- - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)  (อ่าน 165466 ครั้ง)

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #390 เมื่อ28-05-2016 23:45:55 »

 :m16:ปูนกะลุง!!!


ไม่น่ะ อดีตอันเลวร้ายยและปัจจุบันอันน่ากลัว

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #391 เมื่อ28-05-2016 23:51:20 »

โอ้ยอยากโดดตบอิลุง

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #392 เมื่อ28-05-2016 23:57:21 »


เยดแหม่!!?!????!!!!!?!
ตกลงว่าลุงมองปูนเป็นสมบัติส่วนตัวสินะ
อารมณ์คงแบบว่า "ฉันเลี้ยงดูแกมา ชีวิตแกเป็นของฉัน!" อะไรประมาณนั้น

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #393 เมื่อ29-05-2016 00:34:37 »

กลัวว่าอีเห้นั่นจะทำอะไรปูน  ฮืออออออ  ปูนไปไม่ได้เพราะอีเห้มันแบล็กเมล์อะป๋าาาาา  TT อยาก :z6: อิเห้นั่น  ป๋ามาถล่มอีลุงไวๆนะ ตายๆไปเลย!!! :katai1:

ออฟไลน์ Kimdodo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #394 เมื่อ29-05-2016 01:40:24 »

นี่เคยแอบคิดว่าอิลุงนี่ต้องชอบปูนแน่ๆๆ คือมันจริงหรออิลุงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง แกต้องไม่ตายดีแน่ เกลียดดดดดดดดด #อินจัด

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #395 เมื่อ29-05-2016 02:13:48 »

อิลุงนี่มันจะร้ายไปถึงไหนกันนะ

ยังไม่หมดกรรมสินะน้องปูนกะป๋า   :mew6:

ออฟไลน์ mass

  • "Smile! It increases your face value." -Steel Magnolias (1989)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #396 เมื่อ29-05-2016 11:19:00 »

ลุงโรคจิตอะ สงสารปูนกับคณิต :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #397 เมื่อ29-05-2016 15:14:42 »

อยากจะตบอีลุงจริงๆที่คิดเอาไว้ว่าลุงมันทำอะไรปูนนี่ถูกใช่มั้ย

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #398 เมื่อ29-05-2016 19:32:18 »

กะแล้วว่าต้องเป็นงี้ แต่อย่าให้มันเลวร้ายไปกว่านี้เลยนะ :serius2:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #399 เมื่อ29-05-2016 19:49:54 »

กะแล้วว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ ไอ้ลุงโรคจิตตัณหากลับ  :m31:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
« ตอบ #399 เมื่อ: 29-05-2016 19:49:54 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #400 เมื่อ29-05-2016 19:54:52 »

ลุงของปูนนี่เข้าขั้นโรคจิต ชีวิตคนหนึ่งคนจะไปเป็นของอีกคนได้ยังไง ขออย่าให้คณิตยอมแพ้แค่นี้เลยนะ เชียร์ให้ปูนหลุดพ้นจากเรื่องไม่ดีสักที รออ่านนะคะ

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #401 เมื่อ30-05-2016 20:51:37 »

ลุงแม่งโรคจิตสัดๆ :z10:

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #402 เมื่อ30-05-2016 23:00:12 »

ลุงน่ากลัวเกินล่ะ
อย่าอยู่ใกล้เลยคนแบบนี้

ออฟไลน์ plugie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #403 เมื่อ31-05-2016 20:25:34 »

สงสารปูนTT พี่นิตต้องช่วยปูนนะ
เกลียดลุงชั่วจริงๆ

ออฟไลน์ zaturday

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #404 เมื่อ01-06-2016 23:12:10 »

เหยดดด อิลุงเหี้ยนี่โคตรโรคจิตหว่ะ

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่37][280559]
«ตอบ #405 เมื่อ03-06-2016 23:49:24 »

มาเอาใจช่วยน้องปูน

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่38][060659]
«ตอบ #406 เมื่อ06-06-2016 20:49:03 »


 

แตกที่ 38

…แตกสลาย...

 





บรรยากาศมาคุแบบที่ไม่น่าเชื่อว่าสถานที่ที่สี่หนุ่มกำลังนั่งอยู่คือคลับดังแห่งหนึ่งของกรุงเทพ ขิงที่เริ่มวางตัวไม่ถูกมองหน้าเพื่อนอีกสองคนอย่างนิลและโต้งไปมาแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร ทั้งๆที่คนที่ชวนพวกเขาออกมาดื่มอย่างคณิตแทบจะจมขวดเหล้าตายอยู่แล้ว



กว่าจะปลีกตัวออกมาจากคนพวกนั้นได้ขิงก็ปั้นยิ้มจนเมื่อยหน้า แต่แทนที่เขาจะได้สบายใจเพราะแผนการสำเร็จ สิ่งที่รอขิงอยู่กลับเป็นคณิตที่ทำหน้าเหมือนกับว่าโลกถล่มลงมาแล้วทั้งใบ ไม่มีใครกล้าถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นและปูนที่ควรจะยืนยิ้มอยู่ข้างคณิตนั้นหายไปไหน...เพราะทุกคนต่างก็เดาออกว่าสิ่งที่คณิตไขว่คว้ามาได้คงเป็นเพียงความผิดหวังจากคนที่รักเท่านั้น



“มึง ห้ามช่วยห้ามมันหน่อยดิวะ เมาจะตายห่าแล้วเนี่ย”



ขิงบอกกับนิลที่ไม่ได้ดื่มเหมือนคนอื่นหากแต่ดวงตาซุกซนนั่นก็ยังคงมองไปรอบๆเหมือนกับคนที่ไม่มีพันธะใดๆ นิลถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เขาหันมามองสภาพของคณิตเล็กน้อยแล้วแบะปากก่อนจะตอบขิงไปด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน



“เรื่องของมันดิ อยากแดกก็แดกไป”



“ไอ้เชี้ยนิล ทำไมมึงพูดแบบนี้ว่ะ เพื่อนกำลังอกหักอยู่นะเว้ย”



“พอน่าขิง ตอนนี้ต่อให้นิลไปห้ามคณิตมันก็ไม่ฟังหรอก”



โต้งปรามเพื่อนทั้งสองคน ไม่สิ ต้องบอกว่าปรามขิงคนเดียวเสียมากกว่า เขาเดินเข้าไปกอดคอคนที่อ่อนไหวที่สุดในกลุ่มแล้วลากมันให้มานั่งข้างๆกันจะได้ไม่ไปหาเรื่องกัดกับนิลที่ถึงแม้จะทำตัวนิ่งๆแต่โต้งก็พอดูออกว่าอีกฝ่ายก็เป็นห่วงคณิตเหมือนกันกับพวกเขา



หลังจากขิงโดนโต้งลากไป นิลจึงมีสามารถหันมามองสภาพของคณิตได้อย่างเต็มตา เมคอัพต่างๆหลุดออกไปเกือบหมดแล้วแต่เขากลับรู้สึกว่าใบหน้าหล่อเหล่าที่เศร้าสร้อยของคณิตตอนนี้เทียบไม่ได้เลยกับหน้าตาเฉิ่มๆที่เต็มไปด้วยความสุขยามที่ได้พบคนที่ตัวเองรัก



“นิล”



คนที่เหมือนจะเมาพับไปแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอู้อี้ที่แทบจะฟังไม่ออก มีเพียงดวงตาแดงก่ำที่กำลังมองมาทางนี้เท่านั้นที่ทำให้นิลรู้ว่าคณิตยังพอมีสติอยู่



“ว่า?”



“ทำไมเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ”



คำถามที่ไม่ผิดคาดสักเท่าไหร่ถูกเอ่ยขึ้นพร้อมกับการกระดกแก้วที่มีเหล้าอยู่เต็มเปี่ยมลงคอไปราวกับว่าคณิตต้องการให้ความร้อนนั้นเผาผลาญความทรมานในอกนี้ให้หมด นิลมองหน้าเพื่อนแต่ไม่ได้ตอบอะไร เพราะเขารู้ว่าถึงปากจะเอ่ยถามแต่แท้จริงแล้วคณิตนั่นแหละคือคนที่ตระหนักที่สุดว่าเหตุผลที่เด็กคนนั้นเลือกที่จะจากไปคืออะไร



“กูแม่งอ่อนแอชิบหาย...แค่ปกป้องคนที่ตัวเองรักก็ยังทำไม่ได้ แถมยังเป็นภาระให้เขาอีก”



ใช่...ต่อให้ไม่มีใครพูดคณิตก็รู้ดีว่าเหตุผลของคำพูดปูนนั้นคืออะไร เพราะมันเป็นแบบนั้นมาตลอด เหมือนกับทุกๆครั้งที่ปูนเลือกจะปกปิดความเจ็บปวดของตัวเองไว้แล้วยิ้มออกมาเพื่อให้เขาสบายใจ...ปูนกำลังปกป้องเขาอยู่ ด้วยความสุขและอิสรภาพของตัวเอง



“มันก็ไม่แปลกไม่ใช่รึไง ถ้าเด็กนั่นรักมึงมันก็คงต้องทำแบบนั้น”



“กูรู้...แต่ก็เพราะว่าเป็นแบบนั้นกูถึงรู้สึกว่ากูมันไม่คู่ควรกับเขาเลยว่ะ”



คณิตยิ้มหยันตัวเองยามนึกถึงคำพูดผ่านหูเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมระหว่างเขาและปูน แม้จะเป็นกลุ่มพนักงานเพียงไม่กี่คนที่คิดแบบนั้นแต่ร่างสูงก็รับรู้ทุกอย่างแต่ไม่เคยเก็บมันมาใส่ใจ...คำพูดที่บอกว่าปูนไม่มีทางเป็นคนที่สามารถยืนอยู่เคียงข้างเขาอย่างสมภาคภูมิได้ หึ เอาอะไรมาตัดสินกันล่ะ



หากวัดแต่เปลือกน่ะใช่



แต่หากใช้หัวใจ...เขาเทียบกับปูนไม่ได้เลย





“น้ำเน่าไปอีกไอ้สัด ถ้าอกหักแล้วจะเพ้ออย่างนี้ก็แดกๆเหล้าไปจะได้หลับ กูขี้เกียจฟังมึงพล่าม”



“มึงแม่ง...ฟังกูหน่อยดิวะ กูจะบ้าตายอยู่แล้ว”



“เรื่องอะไรกูต้องฟังต้องช่วยมึงด้วย ขนาดมึงยังไม่ยอมช่วยตัวเองเลย”



นิลพูดแล้วก็หัวเราะออกมา จนขิงกับโต้งที่แอบฟังเพื่อนสองคนคุยกันอยู่สะดุ้งเฮือก ผิดกับคณิตที่ยังคงนั่งนิ่งหากแต่มือทั้งสองข้างกำลังกำกันแน่น



“รู้ทั้งรู้ว่าเด็กนั่นทำไปเพื่อปกป้องมึง แต่แทนที่มึงจะเอาเวลามานั่งคิดว่าจะทำยังไงต่อไปเสือกมานั่งแดกเหล้าแล้วเพ้อว่ารักมันอย่างนั้นรักมันอย่างนี้ หึ พล่ามไปเหอะไอ้สัด ตอนที่มึงนั่งพล่ามอยู่เด็กนั่นจะโดนทำอะไรบ้างก็ไม่รู้”



“...!!”



“ถ้าพูดขนาดนี้แล้วยังคิดไม่ได้อีกก็เอาเถอะ ถือซะว่าเด็กนั่นมันมีกรรมแล้วกัน เจอคนเหี้ยๆอย่างไอ้กาลยังไม่พอ ดันมาเจอคนไม่เอาไหนอย่างมึงอีก”



ไม่พูดเปล่า วิสกี้เพียวๆถูกรินลงในแก้วของคณิตอย่างมีไมตรีก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปมองสาวสวยนุ่งสั้นโต๊ะข้างกันต่อไป โต้งยิ้มขำให้กับนิสัยของนิลที่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดก่อนจะหันมามองคณิตที่เอาแต่มองแก้วใบนั้น...หยิบมันขึ้นมา...แล้วเทกลับไปในถังน้ำแข็งเหมือนกับมันไม่มีค่า



“ขอโทษว่ะ กลับกันเถอะ พรุ่งนี้พวกมึงต้องทำงานแต่เช้า”



สุดท้ายแล้วสี่หนุ่มก็เดินออกมาจากคลับทั้งที่เพิ่งเข้าไปนั่งในนั้นได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ แต่กลับไม่มีใครพูดบ่นอะไรแม้แต่ขิงที่เริ่มติดลมก่อนเพื่อน



“นิล กูหิวว่ะ แวะหาไรแดกก่อนได้ไหมวะ”



ขิงโน้มตัวมาเกาะเบาะคนขับที่มีนิลซึ่งไม่ได้ดื่มเลยแม้แต่แก้วเดียวรับหน้าที่เป็นสารถี โดยมีคณิตที่เริ่มจะสร่างเมานั่งอยู่ข้างๆ



“แดกมาในงานไม่พอรึไง”



“เออดิ ชิ้นแม่งเล็กเท่าสมองไอ้โต้ง”



“สมองมึงมากกว่ามั้ง”



โต้งที่นั่งหลับตาอยู่พูดขึ้น จนขิงที่คิดว่าเพื่อนหลับไปแล้วได้แต่หัวเราะแหะๆแล้วหันมาหานิลเพื่อขอคำตอบ แต่คณิตกลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาแทน



“เลยไปอีกสี่ไฟแดงมีผัดไทยเจ้าอร่อยอยู่ ไปกินที่นั่นแล้วกัน”



“มึงเคยมากินหรอวะถึงรู้ว่าอร่อย”



“อืม ปูนเป็นคนแนะนำมาน่ะ”



ดราม่าได้อีก...ขิงพูดอยู่ในใจแต่ก็เชื่อว่าเพื่อนอีกสองคนก็คงคิดเหมือนๆกัน คณิตเอาแต่เหม่อมองไปนอกหน้าต่าง เขาคิดถึงช่วงเวลาสั้นๆที่เคยทำให้เขากับปูนขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น ทั้งๆที่คิดย้อนไปแล้วตอนนั้นในหัวของร่างสูงไม่มีแม้แต่หนึ่งเปอร์เซ็นที่เป็นไปได้...เด็กผู้ชายกวนประสาทในตอนนั้นกลายมาเป็นคนที่ทำให้ใจเขาทุรนทุรายจนแทบตาย แต่คณิตก็ไม่อาจโกหกตัวเองได้ว่า เขาไม่มีความสุขเลยกับความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดนี้



“นั่นมัน...”



ร้านอาหารกึ่งบาร์ที่คณิตเคยมากับปูนตอนนั้นปรากฏขึ้นในสายตาขณะที่นิลกำลังขับรถผ่านถนนเส้นเดิม แม้สุดท้ายพวกเขาทั้งคู่ไม่แม้แต่จะได้เดินเข้าไปข้างใน แต่สิ่งหนึ่งที่คณิตจำได้คือปฏิกิริยาของปูนที่มีต่อสถานที่แห่งนี้



“ร้านนี้มัน...ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเป็นที่ทำงานเก่าของเด็กนั่น”



คณิตรีบหันไปหานิลซึ่งเป็นคนพูดความจริงที่น่าตกใจออกมา โชคดีที่จังหวะนี้รถของพวกเขากำลังติดไฟแดงจึงทำให้นิลสามารถละสายตาจากถนนแล้วหันมาเห็นร้านซึ่งเขาเคยแวะเวียนเข้าไปอยู่สองสามครั้ง



“มึงว่าอะไรนะ”



“ก็ร้านนี้ไง ไอ้กาลมันเล่าให้กูฟังว่ามันมาเจอกับเด็กมึงที่นี่”



“เฮ้ย!!”



ขิงกับโต้งร้องเฮ้ยขึ้นมาแทบจะพร้อมๆกัน เพราะทันทีที่นิลพูดจบ คณิตก็กระโจนเข้าใส่ร่างที่บางกว่าตัวเองเล็กน้อยแล้วเขย่าตัวเพื่อนไปมาอย่างบ้าคลั่ง



“มึงพูดจริงใช่ไหม แน่ใจรึเปล่าวะ!!”



“ไอ้เชี้ยนิดใจเย็นๆ มึงสองตัวจับมันไว้ที!”



นิลว่าก่อนจะตบไฟเลี้ยวแล้วขับรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถของร้านที่ว่านั่น แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ถาม คนที่เริ่มสะกิดใจกับเรื่องราวต่างๆก็เล่าขึ้นมาเอง



“กูกับปูนเคยมาที่นี่ แต่ว่ามันมีอะไรแปลกๆ”



คณิตถ่ายทอดเรื่องราวที่ตัวเองจำได้ทั้งหมดออกมาให้เพื่อนฟัง ว่าปูนมีท่าทางหวาดกลัวแค่ไหนในตอนนั้น ความจริงและข้อสันนิษฐานหลายๆอย่างถูกนำมาร้อยเรียงต่อกัน



“จากที่มึงเล่า กูว่าเด็กนั่นคงเคยมีอดีตที่ไม่น่าจำที่ร้านนี้ แล้วไหนจะไอ้ลูกค้าคนแรกที่ไอ้โต้งเล่าให้ฟังอีก มันชักจะยังไงๆแล้วนะ”



“กูก็ว่างั้น คือเอาจริงๆนะเว้ย เรื่องที่ปูนเคยขายตัวมาก่อนกูว่ามันแลดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลยว่ะ ถ้าปูนโดนลุงของตัวเองทำร้ายเพราะคบกับไอ้กาลที่เป็นผู้ชาย แล้วทำไมปูนถึงต้องมาทำไซด์ไลน์ให้ลุงตัวเองโกรธกว่าเดิมวะ...ประชดงั้นหรอ กูว่าไม่ใช่ว่ะ แม่งต้องมีเหตุผลอื่นแน่ๆ”



ขิงพูดความคิดเห็นของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่โต้งจะพูดเสริมเข้าไปอีก



“กูเห็นด้วย  ถ้าทนถูกทำร้ายร่างกายไม่ไหวแค่แจ้งความก็จบ ตอนที่เกิดเรื่องปูนก็ไม่ใช่ผู้เยาว์แล้ว ต่อให้ต้องตัดขาดจากครอบครัวนั้นปูนก็ยังสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้แล้วทำไมปูนถึงต้องเลือกทางที่ทำลายอนาคตของตัวเองแบบนี้ แล้วอีกอย่างถ้าอยากประชดจริงทำไมถึงต้องหนีมา เพราะการที่ปูนมาทำตัวเหลวแหลกแบบนี้ไอ้ลุงนั่นหรือแม้แต่ไอ้กาลก็ไม่ได้มารับรู้อะไรด้วยเลย”



คณิตคิดตามแล้วก็เห็นพ้องด้วย หากว่าเราอยากจะประชดให้เขารู้สึกเจ็บใจ เราก็ต้องคอยอยู่ใกล้ๆแล้วให้การกระทำพวกนั้นทำร้ายความรู้สึกของคนที่เราเกลียดไม่ใช่หรอ แต่นี่ปูนกลับหนีห่าง แล้วออกมาทำลายตัวเองในที่ที่ไม่มีใครเห็น



“ก่อนหน้าที่จะรู้เรื่องลุงนั่น กูคิดว่าเด็กนี่ทำไปเพื่อประชดไอ้กาล แต่ถ้าคิดแบบที่โต้งว่า ไม่ว่าจะปูนตั้งใจจะประชดใครมันก็ไกลจากความจริงทั้งนั้น”



นิลพูดในสิ่งที่ตัวเองเคยตั้งข้อสงสัย เขาหลับตาลงแล้วพยายามควานหาความจริงที่หายไปจากเรื่องราวเหล่านี้ แต่ก็ไม่พบ...มันคงถูกเก็บไว้อย่างดีอยู่ที่ไหนสักที่ แต่ต้องมีสิเบาะแสที่ว่าน่ะ...หนทางที่จะชี้ไปยังที่ซ่อนของเรื่องราวทุกอย่าง



“หมอโต้ง...การที่คนเราจะทำร้ายตัวเองมันเกิดจากเหตุผลอะไรได้บ้าง”



โต้งขมวดคิ้ว เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาคณิตไม่เคยเรียกเขาแบบนี้สักครั้ง



“มันก็เป็นไปได้หลายอย่าง จะสรุปออกมาเป็นข้อๆก็ทำไม่ได้เพราะปัญหาของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน แต่ถ้าจะให้สรุปกว้างๆ ก็น่าจะเรียกได้ว่ามันเป็นภาวะที่คนเรารู้สึกว่า...เขารักตัวเองไม่ได้”



“...!!”



“ตามธรรมชาติมนุษย์ทุกคนจะรักตัวเอง และใช้ชีวิตเพื่อเติมเต็มความต้องการของตัวเองไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพหรือจิตใจ แต่ถ้าเขาถูกกระทบด้วยบางสิ่งที่ทำให้จิตใจสั่นคลอนจนเกิดเป็นความไม่มั่นคง ทั้งความกลัว การรู้สึกว่าตัวเองไร้อำนาจ ความเดียวดาย หรือแม้แต่ความคิดที่ว่าตัวเองไม่มีค่าพอที่จะมีความสุข ความรู้สึกพวกนี้ถ้ารู้สึกแค่ชั่วครั้งชั่วคราวแล้วหายไปก็ไม่เป็นไร แต่หากถูกทับถมมากๆเข้าจนร่างกายไม่สามารถจัดการกับมันได้ จนสุดท้ายจิตใจของเราก็ต้องเริ่มป้องกันตัวเอง...วิธีการลงโทษก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น”









‘ปูนเธอเคยคิดไหมว่าสักวันสิ่งที่เธอทำจะย้อนกลับมาทำลายตัวเอง’



‘คิดสิ...เพราะว่านั่นคือสิ่งที่ผมหวัง’



คำพูดของปูนลอยกลับเข้ามาพร้อมกับความสงสัยที่คงไม่มีใครให้คำตอบกับเขาได้...ความรู้สึกของคนที่เจ็บปวดจากการถูกทำร้ายแต่กลับเลือกที่จะหันคมมีดเข้าหาตัวเองแทนที่จะเป็นคนที่ทำมัน...ความรู้สึกตอนนั้นของปูนมันหนักหนาแค่ไหนคงไม่มีใครรู้ 



“คณิต...มึงอาจจะคิดว่าตัวเองอ่อนแอจนปกป้องปูนไม่ได้ แต่กูว่าสำหรับปูนแล้วมึงคือคนสำคัญที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยฉุดเขาขึ้นมาจากความรู้สึกเลวร้ายพวกนั้นได้...มึงทำให้คนที่ไม่แม้แต่จะกล้ารักตัวเองได้สัมผัสความรู้สึกนั้นอีกครั้ง ความสวยงามของความรักน่ะมึงเป็นคนสอนปูนเองนะ แล้วสุดท้ายวันนี้...เด็กคนนั้นก็เลือกที่จะปกป้องมึงด้วยทุกอย่างที่ตัวเองมี มึงทำให้ปูนเปลี่ยนไปนะคณิต...และมึงก็เป็นคนเดียวที่จะช่วยปูนได้อีกครั้ง”



โต้งพูดพร้อมกับยิ้มให้รวมถึงเพื่อนอีกสองคนที่อยากจะให้กำลังใจทั้งคณิตที่อยู่ทางนี้และปูนที่คงกำลังพยายามทำตัวเข้มแข็งอยู่ที่ไหนสักแห่ง



“ถึงกูจะยังไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ แต่ไม่ว่าอดีตของปูนจะเป็นยังไงเราก็ต้องไปช่วยใช่ไหมล่ะ”



 “ก็นะ ต่อให้ปากจะไล่แต่เด็กนั่นคงกำลังรอมึงอยู่แน่ๆ”



นิลว่าด้วยท่าทางนิ่งๆอย่างเคยหากแต่มุมปากกลับมีรอยยิ้มอยู่จางๆประดับไว้ เขาสตาร์ทแล้วทำให้รถเคลื่อนตัวอีกครั้งแต่ว่าจุดหมายของมันกลับถูกเปลี่ยนเป็นที่อื่นตามคำพูดของคณิต







“กูต้องกลับไปบางแสน ที่นั่นมีคนที่น่าจะให้คำตอบกูได้”




.

.

.

.

.

.

.



บาร์ของโรงแรมในยามเช้านั้นไร้ซึ่งแสงสีและความบันเทิงผิดกับช่วงเวลากลางคืน หากแต่ผู้บริหารอย่างเมษากลับโปรดปรานที่จะใช้เวลาว่างอันน้อยนิดของตัวเองอยู่ที่นี่แล้วดื่มด่ำกับความเงียบที่ทำให้ความเครียดและภาระมากมายที่ตนต้องแบกรับไว้ถูกยกออกไปแม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ



“บอยมันมาทำงานรึยัง”



เมษาถามเลขาของตัวเองที่ไม่ต้องหันไปมองเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังยืนอยู่ใกล้ๆซึ่งก็ไม่น่าผิดหวังเมื่อเขาได้คำตอบที่ต้องการรู้แทบจะทันที



“นายบดินทร์เริ่มกลับมาทำงานเมื่อวานครับ วันนี้มีเข้ากะตอนสิบโมง”



“งั้นหรอ ยอมกลับมาสักทีนะ หลังจากที่หายหน้าไปเป็นอาทิตย์”



เมษายิ้มกริ่ม หากแต่ดวงตากลับส่องแววโรจน์ออกมาจนเลขาคนสนิทต้องลอบกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว



“คุณเมษาจะให้ผมจัดการตามขั้นตอนเลยไหมครับ”



“อืม แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นเรียกมันมาหาฉันก่อนแล้วกัน”



“ครับ”



คนของเมษาทำงานรวดเร็วเสมอและแน่นอนว่าเขาไม่ชอบข้อผิดพลาด ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ลังเลใจเลยสักนิดหากจะต้องลงโทษพนักงานชั้นดีอย่างบอยที่ถึงแม้จะเก่งแค่ไหนแต่ถ้าหากฝ่าฝืนกฎที่บริษัทตั้งไว้ต่อให้มีข้อแก้ตัวการลงโทษนั่นย่อมเกิดขึ้นอย่างเท่าเทียม



เมษาจิบกาแฟรออยู่ไม่นาน คนที่เขากำลังรออยู่ก็มาถึงที่หากแต่สิ่งที่ทำให้เมษาต้องขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เข้าใจ เห็นจะเป็นใบหน้าติดจะโทรมลงไปเล็กน้อยของคณิตที่กำลังเดินตามหลังบอยและเลขาของเขามาต่างหาก



“ไอ้เมษ กูขอยืมตัวลูกน้องมึงหน่อยนะ”



ไม่พูดเปล่าพอมาถึงคณิตก็คว้าหมับเข้าไปที่แขนของบอยแล้วออกแรงลากโดยไม่อยู่ฟังคำตอบรับหรือว่าปฏิเสธแต่ว่านั่นก็ไม่ไวพอ เมษาที่ไม่เข้าใจการกระทำนั้นก้าวยาวๆมาดักหน้าเพื่อนของตนไว้พร้อมกับตั้งคำถาม



“มึงจะเอาบอยไปไหน”



“กูมีเรื่องจะคุยกับเขา ขอเวลาแปปเดียว”



“นี่มันเวลางานนะไอ้นิด นั่นหมายความว่ามึงไม่มีสิทธิพาคนของกูไปไหนถ้ากูยังไม่ได้อนุญาต”



ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่แท้จริงแล้วเมษาไม่ได้สนใจหรอกว่าคณิตจะเอาบอยไปต้มยำทำแกงที่ไหน เพราะสิ่งที่เขาสนใจคือเหตุผลของมันมากกว่า



“กูรู้ แต่นี่เรื่องด่วนจริงๆ ขอเวลาแปปเดียว”



“เรื่องของเด็กนั่นใช่ไหม”



“...!!”



ใบหน้าที่แสดงความตกใจของคณิตเป็นคำตอบอย่างดีว่าสิ่งที่เมษาเข้าใจนั้นถูกต้อง เจ้าของสถานที่จึงไม่รีรอที่จะสั่งให้ลูกน้องมากันตัวบอยออกไป



“เมษ นี่มันเรื่องด่วนจริงๆเว้ย! ช่วยเข้าใจหน่อยได้ไหม!”



“เข้าใจแต่ไม่ได้ มึงก็เป็นผู้บริหารลืมไปแล้วรึไงว่าวินัยมันสำคัญแค่ไหน”



เมษายืนกรานกระต่ายขาเดียวโดยไม่สนใจเลยว่าสายตาของคณิตที่จ้องมองมามันดุดันจนเกือบจะกลายเป็นความเกรี้ยวกราด แต่ในขณะที่ผู้มีอำนาจทั้งสองคนกำลังปะทะกันโดยไม่มีใครยอมใคร บอยที่ยืนเงียบมานานก็เอ่ยปากขึ้น



“ถ้าสรุปกันไม่ได้ผมขอพูดธุระของตัวเองก่อนแล้วกันนะครับ”



ซองสีขาวที่จ่าหน้าถึงฝ่ายบุคคลถูกยื่นให้กับเลขาของเมษาแทบจะทันทีที่บอยพูดจบ ทุกคนอยู่ในอารมณ์งงแม้แต่คนเป็นเจ้านายที่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าบอยนั้นจะมาลาออกกับตัวเองแบบนี้



“ขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้า ถ้าจะปรับไม่ให้เงินเดือนของเดือนที่ผ่านมาก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ รองกัปตันตอนนี้ทำงานได้ดีมากเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผมไม่อยู่คุณเมษคงได้เห็นถึงความสามารถของเขาแล้ว”



บอยพูดด้วยท่าทางนิ่งเฉยราวกับว่าสิ่งที่ตนเองพูดอยู่คือการพยากรณ์อากาศ แต่หากว่ามันเป็นอย่างนั้นสำหรับเมษาวันนี้คงเป็นวันที่มีทั้งแดดแรงและพายุที่สร้างความรำคาญใจให้เขาอย่างยิ่ง



“มึงคิดดีแล้วใช่ไหมบอยที่จะมางัดกับกูแบบนี้”



“ผมไม่ได้คิดจะงัดกับใครทั้งนั้นครับ ผมแค่อยากพัก”



ร่างใหญ่อธิบายให้เมษาฟังสั้นๆโดยละส่วนสำคัญที่ว่าต้นเหตุของมันเกิดจากอะไร บอยมองเลยไปทางด้านหลังเขาเห็นโต๊ะ โซฟา และบาร์ที่มีแต่ภาพของพลัสซ้อนทับขึ้นมาเต็มไปหมด และมันก็ไม่ใช่แค่ที่นี่...ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนบอยก็ไม่อาจดำเนินชีวิตต่อไปโดยไม่มีพลัส



“ได้ แต่ถ้ามึงไปแล้วก็อย่าคิดว่าจะได้กลับมา”



“ครับ แต่เรื่องนิสิตที่ผมเคยฝากเข้าฝึกงาน...”



“หึ กูก็อยากจะตอบแทนการกระทำของมึงด้วยการปฏิเสธมันหรอก แต่น่าเสียดายที่ทางนั้นมายกเลิกมันไปเองก่อนแล้ว”



“...!!”



“สุดท้ายมึงก็เป็นแค่คนโง่ที่ยอมตายเพื่อความรัก น่าเสียดายนะ...กูนึกว่ามึงจะฉลาดกว่านี้ซะอีก”



เมษาถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ เขาเปรยตามองคณิตที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยดวงตาแบบเดียวกันที่ใช้มองบอย...คนที่มีหลักการใช้ชีวิตแตกต่างจากเขา



“จะทำอะไรก็เชิญ มันหมดธุระกับกูแล้ว”



บอยโค้งให้เมษาอีกครั้งแทนการบอกลาในขณะที่แผ่นหลังตั้งตรงของผู้ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายจะค่อยๆเดินห่างออกไปโดยไม่มีการหันกลับมา ชายหนุ่มที่หมดพันธะกับโรงแรมแห่งนี้อย่างสมบูรณ์หันมาเผชิญหน้ากับคณิตอีกครั้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่รีรอที่จะพูดธุระของตัวเอง ซึ่งก็ไม่ผิดจากที่บอยคาดสักเท่าไหร่



“ผมอยากถามคุณเรื่องของปูน”



“เคยบอกแล้วไงว่าผมไม่บอก มีอะไรก็ไปคุยกันเองเถอะ”



“ปูนกลับไปแล้ว กลับไปอยู่ที่นั่น...ที่ที่ปูนตั้งใจหนีมา”



“...!!”



“ผมพยายามแล้ว แต่ตอนนี้ปูนจำเป็นต้องอยู่ที่นั่นเพราะผมครับ”



บอยดูอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นบอยคนเดิมที่ไม่แสดงออกอะไรมากมาย หากแต่ร่างกายที่สูงใหญ่พอๆกันนั้นกลับเดินเข้ามาใกล้แล้วเดินนำออกไปด้านนอกคล้ายกันการบอกให้คณิตเดินตามมา



ร้านอาหารตามสั่งเล็กๆถูกเลือกเป็นสถานที่พูดคุยแม้ว่ามันจะทั้งร้อนและหนวกหูมากแค่ไหน บอยสั่งข้าวผัดของตัวเองโดยไม่คิดจะถามว่าอีกคนจะกินอะไรด้วยไหม แต่ก็นะ ตอนนี้คณิตร้อนใจจนกินอะไรไม่ลงหรอก



“ผมบอกแล้วนะว่าไม่ได้รู้อะไรมาก”



“แต่นั่นก็คงมากกว่าที่ผมรู้”



“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้อะไรมาบ้าง”



กวนตีนชะมัด คนโรงแรมนี้มันกวนตีนเหมือนกันหมดรึไง หึ นึกถึงคนตัวเล็กสมัยก่อนเป็นแฟนกันขึ้นมาเลย...



“ผมรู้เรื่องที่เมื่อก่อนปูนเคยโดนลุงของตัวเองทำร้ายร่างกาย”



“อืม...ก็แค่นั้น ที่ปูนมันกลับไปคงเคลียร์กับลุงได้แล้วมั้ง”



“เรื่องมันมีแค่นั้นแน่หรอครับ”



“...”



“ผมอยากรู้เรื่องที่ทำงานเก่าของปูน ที่บาร์นั่น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”



ในเสี้ยววินาทีคณิตสังเกตเห็นความวูบไหวในสายตาของคนตรงหน้า เขาเดินหมากมาถูกจุดแล้ว ความลับของปูนถูกซ่อนไว้ที่นี่



“คุณไปรู้เรื่องที่บาร์มาจากไหน”



“ผมเคยไปที่นั่นกับปูนแต่ปูนมีท่าทางแปลกๆ...เขาทำเหมือนกับว่ากำลังกลัวอะไรบางอย่าง ไม่สิ...เหมือนกับว่าปูนไม่อยากกลับไปที่นั่น”



“ก็แน่ล่ะ อยากกลับไปก็บ้าแล้ว”



บอยวางช้อนลงทั้งๆที่ข้าวพร่องไปเพียงแค่ครึ่งจาน บรรยากาศรอบกายเหมือนหยุดนิ่ง แม้แต่เสียงพูดคุยของโต๊ะข้างๆก็ไม่สามารถรบกวนสมาธิของพวกเขาได้ คณิตกำลังมองเข้าไปในตาของบอย มันเป็นการมองที่ทั้งอ้อนวอนและกดดันเสียจนทำให้บอยตระหนักขึ้นเป็นครั้งแรกว่า...คณิตกับเมษาน่ากลัวไม่ต่างกันเลย



“บอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมไม่ได้รู้ทุกอย่าง ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากบอกคุณหรอก แต่เป็นไอ้ปูนเองต่างหากที่ไม่อยากบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้”



คณิตไม่แปลกใจกับความจริงข้อนี้นักเพราะคราวของฤทธิชาติ ชายคนนั้นก็พูดกับเขาแบบนี้...ปูนมีสิ่งที่อยากซ่อนไว้ ซึ่งเขาต้องการจะรู้มัน



“ปูนเป็นฝ่ายปกป้องผมมามากเกินไปแล้วครับ มันถึงเวลาที่ผมจะทำอะไรเพื่อปูนบ้าง”



บอยมองคนตรงหน้าที่พูดสิ่งยิ่งใหญ่ออกมาอย่างง่ายดาย ในเสี้ยววินาทีนั้นเขารู้สึกอิจฉา...อิจฉาชายคนนี้ที่สามารถยืนหยัดแก้ไขสิ่งที่ตัวเองทำพลาดไปได้อย่างองอาจ ในขณะที่ตัวเขานั้นแม้แต่โอกาสยังไม่สมควรได้รับ



“เอาเถอะ ถือซะว่าเป็นของฝากก่อนจะไม่ได้เจอกันอีกก็แล้วกัน...เรื่องในวันนั้นผมจะเล่าให้คุณฟังเอง”




:katai4:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :katai4:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่38][060659]
«ตอบ #407 เมื่อ06-06-2016 20:53:43 »

แสงสีของเมื่อหลวงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้หลั่งไหลเข้ามาแม้ว่านั่นจะหมายถึงการต้องมาแออัดกันอยู่ในสถานที่แคบๆทั้งๆที่การนอนอยู่ที่บ้านน่าจะสบายมากกว่า บอยก็เป็นคนหนึ่งที่คิดแบบนั้นแต่จะทำยังไงได้ในเมื่ออาชีพของเขาเห็นพระจันทร์ไม่ต่างจากพระอาทิตย์



“หวัดดีพี่ โห กว่าจะโผล่มาได้นะ”



เด็กเสิร์ฟคุ้นหน้าคนหนึ่งรีบปรี่เข้ามาทักบอยอย่างเป็นมิตร แน่ล่ะ เพราะคนคนนี้เป็นถึงกัปตันของโรงแรมดังที่ไม่ใช่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นได้ง่ายๆ แล้วที่สำคัญพี่บอยยังเป็นเพื่อนของคนที่จ่ายเงินเดือนให้เขาด้วย



“อืม ทำไมวันนี้คนเยอะจังวะ”



“ก็งี้แหละพี่วันศุกร์สิ้นเดือน แล้วนี่มาหาพี่เปี๊ยกหรอ พี่เขาไม่อยู่นะ”



“รู้อยู่แล้วล่ะ กูแค่เบื่อๆเลยออกมาหาที่นั่งเล่น แล้วนี่ไอ้ปูนอยู่ไหม”



บอยถามหารุ่นน้องบาร์เทนเดอร์ที่ไม่ได้คุยกันมาพักใหญ่ตั้งแต่ปูนมาบางแสนครั้งนั้น บางอารมณ์เขาก็อยากจะถามมันเหมือนกันว่าเป็นยังไงบ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามเพราะเรื่องของคนขี้ลืมบางคนที่เริ่มเข้ามาทำงานพิเศษที่โรงแรม



“มาแล้วอยู่หลังร้านพี่ แต่...”



“แต่?”



เด็กเสิร์ฟที่บอยจำได้ว่าเรียนอยู่ที่เดียวกับปูนทำท่าอิดออดจนน่าหมั่นไส้ ทั้งๆที่ความจริงคงอยากเล่าเสียเต็มประดา



“คือ...ความจริงผมก็ไม่อยากจะเล่านะ”



“งั้นมึงก็ไม่ต้องเล่า”



“เฮ้ย เดี๋ยวดิพี่ๆ เล่าแล้วๆ”



ร่างใหญ่ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆแต่ก็ยอมเดินตามเด็กเสิร์ฟนั่นไปนั่งบนโซฟามุมประจำที่เปี๊ยกเจ้าของร้านสงวนไว้สำหรับกลุ่มคนรู้จักซึ่งก็รวมถึงบอยด้วย เขาเปิดเมนูมาอ่านคิดจะสั่งอาหารสักสองสามอย่างรอเพราะดูท่าเรื่องที่เด็กนี่อยากจะเล่าคงยาวน่าดู เอาเถอะ ถือซะว่าฟังผ่านหูไว้แล้วกัน



“คืองี้พี่ ช่วงนี้ไอ้ปูนมันทำตัวโคตรแปลก แม่งมาสายทุกวัน แถมกลับก็เร็วจนพี่เปี๊ยกไม่รู้จะด่ามันยังไงแล้ว”



“แปลกตรงไหน มึงไม่เคยขี้เกียจรึไง”



“หึ มันไม่ใช่แค่ขี้เกียจสิพี่”



คนที่ทำหน้าเหมือนภูมิใจเสียเต็มประดาที่ได้รับรู้เรื่องราวของคนอื่นสะดุ้งเฮือก เมื่อบอยที่นั่งนิ่งมานานหันมามองดุๆประมานว่า ‘ถ้ามึงไม่เล่าสักทีกูเล่นมึงแน่’ อีกฝ่ายจึงตัดสินใจเดินถอยหลังออกไปเล็กน้อยแล้วเล่าต่อ



“ก็...ช่วงนี้มีคนมารับมาส่งมันพี่ ตามประกบตลอดไม่ยอมปล่อยให้ไอ้ปูนมันไปไหนเลย แล้วผมก็เคยเห็นไอ้คนที่ตามรับตามส่งปูนเนี่ย เคยไปนั่งเฝ้าไอ้ปูนที่มหาลัยผมด้วย”



“ตกลงมึงจะมานั่งเล่าชีวิตรักมันให้กูฟังใช่ไหม ถ้าใช่ก็ไสหัวกลับไปทำงานได้แล้ว กูรำคาญ”



“โห เดี๋ยวก่อนดิพี่ จะรีบไล่กันไปไหน โอเคๆ พี่อาจจะคิดว่าผมเอาเรื่องไร้สาระมาเล่าให้พี่ฟังนะเว้ย แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น”



คนปากมากวางกระดาษจดออเดอร์ที่ถือไว้ลงบนโต๊ะ ก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้แล้วกระซิบบอกความจริงบางอย่างที่เป็นจุดเปลี่ยนของเรื่อง



“ผมก็ไม่อะไรหรอกนะถ้าผัวไอ้ปูนมันเป็นคนปกติ แต่นี่แม่งล่อเอาผู้ชายอายุคราวพ่อมาทำผัว พี่ไม่คิดว่ามันน่าขนลุกบ้างรึไง”



บอยฟังแล้วแต่ก็ไม่กระโตกกระตาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน คนแก่งั้นหรอ...คนที่รับส่งปูนไม่ใช่รัตติกาลรึไง



“เขาเป็นญาติไอ้ปูนรึเปล่า”



“ไม่รู้สิพี่ แต่ผมว่าคนเป็นญาติกันเขาคงไม่ออกนอกหน้าขนาดนี้มั้ง ตามเฝ้าเช้าถึงเย็นถึง ทั้งที่มหาลัยแล้วก็ที่ทำงาน หึ ที่เตียงก็คงเหมือนกันมั้ง”



เด็กเสิร์ฟคนนั้นพยักเพยิดหน้าไปยังบาร์อีกฝั่งที่ปูนเดินออกมาทำงานพอดี ถึงจะมองดูอยู่ห่างๆแต่บอยก็สังเกตเห็นว่าปูนนั้นเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มขี้เล่นที่เคยมีให้แขกเสมอหายไป ดวงตาซุกซนนั่นก็ด้วย



“พี่คอยดูนะ อีกไม่ถึงสิบนาทีมาแน่ๆ”



ไม่ต้องรอให้บอยถามว่ามันหมายถึงอะไร เพราะยังไม่ทันถึงสิบนาทีที่ว่าก็มีผู้ชายที่ดูแล้วอายุน่าจะอยู่ราวๆสี่สิบปีเดินเข้ามานั่งตรงบาร์ใกล้กับที่ปูนยืนอยู่ ร่างเล็กหันไปมองทางนั้นเพียงครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาสนใจงานของตัวเองต่อ แต่ถึงอย่างนั้นบอยก็ยังสังเกตเห็นความประหม่าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ไม่เคยพลาด...นี่มันอะไรกัน



“ก็เพราะแบบนี้แหละพี่ ตอนนี้ทั้งที่นี่แล้วก็ที่มหาลัยเขาเลยลือกันสนุกปากว่าไอ้ปูนมีเสี่ยเลี้ยง ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรก็เถอะเพื่อนผมบางคนมันก็ทำกัน แต่ก็อย่างว่าล่ะเนอะ...”



แม้จะแสร้งทำเสียงว่าเห็นใจแต่สีหน้าที่แสดงออกมานั้นไม่มีความจริงใจเลยสักนิด บอยเลิกให้ความสนใจคนปากมากนั่นแล้วหันมานั่งมองความเป็นไปของคนทั้งคู่ที่สร้างไม่สบายใจให้เขาพอสมควร มันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ...



“ปูน”



บอยอาศัยสิทธิพิเศษเข้ามาหลังร้าน แน่นอนว่าที่นี่คงเป็นสถานที่เดียวที่เขาจะได้คุยกับเด็กหนุ่มรุ่นน้องโดยไม่มีคนคนนั้นตามเฝ้า ใช่ เฝ้าจริงๆ เพราะตั้งแต่สามทุ่มยันตีหนึ่ง หมอนั่นก็เอาแต่นั่งมองหน้าปูนไม่ยอมไปไหน



“อ่า พี่บอย...หวัดดีพี่”



ปูนทักบอยด้วยท่าทางที่แสนจะปกติ หากแต่ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มที่เดินตามหลังร่างเล็กมากลับเห็นบางอย่างในขณะที่ปูนกำลังปลดกระดุมที่แขนเสื้อลง



“เอาแขนมานี่”



“ครับ?”



“เอาแขนมาให้กูดู”



บอยยื่นมือไปหมายจะจับแขนของปูนมาดูเอง แต่ปูนกลับปัดมันออกอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันเป็นปฏิกริยาที่เกิดขึ้นกับร่างกายไม่ใช่การปฏิเสธ



“ผะ ผม ขอโทษ...”



“แขนมึงไปโดนอะไรมา”



“...”



“มึงจะบอกกูดีๆ หรือจะให้กูออกไปถามไอ้เหี้ยที่นั่งอยู่ตรงบาร์นั่น”



ปูนรู้อยู่แล้วว่าบอยเป็นคนฉลาด(ยกเว้นบางเรื่อง) แต่เขาก็ไม่เคยนึกเกลียดความฉลาดของบอยได้เท่ากับวันนี้ ร่างเล็กพยายามเบี่ยงตัวหนีแต่ก็ถูกจับให้กลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง



“มันเป็นใครวะ ทำไมมึงปล่อยให้มันมาทำกับมึงแบบนี้ นี่ถ้าไอ้ปากมากนั่นไม่เสนอหน้ามาบอกกู กูคงไม่มีวันรู้ใช่ไหมว่าน้องตัวเองกำลังเจอกับอะไร!”



“ผมไม่ได้เป็นอะไร”



“แน่ใจหรอที่พูดมา งั้นไปหาตำรวจกันดูสิว่าทีนี้จะเป็นอะไรไหม”



บอยผละตัวออกเตรียมจะเดินไปทางประตูหลังแต่ร่างสูงใหญ่นั้นกลับถูกปูนที่ตัวเล็กกว่าเกือบครึ่งรั้งไว้ด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความอึดอัดใจ



“อย่าพี่...ผมขอร้องล่ะ”



“มึงจะโง่ปกป้องมันทำไมวะ หรือว่ามันเป็นแฟนมึงจริงๆ”



“ผมไม่ได้อยากปกป้องเขาพี่ แต่ว่า...เขาเป็นลุงผม”



“...!!”



ปูนเค้นยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของบอย แน่ล่ะจะตกใจก็คงไม่แปลกเพราะถึงไม่นับเรื่องทำร้ายร่างกาย ผู้ชายคนนั้นก็ดูไม่เหมือนลุงของเขาอยู่ดี



“เขาเป็นญาติมึง แล้วทำไม...”



“สิ่งที่พี่ถามผม ผมเองก็อยากถามเขาเหมือนกัน แต่ก็นะ...ถามไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา”



“ได้สิ มึงจะได้จบเรื่องบ้าๆนี่ไง! เป็นลุงแล้วยังไงวะ เป็นลุงแล้วจะทำยังไงกับหลานตัวเองก็ได้งั้นหรอ!!”



ปูนพยายามลูบแขนปลอบอีกฝ่ายให้ใจเย็นลงทั้งๆที่ตัวเขาเองเริ่มน้ำตาคลอออกมา เพราะสิ่งที่บอยพูดนั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่ปูนเฝ้าถามตัวเองอยู่ทุกๆวันว่าสิ่งที่เขาต้องเจอทุกวันนี้มันคืออะไร



“ผมไม่แคร์เขาหรอก ผมไม่อยากสนใจอีกแล้วว่าเขาเคยเป็นใครหรือเคยให้อะไรกับผมมาบ้าง แต่กับปิ่น...มันไม่ใช่”



แค่คิดถึงใบหน้าของน้องสาวขึ้นมา ปูนก็ทนไม่ได้...เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องกับฤทธิชาติวันนั้นวิทยาก็ตามติดชีวิตเขาจนแทบไม่มีเวลากลับไปเลี้ยงดูครอบครัว ตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับตาไม่มีตอนไหนเลยที่ปูนสามารถใช้ชีวิตของตัวเองได้โดยที่ผู้ชายคนนั้นไม่รับรู้...ไม่ใช่แค่การตามรับตามส่ง แต่มันคือการคุกคามที่ปูนเริ่มไม่เข้าใจแล้วว่าลุงของตัวเองทำมันไปเพื่ออะไร



“ถึงจะบอกว่าเกลียดที่มึงเป็นเกย์ก็เถอะ แต่ทำแบบนี้มันเกินไป”



“ผมรู้...แต่ตอนนี้ผมยังทำอะไรไม่ได้”



“แล้วมึงจะรอถึงตอนไหนล่ะวะ มึงดูตัวเองบ้างสิปูน!”



“ไม่เป็นไรพี่ เพราะเดี๋ยวพี่กาลก็จะกลับมาแล้ว”



“...??”



“ถ้าพี่กาลกลับมาเขาต้องช่วยผมได้แน่ๆ พี่กาลเขาเก่งจะได้...เขาต้องพาผมออกไปจากที่นี่ได้แน่ๆเลยพี่”



ปูนพูดแล้วยิ้มออกมาแต่ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้าที่สุดเท่าที่บอยเคยเห็น แม้ริมฝีปากจะแย้มสวยหากแต่ดวงตากลับเศร้ามองและหมดหวังจนบอยอยากถามให้ปูนได้ตระหนักถึงความจริง



แน่ใจหรอว่าเขาจะมาช่วย...



“ผมต้องไปแล้วนะพี่ ถึงเวลาแล้ว ถ้าผมออกไปช้าเดี๋ยวจะโดนเขาตีอีก”



“แต่นี่เพิ่งตีหนึ่ง มึงเลิกงานตีสองไม่ใช่รึไง”



“อืม...แต่ถ้าผมกลับช้ากว่านี้ เขาจะให้ผมลาออก ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงทนต่อไปไม่ได้แน่ๆ”



ปูนรู้ว่าทุกวันนี้ผู้คนมองเขาด้วยสายตาแบบไหน รวมไปถึงซุ่มเสียงนินทาที่ต่อให้พยายามหลับหูหลับตาเท่าไหร่เขาก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน จนจากที่เคยไม่คุยกับใครอยู่แล้วยิ่งไม่คุยหนักเข้าไปอีก ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่มีใครอยากคุยกับเขาอีกแล้วล่ะมั้ง แม้ว่าบางคนจะไม่ได้เห็นด้วยกับการที่จะหยิบเรื่องของเขามาพูดคุยกันอย่างสนุกปาก แต่นั่นไม่ได้รวมถึงการยอมมาเป็นเป้าร่วมเพื่อให้ตัวเองถูกคนอื่นนินทาไปด้วย ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของปูนกลับกลายเป็นเรื่องยาก จนบางครั้งร่างเล็กก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองคงไม่มีความจำเป็นกับสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นทางเดียวที่จะทำให้เขาไม่ต้องคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ได้ก็คือการทำงาน ซึ่งปูนจะไม่ยอมให้มันจบลงเด็ดขาด



“สรุปกูขอให้มึงเลิกทนไม่ได้ใช่ไหม”



“ผมก็ไม่ได้อยากทนอะไร แต่ไม่เป็นไรหรอกพี่...เดี๋ยวพี่กาลก็กลับมา”



ทั้งๆที่พูดออกไปอย่างมั่นใจแท้ๆ สุดท้ายแล้วปูนกลับต้องมานอนมองเพดานโดยที่ในมือมีโทรศัพท์ที่กำลังต่อสายไปหาเบอร์ที่ติดต่อไม่ได้มาเป็นอาทิตย์แล้ว เขากดมันซ้ำๆ กดมันจนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ดื้อดึงงั้นหรอ ไม่สิ...เรียกว่างมงายซะยังจะตรงกว่า



งมงายว่ารัตติกาลจะยังกลับมา



ทั้งๆที่ในความจริงเขาแทบจะลืมกลิ่นของรัตติกาลไปแล้วด้วยซ้ำ...



ร่างเล็กกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่หยดน้ำที่ไหลคลอ เขาลุกขึ้นนั่งแล้วเดินออกไปด้านนอกเพื่อหายาพาราและน้ำดื่มเพื่อให้ค่ำคืนที่ยาวนานนี้จะได้จบลงไปเสียที แต่แล้วในจังหวะที่ปูนกำลังเดินถือขวดน้ำกลับเข้าไปในห้องนอน แสงไฟสีส้มอ่อนและเสียงบางอย่างที่ดังลอดออกมาจากห้องน้ำก็ทำให้ปูนหยุดมองมันสักครู่ก่อนจะเดินผ่านไปราวกับว่าเขาไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น



“เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะมารับ อย่าหายหัวไปไหนล่ะ”



วิทยาบอกกับปูนขณะที่กำลังจอดรถอยู่หลังคณะตามที่หลานชายพูดขอไว้ แม้จะพอทำเป็นหูทวนลมได้บ้าง แต่ปูนก็ไม่อยากเติมเชื้อๆไฟลงไปให้กระแสหนักอยู่แล้วถูกโหมให้แรงไปมากกว่านี้



“ไม่ต้องเตือนผมหรอกครับ ต่อให้ผมไม่อยู่รอลุงก็คงตามตัวผมได้อยู่ดี”



ค่าตอบแทนของคำพูดประชดประชันนี้คือแรงกระแทกที่หัวซึ่งเล่นเอาซะปูนมึนไปหมด ร่างเล็กก่นด่าตัวเองที่พลาดเผลอพูดยั่วโทสะอีกฝ่ายไป แต่ถึงอย่างนั้นสีหน้าที่คนตัวเล็กแสดงออกออกมากลับไม่มีความสำนึกอยู่ในนั้น



“เดี๋ยวนี้หัดปีกล้าขาแข็งกับกูหรอ”



“ก็...คงงั้นมั้งครับ”



“ปูน!!”



“ครับๆ ผมรู้ครับว่าผมชื่อปูน ได้ยินแล้ว...เมื่อคืนก็ได้ยิน”



“...!!”



“หึ ผมไปล่ะ”



ปูนฉีกยิ้มให้คนเป็นลุงอีกครั้งก่อนที่จะรีบเดินลงไปจากรถก่อนที่ตัวเองจะโดนตบจนแหกหน้าไปเรียนไม่ได้ เขาเห็นลุงของตัวเองเคี้ยวฟันอย่างแค้นใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากขับรถออกไปทั้งที่ยังโมโห ปูนยิ้มออกมาอย่างมีชัยแต่ดูเหมือนสวรรค์จะใจร้ายไม่ปล่อยให้เขามีความสุขกับการแก้แค้นเล็กๆน้อยๆมากนัก เพราะเมื่อทันทีที่หันหลังเตรียมจะเดินเข้าไปในตึกเรียนปูนก็พบเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่เขาเพิ่งจำชื่อของอีกฝ่ายได้เมื่อไม่นานมานี้



คนชื่อแมนมองปูนด้วยสายตาอึ้งๆ ก่อนจะตรงเข้ามาจับหัวของร่างเล็กที่ถูกชายสูงวัยคนนั้นตบเข้าอย่างจังจนคนมองรู้สึกเจ็บแทน หากแต่แทนที่ปูนจะยิ้มรับน้ำใจนั้น เขากลับปัดมือของอีกฝ่ายออกไปด้วยสีหน้าเฉยชา



“ปูน...มันเกิดอะไรขึ้น”



“อย่ามายุ่ง”



“ปูน แต่เขาทำปูนนะ!”



“กูบอกว่าอย่าเสือกไง!!”



“...!!”



“หุบปากมึงไว้ให้สนิท ถ้ามีคนอื่นรู้เรื่องมึงโดนแน่”



ปูนรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำมันแย่ แต่ความรู้สึกกลัวกับเรื่องที่อาจจะมาถึงทำให้ปูนเริ่มขาดสติ มันจะไม่เป็นไรถ้าหากเมื่อสองวันก่อนปิ่นไม่ได้โทรมาหาแล้วบอกเขาว่าสามารถสอบติดคณะเดียวกันได้







ถ้าหากว่าเรื่องของลุงแดงออกไป...ปิ่นต้องแย่แน่ๆ







“ทำไมปูนพูดแบบนี้ เราหวังดีกับปูนนะ!”



“ไม่ต้องหวังดีกับกูหรอก พวกมึงกับเพื่อนก็ดีแต่พูดลับหลังคนอื่น”



แมนเริ่มคิ้วกระตุก จริงอยู่ที่เขาแอบเชื่อข่าวลือพวกนั้นบ้างแต่ความรู้สึกดีๆที่มีให้ปูนมาตลอดก็ทำให้แมนไม่เคยนำเรื่องของปูนไปพูดต่อเหมือนที่คนอื่นทำ โดยเฉพาะก้อยซึ่งเป็นตัวหลักที่คอยตีข่าวขึ้นมาใหม่ทุกครั้งที่เรื่องเงียบ ทั้งๆที่ในมหาวิทยาลัยนี้ไม่ได้มีปูนคนเดียวที่ทำมัน...



“เราไม่เคยทำอย่างที่ปูนว่า...เราชอบปูนนะ เราไม่มีทางทำร้ายปูนหรอก”



น่าเสียดายที่คำสารภาพรักจากแมนไม่ได้ทำให้ปูนรู้สึกดีขึ้นเลย ปูนจึงทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินมัน แล้วเดินจากไปพร้อมกับหัวใจของชายคนหนึ่งที่ถูกเหยียบย้ำจนติดปลายเท้า แมนที่ทั้งเสียใจและเสียหน้าได้แต่ยืนกำหมัดของตนจนแน่นแล้ว สลักภาพความเฉยชาของปูนไว้ในใจ...ในขณะที่อีกมุมหนึ่ง มีคนบางคนกำลังยืนยิ้มอย่างยินดี



บ่ายวันนั้นปูนอยู่รอให้ลุงมารับตามที่บอก ไม่ได้เต็มใจหรอกแต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปที่ไหน แม้จะไม่ใช่คนมีอิทธิพลอะไรแต่ด้วยหน้าที่การงานทำให้ลุงวิทย์เป็นที่รู้จักพอสมควร และนั่นก็คงเป็นสาเหตุที่ชายคนนั้นทำทุกอย่างที่ตัวเองต้องการได้



“วันนี้ลุงกลับไปก่อนนะครับ เลิกงานแล้วค่อยมารับผมก็ได้”



“ทำไม แกจะไปไหน”



“ไม่ได้ไป ผมแค่กลัวว่าลุงจะเบื่อ อีกอย่างเดือนหน้าต้องจ่ายค่าเทอมให้ปิ่นแล้วไม่ใช่หรอเอาเงินมาเทที่บาร์แบบนี้ไม่ดีมั้งครับ”



“หึ อย่ามาทำอ้างเป็นห่วงน้องหน่อยเลย ผัวแกกลับมาแล้วล่ะสิ เจ้ารัตติกาลอะไรนั่น”



“ยังหรอกครับ แต่ถ้าเขากลับมา...ผมจะบอกลุงเป็นคนแรกเลย”



พร้อมกับการตัดขาดของเราน่ะนะ...ปูนกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ เพราะถ้าหากเขาอยากจะไปจากบ้านหลังนี้ก็ต้องมีรัตติกาลเป็นสาเหตุเท่านั้น...ปิ่นรู้เรื่องของพี่กาล ถ้าหากเขาจากไปเพราะคนรักน้องสาวคนนี้จะต้องรู้สึกยินดีกับเขาแน่ๆแต่ที่สำคัญที่สุด...คือปิ่นจะไม่มีวันรู้ว่าพ่อของตัวเองเป็นคนแบบไหน ทุกคนจะมีความสุข...นั่นคือสิ่งที่ปูนหวัง



แต่วิทยาก็ไม่เคยฟังใครมาตั้งแต่ไหนแต่ไร สุดท้ายที่นั่งตัวริมสุดของบาร์ก็มีร่างของชายสูงวัยคนเดิมจับจองอยู่เหมือนกับทุกๆครั้ง ปูนถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ก่อนจะรินค็อกเทลตัวใหม่ลงไปในแก้วแล้วส่งมันให้กับบอยที่แวะมาหาก่อนจะกลับไปทำงานที่บางแสนในวันพรุ่งนี้



“เมื่อวานมันทำอะไรมึงรึเปล่า”



“เปล่า แต่เมื่อเช้าโดนตบหัวมานิดหน่อย”



“หรอ แล้วฉลาดขึ้นบ้างไหมโดนตบมาขนาดนั้น”



“อย่ากวนดิพี่ กินแล้วกลับๆไปได้แล้วไป”



ถึงจะเซ็งคำพูดของบอยอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าร่างใหญ่สามารถคลายเครียดให้ปูนได้มากพอสมควรแม้จะแลกกับการที่ต้องถูกจ้องมองแทบจะตลอดเวลา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีม่วงอ่อนๆมีรสหวานหอมสร้างความพอใจให้บอยไม่น้อย จนชายหนุ่มที่อยากช่วยรุ่นน้องเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเอ่ยปาก



“ปูน...ไปทำงานกับกูไหมล่ะ ที่บางแสน”



“หื้ม?”



“โรงแรมกูกำลังต้องการบาร์เทนเดอร์ใหม่พอดี มึงมีฝีมือ รางวัลก็เคยได้คงไปเอาดีที่นั่นได้ไม่ยาก”



“ฮ่าๆ จะบ้าหรอพี่แล้วเรื่องเรียนผมล่ะ”



“อืม ก็นั่นสินะ...”



ข้อเสนอของบอยน่าสนใจแต่มันก็เป็นได้แค่ฝัน แม้ว่าเรื่องที่รัตติกาลจะกลับมาช่วยจะไม่ต่างจากฝันเหมือนกัน แต่นั่นเป็นฝันที่ปูนอยากจะเชื่อมากกว่าการออกไปเผชิญโลกกว้างโดยไม่มีใครอุ้มชู เมื่อปูนปฏิเสธบอยก็ชวนเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้รุ่นน้องเครียดมากเกินไป จนกระทั่งเวลาเดินเลยมาเกือบเที่ยงคืน ก็มีคนคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ที่บาร์ซึ่งว่างอยู่



“ไงปูน เจอกันอีกแล้วนะ”



ปูนหันมามองตามเสียงทัก ก่อนจะเห็นว่าแขกคนใหม่คือชายที่เขาเพิ่งปฏิเสธความรักของอีกฝ่ายไปเมื่อเช้า



“อืม”



“แค่อืมเองหรอ เราอุตส่าห์มาทักนะ”



“สวัสดี แค่นี้พอใจรึยัง”



แมนยิ้มออกมากว้างจนปูนนึกแปลกใจในอาการของอีกฝ่าย ถ้าเป็นเขาโดนหักหน้าขนาดนั้นคงขยาดไม่เข้ามาใกล้แล้ว แต่นี่อะไร ไม่ด่าแถมยังมายิ้มให้อีก



“ขอเตกีล่าแก้วหนึ่งนะ ปูนทำให้เราได้ไหม”



“ถ้าคุณมาในฐานะลูกค้า สั่งอะไรผมก็ทำให้”



“อืม เรามาในฐานะลูกค้า...ปูนไม่ต้องห่วงหรอก”



บอยหันไปมองแมนนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นเดียวกับปูนที่ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง ร่างเล็กจัดการเตรียมเตกีล่าในแบบของตัวเองโดยใช้เวลาไม่นานนัก แมนมองเครื่องดื่มสีอำพันอ่อนๆที่ถูกเสิร์ฟมาในแก้วที่ปากของมันมีเกลือและมะนาวซีกเล็กประดับอยู่



“เยี่ยมเลย ปูนนี่เด็ดสมกับคำร่ำลือจริงๆ”



“เหล้ามันก็คือเหล้า คนไหนทำมันก็เหมือนกันแหละน่า”



“ฮ่าๆ ไม่เหมือนหรอก จะไปเหมือนกันได้ยังไง”



ในจังหวะที่ปูนกำลังทำหน้าเหม็นเบื่อ สายตาของแมนก็เหลือบมองไปยังชายที่เขาเห็นว่าอยู่กับปูนในรถเมื่อเช้า ฝ่ายนั้นกำลังจ้องมาทางนี้ด้วยสายตาที่ต่อให้ไม่พูดผู้ชายด้วยกันก็คงดูออก...หึ



“ว่าแต่ปูนทำงานแบบนี้สนุกไหม”



“คุณจะอยากรู้ไปทำไม”



“ก็เผื่อเราจะแนะนำเพื่อนให้มาใช้บริการปูนบ้าง”



“...?”



“ครั้งก่อนเรายังติดใจไม่หายเลยนะ ขนาดว่าไม่เคยกับผู้ชายแท้ๆเจอปูนไปครั้งเดียวเราลืมไม่ลงเลยจริงๆ ว่าแต่คืนนี้ว่างรึเปล่าล่ะปูน..ขายให้เราได้ไหม”



ปูนไม่นึกว่าสวรรค์จะเกลียดชังเขาได้ขนาดนี้ เพราะในจังหวะที่แมนพูดเรื่องเหลวไหลขึ้นมาเสียงดนตรีที่เปิดคลออยู่ตลอดคืนกลับทิ้งช่วงจนทำให้คนในร้านที่นั่งอยู่ใกล้ๆสามารถได้ยินมันหมดทุกคำชนิดที่ไม่ต้องพูดซ้ำ ปูนได้แต่ยืนนิ่ง ความโกรธมันระเบิดอยู่ในอกแต่กลับเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นตรึงเขาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนแม้แต่บอยก็เช่นกัน



“ว่าไงปูน เห็นแก่เราหน่อยอย่าปฏิเสธเราเลยนะ ทีตอนปูนเดือดร้อนเรายังเคยช่วยปูนเลยไม่ใช่หรอ...อย่าลืมสิ ว่าลูกค้าคนแรกของปูนก็คือเรานะ”



“ไอ้เด็กเหี้ย มึงยุ่งกับคนของกูหรอ!!!”



ไวกว่าที่ใครจะตั้งตัวทัน หมัดของวิทยาที่ไร้สติต่อยเข้าไปเต็มหน้าของคนที่อายุน้อยกว่าตัวเองหลายรอบ แต่แมนก็เร็วไม่แพ้กัน ไม่สิ มันเหมือนกับว่าแมนรอคอยสิ่งนี้อยู่แล้วจึงถีบเข้ากลางลำตัวของคนที่เพิ่งทำร้ายตัวเองจนลูกค้าที่อยู่โดยรอบกรีดร้องไปทั่ว



“ปล่อยกู ปล่อยสิวะ!!”



“พวกมึงไม่ต้องห้ามมัน เข้ามาเลยไอ้แก่!!”



สองฝ่ายต่างฟาดฟันกันไปมา ไม่ได้ทางร่างกายก็ใช้วาจาจนพนักงานที่เข้ามาช่วยกันห้ามปวดหัวไปหมด โดยเฉพาะกับคนที่ได้ยินสิ่งที่แมนพูดซึ่งต่างหันก็มามองปูนอย่างคาดโทษในขณะที่ร่างเล็กเหมือนกับสติหลุดไปแล้ว



“ปูน ปูน ไอ้ปูน!!”



บอยเข้ามาเขย่าไหล่ปูนเมื่อเห็นว่าดวงตาไร้แววนั้นนิ่งค้าง เขาไม่เชื่อในสิ่งที่แมนพูดหรอกแต่ก็ไม่อาจแก้ต่างแทนใครได้เหมือนกัน ตอนนี้สิ่งเดียวที่บอยทำได้คือการพาปูนกลับเข้าไปด้านในแล้วเรียกตำรวจมา



“พี่...พี่บอย”



“เข้าไปข้างใน เดี๋ยวตรงนี้กูจัดการเอง”



“ไม่ได้ พี่จะเรียกตำรวจใช่ไหม ใช่ไหมพี่!”



“เราไม่มีทางเลือกว่ะ คนอื่นจะเอาไม่อยู่แล้ว”



ปูนมองไปยังผู้ชายสองคนที่กัดกันยิ่งกว่าหมา ต่างฝ่ายต่างพ่นถ้อยคำแสดงความเป็นเจ้าของปูนกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งที่ความจริงแล้สมันมีแต่คำโกหก...คำโกหกที่คนมากมายอยากให้มันเป็นความจริง ทั้งแขกที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป คนที่ซุบซิบกันอย่างสนุกปากทั้งที่มันคือชีวิตของเขา...อนาคตของเขา...คนพวกนี้ไม่ได้มองเห็นมันเลย



“ผมจะปล่อยให้ปิ่นเจอเรื่องแบบเดียวกันไม่ได้ ถ้าเรื่องถึงตำรวจ น้องต้องรู้แน่ๆ...อย่าแจ้งตำรวจเลยนะพี่ ผมขอร้อง จะให้ผมกราบก็ได้”



ปูนเริ่มร้องไห้ออกมาเมื่อสิ่งที่เขากลัวที่สุดเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโดยไม่มีแม้แต่ทางให้เขาถอยหนี ร่างเล็กยกมือไหว้ท่วมหัว ขอร้องให้บอยเห็นใจแล้วล้มเลิกความคิดนั้นซะ...ขอแค่ปิ่นเท่านั้น...ขอแค่ชีวิตปิ่นไม่ต้องมาพังเพราะคนอย่างเขา



“ไอ้ปูนเอามือลง ไหว้กูทำไม!”



“ผมขอร้องล่ะพี่ ฮึก ขอร้องล่ะ”



“มึงนี่มัน...เออๆ กูไม่แจ้งตำรวจก็ได้ แต่มึงเข้าไปข้างในก่อนได้ยินไหมถ้ามึงยังอยู่ตรงนี้ไอ้สองตัวนั้นไม่หยุดแน่”



“แต่...”



“กูบอกให้เข้าไปไง ไป!!”



ปูนไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งเร็วแค่ไหน เขารู้แค่ว่าลำคอของตัวเองแห้งผากเพราะขาดน้ำ ในขณะที่ใบหน้ากลับเปียกชื้นด้วยรอยน้ำตา ผู้คนต่างมองมาที่ปูนด้วยความตกใจ แต่ปูนก็ไม่สนใจใครอีกแล้ว เขารู้แค่ว่าตัวเองจะต้องวิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่งไปให้ไกล...ไปให้พ้นจากเรื่องบัดซบนี่ซะ



“พี่กาล พี่กาล ฮึก พี่กาลอยู่ไหน”



ปูนร่ำร้องหารัตติกาล เขาพยายามไขว่คว้าหาคนที่ตัวรัก หากแต่เสียงที่ตอบกลับมากลับมีเพียงแต่ความว่างเปล่าที่บาดลึกเข้าไปกลางหัวใจ ปูนรู้สึกถึงความรวดร้าว ตัวตนของเขากำลังแตกสลาย เขาทำผิดอะไร เขาทำพลาดไปตรงไหน ทำไมกัน...ทำไมต้องเป็นเขาที่เจอเรื่องแบบนี้







“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยผมที”



“...”



“ผมหายใจต่อไปไม่ไหวแล้ว”




:hao5:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :hao5:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่38][060659]
«ตอบ #408 เมื่อ06-06-2016 20:54:10 »




แม่ค้าร้านอาหารตามสั่งมองสองหนุ่มที่มีอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่านางกวักช่วยเรียกลูกค้าสาวๆให้ต่างกรูกันเข้ามาอุดหนุนเธอตั้งแต่ตอนสาย เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกหากสองคนนั้นจะนั่งคุยกันต่อ แต่ตอนนี้มันกินเวลามากว่าเกือบสองชั่วโมงแล้วที่ทั้งคู่เอาแต่พูดคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนเธออดสงสัยไม่ได้ว่าสาเหตุของบรรยากาศมาคุนั้นเกิดขึ้นจากอะไร



“หลังจากนั้นผมกับลูกจ้างในร้านก็ช่วยเคลียร์ ยังดีที่เรื่องยังไปไม่ถึงตำรวจแล้วก็ไม่มีคนเอามันไปดิสเครดิตร้านให้เสียหาย”



“แล้ว...ปูนล่ะ”



“ไม่รู้สิ หลังจากเกิดเรื่องผมก็ไม่ได้ติดต่อกับมันอีก ตอนนั้นคุณเมษเรียกตัวผมกลับไปพอดี ไอ้ปูนเลยต้องแบกรับเรื่องทุกอย่างอยู่คนเดียว แต่ก็นะ...ถึงอยู่ต่อก็ใช่ว่าจะช่วยได้”



บอยมองใบหน้าที่แสดงทั้งความโกรธ เสียใจ และไม่เข้าใจออกมาของคณิต ซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่มันเป็นอย่างนั้น...ทั้งต้องห่างไกลจากคนรักและต้องมารับรู้ความโหดร้ายที่คนคนนั้นต้องเผชิญโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้ ทนไหวก็ไม่ใช่คนแล้ว



“บอย ผมขอถามอะไรคุณสักอย่างได้ไหม”



“เอาสิ ยังไงคุณคงไม่ยอมปล่อยผมไปหากไม่ได้คำตอบที่ต้องการ”



“ตอนนั้น...ปูนขายตัวจริงรึเปล่า”



“...”



“...”



“หึ...แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ”



มันเป็นการคาดเดาที่ง่ายมากแล้วบอยก็ถามกลับไปได้ถูกจุด คิ้วเข้มของคณิตขมวดเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจอยู่สักพัก ก่อนจะค่อยๆคลายออก



“ไม่ทำหรอก...ปูนไม่มีทางทำแบบนั้น”



ความจริงจากข้อมูลที่รู้มาคณิตสามารถอุปมานเองได้ว่าปูนไม่ได้ทำตัวอย่างที่ใครๆกล่าวอ้าง...อย่างน้อยก็สำหรับตอนนั้น แต่ถึงจะรู้คณิตก็ยังอยากได้ยินคำยืนยันจากปากของคนนอก พอคิดถึงตรงนี้ร่างสูงก็รู้สึกสมเพชตัวเองขึ้นมา



“สุดท้ายผมเองมันก็ไม่ต่างจากคนอื่น”



“อย่ากดดันตัวเองนักเลย ผมว่ามันคงจะดีกว่านี้ด้วยซ้ำ ถ้าหากว่าปูนมันได้รู้จักคุณตั้งแต่ตอนนั้น”



บอยพูดแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปสั่งข้าวผัดจานใหม่สำหรับตัวเองแล้วเผื่อแผ่มาถึงคนที่ไม่ได้ร้องขอ



“การที่คุณไม่มั่นใจมันก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอก อย่างน้อยส่วนหนึ่งในความคิดคุณก็เชื่อจริงๆว่ามันไม่ได้ทำแบบนั้น ผิดกับคนอื่นที่ตัดสินไอ้ปูนไปโดยไม่คิดจะถามมันสักคำ...ยึดถือแค่สิ่งที่ตัวเองต้องการจะเชื่อโดยไม่สนใจเลยว่าความรู้สึกของคนที่ถูกพิพากษาอย่างไม่เต็มใจจะเป็นยังไง”



คณิตไม่รู้ว่าบอยต้องการปลอบเขาจริงๆหรือว่าแค่พูดในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกมาตลอดเท่านั้น และแม้ว่าร่างสูงจะสบายใจขึ้นความจริงอย่างหนึ่งก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไป



“แล้วทำไมหลังจากนั้นปูนถึงทำมันล่ะ คุณพอจะรู้อะไรบ้างไหม”



“ไม่รู้สิ อย่างที่บอกหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้คุยกับมันอีก จนกระทั่งมันติดต่อขอมาทำงานที่นี่ด้วยนั่นแหละ...แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆแต่ปูนมันเปลี่ยนไปมากทั้งนิสัย ความคิด และสิ่งที่เลือกจะทำ...ผมไม่รู้ว่าทำไมมันถึงทำอย่างนั้น ผมรู้แค่ว่าปูนมันไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่เลือกนักหรอก”



จิกซอว์หนึ่งชิ้นถูกเติมลงไปหากแต่ใจกลางของผืนภาพนั้นยังคงขาดหาย ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเด็กผู้ชายที่ร่าเริงยิ่งกว่าใครคนนั้นถึงได้ตัดสินใจทำร้ายตัวเองด้วยวิธีที่น่าเศร้า และอะไรคือจุดเปลี่ยนของมัน



“ขอบคุณนะที่อุตส่าห์เล่าให้ฟัง ว่าแต่คุณพอจะบอกผมได้ไหมว่าทำไมคุณถึงมาลาออกกับไอ้เมษมันตอนนี้”



บอยเลิกคิ้วขึ้น นึกไม่ถึงจริงๆว่าคณิตจะถามเขาแบบนั้น จริงอยู่ว่าการพูดคุยกันอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกจะทำให้บอยมองทายาทเจ้าของโรงแรมคนนี้ในแง่ดีขึ้นเล็กน้อย หากแต่นิสัยบางอย่างรวมไปถึงความเป็นสุภาพบุรุษที่นี่หมั่นไส้นี่มันกวนโมโหเขาได้ทุกครั้งจริงๆ







“ก็ไม่ทำไมหรอก แค่เกมของผมมันโอเวอร์แล้วเท่านั้นเอง”




---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!


มาช้าแต่มาแล้วนะ พร้อมกับความขัดใจที่ยังไม่จบ 55555 ช่วงหลังๆเช่รู้สึกว่าเช่ยัดคอนเท้นให้คนอ่านเยอะไปนิด ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องปรับปรุงกันไปนะคับ ส่วนคนที่ขัดใจว่าทำไมปูนต้องยอมลุงขนาดนั้น คือยังไงดีล่ะ...ในชีวิตจริงการจะตัดญาติขาดมิตรกับใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกคับ แม้จะดูโง่ไปบ้างแต่ปูนก็มีเหตุผลอยู่นะ อยู่ที่ว่าใครจะยอมรับเหตุผลนั้นได้มากน้อยต่างกันไป เช่อยากให้ทุกคนอ่านนิยายเรื่องนี้อย่างสนุกสนานนะคับ อ่านไว้เป็นความบันเทิงอย่าเก็บไปเครียดมากเนอะๆ

ป.ล.ช่วงนี้จิตใจไม่ค่อยปกติ อาจจะมาช้ามาเร็วไม่อาจบอกได้เลยคับ นิสัยเสียมากกกกกกกกกกก

ป.ล.ล. ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตนะคับ :really2:


ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่38][060659]
«ตอบ #409 เมื่อ06-06-2016 21:18:29 »

สงสารปูน   เหมือนลุงจะจิตปะว่ะคิดไรกะหลานตัวเอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่38][060659]
« ตอบ #409 เมื่อ: 06-06-2016 21:18:29 »





ออฟไลน์ konjingjai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +226/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่38][060659]
«ตอบ #410 เมื่อ06-06-2016 21:56:46 »

หน่วง...กับจิ๊กซอร์ตัวที่เหลืออยู่

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่38][060659]
«ตอบ #411 เมื่อ06-06-2016 22:39:33 »

เหมือน Dejavu'
เหตุการณ์แบบเดิมเวียนกลับมาอีกครั้ง   
คำร้องขอที่ไม่ได้รับการตอบรับ
ไร้วี่แววความช่วยเหลือที่รอคอยจากพี่กาล
ภาวนาให้ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งนั้น
ภาวนาให้คณิตไปช่วยปูนทัน  T T

ออฟไลน์ mass

  • "Smile! It increases your face value." -Steel Magnolias (1989)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่38][060659]
«ตอบ #412 เมื่อ07-06-2016 00:03:44 »

งงว่าลุงจะหวงปูนทำไม ถ้าเกลียดเรื่องชอบผช.ก็ตัดขาดกันไปเลยสิ

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่38][060659]
«ตอบ #413 เมื่อ07-06-2016 00:33:55 »

ยังคงหน่วงกันต่อไปยาวๆ

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่38][060659]
«ตอบ #414 เมื่อ07-06-2016 10:02:28 »


ที่ลุงบอกว่ารับไม่ได้ที่ปูนมีคนรักเป็นผู้ชายนั่นก็แค่ข้ออ้าง
ฉากในห้องน้ำคืนนั้น ชื่อปูนที่ถูกเปล่งออกมา แค่นั้นก็ชัดแล้วว่าลุงคิดอะไร

ปูนยอมทนด้วยความหวังลมๆแล้งๆว่ากาลจะมาช่วย
ทนด้วยความฝันโง่ๆว่าถ้าปิ่นไม่รู้ปิ่นจะมีความสุข
ซึ่งจริงๆเป็นวิธีที่โคตรผิดค่ะปูนขา
อาการทางจิตของลุงเป็นสิ่งที่คนอื่นๆ(อย่างน้อยก็คนในครอบครัว)ควรรู้
และควรส่งลุงไปบำบัดรักษากับหมออย่างถูกวิธีนะคะ

ชอบคำพูดพี่นิล "...สงสัยเด็กมันคงมีกรรม ต้องมาเจอคนเหี้ยๆแบบไอ้กาล แล้วยังมาเจอคนไม่เอาไหนอย่างมึงอีก"

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่38][060659]
«ตอบ #415 เมื่อ07-06-2016 11:19:34 »

โอ้ยปูนนนนนนนนนน :katai1: :katai1: :katai1:เลิกห่วงอิเดํกปิ่นได้แล้ววววววววว ตัวแกทุกข์ขนานนี้ อีลุงอิเห้ ไปตายซะ

นี่ไงที่กลัว กลัวอิเห้มันคิดอะไรกับปูน อีปิ่นดูพ่อ(ง)หล่อนด่วน
อย่าทำไรปูนนะ

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่38][060659]
«ตอบ #416 เมื่อ07-06-2016 16:41:22 »

ไม่เข้าใจปูน ทำไมต้องทน -_-         

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่38][060659]
«ตอบ #417 เมื่อ07-06-2016 19:57:41 »

ใครไม่ช่วยเราช่วย เราจะพาปูนหนี :hao5: :o12:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่38][060659]
«ตอบ #418 เมื่อ08-06-2016 22:35:34 »

ปูนต้องแบกรับอะไรขนาดนี้  :ling3:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่39][100659]
«ตอบ #419 เมื่อ10-06-2016 19:27:55 »



 

แตกที่ 39

…การโต้กลับ...

 





แม้ว่าปูนจะทำงานกลางคืนแต่เขากลับไม่ค่อยชอบความมืดสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่ามันดูอ้างว้างและกว้างใหญ่เสียจนเขาไม่รู้ว่ามันมีจุดสิ้นสุดอยู่ที่ตรงไหน หากแต่ยามนี้ความกว้างใหญ่ของความมืดกลับเป็นสิ่งที่ปูนโหยหายิ่งกว่าอะไร...ขอให้ความมืดมิดนี้ได้โอบล้อมร่างกายของเขาไว้ ได้โปรด...ช่วยซ่อนเขาไว้จากเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดที



‘คุณมีข้อความใหม่ 426 ข้อความ’



แสงหนึ่งเดียวในห้อง สว่างขึ้นและดับลงอีกครั้ง เช่นเดียวกับชีวิตของปูนที่ถึงอยากจะหนีไปแค่ไหนแต่เขาก็ยังคงต้องดำเนินมันต่อไปทั้งที่ไร้ซึ่งหนทาง ร่างเล็กจัดการปิดอินเตอร์เน็ตและปฏิเสธการรับโทรศัพท์ทุกทางไม่ว่ามันจะมาจากใครแม้แต่ปิ่นที่กระหน่ำโทรมาไม่หยุด



นอกจากนั้นปูนยังไม่กล้าไปเรียนหนังสือ ที่ทำงานก็ไม่ได้ไป แม้แต่สถานที่ที่เขาเคยเรียกมันว่าบ้าน...ปูนก็คิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสได้กลับไปอีกแล้ว ห้องเช่าเล็กๆเท่าที่เงินสดของปูนจะหาได้ถูกใช้เป็นที่หลับนอนและหายใจทิ้งไปวันๆ จากหนึ่งวันกลายเป็นสอง ไล่เรื่อยมาจนถึงวันที่ห้าที่ไม่มีใครหาเขาพบ...วันที่ไม่มีใครทำร้ายเขาได้อีกนอกจากความคิดของตัวเอง



“หิวชะมัด”



ร่างเล็กควานหาเงินในกระเป๋าถือใบเล็กที่มีของอยู่ไม่กี่อย่าง เขาเจอแบงก์ยี่สิบอยู่ห้าใบและเศษเหรียญอีกหน่อย จำนวนเงินเพียงเล็กน้อยนี่บอกปูนว่าเขามีเวลาที่จะอาศัยอยู่ในหลุมหลบภัยแห่งนี้อีกแค่คืนเดียวเท่านั้น เขาไม่มีบัตรเครดิตหรือแม้แต่บัตรเอทีเอ็มติดตัวสักใบ ดังนั้นถ้าหากว่าอยากมีชีวิตต่อไป...ปูนจะต้องกลับไปที่ห้องเท่านั้น



“แวะเข้าไปเอาของแปปเดียวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”



เด็กหนุ่มปลอบใจตัวเองแล้วพาร่างที่เหนื่อยล้าไปจัดการล้างหน้าล้างตาก่อนจะออกไปเผชิญโลกภายนอกเป็นครั้งแรกในรอบห้าวัน ปูนไม่ถึงขั้นหวาดกลัวผู้คนที่มองมา แน่ล่ะ ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพปกติซะที่ไหน ร่างเล็กสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดิม หน้าตาผมเผ้าก็คงดูไม่จืดตามสภาพจิตใจ เอาเถอะ ขอแค่ไม่มีใครที่นี่บังเอิญได้ดูคลิปบ้าๆนั่นก็พอแล้ว



ปูนโหนรถเมล์สายที่ผ่านหน้าหอของตัวเอง นานมาแล้วเหมือนกันนะที่เขาไม่ได้ออกมาใช้ชีวิตแบบนี้ เด็กหนุ่มหลับตาลงปล่อยให้กระแสลมที่เต็มไปด้วยควันพิษไหลผ่านร่างกายของตัวเองไป แม้ว่าโทษของมันจะรุนแรงเท่าไหร่แต่ก็คงไม่เท่าหัวใจที่บีบคั้นแรงขึ้นทุกๆนาทีที่ระยะทางนั้นสั้นลง



“บีทีเอส พี่ บีทีเอส บีทีเอสทีลงไหมพี่”



ปูนรีบก้าวลงมาจากรถทันทีที่ถึงที่หมาย น่าแปลก ทั้งๆที่อยู่บนโลกใบเดียวกัน เมืองเดียวกัน แต่ความกดดันที่ปูนรู้สึกได้จากสถานที่นี้นั้นแตกต่างจากก่อนมามากนัก เขามองไปรอบๆตัว หวาดระแวงเมื่อเห็นผู้คนยกโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ปูนก็พยายามปลอบตัวเองให้ใจเย็นๆ มันจะไม่เป็นไรตราบใดที่เขาขึ้นไปเอาเงินแล้วรีบออกไปจากที่นี่ซะ



“หวังว่าลุงจะไม่อยู่ที่ห้องนะ”



ก่อนที่ปูนจะขึ้นไปบนห้องเขาก็รอบคอบพอที่จะสำรวจลาดจอดรถด้านล่างว่ามีรถของวิทยาจอดอยู่ไหม โชคดีที่ดูเหมือนว่าตอนนี้ลุงจะอยู่ที่ห้อง แต่สิ่งหนึ่งที่สร้างความแปลกใจให้ปูนคือรถมอเตอร์ไซด์ของชายที่ชื่อว่าอารัณย์...มันหายไปแล้ว



“พี่กาล...”



ความหวังลมๆแล้งๆถูกจุดขึ้นอีกครั้งทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารัตติกาลหายไปกับชายที่ชื่ออารัณย์จริงหรือเปล่า แต่ไม่รู้สิ สัญชาติญาณบางอย่างมันบอกกับปูนแบบนั้นเพียงแต่ที่ผ่านมาปูนทำเป็นไม่รู้สึกถึงมันมาตลอด...พอตระหนักได้ถึงความคิดของตัวเองปูนก็ยิ้มแห้งๆออกมา…นี่เขาคิดจะยอมแพ้แล้วหรอ



“อยู่ไหนนะ จำได้ว่าเอาวางไว้ตรงนี้นี่”



แม้เรื่องรัตติกาลจะสำคัญแต่เรื่องปากท้องนั้นสำคัญกว่ามาก เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ในห้องของเขา ร่างเล็กก็รีบปรี่ขึ้นมาหาสมุดบัญชีที่มีเงินเก็บจากการทำงานของเขา แต่ว่ามันกลับไม่อยู่ในที่ที่ควรจะอยู่ แน่นอนว่าตอนเข้ามาเขารู้สึกได้ว่าห้องของตัวเองถูกรื้อค้นแต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมานั่งสงสัย สิ่งสำคัญตอนนี้คือปูนต้องหาเงินก้อนนั้นให้เจอแล้วไปก่อนที่วิทยาจะกลับมา



“กลับมาแล้วหรอปูน”



ร่างเล็กสะดุ้งสุดแรงเมื่อจู่ๆคนที่เขากำลังนึกถึงโผล่เข้ามาจากทางด้านหลังทั้งที่ไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูเลยสักนิด เดี๋ยวนะ...



“ลุงอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”



สภาพของวิทยาดูเปลี่ยนไปจนปูนตกใจ ใบหน้าที่เคยมีริ้วรอยตามอายุกลับดูอ่อนล้าและแก่กว่าวัยขึ้นมากในเวลาเพียงไม่กี่วัน โดยเฉพาะรอยช้ำจางๆตามใบหน้าที่ทำให้ปูนรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย



“ก็ตั้งแต่ปูนไม่อยู่ไง ปูนหายไปไหนมา”



ร่างเล็กก้าวถอยออกมาอย่างอัตโนมัติเมื่อลุงของตนเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับทำสีหน้าอ่านยาก ลุงวิทย์ดูแปลกไปจนปูนรู้สึกกลัว เขาไม่น่ากลับมาที่นี่เลย...



“ลุงเป็นห่วงปูนมากเลยรู้ไหม ลุงตามหาปูนไปทั่วแต่ก็ไม่เจอ ลุงไม่รู้จะทำยังไงเลยกลับมารอที่นี่...รอจนกว่าปูนจะกลับ...แล้วปูนก็มาจริงๆด้วย



รอยยิ้มที่ตอนเด็กๆปูนเคยมองว่ามันอ่อนโยนถูกส่งมาให้ หากแต่ความรู้สึกของเจ้าของมันกลับเปลี่ยนไปจนร่างเล็กไม่อาจทนมองมันได้อีก ปูนเบือนหน้านี เขาพยายามหายใจเข้าลึกๆแล้วหาทางเลี่ยงสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้ใจนี่



“...พอเถอะลุง ผมว่าลุงควรจบเรื่องนี้ได้แล้ว”



 “โกรธลุงเรื่องวันนั้นหรอปูน ลุง...ลุงขอโทษนะ ลุงแค่โมโหไปหน่อย”



“หยุดพูดเถอะครับ ผมไม่อยากได้ยิน”



“แต่ปูนต้องฟัง!!”



คนที่ภายนอกดูอ่อนแรงแต่แท้จริงแล้วยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะบีบไหล่ของปูนจนมันเจ็บไปหมดได้ ปูนมองสีหน้าเกรี้ยวกราดของลุงแท้ๆแล้วก็เผลอหัวเราะออกมา...สุดท้ายลุงก็ไม่เคยเปลี่ยน



“ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ต่อให้ลุงจะตีผม จะขู่ผม ไม่ว่าอะไรผมก็ไม่กลัวทั้งนั้น...เพราะผมไม่มีอะไรให้กลัวอีกแล้วไงครับ ชีวิตของผมลุงทำลายมันไปหมดแล้วรู้ตัวบ้างไหม!!”



คนตัวเล็กพยายามจะไม่ร้องไห้ออกมา เขาไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าคนคนนี้ คนที่ครั้งหนึ่งเคยอุ้มชูชีวิตเขาอย่างดีก่อนจะทำลายมันด้วยวิธีที่ปูนไม่อาจบรรยายได้เลยว่าเจ็บปวดแค่ไหน ไม่ใช่แค่ความอับอายที่เขาต้องแบกรับ หากแต่เป็นความผิดหวังและความรู้สึกผิดต่อน้องสาวอย่างปิ่น



“ลุงหวังดีกับปูนนะ ลุงแค่ไม่อยากให้ผู้ชายพวกนั้นมายุ่งกับปูน ไม่มีใครรักปูนเท่าลุงหรอกเชื่อสิ”



“ถ้าอย่างนั้นลุงก็ช่วยหวังร้ายกับผมเถอะครับ...ปล่อยผมไป...ไม่ว่าต่อไปผมเดือดร้อนแค่ไหนผมจะไม่บากหน้ากลับมาให้ลุงช่วยอีก”



“...!!”



“ขอบคุณนะครับที่รับเด็กอย่างผมมาเลี้ยง ผมขอบคุณลุงมาก แต่ผม...เป็นอย่างที่ลุงต้องการไม่ได้หรอกครับ”



ปูนหวังว่าคนคนนี้จะเข้าใจความหมายของคำพูดนั้น แต่ว่าดูเหมือนจะไม่ใช่...ดวงตาที่แสดงความเศร้าออกอยู่ครู่หนึ่งเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวไม่ต่างจากเมื่อก่อน...เหมือนกับครั้งแรกที่ลุงทำร้ายเขา



“เด็กโง่...คนโง่อย่างแกจะไปรู้อะไร คนอย่างแกถ้าไม่มีฉันจะทำอะไรได้ ถูกผู้ชายสวมเขามาตั้งเท่าไหร่ยังไม่รู้ตัวอีก!”



รูปถ่ายจำนวนหนึ่งถูกปาใส่หน้าของปูนอย่างแรงแต่สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดไม่ใช่การกระทำที่รุนแรงนั้นหากแต่เป็นสิ่งที่ปรากฎขึ้นมาต่างหาก ภาพของรัตติกาลที่กำลังเดินจับมือกับลูกชายที่ยิ้มจนเห็นฟันขาวได้ครบทุกซี่...โดยที่อีกมือก็ถูกชายที่ชื่อว่าอารัณย์จับมันไว้อย่างถนอม ทั้งสองคนมองตากันแม้จะไร้ซึ่งคำพูดแต่ปูนก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน



คำบอกรัก...ที่ถูกส่งผ่านสายตาสองคู่นั้น



“ดูเอาไว้ซะ! คนที่แกบอกว่ารักมันนักหนาจริงๆแล้วเป็นคนยังไง! ตอนแกมีปัญหามันเคยเข้ามาช่วยแกเหมือนฉันไหม ไม่! มันทิ้งแกไปมีคนอื่นแล้วเห็นไหม!”



คำพูดของลุงไม่ได้ทะลุเข้ามาในหัวของปูนสักนิด เพราะเขายังไม่อาจละสายตาจะภาพในมือได้เลย ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้น แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับดับไป ปูนรู้สึกผิดหวังและเสียใจ แต่มันก็มีเสียงบางอย่างที่ดังขึ้นในหัวว่า...เห็นไหมกะไว้แล้วไม่มีผิด



“แล้วยังไงล่ะครับ ก็ในเมื่อเขาไม่เคยเป็นของผมจริงๆแต่แรกอยู่แล้ว”



“...!!”



“แล้วต่อให้พี่กาลจะมีใครผมก็ยังรักเขา ได้ยินไหมว่าผมรักเขา!!”



หน้าของปูนชาไปทั้งแถบเพราะแรงกระทบที่เกิดจากฝ่ามือของชายที่โมโหจนแทบคลั่ง ร่างเล็กคู้ตัวลงกับพื้น พยายามหดตัวให้เล็กที่สุดเพื่อหลีกหนีความโหดร้ายที่ลุงกำลังมอบให้เขาอย่างไม่มีผ่อนแรง



“มึงมันโง่ ไอ้ปูน มึงมันโง่!!”



“อึก...” “



มึงรักมันงั้นหรอ หึ ความรักโง่ๆน่ะสิ มึงรู้ไหมว่าตอนที่มันเห็นคลิปมึงที่ร้านมันพูดว่ายังไง…มันรังเกียจมึงแค่ไหนมึงรู้บ้างรึเปล่า!!”



“อะ อะไรนะ...”



“มันบอกกูว่ามึงมันแรด มันเกลียดมึง มันจะไม่มายุ่งกับมึงแล้ว เข้าใจรึยังว่าตัวเองมันโง่แค่ไหน เข้าใจขึ้นบ้างรึยัง!!”



ปูนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ลุงให้พี่กาลดูคลิปงั้นหรอ คลิปที่มีแต่เรื่องไม่จริงพวกนั้น...ไม่จริง พี่กาลไม่มีทางพูดแบบนั้นแน่ๆ...มันไม่จริง!



“ลุงโกหก!”



“กูไม่ได้โกหก มันเป็นคนบอกกูเองตอนที่กูพยายามตามหามึง มันบอกกูด้วยซ้ำว่าขอให้กูกักตัวมึงไว้อย่าให้มึงมาเจอมันอีก”



“ผมไม่เชื่อ!!!”



“ถ้างั้น...มาพิสูจน์กันไหมล่ะ”



“...!!”



“เอาสิ ไปถามมันให้ชัดๆเลย ว่ามันรังเกียจมึงแค่ไหน ทั้งสิ่งที่มึงทำ...สิ่งที่มึงเป็น มึงกล้าถามมันไหมล่ะ...ถ้ามึงกล้าก็ไปเลย ไปถามเลยว่ามันเคยรักมึงอย่างที่มึงรักมันบ้างไหม!!”



ชายแก่ยิ้มออกมาอย่างมีชัย เมื่อสีหน้าโกรธขึงของปูนเปลี่ยนเป็นซีดขาว ใครจะกล้า...รัตติกาลที่เห็นเขาไม่ต่างกับของตาย ปูนจะไปเอาความมั่นใจมากจากไหนว่าอีกฝ่ายจะไม่พูดอย่างนั้น...ว่ารัตติกาลจะรักเขาบ้างสักส่วนเสี้ยวของหัวใจ



“ไม่จริงหรอก...ไม่จริง...ผมไม่เชื่อ”



แม้ว่าปูนจะบอกตัวเองแบบนั้นแต่คำพูดของวิทยาก็ยังคงดังวนอยู่ในหัวไม่ยอมจางหายไป ไม่ว่าจะยามตื่นหรือยามนอน ปูนก็ไม่อาจหยุดจินตนาการถึงสีหน้าของรัตติกาลที่แสดงออกถึงความเกลียดชัง และถ้อยคำว่าร้ายที่หากได้ยินสักครั้งหัวใจคงแตกสลาย ไม่ใช่หรอก...มันต้องไม่ใช่







พี่กาลต้องเชื่อเขา...เพราะพี่กาลคือคนที่เข้าใจเขาดีที่สุด



.

.

.

.





“น้องๆ จะลงป้ายนี้รึเปล่า”



กระเป๋ารถเมล์เดินมาพูดพร้อมกับสะกิดไหล่ของปูนเมื่อรถขับมาถึงป้ายหน้ามหาวิทยาลัยในเวลาหกโมงกว่าๆ ปูนรีบกุลีกุจอลงไปโดยไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณถ้าหากอีกฝ่ายไม่เรียกเขาคงนั่งเลยป้ายแน่ๆ



ร่างเล็กหมุนตัวไปรอบๆมองสถานศึกษาที่เขาไม่ได้อยากมาเลยสักนิด...ปูนยังไม่พร้อม หากแต่ข้อความจากอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งส่งมาเรื่องที่เขาขาดสอบมันเป็นเหมือนสัญญาณจากโลกความจริงที่ตอกย้ำปูนว่าเขาไม่มีวันและไม่มีทางหนีจากนรกแห่งนี้ได้ ปูนเลยต้องจำใจจากหอพักที่มืดสนิทและความคิดฟุ้งซ่านเรื่องรัตติกาลมา เพื่อนั่งอยู่ตรงหน้าอาจารย์วัยใกล้เกษียณที่ไม่ยิ้มให้เขาอย่างเคย



“เห็นแก่ที่เธอทำตัวดีมาตลอด ครูจะลองให้โอกาสเธอสักครั้ง อีกหนึ่งอาทิตย์ครูจะนัดเธอสอบ แน่นอนว่าต้องเป็นข้อสอบใหม่แล้วก็ยากกว่าเดิมด้วย”



แม้ถ้อยคำนั้นจะเต็มไปด้วยคำขู่ แต่ปูนก็สัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงจากน้ำเสียงของอาจารย์ที่ดูแลเขามาตั้งแต่ปีหนึ่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอคงจะรู้เรื่องอะไรมาบ้างแต่ก็เลือกที่จะไม่พูดมันออกมาซึ่งปูนก็รู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง



“ขอบคุณครับอาจารย์ ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ลำบาก”



“ไม่เป็นไร แต่ว่าครูอยากจะเตือนอะไรเราสักหน่อยนะปานภัทร์...มนุษย์เราไม่ได้มีชีวิตดีๆกันทุกคน แต่ก็เพราะว่าเป็นอย่างนั้นเราถึงต้องมีชีวิตต่อไปแล้วทำให้มันดีขึ้นให้ได้ อย่าหนีปัญหาแบบนี้อีก...เพราะมันคงไม่ใช่ทุกครั้งที่เธอจะได้รับโอกาสให้แก้ไขมันเหมือนอย่างตอนนี้ อีกไม่กี่เทอมเธอก็จะเรียนจบแล้ว อย่าให้อะไรมาขัดขวางการมีชีวิตที่ดีของเธอได้อีก...ครูเป็นห่วงเธอนะ”



ปูนรับฟังคำทุกคำอย่างตั้งใจ ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ผู้หญิงตรงหน้าด้วยน้ำตา เขาเดินออกมาจากห้องพักอาจารย์ด้วยหัวใจที่โล่งยิ่งกว่าเดิม จริงอยู่ที่ปัญหาทุกอย่างยังคงไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งเรื่องของลุงที่หายหน้าไปนับตั้งแต่วันนั้น เรื่องของรัตติกาลที่เขายังตัดสินใจไม่ได้ และเรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกไม่สมหวังของใครบางคน



ความรู้สึกของแมน ที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบมาทางนี้



“ปูน เดี๋ยวก่อน ปูน!!”



ปูนไม่คิดจะอยู่ฟัง ทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่ายเขาก็รีบเดินจ้ำออกมาก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งหนีเมื่อพ้นเขตของห้องเรียน เสียงของแมนยังดังตามมาไม่ห่าง โดยที่ยิ่งฟังปูนก็ยิ่งคิดถึงเรื่องคืนนั้น น่าเสียดายที่สรีระระหว่างทั้งสองคนต่างกันมาก ทำให้แมนที่วิ่งตามมาทันสามารถคว้าแขนของเขาไว้ได้



“ปูน ขอร้องล่ะ คุยกับเราก่อนได้ไหม”



“ปล่อย! ไปให้ไกลๆแล้วอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก!”



“ขอโทษ เราผิดไปแล้วปูน ขอโทษ...ขอโทษจริงๆนะ”



ร่างเล็กไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เมื่อคนที่เคยทำร้ายเขาอย่างแสนสาหัสกำลังคุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าวขอโทษปูนทั้งน้ำตา นักศึกษาที่เริ่มเดินเข้ามาในตึกต่างหันมามองแล้วซุบซิบราวกับว่าพวกเขาไม่มีทางได้ยินคำพูดพวกนั้น



“ลุกขึ้น แค่เรื่องตอนนั้นมึงยังทำให้กูอายไม่พอรึไง”



“ไม่ จนกว่าปูนจะยกโทษให้เรา”



“มึงคิดว่ามึงทำขนาดนั้นแล้วกูจะยกโทษให้ง่ายๆหรอวะ กูถามจริงๆแมนว่ากูไปทำอะไรให้มึงนักหนา กูเพิ่งได้คุยกับมึงไม่นานมานี้ด้วยซ้ำ!”



“ก็เพราะแบบนั้นแหละมั้ง...เราถึงรู้สึกทนไม่ได้”



แมนเงยหน้าขึ้น จนทำให้ปูนสามารถเห็นความเปียกชื้นที่เต็มไปด้วยความเศร้าได้อย่างถนัด ใบหน้าที่สาวๆในกลุ่มต่างชมว่ามันหล่อเหล่าดูโทรมไปถนัดตา รอยช้ำตรงมุมปากยังไม่จางลงไปเลยด้วยซ้ำ แมนเอื้อมมือขึ้นมา หวังจะจับมือของปูนไว้แต่ก็เปลี่ยนใจ...ชายหนุ่มเก็บมือของตัวเองลงข้างกายอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว



“ตอนนั้นเราโกรธที่ปูนไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของเราเลยทั้งๆที่เรามองแต่ปูนมาตลอด ต่อให้เราพยายามเข้าใกล้ปูนแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ปูนจะมองมาที่เรา แม้แต่ตอนที่เราบอกว่าเราชอบปูนมาก...ปูนก็ยังทำเป็นไม่ได้ยิน”



“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง ให้บอกมึงว่ากูไม่เคยเห็นมึงในสายตางั้นหรอ”



“อืม...ถ้าปูนพูดแบบนั้นซะมันยังดีกว่า”



“...!!”



“อย่างน้องเราจะได้รู้ว่า เราพยายามมาพอแล้ว”







‘ให้ผมได้ช่วย ได้อยู่ข้างพี่ต่อไปไม่ได้หรอครับ...จนกว่าพี่จะได้สิ่งที่ต้องการ...เมื่อถึงวันนั้นผมจะไปจากพี่เอง’





ขอแค่พี่บอกผม...บอกผมสักคำเท่านั้น









แมนมองปูนอย่างแปลกใจเมื่อจู่ๆร่างเล็กที่มีท่าทีเกลียดชังเขากลับเปลี่ยนสีหน้า มันดูเศร้าสร้อยและตัดพ้ออย่างน่าประหลาดจนชายหนุ่มยอมลุกขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปใกล้เพื่อจับแขนของปูนไว้



“เราขอโทษนะที่ทำไปแบบนั้น แต่ปูนไม่ต้องห่วงเราให้พ่อตามเก็บคลิปทั้งหมดมาแล้ว ถึงแม้เราจะห้ามปากคนไม่ได้...แต่อีกไม่นานทุกคนคงจะรู้ความจริงว่าเราแค่โกหก...ทุกคนจะรู้ว่าปูนไม่ได้ทำแบบนั้น”



“คลิปงั้นหรอ...”



“อืม มันอยู่ที่เราทั้งหมดถ้าปูนอยากจะได้เราให้ก็ได้นะ แต่ว่าวันนี้เราไม่ได้เอามา...ปูนค่อยมาเอาวันอื่นได้ไหม”



ถึงแม้คำพูดของแมนจะสะกิดใจเขาได้ แต่ปูนก็ยังไม่คิดจะยกโทษให้ชายคนนี้ เขามองคนตรงหน้าด้วยสายตาติดจะระแวงจนแมนต้องรีบอธิบาย



“คือเราไม่ได้คิดจะทำอะไรไม่ดีนะ แต่เราไม่ได้เอามาจริงๆ”



“งั้นส่งไฟล์มาก็ได้”



“คือมัน...”



“...”



“โอเคๆ เราขอโทษ...จริงๆแล้วเราหวังอยากจะไปกินข้าวกับปูนสักครั้งน่ะ เพราะถ้าหากได้คลิปคืนไปแล้วปูนคงไม่อยากมองหน้าเราอีก”



“ตอนนี้ก็ไม่อยาก”



คำพูดตรงๆของปูนทำให้คนฟังหัวเราะแหะๆออกมาอย่างน่าอาย ร่างเล็กมองรอยยิ้มนั้นด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ทั้งไม่ชอบ โกรธเคือง...และเห็นใจ



“ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วหลังจากนี้เราสองคนไม่ต้องมายุ่งกันอีก”



“...!!”



“กูจะไม่พูดให้มึงรู้สึกดีว่ากูให้อภัยมึงได้ ต่อให้สิ่งที่กูทำมันจะทำร้ายความรู้สึกมึงจริงๆก็เถอะ แล้วบอกไว้อย่างนะว่ากูมีคนที่ชอบอยู่แล้วต่อให้มึงใช้โอกาสครั้งนี้พยายามแค่ไหนมันก็เท่านั้น...กูไม่มีทางชอบมึง เข้าใจไหมแมน”



“อืม เราเข้าใจ ขอบคุณนะที่ยอมไปกับเรา”



“...”



“เราสัญญา...ว่าเราจะทำให้ปูนรู้สึกสนุกที่สุดเลย”



ปูนไม่ได้คาดหวังความสนุกจากคำสัญญาของแมนเท่าไหร่นัก เขาแค่อยากทำให้เรื่องทุกอย่างจบไม่ว่าจะเป็นคลิปหรือความรู้สึกของอีกฝ่ายที่เขาไม่อาจตอบแทนได้ ร่างเล็กเดินทางมายังห้างสรรพสินค้าที่แมนนัดไว้โดยเลือกที่จะมาถึงช้ากว่าเวลานัดนิดหน่อย ซึ่งแน่นอนว่าแมนมาถึงที่นี่ก่อนเขาอย่างน้อยก็นานพอที่จะทำให้กาแฟยี่ห้อดังละลายจนไม่น่าทานเหมือนเก่า





“แต่งซะเต็มยศเลยนะ”



ไม่อยากทักเท่าไหร่หรอก แต่การแต่งกายของแมนวันนี้ออกจะแปลกตาไปมากเมื่อชุดที่อีกฝ่ายสวมใส่นั้นให้ความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่ผิดกับทุกครั้ง ในขณะที่ปูใส่เพียงเสื้อผ้าธรรมดาไม่บ่งบอกถึงความใส่ใจ



“ก็เราเห็นปูนชอบคนมีอายุไงเลยใส่มา”



“...”



“เฮ้ย อย่าทำหน้าแบบนั้นดิ เราล้อเล่น อย่าโกรธนะ”



ปูนออกอาการขำไม่ออกเมื่อถูกล้อเล่นแรงๆแบบนั้นแต่ก็ทำได้แค่สะบัดหน้าแล้วเดินหนีจนแมนที่เพิ่งรู้ตัวว่าแกล้งแรงไปมากต้องรีบวิ่งมาง้อ



“ขอโทษจริงๆนะปูน คือเราไม่รู้ว่าควรจะแต่งตัวออกมายังไงเลยไปยืมชุดพี่ชายมาใส่น่ะ ไม่ได้จะล้อปูนเลยนะ”



“ช่างมันเหอะ ไหนล่ะร้านที่จะไปกิน”



“อยู่ข้างหน้านี่แหละ ปูนยังโกรธเราอยู่อีกหรอ”



ปูนไม่ตอบ เขาทำแค่สาวเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อที่การพบกันครั้งสุดท้ายจะได้จบๆไปได้สักที แมนพาปูนมายังร้านอาหารฟิวชั่นที่ปกติต่อให้มีเงินร่างเล็กก็ไม่คิดจะมาใช้บริการเพราะราคาของมันนั้นดูไม่เหมาะสมกับปริมาณที่ได้มาเลยสักนิด



“ปูน เราถามอะไรสักอย่างได้ไหม”



แมนเอ่ยปากถามขณะที่ปูนเอาแต่เขี่ยสลัดอาโวคาโดในจานของตัวเองไปมา เขาเลือกกินแต่สิ่งที่ตัวเองชอบแล้วเหลือของที่ไม่ชอบทิ้งเอาไว้



“อยากถามอะไรก็ถาม แต่ไม่รับปากนะว่าจะตอบ”



“อืม...เราอยากรู้ว่าจริงๆแล้วไอ้ลุงนั่น...เราหมายถึงลุงที่มีเรื่องกับเราวันนั้นเขาเป็นอะไรกับปูนกัน...”



แกร๊ง!



ยังไม่ทันที่แมนจะได้พูดจบประโยค ปูนก็โยนส้อมในมือของตัวเองลงบนจานจนผู้คนในร้านหันมามองทางนี้กันหมด ใบหน้าติดจะเฉยชาของร่างเล็กเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ จนแมนต้องรีบขอโทษอีกครั้ง



“ขอโทษ เราไม่อยากรื้อฟื้นอะไรหรอก เราแค่สงสัยว่าทำไมเขาถึงต้องทำร้ายปูนแบบด้วย”



“สาบานมาสิว่ามึงสงสัยแค่นั้นจริงๆ ไม่ได้อยากเสือกเรื่องอื่น”



“โอเค...ยอมรับก็ได้...ก็ลุงนั่นมันพูดจาแปลกๆกับเรา สายตาที่มันมองปูนก็ไม่น่าไว้ใจ เราเป็นห่วงนะ เราไม่อยากให้ปูนยุ่งกับคนแบบนั้นอีก”



“หึ รู้สึกว่ากูนี่มีแต่คนเป็นห่วงทั้งนั้นเลยนะ ห่วงว่าจะไปเสียรู้คนโน้นคนนี้ทั้งๆที่ตัวเองนั่นแหละที่เอาแต่ทำร้ายคนอื่น”



แมนหน้าเสีย แต่ก็ยอมอ่อนให้ปูนด้วยการบอกขอโทษอีกครั้งแล้วยุติบทสนทนาทุกอย่างลงในทันที อาหารที่รสชาติแย่อยู่แล้วยิ่งแย่ขึ้นอีก ปูนอยากจะกลับก็กลับไม่ได้เพราะเขายังไม่ได้ของที่ต้องการ



“แล้วเรื่องคลิปล่ะ เอามารึยัง”



“อืม เอามาแล้ว อยู่ในนี้ไง”



แฟลช์ไดร์ฟอันเล็กถูกยื่นไปให้โดยไม่มีการตุกติก ปูนรับมันมาพร้อมกับนำภาพความทรงจำในคืนนั้นย้อนกลับมาด้วย



“แน่ใจใช่ไหมว่าไม่มีไฟล์นี้เก็บไว้ที่อื่นอีกแล้ว”



“อืม แม้แต่ที่เราก็ไม่มี”



ปูนไม่รู้ว่าเขาเชื่อใจคนคนนี้ได้มากแค่ไหน แต่สำหรับคนที่ไร้ซึ่งหนทางตัวเลือกสำหรับเขามันมีไม่มากนัก ร่างเล็กไม่แม้แต่จะขอบคุณคนที่เริ่มต้นเรื่องทุกอย่าง เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกไปเปราะหนึ่งแล้วมองออกไปด้านนอกตัวร้านเพื่อปรับอารมณ์ของตัวเอง...แล้วเขาก็เห็นมัน







“พี่กาล...”



:z10:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :z10:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด