- - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)  (อ่าน 165848 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่31][140459]
«ตอบ #330 เมื่อ19-04-2016 02:43:47 »

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่32][220459]
«ตอบ #331 เมื่อ22-04-2016 21:01:12 »


 

แตกที่ 32

…ไม่เข้าใจ...

 





คณิตก็เคยนึกสงสัยนะ ว่าทำไมความสัมพันธ์ระหว่างเขากับปูนพอมันกำลังจะดีขึ้นก็ต้องมีเรื่องเข้ามาทำให้สะดุดทุกที แต่เรื่องที่เข้ามาครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะรุนแรงและหนักหนามากกว่าทุกครั้ง



“ปูน”



“หื้อ?”



ปูนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำหันมาหาคณิตที่สวมชุดนอนนอนรออยู่บนเตียงเรียบร้อย ในขณะที่ปูนเพิ่งล้างหน้าแปรงฟันใหม่อีกรอบหลังจากเผลองีบหลับไปทั้งที่ยังดูหนังได้ไม่ถึงครึ่งเรื่อง



“เธอรู้จักเจ้าของเบอร์นี้รึเปล่า”



ร่างสูงชูโทรศัพท์ของปูนไปให้เจ้าของมันดู แน่นอนว่ารหัสปลดล็อคพวกเขาต่างก็รู้ของกันและกันดีอยู่แล้ว ปูนรีบเอาผ้าเช็ดตัวเป็นเก็บก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงมานั่งข้างกันเพื่อที่จะได้เห็นเบอร์โทรศัพท์ที่ว่าใกล้ๆแต่พอได้เห็นมันจริงๆแล้วใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง



“ไม่รู้จัก แล้วก็ไม่อยากรู้จักด้วย”



“หมายความว่ายังไง”



“ก็เบอร์นี้มันโทรมาหาผมหลายรอบแล้ว พอรับสายก็ไม่พูด หลังผมเลยไม่ได้รับอีกนี่กะว่าจะบล็อคหลายทีแล้วก็ลืม ทำไมหรอ อย่าบอกนะว่าป๋าเผลอรับ”



คณิตพยักหน้าให้แทนคำตอบแต่ความกังวลที่ร่างสูงแสดงออกมาก็ทำให้ปูนรู้ว่าเรื่องมันคงไม่มีแค่นั้น



“ตอนเธอลับเบอร์นี้ก็โทรเข้ามา พอฉันรับมันก็ถามใหญ่ว่าฉันเป็นใคร”



“จริงดิ แปลกแฮะ ปกติด่าพ่อมันไปก็ยังไม่เคยพูด”



“มีแปลกกว่านั้นอีก...พอฉันบอกว่าฉันเป็นแฟนของเธอ มันก็บอกให้ฉันเลิกยุ่งกับเธอซะแล้วระวังตัวให้ดี”



สิ่งที่คณิตบอกเล่าทำให้ปูนที่เคยคิดว่ามันคงเป็นแค่การแกล้งกันเล่นๆหน้าเปลี่ยนสี นี่มันเข้าข่ายข่มขู่ชัดๆ



“แล้วมันได้บอกไหมว่ามันเป็นใคร”



“ไม่ ฉันถามยังไงก็ไม่ยอมบอก แล้วเธอล่ะพอจะเดาออกไหม”



ร่างเล็กส่ายหน้า ก่อนหน้าที่โดนอีกฝ่ายกระหนำโทรเข้ามาปูนก็เคยนำเบอร์โทรศัพท์ไปค้นหาที่มาทางอินเตอร์เน็ตแต่ก็ไม่พบอะไร จนเขาคิดปัดไปเองว่าคงเป็นแกล้งกันเล่นไม่ก็อาจจะเป็นคนที่รู้จักกับเจ้าของเบอร์นี้ก่อนที่มันจะถูกรียูสใหม่จนกลายมาเป็นเบอร์ที่ปูนใช้ในปัจจุบัน เด็กหนุ่มรู้สึกกังวลมากขึ้นจนเผลอขยับเข้าไปในอ้อมแขนของคณิตที่อีกมือยังถือโทรศัพท์ไว้



“ทำยังไงดีป๋า มันจะทำอะไรเรารึเปล่า”



“ฉันก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆมันรู้จักเธอเราคงวางใจไม่ได้”



“หรือว่า...”



“...?”



“หรือว่าจะเป็นพวกคนที่ผมเคย...”



คณิตลูบหัวปูนเบาๆเป็นการบอกว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ร่างเล็กต้องการจะสื่อแล้วทำให้ปูนไม่ต้องลำบากใจที่ต้องอดีตที่ผิดพลาดของตัวเองออกมาจนจบ แน่นอนว่าข้อสันนิษฐานนี้คณิตก็เคยคิดแต่ว่าเท่าที่เขารู้มาเบอร์ที่ปูนกำลังใช้นี้ร่างเล็กเปลี่ยนมันหลังจากที่เข้ามาอยู่กับเขาแล้ว



“เอาเป็นว่าตราบใดที่เรายังไม่รู้ว่ามันเป็นใครและต้องการอะไรก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน ฉันจะบล็อคเบอร์ให้แล้วถ้ามีเบอร์แปลกๆโทรมาอีกเธอก็อย่ารับเข้าใจไหม”



“อืม แล้วป๋าล่ะ...ที่มันขู่ป๋ามาจะไม่เป็นไรหรอ”



“ฉันน่ะไม่เป็นไรหรอก อย่าลืมสิว่าระบบรักษาความปลอดภัยมันแน่นหนาแค่ไหน จะห่วงก็แต่เธอนั่นแหละ...ช่วงนี้อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวนะปูน”



ปูนตอบรับมันด้วยการหอมแก้มขาวของคณิตเบาๆจนคนที่กำลังเครียดเพราะเรื่องของเขาสามารถยิ้มออกมาได้บ้าง ร่างสูงจัดการบล็อคเบอร์นั้นให้ปูนโดยไม่ลืมที่จะแคปบันทึกการโทรเข้ามาเป็นหลักฐานเผื่อไว้ในกรณีที่เกิดเรื่องเลวร้าย ปูนร้องโวยวายใหญ่เมื่อคณิตบอกกับเขาแบบนั้นจนทำให้ร่างสูงต้องกอดคนรักเอาไว้จนพวกเขานอนหลับไปพร้อมๆกัน



แม้จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแต่เมื่อเช้าวันใหม่มาถึงทั้งคณิตและปูนต่างก็พยายามไม่นึกถึงมันมากจนเกินไป วันนี้ร่างสูงเลือกที่จะมาส่งคนรักที่โรงเรียนด้วยตัวเองโดยให้เหตุผลว่าเวลาที่ปูนเลิกเรียนเขาจะมาทำธุระแถวนี้พอดี



“ห่วงกันก็บอกสิ ผมจะได้มีกำลังใจไปเรียนหน่อย”



ปูนหันมาพูดกับคนฟอร์มจัดอย่างล้อๆ ไม่บอกก็รู้ว่าที่คณิตไม่ยอมให้เขาขับรถมาเรียนคนเดียวก็เป็นเพราะกังวลเรื่องเมื่อวาน แต่ก็ยังทำฟอร์มหาข้ออ้างร้อยแปดมาเบี่ยงประเด็นจนได้



“พูดมากน่า ไปเข้าเรียนได้แล้วไปโดนครูฝรั่งด่าขึ้นมาอย่าหาว่าไม่เตือน”



คณิตยกครูสอนภาษาอังกฤษของปูนซึ่งเป็นชาวต่างชาติมาขู่เพราะร่างเล็กมันจะมาบ่นให้เขาฟังเสมอว่าอีกฝ่ายเข้มงวดเรื่องเวลาแค่ไหน แล้วมันก็ได้ผลเมื่อคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอคำว่าเป็นห่วงจากคนรักเริ่มแสดงท่าทีลังเลออกมา



“อะ อืม งั้นผมไปแล้วนะ ใกล้เลิกแล้วจะทักไป”



“ได้ เดี๋ยวปูน มีอะไรติดตรงปกเสื้อน่ะ”



ร่างสูงร้องทักก่อนที่ปูนจะได้เปิดประตูรถออกไป เด็กหนุ่มหันมาทำหน้างงใส่คนรัก ปกเสื้อ? ปกเสื้ออะไรวันนี้เขาใส่เสื้อคนกลม



“ป๋าจะบ้าหรอผมไม่ได้ อุ๊บ!”



ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยค คณิตก็ยื่นหน้าเข้าไปชิงจูบจากริมฝีปากของปูนมาอย่างถือดี ร่างเล็กที่สะดุ้งตกใจแต่พอตั้งสติได้ก็มอบสัมผัสกลับไปโดยลืมไปแล้วว่าฟิล์มของรถคณิตคันนี้มันค่อนข้างบาง



“ดูแลตัวเองดีๆนะ ถ้าฉันยังไม่มารับอย่าเพิ่งออกไปไหน”



คำพูดที่แสดงถึงความห่วงใยถูกเอ่ยออกมาพร้อมกับฝ่ามืออุ่นๆที่ทาบทับลงที่ผิวแก้ม จนปูนรู้สึกร้อนขึ้นมาทั้งที่แอร์มันเย็นเฉียบ



“ป๋ากังวลเกินไปแล้วนะ มันไม่มีอะไรหรอก”



“อย่าประมาทไป อย่างน้อยเดี๋ยววันนี้ขอให้ฉันได้คุยกับคนที่พอจะช่วยเหลือเรื่องนี้ได้ก่อน เราค่อยมาคิดกันใหม่ว่าควรทำยังไงดี”



“ครับๆ งั้นผมไปแล้วนะเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน”



“เดี๋ยวก่อนปูน”



ปูนถูกคำพูดของคณิตหยุดไว้ได้อีกครั้ง แต่คราวนี้ปูนรู้ทันร่างเล็กเลยยื่นหน้าเข้าไปหาคนรักใกล้ๆเพื่อให้คณิตได้ลวนลามเขาถนัด แต่แทนที่จะได้จูบหวานๆของคณิตเป็นครั้งที่สองของวัน กลับได้เสียงหัวเราะทุ้มๆกลับมาแทน



“ฮ่าๆ คิดว่าฉันจะจูบเธออีกหรอ”



“แกล้งกันหรอ ฮึ้ย! ไอ้ป๋าบ้า!!”



“เป็นห่วงนะ”



“...!!”



“ฉันเป็นห่วงเธอ”



คณิตเอ่ยมันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นที่สุดก่อนจะทิ้งปูนที่กำลังรู้สึกเหมือนได้ตกหลุมรักคณิตอีกครั้งยืนตาลอยอยู่หน้าสถาบันภาษานานเกือบห้านาที ร่างเล็กมองถนนที่รถของคณิตเพิ่งขับออกไปด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกดีใจจริงๆที่วันนั้นตัวเองยอมข่มความระแวงแล้วเลือกที่จะรักษาคณิตไว้











‘ทั้งเขาและพี่ เราต่างก็เดินจากกันไปไกลแล้ว เขามีชีวิตใหม่พี่เองก็เหมือนกัน เพียงแค่พี่อยากมีโอกาสสักครั้งที่จะได้บอกเขาว่า...ขอโทษที่วันนั้นเราไม่ได้คุยกันมากกว่านี้’












คำพูดจากเพื่อนใหม่ทำให้ปูนยอมหันกลับมามองตัวเขาและคณิตด้วยหัวใจที่มีสติกว่าเดิม...ปูนไม่รู้หรอกว่าแท้จริงแล้วคณิตรู้สึกยังไงกับเมษา ไม่รู้แม้แต่ว่าคณิตจะเคยรู้ตัวไหมว่าตัวเขาได้รับความรู้สึกที่ลึกซึ้งจากเพื่อนคนหนึ่งมาตลอด และปูนก็ไม่รู้ว่าทำไมคณิตถึงไม่เคยบอกรักเขาจนกระทั่งเขาเอ่ยปากขอ



ปูนไม่รู้...เขาไม่ได้รู้ทุกๆอย่าง...แต่มีเพียงสองสิ่งที่เขารู้คือเขารักคณิตมากและเป้าหมายของเมษาคือการแยกพวกเขาออกจากกัน



“ผมจะเข้มแข็งขึ้นนะป๋า...เข้มแข็งจนไม่มีใครมาทำลายเราได้”






การเรียนของปูนวันนี้ผ่านไปได้ดีเหมือนทุกๆครั้ง ความสามารถทางภาษาของเขาดีขึ้นมากโดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่ถ้าไม่นับเรื่องเข้าเรียนสายปูนก็เป็นนักเรียนที่มักจะได้คำชมจากครูฝรั่งเสมอ



“วันนี้ทำได้ดีมากเลยนะปูน ครั้งหน้าคงสอบเลื่อนระดับได้”



มิสเตอร์เอลวิลเป็นชายมีอายุชาวแอฟริกาที่มาทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยมากว่าสิบปีจนสามารถพูดภาษาไทยได้คล่องปรื้อบอกกับปูนด้วยความชื่นชมจนปูนอดที่จะยิ้มกว้างออกมาไม่ได้



“ขอบคุณครับ ผมจะพยายามให้มากขึ้นอีกนะ”



“ดีๆ คุณเป็นเด็กขยันนะ ผมถึงแปลกใจจริงๆตอนที่รู้ว่าคุณยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย เพราะคุณดูไม่ใช่คนที่ไม่มีความรับผิดชอบ”



เอลวิลพูดด้วยความรู้สึกของตัวเองจริงๆซึ่งปูนก็รับรู้มันได้แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจบอกถึงเหตุผลที่ตัวเองต้องหยุดพักเรื่องการเรียนไว้กลางคัน หลังจากเรียนภาษาอังกฤษในคาบเช้าจบ ปูนก็ต้องเข้าเรียนภาษาจีนในคาบบ่ายต่อและแน่นอนว่าเขาที่ไม่มีพื้นฐานด้านภาษานี้เลยต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นทำให้เพื่อนในชั้นเรียนของปูนมีแต่คนอายุน้อยกว่าทั้งนั้น สำหรับปูนภาษาจีนมันยากจนแทบจะถอดใจแต่ก็เพราะได้กำลังใจและแรงบันดาลใจจากคณิตที่เก่งกาจจนน่าอิจฉา เขาจึงอยากพยายามให้มากขึ้นอีกจนตอนนี้เริ่มเข้าใจหลักการผสมคำและรูปประโยคต่างๆได้ระดับหนึ่งแล้ว



‘ผมใกล้เลิกแล้วนะป๋า ทำธุระเสร็จยัง’



ปูนส่งข้อความไปแบบนั้นทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง รอไม่นานคณิตก็ตอบกลับมาว่าตัวเองพาเพื่อนมาด้วยให้ปูนลงมานั่งรอที่ร้านกาแฟใกล้ๆเลย



“พวกพี่โต้งมาหรอ ดีสิ จะได้ถามสักทีว่าเพื่อนพี่แกเป็นใครกันแน่”



ร่างเล็กยิ้มร่าเมื่อสิ่งที่สงสัยมานานน่าจะถึงเวลาได้แถลงไข ก็เขาพยายามถามชื่อและตัวตนของอีกฝ่ายอยู่หายครั้งแต่ทางนั้นก็ไม่เคยบอกสักที ปูนกวาดหนังสือและข้าวของของตัวเองลงกระเป๋า เขาบอกลาเหล่าซือและน้องๆวัยประถมที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของตนในวันนี้ก่อนจะเดินไปนั่งรอคนรักที่ร้านกาแฟสไตล์วินเทจที่ปูนมักจะใช้บริการเสมอในเวลาพัก เขาสั่งโกโก้เย็นสำหรับตัวเองและกาแฟร้อนสำหรับคณิตแม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาถึงเมื่อไหร่ ส่วนของโต้งกับขิงปูนไม่แน่ใจว่าทั้งสองชอบกินอะไรเลยยังไม่ได้สั่งไว้ให้



ตึ้ง!



ในขณะที่ปูนกำลังดื่มด่ำกับโกโก้ของตัวเองเสียงแจ้งเตือนของโปรแกรมแชทก็ดังขึ้น เป็นเพื่อนของโต้งอีกแล้วที่ส่งรูปภาพสวยๆมา คราวนี้เป็นเด็กผู้ชายสองคนกำลังเล่นเรือบังคับในสวนสาธารณะกว้างๆที่มีผู้คนนั่งพักผ่อนอยู่เต็มไปหมด ความสดใสของผู้คนในภาพทำให้ปูนยิ้มตามก่อนจะกดเซฟมันไว้



‘วันนี้ออกมาเที่ยวหรอพี่’



‘อืม ออกมาพักผ่อนน่ะ เราล่ะทำอะไรอยู่’



‘ผมเพิ่งเรียนเสร็จ กำลังจะกลับไปทำงานแล้ว’



‘ที่โรงแรมของแฟนน่ะหรอ’



‘อื้ม แถมวันนี้เพื่อนพี่ก็จะแวะมาด้วยนะ คราวนี้ล่ะผมจะเค้นถามพี่โต้งให้ได้ว่าพี่เป็นใครกันแน่ ทำตัวลึกลับดีนัก’



ร่างเล็กหัวเราะออกมาคนเดียวอย่างนึกสะใจเล็กๆจนผู้หญิงโต๊ะข้างๆหันมามองแบบงงๆแต่เขาก็ไม่คิดสนใจ



‘วันนี้โต้งมันต้องไปเป็นวิทยากรที่ต่างจังหวัดไม่ใช่หรอ’



ข้อความที่อีกฝ่ายตอบกลับมาทำเอาปูนงงหนัก พี่โต้งไปสัมมนา? แล้วเพื่อนของคณิตที่จะมาเป็นใครล่ะ แค่พี่ขิงงั้นหรอ แต่ยังไม่ทันที่ปูนจะได้ไขข้อสงสัยของตัวเองคณิตก็โทรมาหาเขาแล้ว



“ฮัลโหลป๋า”



“นั่งอยู่ในร้านใช่ไหม”



“อื้อ ว่าแต่ป๋า เพื่อนป๋าที่จะมาวันนี้ไม่ใช่พี่โต้งหรอ”



“ป่าวเป็นเพื่อนอีกกลุ่มน่ะ ฉันกำลังจะเข้าไปแล้วค่อยคุยกันนะ”



คณิตว่าก่อนจะตัดสายทิ้งไปก่อนที่เสียงกระดิ่งซึ่งแขวนไว้ตรงประตูร้านจะดังขึ้น ร่างเล็กเลื่อนแก้วกาแฟของคณิตมาวางไว้ใกล้ๆกับแก้วโกโก้ของตัวเองก่อนจะปั้นรอยยิ้มเป็นมิตรแล้วเงยหน้าขึ้นมองหวังสร้างมิตรภาพกับเพื่อนอีกกลุ่มของคนรัก แต่ภาพที่ปูนเห็นกลับทำให้ปูนรู้สึกตัวชาไปทั้งร่าง



“ปูน นี่เพื่อนฉันเองชื่อนิล ส่วนนี่แฟนมันชื่อคุณชาติ”



ไม่ต้องให้คณิตแนะนำปูนก็จำใบหน้าของคนทั้งคู่ได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะเมื่อหนึ่งในนั้นคือคนที่เคยเป็นพยานรับรู้ความสัมพันธ์ที่น่าสมเพชระหว่างเขากับรัตติกาล และไม่ใช่แค่ปูนที่อึ้งไป นิลและฤทธิชาติที่รู้เพียงแค่ว่าเพื่อนจะพามาให้รู้จักกับคนรักก็นิ่งค้าง ภาพของเด็กผู้ชายที่เคยกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเพื่อนรักของตนบนรถย้อนกลับมาเป็นฉากๆ



“เธอ...”



นิลได้พูดออกมาเพียงแค่นั้นก่อนร่างของเขาจะเซไปข้างหลังเพราะถูกปูนที่ลุกพรวดพราดออกไปจากร้านชนเข้าเต็มแรงแต่ยังดีที่ฤทธิชาติเข้ามารับไว้ได้ทัน ส่วนคณิตที่งงหนักกับอาการของคนรักก็รีบวิ่งไปตามร่างเล็กไปเมื่อได้สติ



“ปูน เดี๋ยวก่อน ปูน!!!”



คณิตพยายามร้องเรียก แต่ครั้งนี้ปูนไม่คิดจะหยุดฟัง คนที่ตัวเล็กกว่าเขามากกำลังวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต ปูนทำแม้แต่โยนกระเป๋าสะพายของตัวเองทิ้งจนหนังสือและของที่อยู่ในนั้นหล่นกระจายเต็มพื้นโดยไม่มีใครหยุดเก็บ แต่สุดท้ายความแตกต่างทางด้านสรีระก็ทำให้ร่างสูงสามารถไปถึงตัวคนรักได้แม้จะต้องออกแรงไปไม่ใช่น้อย คณิตคว้าแขนของปูนไว้อย่างแรงจนคนที่ทำท่าเหมือนกับพยายามหนีอะไรสักอย่างปะทะเข้ากับอกของเขาเต็มแรง



“ปูนใจเย็น! เธอเป็นอะไร หนีอะไรมา!”



ร่างสูงถามแต่ปูนไม่มีคำตอบให้กับเขา ตัวของปูนสั่นอย่างแรงยิ่งกว่าตอนที่มีเรื่องในผับเสียอีก คณิตพยายามจะกอดปูนไว้แต่เขากลับถูกอีกฝ่ายปัดมันออกราวกับว่าเป็นของร้อน



“ปูน...”



“ทำไมนะ...ทำไม...”



“...?”



“ทำไมผม...ถึงไม่เคยมีความสุขจริงๆสักที”



ปูนเงยหน้าขึ้นสบตากับคนรักที่เขาไม่รู้อีกแล้วว่าเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ที่เขาจะสามารถเรียกอีกฝ่ายแบบนั้นได้ ร่างเล็กเอื้อมมือขึ้นไปหวังจะแตะมือของตัวเองลงบนอกข้างซ้ายของคณิตแต่เขาก็ไม่กล้า ปูนจึงทำได้แค่กำมือของตัวเองไว้ปล่อยให้คมเล็บจิกเข้าเนื้อเผื่อว่าความเจ็บปวดที่หัวใจจะทุเลาลงบ้าง



แต่มัน...ก็ไม่ใช่เลย





“แค่เพราะผมไม่เจอป๋าก่อนเขา ผมถึงต้องเป็นอย่างนี้หรอ”



“ปูนเธอพูดเรื่องอะไร”



“เรื่องตลกไงครับ”



“...?”



“เรื่องตลก...ของคนน่าสมเพชแบบผมไง”



ร่างเล็กยิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะผลักคณิตออกเต็มแรงแล้ววิ่งขึ้นไปบนรถสองแถวที่ขับผ่านมาพอดี คณิตไม่มีแม้แต่เวลาจะร้องห้ามเพราะตอนทีเขาหันกลับมารถคันนั้นก็ขับออกไปแล้ว



พร้อมกับภาพของปูน...ที่กอดเข่าตัวเองร้องไห้อยู่เพียงลำพัง




:hao5:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :hao5:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่32][220459]
«ตอบ #332 เมื่อ22-04-2016 21:02:33 »




ภายในห้องนั่งเล่นของบ้านคณิตเต็มไปด้วยความเงียบและบรรยากาศหนักอึ้งผิดจากทุกครั้ง นิลมองเจ้าของบ้านที่นั่งมองปลายเท้าตัวเองอยู่บนโซฟาส่วนตัวเขาซึ่งเป็นคนนอกก็ได้แต่มองไปรอบๆบ้านที่ตอนที่เขามาครั้งก่อนมันยังไม่มีชีวิตเหมือนอย่างตอนนี้ทั่วทุกมุมของบ้านมีแต่สิ่งของที่ไม่น่าใช่ของเพื่อนเขาวางอยู่ แต่ที่ชัดเจนที่สุดเห็นจะเป็นรูปถ่ายใบเล็กและโพสอิทที่แปะไว้บนตู้เย็น



‘อุ่นกับข้าวกดไมโครเวฟเบอร์สาม อย่าลืมแง้มฝาไว้ด้วยนะ’



‘แก้วกาแฟอยู่ตู้ที่สอง ห้ามเอาของตู้ที่หนึ่งมาใช้ เดี๋ยวมันแตก’



‘วันนี้ผมกลับดึกนะ หาอะไรกินเองนะที่รัก’



‘งอน!’



‘ง้อ’



นิลมองโพสอิทใบสุดท้ายที่ถูกเขียนด้วยลายมือที่เขาจำมันได้ดี ไม่ต้องรอให้คณิตได้อธิบายเขาก็พอเข้าใจแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและเด็กคนนั้นเป็นอย่างไร แต่ก็มีอยู่อย่างที่นิลยังไม่รู้และอยากรู้...คือคณิตเคยรู้ไหม ว่าปูนเคยเป็นคนของใครมาก่อน



“มึงจะอธิบายให้กูฟังได้รึยัง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”



ไม่ใช่นิลที่เป็นฝ่ายถาม กลับกลายเป็นคณิตต่างหากที่ไม่อาจเก็บความสงสัยของตัวเองไว้ได้อีก คำพูดของปูน...ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของปูนมันฉายขึ้นในหัวของเขาอย่างไม่อาจต้านทาน...ปูนกำลังเจ็บปวด...เจ็บปวดมาก...มากเสียจนเขาอยากจะร้องไห้ออกมาไม่ต่างกัน



“กูคิดว่ากูไม่สมควรพูดเรื่องนี้”



“สมควรสิ ถ้าไม่ใช่มึงมันจะมีใครอีกที่จะอธิบายกับกูได้…ทำไมปูนถึงเป็นอย่างนั้นตอนที่เห็นหน้ามึง...ทำไมปูนถึงทำเหมือนกับว่าพวกมึงรู้จักกัน”



“...”



“ไอ้นิล!”



“มึงจะตะคอกกูทำห่าอะไรวะ!”



นิลตะคอกกลับไปบ้าง เขารู้ว่าคณิตเครียดแต่เขาเองก็เครียดไม่ต่างกัน ทั้งสองคนจ้องหน้ากันจนฤทธิชาติที่ยืนดูสถานการณ์เงียบๆมานานต้องเดินมาลูบหลังคนรักเพื่อบอกให้อีกฝ่ายใจเย็นลง



คณิตมองภาพของเพื่อนแล้วยิ่งปวดใจ ตอนนี้ปูนเองก็คงกำลังร้องไห้อยู่ที่ไหนสักที่แต่ร่างเล็กกลับไม่มีคนคอยอยู่ปลอบให้เหมือนอย่างนี้ คณิตโทรหาปูนอีกครั้งแต่มันก็ไม่ติด เขาพยายามส่งข้อความไปหาแต่อีกฝ่ายก็ไม่แม้แต่จะเปิดอ่าน



“นิล กูขอร้องเถอะว่ะ ปูนเป็นขนาดนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว กูจะไม่โกหกว่ารับได้ทุกอย่าง แต่กูต้องรู้...กูปล่อยให้ปูนเผชิญหน้ากับมันคนเดียวไม่ได้”



ความรู้สึกที่คณิตมีให้กับปูนมันมากมายเกินกว่าที่นิลคาด เขากัดริมฝีปากของตัวเองด้วยความลำบากใจ นิลอยากเลี่ยงไม่พูดเรื่องนี้แต่ก็รู้ว่ามันเลี่ยงไม่ได้...ปัญหามันเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่การเจอกันของสองคนนั้น...รัตติกาลกับปูน ที่นิลไม่คิดเลยว่ามันจะก่อให้เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้



“ถ้ามึงจะให้กูพูด มึงต้องตอบคำถามกูก่อน”



“ได้...”



“มึงกับน้องเขา...รู้จักกันได้ยังไง”



มันไม่ใช่คำถามที่ผิดคาดนัก คณิตจึงไม่ลำบากใจที่จะตอบ แม้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดนั้นคืออดีตที่ไม่สวยงามของคนที่เขาเลือกจะจับมือด้วย



“ปูนเป็นเด็กไซด์ไลน์ที่เคยเข้ามานัดเจอคนในโรงแรมกู...กูมีอะไรกับปูนแล้วตอนนี้เรากำลังคบกันอยู่”



ไม่ใช่แค่นิลที่อึ้งไปแม้แต่ฤทธิชาติก็ด้วย เด็กไซด์ไลน์งั้นหรอ มันเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกัน และชั่วขณะหนึ่งนิลก็เผลอตั้งคำถามกับตัวเองในกรณีที่เลวร้ายที่สุดว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับรัตติกาลด้วยไหม



“เชี้ย...แต่มึงไม่ใช่เกย์ไม่ใช่หรอวะ”



“แล้วไงล่ะ ก็ตอนนี้กูเป็นไปแล้ว”



คณิตตอบนิลเหวี่ยงๆตามประสาคนที่สนิทกันจนตัวทำลายบรรยากาศอย่างฤทธิชาติหลุดขำ เสียงถอนหายใจของคณิตดังขึ้นเขาสบายใจที่ได้พูดมันออกมาแต่ก็มันก็เพียงแค่นิดเดียวเทียบไม่ได้เลยกับบางสิ่งที่กำลังแบกรับไว้...อดีตของปูนที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร และมันเกี่ยวอะไรกับเพื่อนของเขา



“กูตอบมึงแล้ว คราวนี้ตามึงบ้าง...บอกกูมานิลว่ามึงกับปูนเป็นอะไรกัน”



บรรยากาศที่ผ่อนคลายลงนิดหน่อยเมื่อครู่กลับมาหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิมเมื่อถึงเวลาที่นิลต้องเอ่ยปากพูดถึงเรื่องของเพื่อนและเด็กผู้ชายที่เขานึกสงสารขึ้นมาจับใจ...ไอ้กาลนะไอ้กาล มึงจะรู้บ้างไหมว่าความเห็นแก่ตัวของมึงทำให้เด็กคนหนึ่งต้องเจ็บปวดกับอดีตที่ลบไม่ได้ขนาดไหน



“กูไม่ได้เป็นอะไรกับเด็กนั่น...แต่ไอ้กาล”



“ไอ้กาล? ไอ้กาลเกี่ยวอะไรด้วย?”



ชื่อของเพื่อนหนึ่งที่คณิตคิดไม่ถึงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยถูกเอ่ยขึ้นโดยนิลที่มีสีหน้ากระอ่วนใจ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนกลางยืนถอนหายใจอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจพูดความจริงออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่จริงจัง



“ไอ้กาล...เคยคบกับน้องเขามาก่อน”



“…!!”



คณิตเป็นคนที่เกลียดเรื่องเซอร์ไพรส์เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าควรจะรับมือกับมันยังไง ครั้งนี้ก็เช่นกันแต่ดูเหมือนว่าเรื่องที่เพิ่งจะได้ฟังมันกลายมาเป็นเซอร์ไพรส์ที่ร้ายแรงที่สุดที่คณิตเคยได้เจอมา



“มึงว่ายังไงนะ”



“อย่าให้กูต้องพูดซ้ำได้ไหมวะ ในเมื่อมึงเองก็ได้ยินชัดเจนอยู่แล้ว”



คณิตรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหานิลทันที ชายหนุ่มคว้าคอเสื้อของเพื่อนมากำไว้โดยที่นิลไม่คิดจะปัดมันออก เขาทำเพียงเปรยตามองไปยังฤทธิชาติเพื่อห้ามปรามอีกฝ่ายที่จ้องมาที่คณิตเขม็งเท่านั้น



“เรื่องมันเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่”



“ตั้งนานแล้ว เท่าที่กูรู้ก็น่าจะช่วงที่รพีเคยโดนจับตัวไป ไอ้กาลมันสติแตกเพราะทะเลาะกับที่บ้านเลยไปเจอกับเด็กคนนั้นเข้า”



โลกของคณิตถูกหยุดลงด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ เขานึกอะไรไม่ออก ในหัวสมองมันมีแต่คำถามที่เสียดแทงใจจนเกิดกลายเป็นรอยแผล



“มึงบอกว่าไอ้กาลคบกับปูน”



“เออก็คบไง”



“คบกัน...เป็นแบบแฟนกันงั้นหรอ”



นิลสะดุดลมหายใจของตัวเองเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าระหว่างรัตติกาลและปูนเคยตกลงอะไรกันไว้บ้าง แต่เท่าที่จำได้ก็เหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นแม้สุดท้ายแล้วเพื่อนตัวดีของเขาจะทิ้งเด็กคนนี้ไปแล้วหันไปตกล่องปล่องชิ้นกับอารัณย์ก็ตาม



“ใช่ แล้วมันยังไงวะ”



“แต่กูจำได้ว่าตอนนั้นไอ้กาลมันคบอยู่กับอีกคนหนึ่งไม่ใช่หรอ ที่ตัวสูงๆ หน้าเข้มๆ มันเคยพากันมาทะเลาะที่โรงแรมกูเมื่อไม่ฤดูฝนที่แล้วนี่เอง”



นิลทำหน้างง เขาพยายามนึกย้อนไปเพื่อประติดประต่อเรื่องราวจนพอจำได้ว่ารัตติกาลเคยพาแฟนมาเที่ยวที่นี่ซึ่งนั่นก็คือปูนไม่ผิดแน่ แต่แล้วทำไมรูปร่างลักษณะที่คณิตบอกถึงฟังดูคล้ายอารัณย์มากกว่าล่ะ



“อันนี้กูไม่รู้ว่าไอ้กาลไปแนะนำใครว่าเป็นแฟนกับมันให้มึงฟัง แต่กูยืนยันได้ว่าเด็กปูนนั่นเคยคบกับเพื่อนมึงจริง...แล้วกูก็ค่อนข้างมั่นใจมากว่าพวกมันคบกันโดยไม่เกี่ยวกับเรื่องไซด์ไลน์ที่มึงว่า”



คณิตปล่อยมือจากคอเสื้อของนิลแทบจะทันทีเขาหันหน้าหนีไปที่อื่นราวกับว่าไม่อยากให้นิลเห็นความอ่อนแอที่เขาแสดงออกมา...นี่เป็นครั้งแรกที่คณิตอยากได้ยินคำตอบว่ารัตติกาลเป็นเพียงหนึ่งในลูกค้าของปูน เพราะอย่างน้อยหากมันเป็นอย่างนั้นเขาคงไม่ต้องหนักใจเรื่องความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง







“แค่เพราะผมไม่เจอป๋าก่อนเขา ผมถึงต้องเป็นอย่างนี้หรอ”







เขานึกถึงคำพูดที่ปูนเอ่ยทิ้งไว้ก่อนจะจากไปโดยที่คณิตเข้าใจและรู้สึกไม่ต่างกัน การที่ต้องมารับรู้ว่ากาลครั้งหนึ่งรัตติกาลเคยได้ครอบครองหัวใจของคนที่เขารัก...แต่คิดหัวใจก็ปวดหนึบขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม



“แล้วสองคนนั้น...เลิกกันได้ยังไง”



“เฮ้อ มึงเลิกถามกูสักทีได้ไหม อยากรู้อะไรก็โทรถามไอ้กาลเอาเองเลยไป”



“กูถามแน่ มันอยู่ไหนล่ะกูจะได้ไปถามมันถึงที่เลย”



คณิตพูดด้วยความไม่รู้เพราะหน้าที่การงานทำให้เขาค่อนข้างห่างจากเพื่อนฝูงที่กรุงเทพ ยิ่งเมื่อเทียบกับเพื่อนในวงเหล้าอย่างโต้งและขิง ก็ถือว่านิลและรัตติกาลสนิทกับเขาน้อยกว่าพวกนั้น



“ไอ้กาลมันไม่อยู่เมืองไทยมาพักใหญ่แล้ว แถมไม่รู้อีกว่าจะกลับเมื่อไหร่”



“ทำไมวะ”



“เรื่องมันยาวว่ะ เอาเป็นว่าถ้ามึงอยากกระทืบมันก็ตีตั๋วไปอิตาลีเอานะ ถ้ามึงไม่แคร์ความรู้สึกของเด็กคนนั้นก็ทำไป”



นิลพูดทิ้งไว้ให้เพื่อนคิดเอง แต่ดูเหมือนคณิตจะไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคิดเรื่องยากๆอะไรทั้งนั้น เขาต้องการความชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่หนีหน้า



“ทำไม กูไปเจอไอ้กาลมันเสียหายตรงไหน”



“บทจะโง่ก็โง่จนกูสงสารควายเลยนะไอ้สัด เฮ้อ มึงไม่เห็นรึไงว่าตอนเด็กนั่นเห็นหน้ากูมันเป็นยังไง นี่แค่กูที่มันรู้ว่าเป็นเพื่อนไอ้กาลยังหนีตะเลิดไปอย่างนี้มันยังไม่ชัดเจนอีกหรอว่าน้องมันไม่อยากให้มึงรู้เรื่องของตัวเองกับไอ้กาล”



“แล้วมึงจะให้กูปิดหูปิดตาทำเป็นไม่รู้รึไง!”



“ผิดแล้วไอ้นิด ที่มึงควรทำคือเปิดหูเปิดตาให้กว้างๆ ว่าตอนนี้คนที่น้องมันบอกรักคือมึงไม่ใช่ใครอื่น และที่สำคัญที่สุดคือมึงต้องเปิดใจให้กว้างยิ่งกว่าหูกับตาแล้วยอมรับว่าคนทุกคนมันก็ต้องมีอดีตที่ไม่อยากให้คนอื่นรับรู้กันทั้งนั้น”



“...!!”



“เรื่องของน้องมันกับไอ้กาล มึงควรจะได้ฟังจากปากของสองคนนั้นเองไม่ใช่กู แต่ในฐานะเพื่อนที่ทนเห็นคนที่กำลังจะกลายเป็นควายอย่างมึงไม่ได้กูจะบอกอะไรให้อย่าง...ระหว่างน้องกับไอ้กาลมันไม่ใช่อะไรที่น่าจดจำนักหรอก อย่างน้อยก็ในความรู้สึกของเด็กนั่น...เพื่อนเรามันเหี้ย ทำร้ายความรู้สึกของปูนมามาก อย่าทำให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยด้วยอาการหึงอดีตไม่เข้าท่าของมึงเลย”



นิลว่าก่อนจะกวักมือเรียกฤทธิชาติให้เดินออกไปจากบ้านที่เจ้าของมันถูกคำพูดของเพื่อนตรึงให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ หนำซ้ำความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแม้จะเป็นครั้งของเมษาก็ทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธคำพูดของนิลได้



ลับหลังคณิตไปนิลก็เดินกลับมาที่รถด้วยอาการฟึดฟัด ให้ตายสิ เคยคิดมาตลอดนะว่าไอ้คณิตมันเป็นคนฉลาด ความรักมันทำให้คนเราหน้ามืดตาบอดกันหมดเลยรึยังไง



“เป็นอะไรครับนิล ได้ด่าเพื่อนไปขนาดนั้นยังไม่สบายใจอีกหรอ”



ฤทธิชาติที่เดินตามหลังมาเอ่ยถาม ขณะที่ปลดล็อกประตูรถด้วยรีโมท



“ไม่ได้ด่า เขาเรียกว่าสั่งสอน นี่ถ้าไอ้กาลไม่อยู่เมืองนอกกูจะลากมันมาสั่งสอนพร้อมกันนั่นแหละ ไอ้ห่านั่นตัวไม่อยู่แต่เสือกทำเรื่องไว้จนได้!”



“เอาน่า ดูแล้วเพื่อนนิลก็รักเด็กปูนนั่นอยู่นะ พอได้คุยกันแล้วคงไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกมั้ง”



“ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ดี แต่กูกำลังรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆว่ะ”



ฤทธิชาติเลิกคิ้วขึ้นแต่ไม่ได้หันกลับมามองคนรักเพราะตัวเองนั้นกำลังให้ความสนใจกับถนนตรงหน้า จึงทำให้ชายหนุ่มไม่เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจของนิลที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างขบคิด



“ไอ้กาลเลิกคบกับเด็กปูนนั่นก็เพราะว่าน้องนอกใจมัน กูจำได้ว่าไอ้กาลโมโหมาก มันด่าปูนเหมือนกับว่าปูนไม่เคยทำตัวแบบนี้มาก่อน”



“แล้ว?”



“ไอ้ตำรวจอย่ามาแกล้งโง่ แค่นี้มึงยังไม่เข้าใจรึไง ถ้าแค่เรื่องนอกใจไอ้กาลมันยังรับไม่ได้ แล้วเรื่องที่น้องมันทำไซด์ไลน์ไอ้กาลมันจะรับได้ยังไงถูกไหม ความเป็นไปได้มันก็มีอยู่แค่สองอย่าง คือปูนทำมันตั้งแต่ตอนคบแต่ไอ้กาลไม่รู้ ไม่ก็เพิ่งจะมาทำหลังจากเลิกกับไอ้กาลไป”



“แล้วนิลคิดว่าเป็นแบบไหนล่ะครับ”



“กูว่า...อย่างที่สองว่ะ”



นิลพูดเสียงเครียด เมื่อจิตแง่ร้ายเผลอคิดไปแล้วว่าทางเดินชีวิตที่บิดเบี้ยวของเด็กคนนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับเพื่อนรักของตนก็ได้



“ก็ถ้านิลคิดแบบนั้นแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ทำให้ติดใจไม่ใช่หรอครับ แถมมันก็มีความเป็นไปได้ว่านิลคิดถูกเพราะเท่าที่เรารู้ ตอนนั้นน้องเขาก็ดูว่าจะรักกาลมากอยู่เหมือนกัน พอมาเจอเรื่องแบบนั้น...บวกกับวุฒิภาวะที่ยังน้อยจะเลือกทางเดินผิดไปก็ไม่น่าแปลกใจอะไร”



นิลฟังแล้วคิดตามก็เห็นว่าเป็นอย่างที่ฤทธิชาติว่าแต่คำพูดสุดท้ายที่เขาจำได้ว่าปูนมอบมันให้กับรัตติกาลก่อนจะหายไปจากชีวิตเพื่อนของเขามันกลับทำให้เขาไม่อยากปักใจเชื่อแบบนั้น







‘สักวันพี่ต้องชดใช้...ด้วยทั้งหมดที่พี่มี’







“แต่ว่านะชาติ...คนเราจะยอมทำลายชีวิตตัวเองเพื่อประชดคนที่เกลียดชังได้ขนาดนั้นเลยหรอ แล้วที่สำคัญถ้าเด็กนั่นอยากให้ไอ้กาลเสียใจกับการกระทำของตัวเองจริงๆทำไมถึงหายหน้าไปหลังจากนั้นล่ะ...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”



นิลพูดออกมาทั้งที่รู้ดีว่าคำถามที่ตัวเองสงสัยมีเพียงปูนเท่านั้นที่สามารถไขข้อข้องใจให้กับเขาได้ ความไม่สมเหตุสมผลบางอย่างยังติดค้างอยู่ในหัว เหมือนกับซากปรักหักพังที่เขาไม่อาจหยั่งได้เลยว่ามันมีอะไรอยู่ในนั้น ฤทธิชาติได้แต่ฟังคนรักพูดแล้วไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร เขาขับรถต่อไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังขึ้นจากทางด้านนอก



เสียงของพายุที่กำลังตั้งเค้าอีกครั้ง...





---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!



มาช้าไม่พอ เอาพายุย่อมๆมาฝากด้วย อิอิ ชาตินิลก็มาาาาาาาาาา <3 :mc4:




ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่32][220459]
«ตอบ #333 เมื่อ22-04-2016 21:17:27 »

สงสารปูนกับป๋า

สู้ๆนะคะคุณคนเขียน

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่32][220459]
«ตอบ #334 เมื่อ22-04-2016 23:52:18 »

เหยยยยย ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก
เพื่อนกรุ๊ปนี้ด่าได้คมจับใจสมกับเป็นเด็กภาษามาก 555555   
อย่าว่าแต่พี่นิดและเพื่อนๆ คนอ่านก็'งง'จ้าาาา 
ตอนแรกไม่งงนะ พอมาเจอเงื่อนงำวันนี้ละงงทันที
ทำไมพี่กาลบอกปูนนอกใจ ทำไมฝั่งปูนวันฝนตกหลายปีก่อนกลับเจออีกอย่าง @.@
คนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดคงจะเป็น กาลและปูน   
พี่กาลมันเชี่ยย อยากให้คำแช่งของน้องเป็นจริง สาธุๆๆๆ

ปล. +1 ให้พี่นิลที่ช่วยตบกะโหลกเรียกสติอีป๋า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-04-2016 23:55:55 โดย THiiCHA »

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่32][220459]
«ตอบ #335 เมื่อ23-04-2016 08:34:58 »

กรี๊ดดดดดดด ชาตินิลลลลลลล คิดถึงมากกกกกกกกก แต่มาผิดคิวไปไหมเธออออออออ คิดไม่ถึงว่าเช่จะให้ป๋ารู้เพราะสองคนนี้ นึกว่าพี่กาลจะกลับมาป่วนอะไรเบอร์นั้น (แต่นี่ขนาดนังไม่กลับนะ ยังป่วนซะ) มันมากค่ะทความลึกลับซับซ้อนมาเต็ม พาร์ทถนัดเช่เลยใช่ไหม เพราะงั้นต้องรีบมาต่อนะ ค้างมากกกกก :ling3:

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่32][220459]
«ตอบ #336 เมื่อ23-04-2016 19:55:05 »

หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ปมใกล้เผยออกมาแล้ว :katai1:

ออฟไลน์ Yumyumsdoll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่32][220459]
«ตอบ #337 เมื่อ24-04-2016 01:51:48 »

 :ling1: :ling1: ทำไมมีแต่เรื่องงง :katai5:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่32][220459]
«ตอบ #338 เมื่อ24-04-2016 09:51:40 »

ปัญหามีแต่โถมเข้ามา โดยที่ยังไม่ได้แก้เลยซักเรื่อง

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่32][220459]
«ตอบ #339 เมื่อ25-04-2016 22:13:11 »


เมื่อไหร่ป๋าจะรู้ถึงความจริงทั้งหมดอ่ะ............?
คือไม่ใช่อะไร ฉันสงสารน้อง อยากให้อิป๋าหายมึนละตามไปกอดปลอบน้องสักที
เดี๋ยวเกิดน้องคิดฆ่าตัวตายอะไรงั้นขึ้นมานี่ขำไม่ออกนะจ๊ะ
กาลนี่ก็ค่าตัวโคตรแพงเหลือเกิน จนเรื่องดำเนินมาถึงตอนที่32แล้วนางก็ยังโผล่มาแค่ชื่ออยู่เลย
แต่ก็นะ ขนาดมาแต่ชื่อเรื่องยังปั่นป่วนชวนอึดอัดขนาดนี้ ถ้ามาตัวเป็นๆคงต้องทำใจก่อนอ่านสักระยะ
ชอบที่นิลด่ามากกกกกกกกกกกก คือแบบว่านางไม่เข้าข้างเพื่อนอ่ะ ผิดก็บอกว่าผิด ถูกก็ว่าถูก
การกระทำแย่ๆของรัตติกาลในวันนั้นเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เด็กคนหนึ่งต้องทุกข์ทรมานกับบาดแผลในใจที่ไม่อาจลบเลือน

ปล. คนในไลน์นี่อาจจะใช่รึเปล่านะ? แล้วคนที่โทรมาขู่คือใครกัน?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่32][220459]
« ตอบ #339 เมื่อ: 25-04-2016 22:13:11 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่33][280459]
«ตอบ #340 เมื่อ28-04-2016 19:12:10 »




แตกที่ 33

…จากลา...








บรรยากาศภายในห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลไม่ได้อึดอัดอย่างที่พลัสนึกกลัว หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องทุกอย่างของบอยไม่นาน น้าพรก็ฟื้นขึ้นมาด้วยอาการปวดตามเนื้อตัวเล็กน้อยจากการตกบันได แต่เธอเกือบช็อคเมื่อเห็นว่าพลัสได้รับรู้เรื่องทุกอย่างและยืนอยู่เคียงข้างบอย เด็กหนุ่มที่คอยช่วยเหลือเธอเสมอ



ไม่มีคำขอโทษใดๆถูกเอ่ยออกมาจากปากของพร ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกผิดหากแต่ความรู้สึกที่ถูกเก็บงำมานานมันตีตื้นจนเธอไม่อาจสรรหาคำพูดมาบรรยายได้ ทั้งความเสียใจ โหยหา และดีใจ ที่เด็กหนุ่มซึ่งเธอเห็นมาตั้งแต่ยังเล็กยังคงนั่งมองดูเธอจากข้างๆเตียงแม้จะรู้ความจริงที่เกิดขึ้น



“น้าพรครับ วันนี้พ่อจะกลับมาบ้านน้าอยากได้อะไรไหม”



พลัสเองก็พูดกับพรด้วยท่าทางปกติ ไม่รู้สิ ถ้าถามว่าให้อภัยเรื่องของแม่ได้ไหมเขาก็ตอบตามตรงว่ายังทำใจไม่ได้ บางทีเรื่องในครอบครัวพวกเขาคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะรักษารอยร้าวนี้ให้หาย แต่อย่างน้อยพลัสก็ไม่อยากหนีมันและทำตัวแย่ๆกับคนที่แท้จริงแล้วยังคงห่วงใยเขาเหมือนที่เคยเป็นมา



“น้า...ไม่อยากได้อะไร”



“ครับ แล้วพี่บอยล่ะ”



คราวนี้ร่างบางหันไปถามคนที่มาอยู่เป็นเพื่อนเขาเวลาเฝ้าไข้น้าพรอยู่เสมอ บอยที่ยังคงง่วงซึมจากการอดนอนส่ายหน้าก่อนจะขอตัวลุกออกไปนอกห้องเมื่อโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น



“ฮัลโหล”



“นั่นใช่บอยรึเปล่าครับ”



เสียงที่บอยไม่คุ้นชินนักดังลอดมา แต่ร่างใหญ่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะเขามีโทรศัพท์อยู่หลายเครื่องโดยจะแยกเบอร์ส่วนตัวและเบอร์ที่มีไว้ติดต่องานออกจากกันซึ่งก็คือเบอร์นี้



“ครับ ผมกำลังพูดสายอยู่”



“นี่ผมคณิตนะ เพื่อนของเมษาเจ้านายคุณ”



แค่คณิตบอกชื่อมาบอยก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นใครโดยไม่ต้องให้อธิบายเพิ่ม แต่ที่แปลกใจก็คือคนคนนี้โทรหาเขาทำไม



“ครับ คุณคณิตมีอะไรให้ผมช่วยหรือครับ”



“ผมอยากรู้ว่าปูนได้ไปหาคุณไหม”



คำถามของคณิตยิ่งทำให้บอยแปลกใจหนักกว่าเก่า ถ้าคณิตที่เป็นแฟนไม่รู้ รุ่นพี่ที่ทำงานเก่าอย่างเขาคงจะรู้หรอกนะ



“เปล่าครับ ปูนไม่ได้มาหาผม”



“โธ่เอ้ย เธอไปอยู่ไหนนะปูน!”



ประโยคนี้คณิตไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้บอยฟัง หากแต่ร่างสูงเป็นกังวลมากจนเผลอพูดออกมาเสียงดังเกินไปหน่อย คนนอกอย่างบอยฟังแล้วก็พอเดาได้ลางๆว่าสองคนนี้อาจจะทะเลาะกัน แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา



“ถ้าผมเจอปูนจะบอกให้เขาติดต่อกลับไปหาคุณแล้วกันนะครับ”



“อ่า อืม ขอบใจมาก ขอโทษนะที่ทำให้เสียเวลา”



“ไม่เป็นไรครับ”



บอยรอให้คณิตตัดสายไปก่อนตามมารยาทเขาจึงเก็บโทรศัพท์ไปไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิน แต่หลังจากที่ทำอย่างนั้นไปเพียงไม่กี่วินาที เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกหากแต่คราวนี้มันเป็นเครื่องของเบอร์ส่วนตัว



“อะไรนักหนาวะ”



ชายหนุ่มบ่นอย่างนึกรำคาญ ยิ่งพอได้เห็นว่าเป็นใครที่โทรมายิ่งแล้วใหญ่



“ว่าไงมึง หายหัวไปไหนมาคนเขาตามหากันให้ทั่ว”



“พี่บอย...พี่อยู่ไหน”



ปูนไม่ได้สนใจคำถามของบอยเลยสักนิด เขาทักร่างใหญ่ด้วยคำถามที่มันฟังดูอ่อนระโหยโรยราเหมือนคนกำลังหมดแรงจนบอยต้องเก็บความคิดที่จะดุปูนต้องเก็บความคิดนั้นไว้ก่อน



“กูอยู่โรงพยาบาล”



“โรงพยาบาลไหน”



“โรงพยาบาลของมอ มึงเป็นอะไรรึเปล่าไอ้ปูน”



“เดี๋ยวผมจะไปหา ค่อยคุยกันตอนนั้นแล้วกัน”



ปูนตัดสายไปทำให้บอยหงุดหงิดกว่าเดิม เขาถอนหายใจอย่างเซ็งๆก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์แล้วนำพาตัวเองไปยังชั้นล่างของโรงพยาบาล แน่นอนว่าหากปูนมาที่นี่บอยคงต้องเลี่ยงไม่ให้พลัสได้เจอมัน แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับร่างบางจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแต่มันก็ยังเปราะบางมากจนไม่อยากวางใจ โดยเฉพาะปูนที่เคยสั่นไหวหัวใจพลัสได้...



เขาเลือกนั่งลงตรงม้านั่งหน้าโรงพยาบาลเพื่อที่จะให้ปูนสังเกตเห็นได้ง่าย แต่ความจริงบอยคงไม่รู้ตัวว่าถึงจะหลบอยู่ในซอกลืบยังไงเขาก็ยังกลายเป็นจุดสนใจได้อยู่ดี เพราะคงไม่มีคนปกติที่ไหนใส่ชุดดำทั้งตัวมาเยี่ยมคนที่โรงพยาบาลอย่างเขา แต่ร่างใหญ่ก็ไม่สนใจสายตาใครๆที่มองมา เขานั่งเงียบๆคิดเรื่องของพลัสไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งปูนเดินมาหาเขาด้วยสภาพที่น่าตกใจ



“ตาบวมขนาดนี้ไปหาหมอก่อนค่อยมาคุยกับกูไหม”



บอยไม่ได้หวังดีขนาดนั้นหรอก แค่พูดประชดไปงั้นซึ่งปูนก็เข้าใจดี แต่ร่างเล็กกลับไม่ตอบโต้ เขาเดินนำคนตัวโตกว่าไปยังม้านั่งอีกฝั่งที่แทบจะไม่มีคนเดินผ่านเพราะเวลานี้ปูนไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงความทุกข์ของตัวเองทั้งนั้น



“มีอะไรก็ว่ามา อย่าลีลามาก”



“...เขารู้แล้วพี่”



“เขา? ใครรู้อะไร?”



แม้ว่าปูนจะไม่ได้เงยหน้าให้บอยเห็น แต่บอยก็พอเดาได้ว่าตาช้ำๆของร่างเล็กคงกำลังหลั่งน้ำตาออกมาอีกแล้ว



“คุณคณิต...ป๋าเขารู้แล้ว...เรื่องของผมกับพี่กาล”



“...!!”



“ผมจะทำยังไงดีพี่...ผมไม่รู้...ไม่รู้อะไรอีกแล้ว”



คราวนี้ปูนเงยหน้าขึ้นทำให้บอยเห็นความรวดร้าวในแววตาคู่นั้นอย่างชัดเจน ร่างเล็กร้องไห้โดยไม่อายแม้แต่เสียงสะอึกสะอื้นที่บาดลึกเข้าไปในใจคนฟังยังถูกปล่อยออกมาอย่างสุดห้าม ปูนคว้าชายเสื้อของบอยมาจับไว้อย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยวแม้มันจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม



“เขาต้องเกลียดผมแน่ๆ ฮึก ผมจะทำยังไงดีพี่บอย”



“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”



บอยอยากให้คำตอบที่ดีกว่านี้แก่ร่างเล็กแต่เขาก็หามันไม่เจอ จะให้ตอบปัดไปว่าหากคุยกันทุกอย่างคงจะดีขึ้นเขาก็ไม่อยากโกหกมัน...หัวใจคนเรามันก็ไม่ต่างจากลูกโป่ง ยิ่งสูบลมเข้าไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแตกสลายมากขึ้นเท่านั้น สำหรับบอยคณิตเป็นคนใจกว้างมากที่ยอมรับความไม่สวยงามของปูนได้แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าชายคนนั้นจะรับมันได้ทั้งหมด



“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดว่ะปูน กูรู้ว่ามึงพยายามถึงที่สุดแล้ว...พอเถอะ”



“พอ? พี่จะบอกว่าให้ผมปล่อยเขาไปอย่างงั้นหรอ”



“เปล่า กูหมายถึงให้มึงเลิกวิ่งตามเขาต่างหาก ถ้าการที่เขารู้ว่ามึงกับเพื่อนเขาเคยเป็นอะไรกันทำให้เขารับมันไม่ได้มันก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่รึไงวะว่าระหว่างมึงกับเขามันคงไม่มีทางไปต่อ...กูรู้ว่ามึงรักเขา แต่มันไม่พอมึงก็รู้”



บอยพูดด้วยความหวังดี แต่คนที่หวาดกลัวไปทั้งใจตอนนี้กลับมีสภาพไม่ต่างจากหมาจนตรอก มันไม่รู้หรอกว่ามือที่ยื่นเข้ามามีไว้ช่วยเหลือหรือทำร้าย...รอยยิ้มเย้อหยันถูกจุดขึ้นบนใบหน้า ปูนสะบัดชายเสื้อของบอยที่เขาเคยจับเอาไว้ออกราวกับว่ามันเป็นของร้อนก่อนที่ร่างกายเล็กๆที่ยังไม่มั่นคงของปูนจะลุกขึ้น



“หึ บอกให้ผมเลิกวิ่งตาม แต่พี่เองก็ทำมันไม่ได้ไม่ใช่รึไง”



“...!!”



“ทีพี่วิ่งตามไอ้เด็กนั่นมาตั้งหลายปียังทำได้ แต่ทีผมพี่บอกว่าไม่ให้ทำ!”



“ตั้งสติหน่อยไอ้ปูน! กูแค่แนะนำ!”



“แนะนำหรอ? การที่บอกผมว่าระหว่างผมกับเขามันไปต่อไม่ได้ทั้งที่พี่ไม่ได้รู้อะไรเลยสักนิด พี่เรียกมันว่าคำแนะนำรึไง!!”



อาการพาลของปูนทำให้บอยฉุนหนัก เขาเผลอยกมือมาบีบไหล่บางไว้อย่างแรงจนร่างเล็กทำหน้าเหยเก เขาเป็นห่วงมัน...ถึงจะมีบางเรื่องที่เราเข้ากันไม่ได้แต่สำหรับบอยปูนเองก็เป็นเหมือนน้องชายที่สำคัญ บอยไม่อยากเห็นปูนเจ็บ ถึงจะให้คำแนะนำได้ไม่ดีนักแต่เขาก็ไม่เคยหวังร้ายกับปูนเลยจริงๆ



“กูจะไม่ถือสาที่มึงสติแตกจนพาลมาพูดหมาๆกับกูแบบนี้ กูแค่เตือนเพราะเห็นว่ามึงเป็นน้อง แต่ถ้าหากว่ามึงไม่เห็นว่ากูเป็นพี่...กูก็ทำอะไรไม่ได้”



“...”



“มึงอยากให้คนทั้งโลกมาเข้าใจมึง แต่มึงล่ะเคยเข้าใจคนอื่นเข้าบ้างรึเปล่า...อย่าเอาแต่ใจให้มันมากนัก ไม่มีใครทำทุกอย่างได้ตามใจตัวเองหรอกนะ”



บอยว่าก่อนจะปล่อยไหล่ของปูนออกแล้วหันหลังเตรียมจะเดินกลับเข้าไปในตัวอาคาร แต่แล้วเสียงหัวเราะเล็กๆของปูนก็ดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ



“ฮ่าๆ ได้สิทำไมจะไม่ได้ล่ะ ทีพี่เองก็ยังทำได้เลยไม่ใช่หรอ”



“...?”



“ข่มขืนคนที่ตัวเองชอบจนได้เขามาอยู่ใกล้ๆ...ก็เพราะว่าพี่ทำตามที่ผมบอกไม่ใช่รึไงไม่อย่างนั้นไอ้พลัสนั่นก็ไม่มีวันหันมามองพี่หรอก”



คำพูดของปูนคงไม่มีผลใดๆต่อหัวใจคนฟังหากมันไม่เป็นความจริง สิ่งที่เสียดแทงความรู้สึกของร่างใหญ่มาตลอดทำให้บอยไม่อาจเถียงปูนกลับไปได้ เขาจึงทำได้เพียงหันกลับมามองหน้าปูนด้วยความผิดหวังที่ต่อให้เตือนยังไงพูดแบบไหนปูนก็ไม่เข้าใจถึงความหวังดีที่เขามีให้ และเขาก็คงไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านี้



“หมายความว่ายังไง...ที่พูดมาน่ะ”



ในขณะที่ปูนและบอยกำลังจ้องตากันเสียงสั่นๆราวกับจะร้องไห้ออกมาของใครบางคนก็ดังขึ้น ถึงตาจะมองไม่เห็น ถึงผิวกายจะไม่ได้สัมผัส...บอยก็จำได้ดีว่ามันเป็นเสียงของใคร



“พลัส...”



ใบหน้าของคนที่ควรจะอยู่เฝ้าไข้น้าพรข้างบนซีดเผือก ดวงตาของพลัสเบิกค้างราวกับคนที่กำลังตกใจอย่างหนักซึ่งมันก็ใช่



“ที่บอกว่าพี่ข่มขืนผมเพราะปูน...มันหมายความว่ายังไง...พี่ตอบมาสิ”



“พลัส ฟังกู...”



“กูบอกให้ตอบมายังไงเล่า!!!”



เสียงตะโกนของพลัสดังก้องไปทั่ว แม้แต่ปูนที่เป็นคนจุดประเด็นนี้ขึ้นมายังตกใจจนไม่กล้าขยับตัว เด็กหนุ่มที่เคยพูดจาสุภาพเสมอแม้แต่กับคนที่ทำร้ายตัวเองเปลี่ยนไปเช่นเดียวกับคำพูดที่สะท้อนได้ถึงการหมดศรัทธาในคนที่เคยเคารพนับถือ บอยรู้สึกวูบโหว่งไปทั้งหมด รอยด่างที่เขาพยายามปิดบังมันมาตลอดพลัสรู้มันแล้วด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดอย่างไม่น่าให้อภัย



ใครน่ะหรอ?



ก็ตัวเขาเองไง...ที่เลวระยำจนเกินจะเยียวยา



“พลัส...ฟังก่อนกูอธิบายได้ไหม”



“กูไม่อยากได้คำแก้ตัว กูแค่อยากรู้ว่ามึงข่มขืนกูเพรามันจริงไหมก็ตอบกูมาสิ ตอบกูมา!!!”



ไม่พูดเปล่าพลัสเดินตรงเข้ามาก่อนจะผลักอกบอยอย่างแรงจนร่างที่ใหญ่โตกว่ามากเซไปทางด้านหลัง ไม่ใช่ว่ามันแรงจนเกิดจะต้านทานหากแต่เป็นเพราะแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวดของพลัสต่างหากที่ทำให้บอยไร้เรี่ยวแรง



“เงียบแบบนี้แสดงว่าจริงใช่ไหม...มึงทำร้ายกูเพราะมันจริงๆหรอ”



แม้ว่าบอยจะไม่ตอบคำถามนั้นความจริงทุกอย่างก็กำลังสะท้อนออกมาให้พลัสเห็น สีหน้าที่แสดงความรู้สึกผิดและเสียใจอย่างถึงที่สุดไม่ได้มีค่าอะไรเลยนอกจากการเป็นเครื่องหมายของความอัปยศที่เกิดขึ้น



“มึงบอกว่ามึงรู้สึกดีกับกู...แต่มึงกลับทำร้ายกูแค่เพราะคำพูดของคนอื่นงั้นหรอ”



“...”



“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยเกลียดกันทีได้ไหม มึงจะได้เลิกทำร้ายกูสักที”



พลัสคงไม่อาจหาถ้อยคำใดๆมาอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้ดีเท่านี้ ความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นพังทลายลงไปราวกับมีคนมาล้มโดมิโน่ที่บอยเพียรสร้างไว้ในหัวใจของเขา พลัสเคยคิดว่านอกจากตอนที่แม่เสีย ความเจ็บปวดจากการถูกขืนใจในคืนนั้นคงเป็นความเจ็บปวดที่สุดที่คนคนหนึ่งสามารถรู้สึกได้...แต่มันกลับเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดที่รู้ว่าบอยทำร้ายเขาเพียงเพราะคำยั่วยุของคนอื่น



ร่างบางพยายามสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองดูน่าสมเพชมากไปกว่านี้ เขาหันหน้าหนีไม่อยากเห็นความอ้อนวอนจากแววตาของอีกฝ่ายที่พลัสไม่อาจเชื่อได้เลยว่ามันมีความจริงใจอยู่ในนั้น แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าบอยกลับคว้ามือของพลัสไว้ทั้งที่ไม่ควรทำ



“ขอโทษ...พลัส พี่ขอโทษ”



ที่ตรงนี้ไม่มีใครที่ร้องไห้ บอยไม่ร้อง พลัสก็ไม่ร้อง พวกเขาเพียงแค่มองกันผ่านแววตาที่บ่งบอกความรู้สึกของเจ้าของมันได้เป็นอย่างดี



ดวงตาของบอยคือคำอ้อนวอนที่ไร้ค่า



ส่วนดวงตาของพลัสคือคำบอกลาที่ไร้เยื่อใย



“อย่ามาให้กูเห็นหน้ามึงอีก...หายไปจากชีวิตกูซะ”



ใช้แรงเพียงนิดเดียวพันธนาการที่บอยยึดไว้ก็หลุดออกอย่างง่ายดาย คนที่เจ็บปวดเกินกว่าจะทนรับได้บีบมือของตัวเองที่ยังคงหลงเหลือความอบอุ่นจากบอยให้รู้สึกแน่น ก่อนจะหันไปหาปูนที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง



“ครั้งหนึ่งกูเคยเสียใจที่มึงไม่เคยหันมามองกูบ้าง แต่ตอนนี้กูดีใจมากเลยว่ะ...เพราะคนอย่างมึงมันไม่สมควรได้รับความรักจากใครเลยจริงๆ”



คำพูดของพลัสแม้จะไม่รุนแรงแต่กลับตอกย้ำตราบาปในหัวใจของปูนได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กพูดไม่ออก ความกระอักกระอ่วนในอกตีรวนขึ้นมาจนทำให้เขาได้แต่ยืนนิ่ง ปูนมองหน้าพลัส ร่างเล็กทำท่าเหมือนกับอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่อยากอยู่ฟังมันจากปากเขาเท่าไหร่ เพราะทันทีที่พูดจบร่างบางก็หันหลังแล้วเดินกลับไป โดยไม่หันมามองทั้งคู่อีก...และเพราะอย่างนั้นเลยทำให้ไม่มีใครได้เห็นน้ำตาที่ไหลเป็นทางบนใบหน้าของพลัสยกเว้นแต่ชายคนหนึ่งที่ยืนฟังบทสนทนาทั้งหมดอยู่ใกล้ๆ



คณิตกำโทรศัพท์ในมือของตัวเองแน่น ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรกับเด็กหนุ่มที่เขาเพิ่งจะโทรหาเพื่อถามไถ่เรื่องของคนที่หายไป แต่คณิตก็ไม่คิดเลยว่านอกจากจะได้เจอปูนแล้วเขายังได้ค้นพบความจริงที่น่าตกใจบางอย่าง ซึ่งทำให้คณิตรู้สึกว่าเขายังรู้จักปูนน้อยไปจริงๆ



“พลัส เดี๋ยวพลัส!!”



เสียงร้องตะโกนดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของบอย คนที่ยังไม่ตัดใจยอมแพ้วิ่งตามพลัสไปโดยที่ไม่ทันได้สังเกตเห็นคณิตที่ยืนอยู่เพราะในสายตาของบอยนั้นมันมีแต่ภาพของพลัสที่ไกลออกไปเรื่อยๆ...ไกลยิ่งกว่าครั้งไหนๆที่เขาเคยรู้สึก เขาเร่งฝีเท้าของตัวเองขึ้นอีกจนกระทั่งมาถึงหน้าลิฟต์ที่พลัสเพิ่งหายเข้าไปในนั้น แต่แทนที่ร่างใหญ่จะอยู่รอคิวลิฟต์ครั้งต่อไป เขากลับรีบวิ่งขึ้นบันไดไปแม้ว่าชั้นที่น้าพรพักอยู่จะอยู่สูงแค่ไหนก็ตาม



“แฮ่ก พลัส!!”



ประตูห้องพักถูกกระชากออกก่อนที่บอยจะถลาเข้าไปมองหาคนที่เขาอยากเจอหน้ามากที่สุด แต่ภายในห้องนั้นกลับไม่มีแม้แต่เงาของพลัส ที่นั่นมีเพียงแค่น้าพรที่สะลึมสะลือตื่นขึ้นเพราะเสียงของบอย



“เสียงดังอะไรกันบอย”



“ป้าครับ เห็นพลัสไหม พลัสมาที่นี่รึเปล่า”



เสียงของบอยสั่นจนพรแปลกใจ เธอที่สงสัยความสัมพันธ์ของบอยและพลัสเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพยายามไม่คิดอะไรมากแล้วตอบไปตามตรง



“ไม่ได้มา พลัสขอป้าออกไปตามบอยหลังบอยออกไปโทรศัพท์ได้แปปเดียวเอง ไม่ได้เจอกันหรอ”



“เจอครับ แต่...”



“...?”



“ผมขอโทษนะครับป้าพร ขอโทษจริงๆ”



บอยมีถ้อยคำมากมายที่อยากจะเอ่ยทั้งกับคนที่เขารักและคนที่เขาห่วงใยแต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นครั้งหนึ่งบอยกลับเลือกทำร้ายคนเหล่านี้ด้วยเหตุผลที่เห็นแก่ตัวที่สุด เขาจะไม่แก้ตัวว่าไม่รู้หรือไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องราวทุกอย่างจะเลวร้ายลง...เขารู้...และเขาคิด...เพียงแต่ตอนนั้นเขาโลภอยากครอบครองคนที่รักไว้...เขาใช้อารมณ์ตัดสินทุกอย่างแล้วสุดท้ายมันก็พังไม่เป็นท่า



บอยเดินออกมาจากห้องทิ้งคนที่ยังไม่รู้ทุกอย่างไว้เบื้องหลัง แต่เขาสาบานกับตัวเองว่าหลังจากได้คุยกับพลัสอีกครั้งเขาจะเข้ามาสารภาพและบอกทุกอย่างกับป้าพรแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ทางมองเขาด้วยสายตาแบบเดิมอีกเลยก็ตาม แต่ต้องไม่ใช่กับพลัส...ขอแค่พลัส...พลัสคนเดียวเท่านั้น



ชายหนุ่มวิ่งตามหาพลัสจนทั่ว แม้แต่รอบๆโรงพยาบาลแต่เขาก็ไม่เจอ บอยพยายามโทรศัพท์หาพลัสซ้ำแล้วซ้ำอีกแม้ว่ามันจะไม่ติด พลัสปิดเครื่องและนั่นทำให้บอยไม่อาจตามหาร่างบางด้วยวิธีการขี้โกงแบบเดิมได้จนหัวใจที่ร้อนรนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วค่อยๆพังทลายลงเหมือนเศษไม้ที่ถูกไฟสุม



“ร้อนชิบหายเลยว่ะมึง ไปนั่งหาดกันป่าววะ”



เสียงพูดคุยของนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่เดินผ่านมาทำให้บอยฉุกคิด



“หรือว่า...จะเป็นที่นั่น”



:hao5:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :hao5:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่33][280459]
«ตอบ #341 เมื่อ28-04-2016 19:14:08 »




บอยรีบบึ่งรถบิ๊กไบค์ของตัวเองออกไปแทบจะทันที เขาเร่งความเร็วขึ้นโดยไม่กลัวว่าจะไปเตะตาตำรวจที่ไหนเข้า เพราะในหัวของร่างสูงมีเพียงภาพของสถานที่ที่มีความทรงจำอันล้ำค่าของบอยถูกเก็บไว้ ทั้งในสายลม หยดน้ำ และเม็ดทราย...สถานที่ที่บอยเชื่อว่าพลัสยอมเปิดใจให้เขาเป็นครั้งแรก



“พลัส...”



และบอยก็คิดถูก ภาพของพลัสในปัจจุบันถูกซ้อนทับด้วยภาพในอดีต แม้จะอยู่คนละช่วงเวลาแต่พลัสในวันนี้ไม่ต่างอะไรจากในวันนั้น...จะเปลี่ยนไปก็แค่คนที่ทำให้พลัสร้องไห้คือเขาไม่ใช่ใครอื่น



เด็กหนุ่มไม่ได้หันกลับไปมองแต่ก็ไม่ได้ลุกหนี อันที่จริงร่างบางรู้อยู่แล้วว่าบอยจะต้องพยายามตามหาเขา...พลัสได้แต่นั่งนิ่งทั้งที่อยากด่าทออีกฝ่ายให้สาแก่ใจแต่มันก็ทำได้ยาก เพราะในหัวใจของพลัสในตอนนี้มันมีแต่ความผิดหวังไม่ใช่ความแค้นเหมือนดั่งเก่า



มือที่สั่นเทาของบอยเอื้อมมาโอบรัดร่างของพลัสไว้ แม้จะไม่มีเสียงร้องไห้แต่ทั้งคู่ต่างก็ได้ยินมันผ่านหัวใจที่บอบช้ำทั้งสองดวง ร่างบางพยายามขืนตัวออกแต่บอยก็ไม่ยอม...ขอร้อง...ช่วยฟังกันก่อนได้ไหม



“พี่รู้ว่าพี่ผิด...ผิดเกินกว่าที่พลัสจะให้อภัย...แต่ขอร้องเถอะนะ ขอให้พี่ได้ชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำไปกับพลัสก่อน”



“ทางเดียวที่พี่จะชดใช้ได้คืออยู่ให้ไกลจากผม หูหนวกรึไง บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ต้องมาให้เห็นหน้ากันอีก”



น้ำเสียงของพลัสมันทั้งแหบพร่าและเย็นชาเสียจนคนฟังรู้สึกร้าวไปทั้งใจ แม้คำพูดที่พลัสใช้จะกลับมาสุภาพแต่มันกลับไม่น่าฟังเลยสักนิด



“ไม่...ฟังพี่ก่อนนะ”



“พอเถอะพี่...ผมเหนื่อย...เหนื่อยจะฟัง เหนื่อยจะคิดทุกอย่างแล้ว”



บอยโอบรับร่างบางให้แน่นขึ้นอีกแต่เขากลับรู้สึกเหมือนกับว่าไม่เคยไขว่คว้าคนคนนี้ได้จริงๆสักครั้ง



“อย่าเพิ่งเหนื่อยได้ไหม จะด่ากันอีกก็ได้ จะทรมานพี่แค่ไหนก็ยอม ขอแค่พลัสยังไม่ไป...ขอแค่พลัสยังอยู่ให้พี่เห็น”



“ตอนนี้พี่ขอร้องผม...แล้วทีตอนนั้นที่ผมขอให้พี่หยุด ทำไมพี่ถึงไม่ฟังผมบ้างล่ะครับ...ผมขอร้อง...ขอให้พี่ไม่ทำแล้วผมพี่เคยฟังมันบ้างไหมพี่บอย”



พลัสหันมาเผชิญหน้ากับคนที่ใจร้ายที่สุดด้วยสีหน้าที่ตัดพ้อ หากแต่สิ่งที่ทรมานใจเขาตอนนี้ไม่ใช่ความอัปยศในคืนนั้น แต่เป็นสาเหตุของมันต่างหาก



“ผมคิด...ว่าตัวเองอาจจะให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวเรื่องในคืนนั้นได้เพราะความดีที่พี่ทำ แต่ผมคิดไม่ออกจริงๆ...ว่าจะให้อภัยคนที่ทำร้ายผมเพราะคำพูดของคนอื่นได้ยังไง ผมคิดไม่ออกจริงๆพี่”



ร่างบางสัมผัสใบหน้าของคนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงหัวใจของเขาไปในวินาทีสุดท้าย หากวันนั้นบอยไม่เข้ามาหาเขาที่นี่...หากบอยไม่เข้ามาเป็นคนที่พลัสได้พึ่งพิงการตัดอีกฝ่ายออกไปจากชีวิตคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะเผชิญหน้ากันต่อไป...มันเจ็บมาก...ทรมานเกินไปจริงๆ



“พี่...ไม่มีทางชดใช้ให้เราได้เลยจริงๆหรอนอกจากทางนี้”



บอยถามพลัสขณะที่เคลื่อนเข้าไปใกล้จนหน้าผากของพวกเขาสัมผัสกัน ดวงตาทั้งสองคู่ไม่หลบหลีกไปไหน มันสบกันอยู่อย่างนั้นเหมือนกับว่าต้องการจดจำภาพช่วงเวลานี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด



“ไม่มีแล้วพี่บอย ฮึก มันหมดหนทางแล้วจริงๆ”



“...”



“ปล่อยผม...ไปเถอะนะ”



พลัสว่าก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย ทั้งความเจ็บปวดและความรู้สึกดีๆแม้จะเพียงเล็กน้อยที่ได้รับจากชายคนนี้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมดไม่มีเหลือ บอยมองดูน้ำตาของคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย แน่นอนว่าเขาเสียใจแต่บอยก็เข้าใจว่าตัวเองคือคนที่ทำร้ายพลัสมากที่สุด



บอยหลับตาลง เขานึกถึงภาพของเด็กผู้ชายเจ้าของรอยยิ้มสดใสที่เข้ามาสร้างความรู้สึกบางอย่างไว้ในหัวใจของเขาอย่างง่ายดายเพียงแค่สบตา และเขาก็นึกถึงใบหน้าอมทุกข์ของเด็กคนนั้นรวมถึงแววตาที่แสดงออกถึงความหวาดกลัวในการพบกันครั้งที่สอง









“สวัสดีครับ ผมชื่อพลัส จะมาทำพาร์ทไทม์ที่นี่”



“...”



“หัวหน้าครับ?”



“จำพี่ไม่ได้หรอ”



“จำ? เราเคยเจอกันมาก่อนหรอครับ?”



“...”



“...”



“เปล่า...กูชื่อบอย...เป็นหัวหน้าของมึง”










“สุดท้าย ไม่ว่ายังไงพี่ยังเป็นคนแพ้อยู่ดีสินะ แต่อย่างน้อย...ขอแค่สักครั้งให้พี่ได้พูดมันออกไป พลัสช่วยรับฟังมันหน่อยได้ไหม”



“...”



“พี่รักพลัสนะ...ขอโทษ...พี่ขอโทษ”



พลัสเคยคิดว่าหากวันนี้มาถึงเขาจะเป็นคนที่ยืนอยู่ในฐานะผู้ชนะแล้วปฏิเสธคำว่ารักของบอยไปด้วยความเกลียดชังทั้งหมดที่มี หากแต่ในวันนี้หัวใจของเขากลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกเติมเต็มด้วยสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้รับจากใคร...หากแต่รอยร้าวรอยใหญ่ที่ถูกสลักอยู่บนหัวใจนั้นก็ไม่อาจทำให้มันคงอยู่ต่อไปได้ ความรักของบอยถูกรินรดลงในหัวใจของเขา แต่มันก็หายไปเพราะความผิดที่อีกฝ่ายเคยกระทำ...ความผิดที่ปล่อยให้คำว่ารักอยู่เหนือหัวใจของคนที่รัก









“ขอโทษนะครับ...แต่ผมรับมันไว้ไม่ได้จริงๆ”






.

.

.

.

.

.

.

.

.



ตั้งแต่บอยวิ่งตามพลัสไปปูนก็ได้แต่ยืนอยู่กับที่เพราะไม่อาจสลัดภาพใบหน้าอันเจ็บปวดของพลัสออกไปจากหัวสมองได้ คำพูดและการแสดงออกถึงความผิดหวังทำให้ร่างเล็กเริ่มสะท้อนใจถึงผลจากสิ่งที่ตัวเองทำ จริงอยู่ที่เขาไม่ชอบพลัสเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยทำอะไรกับคนคนนี้ไว้ แต่พอวันนี้ทุกอย่างมันย้อนกลับมาหาตัวเองและคำพูดของพลัสที่ตอกย้ำหัวใจคนฟังเข้าอย่างจัง ปูนก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกผิดของตัวเองได้เลย







‘คนอย่างมึงมันไม่สมควรได้รับความรักจากใครเลยจริงๆ’





“ปูน”



ปูนสะดุ้งเมื่อเสียงที่คุ้นเคยดีกำลังเรียกชื่อของเขาในขณะที่ร่างเล็กกำลังนึกถึงคำพูดสุดท้ายของพลัสซ้ำไปซ้ำมา



ป๋า...



“อย่าหนีนะ!”



ปูนเตรียมจะวิ่งหนีแต่ยังไม่ทันแม้จะได้ขยับตัว คณิตก็พูดขึ้นพร้อมกับเดินมาจับแขนของปูนไว้ คนที่เขาเที่ยวตามหากำลังยืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางที่ดูสับสนอย่างหนัก จากทั้งเรื่องของเขา...และเรื่องของเด็กที่ชื่อพลัส



“ปะ ปล่อย”



“ไม่”



คณิตไม่ฟังคำปฏิเสธของปูนเลยสักนิด เขาออกแรงลากคนที่ตัวเล็กกว่ามากไปยังรถของตัวเองแม้ว่าปูนจะขัดขืนจนใครต่อใครหันมามอง



“ไม่ไปนะ ปล่อยสิ! ฮึก บอกให้ปล่อยไง!”



เมื่อความต้องการของตัวเองไม่ถูกตอบสนองปูนก็เริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้งจนคนฟังใจสั่น คณิตอยากจะเข้าไปซับน้ำตาให้แต่ก็รู้ดีว่าไม่ควรทำ เขาตามใจปูนมากไป จนทำให้ปัญหาทุกอย่างคาราคาซังแบบนี้รวมไปถึงเรื่องของพลัสที่ต่อให้ไม่มีใครพูดออกมาตรงๆคณิตก็พอจะเดาได้ว่าเหตุผลที่ปูนบอกให้บอยทำร้ายเด็กหนุ่มคนนั้นไป สาเหตุก็คงไม่พ้นเรื่องของเขา



 “พลัส...”



จู่ๆ ปูนก็ครางชื่อของคนที่เป็นประเด็นอยู่เมื่อครู่ออกมาทำให้คณิตหันไปมองภาพของพลัสที่กำลังวิ่งออกไปนอกโรงพยาบาลอย่างรีบร้อนเหมือนกับพยายามหนีอะไรบางอย่าง ร่างเล็กรู้สึกใจเสีย ที่บอยวิ่งตามไปเมื่อกี้สองคนนั้นยังไม่ได้เจอกันหรอ ปูนรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหวังจะโทรบอกบอยว่าพลัสกำลังวิ่งไปที่ไหน แต่คณิตที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็คว้าโทรศัพท์ของคนรักมาถือไว้พร้อมกับทำหน้าขึงขัง



“อย่ายุ่งกับเด็กคนนั้นอีก”



คณิตไม่ได้โกรธเขาเพียงแต่คิดว่าหากปูนยังเข้าไปยุ่งมากไปกว่านี้เรื่องของสองคนนั้นอาจจะบานปลายจนเกินแก้ แต่สำหรับคนที่มีชนักติดหลังอย่างปูนกลับมองแววตาตำหนิด้วยความกลัว อย่าบอกนะว่าคณิตได้ยินมันทั้งหมด..:พอคิดได้อย่างนั้นปูนก็เริ่มหน้าเสีย สำหรับเรื่องนี้เขาเองยังรู้สึกแย่กับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป นับประสาอะไรกับคณิตที่อ่อนโยนกับคนอื่นเสมอ



“ผมไม่ได้จะ...”



“ไม่ว่าเธอจะตั้งใจทำอะไร มันคงไม่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นหรอก...สิ่งที่เธอกับบอยทำมันรุนแรงเกินไปปูน อย่าทำให้เรื่องมันแย่มากไปกว่านี้”



คำพูดของคณิตเป็นเหมือนมือที่มองไม่เห็นซึ่งกำลังบีบลำคอของปูนจนร่างเล็กหายใจไม่ออก เรื่องราวมากมายที่รุมเร้าทำให้ปูนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมลงไปในความมืดเรื่อยๆโดยไม่มีหลักยึดใดให้ไขว่คว้า แม้แต่มือของคณิตที่กำลังจับกันอยู่นี่ก็ไม่อาจทำให้ปูนรู้สึกถึงวันข้างหน้าได้อย่างเคย



มันมืดมดและไร้หนทาง...ทางที่เขาจะเดินไปข้างหน้าได้



“ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็อย่ามายุ่งกันเลยครับ”



“...!?”



“ผมมันไม่ดีในสายตาคุณอยู่แล้วไม่ใช่รึไง”



ปูนร้องไห้ก่อนจะเผยใบหน้าที่แสดงถึงความสิ้นหวังออกมาอย่างถึงที่สุด เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนดีและไม่ได้มีโอกาสมากมายนักที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไป แต่คณิตคือความหวัง...ความหวังที่ปูนใช้บอกตัวเองว่าเขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ หากแต่วันนี้มันกลับพังทลายลงไปด้วยน้ำมือของเขาเอง



“เรื่องของพลัสผมผิดจริงๆอย่างที่คุณว่า ถึงจะทำอะไรไม่ได้มากแต่ผมก็จะพยายามชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ส่วนเรื่องของพี่กาล...”



“...”



“ขอโทษนะครับ ที่ผมแก้ไขอดีตของตัวเองไม่ได้จริงๆ”



ปูนขืนข้อมือของตัวเองออกโดยที่คราวนี้มันกลับหลุดออกมาได้ง่ายดายเพราะคณิตกำลังตกใจกับคำพูดกล่าวโทษตัวเองของปูน ร่างสูงยอมรับ...ว่าห้วงหนึ่งในความคิดเขารู้สึกผิดหวังกับอดีตของปูนที่เพิ่งได้รับฟัง อดีตที่บอกว่าครั้งหนึ่งปูนเคยรักใครคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนรักของเขาที่คณิตไม่อาจจินตนาการภาพได้เลยว่าเพราเหตุอันใดปูนถึงไม่บอกเรื่องนี้กับเขาตั้งแต่ทีแรก



เพราะมันไม่สำคัญจนต้องเก็บมาใส่ใจ



หรือเพราะว่าสำคัญมากจนไม่อยากให้รับรู้...





คณิตถามตัวเองซ้ำๆอยู่อย่างนั้นแต่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้แม้กระทั่งตอนนี้ที่มือของเขาไม่อาจสัมผัสปูนได้จนความเหน็บหนาวและปวดร้าวในหัวใจเกิดขึ้นในอกของคณิตเป็นครั้งแรก...มันรุนแรงและลึกซึ้งจนทำให้คณิตรู้ตัวว่าปูนสำคัญกับเขามากเท่าใด



“ฉันรักเธอนะปูน...แต่ฉันก็ห้ามความเห็นแก่ตัวของตัวเองไม่ได้ แค่คิดว่าครั้งหนึ่งเธอเคยบอกรักไอ้กาลด้วยถ้อยคำที่เหมือนกับที่เธอเคยบอกฉันหัวใจมันก็เจ็บขึ้นมาอย่างไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ”



คณิตคว้าปูนมากอดไว้ มันเป็นการกระทำที่สวนทางกับคำพูดอย่างชัดเจน เหมือนกับการที่สมองบอกให้เขาเดินออกมาจากเรื่องราวยุ่งยากทุกอย่างหากแต่หัวใจกลับไม่ยอมเชื่อฟัง



“คนอื่นบอกว่าฉันเป็นคนใจกว้างที่รับรักเธอได้ แต่เธอรู้ไหม...ความจริงแล้วคนอย่างฉันน่ะมันทั้งใจแคบและเห็นแก่ตัวที่สุดเลย”



การกลับมาของอดีตไม่ได้ทำร้ายเพียงหัวใจของปูนที่ทนแบกรับมันมานาน หากแต่มันกลับยังสร้างรอยแผลรอยใหม่ให้คณิตที่เพิ่งรับรู้ถึงความไม่สวยงามของตัวเองซึ่งมันยากเกินกว่าจะยอมรับ พวกเขาที่ทั้งโง่เขลาและไร้หนทางจึงทำได้เพียงแค่กอดกันไว้แม้ว่าความรู้สึกตอนนี้จะยังไม่ชัดเจนและเต็มไปด้วยคำถาม ว่าสุดท้ายแล้วความรักที่บีบรัดอยู่ในอกนี้จะดำเนินไปในทางไหน



คณิตพาปูนกลับมาที่บ้าน...บ้านที่เขาและปูนเพิ่งยิ้มและหัวเราะให้แก่กันในตอนเช้าก่อนมันจะเปลี่ยนเป็นรอยน้ำตาในยามที่พระอาทิตย์ค่อยๆลาลับไป ไม่มีคำพูดใดๆระหว่างคนทั้งสอง มีแค่ความเงียบที่โอบล้อมและอ้อมแขนอุ่นๆที่คอยประคองกันไว้บนเตียงนอนที่มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น



ปูนหยุดร้องไห้ไปแล้ว แต่ร่างเล็กยังคงเลือกที่จะวางหัวอันหนักอึ้งของตัวเองไว้บนอกของคณิตที่คอยลูบมันไปมาอย่างอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรๆมันก็เปลี่ยนไปแล้วก็ตาม



“ผมน่ะ...เคยรักเขามาก่อน”



หลังจากเงียบกันอยู่นาน จู่ๆปูนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ และเพราะความมืดรอบตัวก็ทำให้คณิตไม่อาจให้คณิตเห็นได้เลยว่าใบหน้าของปูนยามพูดถึงเพื่อนของเขา มันเต็มไปด้วยความรัก ความเศร้า หรือความเกลียดชังกันแน่...ปูนนึกถึงใบหน้าของคนคนนั้นที่แม้จะไม่ค่อยได้ยิ้มให้เขาแต่ดวงตาที่แสดงออกถึงความเข้าใจก็ทำให้ร่างเล็กรู้สึกอบอุ่นเสมอ เขาเผลอกำมือที่กำลังจับชายเสื้อของคณิตไว้แน่นขึ้นเมื่อเรื่องราวในอดีตย้อนเข้ามาในหัว



“พี่กาล...เขาเป็นเหมือนสิ่งดีๆที่เข้ามาในชีวิต เขาทำให้ผมที่ไม่เคยมีความรู้สึกลึกซึ้งแบบนี้ให้กับใครได้เรียนรู้ว่าการรักใครสักคนมันมีความสุขมากแค่ไหนรวมไปถึงความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับมัน ตลอดเวลาที่คบกันผมรู้ดีว่าระหว่างเรามันคงเป็นไปไม่ได้ ถึงพี่กาลจะบอกว่าเขาจะอยู่กับผม...แต่ผมก็รู้ว่าสักวันเขาก็คงทิ้งผมไปอยู่ดี”



“ไอ้กาลมัน...ทิ้งเธองั้นหรอ”



“อืม แม้ว่าเขาอาจจะคิดว่าเป็นอีกอย่างน่ะนะ”



ร่างเล็กยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วกอดเข่าตัวเองไว้ปล่อยให้ดวงตาจับจ้องไปยังแสงไฟที่ส่องสว่างมาจากทางนอกหน้าต่าง หากในห้องๆนี้ไม่มีคณิต บรรยากาศตอนนี้คงไม่ต่างจากคืนวันที่เขาต้องเฝ้ารอคอยรัตติกาลให้มาหาโดยที่ไม่เคยได้รับรู้เลยว่าคนที่เขารักกำลังไปทำอะไรอยู่ที่ไหน



“การรอคอยมันทรมาน...แต่ผมก็บอกตัวเองว่าทนได้แล้วรอคอยเขาอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่รู้เลยว่ายังมีบางสิ่งที่ทรมานยิ่งกว่า...นั่นก็คือการรอคอยที่ไม่มีใครกลับมาหาเรา...การรอคอยที่ต่อให้ทุ่มเทความรู้สึกและปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานแค่ไหนสุดท้ายมันก็ไร้ค่า...ไม่มีใครรู้ว่าเราอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครได้ยินว่าเราเจ็บปวดแค่ไหน ไม่มี...ไม่มีเลยสักคน”



เสียงของปูนแผ่วลงเรื่อยๆเช่นเดียวกับความหวังที่ริบหรี่ก่อนจะค่อยๆดับไปในท้ายที่สุด คณิตมองแผ่นหลังที่คุดคู้ลงและมือที่โอบกอดตัวเองไว้ของปูนซึ่งบ่งบอกได้ดีกว่าเด็กผู้ชายตัวเล็กๆนี้ก้าวผ่านการรอคอยที่ว่านั้นมาโดยวิธีไหน



“ระหว่างผมกับเขามันจบไปแล้ว...แม้ว่ามันจะยังมีอะไรหลายอย่างที่ไม่ชัดเจนแต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมต้องฝืนทนอยู่ตรงนั้นต่อ ผมจะไม่ขอให้คุณเข้าใจหรือว่าเกลียดเพื่อนของตัวเองเพราะสิ่งที่เขาทำกับผม...แต่ผมอยากบอกคุณนะคุณคณิต ว่าต่อให้ตอนนี้พี่กาลเขาจะมาคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วขอให้ผมยกโทษให้ผมก็จะไม่มีวันให้อภัยคนอย่างเขาเป็นอันขาด”



 “บอกได้ไหม ว่าระหว่างเธอกับไอ้กาลมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”



“บอกไปแล้วจะได้อะไร คุณจะไปทวงความยุติธรรมคืนให้ผมหรอ”



“...”



“หึ ก็ไม่ใช่ไหมล่ะ เพราะแบบนี้ไงผมถึงไม่เคยคิดจะบอกคุณว่าครั้งหนึ่งผมเคยรักกับคนแบบนั้น”



ร่างเล็กยิ้มให้คณิตอีกครั้ง ก่อนที่จะลุกขึ้นมาเปิดไฟในห้องแล้วเริ่มลงมือเก็บเสื้อผ้าและของใช้ลงไปในกระเป๋าสะพายใบเดียวกันกับที่ปูนใช้ขนของจากหอมาไว้ที่นี่ คณิตขมวดคิ้วแน่น ยิ่งได้เห็นว่าเสื้อผ้าที่ปูนหยิบออกไปจากตู้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ปูนซื้อมันมาด้วยตัวเองทั้งนั้น ผิดกับเสื้อผ้าที่เขาซื้อไว้ให้



“เธอจะทำอะไร”



“เก็บเสื้อผ้าไงครับ”



“เธอจะไปจากฉันงั้นหรอ”



“แล้วมัน...มีทางอื่นที่ดีกว่านี้รึไง คุณรับอดีตของผมไม่ได้ ไม่สิ...ความจริงคุณอาจจะไม่เคยรับตัวตนของผมได้เลยด้วยซ้ำ”



ปูนยิ้มขืนพร้อมกับนึกถึงคำพูดของบอยที่บอกไว้ ว่าถ้าหากคณิตไม่สามารถรับอดีตที่ไม่น่ามองของปูนได้บางทีก็อาจจะถึงเวลาที่เขาควรจะเลิกวิ่งตาม ไม่ใช่ว่าไม่รัก ไม่ใช่ว่าอยากยอมแพ้ แต่เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้ากับการที่ต้องคอยถามต้องถอยถามตัวเองซ้ำๆ ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันไม่เพียงพอต่อการอยู่ด้วยกันของเราอย่างนั้นหรอ ในขณะที่คณิตเอง...ก็คงจะเหนื่อยกับการพยายามยอมรับตัวตนของปูนด้วยเช่นกัน



“ผมรักคุณนะ...ปูนรักป๋า แต่ว่าตอนนี้ผมว่าเราพยายามกันมามากเกินพอแล้ว”



เด็กหนุ่มกลั้นก้อนสะอื้นลงคอแล้วหันมามองหน้าคนที่ตนรักด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย อยากจะเข้าไปกอด อยากจะเข้าไปร้องขอว่าช่วยจับมือกันไว้ให้แน่นๆได้ไหม แต่ความเป็นจริงเบื้องหน้ากลับเป็นเหมือนหมุดเล่มใหญ่ที่ตอกปลายเท้าของปูนไว้ไม่ให้เดินไปไกลกว่านี้ เขานึกย้อนไปถึงวันแรกที่ได้เจอกันแม้มันจะไม่สวยงามและเต็มไปด้วยเรื่องผิดพลาดแต่ภาพของคณิตที่แสนอบอุ่นและเข้าใจเขาเสมอนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ปูนหลงรักผู้ชายคนนี้หากแต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมันกลับย้อนแย้งกับความจริงข้อนั้นอย่างน่าเจ็บใจ...ปูนอยากถามคณิตว่าตัวเขาในสายตาของร่างสูงในวันนี้ยังคงน่าเอ็นดูเหมือนกับวันนั้นไหม หรือสิ่งดีๆที่อุตส่าห์สร้างกันมาแทบตายกลับสลายไปพร้อมกับความคาดหวังที่เกินตัว



“ป๋า...เราเลิ...”



“ฉันจะไม่เลิกกับเธอหรอกนะ”



“...!!”



“เราจะไม่เลิกกันปูน ฉันจะไม่มีวันรับคำบอกลาของเธอแน่ๆ”



คณิตก้าวไปหาคนที่แสดงสับสนออกมาผ่านแววตาก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กมาถือไว้แทนด้วยการตัดสินใจที่แน่แน่ว



“สิ่งที่เราทั้งคู่ต้องการตอนนี้คือเวลา ไม่ใช่การตัดปัญหาออกไปโดยที่ยังไม่ได้ลองแก้ไข เธอบอกว่าเราพยายามกันมามากเกินพอ...ใช่...ฉันยอมรับว่ามันเป็นอย่างนั้น ฉันเคยเหนื่อยที่ต้องพยายามเข้าใจการกระทำที่ไร้เหตุผลของเธอ ฉันเคยท้อกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นที่คอยตอกย้ำให้ฉันรู้ว่าเธอเคยทำอะไรไว้ ฉันเคยไม่ไว้ใจเธอแค่เพราะคำพูดของคนที่รู้จักเธอน้อยกว่าฉัน...ฉันเคยอยากหันหลังให้กับเธอเมื่อต้องมารับรู้ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยรักเพื่อนของฉันมากแค่ไหน แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้ทำมันเพราะอะไรรู้ไหมปูน”



“...”



“เพราะฉันไม่อยากเสียเธอไป...จริงๆนะ”



คณิตไม่ได้ขอร้องให้ปูนล้มเลิกความคิด เขาเพียงแค่หวังว่าความรู้สึกส่วนลึกทั้งความอ่อนแอและเข้มแข็งของเขาจะพอทำให้ร่างเล็กรู้ว่าไม่ใช่ปูนเพียงคนเดียวที่อยากรักษาความรักครั้งนี้ไว้



“ฉันเองก็ไม่ได้เข้าใจความรักมากไปกว่าเธอหรอกปูน ฉันอยากให้ทุกๆวันของเราเป็นวันที่ดี แต่ฉันก็ทำไม่ได้...ฉันทำเธอร้องไห้ ฉันทำให้เธอเกือบจะพูดคำนั้นออกมาเพียงเพราะฉันเป็นคนทำให้เธอคิดว่าฉันไม่รักเธอแล้วทั้งที่มันไม่ใช่ ฉันอยากเข้มแข็งกว่านี้ ฉันอยากปกป้องเธอได้ เธอจะให้โอกาสฉันได้ไหมปูน...ให้โอกาสเราทั้งคู่ได้คิดทบทวนทุกอย่างก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป”



ฝ่ามือของปูนอุ่นขึ้นเพราะริมฝีปากของคณิตที่แนบลงบนมันอย่างแผ่วเบาเช่นเดียวกับคำขอร้องนั้น ปูนมองคิ้วของร่างสูงที่ขมวดกันเป็นปม เขามองดวงตาดวงเล็กคู่นั้นที่กำลังจับจ้องมาอย่างอ้อนวอนและขอร้องอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ร่างเล็กทั้งตกใจและปวดใจในคราวเดียวกัน ทำไมนะ ทำไมเขาถึงไม่ได้เจอผู้ชายคนนี้ให้เร็วกว่านี้



“ตอนนั้น...คุณเคยถามผมว่าไม่กลัวบ้างรึไง ว่าสักวันสิ่งที่ผมทำมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวผมเอง”



“แล้วเธอก็ตอบฉันว่าเธอตั้งใจทำให้มันเป็นอย่างนั้น”



“ครับ ผมตอบไปอย่างนั้นเพราะผมไม่ได้รู้จักคำว่า ‘เสียใจ’ ดีพอ แต่ตอนนี้...ผมเสียใจครับ เสียใจจริงๆที่ผมดีพอสำหรับคุณไม่ได้”



คณิตหยุดคำพูดของปูนไว้ด้วยอ้อมกอดที่สั่นเทาพร้อมกับถามตัวเองว่าทั้งๆที่พวกเขารักกันแต่ทำไมการอยู่ด้วยกันนั้นถึงเจ็บปวดแบบนี้ เขาเงยหน้าขึ้นจนสายตามองไปเงาสะท้อนของเราทั้งคู่ที่ดูเจ็บปวดเสียจนอยากหันกลับไปแต่ก็ทำไม่ได้...เขาต้องมองดูความเป็นจริงนี้ไว้แล้วบอกกับตัวเองว่าความรักมันเป็นแบบนี้



“สัญญานะปูนว่าจะกลับมา...ถ้าวันไหนเธอพร้อมที่จะเดินไปกับฉันอีกครั้ง...เธอจะต้องกลับมานะ”



“ผมต่างหากล่ะที่ต้องขอร้อง...ถ้าคุณพร้อมที่จะให้ผมเดินไปด้วยกันได้...ผมจะกลับมานะครับ”



ปูนพูดแบบนั้นก่อนที่จะจุมพิตคณิตอีกครั้งแทนคำสาบานระหว่างพวกเขาทั้งคู่ที่แม้ว่าลึกๆแล้วจะไม่อยากจากกันไปไหนแต่เราต่างก็รู้ดีว่าเวลาและระยะห่างคือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะเยียวยารอยแผลที่มองไม่เห็นเหล่านี้ได้









แต่แล้วสุดท้ายเมื่อเช้าวันใหม่มาถึง









ก็ไม่มีใคร...พบเห็นปูนอีกเลย









----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

มีแต่คนกลัวว่าป๋าจะทิ้งน้อง ที่ไหนได้น้องทิ้งป๋าก่อนต่างหาก5555555 สำหรับความหน่วงและความงงว่ามันเกิดอะไรขึ้นตอนนี้คงเป็นตอนสุดท้ายสำหรับความรู้สึกแบบนั้นนะคับ หลังจากนี้จะเป็นการแถ เอ้ย การแก้ปม ทั้งคำถามที่ว่าทำไมเรื่องแค่นี้ปูนต้องปิดป๋าด้วย หรือว่าอดีตของปูนมันมีอะไรกันแน่ จะได้รู้กันแล้วเนอะ สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านพี่กาล เช่อยากขอโทษมากๆคับ เพราะพอแต่งๆไปจากที่เคยบอกว่าเรื่องค่อนข้างขาดกันแต่เอาเข้าจริงถ้าไม่อ่านเรื่องนั้นมาก่อนมันน่าจะงงหนักมาก โดยเฉพาะคนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมปูนต้องแคร์เรื่องพี่กาลขนาดนั้น น่าจะพร่องความรู้สึกตรงนี้ไปนะคะ เช่จะพยายามใส่สิ่งที่เชื่อมกับเรื่องนั้นออกมาให้มากขึ้นแล้วก็อาจจะมีคำอธิบายเพิ่มเติมในช่วงtalkว่าเหตุการณ์ตอนนี้อยู่ในตอนไหนของเรื่องนั้น แต่จะดีที่สุดคือลองอ่านพี่กาลกันเนอะ บริหารตับไต5555 ล้อเล่นนนนนนนนนนนน

แล้วจากตอนนี้น่าจะเข้าใจแล้วนะคับว่าทำไมเช่ถึงไม่แยกเรื่องบอยพลัสออกมา เพราะเหตุการณ์ที่เกิดในตอนนี้เนี่ยแหละที่เช่คิดว่าน้องกับพี่บอยควรจะต้องรับผิดชอบ น้องปูนเป็นนายเอกนิสัยไม่ดีนะคับ (แต่ก็ไม่ได้เลว)เป็นคนที่ทำเรื่องผิดๆเยอะมากโดยเฉพาะเรื่องของพลัสที่ถ้าตัดคำว่านายเอกออกไปปูนก็ไม่ต่างอะไรจากตัวร้ายเลย แม้ว่าพลัสจะไม่ได้เขามาตบตีแล้วด่าปูนมากไปกว่านั้นแต่สิ่งที่ลงโทษปูนหนักที่สุดจากเหตุการณ์นี้คือความรู้สึกผิดที่ปูนใช้มันลดค่าของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว คอยดูเนอะว่าน้องจะทำยังไงกับเรื่องนี้ ส่วนพี่บอยไม่รู้ว่าช้ำจนโดดทะเลไปรึยัง555555

แล้วก็เรื่องป๋า คนนี้อยากพูดถึงหน่อย 55555 พักหลักป๋าโดนว่าเยอะ ซึ่งเช่ดีใจมากที่เป็นแบบนั้น ตอนเริ่มเรื่องคนอวยป๋าเยอะมากกกกกกกกกกก เยอะจนเช่รู้สึกสะกิดใจว่าหากคนที่ดูเพอร์เฟ็คขนาดนั้นแท้จริงแล้วไม่เป็นอย่างที่เราคิดมันจะเป็นยังไง เรื่องของป๋าเลยเป็นการพิสูจน์คับ ว่านิยายของเช่ไม่มีตัวละครตัวไหนดีหรือเลวสุดขั้ว ป๋าก็เช่นกัน คณิตก็เป็นแค่คณิต ผู้ชายธรรมดาที่ดันมารักกับคนไม่ธรรมดา ป๋าไม่ใช่พ่อพระ แต่เป็นตัวละครที่ถูกคาดหวังมากที่สุดจากทั้งน้องปูนและคนอ่าน และแม้ตอนนี้ป๋าอาจจะไม่ป๋าอีกแล้วสำหรับใครบางคน แต่สำหรับเช่ป๋าที่เป็นคนธรรมดาแบบนี้น่ะ น่ารักที่สุดเลยยยยยยย

วันนี้ทอล์คยาว นิยายก็ยาว ลิสงานก็ยาว อยากมีเวลาว่างมาอัพนิยายรัวๆ มีเวลาเหลือใช้ขายที่ไหนบ้างนะ...

ป.ล. ขอบคุณทุกการสนับสนุนนะคับ รักกกกกกก :mew1:


ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่33][280459]
«ตอบ #342 เมื่อ28-04-2016 20:01:54 »

เจ็บปวดจายยยยย :ling1:  ทำไมการรักกันมันยาก ปูนจำไว้เป็นบทเรียนนะลูก ทำใจได้แล้วก็มาหาป๋านะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่33][280459]
«ตอบ #343 เมื่อ28-04-2016 21:14:50 »

ขอบคุณคนเขียนมากนะ
ชอบพลัส ตอนนี้มาก
เพราะการที่รักและไว้ใจใครสักคน
แล้วสิ่งที่ได้รับรู้ ไม่ต่างจากพลัส

แต่ก็ดีใจที่ผ่านตรงนั้นมาได้
ขอบคุณนะ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่33][280459]
«ตอบ #344 เมื่อ28-04-2016 21:55:34 »

ชีวิตจริงมันก็คงไม่สามารถให้อภัยกันได้ง่ายๆ ก็จริง

ก็ได้แต่หวังว่า เวลาผ่านไปคงทำให้ทั้งสี่คนเข้าใจให้อภัยกัน และกลับมาหากันด้วยความรู้สึกดีๆ อีกครั้ง

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่33][280459]
«ตอบ #345 เมื่อ28-04-2016 22:22:11 »

สงสารปูนแต่ว่าแอบหมัานไส้พลัสยังไงชอบกล ชอบคิดว่าชีวิตตัวเองมันมืดมนซะเหลือเกินจนไม่คิดจะฟังคนอื่น นางน่าจะคิดได้จากกรณีของแม่เลี้ยงนางบบ้างว่าการคิดเองเออเองโดยไม่ฟังคนอื่นมันก็รู้แค่เรื่องที่อยากรู้โดยพลาดเรื่องที่ต้องรู้

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่33][280459]
«ตอบ #346 เมื่อ29-04-2016 00:35:51 »


เชื่อเถอะว่าสิ่งที่เรากลัวตั้งแต่เริ่มอ่านมาจนถึงตอนนี้มีแค่อย่างเดียว เรากลัวปูนทำร้ายตัวเอง ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เราค่อนข้างรู้สึกวิตกมากเพราะปูนเจอเรื่องแย่ๆมาเยอะ เหนือกว่านั้นคือปูนชอบคิดมากแต่กลับไม่พูดมันออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลยดูไม่ซอฟต์ลงไปตามการเวลาเลย แถมแผลยังดูเหวอะหวะกว่าเก่าเสียอีก ปูนไม่ใช่คนดีค่ะ แต่สิ่งที่นางทำก็ไม่ได้ถึงกับเรียกว่าร้าย นางขายตัวแลกเงิน นางยุแยงบอยให้รวบรัดพลัสซะก่อนพลัสจะตกไปเป็นของคนอื่น นางเหวี่ยงใส่ทุกคนที่ดูจะไม่เข้าใจนางทั้งที่นางไม่ยอมเปิดใจอะไรทั้งนั้น คือเชื่อเถอะค่ะ ว่าตัวร้ายเรื่องอื่นนี่กระทำการชั่วช้าสามานย์กว่านี้เยอะ ระดับปูนที่รู้สึกผิดต่อคู่บอยพลัสทั้งๆที่จริงๆแล้วตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากยุให้อิบอยมันลากเด็กไปปล้ำนี่เบๆเลย นางเน้นไปทางสั่นสะเทือนอารมณ์ซะมากกว่า ชีวิตพลัสเองก็เหมือนทุกอย่างจะมืดมน แต่มันก็แค่ในความคิดพลัสที่เป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้รันทดอะไรไปซะหมดทุกหนทาง แต่ก็นะ พลัสมันยังเด็ก เด็กที่มองโลกแค๊บแคบ เราโอเคที่คณิตเป็นแบบนี้นะคะ เพราะถ้าป๋ารู้เรื่องแล้วไม่คิดอะไรเลยเราคงต้องแนะนำให้ป๋าไปบวช รอตอนต่อไป หวังว่าเรื่องราวจะคลี่คลาย ทุกคนจะได้มีความสุข

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่33][280459]
«ตอบ #347 เมื่อ29-04-2016 13:04:17 »

ระเบิดตายไปเลยจ้า  :ling3:

ออฟไลน์ Yumyumsdoll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่33][280459]
«ตอบ #348 เมื่อ30-04-2016 02:49:39 »

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่33][280459]
«ตอบ #349 เมื่อ30-04-2016 03:32:09 »

แงงงงงง สงสารน้อง บอกตรงๆเลยว่าอ่านตอนนี้แล้วน้ำตาไหลพราก กลัวมากๆ กลัวน้องจะทำร้ายตัวเอง กลัวป๋าจะไม่เข้าใจและทิ้งน้อง :hao5: :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่33][280459]
« ตอบ #349 เมื่อ: 30-04-2016 03:32:09 »





ออฟไลน์ zaturday

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่33][280459]
«ตอบ #350 เมื่อ30-04-2016 19:27:53 »

น้ำตาท่วมจอละตอนนี้ อ่านตอนเดียวรวด ร้องไห้แบบนอนสต้อป งืออออ สงสารน้องปูนหนูช่างอาภัพรักนัก  อยากจะถามเช่ว่า เกลียดอะไรน้องปูนเค้านักหนา ถึงได้ทำให้น้องปูนของเค้าโชคร้าย ชีวิตดราม่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ออฟไลน์ mass

  • "Smile! It increases your face value." -Steel Magnolias (1989)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่33][280459]
«ตอบ #351 เมื่อ30-04-2016 21:19:17 »

ตามอ่านทันพอด ถึงตอนที่หน่วงที่สุดด้วยค้างเลยค่ะ แต่คิดว่าถ้าปูนเปิดใจรับอดีตและโยนมันทิ้งไปจริงได้ ป๋าก็คงเข้าใจปูนแล้วพร้อมที่จะยอมรับอดีตได้ คิดว่าคนที่รักกันยังไงสักวันต้องเข้าใจกันค่ะ

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่33][280459]
«ตอบ #352 เมื่อ01-05-2016 12:31:57 »

 :hao4:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่34][020559]
«ตอบ #353 เมื่อ02-05-2016 18:44:03 »




แตกที่ 34

…หาย...

 





บ้านที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะกลับไร้ซึ่งเสียงใดๆ เสียงทีวี ใบไม้ หรือแม้แต่เสียงช้อนส้อมกระทบกันก็ไม่เกิดขึ้นเพราะเงาของคนที่อยู่ที่นี่หลงเหลืออยู่เพียงเงาเดียวเท่านั้น



“ปูนได้ไปที่นั่นไหมครับ...ไม่หรอครับ...ครับ...ถ้าเขาติดต่อไปรบกวนบอกผมด้วยนะครับ...ขอบคุณครับ”



คณิตกดวางสายที่เขาต่อไปหาสถาบันสอนภาษาที่ปูนไม่ได้ไปเรียนมากว่าสองวันแล้วนับตั้งแต่คราวที่เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้น ชายหนุ่มที่บัดนี้ไม่หลงเหลือเค้าโครงของความขี้เล่นวางเครื่องมือสื่อสารที่ไร้ประโยชน์ลงบนโต๊ะอย่างอ่อนแรงก่อนจะเอนตัวลงนอนบนโซฟาแล้วปล่อยให้ดวงตาเหม่อมองเพดานเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย



“เธอหายไปไหนปูน”



ชายหนุ่มถามตัวเองครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้นับแต่เช้าตรู่วันถัดมาหลังจากที่เขายอมพาปูนไปส่งที่หอพัก แม้จะทำใจลำบากแต่ตอนนั้นคณิตก็ตัดสินใจสร้างระยะห่างระหว่างเขากับร่างเล็กเพื่อให้แต่ละฝ่ายได้ไตร่ตรองเรื่องราวต่างๆอย่างเต็มที่ หากแต่เขาไม่ได้มีเจตนาจะเมินเฉยต่อคนรักตั้งแต่ทีแรก ทันทีที่นาฬิกาปลุกบอกเวลาเจ็ดโมงเช้า คณิตที่ปกติจะตื่นสายก็รีบอาบน้ำอาบท่า บึ่งรถไปหาซื้อของอร่อยหวังให้คนที่ทำให้เขาคิดถึงมาตลอดคืนพอใจ แต่สิ่งที่รอร่างสูงอยู่ที่หอพักแห่งนั้น มีเพียงแต่ความว่างเปล่าที่ไร้ซึ่งร่องรอย



ปูนหายไป...โดยไม่ได้บอกลาใครทั้งนั้น



เสื้อผ้าและข้าวของทุกอย่างยังคงวางไว้ที่เดิม จะมีเพิ่มมาก็แต่ซองเงินค่าน้ำค่าไฟงวดสุดท้ายซึ่งมากพอที่จะจ่ายค่าจิปาถะทุกอย่างได้แม้แต่ค่าทำความสะอาดห้องพักที่ยังมีของใช้ของปูนวางอยู่ระเกะระกะ  ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือร้ายที่คณิตเห็นมันก่อนเจ้าของหอทำคณิตยังสามารถรอคอยปูนอยู่ที่ห้องๆนั้นได้แต่ผ่านพ้นไปหนึ่งวัน...ร่างเล็กก็ไม่กลับมา



แต่เริ่มเดิมคณิตคิดว่าปูนอาจจะแค่หลบไปพักแล้วจะกลับมาเพื่อใช้ชีวิตวนเวียนอยู่รอบตัวเขาเหมือนเดิมแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่คณิตก็คิดผิดความกังวลเริ่มกัดกินหัวใจคำถามมากมายเริ่มผุดขึ้นมา ทั้งที่ว่าปูนไปไหน...ไปกับใคร...ไปนานแค่ไหน...และปูนจะกลับมาไหมแต่ยิ่งถามก็ยิ่งท้อ ยิ่งคิดต่อก็ยิ่งไม่เข้าใจ จริงอยู่ที่พวกเขาเพิ่งทะเลาะกันแต่คำสัญญาที่ให้ไว้ก่อนจะจากมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะละเลยไปง่ายๆอย่างน้อยก็สำหรับเขา...แต่สำหรับปูน คณิตไม่รู้เลยสักนิด



ร่างสูงออกตามหาปูน คณิตไปหาปูนทุกๆที่ที่คิดว่าคนตัวเล็กนั่นจะไปได้ เขาโทรถามคนรู้จักทุกคน ทั้งพนักงานที่โรงแรมรวมถึงอิงอรที่พอรู้ว่าปูนหายไปก็รับปากว่าจะช่วยหาอีกแรง แต่ไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็ไม่มีใครพบปูนแม้แต่เงา ความร้อนรนกลายเป็นไฟที่สุมในอกจนคณิตแทบจะคำรามออกมาด้วยความทุกข์ใจแล้วได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้ง



หรือว่าปูน...ไม่อยากจะกลับมาหาเขาอีกแล้ว



คณิตถอนหายใจแล้วสลัดความคิดบ้าๆนั่นออกไปจากหัว เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาอีกครั้งแล้วเปิดไล่รายชื่อหาคนที่น่าจะรู้เบาะแสของปูนบ้างแต่คณิตก็โทรไปจนเกือบครบทุกเบอร์แล้วยกเว้นแต่...บอยกับพลัส



คณิตไม่อยากให้เรื่องของปูนไปรบกวนสองคนนั้นอีก เพราะแค่นี้ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าผลพวงจากการกระทำของปูนมันไปจบลงอยู่ที่ตรงไหน ภาพของพลัสที่วิ่งร้องไห้ออกไปจากโรงพยาบาล และใบหน้าที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดของบอยยังคงฉายชัดพอๆกับความรู้สึกผิดในฐานะต้นเหตุแต่สุดท้ายความรักและความเป็นห่วงที่เขามีต่อหัวใจของตัวเองก็แข็งแกร่งยิ่งกว่า



“เอาวะ...”



ร่างสูงตัดสินใจกดโทรออกไปยังเบอร์ของเด็กหนุ่มร่างบางที่เขาสะดวกใจจะพูดด้วยมากกว่าบอยแต่แล้วสิ่งที่ตอบกลับมากลับเป็นเสียงตอบรับจากระบบที่บอกกับคณิตว่าเบอร์ของพลัสปิดบริการไปแล้วเท่านั้น เขาลองต่อสายอีกซ้ำๆแต่มันก็ยังคงเป็นแบบเดิมจนคณิตมั่นใจแล้วว่าคนที่เขาสามารถพึ่งพาได้คงหนีไม่พ้นชายหนุ่มรุ่นพี่ที่น่าจะรู้เรื่องอดีตของปูนมากกว่าเขา...แล้วคราวนี้คณิตก็โทรติด



“สวัสดีครับ”



น้ำเสียงของบอยแหบแห้งผิดกับครั้งก่อนที่พวกเขาได้คุยกัน ลางสังหรณ์ของคณิตบอกกับเขาว่าเรื่องราวของสองคนนั้นอาจจะจบลงไม่สวยแต่ว่านั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าไปยุ่งได้อย่างน้อยก็ในตอนนี้



“บอย นี่ผมคณิตนะ”



“...”



“คุณได้ยินผมรึเปล่า”



“ได้ยิน...มีธุระอะไร”



ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าบอยคงไม่อยากคุยกับเขาสักเท่าไหร่ หากแต่ร่างสูงก็แสร้งทำเป็นไม่รู้มันแล้วพูดธุระของตัวเองต่อไปโดยไม่คิดถือสา



“ปูนได้ไปหาคุณไหมครับ บอกผมเถอะเขาไม่กลับบ้านมาสองวันแล้ว”



“...”



“บอย”



“มันไม่ได้มา มีอะไรอีกไหมผมกำลังยุ่งอยู่”



คณิตไม่เชื่อคำพูดของบอยเลยสักนิด อาจจะเพราะว่าพวกเขาทั้งคู่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกันก็ได้คณิตจึงคิดว่าเขาสามารถเข้าใจความเหือดแห้งในน้ำเสียงนั้นได้ดี...มันโรยราและไร้ซึ่งเรี่ยวแรง



“คุณ...โอเคไหม”



ร่างสูงเผลอถามไปด้วยความเป็นห่วงก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคนที่ไม่สนิทกันอย่างเขากับบอยนั้นสิ่งที่เพิ่งพูดออกไปคงไม่ต่างจากการยุ่งเรื่องชาวบ้าน



“หึ...นิสัยอย่างคุณมันน่ารำคาญชะมัด”



คราวนี้กลายเป็นฝ่ายคณิตที่อึ้งไปกับคำพูดของบอย



“คุณหมายความว่ายังไง”



“ก็ไม่ว่าไง ผมแค่รำคาญนิสัยเจนเทิลแมนของคุณเท่านั้นเอง”



“...!!”



“สุดท้ายก็ทนไม่ไหวสินะไอ้เด็กนั่น หึ...มาชิงหนีกันไปแบบนี้จะไปขอโทษพลัสด้วยกันได้ยังไง...แต่ก็ไม่มีประโยชน์แล้วล่ะนะ”



บอยบ่นพึมพำเหมือนกับกำลังพูดกับตัวเองมากกว่าตั้งใจให้คณิตได้ยิน แต่ร่างสูงก็รับรู้มันได้ทั้งหมด



“ทนไม่ไหว...คุณหมายถึงปูนหรอ”



“มันนั่นแหละ ถ้าให้เดาตอนนี้มันคงหนีไปอีกครั้งแล้วสินะ”



ก้อนน้ำลายเหนียวๆถูกกลืนลงคอ คณิตรู้สึกว่าความสัมพันธ์ที่เปราะบางระหว่างเขากับปูนถูกชายคนนี้อ่านออกได้โดยง่ายหนำซ้ำยังรู้อีกว่าปูนได้หนีเขาไปแล้ว...ว่าแต่บอยพูดว่า ‘อีกครั้ง’ งั้นหรอ



“คุณพูดเหมือนปูนเคยหนีแบบนี้มาก่อน”



“ใช่...แต่มันก็ไม่เหมือนกันนักหรอ”



พอได้ฟังอย่างนั้นคณิตก็เตรียมจะอ้าปากถามคนที่ดูเหมือนว่าจะรู้เรื่องของปูนมากกว่าที่เขาคิด แต่อีกฝ่ายก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน



“ไม่ต้องมาหลอกถามผมให้ยากหรอกเพราะผมเองก็ใช่ว่าจะเข้าใจมันไปซะทุกอย่าง ผมรู้แค่ว่าปูนมันเป็นคนบ้า ที่รู้จักแต่การพุ่งเข้าชนโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง พอเจอคุณทำดีด้วยเข้าหน่อยมันก็คิดไปเอง คาดหวังไปเองว่าคุณจะรับมันได้ทุกอย่างแต่ว่าความจริงแล้วไม่ใช่...ใช่ไหมล่ะ”



“ผม...พยายามจะเข้าใจปูนทุกอย่างแล้ว”



“แต่คุณก็ทำไม่ได้”



“...”



“ความพยายามบางทีมันก็น่ากลัวนะ จริงอยู่ที่มันสามารถทำให้เราสมหวังได้แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น เพราะความพยายามน่ะ...มันทำลายความหวังได้ ยิ่งเราพยายามฝืนทำไปมากเท่าไหร่ความหวังมันก็ถูกพังลงไปเรื่อยๆ พอรู้ตัวอีกที...สิ่งที่เหลือก็มีแต่ความผิดหวัง”



บอยว่าก่อนจะหัวเราะออกมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลกทั้งที่ความสั่นเครือในน้ำเสียงนั้นกลับบ่งบอกถึงความทรมานในหัวใจได้เป็นอย่างดี โดยที่คำพูดที่บอยใช้ตัดพ้อตัวเองนั้นก็บาดเข้ากลางใจของคณิตได้เช่นกัน



“นั่นสินะครับ...การอยู่เคียงข้างปูนมันไม่ง่ายเลยจริงๆ”



คณิตยิ้มให้กับความรักของตัวเองและร้องไห้...ให้กับความผิดหวังนั้น ชายหนุ่มปาดหยุดน้ำที่ซึมอยู่ตรงหางตาออกก่อนจะพูดต่อ โดยมีบอยคอยรับฟังมันอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก



“ปูนเองก็คงคิดอย่างนั้นเหมือนกัน...ในสายตาเขาผมคงเป็นคนที่ดีพร้อม และอบอุ่นยิ่งกว่าใคร แต่ผมก็ทำให้เขาผิดหวังจนได้”



“ผมบอกแล้วว่ามันบ้า”



“ฮ่าๆ ครับ แต่ว่าผมเองก็บ้าเหมือนกัน”



“...”



“บ้ามากๆเลยที่ยอมปล่อยเขาไป”



มือที่ถือโทรศัพท์ไว้กำชับเข้าหากันแน่นขึ้น หัวใจที่ปวดร้าวของบอยกระตุกวาบจากคำพูดของชายที่เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้พูดคุยกันอย่างนี้ เขามองดูฝ่ามือของตัวเองที่ไออุ่นของพลัสกำลังเลือนหายไปอย่างช้าๆจนมันเย็นชืดหากแต่ความรู้สึกในครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจากลายังคงชัดเจนในความทรงจำ



“ขอบคุณนะครับที่ให้ข้อมูลและรับฟัง ถ้าเกิดว่าปูนมาหาคุณ...ได้โปรดติดต่อกลับมาหาผมด้วยนะครับ”



“อืม แต่ก็ไม่รับปากหรอกนะ”



“ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะ”



คณิตกดวางสายไปก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนแรง ตัวเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุดถูกตัดออกไปอย่างน่าเสียดายทำให้ความหวังที่จะได้เจอร่างเล็กยิ่งเลือนรางลงไปอีกหากแต่มันกลับยังไม่ดับลง ไม่สิ...ต้องบอกว่าดับไม่ได้มากกว่า



“เอาน่า อย่างน้อยก็จนกว่าพวกนั้นจะมา”



ชายหนุ่มให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเริ่มสืบหาปูนต่อ เขาขับรถออกไปยังสถานที่ต่างๆจนท้องฟ้าสว่างค่อยๆมืดลงแต่ก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไร และแม้ว่าจะร้อนใจเรื่องปูนแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถทิ้งหน้าที่รับผิดชอบของตัวเองได้ ยังดีที่ช่วงนี้งานของเขายังอยู่ในระยะรอผลตอบกลับจากบริษัทออกแบบทำให้คณิตสามารถเข้าไปรับงานกลับมาทำที่บ้านได้โดยต้องใช้ความช่วงเหลือจากอิงอรอีกนิดหน่อย



 “ไอ้คณิตโว้ย! อยู่บ้านไหมวะ!!”



เสียงตะโกนเรียกจากหน้าบ้านทำเอาคนที่มือหนึ่งกำลังเลื่อนดูงานในคอมส่วนอีกมือหนึ่งกำลังตักข้าวเข้าปากรีบลุกขึ้นมาแล้วเดินไปตามต้นเสียง ภาพของเพื่อนรักอย่างนิลและแฟนหนุ่มของมันอย่างฤทธิชาติที่กำลังยืนทำหน้าบูดอยู่หน้าบ้านไม่เคยทำให้คณิตดีใจได้มากเท่านี้มาก่อน เพราะว่าอีกฝ่ายอาจจะกลายมาเป็นคนที่ช่วยให้เขาตามหาหัวใจของตัวเองเจอ



“เป็นยังไงบ้างครับคุณชาติ ได้เรื่องอะไรไหม”



คณิตรีบตรงเข้าไปถามนายตำรวจหนุ่มที่เขาโทรไปขอความช่วยเหลือตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าปูนหายไป แต่น่าเสียดายที่พอกลับไปจากชลบุรีอีกฝ่ายก็มีธุระทางราชการต้องไปจัดการทำให้สามารถมาช่วยตามปูนได้เอาเมื่อสายป่านนี้



“ผมเช็คกับศูนย์ใหญ่ให้แล้วนะครับ ว่าในช่วงเวลาที่คุณบอกไม่มีชื่อของนายปานภัทร์อยู่ในรายชื่อของผู้ที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ”



คณิตได้ฟังดังนั้นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกไปเปราะหนึ่ง เขาพาทั้งคู่เข้าไปในบ้านเพื่อจะปรึกษากันให้มากกว่านี้แต่พอนิลได้เห็นสภาพบ้านที่เพิ่งได้มาเหยียบเมื่อสองวันก่อน ชายหนุ่มก็ต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ



“ไอ้เชี้ยนิด! มึงพังบ้านตัวเองหรอวะ!!”



เฟอร์นิเจอร์ที่เคยสะอาดไร้ฝุ่นผงบัดนี้กลับสกปรกอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่ทำให้นิลต้องออกปากเห็นจะเป็นมุมครัวของบ้านที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมันไหม้ๆ รอยเปื้อนมากมายและเศษเปลือกไข่ที่ตกอยู่เต็มพื้นที่ คณิตเกาท้ายทอยของตัวเอง เขารู้สึกอายเหมือนกันที่เป็นถึงทายาทเจ้าของโรงแรมแต่กลับปล่อยให้บ้านช่องสกปรกแบบนี้ แต่ช่วยไม่ได้นิ...คนทำมันไม่อยู่แล้ว



“กูพยายามทำอะไรง่ายๆกินเองน่ะ”



“ง่ายห่าอะไรล่ะ สำหรับมึงขึ้นชื่อว่าอาหารแม่งก็ทำยากทุกอย่างนั่นแหละ ให้ตายสิ กูล่ะไม่อยากจะเชื่อว่ามึงยังกล้าเข้าครัวอยู่อีกหลังจากพังครัวไอ้กาลไปเมื่อตอนปีสอง”



นิลพูดชื่อเพื่อนอีกคนซึ่งเป็นออกมาทั้งๆที่รู้ดีว่าชื่อของรัตติกาลอาจจะสร้างผลกระทบกับใจของคณิตได้แต่ใครสนกันล่ะ เพื่อนก็คือเพื่อน การที่มันสองคนต้องมามีเรื่องกันเพราะเด็กคนเดียวก็ออกจะปัญญาอ่อนไปซะหน่อย



“กูก็เคยทำบ้าง...ให้ปูนช่วยสอน”



คณิตบอกเพื่อนด้วยเสียงที่สั่นน้อยๆเมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่เขากับปูนเคยใช้มันด้วยกันในมุมครัวของบ้านหลังนี้



“พอๆ ไม่ต้องมาดราม่าใส่ มึงบอกกูมาเลยดีกว่าว่าระหว่างมึงกับเด็กนั่นมีเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงต้องโทรหาไอ้ชาติให้มาช่วยถึงนี่”



นิลตัดบทก่อนจะเร่งเร้าให้คณิตเล่าเรื่องราวทุกอย่างออกมาซึ่งร่างสูงก็ยอมทำตามอีกครั้งด้วยความเต็มใจ ทั้งเรื่องที่โรงพยาบาล ความในใจของปูนที่บอกเล่าให้เขาฟังและข้อตกลงของคนทั้งสองที่พังทลายลงไปในเวลาอันสั้น



“สรุปคือพวกมึงทะเลาะกันเรื่องของไอ้กาล จนน้องเขาทนไม่ไหวขอห่างกับมึงสักพัก แต่พอพาไปส่งหอวันต่อมามันก็หายตัวไปเลยสินะ”



คนเป็นเพื่อนมีน้ำใจสรุปเรื่องราวต่างๆออกมาสั้นๆแต่เจ็บไปถึงแก่นจนคนรักอย่างฤทธิชาติต้องพูดปราม แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้คณิตรู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อฤทธิชาติห้ามนิลไปหัวเราะไปจนเขารู้สึกเหมือนกำลังถูกสมน้ำหน้ามากกว่าเห็นใจ



“ตามนั้น...กูติดต่อปูนไม่ได้มาสองวันแล้ว”



“มึงเลยให้กูตามไอ้ชาติมาช่วย?”



“อืม ก็ผัวมึงเป็นตำรวจ”



นิลมองหน้าเพื่อนของตนนิ่งๆก่อนจะประเคนฝ่ามือเข้ากลางกบาลของคณิตเต็มแรงจนคนที่เครียดมาตลอดสองวันเกือบจะสลบไปเพราะมัน



“โคตรเว่อร์ไอ้สัด! มึงคิดว่าตำรวจมันว่างงานนักรึไงวะ!!”



นิลโวยวายออกมาเสียงดังจนนายตำรวจตัวจริงต้องคอยลูบหลังคนที่ทำเป็นเดือดร้อนแทนตนให้ใจเย็นลงก่อนคณิตจะช็อคตายไปซะก่อน



“กูรู้...แต่นี่มันสองวันแล้วนะที่เด็กคนนั้นหายไปเฉยๆ”



“น้องมันมีขา มันอยากไปไหนมันก็ไปแค่นั้น มันนอยมึงมันก็คงไปหาที่สงบๆใจอยู่ไม่เห็นแปลกอะไร เพราะเป็นกูๆก็ไป”



คณิตรู้ว่าที่เพื่อนพูดมานั้นแค่หวังจิกกัดเขาให้ตระหนักถึงการกระทำของตัวเองแต่ร่างสูงก็อดคิดไม่ได้ว่าบางทีปูนก็อาจจะคิดอย่างนั้นก่อนที่จะไป...ความรักที่ไม่สวยงามอย่างที่หวังรวมถึงเขาที่ไม่ได้เป็นคนอย่างที่ปูนคิด



“พูดแรงไปแล้วนะครับนิล”



“เออ ปากกูก็งี้มีปัญหารึไง”



“ฮ่าๆ ไม่มีครับ แค่จะบอกว่าชอบจังเลย”



ฤทธิชาติและนิลเถียงกันไปมาหวังให้บรรยากาศเครียดๆนี่คลายลงแต่ก็รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ตราบใดที่ยังหาคนซึ่งหายตัวไปไม่พบ นายตำรวจหนุ่มที่ผ่านการทำคดียากๆมามากมายหันมายิ้มให้เจ้าของบ้านอย่างมีไมตรีแม้จะรู้ดีว่าคณิตตอนนี้คงไม่มีกะใจผูกมิตรกับเขามากนัก แต่ฤทธิชาติก็เชื่อเสมอว่าบรรยากาศที่ผ่อนคลายนั้นจะช่วยให้คนเรามองเห็นสิ่งที่ตัวเองมองข้ามไปได้



:katai5:(มีต่อเม้นล่าง) :katai5:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่34][020559]
«ตอบ #354 เมื่อ02-05-2016 18:44:55 »




"คุณคณิตพอจะรู้ช่วงเวลาที่เด็กคนนั้นหายไปไหมครับ อย่างเช่นเขาออกจากหอไปตอนกี่โมง”



“อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจครับ ผมเข้าไปหาปูนตอนประมานแปดโมงเขาเช้าแต่เขาก็ไม่อยู่แล้ว ผมลองไปถามเจ้าหน้าที่ของหอก็ไม่มีใครเห็น”



“กล้องวงจรปิดล่ะครับ”



“กล้องของที่หอเสียพอดีครับ ส่วนของร้านค้าหรือตึกใกล้ๆผมก็พยายามขอเขาแล้วแต่ก็ไม่มีกล้องตัวไหนเลยที่จับภาพของปูนไว้ได้...เพราะแบบนี้ไงผมถึงไม่สบายใจ”



คณิตระบายความข้องใจของตัวเองออกมาเพื่อยืนยันว่าความกังวลของเขาไม่ใช่เรื่องเกินเหตุ ปูนหายไปจากหอทั้งๆที่เพิ่งสัญญาว่าจะกลับมาอยู่กับเขาโดยที่ไม่มีใครเห็นเลยว่าร่างเล็กออกไปจากหอตอนไหนหรือแม้แต่ว่าไปกับใคร



“ได้ลองโทรถามคนรู้จัก และเช็คตามโรงแรมดูรึยังครับ”



“ผมลองโทรถามทุกคนที่ปูนน่าจะไปหาแต่ก็ไม่มีใครที่ปูนติดต่อไปหาสักคน ส่วนโรงแรมในแถบนี้ผมสอบถามดูแล้วแต่ไม่มีชื่อของปูนเช็คอินอยู่เลยครับ”



มันเป็นคำตอบที่สะท้อนให้เห็นถึงความไร้ซึ่งหนทาง ที่ทำเอานิลรู้สึกร้อนใจขึ้นบ้างเหมือนกัน การที่คนทั้งคนจู่ๆจะหายไปโดยไม่เหลือร่องรอยไว้เลยไม่ใช่เรื่องที่น่าวางใจมากนัก แม้จะมีข้อแก้ต่างว่าอีกฝ่ายเพิ่งทะเลาะกับเพื่อนของเขาไปก็เถอะ มันก็ดูจะบังเอิญไปหน่อยที่เรื่องทุกอย่างดำเนินไปอย่างนี้



“ผมว่าเราต้องเข้าไปดูที่ห้องพักของน้องเขาแล้วล่ะครับ เผื่อว่าที่นั่นจะมีเบาะแสอะไรบ้าง”



“ได้ครับ ผมมีกุญแจอยู่”



คณิตพานิลและฤทธิชาติเดินทางไปยังหอพักซึ่งเป็นที่สุดท้ายที่คณิตได้เห็นใบหน้าของคนรักตน ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องนายตำรวจหนุ่มก็เริ่มสังเกตและเก็บหลักฐานบางอย่างทางสายตาโดยมีนิลคอยอำนวยความสะดวกให้ตามประสาคนที่เห็นฤทธิชาติทำงานแบบนี้มาไม่น้อย



นายตำรวจหนุ่มเดินเข้าไปในส่วนของห้องนอนก่อนเป็นอันดับแรก แล้วเขาก็ต้องแปลกใจที่มันอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่ถูกใช้งาน ข้าวของทุกอย่างถูกวางนิ่งโดยมีรอยฝุ่นจางๆปกคลุมอยู่โดยรอบ แม้แต่เตียงนอนก็ยังเรียบตึงไม่มีแม้แต่รอยยับเล็กๆ



“ปกติแล้วปูนไม่ได้อยู่ที่นี่หรอครับ”



“ครับ เขาอยู่กับผมที่บ้าน”



ฤทธิชาติร้องอ่อในขณะที่นิลส่งยิ้มล้อๆไปให้เพื่อนที่เปลี่ยนไปไม่น้อยจนเขาแปลกใจ ถึงจะดูเป็นคนเฟรนลี่แค่ไหน นิลก็รู้ดีว่านอกจากรัตติกาลแล้วคณิตก็ถูกจัดว่าเป็นคนประเภทหวงเพื่อนที่ส่วนตัวเช่นกัน แต่นี่ถึงขั้นพาไปอยู่ด้วยที่นู้น...ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่จะลึกซึ้งมากกว่าที่เขาคิด



“ถ้าคุณยืนยันว่าไม่ได้เคลื่อนสิ่งของที่อยู่ในห้อง เท่าที่ตาเห็นผมก็ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ทะเลาะวิวาทนะครับ เพราะความเป็นไปได้มันก็มีเพียงแค่อย่างเดียวคือเด็กคนนั้นยินยอมที่จะเดินออกไปจากห้องนี้เอง”



คำสันนิษฐานของคนที่มากประสบการณ์บาดใจคนฟังไม่น้อยหากแต่นี่ไม่ใช่เวลาที่คณิตจะมาแสดงความอ่อนแอออกมา



“คุณมั่นใจแค่ไหนครับ”



“ฮ่าๆ มันไม่สำคัญหรอกครับว่าผมจะมั่นใจมากแค่ไหน เพราะว่าเรื่องนี้น่ะ...มันก็ยังมีช่องโหว่อยู่”



คณิตเลิกคิ้วผิดกับนิลที่ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆเพราะกะไว้แล้วว่าคนรักจะต้องกั๊กข้อมูลบางอย่างไว้ ฤทธิชาติยิ้มให้คนที่ร้อนใจก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาที่เบื้องหน้านั้นมีโต๊ะซึ่งผิวหน้าทำด้วยกระจกวางอยู่



“ถึงจะผมจะบอกว่าปูนยินยอมที่จะเดินออกไปจากห้องนี้เอง แต่ผมก็ไม่เคยพูดว่าน้องเขาเดินออกไปจากห้องนี้...แค่เพียงคนเดียวนะครับ”



ฤทธิชาติมองสีหน้าตกใจของทุกคนก่อนที่เขาจะชี้ไปยังรอยด่างบนกระจกซึ่งมีลักษณะเป็นวงกลมสองวงอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกัน คณิตเดินเข้ามาดูมันใกล้ๆก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงติดจะอึ้งๆ



“นี่มัน...รอยวางแก้วน้ำ”



“ใช่ครับ ถ้าสมมตินี่เป็นรอยที่เกิดขึ้นในคืนวันนั้นก็แสดงว่าก่อนที่จะหายตัวไป...ปูนไม่ได้อยู่ที่ห้องนี้คนเดียว”



แม้จะยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์แค่คณิตกลับให้น้ำหนักกับข้อสันนิษฐานนี้ไม่น้อย เขามองรอยด่างนั้นอีกครั้งพลางบีบมือที่กำกันไว้แน่นขึ้นอีกเพราะไม่อาจข่มอาการคิดมากและความกลัวของตัวเองได้



“มึงพอจะเดาออกไหมคณิต ว่าคนที่น่าจะอยู่กับปูนในคืนนั้นเป็นใคร”



“กูก็ไม่รู้...อยู่ที่นี่ปูนแทบจะไม่มีเพื่อน”



“สักคนหนึ่งก็ไม่มีเลยหรอวะ”



“ปูนมีรุ่นพี่ที่สนิทด้วยอยู่คนหนึ่ง แต่เขาบอกกูว่าปูนไม่ได้ติดต่อไปเหมือนกัน”



“ถ้าอย่างนั้นคุณคณิตพอจะรู้ไหมครับว่ามีใครอีกบ้างที่รู้ว่าปูนพักอยู่ที่นี่”



ร่างสูงฟังแล้วพยายามคิดตาม แต่สิ่งที่เขาค้นพบกลับเป็นความจริงที่ว่านอกจากรอยยิ้มและนิสัยทะเล้นๆนั่นเขาก็แทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับปูนเลย



“ผมไม่รู้ครับ...ปูนไม่ได้เล่าเรื่องของเขาให้ผมฟังนัก”



ฤทธิชาติพยักหน้ารับอย่างรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก ถึงจะเก่งกาจแค่ไหนก็เถอะแต่ด้วยข้อมูลเล็กน้อยแค่นี้ก็เล่นเอาไปไม่เป็นอยู่เหมือนกัน



“เยี่ยมเลย แม้แต่มึงที่เป็นผัวมันยังไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างแล้วคนนอกอย่างพวกกูจะรู้ไหมเนี่ย”



“ขอโทษด้วยแล้วกันที่ทำให้ลำบาก...แต่กูไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ”



นิลส่ายหัวให้คนที่จู่ๆก็ดราม่าขึ้นมาอีกรอบ เขานั่งลงบนโซฟาโดยข้างกันนั้นคือคณิตที่กำลังกำมือของตัวเองไว้แน่น



“เก็บคำขอโทษของมึงไว้บอกกับคนที่คู่ควรกับมันเถอะ เพราะตอนนี้สิ่งที่มึงควรทำคือพยายามไม่ใช่มานั่งโทษตัวเองไปวันๆ”



คณิตรับฟังมันก่อนจะพยักหน้ารับ นิลตบบ่าเพื่อนอีกสองสามครั้งก่อนจะบอกให้ทุกคนเดินตามเขาไปยังชั้นล่างเพื่อพูดคุยกับคนที่น่าจะใช้คำตอบเรื่องนี้แก่พวกเขาได้



“ของคืนนั้นหรอจ๊ะ ไม่มีหรอกจ้า ป้าก็บอกคุณแล้วไง”



ป้าเจ้าของหอตอบคำถามของคณิตอีกครั้งโดยที่มันก็ยังคงเป็นคำตอบเดิมเหมือนกับที่ชายหนุ่มเคยถามเอาไปก่อนหน้า แต่ไม่ใช่กับฤทธิชาติที่ยังคงมีความสงสัยผุดขึ้นอยู่ในหัวไม่หยุด



“แล้วตามปกติช่วงดึกๆที่หอจะมีใครเฝ้ารึเปล่าครับ”



“โอ้ย ใครจะมานอนเฝ้ากันล่ะจ๊ะคุณตำรวจ แต่ถ้าไม่ติดว่าเพิ่งเสียตามปกติที่นี่ก็แน่นหนาพอสมควรแล้ว จะเข้าจะออกก็ต้องใช้คีย์การ์ด”



“คีย์การ์ด? แสดงว่าไม่มีทางที่คนนอกจะเข้ามาได้เลยใช่ไหมครับ”



“ใช่จ๊ะ”



ตื๊ดๆ



พูดยังไม่ทันจะขาดคำ เสียงตอบรับจากเครื่องแสกนบัตรก็ดังขึ้นจากประตูหน้าทำให้ทุกคนต้องหันกลับไปมองนิสิตชายคนหนึ่งที่เดินถือถุงก๋วยเตี๋ยวพร้อมกับคีย์การ์ดเข้ามาจากด้านใน แต่ก่อนที่ประตูจะปิดสนิทลงนั่น...ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินตามเข้ามาโดยไม่ต้องคีย์การ์ดสักใบ



เจ้าของหอหน้าเจื่อน เธอเสหน้าหลบสายตาของนิลที่มองมาอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ



“กะ ก็แหม แบบนี้มันก็ทำกันทุกที่ไม่ใช่หรอ แถมผู้หญิงคนเมื่อกี้ก็เป็นคนเช่าในหอป้า ไม่ใช่คนนอกสักหน่อย”



“ครับ ครั้งนี้มันเป็นอย่างนั้นแต่ครั้งอื่นล่ะป้าจะพูดแบบนี้ไหม”



นิลพูดย้อนไปนิ่มๆแต่เล่นเอาคนฟังรู้สึกหน้าร้าวเป็นแถบๆ คณิตขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นว่าเรื่องราวต่างๆชักจะซับซ้อนมากขึ้นไปทุกที เขาอยากรู้ความจริงแต่ที่มากกว่านั้นคือเป็นห่วงปูนมาก ชายหนุ่มภาวนาให้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขาอยากให้ความจริงคือปูนแค่งอนเขามากเลยหนีไปเที่ยวที่อื่น...แค่นั้น...แต่มันก็ไม่ใช่



“อ่ะป้า ข้าวที่สั่งได้แล้ว”



ในขณะที่พวกเขากำลังถกกันด้วยความเคร่งเครียดอยู่ จู่ๆก็มีเด็กผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้งคนหนึ่งเดินถือข้าวกล่องเข้ามาก่อนจะยื่นมันไปให้เจ้าของหอที่โดนนิลและฤทธิชาติซักถามจนหน้าซีดเผือด



“เออๆ ขอบใจ ขึ้นห้องไปได้แล้วไป”



“อ้าว ทำไมรีบไล่จังล่ะป้า มีเรื่องอะไรกันรึเปล่า”



เด็กสาวถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะดูเหมือนว่าธุระของผู้ชายตัวโตๆสามคนนี้จะสร้างความลำบากให้ป้าเธอมากจนจับสังเกตได้



“มีคนเช่าคนหนึ่งเขาหายตัวไป ฉันเลยต้องมาให้ปากคำอยู่นี่ไง”



“ฮ่าๆ นี่ไม่ได้เรียกว่าสอบปากคำหรอกครับคุณป้า ผมแค่อยากคุยด้วยเท่านั้นเองเผื่อมีอะไร...จะได้ช่วยเหลือกันได้”



คำแก้ต่างของนายตำรวจหนุ่มทำเอาคนถูกถามเผลอเบ้หน้า แค่พูดคุยอะไรกัน เล่นถามจี้เธอด้วยคำถามเดิมซ้ำไปมาเกือบครึ่งชั่วโมงแบบนี้จากที่แค่กังวลเธอเริ่มชักจะเครียดจนนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว



“จริงดิ! ใครหรอป้า!”



“ก็คนที่ชื่อปูนไง ที่อยู่ชั้นบนน่ะ”



“อ่อ แต่ปกติเขาไม่ค่อยมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรอ”



“อืม แต่เมื่อสองวันก่อนเขามาน่ะ แล้วก็...หายไปเลย”



คนเป็นหลานรับฟังมันไว้ด้วยความไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก แต่ก่อนที่เธอจะบอกปัดธุระที่ไม่ใช่ของตัวเองแล้วกลับไปพักผ่อน หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้



“เฮ้ยป้า! ฉันเจอเขา! ฉันเจอเขาตอนตี5ตรงประตูหน้านี่แหละ!”



สิ่งที่จู่ๆหญิงสาวก็โผล่งขึ้นมาเปรียบเสมือนดวงไฟเล็กๆบนก้านไม้ขีดที่ชี้นำทั้งความหวังและความสว่างมาสู่หัวใจของคณิต เขารีบปรี่เข้าไปหวังจะถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนั้นแต่ก็ถูกนิลห้ามไวโดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนรัก



“คนที่คุณเห็นคือคนคนนี้ไม่ผิดแน่ใช่ไหมครับ”



ฤทธิชาติถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังก่อนจะยื่นโทรศัพท์ที่โชว์รูปของปูนหราอยู่บนนั้น หญิงสาวที่แต่เดิมก็พอมั่นใจอยู่แล้วแต่เธอก็ยอมมองดูรูปนั้นอีกครั้งก่อนจะยืนยันคำพูดของตัวเอง



“ใช่ค่ะ คนนี้เลย ฉันเจอเขาตอนประมานตีสองที่นี่แหละ”



เธอไม่รู้ว่าสามารถเรียกมันว่าโชคดีได้ไหมที่เช้าตรู่วันนั้นเธอทนความหิวไม่ไหวจนต้องลงมาซื้ออะไรกินที่ร้านสะดวกซื้อในเวลานั้นพอดี แม้จะง่วงอยู่มากแต่พอนึกดีๆเธอก็จำได้ว่าได้เดินส่วนกับชายหนุ่มที่มีรูปหน้าตรงตามรูปไม่ผิดแน่



แต่ว่า...



“แต่ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวนะคะ ฉันเห็นเขาเดินออกไปจากที่นี่พร้อมกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง แล้วถ้าจำไม่ผิดผู้ชายคนนั้นเคยมาถามหาคนชื่อปูนที่หอด้วย”



ห้องสำนักงานของหอพักถูกเปลี่ยนการเป็นห้องสืบสวนชั่วคราวทันทีที่หญิงสาวผู้เป็นพยานเพียงคนเดียวได้พูดสิ่งที่น่าตกใจออกมา ไฟล์บันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดก่อนที่มันจะเสียงถูกค้นหาตามวันและเวลาที่เธอยืนยันว่าชายที่เดินออกไปจากหอพักหลังนี้พร้อมกับปูนเคยมาเยือนที่นี่ก่อนหน้านี้



“ปูนไม่เคยเห็นบอกเรื่องนี้กับกูเลย”



คณิตพูดมันออกมาด้วยอารมณ์ติดจะน้อยใจที่คนรักไม่เคยบอกกล่าวแต่ก็โดนนิลที่ยืนมองจอคอมพิวเตอร์อยู่ข้างๆกันเขกกะโหลกเข้าให้



“เยอะแล้วไอ้สัด แค่มีคนมาถามหามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะต้องแจ้นไปบอกคนอื่นนี่หว่า...อย่างน้อยก็สำหรับตอนนั้น”



คนร้อนใจถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ เอาจริงๆเขาก็รู้อยู่หรอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของปูนแต่มันก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ และถึงแม้มันจะเป็นแบบนั้นความเป็นห่วงที่เขามีให้กับปูนก็เป็นความจริงและไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเมื่อได้รู้ว่าปูนจากไปพร้อมกับคนที่แม้จะไม่เคยเห็นหน้าแต่กลับสร้างความกังวลให้เขาอย่างร้ายกาจ



“เจอไฟล์ของวันนั้นแล้วครับ”



“เลื่อนไปดูตอนประมานเที่ยงๆเลยค่ะ เขามาคุยกับฉันที่ตรงหน้าสำนักงานเนี่ยแหละ”



หญิงสาวรีบบอกฤทธิชาติที่รีบเลื่อนไฟล์ไปในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อหาคำตอบว่าชายปริศนาคนนั้นคือใคร คณิตเขยิบเข้ามาใกล้หวังจะได้เห็นภาพนั้นให้ชัดขึ้นและหลังจากนั้นไม่นานคำตอบก็เผยออกมา



“หยุดค่ะๆ คนนี้แหละค่ะ คนนี้เลย!”



ภาพของชายคนหนึ่งกำลังยืนคุยกับพยานปากเอกด้วยท่าทางที่ดูปกติจนน่าแปลกใจ คณิตสำรวจรูปพรรณของชายคนนั้นเท่าที่กล้องจะบันทึกไว้ได้แต่มันกลับไม่เป็นแบบที่เขาคิด



“อะไรกัน ก็กูนึกว่าจะหนุ่มกว่านี้นะเนี่ย”



นิลพูดขึ้นเมื่อคนที่เขาจินตนาการไปว่าอาจจะเป็นคนที่เคยมีความสัมพันธ์กับปูนมาก่อนซึ่งน่าจะเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขากลับกลายเป็นชายมีอายุท่าทางสุภาพต่างจากที่คิดไว้ ไม่มีอะไรสักอย่างที่บ่งบอกถึงความผิดปกติ แต่ทั้งๆที่มันเป็นอย่างนั้น...ใบหน้าของฤทธิชาติกลับเครียดขึง



“ชาติ เป็นอะไรรึเปล่า”



“ผมเคยเจอผู้ชายคนนี้ครับ”



“...!!”



ทั้งห้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อจู่ๆคนที่ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับนายตำรวจหนุ่มกลับกลายมาเป็นจุดใต้ตำตอที่สร้างความมึนงงและหวาดหวั่นให้กับคณิตจนไม่อาจทนข่มเก็บอารมณ์ต่อไปได้



“หมายความว่ายังไงครับคุณชาติ คุณรู้จักกับเขาหรอ!”



ฤทธิชาติมองหน้าคณิตที่ตรงเข้ามาบีบไหล่ของเขาเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ



“ครับ”



“เขาเป็นใครครับ บอกผมสิ บอกผมมา!”



“ผู้ชายคนนี้...เป็นลุงของปูนครับ”



ไม่ใช่แค่คณิตที่อึ้ง แต่นิลก็ไม่เข้าใจมันเช่นกัน ลุงงั้นหรอ ถ้าเป็นลุงแล้วทำไมคนรักของเขาถึงทำหน้าแบบนี้



“ลุงของปูนงั้นหรอ แล้วทำไมเขาถึงมาพาปูนไปแบบนี้ล่ะครับ ทั้งๆที่ตลอดเวลาผมไม่เคยได้ยินปูนพูดถึงลุงของเขาเลยด้วยซ้ำ”



“...”



“มันมีอะไรมากกว่านั้นใช่ไหมครับ คุณชาติ”



คณิตถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นแต่ถึงอย่างนั้นฤทธิชาติก็สัมผัสถึงความพยายามที่จะเข้มแข็ง เขามองดูใบหน้าทุกข์ใจของคนที่ตัวเขาก็ไม่ได้รู้จักดีนัก แต่ ฤทธิชาติกลับรู้สึกว่าเขาควรจะบอก ’ความลับ’ นั้นให้คณิตได้รับรู้



“เด็กคนนั้น...คนรักของคุณเคยขอให้ผมเก็บมันไว้เป็นความลับ คุณเข้าใจความหมายของมันไหม...มันหมายความว่าเขาไม่อยากให้ใครล่วงรู้มัน”



คณิตคิดว่าเขาควรจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเพราะความเงียบที่ปกคลุมอยู่ทั่วนี้หากแต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้ยินอะไรเลยแม้แต่เสียงลมหายใจที่ขาดห้วงเพราะความหมายของความลับที่ฤทธิชาติบอกมันกับเขา



ความลับ...ที่เขาอยากรู้มันมาตลอด



ความลับ...ที่อาจจะทำให้บางอย่างเปลี่ยนไป



“ที่ผ่านมาผมสงสัยมาตลอดว่าปูนปิดบังอะไรผมไว้บ้าง ผมทั้งเคยเฝ้ารอและรุกถามแต่เด็กคนนั้นกลับไม่เคยพูดอะไรสักอย่าง...แล้วผมก็ใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อปลอบใจตัวเองเวลาเราทะเลาะกันว่ามันเป็นความผิดของปูน ทั้งที่มันไม่ใช่”



“...”



“เพราะทุกครั้งที่นึกถึงมันปูนมักจะทำหน้าเศร้าอยู่เสมอ...ปูนกำลังเจ็บปวดเพราะมัน...นั่นคือสิ่งที่เขาพยายามบอกกับผมมาตลอดครับ”



ร่างสูงคิดถึงวันนั้น...วันที่ปูนพยายามจะพูดถึงสิ่งที่ทรมานหัวใจดวงเล็กๆนั่นมาตลอดให้เขาฟังแต่คณิตกลับเลือกที่จะไม่รับฟังมันเพียงแค่เพราะกลัวว่าหากรู้รอยร้าวเล็กๆที่เกิดขึ้นนั้นจะขยายวงกว้างเกินกว่าจะเยียวยา แต่ตอนนี้คณิตก็รู้ซึ้งและว่าเพราะความขี้ขลาดของเขาทำให้คนที่เขารักเจ็บปวดมากขนาดไหน



ชายยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้ายามง้ำงอของคนรักที่ทำให้เขารู้สึกเอ็นดูมากกว่ารู้สึกแย่ แต่แล้วภาพของปูนยามร้องไห้ก็ลอยขึ้นมาจนรอยยิ้มของร่างสูงค่อยๆเลื่อนหายไปแล้วเปลี่ยนเป็นจริงจัง





“ได้โปรด...เล่าทุกอย่างที่คุณรู้ให้ผมฟังเถอะครับ”






-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

อย่าบ่นนะว่าอิรุงตุงนัง เพราะมันอิรุงตุงนังจริงๆนั่นแหละ 555555555555 วางปมข้ามเรื่องข้ามราว ใครที่ไม่เคยอ่านพี่กาลหรืออ่านแล้วแต่จำไม่ได้ว่าคุณลุงโผล่มาตอนไหน หาอ่านได้ใน Nightmare ตอนที่ 23 นะคับ  :call:

 

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่34][020559]
«ตอบ #355 เมื่อ02-05-2016 20:10:44 »

ต้องไปรื้อพี่กาลมาอ่านแล้ว :z13:

ออฟไลน์ zaturday

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่34][020559]
«ตอบ #356 เมื่อ02-05-2016 20:28:34 »

ปัญหามาอีกแล้ว ชีวิตน้องปูนจะพบความสุขตอนหนายย
เดาๆนะ ลุงนี่น่าจะเคยข่มขืนปูน ปูนเลยหนีออกจากบ้าน แล้วประชดชีวิตด้วยการขายตัวกอรปกับประชดกาลด้วย ไม่ก็ลุงนี่แหล่ะ ส่งปูนขายเอง ที่ปูนยอมไปกับลุงอีกครั้งเพราะหมดหวังอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะเดาไปทางไหนก็ปวดใจ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่34][020559]
«ตอบ #357 เมื่อ02-05-2016 20:48:00 »

 :m28:  :mew5:

ออฟไลน์ mass

  • "Smile! It increases your face value." -Steel Magnolias (1989)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่34][020559]
«ตอบ #358 เมื่อ02-05-2016 22:58:58 »

ลุงคนนี้คือคนที่โทรมาหาปูนแล้วข่มขู่ป๋าใช่ไหมคะ เขาทำไรกับปูนก่อนหน้านี้น่ะ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่34][020559]
«ตอบ #359 เมื่อ02-05-2016 23:16:10 »

โอ๊ยยยยยยย อะไรมันจะซับซ้อนซ่อนปมขมขื่นขนาดนี้เนี่ย  หน่วงๆๆๆ :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด