- - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)  (อ่าน 165455 ครั้ง)

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #4][211158]
«ตอบ #30 เมื่อ22-11-2015 20:20:03 »

ปูนแสบซ่าดีจัง :hao7:

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #4][211158]
«ตอบ #31 เมื่อ22-11-2015 22:21:44 »

เล่นแบบนั้นเดี๋ยวก็โดนหรอกปูน

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #4][211158]
«ตอบ #32 เมื่อ01-12-2015 21:40:15 »

หายไปเลย รอนะคะ :o12:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #5][061258]
«ตอบ #33 เมื่อ06-12-2015 18:31:45 »

 

แตกที่ 5

…ใจสั่น...




“สวัสดีครับป๋า...เจอกันอีกแล้วนะ”



น้ำเสียงติดจะออดอ้อนเล็กๆทำให้อิงอรที่ยืนฟังอยู่หน้าร้อนจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้เช่นเดียวกับคณิตที่หน้าแดงไปทั้งแทบแต่เป็นด้วยเหตุผลที่ตรงกันข้าม ร่างสูงที่บอกตัวเองอยู่หลายครั้งว่าอย่าไปคิดจองเวรจองกรรมเด็กมันเลย ลืมความตั้งใจเดิมของตัวเองจนสิ้น เขาก้าวยาวๆพรวดเดียวเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่ายแต่ยังไม่ทันที่จะได้ปรามาสใคร ฝ่ามือที่เล็กกว่าเขามากก็คว้าหมับเข้าที่แขนล่ำแล้วหัวกลมๆที่รับกันได้ดีกับดวงหน้าหวานก็ซุกเข้าที่อกแกร่งทันที



“ไม่เจอกันตั้งหลายวัน คิดถึงจังเลย”



คณิตจำได้ว่าเขาเคยขำเสียจนท้องแข็งตอนที่เห็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยมันพูดอ้ำๆอึ้งๆเวลาต้องสอบโปรเจคกับอาจารย์ทั้งภาควิชา ตอนนั้นเขาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าคนที่ปกติพูดจ้อเป็นนกแก้วนกขุนทองทำไมเวลาตื่นเต้นถึงได้เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน แต่ใครจะคิดว่าสุดท้ายเขาต้องมาเข้าใจความรู้สึกนี้ด้วยสถานการณ์ที่ดูไม่ได้เอาเสียเลย



“เธอ!”



“Oh my gosh!!!!”



อิงอรอุทานออกมาเป็นภาษาอังกฤษที่สำเนียงแทบจะไม่ต่างจากเจ้าของภาษา เด็กหนุ่มที่กำลังทำหน้าที่ตัวเองคิดว่าน่าเอ็นดูที่สุดหันไปมองหญิงสาวรุ่นพี่ที่กำลังเอาแฟ้มสีสวยปิดปากของเธอไว้แล้วทำตาเป็นประกายอย่างที่สามารถเข้าใจความหมายของมันได้ดี



“พี่อิงครับ”



“ค่ะ...คะ!!! ว่ายังไงคะน้องปูน!!!”



สิ่งที่หญิงสาวกำลังรู้สึกตอนนี้ไม่ต่างจากตอนที่เธอกำลังเปิดของขวัญกล่องใหญ่ อิงอรเอาแต่มองเจ้านายของตนที่เอาแต่อ้าปากพะงาบๆและหนุ่มน้อยที่ยิ้มหวานมาให้เธอสลับกันไปมา ด้วยความฟินที่พองฟูไปทั้งอก



“คือความจริงแล้วผมกับพี่คณิต...”



“น้องปูนกับคณิต!!??”



“เราเป็น...”



“เป็น!!!!!!”









“เป็นพี่น้องกันน่ะครับ”







“กรี๊ดดดดด พี่น้อง!!!.........ห๊ะ!!!????”







อิงอรหลุดกรี๊ดออกมาเบาๆก่อนจะทำหน้าเหวอเมื่อสิ่งที่ได้ยินผิดกับที่คาดไปมากโข เด็กหนุ่มพยักหน้าขึ้นลงแรงๆด้วยใบหน้าน่ารักราวกับเทวดา แต่ดูเหมือนว่าเทวดาของอิงอรตนนี้จะมีหางแบบซาตานอยู่ด้วย



“ฮ่าๆครับ ขอโทษด้วยนะครับที่ปูนทำให้เข้าใจผิดไปกันใหญ่”



ปูนหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่ถึงจะดูเยอะไปแต่กลับไม่ได้น่าเกลียดเลยสักนิดจากผู้หญิงคนนี้ เขาขยับกายออกห่างจากคณิตที่เหมือนกับลืมวิธีการพูดไปแล้วนิดหน่อย ก่อนจะอธิบายเหตุผลปลอมๆให้อิงอรฟัง



“ก็ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆอะไรหรอกครับ ปูนแค่นับถือพี่คณิตเขามากๆเท่านั้นเอง เพราะถ้าวันนั้นถ้าปูนไม่ได้พี่คณิตคอยช่วยดูแลให้คงแย่แน่ๆ”



เด็กหนุ่มยิ้มหวานเผื่อแผ่มาถึงคนข้างๆที่กำลังเข้าใจสถานการณ์ที่เขาพยายามสร้างได้ แน่นอนว่าสำหรับปูนแล้วเขาทั้งหมั่นไส้และไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนที่เคยดูถูกเขาไว้สักนิด แต่ในเมื่อทุกอย่างมันบีบคั้นให้พวกเขาสองคนต้องโคจรมาเจอกันอีกครั้ง ปูนก็ขอเลือกที่จะเป็นมิตรปลอมๆดีกว่าเดินหน้าเป็นศัตรูกับคนที่ได้เปรียบเขาหมดทุกด้าน ทั้งเงินตราและอำนาจ...



“ก็เข้าใจอยู่หรอกค่ะ แต่ว่า...”



อิงอรยังไม่อยากปักใจเชื่อ เพราะถึงแม้คณิตจะเป็นผู้บริหารที่ดีแค่ไหนแต่การเทคแคร์ลูกค้าขนาดที่ว่าแบกกันไปถึงบนห้องนั้นไม่ใช่นิสัยของร่างสักนิด ชายหนุ่มที่ภายนอกดูอ่อนโยนขี้เล่นแต่แท้จริงแล้วยังมีมุมถือตัวอยู่ไม่น้อย แม้จะมีเพื่อนมากมายแต่คนที่เชื่อใจกันมากพอที่จะเรียกว่าเพื่อนแท้ได้กลับมีแค่หยิบมือ



“ปูนผิดเองแหละครับที่ทำเป็นเล่นมากไปหน่อยจนคนเข้าใจผิดไปกันหมด ทั้งพี่อิง ทั้งคุณเมษ แต่ก็นะครับ พี่คณิตเขาไม่ใช่เกย์สักหน่อย...เนอะ”



ปูนว่าก่อนจะหันไปเนอะใส่คณิตที่ทำหน้าบูดไม่หาย จนคนอายุน้อยกว่าทนหมั่นไส้ไม่ไหวเลยยกมือไปหยิกแก้มขาวที่นุ่มกว่าที่คิดนั้นเบาๆ




“ฝากดูงานทางนี้แปปนึงนะอิง ขอผมไปคุยกับ...น้องชายหน่อย”



คณิตที่เงียบอยู่นานหันไปบอกเพื่อนร่วมงานสาวที่ปกปิดความผิดหวังไว้ไม่มิด ฝ่ามือใหญ่ที่แข็งราวกับคีมเหล็กคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กอย่างไม่คิดออมแรงแต่ปูนก็ไม่ได้ยี่หระอะไรกับอาการเจ็บที่ได้รับ ร่างสูงลากเขาไปยังด้านหลังของบูธที่มีพนักงานจากโรงแรมต่างๆหลบมานั่งพักกันมากมายรวมถึงบอยที่เพิ่งได้พักทานข้าวกลางวัน ชายหนุ่มกำลังจะตะโกนเรียกบาร์เทนเดอร์เจ้าปัญหาที่หายหัวไปไม่ยอมกลับมาสักที แต่พอเห็นว่าปูนมากับใครเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง



“เจอกันทีไรก็สร้างปัญหาให้ฉันตลอดเลยนะ”



คณิตเปิดฉากพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงที่ไม่รุนแรงแต่กลับทำให้ปูนรู้สึกกดดันอย่างประหลาด จนเด็กหนุ่มที่ในใจนึกหวั่นเล็กๆต้องทำใจดีสู้เสือตอบกลับไปด้วยท่าทางร่าเริงเหมือนเช่นทุกครั้ง



“แต่ผมว่าเมื่อกี้ผมเพิ่งแก้ปัญหาให้พี่ไปนะ”



“ฉันควรจะขอบคุณเธอรึไงทั้งที่เรื่องทั้งหมดเธอเป็นคนก่อ แล้วก็ไม่ต้องมาตีสนิทเรียกพี่เลย...ไอ้เด็กบ้า”



ว่าแล้วเขาก็ดีดหน้าผากมนนั้นคืนเป็นการแก้แค้นที่ถูกเจ้าเด็กอวดดีลามปามมาหยิกแก้มเขาต่อหน้าลูกน้องมากมายรวมถึงอิงอรที่ยังยืนหาสติตัวเองไม่เจออยู่ตรงนั้น ปูนทำแสร้งทำหน้ามุ่ยทั้งที่ความจริงแล้วไม่ได้เจ็บอะไรนักหนา



“จะมาโทษผมคนเดียวก็ไม่ได้นะ ในเมื่อคืนนั้นเราเองก็มีความสุขกันทั้งคู่”



ปูนพยายามขุดเรื่องเก่ามาพูดหวังให้อีกฝ่ายเถียงไม่ออก



“มีความสุขน่ะใช่ แต่มันแค่ทางกายแล้วฉันก็ไม่ได้หวังให้มันเป็นแบบนั้น”



“ก็ทำไปแล้วนี่เนอะ จะพูดให้สวยหรูยังไงก็พูดได้”



ร่างเล็กว่าอย่างไม่ยอมกันจนคณิตคิดว่าต่อให้เขาพยายามอธิบายมากแค่ไหนคนตรงหน้าก็คงจะยืนกรานความคิดของตัวเองอยู่แบบนั้น แม้ใจหนึ่งจะอยากเอาเรื่องมากขนาดไหนแต่สุดท้ายถ้ามันเสียเปล่าเขาก็ไม่อยากเสียเวลาด้วย



“แล้วมาทำอะไรที่นี่ ทำไมอิงถึงบอกว่าเธอจะมาช่วย”



“ก็อย่างที่พี่อิงว่า คุณเมษาบอกให้ผมมา”



“ไอ้เมษงั้นหรอ นายทำงานอยู่ที่นั่นจริงๆสินะ”



คณิตนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เด็กหนุ่มพูดทิ้งไว้ครั้งก่อนก็เข้าใจขึ้นมาแจ่มแจ้ง แต่สิ่งที่ทำให้เขาฉงนมากกว่าในยามนี้คือเมษากำลังคิดอะไรอยู่ถึงส่งเจ้าเด็กนี่ให้มาช่วยงานเขา ทั้งที่ก็น่าจะรู้อยู่ว่าเขาไม่อยากเจอมัน หรือนั่นอาจจะคือเหตุผลก็ได้



“ก็ตามนั้น แล้วหน้าที่ผมตอนนี้ก็คือช่วยคุณดูแลบูธตามที่คุณเมษาสั่ง ถ้าจะกรุณาก็ช่วยปล่อยให้ผมกลับไปทำงานตามเดิมเถอะนะครับ”



ปูนว่าพลางยิ้มหวานๆให้แล้วหมุนตัวกลับไปเพื่อทำอย่างที่ปากว่า แต่เขากลับโดนคณิตหยุดไว้อีกครั้งด้วยมือที่ไม่คิดจะออมแรงเลย



“เดี๋ยวก่อน นายมีเรื่องที่สมควรทำอยู่ไม่ใช่รึไง”



“?...ก็มีสิครับ งานผมไง แต่ตอนนี้ผมไปทำมันไม่ได้ก็เพราะคุณ”



“นั่นก็ใช่ แต่ฉันหมายถึงสิ่งที่เธอทำกับฉันไว้ในลิฟต์นั่นต่างหาก”



สีหน้าของคณิตดูเคร่งขรึมขึ้นมาเหมือนกับผู้ใหญ่ที่กำลังไล่ต้อนเด็กน้อยให้ยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำ แต่คณิตคงไม่รู้ว่าเด็กที่เขากำลังไล่ต้อนอยู่นั้นไม่ใช่เด็กแสนซื่อที่จะยอมสิโรราบง่ายๆ



“อ่อ นึกว่าเรื่องอะไร ก็ได้ครับ ผมยอมขอโทษคุณก็ได้ แต่ว่า...คุณก็ต้องขอโทษเรื่องที่ดูถูกผมไว้เหมือนกัน”



ดวงตากลมโตของปูนแข็งขึ้นทันทีที่พูดออกไปแบบนั้น เด็กหนุ่มแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดอย่างไม่ปิดบังเพราะอยากให้คนตรงหน้ารู้ว่าตัวมันไม่ใช่คนเดียวที่มีอารมณ์ความรู้สึก คณิตมองตาของคนที่อายุน้อยกว่าแล้วก็เข้าใจความต้องการของปูนได้เป็นอย่างดี เขาถอนหายใจเบาๆแบบที่ปูนคิดว่าร่างสูงทำไปเพราะอึดอัดใจ แต่หาใช่แบบนั้นไม่เมื่อคณิตกลับพูดคำนั้นออกมาอย่างง่ายดาย



“ขอโทษที่ดูถูกเธอแล้วก็ที่ล่วงเกินเธอไปแบบนั้น”



ร่างเล็กนิ่งอึ้ง เขาไม่คิดว่าชายที่มีศักดิ์ศรีสูงท่วมหัวจะยอมขอโทษเด็กผู้ชายที่อายุน้อยกว่าได้อย่างง่ายดาย ปูนอยากจะคิดว่ามันเป็นเพียงละครฉากหนึ่งแต่ความจริงจังในดวงตาหรี่เล็กคู่นั้นกลับยืนยันคำพูดของร่างสูงได้เป็นอย่างดี



“สำหรับฉันการทำผิดแล้วขอโทษไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่การกระทำที่ควรอายจริงๆ คือคนที่รู้ตัวว่าผิดแต่ไม่ยอมขอโทษมากกว่า”



คณิตพูดหวังให้คนอายุน้อยกว่าได้คิด จริงอยู่ที่เขาไม่ชอบหน้าเด็กนี่เท่าไหร่แต่ก็อดพูดตักเตือนตามประสาคนที่ผ่านโลกมามากกว่าไม่ได้ ปูนพอได้ฟังอย่างนั้นก็สะอึกไป แต่ด้วยนิสัยดื้อรั้นจึงไม่ยอมแสดงท่าทางอ่อนลงให้เลย



“ก็ดี...ส่วนผมก็ขอโทษด้วย แค่นี้พอใจแล้วใช่ไหม”



ร่างสูงถอนหายใจเมื่อต้องทนฟังคำขอโทษที่ไม่มีความจริงใจเจืออยู่เลยสักนิด ทั้งที่เพิ่งบอกไปหยกๆแต่ดูเหมือนมารยาทบางอย่างก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสั่งสอนกันได้ง่ายๆ คณิตยกมือขึ้นขยี้กลุ่มผมสีเข้มของปูนแรงๆจนคนตัวเล็กร้องฮือออกมาอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะเงียบไปเพราะดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้น



“ถือซะว่าทำบุญแล้วกัน แต่ครั้งหน้าอย่าไปทำแบบนี้กับคนอื่น ไม่ใช่ทุกคนที่จะใจดีอย่างฉันหรอกนะ เข้าใจไหม”



“ใจดีตายล่ะ...”



ปูนพูดกับตัวเองเบาๆแต่คนตัวสูงก็ได้ยินมันอย่างชัดเจนอยู่ดี เขาส่ายหน้าอย่างเอือมระอาในความรั้นและนึกเสียดายหน้าตาน่ารักที่ถ้าหากนิสัยไปในทางเดียวกันได้สักนิด คณิตก็อยากจะยอมรับว่าเขาสนใจในคนคนนี้ไม่น้อย




“ปากดีอย่างนี้ก็ช่วยทำงานให้ดีอย่างปากด้วยก็แล้วกัน ต่อให้เป็นลูกน้องไอ้เมษฉันก็ไม่ปราณีหรอกนะ”



คณิตว่าก่อนจะเดินนำไปทิ้งให้ปูนมองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่ทำให้เขานึกขัดใจอยู่เสมอ พอร่างสูงเดินห่างไปแล้วปูนถึงเพิ่งได้สังเกตเห็นว่าพวกเขาเป็นจุดสนใจของผู้คนแถวนั้นมากแค่ไหน คนตัวเล็กจึงนึกสนุกขึ้นมาอีก ร่างบอบบางของปูนรีบวิ่งเข้าไปหาจนไปหยุดอยู่ข้างๆคณิตที่หันมามองพร้อมเลิ่กคิ้วขึ้น







“ความจริงแล้วป๋าก็น่าจะรู้นะครับ...ว่าผมไม่ได้มีดีแค่ปาก หรือถ้าป๋าติดใจปากของผมจริงๆ...ก็บอกได้นะ เดี๋ยวผมจัดเด็ดๆให้”





ปูนพูดออกมาด้วยเสียงที่ไม่ดังมาก แต่ดวงตาแพรวพราวที่มองไปยังใบหน้าหล่อเหลาและเป้ากางเกงของคณิตกลับทำให้ผู้คนที่แอบยืนมองอยู่โดยรอบหันไปซุบซิบกันเป็นแถบ ร่างสูงที่พอจะรู้ทันความคิดของเด็กหนุ่มบ้างจึงคว้าไหล่บางของปูนเข้ามาโอบไว้ก่อนจะโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหู









“อย่าท้ากันแบบนี้เลยเด็กน้อย ถ้าฉันทำขึ้นมาจริงๆ...เธอคงไม่ได้ปากดีไปอีกนานแน่ๆ”



.



.

.

.

.

.

.







อิงอรเอาแต่มองไปยังสองหนุ่มที่หมายปองให้ดองกันไว้ด้วยความเสียดาย แต่ลึกๆในใจเธอก็ยังแอบหวังเพราะหลังจากกลับมาจากคุยกันเพื่อนชายของเธอนั้นก็อาแต่หันไปยิ้มหยอกๆใส่ร่างบางที่ทำหน้างอตลอดยกเว้นตอนที่มีลูกค้าเข้ามาขอให้ชงเครื่องดื่มให้




นึกถึงตรงนี้อิงอรก็รีบโทรไปขอบคุณเมษาที่ยอมส่งบาร์เทนเดอร์ฝีมือดีอย่างปูนมาให้ The Next ยืมตัว เพราะดูเหมือนลูกค้าที่ได้ชิมม็อกเทลที่ทำจากน้ำสมุนไพรแบบไทยๆเข้าไปต่างก็ติดใจกันทั้งนั้น ตอนแรกอิงอรก็นึกห่วงอยู่เหมือนกันเพราะปูนไม่เคยทำเครื่องดื่มชนิดนี้มาก่อน แต่เด็กคนนั้นกลับเรียนรู้ได้เร็วเกินคาด แค่ได้ชิมเครื่องดื่มบางส่วนกับได้อ่านสูตรที่ที่พนักงานประจำจดไว้ ปูนก็สามารถสร้างสรรค์มันออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ





“น้ำครับพี่อิง ดื่มสักหน่อยนะครับ ผมชงให้พิเศษเลย”



หญิงสาวที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยสะดุ้งน้อยๆก่อนจะยื่นมือไปรับเครื่องดื่มสีสวยมาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ



“ขอบใจนะจ๊ะ น้องปูนเหนื่อยไหม ขอโทษด้วยนะที่ต้องรบกวน”



“ไม่เป็นไรครับ งานก็ไม่ได้หนักหนาอะไร”



ปูนว่าไปตามจริง เพราะถ้าเทียบกับบูธของ The Pilot ก็ยังถือว่าห่างชั้น แต่หนึ่งสิ่งที่ปูนเห็นว่าต่างกัน คือลูกค้าของ The Next ส่วนมากจะเป็นพวกลูกค้าเก่าที่กลับมาใช้บริการอยู่เสมอซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่บอกเล่าความประทับใจในบริการให้บาร์เทนเดอร์จำเป็นอย่างเขาฟังอย่างสนุกปาก



“ว่าแต่น้องปูนเก่งมากเลยนะ มีแต่ลูกค้าชมว่าเครื่องดื่มที่เราทำอร่อยมาก ไม่เสียแรงเลยที่คุณเมษาแนะนำมา”



เด็กหนุ่มยิ้มแหยรับคำชมนั้นเพราะรู้อยู่เต็มอกว่าสาเหตุที่เมษาจงใจเลือกเขามาช่วยเป็นเพราะอะไร ใบหน้าที่พอยิ้มออกได้บ้างกลับไปบูดบึ้งอีกครั้งเมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาแต่ติดจะกวนประสาทของผู้จัดการที่ชอบหันมาแกล้งเขาทางสายตาตลอดการทำงาน




“ได้ทำงานกับ The Next ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมากเหมือนกันครับ อีกอย่างผมก็ได้สูตรทำม็อกเทลใหม่ๆกลับไปเพียบเลย”



“อยากได้มากกว่านี้ไหมล่ะจ๊ะ ย้ายมาทำงานกับพี่สิ”



อิงอรแกล้งหยอดไปโดยที่ใจจริงก็คาดหวังไปตามนั้น เด็กหนุ่มพอได้ฟังก็ยิ้มอ่อนๆ เอาตามตรงเขาก็ชอบบรรยากาศการทำงานเรื่อยๆของที่นี่อยู่เหมือนกันแต่ติดอยู่ที่ผู้จัดการจอมกวนประสาทนั่นรวมไปถึงความจริงข้อสำคัญเกี่ยวกับเจ้าของโรงแรมผู้เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกับคนที่เขาไม่อยากเวียนไปเจอมากที่สุด



“เดี๋ยวน้องปูนไปพักก่อนก็ได้นะจ๊ะ งานก็ใกล้จะเลิกแล้ว แต่อย่าเพิ่งรีบกลับล่ะ ไปกินข้าวด้วยกันก่อนพี่โทรไปขอคุณเมษาไว้ให้แล้วไม่ต้องห่วง”



“เอ่อ แต่ว่า...”



“ไม่มีแต่จ๊ะ ไปเถอะนะอย่าให้พี่เสียน้ำใจเลย”



หญิงสาวพูดชวนแต่เนื้อความนั้นเหมือนกันการกึ่งบังคับ ปูนพยายามส่ายหน้าปฏิเสธแต่ก็เจอสายตาอ้อนวอนของคนที่อายุมากกว่าเข้าไปเขาก็ถึงกับไปต่อไม่เป็น ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันเขาถึงได้รู้สึกถูกชะตากับคนคนนี้อยู่มาก อาจจะเพราะบรรยากาศรอบๆตัวที่ชวนให้สบายใจเหมือนใครบางคนที่เขารู้จัก



“ก็ได้ครับ...”



ร่างเล็กรับปากจะขอตัวไปบอกหัวหน้าของตัวเองอย่างบอยก่อนเรื่องที่จะขอกลับแยกกัน บอยที่รับรู้เรื่องทุกอย่างจากเมษาแล้วก็ไม่ได้ห้ามอะไร เพียงแค่ย้ำเตือนว่าอย่าเข้ามาทำงานในวันพรุ่งนี้สายซึ่งพวกเขายังคงต้องประจำอยู่ที่นี่จนกว่างานจะจบ ปูนก็ยอมรับตามนั้นเพราะเอาเข้าจริงเขาก็ไม่อยากอยู่ใกล้ชิดคณิตมากไปกว่านี้ แต่ดูเหมือนความต้องการของเขามักจะได้ผลที่ตรงกันข้ามเสมอ



“ปูนนั่งรถไปกับคุณคณิตนะจ๊ะ เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเลย”



“อะไรนะครับ?!”



เด็กหนุ่มถามออกมาเสียงดังเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่ชวนเขากลับพยักพเยิดให้ปูนไปขึ้นรถซึ่งมีคณิตยืนพิงคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล



“พอดีรถตู้มันเต็มน่ะจ๊ะ ไหนจะสัมภาระอีก”



“ไม่เป็นไรครับ ผมนั่งได้ เกรงใจคุณคณิตเขาเปล่าๆ”



“คุณคณิต?”



“อ่ะ ผมหมายถึงพี่คณิตน่ะครับ ผมเกรงใจพี่เขา...”



 อิงอรทวงคำพูดของปูนงงๆ เพราะก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มเรียกเพื่อนของเธอว่าพี่จนปูนต้องรีบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทันแม้ว่ามันจะกระดากปากไม่น้อย



“ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกจ้า พี่น้องกันไม่ใช่หรอ อีกอย่างคุณคณิตเขาก็ใจดีกับปูนจะตาย ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆด้วยนะแบบนี้”



หญิงสาวยิ้มพรายแต่กลายเป็นปูนที่ไม่อยากเชื่อคำพูดนั้น คนใจดีที่ไหนจะไล่ต้อนเขาจะเป็นจะตาย แถมเคยทำมารยาทไม่ดีกับเขาไว้อีก ต่อให้ภายนอกจะหล่อสุภาพขนาดไหนสำหรับร่างเล็กคนอย่างคณิตน่ะ...หน้าเนื้อใจเสือชัดๆ



“จะไปกันได้รึยัง”



คณิตที่คุยโทรศัพท์เสร็จเดินเข้ามาขัดบทสนทนาที่เกี่ยวกับตัวเองโดยไม่รู้ตัว อิงอรเองพอเห็นดังนั้นก็รีบส่งตัวเทวดาน้อยของเธอถึงราชรถของซาตานหนุ่มแล้วรีบชิ่งขึ้นรถตู้ของโรงแรมไปเพราะกลัวปูนจะเปลี่ยนใจ ร่างเล็กที่ยังไม่ทันตั้งสติได้มองตามรถคันนั้นไปพร้อมกับโอดครวญในใจซึ่งคณิตที่ยืนอยู่ข้างๆก็ดูออก



“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า เข้ามานั่งเถอะ”



“...ผมไม่ได้กลัวว่าคุณจะทำอะไรสักหน่อย”



“นั่นสินะ คนที่กลัวควรจะเป็นฉันมากกว่า”



ร่างสูงยิ้มทะเล้นใส่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งก่อนโดยที่ปูนจำใจต้องพาร่างของตัวเองไปนั่งตรงที่ข้างคนขับอย่างเสียไม่ได้ ภายในห้องโดยสารที่ใหญ่โอ่อ่าสมราคามีเพียงเสียงเพลงที่เจ้าของมันเปิดไว้ดังคลอเท่านั้น ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันสักคำแม้ว่าก่อนหน้านี้จะพูดกัดกันมามากมาย



“วันนี้ขอบใจมาก เธอช่วยเราไว้จริงๆ”



ท่ามกลางรถที่ติดและไฟท้ายรถที่ส่องเป็นทางสีแดงยาว คณิตที่เงียบมานานก็เปิดปากพูดขึ้นโดยไม่มองหน้าคนข้างกาย



“ไม่เป็นไร แค่จ่ายทิปพิเศษให้ผมเยอะๆหน่อยแล้วกัน”



ปูนตอบกลับไปแบบนั้นเพราะไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองมีบุญคุณกับใคร แต่คนฟังกลับตีความไปอีกอย่าง



“...เดือดร้อนเรื่องเงินขนาดนั้นเลยหรอ”



“...?”



“เธอถึงได้มาทำงานแบบนี้”



ร่างเล็กรู้ได้ทันทีว่างานที่คณิตว่าคงไม่ใช่งานบาร์เทนเดอร์ที่เขาทำอยู่แน่ๆ ปูนไม่รู้สึกกดดันกับสิ่งที่คนคนนี้ถามแต่อย่างใดเพราะตั้งแต่เริ่มทำมันมา มีคนถามมันกับเขานับครั้งไม่ถ้วน จนความอับอายเปลี่ยนเป็นชินชา...



“ไม่หรอก ผมแค่พอใจที่จะทำ”



“พอใจที่จะทำ?”



“ใช่ คนพวกนั้นมีความสุข ส่วนผมได้เงิน...ตรรกะง่ายๆของการบริการ ผมพูดผิดที่ไหนกันล่ะ”



ปูนตั้งใจพูดกระทบอาชีพที่ร่างสูงทำอยู่ แม้เนื้อในแล้วมันจะต่างกันมาก คณิตที่ได้ฟังอย่างนั้นก็หัวเราะออกมาจนปูนต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ



“เด็กจริงๆเลยนะเธอน่ะ ไม่รู้ว่าจะขำหรือว่าจะอะไรดี”



คณิตเหล่มองปูนนิดๆก่อนจะยื่นมือมาขยี้หัวทุยนั้นจนคนที่ตามความคิดของคนโตกว่าไม่ทันทำหน้ามุ่ย



“อย่ามาขำนะ พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”



“ก็หมายความตามที่พูด”



ร่างสูงยักไหล่ด้วยท่าทางที่กวนประสาท ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของคนข้างๆที่เขาคิดว่ามันน่ารักดี



“กวนตีน”



“ก็ไม่ปฏิเสธ”



“ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงต้องทำตัวเหมือนว่ารู้ทุกอย่าง...อวดดีชะมัด”



“คนที่พูดแบบนั้นมันก็อวดดีพอๆกันนั่นแหละ”



คณิตว่าขำๆก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถของร้านอาหารกึ่งบาร์ที่เขาโทรมาจองที่นั่งไว้ให้พนักงานที่เหนื่อยมาทั้งวันได้พักผ่อน เขาเลือกจอดรถไว้ข้างๆรถตู้ของโรงแรมที่บัดนี้ไร้ผู้คนแล้วปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยของตัวเองผิดกับคนข้างๆที่ยังคงนั่งเฉยจนเขาต้องหันไปบอก



"”ลงสิ รีบกินจะได้รีบกลับไปพัก”



“...ผมอยากกลับห้อง”



“กลับทำไม? หรือว่าโกรธที่ฉันว่าเธอแบบนั้น”



“เปล่า...ผมอยากกลับห้องจริงๆ ขอตัวก่อนได้ไหม”



ปูนเอาแต่มองป้ายหน้าร้านไม่กระพริบตา คนตัวสูงกว่าลอบสังเกตอาการที่เปลี่ยนไปของคนที่เมื่อครู่ยังเถียงเขาฉอดๆอย่างไม่ยอมแพ้ด้วยความไม่เข้าใจ



“มีปัญหาอะไรรึเปล่า”



ร่างเล็กส่ายหน้าแทนคำตอบแต่ว่ามือของตัวเองกลับกำเข็มขัดนิรภัยที่พาดคาดตัวไว้แน่นจนคณิตสงสัย



“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ลงมาเถอะ ทุกคนรออยู่”



“แต่ผมไม่อยากไป...จริงๆนะ”



เสียงของปูนสั่นโดยที่เจ้าของมันไม่อาจควบคุมได้ ซึ่งหลังจากที่ได้ยินอย่างนั้นคณิตก็เงียบไปพร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนที่ร่างสูงจะลุกออกไปจากที่นั่งของตัวเองแล้วทิ้งให้เด็กหนุ่มที่ตัวสั่นเทาอยู่ในรถของเขาแต่เพียงลำพัง ปูนมองแผ่นหลังของคนที่โตกว่ากำลังเล็กลงไปเรื่อยๆด้วยความใจหาย เพราะเขาคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ทิ้งเขาไปโดยไม่รู้ตัว...





“เราต้อง...ไปจากที่นี่”





“...”





“...แต่จะไปที่ไหนล่ะ”





ปูนพูดแล้วหัวเราะออกมาราวกับจะเยาะเย้ยตัวเองที่ไม่มีที่ไป สองมือที่ยังคงสั่นไหวพยายามปลดเข็มขัดนิรภัยออกแต่มันกลับทำได้ยากยิ่ง ภาพในอดีตและเสียงหัวเราะของผู้คนมากมายดังก้องอยู่ในหูจนร่างเล็กไม่อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกแม้วินาทีเดียว แต่ยังไม่ทันที่น้ำตาจะได้ไหล ประตูที่ปิดไปเมื่อครู่ก็เปิดออกอีกครั้ง





“แถวนี้มีร้านไหนแนะนำบ้าง”



“...???”



คณิตที่กลับเข้ามานั่งในรถบ่นเบาๆก่อนจะเข้าเกียร์ถอยหลังแล้วขับออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น



“ทำไม...”



ร่างเล็กถามเสียงอ่อยเพราะไม่อาจเรียบเรียงความคิดของตัวเองได้



“ทำไม?”



“ทำไม...ถึงกลับมา”



“ก็เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่จะให้ทุกคนเปลี่ยนร้านด้วยก็คงทำไม่ได้ฉันเลยเข้าฝากเงินไว้กับอิงแล้วออกมานี่ไง ว่าแต่จะบอกได้รึยังว่าจะไปกินร้านไหน ขออิ่มๆอร่อยๆนะ หิวไส้จะขาดแล้ว”



ร่างสูงพูดออกมายาวเยียดก่อนจะขับรถไปตามทางที่ปูนบอก โดยที่ทำเป็นไม่ใส่ใจกับเสียงที่ยังคงสั่นของคนตัวเล็ก ปูนลอบมองใบหน้าด้านข้างของคณิตเป็นระยะก่อนพวกเขาจะมาหยุดอยู่ตรงร้านผัดไทหอยทอดที่ถึงแม้จะไม่ใหญ่โตแต่กลับมีคนมาต่อคิวรอเป็นจำนวนมาก



“คนเยอะชะมัด”



“ขอโทษ...จะเปลี่ยนร้านไหม”



“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เอาร้านนี้แหละ”



คราวนี้ไม่ต้องรอให้เสียเวลา พวกเขาทั้งคู่ลงไปจากรถโดยมีคณิตที่หิวโซตรงเข้าไปต่อแถวอย่างไม่ถือตัวแม้ว่าเสื้อผ้าราคาแพงที่เขาใส่อยู่จะไม่เข้ากับบรรยากาศแถวนี้เลยแม้แต่น้อย ปูนที่เดินตามมาวิ่งไปเอากระดาษจดจากเจ้าของร้านมาเขียนรายการอาหารที่ตัวเองต้องการสั่งไปก่อนจะเดินไปถามคณิตซึ่งสั่งทั้งหอยทอดและผัดไทมาอย่างละหนึ่งจานโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก



“ถ้าไม่อร่อยรับรองว่าฉันเล่นงานเธอแน่ๆ ให้ตายสิ อยากกินคาโบนาล่าของร้านนั้นชะมัด”



คณิตบ่นอย่างไม่จริงจังนักแต่ก็นึกเสียดายที่ไม่ได้ลิ้มรสคาโบนาล่าของร้านโปรดที่ไม่ได้มีโอกาสมากินนานแล้ว แต่คนที่เป็นต้นเหตุทำให้พวกเขาต้องมายืนต่อแถวเพื่อกินอาหารจากข้างทางแบบนี้กลับรู้สึกผิดอย่างช่วยไม่ได้



“คุณปล่อยผมไว้ตรงนี้ก็ได้นะ กลับไปหาพี่อิงเถอะ”



“แน่ใจนะว่าอยากให้ฉันทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียว”



“...”



“เอาเถอะจะสปาเก็ตตี้หรือผัดไทยคงไม่ต่างกันหรอก”



ร่างสูงยิ้มให้คนที่ทำหน้าสลดกว่าทุกครั้งก่อนจะพากันเดินเข้าไปยังโต๊ะเมื่อถึงคิวของพวกเขาทันที รอเพียงไม่นานผัดไทและหอยทอดทั้งสามจานก็ถูกวางลงตรงหน้าของทั้งคู่ คณิตพับแขนเสื้อของตัวเองลวกๆแล้วทานอาหารตรงหน้าโดยไม่ปรุงรสใดๆ ปูนมองคนที่ดูเหมือนจะพอใจกับรสชาติของอาหารข้างทางมื้อนี้อยู่ไม่น้อยด้วยสายตาเหม่อลอย โดยผัดไทของตนไม่ได้พร่องลงเลย



“มองหน้าฉันทำไมล่ะ กินเข้าไปสิ กำลังร้อนๆเลย”



คณิตว่าพร้อมกับคีบหอยแมลงภู่ของตัวเองใส่ลงในจานของคนที่เด็กกว่า ปูนมองเนื้อสัตว์ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ แต่พอเงยหน้าขึ้นเพื่อหนีมันเขาก็เจอเข้ากับดวงตาเป็นประกายของคนที่ทั้งทำตัวร้ายกาจและกวนประสาทอย่างถึงที่สุด





แต่ทันทีที่เขาคีบหอยแมลงภู่ตัวนั้นเข้าปากไป



ก็พบว่ามันทั้งอุ่นและอร่อยกว่าที่เคย...





-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

ไม่มีไรมาก...อยากกินหอยทอด 5555555  :hao6:
สวัสดีคับบบบบบบบบบ หายไปนานมากกกกก ลืมกันไปรึยัง  :hao5: นี่แอบหนีงานมาเขียนให้หน่อยนึง ไม่ยาวมากแต่น่าจะฟินเนอะ เช่ว่าหลายคนอาจจะคิดเหมือนเช่ว่าน้องปูนดูหลงพี่คณิตเร็วไปป่าว คือเอาจริงๆสองคนนี้ชอบหน้าตาของอีกฝ่ายตั้งแต่แรกแล้วคับ แต่ดันเกิดเรื่องซะก่อน บวกกับน้องมันใจง่าย (นี่แหละประเด็นหลัก) :-[ เลยออกมาเป็นงี้ แต่เชื่อเถอะว่าถึงจะชอบกันเร็วก็ใช่ว่าจะราบรื่น ยังมีอะไรที่คู่นี้ต้องฝ่าฟันกันไปอีกเยอะ มีคนถามหาดราม่าหนักๆด้วย กลางๆท้ายๆเรื่องเลยคับบบบ ไม่ม่ามาก แค่ปวดตับนิดหน่อย ^^ o13

เรื่องนี้อาจจะต่างจากไนท์แมร์มากไปหน่อย แต่ถือว่าเปลี่ยนรสชาตินะคับ เช่อาจจะแต่งแนวนี้ได้ไม่ดีมาก แต่ก็จะพยายาม ส่วนเรื่องงานยังยุ่งไปอีกอาทิตย์ แต่หลังจากนี้จะกลับมาอัพให้ถี่เหมือนเดิมแล้ว รอกันหน่อยนะ^^ :call:

ป.ล. ขอบคุณทุกเม้นท์ทุกโหวตที่ถามถึง ใครยังไม่ได้จับจองพี่กาลรีบกันนะคับ เหลือเวลาไม่มากแล้ว :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2015 18:35:56 โดย vivacestory »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #5][061258]
«ตอบ #34 เมื่อ06-12-2015 20:12:52 »

ปูนมีความทรงจำไม่ดีอะไรกับร้านนั้นล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #5][061258]
«ตอบ #35 เมื่อ06-12-2015 20:59:40 »

ปูนมีปมอะไรนะ อยากรู้จัง

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #5][061258]
«ตอบ #36 เมื่อ07-12-2015 13:06:44 »

น้องน่ารักกกกก คณิตอบอุ่นได้อีกอะ

ไปกินหอยทอดกัน :katai4:

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #5][061258]
«ตอบ #37 เมื่อ09-12-2015 18:51:02 »

คณิตน่าลากมาก (ลากจริงๆนะ) รอตอนต่อไปจ้า :laugh:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #6][101258]
«ตอบ #38 เมื่อ10-12-2015 19:32:19 »

 

แตกที่ 6

…อยากได้...

 

 
 

“ขอบคุณมากนะครับ”

 

คณิตพูดก่อนจะยื่นของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้กับคนที่สนใจเข้ามาจองที่พักในช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง อันที่จริงร่างสูงไม่เห็นความจำเป็นที่โรงแรมของเขานั้นจะต้องมาจัดแคมเปญจน์ที่นี่เลยสักนิด แต่เพราะการเป็นหนึ่งในเครือข่ายของธุรกิจโรงแรมทำให้คณิตไม่อาจทำตามใจตัวเองได้ทุกครั้ง แล้วถ้าพูดถึงเรื่องที่ไม่มีความจำเป็นแล้วล่ะก็...ทางนี้ก็ยังมีอีกเรื่อง

 

“พี่อิง ให้เอานี่ไปวางไว้ตรงไหนครับ”

 

“ทางนี้เลยจ๊ะ ขอบใจมากนะ”

 

ร่างสูงลอบมองเด็กหนุ่มตัวเล็กที่ถือกล่องใส่โบว์ชัวร์ไปวางตรงมุมโต๊ะโดยมีอิงอรคอยชี้กำกับอยู่ด้วยใบหน้าชื่นชมยินดีผิดกับคณิตที่ตีสีหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงออกอะไร เขาแสร้งจดจ่ออยู่กับใบลงทะเบียนตรงหน้าทำเป็นไม่สังเกตเห็นสายตาวิบวับของปูนที่มองมาอย่างจงใจพร้อมกับตั้งคำถามกับตัวเองไปด้วย

 

‘ไอ้เด็กบ้านั่นมันเป็นอะไรของมัน?’

 

เมื่อคืนคณิตมั่นใจว่าเขาไม่ได้ทำอะไรแปลกๆใส่ปูนไปแน่ๆ หลังจากกินหอยทอดกันเสร็จเขาก็รีบพาปูนกลับไปส่งโรงแรมที่เป็นหนึ่งในเครือของ The Pilot ซึ่งเป็นคนละโรงแรมกับที่เขาพัก แต่เพราะเด็กหนุ่มตั้งใจช่วยงานเขามาเกือบทั้งวันแถมทำได้ดีเสียด้วยจะปล่อยให้ขึ้นแท็กซี่ไปเองก็คงไม่ได้ แต่พวกเขาก็แทบไม่ได้พูดอะไรกันเลยตลอดทางยกเว้นคำขอบคุณที่ฝ่ายนั้นมอบให้ในตอนที่ถึงจุดหมาย

 

คณิตถึงได้ไม่เข้าใจว่าทำไมพอเช้ามาเขาถึงเจอร่างเล็กที่ไม่ได้สวมชุดฟอร์มของโรงแรมคู่แข่งอย่างเมื่อวานมายืนทำหน้าจิ้มลิ้มอยู่หน้าบูธของเขา ครั้นจะโทรไปถามเจ้านายของทางนั้น ไอ้เมษก็ตอบแค่ว่า ‘ฝากด้วยนะครับ’ แล้ววางสายใส่โดยไม่อธิบายอะไรเลยแม้แต่น้อย

 

“คุณ...มีอะไรให้ผมช่วยไหม”

 

คิดไม่ทันขาดคำ(?) เจ้าเด็กเจ้าปัญหาก็เดินเข้ามาถามคณิตด้วยสีหน้าผิดกับตอนที่แอบมองร่างสูงลิบลับ คนที่ยังคงไม่เข้าใจอะไรคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า แล้วเดินนำปูนมาดูช่อดอกไม้สดเล็กๆมากมายที่จัดอยู่บนพานสีทองอร่าม

 

“เดี๋ยวเธอช่วยอิงแจกนี่ให้ลูกค้าแล้วกัน พอช่วงบ่ายคนเข้ามาเยอะจะทำกันไม่ทัน ส่วนเครื่องดื่มวันนี้เราจะเสิร์ฟเป็นน้ำลอยดอกไม้คู่กับขนมไทยไม่ต้องเตรียมอะไรมาก แต่ถ้าเธอว่างจะมาช่วยทางนี้ด้วยก็ได้ ทำไหวไหม?”

 

ปูนพยักหน้ารับก่อนจะหยิบเอาดอกไม้ช่อหนึ่งขึ้นมาดูใกล้ๆอย่างสนใจ โดยมีคณิตคอยมองอยู่ไม่ห่าง แต่เขาก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะมานั่งคิดมากเพราะเป็นอย่างคำที่ร่างสูงว่า พอเลยช่วงพักเที่ยงผู้คนมากมายเข้ามาชมไม่ขาดสาย แม้ว่าห้องพักในซีซั่นนี้จะเต็มไปตั้งแต่เช้าแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีโปรแกรมท่องเที่ยวแบบ One Day Trip ที่จัดร่วมกับชุมชนประมงมาเสนอให้ผู้ที่สนใจอย่างต่อเนื่อง

 

 

ผู้จัดการหนุ่มยืนอธิบายรายละเอียดให้นักท่องเที่ยวชาวจีนคู่หนึ่งฟังอย่างตั้งใจ โดยมีปูนที่ถึงแม้จะฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่องก็ยังคงยืนยิ้มอยู่เคียงข้าง

 

“เซี่ย เซี่ย หนี่”

 

ปูนว่าพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ให้กับชาวจีนทั้งสองคนที่รับมันไปอย่างชอบใจก่อนที่รัวภาษาใส่จน ร่างเล็กได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างเขินอาย ไม่ใช่เพราะสิ่งที่แขกพวกนี้พูดหรอก แต่เป็นเพราะเขาฟังมันไม่ออกเลยต่างหาก

 

“ฟังภาษาจีนออกด้วยหรอ”

 

คณิตถามขึ้นทันทีที่นักท่องเที่ยวสองคนนั้นเดินจากไป ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งแต่ก็ไม่มากนัก

 

“ไม่ออกเลยสักนิด รู้สึกเหมือนกำลังดูหนังจีนอยู่เลย”

 

“ฮ่าๆ ฟังไม่ออกแต่ก็ยังพูดขอบคุณกับเขาได้เนี่ยนะ”

 

“...ผมก็พูดได้แค่นั้นแหละ”

 

ร่างสูงเผลอยิ้มเอ็นดูคนที่ผิวแก้มแดงระเรื่อเพราะความอายแต่ก็ยังพยายามทำหน้าอวดเก่งใส่เขา จนปูนที่ถูกมองแบบนั้นทำแก้มพองลมนิดๆใส่ก่อนจะก้มหน้าลงไปมองปลายเท้าของตัวเองที่อยู่ห่างจากรองเท้าคัทชูสีเข้มชองอีกฝ่ายไม่มากนักแล้วแอบยิ้มน้อยๆไม่ให้คณิตเห็น

 

“เอาน่า ของแบบนี้มันฝึกกันได้ ถ้าเธออยากเอาดีด้านงานโรงแรมจริงก็หาโอกาสไปฝึกภาษาที่สามไว้ตั้งแต่เนิ่นๆก็ดี”

 

คณิตพูดแนะนำไปตามที่คิดเพราะบุคลิกของคนตรงหน้าและความสามารถด้านบาร์เทนเดอร์ที่ลูกค้าชมกันไม่ขาดปากทำให้เขาอยากสนับสนุนปูนอยู่ไม่น้อย เด็กหนุ่มที่ได้ฟังอย่างนั้นก็เงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่โตกว่า

 

“หรอ แล้วคุณเรียนภาษาจีนมาจากที่ไหนล่ะ พูดซะคล่องเชียว”

 

“ถ้าภาษาจีนก็ได้เรียนสมัยมหาลัยมานิดหน่อยน่ะ บวกกับเจอแขกชาวจีนทุกวันมันก็เหมือนได้ฝึกตัวเองไปเรื่อยๆ ภาษาอื่นๆก็เหมือนกัน”

 

“ภาษาอื่น? แสดงว่าคุณพูดได้มากกว่านี้อีกหรอ?”

 

“หึ แน่นอนระดับนี้แล้ว”

 

ผู้จัดการหนุ่มแสร้งทำหน้าขรึมจนปูนหลุดขำออกมา เสียงหัวเราะใสๆเรียกสายตาของคนมากมายให้หันมามองรวมถึงอิงอรที่ลอบสังเกตทั้งคู่มาตั้งแต่ต้น หญิงสาวจุดยิ้มตรงมุมปากก่อนจะแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปนั้นไว้

 

“ว่าแต่คุณฟังออกไหม ว่าแขกสองคนนั้นเขาพูดกับผมว่าอะไรบ้าง”

 

“อืม ฟังออกสิ”

 

“ถ้าอย่างนั้นบอกหน่อยสิ ผมอยากรู้”

 

คณิตหยุดคิดสักพักแล้วยกมือขึ้นมาใช้นิ้วดีดไปบนหน้าผากมนเบาๆ

 

“เขาแค่ชมว่าดอกไม้มันสวยดี เอ้าๆ เลิกคุยแล้วกลับไปทำงานได้แล้ว”

 

ปูนลูบหน้าผากของตัวเองปอยๆแล้วเดินตามคณิตไปด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก แน่นอนว่าบทสนทนาของทั้งคู่อิงอรที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ได้ยินมันทั้งหมดรวมถึงสิ่งที่นักท่องเที่ยวชาวจีนสองคนนั้นพูดกับปูนก่อนหน้านี้ด้วย

 

“ทำไมคณิตไม่ยอมบอกน้องเขาไปให้หมดนะ ว่านอกจากชมดอกไม้แล้วแขกยังบอกว่าน้องปูนยิ้มสวยเหมือนดอกไม้ด้วย”

 

.

.

 

.

.

.

.

.

 

 

ชายหนุ่มยืนมองป้ายชื่อโรงแรมของตัวเองถูกปลดลงจากฉากพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆที่ขนมาเพื่อประชาสัมพันธ์ถูกเก็บกลับขึ้นรถขนของที่เขาให้คนขับมาให้จากชลบุรี

 

“คุณคณิตให้เอาไปเก็บไว้ที่โรงแรมเลยใช่ไหมครับ”

 

“ครับพี่ แต่ไม่ต้องรีบขับรถมากก็ได้นะครับ ดึกขนาดนี้ใจจริงผมก็อยากให้ขนไปตอนเช้าอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะเอาของพวกนี้ไปเก็บไว้ที่ไหนก่อน”

 

“โอ้ย ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกผมเดินทางกลางคืนกันจนชินแล้ว”

 

ได้ฟังดังนั้นร่างสูงก็พูดขอบคุณคนที่อายุมากกว่าตัวเองอีกครั้งโดยไม่คิดมากเรื่องตำแหน่งที่สูงกว่า พวกเขายืนคุยกันสักพักจนของทุกชิ้นถูกขนขึ้นไปบนรถเรียบร้อยคณิตจึงเพิ่งได้โอกาส ปลดทั้งเนคไทและมาดของนักธุรกิจที่ต้องแบกเอาไว้เหลือเพียงภาพลักษณ์ของหนุ่มวัยทำงานที่เหนื่อยล้าเท่านั้น

 

“จะค้างสักคืนหรือตีรถกลับเลยดีวะ”

 

คณิตพูดกับตัวเองขณะที่เดินหมุนกุญแจรถส่วนตัวไปด้วย รถตู้ของโรงแรมต่างๆที่เคยจอดไว้แน่นขนัดบัดนี้กลับเหลือเพียงรถจอดไว้เพียงไม่กี่คันซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือรถของเขาเองที่บอกให้ลูกน้องทุกคนกลับไปพักผ่อนก่อนแล้วเหลือตัวเองรั้งท้ายไว้เพื่อจัดการเรื่องขนของเท่านั้น ร่างสูงคิดไปเรื่อยๆจนตัดสินใจว่าจะแวะไปหาเพื่อนอย่างรัตติกาลกับนิลเพื่อสังสรรค์กันก่อนกลับชลบุรีดีกว่า ด้วยเพราะความเหนื่อยล้าและหน้าที่รับผิดชอบที่ต้องแบกรับบางครั้งเขาก็อยากจะดื่มเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนอย่างสมัยเรียนมหาลัยเหมือนกัน

 

“ช้ามาก”

 

 

ยังไม่ทันที่คณิตจะเดินไปถึงรถ เสียงที่บ่งบอกความหงุดหงิดของใครบางคนก็ดังขึ้นโดยที่ชายหนุ่มยังไม่ทันเห็นว่าใครเป็นคนพูด แต่ไม่ต้องปล่อยให้เขาสงสัยนาน ร่างเล็กของเด็กหนุ่มที่คอยมาช่วยเหลือบูธของเขามาตลอดวันก็เดินออกมาจากอีกฝากของรถด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง

 

“เธอ? มาทำอะไรที่นี่เนี่ย ทำไมยังไม่กลับไปอีก?”

 

คณิตถามออกไปด้วยทั้งสงสัยและตกใจ เพราะเขาจำได้ว่าบอกให้ปูนกลับไปพร้อมๆกับอิงอรแล้วตั้งแต่เมื่อหัวค่ำ

 

“ผม...ตกรถ”

 

พูดเสร็จแล้วก็ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ กริยาแบบนี้ต่อให้แกล้งโง่ยังไงก็รู้ว่าคนตัวเล็กกำลังโกหก คณิตแกล้งจ้องดุๆกลับไปหวังให้อีกฝ่ายพูดความจริงแต่ดูเหมือนปูนจะไม่ได้มีแค่จมูกอย่างเดียวที่รั้น...นิสัยเอาแต่ใจนั่นก็ด้วย

 

“แล้วทำไมไม่กลับไปโรงแรม ทีมของเขายังไม่กลับชลบุรีกันไม่ใช่รึไง”

 

“ก็ใช่ แต่ผมขนของทั้งหมดมาตั้งแต่เช้าแล้ว”

 

ปูนกลับหลังหันเพื่อให้คณิตเห็นกระเป๋าเป้ที่ตนสะพายอยู่ คณิตที่เห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจออกมาเพราะรู้แน่แล้วว่าเด็กนี่คงตั้งใจมาขอติดรถเขากลับไปด้วยแน่ๆ ความจริงการมีเพื่อนร่วมทางเพิ่มมาสักคนก็ไม่เสียหายอะไร แต่ที่ทำให้เขาไม่สบายใจคงเป็นเจตนาของคนตัวเล็กนี่ต่างหาก

 

“ก็นั่งแท็กซี่ไปสิ เดี๋ยวฉันออกค่ารถให้ก็ได้”

 

“เงินน่ะผมมี แต่อยากกลับชลบุรีแล้ว...คุณเองก็กำลังจะกลับไม่ใช่หรอ”

 

“ไม่ ฉันจะอยู่ที่กรุงเทพต่ออีกวันก่อน”

 

“อ้าว อยู่ทำไมงานก็จัดเสร็จแล้วนี่”

 

“แล้วยังไง? ฉันจะไปไหนมาไหนมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย”

 

คณิตพูดด้วยเสียงที่กระชากเล็กๆเพราะหงุดหงิดที่ปูนมาละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวบวกกับที่เถียงคำไม่ตกฝาก ร่างเล็กที่ไม่คิดว่าจะโดนคนที่เขาเริ่มมองอีกฝ่ายในแง่ดีพูดแบบนั้นใส่ก็เผลอทำสีหน้าตกใจ ก่อนนะเงียบไปทั้งอย่างนั้น คณิตเองก็รู้ตัวว่าพูดกับเด็กคนนี้แรงไปแต่โดยนิสัยเขาเป็นคนไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยากน่ารำคาญอยู่แล้ว ร่างสูงชั่งใจระหว่างอยู่เที่ยวที่นี่ต่อตามแผนเดิมหรือกลับชลบุรีไปพร้อมปูนโดยไม่ได้หยุดพัก เขาคิดพร้อมกับมองใบหน้าหวาดของร่างเล็กไปด้วยจนสุดท้ายชายหนุ่มก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

 

“เฮ้อ...เออๆ ขึ้นรถๆ”

 

เมื่อรู้ว่าไม่มีทางเลี่ยงคณิตจึงยอมเอ่ยปากง่ายๆ ปูนพอได้รับคำอนุญาตก็รีบขึ้นไปนั่งในตำแหน่งเดิมที่นั่งมาเมื่อวานทันทีที่ประตูถูกปลดล็อคด้วยรีโมทในมือของเจ้าของมัน คณิตสบถเบาๆอย่างหัวเสียก่อนจะเดินไปเปิดประตูหลังแล้วเอาทั้งเนคไทและเสื้อสูทที่ถือไว้โยนเข้าไปโดยไม่กลัวว่ามันจะยับ แต่กลายเป็นฝ่ายปูนเสียเองที่โน้มตัวไปด้านหลังแล้วช่วยจัดทุกอย่างให้เป็นระเบียบแทน

 

“กินอะไรรึยัง หิวรึเปล่า”

 

ร่างสูงเอ่ยถามตามความเคยชินหลังจากที่ขับรถออกมาได้ไม่ไกล ปูนที่ถึงแม้ตอนเย็นจะได้กินของว่างไปบ้างแล้วแต่พอเวลาล่วงมาถึงขนาดนี้ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหิว เด็กหนุ่มมองลอบใบหน้าที่ปกปิดความหงุดหงิดไว้ไม่มิดของอีกฝ่ายก็หยุดคิดแล้วเลือกตอบในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความจริง

 

“ไม่หิว”

 

คณิตไม่ได้พูดอะไรกลับมา ร่างสูงทำเพียงเหยียบคันเร่งแล้วประคองพวงมาลัยต่อไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามองปูนที่เริ่มหน้าเสีย คนที่ไม่แม้แต่จะเข้าใจการกระทำของตัวเองเอาแต่มองไปบนทางที่โล่งกว่าทุกครั้งด้วยความรู้สึกคับแน่นในอก รู้ดีว่าการกระทำของเขาทำให้คณิตรำคาญแต่ว่า...เขาหยุดมันไม่ได้

 

“ถ้าง่วงก็หลับไป ถึงแล้วเดี๋ยวปลุก”

 

คำพูดนั้นเหมือนอาบด้วยมนต์วิเศษ คนที่ถึงแม้จะกำลังรู้สึกแย่อยู่พอเจออากาศเย็นๆเข้าไปบวกกับความเหนื่อยล้าที่เผชิญมาทั้งวันทำให้ดวงตากลมโตค่อยๆปรือลงจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้อีก ท่ามกลางความมืดมิดปูนได้ยินเพียงเสียงเพลงที่เจ้าของรถคันหรูเปิดคลอเบาๆไปตลอดทาง และความไม่สบายใจที่ไม่อาจสลัดทิ้งไปได้เท่านั้น

 

คณิตที่กำลังเพ่งสมาธิไปกับการขับรถได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนข้างๆพอหันไปดูก็เห็นเด็กเจ้าปัญหาหลับไปตามคำเขาบอก ร่างสูงถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อไม่เห็นคนตัวเล็กแผลงฤทธิ์เหมือนกับทุกครั้ง หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงโดนเจ้าตัววีนแตกใส่ไปแล้วแน่ๆ

 

“มันคงไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า...”

 

เขาพูดราวกับต้องการปลอบใจตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ปูนทำมันกลับชัดเจนเสียจนคณิตไม่อาจหาเหตุผลใดมาใช้แก้ต่างได้ ร่างสูงบอกตัวเองว่าทำเป็นนิ่งๆไปซะทุกอย่างก็จะผ่านไป พอคิดได้แบบนั้นเขาก็หันมาให้ความสนใจทางตรงหน้าต่อจนกระทั่งวิวรอบตัวเปลี่ยนจากตึกสูงระฟ้ามาเป็นท้องทะเลสีดำที่ไร้แสงอาทิตย์ตกกระทบเหมือนในตอนกลางวัน

 

คณิตหยุดลงรถใกล้ๆร้านสะดวกซื้อชื่อดังแถวริมหาดที่ยังคงมีนักศึกษาของมหาลัยที่นี่มาใช้บริการกันอยู่หนาแน่นแม้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงจะเช้าแล้วก็ตาม ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ของตัวเองมาถือไว้แล้วลงจากรถไปโดยทิ้งปูนที่ยังคงหลับใหลให้อยู่ในนี้แต่เพียงลำพัง

 

ร่างเล็กเริ่มรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูและความวุ่นวายจากภายนอกลางๆ แต่ด้วยเพราะความง่วงทำให้เขายังคงปิดตาอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้เสียงเพลงที่ยังคงเปิดอยู่ขับกล่อมตัวเองให้จมเดิมเข้าสู่ห้วงนิทราต่อไปเรื่อยๆ โดยลืมไปแล้วว่าตอนนี้กำลังนอนอยู่ที่ไหน

 

“นอนหลับสบายไปไหม นายน่ะ”

 

คราวนี้ดวงตากลมโตของปูนเบิกขึ้นโดยไม่ต้องใช้ตัวช่วยใดๆในการปลุก สิ่งแรกที่เด็กหนุ่มเห็นคือสีหน้าเอือมระอาของคนที่เคยนั่งอยู่ข้างๆที่ชะโงกมองมาจากข้างนอกรถ ปูนรีบเอนตัวขึ้นมานั่งดีๆแต่คณิตไม่ได้กลับขึ้นมานั่งข้างในแต่อย่างใด ชายหนุ่มเปิดถุงของร้านสะดวกซื้อที่เข้าไปเลือกหาของกินมาเมื่อครู่แล้วหยิบเอาซาลาเปาหมูแดงลูกใหญ่ขึ้นมากินอย่างสบายอารมณ์

 

“ไม่ต้องมามองแบบนั้นเลย ในถุงนี่ของฉัน อยากกินก็ไปซื้อเอาเอง”

 

ร่างสูงพูดกับคนที่จ้องแป้งนุ่มขาวในมือของเขาตาเป็นมัน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าที่ถามปูนไปตอนแรกคำตอบที่ร่างเล็กให้เขามานั้นมันเป็นคำโกหก แต่ในเมื่อเลือกจะโกหกใส่เขาแบบนั้นเองก็ช่วยไม่ได้ ส่วนปูนที่เพิ่งตื่นนอนก็ลอบกลืนน้ำลายเมื่อได้กลิ่นของอาหารที่ยั่วยวนชวนให้น้ำย่อยที่สงบมากว่าชั่วโมงกลับมาทำงานของมันอีกครั้ง เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคณิตด้วยสายตาที่เขาคิดว่ามันดูอ้อนวอนมากที่สุด แต่คนตัวโตกลับทำเป็นเมินไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น

 

“อยากกิน...”

 

ปูนกล้าเอ่ยปากเมื่อเห็นว่าคณิตไม่มีท่าทางหงุดหงิดเหมือนเมื่อตอนเขาขอติดรถกลับมาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นร่างสูงก็ยังคงยืนยันที่จะไม่แบ่งของกินให้เขาด้วยการยัดซาลาเปาที่เหลืออยู่ครึ่งลูกเข้าปากไปทั้งหมดให้คราวเดียว ปูนเบ้หน้าน้อยๆเมื่อเห็นการกระทำที่ไม่ห่วงมาดของตัวเองเลยสักนิดของคณิต แน่ล่ะหน้าตาตอนที่ยัดอาหารคำโตเข้าปากไปแบบนั้นมันน่าดูซะที่ไหน

 

“ขี้งก”

 

“เออ ก็คนมันหิว”

 

คณิตพูดก่อนจะหยิบขนมจีบอีกสองไม้ขึ้นมากินอีก คนที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เย็นตั้งใจว่าจะกินให้อิ่มแล้วโทรไปลางานกับป๊าขอกลับไปนอนยาวๆสักวัน ชายหนุ่มกินไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจสายตาสอดรู้สอดเห็นของใครต่อใครที่จ้องมองมาทางเขา แต่ใจหนึ่งก็อยากถามเหมือนกันว่าไม่เคยเห็นคนยืนกินขนมจีบด้วยหน้าตาอึนๆรึไง...มองอยู่ได้

 

“นี่...”

 

แรงสะกิดที่สีข้างทำให้คณิตสะดุ้งสุดตัว ร่างสูงหันกลับมามองก็พบว่าคนที่สะกิดเรียกเขาไม่ใช่ใครอื่นไกลแต่เป็นคนตัวเล็กที่บัดนี้คลานขึ้นมานั่งบนเบาะคนขับแล้วยื่นหน้าออกมาจากตัวรถจ้องมองมาที่เขาตาแป๋ว

 

“โอ้ย! อะไรอีก!”

 

คณิตโอดครวญออกมาเพราะยังตกใจไม่หาย

 

“อยากกิน”

 

“ฮะ?”

 

“ผมหิว...อยากกิน”

 

ร่างเล็กพูดย้ำอีกครั้งก่อนจะชี้ไปยังขนมจีบไม้สุดท้ายในมือของคนที่ฟาดไม้แรกหมดไปโดยใช้เวลาไม่นาน

 

“ก็บอกว่านี่ของฉัน อยากกินก็ลงไปซื้อเอง”

 

“เสียเวลา ผมอยากกินตอนนี้”

 

“ไม่ได้”

 

“ใจร้าย”

 

“เออ โคตรเหี้ยมอะ เพราะงั้นเลิกทำตาลูกหมาใส่ฉันได้แล้ว”

 

คณิตพูดแล้วก็รีบกินขนมจีบในมือเพื่อยืนยันความเหี้ยมของตัวเอง คนที่หวังว่าอีกฝ่ายจะใจอ่อนพอเห็นแบบนั้นก็ทำหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจแล้วคลานกับไปนั่งในที่ของตัวเองทั้งที่ท้องยังร้องอยู่ ชายหนุ่มเคี้ยวไปด้วยมองหน้าคนตัวเล็กที่ไม่เหลือเค้าความออดอ้อนไปด้วย

 

“อยากกินก็ไปซื้อสิ อันนี้ฉันกินไปแล้ว”

 

“ไม่ล่ะ คุณกินไปเถอะ”

 

ปูนตอบด้วยน้ำเสียงตวัดเล็กๆอย่างที่ไม่ได้ตั้งใจทำ เอาจริงๆร่างเล็กก็พอดูออกว่าคณิตเอ็นดูรอยยิ้มกับท่าทางใสซื่อของเขาไม่น้อย เลยคิดว่าถ้าทำตัวเป็นเด็กดีใส่ยังไงเขาก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการเสมอ ทั้งเรื่องที่ยอมเปลี่ยนจากร้านอาหารสุดหรูแล้วยอมมานั่งกินอาหารข้างทาง หรือว่าการยอมอ่อนให้เล็กๆน้อยที่คณิตมักจะทำให้เขาเสมอทำให้ร่างเล็กอดคิดไปเองไม่ได้

 

เด็กหนุ่มไม่ได้หันไปมองแต่เสียงฝีเท้าที่ไกลออกไปอีกครั้งทำให้ปูนต้องตระหนักถึงจุดยืนของตัวเองในสายตาของชายหนุ่มคนนี้เสียใหม่ แล้วในขณะที่เขากำลังขบคิดถึงเรื่องนั้นนั่นเอง จู่ๆถุงของร้านสะดวกซื้อแบบเดียวกันก็ถูกยื่นมาตรงหน้าก่อนคนที่เพิ่งกลับเข้ามานั่งในรถจะวางมันลงบนตักบางของคนที่นิ่งอึ้งไป

 

“กินซะ”

 

ปูนหันไปมองคณิตด้วยความไม่เข้าใจ ความอบอุ่นที่สัมผัสได้จากถุงพลาสติกที่ถึงแม้จะมองไม่เห็นว่าข้างในนั้นคืออะไรแต่มันกลับทำให้ความรู้สึกแบบเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในร้านหอยทอดเมื่อตอนนั้นกลับมาสั่นคลอนความเหน็บหนาวในหัวใจของเขาอีกครั้ง

 

“แล้วที่หลังก็อย่ามาโกหกกันแบบนี้ ทั้งที่บอกว่าตกรถแล้วก็ที่บอกว่าไม่หิว รู้ไว้ซะว่าฉันไม่ชอบเด็กโกหก...นี่ ฟังกันอยู่รึเปล่า”

 

คณิตหันไปมองคนที่เอาแต่จ้องมองไปยังถุงพลาสติกบนตักของตัวเองอย่างคาดเดาอารมณ์ไม่ได้ บางทีก็มาดี บางทีก็มาร้าย ไหนจะนิสัยที่ทั้งขี้อ้อน เอาแต่ใจแต่กลับเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองไว้ในบางครั้ง สีหน้าของปูนไม่ได้บ่งบอกอารมณ์อะไรมากนัก เหมือนกับท้องทะเลที่สงบนิ่งแต่เราต่างก็รู้ดีว่าภายใต้สิ่งนั้นมันมีเกลียวคลื่นที่พร้อมจะฉุดรั้งคนที่พลัดตกลงไปให้ด่ำดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ที่ยากจะคาดเดา ความเงียบปกคลุมพวกเขาอยู่สักพักจนกระทั่งมือเล็กๆของปูนค่อยๆหยิบถุงใบนั้นขึ้นมาแล้วเปิดดูของด้านใน

 

ข้างในนั้นไม่ได้มีของที่พิเศษอะไรทั้งสิ้น ก็แค่ซาลาเปาและขนมจีบแบบเดียวกันกับที่ร่างสูงกินแถมด้วยนมขวดเล็กอีกสองขวดเป็นสินน้ำใจจากคนที่เห็นว่าปูนตัวเล็กเกินไปเท่านั้น

 

“อยากได้...”

 

“อยากได้? อยากได้อะไร แค่นั้นมันไม่พอหรอ”

 

“อืม...ไม่พอ”

 

“...”

 

 

 

 

 

“ผมยัง...อยากได้มากกว่านี้อีก”

 

 

 
:hao6:(มีต่อเม้นท์ล่าง) :hao6:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #6][101258]
«ตอบ #39 เมื่อ10-12-2015 19:32:46 »


 


ยังไม่ทันที่คณิตจะได้ทำอะไรใบหน้าหวานของคนข้างกายก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะถูกช่วงชิงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว เรียวลิ้นเล็กสอดเข้าไปในโพรงปากของร่างสูงทันทีที่คนตัวโตกำลังจะเอ่ยปากห้าม ร่างกายที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆเคลื่อนจากเบาะนั่งของตัวเองมาก่ายทับอยู่บนตักอุ่นที่ยิ่งทำให้ปูนไม่อาจกักเก็บความต้องการของตัวเองเอาไว้ได้

 

“อย่าขัดขืนผมเลยนะ”

 

ปูนผละออกมาแล้วกระซิบเบาๆที่ข้างหู ปากร้อนๆของคนตัวเล็กสัมผัสไล่ไปตามลำคอที่มีเส้นเลือดปูนโปนขึ้นมาจากอาการเกร็ง คณิตพยายามผลักปูนให้ลุกออกไปจากตัวเขา แต่เด็กคนนี้เชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้มากกว่าที่เขาคิด ฝ่ามืออุ่นๆที่ลูบไล้ไปตามต้นขาก่อนจะไต่สูงขึ้นไปเรื่อยๆจนหยุดอยู่ที่หน้าท้องทำให้อารมณ์ที่เคยสงบดั่งทะเลยามสงบเปลี่ยนเป็นคลื่นน้ำที่ถาโถมเข้ามาจนร่างสูงไม่อาจตั้งรับได้ทัน เสียงครางเบาๆของทั้งคู่ดังขึ้นเมื่อความโป่งนูนทั้งสองเสียดสีกันไปมาผ่านเนื้อผ้า บัดนี้คณิตผู้ที่เคยถูกไล่ต้อนกลับเปลี่ยนเป็นฝ่ายเกี่ยวรัดลิ้นเล็กๆของปูนไว้แทนพร้อมกับใช้มือนวดคลึงไปตามสะโพกผายเพื่อให้ตัวตนของพวกเขาบดเบียดเข้าหากันให้มากยิ่งขึ้น

 

“อ่ะ! ซี๊ดดดด”

 

ร่างเล็กร้องซี๊ดออกมายาวๆเมื่อท่อนเนื้อที่แข็งตัวเต็มที่ถูกคนที่พับเหตุผลร้อยแปดของตัวเองเก็บไปเป็นที่เรียบร้อยสัมผัสเบาๆแล้วควักออกมาให้เจอกับอากาศเย็นเฉียบด้านนอก ปูนปรือตามองกลางกายที่ใหญ่กว่าของตนครึ่งต่อครึ่งกำลังสั่นระริกอยู่ในมือของผู้เป็นเจ้าของ คณิตใช้ดวงตาที่คมกริบจ้องมองมายังปูนราวกับต้องการจะหลอมละลายตัวตนของคนตรงหน้า ร่างเล็กที่เข้าใจความต้องการของคณิตดีจึงรีบใช้มือของตัวเองทั้งสองข้างรวบกลางกายของพวกเขาเข้าไว้ด้วยกันแล้วขยับขึ้นลงเป็นจังหวะตามที่อารมณ์เรียกร้อง

 

“อืมมม เร็วกว่านี้อีก”

 

“อึก อ๊าาาา เร็วพอไหม อ่ะ ชอบรึเปล่า”

 

คณิตโน้มใบหน้าของปูนเข้ามาจูบแทนคำตอบทำให้คนตัวเล็กเผยยิ้มออกมาอย่างชอบใจ เด็กหนุ่มเร่งมือของตัวเองให้เร็วขึ้นเพราะรับรู้ได้ว่าทั้งเขาและคณิตมาไกลเกินกว่าจะดึงเกมให้ยืนเยื้อมากไปกว่านี้ เสียงครางของทั้งคู่ดังระงมอยู่ในพื้นที่แคบๆซึ่งยิ่งทำให้ต่างคนต่างรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกันได้อย่างชัดเจน ยิ่งจุดหมายปลายทางเข้ามาใกล้เท่าไหร่ปูนก็ยิ่งเบียดกายเข้าหาคณิตมากขึ้นเท่านั้น ร่างสูงลืมตามองใบหน้าด้านข้างของเด็กหนุ่มที่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของเขามากเกินไปแต่ถึงอย่างนั้นมือที่สอดประสานกันอยู่ก็ไม่ได้คลายลงเลยจนกระทั่งของเหลวสีน้ำนมจะปะทุออกจากแก่นเนื้อของทั้งสองแทบจะพร้อมๆกัน

 

“อ๊าาาาาา...”

 

เสียงหวีดร้องเฮือกสุดท้ายของปูนดังก้องอยู่ในหัวของคนที่จิตยั้งคิดเริ่มจะกลับมา คณิตไม่ได้ผลักปูนออกหรือทำท่าทางรังเกียจ เขาทำเพียงเอี้ยวตัวไปทางด้านหลังเพื่อหยิบเอากระดาษทิชชู่ที่มีติดรถไว้มาใช้ทำความสะอาดทั้งมือของเขาและปูนด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย กลับกลายเป็นปูนเสียเองที่เริ่มรู้สึกแปลกๆกับบรรยากาศตรงหน้า

 

“โกรธผมรึเปล่า”

 

ปูนเอ่ยถามออกมาหลังจากพาตัวเองกลับมานั่งตรงเบาะข้างคนขับตามเดิม เด็กหนุ่มไม่ละสายตาไปจากใบหน้าขาวสะอาดของคนที่ทำให้เขาหลงใหลในตัวตนหลายๆด้าน

 

 

“ไม่โกรธ...แต่หงุดหงิด”

 

คณิตตอบเสียงนิ่งแล้วหันมาหาปูนที่คว้ามือของเขามาจับไว้ แววตาติดจะออดอ้อนแบบเดียวกับที่ร่างเล็กทำใส่เขาในคืนที่พวกเขาพบกันครั้งแรกจ้องมองมาในดวงตาของคณิตอย่างไม่คิดจะหลบเลี่ยง

 

“ขอโทษก็ได้”

 

“จะขอโทษทำไมในเมื่อเธอไม่ได้รู้สึกผิด”

 

“....”

 

“เฮ้อ ช่างเถอะ ถึงเธอจะเริ่มก่อนแต่ว่าฉันเองก็เป็นฝ่ายที่สมยอม จะโทษเธอคนเดียวคงไม่ได้”

 

ร่างสูงพยายามจัดการกับความคิดและความรู้สึกของตัวเองที่ตีกันวุ่น แน่นอนว่าเขาไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ว่าเขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนเช่นกัน การมีเซ็กซ์กับเด็กคนนี้ถึงแม้จะเป็นแค่ภายนอกแต่มันก็ทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อยติดออกจะพอใจเสียด้วยซ้ำ แล้วปัญหามันอยู่ที่ไหนกัน...

 

“เธอ...ชอบฉันหรอ”

 

คณิตถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย เขาไม่ได้เข้าข้างตัวเองแต่ร่างสูงก็เชื่อว่าคนข้างๆคงรู้สึกดีกับเขาอยู่ไม่น้อย เพราะต่อให้เป็นคนที่สามารถนอนกับคนแปลกหน้าเพื่อเงินได้ แต่การกระทำหลายๆอย่างกลับทำให้เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้กำลังต้องการอะไรบางอย่างจากตัวเขาและนั่นไม่ใช่เงินทองแน่ๆ

 

“ถ้าแค่ชอบ....ก็ใช่”

 

“...”

 

“แต่ถ้าเป็นความรัก...ก็ไม่”

 

ชายหนุ่มไม่แปลกใจกับคำตอบที่ได้รับมาสักนิด ถ้าจะมีอะไรที่ผิดคงเป็นคำถามที่เขาเลือกใช้คำผิดไปหน่อยเท่านั้น หัวกลมๆของปูนเอนซบลงตรงบ่าลาดที่อบอุ่นเสมอของคณิต เด็กหนุ่มหลับตาลงพร้อมกับคิดอะไรบางอย่างไว้ในใจ

 

“แล้วเธอต้องการอะไรจากฉัน เซ็กซ์? หรือว่าเงิน?”

 

“ถ้าพูดกันตรงๆ ก็อยากได้ทั้งคู่...แต่ว่าคุณให้ผมได้มากกว่านั้น”

 

ดวงตากลมโตของปูนลืมขึ้นก่อนจะจ้องมองใบหน้าของคนที่ตัวเองหลงใหลอย่างไม่คิดปิดบังอารมณ์ใดๆ ริมฝีปากสีชาดของคณิตถูกประทับด้วยกลีบปากนุ่มนวลอีกครั้งแม้จะไม่เร่งเร้าอย่างก่อนหน้า แต่แรงบดคลึงเบาๆที่ชวนให้สบายอารมณ์ทำให้ทั้งคู่พอใจกับรสจูบแสนนุ่มนวลแบบนี้ไม่น้อย พวกเขาคลอเคลียกันอยู่แบบนั้นจนพอใจ ร่างเล็กยอมผละออกมาอย่างนึกเสียดาย แต่พอเห็นดวงตาที่ฉายแววระยิบระยับของคณิตปูนก็คิดว่าตัวเองเดินมาถูกทางแล้ว

 

“ผมไม่ขออะไรมากหรอก...แค่ช่วยเอ็นดูผมหน่อยด้วยแค่นั้นเอง”

 

“เอ็นดู?”

 

“อืม...แค่ทำกับผมเหมือนผมเป็นคนพิเศษ ขอแค่นี้ได้ไหม”

 

ไม่พูดเปล่า นิ้วเล็กๆของปูนลากไปตามผ้าเนื้อบางบริเวณเหนือหัวใจแล้วไล่ต่ำมาเรื่อยๆจนถึงจุดรวมเส้นประสาทที่พวกเขาเพิ่งร่วมสนุกกันมาเมื่อครู่ คณิตพยายามมองหาเหตุผลในการกระทำและข้อเรียกร้องนั้น แต่คนที่ทำตัวแก่แดดเกินอายุจริงกลับไม่ยอมเผยอารมณ์ใดๆนอกจากความปรารถนาที่ลุกโชนราวกับต้องการจะเผาพวกเขาทั้งคู่ให้มอดไหม้ไปด้วยกัน

 

“น่า...ถือซะว่าเลี้ยงน้องชายอย่างผมไว้คอยช่วยเหลือกันสักคนก็ได้”

 

“พี่น้องเขาไม่ทำเรื่องแบบนี้กันหรอกนะ”

 

“ถ้าไม่เอาพี่น้อง คุณอยากให้ผมเรียกความสัมพันธ์นี้ว่าอะไรล่ะ เอาเป็นป๋ากับปูนเหมือนเดิมดีไหม น่ารักดีนะ ผมชอบ”

 

ปูนพูดติดตลกแต่คนฟังไม่ยักกะขำเลยสักนิด คนที่ชักจะตามเรื่องทุกอย่างไม่ทันถอนหายใจยาวๆออกมาก่อนจะดีดหน้าผากมนของคนทะเล้นไปอย่างที่ชอบทำ แต่พอปูนทำหน้าบึ้งใส่เขากลับคว้าคออีกฝ่ายเข้ามาใกล้แล้วจูบคนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างในชีวิตเขาไปโดยไม่ทันให้ตั้งตัว

 

 

 

 

 

 

“ไม่ให้เรียกป๋า ถ้าเธอเรียก...เตรียมโดนเขี่ยทิ้งได้เลย”

 

 

 

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

สั้นทั้งตอนและNC  :hao7: มาแบบงงๆและปวงๆเช่นเดิมคับ บอกเลยว่าพระเอกนายเอกเรื่องนี้มันไฟกับน้ำมันดีๆนี่แหละ ไม่ใช่แนวเล่นตัวแบบพี่กาลที่กว่าอารัณย์จะได้จิ้มนี่ปาไปค่อนเรื่อง555555 ถ้าถามเช่ว่าน้องปูนชอบคณิตตรงไหน เช่ว่าก็หน้าตานี่แหละคับ คณิตก็ชอบน้องแค่ตรงนั้นเหมือนกัน ทั้งคู่ไม่ได้ถือว่ารักกันเร็วนะ เพราะยังไม่ได้รักกันเลยมากกว่า เป็นสถานะที่ต่างฝ่ายต่างมอบความพอใจให้กันได้ แล้วสุดท้ายเรื่องจะดำเนินไปยังไง อันนี้ก็ต้องติดตามเนอะ  :katai3:

เหลือเวลาอีกแค่เดือนนิดๆแล้วนะคับ สำหรับการจองหนังสือ 'Nightmare อยากให้คืนนี้ไม่ต้องฝันร้าย'  :hao5: ใครที่ยังไม่จองก็จองกันเข้ามา ใครที่ยังไม่ได้โอนก็อย่าลืมนะคับ งานนี้หมดแล้วหมดเลยไม่มีรีปริ้นแน่ๆแล้วดูท่า เพราะมีบ็อกเซ็ตการจะรีปริ้นทีเช่ต้องรวบรวมคนซื้อได้พอสมควร ไม่อยากให้พลาดนะคับ เสียดายทั้งคนซื้อคนขาย มาจับจองพี่กาลไว้นอนกอดกันเถอะนะ ตอนนี้เหลือแต่งตอนพิเศษชาตินิล กับรัณย์กาล แล้วก็ออกแบบบ็อกกับที่คั่นเท่านั้นคับ (ใช้คำว่าเท่านั้นหรอ  :o12:) อย่าลืมนะคับ หมดเขต 4ก.พ.59 เท่านั้น ช้าหมดอดนะ ^^

ป.ล.ขอบคุณทุกเม้นทุกโหวต และทุกๆการรอคอยมากเลยนะคับ เช่อยากมาอัพให้บ่อยๆแต่ทุกอย่างไม่อำนวยจริงๆ จนกว่าจะผ่านช่วงนี้ไปได้ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ คิดถึงฝุดๆ :man1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #6][101258]
« ตอบ #39 เมื่อ: 10-12-2015 19:32:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #6][101258]
«ตอบ #40 เมื่อ10-12-2015 20:37:06 »

ทำไมเราเหมือนจะเห็นคณิตซ้ำรอยกับพี่กาลยังไงก็ไม่รู้


ไม่เอางั้นนะปูน คราวที่ปล้วก็เจ็บจะแย่ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #6][101258]
«ตอบ #41 เมื่อ11-12-2015 00:46:20 »

แล้วปูนมีปมอะไรน๊า แล้วแน่ใจแล้วหรอที่จะให้ความสัมพันเป็นแบบนี้

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #6][101258]
«ตอบ #42 เมื่อ11-12-2015 18:52:23 »

เผ็จมากกกกกกกก

แต่ถ้าวันนึงปูนรู้เรื่องคณิตกับกาลขึ้นมาล่ะ?

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #7][171258]
«ตอบ #43 เมื่อ17-12-2015 19:59:29 »



แตกที่ 7

…ข้อตกลง...

 

เสียงดนตรีแน่นๆและแสงไฟวูบวาบไม่ได้ทำให้คนที่กำลังนั่งจิบเหล้าราคากลางๆอยู่ที่มุมหนึ่งของผับรู้สึกครื้นเครงเลยสักนิด ใบหน้าน่ารักออกอาการไม่สบอารมณ์ปากที่เคยยิ้มพรายก็คว่ำเป็นสระอิขณะที่เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจสายตาของใครต่อใครที่มองมา

 

 

“หงุดหงิดชะมัด”

 

 

ปูนว่าแล้วสบถออกมาแล้วมองเวลาจากมุมบนสุดของหน้าจอที่บอกเขาว่าวันหยุดของตนกำลังจะหมดไปอย่างว่างเปล่าทั้งที่เวลานี้เขาควรจะมีความสุขอยู่กับสิ่งที่ตัวเองต้องการ...ความสุขที่คณิตควรจะมอบให้กับเขา

 

 

นับตั้งแต่ตอนนั้นก็ล่วงเลยมาเกือบอาทิตย์แต่คณิตกลับไม่เรียกเขาเข้าไปหาอีกเลยทั้งที่รับปากกันแล้วแท้ๆ เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวถูกให้มาแต่แน่นอนว่าไม่เคยมีการตอบรับจากปลายสาย ส่วนไอดีไลน์ที่พ่วงมากับสิ่งนั้นก็เหมือนเป็นที่ที่ปูนไปพูดคนเดียวเสียมากกว่า คณิตไม่เคยตอบกลับมา บางข้อความข้ามวันถึงได้เปิดอ่านเสียด้วยซ้ำ นึกแล้วก็อารมณ์เสียมากขึ้นจนต้องหยิบเหล้าตรงหน้าขึ้นมากระดกจนหมด...ทำแบบนี้มันเสียเวลาชะมัด

 

 

‘ตอนนี้ผมอยู่ที่ร้าน M คุณว่างมาเจอกันไหม’

 

 

ปูส่งข้อความขอนัดเจออีกครั้งแม้ว่ามันจะผิดวิสัยที่เขาทำไปมาก ปูนไม่เคยต้องง้อลูกค้าคนไหนขนาดนี้มาก่อนมาก่อน อย่างน้อยก็ไม่ถึงขั้นทำให้เขารู้สึกรำคาญตัวเองอย่างที่เป็นอยู่ คนตัวเล็กถึงขั้นบอกปัดลูกค้าที่คุ้นเคยกันซึ่งโทรมาจากกรุงเทพเพื่อนัดเขาไปทานข้าวในวันนี้ แต่เขาก็จำเป็นต้องปฏิเสธไปเพียงเพราะกฎที่ตาแก่น่าโมโหนั่นสร้างขึ้นมา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ถ้าอยากจะให้ฉันเอ็นดูเธอ เราก็จะเป็นต้องมีกฎกันบ้าง”

 

  ปูนที่กำลังกลัดกระดุมเสื้อให้เข้าที่หันมามองคณิตอย่างไม่เข้าใจ คนตัวสูงก้าวออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่มีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวปกปิดกายเบื้องล่างหันมาพูดกับคนที่เพิ่งมีกายสัมพันธ์พร้อมกับเช็ดผมที่เปียกชื้นไปด้วย

 

“กฎข้อแรก...การเอ็นดูเธอของฉันจะต้องไม่ทำให้งานของเราทั้งคู่เสีย”

 

ไม่ผิดจากที่คิด...ปูนพยักหน้ารับแล้วพูดกับตัวเองในใจเพราะถ้าหากดูจากการทำงานร่วมกันทั้งสองวัน คณิตเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับงานที่โรงแรมมาก แม้ปากจะบ่นว่าน่ารำคาญแต่กลับไม่เคยปล่อยให้งานแย่ๆผ่านตาไปสักครั้ง

 

“ข้อที่สอง...อย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉันในที่ทำงาน ทั้งสองข้อนี้ฉันว่ามันดีกับทั้งฉันและเธอ เข้าใจใช่ไหม”

 

“อ่าฮะ แล้วยังไงอีก”

 

ปูนถามย้ำเพราะดูท่าความเรื่องมากของคนอายุมากกว่าจะยังไม่หมดแค่นี้ คณิตที่ยังไร้อาภรปกปิดเรือนร่างทิ้งตัวลงนั่งใกล้ๆกับจุดที่ปูนนั่งอยู่ เขายกนิ้วที่เย็นเฉียบไล่ไปตามกกหูและลำคอของอีกฝ่ายทิ้งคราบผู้ชายที่มีความลังเลใจในการนอนกับคนเพศเดียวกัน ปูนมองดวงตาขี้เล่นคู่นั้นแล้วนึกขำในใจ ทีตอนแรกทำเป็นรังเกียจจะเป็นจะตาย แต่พอได้กันครั้งที่สองไปกลับดูคล่องเสียจนน่าหมั่นไส้

 

“กฎข้อสุดท้าย ระหว่างที่เธอยังต้องการให้ฉันเอ็นดูเธออยู่...ร่างกายนี้อย่ายกมันให้กับใครง่ายๆ”

 

ร่างเล็กเลิ่กคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ แต่เพราะดวงตาที่ยังคงนิ่งไม่ไหวติงทำให้เขารู้ว่าคณิตหมายความตามที่พูดมา

 

“คุณคิดมากเรื่องนี้ด้วยหรอครับ”

 

“ก็ไม่เท่าไหร่ อันที่จริงถึงบอกว่าไม่รับเป็นเงินแต่สิ่งที่ฉันทำก็ไม่ต่างจากคนที่เธอเรียกว่า ‘ลูกค้า’ นักหรอก”

 

“ก็ถึงบอกไงว่าผมจะเรียกคุณว่าป๋า”

 

ปูนยิ้มขำคนข้างกายที่ทำหน้าหงุดหงิดเพราะความดื้อด้านของเขา ไม่เห็นจะต้องคิดมากอะไรเลยสักนิด ยังไงตรงนี้ก็มีแค่เราสองคนแท้ๆ

 

 “ฮ่าๆล้อเล่นหรอกน่า ว่าต่อสิครับ”

 

 “เฮ้อ...เอาเถอะจะป๋าหรือลูกค้าก็ช่าง แต่ถ้านั่นหมายถึงการที่เธอจะยอมมีเซ็กซ์กับใครเพียงเพราะต้องการได้บางอย่างกลับมา ขอให้คิดให้ดีๆ”

 

“...?”

 

“ฉันไม่ได้ห้ามเธอไม่ให้ทำ เพราะรู้ว่าห้ามไปก็เท่านั้น แต่ฉันอยากบอกให้เธอรู้เหมือนกันว่าถ้าหากเธอยังทำตัวเหมือนกับที่เคยทำมา อีกไม่นานความรู้สึกเอ็นดูที่ฉันมีให้เธอคงจะหมดไปในไม่ช้า”

 

มือที่กำลังคลึงติ่งหูของปูนเล่นเปลี่ยนมาเป็นลูบเบาๆบนกลุ่มผมสีน้ำตาลนุ่ม ดวงตาที่ส่องประกายอันเป็นสิ่งหนึ่งที่ปูนชื่นชอบในตัวคณิตมองทอดมาที่ปูนด้วยความเอ็นดูอย่างไม่มีความปรารถนาใดๆมาเกี่ยวข้อง

 

“ว่ากันตามจริงฉันก็ชอบเธอนะ ถึงจะไม่ใช่ในทางนั้นแต่ก็คงจะโกหกไม่ได้ว่าไม่รู้สึกอะไร แต่เพราะว่าเป็นแบบนั้น...ความรู้สึกนี้คงจะถูกทำลายลงไปเรื่อยๆ ถ้าฉันรู้สึกว่าเธอห่างไกลจากตัวตนที่ฉันคิดไว้”

 

“ตัวตนที่คุณคิด?”

 

“ใช่”

 

ปูนถามตัวเอง ว่าคนคนนี้คิดว่าเขาเป็นคนยังไง และตัวตนแบบไหนที่คณิตต้องการจากตัวเขากันแน่ คนตัวสูงมองสีหน้าคิดหนักของคนตัวเล็กแล้วหัวเราะในลำคอ จมูกโด่งรั้นฝังลงที่แก้มนิ่มโดยที่ไม่เผื่อเวลาให้อีกฝ่ายตั้งรับ

 

“อย่าคิดมากเลย เอาเป็นว่าทำตัวดีๆแล้วรอฉันติดต่อไปแล้วกัน”

 

“ให้ทำอย่างนั้นก็ได้ แต่รายได้ที่หายไปของผมล่ะ”

 

ร่างเล็กทวงถามในสิ่งที่เขาจะต้องเสียไปหากทำตามกฎสามข้อที่คณิตตั้งขึ้นมา โดยเฉพาะกฎข้อที่สามซึ่งหมายถึงการที่ปูนจะต้องทิ้งงานพิเศษที่ทำเงินให้เขาสูงกว่างานประจำไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า จริงอยู่ที่เขาต้องการความอ่อนโยนจากคนตรงหน้า แต่หากความสบายใจไม่ช่วยทำให้สบายกาย มันก็เกินกว่าที่จะยอมรับ

 

“เรื่องนั้นขอเวลาฉันหน่อย แล้วจะช่วยแก้ปัญหาให้ ระหว่างนี้ก็ใช้เท่าที่มีอยู่ไปก่อนแล้วกัน”

 

คณิตว่าแล้วลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้ามาแต่งตัวปล่อยให้ปูนทำหน้าบึ้งมองแผ่นหลังของเขาต่อไป รู้อยู่หรอกว่าสิ่งที่ทำมันเห็นแก่ตัว แต่เขาก็ตัดสินใจไปแล้วเช่นกัน คนตัวเล็กลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเดินไปช่วยคณิตกลัดกระดุมทั้งที่หน้ายังตูมเป็นดอกบัวอยู่ ปูนกลัดไปเรื่อยๆจนถึงกระดุมเม็ดสุดท้ายก่อนจะใช้หัวกลมๆที่มีกลิ่นแชมพูอ่อนๆซบเข้าที่แผ่นอกกว้างอย่างออดอ้อน

 

“ถ้าผมทำตามกฎทั้งสามข้อได้ คุณจะเอ็นดูผมใช่ไหม”

 

“อืม ก็ตราบเท่าที่เธอยังต้องการ”

 

“แล้วถ้าวันหนึ่งคุณเกิดอยากยกเลิกมันขึ้นมาล่ะ”

 

“ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงไม่เดือดร้อนนักหรอกจริงไหม”

 

“...”

 

“ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอเองก็ดื้อด้านพอๆกับฉัน ถ้าเกิดมีใครคนใดคนหนึ่งอยากหยุดมันขึ้นมาก็ไม่มีประโยชน์ที่จะรั้งกันต่อไป อีกอย่าง...อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่ความรัก เราแค่ถูกตาแต่ไม่เคยถูกใจอีกฝ่าย เอาเป็นว่าตราบใดที่เราทั้งคู่ยินดีที่จะแลกเปลี่ยนความพอใจเล็กๆน้อยๆให้กันอยู่ความสัมพันธ์นี้ก็จะยังคงดำเนินต่อไป”

 

คณิตอธิบายยาวๆหวังให้อีกคนตระหนักถึงพื้นที่พิเศษที่พวกเขาทั้งสองสร้างมันขึ้นมาร่วมกัน ความสัมพันธ์ที่มีความต้องการเป็นพื้นฐานและมีเวลาเป็นเสาต้นเล็กๆที่ไม่มั่นคงค้ำจุนไว้เท่านั้น ปูนนิ่งฟังอยู่สักพักแล้วจึงยอมพยักหน้าตาม คนตัวเล็กเอื้อมน้าวให้คนตัวโตก้มลงมามอบจุมพิตร้อนให้ตนเป็นการสมท้าย สองลิ้นเกี่ยวรัดดูดดึงราวกับการร่วมกันทำพันธะสัญญาที่มองไม่เห็นให้เกิดขึ้น ณ ห้องพักราคากลางๆในโรงแรมที่ห่างไกลจากชีวิตของพวกเขาทั้งคู่

 

 

“เป็นอันว่า...ตกลงตามนั้น”

 

 

 

 

 

 

 

“หรือว่ามันจะชิ่งกูจริงๆว่ะ”

 

 

ปูนนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วอดจะถามตัวเองแบบนั้นไม่ได้ เอาเข้าจริงเขาไม่คิดว่าคณิตจะยอมตกลงด้วยซ้ำ คนหน้าตาหล่อเหลาโปรโฟล์ดีอย่างนั้นคงหาคนดีๆมาสานสัมพันธ์ด้วยไม่ยาก ต่อให้เป็นแค่วันไนท์แสตนหรือแค่ชั่วครั้งชั่วคราวก็คงไม่ขาดมืออะไร จริงอยู่ที่หมอนั่นชอบหน้าตาของเขาอยู่ไม่น้อยแต่คนอย่างคณิตคงไม่บ้าตัดสินใจเรื่องแบบนี้ด้วยเหตุผลตื้นๆเพียงอย่างเดียว

 

“ขอนั่งด้วยได้ไหมครับ”

 

ยังไม่ทันที่เขาจะเงยหน้าไปมองเลยด้วยซ้ำ คนที่เดินเข้ามาทักก็ถือวิสาสะจับจองเก้าอี้ตัวข้างที่เคยมีกระเป๋าถือใบเล็กของเด็กหนุ่มวางอยู่ ปูนละสายตาจากมือถือแล้วหันมามองชายคนหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะอายุพอๆกับเขากำลังส่งยิ้มมาให้ แต่หากมองเลยไหล่กว้างๆนี้ไปหน่อยก็จะเห็นผู้ชายอีกกลุ่มหนึ่งจับกลุ่มมองมาทางนี้อย่างสนุกสนาน ไม่ต้องพูดให้มากความ ปูนเข้าใจได้ทันทีว่าเขากำลังเจอกับอะไร

 

“มาคนเดียวหรอ”

 

“แล้วเห็นคนอื่นไหมล่ะ?”

 

“ก็ไม่เห็นอะ แต่ที่ถามเพราะอยากนั่งด้วย”

 

ปูนยิ้มมุมปากเมื่อฝ่ายผู้มาเยือนยิงหมัดตรงใส่เขาอย่างไม่อ้อมค้อม นี่แหละนะความแตกต่างระหว่างคนหนุ่มกับคนแก่ ถ้าเป็นลูกค้าที่มีอายุหน่อยกว่าจะเข้าประเด็นได้เล่นอ้อมซะเขาแทบจะลืมปิดปากหาว แต่ถ้าเป็นคนหนุ่มแบบตรงหน้าก็ไม่ต้องลีลาอะไรมากจะเสียก็แต่...

 

“ผมไม่ฟรีหรอกนะ”

 

“เฮ้ย คิดตังด้วยหรอ”

 

คนถามหัวเราะดังๆราวกับมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่มีหรือที่ปูนจะดูไม่ออกว่าเสียงหัวเราะนั้นมีเจตนาอะไร...หวังจะมาตลกบริโภคกับเขาแค่คิดก็ผิดแล้ว

 

“แน่นอน ถ้าไม่มีเงินก็ถอยไปเถอะ ผมนัดลูกค้าไว้”

 

แต่ลูกค้าที่ว่ายังไม่นัดรับนะ...ปูนพูดต่อแค่ในใจ

 

“โห อย่างงี้จนๆอย่างเราก็หมดสิทธิเลยดิ”

 

“ก็ตามนั้น”

 

“ใจร้ายจังเลยนะ งั้นขอจ่ายเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เงินแทนได้ไหม”

 

ร่างเล็กขมวดคิ้วไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาดูต้นทางก่อนจะล้วงเอาบางสิ่งบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้ปูนดูจากมุมที่คิดว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็น เม็ดยาสีชมพูทำให้ปูนต้องเบิกตากว้างแต่เพราะคนข้างคว้าคอของเขามากอดไว้ราวกับสนิทสนมกันมานาน อีกทั้งเสียงหัวเราะทุ้มๆและสัมผัสเปียกชื้นตรงข้างหูทำให้ปูนไม่กล้าหันไปมอง

 

“ว่าไง สนใจไหม”

 

“...ผมไม่เล่น”

 

“เอาน่า ตอนแรกใครก็พูดแบบนี้กันทั้งนั้น”

 

“ขอยืนยันคำเดิม ไปหาคนอื่นเถอะ”

 

“อย่าเล่นตัวนักสิวะ กูอุตส่าห์ยอมแบ่งของดีๆให้มึงเลยนะ”

 

สรรพนามที่เปลี่ยนไปไม่ได้ทำให้ปูนรู้สึกอุ่นใจขึ้นเลยสักนิด กลับกันเขาอยากจะหนีไปให้ไกลจากจุดๆนี้แต่เพราะวงแขนที่มากกำลังกำลังกักขังเขาไว้อีกทั้งแววตาที่ดูน่ากลัวทำให้ปูนไม่กล้าร้องกะโตกกะตาก...วันนี้มันวันซวยของเขาจริงๆ

 

“ปล่อยผม”

 

ปูนพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น แต่ถึงอย่างนั้นชายคนนี้ก็สามารถจับความตระหนกในคำพูดของเขาได้ แขนที่โอบรัดตัวไว้ปล่อยออกแล้วยกขึ้นสูงราวกับยอมแพ้ ร่างเล็กถอนหายใจคิดว่าคนคนนี้จะยอมล่าถอยเพราะสงสารแต่คำพูดต่อมากลับเหมือนมีหมุดนับร้อยเล่มตรึงเขาให้หยุดอยู่กับที่

 

“เอาเถอะ ไม่บังคับก็ได้แต่จริงๆมึงก็ไม่ได้มีค่าพอให้เล่นตัวเลยนะ”

 

“...!!!”

 

“ไหนๆก็ขายตัวอยู่แล้ว ยอมนอนกับกูสักคนจะเป็นไรไป รับรองว่าเด็ดยิ่งกว่าพวกลุงแก่ๆที่มึงรับมันเป็นแขกแลกกับเงินแน่”

 

ฝ่ามือเล็กบีบกันจนแน่น ชายคนนี้ปรามาสเขาโดยไม่สนใจเลยว่าผู้คนรอบข้างจะได้ยินคำพูดนั้นหรือไม่ แต่ถึงแม้คนอื่นจะไม่ได้ยินความกลัวที่ซุกซ่อนไว้ภายในก็เหมือนเศษตะกอนที่ถูกกวนจนลอยฟุ้ง ปูนเห็นเพียงแค่ปากของคนข้างขยับไปเรื่อยๆ แต่มันกลับไม่เข้าหัวของเขาเลยสักนิด

 

ในหัวของเด็กหนุ่มมีเพียงคำว่าไม่มีค่าและไร้ซึ่งศักดิ์ศรี

 

หึ...ไม่ต้องบอกเขาก็รู้อยู่แล้วล่ะน่า

 

ก็เป็นเขาเองนี่แหละที่โยนมันทิ้งไป...ตั้งแต่วันนั้น

 

 

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่สิ่งเดียวที่ปูนสัมผัสได้คือริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง เรี่ยวแรงกำลังค่อยๆหายไปขนาดที่ว่าโดนไอ้คนไร้มารยาทนั่นจับจูบจับหอมต่อหน้าเพื่อนฝูงเขาก็ไม่อาจต้านทาน แสงไฟที่เคยมองว่ามันเร้าใจกลับทำให้ร่างเล็กรู้สึกคลื่นเหียนเสียจนอยากอาเจียนแต่มันกลับอาเจียนไม่ออก เขารู้สึกลอยคว้างเหมือนกับกำลังอยู่บนรถไฟเหาะขบวนยาว แต่ถ้าถามว่ารู้สึกดีไหมก็ไม่...ไม่เลยสักนิดเดียว

 

 

เขาอยากหยุดแล้ว...พอ...พอสักทีเถอะ

 

 

 

:hao5:(ต่อเม้นต์ล่าง) :hao5:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #7][171258]
«ตอบ #44 เมื่อ17-12-2015 19:59:49 »

“ปูน!”

 

 

 

สติของปูนถูกดึงกลับมาโดยเสียงทุ้มที่เย็นเฉียบและความเจ็บรอบข้อมือขวา เด็กหนุ่มมองคนที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ทำหน้าตาทะมึงทึงใส่แล้วบีบมือของเขาให้แน่นขึ้นอีก เขามองไปรอบตัว เขายังคงอยู่ที่ผับแห่งเดิมแต่ท่าทางเหมือนกับกำลังจะเดินไปที่ไหนสักที่ เพราะในมือของเขาอีกข้างกำลังถูกจองจำโดยหนุ่มวัยรุ่นคนนั้นที่มองมาอย่างไม่สบอารมณ์

 

“ยุ่งอะไรลุง ผมกำลังรีบ!”

 

คณิตที่เพิ่งมาถึงขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจเมื่อถูกเรียกด้วยคำที่นำล้ำอายุจริงเขาไปมากโข แต่ที่ไม่ชอบใจยิ่งกว่าคือการที่เขาต้องมาเห็นปูนกำลังเดินผ่านหน้าตัวเองไปกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ทั้งๆที่เขาอุตส่าห์บึ่งรถมาหาหลังจากมีโอกาสได้หยุดพักครั้งแรกในรอบสัปดาห์ ร่างสูงหันไปหาคนตัวเล็กหวังจะขอคำอธิบายแต่พอก็ต้องชะงักไปเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติในแววตาของคนตรงหน้า

 

“ปูน เป็นอะไรไป”

 

“...”

 

ร่างสูงเขย่าแขนของคนคุ้นเคยแต่ปูนดันไม่ตอบสนองกลับกันเด็กหนุ่มคนที่เขาไม่คุ้นหน้ากลับออกอาการรนลานแล้วพยายามจะดึงร่างเล็กให้กลับไปยืนข้างตัวแทนแต่ถูกคณิตขวางไว้ได้ คนตัวโตจ้องมองคนแปลกหน้าอย่างกดดันเพราะเริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์ตรงหน้าชักไม่ชอบมาพากล พอดีกับช่วงที่การ์ดของร้านเดินมาแถวนี้พอดี คณิตจึงออกปากเรียกให้เดินมาทางนี้

 

“คุณครับ มานี่หน่อย!”

 

ทันทีที่ร่างสูงเรียก เด็กหนุ่มก็รีบปล่อยแขนจากปูนแล้ววิ่งหนีไปทางหลังร้าน คณิตมองตามไปแต่ก็ไม่ได้กะจะวิ่งตามเพราะคนที่เขาต้องให้ความสำคัญมากกว่าตอนนี้คือปูนที่เอาแต่มองมาทางเขาด้วยท่าทางสะลึมสะลือ

 

“ปูน เธอได้ยินฉันไหม”

 

“...”

 

“โถ่เว้ย!”

 

พอเห็นท่าไม่ดีคณิตจึงพาปูนออกมาข้างนอกโดยไม่ลืมอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นสั้นๆให้การ์ดของร้านที่เพิ่งมาถึงฟังแล้วปล่อยให้ทางนั้นไปจัดการกันเอาเอง ส่วนเขาตอนนี้กำลังพาปูนมานั่งที่รถของตนที่จอดทิ้งไว้ไม่ไกลจากร้านนัก ขวดน้ำเย็นๆที่ถือติดมาจากโรงแรมถูกเปิดออกแล้วเทลงบนผ้าเช็ดหน้าสีหม่นก่อนชายหนุ่มจะใช้มันเช็ดไปตามใบหน้าและลำคอของที่ยังมึนอยู่

 

“ดีขึ้นไหม”

 

“อื้อ เย็น”

 

ปูนพยายามปัดป่ายสัมผัสเย็นๆที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวออก แต่คราวนี้ก็ได้ร้องออกมาดังกว่าเดิมเพราะคณิตเล่นเทน้ำใส่ฝ่ามือแล้ววักใส่ใบหน้าขาวของคนตัวเล็กเรื่อยๆจนสติของปูนเริ่มกลับคืนมา เด็กหนุ่มมองไปรอบตัวก่อนจะมาหยุดลงตรงใบหน้าขึงขังที่แสดงความเป็นกังวลของคนที่เขาไม่เห็นหน้ามาหลายวัน

 

“คุณ...”

 

“ได้สติแล้วใช่ไหม”

 

ร่างเล็กพยักหน้าตอบรับทั้งที่ความจริงยังคงมึนๆอยู่แต่เพราะขยาดกับน้ำเย็นๆและการไม่ออมแรงของคนตรงหน้ามากกว่า เขาได้ยินเสียงคณิตถอนหายใจก่อนจะรู้สึกได้ถึงผ้าขนหนูนุ่มๆคอยซับไปตามใบหน้าและลำคอเบาๆ

 

“ผม...เป็นอะไรไป”

 

“...ไม่รู้ แต่น่าจะโดนไอ้เวรนั่นทำอะไรสักอย่าง”

 

“...”

 

“ทำไมไม่ระวังตัวเลยฮะ ถ้าฉันมาช้ากว่านี้เธอจะทำยังไง”

 

เสียงของคณิตเต็มไปด้วยความตำหนิแต่มันกลับดูน่าฟังเหลือเกินในยามนี้ คนตัวโตถอนหายใจแรงๆอีกครั้งแล้วลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปเก็บผ้าที่ใช้แล้วใส่กระโปรงรถแต่กลับถูกมือที่เย็นเฉียบของปูนรั้งไว้ เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไรกลับกันปูนก้มหน้านิ่งไม่เงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยซ้ำ จากที่เคยหงุดหงิดที่อีกฝ่ายเอาแต่สนุกไม่ดูแลตัวเองจนเกือบเกิดเรื่องวุ่นวายแต่พอเห็นท่าทางที่แปลกไปชายหนุ่มจึงยอมยืนนิ่งๆแล้วเสียสละมือให้คนตัวเล็กซึมซับความอบอุ่น

 

จากมุมที่มองไม่เห็น สีหน้าของปูนเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย หนึ่งคือดีใจที่คณิตโผล่มาช่วยเขาไว้ได้ แต่คำพูดดูถูกและอดีตที่ผ่านมากลับย้อนเข้ามาทำร้ายจิตใจคนตัวเล็กได้เป็นฉากๆ เขาที่เคยขอเพียงมือได้กอบกุมเปลี่ยนเป็นเอื้อมคว้าเอวสอบของร่างสูงมากอดไว้โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ขัดขืน ปูนไม่ได้ร้องไห้ ไม่แม้แต่จะร้องขอความเห็นใจใดๆ เพราะลำพังแค่มีฝ่ามืออุ่นๆคอยลูบหัวเขาเบาๆเหมือนกับตอนนี้ ก็เพียงพอที่เขาจะรวบรวมความแข็งแกร่งกลับมาให้ตัวเองอีกครั้ง

 

“สบายใจขึ้นรึยัง”

 

ผ่านไปพักใหญ่คณิตจึงเอ่ยถามขึ้น โดยที่ปูนก็ครางตอบมาเบาๆแล้วยอมผละออกมา เด็กหนุ่มเงยหน้าที่พอมีสีเลือดแดงฝาดให้เห็นขึ้นสบตากับคนที่เข้ามาช่วยไว้ ก่อนจะยิ้มพรายแม้วาจาที่เอ่ยจะสวนทางกัน

 

“ผมนึกว่าคุณจะฟันแล้วทิ้งอีกรอบซะอีก”

 

“หมายถึงที่ฉันเงียบไปทั้งอาทิตย์เนี่ยน่ะหรอ?”

 

“อื้ม”

 

“ก็คนมีงานมีการให้ทำ ไม่ได้มีเวลาว่างขนาดมาเที่ยวเล่นได้อย่างเธอ”

 

คนโดนเหน็บไม่ได้โต้เถียงอะไร ปูนพาตัวเองเข้ามานั่งในรถเต็มตัวแล้วปิดประตูเป็นสัญญาณบอกให้คณิตพาเขาออกไปจากที่นี่ ซึ่งคนตัวสูงก็ทำตามเพราะไม่อยากยืนอยู่ข้างถนนนานๆเหมือนกัน คณิตขับรถไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่ปูนไม่คุ้นเคยแต่ ณ วินาทีนี้ปูนไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคณิตจะพาเขาไปที่ไหน

 

“งานยุ่งมากเลยหรอครับ”

 

“มาก จะบ้าตายอยู่แล้ว”

 

“ขนาดที่ว่าไม่มีเวลาตอบไลน์ผมเลย”

 

“หึ อาม่าส่งสติ๊กเกอร์ไลน์มาฉันยังไม่ได้เปิดดูด้วยซ้ำ”

 

แล้วแบบนี้เขาควรดีใจไหมที่อย่างน้อยคณิตก็เปิดไลน์ของเขาอ่าน ปูนนึกขำในใจแต่ก็ไม่ได้พูดจากวนประสาทเพราะไม่อยากให้บรรยากาศดีๆบนรถเสียไป อาการมึนงงที่เคยเป็นค่อยๆหายไปจนหมดอาจจะเพราะกลิ่นอโรม่าหอมๆที่คณิตมีไว้ติดรถทำให้สมองของเขาโล่งขึ้นแทบไม่เหลือความมึนงงแต่ก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเมื่อครู่เขาเพิ่งเจออะไรมา

 

“แล้วนึกยังไงมาหาผมที่นั่นล่ะครับ จะมาก็ไม่เห็นบอกก่อน”

 

“งานเพิ่งเสร็จพอดี อยากพังสมองแต่ดันมาเจอเธอก่อเรื่องต่อซะได้”

 

“ผมเป็นฝ่ายถูกกระทำนะ...”

 

“ไม่รู้สิ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เธอเองก็ร้ายน้อยซะที่ไหน”

 

“...”

 

“หัดระวังตัวซะบ้าง ขอเตือนเลยนะว่าแถวนี้มันเถื่อนพอๆกับผับในกรุงเทพนั่นแหละ เผลอๆอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้ว่ามันทำอะไรกับเธอบ้างแต่ดูจากอาการคงไม่ใช่สิ่งที่หาได้ตามท้องตลาดแน่ๆ”

 

“ครับ...ผมจะฟังไว้”

 

“ได้อย่างนั้นก็ดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าเธอฟังแล้วคิดตามบ้าง”

 

“...”

 

“ดูแลตัวเองหน่อยปูน ชีวิตไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาทิ้งกันง่ายๆ”

 

ปูนเผลอยิ้มออกมาเพราะคนที่เรียกชื่อของเขาและคำพูดตักเตือนที่ไม่มีใครบอกกับเขามานาน เด็กหนุ่มวางมือของตนทับลงบนมือของคณิตที่จับเกียร์รถไว้ แล้วมองออกไปยังความมืดนอกหน้าต่าง

 

“คิดไม่ผิดจริงๆด้วย”

 

“...?”

 

“ขอบคุณนะครับป๋า”

 

คณิตเคี้ยวฟันแล้วบ่นปูนเรื่องคำพูดที่ใช้เรียกร่างสูงจนมันกลบเสียงดนตรีไปจนหมด เด็กหนุ่มนั่งฟังแล้วพยักหน้ารับมีเถียงไปบ้างตามประสา พวกเขาปล่อยให้เวลาไหลผ่านเช่นเดียวกับวิวรอบข้างที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายล้อรถสีดำก็หยุดลงตรงบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองศรีราชา ซึ่งปูนไม่รู้เลยว่าพวกเขาขับรถกันมาไกลถึงขนาดนี้

 

“บ้านใครหรอครับ”

 

“บ้านฉันเอง ลงมาเถอะ”

 

เจ้าของบ้านชิงลงจากรถไปก่อนแล้วตรงไปยังประตูทางเข้าที่มีไฟเล็กๆสองดวงคอยส่องให้แสงสว่างขณะที่ตัวบ้านส่วนอื่นมืดสนิทเช่นเดียวกับบ้านอื่นๆที่เหมือนกับไม่มีใครอาศัยอยู่เลย

 

“ฉันซื้อไว้เวลาอยากหลบมาพักน่ะ ไม่ใช่บ้านหลังที่อยู่ประจำหรอก”

 

“แหม นึกว่าคุณใจปล้ำซื้อบ้านให้ผมอยู่ซะอีก”

 

“หึ ตลกล่ะ”

 

ปูนเดินตามคณิตที่เพิ่งเปิดประตูเข้าไป เผยให้เห็นผนังห้องที่ถูกทาด้วยสีเหลืองอ่อนๆชวนให้สบายตาและเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่ชิ้นยืนยันคำพูดของเจ้าของมันได้อย่างดี เพราะถ้าจะเข้ามาอยู่จริงๆของแค่นี้คงไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เด็กหนุ่มมองโซฟาที่มีผ้าสีขาวผืนใหญ่คลุมไว้กันฝุ่นเช่นเดียวกับโต๊ะและตู้บางส่วน แต่คณิตกลับไม่สนใจที่จะดึงมันออกแล้วเชิญแขกให้นั่งลง ร่างสูงเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านที่ถูกสงวนไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขาเท่านั้น

 

“เฮ้อ เหนื่อยชะมัดเลย”

 

คณิตว่าก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนอนหลังจากที่ดึงผ้าคลุมออกลวกๆ ปล่อยให้ปูนที่เดินตามมาเป็นคนเก็บพับมันแต่เพียงฝ่ายเดียว ร่างเล็กมองสำรวจห้องนอนเดี่ยวที่การตกแต่งผิดจากห้องรับแขกข้างล่าง เพราะภายในนี้มีสิ่งของหลายอย่างที่คณิตนำมาเก็บไว้ ทั้งโมเดลรถและหุ่นยนต์ประกอบราคาแพง หนังสือที่ถูกวางเป็นชั้นสูง รวมถึงเกมเพลย์ที่เรียกความสนใจจากปูนได้มากที่สุด

 

“เตรียมน้ำให้ฉันหน่อยสิ”

 

คนที่นอนฟุบอยู่พูดขึ้นด้วยเสียงที่อู้อี้ไม่เงยหน้าขึ้นจากเตียงด้วยซ้ำ

 

“น้ำอุ่นหรือว่าน้ำเย็นครับ”

 

“สองอย่างเลยได้ไหม เฮ้อ เอาเถอะตามใจเธอแล้วกัน”

 

ปูนยิ้มขำให้คนสองจิตสองใจแต่ก็ยอมหลบไปเตรียมให้แต่โดยดี เด็กหนุ่มเดินเข้ามาในห้องน้ำขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนโดยมีประตูที่สามารถเปิดถึงกันได้ เขาใช้ฝักบัวฉีดล้างอ่างน้ำสีขาวสะอาดที่ไม่ได้ถูกใช้งานมานานจนเห็นว่ามันใช้ได้แล้วจึงรองน้ำอุ่นพร้อมกับหยดขวดน้ำมันอโรม่ามีใส่ไว้จนเต็มตู้ใบเล็กใกล้ๆกันทำให้ปูนเรียนรู้เกี่ยวกับคณิตได้อย่างหนึ่งว่า

 

 

ป๋าของเขาชอบกลิ่นหอมๆมากแค่ไหน…

 

 

ปูนปลดเสื้อผ้าที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นอบายมุขของตัวเองออกจนเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าแล้วใส่เสื้อผ้าที่ใช้แล้วลงไปในตะกร้าใบเล็กอย่างถือวิสาสะ เขาเปิดตู้ไม้สานใบใหญ่ออกแล้วควานหาของที่ต้องการ...ทั้งเสื้อคลุมอาบน้ำและผ้าขนหนูสำหรับสองคน

 

“ป๋าครับ ไปอาบน้ำกันเถอะ”

 

เด็กหนุ่มแกล้งเย้าด้วยคำเรียกแทนตัวที่คนฟังไม่เคยชอบใจ แต่คราวนี้เขาเหนื่อยเสียจนขี้เกียจจะโต้เถียง คณิตยันกายขึ้นจากเตียงนอนหันมามองปูนที่ปลดอาภรของตัวเองออกเรียบร้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร คนตัวเล็กช่วยจูงคนตัวโตไปยังห้องน้ำที่อุณหภูมิภายในขึ้นสูงเพราะไอน้ำ ปูนช่วยคณิตถอดเสื้อผ้าออกจนหมดตั้งแต่เข็มขัด เนคไท ถุงเท้า เรื่อยไปถึงเสื้อผ้าและอันเดอร์แวร์สีเข้มโดยที่สีหน้าไม่มีความกระดากอายเลยสักนิด

 

“ดูเธอจะชินกับการทำแบบนี้นะ”

 

“แน่นอนครับ คุณก็น่าจะรู้อยู่แล้ว”

 

“...”

 

“เร็วเข้าเถอะ อาบน้ำเย็นก่อนค่อยไปแช่น้ำอุ่นกัน”

 

ปูนลากคณิตมายืนใต้ฝักบัวแล้วเปิดน้ำให้รดตัวเขาทั้งคู่ ร่างเล็กที่ปลดเสื้อคลุมอาบน้ำตัวโคร่งออกจัดการถูสบู่ให้กับทั้งตัวเองและเจ้าของบ้านที่ยืนรอรับบริการต่างๆด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่ก็ไม่ได้ผลักไสออกไปแต่อย่างใด ปูนมองสีหน้าเหนื่อยล้าที่คณิตแสดงออกมาแล้วก็นึกสงสาร ที่บอกว่าโหมงานหนักจนไม่มีเวลาคงไม่ใช่เรื่องโกหกเพราะรอยคล้ำใต้ดวงตาทั้งสองเป็นหลักฐานชั้นดีที่ทำให้เขาเลิกที่จะตัดพ้อและหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาทวงถามกัน

 

“ง่วง”

 

คนที่ยืนนิ่งเป็นรูปสลักพูดขึ้นด้วยดวงตาที่แทบจะปิดสนิท ปูนที่เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะลั่น อาบน้ำให้คนมาก็มากแต่ไม่ยักจะเคยมีใครกล้าหลับทั้งๆที่ฟองสบู่ยังฟอกเต็มตัวอย่างนี้เลยสักคน

 

“ฮ่าๆ อดหน่อยหน่อยนะครับ จะเสร็จแล้ว”

 

“นอนเลยได้ไหม”

 

“แช่น้ำอุ่นหน่อยดีกว่า ไหล่คุณตึงมากเลยนะรู้ไหม”

 

“รู้ แต่โคตรง่วง ตอนนี้ฉันเห็นเธอมีแปดหน้าแล้ว”

 

“ขนาดนั้นเลย”

 

ปูนยิ้มขำขณะที่เปิดน้ำอีกครั้งเพื่อไล่ฟองสบู่ออกจากตัวของเขาทั้งสอง คณิตที่แทบจะหลับตาเดินกลับหลังหันให้ปูนขัดหลังของเขาเป็นอย่างสุดท้ายจนกระทั่งหันไปเห็นอ่างน้ำที่เขาเลือกมันด้วยตัวเองถูกเติมเต็มด้วยน้ำอุ่นซึ่งส่งกลิ่นหอมของส้มอ่อนๆพอให้ผ่อนคลายไม่เวียนหัว

 

“อ้าว เตรียมน้ำอุ่นไว้แล้วนิ”

 

“ครับ แต่ถ้าคุณง่วงอาบแค่นี้ก็พอ”

 

“...เสียดายของ ไหนๆแล้วลงไปแช่สักหน่อยก็แล้วกัน”

 

ร่างเล็กเลิ่กคิ้วให้คนที่เปลี่ยนใจไวยิ่งกว่าอะไร ร่างกายกำยำที่ไร้ฟองสบู่เดินไปที่อ่างน้ำแล้วหย่อนร่างกายที่เหนื่อยล้าลงไป ทันทีที่กล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานอย่างหนักมาทั้งอาทิตย์สัมผัสกับความร้อนที่พอดี คณิตก็ส่งเสียงครางทุ้มๆออกมาอย่างชอบใจ ปูนที่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบพาร่างของตัวเองไปลงอ่างตามแต่เขาเลือกที่จะนั่งอยู่ตรงขอบอ่างใกล้ด้านที่คณิตนอนพิงอยู่

 

“เอาหัวมานี่สิครับ เดี๋ยวผมนวดให้”

 

คณิตยอมเอนหัวไปหาปูนแต่โดยดี ก่อนจะหลับตาลงแล้วรู้สึกถึงสัมผัสอันแผ่วเบาที่นวดวนอยู่แถวขมับแล้วไล่ไปตามลำคอจนถึงหัวไหล่ทั้งสองข้าง

 

“อ่า...อย่างนั้นแหละ”

 

“นี่เป็นผู้จัดการโรงแรมหรือจับกังกันแน่ ไหล่แข็งมากๆเลย”

 

“นั่นสินะ เป็นจับกังที่เงินเดือนเท่ากับผู้จัดการล่ะมั้ง”

 

ปูนนั่นฟังคณิตบ่นเรื่องที่ทำงานไปเรื่อย แม้จะไม่ได้อยากรู้สักนิดแต่เด็กหนุ่มก็มีมารยาทพอที่จะไม่พูดขัด ดวงตากลมโตจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มสีแดงสุขภาพดีที่ขยับไปเรื่อยอย่างไม่รู้เบื่อ พอเมื่อยก็มีก้มลงไปหอมแก้มที่เริ่มมีไรหนวดขึ้นมาจางๆบ้างจนคณิตที่เคยสะดุ้งเมื่อถูกผู้ชายสัมผัสเคยชินไปเสียแล้ว

 

“แล้วที่มึนๆหายดีรึยัง”

 

เด็กหนุ่มที่กำลังเพ่งสมาธิไปกับการจับเส้นตรงไหล่หันมามองคนถามด้วยความสงสัย แต่ยอมตอบไปแต่โดยดี

 

“หายตั้งแต่ในรถแล้วครับ ยาคงไม่ได้แรงอะไรมาก”

 

“พูดแล้วก็น่าโมโห น่าพาตำรวจมาลากคอมันเข้าคุกให้หมด”

 

“โกรธแทนผมหรอ”

 

“เปล่า ฉันกลัวว่ามันจะไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีกต่างหาก”

 

“ก็นะ”

 

ปูนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ถึงแม้จะอ่อนโยนกับเขาผ่านทางการกระทำอยู่ปากแต่เรื่องที่จะให้พูดออกมาเขาก็ทำใจได้แล้ว

 

“ที่หลังจำไว้นะ ว่าอย่าไปที่แบบนั้นคนเดียวอีก”

 

“ตลกน่า ผมไม่ใช่เด็กนะ”

 

“รู้ว่าโตแล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่าต่อให้เป็นผู้ใหญ่ก็พลาดได้เหมือนกัน”

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปเป็นเพื่อนผมสิ”

 

“ไม่ล่ะ ฉันมันเลยวัยที่จะไปเที่ยวในที่แบบนั้นแล้ว”

 

ที่แบบนั้นที่ว่าสำหรับคณิตคือผับที่มีวัยรุ่นมาเต้นกันเป็นกุ้งโดนน้ำร้อนลวก ถ้าเป็นสมัยมหาลัยสถานที่อโคจรแบบนั้นคงเป็นเหมือนสวรรค์สำหรับเขาอยู่หรอก แต่ตอนนี้ขอเป็นไนต์คลับเงียบๆให้นั่งจิบไวน์ชิลๆไปจะดีกว่า

 

“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ผมมันว่างนิไม่รู้จะไปทำอะไร รับลูกค้าเหมือนเดิมคุณก็ไม่ให้ทำ”

 

ปูนเถียงกลับไปแล้วลุกขึ้นเพื่อลงไปแช่น้ำกับคณิตที่ขยับเข้าไปนั่งชิดอ่างเพื่อให้มีที่ว่างเหลือพอสำหรับคนตัวเล็กให้นั่งลงตรงระหว่างขาเขา

 

“ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็ไม่ต้องห่วง ฉันมีทางออกให้เธอแล้ว”

 

“ทางออก?”

 

“ใช่”

 

คณิตคว้าช่วงเอวของคนตรงหน้าแล้วดึงเข้าหาตัวจนส่วนล่างแนบชิดกัน คางแหลมเกยบนไหล่ขาวมองส่วนอ่อนไหวของปูนผ่านสายน้ำแล้วหลับตาลงเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ไม่ให้ขึ้นสูงตอนนี้ ไม่ใช่เพราะง่วงนอนเต็มที แต่เป็นเพราะความตั้งใจที่ไม่เคยบอกให้ปูนรับรู้ซึ่งเขาจะไขว้เขวจากมันไปไม่ได้

 

 

 

 

“ฉันจะให้เธอมาทำงานที่โรงแรมกับฉัน”

 

 

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

มาช้ายังดีกว่าไม่มาเนอะ สอบเสร็จแล้วแต่เช่ยังติดเคลียร์รูปเล่มไนท์แมร์อยู่อาจจะยังลงให้ถี่ไม่ได้นะครับ  :z13: (อันนั้นก็เขียนตอนพิเศษได้ยากเหลือเกิ๊นนนนนน) เนื้อเรื่องตอนนี้ออกแนวเรื่อยๆ มีปูปมน้องปูนนิดๆ แต่ยังไม่จัดดราม่าหนักๆ มีคนเริ่มตั้งข้อสังเกตแล้วเรื่องนิสัยน้อง เดี๋ยวจะเห็นกันนะคับว่าจากเคยแก่นๆ ปูนจะว่าง่ายขึ้นเหมือนตอนอยู่กับพี่กาล แล้วเรามาคอยดูกันว่าป๋าคณิตจะว่ายังไง (คือต้องถามเช่เนี่ยแหละว่าจะเอายังไงดี5555) :call:

ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตนะคับ เอาตรงๆนั่งอ่านเองรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเรื่อยเฉื่อยจังเลย 5555  :เฮ้อ: ไม่ใช่แนวเช่เลยอะ แต่ก็แต่งไปสนุกไปนะ อาจจะไม่มีอะไรให้ตื่นตาแต่ท้ายเรื่องเราค่อยมาตระการตากันดีกว่า รักนะกุ๊กๆ อย่าลืมจองหนังสือเค้าเข้ามากันนะ <3  :katai4:


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #7][171258]
«ตอบ #45 เมื่อ17-12-2015 20:44:32 »

ดีนะที่ป๋าของปูนไปเจอพอดี ไม่งั้นไม่รู้ว่าน้องจะเป็นไงบ้าง

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #7][171258]
«ตอบ #46 เมื่อ18-12-2015 00:54:48 »

ป๋าของปูนนี่ดูอบอุ่นดีจัง  :กอด1:

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #7][171258]
«ตอบ #47 เมื่อ18-12-2015 12:06:45 »

ป๋าน่ารักขึ้นมาบ้างแล้วปูนน่ารักขี้อ้อนจริงๆ

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #7][171258]
«ตอบ #48 เมื่อ18-12-2015 19:27:59 »

เกือบไปแล้วปูน

ป๋าคณิตดูแลน้องดีมากกกกกกกก :hao6:

ออฟไลน์ cho-ningza-19891

  • สติไม่ค่อยมี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #7][171258]
«ตอบ #49 เมื่อ19-12-2015 06:52:10 »

เอาอีก อยากอ่านต่ออ่า สนุกมากๆเลยค่ะ
ป๋านะป๋า เป็นห่วงปูนก็บอกมาเถอะ ทำเป็นปากแข็งนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #7][171258]
« ตอบ #49 เมื่อ: 19-12-2015 06:52:10 »





ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #7][171258]
«ตอบ #50 เมื่อ19-12-2015 07:31:10 »

 :mew1:

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #7][171258]
«ตอบ #51 เมื่อ19-12-2015 15:28:08 »

ป๋าเริ่มหวงละซิ

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #7][171258]
«ตอบ #52 เมื่อ19-12-2015 21:02:26 »

เขินๆๆ ป๋าปูนน่ารักมากกกกกก :ling1:

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #7][171258]
«ตอบ #53 เมื่อ20-12-2015 18:05:50 »

ปูนน่ารักมากเลยอ่ะ ป๋าก็ละมุนสุดๆ แต่ก็สงสารปูนนะ
อยากรู้จริงๆว่ามีปมไร มาต่ออีกเร็วๆเลยน้า รออ่านอยู่~

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #8][211258]
«ตอบ #54 เมื่อ21-12-2015 22:19:56 »


แตกที่ 8

…ทดลอง...


 

“ไม่!”

 

 

คณิตถอนหายใจยาวๆโดยที่ไม่คิดจะหันไปมองทางต้นเสียง เพราะนักมวยกางเกงน้ำเงินซึ่งเป็นตัวละครของเขาที่กำลังรัวหมัดอยู่บนหน้าจอเพิ่งถูกนักมวยกางเกงแดงหุ่นล่ำของปูนถีบเข้ากลางลำตัวจนลอยไปตกอีกฟากจนร่างสูงรีบรัวนิ้วตอบโต้ไปแทบไม่ทัน แต่สุดท้ายสิ่งที่คณิตได้ยินก็คือเสียงหัวเราะในลำคออย่างสะใจของร่างเล็กและเสียงร้องครวญครางของตัวละครฝั่งตนเท่านั้น

 

กากสัด!

 

“ยังจะแข่งอีกหรอ ยอมแพ้ไปไม่ดีกว่ารึไงครับ”

 

ปูนว่าพลางยักคิ้วกวนประสาทไปให้เล่นเอาคนที่ถูกปลุกมาเล่นเกมแต่เช้าทั้งที่อยากนอนยาวถึงบ่ายปวดหัวตุ๊บๆไปถึงแก่น ให้ตายสิ! ไอ้เด็กคนที่ออดอ้อนออเซาะเขาเมื่อวานมันตกส้วมตายไปแล้วใช่ไหม!

 

“เธอนั่นแหละ เลิกเฉไฉแล้วมาทำงานกับฉันซะดีๆ”

 

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ทำ”

 

“แล้วทำไมถึงไม่ทำ”

 

“ก็ไม่อยากทำ แค่นั้นแหละ”

 

ร่างเล็กเฉิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้แล้วกดปุ่มเพื่อเริ่มเกมต่อไปโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของคณิตสักนิด จนแล้วจนรอดร่างสูงก็ต้องมานั่งแข่งเกมต่อสู้กับปูนไปเรื่อยๆจนคนตัวเล่นบ่นว่าหิวข้าวนั่นแหละถึงจะยอมหยุด แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องที่ปฏิเสธข้อเสนอของเขาเจ้าตัวก็ยังคงยืนยันอย่างนั้นโดยที่ไม่บอกสาเหตุใดๆ

 

‘ขอปฏิเสธครับ ล้างตัวแล้วเข้านอนกันเถอะ’

 

เมื่อคืนหลังจากที่บอกไปปูนก็ตอบกลับมาแค่นั้นก่อนจะเดินขึ้นจากอ่างไปล้างตัวโดยที่ไม่รอเขาสักนิด กว่าเขาจะจัดการตัวเองเสร็จเจ้าเด็กเจ้าปัญหาก็ล้มตัวนอนบนเตียงหลับปุ๋ยไปเรียบร้อย คณิตไม่เข้าใจว่าทำไมปูนถึงปฏิเสธเสียงแข็งขนาดนั้น เขารึอุตส่าห์อธิบายถึงผลประโยชน์ที่เจ้าตัวจะได้ ทั้งค่าตอบแทนและสวัสดิการที่สูงไม่แพ้กับที่ทำงานเก่า รวมถึงคำอนุญาตจากไอ้เมษที่ยอมให้ปูนมาทำงานกับเขาได้หากที่ The Pilot ไม่มีงาน รวมๆแล้วหากปูนทำตามที่เขาว่าร่างเล็กจะได้เงินจากทั้งสองทีตกเดือนละเกือบสามหมื่นบาท ถ้าไม่ใช่เพราะโง่...นั่นก็แปลว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรอยู่เบื้องหลัง

 

“ถามจริง เธอมีปัญหาอะไรกันแน่ถึงได้ปฏิเสธฉัน”

 

คณิตเอ่ยปากถาม (อีกครั้ง) ก่อนจะตักข้าวไข่เจียวคำโตเข้าปาก ดวงตาเรียวรีจ้องมองไปคนที่กำลังเทซอสพริกใส่จานของตัวเองอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ จนปูนต้องวางขวดซอสในมือลงแล้วกอดอกทำท่าทางดื้อรั้น

 

“ก็บอกแล้วว่าผมไม่อยากทำ ทำไมคุณต้องมาบังคับผมด้วย”

 

“เพราะมันดีกับตัวเธอ...แล้วก็ดีกับโรงแรมของฉัน”

 

“...”

 

“ถ้าเธอมาทำงานกับฉัน เงินที่เธอจะได้มันคงมากพอที่เธอไม่จำเป็นต้องไปทำงานพิเศษแบบนั้นเพิ่ม บวกกับตอนนี้ที่โรงแรมของฉันกำลังต้องการพนักงานดีมีฝีมือซึ่งความสามารถของเธอก็เข้าตาฉันพอดี”

 

คำชมเรื่องความสามารถทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกภูมิใจลึกๆแต่กลับไม่แสดงอาการใดๆออกไป เพราะเขามีเหตุผลที่ตอบรับคณิตไม่ได้แม้ว่าข้อเสนอจะดีกว่านี้มากแค่ไหน ทั้งเรื่องของตัวเขาเอง...และเรื่องของรัตติกาล

 

“เอาจริงๆนะคุณ ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับโรงแรมนั่นสักเท่าไหร่”

 

“หมายความว่ายังไง?”

 

“ก็หมายความตามนั้น ถ้าเป็นไปได้ผมไม่อยากจะเข้าไปที่โรงแรมนั้นเลยสักนิด ถึงต่อให้คุณเสนอเงินให้ผมมากกว่านี้มันก็เป็นไปไม่ได้”

 

น้ำเสียงจริงจังของปูนยืนยันคำพูดของตัวเองได้เป็นอย่างดี แต่มันกลับยิ่งสร้างความสับสนให้คณิตมากขึ้นไปอีก

 

“ฉันไม่เข้าใจ ถ้าเธอบอกว่าปัญหาของเธอคือการทำงานกับ The Next แล้วทำไมที่งานแฟร์เธอถึงเข้ามาช่วยงานเราด้วยความสมัครใจ จริงอยู่ที่วันแรกเธอเข้ามาทำเพราะไอ้เมษมันขอไว้ แต่วันที่สองล่ะ เธอมาทำไม”

 

คราวนี้เป็นฝ่ายปูนที่อึ้งไปบ้าง ร่างเล็กเผลอกำมือของตัวเองแน่นขณะที่ก้มหน้าลงมองตักของตัวเองเมื่อนึกถึงความรู้สึกสั่นไหวที่ผลักดันให้เขาเดินไปที่บูธของคณิตด้วยความตั้งใจของตัวเองผิดกับวันแรก

 

“วันนั้นมัน...เป็นเพราะผมอยากเจอคุณต่างหาก”

 

ผิวแก้มของปูนไม่ได้เปลี่ยนสี กลับกันปูนกลับทำหน้าเหมือนเด็กที่โดนจับไต๋ได้มากกว่า คณิตมองกริยาของคนตรงหน้าแล้วเริ่มมองเห็นเค้าลางในการเกลี่ยกล่อมเด็กดื้อคนนี้ได้ ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนโทนเสียงที่ใช้ให้นุ่มนวลขึ้นอีกนิด

 

“แล้วคราวนี้เธอจะทำมันเพื่อฉันอีกสักครั้งไม่ได้รึไง”

 

“...!”

 

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าจริงๆแล้วเธอมีปัญหาอะไรกันแน่เพราะเธอไม่ไว้ใจพอที่จะเล่าให้ฉันฟัง แต่สิ่งที่ฉันรู้คือฉันเสียดายความสามารถและอนาคตของเธอ”

 

คณิตเน้นคำว่าอนาคตด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเสียจนคนฟังรับรู้ได้ว่าอนาคตที่ว่าไม่ใช่แค่เรื่องงานหรือความสามารถที่คณิตพูดถึง หากแต่เป็นอนาคตที่เขากำลังทำลายมันลงไปเรื่อยๆด้วยตัวเอง

 

“หากเธอมีเหตุผลอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจก็ขอให้บอกมา ฉันอยากให้เธอมาอยู่ด้วยกันจริงๆนะปูน...ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ”

 

ร่างสูงพูดทิ้งไว้แล้วคว้าเอาขวดซอสพริกมาบีบลงบนข้าวไข่เจียวที่ยังคงไม่พร่องไปของปูนให้แทน ทั้งสองคนกินข้าวของตัวเองไปเงียบๆโดยไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นอีก เด็กหนุ่มกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองในขณะที่คณิตก็ลอบสังเกตอาการและสีหน้าของปูนไปเรื่อยๆเช่นกัน

 

หลังหมดมื้อนั้น คณิตก็เป็นฝ่ายเก็บจานทั้งหมดไปล้างเพราะหน้าที่หุงหาอาหารร่างเล็กเป็นคนจัดการไปแล้ว ปูนนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวที่ยังถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวสะอาด เขาจ้องมองแผ่นหลังกว้างของคนที่ถึงแม้จะก้าวเข้ามาในชีวิตของเขาไม่นาน แต่กลับสร้างความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทั้งเรื่องดีและร้าย...คณิตคงไม่รู้ตัวว่าการกระทำที่ทั้งอ่อนโยนและตรงไปตรงมาของตนสะกิดใจคนที่ชินชากับความหลอกลวงของโลกใบนี้มากแค่ไหน

 

“นี่...ป๋า”

 

“จิ๊ ก็บอกว่าอย่าเรียกป๋าไง”

 

ปูนลอบขำคนที่ปากบอกว่าไม่ให้เรียกแต่ก็ยังขานตอบเขาทุกครั้ง เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วตรงเข้าไปกอดเอวสอบของคณิตจากทางด้านหลัง แม้อยากจะคว้าอีกฝ่ายมาจูบแต่เพราะส่วนสูงที่ต่างกันมากปูนจึงทำได้แต่ขบกัดแขนอีกฝ่ายเบาๆไม่ได้กะให้เจ็บซึ่งคณิตเองก็ชำเลืองมองแล้วไม่ได้ว่าอะไร

 

“ถ้าผมไม่ไปทำงานด้วย จะโกรธไหม”

 

มือที่กำลังล้างจานของคณิตชะงักไป แต่ก็เพียงแค่แปปเดียว ร่างสูงลงมือล้างน้ำเปล่าให้จานใบที่เหลือก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับปูนที่มองมาตาแป๋ว

 

“ไม่โกรธ แต่ก็ไม่ชอบใจเท่าไหร่”

 

“ทำไมล่ะ”

 

“ฉันไม่ชอบเด็กดื้อ”

 

“...”

 

“แต่เอาเถอะ มันเป็นอนาคตของเธอ ตัดสินใจเอาเองแล้วกัน”

 

คณิตพูดแล้วใช้มือยีหัวอีกฝ่ายจนเส้นผมพันกันยุ่งไปหมด แต่แทนที่ปูนจะโวยวายคนตัวเล็กกลับเอนหัวเข้าหาสัมผัสนั้นแล้วหลับตาพริ้มเหมือนลูกแมวกำลังถูกเจ้าของเกาคาง ซึ่งเจ้าของคนที่ว่าพอเห็นใบหน้าแบบที่ชอบและแพขนตายาวที่มองเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเบื่อก็อดที่จะก้มลงไปจูบเบาตรงแก้มนิ่มไม่ได้

 

“เอาไปคิดดีๆแล้วค่อยตอบฉันที่หลังแล้วกัน เดี๋ยวเธอขึ้นไปอาบน้ำเลยนะ ฉันจะพาออกไปข้างนอก”

 

“ไปไหน? ไหนบอกจะนอนพักไง?”

 

“เวลานอนฉันหมดไปตั้งแต่เธอปลุกมาเล่นเกมแล้วเจ้าเด็กบ้า เอาเถอะน่า อย่าถามมากนักเลย เสื้อผ้าก็รื้อของในตู้มาใช้ก่อนแล้วกัน”

 

ถึงจะว่าอย่างนั้น แต่เสื้อผ้าของคณิตก็แทบไม่มีชุดที่ปูนใส่ได้สักตัว สุดท้ายคนตัวเล็กก็จำใจหยิบเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินที่ตัวเล็กที่สุดมาใส่คู่กับกางเกงขายาวสีขาวตัวเก่งที่เขาใส่ตั้งแต่เมื่อวาน ส่วนชั้นในร่างสูงเป็นธุระไปซื้อจากร้านค้าใกล้ๆมาให้ในตอนที่เขาเข้าไปอาบน้ำ ส่วนคณิตพอกลับมาแล้วก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวในเวลาไม่นาน ไม่รู้ว่าเพราะความบังเอิญหรือตั้งใจคนตัวโตถึงเลือกใส่เสื้อผ้าแบบที่ตรงข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิง...กางเกงขาสามส่วนสีกากีและเสื้อคอวีสีขาว

 

“เพิ่งรู้ว่าคุณเป็นคนมุ้งมิ้งกว่าที่คิด”

 

“มุ้งมิ้ง? ฉันเนี่ยนะ?”

 

“อื้อ ก็นี่ไง เสื้อคู่”

 

ปูนยิ้มแล้วชี้ให้ร่างสูงดูเงาสะท้อนของเขาทั้งสองคนจากกระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังในตัวเมือง คณิตหันไปมองตามแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ ทำไมเขาถึงได้ไม่สังเกตมันเลยนะ มิน่าละ เวลาที่เขาสองคนเดินไปไหนมาไหนถึงได้มีแต่คนมองตามแล้วอมยิ้มอยู่เรื่อย

 

“เขาคงคิดว่าพี่ชายน้องชายล่ะมั้ง”

 

ร่างสูงคิดเองเออเองเสร็จสรรพแล้วเดินไปยังบันไดเลื่อนโดยไม่สนใจสายตาของใครๆอีก ส่วนปูนก็มองอีกฝ่ายตามไปอย่างทึ่งๆ

 

“อะไรจะมองโลกในแง่ดีขนาดนั้น...”

 

 

คณิตพาปูนเดินมายังชั้นที่มีเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง Hi-end ตั้งอยู่เรียงราย บีเอที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีต่างก็มองมาที่พวกเขาด้วยรอยยิ้มที่พยายามดึงดูดให้ลูกค้าทั้งหลายเดินเข้ามาเลือกซื้อสินค้าที่ตัวเองดูแลอยู่ให้มากที่สุด ปูนมองบรรยากาศรอบๆและคนที่เดินนำหน้าเขาอยู่อย่างไม่เข้าใจ แต่ดูเหมือนคณิตจะไม่รู้สึกแปลกแยกสักนิดที่ผู้ชายอย่างพวกเขามาเดินอยู่ที่นี่

 

“ยินดีต้อนรับค่ะ สนใจสินค้าตัวไหนเป็นพิเศษรึเปล่าค่ะ”

 

หลังจากเดินหาอยู่นาน คณิตก็หาเคาน์เตอร์แบรนด์ที่ตัวเองต้องการเจอ ร่างสูงเดินตรงไปยังตู้กระจกที่มีเครื่องสำอางชื่อดังสัญชาติอเมริกาตั้งอยู่เรียงราย

 

“ขอดูตัวนี้หน่อยครับ”

 

คณิตหยิบโทรศัพท์ของตัวเองแล้วเปิดรูปของที่ตัวเองต้องการให้บีเอดูเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ปูที่ยังคงงงๆแอบชำเลืองมองสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้นก็เห็นเป็นรองพื้นตัวเทพที่เขาเคยได้ยินเพื่อนผู้หญิงพูดถึงอยู่บ่อยๆ บีเอที่คอยมาดูแลขอตัวไปหาสินค้าให้ร่างสูงสักครู่ ปูนที่ยืนเงียบอยู่นานจึงได้โอกาสถาม

 

“คุณมากซื้อไปให้ใครน่ะ อย่าบอกนะว่าซื้อไปใช้เอง”

 

“อืม ก็ใช่เองไงแปลกอะไร”

 

คณิตตอบหน้าตาย แต่กลายเป็นปูนที่หน้าเหวอจนร่างสูงหลุดขำออกมาแล้วแกล้งดันคางของปูนขึ้นช่วยให้ปากที่อ้าอยู่ปิดลงก่อนที่ตัวอะไรจะบินเข้าไป

 

“ฮ่าๆ จะตกใจทำไมล่ะ ทำงานโรงแรมเรื่องรูปร่างหน้าตามันก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อยู่แล้วไม่ใช่รึไง”

 

“กะ ก็รู้อยู่ แต่...เครื่องสำอางเนี่ยนะ”

 

“อืม ก็แต่งอยู่ทุกทีหรือว่าเธอไม่เคยสังเกต”

 

ก็ไม่เคยสังเกตจริงๆน่ะแหละ เอาจริงเขาแทบไม่เห็นความแตกต่างเลยด้วยซ้ำระหว่างแต่งกับไม่แต่ง อีกอย่างคณิตเป็นคนที่ผิวพรรณดีอยู่แล้วนอกจากรอยแดงเล็กๆน้อยๆเครื่องหน้าของคนตัวโตก็แทบจะไม่มีที่ติอะไร...ถ้าไม่นับปาก

 

“คุณลูกค้าค่ะ ขอประทานโทษอย่างมากเลยนะคะ สินค้าที่คุณต้องการตอนนี้ทางเราไม่เหลือไว้ในสต็อกเลย ขอโทษจริงๆค่ะ”

 

บีเอที่หายไปสักพักกลับมาพร้อมสีหน้าที่ทั้งเสียใจและเสียดายอย่างสุดซึ้ง คณิตที่ยืนรออยู่ก็แสดงสีหน้าผิดหวังปนรำคาญออกมาจนปูนเอ่ยปากถาม

 

“ไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไรเลย วันอื่นค่อยมาดูก็ได้”

 

“ก็รู้ แต่วันหยุดฉันไม่ได้มีบ่อยๆนี่ เฮ้อ สงสัยต้องรบกวนอิงอีกแล้ว”

 

“พี่อิง?”

 

“อืม ก็ยัยนั่นนั่นแหละที่เจ้ากี้เจ้าการให้ฉันใช้ของพวกนี้ ลองช่วงไหนฉันลืมดูแลตัวเองแล้วปล่อยให้สิวขึ้นออกไปต้อนรับลูกค้าดูสิ หึ นรกชัดๆ”

 

ร่างสูงนึกถึงตอนที่เขาเคยออกมาต้อนรับลูกค้าชาวไต้หวันด้วยใบหน้าที่มีสิวเม็ดเป้งโผล่ขึ้นกลางหน้าผาก เขาจำได้ดีเลยว่าสายตาของอิงอรน่ากลัวแค่ไหน แถมหลังจากนั้นเขายังโดนหญิงสาวลากไปคลินิกเสริมความงามอยู่หลายวันเพียงแค่เพราะสิวเม็ดเดียว นึกแล้วยังสยองไม่หาย ปูนเองถึงจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่พอเห็นสีหน้าอีหลักอีเหลื่อของคณิตก็นึกภาพออกได้ พี่อิงนี่น่ากลัวกว่าที่เห็นแฮะ

 

“เออ คุณลูกค้าค่ะ ถ้าไม่ว่าอะไรขออนุญาตให้ฉันแนะนำสินค้าตัวอื่นให้แทนไหมค่ะ ถ้าเป็นรุ่นนี้ที่คุณสมบัติคล้ายๆกันล่ะก็ยังพอมีอยู่ค่ะ”

 

หญิงสาวที่ยืนฟังทั้งคู่คุยกันอยู่เอ่ยขัดขึ้นมาพร้อมกับยื่นขวดรองพื้นอีกรุ่นไปตรงหน้าคณิต ชายหนุ่มได้ยินอย่างนั้นก็สนใจอยู่ไม่น้อยติดแค่ปกติเขาได้แต่ซื้อตามที่เพื่อนสาวอย่างอิงอรบอกไม่เคยเลือกมันด้วยตัวเองสักครั้ง

 

“แล้วผมควรเลือกยังไงครับ”

 

“ถ้าคุณลูกค้าจะซื้อไปใช้เองก็ลองเลือกโทนสีที่เหมาะกับใบหน้าดูนะคะ ดูจากสีผิวคุณแล้วออกโทนขาวเหลืองนิดๆ ก็น่าจะเป็นสองสีนี้ค่ะ”

 

บีเอเลือกเทสเตอร์รองพื้นมาสองสีแล้วยื่นให้คณิตเลือกดู คนตัวโตรับมาแล้วลองเทียบกับใบหน้าของตนเองผ่านทางกระจกแต่ก็ไม่เห็นความแตกต่างสักเท่าไหร่ คณิตนึกขัดใจกับเรื่องน่ารำคาญนี้แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง จนกระทั่งเขาสังเกตเห็นใบหน้าของปูนที่กำลังสะท้อนอยู่บนกระจกใบเดียวกัน

 

“ปูน หันหน้ามานี่สิ”

 

“ครับ? มีอะไรหรอ...เฮ้ย!”

 

ปูนที่เพิ่งหันมาหาคณิตถูกร่างสูงยึดใบหน้าไว้ให้มั่นด้วยฝ่ามือใหญ่ๆก่อนที่คนตัวสูงจะปาดรองพื้นสีแรกลงไปบนแก้มของเขาโดยไม่ขออนุญาตใดๆ คนที่ถูกใช้เป็นหุ่นลองรองพื้นร้องเสียดังจนลูกค้าคนอื่นหันมามองพวกเขาทั้งคู่เป็นตาเดียว ส่วนบีเอสาวสวยยืนนิ่งเป็นหินไปแล้ว...

 

“คุณ! ทำอะไรเนี่ย เอามาป้ายหน้าผมทำไม!”

 

“ก็เธอกับฉันสีผิวคล้ายกัน ไม่ให้ลองกับเธอจะให้ไปลองกับใคร”

 

“โอ้ย ก็ลองกับตัวเองไปสิ!”

 

“ไม่เอา ฉันไม่อยากให้หน้าฉันเลอะ”

 

ว่าแล้วคณิตก็หยิบรองพื้นอีกสีมาทาไปบนแก้มขาวอีกข้างโดยไม่สนใจเสียงประท้วงตะแง้วๆของปูนเลยแม้แต่น้อย ปูนดิ้นไปดิ้นมาพยายามเอื้อมไปหยิบเทสเตอร์มาหวังจะแกล้งคณิตคืนจนร่างสูงต้องจ้องดุๆไปนั่นแหละคนตัวเล็กถึงยอมยืนนิ่งๆได้แม้จะไม่เต็มใจเลยก็ตาม

 

“เลิกทำหน้าบูดสักทีน่า เดี๋ยวพาไปกินไอติม”

 

“ผมไม่ได้หน้าบูด แล้วผมก็ไม่ใช่เด็กด้วย!”

 

คนที่บอกว่าตัวเองไม่ได้หน้าบูดตอนนี้เริ่มทำหน้าบึ้งเป็นเท่าตัวจนคณิตต้องถอนหายใจ เขาใช้มือของตัวเองค่อยๆเกลี่ยรองพื้นที่ถูกป้ายเป็นปื้นให้กลืนไปกับสีผิวด้วยสัมผัสที่แผ่วเบาจนบรรยากาศรอบข้างเงียบไปทันตา แม้แต่บีเอที่ทำท่าเหมือนอยากจะบอกอะไรกับเขาสักอย่างก็เลือกที่จะหยุดแล้วมองพวกเขาเงียบๆ

 

“ไม่เห็นต้องงอนเลย ทาแล้วเธอก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรสักหน่อย”

 

“แต่ผมเป็นผู้ชาย...”

 

“ฉันก็ผู้ชาย ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย”

 

“แปลกสิ อย่างน้อยก็ผมที่ไม่เคยแต่งหน้า”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ทำใจให้ชินซะ...น้องครับ เอาสีนี้มาสองขวดเลย”

 

ชายหนุ่มหันไปบอกกับบีเอพร้อมกับยื่นบัตรเครดิตของตัวเองไปให้ด้วยเสร็จสรรพ หญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่นานสะดุ้งแล้วยื่นมือเข้ามารับบัตรเครดิตของคณิตไปแล้วรีบเดินไปหยิบสินค้าตามที่ร่างสูงว่า ไม่นานนักเธอก็กลับมาพร้อมกับถุงกระดาษสีน้ำเงินเข้มสองถุงและบิลเพื่อให้คณิตเซ็น คนตัวโตรับของมาแล้วยื่นมันให้กับปูนที่ยืนอยู่ข้างกันก่อนจะหันไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย

 

“อย่าบอกนะว่าคุณซื้อให้ผมด้วย”

 

“อืม ถือซะว่าเป็นของตอบแทนที่มาเลือกซื้อของเป็นเพื่อนฉันแล้วกัน”

 

“แต่ว่า รองพื้นมัน...”

 

“รับไปเถอะน่า เชื่อฉันสิว่าสักวันเธอก็ต้องใช้ อีกอย่างฉันเป็นคนออกเงินซื้อให้ แค่เธอรับไปก็ไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้วนี่”

 

คณิตพูดยิ้มๆเมื่อเห็นสีหน้าลังเลใจของคนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงกับของขวัญที่ได้รับมา คนตัวโตขำในลำคอเบาๆก่อนจะคว้าคอของปูนมากอดไว้แล้วพากันเดินไปยังร้านขายเกมเพลย์ซึ่งอยู่อีกโซน เพื่อที่จะหาเกมมาเล่นกันใหม่ในคืนนี้ คล้อยหลังสองคนนั้นไปบีเอสาวที่ยังคงไม่ได้พูดในสิ่งที่เธอต้องการจะพูดได้แต่ยืนหน้าแดงแล้วมองเทสเตอร์ทั้งสองตัวที่ถูกวางอยู่บนตู้กระจกใส เธอจะจำไว้ให้ขึ้นใจว่าหากคราวหน้าลูกค้าสองคนนี้เดินทางมาซื้อของกับเธออีกครั้ง เธอจะบอกพวกเขาให้ได้ว่า

 

 

 

 

รองพื้นน่ะเทสที่คอก็พอค่ะ...คุณลูกค้า

 

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!!

งานด่วนต้องมา สั้นและฟินไปเนอะ 55555 ง่ายคับ ตอนนี้เช่ได้แรงบันดาลใจมาจากเจ้าตัวนั่นแหละ แหม ผช.สองคนที่ไม่รู้เรื่องเครื่องสำอาง (แค่ตอนนั้นนะ ตอนนี้นางเทพไปแล้ว) มาช่วยกันเลือกแบบนี้มันฟินได้อี๊กกกกกกกก >/////////<  :hao6:

สักนิดๆ จริงๆแล้วการเลือกรองพื้นทำได้หลายวิธีนะคับ ลองแบบเทสกับหน้าตามป๋าปูนก็ไม่ผิดอะไรนะ แต่ปกติเช่จะเทสที่คอเนอะ^^

ค่อยๆเป็นค่อยๆไปกันนะคับ เช่อาจจะมาอัพอีกที X'mas แต่ขอดูก่อน ถ้าว่างจากพี่กาลพอจะเขียนได้สักตอนจะจัดลัดคิดให้นิดหน่อยนะคับ ^^ วันนี้ทอล์คสั้นนะ เพราะเช่ง่วงมากกก ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตเลย ดีใจมีคนรักป๋ากับปูนเยอะแยะ ขอให้รักกันตลอดไปนะคับ!  :-[

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2015 22:23:36 โดย vivacestory »

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #8][211258]
«ตอบ #55 เมื่อ22-12-2015 01:10:22 »

อยากรู้ปมของปูนอ่ะ มีปัญหาอะไรกันแน่

ออฟไลน์ Seilong2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #8][211258]
«ตอบ #56 เมื่อ22-12-2015 02:18:21 »

 o13 o13

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #8][211258]
«ตอบ #57 เมื่อ22-12-2015 08:33:45 »

ปูนต้องมีปมในใจ

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #8][211258]
«ตอบ #58 เมื่อ22-12-2015 18:57:20 »

อยากสิงบีเอมาก ณ จุดๆนี้้
คณิตน่ารักมากกกกกกกก ดูแลน้องดีได้อีก
ปูนก็ยอมไปอยู่กับพี่เขาเถอะลูก
ป้าจะได้ฟิน :hao7:

ออฟไลน์ cho-ningza-19891

  • สติไม่ค่อยมี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #8][211258]
«ตอบ #59 เมื่อ22-12-2015 19:33:56 »

โอ้ย ไม่ไหวแหละ
วินาทีนี้ ฟินมากกกก  :o8:
น้องปูนตั้ลลั๊กกกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด