:: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เปิดจอง PRE-ORDER
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เปิดจอง PRE-ORDER  (อ่าน 24985 ครั้ง)

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

---------

คุยกับนักเขียนนิดนึง ~

เรื่องโรคของอลันไม่มีอยู่จริงค่ะ อาการอาจจะดูผิดเพี้ยนไปบ้าง เราลองพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการต่างๆ แล้ว เอามาแต่ง
อาจจะผิดพลาดไปบ้างกับวิธีการรักษา หรืออาการบางอาการดูแปลกๆ ก็ขออภัย มา ณ ที่นี้ค่ะ  :sad4:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-02-2019 23:21:45 โดย Foggy Time »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ปาดดดดดดดดดดด  :hao7:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
เสียงแว่วครั้งที่ 1 : พบกันครั้งแรก 
         
รางเหล็กคู่ขนานเหยียดยาวไปไกลแทบลับสายตาชวนให้ถอนหายใจยาวยามที่มองและครุ่นคิดในใจว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะถึงจุดปลายทาง
               
แต่เมื่อมีความยากลำบากย่อมมีผู้ท้าชิง
               
ร่างสมส่วนสวมเสื้อโค้ทหนาสะพายเป้ใบโตที่บรรจุไปด้วยอาหารของใช้ต่างๆ กำลังเดินอยู่บนรางอย่างใจเย็น
               
ผมสีขาวโพลนแปลกตาสำหรับผู้พบเห็น
               
กับร่างสี่เท้าขนาดยักษ์ที่กำลังเดินเคียงคู่กัน
         
นับว่าเป็นภาพที่ชวนให้ประหลาดใจ
               
เพราะสัตว์ที่เท้าขนาดยักษ์นั้นมีช่วงบนมนุษย์แต่ช่วงล่างกลับเป็นอาชา


         
ผมสีน้ำตาลอ่อนสีเฮลเซนัทปลิวยุ่งเหยิงเมื่อสายลมของฤดูใบไม้ผลิพัดกระทบ
               
ดวงตาสีฟ้ากลอกไปมาเบื่อๆ ดึงหมวกโค้ทมาคลุมหัวตัวเอง
               
ก้าวขาเดินไปตามทางรถไฟอย่างเชื่องช้า ฟังเสียงนกที่ร้องจ้องแจกอยู่บนต้นไม้ หยุดมองท้องฟ้ากระจ่างใสที่เต็มไปด้วยหมู่เมฆทำให้อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่
               
รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าและผิวปากออกมาอย่างอารมณ์ดี
               
ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าเจ็บปวดเหลือร้าย
               
เขากุมท้องงองุ้มอย่างทรมาน น้ำตาเม็ดใสไหลหยดออกมาจากดวงตาอย่างห้ามไม่ได้ ริมฝีปากเผลอกัดจนเป็นแผลช้ำ เขารีบนั่งบนพื้นถอดกระเป๋าออกมาอย่างลุกลี้ลุกลนควานหายาในช่องกระเป๋าหน้า หยิบเม็ดยาสีขาวคุ้นเคยกลืนใส่ปากทันทีโดยไม่ต้องพึ่งน้ำ
         
แต่ต่อให้กินยาเข้าไปมันก็ไม่ได้ระงับความเจ็บปวดแต่อย่างใด มวลท้องยังคิดบิดเร่าไปมาราวกับกำลังเต้นเพลงจังหวะร็อค เขานอนงองุ้มดวงตาเบิกโพลง หอบหายใจหนักหน่วง มือกำแน่นหวังจะแบ่งเบาความรู้สึกเจ็บปวดออกไปยังมือแทน
               
เสียงนกยังคงดังเจื้อยแจ้ว
               
แม้ว่าเสียงร่างครวญครางบนพื้นด้วยความเจ็บปวดดังกว่าเสียงมัน
               
ใบหญ้าพัดปลิวน้อยๆ เมื่อลมผ่านลู่ใบ
               
ผิวขาวซีดของเขาเย็นเฉียบกว่าเดิมทั้งๆ ที่สวมเสื้อโค้ทหนา
               
ข้าวของกระจัดกระจายบนพื้นทำให้เขาต้องลงมือเก็บมันยัดใส่กระเป๋าอีกครั้งเมื่ออาการดีขึ้น โดยที่ไม่รู้ตัวผมสีเฮลนัทได้ถูกสีขาวกลืนกินไปแล้วเล็กน้อย
         
เขาสบถออกมาอย่างหงุดหงิด มือยีหัวตัวเองจนยุ่งเหยิง ดวงสีกระจ่างใสมีสีแดงก่ำขึ้น เขากำลังคิดถึงอดีตที่ผ่านมาของเขาแม้ว่ามันจะทำให้เขาหงุดหงิดจนแทบคลั่ง
               
เขาเคยที่มีชีวิตที่ดี
               
ทุกอย่างกำลังไปด้วยสวย
               
จนกระทั่งโรคงี่เง่าบางอย่างมาครอบงำ
               

อลัน เป็นชื่อของเด็กกำพร้าที่เติบโตมาในศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้า ทุกคนล้วนเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดีเช่นเดียวกับทุกคนที่อาศัยอยู่ด้วยกันแต่ดูเขาจะเป็นที่เอ็นดูมากกว่าคนอื่นเป็นพิเศษ
               
ผมสีน้ำตาลฮอลนัทกับดวงสีตาสีฟ้าที่เจือไปด้วยความร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ
               
เรียกให้ใครทั้งหลายต่างพากันเอ็นดู
         
แต่ทุกอย่างก็พลิกผัน
               
เมื่ออลันอายุ 18 ปี
               
ในระหว่างที่เขากำลังทำงานพิเศษเป็นรายได้เสริมอยู่นั้น อยู่ๆ เขาก็ล้มลงไปกองบนพื้นและหยุดหายใจไปในทันที ทุกคนตกใจมากรีบพาอลันไปโรงพยาบาล แต่เมื่อถึงโรงพยาบาลอลันกลับฟื้นพอดีและเดินเหินปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
               
ซึ่งถ้าหากมันเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวคงสามารถใช้เล่นเป็นมุขตลกได้
               
เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวสิ
               
หลายต่อหลายครั้งที่อลันทำให้คนอื่นตกใจ
               
การลงไปชักบนพื้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย การไอเป็นเลือดในบางวัน การเกิดตุ่มตามตั้วทั้งๆ ที่ไม่ได้ไปทำอะไรมา
               
อลันตระเวนหาหมอไปทั่วหวังจะรักษาโรคที่กำลังคุกคามตัวเองให้หายขาด
               
แต่ไม่เป็นผล
               
ทุกคนหวาดกลัวอลัน
               
ไม่กล้าแม้แต่จะร่วมมื้อบนโต๊ะอาหาร เพียงแค่ว่ากลัวติดโรคที่ไม่สามารถบอกที่มาได้ของอลัน
               
จากคนร่าเริงอยู่เป็นนิจกลายเป็นคนที่เงียบ พูดน้อย
               
อลันตัดสินใจหนีออกจากที่นี้
         
เงินเก็บจากการทำงานพิเศษถูกละลายไปกับการซื้อยาระงับอาการราคาแพง อาหารกระป๋อง อาหารแห้ง กระติกน้ำทหาร ของใช้จิปาถะ เงินส่วนที่เหลืออยู่อีกส่วนถูกเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น
               
สิ่งที่อลันขาดก็คือโค้ทดีๆ ใช้สำหรับกันแดดกันหนาวสักตัว
         
เงินที่ยังพอเหลือไม่สามารถนำมาใช้ซื้อได้ แต่เอาเข้าจริงก็มีอยู่ตัวนึงที่พอจะหยิบยืมมาใช้ได้
               
ไม่สิ เรียกว่ามันคือการขโมยดีกว่า
               
อลันเป็นเด็กดีมาตลอดแม้จะถูกรังเกียจก็ตาม ในครั้งนี้อลันได้ฉีกฉากหน้าของตัวเองเป็นชิ้นๆ ด้วยการขโมยเสื้อโค้ทเนื้อดีของลุงวิลเลียมที่เป็นผู้ดูแลหลักในตอนนี้
               
ลุงวิลเลียมเป็นคนเดียวที่ไม่รังเกียจอลัน
               
อลันรู้ตัวดีว่ากำลังทรยศความเชื่อใจของลุงวิลเลียม
               
แต่มันช่วยไม่ได้
               
ในเมื่อเงินในกระเป๋าที่มียังไม่พอซื้อหมากฝรั่งด้วยซ้ำ
               
อลันขโมยมันในวันที่จะหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ ลุงวิลเลียมกำลังนั่งจิบกาแฟไออุ่นๆ ลอยกรุ่นปะทะใบหน้าและส่งกลิ่นหอมชองกาแฟ ลุงวิลเลียมยิ้มและกล่าวอรุณสวัสดิ์เมื่อเห็นอลันเดินเข้าไปใกล้ อลันไม่แสดงสีหน้าอะไรกระชับกระเป๋าใบโตที่ถูกบรรจุของไว้จนเต็มคว้าเสื้อโค้ทที่ถูกถอดพาดไว้บนเก้าอี้
               
อลันวิ่งสุดฝีเท้าหนีออกมาล้วงหากระเป๋าเงินที่ลุงวิลเลียมที่ชอบยัดใส่ไว้ในกระเป๋าและขว้างมันใส่ลุงวิลเลียมที่วิ่งไล่หลังตามมาด้วยสีหน้างุนงงเนื้อตัวเปรอะไปด้วยคราบกาแฟ
               
อลันยิ้มจางค่อยๆ ชะลอฝีเท้าลงหอบหายใจเรียกอากาศที่เสียไปกลับคืนสู่ร่างกาย อลันเอ่ยพึมพำสั้นๆ หน้าสถานกำพร้าหลังโตที่เห็นอยู่ไกลๆ
               
“ ขอบคุณ ”
               
เสียงพูดเบาๆ ของอลันถูกเสียงลมประจำฤดูพลัดกลบไป
               
มีเพียงต้นไม้อากาศเป็นพยาน
 
               
การเดินทางของอลันเริ่มต้นจากการได้ยินข่าวลือเล็กๆ จากลูกค้าที่พูดคุยกัน  ว่าสุดทางรถไฟสายเก่ามีสถานีรถไฟที่ถูกเปลี่ยนเป็นบ้านพักเและมีหมอฝีมือเทวดาสามารถรักษาโรคทุกโรคให้หายขาด
               
ในครั้งแรกอลันไม่ได้สนใจคิดว่าเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ แต่บ่อยครั้งที่เรื่องนี้ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นสนทนาทำให้ความสงสัยถูกกลบไปด้วยหวังแทน
               
เพราะข่าวลือนี้ช่วยให้อลันตัดสินใจกระทำในสิ่งตัวเองยังคาดไม่ถึง
               
อย่างการตัดสินใจเดินทางไปที่ๆ ว่า
               
อลันยกยิ้มจางถือถาดกาแฟไปเสิร์ฟโต๊ะลูกค้าที่พูดคุยกันอย่างออกรส และประเด็นสนทนาก็ไม่พ้นเรื่องที่อลันได้ยินมา รอยยิ้มจางช่วยให้การตอบคำถามทำได้ง่ายขึ้น อลันเชื่ออย่างนั้นและก็เป็นตามที่คิด
               
สาวผมบรอนด์ชุดกระโปรงลูกไม้ชิงบอกอลันก่อนทันทีถึงรายละเอียดที่อลันต้องการจะรู้ ริมฝีปากสีแดงสดไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพูดแต่อย่างใดร่ายยาวจนเพื่อนที่มาด้วยกันถึงกับปรามและแอบกัดเบาๆ ถึงความบ้าผู้ชาย
               
อลันแกล้งทำหูทวนลมเมื่อได้ยินคำด่ารุนแรงที่สาวผมบรอนด์ถูกด่า
               
ทำยังไงได้ในเมื่อข้อมูลมันสำคัญ
               
เมื่อรู้สึกว่าคำพูดที่เหลือมีเพียงน้ำหาเนื้อความไม่เจอถึงขอลาออกมาอย่างสุภาพ
               
ส่วนข้อมูลที่ได้เพิ่มเติมมาก็คุ้มค่าชวนให้พอใจอยู่เหมือนกัน
               
ทางรถไฟสายเก่าที่ถูกระงับการใช้ไปเมื่อปีสองปีที่แล้ว เดินขึ้นไปทางเหนือเรื่อยๆ จนกระทั่งสิ้นสุดถึงจะถึงจุดหมาย แผนที่ในมืออลันช่วยบอกกลายๆ ว่าระยะทางนั่นไม่ได้เป็นเพียงวันสองวันถึง
               
แม้กระทั่งแรมปีก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะถึงหรือไม่
               
สภาพร่างกายแย่ๆ ที่ไม่สามารถเอาแน่เอานอนได้
               
แต่ทางเลือกที่น่าสนใจมีเพียงเท่านี้
               
อย่างน้อยๆ การเดินทางน่าจะทำให้มีความสุขกว่าการถูกรังเกียจไปวันๆ อลันตัดสินใจที่จะไปแม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่ได้ยินมาอาจเป็นข่าวลือไร้สาระก็ตาม
               
การเดินทางบนทางรถไฟคงจะให้ความรู้สึกที่ดี
               
อลันหวังอย่างนั้น
 
               
ปลากระป๋องซอสมะเขือเทศราคาถูกกำลังโดนอลันเขี่ยไปมาด้วยความเบื่อหน่าย ลิ้นสีชมพูแลบลิ้นที่เปรอะไปด้วยซอสออกมาทำหน้าเหยเก “ รู้งี้ซื้อซอสอื่นมาด้วยก็ดีหรอก ” ถึงกำลังพร่ำบ่นแต่ก็ยัดเข้าปากของตัวเองอยู่ดี
               
อลันนั่งใต้ต้นโอ๊กต้นยักษ์ที่แผ่กิ่งก้านออกมาปกคลุมไปทั่วบริเวณทางรถไฟเก่าๆ ถูกหญ้าเขียวขึ้นคลุมจนเหมือนเบาะนุ่มๆ จากธรรมชาติ แดดแรงเจิดจ้าที่อยู่ตรงหัวพอดีจึงทำได้เพียงโลมเลียใบไม้เท่านั้น
               
อลันจิบน้ำที่มีอย่างประหยัดเพราะไม่อาจรู้ได้ว่าอีกนานเท่าไหร่จะเจอแหล่งน้ำหรือเจอเมืองที่พอลงไปซื้ออะไรกินได้ ทางรถไฟสายเก่านั้นถูกตัดผ่านป่าบ้างเมืองบ้างสลับกันไปจากการศึกษาแผนที่
               
อลันคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อลมเย็นๆ พัดผ่าน
               
ความจริงแล้วอลันคนเดิมไม่ได้หายไปไหนแต่อย่างใด
               
เพียงแค่บุคลิกที่แสดงต่อคนอื่นเป็นเย็นชาเท่านั้น
               
สวบ..
               
เสียงการขยับตัวหลังพุ่มไม้ทำเอาอลันสะดุ้งคว้ามีดที่เหน็บไว้ตรงเอวมาถือ แววตาสั่นน้อยๆ เพราะความหวั่นวิตก การเดินทางในป่าก็เหมือนก้าวขาอยู่ในนรกอยู่กลายๆ
               
คุณไม่มีทางรู้เลยว่าสัตว์ร้ายมันจะออกมาอาละวาดตอนไหน
               
มีดเงินลวดลายสลักสะท้านประกายแสงชวนให้กลืนน้ำลายกับความคมกริบของมัน
               
เงินทำงานพิเศษของอลันถูกมีดเล่มนี้ผลาญไปเยอะพอสมควร ความประณีตของด้ามจับที่สลักลวดลายประจำเมือง เหล็กเนื้อดีที่ถูกตีด้วยเตาร้อนๆ หลายเหตุผลช่วยให้อลันยอมซื้อมันมา แต่เหตุผลที่ดูมีอิทธิพลกับเจ้าตัวมากที่สุดเห็นจะเป็นความชอบ
               
สวบ..
               
เสียงย่างก้าวดังขึ้นอีกครั้ง
               
อลันกลืนน้ำลายเอือกกระชับมือที่ถือมีด ในหัวนึกถึงภาพยนตร์ที่มีโอกาสได้ดู ภาพฉากการต่อสู้ระหว่างคนร้ายกับพระเอกปรากฎขึ้นมาเป็นฉากๆ ในหัวอลัน หน้าของอลันกลายเป็นใบหน้าบึ้งตึง ในหัวมีเพียงการต่อสู้ด้วยปืนเท่านั้น สิ่งที่พอจะใช้ได้คือสิ่งที่รู้อยู่แล้ว
               
จ้วง แทง จ้วง แทง
               
อลันท่องในใจถ้าหากร่างที่ปรากฏออกมาเป็นสัตว์ร้ายพุ่งกระโจนใส่
               
ผลุบ..
               
อลันถอนหายใจยาวเก็บมีดเหน็บเข้าที่เอวดังเดิม ย่างเท้าเข้าไปใกล้กระต่ายป่าสีน้ำตาลตัวอ้วนที่ดูจะได้รับบาดเจ็บบริเวณขา ดวงตาสีทับทิมจ้องมองอลันราวกับกำลังของความช่วยเหลืออยู่กลายๆ บนตัวของมันมีแผลฉกรรจ์อยู่สองสามแผลแต่แผลที่ดูใหม่ที่สุดเห็นจะเป็นรอยเล็บลากยาวตรงคอที่ลึกพอให้ขนให้ไปแถบนึง
               
เป็นกระต่ายที่ตายยากชะมัด
               
อลันให้นิยามกับกระต่ายป่าที่กระโดดผลุบเข้ามาหาคล้ายกำลังขอความช่วยเหลือ
               
แปลว่ากระต่ายตัวนี้เคยได้รับการรักษาจากมนุษย์หรือไม่ก็เคยถูกเลี้ยงมาก่อน
               
อลันยืนชั่งใจอยู่สักพักว่าจะยอมสละยาของตัวให้มันดีหรือไม่ แต่จนรอดจนแล้วก็ทนสายตาของเจ้ากระต่ายป่าไม่ไหวยอมควักยากับผ้าก็อซออกมาทำแผลให้มัน
               
“ กระต่ายงี่เง่า ”
               
อลันสบถใส่กระต่ายป่าที่เมื่อพันแผลให้มันเสร็จมันกระโดดโหยงเหยงเตี้ยๆ อยู่สองสามทีก็กระโดดพรวดหายไปเลย อลันเก็บยากับเศษผ้ากอซจัดใส่กระเป๋าเหมือนเดิมและยิ้มเมื่อออกมาเมื่อจัดออกมาแล้วดูเป็นระเบียบดี อลันผลุบลุกขึ้นยืนสะพายเป้ใบโตที่น้ำหนักไม่น้อยออกเดินทางอีกครั้ง
               
ท้องว่างๆ ของอลันถูกเติมเต็มด้วยปลากระป๋อง
               
ร้องเท้าผ้าใบเก่าที่ดูวินเทจเหยียบย่ำอยู่บนเหล็กขึ้นสนิม
               
เสียงฮัมเพลงในลำคอดังแว่วไปในสายลม
               
ร่มสีเทาถูกกางออกบดบังแสงแดดเมื่อร่มไม้แผ่ขยายมาไม่ถึง
               
อลันกำลังเพลิดเพลินกับการเดินทางครั้งนี้อย่างที่เจ้าตัวหวังไว้ บรรยากาศเงียบสงบ ร่มไม้ ทุกอย่างขับกล่อมให้อลันอารมณ์ดีได้ง่ายๆ ไม่มีสายตาหวาดกลัวคอยจับจ้อง ไม่ต้องกังวลยามที่อาการกำเริบ ไม่ต้องกลายเป็นภาระของใครให้เป็นที่หนักใจ
               
อลันเริ่มรู้สึกชอบการเดินทางครั้งนี้
               
ความผูกพันกับรางคู่สายยาวทักทอขึ้นมาอย่างช้าๆ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
               
กุบ กับ..
               
เสียงฝีเท้าบางอย่างดังแว่วมาตามสายลม
               
อลันหยุดฮัมเพลงทันทีหันไปรอบตัวเพื่อหาต้นกำเนิดเสียงอย่างตื่นตระหนก อลันเงี่ยหูฟังอยู่สักพักพบว่าไม่มีเสียงอะไรแปลกๆ ดังขึ้นมาอีก จึงเดินต่อไปพร้อมกับฮัมเพลงใหม่
               
คงจะหูฝาดไปเอง
               
อลันคิดเงียบๆ  หมุนร่มในมือเล่น ดวงตาสีฟ้าหลุกหลิกไปมาตามทางที่ย่างผ่าน ฝูงผีเสื้อที่บินเอื่อยๆ ตามดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ประปราย เสียงสวบสาบดังขึ้นไกลๆ ที่อลันอนุมานว่าคงเป็นเจ้ากระต่ายป่านั้นแน่ๆ
               
สาเหตุของบาดแผลตามตัวของมันคงไม่พ้นเหตุนี้ล่ะมั้ง
               
อลันหัวเราะเบาๆ ในความบ้าของเจ้ากระต่ายที่ทำเสียงสวบสาบให้ผู้ล่ารู้ตัวจนสามารถไล่กัดมันได้ แต่ดูๆ แล้วมันก็คงไม่ใช่เล่นเหมือนกันถึงสามารถหลีกหนีความตายมาได้หลายต่อหลายครั้ง
               
เสียงหัวเราะของอลันชะงักไปทันควัน
               
เมื่อภาพตรงหน้าได้กลายเป็นสีดำสนิท
               
อลันขยี้ตาหลับตาและลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล
               
โลกสีดำทั้งใบกำลังเป็นของอลัน
               
อลันคลี่ยิ้มเยาะตัวเอง โรคบ้าๆ กำลังกำเริบขึ้นมาอีกครั้งแล้ว เพียงแต่คราวนี้มันไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรืออะไรเพียงแต่ทำให้มองอะไรไม่เห็นเท่านั้น
               
อลันหุบร่มลงใช้มันกึ่งไม้เท้าในการพาร่างของตัวเองเดินต่อไปอย่างไม่แยแส
               
เอาสิ
               
อยากทำอะไรก็ทำไปเลย กับร่างกายห่วยๆ ร่างนี้
               
 อลันก้าวพลาดกับรางเหล็กจนหน้าคะมำลงไปกองบนพื้น ใบหน้าของอลันถูกเศษหินบาดเป็นทางยาว เลือดสีแดงหยดซึมออกมาจากแผลทันที อลันนอนงองุ้มอยู่บนพื้นหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
               
เสียงแหบต่ำฟังขัดหู
               
 น้ำตาที่ไหลพรากออกมาจากดวงตา
               
อลันก้มหน้ากอดตัวเอง
               
เสียงสะอึกสะอื้นดังแว่ว
               
บอกถึงความเจ็บปวด
               
ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าเหมือนกับไม่แยแสหรือความปราณีใดๆ แผดเผาทุกสิ่งที่อยู่เบื้องล่าง
         
ผิวขาวของอลันเริ่มเปลี่ยนเป๊นสีแดงเพราะความร้อน
               
เหงื่อผุดขึ้นตามตัวจนทั้งตัวอลันชุ่มไปด้วยเหงื่อ
               
อลันควานหาร่มที่หลุดมือตอนล้มอย่างสะเปะสะปะ
               
สิ่งที่ควานหาเจอมีเพียงอากาศ
         
อลันกัดฟันข่มอารมณ์ตัวเองที่เริ่มพลุ่กพล่านอีกครั้ง
               
ร่มคันสีเทานั้นอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือของเจ้าของ
               
ถ้าหากอลันเอื้อมยาวกว่านี้จะพบกับมันพอดี
               
แต่แล้วความพยายามของอลันก็สำเร็จผล อลันหยิบร่มมาถือหยัดตัวขึ้นยืนก้าวขาเดินอย่างระมัดระวังใช้ร่มเคาะไปตามทางข้างหน้าพยายามหาที่ร่มในการพักชั่วคราว
               
แดดที่แผดเผาคล้ายกับหัวเราะเยาะอลันอยู่กลายๆ ว่าร่มไม้ไม่สามารถป้องกันมันได้
               
กุบ กับ..
               
เสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง
               
อลันหยุดเดินทันควัน สูดหายใจลึกเรียกสติที่มีอยู่น้อยนิดกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว
 
เขาไม่ได้หูฝาด..
               
อลันทำอะไรไม่ถูก เหงื่อของอลันหยดติ๋ง
               
ร่มคันสีเทาถูกกางขึ้นมาบังแดดร้อนระอุ
               
แต่อากาศร้อนๆ นี่สามารถแก้ปัญหาได้
               
ในตอนนี้ไม่มีแม้แต่เสียงนกร้อง
               
มีเพียงความเงียบงัน
               
อลันไม่กล้าเดินหรือขยับตัวอะไรทั้งนั้น
               
ถึงแม้มองไม่เห็นแต่กลับรู้สึกถึงร่างใหญ่โตที่อยู่ใกล้ๆ
               
“ เฮ้ยยย ” อลันหลุดเสียงร้องออกมาดังลั่นเมื่อตัวของตัวเองลอยหวือขึ้น
               
แขนมนุษย์ ?
               
อลันครางในลำคออย่างงุนงงรู้สึกถึงแขนหยาบๆ ที่กำลังประคองตัวเองขึ้นมาเหมือนในภาพนิตยสารงานแต่งงานที่ฝ่ายหญิงถูกฝ่ายชายโอบอุ้ม
               
และเขากำลังเป็นฝ่ายหญิงในรูปนั้น
               
“ ปล่อยฉันลง !! ” อลันดิ้นขลุกขลักพยายามใช้ร่มในมือฟาดมั่วไปทั่ว
               
จนกระทั่งเจอสัมผัสแข็งๆ ก็กระหน่ำรัวฟาดทันที
               
คล้ายกับกำลังหงุดหงิด ร่างที่โอบอุ้มอลันยกเท้าคู่หน้าชึ้นสูง
               
อลันร้องเสียงหลงหยุดใช้ร่มตีทำร้ายร่างที่กำลังโอบอุ้ม
               
อลันกลืนน้ำลายลงคอหวั่นๆ ไม่กล้าทำอะไรอีก ร่มในมือที่ยังคงกางอยู่อลันก็หุบมันลงมากอดไว้อย่างสงบเสงี่ยมกลัวว่าจะโดนหงุดหงิดใส่
               
โลกมืดๆ นี่น่ารำคาญชะมัด
               
อลันหลับตาลงปล่อยให้ร่างของตัวเองถูกลักพาตัวไปยังที่ไหนสักที่
               
รู้สึกหวาดกลัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
               
อลันตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย
               
ถ้าหากต้องการจะฆ่าก็คงทำได้แต่แรกแล้วหรือไม่ก็อาจจะฆ่าทีหลัง
               
เอาเถอะ ร่างกายห่วยๆ คงไม่มีค่าอะไรนักหรอก
               
อลันเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น
         
ร่างที่กำลังโอบอุ้มอลันขยับยิ้มจาง ช่วงล่างที่ผิดแผกไปจากมนุษย์ยังคงนำพาไปที่ๆ ปลอดภัยที่ถูกบันทึกไว้อย่างมากมายภายในหัว ใบหน้าหล่อเหลาผมบรอนด์ทองเหลือบมองร่างในอ้อมอกอดด้วยใจที่เต้นแรง
               
มนุษย์..
               
เป็นครั้งแรกที่ข้าให้ความช่วยเหลือมนุษย์
               
เสียงฝีเท้าดังกุบกับ

สัตว์ต่างๆ ที่ได้ยินต่างพากันหลีกหนียกเว้นเพียงเจ้ากระต่ายที่กระโดดพรวดมาขวางทาง
ร่างอมนุษย์ขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์เมื่อเจ้ากระต่ายกระโดดโหยงเหยงดวงตาสีทับทิบของมันสื่อกลายๆ ว่าห้ามเอาเขาไป

“ เขาเป็นของข้า กระต่ายโง่ ” เสียงตะคอกส่อถึงความไม่พอใจ “ ข้าเจอเขาก่อนเจ้าด้วยซ้ำ ”
หูสองข้างกระดิกรุนแรงเท้ากระทืบเสียงดัง

เจ้ากระต่ายกำลังไม่พอใจ

“ ถ้าเจ้าตามข้าทันก็เชิญ แต่อย่าหวังว่าจะเอาเขาไปจากข้า ” ร่างสี่เท้ากระโดดข้ามหัวเจ้ากระต่ายวิ่งกุบกับไปอย่างรวดเร็ว สายลมดังหวีดหวิว เศษดินที่ถูกเท้าคู่หลังกระแทกเหยียบโดนเจ้ากระต่ายเต็มๆ

แขนสั้นๆ ของมันพยายามปัดดินออกจากตัว ดวงตาสีทับทิบเข้มขึ้นด้วยความไม่พอใจ ขาคู่หลังถูกใช้งานทันทีแม้ว่ากำลังบาดเจ็บ มันรีบวิ่งกระโดดตามหลังไป

เสียงเพลงถูกฮัมขึ้นอีกครั้ง

ด้วยเสียงทุ้มแหบต่ำ

ด้วยทำนองที่ผิดจากต้นฉบับโดยสิ้นเชิง

เพราะเพลงที่ถูกฮัมนั้นมาจากการได้แอบฟัง

ร่างที่ถูกลักพาตัวขมวดคิ้วคล้ายกับรำคาญ เพลงจึงต้องหยุดการบรรเลงไปโดยปริยาย ดวงตาสีทองเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีแสด อุณหภูมิเริ่มเย็นลง

มนุษย์ไม่ถูกกับอากาศหนาว

เขาพยักหน้าหงึกหงักตัวเอง รีบวิ่งให้ไวกว่าเดิมเพื่อไปยังบ้านของตัวเอง

เพิงไม้ถูกก่อขึ้นมาแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ใช้

ของบางอย่างที่ใช้บรรจุของไว้จนหนักถูกดึงออกจากตัวไปวางไว้ข้างๆ สเวนขมวดคิ้วงุนงงเพราะไม่คิดว่ามนุษย์ที่แสนอ่อนแอจะแบกอะไรที่หนักขนาดนี้

สเวนวางร่างที่เพิ่งลักพาตัวบนแคร่อย่างทะนุถนอม ใช้มือเกลี่ยผมออกจากใบหน้าด้วยรอยยิ้มและขมวดคิ้วเมื่อเห็นของบางอย่างในมือ

อาวุธที่ใช้ประโยชน์ได้สารพัด

ทั้งบังแดดและใช้ตบ

สเวนดึงมันออกจากมือเบาๆ แล้วโยนไปไว้บนหลังคาของเพิงเพื่อไม่ให้มันถูกนำมาใช้ในการประทุษร้ายเขาอีก สเวนก้าวถอยหลังออกมาอย่างเงียบเชียบก่อนจะควบฝีเท้าเข้าไปในป่าอีกครั้งเพื่อหาสมุนไพรมารักษาแผลทางยาวบนใบหน้าของมนุษย์
รอยยิ้มจางปรากฎบนใบหน้าอีกครั้ง

แววตาทอประกายเพ้อฝัน

ดวงจันทร์เริ่มปรากฏตัว

มีร่างสี่เท้ากำลังขะมักเขม้นกับการทำแผลให้กับมนุษย์

สเวนถูกใจมนุษย์คนนี้มาก

ผิวขาวซีด ผมสีน้ำตาลคล้ายเปลือกไม้ ดวงตาสีท้องฟ้ากระจ่างใส

โดยไม่รู้ตัวเขามักจะเผลอเดินตามไป

เสียงเพลงแผ่วเบาในอากาศชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย

การย่างเท้าที่เป็นจังหวะดูเพลินตา

แต่สิ่งที่สเวนไม่ชอบคือยามที่มนุษย์ผู้นี้ร้องไห้สะอึกสะอื้น

หลายครั้งที่เขาต้องตกใจยามที่มนุษย์ครวญครางร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด

หัวใจของสเวนปวดหนึบ

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่กล้าปรากฎตัวให้อีกฝ่ายเห็น

เซนทอร์ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ควรจะรู้จัก

ชื่อของเขาอยู่เพียงในเทพนิยาย

การเลือกที่จะผูกพันกับมนุษย์เป็นการฆ่าตัวตายอยู่กลายๆ

ชีวิตของมนุษย์ช่างสั้นนัก

แต่ไม่ใช่กับสเวนที่หลงรักมนุษย์อย่างไม่รู้ตัว

สุดท้ายแล้วสเวนก็ไม่อาจห้ามตัวเองไว้ได้

ฝีเท้าควบวิ่งอย่างแรงกล้าเมื่อเห็นร่างที่ตัวเองเฝ้ามองล้มลงไปอยู่บนพื้น

เสียงหัวเราะพิลึกพิลั่นฟังแล้วรู้สึกแย่

สเวนชะลอฝีเท้าเมื่อเข้าใกล้มนุษย์

ร่างทั้งร่างของมนุษย์สั่นอย่างหวาดกลัว แต่ของบางอย่างที่เขาคิดว่าจะใช้ฟาดกลับถูกกางขึ้นมาเพื่อบดบังแสงแดดอันร้อนแรง

สเวนขมวดคิ้วงุนงงสักพักและตัดสินใจในชั่ววินาทีคว้าตัวอีกฝ่ายขึ้นมา

นำพาอีกฝ่ายไปยังบ้านของตัวเอง

เรียกได้ว่าเข้าข่ายการลักพาตัวอย่างสมบูรณ์


----------------------------

เจอกันครั้งแรกก็ลักพาตัวเลยเหรอ  :hao7:
 
 
 
 
 
 
               
 
 
               
               
 
 
   
                               
               
 
               
               
                 
               
                 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
มัน ยาว มากกกกกกกกกก


ขอยาวๆแบบนี้เลยค่า ชอบมากกกกกกกกกกก


**

สเวนอยู่มานานแล้ว น่าจะเคยเห็นโรคแบบนี้มั่งนะ จะได้รู้ว่าต้องทำยังไง


 :really2:

ออฟไลน์ lighttenning

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องน่าสนใจมากค่ะ

ติดตามนะค่ะ

 :mew1:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ขอบคุณสเวนมากๆ เลยนะคะที่แอบสะกดรอยตามอลันมา ไม่อย่างนั้นน้องคงได้นอนตัวแดงเพราะถูกแดดเผาอยู่ตรงทางรถไฟแน่ๆ เลยล่ะค่ะ :pig4:

รอตอนหน้านะคะ ^^

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
เสียงแว่วครั้งที่ 2 : ลักพาตัวอย่างเป็นทางการ
               
ผิวกายเย็นเฉียบ ฟันกระทบกันจนดังเป็นเสียงกึกๆ อลันกอดร่างของตัวเองที่เย็นแน่น โค้ทเนื้อดีที่ขโมยมาไม่ได้ช่วยให้รู้สึกอุ่นขึ้นมาอย่างใด อากาศเย็นเฉียบที่ต่างสุดขั้วกับในเวลากลางวันกัดผิวของอลันอย่างช้าๆ เหมือนหมัดเหลือบที่คอยแทะเล็ม
               
มนุษย์เป็นสัตว์เลือดอุ่น
               
อลันคิดว่าอย่างนั้นจนกระทั่งตอนนี้ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนแหกกฎที่ว่า
               
หรือว่าเขาจะเป็นสัตว์เลื้อยคลานกัน ?
               
อลันคิดในใจพลางลืมตาขึ้นมาและต้องฉีกยิ้มออกมา
               
ต้นสนยักษ์ถูกลมพัดจนไหว ดวงจันทร์บนท้องฟ้าที่ดูจะเห็นชัดกว่าทุกวัน
               
ตากลับมาเป็นปกติแล้ว
               
อลันหยัดตัวขึ้นมานั่งหรี่ตามองรอบตัวเพื่อหากระเป๋าของตัวเองตามความเคยชินโดยลืมไปอย่างสิ้นเชิงว่าตัวเอกถูกลักพาตัวมาด้วยอะไรบางอย่าง
               
อลันเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ากระเป๋าของตัวเองถูกอะไรบางอย่างเอาหัวหนุนอยู่
               
“ พระเจ้า.... ”
               
อลันครางในลำคออย่างไม่เชื่อสายตา
               
เบื้องล่างเป็นอาชาสีดำแต่ส่วนบนกลับเป็นมนุษย์ผิวขาวจัดผมบรอนด์ทองกำลังหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มกับการนอนหนุนกระเป๋าใบโต
               
เซนทอร์ !
               
อลันเผลอถอยหลังกรูดทันทีจนไปชนเข้ากับเสาของเพิงไม้อย่างแรง
               
กึก..
               
 เพิงไม้เดิมทีที่ถูกก่อขึ้นมาเพื่อกันแดดกันฝนกันลมกันอะไรจิปาถะ แต่มันก็ไม่ได้แข็งแรงแต่อย่างใดเพราะคนที่สร้างมันขึ้นมาไม่ได้มีความรู้ด้านการก่อสร้างเลยแม้แต่น้อย
               
ดวงตาสีทองที่ถูกซ่อนไว้หลังเปลือกตาเบิกตาโพลง วิ่งพรวดเข้ามาคว้าตัวอลันก่อนที่เพิงไม้จะถล่มลงมาทับร่างของอีกฝ่าย
               
โครม..
               
เสียงไม้ดังกระแทกพื้นดังขึ้น ฝุ่นที่นอนนิ่งฟุ้งตลบ
               
อลันเผลอจามฝุ่น เบิกตากว้างมองเสี้ยวหน้าของสัตว์ในตำนาน
               
แสงจันทร์ดูจะเป็นประโยชน์กว่าทุกวัน
               
แสงสีสว่างโลมเลียใบหน้าของเซนทอร์
               
เซนทอร์เมื่อเห็นมนุษย์ที่ตัวเองลักพาตัวมาดูตกใจ ก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร
               
“ สายัณส์สวัสดิ์ มนุษย์ ”
                   
อลันตกใจจนเกือบกัดลิ้นตัวเอง ปากพึมพำเรียกถึงพระเจ้าซ้ำไปซ้ำมา ตาสีฟ้าสว่างที่สะท้อนภาพของเซนทอร์
               
สเวนหัวเราะเสียงเบาเพราะเข้าใจดีว่าเพราะอะไรที่ทำให้มนุษย์ผู้นี้ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก เอาแต่พร่ำถึงพระเจ้าที่แม้แต่เขายังไม่เคยเจอ “ อย่าตกใจสิ ข้าไม่ใช่ปีศาจสักหน่อย มนุษย์ ”
               
เกือบจะนาทีกว่า
               
ที่อลันจะสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง
               
อย่าบอกว่าโรคบ้ามันทำให้เขาเห็นภาพหลอน
               
อลันคิดในใจแต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป มือขาวหยิกเนื้อตัวเองเพื่อพิสูจณ์ว่านี่อาจจะเป็นฝันก็ได้
               
โอ้ย
               
ครวญเสียงอ่อน
               
อลันขมวดคิ้วเมื่อผิวของตัวเองเป็นรอยแดงตามแรงที่หยิกไป
               
สเวนขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจบ้าง “ อย่าทำร้ายตัวเองสิมนุษย์ ข้ายังไม่ทำร้ายเจ้าเลยนะ ” สเวนก้าวเดินไปยังก้อนหินใกล้ๆ แล้วปล่อยอลันนั่งลงบนนั้น ใบหน้าของอลันงุนงงเมื่อได้รับคำตำหนิจากภาพหลอนของตัวเอง
               
สเวนใช้นิ้วไล้ไปตามใบหน้าของอลันที่เป็นเปลี่ยนเป็นรอยกรีดสีดำจางๆ เศษใบไม้สีเขียวที่ถูกบดเลอะมือพร้อมส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ บอกสรรพคุณของมัน  “ มนุษย์เป็นสิ่งที่อ่อนแอ บาดแผลเล็กน้อยบางทีก็อาจจะทำให้เจ้าตายได้ ” ดวงตาสีทองเจือความเศร้า
               
อลันพูดอะไรไม่ออก ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงกว่าเดิมเพราะความงุนงง
               
มือหยาบสัมผัสบนใบหน้าของเขาอย่างอ่อนโยน
               
สีหน้าและแววตาดูมีชีวิตชีวา
               
อย่าบอกว่าตอนนี้เขาเพ้อจนเห็นภาพหลอนกลายเป็นของจริงไปแล้ว
               
เม็ดน้ำสีใสหยดไหลออกจากดวงตาของลันอย่างไม่รู้ตัว
               
แล้วแบบนี้เขาจะไปถึงที่นั่นทันไหม
               
คำตอบนั้นชัดเจนอยู่แล้ว
               
โรคร้ายมักจะวิ่งเร็วกว่าเขาอยู่เสมอ
               
ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขากระทำอยู่มันจะทำให้เขาหายหรืออาการแย่ลงกว่าเดิม
               
ยาราคาแพงที่เก็บเข้าไประงับอาการ ถึงแม้จะช่วยระงับอาการแต่หากรับประทานมากไปก็มีพิษต่อตับ
               
แต่ถ้าหากไม่กินมันเข้าไป อาการเจ็บปวดทรมานก็จะยาวนานยิ่งกว่าเดิม
               
มือขาวกำแน่น หลุบหน้าต่ำหนีมือหนาของสเวนเพื่อหลีกหนีจากอาการภาพหลอนที่เจ้าตัวคิด
               
สเวนเลิกคิ้วงงๆ ไม่คิดว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายร้องไห้อีกทั้งยังหนีออกจากมือเขาอีก “ อย่าร้องไห้สิ ข้าขอโทษ ”
               
อลันปิดหูตัวเองน้ำตาไหลพราก หลับตาลงหวังว่าจะให้ภาพหลอนบ้าๆ นี่หายไป
               
“เซนทอร์บ้าอะไร พอสักที  ออกไปซะ ”
               
อลันพูดเสียงสั่น
               
สเวนชะงักมือที่เกลี่ยน้ำตาของอลัน หัวใจปวดหนึบกว่าครั้งไหนๆ ทำไมกัน ทั้งๆ ที่ปกติข้าไม่เคยเข้าหามนุษย์แต่พอยอมเข้าไปใกล้กลับถูกขับไสออก ข้าทำผิดอะไรกัน “ ข้าทำอะไรผิด บอกข้าได้ไหม มนุษย์ ”
               
เสียงแหบต่ำดังออกมาจากลำคอ
               
แววตาสีทองหม่นลงอย่างน่าใจหาย
               
อลันไม่ตอบก้มหน้าต่ำยิ่งกว่าเดิม กอดตัวเองด้วยแขนอันสั่นเท่า
               
อลันไม่ใช่คนเข้มแข็ง
               
น้ำตาที่เดิมทีไม่เคยไหลออกมาแม้แต่หยดเดียวยามที่อยู่บ้าน ในตอนนี้ถูกปล่อยออกมาจนเต็มใบหน้า อลันรู้ตัวดีว่ามันทำให้เขาดูอ่อนแอ ถ้าหากร้องไห้ที่นั่น
               
แท้จริงอลันเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ใจสลายเท่านั้น
               
ความสนิทสนมคุ้นเคยทุกอย่างที่เคยมีหายไปเพียงเพราะโรคบางอย่าง
               
ความสัมพันธ์ที่เหมือนแน่นแฟ้นขาดสะบั้นลงทันที
               
สเวนลูบหัวอลันเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบอะไรแม้แต่อย่างเดียว “ ก็ได้มนุษย์ ตอนนี้ข้าจะยอมถอยห่างออกจากเจ้า แต่ให้ข้ารู้ชื่อเจ้าได้รึเปล่า ? ”
               
เสียงสูดหายใจลึกเรียกเสียงของตัวเองไม่ให้แตกพร่า “ อลัน ”
               
อลันยอมตอบออกไป ในใจยังคงฉงน
               
ไม่คิดว่าอาการภาพหลอนจะหายไปถ้าหากบอกชื่อตัวเอง
               
สเวนยิ้มจาง “ ตอนนี้เรารู้จักกันแล้วนะ อลัน ถ้าหากเจ้าต้องการข้าเมื่อไหร่ จงเรียกหาสเวนแล้วกัน ” สีหน้าแฝงไปด้วยความเศร้าเจือผิดหวัง
               
อีกครั้งที่ต้องกลับไปเดินตามอีกฝ่าย
               
อีกครั้งที่ทำได้แค่เดินตาม
               
อีกครั้งที่ทำได้แค่ยืนดูเฉยๆ ยามที่อีกฝ่ายสะอื้นไห้
               
เสียงนกเค้าแมวร้องฮูก เสียงสายลมที่ตัดผ่านใบไม้ แสงสว่างดับริบหรี่ของหิ่งห้อย พงหญ้าที่ขยับอยู่ไวๆ เพราะกวางกระโดดเข้าไปซ่อนตัวจากภัยอันตราย  ดูจะไม่ทำให้ร่างของอาชายักษ์กับมนุษย์สนใจแต่อย่างใด
               
มีเพียงความเศร้าในอากาศ
               
กลิ่นเค็มของน้ำตาทั้งในจิตใจของเซนทอร์และมนุษย์
               
เซนทอร์หนุ่มอุ้มร่างของมนุษย์ขึ้นมาแนบอกอีกครั้งคว้าสิ่งของต่างๆ ของมนุษย์ยัดใส่มืออีกฝ่าย ย่างเท้ากลับไปยังทางรถไฟสายยาว
               
เป็นสิ่งเดียวที่เชื่อมต่อทั้งสองด้วยกัน
               
เสียงหวูดในแว่วความคิดของเซนทอร์ดังขึ้น
               
เมื่อนำพาร่างของอลันที่หลับไปแล้วมาถึงที่เดิม สเวนวางร่างของอลันไว้ที่เดิมที่ตนได้ลักพาตัวมา จัดวางข้าวของบนพื้นให้คล้ายกับว่าอีกฝ่ายเพียงฝันไปไม่ได้เกิดอะไรขึ้นมา
               
สเวนยิ้มเยาะตัวเอง
               
เซนทอร์เป็นเพียงเรื่องเล่า
               
ฉะนั้นมนุษย์ถึงไม่ยอมรับมัน
               
เสียงฝีเท้าดังขึ้นกุบกับดังทิ้งท้าย
               
เสื้อของอลันเปียกเล็กน้อย
               
เพราะน้ำตาของเซนทอร์ที่ไหลออกมาตลอดทาง
                 
แสงแดดอ่อนๆ คล้ายนาฬิกาปลุกไร้เสียงโลมไล้ไปทั่วใบหน้าอลัน
               
อลันขยี้ตาด้วยความรำคาญ นิ้วมือสัมผัสถึงตาที่บวมจากการร้องไห้ หน้าท้องรู้สึกถึงของหนักๆ ทับจนหายใจไม่ออก อลันหรี่ตามองพบว่าเป็นกระต่ายงี่เง่าที่ตัวเองช่วยไว้
               
เลือดบนข้อเท้าของมันหยดซึมจนเลอะเสื้อโค้ทของอลัน
               
ขนฟูฟ่องสีน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีดำจากการเลอะเศษดิน
               
อลันยกกระต่ายที่นอนอุตุออกจากตัวและลุกขึ้นยืนปัดเศษดินฝุ่นที่เกาะตามตัว
               
อลันเบิกตากว้างเมื่อหันมองรอบตัวพบว่าตัวเองยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้อยู่บนอ้อมแขนของเซนทอร์นั่น มือเผลอลูบบาดแผลทางยาวบนใบหหน้า แต่ไม่มีเศษใบไม้ที่กลิ่นฉุนแต่อย่างใด ดวงตาสีฟ้าดึงกระเป๋าของตัวเองออกมาดูพบว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
               
อลันถอนหายใจ
               
มันจะเป็นเรื่องจริงไปได้ยังไงกัน เซนทอร์มันแค่เรื่องเล่าในนิทานเท่านั้น
               
เขาแค่เพ้อไปเองจริงๆ นั่นแหละ
               
เพียงแต่อาการครั้งนี้มันเหมือนจริงจนน่ากลัวไปหน่อย
               
อลันควานหากล่องยารักษาแผลสดออกมาทำแผลให้เจ้ากระต่ายอีกครั้ง
               
หูยาวๆ ตั้งขึ้นเมื่อแอลกอฮอล์ถูกราดใส่แผลของมัน
               
เจ้ากระต่ายดิ้นเป็นเจ้าเข้าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกอลันเอาเชือกมัดเท้าเอาไว้ มันเลยทำได้แค่ส่งเสียงแปลกๆ ออกมา พร้อมกับดวงตาสีทับทิบที่กระพริบถี่เหมือนจะร้องไห้
               
อลันหัวเราะออกมาเบามือในการหยดยาแดงและพันข้อเท้าให้เจ้ากระต่ายใหม่
               
อลันแก้ปมเชือกออก ปล่อยให้เจ้ากระต่ายกระโดดโหยงเหยงไปรอบๆ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มจางเก็บกล่องยาที่ดูแล้วมีแต่เจ้ากระต่ายใช้เข้าที่เดิม
               
“ คงจะหนีไปอีกล่ะสิ ”
               
อลันพูดลอยๆ
               
เจ้ากระต่ายหยุดนิ่งยืดตัวขึ้นหูตั้งข้างตกข้าง
               
“ พอหมดประโยชน์จากฉันก็คงไปแล้วใช่ไหม ”
               
เจ้ากระต่ายทำจมูกฟุดฟิดก่อนที่จะกระโดดโหยงเหยงออกไป
               
อลันหัวเราะเสียงเบาเมื่อเป็นไปตามที่ตัวเองคิด
               
จ็อก
               
ท้องของอลันคร่ำครวญ
               
อลันขมวดคิ้วเปิดกระเป๋าของตัวเอง ซึ่งอาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารกระป๋องประเภทปลาเนื่องจากมันราคาถูกและอิ่มท้อง แต่ของอย่างอื่นก็พอมีแซมๆ กันอยู่ อย่างหมากฝรั่งที่ไว้เคี้ยวแก้เซ็ง ลูกอมรสหวาน แครกเกอร์แข็งๆ
               
ไม่เอาแล้วปลากระป๋อง
               
อลันคิดอย่างนั้นก่อนจะดึงซองแครกเกอร์กลิ่นมะพร้าวอ่อนออกมาฉีกซองและนำเข้าปาก
               
สัมผัสแรกที่ได้รับคือความแข็ง
               
กลิ่นมะพร้าวอวลในปากจางๆ
               
รสชาติจืดสนิท
               
อลันถอนหายใจเซ็งๆ รูดซิปกระเป๋าสะพายมันเข้าที่หลังออกเดินทางอีกครั้ง
               
อลันชะงักขาที่กำลังก้าว ในปากยังคงเคี้ยวแครกเกอร์ดังกรุบๆ
               
เขาจำทางไม่ได้
               
ว่าทิศไหนเป็นทิศเหนือ
               
แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาของอลันแต่อย่างใด อลันยกข้อมือของตัวเองที่ประดับไปด้วยทั้งนาฬิกาข้อมือสีดำกับสร้อยข้อมือที่เป็นเข็มทิศ
               
เข็มที่ชี้ยังไปทิศเหนือเสมอ
               
อลันก้าวเดินตามทิศที่ว่า
               
เคี้ยวแครกเกอร์ดังกรุบ
               
นกบินโฉบเฉี่ยวส่งเสียงคล้ายกับกำลังประกาศศักดาของตัวเอง
               
เหมือนกับว่าตัวเองเป็นเจ้าป่า
               
อลันมองตามเจ้านกที่ว่าด้วยรอยยิ้มจาง

เหยี่ยวขนาดยักษ์ก็เหมาะกับการเป็นเจ้าเวหาดี

อลันขมวดคิ้วเริ่มรู้สึกกังวล
               
ป่าแห่งนี้อุดมสมบูรณ์เกินไป
               
ถึงจะมีข่าวคราวว่าหมีมักถูกล่าโดยฝีมือมนุษย์จนแทบสิ้นเผ่าพันธุ์ แต่มันก็น่าจะมีเหลืออยู่บ้าง
               
เอาเถอะ
               
เขาคงไม่ใช่คนดวงซวยขนาดนั้นหรอกมั้ง
               
ซองเปล่าของขนมแครกเกอร์ถูกยัดใส่กางเกงลวกๆ
               
แผนที่ยักษ์ถูกกางออกมา สีต่างๆ สัญลักษณ์มากมายละลานตา ชวนให้มึนงงยามที่มอง บนแผ่นที่ขนาดยักษ์ทางรถไฟสายหนึ่งถูกวงกลมเอาไว้ด้วยมาร์กเกอร์สีดำ ปลายทางรถไฟถูกวาดเป็นธงและเขียนกำกับสั้นๆ ว่า Goal รอยขีดค่าสีแดงมุมขวาของแผนที่บอกจำนวนวันที่ได้เดินทางซึ่งในขณะนี้มีด้วยกันเกือบๆ 10 ขีด บนรูปทางรถไฟมีปากกาสีฟ้าขีดเป็นเส้นแนวขวางแสดงให้เห็นว่าเดินทางได้ขนาดไหนจากการคาดคะเนของอลัน
               
โชคดีที่เมืองที่เขาอยู่อยู่ตรงกลางของทางรถไฟพอดี
               
ทำให้การเดินทางของอลันรวดเร็วขึ้นเล็กน้อย
               
เหตุผลที่อลันไม่ใช่การเดินทางโดยรถยนต์หรือเครื่องบิน
               
เพราะว่าปลายทางของรถไฟสายนี้ไม่ใช่เมืองแต่กลับเป็นภูเขาแห้งๆ ที่ไม่ค่อยมีมนุษย์อาศัยอยู่ เหตุผลหลักที่ทำพให้รถไฟสายนี้ต้องปิดคงเพราะสถานีแต่ละสถานีผ่านแต่ที่ๆ ไม่ค่อยมีมนุษย์อาศัยอยู่เพราะความทุรกันดาร
               
รถไฟสายนี้ก่อตั้งตอนสงครามคงจะใช้ขนส่งเสบียงอะไรทำนองนั่นล่ะมั้ง
               
อลันพับแผนที่เก็บใส่กระเป๋าเดินต่อไปเรื่อยๆ
               
เริ่มต้นฮัมเพลงในลำคอ
               
เพราะเสียงรอบตัวมีแต่เสียงที่ไม่คุ้นเคย
               
เสียงร้องแปลกๆ ของสัตว์
               
เสียงนกแผดเสียง
               
หรือเหตุผลจริงๆ อาจจะเป็นเพราะอลันชอบฟังเพลง
               
ที่ทำงานของเขามักจะเปิดเพลงให้ลูกค้าฟังอยู่เสมอ
               
เสียงทุ้มนุ่มเริ่มเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก
               
ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย
               
อลันเริ่มเบื่อการฮัมเพลงในลำคอ
               
การร้องออกมาบ้างก็ไม่เลว
               
ยังไงในที่แห่งนี้เขาก็คงจัดคอนเสิร์ตที่มีแต่ดอกไม้ต้นใหญ่ซื้อตั๋วรอฟังได้ล่ะนะ
               
เอ็มพีสามไม่ได้ถูกอลันซื้อมาเพราะเจ้าตัวคิดว่ามันคงไม่จำเป็นต่อการเดินทาง
               
ระยะเวลาสั้นๆ แลกกับเงินจำนวนนึง
               
ถ้าหากต้องการชาร์ทแบทคงไม่วายต้องเอาสายล่อฟ้าต่อกับปลั๊ก
               
กุบกับ..
               
อลันชะงัก
               
เสียงฝีเท้านั่นอีกแล้ว
               
เขาอาจจะหูฝาดไปเองก็ได้
               
อลันคิดปลอบใจตัวเอง
               
ทั้งๆ ที่ในใจกลับปรากฎคำว่า “ สเวน ”
             
ใบหน้าหล่อเหลาผมบรอนด์ทอง ดวงตาสีทองชวนฝัน ตัดกับเบื้องล่างที่เป็นอาชาสีดำสนิท กำลังส่งสีหน้าเศร้าๆ ให้ตัวเองฟุ้งอยู่ในความทรงจำ
               
ไม่ นั้นเป็นแค่ผลพวงของอาการเพ้อของเขาเท่านั้น
               
มันไม่ใช่เรื่องจริง
               
อลันส่ายหัวสลัดความคิดบ้าๆ ของตัวเองออกไป
               
หยิบมีดของตัวเองออกมาฟันทางข้างหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นหญ้ารก
               
อลันกลืนน้ำลาย
               
ทางรถไฟกำลังเข้าไปในป่าทึบเสียงสัตว์ต่างกู่ร้องกันจนแสบหู
               
ไม่มีอะไรหรอกน่า             
               
อลันปลอบใจตัวเองอีกครั้ง
               
ฟันทางข้างหน้าต่อ
               
หญ้าขนไล้ไปตามการก้าวเดินของอลัน ดอกหญ้าแหลมๆ เกาะตามตัวอลันเป็นพรวนเพื่อขยายพันธุ์กล้าของมันให้ไปไกลกว่าเดิม ซึ่งคนที่มีหน้าที่แบกรับหน้าที่อันทรงเกียรติคืออลัน
               
อลันเบ้หน้าเพราะรู้สึกเจ็บคล้ายมดกัดของดอกหญ้ายามที่ก้าวเดินผ่าน แต่ก็ไม่ได้แกะมันออก
               
เพราะต่อให้แกะออกเท่าไหร่ไอ้ดงข้างหน้าคงไม่ปราณีปราศรัยเขานักหรอก
               
อลันไม่กล้าร้องเพลงออกมาเพราะกลัวจะล่อสัตว์ป่ามาหาตัวเอง
               
ใครจะรู้ พวกหมีมันอาจจะชอบเพลงที่เขาร้องก็ได้
               
กลางวันแสกๆ แบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ
               
สิ่งที่อลันยังคงไม่รู้ตัว
               
คือ เซนทอร์หนุ่มที่ยังคงแอบตามหลังอย่างเงียบเชียบ
               
พยายามย่องเท้าเสียงเบา
               
เพื่ออารักขาอีกฝ่าย
               
ที่อลันไม่เคยสัตว์ร้ายอะไรใดๆ มีเหตุใหญ่ๆ มาจากเซนทอร์หนุ่ม
               
สัตว์ส่วนใหญ่กลัวเซนทอร์
             
ร่างกายขนาดยักษ์พละกำลังมหาศาล
               
ต่อให้เป็นหมียังรู้สึกหวาดกลัว
               
เซนทอร์หนุ่มยิ้มจางหลับตาฟังเสียงเพลงจากอลัน
               
ถ้าหากได้ฟังใกล้ๆ ก็คงดี
               
แต่แค่นี้เขาก็พอใจแล้วล่ะ
             
อลัน

---------

 :hao5: ตอนนี้เศร้า
 
 
               
                 
               
               
               
 
 
                               
               
               
               
               
               
                 
 
               
     
 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :o12:

เศร้าด้วยคน แอบสงสารสเวน

เมื่อไหร่ที่อลันจะยอมรับสเวนซักทีหนอ?

 :เฮ้อ:


ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
:monkeysad: หนูไม่ได้เห็นภาพหลอนหรือว่าคิดไปเองหรอกนะคะอลัน

ขอกอดทีสิคะสเวน :กอด1: อดทนไว้นะคะ อีก
หน่อยอลันจะเข้าใจค่ะว่าทั้งหมดที่เห็นและรู้สึกมันคือเรื่องจริง

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
เสียงแว่วครั้งที่ 3 : ความช่วยเหลือจากเซนทอร์ 
               
วี๊ดๆ
               
เสียงร้องคุ้นเคยดังมาจากไกลๆ ทำเอาเซนทอร์หนุ่มขมวดคิ้ว
               
เสียงไอ้เจ้ากระต่ายบ้านี่
               
สเวนมองอลันสลับกับที่มาของเสียงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะควบฝีเท้าไปหาเจ้ากระต่ายที่ไม่รู้ว่าชะตากรรมเป็นยังไงบ้างแล้ว
               
เสียงฝีเท้าของสเวนหนักแน่นมากจนอลันชะงักมือที่กำลังฟันทางข้างหน้า
               
อลันกลืนน้ำลายเอือก
               
เขาแน่ใจว่าครั้งนี้เขาไม่ได้หูฝาด
               
ดวงตาเบิกกว้างมองรอบตัวหวั่นๆ
               
หรือว่าเซนทอร์จะมีอยู่จริง ?
               
แต่จนแล้วจนรอดมองไปแล้วยังไงก็ไม่เจอสิ่งปกติแต่อย่างใด
               
อลันถอนหายใจกับตัวเองสบถเบาๆ ถึงความเพ้อเจ้อของตัวเอง
               
ของพรรค์นั้นจะไปมีได้ยังไงกัน ?
               
อลันฟันหญ้ารกข้างหน้าต่อ ไม่สนใจจะหันมองรอบตัวอีก ดีที่แสงสว่างสามารถเล็ดลอดผ่านกิ่งก้านของต้นไม้ได้ ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ไม่มืดทึบเพียงแค่ครึมๆ เท่านั้น
               
อย่างน้อยแดดก็ไม่สามารถเผาเขาได้เหมือนปกติ
               
อลันยิ้มอารมณ์ดีเพราะรู้สึกเล็กๆ ว่าตัวเองเป็นผู้ชนะการประลองระหว่างดวงอาทิตย์กับมนุษย์
               
โดยที่ไม่รู้ตัวว่าได้มีร่างยักษ์บางอย่างก้าวย่าวตามอย่างเชื่องช้า ดวงตาปรือปรอย จมูกสีดำฟุดฟิดไปมาเมื่อได้กลิ่นของสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ร้าย สำหรับมันถือว่าเป็นสัญญาณว่ามีอาหารใกล้ๆ บริเวณนี้
               
แววตาปรือปรอยฉับพลันได้เปลี่ยนเป็นดุร้าย
               
ไม่มีอาหารตกถึงท้องมันมานานพอสมควรแล้ว
               
ขนสีน้ำตาลเข้มปกคลุมบนตัวของมันขยับไปมาตามการหายใจที่ถี่ขึ้นแต่เงียบเชียบ
               
มันกำลังตื่นเต้น..
               
อาหารมื้อแรกในรอบอาทิตย์กำลังอยู่ข้างหน้า
               
ฟันแหลมคมถูกแสยะ
               
อุ้งเท้าหนาย่างก้าวหนักแน่น
               
เสียงฮึมฮำในลำคอแผ่วเบาเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวมัน
               
และถูกเสียงสัตว์ป่าอื่นกลบไปอย่างไร้ร่องรอย
               
อลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบเหมือนกับกำลังถูกปองร้าย
               
จะว่ามันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ก็ดี
               
อลันหันไปมองข้างหลัง
               
นัยน์ตาสีฟ้าสว่างเบิกค้า ปากพึมพำคำพูดออกมาไม่เป็นภาษา “ พระเจ้า พระเจ้า พระเจ้า ” เผลอปล่อยมีดที่ถืออยู่อย่างไม่รู้ตัว ตัวสั่นเทา
               
มนุษย์ถึงแม้จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวัฎจักร
               
แต่ถ้าหากไร้อาวุธ
               
ก็เป็นได้แค่เหยี่อของผู้ล่าอันดับหนึ่งเท่านั้น !
               
โฮกกกกกกกก
               
เสียงคำรามดังลั่นพร้อมตะปปเข้าใส่เหยื่อ
               
เคราะห์ดีที่อลันได้สติก่อนจะโดนตะปปจึงกระโดดหลบได้ทันและเริ่มต้นวิ่งหนีทันที
               
โฮกกกก
               
เสียงคำรามของเจ้าหมีฉายชัดถึงความไม่พอใจ อุ้งเท้าหน้าทั้งสี่ข้างกวดกับพื้นอย่างว่องไวราวกับว่าน้ำหนักหลายปอนด์ของมันไม่มีผลต่อความเร็ว
               
หญ้ารกที่อลันพยายามถางออกเป็นอุปสรรคพอสมควรต่อการวิ่ง อลันพยายามวิ่งซิกแซกเข้าไปในป่าหลบหลังต้นไม้ พยายามดึงสติที่มีน้อยนิดออกมาใช้และสบถกับตัวเองที่ไปทักถึงหมีเข้า
               
อลันกลั้นหายใจเมื่อเจ้าหมีอยู่อีกฟากของต้นไม้
               
ฮื่อ..
               
มันคำรามในลำคอ หันหัวไปมาหาเหยื่อ
               
อลันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
               
นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย..
               
สวบ !
               
เสียงสวบสาบดังขึ้นอีกฟาก
               
เจ้าหมีคำรามแล้ววิ่งไปทางนั้นทันที
               
อลันถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก นึกขอบคุณเสียงเมื่อกี้ที่ทำให้เขารอดได้หวุดหวิด อลันยิ้มจางก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นยิ้มค้างเมื่อเจ้าหมีกลับมาทางเดิม
               
และมันก็เห็นเขาแล้วด้วย !
               
โฮกก
               
เสียงคำรามราวกับทักทายเพื่อนเก่าที่มันเพิ่งจากมา
               
อลันรีบหนีอีกครั้ง
               
กลับพบว่าขาของตัวเองขยับไม่ได้
               
“ บัดซบ ! ”
               
อลันสบถเสียงดัง มือชกขาตัวเองซ้ำๆ หวังจะให้ขยับได้เหมือนเดิม
               
จะมากำเริบอะไรตอนนี้วะ !
               
กัดฟันด้วยความโมโหและเจ็บใจ
               
หมียักษ์เข้ามาใกล้เรื่อยๆ
               
สมองของอลันว่างเปล่า
               
ก่อนที่จะมีบางคำวาบเข้ามาในหัว
               
น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยน
               
“ ถ้าหากเจ้าต้องการข้าเมื่อไหร่ จงเรียกหาสเวนแล้วกัน ”
               
โดยไม่รู้ตัวอลันเผลอตะโกนออกมาดังลั่น “ สเวน ! ”
               
เจ้าหมียักษ์ควบมาถึงตัวอลัน
               
ง้างมือที่เต็มไปด้วยเล็มแหลมคม
               
หมายจะฆ่าเพื่อใช้เป็นอาหารสำหรับท้องที่ว่างเปล่าของมัน
               
               
“ กระต่ายโง่ แค่ตกหลุมยังต้องเรียกให้ข้าช่วย ! ” สเวนด่าเจ้ากระต่ายป่าสีน้ำตาลที่กำลังดิ้นขลุกขลักอย่างเอาเป็นเอาตาย หูยาวๆ ของมันโดนสเวนจับเอาไว้
               
มันร้องวี้ดๆ
               
สเวนรู้ดีว่าการดึงหูกระต่ายเป็นอะไรที่เจ็บมาก
               
แต่เขาก็ยังคงทำมันเพราะโมโหกับเรื่องไร้สาระที่มันเรียกเขามา
               
ทั้งๆ ที่เดิมทีเขาควรจะย่องตามหลังอลันอย่างเงียบเชียบ
               
ฟังเสียงเพลง มองผมสีน้ำตาลสวยๆ นั่นขยับตามการก้าวเดิน คอขาวๆ ที่ดูแล้วน่าขบกัดให้เป็นรอยแดงเพื่อเตือนไม่ให้ลืมตัวตนของเขาไปอีก
               
เจ็บปวดที่ถูกลืม
               
ข้าไม่ใช่นิทานสักหน่อย
               
อลัน..
               
“ สเวน ! ”
               
เสียงตะโกนเรียกเสียงดัง
               
สเวนเบิกตากว้าง
               
นั่นชื่อของข้า ? อลันกำลังเรียกร้องหาข้า
               
นัยน์ตาสีทองเป็นประกายดีใจ โยนกระต่ายในมือทิ้ง ควบฝีเท้าไปยังต้นเสียงอย่างว่องไวกว่าทุกครั้ง เสียงควบฝีเท้าดังหนักแน่นกว่าครั้งไหนๆ
               
ใบหน้าหล่อเหลาปรากฎรอยยิ้มกว้าง
               
ก่อนที่ดวงตาจะเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบเมื่อเห็นต้นเหตุที่ทำให้อลันต้องเรียกตัวเองออกมา
               
ฮื่ออ
               
เจ้าหมีชะงักมือที่กำลังจะตะปปอลัน จ้องมองมายังเซนทอร์หนุ่มและคำรามในลำคอ
               
เล็บปลายคมจี้อยู่ที่ลำคอของอลัน
               
อลันสะดุ้งเมื่อพบว่า สิ่งที่ตัวเองคิดว่าเป็นภาพหลอนนั้นเป็นของจริง จ้องไปยังเซนทอร์หนุ่มอย่างไม่เชื่อสายตา รูปร่างกำยำผิวขาวตัดกับส่วนร่างที่เป็นอาชาสีดำดูน่าเกรงขาม
               
“ อย่ามายุ่งกับเขา ! ” สเวนตะคอกพุ่งตัวเข้ากระแทกหมียักษ์จนกระเด็น สเวนเหยียบอกเจ้าหมียักษ์และออกแรงเหยียบ
               
เจ้าหมีกระสับกระส่าย พยายามดันสเวนออกจากตัว
               
ความหิวที่เดิมทีครอบงำจนลืมความหวาดกลัว
               
บัดนี้ได้หายไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อสัญชาตญาณของมันบอกว่าอันตราย
               
สเวนยอมปล่อยเจ้าหมีให้วิ่งหนีไป
               
เพราะเข้าใจดีถึงสัญชาตญาณของมัน
               
สเวนหันมาสบตาเข้ากับดวงตาสีฟ้ากระจ่างใสที่กำลังมองมายังเขาอึ้งๆ ผมสีน้ำตาลดูจะยุ่งเหยิงกว่าปกติของอลันทำให้สเวนเผลอยิ้มอย่างเอ็นดู สเวนย่างเท้าเข้าไปใกล้อลันย่อตัวลง ลูบใบหน้าของอลันเบาๆ “ เรียกข้าทำไมกัน อลัน ? ”
               
“ พระเจ้า.. ”
               
อลันสบถในลำคอไม่ได้ขยับตัวหนี
               
สเวนขมวดคิ้ว “ อย่าเรียกถึงบ่อยนักสิ ถ้าจะเรียก สู้เรียกข้าดีกว่า ” มือหยาบของสเวนเปลี่ยนไปลูบหัวของอลัน ผมสีน้ำตาลเปลือกไม้นุ่มมือตามที่คาด
               
อลันกลืนน้ำลายเอือก ถอนหายใจฟู่ๆ
               
เขาไม่ได้ฝัน
               
“ นายคือสเวน ? ”
               
อลันถามอีกครั้งเพื่อยืนยันตัวตนของเซนทอร์หนุ่ม
               
“ อืม ข้าคือสเวน ” สเวนพยักหน้ายิ้มอย่างพอใจเมื่อชื่อของตัวเองถูกเรียกอีกครั้ง
               
“ นายคือเซนทอร์งั้นเหรอ ”
               
ถึงจะรู้ว่าเป็นคำถามโง่ๆ แต่อลันก็อยากถาม
               
“ ใช่ ”
               
แต่ก็มีคนที่ยินดีตอบอยู่เหมือนกัน
               
สเวนยิ้มอย่างเป็นมิตร ในใจกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง ความดีใจครอบงำเพราะอลันไม่ได้ผลักไสเขาอีกแล้วอีกทั้งยังดูยอมรับถึงตัวตนของเขา “ เจ้าไม่ชอบการลักพาตัวสินะ ? ข้าขอโทษที่ทำการกระทำแย่ๆ แบบนั้นกับเจ้านะ ”
               
อลันเลิกคิ้วงุนงง “ ลักพาตัวอะไร ”
               
“ ก็เมื่อคืนยังไงล่ะ ที่เจ้าร้องไห้และไล่ข้าไปน่ะ ” หน้าของสเวนเศร้าลงทันตาเห็น
               
อลันยิ้มแห้งหน้าแดง
               
เผลอร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นจนได้ ให้ตายเถอะ แล้วเสียงฝีเท้าที่ได้ยินตลอดก็แปลว่าอาจจะเป็นของสเวน หมายความว่าสเวนแอบติดตามเขาตั้งแต่แรก !?
               
พระเจ้า
               
นี่มันน่าอายชะมัด
               
ทั้งเรื่องร้องไห้ทั้งเรื่องร้องเพลง
               
อลันไม่เคยมั่นใจในเสียงร้องเพลงของตัวเอง
               
วันนั้นเขาเป็นหวัดพอดีและสอบร้องเพลง
               
เวลาปกติทุกคนมักจะชมว่าเสียงเขานุ่มน่าฟัง
               
แต่วันนั้นทุกคนที่เคยชมเอาแต่หัวเราะเสียงแหบๆ คล้ายเป็ดของเขา
               
อลันไม่กล้าร้องให้ใครฟังอีก
               
ลอบร้องเมื่อมั่นใจว่าอยู่คนเดียวจริงๆ
               
อลันทำอะไรไม่ถูกเพราะสมองกำลังตีกันยุ่งเหยิง ว่าควรจะทำตัวยังไงดีกับเซนทอร์ตรงหน้า
               
“ อลัน ? ” สเวนเรียกซ้ำเมื่ออลันไม่ยอมตอบอะไร
               
อลันถอนหายใจ
               
เอาเถอะ ทำตัวตามปกติของนั่นแหละ
               
“ ฉันขอโทษที่ไล่นายไปเมื่อวาน ” อลันสบตากับสเวน “ ฉันคิดว่ามันเป็นอาการของโรคที่ฉันเป็นอยู่น่ะ มันชอบกำเริบบ่อยๆ ”
               
สเวนขมวดคิ้ว
               
“ โรค ? เจ้าป่วยงั้นเหรอ อลัน ”
               
อลันพยักหน้าหงึกหงัก
               
“ อืม ฉันป่วย แต่ฉันไม่รู้หรอกว่าป่วยเป็นอะไร ”
               
สเวนครางเชิงรับรู้ในลำคอ ภาพร้องไห้ครวญครางของอลันปรากฎในหัว อลันร้องไห้เพราะโรคแปลกๆ นี่เอง.. น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่หมอเลยรักษาอลันไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร
               
“ ข้ามีความรู้เกี่ยวกับพวกสมุนไพรอยู่ ไม่แน่อาจจะช่วยบรรเทาอาการของเจ้าได้นะ ”
               
สเวนยิ้มซื่อ แต่สิ่งแอบแฝงนั่นไม่ได้ซื่อตรงตามแต่อย่างใด
               
อลันไม่ได้สังเกตแววตาพราวระยับที่กำลังจดจ้องตัวเอง
               
เพราะมัวแต่ใช้ความคิด
               
ถ้าหากเขาขอร้องให้เซนทอร์ช่วยเหลือเขาล่ะ ?
               
จะยอมช่วยเขางั้นเหรอ
               
เขาเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
               
อีกทั้งยังไม่มีทรัพย์สินหรือของแลกเปลี่ยนให้กับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
               
หน้าของอลันฉายแววความหนักใจ
               
“ ข้ายินดีช่วยเจ้านะ อลัน ”
               
พูดหยั่งเชิง มือลูบผมเบาๆ
               
“ ถ้าฉันขอให้นายช่วยจะได้ไหม ? ”
               
“ ได้สิ เซนทอร์อย่างข้ามีเวลาเหลือเฟือสำหรับเจ้า ” สเวนยิ้มกว้าง
               
อลันชะงักไปสักพักเพราะไม่คิดว่าจะถูกตกลงง่ายอะไรขนาดนี้
               
เอาเถอะ
               
ไม่มีอะไรน่าตกใจเท่าสเวนเป็นเซนทอร์แล้วล่ะ
               
อลันพยายามลุกขึ้นยืนกลับพบว่าขาของตัวก็ยังคงแข็งเป็นไม้อยู่เหมือนเดิม
               
อลันส่งสีหน้าเหม็นเบื่อให้สเวน
               
สเวนยิ้มกริ่ม “ เจ้าลุกขึ้นไม่ได้งั้นเหรอ อลัน ? ”
               
“ อืม ขาฉันมันขยับไม่ได้น่ะ คงสักพักนั่นแหละ กว่าจะขยับได้ ”
               
เหมือนจะเป็นตะคริวล่ะมั้ง
               
อลันเดาสุ่มไม่ได้สนใจอะไรมาก
               
ยังไงอาการป่วยของเขาก็เดาอะไรไม่ได้อยู่แล้วล่ะนะ
               
สเวนตัดสินใจอุ้มอลันขึ้นมา
               
อลันอุทานดังลั่น
               
เพราะความสูงของสเวนไม่ใช่น้อยๆ เลย
               
“ เจ้าจะไปไหนล่ะ อลัน ถ้าแบบนี้เจ้าอยากไปที่ไหนข้าก็พาไปได้ ”
               
อลันนึกถึงมีดของตัวเองทันที
               
เขาเผลอทำตกไว้สักที่นั่นแหละ
               
อลันเผลอขมวดคิ้วเมื่อถูกปล่อยมานั่งบนพื้นอีกครั้ง
               
สเวนยิ้มแห้ง ชูมือที่เป็นรออยแดงและมีดอกหญ้าติด
               
“ ข้าว่าเจ้าเอาดอกหญ้าออกก่อนดีกว่า ถึงมันจะไม่เจ็บมาก แต่ก็น่ารำคาญมากทีเดียว ”
               
สเวนไม่ถูกกับดอกหญ้า
               
เวลาที่เดินป่าสเวนชอบเลี่ยงบริเวณที่มีดอกหญ้าเยอะๆ
               
เพราะมันแกะออกจากขนยาก จนต้องแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเจ้ากระต่ายโง่ให้ช่วยแกะออก มันกระทืบเท้าไม่พอใจแต่ก็ยอมช่วยเอาออก
               
สเวนเลยหาแอปเปิ้ลสักลูกให้มันตอบแทน
               
อลันหลุดหัวเราะ
               
เป็นถึงเซนทอร์ที่สามารถไล่หมียักษ์ได้แต่กลับกลัวเจ็บจากดอกหญ้า
               
รอยยิ้มกว้างปรากฎบนหน้าอลัน
               
แววตากระจ่างใส
               
สเวนมองมันด้วยความหลงไหล ลอบกลืนน้ำลาย ก่อนจะสะบัดหน้าเรียกสติตัวเองกลับมา
               
ไม่ได้
               
เขาจะครอบครองอลันไม่ได้
               
ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา
               
อลันตั้งหน้าตั้งตาแกะดอกหญ้าออกจากตัว โชคดีที่มันมักจะเกาะเป็นแถบๆ เลยเอาออกง่าย
               
โดยที่ไม่รู้ตัวสเวนเผลอเลียริมฝีปาก
               
โชคดีอีกครั้งที่อลันไม่ได้สังเกต
               
ไม่เช่นนั้นเซนทอร์หนุ่มคงต้องวุ่นกับการตอบคำถามเป็นแน่

-------------------

หมีพี่กานต์ 555555555555  :hao7:
               

                               
               
               
               
               
               
               

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ถึงแม้เมื่อวานจะเศร้าแต่วันนี้ก็ยิ้มได้เต็มหน้าแล้วนะคะสเวน เพราะอลันรับรู้การมีตัวตนอยู่ของสเวนแล้วนี่นา :heaven

ว่าแต่สายตาวิบวับเวลาที่แอบมองอลันตอนเผลอนี่คืออะไรกันคะสเวน แอบหื่นนะเราน่ะ :hao7: ..

ออฟไลน์ เหนือฟ้ายังมีจักรวาล

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ย ชอบนิยายบรรยากาศแบบนี้

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
เสียงแว่วครั้งที่ 4 : ประสบการณ์เลวร้ายกับเซนทอร์
               
หญ้าขึ้นรกถูกรบกวนโดยร่างยักษ์จนเกิดเป็นเสียงซอกแซก แมลงตัวเล็กอย่างพวกด้วง ตั๊กแตน กระโดดหนีกันอย่างจ้าระหวั่น นกประจำถิ่นที่บินเกาะตามกิ่งไม้จดจ้องมายังสิ่งแปลกปลอมและแผดเสียงไล่ แต่ผู้บุกรุกก็ไม่ได้สนใจมันแต่อย่างใดเพราะเสียงที่ใช้ขับไล่นั้นฟังเสนาะหูเกินกว่าจะเป็นเสียงขับไล่

“ โอ๊ย ” สเวนอุทานเมื่อโดนดอกหญ้าเกาะหนึบ
               
“ เดินไปอีกหน่อย ฉันจำได้ว่าทำหล่นแถวนี้แหละ” อลันอมยิ้มพยายามไม่หลุดหัวเราะเพราะกลัวว่าสเวนจะหมั่นไส้และปล่อยเขาร่วงใส่ดงดอกหญ้า
               
สเวนขมวดคิ้วพยายามไม่สบถออกมา เนื้อตัวเต็มไปด้วยดอกหญ้าราวกับว่าสเวนเป็นต้นดอกหญ้าซะเอง “ เจ้าหาดูดีๆ สิ ข้าจะพรุนตายอยู่แล้ว ”
               
“ จะพยายามแล้วกัน ” อลันเผลอฮัมเพลงในลำคอเพราะความอารมณ์ดี ในหัวพยายามนึกถึงตอนที่ตัวเองเจอเจ้าหมียักษ์นั่นแล้วเผลอทำมีดหล่น
               
นัยน์ตาสีฟ้าสอดส่องไปมาพยายามจับจุดหาสิ่งที่ตัวเองพอจะจำได้ในพงหญ้า แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาไม่เจออยู่ดี อลันนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะสะกิดสเวน
               
“ มีอะไรงั้นเหรอ อลัน ” สเวนเลิกคิ้วถาม “ เจอแล้วงั้นเหรอ ตรงไหนๆ ” ในใจหวังลึกๆ ว่าจะเจอมีดบ้าๆ นั่นและไปจากพงดอกหญ้างี่เง่าสักที
               
“ ฉันจะหยิบอะไรหน่อยน่ะ นายอยู่นิ่งๆ ล่ะ ”  อลันที่เดิมโอบคอสเวนด้วยแขนข้างเดียวขยับตัวโน้มไปด้านหลังเพื่อหยิบไฟฉายที่ยัดไว้ในกระเป๋า
               
สเวนเบิกตากว้างลำคอขาว ชวนให้ขบกัดกำลังอยู่ตรงหน้า ดวงตาสีทองสำรวจอย่างซุกซนผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิง ไหล่ที่ไม่แคบหรือกว้างจนเกินไป สำรวจจนพอใจกลับพบว่ามีสิ่งหนึ่งที่ผิดปกติ
               
ผมสีน้ำตาลทำไมถึงมีสีขาวแซมอยู่ล่ะ
               
รอจนกระทั่งอลันหยิบของที่ต้องการเสร็จ สเวนจึงเอ่ยถามอลัน “ ทำไมผมของเจ้าถึงเป็นสีขาวล่ะอลัน ? ”
               
อลันหัวเราะกับคำถามของสเวนเพราะคิดว่าเป็นมุขตลก “ นายจะด่าว่าฉันแก่ล่ะสิ บ้าน่า ฉันเพิ่งจะอายุ 22 เองนะ ม้าบ้า ”
               
สเวนขมวดคิ้วกับคำเรียกแต่ไม่ได้ไม่พอใจอะไร “ ข้าเห็นจริงๆ นะ ”
               
อลันยิ้ม “ งั้นมันก็คงเป็นผมหงอกนั่นแหละ ฉันจะไปมีผมสีขาวได้ไงล่ะ งี่เง่า ”
               
สเวนส่งเสียงอืออาเชิงรับรู้ในลำคอ เพราะคิดว่าผมสีขาวอาจจะเป็นแค่ผมหงอกตามที่อีกฝ่ายว่า  “ แล้วเจ้าหยิบอะไรน่ะ ”
               
ของแปลกๆ หน้าตาประหลาด
               
สเวนคิดในใจ
               
“ อ้อ ไฟฉายน่ะ นายไม่ต้องสนใจหรอก ” อลันควงไฟฉายอันเล็กเล่นโชว์สเวนอยู่สักพักอย่างนึกสนุก และเปิดมันสาดใส่หน้าสเวน
               
สเวนสะดุ้งจนเกือบปล่อยมือจากอลัน
               
“ ดวงอาทิตย์ ทำไมถึงอยู่ในนั้น !? เจ้าเป็นผู้วิเศษงั้นเหรอ อลัน ”
               
สเวนโวยวายตาเบิกกว้าง มองของที่ให้แสงสว่างอย่างแปลกธรรมชาติ
               
ท่าทางตื่นตระหนกของสเวนทำให้อลันรู้สึกเอ็นดูเซนทอร์หนุ่มไม่น้อย “ เปล่า มันก็แค่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาน่ะ ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษหรอก ”
               
“ แค่ไอ้สิ่งที่เรียกว่าปืนก็ทำให้ข้าอัศจรรย์ใจจะแย่แล้ว ยังมีไอ้ดวงอาทิตย์นี่อีก ” สเวนบ่นอุบ สเวนเกลียดเสียงปืนมากเช่นเดียวกับสัตว์ป่าทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้
               
อลันเลิกคิ้วไม่พูดอะไรเพราะไม่คิดว่าสเวนจะรู้จักอาวุธร้ายของมนุษย์ อลันส่องไฟฉายไปตามพงหญ้าเพื่อหาประกายสะท้อนแวบๆ จากมีดเหล็กของเขา ส่องไปส่องมาสักพักก็เห็นประกายแสงสะท้อนกลับมาใกล้ๆ
               
“ แสงอะไรน่ะ ? หิ่งห้อยงั้นเหรอ”
               
อลันหัวเราะตอบ “ มีดของฉันเองน่า หิ่งห้อยมันคงไม่มาเรืองแสงอะไรตอนนี้หรอก ”
               
สเวนมุ้ยหน้าเริ่มจะงอนร่างในมืออยู่กลายๆ เพราะทำให้เขาดูเหมือนตัวตลก “ ข้าไม่ใช่มนุษย์ ข้าจะไปรู้ได้ยังไง ว่าอะไรเป็นอะไร ที่ข้ารู้มีเพียงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับป่านี่เท่านั้น เจ้าลองถามมาสิ ว่าแถวไหนมีลำธาร แถวไหนมีหมาป่าข้ารู้หมดนั่นแหละ ”
               
อลันเอื้อมมือไปลูบหัวสเวนเชิงปลอบ “ อย่างอนสิ ม้าบ้า ฉันแค่พูดเล่นเฉยๆ ”
               
สเวนถึงได้อารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย “ ไหนมีดเจ้าล่ะ หยิบสิ จะได้ไปจากดอกหญ้าบ้าๆ พวกนี้สักที ”
               
“ ก็ตรงหิ่งห้อยของนายนั่นแหละ เดินไปตรงนั้นสิ ” อลันปล่อยมือจากผมสีบรอนด์ทองนุ่มนิ่มให้อารมณ์คล้ายกับขนของสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทีฟเวอร์ ชี้บอกอีกแรง
               
สเวนเดินดุ่มๆ ไปตรงนั้น “ โอบคอข้าไว้ ” เพราะอลันยังขยับขาไม่ได้สเวนจึงไม่ได้ให้อลันขี่หลังแทน
               
อลันทำตามอย่างว่าง่ายโอบคอสเวนเอาหน้าซุกกับหลังแกล้งกระซิบหูข้างหูสเวน “ ม้าบ้า ฉันจะรัดคอนายให้ตายไปเลย ฮ่าๆ ” พูดจบก็ออกแรงรัดคอสเวน
               
สเวนเกือบจะเคลิ้มไปกับการโอบรอบคอของอลันจนกระทั่งถูกเบรกด้วยแรงรัดเข้าที่คอ สเวนตาเหลือกส่งเสียงค่อกแค่กในลำคอ ในใจนึกหงุดหงิดอยากกัดลำคอขาวเป็นการสั่งสอน
               
แต่จิตสำนึกก็ห้ามปราบสเวนไว้
               
เขาไม่ใช่พวกสัตว์เดรัจฉานสัตว์หน่อย เมื่อถูกใจจะกระทำอีกฝ่าย
               
ของพวกนี้จะทำได้นอกจากจะยินยอมทั้งสองฝ่ายเท่านั้น
               
สเวนรู้ตัวดีว่าตัวเองหลงรักอลัน เหมือนกับว่าจมปลักไปกับความรู้สึกเลยทีเดียว แค่ได้ยินเสียงหัวเราะ ร้องเพลงหรือ สีหน้ายิ้มแย้มก็ทำให้สเวนอารมณ์ดีง่ายๆ แล้ว
               
“ เฮ้ ! อย่าบอกนะว่า ขาดใจตายไปแล้ว ” อลันลนลานลดแรงโอบรอบคอเพราะม้าบ้าไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรนอกจากเสียงไอค่อกแค่กในลำคอ
               
“ เปล่าหรอก มนุษย์งี่เง่า ” สเวนกัดอลันทางคำพูดบ้าง พยุงตัวอีกฝ่ายด้วยแขนแข็งแรงข้างเดียว ย่อตัวลงหยิบมีดที่อีกฝ่ายทำตกเอาไว้ “ หันมาหยิบมีดเจ้าก่อน อลัน เดี๋ยวมันจะโดนข้า ”
               
อลันเอี้ยวตัวมาหยิบมีดจากสเวน ล้วงปลอกมีดจากกระเป๋าเกงมาใส่มีดและยัดใส่เสื้อโค้ทตัวเองพร้อมกับไฟฉาย
               
ระหว่างที่อลันง่วนกับมีด สเวนก็วิ่งเหยาะๆ กระโดดข้ามพงดอกหญ้าออกมายืนแถวๆ พื้นดินปกติหญ้าขึ้นประปราย สเวนปล่อยตัวอลันลงบนพื้นเบาๆ จ้องตามเนื้อตัวตัวเองด้วยความหนักใจ “ ดูสิมนุษย์งี่เง่า เจ้าทำให้ข้าต้องเจ็บตัวกว่าปกติ ”
               
อลันมองดอกหญ้าที่ติดตามตัวสเวนเยอะมากก็หลุดหัวเราะ “ ช่วยไม่ได้ นายตัวใหญ่เองนี่ สเวน ”
               
“ เอาออกให้ข้าด้วย มันทำให้ข้ารู้สึกเหมือนมีเห็บหมัดเกาะอยู่ตามตัว ” สเวนสาวเท้าเข้ามาใกล้อลัน
               
“ ก็ได้ๆ ” อลันช่วยสเวนแกะออกอยู่สักพักก็เริ่มรู้สึกขี้เกียจและเหนียวตัว “ ม้าบ้า นายบอกรู้ว่าแถวไหนมีลำธารน่ะ ? พาฉันไปหน่อยสิ ”
               
สเวนขมวดคิ้วแอบตำหนิอลันในใจถึงความไม่ใส่ใจของเจ้าตัว “ รู้สิ ก็ข้าเพิ่งบอกเจ้าไปเองว่า ข้ารู้ว่าตรงไหนมีลำธาร ตรงไหนมีหมาป่า ”
               
“ งั้นพาฉันไปหน่อยสิ ไปแกะดอกหญ้าบ้านี่ที่นู่นดีกว่า ฉันว่า ” อลันผุดลุกขึ้นยืนสบายๆ และฉีกยิ้มให้สเวน
               
สเวนคิ้วกระตุก “ ไหนเจ้าบอกขยับขาไม่ได้ไง ”
               
“ ใช่ ฉันขยับขาไม่ได้ตอนนั้น แต่ตอนนี้มันขยับได้แล้ว ” อลันนึกเสียใจที่ไม่ได้ฝึกหรือจำวิธีการเต้นเจ๋งๆ ไว้ไม่เช่นนั้นคงเต้นให้สเวนดูเรียกสีหน้าละเหี่ยใจของสเวนออกมา
               
น่ารักดีไม่หยอก
               
อลันเพียงแค่นึกถึงสีหน้าม้าบ้าก็อมยิ้ม
               
สเวนเห็นใบหน้าของอลันยิ้มก็เผลอยิ้มตาม อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เหมือนกับว่ารอยยิ้มของอลันเป็นเชื้อเพลิงให้อารมณ์ของสเวนลุกไหม้ส่งสะเก็ดไฟกลายๆ
               
“ ม้าบ้ายิ้มอะไรน่ะ พาฉันไปได้แล้ว ” อลันลุกขึ้นไปตบตัวสเวนเบาๆ
               
“ เจ้าขี่ม้าเป็นงั้นเหรอ ” สเวนเลิกคิ้ว
               
“ ขี่เซนทอร์เป็นแล้วกัน ” อลันหัวเราะตอบ “ ย่อตัวลงมาหน่อยสิ ฉันกระโดดขึ้นหลังนายไม่ได้ ”
               
สเวนย่อตัวให้อลันขึ้นมาขี่หลังแต่โดยดีก่อนจะยืนเต็มความสูง
               
อลันลอบกลืนน้ำลายเมื่อมองระดับความสูงตัวเองกับพื้นตอนนี้ ถ้าหากตกลงไปคงจะแขนยอกเคล็ดฟกช้ำอะทำนองนั้นแน่ๆ
               
สเวนถอดสิ่งใช้บรรจุของที่เขาจำชื่อไม่ได้ยื่นให้อลัน “ เอามันคืนไปเพราะเจ้าต้องเกาะตัวข้า ”
               
อลันรับกระเป๋าใบโตของตัวเองมาสะพายขยับเข้าไปเกาะตัวสเวนช้าๆ เพราะกลัวตกลงไปนอนวัดพื้น
               
สเวนยิ้มเอ็นดู “ เร็วๆ สิ มนุษย์งี่เง่า ”
               
อลันกอดเข้าที่ตัวสเวนเต็มแรงเชิงประชดเผลอขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงกล้ามเนื้อซิกแพ็กที่อีกฝ่ายมี
               
ทำไมเซนทอร์มีซิกแพ็ก ?
               
ไอ้ม้าบ้านี่มันซิตอัพยังไง
               
อลันตั้งข้อสงสัยกับตัวเองแต่ไม่ถามออกไป
               
“ ข้าวิ่งแล้วนะ มนุษย์ เกาะดีๆ ละ ” สเวนบอกอลันเพื่อให้อีกฝ่ายทำใจสั้นๆ ก่อนจะยกขาหน้าขึ้นสูง
               
“ เฮ้ยยยยย ” อลันร้องเสียงหลง ถ้าหากไม่ได้กอดแน่นแต่แรกต้องร่วงจากหลังเจ้ามาบ้านี่แน่ แต่มันไม่จบเพียงเท่านั้นเมื่อสเวนควบฝีเท้าอย่างรวดเร็ว อลันกระโดนตามจังหวะที่สเวนวิ่งและกระโดดข้าม อลันกัดฟันพยายามไม่อุทานออกมาเสียงดังลั่นเพื่อระบายความเก็บกด
               
สเวนหัวเราะในใจเร่งความเร่งยิ่งกว่าเดิม เดิมทีสเวนไม่ได้วิ่งไวถึงขนาดนี้แต่เพราะมีร่างบนหลังจึงวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อแกล้งอีกฝ่าย เสียงอุทาน แรงกอดที่แน่นขึ้น ทำให้สเวนอารมณ์ดีมาก
               
จากป่าทึบกลายเป็นป่าโปร่งเมื่อสเวนลัดเลาะไปตามทางอย่างชำนาญต้นไม้ต้นบางแต่กิ่งก้านแผ่สาขามากมายให้ร่มเงาสีสบายตา เศษใบไม้แห้งบนพื้นส่งเสียงกรอบแกรบเมื่อถูกเหยียบอย่างแรง เถาวัลย์ไม้เลื้อยต่างๆ สเวนหลบหลีกมันอย่างง่ายดาย แต่ผู้โดยสารอย่างอลันดูจะไม่ง่ายเช่นนั้น
               
อาการคลื่นไส้ครอบงำอลัน อลันใช้แขนข้างนึงกอดตัวสเวน หลับตาพยายามไม่จ้องมองทรรศนียภาพที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับกำลังนั่งรถไฟเหาะ มือข้างนึงปิดปากนิดแน่น ในใจสบถถึงความเลวร้ายของการขี่เซนทอร์ครั้งแรกในชีวิต
                 
ไอ้ม้าเวร !
               
อลันด่าสเวนในใจ แต่ได้ไม่นานนักก็ต้องตาเหลือกกับอาหารที่มากระจุกกันตรงคอ
               
เสียงน้ำไหลแผ่วเบา เกิดฟองฟอดเมื่อน้ำตีเข้ากับโขดหิน ปลาตัวบางที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์ให้เห็นอยู่เป็นกลุ่มๆ พืชน้ำขึ้นอยู่ประปรายมีหอยตัวเล็กซ่อนตัวอย่างแนบเนียน  กวางตัวย่อมที่มาพร้อมกับลูกจิบน้ำแก้กระหายก่อนจะวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงเมื่อเจอร่างของเจ้าถิ่นวิ่งควบเสียงดังมาแต่ไกล
               
“ ม้าบ้าเอ้ยยยย จะรีบอะไรนักหนา ” อลันถึงกับทนไม่ไหวโวยวายเสียงดัง ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น หน้าซีดเผือด
               
“ ก็ข้าร้อน ” สเวนแก้ตัวด้วยประโยคที่ฟังไม่ขึ้นเมื่อมาหยุดใกล้ๆ ลำธารสายเล็กที่ค่อนข้างกว้างพอสมควร สเวนมักจะใช้ที่บริเวณนี้เป็นที่งีบหลับเพราะไม่ร้อนและสงบ
               
อลันตะเกียกตะกายลงจากตัวสเวนทันทีที่อีกฝ่ายย่อตัวลงให้ อลันถอดกระเป๋า เสื้อโค้ทโยนออกไปใกล้ๆ และนอนแผ่หลาบนพื้น หอบหายใจแรง หลับตาพยายามไม่นึกถึงความเลวร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อกี้
               
สเวนเห็นท่าทางสังกะตายของอลันก็หัวเราะออกมา ไม่มีท่าทีสำนึกผิดใดๆ
               
ครู่ใหญ่ๆ กว่าอลันจะกลับมายันตัวนั่งได้เหมือนเดิม สีหน้ากลับมามีสีเลือดอีกครั้ง จ้องสเวนด้วยแววตาคาดโทษ “ ม้าบ้า ถ้าจะวิ่งแบบนี้อีก อย่ามาคุยกับฉัน ! ”
               
สเวนหงอยลงทันตา แค่นึกถึงเวลาที่ไม่มีอีกฝ่ายก็รู้สึกว่าชีวิตการเป็นเซนทอร์ก็น่าเบื่อแล้ว การมีอลันเข้ามาในชีวิตทำให้สเวนรู้สึกสนุกมากขึ้น เสียงเพลงเพราะๆ นั้นถ้าหากข้าไม่ได้ฟังมันอีกล่ะก็ ข้าต้องเสียใจมากแน่ๆ  “ ก็ได้.. ข้าจะไม่วิ่งแบบนั้นอีกแล้ว อลัน ”
               
ความโกรธของอลันหายไปทันทีเมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของสเวนที่ดูซื่อตรงจนรู้สึกผิดซะเอง
               
ทั้งๆ ที่เจ้าม้าบ้านี่ผิดแท้ๆ
               
อลันผุดลุกขึ้นยืน “ โอเค งั้นก็ดี ” ก้าวขาเข้าไปหาลำธารอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาสีฟ้าสะท้อนประกายของน้ำที่ไหลเอื่อย ปากเผลอยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัว อลันรีบถอดถุงเท้ารองเท้าและของประดับข้อมือของตัวเองโยนไว้ใกล้ๆ ถลกขากางเกงยีนส์ขึ้น เมื่อเตรียมพร้อมแล้วอลันก็วิ่งลงไปมในลำธารทันที
               
ฝูงปลาที่เดิมทีว่ายเอื่อยไปมาหากินตะไคร่น้ำพืชน้ำแตกฝูงทันที ว่ายหนีกระเจิงก่อนกลับรวมกันเป็นกลุ่มอีกครั้งในบริเวณที่ไกลกว่าอลัน
               
อลันสนใจทั้งปลาในลำธารและน้ำเย็นที่กำลังรู้สึกถึง อลันรู้สึกสนุกขึ้นมาทันทีตะโกนชวนสเวน “ สเวน นายก็ลงมาสิ ! ”
               
สเวนส่ายหัวทันควัน เดินเข้ามายืนใกล้ลำธาร “ ไม่ล่ะ ขนข้าแห้งช้า ”
               
“ งั้นก็ตามใจ ” อลันยิ้มแล้ววักน้ำสาดใส่สเวน
               
สเวนหลบได้ทันและเลิกคิ้วกวนๆ ให้อลัน “ รดน้ำต้นไม้งั้นเหรอ ”
               
อลันทำหน้าเซ็งทันทีตัดสินใจไม่แกล้งสเวนต่อ อลันวักน้ำล้างหน้าตัวเอง
               
น้ำเย็นเฉียบช่วยให้สติของอลันกลับมาแจ่มใส อลันครุ่นคิดอยู่สักพักว่าจะอาบน้ำดีไหม ดึงเสื้อสำรวจความสะอาดของตัวเองพบว่าอยู่ในขั้นสกปรก อลันถอดเสื้อยืดสีเทาเปื่อยๆ โยนไปใส่หัวสเวนที่เหม่อหันหน้าไปอีกทางอยู่อย่างแม่นยำ
               
สเวนสะดุ้งเมื่อภาพตรงหน้าได้กลายเป็นสีเทาจางรีบดึงของอยู่บนหัวออก แต่เมื่อกำลังจะด่าอลันที่ทำอะไรบ้าๆ ให้ตกใจเล่นก็ต้องชะงัก
               
อลันกุมท้องหัวเราะเมื่อเห็นม้าบ้าตกใจลุกลี้ลุกลนดึงเสื้อออกจากหัวในระหว่างนั้นเขาก็ถอดยีนส์โยนไปใกล้ๆ ฝั่งเช่นกันตอนนี้อลันสวมเพียงชั้นในอย่างเดียวเท่านั้น อลันหัวเราะไปได้สักพักก็ต้องเผลอเลิกคิ้วเมื่อใบหน้าของสเวนเปลี่ยนเป็นสีแดงและเลียริมฝีปาก !
               
ถ้าสเวนจ้องอาหารอยู่อลันจะไม่ประท้วงอะไร
               
แต่-นี่-มัน-เขา
               
 “ ม้าบ้า นี่นายจะกินฉันเรอะ ! ” อลันแกล้งชี้หน้าสเวนเอาเรื่อง ทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น สเวนคงจะแค่หิวน้ำอะไรแบบนั้น อลันเพียงแค่อยากแกล้งอีกฝ่ายเท่านั้น
               
สเวนลนลาน “ อะ อะไรของเจ้า มนุษย์งี่เง่า ใครจะไปอยากกินเนื้อมนุษย์ล่ะ ให้ข้ากินเนื้อหมาป่ายังฟังดูเข้าท่ากว่าเลย ” ใบหูยังฟ้องถึงความอับอายที่ถูกจับได้แม้สีหน้าจะกลับมาเป็นสีปกติแล้ว
               
อลันแสร้งทำหน้าเศร้า “ ดูเหมือนว่าเนื้อฉันมันจะแย่มากสินะ นายถึงได้อยากกินเนื้อหมาป่ามากกว่า ”
               
สเวนปรับอารมณ์ตามอลันไม่ถูก แต่ก็พยายามเอ่ยแก้ตัวต่อ “ เจ้าอยากคิดมากสิ อลัน ข้าไม่ได้อยากกินเนื้อมนุษย์สักหน่อย ข้าไม่ใช่พวกแร้งนะ”
               
อลันยิ้ม “ เออๆ ฉันพูดเล่นน่า จริงจังไปได้ ” อลันมองหาฝูงปลาที่หนีไปไกล “ นายหาไม้อะไรก็ได้แหลมๆ ให้ฉันหน่อยสิ ฉันจะจับปลา ” อลันเบื่ออาหารที่เขาพกมากินเต็มทนแล้ว
               
สเวนสูดหายใจสั้นๆ เรียกสติของตัวเองคืนมา “ ได้ มนุษย์งี่เง่า ” สเวนมองไปรอบๆ หากิ่งไม้พอดีมือ พบว่ามีอันนึงที่ถูกใจแต่มันไม่ได้ถูกหักแล้ว ด้วยความสูงของสเวนทำให้โน้มกิ่งไม้ลงมาง่ายๆ และหักดังป็อก สเวนหยิบหินปลายแหลมใกล้ๆ มาเกลาปลายไม้ให้แหลมอย่างที่อลันต้องการ “ ได้แล้ว ” สเวนชูไม้ให้อลันเห็น
               
อลันเลิกคิ้ว “ โยนมาเลย ! ” มืออ้ากว้างเตรียมรับ
               
สเวนโยนมันในแนวขวางโดยที่ปลายแหลมไม่ได้พุ่งเข้าหาอลันแม้แต่น้อยเพราะกลัวอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บจากไม้เกลาแหลมของตัวเอง
               
“ โยนงี้ให้ฉันไปเอาที่มือนายก็ได้นะ ” อลันบ่นอุบลากเท้าไปหยิบไม้ที่ว่ามาถือ พลิกซ้าย พลิกขวา พิจารณามันอย่างพอใจ ขนาดของมันเหมาะมืออลันพอดี อลันค่อยๆ ลากเท้าไปยังที่ฝูงปลาอยู่กระจุกกันอย่างเชื่องช้าเพื่อไม่ให้ปลาตกใจ
               
สเวนมองภาพตรงหน้า
               
แผ่นหลังนั้นขาวชะมัด
               
สเวนสะบัดหน้าตัวเอง
               
ข้าจะกลายเป็นเซนทอร์หื่นกามไม่ได้ นั้นมันแย่เกินไปแล้ว
               
ปลาสีเงินเกล็ดเป็นประกายตีครีบนิ่งๆ โดยไม่รู้ถึงชะตาชีวิตของตัวเองสักนิดว่าจะกลายเป็นอาหารมื้อต่อไปของมนุษย์คนนึงที่กินปลากระป๋องจนเอียน
               
อลันค่อยๆ ก้าวลงเหยียบพื้นที่ไกลจากปลาที่เล็งไว้ พื้นที่บริเวณนี้ลึกกว่าปกติ น้ำเย็นเฉียบเกือบจะแทะเล็มต้นขาของอลัน หินกรวดก้อนเล็กที่ถูกตกตะกอนมาอย่างยาวนานถูกตะไคร่เกาะเสี่ยงต่อการลื่นถ้าหากไม่ระมัดระวัง
               
อลันเคยจับปลาเมื่อตอนสมัยเรียนลูกเสือ
               
นัยน์สีฟ้าเป็นประกายตื่นเต้น ผมสีน้ำตาลปลิวลู่ลมที่พัดแรง ผิวของอลันซีดลงเพราะความหนาวเย็น มือจับไม้ท่อนยาวแน่น อลันนับหนึ่งถึงสามในใจก่อนจะจ้วงเข้าที่ปลาที่น่าสงสาร
               
น้ำลำธารสีใสเปลี่ยนเป็นสีแดงจางทันที
               
อลันยิ้มแห้งนึกขอโทษเจ้าปลาที่ดิ้นขลุกขลักตัวถูกเสียบทะลุด้วยไม้ เลือดของมันย้อมไม้ให้เป็นสีแดง อลันจดจ้องฝูงปลาที่แตกพ่ายไปแล้วสักพักก็ตัดใจ แค่ตัวเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว อลันคิดในใจ ชูปลาในมือยิ้มอวดสเวนที่ยืนพิงต้นไม้อยู่
               
“ ฉันไม่แบ่งนายหรอกนะ ! ” อลันพูดกลั้วหัวเราะ
               
“ กินตามสบาย ” สเวนยักไหล่ตอบ
               
อลันคิดว่านั่นเป็นการกลบเกลื่อน แต่ก็ช่างปะไร ยังไงมื้อนี้เขาก็รอดชีวิตจากเสบียงรสชาติน่าเบื่อที่เตรียมมาแล้วล่ะนะ อลันก้าวเดินอีกครั้งในใจคิดไปเรื่อยคลายความระมัดระวัง
               
ตูม !!
               
อลันเบิกตากว้างเพราะตัวเองเผลอลื่นเข้ากับตะไคร่น้ำ ไม้ที่เสียบปลาเผลอปล่อยไปอย่างไม่รู้ตัว อลันพยายามยันตัวขึ้นมายืนอีกครั้งแต่กลับพบว่าทำไมไม่ได้ ภาพตรงหน้ากลายเป็นสีดำ แรงที่เดิมมีมากพอให้จับปลาทั้งฝูงหายไปราวกับเล่นตลก
               
ในตอนแรกสเวนเกือบจะขำกับท่าท่างที่อลันลื่นล้ม แต่ก็ขำไม่ออกเมื่ออลันไม่ยอมตะเกียกตะกายขึ้นมา !! สเวนกระโจนลงไปในน้ำ น้ำที่ถูกเหยียบอย่างแรงสาดกระจาย วงคลื่นขนาดใหญ่เกิดขึ้นตามแรงเหยียบ “ อลัน อลัน ! ” สเวนคว้าตัวอลันขึ้นมาจากน้ำ พบว่าอีกฝ่ายนิ่งไปแล้ว
               
สเวนยกอลันขึ้นมาแนบอก น้ำตาเผลอไหลออกมาจากดวงตาด้วยความกลัว ว่าจะสูญเสียร่างตรงหน้าไป สเวนรีบวิ่งขึ้นมาบนบกวางอีกฝ่ายลงบนหญ้านิ่ม มือหนาเขย่าตัวอลันด้วยหัวใจเต้นรัวที่ไม่ได้เกิดจากความรักหรือเขินอาย
               
สเวนไม่เคยรู้สึกกลัวขนาดนี้มาก่อนจนกระทั่งรู้จักกับอลัน
               
“ อลัน อลัน ” สเวนพร่ำเรียก มือสั่นเทา
               
ร่างกายของอลันเย็นเฉียบไม่ได้ตอบสนองสเวนใดๆ
               
สเวนกอดร่างของอลันหวังจะให้ไออุ่นแผ่ไปยังอีกฝ่ายก็ยังดี สเวนหลับตาลงเอาหน้าซุกไปที่ตัวอีกฝ่ายอย่างอ่อนแอ
               
เจ้าจะตายไม่ได้นะมนุษย์
               
ไม่สงสารเซนทอร์ที่มีชีวิตยืนยาวอย่างข้าบ้างเหรอ
               
สเวนไม่คิดจะห้ามน้ำตาที่ไหลออกมา
               
มนุษย์งี่เง่า...
               
ฟื้นขึ้นมาสิ
               
ถือว่าข้าขอร้อง



--------------

จบแบบเศร้าอีกแล้ว   :mew1:
               
 
                 
               
               
               
               
 
                 
               

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :mew4:

สรุปว่าสเวนก็ไม่รู้จักโรคนี้

มีแม่หมอในเรื่องไหมคะนี่? ให้นางดูน่าจะเวิร์คนะ (ต้องมีซัมติงมันผมสีขาวชัวร์)

 :mew1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
จริงๆ แล้วอลันเป็นฮาฟบลัดใช่มะะะ
งื้อออออ

ออฟไลน์ sinyou

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พึ่งเข้ามาอ่าน ติดเลย สรุปอลันเป็นโรคอะไร

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
เสียงแว่วครั้งที่ 5 : กำเริบอีกครั้ง
   
กลิ่นเหม็นไหม้ของควันไฟลอยฟุ้ง สะเก็ดไฟจากไม้ที่ถูกเผากระเด็นออกมาเป็นช่วงๆ 
   
อลันขมวดคิ้วแน่นเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาและสูดกลิ่นควันไฟเข้าไป
   
ไอ้ม้าบ้ามันเผากันเหรอวะ !
   
อลันลืมตาทันทีอ้าปากกำลังจะด่าเซนทอร์ที่มาเผากันทั้งๆ ที่ยังไม่ตาย แต่ปากที่กำลังจะอ้าด่าก็ต้องชะงักไปเมื่อพบว่าตัวเองถูกกอดแน่นโดยร่างของเซนทอร์ บนใบหน้าของสเวนมีคราบน้ำตาจางๆ ใต้ขอบตาแดงราวกับเพิ่งร้องไห้อย่างหนักมา
   
ม้าบ้าร้องไห้...
   
สเวนยังไม่รู้ว่าอลันตื่นมือเผลอกอดอลันแน่นกว่าตามสัญชาตญาณของตัวเอง
   
ร่างกายของมนุษย์ไม่ควรเย็นเฉียบ
   
อลันถอนหายใจเบาๆ ลูบหัวสเวนที่ซุกอยู่กับอกตัวเอง “ ม้างี่เง่าเอ้ย ” แต่อลันก็พอเข้าใจถึงสาเหตุที่ม้าบ้าร้องไห้ ใครใช้ให้โรคบ้ามันกำเริบตอนเขากำลังจะเดินกลับมากันล่ะ ปลาที่อุตส่าห์ดั้งด้นจับมาก็เผลอปล่อยทิ้งไปอีก นี่ฉันต้องกินไอ้ปลากระป๋องบ้าๆ พวกนั้นอีกแล้วเหรอ
   
อลันเผลอยิ้มจางเพราะเพิ่งสังเกตว่าตัวเองถูกจับใส่เสื้อกางเกงเรียบร้อย ดี ม้าบ้า อีกหน่อยนายเป็นพ่อบ้านให้ฉันได้เลยล่ะ แววตาของอลันเป็นประกายเมื่อได้เห็นปลาย่างเสียบจำนวนมากที่เผาแล้วถูกวางบนใบไม้ แสงไฟลุกสว่างวาบเป็นช่วงๆ อาบไล้ให้เห็นความน่ากินของปลา
   
สเวนใส่ใจเขากว่าคิด..
   
กระเป๋าข้าวของที่เขาโยนไว้กระจัดกระจายลวกๆ ตามพื้น ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ บนข้อมือมีนาฬิกาสีดำกับเข็มทิศที่เขาเอามา อลันเพิ่งสังเกตว่าบนข้อมือที่ใช้กอดตัวเองของม้าบ้ามีรอยกรีดยาวเล็กๆ เลือดซึมออกมาไหลเปื้อนไปทั้งแขนแต่ดูเหมือนสเวนจะไม่ได้สนใจมันสักเท่าไหร่
   
อลันถอนหายใจเบาๆ เมื่อมองไปบนท้องฟ้าแล้วเห็นพระจันทร์ดวงใหญ่ส่งแสงขาวนวลและยังมีรอยสีดำประปรายคล้ายกระต่ายที่ผู้คนมักคิดไปเอง หมู่เมฆสีดำครึ้มลอยเอื่อยบดบังเป็นครั้งคราว
   
แต่ถ้าจะให้เขาหลับต่อก็คงหลับไม่ลงอยู่ดี อลันพยายามดึงแขนของสเวนออกแต่อีกฝ่ายก็ขัดขืนกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม อลันพยายามแกะอยู่อย่างนั้นจนเกือบเซ็ง ถึงหลุดออกมาได้
   
“ เป็นม้าหรือปลาหมึกกันแน่ หึ ” อลันพูดขำๆ เดินไปหยิบกล่องพยาบาลของเขาออกมา หยิบยาแดง ยาฆ่าเชื้อ พลาสเตอร์ปิดแผลอะไรทำนองนั้นออกมานั่งข้างสเวน ดึงแขนปลาหมึกออกมาทำแผลให้อย่างแผ่วเบาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน อลันใช้นิ้วกดพลาสเตอร์ปิดให้เรียบอีกครั้งก่อนจะผละออกมา
   
ม้าบ้าเป็นคนใช้กล่องยาคนที่สองต่อจากกระต่ายนั้นสินะ
   
ดูเหมือนว่าเจ้าของอย่างฉันคงจะไม่ได้ใช้แล้วมั้งเนี่ย
   
อลันคิดอย่างอารมณ์ดีฮัมเพลงเสียงเบาในลำคอ เก็บกล่องยากลับเข้ากระเป๋า เดินไปหยิบปลาย่างเสียบไม้ ซึ่งอลันก็ต้องพูดอะไรไม่ออก เพราะปลาที่ถูกจับมาเสียบนั้นไม่มีแม้แต่ตัวเดียวที่ถูกกิน ตอนแรกอลันคิดว่าสเวนย่างไปกินไปด้วยซ้ำ อลันหยิบปลาย่างมาไม้นึงมานั่งข้างๆ สเวน
   
จับจ้องใบหน้าที่หลับสนิทฉายแววอมทุกข์ กินปลาย่างในมือเงียบๆ ในหัวครุ่นคิดถึงสิ่งที่ผ่านมา
   
วันนี้เป็นวันที่ 11 ที่เขาได้ออกเดินทางมาจากที่นั้น
   
ตอนนี้เดินถึงไหนแล้ว อลันไม่เคยรู้ถึงเรื่องนั้น
   
เขาทำได้เพียงคาดคะเนจากสภาพภูมิประเทศ
   
เปรียบจากแผนที่ดูตามสีต่างๆ ที่บอกสภาพอาณาเขต
   
เขารู้ดีว่าตัวเองชอบขีดเกินที่ตัวเองเดินไว้
   
มันเป็นความหวังโง่ๆ ที่เอาไว้หลอกตัวเอง
   
ภาพในแผนที่ดูเล็กเพราะถูกย่อส่วนลงมา และใช้มาตราส่วนในการบอกขนาดของพื้นที่นั้น
   
หรือในความเป็นจริง
   
อลันอาจจะเดินได้เพียงเส้นสีน้ำเงินขีดแรกเท่านั้น
   
อลันหลับตาลงซ่อนแววตาสิ้นหวังไว้ใต้เปลือกตา รสชาติหวานๆ ของปลาแต่ไม่อาจะทำให้ความเค็มจากน้ำตาของอลันจางลงอย่างใด อลันวางปลาย่างในมือรองไว้กับใบไม้ใบใหญ่ที่หยิบติดมือมา เอามือข้างนึงปิดใบหน้าของตัวเองเพื่อไม่ให้ม้าบ้าตื่นมาแล้วตกใจ
   
น้ำตาของอลันไหลพรากออกมาอย่างอ่อนแอ
   
ถ้าหากว่าเขาเดินทางคนเดียวแล้วเจอลำธารแบบนี้
   
ชีวิตของเขาคงจะจบที่ลำธารนั้นแล้ว
   
อลันตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในอ้อมกอดของสเวนอีกครั้ง กอดอีกฝ่ายแรงคล้ายกับกำลังหาที่พึ่งและเผลอหลับไป ท้องที่กินจนอิ่มทำให้การนอนอีกครั้งไม่ใช่เรื่องยาก
   
อากาศหนาวเย็นเฉียบแต่ไม่ได้ทำให้ทั้งสองร่างจะหนาวขึ้นมาแต่อย่างใด ผมสีน้ำตาลของอลันถูกพัดจนพริ้วไหวไปตามลม สะเก็ดไฟแตกสะเก็ดออกมาจากไม้เกิดแสงสว่างวาบทำให้เห็นสีผมของอลันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
   
ผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ได้เปลี่ยนเป็นสีขาวเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง
   
โดยที่แม้แต่เจ้าตัวยังไม่รู้

   
อึ่ก !!
   
อลันเบิกตาโพลง กุมท้องแน่น กัดฟันครางในลำคอด้วยความเจ็บปวด อลันสบถในลำคอเซ็งๆ เพราะวันนี้นาฬิกาปลุกของเขาเป็นโรคบ้าบอไม่ใช่แสงแดดหรือเสียงนกเหมือนทุกวัน
   
อลันเผลอน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว ท้องของอลันบิดเร่าด้วยเพลงทำนองใหม่ที่ไม่ใช่จังหวะร็อค ครั้งนี้อาจจะเป็นแนวแร็ปเลยล่ะ อลันคิดฟุ้งซ่าน แต่ไม่ว่าแนวไหนก็ทรมานเหมือนกัน อลันยื่นมือไปเขย่าร่างของเซนทอร์ที่หลับสนิทข้างๆ ตัว
   
ไม่รู้เหมือนกันว่านอนกันยังไงตื่นมาถึงได้อยู่คนละทาง
   
สเวนส่งเสียงงึมงำแต่ไม่ยอมตื่นขึ้นมา
   
แรงบิดเร่าในท้องเร่งให้อลันรีบปลุกสเวนขึ้นมา
   
นัยน์ตาสีฟ้าเริ่มเจือความหงุดหงิด อลันจึงหยิกแขนสเวนอย่างแรง นึกขอโทษอีกฝ่ายในใจ
   
ช่วยไม่ได้.. ไม่ยอมตื่นดีๆ เอง
   
“ โอ๊ย !! ” สเวนสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที ดวงตาสีทองฉายแววเอาเรื่อง หันซ้ายหันขวาหาตัวต้นเรื่องทันทีก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเจอตัวต้นเหตุ “ อลัน ! ” เซนทอร์หนุ่มเกือบจะสวมกอดอลันแต่ถูกอลันเอาแขนกันไว้ก่อน
   
“ หยิบกระเป๋า.. อึก ให้ฉันหน่อย ” อลันพยายามพูด
   
ความเศร้าเข้าครอบคลุมสเวนอีกครั้งเพราะอาการอีกฝ่ายกำเริบอีกแล้ว สเวนผุดลุกขึ้นยืนรีบหยิบกระเป๋ากลับมาให้อลันทันที
   
สเวนจับจ้องของการกระทำของอลันเศร้าๆ มือสั่นๆ นั้นพยายามควานหาอะไรสักอย่างในกระเป๋า น้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตา ริมฝีปากมีรอยช้ำเหมือนกับถูกเผลอกัด รอจนกระทั่งอลันกินอะไรบางอย่างที่เป็นเม็ดสีขาวเสร็จและนอนราบไปบนพื้น
   
“ อลัน... อาการเจ้ากำเริบอีกแล้วเหรอ ” สเวนแทบจะร้องไห้อีกครั้ง
   
ทำไมข้าถึงช่วยอะไรไม่ได้เลย..
   
สมุนไพรที่ข้ารู้จักทำได้เพียงเยียวยาอาการเบื้องต้นที่ไม่ร้ายแรง
   
เพราะข้าจดจำไว้เพียงรักษาตัวเองเท่านั้น
   
เป็นอีกครั้งที่ข้านึกเสียใจที่ไม่ยอมศึกษาด้านนี้
   
“ อืม.. ” อลันลืมตาขึ้นมาขยับยิ้มจางให้สเวน และพยายามพูดให้อีกฝ่ายเลิกทำหน้าจะร้องไห้ “ สักพักมันก็หายปวดแล้วล่ะ ม้าบ้า ”
   
สเวนนอนลงข้างๆ อลัน “ ขอข้าลูบผมเจ้าได้ไหม ? ” แววตาวอนขออีกฝ่าย
   
“ อึ่ก ได้สิ ” อลันพยายามตอบ
   
มือหยาบสัมผัสบนผมนุ่มของอลัน ไล้ไปตามแนวผม
   
อลันหลับตาครางในลำคอแผ่วเบา
   
“ เจ้าป่วยมานานแค่ไหนแล้วอลัน ? ” สเวนถาม
   
“ 4 ปีมั้ง ฉันไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ ” อลันเหยียดยิ้ม
   
แววตาของสเวนหม่นลง นานเท่าไหร่แล้วที่อลันทุกข์ทรมานกับโรคนี่ เสียงคร่ำครวญด้วยความความเจ็บปวดดังแว่วในหัวสเวนคอยตอกย้ำถึงโรคของอลันที่ประสบอยู่ สเวนยอมรับว่าตัวเองในทีแรกหลงรักอลันอยากครอบครองอีกฝ่าย แต่ตอนนี้กลับพบว่าสิ่งเหล่านั้นหายไปเหลือเพียงความสงสารอีกฝ่ายจับใจ
   
ทำไมโรคร้ายนี่ถึงเลือกมนุษย์คนนี้กัน ?
   
เลือกเซนทอร์อย่างข้าไม่ได้เหรอ
   
ถ้าหากเลือกได้สเวนอย่างรับโรคบ้าๆ นี่แทนอลันด้วยซ้ำ ถ้าจะให้อลันไม่ต้องทรมานอย่างที่เป็นทุกวัน ระยะเวลาหลายวันที่เขาเดินติดตามอลัน ไม่มีวันไหนที่โรคนี่ไม่กำเริบ เพียงแต่ต่างอาการบ้างซ้ำอาการบ้างแล้วแต่วัน แต่ที่เหมือนกันทุกวันคืออลันเจ็บปวด
   
เดิมทีข้าทำได้เพียงอารักขาอีกฝ่ายเท่านั้น
   
ในตอนนี้ข้าสามารถเข้าใกล้อลันได้แล้ว
   
“ ข้าจะอยู่ข้างๆ เจ้าอลัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าสัญญา ” สเวนพูดน้ำเสียงมั่นคงฉายชัดถึงความต้องการของตัวเองในเวลานี้
   
อลันยิ้มจาง รู้สึกอุ่นวาบในใจ
   
รับรู้ถึงความห่วงใยของสเวน
   
“ ขอบคุณนะ สเวน ”
   
“ ข้ายินดีทำมัน ” สเวนยิ้มตอบก่อนจะเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วแน่นเป็นปม “ ข้าว่า ผมหงอกของเจ้าเยอะขึ้นนะ อลัน ”
   
อลันชะงักรอยยิ้มที่ส่งให้สเวน
   
ผมสีขาวมากขึ้น ?
   
อลันระบายลมหายใจออกมา “ คงจะเป็นอาการของโรคบ้าๆ นี่นั้นแหละ สักวันฉันคงจะผมหงอกทั้งหัวเลยมั้ง ”
   
สเวนเริ่มยิ้มออกเมื่ออลันสามารถกลับมาพูดได้ไม่ชะงัก สีหน้าก็เริ่มกลับมามีสีสดดังเดิมแล้ว
   
“ ยิ้มอะไรม้าบ้า ” อลันเลิกคิ้วกวนๆ
   
ดูเหมือนว่าวันนี้จะยาจะออกฤทธิ์ได้ไวกว่าทุกครั้ง
   
อาการปวดท้องถึงได้ทุเลาลงไวขนาดนี้
   
เหลือเพียงความรู้สึกหน่วงๆ ภายใน
   
แต่ก็ไม่ได้มากจนถึงขนาดต้องให้ความสนใจ
   
“ ข้ายิ้มแล้วมันผิดตรงไหน ” สเวนยักไหล่
   
อลันมองสเวนเขม็งยิ้มมุมปาก “ ฉันรู้นะว่า นายแอบร้องไห้ ฮ่าๆ ” ตาเป็นประกายหยอกเย้า
   
สเวนเผลอหน้าแดงอายๆ “ เออ ” หันหน้าหนีไปทางอื่น “ ข้านึกว่าเจ้าเป็นอะไร..”
   
อลันระบายยิ้ม
   
ม้าบ้าเอ้ย..
   
น่ารักชะมัด
   
“ เอาเหอะๆ ฉันว่าฉันไปต่อดีกว่า มัวแต่อยู่กับที่มีหวังรากงอกแน่ ” อลันลุกขึ้นยืนเดินไปหยิบเสื้อโค้ทมาสวม กระเป๋าใบโตถูกสะพายเข้าที่หลัง อลันขมวดคิ้วเมื่อพบว่าปลาที่สังเวยชีวิตให้เขากินยังเหลืออีกมาก “ เอาไง ? กับปลาพวกนี้ล่ะ ”
   
“ เอาให้พวกหมีหรือมดกินนั่นแหละ ” สเวนยักไหล่
   
โชคดีที่กองไฟนั้นมอดแล้วจึงไม่ต้องเสียเวลามาดับอีกครั้ง
   
สเวนสาวเท้าเข้าไปใกล้อลันย่อตัวลงให้อีกฝ่ายขึ้นมาโดยไม่ต้องร้องขอ
   
อลันพยายามตะเกียกตะกายขึ้นไปเพราะความสูงของสเวนไม่ใช่น้อยๆ ตัวช่วยในการคืออย่างที่วางเท้าก็ไม่มี  เมื่อขึ้นได้สำเร็จอลันกอดหมับเข้าที่ตัวสเวนทันที แนบหน้าลงที่หลังของอีกฝ่าย มือสัมผัสกับก้อนซิกแพ็กน่าอิจฉา
   
สเวนขมวดคิ้วเมื่ออลันลูบหน้าท้องตัวเอง
   
“ ลูบอะไรของเจ้า ? ”
   
“ ช่างฉันเหอะน่า นายก็ช่วยวิ่งไปสักทีสิ ” อลันพูดอย่างขอไปทีแต่ก็ยอมหยุดมือที่ลูบหน้าท้องอีกฝ่ายด้วยความอิจฉา เพราะก้อนๆ นี่อลันเคยพยายามปั้นมันขึ้นมาเหมือนกัน
   
แต่จนรอดแล้วจนรอด ก็ไม่สามารถปั้นได้เพราะอาการของโรคชอบกำเริบกลางคันบ่อยๆ จนอลันรำคาญปล่อยให้ตัวเองมีก้อนเดียว หันไปควบคุมการกินแทน
   
เขาไม่ได้อยากมีหุ่นเป็นหมีขาวหรอกนะ
   
หน้าท้องของอลันจึงราบเรียบ
   
“ แล้วจะให้ข้าวิ่งไปไหนล่ะ ” สเวนถามเซ็งๆ
   
ย่างเท้ากุบกับไปข้างหน้าอย่างอ้อยอิ่งรอคำตอบ
   
หญ้านุ่มถูกสเวนเหยียบจนแบน
   
“ วิ่งไปทางรถไฟแล้วกัน ”
   
“ ทางรถไฟ ? ” สเวนทวนเสียงสูงหน้าตาเหรอหรา
   
“ อ้อ ก็ที่นายเดินตามฉันไงล่ะ ”
   
สเวนสะดุ้ง เริ่มควบฝีเท้าไปยังที่ๆ อีกฝ่ายว่า
   
อลันยิ้ม
   
เจ้าม้านี่ แอบตามาจริงๆ ด้วย
   
หลงทำให้กลัวตั้งนาน
   
ให้ตาย
   
หมู่เมฆก้อนยักษ์ลอยเอื่อยไปข้างหน้า ชนกับภูเขาบ้างเป็นครั้งคราว นกบินโฉบสูง ป่าสูงเสียดฟ้า ต้นขนาดเท่าๆ กันคล้ายถูกจับวางสลับแนวกัน กวางป่าย่างเท้าไปตามแนวเขาเป็นกลุ่มใหญ่ เขาโง้งสวยส่ายไปมา ความระแวงถูกฝังในสัญชาตญาณของมัน ลูกกวางเร่งฝีเท้าตามแม่ของมัน
   
รางเหล็กคู่ขนานสนิมเขรอะ ราวกับว่าสนิมนั้นเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ก็ไม่ปาน เกาะกินตามเหล็กอย่างเชื่องช้า สีน้ำตาลประปายแตะแต้มบนสีเหล็กมันวาว หญ้ารกพยายามแทรกแซงครอบคลุมทุกอย่างที่เป็นรางเหล็กเพื่อขยายพันธุ์ของมัน
   
สเวนหยุดฝีเท้าตรงหน้ารางรถไฟเมื่อถูกร่างบนหลังตบหลังอั่กๆ
   
“ บอกข้าดีๆ ก็ได้ ”
   
สเวนบ่นอุบพึมพำคนเดียว
   
แต่อลันได้ยิน
   
“ ช่วยไม่ได้ ตอนนายวิ่งอาจจะไม่ได้ยินที่ฉันก็พูดก็ได้นี่ ” อลันพูดกลั้วหัวเราะ
   
“ แล้วเจ้าตบข้าทำไม อลัน ”
   
“ ตบให้นายหยุดไง ”
   
อลันยิ้ม ปล่อยแขนออกจากตัวเซนทอร์เพื่อจะดูเข็มทิศตรงข้อมือ
   
“ โอเคถูกทางแล้ว วิ่งต่อเลย ”
   
อลันตบสะโพกสเวนดังเปาะแปะ
   
ซนจริง มนุษย์
   
สเวนยิ้มบาง
   
วิ่งเหยาะๆ ไปตามทาง เพราะมีหลายสิ่งที่อยากถามอลัน ซึ่งก็ถูกเก็บไว้ในใจนับตั้งแต่เจออีกฝ่ายครั้งแรกและเผลอติดตามมาตลอด
   
อลันไม่ได้พูดอะไรที่สเวนวิ่งเหยาะๆ ตามองวิวรอบข้างอย่างสนใจ
   
ถึงแม้จะเป็นป่าเหมือนกัน
   
แต่การจัดวางต่างกัน
   
เห็ดที่ขึ้นตามเปลือกไม้ที่ตายแล้ว มอสเขียวปกคลุมตามหิน ไม้พุ่มเตี้ยๆ อย่างเบอร์รืโผล่ให้เห็นประปราย
   
“ ทำไมเจ้าถึงเดินทางกับเส้นทางนี้ล่ะ อลัน ”
   
อลันถอนหายใจเหนื่อยๆ
   
แววตาเหนื่อยอ่อน
   
“ มันเป็นความหวังเดียวที่ฉันมี ”
   
“ ความหวัง ? ” สเวนทวน
   
“ อืม ความหวัง ถ้านายวิ่งไปทางนี้เรื่อยๆ จนถึงสุดทาง นายจะเจอกับหมอวิเศษที่สามารถรักษาโรคได้ทุกโรคล่ะ ”
   
สเวนไม่ตอบนิ่งฟังอย่างตั้งใจ
   
“ แต่มันก็แค่ความหวังโง่ๆ ของฉันล่ะนะ ”
   
อลันลูบขนตามแนวหลังของสเวน เหยียดยิ้มเศร้า
   
“ ของพรรค์นั้นจะไปมีจริงได้ยังไง ”
   
แค่ระยะทาง
   
เขาก็ไม่มีทางเอาชนะมันได้แล้ว
   
“ ขนาดข้ายังมีจริงได้ ทำไมหมอจะไม่มีจริงได้บ้างล่ะ ”
   
สเวนพูดเสียงจริงจัง
   
“ ถ้าหากเจ้าเชื่อว่ามันมีจริงมันก็จะมีจริง อลัน ”
   
อลันชะงักมือที่กำลังลูบ
   
“ ฉันควรจะตั้งความหวังกับมันจริงๆ เหรอ ”
   
น้ำเสียงล่องลอย
   
อลันกำลังขาดที่เหนี่ยวรั้ง
   
การดำเนินชีวิตกระจัดกระจาย
   
สมองหยุดทำงานคล้ายฟั่นเฟือนในหัวบางตัวน็อตหลุดจนทำงานต่อไม่ได้
   
อลันเก็บงำความผิดหวัง ความเศร้า พยายามถมมันลึกไว้ด้วยการเดินทาง
   
แต่มันก็มันจะผุดออกมาเสมอเมื่อโรคกำเริบหรือทำบางอย่างผิดพลาด
   
“ จริงสิ ”
   
สเวนพูดอย่างอ่อนโยน
   
น้ำเสียงของสเวนเหมือนกับเมฆก้อนเบาบนท้องฟ้า
   
อ่อนโยนและอบอุ่น
   
ชวนให้ฝันและมีอยู่จริง
   
อลันกอดเมฆก้อนนั้นไว้แผ่วเบา
   
ไม่กล้าลงแรง
   
กลัวที่จะสูญเสียมันไป
   
ความหวังที่ถูกจุดประกายอีกครั้ง
   
สเวนอมยิ้มเมื่อหน้าท้องของตัวเองถูกยึดครองโดยแขนทั้งสองข้างของอลัน หน้าฝังแน่นบนหลัง น้ำตาที่เปียกชื้นหลังไม่ได้ทำ
ให้สเวนตกใจ
   
สเวนชะงักเท้าที่ก้าวเดินเมื่อเห็นทางที่คุ้นเคย
   
อลันไม่ได้ถามสเวนถึงสาเหตุว่าทำไมถึงหยุดเดิน
   
หน้าที่ฝังอยู่บนแผ่นหลังคงจะสื่อสารกับเจ้าของแผ่นหลังได้ยากผ่านเสียงอู้อี้หรือไม่ก็คุยกับหัวใจโดยตรง ไม่ผ่านหูของเซนทอร์
   
“ รู้สึกว่าแถวนี้จะมีทุ่งดอกไม้ เจ้าอยากดูมันไหม อลัน ”
   
สเวนนึกอยากดึงร่างอีกฝ่ายมากอดแน่นลูบหัวเบา
   
ปลอบโยนให้อีกฝ่ายเลิกเก็บเงียบ
   
ร้องไห้เพียงลำพัง
   
แผ่นหลังของข้าไม่ใช่สิ่งที่ใช้เช็ดน้ำตาหรอกนะ
   
“ ว่ายังไง หืม ? ”
   
อลันขยับตัวยุกยิก
   
สูดหายใจดังฟืดฟาด
   
ดวงตาแดงก่ำ
   
รอยยิ้มแตะแต้ม
   
“ เอาสิ ม้าบ้า ”
   
สเวนหัวเราะ เปลี่ยนเส้นทางการเดินทาง มุ่งเข้าไปในป่าอีกครั้ง
   
อลันไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
   
ถึงสาเหตุที่ไม่ให้สเวนเร่งฝีเท้าไปยังที่แห่งนั้น
   
คงจะเพราะการเที่ยวเล่นในป่าจะให้ความรู้สึกไม่เลว
   
อลันกระชับอ้อมกอดของตัวเองกับสเวน
   
พึมพำเสียงเบา
   
“ ขอบคุณ ”
   
สเวนหัวเราะรับ
   
เสียงฝีเท้ากุบกับดังแว่วคล้อยไปกับสายลมประจำฤดู
   
พร้อมกับอารมณ์กรุ่นของความหวัง
   
------------------------------

ตอบคอมเมนต์  :mew1:

คุณ  BlueCherries : ไม่มีแม่หมอค่ะ 55555 มีแต่ม้าบ้า

คุณ lizzii : ฮาฟบลัดอะไรหว่า  :really2:

คุณ sinyou : วันละโรคค่ะ >< 
 
   

   
   
   
   
   

   
   
   
   
   
       

ออฟไลน์ Rambluesky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-3
รอติดตามต่อนะครับ  :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ได้ดูดอกไม้สวยๆ จิตใจก็ได้ผ่อนคลายไปด้วยนะคะอลัน ^^

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :really2:

คุณ Foggy Time เขียนไว้ถึงตอนที่เท่าไหร่ค้านี่ ลงถี่ไฟแรงเวอร์  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
:really2:

คุณ Foggy Time เขียนไว้ถึงตอนที่เท่าไหร่ค้านี่ ลงถี่ไฟแรงเวอร์  :กอด1:

จบแล้วค่ะ 555555


ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
มีพาแวะชมดอกไม้ด้วยยยย จะไปถึงไหมเนี่ยปลายทาง 555
แต่กลัวจริงๆ หนูอลันลูบไปลูบมา เดี๋ยวสเวนตบะแตกทำไง คึคึ

เรานึกว่าอลันเป็นพวกลูกผสมระหว่างคนกะเทพ เหมือนเพอซี่ แจ้คสันไรงี้ เพ้อไปไกลลลล

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
เสียงแว่วครั้งที่ 6 : ทุ่งดอกไม้
   
กลิ่นดอกไม้หอมอวล ฝูงผึ้งครางหึ่งบินลัดเลาะไปตามกลีบดอกไม้เพื่อหาน้ำหวานที่มันต้องการ นกมุดหัวเข้าไปในดอกไม้จนหัวของมันเปียก เกสรดอกไม้ปลิวไปตามลมเมื่อลมพัดเอื่อย
   
“ พระเจ้า ! นี่มันเจ๋งไปเลย ” อลันกระโดดผลุบลงจากหลังสเวนวิ่งเข้าไปในทุ่งดอกไม้ ไล้มือตามกลีบ ปากเผลอยิ้มกว้างเพราะไม่คาดคิดว่าทุ่งดอกไม้ที่สเวนว่าจะใหญ่และสวยขนาดนี้ อลันลืมอาการหน่วงๆ ไปโดยปริยาย
   
สเวนทำหน้าเซ็ง “ ข้าก็บอกอยู่ว่าสู้เรียกชื่อข้าดีกว่า ”
   
อลันไม่ได้สนใจ
   
เพราะความสนใจทั้งหมดพุ่งเป้าที่ดอกไม้สีฟ้าในมือแล้ว
   
“สเวนๆ นายดูสิ ดอกฟอร์เก็ตมีน็อตล่ะ ! ” สเวนพูดอย่างตื่นเต้น
   
สเวนเซ็งกว่าเดิมเมื่อคำพูดของตัวเองโดนเมินโดยสิ้นเชิง
   
ให้ตายเถอะ
   
มนุษย์งี่เง่า
   
สเวนคิดในใจ แต่ก็ย่างเท้าเข้าไปใกล้อลันอย่างสนใจ
   
“ ก็แค่ดอกไม้สีฟ้านี่ ? ข้าเห็นจนเบื่อแล้ว ” สเวนถอนหายใจ แต่เด็ดมันออกมาดูเล่นบ้าง
   
ก็แค่ดอกไม้ธรรมดา ที่ข้าเหยียบแล้วแบน
   
“ ฉันชอบมันน่ะ ความหมายของมันดี ” อลันพลิกดอกไม้ในมือเล่น กลีบดอกสีฟ้าก็ถูกอลันดึงเล่นต่อทีละกลีบพอหมดดอก ก็เด็ดอันใหม่มาอีก
   
สเวนพิจารณาดอกไม้ที่ว่าใกล้ๆ พบว่าไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ จึงค่อยๆ ย่องไปด้านหลังของอลัน โปรยมันบนหัวอีกฝ่าย ให้กลายเป็นพุ่มดอกไม้
   
สเวนอมยิ้ม
   
แบบนี้สิ ดอกไม้งี่เง่านี่ถึงจะสวย
   
“ เฮ้ เจ้าม้าบ้า ฉันรอนายถามอยู่นะว่า ความหมายของมันคืออะไร ” อลันบ่นอุบ อันที่จริงที่เขาเด็ดดอกไม้เล่น ก็เด็ดรอสเวนถามเนี่ยแหละ
   
“ มันมีความหมายด้วยงั้นเหรอ ”
   
“ อืม ความหมายของมันเพราะด้วยล่ะ ” อลันยิ้มเมื่อสเวนยอมถามสักที “ มันแปลว่า อย่าลืมฉัน ”
   
“ อย่าลืมฉัน ? ชื่อฟังดูงี่เง่าสมกับเป็นชื่อที่มนุษย์ตั้งเลย ” สเวนแค่นเสียงหึแกล้งๆ สีหน้าไม่พอใจของอลันทำให้สเวนสนุกไม่เบา
   
อลันขมวดคิ้ว “ ลองฟังตำนานมันก่อนสิ แล้วนายจะซาบซึ้งถึงความโรแมนติก ”
   
สเวนล้มตัวนอนข้างๆ อลัน “ เล่าสิ ” ยิ้มบาง มองกลีบดอกไม้ที่เคลื่อนไหวยุกยิกไปตามเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย มองริมฝีปากที่เจือรอยช้ำนิดหน่อย
   
ข้าไม่อยากให้อลันต้องเจ็บปวดเลย..
   
“ ว่ากันว่าเมื่อสมัยโบราณในยุคที่ยังมีอัศวินผู้เกรียงไกรสวมชุดเกราะหนักไล่ฟันข้าศึกอย่างห้าวหาญ ”
   
“ ชุดเกราะคืออะไร ? ”   
   
“ โอ้ย ม้าบ้าอย่าเพิ่งขัดสิ ” อลันรู้สึกอยากตบหัวสเวนมาก “ มันก็คือเสื้อหนักๆ อะไรทำนองนั้นมั้ง ฉันไม่รู้จะอธิบายให้ม้าบ้าอย่างนายฟังไงดี ”
   
สเวนหัวเราะเมื่ออลันโวยวายจนกลีบดอกไม้ปลิวออกจากหัว
   
กลีบดอกไม้เบาบางล่องลอยแผ่วเบาในสายลม
   
อย่าลืมฉัน ?
   
จะพยายามแล้วกัน
   
“ เล่าต่อสิ ” สเวนพูดเร่งเร้า อยากฟังต่อ ตำนานของเจ้าดอกไม้ดูน่าสนุกดี
   
“ อัศวินคนนั้นเขามีสาวงามประจำกาย เลยพาไปเดินเล่นแถวป่า ”
   
สเวนมองอลันไม่พูดอะไร แกล้งมองดอกไม้ซ่อนแววตาพราวระยับ
   
ข้าอยากได้เจ้ามาประจำกายบ้างได้ไหม ?
   
สเวนไม่ได้พูดออกไป
   
ข้ายังไม่อยากให้อลันตกใจกับสิ่งที่ข้าซ่อนไว้ในใจนักหรอก
   
แต่ถ้าอีกฝ่ายถาม
   
ข้าก็ยินดีที่จะตอบ
   
เมื่อไม่ถูกสเวนขัดคออะไร อลันก็เล่าต่ออย่างสนุกปาก “ ทีนี้อัศวินเดินไปเจอกับดอกไม้นี่พอดี ” อลันสะกิดสเวนให้มองตัวเอง “ มองสิ ม้าบ้า ดอกที่นายจ้องอยู่มันคนละดอกกัน ”
   
“ ก็ข้าคิดว่ามันสวยดีเหมือนกัน เลยมอง ” สเวนยักไหล่
   
“ เออ ทีนี้ดอกไม้นี่มันงอกแถวริ่มตลิ่ง สาวงามเห็นก็อยากได้เลยขอให้อัศวินไปเก็บให้ ”
   
ครั้งนี้สเวนอดขัดไม่ได้
   
“ นางไม่มีมืองั้นเหรอ ”
   
อลันเริ่มรำคาญเมื่อถูกขัดคอบ่อยๆ เลยเล่าต่อไม่สนใจที่จะตอบคำถามสเวน “ อัศวินก็เลยลงไปเก็บให้ แต่เขาก็เผลอพลัดตกลงไป ” แววตาของอลันสลดลง “ เขารู้ตัวดีว่าตัวเองคงขึ้นมาไม่ได้เพราะชุดเกราะนั้นหนักเกินไปเลยโยนดอกไม้ไปให้สาวงามพร้อมตะโกนว่าอย่าลืมฉัน ”
   
“ ถ้าหากนางไม่เรื่องมากอยากได้แต่แรก คงจะไม่ต้องเสียเขาไปหรอก ” สเวนไม่ได้รู้สึกซึ้งตามแต่อย่างใด
   
“ ใครจะไปรู้ มันก็แค่ตำนานเศร้า เท่านั้นแหละ ” อลันถอนหายใจเซ็งๆ เมื่อไอ้ม้าบ้าไม่ได้คล้อยตามเลยแม้แต่นิดเดียว แต่สิ่งที่สเวนพูดก็สะกิดใจอลันไม่น้อย
   
ถ้าหากหญิงงามคนนั้นไม่อยากได้ดอกไม้
   
อัศวินคนนั้นอาจจะไม่ตายก็ได้
   
เอาเถอะ จะตายไม่ตายมันก็แค่ตำนานเท่านั้น
   
อลันเลือกเด็ดออกมาก้านนึงเก็บมันใส่กระเป๋าหน้าโดยการเอาคั่นไว้ที่หนังสือเรียนวิทยาศาตร์เก่าๆ ที่เคยใช้เรียนเมื่อตอน ม.ปลาย อลันเหลือบมองเห็นสเวนนอนหลับตาพริ้ม อลันโยนกระเป๋าออกเอนหลังทับตัวสเวนบ้าง
   
โชคดีที่ร่มไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านมาถึงตรงนี้พอดี
   
แดดจัดเลยไม่สามารถกัดผิวของอลันได้
   
ความรู้สึกผ่อนคลายแผ่ปกคลุมไปทั่ว
   
“ ทำไมนายถึงช่วยฉันล่ะ สเวน ? ”
   
เป็นคำถามที่ข้องใจอลันมาตลอด
   
ลึกๆ แล้วอลันเชื่อว่าสเวนมีเหตุผลอะไรบางอย่าง
   
“ ข้าก็แค่อยากช่วยเท่านั้น ไม่ได้งั้นเหรอ มนุษย์ ”
   
“ งั้นเหรอ ” อลันพยักหน้าหงึกหงักคนเดียว
   
คงจะอารมณ์เหมือนให้อาหารหมากับหมาหิวโหยล่ะมั้ง
   
คล้ายๆ กันนั่นแหละ
   
แล้วเขาก็เป็นหมาตัวนั้นด้วยสิ
   
หิวโหยและโหยหาถึงคนอื่นเป็นที่สุด
   
วอนขอให้ใครสักคนได้ยื่นมือมาช่วยเขาจากชีวิตห่วยๆ
   
“ อย่าเงียบสิ ” สเวนทัก ลูบหัวอลันที่ดูเซื่องซึมอีกแล้ว
   
อลันขยับยิ้มให้สเวนฝืนๆ
   
เขาก็เบื่อตัวเองเหมือนกันนั่นแหละ...
   
วันๆ เอาแต่คร่ำครวญถึงอาการป่วยของตัวเอง
   
นิสัยพรรค์นี้คงจะเลิกได้ก็ต่อเมื่อหาย
   
สเวนถอนหายใจ หยิบกลีบดอกไม้ที่ตอนนี้เจ้าตัวก็ยังคงไม่รู้ว่าอยู่บนหัวออกให้แผ่วเบา “ ข้าบอกแล้วว่าข้าจะช่วยเจ้าเอง ไม่ต้องกังวลไปหรอก ”
   
ถึงแม้ว่าข้าจะทำได้เพียงอยู่ข้างๆ เจ้าเท่านั้น
   
แต่ข้าก็จะพยายามทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด
   
“ เจ้าอยากกินผลไม้ไหม ? ข้าจะไปเอามาให้ ”
   
“ กินสิ ฉันเบื่ออาหารที่ฉันเอามาเต็มทนแล้ว ” อลันพยายามหัวเราะร่าเริง รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ของมะเขือเทศยังติดอยู่ปลายลิ้น ถ้าหากมีการแข่งแยกรสชาติปลากระป๋อง เขาคงได้รางวัลนี้แน่ๆ เพราะถึงแม้จะพยายามประหยัดเงินแต่อลันก็พยายามเลือกซื้อปลากระป๋องหลากหลายบริษัท เผื่อว่าเขาจะเบื่อรสชาตินี้เปลี่ยนไปอันใหม่บ้าง
   
สเวนลูบหัวอลันครั้งสุดท้าย ก่อนจะวิ่งไปยังต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ในความทรงจำของสเวนบอกเล่าถึงรสชาติหวานๆ ของผลที่ต้นไม้ต้นนี้ให้ ถ้าหากกินลูกสีแดงก็ให้รสชาติไม่เลว สเวนรีบเก็บผลที่ว่าลูกเล็กๆ มาเต็มกำมือ วิ่งกลับมาหาอลัน กลัวว่าจะมีสัตว์ร้ายลักลอบเข้ามาใกล้
   
“ มันคือ ? ” อลันหยิบเม็ดอะไรสักอย่างมาดูใกล้ๆ พบว่าไม่คุ้นตาเลยแม้แต่นิดเดียว ผลไม้ลูกเล็กๆ สีแดงสด ดูเป็นมิตรไม่น่ามีพิษมีภัยร้ายแรงอะไร
   
“ ไม่รู้สิ แต่ข้าว่ามันอร่อยดี หวานๆ ฝาดๆ ” สเวนยืนยันคำพูดของตัวเองด้วยการส่งมันเข้าปากและเคี้ยว
   
ความหวานแทรกแซงไปทั่วลิ้น
   
กลิ่นหอมๆ ฟุ้งในปาก
   
อลันเลิกคิ้วมองส่งมันเข้าปากตัวเองบ้างก่อนจะหยิบลูกต่อๆ ไปเข้าปาก “ อร่อยชะมัด ทำไมของที่อร่อยขนาดนี้ ฉันถึงไม่รู้จักนะ ”
   
สเวนยิ้มแบมือหนาให้อีกฝ่ายหยิบไปกินเรื่อยๆ จนหมดในไม่ช้า
   
อลันตาเป็นประกาย
   
ไม่แน่ใจว่าเพราะความหวานหรืออะไรที่ทำให้อลันคึกกว่าปกติ
   
“ ไปเก็บเพิ่ม ! มันคือเสบียงหมายเลข 2 ของฉัน ฮ่าๆ ” อลันเขย่าตัวสเวนดึงดันให้อีกฝ่ายลุก แต่ก็ดูเหมือนไม่ทันใจคนอยากกิน อลันหยิบกระเป๋าวิ่งนำไปก่อนทันที
   
สเวนเหวอ
   
เป็นอีกครั้งที่ปรับตัวตามอารมณ์ตามอลันไม่ทัน
   
แต่ก็ดีกว่าเศร้าล่ะนะ
   
สเวนคิดรีบควบฝีเท้าไปหาอลัน ที่กำลังกระโดดโหยงเหยงพยายามโน้มกิ่งที่เต็มไปด้วยผลที่ว่าลง
   
“ ให้ตาย นี่มันสูงชะมัด นอกจากยีราฟสัตว์ที่ไหนมันจะไปกินได้ ”
   
สเวนอยากถามว่ายีราฟคืออะไรแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป ร่างเซนทอร์หนุ่มเดินไปโน้มกิ่งลงให้มนุษย์ผู้หิวโหยเก็บอย่างสนุกสนาน
   
“ ถ้าเอาไปทำเป็นแยมทาขนมปังต้องอร่อยกว่านี้แน่ๆ ”
   
อลันพูดเรื่อยเปื่อย อารมณ์ดีถึงขีดสุด
   
ของหวานๆ ทำให้อลันอารมณ์ดีเสมอ
   
เหมือนกับการกินช็อกโกแลตอะไรทำนองนั้น
   
ในกระเป๋าใบโตของอลันเต็มไปด้วยเศษซองช็อกโกแลตที่ถูกฉีกกินจนหมดตั้งแต่ 2 วันแรก
   
สเวนมองอลันไม่ได้พูดอะไร
   
ในอกฟูฟ่อง
   
อลันชอบสิ่งที่เชาให้
   
แค่นั้นก็ทำให้สเวนดีใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
   
สเวนอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงเพลงดังแว่วจากริมฝีปากบาง
   
เสียงทุ้มนุ่มเหมือนกับเสียงนกร้องในตอนเช้า
   
คอยปลุกสัตว์จากการหลับใหลให้ตื่นขึ้นมา
   
ทำหน้าที่คล้ายดวงตะวัน
   
เช่นเดียวกับอลัน
   
ดวงตะวันอีกดวงของเซนทอร์
   
อลันไม่ได้สนใจที่จะปกปิดเสียงของตัวเองอีกต่อไป
   
สเวนทำให้อลันรู้สึกผ่อนคลาย นิสัยที่ถูกซุกซ่อนปรากฏขึ้นมาตั้งแต่พบกันครั้งแรก
   
เมื่ออลันเริ่มไว้ใจ นิสัยดั้งเดิมของอลันก็ถูกปล่อยออกมา
   
ร่าเริง ยิ้มง่าย
   
เป็นเหตุผลที่อลันสนิทกับเซนทอร์หนุ่มได้ไว
   
ในเมื่อเจ้าตัวชอบในตัวสเวนไม่น้อย
   
ความใจดี ความช่วยเหลือที่มอบให้ตนนั้นจริงใจจนกว่าจะเป็นเรื่องหลอกลวง
   
อลันอยากจะลองเชื่อในสัตว์เทพนิยายดูบ้าง
   
ไม่แน่ในตอนจบเขาอาจจะโชคดีเหมือนในนิทานหลายๆ เรื่อง
   
สมหวังในสิ่งที่หวัง
   
แต่น่าเสียดาย ที่มันเป็นเพียงแค่ความคิดของอลันเท่านั้น
   
ผื่นแดงปรากฏตามแขนของอลันอย่างเชื่องช้า
   
อากาศรอบตัวหนักอึ้งกะทันหัน
   
อลันชะงักมือที่กำลังเก็บเผลอปล่อยหลุดออกจากมือจนหมด กุมหน้าอกตัวเอง อ้าปากหอบหายใจอย่างเชื่องช้า น้ำตาคลอเบ้า
   
เวร..
   
เขาแพ้ไอ้ผลไม้บ้าๆ นี้
   
แต่คนที่ตกใจที่สุดกลับไม่ใช่อลัน
   
แต่เป็นเซนทอร์หนุ่ม
   
“ อลัน.. เจ้าเป็นอะไร ” สเวนพร่ำเรียกอลันมือสั่นไม่รู้ตัว ไม่กล้าแม้แต่จะแตะตัวอลัน กลัวว่ามนุษย์ที่ตนเองพยายามเฝ้าถนอมมาตลอดจะแตกสลายไป
   
ทำไม.. ?
   
ทำไมโรคบ้าๆ นี่มันต้องเลือกอลันด้วย !
   
ทำไมไม่เลือกข้า
   
สเวนอยากดึงตัวอลันมากอดแต่ก็ไม่ได้ทำ มือขาวเกาะที่ตัวสเวนกุมอกตัวเองสูดหายใจลึก กอบโกยอากาศเข้าไปให้ได้มากที่สุดเมื่อร่างกายประท้วง
   
“ อลัน ข้าทำอะไรได้บ้าง ” สเวนจ้องอลันด้วยสายตาเจ็บปวด
   
ถ้าหากเลือดของข้าใช้รักษาโรคได้คงดี
   
ข้าจะกรีดมันให้อลัน..
   
ต่อให้ข้าตายข้าก็ไม่สนใจ
   
อายุขัยของข้ามากเกินไป
   
แบ่งมันให้คนที่ข้าอยากจะให้ไม่ได้งั้นเหรอ
   
อลันเผลอดึงขนสเวนแน่นเมื่อมีอาการแน่นหน้าอก หน้าอลันแดงก่ำ บนแขนขาวมีผื่นแดงขึ้นทั่ว อลันนึกขอโทษสเวนในใจที่ทำให้ขนของสเวนหายไปแถบนึง อลันสูดหายใจลึกครั้งนึงก่อนที่จะพูด “ หยิบกระเป๋าให้ฉันหน่อย หากล่องยาให้ฉันท—” อลันพูดไม่จบก็ต้องหอบหายใจใหม่ เข่าเผลอทรุดไม่รู้ตัว
   
อลันปล่อยมือจากสเวนนอนขดตัวอยู่บนหญ้า
   
หลับตาพยายามไม่คิดอะไร
   
หายใจหนักหน่วง
   
ร่างเซนทอร์หนุ่มที่รู้จักแล้วว่ากระเป๋าคืออะไร พยายามดึงมันออกมันจากตัวอลันเบาๆ ไม่กล้าลงแรงหนัก กระเป๋าของอลันเคยถูกสเวนสำรวจมาแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้ครั้งนี้สเวนเดาได้ไม่ยากว่าอลันต้องการอะไร นอกจากอะไรสักอย่างที่เขาเรียกไม่ถูกแต่เคยเห็นอลันหยิบมันออกมาเปิดกินบ่อยๆ
   
อลันพยายามเหลือบตามอง
   
“ งี่เง่า.. นั่นมันปลากระป๋อง ”
   
เสียงติดๆ ขัดๆ ดังแผ่วเบาจากลำคอ
   
สเวนลนลานยิ่งกว่าเดิมเมื่อโดนตำหนิ หยิบออกมามั่วซั่ว ข้าวของเทกระจัดกระจาย
   
อลันขมวดคิ้วเผลอยิ้มบ้าง
   
ม้าโง่..
   
ฉันไม่ได้จะตายสักหน่อย
   
อาการมันก็แค่กำเริบเท่านั้น
   
“ ใจเย็นๆ สเวน หยิบกล่องสีขาวนั่นมาให้ฉัน ”
   
อลันพยายามควบคุมน้ำเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น
   
เอาเข้าจริง อลันก็ไม่อยากจะให้เซนทอร์หนุ่มต้องตกใจบ่อยๆ
   
ท่าทางที่จะเหมือนอยากให้ชีวิตของตัวเองกับเขานั้น
   
ทำให้อลันอึดอัดใจ
   
ฉันไม่อยากให้ใครต้องตายเพื่อฉันหรอกนะ
   
ม้าอย่างนายใช้ชีวิตบ้าๆ ต่อไปก็ดีแล้ว..
   
สเวนไม่รู้ว่ากล่องยาคือกล่องไหน แต่พอบอกว่าสีขาวก็เห็นอยู่กล่องเดียว รีบหยิบมันให้อลัน
   
“ ขอบใจ ” อลันพูดทั้งๆ ที่มือยังกุมอกแน่น เสื้อยืดสีเทาถูกกำจนเป็นรอยยับหยาบๆ อลันพยายามแกะกล่องยาที่บรรจุยาทุกอย่างที่เขาพอจะสรรหามาได้จนแน่นขนัด แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นยาราคาถูกที่รักษาอาการได้เบื้องต้นเท่านั้น อลันหยิบยาแก้แพ้เม็ดเล็กพร้อมกับยาทาแก้ผื่นคันออกมา 
   
“ หยิบกลมๆ สีเขียวนั่นให้ฉันที ”
   
สเวนยื่นมันให้อลัน มองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง
   
เม็ดยาเม็ดเล็กถูกกินพร้อมกับน้ำสะอาดที่พอจะเหลืออยู่ครึ่งกระบอก
   
อลันมองแขนตัวเอง ถอนหายใจเหนื่อยๆ
   
“ ถอดเสื้อฉัน ฉันไม่รู้ว่าไอ้ผื่นนี่มันลามถึงไหน ”
   
เซนทอร์หนุ่มสะดุ้งทันควัน
   
ถึงแม้อารมณ์โศกเศร้ายังอยู่
   
แต่ร่างขาวๆ นั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีผลต่อเขาด้วย
   
“ ดะ ได้ ” สเวนรับคำกระอึกกระอัก เข้าไปไปใกล้อลันถอดสิ่งที่ปกคลุมชั้นแรกออกอย่างง่ายดาย ก่อนจะกลืนน้ำลายเอือก เมื่อร่างที่ตนหลงใหลหลับตาไม่ได้สนใจมีเพียงลมหายใจหนักๆ ที่ยังคงอยู่
   
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายเปลือย
   
แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่เขาถอดมันเอง
   
ความรู้สึกมันถึงได้แตกต่างจากทุกครั้ง
   
สเวนสบถถึงความหื่นกาม ความหลงใหล ความไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจของตัวเอง พยายามตอกย้ำความคิดในหัวว่าอลันกำลังป่วยและมันไม่สมควรที่เขาจะไม่คิดอะไรแบบนั้น !
   
สเวนค่อยๆ ถกเสื้อของอลันขึ้นอย่างเชื่องช้า พยายามไม่สนใจเนื้อขาวๆ ที่ปรากฏเบื้องหน้า แต่ผดผื่นสีแดงก่ำที่ขึ้นตัดผิวขาวนั่นทำให้อารมณง์ของสเวนสงบลง
   
แดงก่ำจนน่ากลัว
   
แต่เจ้าตัวดูจะไม่ค่อยสนใจมันเท่าไหร่
   
เมื่ออารมณ์ของสเวนเข้าที่เข้าทางการดึงเสื้อของอลันออกจึงเป็นเรื่องง่ายไม่ติดขัดอะไรอีก
   
แต่สิ่งที่สเวนต้องยอมรับจริงๆ ว่า
   
หุ่นของอลันน่ามองมาก
   
“ เอานี่ไปทาตามที่มันแดงๆ ” อลันบีบยาให้สเวน มือสั่นๆ ของอลันบอกถึงอาการที่ยังไม่ปกติ
   
สเวนยื่นมือไปรับยาที่ไหลทะลักออกมาจากหลอด ขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกเย็นๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร แต้มมันลงผดผื่นตามตัวเบาๆ ตามท้องแขน หลัง เมื่อทาจนหมดสเวนก็ถามต่อ “ แล้วขาของเจ้าล่ะ ไม่ต้องทางั้นเหรอ ”
   
อลันหัวเราะในลำคอ
   
“ ไม่ล่ะ แค่นี้ก็น่าพอแล้ว ”
   
อลันพยายามยิ้มให้สเวน ตาพร่าเลือน อกจุกแน่น ร่างขาวพยายามหอบหายใจ พยายามรับรู้ถึงการมีอยู่ของร่างกายตัวเอง
   
ในตอนนั้นเองที่รู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่หัว
   
“ เจ้ายังมีข้านะ อลัน ”
   
อลันพยักหน้ารับ
   
“ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ ม้าบ้า.. ”
   
ต่อให้อาการของเขาแย่ลงทุกวัน
   
ต่อให้เขาจะร้องไห้อีกสักกี่ครั้ง
   
อย่างน้อยก็เซนทอร์บ้าๆ สักตัวอยู่ข้างเขา
   
แค่นี้เขาก็ดีใจแล้วล่ะ
   
สเวน
   
------------------------------
พรุ่งนี้อาจจะไม่ว่างมาลง เลยลงให้ก่อนค่ะ  :katai5:

อลันลูกครึ่งเทพ ไม่ธรรมดาๆ ><
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
 
   
   
   
   

ออฟไลน์ เหนือฟ้ายังมีจักรวาล

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากบอกว่าชอบมากๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ sinyou

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กรี๊ดกร๊าด มาต่อไวมากก
เหมือนจะสุขแต่ก็หน่วง นิยายเรื่องนี้มีเงื่อนง่ำ อลันน่าสงสารจัง
ปล.กระต่ายน้อยหายไปเลยหรือนางมีบทแค่นี้?

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
สงสารอลัน นางจะหายป่วยเมื่อไหร่เนี่ย

ออฟไลน์ paojijank

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ลึกลับ น่าสนุกดีค่ะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
มีสเวนอยู่ข้างๆ ก็ดีกว่าแต่ก่อนที่พออาการกำเริบแล้วต้องทนทรมานอยู่คนเดียวจริงๆ นั่นล่ะค่ะอลัน :กอด1:

ออฟไลน์ Minnie~Moo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
ว๊ายๆๆๆ สรุปคืออลันนางไม่ได้ป่วยใช่มั๊ย  :hao7:  :hao7:
จะเป็นแบบกำลังจะกลายร่างเป้นเทพไรงี้ อิ๊อ๊ะ  :z1:  ปลื้มปริ่ม  :-[
อลันคงไม่ตายแต่จะได้อยุ่กับม้าบ้าไปนานๆสินะ  :hao6:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ต้นเรื่องมุ้งมิ้งอยู่กลางทุ่งดอกไม้ อ่านไปอ่านมา แพ้ผลไม้สะงั้นนน
โถ่ๆ สงสารอลัน อ่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด