บอยรีบบึ่งรถบิ๊กไบค์ของตัวเองออกไปแทบจะทันที เขาเร่งความเร็วขึ้นโดยไม่กลัวว่าจะไปเตะตาตำรวจที่ไหนเข้า เพราะในหัวของร่างสูงมีเพียงภาพของสถานที่ที่มีความทรงจำอันล้ำค่าของบอยถูกเก็บไว้ ทั้งในสายลม หยดน้ำ และเม็ดทราย...สถานที่ที่บอยเชื่อว่าพลัสยอมเปิดใจให้เขาเป็นครั้งแรก
“พลัส...”
และบอยก็คิดถูก ภาพของพลัสในปัจจุบันถูกซ้อนทับด้วยภาพในอดีต แม้จะอยู่คนละช่วงเวลาแต่พลัสในวันนี้ไม่ต่างอะไรจากในวันนั้น...จะเปลี่ยนไปก็แค่คนที่ทำให้พลัสร้องไห้คือเขาไม่ใช่ใครอื่น
เด็กหนุ่มไม่ได้หันกลับไปมองแต่ก็ไม่ได้ลุกหนี อันที่จริงร่างบางรู้อยู่แล้วว่าบอยจะต้องพยายามตามหาเขา...พลัสได้แต่นั่งนิ่งทั้งที่อยากด่าทออีกฝ่ายให้สาแก่ใจแต่มันก็ทำได้ยาก เพราะในหัวใจของพลัสในตอนนี้มันมีแต่ความผิดหวังไม่ใช่ความแค้นเหมือนดั่งเก่า
มือที่สั่นเทาของบอยเอื้อมมาโอบรัดร่างของพลัสไว้ แม้จะไม่มีเสียงร้องไห้แต่ทั้งคู่ต่างก็ได้ยินมันผ่านหัวใจที่บอบช้ำทั้งสองดวง ร่างบางพยายามขืนตัวออกแต่บอยก็ไม่ยอม...ขอร้อง...ช่วยฟังกันก่อนได้ไหม
“พี่รู้ว่าพี่ผิด...ผิดเกินกว่าที่พลัสจะให้อภัย...แต่ขอร้องเถอะนะ ขอให้พี่ได้ชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำไปกับพลัสก่อน”
“ทางเดียวที่พี่จะชดใช้ได้คืออยู่ให้ไกลจากผม หูหนวกรึไง บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ต้องมาให้เห็นหน้ากันอีก”
น้ำเสียงของพลัสมันทั้งแหบพร่าและเย็นชาเสียจนคนฟังรู้สึกร้าวไปทั้งใจ แม้คำพูดที่พลัสใช้จะกลับมาสุภาพแต่มันกลับไม่น่าฟังเลยสักนิด
“ไม่...ฟังพี่ก่อนนะ”
“พอเถอะพี่...ผมเหนื่อย...เหนื่อยจะฟัง เหนื่อยจะคิดทุกอย่างแล้ว”
บอยโอบรับร่างบางให้แน่นขึ้นอีกแต่เขากลับรู้สึกเหมือนกับว่าไม่เคยไขว่คว้าคนคนนี้ได้จริงๆสักครั้ง
“อย่าเพิ่งเหนื่อยได้ไหม จะด่ากันอีกก็ได้ จะทรมานพี่แค่ไหนก็ยอม ขอแค่พลัสยังไม่ไป...ขอแค่พลัสยังอยู่ให้พี่เห็น”
“ตอนนี้พี่ขอร้องผม...แล้วทีตอนนั้นที่ผมขอให้พี่หยุด ทำไมพี่ถึงไม่ฟังผมบ้างล่ะครับ...ผมขอร้อง...ขอให้พี่ไม่ทำแล้วผมพี่เคยฟังมันบ้างไหมพี่บอย”
พลัสหันมาเผชิญหน้ากับคนที่ใจร้ายที่สุดด้วยสีหน้าที่ตัดพ้อ หากแต่สิ่งที่ทรมานใจเขาตอนนี้ไม่ใช่ความอัปยศในคืนนั้น แต่เป็นสาเหตุของมันต่างหาก
“ผมคิด...ว่าตัวเองอาจจะให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวเรื่องในคืนนั้นได้เพราะความดีที่พี่ทำ แต่ผมคิดไม่ออกจริงๆ...ว่าจะให้อภัยคนที่ทำร้ายผมเพราะคำพูดของคนอื่นได้ยังไง ผมคิดไม่ออกจริงๆพี่”
ร่างบางสัมผัสใบหน้าของคนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงหัวใจของเขาไปในวินาทีสุดท้าย หากวันนั้นบอยไม่เข้ามาหาเขาที่นี่...หากบอยไม่เข้ามาเป็นคนที่พลัสได้พึ่งพิงการตัดอีกฝ่ายออกไปจากชีวิตคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะเผชิญหน้ากันต่อไป...มันเจ็บมาก...ทรมานเกินไปจริงๆ
“พี่...ไม่มีทางชดใช้ให้เราได้เลยจริงๆหรอนอกจากทางนี้”
บอยถามพลัสขณะที่เคลื่อนเข้าไปใกล้จนหน้าผากของพวกเขาสัมผัสกัน ดวงตาทั้งสองคู่ไม่หลบหลีกไปไหน มันสบกันอยู่อย่างนั้นเหมือนกับว่าต้องการจดจำภาพช่วงเวลานี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด
“ไม่มีแล้วพี่บอย ฮึก มันหมดหนทางแล้วจริงๆ”
“...”
“ปล่อยผม...ไปเถอะนะ”
พลัสว่าก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย ทั้งความเจ็บปวดและความรู้สึกดีๆแม้จะเพียงเล็กน้อยที่ได้รับจากชายคนนี้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมดไม่มีเหลือ บอยมองดูน้ำตาของคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย แน่นอนว่าเขาเสียใจแต่บอยก็เข้าใจว่าตัวเองคือคนที่ทำร้ายพลัสมากที่สุด
บอยหลับตาลง เขานึกถึงภาพของเด็กผู้ชายเจ้าของรอยยิ้มสดใสที่เข้ามาสร้างความรู้สึกบางอย่างไว้ในหัวใจของเขาอย่างง่ายดายเพียงแค่สบตา และเขาก็นึกถึงใบหน้าอมทุกข์ของเด็กคนนั้นรวมถึงแววตาที่แสดงออกถึงความหวาดกลัวในการพบกันครั้งที่สอง
“สวัสดีครับ ผมชื่อพลัส จะมาทำพาร์ทไทม์ที่นี่”
“...”
“หัวหน้าครับ?”
“จำพี่ไม่ได้หรอ”
“จำ? เราเคยเจอกันมาก่อนหรอครับ?”
“...”
“...”
“เปล่า...กูชื่อบอย...เป็นหัวหน้าของมึง”“สุดท้าย ไม่ว่ายังไงพี่ยังเป็นคนแพ้อยู่ดีสินะ แต่อย่างน้อย...ขอแค่สักครั้งให้พี่ได้พูดมันออกไป พลัสช่วยรับฟังมันหน่อยได้ไหม”
“...”
“พี่รักพลัสนะ...ขอโทษ...พี่ขอโทษ”
พลัสเคยคิดว่าหากวันนี้มาถึงเขาจะเป็นคนที่ยืนอยู่ในฐานะผู้ชนะแล้วปฏิเสธคำว่ารักของบอยไปด้วยความเกลียดชังทั้งหมดที่มี หากแต่ในวันนี้หัวใจของเขากลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกเติมเต็มด้วยสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้รับจากใคร...หากแต่รอยร้าวรอยใหญ่ที่ถูกสลักอยู่บนหัวใจนั้นก็ไม่อาจทำให้มันคงอยู่ต่อไปได้ ความรักของบอยถูกรินรดลงในหัวใจของเขา แต่มันก็หายไปเพราะความผิดที่อีกฝ่ายเคยกระทำ...ความผิดที่ปล่อยให้คำว่ารักอยู่เหนือหัวใจของคนที่รัก
“ขอโทษนะครับ...แต่ผมรับมันไว้ไม่ได้จริงๆ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ตั้งแต่บอยวิ่งตามพลัสไปปูนก็ได้แต่ยืนอยู่กับที่เพราะไม่อาจสลัดภาพใบหน้าอันเจ็บปวดของพลัสออกไปจากหัวสมองได้ คำพูดและการแสดงออกถึงความผิดหวังทำให้ร่างเล็กเริ่มสะท้อนใจถึงผลจากสิ่งที่ตัวเองทำ จริงอยู่ที่เขาไม่ชอบพลัสเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยทำอะไรกับคนคนนี้ไว้ แต่พอวันนี้ทุกอย่างมันย้อนกลับมาหาตัวเองและคำพูดของพลัสที่ตอกย้ำหัวใจคนฟังเข้าอย่างจัง ปูนก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกผิดของตัวเองได้เลย
‘คนอย่างมึงมันไม่สมควรได้รับความรักจากใครเลยจริงๆ’“ปูน”
ปูนสะดุ้งเมื่อเสียงที่คุ้นเคยดีกำลังเรียกชื่อของเขาในขณะที่ร่างเล็กกำลังนึกถึงคำพูดสุดท้ายของพลัสซ้ำไปซ้ำมา
ป๋า...
“อย่าหนีนะ!”
ปูนเตรียมจะวิ่งหนีแต่ยังไม่ทันแม้จะได้ขยับตัว คณิตก็พูดขึ้นพร้อมกับเดินมาจับแขนของปูนไว้ คนที่เขาเที่ยวตามหากำลังยืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางที่ดูสับสนอย่างหนัก จากทั้งเรื่องของเขา...และเรื่องของเด็กที่ชื่อพลัส
“ปะ ปล่อย”
“ไม่”
คณิตไม่ฟังคำปฏิเสธของปูนเลยสักนิด เขาออกแรงลากคนที่ตัวเล็กกว่ามากไปยังรถของตัวเองแม้ว่าปูนจะขัดขืนจนใครต่อใครหันมามอง
“ไม่ไปนะ ปล่อยสิ! ฮึก บอกให้ปล่อยไง!”
เมื่อความต้องการของตัวเองไม่ถูกตอบสนองปูนก็เริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้งจนคนฟังใจสั่น คณิตอยากจะเข้าไปซับน้ำตาให้แต่ก็รู้ดีว่าไม่ควรทำ เขาตามใจปูนมากไป จนทำให้ปัญหาทุกอย่างคาราคาซังแบบนี้รวมไปถึงเรื่องของพลัสที่ต่อให้ไม่มีใครพูดออกมาตรงๆคณิตก็พอจะเดาได้ว่าเหตุผลที่ปูนบอกให้บอยทำร้ายเด็กหนุ่มคนนั้นไป สาเหตุก็คงไม่พ้นเรื่องของเขา
“พลัส...”
จู่ๆ ปูนก็ครางชื่อของคนที่เป็นประเด็นอยู่เมื่อครู่ออกมาทำให้คณิตหันไปมองภาพของพลัสที่กำลังวิ่งออกไปนอกโรงพยาบาลอย่างรีบร้อนเหมือนกับพยายามหนีอะไรบางอย่าง ร่างเล็กรู้สึกใจเสีย ที่บอยวิ่งตามไปเมื่อกี้สองคนนั้นยังไม่ได้เจอกันหรอ ปูนรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหวังจะโทรบอกบอยว่าพลัสกำลังวิ่งไปที่ไหน แต่คณิตที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็คว้าโทรศัพท์ของคนรักมาถือไว้พร้อมกับทำหน้าขึงขัง
“อย่ายุ่งกับเด็กคนนั้นอีก”
คณิตไม่ได้โกรธเขาเพียงแต่คิดว่าหากปูนยังเข้าไปยุ่งมากไปกว่านี้เรื่องของสองคนนั้นอาจจะบานปลายจนเกินแก้ แต่สำหรับคนที่มีชนักติดหลังอย่างปูนกลับมองแววตาตำหนิด้วยความกลัว อย่าบอกนะว่าคณิตได้ยินมันทั้งหมด..:พอคิดได้อย่างนั้นปูนก็เริ่มหน้าเสีย สำหรับเรื่องนี้เขาเองยังรู้สึกแย่กับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป นับประสาอะไรกับคณิตที่อ่อนโยนกับคนอื่นเสมอ
“ผมไม่ได้จะ...”
“ไม่ว่าเธอจะตั้งใจทำอะไร มันคงไม่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นหรอก...สิ่งที่เธอกับบอยทำมันรุนแรงเกินไปปูน อย่าทำให้เรื่องมันแย่มากไปกว่านี้”
คำพูดของคณิตเป็นเหมือนมือที่มองไม่เห็นซึ่งกำลังบีบลำคอของปูนจนร่างเล็กหายใจไม่ออก เรื่องราวมากมายที่รุมเร้าทำให้ปูนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมลงไปในความมืดเรื่อยๆโดยไม่มีหลักยึดใดให้ไขว่คว้า แม้แต่มือของคณิตที่กำลังจับกันอยู่นี่ก็ไม่อาจทำให้ปูนรู้สึกถึงวันข้างหน้าได้อย่างเคย
มันมืดมดและไร้หนทาง...ทางที่เขาจะเดินไปข้างหน้าได้
“ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็อย่ามายุ่งกันเลยครับ”
“...!?”
“ผมมันไม่ดีในสายตาคุณอยู่แล้วไม่ใช่รึไง”
ปูนร้องไห้ก่อนจะเผยใบหน้าที่แสดงถึงความสิ้นหวังออกมาอย่างถึงที่สุด เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนดีและไม่ได้มีโอกาสมากมายนักที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไป แต่คณิตคือความหวัง...ความหวังที่ปูนใช้บอกตัวเองว่าเขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ หากแต่วันนี้มันกลับพังทลายลงไปด้วยน้ำมือของเขาเอง
“เรื่องของพลัสผมผิดจริงๆอย่างที่คุณว่า ถึงจะทำอะไรไม่ได้มากแต่ผมก็จะพยายามชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ส่วนเรื่องของพี่กาล...”
“...”
“ขอโทษนะครับ ที่ผมแก้ไขอดีตของตัวเองไม่ได้จริงๆ”
ปูนขืนข้อมือของตัวเองออกโดยที่คราวนี้มันกลับหลุดออกมาได้ง่ายดายเพราะคณิตกำลังตกใจกับคำพูดกล่าวโทษตัวเองของปูน ร่างสูงยอมรับ...ว่าห้วงหนึ่งในความคิดเขารู้สึกผิดหวังกับอดีตของปูนที่เพิ่งได้รับฟัง อดีตที่บอกว่าครั้งหนึ่งปูนเคยรักใครคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนรักของเขาที่คณิตไม่อาจจินตนาการภาพได้เลยว่าเพราเหตุอันใดปูนถึงไม่บอกเรื่องนี้กับเขาตั้งแต่ทีแรก
เพราะมันไม่สำคัญจนต้องเก็บมาใส่ใจ
หรือเพราะว่าสำคัญมากจนไม่อยากให้รับรู้...
คณิตถามตัวเองซ้ำๆอยู่อย่างนั้นแต่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้แม้กระทั่งตอนนี้ที่มือของเขาไม่อาจสัมผัสปูนได้จนความเหน็บหนาวและปวดร้าวในหัวใจเกิดขึ้นในอกของคณิตเป็นครั้งแรก...มันรุนแรงและลึกซึ้งจนทำให้คณิตรู้ตัวว่าปูนสำคัญกับเขามากเท่าใด
“ฉันรักเธอนะปูน...แต่ฉันก็ห้ามความเห็นแก่ตัวของตัวเองไม่ได้ แค่คิดว่าครั้งหนึ่งเธอเคยบอกรักไอ้กาลด้วยถ้อยคำที่เหมือนกับที่เธอเคยบอกฉันหัวใจมันก็เจ็บขึ้นมาอย่างไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ”
คณิตคว้าปูนมากอดไว้ มันเป็นการกระทำที่สวนทางกับคำพูดอย่างชัดเจน เหมือนกับการที่สมองบอกให้เขาเดินออกมาจากเรื่องราวยุ่งยากทุกอย่างหากแต่หัวใจกลับไม่ยอมเชื่อฟัง
“คนอื่นบอกว่าฉันเป็นคนใจกว้างที่รับรักเธอได้ แต่เธอรู้ไหม...ความจริงแล้วคนอย่างฉันน่ะมันทั้งใจแคบและเห็นแก่ตัวที่สุดเลย”
การกลับมาของอดีตไม่ได้ทำร้ายเพียงหัวใจของปูนที่ทนแบกรับมันมานาน หากแต่มันกลับยังสร้างรอยแผลรอยใหม่ให้คณิตที่เพิ่งรับรู้ถึงความไม่สวยงามของตัวเองซึ่งมันยากเกินกว่าจะยอมรับ พวกเขาที่ทั้งโง่เขลาและไร้หนทางจึงทำได้เพียงแค่กอดกันไว้แม้ว่าความรู้สึกตอนนี้จะยังไม่ชัดเจนและเต็มไปด้วยคำถาม ว่าสุดท้ายแล้วความรักที่บีบรัดอยู่ในอกนี้จะดำเนินไปในทางไหน
คณิตพาปูนกลับมาที่บ้าน...บ้านที่เขาและปูนเพิ่งยิ้มและหัวเราะให้แก่กันในตอนเช้าก่อนมันจะเปลี่ยนเป็นรอยน้ำตาในยามที่พระอาทิตย์ค่อยๆลาลับไป ไม่มีคำพูดใดๆระหว่างคนทั้งสอง มีแค่ความเงียบที่โอบล้อมและอ้อมแขนอุ่นๆที่คอยประคองกันไว้บนเตียงนอนที่มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น
ปูนหยุดร้องไห้ไปแล้ว แต่ร่างเล็กยังคงเลือกที่จะวางหัวอันหนักอึ้งของตัวเองไว้บนอกของคณิตที่คอยลูบมันไปมาอย่างอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรๆมันก็เปลี่ยนไปแล้วก็ตาม
“ผมน่ะ...เคยรักเขามาก่อน”
หลังจากเงียบกันอยู่นาน จู่ๆปูนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ และเพราะความมืดรอบตัวก็ทำให้คณิตไม่อาจให้คณิตเห็นได้เลยว่าใบหน้าของปูนยามพูดถึงเพื่อนของเขา มันเต็มไปด้วยความรัก ความเศร้า หรือความเกลียดชังกันแน่...ปูนนึกถึงใบหน้าของคนคนนั้นที่แม้จะไม่ค่อยได้ยิ้มให้เขาแต่ดวงตาที่แสดงออกถึงความเข้าใจก็ทำให้ร่างเล็กรู้สึกอบอุ่นเสมอ เขาเผลอกำมือที่กำลังจับชายเสื้อของคณิตไว้แน่นขึ้นเมื่อเรื่องราวในอดีตย้อนเข้ามาในหัว
“พี่กาล...เขาเป็นเหมือนสิ่งดีๆที่เข้ามาในชีวิต เขาทำให้ผมที่ไม่เคยมีความรู้สึกลึกซึ้งแบบนี้ให้กับใครได้เรียนรู้ว่าการรักใครสักคนมันมีความสุขมากแค่ไหนรวมไปถึงความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับมัน ตลอดเวลาที่คบกันผมรู้ดีว่าระหว่างเรามันคงเป็นไปไม่ได้ ถึงพี่กาลจะบอกว่าเขาจะอยู่กับผม...แต่ผมก็รู้ว่าสักวันเขาก็คงทิ้งผมไปอยู่ดี”
“ไอ้กาลมัน...ทิ้งเธองั้นหรอ”
“อืม แม้ว่าเขาอาจจะคิดว่าเป็นอีกอย่างน่ะนะ”
ร่างเล็กยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วกอดเข่าตัวเองไว้ปล่อยให้ดวงตาจับจ้องไปยังแสงไฟที่ส่องสว่างมาจากทางนอกหน้าต่าง หากในห้องๆนี้ไม่มีคณิต บรรยากาศตอนนี้คงไม่ต่างจากคืนวันที่เขาต้องเฝ้ารอคอยรัตติกาลให้มาหาโดยที่ไม่เคยได้รับรู้เลยว่าคนที่เขารักกำลังไปทำอะไรอยู่ที่ไหน
“การรอคอยมันทรมาน...แต่ผมก็บอกตัวเองว่าทนได้แล้วรอคอยเขาอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่รู้เลยว่ายังมีบางสิ่งที่ทรมานยิ่งกว่า...นั่นก็คือการรอคอยที่ไม่มีใครกลับมาหาเรา...การรอคอยที่ต่อให้ทุ่มเทความรู้สึกและปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานแค่ไหนสุดท้ายมันก็ไร้ค่า...ไม่มีใครรู้ว่าเราอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครได้ยินว่าเราเจ็บปวดแค่ไหน ไม่มี...ไม่มีเลยสักคน”
เสียงของปูนแผ่วลงเรื่อยๆเช่นเดียวกับความหวังที่ริบหรี่ก่อนจะค่อยๆดับไปในท้ายที่สุด คณิตมองแผ่นหลังที่คุดคู้ลงและมือที่โอบกอดตัวเองไว้ของปูนซึ่งบ่งบอกได้ดีกว่าเด็กผู้ชายตัวเล็กๆนี้ก้าวผ่านการรอคอยที่ว่านั้นมาโดยวิธีไหน
“ระหว่างผมกับเขามันจบไปแล้ว...แม้ว่ามันจะยังมีอะไรหลายอย่างที่ไม่ชัดเจนแต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมต้องฝืนทนอยู่ตรงนั้นต่อ ผมจะไม่ขอให้คุณเข้าใจหรือว่าเกลียดเพื่อนของตัวเองเพราะสิ่งที่เขาทำกับผม...แต่ผมอยากบอกคุณนะคุณคณิต ว่าต่อให้ตอนนี้พี่กาลเขาจะมาคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วขอให้ผมยกโทษให้ผมก็จะไม่มีวันให้อภัยคนอย่างเขาเป็นอันขาด”
“บอกได้ไหม ว่าระหว่างเธอกับไอ้กาลมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“บอกไปแล้วจะได้อะไร คุณจะไปทวงความยุติธรรมคืนให้ผมหรอ”
“...”
“หึ ก็ไม่ใช่ไหมล่ะ เพราะแบบนี้ไงผมถึงไม่เคยคิดจะบอกคุณว่าครั้งหนึ่งผมเคยรักกับคนแบบนั้น”
ร่างเล็กยิ้มให้คณิตอีกครั้ง ก่อนที่จะลุกขึ้นมาเปิดไฟในห้องแล้วเริ่มลงมือเก็บเสื้อผ้าและของใช้ลงไปในกระเป๋าสะพายใบเดียวกันกับที่ปูนใช้ขนของจากหอมาไว้ที่นี่ คณิตขมวดคิ้วแน่น ยิ่งได้เห็นว่าเสื้อผ้าที่ปูนหยิบออกไปจากตู้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ปูนซื้อมันมาด้วยตัวเองทั้งนั้น ผิดกับเสื้อผ้าที่เขาซื้อไว้ให้
“เธอจะทำอะไร”
“เก็บเสื้อผ้าไงครับ”
“เธอจะไปจากฉันงั้นหรอ”
“แล้วมัน...มีทางอื่นที่ดีกว่านี้รึไง คุณรับอดีตของผมไม่ได้ ไม่สิ...ความจริงคุณอาจจะไม่เคยรับตัวตนของผมได้เลยด้วยซ้ำ”
ปูนยิ้มขืนพร้อมกับนึกถึงคำพูดของบอยที่บอกไว้ ว่าถ้าหากคณิตไม่สามารถรับอดีตที่ไม่น่ามองของปูนได้บางทีก็อาจจะถึงเวลาที่เขาควรจะเลิกวิ่งตาม ไม่ใช่ว่าไม่รัก ไม่ใช่ว่าอยากยอมแพ้ แต่เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้ากับการที่ต้องคอยถามต้องถอยถามตัวเองซ้ำๆ ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันไม่เพียงพอต่อการอยู่ด้วยกันของเราอย่างนั้นหรอ ในขณะที่คณิตเอง...ก็คงจะเหนื่อยกับการพยายามยอมรับตัวตนของปูนด้วยเช่นกัน
“ผมรักคุณนะ...ปูนรักป๋า แต่ว่าตอนนี้ผมว่าเราพยายามกันมามากเกินพอแล้ว”
เด็กหนุ่มกลั้นก้อนสะอื้นลงคอแล้วหันมามองหน้าคนที่ตนรักด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย อยากจะเข้าไปกอด อยากจะเข้าไปร้องขอว่าช่วยจับมือกันไว้ให้แน่นๆได้ไหม แต่ความเป็นจริงเบื้องหน้ากลับเป็นเหมือนหมุดเล่มใหญ่ที่ตอกปลายเท้าของปูนไว้ไม่ให้เดินไปไกลกว่านี้ เขานึกย้อนไปถึงวันแรกที่ได้เจอกันแม้มันจะไม่สวยงามและเต็มไปด้วยเรื่องผิดพลาดแต่ภาพของคณิตที่แสนอบอุ่นและเข้าใจเขาเสมอนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ปูนหลงรักผู้ชายคนนี้หากแต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมันกลับย้อนแย้งกับความจริงข้อนั้นอย่างน่าเจ็บใจ...ปูนอยากถามคณิตว่าตัวเขาในสายตาของร่างสูงในวันนี้ยังคงน่าเอ็นดูเหมือนกับวันนั้นไหม หรือสิ่งดีๆที่อุตส่าห์สร้างกันมาแทบตายกลับสลายไปพร้อมกับความคาดหวังที่เกินตัว
“ป๋า...เราเลิ...”
“ฉันจะไม่เลิกกับเธอหรอกนะ”
“...!!”
“เราจะไม่เลิกกันปูน ฉันจะไม่มีวันรับคำบอกลาของเธอแน่ๆ”
คณิตก้าวไปหาคนที่แสดงสับสนออกมาผ่านแววตาก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กมาถือไว้แทนด้วยการตัดสินใจที่แน่แน่ว
“สิ่งที่เราทั้งคู่ต้องการตอนนี้คือเวลา ไม่ใช่การตัดปัญหาออกไปโดยที่ยังไม่ได้ลองแก้ไข เธอบอกว่าเราพยายามกันมามากเกินพอ...ใช่...ฉันยอมรับว่ามันเป็นอย่างนั้น ฉันเคยเหนื่อยที่ต้องพยายามเข้าใจการกระทำที่ไร้เหตุผลของเธอ ฉันเคยท้อกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นที่คอยตอกย้ำให้ฉันรู้ว่าเธอเคยทำอะไรไว้ ฉันเคยไม่ไว้ใจเธอแค่เพราะคำพูดของคนที่รู้จักเธอน้อยกว่าฉัน...ฉันเคยอยากหันหลังให้กับเธอเมื่อต้องมารับรู้ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยรักเพื่อนของฉันมากแค่ไหน แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้ทำมันเพราะอะไรรู้ไหมปูน”
“...”
“เพราะฉันไม่อยากเสียเธอไป...จริงๆนะ”
คณิตไม่ได้ขอร้องให้ปูนล้มเลิกความคิด เขาเพียงแค่หวังว่าความรู้สึกส่วนลึกทั้งความอ่อนแอและเข้มแข็งของเขาจะพอทำให้ร่างเล็กรู้ว่าไม่ใช่ปูนเพียงคนเดียวที่อยากรักษาความรักครั้งนี้ไว้
“ฉันเองก็ไม่ได้เข้าใจความรักมากไปกว่าเธอหรอกปูน ฉันอยากให้ทุกๆวันของเราเป็นวันที่ดี แต่ฉันก็ทำไม่ได้...ฉันทำเธอร้องไห้ ฉันทำให้เธอเกือบจะพูดคำนั้นออกมาเพียงเพราะฉันเป็นคนทำให้เธอคิดว่าฉันไม่รักเธอแล้วทั้งที่มันไม่ใช่ ฉันอยากเข้มแข็งกว่านี้ ฉันอยากปกป้องเธอได้ เธอจะให้โอกาสฉันได้ไหมปูน...ให้โอกาสเราทั้งคู่ได้คิดทบทวนทุกอย่างก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป”
ฝ่ามือของปูนอุ่นขึ้นเพราะริมฝีปากของคณิตที่แนบลงบนมันอย่างแผ่วเบาเช่นเดียวกับคำขอร้องนั้น ปูนมองคิ้วของร่างสูงที่ขมวดกันเป็นปม เขามองดวงตาดวงเล็กคู่นั้นที่กำลังจับจ้องมาอย่างอ้อนวอนและขอร้องอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ร่างเล็กทั้งตกใจและปวดใจในคราวเดียวกัน ทำไมนะ ทำไมเขาถึงไม่ได้เจอผู้ชายคนนี้ให้เร็วกว่านี้
“ตอนนั้น...คุณเคยถามผมว่าไม่กลัวบ้างรึไง ว่าสักวันสิ่งที่ผมทำมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวผมเอง”
“แล้วเธอก็ตอบฉันว่าเธอตั้งใจทำให้มันเป็นอย่างนั้น”
“ครับ ผมตอบไปอย่างนั้นเพราะผมไม่ได้รู้จักคำว่า ‘เสียใจ’ ดีพอ แต่ตอนนี้...ผมเสียใจครับ เสียใจจริงๆที่ผมดีพอสำหรับคุณไม่ได้”
คณิตหยุดคำพูดของปูนไว้ด้วยอ้อมกอดที่สั่นเทาพร้อมกับถามตัวเองว่าทั้งๆที่พวกเขารักกันแต่ทำไมการอยู่ด้วยกันนั้นถึงเจ็บปวดแบบนี้ เขาเงยหน้าขึ้นจนสายตามองไปเงาสะท้อนของเราทั้งคู่ที่ดูเจ็บปวดเสียจนอยากหันกลับไปแต่ก็ทำไม่ได้...เขาต้องมองดูความเป็นจริงนี้ไว้แล้วบอกกับตัวเองว่าความรักมันเป็นแบบนี้
“สัญญานะปูนว่าจะกลับมา...ถ้าวันไหนเธอพร้อมที่จะเดินไปกับฉันอีกครั้ง...เธอจะต้องกลับมานะ”
“ผมต่างหากล่ะที่ต้องขอร้อง...ถ้าคุณพร้อมที่จะให้ผมเดินไปด้วยกันได้...ผมจะกลับมานะครับ”
ปูนพูดแบบนั้นก่อนที่จะจุมพิตคณิตอีกครั้งแทนคำสาบานระหว่างพวกเขาทั้งคู่ที่แม้ว่าลึกๆแล้วจะไม่อยากจากกันไปไหนแต่เราต่างก็รู้ดีว่าเวลาและระยะห่างคือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะเยียวยารอยแผลที่มองไม่เห็นเหล่านี้ได้
แต่แล้วสุดท้ายเมื่อเช้าวันใหม่มาถึง
ก็ไม่มีใคร...พบเห็นปูนอีกเลย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุยกับเช่!!
มีแต่คนกลัวว่าป๋าจะทิ้งน้อง ที่ไหนได้น้องทิ้งป๋าก่อนต่างหาก5555555 สำหรับความหน่วงและความงงว่ามันเกิดอะไรขึ้นตอนนี้คงเป็นตอนสุดท้ายสำหรับความรู้สึกแบบนั้นนะคับ หลังจากนี้จะเป็นการแถ เอ้ย การแก้ปม ทั้งคำถามที่ว่าทำไมเรื่องแค่นี้ปูนต้องปิดป๋าด้วย หรือว่าอดีตของปูนมันมีอะไรกันแน่ จะได้รู้กันแล้วเนอะ สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านพี่กาล เช่อยากขอโทษมากๆคับ เพราะพอแต่งๆไปจากที่เคยบอกว่าเรื่องค่อนข้างขาดกันแต่เอาเข้าจริงถ้าไม่อ่านเรื่องนั้นมาก่อนมันน่าจะงงหนักมาก โดยเฉพาะคนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมปูนต้องแคร์เรื่องพี่กาลขนาดนั้น น่าจะพร่องความรู้สึกตรงนี้ไปนะคะ เช่จะพยายามใส่สิ่งที่เชื่อมกับเรื่องนั้นออกมาให้มากขึ้นแล้วก็อาจจะมีคำอธิบายเพิ่มเติมในช่วงtalkว่าเหตุการณ์ตอนนี้อยู่ในตอนไหนของเรื่องนั้น แต่จะดีที่สุดคือลองอ่านพี่กาลกันเนอะ บริหารตับไต5555 ล้อเล่นนนนนนนนนนนน
แล้วจากตอนนี้น่าจะเข้าใจแล้วนะคับว่าทำไมเช่ถึงไม่แยกเรื่องบอยพลัสออกมา เพราะเหตุการณ์ที่เกิดในตอนนี้เนี่ยแหละที่เช่คิดว่าน้องกับพี่บอยควรจะต้องรับผิดชอบ น้องปูนเป็นนายเอกนิสัยไม่ดีนะคับ (แต่ก็ไม่ได้เลว)เป็นคนที่ทำเรื่องผิดๆเยอะมากโดยเฉพาะเรื่องของพลัสที่ถ้าตัดคำว่านายเอกออกไปปูนก็ไม่ต่างอะไรจากตัวร้ายเลย แม้ว่าพลัสจะไม่ได้เขามาตบตีแล้วด่าปูนมากไปกว่านั้นแต่สิ่งที่ลงโทษปูนหนักที่สุดจากเหตุการณ์นี้คือความรู้สึกผิดที่ปูนใช้มันลดค่าของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว คอยดูเนอะว่าน้องจะทำยังไงกับเรื่องนี้ ส่วนพี่บอยไม่รู้ว่าช้ำจนโดดทะเลไปรึยัง555555
แล้วก็เรื่องป๋า คนนี้อยากพูดถึงหน่อย 55555 พักหลักป๋าโดนว่าเยอะ ซึ่งเช่ดีใจมากที่เป็นแบบนั้น ตอนเริ่มเรื่องคนอวยป๋าเยอะมากกกกกกกกกกก เยอะจนเช่รู้สึกสะกิดใจว่าหากคนที่ดูเพอร์เฟ็คขนาดนั้นแท้จริงแล้วไม่เป็นอย่างที่เราคิดมันจะเป็นยังไง เรื่องของป๋าเลยเป็นการพิสูจน์คับ ว่านิยายของเช่ไม่มีตัวละครตัวไหนดีหรือเลวสุดขั้ว ป๋าก็เช่นกัน คณิตก็เป็นแค่คณิต ผู้ชายธรรมดาที่ดันมารักกับคนไม่ธรรมดา ป๋าไม่ใช่พ่อพระ แต่เป็นตัวละครที่ถูกคาดหวังมากที่สุดจากทั้งน้องปูนและคนอ่าน และแม้ตอนนี้ป๋าอาจจะไม่ป๋าอีกแล้วสำหรับใครบางคน แต่สำหรับเช่ป๋าที่เป็นคนธรรมดาแบบนี้น่ะ น่ารักที่สุดเลยยยยยยย
วันนี้ทอล์คยาว นิยายก็ยาว ลิสงานก็ยาว อยากมีเวลาว่างมาอัพนิยายรัวๆ มีเวลาเหลือใช้ขายที่ไหนบ้างนะ...
ป.ล. ขอบคุณทุกการสนับสนุนนะคับ รักกกกกกก