้งจีบจริง พอได้ยินแบบนั้นผมเลยอาสาทันที เรียกว่ามากันท่าก็ได้ครับ อนาคตก็จะเป็นคนของผมแล้ว ต้องมาประกาศตัวเอาไว้ก่อน


ส่วนเมื่อกี้ที่ไปคุยกับพวกพี่ตินาตอนแรกคิดว่าซวยแน่ๆ ตายแน่ๆ แล้วผมเพราะพวกพี่ตินามองมาแบบตาวาวมาก คิดว่าโดนฆ่าหมกแถวนั้นแล้วแน่นอนแต่กลับไม่เป็นแบบนั้นครับ


พี่เขาไม่ได้โกรธเรื่องที่ผมทำให้เกิดประเด็นในเพจพี่เขาบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของผมที่ผมไปเดินซื้อของกับพี่เรน แต่คนผิดคือคนที่เอารูปไปลงแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง แล้วก็คนที่คอมเมนต์ต่อว่าพี่เรนในรูปนั้นต่างหาก


คือเอาจริงๆ พวกพี่ตินาด่าคนพวกนั้นแบบรุนแรงมากจนผมตกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะกลัวว่าเป้าหมายมาเป็นผม เห็นแบบนี้ก็รักตัวกลัวตาย เก็บตัวเก็บใจเอาไว้ให้พี่เรนนะเออ ไม่กล้าเสี่ยงไปให้พวกพี่ตินายำหรอกครับ


“พี่เรน” ผมเรียกคนตรงหน้าที่ก้มหน้าก้มตาหาเยลลี่ในถุงเซเว่น ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่ามันมีกี่ซองกันแน่ กินได้ไม่หมดสักที


“งือ...” นั่นคือคำตอบรับคำเรียกของผมหรือเปล่าครับ เพราะพี่เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผมเลยสักนิด นี่ผมเป็นคนหล่อนะครับ เงยหน้าขึ้นมาสนใจกันหน่อยสิ


“พี่เรน” ผมเรียกอีกรอบ


คราวนี้เงยหน้าขึ้นมาครับ แต่หน้าน่ารักใต้แว่นตากลมๆ นั้นเบ้นิดๆ จนผมชักจะใจเสียแต่ก็ต้องยิ้มขำเมื่อได้ยินที่พี่เรนพูด “เยลลี่หมดแล้วอะ”


“เดี๋ยวผมซื้อให้เอาไหม” เอาขนมล่อน่าจะได้ผลกับคนคนนี้นะ โดยเฉพาะเจเล่ไลค์อะไรนี่


“ฉันให้นั่งเป็นเพื่อนเพื่อนฉันย่ะ ไม่ใช่ให้เอาขนมมาล่อลวง” เสียงพี่ตินา... ดังขัดขึ้นอย่างกับรู้จังหวะเลยละครับ


“โทรตามเรามาแล้วก็ปล่อยเรานั่งกินขนมอยู่คนเดียว” คนที่เมื่อกี้ทำหน้าเบ้เพราะขนมหมดหันไปทำหน้าบูดใส่พี่ตินาแล้วก็เพื่อนคนอื่นๆ


ฮือ... หน่องกายใจสั่นเหลือเกิน


“เดี๋ยวพาไปเลี้ยงขนมโอเคไหม” พี่ใบหม่อนพูด


“น้องหมี...”


“พาไอ้... พาน้องหมีไปด้วยก็ได้ เดี๋ยวพาไปที่ร้านคาเฟ่แมว” พอพี่เรนพูดถึงน้องหมี ซึ่งก็หมายถึงแมวที่เขาเลี้ยงนั่นแหละครับ พี่สาก็พูดต่อทันที แล้วทีนี้นะคนที่นั่งทำหน้าบึ้งก็ยิ้มกว้างทันทีเลย


เป็นรอยยิ้มที่... ผมอยากจะถ่ายเก็บเอาไว้จริงๆ


พูดถึงเรื่องถ่าย...


“พี่เรนสนใจอยากเป็นนายแบบไหมครับ” ผมถามทะลุกลางป้องทันที จนทุกคนหันมามองเป็นผมเป็นตาเดียว


คนที่ผมชวนให้มาเป็นนายแบบชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเหมือนกับจะย้ำว่าหมายถึงเขาใช่ไหม ท่าทางนั้นตลกชะมัด แต่ก็นั่นแหละครับ... น่ารักมากกว่า


“เป็นนายแบบให้ผมไง ผมเรียนเกี่ยวกับถ่ายภาพแล้วปีนี้ก็มีโปรเจคพอเห็นพี่เรนก็เลยอยากให้พี่มาเป็นนายแบบให้” ผมพูดอธิบาย เหลือบมองพวกสาวๆ องครักษ์พี่เรนไปด้วยพวกพี่เขามองผมอย่างคนกำลังจับผิดจนผมนี่ได้แต่เหงื่อตก


แต่ผมก็อยากให้พี่เรนมาเป็นนายแบบจริงๆ นะ แต่ว่าอยากเอามันมาเป็นข้ออ้างเข้าหาพี่เรนมากกว่า


ส่วนคนที่ถูกผมทาบทามให้มาเป็นนายแบบก็ส่ายหน้ารัวๆ จนผมอยากจะยื่นมือไปจับหน้านั้นเอาไว้เพราะกลัวว่าจะเวียนหัวไปเสียก่อน


หมับ!


แล้วคือมันไม่ใช่แค่คิดไง ไอ้มือไม่รักดีมันก็ยื่นไปหาพี่เรนแต่ยังไม่ทันจะถึงก็โดนพี่ใบหม่อนกับพี่สาคว้าแขนเอาไว้คนละข้างจนผมได้แต่ลดมือลงช้าๆ แล้วกลับมานั่งอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวเหมือนเดิม


คิดจะรักเจ้าหญิงของกลุ่มนี่ไม่ง่ายเลยแหะ


“ไม่ลองดูหน่อยเหรอครับพี่เรน นะ... ช่วยผมหน่อยนะ” ผมอ้อน แต่คนตรงหน้าผมก็ยังส่ายหน้าไปมาไม่หยุด


“อย่างพี่ไม่เหมาะกับเป็นนายแบบหรอก”


“ถ้าช่างภาพว่าเหมาะก็แสดงว่าเหมาะนะครับ” ผมบอกแต่คราวนี้พี่เรนคนน่ารักของผมใจแข็งไม่ใช่เล่นแหะ ไม่เป็นไร...


“อย่างนั้นเดี๋ยวผมจีบพี่จนพี่ยอมเองก็ได้”





************************************************
มาแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้มาอัพ มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อยค่ะยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ

กลับมาที่เนื้อหาค่ะ เหมือนจะมีเรื่องแต่ก็ไม่มีค่ะ พวกพี่ตินาเขาก็เข้าใจว่าน้องกายไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องคือเอาจริงๆ ก็ไม่ใความผิดของน้องอะเนอะ ส่วนพี่เรนนี่ก็ไม่สนใจจ้า บทพี่แกจะเอ๋อก็เอ๋อซะน่าเอ็นดู พอบทจะเป็นผู้ใหญ่ก็ทำเอาน้องกายเราใจเต้นตึกตักๆ เลยทีเดียว แล้วดูสิ ดู ดู๊ ดู ดูน้องพูด แหม... จะจีบเขาจนกว่าพี่เขาจะยอม จีบอะไรบอกให้กระจ่างนิดนึงจะจีบพี่เขามาเป็นนายแบบ หรือจะจีบพี่เขามาเป็นเมีย เอ๊ย! มาเป็นแฟนกันแน่

ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ

อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^

สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi

สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC

เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)

รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เรนน่ารักกกกก ดูมึนๆดี 55555 กายจะจีบเจ้าหญิงของกลุ่มก็ต้องสตรองหน่อยนะ เอิ้กๆ สู้!!

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พี่เรนจะน่ารักไปไหนเนี่ย กายจ๊ะถ้าจะจีบพี่เรนนี่ท่าจะยากซักแล้วองครักษ์การ์ดหนาแน่นซักขนาดนี้ ทางที่ดีต้องให้เพื่อนๆ พี่เรนเห็นชอบด้วยเนี่ยจีบง่ายขึ้นชัวร์

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
พี่เรนน่ารัก น้องกายสู้ๆ

ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12


คนอะไร... ทำหน้าเอ๋อก็ยังน่ารัก
kamin

say-hi ในทวิตเตอร์ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะค




โชคครั้งที่ • 5 •




น้องกาย




“ไหนใครมีความคืบหน้าของงานมาพูดบ้าง โปรเจคไปถึงไหนกันแล้วมีใครได้ลองถ่ายรูปบ้างหรือยัง ถ้ามีเอามาให้ผมดูก่อนก็ได้นะ จะได้รู้ว่าจะควรถ่ายใหม่ดีหรือเปล่า” เสียงของอาจารย์ธีร์ดังขึ้นในห้องแลคเชอร์ ในห้องกว้างๆ นี้ก็มีแค่สิบเอ็ดคนรวมอาจารย์ด้วยแล้วนะครับ จบแลคเชอร์ไปแล้วตอนนี้ทุกคนก็แยะย้ายไปหาอาจารย์ที่ปรึกษากันแล้ว ส่วนกลุ่มของพวกผมก็ยังคงยึดห้องแลคเชอร์เป็นที่พักพิงต่อ



พวกผมทั้งสิบคนหันมองหน้ากันเล็กน้อยเหมือนกำลังลองเชิงกันอยู่ว่าใครจะออกไปคนแรก แต่ทุกคนก็ยังนิ่ง คือไม่รู้ว่าไม่มีงานอะไรเลยหรือรอดูเพื่อนก่อนกันแน่



มาแล้วๆๆๆ หน่วยกล้าตายของกลุ่ม ไอ้ไม้ครับแม่งลุกเดินไปหาอาจารย์คนแรกเลย



“เอาว่าไง... ความอยู่รอด” อาจารย์ธีร์ทักมัน ยังจำกันได้ใช่ไหมครับคอนเซ็ปของไอ้ไม้คือ ความอยู่รอด ที่คราวก่อนนู้นแม่งขนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาเต็มกระเป๋า ผมอยากจะรู้จริงๆ คราวนี้มันจะขนอะไรมาอีก “ยังเอาคอนเซ็ปเดิมอยู่หรือเปล่า”



อะแฮ่ม!



ไอ้ไม้กระแอมในลำคอก่อนจะทำหน้าจริงจังจนพวกผมมองอย่างตื่นเต้น มันน่าตื่นเต้นนะครับตอนที่ได้เห็นเพื่อนแต่ละคนแสดงความคิดเห็นหรือเสนอคอนเซ็ปในการถ่ายภาพ เหมือนกับเป็นการเปิดโลกใหม่เรื่อยๆ เพราะบางเรื่องแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่เราก็มองข้าม หรือบางทีแค่ภาพที่คนทั่วไปมองว่าธรรมดาๆ แต่สำหรับคนถ่ายมันมีความหมายมากมายอยู่ในนั้น



“ครับ ผมยังใช้คอนเซ็ปเดิมคือความอยู่รอด” ไอ้ไม้เริ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจังจนอาจารย์ธีร์ยังทำหน้าจริงจังตามไปด้วย



“แต่อาจารย์ครับ... ชีวิตผมทั้งชีวิตที่ผ่านมาผมสามารถมีชีวิตรอดด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผมไม่รู้จริงๆ ถ้าไม่ได้มันผมจะอยู่ยังไง ฮือออออออออออ”



“ไอ้สลัด!!!”



พอไอ้ไม้พูดโอดครวญพร้อมกับเลื้อยตัวไปบนโต๊ะแล้วทำเสียงเหมือนคนร้องไห้ พวกผมก็พร้อมใจกันด่ามันเป็นเสียงเดียวกัน คือถ้าเห็นไม่ผิดอาจารย์ธีร์ก็อ้าปากด่าแต่แบบไม่ออกเสียง โว๊ะ! ไอ้นี่แม่งชอบทำเป็นเข้มสุดท้ายก็เหลวเป็นน้ำตลอด



อาจารย์ธีร์เลยจัดการโบกมือไล่มันให้กลับมานั่งที เพื่อนคนอื่นๆ ก็เลยเข้าไปคุยกับอาจารย์แทน ไม่รู้ทำไมผมชอบคุยเป็นคนสุดท้าย ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะถ้าเป็นคนสุดท้ายก็จะไม่มีคนคอยรอต่อให้ต้องเกรงใจ แต่เหตุผลสำคัญคือกว่าจะถึงคนสุดท้ายเนี่ย... อาจารย์ต้องพูด ต้องคิด ต้องแนะนำมาเพียบแล้วไง จนหมดแรงไม่จี้เอาอะไรกับผมมาก ฮ่าๆๆ ผมล้อเล่น!



“เออไอ้กาย ตกลงเรื่องพี่ฝนมึงว่ายังไงบ้างวะ แล้วก็เรื่องรูปอีก” ไอ้เกลียวหันมาถามผม มันเพิ่งไปคุยกับอาจารย์มาเสร็จครับ ตอนนี้เป็นเพื่อนจากอีกกลุ่มไปคุยแทน



“พี่เรนเขาไม่แคร์ว่ะ เขาบอกใครจะคิดจะพูดยังไงก็เรื่องของเขา ความจริงเป็นยังไงเรารู้ดีอยู่แก่ใจ พวกพี่ตินาก็ไม่โกรธกูนะ แต่แค้นพวกที่มาด่าพี่เรนน่าดู” ผมตอบมันไป “ส่วนเรื่องรูปกูก็ส่งข้อความไปบอกให้แอดมินเพจลบให้แล้ว”



“ตกลงมึงรู้ยังใครเป็นคนปล่อยรูปมึงออกมา” ไอ้เป้ชะโงกหน้ามาถามผม



“กูรู้แล้ว รุ้งเป็นคนปล่อย”



“รุ้ง?” พวกมันทวนคำพร้อมกันก่อนที่ไอ้แม็คจะถามออกมาอย่างไม่แน่ใจว่ามันเข้าใจถูกหรือเปล่า “รุ้งดาวคณะบัญชีที่ตามจีบมึงตั้งแต่ปีหนึ่งอะนะ”



ผมพยักหน้ารับ “เออ รุ้งนั่นแหละ รุ้งบอกบังเอิญเห็นก็เลยถ่ายมาลง ไม่ได้คิดว่าจะมีคนมาด่า แค่เห็นกูกับพี่เรนสนิทสนมกันดี”



“ไม่ได้ตั้งใจ?” ไอ้เป้พูด “นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะ มึงเชื่อเออวะ”



ไอ้เป้มันไม่ชอบรุ้งครับ... รุ้งเธออยู่รุ่นเดียวกับผมนี่แหละเป็นดาวคณะบัญชีแบบที่ไอ้แม็คพูด เธอตามจีบผมตั้งแต่วันปฐมนิเทศ คือเป็นผู้หญิงที่กล้ามากเดินดุ่มๆ เข้ามาหาผมแล้วก็บอกจะจีบขอเบอร์หน่อย แต่ผมก็ไม่ได้ชอบอะไรครับ



ตอนแรกยังแอบคิดว่าไอ้เป้มันเคยไปตามจีบรุ้งแล้วโดนปฏิเสธมาหรือถึงได้ตั้งแง่กับเธอ แต่มันบอกว่ารุ้งต่อหน้าทำเป็นผู้หญิงใสๆ น่ารัก แต่ลับลองแล้วไม่ใช่ เหมือนจะนินทาผู้หญิงแต่เล่าแล้วก็มันปากหยุดไม่ได้ขอเล่าต่ออีกหน่อยแล้วกันครับ ไอ้เป้มันเคยบอกว่ามันเคยไปเจอรุ้งนอกมหา’ลัย บอกว่าเธอนี่เด็กเสี่ยดีๆ นี่เองครับ มันไปเห็นตอนกำลังอ้อนเสี่ยอยู่เลย



เห็นไอ้เป้กวนตีน ปากหมา แซวสาวไม่เลือก ขี้เสือกไปนิด ขี้เกียจไปหน่อย แต่จริงๆ แล้วมันหัวโบราณนิดๆ นะ มันไม่ชอบผู้หญิงที่กล้าเกินไป แบบเข้ามาจีบผู้ชายก่อน หรือเห็นว่าเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีกับใครก็ได้ มันเคยบอกว่า



‘ถึงบางครั้งกูจะเล่นสนุก แต่กูก็อยากได้ผู้หญิงที่ดีเป็นแม่ของลูกนะมึง ในอนาคตกูจะได้อวดลูกได้ว่าแม่เป็นคนที่ดีที่สุด’



แม่งหล่อขึ้นมาทันที...



อ้าว... นอกเรื่องแล้ว กลับเข้าเรื่องเดิมต่อ ถึงไหนแล้วนะ... อ๋อ! เรื่องรุ้ง ก็นั่นแหละครับ รุ้งเธอมาจีบผมแต่ผมไม่ได้ชอบไม่ได้สนใจ พอหนักๆ เข้าผมก็เลยบอกไปตรงๆ ว่าไม่ได้ชอบ เป็นเพื่อนกันดีกว่าอย่างน้อยจะได้มองหน้าติด เธอก็โอเคนะครับ แล้วเราก็แยกย้ายกันด้วยดี



ส่วนเรื่องรูปแอดมินที่ดูแลเพจแฟนคลับของผม (ไม่ค่อยอยากจะพูดเลยเหมือนอวยตัวเองยังไงก็ไม่รู้ แต่ทำยังไงได้อะครับ คนมันร้อน... / ฮอตไอ้สลัด!) บอกว่าในเพจมีแอดมินหลายคนซึ่งรุ้งก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย คนปล่อยรูปก็รุ้งนั่นแหละครับ เห็นว่าเธอบังเอิญไปเจอผมกับพี่เรนก็เลยถ่ายรูปมาลง



พอผมไปถามก็บอกว่าไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้แล้วก็ขอโทษผม ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเธอตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจแต่ในเมื่อขอโทษแล้วก็ลบรูปให้แล้วผมก็เลยปล่อยให้มันจบๆ ไป ไม่รู้จะต่อความให้มันยาวไปอีกทำไม



“คามิน... มาเลยเหลือคนสุดท้ายแล้ว” เสียงของอาจารย์ธีร์ปลุกให้ผมหลุดออกจากความคิด ผมหันไปมองอาจารย์อย่างงงๆ แล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเป็นเชิงถามว่าตาผมแล้วเหรอ “ใช่ ตาคุณแล้ว มาเร็วเข้าจะได้ปล่อยสักที ผมชักจะง่วงแล้ว”



“คร้าบๆ” ผมเลยลุกเดินไปนั่งคุยกับอาจารย์ แต่... จะเอาอะไรคุยดีละ



“มีไรมาคุยบ้าง ไปถึงไหนแล้วโปรเจค”



ผมได้แต่ยกมือเกาหัว คือมันไม่กระเตื้องเลยอะครับ “แหะๆๆ”



พอผมหัวเราะแบบนั้นก็เหมือนอาจารย์ธีร์จะรู้ว่าหมายถึงอะไร อาจารย์ถึงได้ส่ายหน้าแต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร “ยัง ‘จีบฝนของคุณ’ ไม่ติดอีกหรือไง”



“โหยยยยย อาจารย์คร้าบ เพิ่งผ่านไปทิตย์สองทิตย์เองใครจะจีบติดได้ง่ายๆ กันละครับ”



“แล้วถ้าจีบติดไม่ทันวันส่งไฟนอลขึ้นมาจะทำยังไง คิดคอนเซ็ปอื่นรองรับเอาไว้หรือยัง” อาจารย์ธีร์กอดอกถาม



“ระดับนายคามิน ไม่มีคำว่า ‘จีบไม่ติด’ แน่นอนครับ ยังไงไฟนอลโปรเจคผมอาจารย์จะต้องได้เห็น 비 (บิ) แน่นอนครับ” ผมพูดอย่างมั่นใจ ไม่ว่ายังไงผมจะต้องจีบพี่เรนให้ติด ทั้งติดมาเป็นนายแบบแล้วก็มาเป็นเมีย เอ๊ย! มาเป็นแฟนให้ได้



“โอเค สรุปว่าวันนี้... ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติมสินะ เรื่องโปรเจคก็ลองกลับไปคิดเพิ่มเติมดูผมว่าคอนเซ็ปของพวกคุณแต่ละคนน่าสนใจมากเลยทีเดียว แต่สิ่งที่สำคัญคือคุณจะสื่อมันออกมายังไง ภาพตัวอย่างที่ถ่ายมาผมว่า... มันยังไม่โดนใจเท่าไหร่ ยังไงลองกลับไปคิดกันดูนะ อย่างนั้น... วันนี้ก็แค่นี้แหละ แยกย้ายกันได้ทุกคน” อาจารย์ธีร์พูดสรุปอีกรอบก่อนจะปล่อยพวกผมให้แยกย้าย



พวกผมทั้งห้าคนเดินไปที่โรงอาหารของคณะทันที ก็ยังไม่หิวเท่าไหร่หรอกครับแต่ไม่รู้ทำไมว่างเป็นต้องเข้าโรงอาหารคณะ ไม่ก็ไปนั่งแซวสาวๆ หน้าตึกยิ่งเวลาสาวๆ คณะอักษร คณะศิลปะศาสตร์เดินผ่านนะ อือหือ... ไม่อยากจะพูด แต่ละคนอย่างกับคัดหน้าตาจะเอาเข้าประกวดมิสไทยแลนด์



อ๊ะๆ แต่ผมไม่ได้แซวสาวๆ นะครับ ผมไม่สนใจสาวสวยหรือหนุ่มน่ารักที่ไหนอีกแล้ว เพราะในใจของ กาย คามิน มีแค่พี่เรน รามิลคนเดียวเท่านั้น



โอ๊ย นึกถึงชื่อพี่เรนแล้วมันช่างเพราะจริงๆ เราสองคนต้องเป็นเนื้อคู่กันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแน่นอน



“มึงๆๆ พวกมึงว่าถ้ากูถ่ายภาพขั้นตอนการทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปะทังชีวิต มันจะสื่อถึงความอยู่รอดไหวมะ” ไอ้ไม้พูดขึ้นกลางโต๊ะ ตอนนี้มันขนซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมาเรียงบนโต๊ะครับ แล้วก็แกะที่ละซอง



“เอ่อ! มึงถ่ายหน้ามึงติดไปด้วยนะ แบบตอนที่เห็นบะหมี่แล้วเหมือนได้ขึ้นสวรรค์อะมึงแบบนั้นอะ” ไอ้แม็คมันประชดครับ แต่เหมือนไอ้ไม้จะซื่อ(?) หรือไม่มันก็แกล้งโง่เพราะมันหันมามองไอ้แม็คอย่างซาบซึ้งในบุญคุณ



“ไอ้แม็ค!!! มึง... มึงคือสวรรค์ส่งมาโปรดกูชัดๆ เลย กูถ่ายแบบที่มึงว่าดีกว่าว่ะ ‘จารย์ไม่ได้ห้ามถ่ายหน้าตัวเองนี่หว่า แล้วก็นะมึงๆ กูจะโฟกัสควันที่ลอยขึ้นจากชาม อือหือ! แม่ต้องดีมากแน่ๆ เลยว่ะ” ไอ้ไม้ว่าพร้อมกับตบไหล่ไอ้แม็คไม่หยุด



“เอ่อๆ เอาที่มึงสบายใจเถอะไอ้ห่า” ไอ้แม็คด่าเข้าให้ พวกผมเลยได้แต่หัวเราะกับท่าทางของไอ้ไม้ ดูท่ามันอยากได้คอนเซ็ปนี้จริงๆ นะครับ แต่... เอาแบบนี้มันจะดีจริงเหรอ



แต่ก็ช่างเถอะครับ ถ้าสามารถสื่อสารออกมาให้คนรับรู้ได้ ต่อให้ถ่ายแค่ก้อนหินก้อนเดียวก็มีสิทธิได้เกรด A ไปครอบครองครับ ไม่แน่คอนเซ็ปของไอ้ไม้อาจจะเวิร์กก็ได้ใครจะไปรู้ ฮ่าๆๆๆๆ



“แล้วมึงอะไอ้กาย ตอนนี้งานมึงนี่ช้าสุดแล้วนะโว้ย” ไอ้เป้หันมาคุยกับผม



จริงอย่างที่ไอ้เป้มันพูดครับ ถึงแม้จะผ่านมาได้แค่สองอาทิตย์แต่ผมเป็นคนเดียวที่งานยังไม่ขยับไปไหนเลย ก็แน่ละจีบพี่เรนยังไม่ติดไม่ต้องว่าถึงเรื่องงานเลยครับ ไฟนอลเหมือนจะอีกนานใช่ไหม แต่อีกสองอาทิตย์จะมีพรีเซ็นครั้งแรกครับ แล้วถ้าผมไม่มีอะไรไปพรีเซ็นเลยผมนี่ตายแน่ๆ ซวยแน่นอนล้านเปอร์เซ็น



“กูกำลังคิดแผนอยู่ว่ะว่าจะทำยังไงให้พี่เรนยอมตกลงมาเป็นแบบให้กู” ผมตอบ ตั้งแต่วันที่บอกพี่เรนไปว่าจะจีบผมก็คิดมาตลอดว่าจะทำยังไงดี



“กูว่านะ มึงคุยให้พี่เรนมาช่วยงานมึงก่อนดีกว่าไหมวะ ไอ้เรื่องจีบเป็นเมียเป็นแฟนอะไรนั่นเดี๋ยวมันก็เป็นผลพลอยได้ตามมาเองแหละ” ไอ้เกลียวพูด ตอนนี้มันแย่งซองมาม่ารสต้มยำกุ้งของไอ้ไม้ไปนั่งกินละครับ ไอ้ห่า... มาม่าดิบ



แต่ผมก็ชอบกินนะ ตอนเด็กๆ ช้างน้อยนี่ซื้อมาเป็นสิบซองนั่งกินมันปากเลยละครับ



“กูก็คิดแบบนั้น แต่กูก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้พี่เรนมาช่วยดี วันนั้นกูชวนเขาแล้วนะแต่เขาก็ไม่ยอมมาว่ะ แต่เวลาเห็นพี่ตินาชวนถ่ายรูปก็ถ่ายดีนี่หว่า” ผมนั่งนึก เห็นในเฟสพี่ตินาลงรูปกับพี่เรนโคตรบ่อย บางรูปเป็นภาพเดี่ยวพี่เรนด้วยนะ



“เพราะมึงยังไม่สนิทป่าววะ” ไอ้ไม้พูดมันหันไปแย่งซองมาม่าจากไอ้เกลียวมากรอกปากตัวเอง “แบบอยู่ๆ ใครที่ไหนก็ไม่รู้ว่าขอให้เป็นแบบมึงจะไปเป็นออวะ”



“เป็นนะ พอดีกูหล่อมีคนมาขอบ่อย”



ผลัวะ!!



ไอ้สลัดผัก!!!



ผมมองหน้าพวกมันอย่างเคืองๆ แม่งเล่นประเคนฝ่ามือใส่หัวผมแบบพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย ไอ้ห่าหัวกูก็มีแค่นี้แม่งแบ่งกันยังไงถึงตบได้ทุกคนวะ



“ไอ้หรรมหด กูไม่ช่วยมึงละ”



“โอ๋ๆ กูแค่พูดความจริง เอ๊ย กูแค่ล้อเล่นเอง ไหนมึงว่าต่อสิไอ้ไม้”



“ไอ้ห่า...” ไอ้ไม้ด่าผมอีกรอบก่อนมันจะยอมพูดต่อ “ก็นั่นแหละถ้าคนปกติทั่วไปส่วนใหญ่เขาก็คงรู้สึกแปลกๆ ใช่มะที่โดนขอให้ช่วยเป็นนายแบบให้หน่อย แต่กับพวกพี่ตินาอะเขาเป็นเพื่อนไงมึง พอขอพี่เรนก็เลยให้ถ่าย เพราะฉะนั้น...”



“กูต้องเข้าไปสนิทสนมกับพี่เรนให้ได้ก่อนสินะ” ผมพูดต่อ



“ถ... ถูก ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบบบ” ไอ้ไม้ยกนิ้วชี้มาทางผมก่อนจะร้องเสียงดัง ไอ้สลัด อายคนอื่นเขาไหม



เพื่อนคนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ไม้พูด ก็จริงของมันนะครับ ก่อนอื่นผมต้องเอาตัวเข้าแลก เอ๊ย! ไม่ใช่ เอาตัวเองเข้าไปสนิทกับพี่เรนในระดับที่เขาจะยอมทำตามในสิ่งที่ผมขอก่อน



“แต่กูว่านะ... เอาตัวไปสนิทกับพี่เรน แม่งยากยิ่งกว่าอะไรในโลก องครักษ์พี่เขาเพียบขนาดนั้นมึงจะฝ่าด่านพวกพี่ตินาเข้าไปยังไงวะ” ไอ้เกลียวพูด



ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างคิดไม่ตก



พวกพี่ตินาถึงปากจะบอกว่ายอมให้ผมเดินหน้าจีบพี่เรนถ้าผมชอบจริงๆ แต่ในใจก็คงไม่ได้คิดแบบนั้น ผมรู้ว่าพี่เขาไม่ได้จะปิดกลั้นหรือไล่ผมแต่คงเพราะอยากให้แน่ใจว่าผมชอบพี่เรนจริงๆ ถึงได้ยังคอยกันท่าบ่อยๆ อีกอย่างผมเองก็เพิ่งจะเข้าไปรู้จักกับพี่เขาได้ไม่ถึงเดือนจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่พี่เขาจะยังไม่ไว้ใจ



เฮ้อ...



ดูท่าการฝ่าด่านพวกพี่ตินาจะยากกว่าการทำให้พี่เรนตอบรับคำมาเป็นนายแบบให้ผมแหะ...





************************************************
สวัสดีตอนเย็นค่ะทุกคนนนนน ฟางอัพน้องกายให้อ่านกันแล้วค่ะ คิดถึงน้องกันไหม??? เหมือนจะไม่มีอะไรเลยอะ มีแต่หน่องกายและพองเพื่อนที่มาสร้างสีสันให้งดงาม(?)ค่ะ 555555

จริงอย่างที่น้องว่านะคะ การจะฝ่าองครักษ์อย่างพวกพี่ตินาเข้าไปได้มันไม่ใช่ง่ายๆ เลยแล้วน้องกายจะทำยังไงละเนี่ยถึงจะผ่านด่านสาวๆ ไปหาตัวเจ้าหญิง(?)ของกลุ่มได้ ฝ่าด่านก็ยากแสนยากไหนจะมีเวลาจำกัดที่จะใกล้พรีเซนในอีกสองอาทิตย์อีก แล้วๆๆๆๆๆ น้องกายจะทำยังไงงงงงงงงงงงงงง อย่าลืมเอาใจช่วยน้องกันด้วยนะคะ จุ๊บๆ

ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ

อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^

สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi

สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC

เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)

รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ


ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
ทำไมภึงน่ารักได้ขนาดนี้~

ออฟไลน์ เปาเปา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบอ่าาา อ่านแล้วมีความสุข ปากงี้บานจะถึงหูละ
อย่าหายไปนานนะคะ รอค่ะ :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12


คนอะไร... ทำหน้าเอ๋อก็ยังน่ารัก
kamin

say-hi ในทวิตเตอร์ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะค




โชคครั้งที่ • 5.2 •




• • • ต่อค่ะ 100% • • •




“พี่เรน~ สวัสดีครับ” ผมยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้าไปทักคนที่กำลังยืนหันซ้ายหันขวาอยู่บนบีทีเอส แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นพี่เขา ว่าแต่… พวกพี่ตินาไปไหนนะถึงได้ปล่อยให้คนหลงทางเป็นอาชีพอย่างพี่เรนมายืนหมุนอยู่บนบีทีเอส



“อ่า… กาย” พี่เรนเอียงคอมองผมเหมือนจะนึกว่าผมเป็นใครมาจากไหนพอนึกได้ก็ร้องออกมาก่อนจะเรียกชื่อผม



ผมได้แต่ยิ้มกับท่าทางที่น่าเอ็นดูของพี่เขา “ทำไมอยู่คนเดียวละครับ พวกพี่ตินา พี่ใบหม่อนไปไหนหมดแล้ว”



“วันนี้ไม่มีเรียนพวกนั้นก็เลยไม่ได้มา” พี่เรนต่อ และนั่นก็ทำให้ผมสังเกตว่าพี่เรนไม่ได้อยู่ในชุดนักศึกษา แต่อยู่ในชุดธรรมดาอย่างเสื้อสีเทาแขนยาวแถมยังเอาฮูดมาคลุมหัวเอาไว้อีกต่างหาก กางเกงวอร์มขายาวสีดำ แว่นตาอันกลมใหญ่ๆ ก็ยังอยู่บนหน้า



ถ้าเป็นคนอื่นใส่ผมคงเบ้หน้าเข้าให้พร้อมกับแนะนำให้ไปศึกษาแฟชั่นเสียบ้าง แต่พอเป็นคนนี้ใส่… จะแต่งยังไงก็น่ารักอ่ะ!



“แล้วพี่กำลังจะไปไหนครับ” ผมถามต่อ ไม่ใช่อะไรนะผมกลัวว่าพี่เขาจะไปหลงทางที่ไหนก็แค่นั้นเอง ไม่ได้อยากรู้ ไม่ได้จะตามไปเลย



ก็คิดดูสิ แค่ยืนอยู่บนบีทีเอสผมก็เห็นแววคนหลงทางลอยมาจากพี่เรนแล้วเนี่ย ดีไม่ดีเดี๋ยวได้ขึ้นบีทีเอสผิดฝั่งกันพอดี



“จะไปห้าง พี่จะไปซื้อสีเพิ่มอะ” พี่เรนตอบ



ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะยิ้มออกมา “อย่างนั้นผมไปด้วยได้ไหม ผมก็กำลังจะไปห้างพอดีว่าจะไปดูอุปกรณ์กล้องเสียหน่อย”



สาบานได้เลยว่าผมไม่ได้จะตามหรือเกาะติดพี่เรนนะ ก็แค่เป็นห่วงแล้วอีกอย่างเห็นว่าไปที่เดียวกันไปทางเดียวกันอยู่แล้วไปด้วยกันก็ช่วยโลกประหยัดได้กว่านะ (ได้ข่าวว่าไปบีทีเอส...)



พอพี่เรนได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับทันที “เอาสิ อย่างน้อยถ้าตินารู้พี่จะได้ไม่โดนดุ พวกตินาชอบดุเวลาพี่ไปไหนมาไหนคนเดียว ก็ไม่ได้หลงทางเก่งขนาดนั้นสักหน่อย” คนน่ารักพูดก่อนจะยู่ปากเหมือนกำลังงอนๆ ตอนที่พูดถึงพี่ตินา



เฮ้อ... เห็นแล้วหัวใจมันกระชุ่มกระชวยมีความสุข



ไปเที่ยวห้างกับพี่เรนสองคน ไปช่วยพี่เรนซื้อสี ชวนพี่เรนไปดูกระเป๋ากล้อง แล้วชวนไปหาอะไรกิน โอ๊ย! นี่มันเดทชัดๆ



คิดแล้วน้องกายชักเขินจะได้ไปเดทกับพี่เรน ><




แต่ไม่ได้ๆ เราต้องเก็บอาการจะกระโตกกระตากไม่ได้หรอก ต้องทำเป็นขรึมเข้าไว้ไอ้กาย ทำเป็นขรึมแต่ไอ้เชี่ยเอ๊ย! ปากมันชอบจะยกยิ้มอยู่เลย



“อย่างนั้นเราไปกันดีกว่าเนอะ ปะ!” พี่เรนยิ้มกว้าง ดันแว่นตากลมๆ ให้กลับเข้าที่ก่อนจะเดินนำผมออกไป



หมับ!



“นั่นไปทางแบริ่ง ต้องขึ้นฝั่งนี้ครับ” ผมคว้าข้อมือของพี่เรนเมื่อเจ้าตัวตั้งหน้าตั้งตาเดินจะไปขึ้นบนไดไปรอรถไฟฟ้าแต่ทางที่กำลังจะขึ้นไปน่ะ เป็นทางไปแบริ่ง จะไปสยามมันต้องไปอีกทางสิ



ให้ตายเถอะ... ถ้าปล่อยไปคนเดียวคืนนี้จะกลับถึงหอไหมเนี่ย



“อ้าวเหรอ... แหะๆ เดินผิดทาง”



ผมได้แต่ส่ายหน้าที่บนหน้ายังคงมีรอยยิ้มเมื่อได้เห็นคำแก้ตัวของคนชอบหลงทาง พี่เรนยกมืออีกข้างที่ไม่ได้โดนผมจับขึ้นเกาแก้มตัวเองอย่างจะแก้เก้อ เห็นแล้วอยากจะยื่นมือไปจิ้มแก้มบ้างแหะ คงจะนิ่มน่าดูเลย แต่มือพี่เรนที่ผมจับอยู่ก็นิ่มเหมือนกันอย่างนั้นก็...



ขออนุญาตจับมือนะครับ ไม่ได้จะแต๊ะอั๋งแต่กลัวพี่เรนหลงทางเท่านั้นเอง



พี่เรนก็ดี๊ดี... ไม่ดึงมือออกด้วยแบบนี้ก็สบายน้องกายสิครับ เอ๊ย ไม่ดิ เราไม่ได้จะแต๊ะอั๋งเพราะฉะนั้นคิดแบบนี้ไม่ได้ พี่เรนไม่ดึงมือออกก็คงกลัวจะหลงเหมือนกัน นั่นแหละ คิดแบบนั้นแหละดีแล้ว



ผมให้พี่เรนยืนต่อแถวรอเข้ารถไฟฟ้าอยู่หน้าผม ปล่อยให้พี่เขาเดินเข้าไปในรถก่อนก่อนจะจับไหล่แล้วดันให้เดินเข้าไปยืนริมประตูฝั่งตรงข้าม ให้พี่เรนยืนชิดริมประตูส่วนผมยืนข้างๆ กันคนอื่นมาเบียด สุภาพบุรุษแท้ๆ ไอ้กาย



“จะไปซื้ออะไรเหรอ” ผมที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ สะดุ้งนิดๆ เมื่อได้ยินเสียงพี่เรนพร้อมกับแรงดึงที่แขนเสื้อ



“อ๋อ... ผมจะไปดูกระเป๋ากล้องครับ พี่เรนไปด้วยกันนะเดี๋ยวผมไปซื้อสีเป็นเพื่อนแล้วเดี๋ยวไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วค่อยกลับหอเนอะ” ผมพูด ไม่ถามหรอกครับว่าพี่เขาจะไปไหม หรือจะให้ผมไปด้วยไหม มัดมือชกแบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว



อีกอย่างถ้าหากผมปล่อยพี่เรนไปคนเดียวแล้วพวกพี่ตินามารู้ทีหลังว่ามาด้วยกันแต่ผมปล่อยให้พี่เรนเดินคนเดียวแล้วหลงทางขึ้นมาผมอาจจะไม่มีโอกาสได้เดินเที่ยวกับพี่เรนอีกเลยก็ได้ และอาจจะต้องรอชาติหน้าเลยถึงจะได้เดินเที่ยวกับพี่เขาอีก



พี่เรนที่ดูเหมือนจะตามที่ผมพูดไม่ทันก็ได้แต่พยักหน้ารับ เหมือนคนเอ๋อเลยให้ตายสิ อยากจะบีบแก้มขาวๆ นั้นชะมัดเลย



“พี่เรนสายตาสั้นเหรอครับ” ผมถามพลางยื่นมือไปจับขาแว่นของเขาให้คนถูกถามพยักหน้ารับหงึกหงัก “สั้นเท่าไหร่ครับ สั้นมากเลยเหรอ”



“ก็...สักสี่ร้อยได้ ถ้าไม่ใส่แว่นก็ต้องใกล้มากๆ ถึงจะเห็น”



“แล้วทำไมไม่ใส่คอนแทคเลนส์ละครับ” ผมถาม มือสองข้างถือวิสาสะเอื้อมไปถอดแว่นตากลมๆ ของพี่เรนออก



กึก!



ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นเวลาพี่เรนถอดแว่น แต่ระยะที่เห็นมันห่างกันหลายเมตรแต่ตอนนี้ระยะห่างมันเพียงแค่ไม่กี่คืบ ดวงตากลมโตอย่างกับตากวางที่มองมาทางผมนั้นหรี่ลงไม่ใช่ว่าไม่พอใจแต่เหมือนพยายามหรี่ตาเพื่อที่จะได้เห็นผมชัดๆ



ใบหน้าน่ารักที่ไม่มีแว่นตามาบดบังทำให้ความน่ารักมันเด่นชัดมาก ทั้งจมูกโด่งๆ ริมฝีปากสีแดงแบบไม่ได้แต่งเติมนั่นอีก คนบ้าอะไรทำไมน่ารักขนาดนี้วะ



แล้วถ้าหูผมไม่ฝาดเหมือนจะได้ยินสาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันเบาๆ ตอนที่ผมถอดแว่นพี่เรนออก สงสัยจะกรี๊ดเรื่องหน้าตาพี่เรน



“พี่รู้สึกแปลกๆ อีกอย่างรู้สึกไม่มั่นใจเท่าไหร่”



“เห็นผมชัดไหม” ผมถาม คนตรงหน้าส่ายหน้าไปมาเป็นการตอบ ผมจึงเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกแทบจะชนกันก่อนจะถามอีกรอบ “เห็นผมชัดไหม...”



ไอ้เหี้ย... เสียงสั่น ตื่นเต้นชิบหาย เห็นทำเป็นนิ่งแกล้งแหย่เขาเล่นแต่ในอกที่อย่างกับมีคนมาตีกลองรัวๆ หัวใจเต้นหนักและแรงมากจริงๆ ครับ



“อ...อือ” พี่เรนตอบเบาๆ ทำไมเหมือนเห็นแก้มขาวๆ นั้นแดงหน่อยๆ นะ



สถานีต่อไป... สยาม... ประตูรถจะเปิดทางด้านขวา Next station… Siam…



เสียงประกาศถึงสถานีต่อไปที่เราจะลงดังขึ้นให้ผมชะงักแล้วขยับตัวถอยออกมาพร้อมกับสวมแว่นคืนให้พี่เรน นึกตำหนิตัวเองในใจที่เผลอตัวเข้าไปใกล้ขนาดนั้น ผมกับพี่เรนยังไม่ได้สนิทกันขนาดจะใกล้ชิดกัน



“ขอโทษนะครับเมื่อกี้ที่ผม... ดึงแว่นออก”



“ไม่เป็นไรหรอก” แต่พี่เรนก็ยังคงเป็นพี่เรน ที่ไม่นึกถือโทษโกรธผม พอเห็นแบบนั้นผมก็ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของพี่เรนเอาไว้อีกรอบแล้วพาเดินออกจากรถไฟฟ้าด้วยกัน



“พี่เรนเป็นคนหน้าตาดีนะ รับรองได้เลยว่าถ้าถอดแว่นออกมีคนมาชอบเยอะแน่นอน” ผมหันไปพูดกับคนที่เดินอยู่ข้างๆ



“ฮื่อ... ไม่จริงหรอก หน้าตาดีต้องอย่างกายสิ สาวๆ ติดเยอะแน่เลยสินะ” คนข้างๆ ส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูด เห็นแล้วอยากจะเอื้อมมือไปดึงมากอดแล้วกดจูบจริงๆ น่ารักว่ะ น่ารัก น่ารัก น่ารัก



“ผมอยากโฟกัสที่งานมากกว่าครับ” ผมพูดกลั้วเสียงหัวเราะ ยืมคำพูดที่ดาราเขาชอบใช้กันมาพูด จนพี่เรนเองก็หัวเราะตาม



ก็จริงนะ... อยากโฟกัสที่งานมากกว่า เพราะคนที่รักอะมีอยู่แล้ว เดินข้างๆ กันนี่ไง แต่นั่นก็เป็นประโยคที่ได้แต่คิดในใจ ไม่ได้พูดออกไป



ผมพาพี่เรนไปเลือกซื้อสีก่อนครับ ไอ้เรื่องพวกนี้ผมก็ไม่มีความรู้ความถนัดเลย รู้แต่ว่าเวลาพี่เรนจริงจังกับการเลือกสีมันน่ารักมากก็แค่นั้น ยิ่งตอนที่ถือสีเอาไว้ทั้งสองมือแล้วหันหน้ามองหลอดสีในมือซ้ายสลับมือขวาไปมาเหมือนกับตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาอันไหนดี เห็นแล้วมันน่ารักครับ ผมเลยยืนมองเพลินไม่ได้เดินไปดูอะไร



ตอนม.ปลายก็เคยพาสาวๆ มาซื้อของนะ ตอนนั้นรู้สึกว่าน่าเบื่อมาก (ขอเติมกอไก่อีกล้านตัวเลยครับ) พอตั้งท่าจะเดินไปดูอย่างอื่นคุณเธอก็เรียกผมไว้ละ แล้วก็ชอบหันมาถามว่าอันไหนดีกว่า อันไหนสวยกว่า พอบอกว่าอันนี้ก็บอกว่าอีกอันก็สวยนะ ตัดสินใจไม่ได้ พอบอกให้ซื้อทั้งสองอย่างเลยก็ไม่เอาอีก โอ๊ย โคตรเรื่องมากอะครับ ผิดกับพี่เรน คนนี้นี่หันมาบอกผมไม่รู้กี่รอบแล้วว่าให้ผมไปเดินดูอย่างอื่นก่อนก็ได้ ไม่ต้องมารอ แถมยังมีการสัญญาอีกว่าจะไม่เดินไปไหนจะอยู่แต่ตรงนี้ ฮ่าๆ คนอะไรโคตรน่ารักเลย



แต่ผมก็ไม่รู้จะเดินไปไหน ไม่อยากเอาสายตาไปมองอย่างอื่น อยากมองพี่เรนอย่างเดียว



อั๊ย! เขินอะ พูดเองเขินเอง >//////////////////<



หลังจากยืนมองพี่เรนเลือกสีจนขาแข็งไปสองรอบในที่สุดพี่เขาก็เลือกสีได้สักที ได้มาหลายหลอดเลยครับ แถมยังได้กระดาษ ได้ดินสอ ปากกามาอีกหลายแท่งด้วย พอเดินไปจ่ายเงินเสร็จผมก็เอื้อมมือไปหยิบของมาถือเอาไว้ให้



“พี่ถือเองก็ได้นะ”



“ไม่เป็นไร ผมถือให้ ป่ะ... ไปดูกระเป๋ากล้องของผมกันแล้วเดี๋ยวไปหาอะไรกินกัน” ผมพูดก่อนจะเดินจูงมือพี่เรนไปร้านอุปกรณ์สำหรับกล้อง



อาทิตย์ก่อนมาเจอเข้าสวยโดนใจผมมากแต่วันนั้นงบในกระเป๋าไม่พอครับเลยได้แต่ตัดใจ วันนี้ละได้งบมาพอซื้อละครับก็ได้แต่หวังว่ากระเป๋าใบนั้นจะอยู่รอผมไปซื้อนะ



“พี่เรนรอแปบนึงนะครับ ผมขอซื้อกระเป๋าแปบเดียว” ผมหันไปบอกพี่เรนหลังจากพาพี่เขาเดินเข้ามาในร้านแล้ว พี่เขาพยักหน้ารับหงึกหงักๆ พอเห็นแบบนั้นผมก็เลยเดินไปทักทายกับพี่เจ้าของร้าน สนิทกันครับเพราะทั้งกล้อง เลนส์ อุปกรณ์อื่นๆ ผมก็ซื้อร้านนี้หมด



“พี่บ๊วย กระเป๋าใบนั้นยังอยู่ปะพี่” ผมถามอย่างตื่นเต้นยิ่งพอพี่เขาพยักหน้ารับก็ยิ่งยิ้มกว้างครับ



พี่บ๊วยเดินเข้าไปหลังร้านก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าใบที่ผมหมายตาเอาไว้ ยังอยู่ในถุงพลาสติกอย่างดี โอ๋ลูกพ่อ... รอพ่อมารับกลับบ้านสินะ



มันเป็นกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมเหมือนกับกระเป๋าใส่กล้องโดยทั่วไปนั่นแหละครับ แต่ใบนี้มีความเป็นวินเทจมากกว่า สีกระเป๋าเป็นสีเทาอมเขียวครับ มีสายเหมือนเข็มขัดคาดปิดประเก๋าเอาไว้สีน้ำตาล สายสะพายก็สีน้ำตาลเดียวกัน เห็นแล้วชอบ เห็นแล้วโดนใจเลยครับ



ผมได้แต่ยิ้มร่าพลางสำรวจความเรียบร้อยของกระเป๋าไปด้วยทั้งภายในภายนอก ดูมันอยู่อย่างนั้นแหละแทบจะยกขึ้นมาจูบเสียด้วยซ้ำไป



“โอเคพี่บ๊วย ผมเอาใบนี้แหละ” ผมส่งกระเป๋าคืนให้พี่บ๊วยหลังจากที่ลูบคลำจนเป็นที่พอใจแล้ว เดี๋ยวเอาไว้คืนนี้ค่อยไปนอนลูบคลำใหม่ จะเอาให้หนำใจไปเลยคอยดู!



หลังจากจ่ายเงินค่ากระเป๋า ได้กระเป๋ามาครอบครองแล้วผมก็เดินยิ้มหน้าระรื่นไปหาพี่เรนที่นั่งรออยู่มุมร้าน “พี่เรน เรียบร้อยแล้วครับ รอนานไหมขอโทษทีนะ”



“ไม่นานหรอก กายรอพี่เลือกสีนานกว่าอีก นั่นกระเป๋าที่ว่าเหรอ” พี่เรนบอกก่อนจะเอียงคอมองถุงที่ผมถืออยู่ในมือ



“ครับผม ใช่แล้วละ โชคดีชะมัดที่ยังมีอยู่” ผมยิ้มกว้าง “เราไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะได้กลับหอกัน”



“อ่า... คือว่า...” คนตรงหน้าผมทำหน้าลำบากใจจนผมชักจะใจเสีย พี่เรนยกมือขึ้นเกาแก้มตัวเองก่อนจะพูดต่อ “พี่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเทอาหารไว้ให้หมี... พี่กลัวหมีหิว...”



“อ๋อ... อย่างนั้นกลับกันก็ได้ครับ พี่เรนจะได้ไปดูแมวพี่ด้วย” ผมตอบไม่ได้ซีเรียสอะไรครับ จะจีบพี่เรนก็ต้องเอาใจใส่ทุกอย่าง รวมไปถึงแมวของพี่เขาด้วย



“อย่างนั้น... ไปซื้อของกินแถวหอแล้วไปกินที่ห้องพี่ไหม”



ห๊ะ!!!



อ อะไรนะ เมื่อกี้ผมหูฝาดหรือว่าอะไร พี่เรนชวนเข้าห้อง!!!



“ค ครับ... ว ว่าอะไรนะครับ” เสียงสั่น ติดอ่างขึ้นมาเลยกู ตื่นเต้นไปหน่อย



“ก็ไปซื้อของกินไปกินที่ห้องพี่ไง เราจะได้กินข้าวด้วยแล้วพี่จะได้กลับไปดูหมีด้วยอ่า... ดีไหม...”



อย่าถามเลยครับว่าดีไหม ถ้ามีเวทมนต์หายตัวได้ไอ้กายจะหายตัวกลับหอเดี๋ยวนี้แหละ โอ๊ย ตื่นเต้นดีใจจะได้เข้าห้องพี่เรน หึหึหึ โอกาสมาถึงมึงแล้วไอ้กาย!



เอ่อ... หมายถึงโอกาสได้สำรวจความเป็นอยู่ของพี่เรน ว่าเป็นยังไง ไม่ได้มีอะไรไม่ดีในหัวเลยสักนิ๊ด นิดเดียวก็ไม่มี น้องกายสาบานได้



“โอเคครับ แบบนั้นก็ได้ อย่างนั้นเราไปกันดีกว่าเดี๋ยวหมีรอนานแล้วจะหิว” ไม่ได้อยากจะเข้าห้องพี่เรนเลยจริงๆ ไม่ได้รีบเลยจริงๆ นะ



ผมแค่คว้ามือพี่เรนมาจับแล้วพาเดินตรงไปที่บีทีเอสโดยไม่แวะอะไรอีกเลยแค่นั้นเอง ว่าแต่ทำไมบีทีเอสมันมาช้าจังวะ นี่รอมาหนึ่งนาทีแล้วนะยังไม่มาอีก ไม่ได้ๆ ใช้ไม่ได้เลย ปกติไม่เคยรอนานขนาดนี้เลยนะ ให้ตายสิ



หลังจากใช้เวลาเดินทางโคตรนานครึ่งชั่วโมงกว่าได้ผมกับพี่เรนก็มาถึงหอครับ ในมือเต็มไปด้วยของกินมากมาย ทั้งไก่ทอด หมูย่าง ข้าวผัดหนึ่งกล่อง ข้าวผัดกะเพราหมูสับหนึ่งกล่อง น้ำผลไม้คนละแก้ว ขนมหวานอีกไม่รู้จะกินหมดไหมแต่อยากซื้อครับ เอาไว้ค่อยๆ กินไปทีละอย่างๆ จะได้อยู่ห้องพี่เรนนานๆ เอ๊ย! ไม่ใช่ หมายถึงเอาไว้ค่อยๆ กินไปเดี๋ยวก็หมด



“กายอยู่หอตรงข้ามใช่ไหม” พี่เรนหันมาถามผม



“ใช่ครับ”



“บังเอิญเนอะ แปลกดีพี่อยู่หอนี้มาเป็นปีไม่เคยเจอกาย บทจะเจอก็เจอหลายรอบเลย” พูดไปก็ฉีกยิ้มหวานให้กันอีก



เอาจริงๆ ผมนี่เจอพี่เรนทุกวัน แต่ที่อีกฝ่ายบอกไม่เคยเจอผมเพราะเวลาเดินพี่เขาแทบไม่สนใจมองซ้ายมองขวาเลยด้วยซ้ำก็เลยไม่เห็นผมไง ส่วนตอนนี้เจอบ่อยก็เพราะผมนี่แหละเสนอหน้ามาให้เห็นเอง เห็นหน้าบ่อยๆ จะได้ชิน จะได้จำได้ขึ้นใจว่านี่... แฟนนะครับ อิอิ



“พรหมลิขิตทำให้เรามาเจอกันมั้งครับ” หยอดสักหน่อย เพราะผมตั้งใจจะจีบพี่เขาอย่างจริงจังละครับ ยังจีบมาเป็นแฟนไม่ได้ก็จีบมาเป็นนายแบบให้ได้ก่อนก็ได้อะ



แต่เหมือนคนโดนหยอดจะไม่เขินครับ มีการหัวเราะสดใสแล้วยิ้มให้อีก เออ! ดีจ้ะ “นั่นสิ สงสัยจะใช่เนอะ”



“แบบนี้ก็แสดงว่าเราเป็นเนื้อคู่กันสินะครับ” หยอดดีรอบ น้ำหล่นลงหินทุกวันมันยังกร่อน นับประสาอะไรกับใจคนที่โดนหยอดทุกวันละครับ



“แย่หน่อยนะกายมีเนื้อคู่อย่างพี่” จ้ะ หัวเราะสนุกเลยจ้ะ นี่หยอดอยู่นะ นี่กำลังจีบอยู่นะ



เฮ้อ... ดูท่าสิ่งที่ยากกว่าการผ่านด่านพี่ตินา คือทำให้หัวใจของพี่เรนหวั่นไหวนี่ละนะ



แต่ยังไงก็ไม่ยอมแพ้หรอกน่า ตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก และกายเท่านั้นที่จะครองพี่เรน!






[color=#2a7286************************************************
เจอกันตอนเย็นอีกแล้ว เอาน้องกายร้อนๆ มาเสิร์ฟค่ะ เพิ่งปั่นจบตอนเลยทีเดียว ฮ่า... หยุดยาวนี่แทบไม่ได้แตะนิยายเลยค่ะ เพิ่งมาแต่งเอาตอนบ่ายแล้วเสร็จเอาตอนนี้นี่แหละ เอิ้กอ้าก

ตอนนี้นี่... พูดไม่ถูกเลยทีเดียว บทจะหมั่นไส้ก็หมั่นไส้แหม... ไปจับมือพี่เขา ไปถอดแว่นพี่เขา ไปมองหน้าพี่เขาใกล้ๆ หมั่นไส้ค่ะหมั่นไส้ แต่บทจะน่าสงสารก็น่าสงสาร หยอดอะไรพี่ไปพี่ไม่รับรู้เลยจ้า กำแพงที่หนายิ่งกว่าองครักษ์ประจำตัวเจ้าหญิงก็ตัวเจ้าหญิงเองนี่แหละที่ซื่อเสียจนไม่รู้ว่าน้องเขาจีบนะ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวน้องกายจะรุกละค่ะ! อ่า... หมายถึงรุกจีบนะ ไอ้รุกอีกแบบถ้ามีโอกาสน้องมันไม่ปล่อยไว้แน่ 5555555555555555555555

ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ

ปล. อ่านแล้วไม่เมนต์ เดี๋ยวฟางไม่อัพให้อ่านนะคะ ^^

อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^


สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi

สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC

เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)

รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ[/color]

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33
ขอให้ได้ครองเร็วๆแล้วกันนะ
 :m12: :m12: :m12:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Prattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนนี้น่ารัก น้องกายสู้ๆ
จีบพี่เรนให้ติดไวๆนะ

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
โอยยยยยย น่ารักกกกกกกกก

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
น้องกายน่ารักมากกก คือแอบเห็นภาพเป็นโกลเด้นเลยอะ 5555

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ที่กายพยายามทำไปเนี่ย พี่เรนเขาเข้าใจตรงกันบ้างไหม?

ฮาาาาาา

พี่เรนน่ารักมากกกกกก

ออฟไลน์ Snimsoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เพิ่งเข้ามาอ่าน
โอ๊ยน่ารัก :D
เอาใจช่วยกาย อย่าปล่อยให้พี่เรนคาดสายตานะ
เดี๋ยวหลง  :mew1:

ออฟไลน์ เปาเปา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่ารักอ่ะ ชอบพี่เรน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12

“น่ารักสิ ผมบอกว่าน่ารักก็ต้องน่ารักอยู่แล้ว”
kamin

say-hi ในทวิตเตอร์ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะค




โชคครั้งที่ • 6 •




น้องกาย



“หมี... หิวไหม ขอโทษนะลืมไปสนิทเลยว่ายังไม่ได้ให้อาหารเอาไว้ ขอโทษนะไม่โกรธกันใช่ไหม หมีอ่า... หมีงอนเหรอ” ผมนั่งกับพื้นห้องมองคนที่นั่งยองๆ คุยกับแมวเป็นเรื่องเป็นราว คือพอเข้ามาในห้องของพี่เรนเจ้าของห้องก็แทบจะทิ้งทุกอย่างแล้วเดินไปออดไปอ้อนเจ้าหมี... ผมหมายถึงแมวของพี่เขาอะนะครับ



“หมีงอนเหรอ ไม่ตอบเลย” ผมมองไปก็ยิ้มขำไป คนกับแมวก็คุยกันรู้เรื่องแหะ



แต่ถ้าผมสามารถแปลภาษาแมวออก... มันคงบอกว่า รู้ว่าหิวก็รีบไปเทอาหารมาให้สักทีได้ไหม จะพูดทำไมนัก แล้วถ้าผมไม่ได้เพ้อเจ้อหรือบ้าคิดไปเองเจ้าหมีของพี่เรนหันมามองพี่เขาอย่างเอือมๆ ด้วย แล้วเจ้าหมีก็หันหน้าหนี



พอโดนแมวเมินคนที่นั่งอ้อนแมวก็ทำปากเบะเหมือนอยากจะร้องไห้เห็นแล้วตลกชะมัดเลย ปกติผมมักจะเห็นแมวชอบเข้ามาอ้อนมาคลอเคลียคนนะแต่นี่เป็นคนเข้าไปคลอเคลียแมวละครับ



“หมี หมีๆ ไม่เอาไม่งอนสิ” แปลกดีนะครับ ผมนี่แหละแปลกนั่งมองคนคุยกับแมว วันนี้จะได้กินข้าวกันไหมเนี่ยทั้งคนทั้งแมวเลย



“พี่เรน...” ผมส่งเสียงเรียกคนที่ยังสนใจแต่แมว พี่เรนหันมามองหน้าตาเหมือนจะร้องไห้เต็มแก่ถ้าหากเจ้าหมียังไม่สนใจ น่าเอ็นดูดีแหะ “ผมว่าพี่ไปเทอาหารให้หมีดีไหมครับ มันคงหิวแย่แล้วละ”



“เมี๊ยวว” พอผมพูดแบบนั้นเจ้าหมีก็ร้องออกมาทันทีเหมือนจะบอกว่าหิวแล้วจริงๆ



“อ่า... นั่นสินะ ขอโทษนะหมี รอแปบนึงนะเดี๋ยวจะไปเอาอาหารมาให้” พี่เรนพูดก่อนจะวางเจ้าหมีลงบนเตียงก่อนที่พี่เขาจะเดินไปหยิบอาหารแมวมาเทใส่ชามให้



“เหมียวว” เจ้าหมีของพี่เรนกระโดดลงจากเตียงเดินมาอยู่ตรงหน้ามองก่อนจะร้องใส่



“ไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องขอบใจหรอก ไปกินอาหารซะไป” ผมพูดกับมัน ผมนี่ก็ชักจะแปลกมากขึ้นคุยกับแมวรู้เรื่องด้วยโว้ย ฮ่า ตลกแหะ



ผมหันไปมองพี่เรนที่นั่งยองๆ กอดเข่าตัวเองดูเจ้าหมีกินอาหารแมวก่อนจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาปิดเสียงแล้วแอบถ่ายรูปพี่เขาเอาไว้ มันน่ารักมากจริงๆ ครับยิ่งตอนที่พี่เขายื่นมือไปลูบหัวเจ้าหมีด้วยแล้ว



พอได้รูปถ่ายมาเป็นที่พอใจผมก็หันไปสำรวจรอบๆ ห้องของพี่เขาต่อ ห้องพี่เรนกว้างครับ กว้างกว่าห้องพักของผมอีกละมั้งเนี่ย หอนี้ก็ดีนะอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ แต่เขาก็รักษาความสะอาดดีนะครับปกติแล้วเวลามีสัตว์เยอะก็จะมีกลิ่นใช่ไหมละครับ แต่นี่ไม่ดีเลยส่วนหนึ่งคงเพราะคนเลี้ยงก็เลี้ยงในห้องคอยดูแลสัตว์เลี้ยงตัวเอง ผมว่าแบบนี้ก็ดีนะ ส่วนหอผมห้ามเลี้ยงสัตว์ครับ



ห้องของพี่เรนแม้จะไม่ได้กว้างเหมือนคอนโดที่แบ่งห้องชัดเจนแต่ก็เป็นสัดส่วน มีส่วนครัวที่คั่นด้วยเคาน์เตอร์ ส่วนนั่งเล่นเล็กๆ ที่มีทีวีจอใหญ่วางอยู่แต่ก็ไม่ได้มีชุดโซฟาอะไร มีแค่โต๊ะญี่ปุ่นกับพรมผืนหนาที่ผมนั่งอยู่ตรงนี้ แล้วถัดไปอีกก็เป็นส่วนที่นอนแล้วก็ห้องน้ำ มีระเบียงด้วย ระเบียงที่พี่เรนชอบออกไปยืนเล่นแล้วผมก็ส่องพี่เรนบ่อยๆ



“อ๊ะ! หิวหรือยังกาย ขอโทษทีๆ พี่ลืมไปเลยว่าเราก็ยังไม่ได้กินอะไร” พี่เรนร้องขึ้นเหมือนนึกขึ้นได้ว่าผมยังนั่งอยู่ในห้องและเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลย



ผมลุกขึ้นไปช่วยพี่เรนหยิบพวกจานชามมาที่โต๊ะญี่ปุ่นที่วางบรรดาอาหารที่ซื้อมาก่อนจะเททุกอย่างใส่จานแล้วเราจึงเริ่มลงมือจัดการอาหารมื้อเย็นกัน



“อันนี้อร่อย พี่เรนกินสิ” ผมตักหมูย่างใส่จานให้พี่เรนพร้อมกับยิ้มให้



“ขอบคุณนะ” พี่เรนหันมายิ้มกว้างดีใจเหมือนเด็กๆ ให้กับผม ผมเลยได้แต่ก้มหน้าลงนอกจากจะเก็บซ้อนรอยยิ้มแล้วยังเก็บอาการเขินเอาไว้อีกด้วยครับ ไม่ไหวๆ หัวใจจะละลายตอนได้เห็นพี่เรนยิ้ม



อย่าน่ารักนักเลย แค่นี้ไอ้กายก็หวั่นไหวจะแย่แล้วครับ



นั่งกินข้าวไปก็แอบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กันไปด้วยรู้สึกปลื้มปริ่มและมีความสุขแปลกๆ ที่ได้มานั่งกินข้าวกับพี่เรนสองต่อสองในห้องของพี่เรนโดยมีเจ้าหมีเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ สงสัยกลับไปถึงห้องแล้วต้องจดไดอารี่ไว้สักหน่อยแล้ว เดทครั้งแรกของผมกับพี่เรน อิอิ



“ผมยาว” ผมพูดเอื้อมมือไปจับผมด้านหน้าของพี่เรนเอาไว้ ดูท่าเจ้าตัวก็คงนึกรำคาญเหมือนกันเห็นยกมือเสยผมหลายรอบแล้ว



“งือ... พี่ว่าจะไปตัดหลายทีแล้วก็ลืมทุกทีเลย วันนี้ก็ตั้งใจจะไปตัดผมเหมือนกัน” คนน่ารักพูดพร้อมกับยู่หน้าหันไปหยิบที่มัดผมมาจะเตรียมมัดผมให้ตัวเอง



“ผมทำให้” ผมพูดก่อนจะแย่งที่รัดผมมา จับผมด้านหน้าขึ้นแล้วมัดผมให้ ฮ่าๆ ผมทรงน้ำพุน่ารักว่ะโชว์เหม่งด้วย น่าจูบชะมัดเลย “หึ... น่ารักแล้ว”



“พี่เรนอยากตัดผมเหรอ ผมพาไปตัดไหม” ผมถามพร้อมกับนั่งท้าวคางมองคนที่นั่งเคี้ยวไก่ทอดหมุบหมับๆ ไปด้วย “รับรองเลยกลับมาทุกคนต้องตะลึงในความน่ารักของพี่แน่ๆ”



คนที่ใช้ปากงับไก่ทอดส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูดหลังจากที่กลืนไก่ในปากลงไปแล้ว “ไม่เห็นจะน่ารักเลย”



“น่ารักสิ ผมบอกว่าน่ารักก็ต้องน่ารักอยู่แล้ว” ผมพูดพร้อมกับมองคนตรงหน้าไปด้วย ก่อนจะคลี่ยิ้มบางเมื่อแก้มขาวๆ ขึ้นสีระเรื่อ สงสัยจะเขินเวลาโดนชมว่าน่ารักแหะ พอโดนหยอดโดนจีบไม่ยักเขิน แต่พอชมว่าน่ารักก็แก้มแดงขึ้นมาทันทีเลย อ่า... อยากฟัดแก้มนั้นชะมัดเลยอะ



“เขิน...” เจ้าตัวพูดพร้อมกับยกมือปิดแก้มตัวเองแล้วส่ายหน้าไปมา โคตรจะน่ารักเลยอะ



“ให้ผมพาไปตัดผมนะ เดี๋ยวพาไปซื้อคอนแทคเลนส์ด้วย ลองเปลี่ยนมาใส่ดูเอาไหม แต่ต้องแลกกันนะ พี่เรนต้องมาเป็นนายแบบให้ผมนะ” ผมพูดต่ออาศัยจังหวะที่เจ้าตัวยังเขินนี่แหละ เผื่อจะมัดมือชกได้อีกเหมือนตอนไปเดินเที่ยวที่ห้าง



“ไม่น่ารัก”



“อย่าเถียงคนมองสิ เดี๋ยวพาไปตัดผมก่อนก็ได้ แล้วถ้าออกมาไม่น่ารักนะให้เตะก้นเลย เอาเป็นวันเสาร์ผมพาไปนะ จะพาไปร้านประจำผมเชื่อฝีมือได้เลย” ผมพูดสรุปเอาเองไม่ให้พี่เรนแย้งอะไรได้ พอพี่เขาตั้งท่าจะพูดแย้งขึ้นมาผมก็จัดการตักของกินให้เขา เท่านี้แหละข้อโต้แย้งเป็นอันตกไป



นอกจากจะขี้ลืม ชอบหลงทาง ซื่อๆ ไม่ทันคนแล้วยังเลี้ยงง่ายด้วยแหะ



ผมนึกอย่างขำๆ มองคนที่ตอนนี้หันไปสนใจกับอาหารตรงหน้าแทนผมแล้ว ตัวก็เล็กนิดเดียวทำไมกินเก่งจังนะ อยากจะรู้จริงๆ เอาไปเก็บไว้ไหนหมดกินเก่งกว่าผมอีกมั้งเนี่ย...



พอไม่มีอะไรทำแล้วก็ไม่อยากรบกวนคนที่กำลังมีความสุขกับการกินผมก็หันไปหาเจ้าหมีแมวสีขาวขนฟูของพี่เรนแทน เจ้าตัวเล็กก็กำลังมองมาที่ผมพอดีเลยครับ ตัวมันเล็กดีแหะ... ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องแมวแหะแต่ตัวมันเล็กกว่าแมวทั่วๆ ไปทั้งๆ ที่ก็โตแล้วนะ อยู่กับพี่เรนมาเป็นปีแล้ว แต่มันก็โตกว่าตอนที่ผมเห็นมันครั้งแรกเยอะเลยนะ แต่ถ้าเทียบกับแมวทั่วๆ ไปก็ถือว่าเล็ก มองไปมองมาก็น่ารักดีแหะ



ผมหันไปหยิบไหมพรมที่ถักเป็นลูกกลมๆ ที่วางอยู่บนชั้นด้านหลังของผมมาแล้วเอามาล่อเจ้าหมีที่จ้องไหมพรมตาแทบไม่กระพริบ แกว่งไหมพรมนิดๆ เจ้าแมวก็ตกหลุมพรางผมกระโดดตะครุบไหมพรมนั้นทันที แต่ผมก็แกล้งยกมือขึ้นสูงจนเจ้าแมวต้องกระโดดตะครุบแทน



ไหน... มาทำความรู้จักกันสิเจ้าหมี



“ทำไมพี่ตั้งชื่อว่าหมีละครับ” ผมถามพลางอุ้มเจ้าหมีมาวางบนตักปล่อยให้มันนอนเล่นไหมพรมไปด้วย



“พี่อยากให้มันแข็งแรงเหมือนหมี เลยตั้งชื่อว่าหมีน่ะ” พี่เรนเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับผมพร้อมกับเก็บจานชามไปด้วย



เห็นแบบนั้นผมก็วางเจ้าหมีลงบนพื้นแล้วไปช่วยพี่เรนเก็บล้างจานแทน แต่เจ้าของห้องเขาไม่ยอมครับบอกจะล้างเอง ผมเลยเอาขยะไปทิ้งให้แทนพอกลับเข้ามาในห้องก็มานั่งเล่นกับเจ้าหมีต่อไม่นานเจ้าของห้องก็เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามผม



“เฮ้อ... อิ่มมากเลย” ปากแดงๆ นั้นขยับพูด พี่เรนทิ้งตัวครึ่งบนเลื้อยไปบนโต๊ะญี่ปุ่น หัวน้ำพุขยับไปขยับมาเวลาเจ้าตัวขยับตัว



“เมี๊ยววว!”



“อ๊ะ หมีอ่า...”



“หมี!”



ผมร้องอย่างตกใจก่อนจะอุ้มเจ้าหมีเอาไว้ อยู่ๆ เจ้าหมีร้องก่อนจะกระโดดจากตักผมขึ้นไปบนเตียงแล้วก็ไปตะครุบผมน้ำพุของพี่เรนจนเขาร้องออกมา สงสัยหมีมันจะนึกว่าเป็นของเล่นนะครับก็เล่นขยับไปขยับมาล่อตาล่อใจแมวขนาดนี้



คนโดนแมวตัวเองแกล้งทำหน้ายู่อย่างงอนๆ ยื่นมือมารับเจ้าหมีจากผมไปกอดฟัดจนมันยกเท้าขึ้นดันหน้าพี่เรนให้ออกห่าง



“ฮึ่ม... หมีแกล้งเรา ต้องโดนลงโทษผมเราไม่ใช่ของเล่นนะ”



แล้วผมก็นั่งมองคนกับแมวหยอกล้อกันอยู่อย่างนั้น เอาจริงๆ เลยนะครับอยู่กับพี่เรนผมไม่รู้สึกเบื่อเลย มีอะไรให้ยิ้มตลอด แถมผมยังได้รูปพี่เขามาอีกหลายรูปโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ด้วย เดี๋ยวเปลี่ยนภาพหน้าจอใหม่ดีกว่า ตอนนี้ใช้ภาพที่เคยแอบถ่ายจากมุมไกลๆ ครับ ได้ภาพใกล้ๆ ชัดๆ แล้วต้องเปลี่ยนกันหน่อย



“พรุ่งนี้มีเรียนไหมครับ” ผมถามเมื่อเห็นว่าเจ้าหมีมันเดินหนีพี่เรนไปแล้ว



คนที่มองตามแมวของตัวเองไปตาละห้อยหันมาหาผมก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก “มีตอนสิบโมง กายล่ะ”



“มีตอนสิบโมงเหมือนกันครับ พรุ่งนี้เช้าไปกินข้าวกันไหมเดี๋ยวเข้ามหาลัยไปพร้อมกัน” ผมถาม ยังไงก็ต้องลุยเต็มที่ละครับ ตอนนี้จะมากล้าๆ กลัวๆ ทำเป็นเขินอายหลบหลังเสาไม่ได้แล้วละครับ



“เอาสิๆ อย่างนั้นพรุ่งนี้เจอกันข้างล่างเนอะ เดี๋ยวไปกินข้าวกัน” พี่เรนพูดพร้อมกับยิ้มกว้างไปด้วยจนผมได้แต่ยิ้มตาม แต่ไม่ต้องมองรอยยิ้มพี่เรนผมก็ยิ้มอยู่ตลอดอยู่แล้วละครับ



“โอเคครับ พรุ่งนี้แปดโมงครึ่งนะเจอกัน ผมกลับหอก่อนดีกว่า” ผมพูดก่อนจะหันไปหยิบของเตรียมตัวกลับหอ ให้พี่เรนได้พักผ่อนบ้าง



แล้วพอผมลุกพี่เรนก็ลุกตาม เจ้าหมีก็วิ่งมาหาพี่เรนเลยก้มลงอุ้มขึ้นแนบอก “เดี๋ยวพี่เดินไปส่งนะ”



“ไม่เป็นไร หอผมอยู่ตรงข้ามนี่เองไม่หลงทางหรอกนะ” ผมพูดยิ้มๆ แต่พี่เรนก็ยังเดินตามผมมา ผมเลยหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องกันเอาไว้ไม่ให้เขาออกมาจากห้อง เดี๋ยวลงไปข้างล่างแล้วเดินไปนู้นมานี่หลงขึ้นมาอีกจะทำยังไง “ไม่ต้องไปส่งหรอกครับ ผมไปเองได้”



“จะดีเหรอ ไม่ให้พี่ไปส่งเหรอ”



“เดี๋ยวลงไปส่งผมแล้วกลับห้องไม่ถูกทำไง” ผมแกล้งแซว จนคนถูกแซวทำหน้ามุ่ยไปทันที



“พี่ไม่ได้เอ๋อขนาดนั้นสักหน่อย!”



อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ รู้ตัวเองด้วยเหรอว่าเอ๋อ โอ๊ย คนบ้าอะไรน่ารักน่าเอ็นดูชิบหายเลย มันเขี้ยวนี่ถ้าสนิทกัน เป็นแฟนกันแล้วบอกเลยว่าผมจะไม่ลังเลที่จะคว้าคอพี่เขามาฟัดแก้ม อยากฟัดชะมัด



“แต่ไม่ต้องไปส่งผมจริงๆ พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะครับ ไปแล้วนะหมีเอาไว้เจอกันใหม่นะ” ผมพูดลาพี่เรนก่อนจะก้มลงไปลูบหัวเจ้าหมีแล้วพูด



“เมี๊ยวว” เจ้าหมีเอียงหัวถูหัวกับมือของผมแล้วร้องให้ผมนึกยิ้มเอ็นดู



“ไปแล้วครับ ฝันดีนะพี่เรน”



“อืม! ฝันดีนะ” พี่เรนจับขาหน้าเจ้าหมีมาโบกมือให้กับผม ผมพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้ก่อนจะเดินไปกดลิฟต์ ไม่อยากอยู่นานกว่านี้เดี๋ยวจะไม่อยากกลับห้องตัวเอง แค่นี้ก็ไม่อยากจะกลับแล้วละครับ



ผมเดินยิ้มกว้างไปตลอดทางตั้งแต่ในลิฟต์ของหอพี่เรนยันเดินเข้าหอตัวเอง ใครเห็นก็คงบอกไอ้นี้แม่งบ้ายิ้มอะไรอยู่ได้ แต่มันห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ นะครับ คนมันมีความสุข ในอกมันฟูฟ่องไปหมดจนตัวแทบจะล่องลอย



พอไขกุญแจเข้าห้องได้ เปิดไฟ เปิดแอร์เรียบร้อยวางข้าวของทุกอย่างลงพื้นได้ก็ทิ้งตัวลงบนเตียงคว้าเอาหมอนมากอดแล้วฟังหน้าลงกับหมอนกลิ้งไปกลิ้งมาพร้อมกับร้องกรี๊ด(?)ไม่หยุด วันนี้แม่งเกินคาดจริงๆ ครับ ไม่คิดว่าตัวเองจะมาได้ไกลขนาดเข้าห้องพี่เรนแบบนี้



นี่มันวันของไอ้กายแท้ๆ ขนาดพี่เรนไม่มีเรียนยังมีโอกาสได้เจอเลย น้องกายดีใจ



นอนดูรูปพี่เรนที่แอบถ่ายไปก็ยิ้มไป ยิ้มกว้างเรื่อยๆ จนปากแทบจะฉีกไปถึงหู เดี๋ยวเอารูปไปอัดมาติดเอาไว้บนผนังดีกว่า ก่อนจะนอนก็จะได้เห็นหน้าพี่เรน หลังตื่นนอนก็จะได้เห็นหน้า แค่คิดก็ฟินแล้วละครับ





@Guy_Kamin
เดทแรกของเรา
หยุดทำตัวน่ารักให้หลงรักได้แล้ว คนบ้า! -////- #คนน่ารัก #หัวน้ำพุ






************************************************
โอ๊ยยยย มีใครหมั่นไส้น้องกายเหมือนฟางบ้างไหมคะ คือแต่งไปก็แอบหมั่นไส้ตัวพระเอกของตัวเองไปด้วย อะไรจะเถิดเทิงเริงรมย์ขนาดนั้น เห็นแล้วอยากจะดีดหูสักทีข้อหาทำตัวน่าหมั่นไส้ แต่กับพี่เรน (คนดีของฟาง) คนนี้ยิ่งแต่งก็ยิ่งอยากจะสิงเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงมากมายเลยค่า (นี่ถ้าฟัดตัวตนจริงๆ ของพี่เรนได้ก็ยิ่งอยากจะทำ) ตอนนี้เปลี่ยนจากหลงน้องกาย กลายมาเป็นหลงพี่เรนแล้วค่ะ หลงมากมายเหลือเกิน เขินนนนนน -////////////////-

อ๋อ... นิดนึงค่ะเรื่องบรรยายในเรื่อง ถ้าใครได้อ่านเรื่อง My Mom ; รักของมัม น้องกันต์จัดให้ จะเห็นว่าตัวละครจะสลับกันบรรยายแบบเท่าๆ กัน แต่เรื่องนี้จะไม่ใช่แบบนั้นนะคะ น้องกายจะเน้นบรรยายเป็นหลัก จะมีสลับบ้างที่เป็นพี่เรนนะคะ จะได้ไม่งงกันเนอะว่าทำไมพี่เรนไม่มีบรรยายบ้างเลย เรื่องราวมันคือน้องกายไปตามจีบพี่เขาน่ะค่ะ เลยจะเน้นฝั่งน้องกายมากกว่า ^^

ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ

ปล. อ่านแล้วไม่เมนต์ เดี๋ยวฟางไม่อัพให้อ่านนะคะ ^^

อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^


สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi

สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC

เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)

รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ เปาเปา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กายถ้าจีบติดเมื่อไรก็ได้กอดแบบเต็มที่แล้วละ แต่ว่าก่อนอื่นทำให้พี่เรนเขีนกับคำหยอดก่อนเถอะ
รอนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีกายตีเนียนเลยนะ อิอิ

ออฟไลน์ minkey

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จะเปลี่ยนลุดแล้ววว
น้องกายจะจับพี่เรนเปลี่ยนลุค  o13

เดี๋ยวได้มีหึง มีหวงหนักกว่าเดิมแน่ๆ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
พี่เรนน่าเอ็นดูละเกินนนนน

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :-[ สารภาพเลยกะมาอ่านรวดเดียว สักตอนที่สิบแค่นึกอะไรไม่รู้
ลองจิ้มสักนิดละกัน โอยยยยย น่ารักมากเลยพี่เรน หมีก็ด้วย
ตามเสียงเจ้ากายอีกคนว่าพี่น่ารัก จะหลงฝนอีกคนแต่รู้ว่าเจ้ากายมันหวง
รออีกครึ่งค่ะฟาง คิดถึงอีกแล้ว  :กอด1:

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พี่เรนน่ารัก งื้ออออออออ

ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12

“น่ารักสิ ผมบอกว่าน่ารักก็ต้องน่ารักอยู่แล้ว”
kamin

say-hi ในทวิตเตอร์ฝากติด #น้องกายหลงฝน ด้วยนะค




โชคครั้งที่ • 6.2 •




• • • ต่อค่ะ 100% • • •




น้องกาย



Mr.chu อิบ ซู อี อี chu~ ไท คม นา นา chu~



Mr.chu อิบ ซู อี อี chu~ ไท คม นา นา chu~




คนมันมีความสุขอะไรก็คงห้ามไม่อยู่ ผมนี่แทบจะยกมือท้าวเอวแล้วส่ายสะโพกซ้ายขวาให้เข้าจังหวะเพลงที่กำลังฮึมฮัมอยู่



แต่ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวคนจะตกใจ อิอิ



Mr.chu อิบ ซู อี อี chu~ ไท คม นา นา chu~



“โอ้เย~”



ผลัวะ!!



สัสผัก!!!




ผมที่กำลังมีความสุขชีวิตถึงกับสะดุดเมื่ออยู่ๆ ก็มีคนมาตบหัว ได้แต่หันไปมองอย่างเอาเรื่องก่อนจะเห็นพวกไอ้ไม้ยืนอยู่ข้างหลัง



“ไอ้สัส! ตบหัวกูทำไมหะ!!”



“หมั่นไส้!!!” พวกมันทั้งสี่ตัวพร้อมใจกันประสานเสียง ห่า! เสียงดังไปถึงหน้ามหา’ลัยแล้ว เบาๆ ไม่เป็นไงวะ



“หมั่นไส้ไรกู” ผมถามกลับอย่างเคียงๆ แบบนี้มันเคืองนะครับอยู่ๆ ก็มาตบหัวผมซะงั้นแถมยังพร้อมใจกันพูดแบบนี้อีก



ไอ้ไม้ส่งเสียงเหอะออกมาพร้อมกับมองค้อนผม นี่คิดว่าทำแล้วน่ารักเหรอไอ้ห่า! ทำแล้วหน้าวอนโดนตีนมากเลยครับ มันค้อนผมเสร็จก็ส่งเสียงเล็กเสียงน้อย “แหมๆๆๆๆ น่าหมั่นไส้จริงจริ๊ง”



“อ๊าว! หมั่นไส้อะไรกู ไหนบอก ไหนเคลียร์ดิ” ผมหันไปท้าวเอวมองหน้าพวกมันทีละคน



“มีความสุขจนน่าหมั่นไส้” ไอ้แม็คครับ ไอ้แม็คเป็นคนพูด หน้าตามันบ่งบอกว่าหมั่นไส้ผมมากเลยครับ



ผมได้แต่ยกมือเกาหัวตัวเองอย่างงงๆ “อะไรของพวกมึงวะ”
   


“เมื่อกี้! อย่านึกว่าพวกกูไม่เห็นนะไอ้โจรสัส! กูเห็นมึงนั่งหน้าบานอยู่ร้านโจ๊กกับฝน ทีตอนพวกกูโทรชวนกินข้าวละอ้างนู้นนี่นั่น แล้วนี่อะไรห๊ะ นี่อะไร” ไอ้เกลียวแม่งมาเป็นชุดเลยครับ



ผมตาโตขึ้นนิด รู้สึกแก้มร้อนหน่อยๆ เปลี่ยนจากเกาหัวตัวเองมาเป็นเกาแก้ม เขินยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก “พวกมึงเห็นออวะ”



“สัส! ไม่ต้องมาทำเป็นเขิน ไหนเล่ามาเดี๋ยวนี้!” ไอ้เป้ว่าก่อนมันจะเดินมาล็อคคอผมแล้วลากไปนั่งที่โต๊ะใต้คณะ คือยังมีเวลาก่อนเข้าเรียนอีกเกือบครึ่งชั่วโมง พอสำหรับการซักฟอกเลยสิ



“ไหน เล่ามาเดี๋ยวนี้ว่ามึงไปนั่งกินข้าวกับฝนได้ยังไง” ไอ้ไม้พูด



ตอนนี้ไอ้ไม้กับไอ้เกลียวนั่งประกบผมเอาไว้ซ้ายขวา ส่วนไอ้แม็คกับไอ้เป้ยืนกอดอกมองผมอยู่ครับ ไอ้ห่า! กูไม่ใช่นั่งโทษ นั่งเฝ้าผมซะจนผมแอบคิดในใจว่าพวกนี้มันเฝ้าเก่งจริงๆ



ผมมองหน้ามันทีละตัว เอ๊ย ทีละคนก่อนจะถอนหายใจออกมายังไงก็คงเลี่ยงไม่เล่าไม่ได้อยู่แล้ว และดีไม่ดีถ้าหากผมยังไม่เล่า มันก็คงไม่ไปไหน เรียนก็คงไม่ต้องเรียนมันละคราวนี้



“คืองี้… เมื่อวานเย็นอะกูไปห้องพี่เรนมา แล้ว…”



พอผมเริ่มเล่าไอ้เป้ก็ยกมือขึ้นห้ามผม “เดี๋ยวๆ ทำไมมึงไปห้องฝนได้ ไหนเล่ามาให้หมดทุกเรื่องอย่างเก็บ อย่ากั๊กดิ”



“คืองี้…” ผมเริ่มเล่าใหม่อีกรอบ “เมื่อวานหลังจากเลิกเรียนที่กูบอกพวกมึงไปว่ากูจะไปซื้อกระเป๋ากล้องใช่ไหม”



“ละไปซื้อกระเป๋ากล้องเกี่ยวไรกับไปห้องของฝนวะ” ไอ้ไม้มันถาม



ผมหันไปมองหน้ามันนิดหน่อยไม่สนใจคำถามของมันแล้วเล่าต่อ “แล้วกูก็ไปเจอพี่เรนที่บีทีเอส”



“อ๊าว! ตกลงมึงไปห้องฝนตอนเย็นหรือไปหลังเลิกเรียน” ไอ้ไม้มันถามผมอีกรอบ



นี่คือมึงสงสัยจริงๆ หรือกำลังกวนตีนกูอยู่ไอ้เกลียว ผมตั้งท่าจะด่ามันครับ แต่ไอ้แม็คก็ยกมือขึ้นไปตบหัวไอ้ไม้จนหัวมันสั่นเลยครับก่อนที่มันจะด่าแทนผมให้ “ไอ้ฟาย! มึงก็เงียบแล้วก็ฟังที่ไอ้กายมันเล่าสิ พอมันเล่าทีก็ถามทีแล้วมันนี้จะไปรู้เรื่องกันไหมไอ้สัตว์ไม้!”



“กูชื่อไม้ ไม่มีสัตว์นำหน้า” ไอ้นี่ยังกวนตีนไม่เลิก จนพวกผมเลยจัดการโบกหัวมันไปทีละคนสุดท้ายไอ้ไม้มันเลยยอมนั่งนิ่งๆ แล้วฟังผมพูดครับ



“ต่อนะ… ก็นั่นแหละกูไปเจอพี่เรนที่บีทีเอส เห็นอยู่คนเดียวก็เลยเข้าไปทักพอรู้ว่าพี่เขาจะไปซื้อสีที่ห้างกูก็เลยไปด้วยกันเลย” ผมเล่า พอผมเริ่มเล่าไอ้พวกเพื่อนรักทั้งร้ายก็ทำสีหน้า… เขาเรียกว่าอะไรอะ นั่นแหละเหมือนจะล้อเลียนผม แซวผมอะไรประมาณนั้น



“กูก็พาพี่เรนไปซื้อสี แล้วก็พาพี่เขาไปร้านด้วยตอนกูไปซื้อกระเป๋า แล้วก็ตั้งใจจะชวนพี่เขากินข้าวด้วยกันนั่นแหละ แต่พี่เรนเขานึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ให้อาหารแมวเขา พี่เรนก็เลยชวนกูซื้อของกินไปกินที่ห้อง ก็แค่นั้นแหละ” ผมก็เล่าให้พวกนั้นฟัง



“แล้วทำไมมึงถึงไปนั่งกินข้าวกับพี่ฝนได้” ไอ้เป้ถาม



“ก็...” ผมเอานิ้วชี้จิ้มกันอย่างเขินๆ “คือเมื่อวานที่กูไปกินข้าวห้องพี่เรนใช่ไหม กูก็ถามเขาว่าวันนี้เรียนกี่โมง พอรู้ว่าเรียนเวลาเดียวกันกูก็เลยชวนพี่เรนมากินข้าวเช้าด้วยกันเลย”



“หมั่นไส้!!!” พวกมันประสานเสียงกันอีกรอบ



“ถึงว่าทำหน้าตาระรื่นระริกระรี้เหลือเกิน ที่แท้ก็ไปเดทกับพี่เรนมานี่เอง” ไอ้เกลียวครับ ไอ้เกลียดพูด



ผมได้แต่ยักไหล่ ก็มันเรื่องจริงทำไมต้องปฏิเสธละครับ ถึงแม้จะเป็นการเดทแบบที่ผมคิดไปเองฝ่ายเดียวก็ตามที แต่ได้อยู่กับพี่เรนสองต่อสองตั้งหลายชั่วโมง แถมเมื่อเช้ายังได้นั่งกินข้าวไปมองหน้าพี่เรนไปอีกจะไม่ให้ผมระริกระรี้ได้ยังไงละครับ



ยิ่งนึกถึงเมื่อเช้าก็ยิ่งฟิน ตอนที่ผมเดินไปรอพี่เรนที่หน้าหอ แล้วพอพี่เรนลงมาเห็นผมก็ยิ้มกว้างแล้วโบกมือทักทายผมใหญ่ น่ารักมากเลยครับ หลังจากนั้นผมกับพี่เรนก็เดินข้างๆ กันไปร้านโจ๊กหน้าปากซอย หอพักของผมกับพี่เรนอยู่ไม่ไกลจากมหา’ลัย เดินได้สบายครับ ตอนเช้าๆ แดดยังไม่แรง ลมเย็นๆ บรรยากาศก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เป็นเดทที่ฟินมากมายเลยครับ อิอิ



หลังจากที่พวกนั้นมันสอบสวนผมเสร็จพวกเราก็ย้ายร่างขึ้นไปเรียนกัน วันนี้เรียนประวัติศาสตร์ครับ เป็นประวัติศาสตร์ภาพยนตร์กับประวัติศาสตร์ภาพถ่าย วิชานี้สนุกมากเลยละครับเพราะจะได้เห็นภาพที่หาดูยากมากๆ แล้วอาจารย์ที่สอนวิชานี้มักจะมีภาพจริงๆ มาให้ดูด้วยครับ พวกผมละโคตรจะนับถือภาพเก่าโบราณขนาดนั้นไปสรรหามาได้ยังไง



ที่จริงทุกวิชาในคณะของผมก็น่าเรียนผมและครับไม่ใช่แค่สาขาของผมนะ สาขาอื่นก็น่าเรียนแต่ผมชอบถ่ายรูปมากที่สุดก็เลยเลือกเรียนฟิล์มนี่แหละครับ



ผมหันไปมองนอกหน้าต่างระหว่างที่อาจารย์กำลังปล่อยพักสิบนาที บรรยากาศเหมือนฝนจะตก... แต่ก็ไม่เห็นแปลกเพราะเดือนสิงหาคมก็เป็นช่วงฤดูฝนอยู่แล้ว จะว่าไป... ก็ครบหนึ่งปีที่เจอพี่เรนพอดีสินะ



ฝน...



จริงสิ!!!



ผมทำตาโตอย่างนึกขึ้นได้เมื่อปีก่อนที่ผมเจอพี่เรนก็เจอตอนฝนตกเพราะอย่างนั้นผมถึงได้เลือกที่จะทำโปรเจคหัวข้อนี้ แล้วผมก็ถ่ายรูปเอาไว้ด้วย ถ้าในอาทิตย์หน้าผมยังขอให้พี่เรนมาเป็นแบบให้ไม่ทันตรวจงานครั้งแรกผมก็เอาภาพนั้นมาตรวจก่อนก็ได้นี่นะ แล้วก็ถ่ายภาพตอนฝนตกที่ให้ความรู้สึกที่หลากหลายเพิ่ม



หึ! ทำไมถึงเพิ่งจะนึกได้นะ ผมได้แต่ยิ้มก่อนจะหันไปหยิบเอาสมุดมาเปิดแล้วจดสิ่งที่คิดได้ลงในสมุดกันลืม แล้วก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้วันนี้พรุ่งนี้ฝนตกด้วยเถอะ ถ้ายิ่งเป็นพรุ่งนี้ได้ก็ยิ่งดีเพราะผมไม่มีเรียนอยู่แล้ว







พี่เรน



“เรน” ผมเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงเรียก ก่อนจะส่งยิ้มให้กับเพื่อนๆ ในกลุ่มที่เดินมาหาผมที่โต๊ะ



“สวัสดีทุกคน” ผมทักทายทุกคน รวบเอาบรรดาดินสอที่วางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะให้เรียบร้อย



“ทำไมวันนี้ถึงมาถึงเร็วละ ไม่ได้หลงไปไหนมาหรือไงหือหนุ่มน้อย” ใบหม่อนนั่งลงข้างผมก่อนจะร้องถามพร้อมกับยกมือมาหยิกแก้มผมไปด้วย



เจ็บนะ...



ผมยู่ปากยกมือลูบแก้มตัวเองเบาๆ ใบหม่อนใจร้าย ทุกคนเลยแหละใจร้าย ชอบหยิกแก้มผมอยู่เรื่อยเลย



“เราไม่ได้หลงทางบ่อยขนาดนั้นเสียหน่อย”



“ทุกวัน!” พอผมพูดแบบนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันพูด ทำให้ผมยิ่งยู่หน้ามากกว่าเดิม อะไรกันผมไม่ใช่พวกที่จะหลงทางทุกวันเสียหน่อย



“ไม่หลงไปคณะนิเทศ ก็ไปคณะเกษตร ก็คณะพวกแพทย์ หลงไปแต่ละที่ไม่ได้ใกล้กับคณะเราเลยสักนิด” สาที่นั่งข้างผมอีกข้างพูด แถมเอาอีกแล้ว... ยกมือมาหยิกแก้มผมอีกแล้ว



ฮึ่ม!



ผมเปลี่ยนจากทำหน้ายู่ปากยู่เป็นทำหน้าบึ้งแก้มพองแทน แต่ดูเหมือนจะถูกใจพวกสาวๆ เขาถึงยื่นนิ้วมาจิ้มแก้มผมกันใหญ่ ก่อนที่ตินาจะถามผมต่อ “ไหนบอกมาสิว่าทำไมวันนี้ถึงไม่หลงทางไปไหน”



ผมขยับหน้าหลบมือของพวกสาวๆ ยกมือลูบแก้มตัวเอง มันต้องแดงแน่ๆ เลยรู้สึกเจ็บนิดๆ เหมือนกันนะ ทำไมสาวๆ พวกนี้ชอบทำรุนแรงกับผมอยู่เลยเรื่อย ผมตั้งท่าจะตอบตินาแต่ก็ยังไม่ได้ตอบเมื่อใบหม่อนหันไปหยิบหลอดสีที่ผมเพิ่งซื้อใหม่มา



“อ้าว... ซื้อสีมาใหม่แล้วเหรอ ไปซื้อมาเมื่อไหร่” พอใบหม่อนถามแบบนั้น สาวๆ ที่เหลือก็แปลงร่างกันทันที



ตินาจ้องผมเขม็งเลย สาก็เหมือนกัน คนอื่นๆ อีก ทำไมต้องจ้องกันแบบนี้ด้วยละ ผมทำอะไรผิดหรือ



“ว่าไงเรน ไปซื้อสีมาเมื่อไหร่ เมื่อวานก็ไม่มีเรียน ไปซื้อที่ไหน เมื่อไหร่กับใคร” ตินาถาม



ผมหันมองหน้าแต่ละคนก่อนจะทำปากยื่นนิดๆ สาวๆ ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กเลย แต่ผมก็เข้าใจนะครับว่าทุกคนเป็นห่วง เอาจริงๆ... ผมก็เป็นพวกชอบหลงทางบ่อยๆ แถมบางครั้งยังขี้ลืมอีกต่างหากพวกตินาเลยค่อนข้างเป็นห่วงครับ



“ว่ายังไงเรน บอกพวกเรามาสิ” สาถามย้ำ



ฮือ... ทำไมต้องทำหน้าดุกันด้วยละ



“ไปซื้อมาเมื่อวาน อ๊ะ! อย่าเพิ่งว่าเรานะ ฟังให้จบก่อน” ผมรีบยกมือห้ามทั้งสองมือทันทีเมื่อเห็นพวกสาวๆ ตั้งท่าจะพูดแล้วผมจึงพูดต่อ “เมื่อวาน... เราอยู่ห้องเบื่อๆ แล้วสีก็หมดแล้วเราก็เลยอยากจะไปซื้อสี ก็ตั้งใจจะไปซื้อที่ห้างนั่นแหละ แล้วตอนกำลังจะไปก็เจอกับ... น้องกายพอดี”



“น้องกาย?” ใบหม่อนทวน “น้องกาย เดือนนิเทศน่ะเหรอ”



ผมเอียงคอทำหน้านึก “น้องคนนั้นที่มาขอโทษเราเรื่องรูปไง”



“อาฮะ... ไปเจอเจ้าเด็กนั่นแล้วยังไงต่อ”



ผมหันไปมองตินา ทำไมต้องทำเสียงเข้มด้วยนะ... “แล้วน้องเขาจะไปซื้อของที่ห้างพอดี เราก็เลยไปด้วยกัน”



“ทำไมไม่ระวังตัวเลยนะเรน นี่ก็ตามเขาไปง่ายๆ เหลือเกิน เกิดเจ้าเด็กนั้นพาไปทำอะไรไม่ดีขึ้นมาจะทำยังไง” ตินาขมวดคิ้วแล้วมองผมดุๆ



“แต่น้องเขาก็รู้จักกับพวกเรานี่ ดูท่าสนิทกับพวกตินาด้วย” ผมพูดก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงงอนๆ “ถึงเราจะขี้ลืมบ้าง หลงทางบ้างแต่ก็ไม่ได้เอ๋อขนาดแยกคนไม่ออกเสียหน่อย”



ชอบมองผมเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลย



พอได้ยินผมพูดแบบนั้นทุกคนก็หัวเราะชอบใจใหญ่ ผมไม่ได้เอ๋อสักหน่อย ฮึ่ม!



“โอเคๆ ไม่ต้องทำหน้างอนนะจ้ะหนุ่มน้อย” ใบหม่อนว่าอย่างเสียงงอนง้อ “แล้วเช้านี้ละ”



“เช้านี้เราไปกินข้าวกับน้องกายมา น้องก็เลยพามาส่งไม่ได้หลงทางไปไหนให้ทุกคนมาสงสัยนี่ไงล่ะ” ผมกอดอกพูดอย่างงอนๆ แต่ก็ไม่ได้งอนจริงหรอกครับ แกล้งเล่นเพราะเวลาพวกสาวๆ ง้อผมน่ารักดี



แต่คราวนี้มาแปลก... ทำไมไม่พูดง้อผมนะแต่กลับหันไปมองหน้ากันเสียอย่างนั้น หรือผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?



ผมเอียงคอพลางนึกว่าตัวเองพูดอะไรผิดออกไปแต่ก็ไม่นี่นา... ที่เล่าออกไปก็เป็นเรื่องจริงหมดทุกอย่าง ที่จริงต้องขอบคุณน้องกายด้วยนะเนี่ย... เพราะถ้าไม่ได้น้องกายผมอาจจะหลงไปแบริ่งแทนไปสยาม แล้วหมีก็คงได้อดข้าวแน่นอนเลย



ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่ว่าทำไมถึงได้เป็นคนขี้หลงขี้ลืมแล้วก็หลงทางเก่งขนาดนี้ ขนาดในมหา’ลัย อยู่มาสองปีเต็มๆ ผมยังเดินหลงเลยครับ เฮ้อ...



“ถอนหายใจทำไม” สาหันมาถามผม



ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆ ผมถอนหายใจเหรอ ผมนึกว่าผมแค่คิดในใจเฉยๆ เสียอีก “ก็เปล่าหรอก กำลังคิดอยู่ว่าทำไมเราถึงได้ขยันหลงทางขนาดนี้นะ”



“เพราะแกน่ะมันเอ๋อ... ยังไงล่ะ” สาพูด บีบแก้มผมอีกแล้ว ฮือ... ขยันบีบแก้มผมกันจริงๆ เลยพวกนี้



“ฮือ... เราเจ็บนะ ทำไมชอบบีบแก้มเรา” ผมว่าทำหน้าบึ้ง ยกมือทั้งสองข้างกุมแก้มตัวเองเอาไว้ป้องกันไม่ให้พวกสาวๆ มาบีบแก้มผมอีก คราวหลังผมจะใส่หมวกกันน็อคเอาไว้แล้ว จะได้บีบแก้มผมไม่ได้!



พวกสาวๆ หัวเราะชอบใจกับท่าทางของผมก่อนที่ใบหม่อนจะถามผมต่อ “แล้วเมื่อวานที่ไปกับกาย เจ้าเด็กนั่นทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า”



“อะไรไม่ดี? หมายถึงอะไรเหรอ... ก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีนะก็แค่ไปซื้อของกันเฉยๆ แล้วก็กลับมากินข้าวกันแค่นั้นเอง” ผมตอบ



“แล้วเรนคิดว่าเจอเด็กนั่นเป็นยังไงบ้าง” คราวนี้เป็นตินาที่ถามผมครับ



“ก็... เป็นเด็กที่แปลกดีนะ” ผมตอบยิ้มๆ ก่อนจะพูดอธิบายต่อเมื่อพวกสาวๆ ทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด “บางครั้งก็ทำหน้าตลกๆ ออกมาแบบไม่รู้ตัว ก็ไม่ได้ทำหน้าแปลกๆ หรอกแต่แค่อยู่ๆ ก็ยิ้มกว้าง เดี๋ยวก็ยิ้มนิดๆ เดี๋ยวก็ทำเป็นหน้านิ่งแต่มุมปากยิ้มไม่หุบ เห็นแล้วก็ตลกดีนะ”



ใช่แล้วล่ะครับ... น้องกายตลกดีนะผมว่า พอเห็นผมก็ทำหน้าดีใจใหญ่แต่แปบเดียวก็ทำเป็นนิ่งๆ แต่ก็เห็นว่าแอบยิ้มบ่อยๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่แต่ดูๆ ไปแล้วก็ตลกดีครับ ฮ่าๆๆ



คนอะไรแค่จะยิ้มยังมีหลายหน้าเลย แปลกดีเนอะ



“เฮ้อ! จะเรียกว่าซื่อหรือบื้อดีเนี่ย!” สาพูดให้ผมหันไปมองอย่างงงๆ



เมื่อกี้ที่สาพูดนี่หมายถึงใครกันนะ น้องกายนั่นเหรอ... “สาไปว่าน้องเขาทำไม”



พอผมถามไปแบบนั้นสาก็กรอกตาไปมาก่อนจะเปลี่ยนเรื่องชวนขึ้นไปบนห้องเรียนแทน “พูดไปก็ไม่เข้าใจหรอก ฉันว่าเราขึ้นไปบนห้องกันดีกว่า เดี๋ยวจะถึงเวลาเรียนแล้ว”



“นั่นสินะ... พูดกับคนซื่อไปก็คงไม่เข้าใจหรอก เฮ้อ...” ใบหม่อนพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน



“คงอีกนานเลยล่ะกว่าจะหายซื่อ” ตินาพูดบ้าง แล้วทั้งสามสาวก็ลุกเดินไปให้ผมมองตามอย่างงงๆ ก่อนจะรีบหยิบของแล้วเดินตามไป ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกนั้นพูดเลยสักนิดเดียว



อะไรกันนะ...






************************************************
แทบจะคลานเข้ามาอัพนิยายกันเลยทีเดียว 3 วันผ่านไปกับการทำงานที่บริษัทใหม่ เข้างานสายก็จริงแต่ต้องตื่นตั้งกะตี 5 เพื่อฝ่ารถติดเส้นพหลฯ ไปขึ้นใต้ดิน เลิกงาน 6 โมงเย็นที่กว่าจะถึงหอ 2 ทุ่ม เวลาแต่งนิยายหดหายแบบสุดๆ เลยค่ะ ฮืออ อยากจะร้องไห้ อาจจะมาช้าหน่อยในแต่ละครั้ง แต่จะพยายามไม่ขาดหายไปไหนนะคะ

บ่นไปแล้วมาต่อที่เนื้อเรื่องกันบ้างดีกว่า ใครหมั่นไส้น้องกาย แล้วก็อยากฟัดพี่เรนบ้างยกมือขึ้นค่ะ (ฟางรีบยกมือคนแรกเลย) เป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันทั้งสองคนแต่ก็ฟินสุดๆ เช่นกัน ฮ๊า~ พี่เรนก็น่ารักเหลือเกิน จะเอียงคอ จะยู่หน้า ยู่ปาก ทำหน้าบึ้ง จะกุมแก้ม จะทำอะไรๆ ก็น่ารักน่าเอ็นดูไปโหม๊ดดดดดด!!! หลงรักที่สุด!

ข่าวดีสำหรับคนติดตามนิยายเรื่องนี้ นิยายเรื่องนี้ “ไม่มีดราม่า” นะจ้ะ ขีดเส้นใต้และทำตัวหนาเลยทีเดียว อ่านสนุกๆ เพลินๆ เหมือนเรื่อง #อุ่นไอรักBL นะ ^^

ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะคะ

ปล. อ่านแล้วไม่เมนต์ เดี๋ยวฟางไม่อัพให้อ่านนะคะ ^^

อ่านแล้วอย่าลืมให้กำลังใจคนแต่งนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งนิยายให้อ่านกันค่ะ อย่าเงียบนะคะใจคอไม่ดีเลยค่ะ คอมเมนต์คือกำลังใจของคนเขียนนะคะ ^^


สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi

สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC

เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)

รักน้องกายพี่เรนกันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกายพี่เรนนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อ่านพาร์ทพี่เรนตอนคุยกับหมี แล้วรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงพี่เรนแง๊วๆๆๆ

น่าร๊ากกกกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด