- - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)  (อ่าน 165462 ครั้ง)

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #11][040159]
«ตอบ #90 เมื่อ05-01-2016 01:45:14 »

เป็นเรื่องที่เข้ามาอ่านแล้วไม่จบไม่เลิกจริงๆ สนุกมาก ชอบปูนนะ ดูร้ายแต่ก็ยังมีนิสัยเด็กๆอยู่

ส่วนคณิตก็เสน่ห์ล้นจริงๆ ถ้าเป็นปูนก็ชอบเหมือนกัน รออ่านตอนต่อไปน้า สู้ๆจ้า

ป.ล.อยากรู้ปมของปูนมาก ไม่รู้ว่ามีในเรื่อง Night Mare ไหม แต่ขอทำใจก่อนอ่าน Night Mare

ถ้าทางจะมีเนื้อเรื่องที่ไม่ธรรมดา 5555

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #11][040159]
«ตอบ #91 เมื่อ05-01-2016 01:47:19 »

ตอนท้ายอะไรน่ะ แอบทำเราน้ำตาซึม

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #11][040159]
«ตอบ #92 เมื่อ05-01-2016 19:03:40 »

ฟินไปอีกกกกกก อยากเห็นสองคนนี้รักกันสักที
จะหวานจนน้ำตาลจืดไหมเนี่ย


ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #11][040159]
«ตอบ #93 เมื่อ07-01-2016 07:09:14 »

เป็นเรื่องที่เข้ามาอ่านแล้วไม่จบไม่เลิกจริงๆ สนุกมาก ชอบปูนนะ ดูร้ายแต่ก็ยังมีนิสัยเด็กๆอยู่

ส่วนคณิตก็เสน่ห์ล้นจริงๆ ถ้าเป็นปูนก็ชอบเหมือนกัน รออ่านตอนต่อไปน้า สู้ๆจ้า

ป.ล.อยากรู้ปมของปูนมาก ไม่รู้ว่ามีในเรื่อง Night Mare ไหม แต่ขอทำใจก่อนอ่าน Night Mare

ถ้าทางจะมีเนื้อเรื่องที่ไม่ธรรมดา 5555



ไม่ธรรมเาจริงๆแหละค่ะ แต่สนุกมากไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง :impress2:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #12][070159]
«ตอบ #94 เมื่อ07-01-2016 20:49:29 »

 

แตกที่ 12

…เด็กขี้ขลาด...

 

 

ฟ้ายังไม่ทันจะสว่างดี ปูนที่ทั้งเมาทั้งเหนื่อยจนลุกไม่ไหวแต่ก็ยังพอจะรู้สึกตัวว่าคนที่ได้นอนกอดเขาเพียงไม่กี่ชั่วโมงกำลัวลุกออกจากเตียงไปโดยที่ระวังให้มันกระเทือนน้อยที่สุด ร่างเล็กนอนฟังเสียงน้ำไหล เสียงไดร์เป่าผมอ่อนๆ รวมถึงเสียงฝีเท้าของเจ้าของห้องก่อนร่างสูงจะออกไปทำงานอย่างที่เคยบอกไว้ แต่เสียงที่ยังคงย้ำชัดจนเขาไม่อาจสลัดมันให้หลุดไปจากหัวได้เห็นจะเป็นเสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหูซึ่งคณิตมอบมันให้กับเขาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเด็กหนุ่มที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่ไม่ได้จมอยู่ในห้วงนิทราอย่างที่คิด

 

“งานเสร็จแล้วฉันจะกลับมา”

 

ปูนลืมตามองความว่างเปล่าเบื้องหน้าแล้วคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไปด้วย เขาไม่สมควรปล่อยให้ตัวเองเมาขนาดนั้น ทำเรื่องน่าอายต่อหน้าคนอื่นยังพอว่าแต่การที่หลุดถามคำถามโง่ๆแบบนั้นกับคนอย่างคณิตไปเป็นเรื่องที่ปูนไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยสักนิด พอคิดถึงตรงนี้เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าผิวแก้มของตนมันร้อนผ่าวขึ้นมาเช่นเดียวกับความรู้สึกคาดหวังโง่ๆที่เขาต้องกดมันไว้ข้างใน

 

“อย่าโง่สิปูน...จำได้ไหมว่ามันเคยทำให้เราเจ็บแค่ไหน”

 

เขาถามมันกับตัวเองก่อนจะปล่อยให้ความรู้สึกดีชั่วในหัวตีกันให้วุ่นวาย ทั้งความโลภที่อยากครอบครองแม้ว่าสักวันมันจะซ้ำรอยเก่าให้กลัดหนองมากขึ้นไปอีก และเสียงร้องไห้ของตัวเขาเองจากในอดีตที่รู้ซึ้งเป็นอย่างดีว่าการต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันทรมานแค่ไหน...จนสุดท้ายเสียงจากบาดแผลที่ตกสะเก็ดอยู่ในหัวใจก็ชนะไป ปูนขอเลือกที่จะเก็บเพียงความอ่อนโยนที่คณิตมอบมาให้แค่พอดีแค่พอให้หัวใจนี้มีชีวิตไปวันๆดีกว่าไขว่คว้าหามันจนทุกข์ใจอย่างคราวรัตติกาล

 

คนที่สอนเขาว่าความรักไม่ใช่ของรางวัลตอบแทนความดี...

 

“ผมจะไม่โง่ซ้ำสองอีกแล้ว”

 

 

 

 ปูนนอนบอกตัวเองอยู่อย่างนั้นจนผล่อยหลับไปก่อนจะตื่นขึ้นมาอีกทีตอนที่เวลาล่วงเลยไปเกือบสิบโมง  เด็กหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดเก่าอย่างลวกๆเพราะสวมใส่เสื้อผ้าของคณิตในตู้ไม่ได้เลยสักชิ้น ปูนแปลกใจนิดหน่อยเมื่อพบว่าห้องที่คณิตพาเขาขึ้นมาพักเป็นห้องที่อยู่สูงรองจากชั้นบนสุดที่ปกติจะเป็นห้องพักส่วนตัวของบรรดาเจ้าของโรงแรมทั้งหลาย แต่หากพูดถึงตำแหน่งของคณิตปูนก็พอจะทำใจให้เชื่อได้ว่ามันคงเป็นสวัสดิการที่ The Next มอบให้กับพนักงานระดับสูงเท่านั้น เด็กหนุ่มกดลิฟต์พาตัวเองกลับไปยังชั้นล็อบบี้ที่ยังมีแขกมาใช้บริการหนาตาเหมือนเช่นทุกๆครั้ง

 

“ไปไหนของเขากันนะ มือถือก็ไม่รับ”

 

คนตัวเล็กพยายามต่อสายหาคณิตอีกครั้งก่อนจะล้มเลิกความตั้งใจไปเพราะนึกได้ว่างานของร่างสูงอาจจะยังไม่เสร็จดี เขาจึงเลือกที่จะมานั่งเล่นตรงเล้าจ์ของโรงแรมพร้อมกับสั่งเครื่องดื่มราคาแพงมานั่งดื่มฆ่าเวลา เด็กหนุ่มเท้าคางมองความเงียบสงบอันเป็นบรรยากาศเฉพาะตัวของที่นี่ด้วยความชอบใจ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทันทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเก้าอี้ตัวตรงกันข้ามกับที่เขานั่งก็ถูกจับจองด้วยร่างของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งปูนรู้สึกคุ้นหน้าไปซะก่อน

 

“สวัสดีครับ น้องปูนใช่ไหม”

 

“?”

 

“ฮ่าๆ ทำหน้าแบบนี้คงจำกันไม่ได้สินะ นี่พี่เต้ไง เต้เพื่อนคุณกฤษที่เคยไปเที่ยวกับเราเมื่อสองเดือนที่แล้ว”

 

ปูนพยายามรื้อฟื้นความทรงจำของตัวเองขณะที่สำรวจเครื่องหน้าแบบไทยๆของชายหนุ่มคนนี้ไปด้วย ก็ถือว่าไม่ได้หล่อมากจนหน้าจดจำแต่ริมฝีปากหยักได้รู้เป็นเอกลักษณ์แบบนี้ก็พอจะทำให้เขาจำขึ้นมาได้ว่าตัวเองเคยชอบใจยามมันกดจูบไปทั่วร่างกายของเขาขนาดไหน

 

“อ่อ จำได้แล้วครับ แล้วเป็นไง พี่สบายดีไหม”

 

ร่างเล็กถามกลับไปตามมารยาทโดยไม่ลืมที่จะส่งยิ้มอ่อนๆแถมไปด้วย ทำให้คนที่นึกติดใจปูนตั้งแต่คราวนั้นจนไม่อาจห้ามใจตัวเองไม่ให้เข้ามาทักเด็กหนุ่มได้แม้รู้ดีว่ามันไม่สมควรยิ้มกว้างออกมาอย่างยินดี

 

“สบายดีแล้วเราล่ะมาทำอะไรที่นี่ พี่ติดต่อไปเราก็ไม่รับ”

 

“มาทำงานน่ะครับ เป็นบาร์เทนเดอร์”

 

เขาจงใจละการตอบคำถามสุดท้ายไปเพราะไม่อยากเห็นคนที่ทำตัวเป็นหมาหิวกระดูกอยู่ตรงนี้หางลู่หูตกไปซะก่อน จริงอยู่ที่การมีเซ็กซ์กับนายคนนี้จะทำให้เขามีความสุขอยู่พอสมควรแต่พันธะทางครอบครัวที่ห้อยพ่วงมาด้วยทำให้ปูนไม่อยากถลำลึกด้วยมากเท่าไหร่ แค่ชั่วครั้งชั่วคราวน่ะพอได้ แต่จะให้เลี้ยงดูกันเป็นกิจจะลักษณะแบบที่อีกฝ่ายขอไว้เขาก็ไม่เอา...

 

“ย้ายมาทำประจำเลยหรอ แล้วงานที่กรุงเทพล่ะ”

 

“ลาออกไปแล้วครับ พอดีเจอแต่เรื่องวุ่นๆเลยไม่อยากอยู่ที่นั่นสักเท่าไหร่”

 

“เรื่องวุ่นๆ ใช่เรื่องที่มีคนไปอาละวาดแย่งเราที่ร้านอาหารรึเปล่า”

 

“...!!!”

 

ดวงตาของปูนเบิกโพลงเพราะไม่คิดว่าคนคนนี้จะพูดเรื่องนั้นขึ้นมาก่อนมันจะเปลี่ยนเป็นก้าวร้าวและไม่สบอารมณ์จนชายที่ชื่อเต้สัมผัสได้ อดีตคู่ค้าของปูนพอรู้ตัวว่าเผลอทำพลาดไปก็หน้าเจื่อนจนไม่เห็นสีเลือด

 

“เอ่อ ขอโทษครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึง”

 

“...”

 

“โถ่น้องปูน พี่ขอโทษจริงๆ อย่าโกรธพี่เลยนะครับ”

 

ชายหนุ่มเปลี่ยนมานั่งเก้าอี้ตัวข้างๆกับแล้วคอยลูบแผ่นหลังที่ตั้งตรงของปูนอย่างถือวิสาสะ ร่างเล็กขืนตัวออกแล้วส่งสายตาเพื่อบอกว่าเขาอารมณ์เสียเต็มทีแต่เต้ก็ยังคงตีมึนทำเป็นไม่เข้าใจความหมายที่ปูนสื่อออกมา

 

“หายโกรธพี่นะ เดี๋ยวพี่พาไปช็อปปิ้งเราอยากได้อะไรก็บอกพี่เลย”

 

“ไม่ล่ะครับ พี่กลับไปเถอะ”

 

“ไม่เอาน่าปูน พี่รู้ว่าพี่ทำผิดเพราะฉะนั้นให้โอกาสพี่ไถ่โทษเถอะนะครับ หรือว่าปูนอยากไปเที่ยวที่ไหนไกลๆไหม เผื่อจะได้สบายใจขึ้น เดี๋ยวบ่ายนี้พี่ก็ประชุมเสร็จแล้วเดี๋ยวเราค่อยไปกันก็ได้นะ”

 

“ผมไม่ไป เลิกยุ่งกับผมสักทีจะได้ไหม!”

 

“เรานั่นแหละ เลิกเล่นตัวกับพี่สักที!”

 

“มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ คุณลูกค้า”

 

ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังโต้คารมใส่กันชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทเต็มยศและป้ายชื่อที่บอกตำแหน่งผู้จัดการไว้อย่างชัดเจนก็เดินมาถามด้วยน้ำเสียงอันสุภาพเพียงแต่ดวงตาที่มองไปยังชายที่กำลังบีบข้อมือของปูนอย่างรุนแรงนั้นกลับเยือกเย็นเสียจนร่างเล็กรู้สึกถึงความผิดปกตินั้นได้

 

“ไม่มีอะไรครับผมแค่เถียงกับแฟนนิดหน่อย”

 

เต้หันไปตอบคณิตยิ้มๆแสร้งตีสีหน้าเป็นหนุ่มนักธุรกิจแสนสุภาพเช่นเดียวกับที่ร่างสูงกำลังทำแต่ดูเหมือนความสามารถในการกลบเกลือนความรู้สึกของคณิตจะมีมากกว่า เพราะเมื่อได้สบตาที่เต็มไปด้วยความกดดันของผู้จัดการหนุ่มนานๆเข้าคนที่ก่อเรื่องไว้ก็ออกอาการกระสับกระส่ายเหมือนกัน

 

“เป็นอย่างที่แขกท่านนี้ว่ารึเปล่าครับ”

 

คณิตหันไปถามปูนบ้างซึ่งคนตัวเล็กก็หันหลบสายตาของคณิตแทบจะทันทีแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ทำผิดอะไร ทั้งความกดดันและกลัวว่าร่างสูงจะได้ยินบทสนทนาของเขาและเต้เมื่อครู่เขาแล้วจะเข้าใจผิดทั้งๆที่ความจริงสิ่งที่คณิตเข้าใจเกี่ยวกับตัวเขามันก็ไม่ได้สวยหรูสักเท่าไหร่

 

แค่เด็กใจแตกคนหนึ่งที่เที่ยวขายร่างกายของตัวเองให้ใครต่อใคร

 

รวมถึงชายตรงหน้าที่ลุ่มหลงเพียงราคะอันเกิดจากตัวเขาเท่านั้น...

 

 

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกผมขอตัวก่อนนะครับ ไปเถอะปูนไปคุยกันที่รถ”

 

เต้หันมาพูดกับปูนด้วยเสียงที่แข็งกว่าเคยพร้อมกับฉุดร่างเล็กที่ยังคงอึ้งอยู่ให้เดินตามกันไปทิ้งคณิตที่ยังถือคราบของพนักงานโรงแรมไว้เบื้องหลัง พอเดินออกมาได้สักพักปูนก็เพิ่งได้สติว่าเขาควรจะทำอะไร เด็กชายที่ตัวเล็กกว่าพอสมควรพยายามขืนมือของตัวเองออกแม้ว่ามันจะทำให้เขาเจ็บก็ตาม

 

“พี่เต้ปล่อย! ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ไป!”

 

“พี่ก็บอกแล้วไงว่าพี่ขอโทษ! ทำไมเราคุยกันดีๆไม่ได้หะปูน รู้ไหมพี่ดีใจขนาดไหนที่เจอเรา”

 

“แต่ผมไม่ดีใจเลยที่เรากลับมาพบกันอีก!”

 

คำพูดของปูนทำให้คนฟังหน้าชา นักธุรกิจที่มีคนมากมายนับหน้าถือตาอย่างเขาทำไมต้องมายืนให้เด็กไซด์ไลน์ไม่มีศักดิ์ศรีพูดจาตัดเยื่อใยแบบนี้ด้วย

 

“เชื่อพี่ ไปขึ้นรถแล้วอย่าทำให้พี่โมโหมากไปกว่านี้”

 

“ทำไมจะทำไม่ได้ พี่แม่งโคตรพูดไม่รู้เรื่องเลยว่ะ!”

 

ปูนหันไปตะคอกเต้ด้วยความโมโหแต่แล้วร่างเล็กก็ต้องร้องออกมาเมื่อชายคนที่เมื่อครู่ยังทำเป็นเว้าวอนเขาแทบตายกำลังยกหมัดขึ้นแล้วเตรียมชกมาทางนี้ ปูนหลับตาลงเพราะความกลัวจนตัวสั่น แต่แล้วทันใดนั้นเองขณะที่ปูนยังไม่กล้าลืมตา เสียงที่ทั้งสุภาพและเย็นยิ่งกว่าครั้งไหนๆของคนที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากทางด้านข้างของเด็กหนุ่มที่ถูกดึงให้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของคณิตแทบทั้งตัว

 

“คุณคิดจะทำอะไร”

 

คณิตที่รีบวิ่งตามปูนมาพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำขณะที่จับจ้องไปยังชายที่เกือบจะชกเข้าที่ใบหน้าของปูนอยู่แล้วหากเขาไม่เข้ามาคว้าหมัดนั่นไว้ทัน เด็กชายในอ้อมแขนของเขาตัวสั่นระริก ปากที่มีฤทธิ์มากตอนนี้ถูกปิดสนิทด้วยความกลัวแบบที่เจ้าตัวไม่น่าจะคุ้นชินเท่าไหร่นัก ร่างสูงก้มลงมองปูนด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อยก่อนจะหันไปคาดคั้นเอาคำตอบจากชายไม่คุ้นหน้าที่ไม่อาจรักษามาดผู้ดีเอาไว้ได้อย่างเคย

 

“เรื่องของผัวเมียมึงอย่ามาเสือก!”

 

“ขอโทษนะครับ ผมไม่สามารถเชื่อได้จริงๆว่าเด็กคนนี้จะเป็นเมียของคุณ”

 

“ก็แล้วยังไงล่ะวะ! เป็นแค่พนักงานชั้นต่ำอย่าสะเออะมายุ่งเรื่องของลูกค้า มึงอยากโดนไล่ออกรึยังไง!”

 

ร่างสูงเผลอขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พาลให้นึกถึงคำพูดของป๊าขึ้นมาทันทีว่าตั้งใจให้เขาลงมาทำงานระดับนี้ก่อนขึ้นมาเป็นผู้บริหารเต็มตัวเพราะต้องการให้รู้ซึ้งว่าการบริการลูกค้ามันยากแค่ไหน ทั้งที่ตรงนี้เขาคือคนที่อยู่สูงยิ่งกว่าใครกลับถูกด่าว่าด้วยคนที่ไม่รู้แม้แต่เงาหัวของตัวเอง

 

“ผมว่าคุณกลับไปซะดีกว่า ถ้าเป็นตอนนี้ผมจะไม่เอาเรื่อง”

 

“ไม่เอาเรื่อง? เฮ๊อะ!คนอย่างมึงจะมาเอาเรื่องอะไรกูได้!!”

 

“ข้อหาทำร้ายร่างกาย คุณคิดว่าตรงนี้มีกล้องวงจรปิดอยู่กี่ตัวกัน”

 

ชายชื่อเต้เหมือนถูกคำพูดของคณิตซัดเข้าเต็มใบหน้า เขามองไปรอบๆเพื่อมองหากล้องที่ว่าก่อนจะเห็นว่า ณ จุดที่พวกเขายืนอยู่มีกล้องอย่างน้อย5ตัวที่น่าจะสามารถจับภาพความรุนแรงที่ว่าไว้ได้

 

“นอกจากนี้ก็ยังมีข้อหาหมิ่นประมาท นับว่าเป็นโชคร้ายของทางคุณนะครับที่โต๊ะเมื่อครูที่คุณนั่งเรากำลังถ่ายทำ VTR เพื่อโปรโมทโรงแรมกันอยู่พอดี”

 

“กะ กล้องวีดิโอ...”

 

“ครับ ฉลาดขึ้นมาแล้วนี่...ทั้งภาพทั้งเสียงคราวนี้คุณจะยอมหยุดได้รึยัง”

 

ไม่ต้องพูดให้มากความชายที่ถูกคณิตต้อนจนจนมุมหันมามองทั้งคู่ด้วยแววตาโกรธเกรี้ยวแต่ก็ยอมตัดใจล่าถอยไปเพราะถ้าหากเรื่องมันแดงขึ้นมาจริงๆทั้งงานและเรื่องที่เขาเคยซื้อบริการกับปูนคงถึงหูคนที่บ้านแน่ๆ

 

“ฝากไว้ก่อนเถอะ ด้วยเฉพาะเธอ...ปูน”

 

“ผมไม่รับฝากอะไรทั้งนั้น”

 

เด็กหนุ่มตอบกลับไปทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่หายสั่น ชายคนนั้นเดินจากไปแล้วพร้อมกับสบถคำหยาบคายไปตลอดทางทิ้งไว้ให้สองคนที่เหลือฟัง แต่มันกลับไปกระตุ้นต่อมเจ้าคิดเจ้าแค้นของคณิตเข้าโครมใหญ่

 

“คุณฝ้ายหรอ นี่ผมคณิตนะ รบกวนคุณทำเอกสารถึงบริษัทที่มาจัดสัมมนาที่โรงแรมเราวันนี้ทีว่ามีพนักงานของเขาที่ชื่อ...ชื่ออะไรนะ?”

 

คณิตที่เพิ่งต่อสายหาเจ้าหน้าที่ธุรการของโรงแรมหันมาถามปูนที่ยังคงดูงงๆ แต่คนตัวเล็กก็ยอมตอบกลับไป

 

“ชื่อจริงไม่รู้ แต่ชื่อเล่นชื่อเต้”

 

“ครับ ระบุว่าคุณเต้ พยายามลวนลามและทำร้ายร่างกายแขกของโรงแรม รวมถึงข่มขู่พนักงานที่จะเข้ามาห้ามปราม ทางเรามีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดยืนยันความผิดนี้ แต่เพราะเห็นแก่บริษัทจึงอยากขอให้ทางนั้นทำการตักเตือนพนักงานคนดังกล่าวตามที่ทางนั้นเห็นสมควร จัดการให้ผมด้วยนะ เดี๋ยวสักพักผมจะขึ้นไปตรวจให้อีกที ขอบคุณครับ”

 

คณิตวางสายก่อนจะถอนหายใจแรงๆอย่างหงุดหงิด ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนที่เขาไม่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบที่นี่ไอ้คนที่กล้ามายืนด่าเขาปาวๆคงได้ลงไปนอนกองกับพื้นแล้วแน่ๆ เขาสบถเบาๆอีกสองสามคำก่อนจะหันมาหาปูนที่สะดุ้งทันทีที่ได้สบตาแต่ยังไม่ทันที่จะได้หันหนี คณิตก็คว้าหมับเข้าที่ปลายคางของปูนแล้วบังคับให้คนตัวเล็กมองเขาที่กำลังจ้องราวจับปูนมาฉีกเป็นชิ้นๆ




:z3:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :z3:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #12][070159]
«ตอบ #95 เมื่อ07-01-2016 20:51:06 »




“มีอะไรจะแก้ตัวไหม”

 

“ผม...ไม่ได้ทำอะไรผิด”

 

“เป็นเรื่องขนาดนี้ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดอีกหรอ!”

 

เสียงตะคอกของคณิตทำให้คนที่พยายามข่มความกลัวไม่อาจตีหน้านิ่งได้อีกต่อไป ปูนกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างอดกลั้น ไม่อยากจะร้องไห้ออกมา ความรู้สึกยามที่เห็นเต้กำลังปล่อยหมัดเข้ามาใส่ยังไม่ทันจะหายไปด้วยซ้ำ ทำไมคนคนนี้ถึงต้องมาโกรธเขาทั้งๆที่เขาไม่ผิดด้วย

 

“ผมไม่ผิด”

 

“ปูน!”

 

“จะตะคอกทำไมเล่า!”

 

“...!!!”

 

“ฮึก จู่ๆมันก็เข้ามายุ่งกับผมเองยังจำแม่งไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ฮึก ไล่ดีๆก็แล้ว พอด่าไปแม่งเสือกจะมาต่อยกูอีก เป็นผู้ชายรึเปล่าวะ!!!”

 

“แล้วเธอน่ะเป็นผู้ชายแน่รึเปล่า...ร้องไห้ทำไมเนี่ย”

 

“ก็ป๋าตะคอกอะ! ผมยังไม่ได้ทำผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ ฮึก ทำไมต้องมาว่ากันด้วย นิสัยไม่ดี ฮึก ใจร้าย!!!”

 

คนใจร้ายขำคนที่ปากว่าเขาไปแต่ก็ยังคงเกาะตัวเขาแน่นไม่ยอมห่าง คนตัวเล็กขยี้ตาอย่างน่าสงสารดวงตากลมๆที่เคยร้ายกาจเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ปากที่เที่ยวด่าคนอื่นไปทั่วแบะออกแล้วร้องไห้อย่างไม่อายจนอาการสะอึกเข้าเล่นงานปูนจนได้ ร่างสูงลูบแผ่วหลังของปูนเบาๆอย่างปลอบโยนโดยที่ปูนก็ยอมยืนให้คณิตทำมันให้แต่โดยดีทั้งๆที่ในใจยังนึกโกรธ

 

“ก็เธอผิด ฉันถึงได้ว่า”

 

“ปูนไม่ผิดสักหน่อย ฮึก!”

 

“ผิดสิ ผิดที่ไม่ดูแลตัวเอง...ฉันเคยขอเธอแล้วใช่ไหมเรื่องนี้”

 

ปูนนิ่งไปก่อนจะยอมพยักหน้า คณิตยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นว่าปูนเริ่มจะเห็นจุดว่าทำไมเขาถึงได้ต่อว่าไปแบบนั้น เขาใช้แขนเสื้อของตัวเองเช็ดซับไปตามใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยน้ำตารวมไปถึงจมูกรั้นๆที่มีน้ำมูกไหลออกมานิดๆ

 

“ถ้าเธอยอมบอกฉันว่ามันเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ที่ห้องอาหาร ฉันคงช่วยเธอได้เร็วกว่านี้ หรือไม่ก็ขอให้พนักงานคนอื่นเข้ามาช่วย ไม่ใช่มัวแต่ต่อปากต่อคำกับคนแบบนั้น แล้วถ้าเมื่อกี้ฉันมาไม่ทัน...เธอจะเป็นยังไง”

 

“ก็...เจ็บดิ”

 

“หึ ปากดีได้แล้วสินะ”

 

“...”

 

“ฉันจริงจังนะปูน รักตัวเอง ดูแลตัวเองให้มากกว่านี้ ฉันรู้ว่าเธอเอาตัวรอดได้แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบนั้นเสมอไป แล้วก็เลิกร้องไห้ได้แล้ว ดูสิ ตาบวมหมดแล้วเนี่ย”

 

ปูนยอมเงยหน้าให้คณิตใช้น้ำเกลี่ยน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยนแต่กลับกัน พอยิ่งโดนทะนุถนอมและได้รับความเป็นห่วงแบบนั้นปูนก็กลายเป็นเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่พอถูกปลอบก็ยิ่งร้องไม่หยุดจนคณิตต้องคว้ามากอดไว้

 

“ฮึก ขอโทษ ปูน อึก ขอโทษ”

 

“รู้แล้วๆ เลิกร้องซะ”

 

“อยากเลิก ฮึก แต่มันหยุดไม่ได้นี่”

 

คนตัวเล็กงอแงแล้วเอาแต่ซุกหน้าไปบนอกของคณิตจนเสื้อเชิ้นสีครีมเปียกชุ่มไปหมด ดีนะที่งานของช่วงเช้าหมดไปแล้วเขาถึงยอมปล่อยให้เจ้าเด็กนี่ทำเสื้อของเขาเปื้อนได้ ว่าแต่ก็เพิ่งนึกได้ เขาก็มีผ้าเช็ดหน้าอยู่ในกระเป๋านี่นะ แล้วทำไมไม่ยอมหยิบมาใช้ตั้งแต่ทีแรกล่ะเนี่ย

 

“ป๋า ฮึก เจ็บตา”

 

“เจ็บก็เลิกร้อง ไม่อายฉันบ้างรึไง”

 

“ไม่อาย ทำไมต้องอายด้วย”

 

ร่างสูงหัวเราะเสียงดังก่อนจะตัดสินใจจูงปูนที่เกาะติดเขาเป็นลูกลิงไปยังด้านข้างของโรงแรมที่มีลิฟต์ขนของติดตั้งอยู่ แรกๆปูนก็ขัดขืนแต่พอเขาทำเสียงดุเข้าหน่อยคนตัวเล็กก็ยอมเดินตามมานิ่งๆโดยมีการพูดว่าเขาใจร้ายบ้าง ดุบ้างตามประสา ชายหนุ่มกดลิฟต์เพื่อพาเขาทั้งคู่ไปยังชั้นที่เป็นออฟฟิศทำงานไม่ใช่ห้องพักส่วนตัวเหมือนเมื่อคืน โชคดีที่ตอนนี้พนักงานส่วนมากยังไม่กลับขึ้นมาจากข้างล่างดังนั้นในชั้นนี่จึงเหลือคนนั่งอยู่ที่โต๊ะเพียงไม่กี่คน รวมถึงอิงอรด้วย

 

“อ้าวน้องปูนนิ ทำไมตาแดงอย่างนี้ล่ะลูก น้องร้องไห้หรอคณิต!”

 

หญิงสาวที่รีบเดินเข้ามาหาปูนหวังกอดให้หายคิดถึงรีบหันไปถามร่างสูงเมื่อเห็นชัดๆว่าเด็กหนุ่มขวัญใจเธอกำลังยืนร้องไห้หน้าแดงอย่างไม่รู้สาเหตุ

 

“อืม แค่งอแงน่ะ เข้าไปคุยข้างในเถอะ”

 

คณิตรีบลากปูนเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของเขาเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาขี้สงสัยของเหล่าพนักงานที่เริ่มมองมาทางนี้ไม่หยุด อิงอรเองก็รีบกลับไปที่โต๊ะของเธอแล้วควานหาผ้าขนหนูผืนเล็กที่มีติดโต๊ะไว้ไปชุบด้วยน้ำเย็นแล้วเอามันมาให้คณิตใช้ประคบตาของปูนที่เริ่มบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด

 

“เรื่องเป็นไงมาไงล่ะเนี่ยถึงได้ร้องขนาดนี้”

 

“โดนคนแกล้งมานิดหน่อยน่ะ”

 

“พี่คณิตแกล้งผมครับ”

 

“อะไรนะ!”

 

ปูนรีบหันไปฟ้องอิงอรทันทีเมื่อได้โอกาสจนคราวนี้หญิงสาวหันมามองคณิตตาเขียวอย่างเอาเรื่อง

 

“เฮ้ย ฉันเปล่านะ”

 

“เมื่อกี้ข้างล่างมีคนมาจีบผม แต่ผมไม่ได้เล่นด้วยเขาเลยจะทำร้าย พอพี่คณิตมาช่วยไว้แต่เขากลับมาดุผมว่าไม่ดูแลตัวเอง”

 

ร่างเล็กฟ้องอิงอรด้วยใบหน้าที่ยังคงมีน้ำตาเปื้อนอยู่ ส่วนเรื่องที่บอกว่าฝ่ายนั้นเข้ามาจีบก็ถือว่าไม่ได้โกหกนะ ถึงเจตนาของหมอนั่นจะแปลกไปหน่อยก็เถอะ หญิงสาวพอได้ฟังก็หันมองปูนกับคณิตสลับกันไปมา ว่าแต่เมื่อกี้เธอได้ยินไม่ผิดใช่ไหม ปูนเรียกคณิตว่า ‘พี่’ ใช่ไหม!

 

“อะ เออ คณิตก็พูดแรงไปหน่อยน้องเพิ่งเจอเรื่องไม่ดีมานะ แต่ปูนก็ต้องระวังตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยนะเพราะคณิตว่ามามันก็ถูก”

 

เธอพยายามเก็บอาการดี๊ด๊าของตัวเองแล้วพูดกับปูนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงจนร่างเล็กต้องคอตกอีกครั้งอย่างน่าสงสาร คณิตเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าเหลือเวลาอีกไม่นานจะได้เวลาที่เขานัดกับพวกเพื่อนไว้จึงหันมาพูดกับอิงอรที่คอยลูบหัวปลอบโยนปูนอยู่

 

“อิง เธออยู่เป็นเพื่อนปูนสักพักได้ไหม ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อก่อน”

 

“เปลี่ยนเสื้อ? อ่อ ที่ขอลาครึ่งวันใช่ไหม”

 

“อืม นัดเพื่อนไว้ วันนี้มันจะกลับกันแล้ว”

 

“ได้ๆ ฝากน้องไว้ที่นี่ก่อนแล้วกัน”

 

คณิตพูดขอบคุณก่อนจะผละออกไปเพื่อเปลี่ยนชุดที่มีเหลือเก็บไว้บนห้องพัก ปูนเองถึงจะยังเคืองอยู่บ้างแต่ก็อดที่จะมองตามแผ่นหลังของร่างสูงไปไม่ได้จนหญิงสาวที่อยู่ข้างๆกับจับสังเกตความห่วงใยของทั้งคู่ได้

 

“เดี๋ยวนี้แลดูสนิทกันมากเลยนะจ๊ะ”

 

“ครับ?”

 

“อะ เปล่าๆ น้องปูนอยากกินอะไรไหม น้ำ? ขนม?”

 

อิงอรรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้ปูนอึดอัดกับความคิดของเธอมากจนเกินไป หญิงสาวรีบไปขนน้ำกับขนมที่มีตุนไว้(ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของคณิต) ให้ปูนกินเล่นรอเวลา เด็กหนุ่มมองขนมกองมหึมาตรงหน้าแล้วอดคิดไม่ได้ว่าตัวเขาเหมือนเด็กมากรึไงในสายตาคนคนนี้

 

รอเพียงไม่นานคณิตก็กลับมาที่ห้องนี้อีกครั้งด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ พอมาถึงชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ก็ได้แต่ยืนพิงประตูห้องทำงานของตัวเองเพื่อมองดูคนที่เมื่อครู่ยังร้องไห้แทบเป็นแทบตายแต่ตอนนี้กลับนั่งกินขนมหน้าตาระรื่นแล้วพูดคุยกับอิงอรอย่างสนุกปาก ซึ่งสาวเจ้าแทนที่จะห้ามปรามกลับนั่งแกะทั้งห่อขนม ห่อช็อกโกแลตส่งให้ปูนเพิ่มซะอย่างนั้น

 

“กินขนมขนาดนี้เดี๋ยวก็กินข้าวไม่ลงหรอก”

 

“ป๋า”

 

ปูนหลุดเรียกคณิตว่าป๋าอย่างเคยตัวจนอิงอรที่กำลังคุยกันเพลินๆทำตาโตหูผึ่งเพราะสิ่งที่เพิ่งได้ยินไป เด็กหนุ่มเองพอรู้ตัวว่าพลาดก็ทำหน้าเลิกลักแล้วบอกขอโทษคณิตในใจ แต่คนที่สมควรจะโกรธกลับทำเพียงยืนนิ่งๆแล้วพูดคุยกับปูนราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

 

“ไปเร็ว พวกไอ้โต้งมันมารอกันข้างล่างแล้ว”

 

“อ่ะ อื้ม”

 

ปูนรีบลุกขึ้นโดยไม่ลืมหอบถุงขนมที่ยังกินไม่หมดแล้วขอบคุณอิงอรที่ยังคงนั่งอึ้งอยู่ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

 

“ขอบใจมากนะอิง เดี๋ยวซื้อขนมมาฝาก”

 

“เดี๋ยวก่อนคณิต!”

 

เสียงของอิงอรหยุดคณิตไว้ได้แต่พอถึงเวลาเธอก็ไม่กล้าถามอยู่ดีว่าสิ่งที่เธอได้ยินคืออะไรและหมายความว่ายังไง แต่ดูเหมือนว่าร่างสูงที่ยังรักษามาดนิ่งมาได้ตั้งแต่เมื่อครู่จะเข้าใจความสงสัยของเพื่อนสาวดีจึงยกยิ้มให้อย่างใจเย็น

 

“ก็...ค่อยๆดูกันไป”

.

.

.

.

.

.

.

 

 

ปูนกัดช็อคโกแลตในมือแล้วมองวิวนอกหน้าต่างที่มีเพียงตึกอาคารและรถที่ติดเป็นทางยาวเท่านั้นเด็กหนุ่มหันไปมองคณิตที่ถอนหายใจเพราะเบื่อหน่ายการจราจรของจังหวัดนี้ที่ในบางจุดก็ติดขัดไม่ต่างจากกรุงเทพเลย

 

“เมื่อไหร่จะถึงวะเนี่ย”

 

“อย่าใจร้อนสิ เดี๋ยวพ้นตรงนี้ไปก็โล่งแล้ว”

 

“ก็พูดได้นิ เธอกินขนมมาจนอิ่มแล้วแต่ฉันสิยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง”

 

“งั้นกินนี่ไหมล่ะ แต่ผมกินไปแล้วนะ”

 

ร่างเล็กยื่นห่อช็อคโกแลตที่ตัวเองกินค้างอยู่ไปให้คณิตซึ่งชายหนุ่มก็รับไปกินต่อโดยไม่มีอาการรังเกียจอะไร แถมยังนึกเสียดายขนมห่ออื่นที่โดนพวกเพื่อนที่ขับรถตามมาอีกขับหอบไปกินกันหมดจนหลือแค่ของในมือเขาเนี่ยแหละ

 

“แล้วนี่พวกพี่เขาจะกลับกันเลยใช่ไหม”

 

“อืม งานยุ่งกันทั้งนั้นแหละพวกมัน”

 

“หรอ...คงคิดถึงแย่เลยนะ”

 

คณิตหันมามองหน้าปูนทันทีที่ได้ยินแบบนั้นแต่พอเห็นรอยยิ้มขี้เล่นของเด็กหนุ่มเข้าก็รู้ตัวว่าโดนหลอกเข้าให้อีกจนได้ ร่างสูงจิ๊ปากอย่างไม่ชอบใจก่อนจะใช้มือผลักหัวของปูนเบาๆอย่างหยอกล้อ ซึ่งปูนก็ไม่นึกโกรธ หนำซ้ำยังยกมือขึ้นจับหัวของตนบริเวณที่คณิตเพิ่งสัมผัสเมื่อครู่แล้วยิ้มออกมา

 

“ป๋า...จะไม่ถามอะไรหน่อยหรอ”

 

“ถามอะไร?”

 

“เรื่องที่ห้องอาหาร...ป๋าได้ยินหมดแล้วใช่ไหม”

 

ความจริงเขาตั้งใจจะปล่อยให้เรื่องมันผ่านไป แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับมอบความกล้าให้ปูนตัดสินใจถามคณิตถึงสิ่งที่อาจทำให้ผู้ชายคนนี้มองเขาในมุมที่เลวร้ายกว่าเดิมก็เป็นได้ แต่ถึงแม้จะกล้าก็ไม่ได้หมายความว่าปูนจะสามารถรับคำตอบของมันได้ เด็กหนุ่มจึงได้แต่นั่งมองสองมือของตัวเองอย่างประหม่า

 

“เรื่องที่เธอกับหมดนั่นเคยนอนด้วยกันมาก่อนน่ะหรอ”

 

“...อืม”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ใช่...ฉันได้ยินมันทั้งหมดนั่นอหละ”

 

“...”

 

“แต่มันก็เป็นเรื่องที่ฉันรู้อยู่แล้ว ไม่ดราม่าอะไรหรอก”

 

ปูนได้ฟังแล้วก็รู้สึกเหมือนก้อนหนักๆที่ถ่วงอยู่ในใจถูกปลดออกไปได้บ้างส่วนหนึ่ง เขาปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกก่อนจะเขยิบตัวเขาไปใกล้กับคณิตให้มากขึ้นจนสามารถวางศีรษะของตัวเองลงไปบนบ่ากว้างที่รองรับน้ำตาและความทุกข์ของเขามามากพอดู

 

“แต่ถึงจะไม่โกรธอะไร ก็มีบางเรื่องที่ฉันอยากจะรู้”

 

“...”

 

“ปูน...เธอเคยคิดไหมว่าสักวันสิ่งที่เธอทำจะย้อนกลับมาทำลายตัวเอง”

 

ห้องโดยสารที่เงียบอยู่แล้วยิ่งเงียบเข้าไปอีกเมื่อไม่มีใครคิดจะเอ่ยคำใดๆ ปูนนึกถึงคำถามที่คิดมอบให้แล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า เขาเอื้อมมือออกไปคว้ามือของคนข้างกายมาจับไว้หวังให้ความอบอุ่นจากมือคู่นี้มอบความกล้าให้เขาสักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นความกลัวที่จะสูญเสียบางอย่างไปกลับมีมากกว่า ร่างเล็กจึงทำได้แค่กลั้นความรู้สึกของตัวเองไว้ข้างในแล้วตอบคำถามของคณิตออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบากว่าทุกครั้ง

 

“คิดสิ...เพราะว่านั่นคือสิ่งที่ผมหวัง”

 

“...”

 

“เมื่อคืนที่คุณบอกว่าผมมีค่าสำหรับคุณ...ผมดีใจจริงๆนะ”

 

“อืม”

 

“แต่ว่า...”

 

“...”

 

“มันน่ากลัวเกินไป...ความรู้สึกแบบนั้นน่ะผมรับไม่ไหวหรอก”

 

คณิตกระชับมือที่กอบกุมกันไว้ให้แน่นขึ้นพร้อมกับทบทวนสิ่งที่ค่อยๆเติบโตในใจของตัวเองอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าปูนเป็นใครมาจากไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมวันนั้นเขาถึงได้เลือกที่จะนั่งคุยกับเด็กคนนี้ต่อทั้งที่เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ แต่เขาสามารถปล่อยวางความสงสัยเหล่านั้นได้หากสุดท้ายความรู้สึกอันเป็นผลลัพธ์ของมันชัดเจนพอที่เขาจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง

 

แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับมีเพียงหนึ่งคำถามที่เหมือนกับกำแพงอันสูงใหญ่ที่ปกปิดความจริงและหนทางที่จะเดินต่อไปของพวกเขาไว้จนทุกอย่างมันยังค้างคาอยู่อย่างนี้...คำถามที่ว่าทำไมปูนถึงเลือกที่จะไม่รักตัวเอง

 

 

 

 

“ไอ้เด็กขี้ขลาดเอ้ย...”

 

 

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

หวานนิดๆหม่นหน่อยๆ หลังจากปล่อยให้ป๋าปูนไอ้อิ๊อ๊ะกันมาหลายตอนเช่ขอดึงเข้าเนื้อเรื่องหน่อยนะคับ ไม่ดราม่ามาก สาบานนนนนนนนน พอให้ชีวิตคู่คึกคักเท่านั้นเอง  :o8:

เช่เชื่อว่าหลังจากปล่อยตอนนี้ไปคนคงสงสัยว่าตกลงป๋าเนี่ยชอบปูนรึยัง ดูจากคำพูดหลายๆตอนก็บอกปัดๆอยู่เหมือนจะกั๊กๆ ซึ่งก็ตามนั้นคับ ป๋ามันกั๊ก! ป๋าชอบน้องมันแน่อยู่แล้วแต่เพราะความไม่มั่นใจและไม่รู้หลายๆอย่างป๋าเลยคีพตำแหน่งตัวเองไว้ ณ จุดที่ตกลงกับน้อง ส่วนน้องก็ด้วยอะไรหลายๆอย่างที่ว่ารวมถึงเรื่องพี่กาลเลยทำให้ไม่กล้ายอมรับความรู้สึกของตัวเองสักที สำหรับคู่นี้เหมือนจะเป็นคู่ที่พอได้กันก็รักกัน แต่จริงๆแล้วกว่าจะถึงตอนที่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองแล้วก้าวข้ามความสัมพันธ์ฉาบฉวยตรงนี้ได้มันก็ต้องอาศัยอะไรหลายอย่าง จนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะกล้าและมั่นใจพอที่จะเดินออกมาจากกำแพงของตัวเอง ป๋ากับปูนถึงจะสามารถเดินไปด้วยกันได้ไกลกว่านี้ ...ว่าแล้วก็เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคับ  :man1:

เขียนไปเขียนมารู้สึกว่าชอบตัวละครป๋ามาก ทีแรกไม่ได้ออกแบบให้มีมิติขนาดนี้ แต่ด้วยความที่ตัวแบบมีอยู่จริงทำให้เช่ใส่ความเป็นมนุษย์ให้ป๋าไปเยอะหน่อย การที่คนคนหนึ่งจะสามารถรับอับอดีตที่ไม่ดีของใครสักคนได้ มันยากนะคับ และป๋าก็ไม่ใช่คนไนซ์อะ 55555 สำหรับเช่ป๋าไม่เหมือนพระเอกเลย เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่มีปมอะไรเลยในชีวิต แต่ก็มองชีวิตในแง่ของความเป็นจริงได้ ยิ่งแต่งยิ่งชอบ จนพี่กาลจะโยนกล่องคุ๊กกี้อาร์เซนอลใส่หัวอยู่แล้ว  :oo1: เฮ้อ เพ้อ!!!!  :hao5:

ป.ล.ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตนะคับ ตอนต่อไปขอช้าหน่อยนะ เช่ขอปั่นตอนพิเศษรัณย์กาลให้ได้สักสองตอนก่อนมาปั่นป๋าปูน จะส่งเล่มแล้วยังทำไม่เสร็จเลยเหอะ 5555 ฤทธิ์น้องปูนเด็กเส้นทำพิษจริงๆคับ  :o12:


 

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #12][070159]
«ตอบ #96 เมื่อ07-01-2016 21:53:09 »

ตอบเม้น(นานๆที)


kanomjeeb >>>> ชอบมากคับคำว่าใช้ร่างกายซื้อเวลา!  :man1:

cho-ningza-19891
>>>> ช่วยเอ็นดูน้องด้วยนะคับ ><

นอนกินแรง >>>> อ่านกันคับๆ ไม่น่ากลัว พี่กาลน่ารักเหมือนปูนเลย  :mew1:

cheyp >>>> ตอนเช่เขียนก็ซึมคับ5555

Toho48 >>>> หวานจนน้ำตาลจืดเลยหรอ555


ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #12][070159]
«ตอบ #97 เมื่อ07-01-2016 22:19:26 »

มาสมัครเป็น FC ด้วยคนค่ะ

ออฟไลน์ krouy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #12][070159]
«ตอบ #98 เมื่อ07-01-2016 22:35:49 »


“เมื่อคืนที่คุณบอกว่าผมมีค่าสำหรับคุณ...ผมดีใจจริงๆนะ”

“มันน่ากลัวเกินไป...ความรู้สึกแบบนั้นน่ะผมรับไม่ไหวหรอก”

ชอบประโยคนี้มากเลยค่ะ มันแบบมันจี๊ดมันโดน
เข้าใจปูนมาก เข้าใจที่สุด มันดีขอบคุณคนแต่งนะคะ

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #12][070159]
«ตอบ #99 เมื่อ08-01-2016 07:59:47 »

เราชอบตอนนี้นะ ชอบความรู้สึกป๋าปูนตอนนี้ด้วย
มันดูเรียลดีอะ ชอบแต่ว่ายังไปต่อไม่ได้ หลายองค์ประกอบเนอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #12][070159]
« ตอบ #99 เมื่อ: 08-01-2016 07:59:47 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #12][070159]
«ตอบ #100 เมื่อ08-01-2016 16:20:46 »

อันนี้ออกแนวอบอุ่นละมุนเบาๆมากกว่าหวานอีก ชอบๆ รอให้ทั้งสองคนแน่นอนในความรู้สึกตัวเอง

ป.ล.จะอ่านนะคะ Night Mare :mew1:

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #12][070159]
«ตอบ #101 เมื่อ09-01-2016 10:55:32 »

อ่านไปจะร้องไห้ไป ทั้งฟินทั้งสงสารน้อง
งุ้ยยยยย เช่เลิกแกล้งสักที ให้ใจอ่อนกันได้ล่ะ
55555 5ล้อเล่นนะ เป็นกำลังใจให้จ้า

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #12][070159]
«ตอบ #102 เมื่อ10-01-2016 21:10:37 »

เข้ามาบอกว่าคิดถึงน้องปูนค่ะ(หลังจากอ่านพี่กาลจบไปอีกรอบ) :katai2-1:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #12][070159]
«ตอบ #103 เมื่อ12-01-2016 10:36:59 »

กำลังสนุกเลย
รออ่านตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #13][120159]
«ตอบ #104 เมื่อ12-01-2016 18:39:13 »

 

แตกที่ 13

…คำสั่ง...

 

 

 


ย่างเข้าเดือนเมษายน ความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างก็ยังคงดำเนินต่อไปทั้งๆแบบนั้นปูนก็ยังคงเป็นปูนที่ขี้อ้อนเอาแต่ใจ และคณิตก็ยังคงเป็นป๋าที่ถึงปากจะว่าจะบ่นแต่ก็ยอมตามใจร่างเล็กทุกครั้งไป แต่ด้วยหน้าที่การงานที่หนักเป็นเท่าตัวเมื่อถึงฤดูการท่องเที่ยวทำให้การกินการนอนของคณิตผิดเพี้ยนไปหมด แต่ถึงจะยุ่งยังไงเขาก็ยังพยายามเจียดเวลาว่างอันน้อยนิดมาหาเจ้าเด็กขี้อ้อนที่รังแต่จะงอนหนักขึ้นทุกวันเพราะความอบอุ่นที่เคยได้รับมันขาดหายไป

 

 

‘คืนนี้อาจจะไม่กลับนะ’

 

 

 ปูนอ่านข้อความที่คณิตส่งมาให้ตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้วก่อนจะล้มตัวลงนอนบนพื้นพรมกว้างในห้องรับแขกของบ้านพักที่เจ้าของมันยินยอมให้ร่างเล็กมี อภิสิทธิเข้ามาอยู่ได้นอกเหนือจากเวลางาน ปูนจึงเข้ามาอาศัยที่นี่ทั้งกินนอนและรอคนคนนั้นให้กลับมาส่วนห้องพักของปูนที่เคยเช่าไว้ก็ไม่ต้องพูดถึง...ป่านนี้ฝุ่นคงเกาะจนแทบมองไม่เห็นทางเดินแล้วล่ะมั้ง

 

 

 “อ่า...เบื่อชะมัด”

 

 

ปูนพูดกับตัวเองหลังจากล้มบอสตัวสุดท้ายได้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ทั้งเกมเก่าเกมใหม่ที่คณิตสรรหามาให้ถูกคนตัวเล็กเล่นแล้วเล่นอีกจนแทบจะไม่เหลืออะไรให้เขาทำในบ้านหลังนี้

 

 

คืนนี้เป็นคืนวันเสาร์ที่ปูนไม่ต้องทำงานเพราะบอยเพิ่งได้รับคำสั่งให้ฝึกบาร์เทนเดอร์คนใหม่ทำให้ผลัดของปูนจึงต้องถูกย้ายไปวันธรรมดาแทนที่จะเป็นเสาร์อาทิตย์เหมือนกับที่ผ่านๆมา เขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกนะ แต่ปัญหามันอยู่ที่ต่อให้มีวันหยุดแต่ดันไม่มีคนให้อยู่ด้วยนี่แหละ...

 

 

“วันนี้มีตลาด Walking นี่หว่า ไปเดินสักหน่อยแล้วกัน”

 

 

ตลาด Walking คือตลาดนัดกึ่งแบกะดินที่จะจัดขึ้นทุกวันศุกร์และเสาร์บริเวณแหลมแท่นซึ่งมีทั้งอาหารและสิ่งของมากมายนำมาขายไม่ต่างจากตลาดนัดที่กรุงเทพแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเห็นนักท่องเที่ยวมากมายแห่แหนกันไปที่นั่นอยู่ดี ปูนอาบน้ำแต่งตัวในชุดใหม่ เขาเลือกใส่แค่กางเกงขาสั้นแบบผู้ชาย เสื้อยืดคอวีและรองเท้าผ้าใบธรรมดา แล้วอาศัยนั่งวินมอเตอร์ไซด์ออกไปต่อรถกว่าจะถึงตลาดที่ว่าก็เป็นช่วงเวลาที่คนเข้ามาเดินเยอะที่สุด

 

 

ปูนเดินดูของกินไปเรื่อยๆถึงแม้จะร้อนและอึดอัดแต่สำหรับคนที่เคยอาศัยอยู่ในกรุงเทพที่แย่งกันกินแย่งกันใช้ยิ่งกว่าแค่นี้จึงไม่ใช่เรื่องยากลำบากสำหรับเขานัก หนำซ้ำยังมีเพลงจากวงดนตรีสดที่เข้ามาเล่นเพื่อเพิ่มบรรยากาศให้น่าเดินเข้าไปอีก กลิ่นลมทะเลที่ร่างเล็กเริ่มจะคุ้นชินทำให้เขาผ่อนคลายได้ไม่ยาก ปูนเลือกซื้อปลาเผาขนาดกลางและผัดไทหนึ่งห่อมานั่งกินตรงโต๊ะที่จัดไว้ให้ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจับกลุ่มนักกินกันเรียงเป็นทางยาว แต่ท่ามกลางผู้คนมากมายโต๊ะของปูนที่มีเขานั่งอยู่เพียงลำพังกลับดึงดูดสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้หันกลับมามองเสียจนน่ารำคาญ คนตัวเล็กทำเป็นไม่สนใจสายตาของผู้คนเหล่านั้นแต่ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกประหม่า

 

 

เพิ่งเข้าใจวันนี้เอง...

 

ว่าลิงในสวนสัตว์ดุสิตมันรู้สึกยังไงเวลาคนจ้องมันกิน

 

 

 

เด็กหนุ่มมองอาหารบนโต๊ะที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะกินหมดไหม เขาจัดการวางมันให้เข้าที่ เทน้ำจิ้มลงในถ้วยโฟมเล็กๆ ส่วนผัดไทก็ใช้ตะเกียบเขี่ยๆให้เข้าที่โดยไม่วายคิดถึงผัดไทเจ้าอร่อยที่เคยไปนั่งกินกับคณิตที่กรุงเทพ พอนึกถึงวันนั้นปูนก็เผลอขำออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันไม่มีอะไรน่าตลกหรอกนอกจากที่เขายังจำรสชาติของผัดไทในวันนั้นได้เหมือนกับว่ามันยังติดอยู่ในปากรวมไปถึงความรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจที่เริ่มเกิดขึ้นครั้งแรก

 

 

 “ส่งไปยั่วป๋าหน่อยดีกว่า”

 

ปูนยกโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่ตัวเองกับอาหารที่อยู่บนโต๊ะก่อนจะส่งรูปไปยั่วน้ำลายคนที่คงยังไม่ได้กินอะไรให้อิจฉาเล่น ความจริงแล้วก็แอบหวังนั่นแหละว่าถ้าหากคณิตเห็นว่าเขากำลังจะกินข้าวคนเดียวแล้วจะเปลี่ยนใจกลับมากินด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นช่องแชทของปูนกับคณิตก็ยังคงว่างเปล่าแม้แต่ข้อความที่เขาส่งไปเมื่อชั่วโมงที่แล้วยังไม่ถูกเปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ

 

 

‘ป๋ากินข้างรึยัง หิวไหม’

 

 

‘มาวอคกิ้งได้กินปลาเผาด้วย อยากกินป่าว’

 

 

‘มีผัดไทด้วยนะ แต่คงไม่อร่อยเท่าเจ้าที่ไปกินกันตอนอยู่กรุงเทพ’

 

 

‘*สติ๊กเกอร์รูปหมีนั่งกอดเข่า*’

 

 

ปูนพิมพ์ต่อไปเรื่อยๆก่อนจะหยุดลงแล้วเผลอกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ความรู้สึกขัดแย้งเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาทำท่าจะวางนิ้วลงบนปุ่มส่ง แล้วก็ดึงนิ้วออกก่อนจะได้ทำอย่างนั้น แต่สุดท้ายความคิดถึงก็ทำงานสวนทางกับสมอง เด็กหนุ่มนั่งมองข้อความที่เขาเผลอใจส่งไปจนได้

 

 

 

 

‘ปูนเหงา...กลับมากินข้าวด้วยกันได้ไหม’

 

 

 

“…”

 

 

“ปูนนิ นั่นปูนใช่ไหม”

 

 

เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ปูนต้องละสายตาจากโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นไปมองแต่แล้วคนที่ยืนมองเขาอยู่ตรงนั้นกลับทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกชาไปทั้งร่าง

 

 

“ใช่ปูนจริงๆด้วย! เราก้อยไงจำได้ไหม ที่เรียนอยู่เซคเดียวกันอะ!”

 

 

ผู้หญิงที่ชื่อก้อยถือวิสาสะนั่งลงตรงที่ว่างข้างๆกันโดยไม่รอให้ร่างเล็กได้อนุญาตหรือโต้ตอบใดๆ ไม่ใช่แค่ปูนคนเดียวที่งงแต่รวมถึงกลุ่มเพื่อนของเธอที่มาด้วยกันอีกสามคนที่กำลังมองหาที่ว่างเพื่อนั่งกินอาหารในมือ

 

 

“เฮ้ยพวกแก มานั่งนี่ก็ได้ นี่เพื่อนเราเองชื่อปูน”

 

 

ก้อยตะโกนเรียกเพื่อนของเธอจนคนพวกนั้นที่ยืนมองอยู่ไกลๆกล้าเดินเข้ามาใกล้ ปูนที่เพิ่งตั้งสติได้กำลังจะหันไปบอกแขกที่ไม่ได้รับเชิญว่าเขาอยากจะนั่งกินข้าวคนเดียวและไม่ยินดีให้ใครมาร่วมโต๊ะด้วยกันทั้งนั้น แต่ทันทีที่ร่างเล็กเห็นว่าใครคือหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของก้อยที่กำลังเดินมา ทั้งเขาและอีกฝ่ายต่างก็อึ้งไป

 

 

“ปูน...”

 

 

“ไอ้พลัส...”

 

 

พลัสที่ถูกเพื่อนลากให้มาหาอะไรกินด้วยกันที่ตลาด มองปูนและเพื่อนใหม่จากกรุงเทพสลับกันไปมาด้วยความไม่เข้าใจ เช่นเดียวกับเอมมิกาและเพื่อนอีกคนซึ่งเป็นเพื่อนของก้อยที่ชวนหญิงสาวที่เพิ่งมาจากกรุงเทพให้มาเดินเที่ยวด้วยกัน ทั้งคู่ได้แต่ยืนอย่างสับสนอยู่ว่าตัวเองควรจะนั่งที่ตรงนี้หรือควรจะไปหาที่ใหม่เพราะหน้าตาของปูนนั้นดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ก้อยเองพอเห็นว่าปูนกับพลัสท่าทางจะรู้จักกันก็ยกยิ้มแล้วหันมาพูดกับร่างเล็ก

 

 

“อ้าว ปูนกับพลัสรู้จักกันด้วยหรอ งั้นดีๆ นั่งกินที่นี่แหละแก”

 

 

ปูนกำลังจะอ้าปากปฏิเสธแต่พลัสกลับไวกว่า คนที่ไม่อยากเสียโอกาสไปรีบแทรกตัวเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆปูนอีกด้านที่ยังว่างอยู่ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆโดยเฉพาะเอมมิกาที่งงว่าพลัสจะรีบไปทำไม

 

 

“เธอควรถามฉันก่อนไหม ว่าฉันอยากให้เธอนั่งด้วยรึเปล่า”

 

 

ร่างเล็กที่ชักจะเริ่มอารมณ์เสียหันไปถามก้อยด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่กลับแสดงออกถึงอารมณ์กรุ่นๆของตัวเองได้เป็นอย่างดี อดีตเพื่อนสาวร่วมเซคเอียงคอของตัวเองน้อยๆก่อนจะหัวเราะออกมาราวกับว่าสิ่งที่ปูนพูดมันตลกซะเหลือเกิน

 

 

“ฮ่าๆ ไม่เอาน่าปูนทำเป็นรักสันโดษไปได้ แค่ขอนั่งด้วยเอง”

 

 

“...”

 

 

“แล้วอีกอย่างก็ลองดูรอบๆสิ โต๊ะอื่นมันเต็มหมดแล้ว แกจะขี้งกกั๊กโต๊ะนี้ไว้นั่งคนเดียวได้ยังไง เก้าอี้ว่างอยู่ตั้งหลายตัว”

 

 

มันเป็นจริงอย่างที่ก้อยว่าแต่ถึงอย่างนั้นลางสังหรณ์บางอย่างก็เตือนปูนว่าการพบกันครั้งนี้จะนำพาความยุ่งยากมาให้ พลัสที่คอยมองสังเกตปูนอยู่ด้วยความสนใจนึกสงสัยในท่าทางและความสัมพันธ์ของทั้งสองคนที่มีต่อกัน แต่ในขณะที่ร่างบางกำลังลอบมองคนตัวเล็กอยู่นั้นเองจู่ๆปูนก็หันมาสบตากับพลัสแล้วจ้องเข้ามาในดวงตาสีดำอย่างไม่พอใจ

 

 

“มานั่งนี่กูเชิญมึงรึยัง”

 

 

“...”

 

 

“...”

 

 

“ยัง...แต่เราจะนั่ง”

 

 

พลัสไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาความใจกล้านี้มาจากไหนถึงไม่เกรงกลัวสายตากร้าวๆของปูนแล้วเริ่มลงมือกินยำทะเลที่ตัวเองซื้อมาโดยมีก้อยที่พลอยหัวเราะด้วยความชอบใจไปด้วย ส่วนอีกสองคนก็มองหน้ากันเลิกลั่กไม่รู้ว่าตกลงควรจะเริ่มกินเลยไหมแต่พอเห็นว่าพลัสและก้อยเริ่มกินแล้วทั้งคู่ก็ค่อยๆจัดการกินอาหารของตัวเองบ้างจนเหลือแค่ปูนเท่านั้นที่ยังคงไม่แตะทั้งปลาเผาและผัดไทของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

 

 

“กินสิปูน แกคงไม่หนีไปนั่งที่อื่นเพราะเราหรอกใช่ไหม”

 

 

ก้อยพูดขึ้นราวกับต้องการยั่วยุให้คนที่พยายามอดกลั้นความรู้สึกของตัวเองตบะแตก ฟังดูก็รู้ว่าเจตนาของหญิงสาวต้องการไล่ให้ปูนไปนั่งที่อื่นชัดๆแต่เรื่องอะไรที่เขาจะต้องไป...กูมาก่อนเถอะได้ข่าว ปูนยกยิ้มแล้วเริ่มกินอาหารของตัวเองโดยทำเป็นไม่สนใจอีกสี่คนที่เหลือว่าจะมองหรือจะพูดอะไรเกี่ยวกับเขาบ้างหนำซ้ำยังอ้อยอิ่งกินไปถ่ายรูปไป ทั้งถ่ายรูปตัวเองแล้วส่งให้คณิต แถมยังใจดีแอบถ่ายรูปของพลัสที่มองเขาอยู่บ่อยครั้งแล้วส่งมันให้กับบอยที่น่าจะยังทำงานอยู่ที่โรงแรมไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

 

 

‘ปล่อยให้เด็กน้อยมันมาเจอผมแบบนี้จะดีหรอ เดี๋ยวเด็กมันใจแตกขึ้นมา พี่จะโทษผมไม่ได้นะครับ’




 

ร่างเล็กยิ้มให้กับตัวเองขำออกมาอย่างชอบใจ พลัสมองปูนที่หัวเราะคิกคักด้วยความสงสัย แต่ในขณะที่กำลังจะเอ่ยถามก้อยที่เงียบอยู่นานก็พูดขึ้น

 

 

“ว่าแต่ปูนมาทำอะไรที่นี่ล่ะ หายหน้าไปเลย ถ้าฉันไม่มาเยี่ยมเพื่อนที่นี่ก็คงไม่รู้ว่าแกหายไปไหน”

 

 

“...มาทำงาน”

 

 

“ทำงาน? อ่อ บาร์เทนเดอร์น่ะหรอ”

 

 

“ใช่ แล้วทำไม”

 

 

“ก็ไม่ทำไมหรอก...แค่แปลกใจว่าทำไมแกยังกล้าทำงานนี้อยู่”

 

 

“...”

 

 

“อ๊ะ ฉันไม่สมควรพูดสินะ โทษทีๆ อุตส่าห์หนีมาไกลถึงชลบุรีแล้วนี่เนอะ”

 

 

บรรยากาศรอบกายเย็นเฉียบ ปูนที่ตอนแรกคิดจะทำเป็นเมินเฉยกลับสะดุดลมหายใจของตัวเองเพียงแค่เพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำของคนที่เขาไม่คิดว่าจะรู้เรื่องน่าอายของตนที่เกิดขึ้นตอนที่อยู่กรุงเทพ

 

 

สาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาอยู่ที่นี่...

 

 

 

“ว่าแต่ที่ทำงานใหม่แกไม่ว่าอะไรใช่ไหม”

 

 

“หยุดพูด...”

 

 

“เรื่องที่แกเคยมีปัญหาเรื่องผู้ชายจนโดนไล่ออกจากงานน่ะ...เขารู้รึเปล่า”

 

 

 

พลัสทั้งสับสนและไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูด แต่ก่อนที่ใครจะได้เอ่ยปากถาม ปูนก็ปาตะเกียบลงบนโต๊ะอย่างแรงแล้วคว้าเอาข้อมือของหญิงสาวมาจับเอาไว้อย่างรวดเร็ว

 

 

“โอ้ย! เจ็บ!”

 

 

“เธอพูดอะไร...”

 

 

“ปล่อยสิปูน เราเจ็บนะ!”

 

 

“นายทำอะไรน่ะ ปล่อยเพื่อนเราเดี๋ยวนี้นะ!”

 

 

เพื่อนของก้อยเมื่อเห็นว่าหญิงสาวถูกทำร้ายก็ปรี่เข้ามาห้ามแม้แต่พลัสและเอมมิกาเองก็พยายามทำให้ปูนยอมคลายแรงที่บีบรัดข้อมือของก้อยไว้จนปรากฏรอยแดงให้เห็น ปูนจ้องเข้าไปในดวงตาของฝ่ายตรงข้ามอย่างต้องการคำตอบ แต่ดูเหมือนก้อยเองจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อย

 

 

“ฉันถามว่าเธอพูดอะไรออกมา!”

 

 

“ก็แค่ข่าวลือที่เขาพูดกันไปทั่วมหาลัยเท่านั้นเอง!!”

 

 

“...!!!”

 

 

“ก็แค่ข่าวลือ...แกจะมาเดือดร้อนอะไรล่ะจริงไหมนอกเสียจากว่า”

 

 

“...”

 

 

“ทั้งหมดมันคือเรื่องจริง”

 

 

 

ดวงตาของปูนแข็งกร้าวอย่างน่ากลัวแต่แทนที่จะคาดคั้นเอาความจริงเขากลับปล่อยมือของก้อยแล้วลุกออกจากโต๊ะไปทิ้งไว้แค่อาหารที่ยังกินไปได้ไม่ถึงครึ่ง เอมมิกาและเพื่อนของก้อยด่าปูนไล่หลังอย่างหัวเสีย นักศึกษาคนอื่นที่ได้ยินเสียงดังต่างก็มามุงดูเหตุการณ์นึกว่าคนจะทะเลาะกันมีเพียงแค่พลัสเท่านั้นที่ได้แต่มองตามแผ่นหลังของปูนแล้วอยากจะเดินตามร่างเล็กไปเพียงแต่เขายังคงยืนอยู่ตรงนี้ เพราะยังอยากจะได้ยินความจริงบางอย่างจากปากของก้อยเสียก่อน




:z6:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :z6:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #13][120159]
«ตอบ #105 เมื่อ12-01-2016 18:42:38 »

 

 

บอยหลบมาพักในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าขณะปล่อยให้พนักงานคนอื่นทำงานต่อไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ ชายหนุ่มเจ้าของร่างกายสูงใหญ่ปลดเนคไทที่รัดแน่นตรงคอออกเล็กน้อยก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวที่เป็นเก้าอี้ประจำตำแหน่งของเขากลายๆเพราะไม่มีใครกล้ามาใช้(นอกจากปูน) พร้อมกับหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเช็คเหมือนกับทุกครั้ง

 

 

‘ปล่อยให้เด็กน้อยมันมาเจอผมแบบนี้จะดีหรอ…’

 

 

เขาขมวดคิ้วให้กับข้อความที่ขึ้นให้เห็นบางส่วนก่อนจะเปิดเข้าไปอ่านมันพร้อมกับเปิดดูภาพที่ปูนส่งมาให้พร้อมๆกันนั้น

 

ภาพของพลัสที่กำลังชำเลืองมายังกล้อง

 

หรือถ้าพูดให้ถูกควรจะเป็นคนถือกล้องมากกว่า...

 

 

บอยเผลอกำโทรศัพท์ในมือแน่นพร้อมกับอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นอยู่ข้างใน ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มให้กับบรรดาแขกมากมายเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนไว้บนพนังก็เห็นว่าอีกตั้งสามชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่เขาสามารถทิ้งงานไปได้ ชายหนุ่มมองโทรศัพท์ของตัวเองอย่างชั่งใจ แต่พอคิดถึงใบหน้าของคนที่ชอบมองไปยังทิศตรงกันข้ามกับเขาเสมอก็ทำให้บอยตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

 

 

“ไอ้อ๊อฟมาเฝ้าบาร์แทนกูหน่อย”

 

 

บอยเดินเข้าไปคุยกับเพื่อนที่รับผิดชอบงานคล้ายๆกันซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่ในส่วนของออฟฟิศที่เหลือพนักงานประจำอยู่เพียงไม่กี่คน

 

 

“ก็ได้อยู่ มีธุระด่วนหรอวะ”

 

 

“อืม...แมวหนีออกจากบ้าน”

 

 

“ห๊ะ? แมว? มึงเลี้ยงแมวตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

 

“...นานแล้ว”

 

 

“...”

 

 

“แต่แม่งไม่เคยเชื่องกับกูสักที”

 

 

ร่างใหญ่เดินออกไปจากห้องโดยไม่รอฟังคำตอบ เขาหยิบเอากุญแจรถบิ๊กไบค์คันใหญ่ของตนออกมาพร้อมกับสัมภาระอีกแค่เล็กน้อยก่อนจะตรงดิ่งไปยังลานจอดรถที่มียามแอบงีบอยู่ เขาจัดการเสียบกุญแจแล้วบิดคันเร่งออกไปจนเกิดเสียงดังสนั่นไม่ต่างจากความร้อนรุ่มในใจที่ทำยังไงก็ไม่สงบลงสักที

 

 

‘ขับไปตามเส้นทางข้างหน้า อีก200เมตรเลี้ยวขวาค่ะ’

 

 

บอยเลี้ยวรถตามคำบอกที่ดังมาจากจากหูฟังบลูทูธที่กำลังเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาโดยไม่มีความลังเลใจ ชายหนุ่มรู้สึกขอบคุณในความรอบคอบของตัวเอง ที่เคยแอบสังเกตและจำไอดีรวมถึงรหัสผ่านโทรศัพท์ราคาแพงของพลัสได้ ทำให้บอยสามารถติดตามตำแหน่งของเด็กคนนั้นได้ผ่านทางตำแหน่งGPSในยามคับขันเหมือนอย่างตอนนี้

 

 

‘อีก500เมตรเลี้ยวขวาจะถึงจุดหมายค่ะ’

 

 

บอยถอดหูฟังออกก่อนจะเร่งเครื่องขึ้นอีกถ้ามันทำให้เขาไปถึงที่ที่พลัสอยู่เร็วขึ้นอีกสักนิด พอใกล้กับจุดที่โทรศัพท์บอกร่างใหญ่ก็สังเกตเห็นเกสเฮ้าส์ขนาดเล็กที่มีเงาของคนสองคนยืนอยู่ไม่ไกลจากประตูหน้า บอยดับเครื่องแล้วจอดรถไว้ค่อนข้างไกลเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตก่อนจะเดินเข้าไปข้างในจนกระทั่งเขาเห็นว่าหนึ่งในสองคนนั้นคือคนที่เขากำลังตามหา ส่วนอีกคนคือผู้หญิงที่เขาไม่คุ้นหน้าแต่มันก็ไม่สำคัญเท่ากับสาเหตุที่สองคนนั้นมาอยู่ที่นี่

 

 

“ขอบคุณนะพลัสที่มาส่งเรา”

 

 

ก้อยเอ่ยกับพลัสที่แยกจากเพื่อนทั้งสองคนเพื่อมาส่งเธอยังที่พักซึ่งอยู่ไม่ห่างจากตลาดที่พวกเขาเพิ่งไปเดินกันมา ร่างบางยิ้มน้อยๆตอบกลับไปโดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วมันมีสาเหตุอะไรที่ทำให้เขาต้องลงทุนทำถึงขนาดนี้

 

 

“อื้ม ไม่เป็นไร ว่าแต่ก้อย...เราถามอะไรหน่อยได้ไหม”

 

 

“หื้ม? อยากถามอะไรเราหรอ”

 

 

“ที่ก้อยพูดกับปูน...มันหมายความว่ายังไง”

 

 

“...”

 

 

“ที่บอกว่าปูนมีเรื่องผู้ชายจนโดนไล่ออกน่ะ...มันเกิดอะไรขึ้น”

 

 

ก้อยที่ดูงงๆในทีแรกก่อนจะค่อยๆมองพลัสอย่างพิจารณา เธอไม่รู้ว่าคนตรงหน้าและอดีตเพื่อนร่วมเซคที่เธอไม่ชอบขี้หน้าเป็นทุนเดิมมีความสัมพันธ์และความเกี่ยวข้องกันยังไงแต่ดูเหมือนว่าทางนี้จะกระวนกระวายกับอดีตของปูนซะเหลือเกิน ก้อยจึงเลือกที่จะยกยิ้มบางๆแล้วยิงคำถามใส่พลัสแทน

 

 

“ก่อนจะตอบคำถามนั้น เราขอถามอะไรพลัสหน่อยสิ”

 

 

“...อืม”

 

 

“แกชอบปูนใช่ไหม”

 

 

คำถามนี้ไม่ได้บาดใจเฉพาะคนถูกถาม หากแต่คนที่กำลังแอบฟังก็รู้สึกเหมือนมรสุมในอกที่สงบลงเล็กน้อยเมื่อครู่ถูกกวนให้พัดโหมขึ้นอีกครั้ง

 

 

“เราเปล่า...”

 

 

“อย่าโกหกเลยน่า มันไม่ใช่เรื่องน่าอายสักหน่อย ใครๆเขาก็ชอบปูนกันทั้งนั้น...โดยเฉพาะพวกผู้ชาย”

 

 

รอยยิ้มสวยเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวเล็กๆ ก้อยเดินกลับไปทิ้งสะโพกนั่งลงตรงเบาะรถจักรยานยนต์คันเก่งของพลัสแล้วเริ่มพูดต่อ

 

 

“ความจริงมันก็เป็นแค่ข่าวลือ แกไม่จำเป็นต้องฟังเราก็ได้”

 

 

“ใช่มันไม่จำเป็น...แต่เราคิดว่าเราควรฟัง”

 

 

“...”

 

 

“ก้อยเอง ก็อยากจะเล่าอยู่แล้วใช่ไหม”

 

 

 

ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าผู้หญิงคนนี้มองปูนด้วยสายตาแบบไหน และดูเหมือนคำพูดของพลัสจะโดนใจของก้อยเข้าอย่างจัง หญิงสาวที่ฟังทีแรกแล้วอึ้งไปพอตั้งสติได้ก็ระเบิดหัวเราะออกมาดังๆ

 

 

“ฮ่าๆๆๆ เห็นทำหน้าติ๋มๆแอบร้ายเหมือนกันนี่ ก็ได้ ดูเหมือนว่าถ้าเราบอกแกไป...คงจะมีอะไรน่าสนุกให้เราดู”

 

 

ก้อยก้าวลงมาจากรถแล้วสาวเท้าเข้าไปหาจนพลัสสามารถได้กลิ่นหอมๆจากผมสีน้ำตาลดัดเป็นลอนของเธอ

 

 

“ถึงเราเองจะไม่เห็นกับตา แต่ทั้งที่คณะแล้วก็ในมหาลัยเขาพูดกันให้ทั่ว ว่าเมื่อกลางปีที่แล้วมีเด็กไซด์ไลน์ที่เรียนอยู่มหาลัยเดียวกับเราทำให้ลูกค้าผู้ชายสองคนต่อยกันแย่งมันจนต้องเข้าโรงพยาบาลกันทั้งคู่ จนสุดท้ายเด็กไซด์ไลน์คนนั้นก็ถูกไล่ออกจากที่ทำงาน แถมยังทนพิษข่าวลือไม่ไหวจนไม่กล้าโผล่ไปเที่ยวหรือว่าไปหากินแถวนั้นอีก”

 

 

“...!!!”

 

 

“แต่เรื่องมันก็คงไม่น่าสนใจอะไร ถ้าไม่ใช่ว่าหนึ่งในผู้ชายสองคนนั้นอายุแก่คราวพ่อ ฮ่าๆ นึกภาพออกไหมล่ะ ว่าผู้ชายแก่ๆคนหนึ่งเอาตัวเองเข้าไปแลกกับเด็กผู้ชายรุ่นลูกแค่เพราะอยากจะเอามันนะ แค่คิดก็ขยะแขยงจะตายชัก”

 

 

“เธอจะบอกว่า...นั่นคือปูนงั้นหรอ”

 

 

“ไม่รู้สิ ก็บอกแล้วไงว่าเป็นแค่ข่าวลือ แกจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจแก”

 

 

ก้อยทำเป็นว่าเธอไม่หยี่หระต่อการตัดสินใจของพลัสแต่ดวงตาแพรวพราวที่มองมานั้นกลับบอกในสิ่งที่ตรงกันข้าม

 

 

“มันก็แค่บังเอิญน่ะที่ร้านนั้นคือร้านที่ปูนมันทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ แล้วก็บังเอิญอีกที่เขาลือกันว่าเด็กไซด์ไลน์คนนั้นเรียนอยู่การจัดการเหมือนกับเรา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่บังเอิญ...รู้ไหมว่ามันคืออะไร”

 

 

“...”

 

 

“เรื่องที่ไอ้ปูนมันขายตัวไง เรื่องนี้น่ะเขารู้กันไปทั่วนั่นแหละ”

 

 

 

หญิงสาวว่าก่อนจะตบบ่าของพลัสเบาๆแล้วหมุนตัวเดินกลับห้องของเธอไปราวกับว่าตะกอนขุ่นมัวที่เกิดขึ้นในหัวใจของพลัสไม่ได้เกิดจากฝีมือของเธอเลย บอยที่ได้ยินเรื่องทุกอย่างยืนมองดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปของร่างบาง มันทั้งผิดหวัง ไม่เข้าใจและเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นที่เขาไม่อาจคาดเดาได้ว่าพลัสกำลังแค้นใคร

 

 

ผู้ชายพวกนั้น...ปูน...หรือว่าตัวเขาเอง

 

 

.

.

.

.

.

.

.

 

 

 

ปูนไม่รู้ว่าเขาใช้เวลาเท่าไหร่ในการกลับมาที่นี่ ทันทีที่เดินออกมาจากตรงนั้นปูนก็นั่งรถต่อไปเรื่อยๆจนมันวนไปยังหอพักของตัวเองที่ไม่ได้กลับมานาน เด็กหนุ่มเลือกลงจากรถไปเพื่อเข้าไปยืนอยู่ในห้องที่ว่างเปล่าเช่นเดียวกับหัวใจของเขา บนพื้นห้องมีฝุ่นเกาะหนาอย่างที่คิดแต่ถึงอย่างนั้นที่นี่กลับเป็นสถานที่เดียวที่ร่างเล็กเลือกที่จะพักกายลงแล้วปล่อยให้ความคิดที่ฟุ้งซ่านทำลายตัวเองอย่างช้าๆ

 

การที่ผู้หญิงคนนั้นพูดเรื่องที่เขาอยากจะลืมไปขึ้นมา

 

แสดงว่าที่เขาหนีมาที่นี่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยสินะ

 

 

ตื๊ดๆ ตื๊ดๆ ติ๊ดๆ

 

 

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เสียงโทรศัพท์ของเขาดังวนอยู่อย่างนั้น ปูนอยากรู้ว่าใครคือคนที่โทรมาแต่อีกใจมันก็คอยบอกเขาว่าช่างมัน เขาอยากอยู่คนเดียว ไม่สิ ต่อให้มีใครอยู่ด้วยคนคนนั้นก็ช่วยเขาไม่ได้ ปัญหาที่เขาต้องแบกรับอยู่มันใหญ่เกินกว่าใครจะเข้าใจ เพราะแม้แต่เขา...ก็ยังไม่เข้าใจมันเลยสักนิดเดียว

 

 

ติ๊ง...

 

 

คราวนี้เป็นเสียงแจ้งเตือนไลน์ที่ดังขึ้นแต่มันกลับทำให้คนที่นั่งอมทุกข์อยู่นานยอมที่จะหันไปมองอย่างอื่นนอกจากมือที่กำกันแน่นของตัวเองได้

 

เพราะมีเพียงคนเดียวที่เขาตั้งค่าเปิดเสียงแจ้งเตือนไว้...

 

เสียงของป๋า...

 

 

 

‘อยู่ไหน ทำไมไม่รับโทรศัพท์’

 

 

เพียงแค่ข้อความสั้นๆกลับทำให้หยดน้ำตาที่เขาพยายามอดกลั้นไหวไหลลงมาจนหน้าจอที่ปรากฏสติ๊กเกอร์รูปหมีโมโหเปียกเป็นวง ปูนย้อนกลับไปดูประวัติสายที่ไม่ได้รับก็เห็นว่าคนที่พยายามโทรหาเขาอยู่นานสองนานกลับเป็นเบอร์ของคณิตโดยที่ต่อสายเข้ามาเกือบสิบครั้ง คนตัวเล็กยกโทรศัพท์มากอดไว้แนบอกราวกับว่าข้อความที่แสดงความฉุนเฉียวเล็กๆของคณิตสามารถรักษารูโหว่ในหัวใจของเขาได้ เขากอดมันอยู่อย่างนั้นจนโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งโดยที่ครั้งนี้ปูนตัดสินใจรับมันตั้งแต่ที่เสียงเรียกเข้าดังขึ้นเพียงไม่นาน

 

 

“อยู่ไหนเนี่ยปูน ทำไมไม่อยู่บ้าน”

 

 

“...”

 

 

“แล้วโทรไปตั้งหลายสายทำไมถึงเพิ่งรับ นึกว่าเป็นอะไรไปแล้วซะอีก ปูน ฮัลโหล ได้ยินไหมเนี่ยทำไมไม่พูด”

 

 

“ป๋า...”

 

 

ปูนรู้สึกว่าเสียงของตัวเองที่เอ่ยไปมันทั้งแหบและสั่นจนน่าขันแต่คนปลายสายกลับไม่หัวเราะเยาะเขาเลยสักนิด

 

 

“...เป็นอะไร ทำไมทำเสียงแบบนี้”

 

 

“ฮึก...ป๋า”

 

 

“เธออยู่ที่ไหนปูน”

 

 

“....”

 

 

“เดี๋ยวพี่ไปหา”

 

 

 

ปูนกดแชร์โลเคชั่นให้คณิตขณะที่ตัวเองพาร่างที่เหนื่อยล้ามาล้มตัวลงนอนบนเตียงที่ถึงแม้จะนุ่มเหมือนกันแต่มันกลับไม่อบอุ่นและน่านอนเอาซะเลยเมื่อเทียบกับที่นอนที่มีใครสักคนนอนอยู่เคียงข้าง น้ำตาของปูนหยุดไหลแล้ว เพียงแต่ความสับสนและความรู้สึกแย่ก็ยังคงบีบรัดหัวใจจนเขาต้องหลับตาลงเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองจนกว่าคณิตจะมาถึง

 

 

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เปลือกตาที่เคยแสบร้อนกลับกลายเป็นหนักอึ้งจนปูนแทบจะประคองสติของตัวเองไว้ไม่อยู่ ในขณะที่ปูนเกือบจะเผลอหลับไปประตูห้องพักที่ไม่ถูกล็อคก็เปิดออก เตียงนอนหลังเล็กที่แค่ปูนคนเดียวก็จับจองจนเกือบเต็มค่อยๆยุบตัวลงเมื่อร่างที่ใหญ่กว่าเขามากของชายที่ปูนกำลังรอคอยกำลังก้มตัวลงมาใกล้ ทั้งน้ำหนักและความอบอุ่นที่เพิ่มขึ้นมาทำให้ปูนหันมาหาแล้วแทรกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของคณิตแทบจะทันทีที่รู้สึกตัว ชายหนุ่มมองคนที่ทำให้เขานึกเป็นห่วงมากมายแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

 

อย่างน้อยก็หยุดร้องไห้ไปแล้ว...

 

 

“เป็นอะไร...เล่าให้ฟังหน่อย”

 

 

คณิตลูบเปลือกตาของปูนเบาๆ เมื่อเห็นว่ามันปูดบวมมากแค่ไหนความขุ่นข้องหมองใจที่เคยมีก็หายไปจนหมดเหลือเพียงความห่วงใย คนตัวเล็กคงไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงทันทีที่กลับมาพบว่าคนที่น่าจะกลับมาถึงบ้านแล้วกลับไม่อยู่ โทรไปหาก็ไม่รับสาย ยังดีนะที่ยังอ่านไลน์ไม่อย่างนั้นคณิตคงได้ใช้เวลาพักอันน้อยนิดที่แลกมากับการเร่งทำงานให้เสร็จไปกับการนั่งกังวล แต่ถึงอย่างนั้นการที่ต้องมารับรู้ว่าเจ้าเด็กนี่ไปเจอเรื่องกระทบจิตใจมาจนร้องไห้หนำซ้ำยังหนีมาหลบอยู่ที่นี่แทนที่จะกลับไปบ้านมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

 

 

ปูนค่อยๆลืมตาขึ้นจนสบกับเข้ากับดวงตาเรียวรีที่แสดงความเป็นห่วง ร่างเล็กฝืนยิ้มให้คณิตน้อยๆก่อนที่จะยกกายเข้าหาแล้วกอดร่างสูงไว้เท่าที่แรงของตัวเองจะทำได้ คณิตกอดปูนตอบแล้วลูบแผ่นหลังเล็กๆนี่จนเจ้าของมันผ่อนคลาย เขาปล่อยให้เวลาผ่านไปสักพักจนปูนเริ่มสบายใจแล้วเปิดปากพูดออกมาเอง

 

 

“วันนี้...เจอคนพูดไม่ดีใส่อีกแล้ว”

 

 

ปูนละความจริงส่วนหนึ่งไปแล้วเลือกพูดแต่สิ่งที่เขาอยากให้คณิตรับรู้เท่านั้น มือของคณิตชะงักไม่รู้ว่าเพราะอยู่กับปูนมาสักพักหนึ่งรึเปล่าเขาถึงเริ่มจับความผิดสังเกตในน้ำเสียงของคนตัวเล็กได้ ปูนกำลังโกหก...และปูนกำลังทุกข์ใจ เขาจึงได้แสร้งทำเป็นไม่รับรู้มันจนกว่าจะถึงเวลา

 

 

“แล้วเธอก็ปล่อยให้เขาพูดไปอย่างนั้น? ไม่ด่ากลับไปสักหน่อยล่ะ”

 

 

“ก็อยากด่า แต่...นึกไม่ออก”

 

 

“เธอเนี่ยนะนึกไม่ออก เวลาเถียงทีฉันแทบฟังไม่ทัน”

 

 

คนตัวเล็กทำหน้าบึ้งแล้วกัดบ่าของคณิตเบ่าๆเมื่อถูกชายหนุ่มเหน็บแนมเข้าให้ คณิตเองก็กลับหัวเราะอย่างชอบใจ ดูเหมือนว่าจะร่าเริงขึ้นหน่อยแล้วล่ะนะ

 

 

“ก็ตอนนั้นมันโมโหมาก คิดอะไรไม่ออกหรอก”

 

 

“เขาว่าแรงมากเลยรึไง”

 

 

“ก็นะ...ถ้าเป็นผู้หญิงเหมือนกันคงกระโดดเข้าไปซัดแล้ว”

 

 

“จริงอะ ไม่ใช่ว่าไปตบเขามาแล้วค่อยหนีมาร้องไห้หรอกนะ”

 

 

“ไอ้ป๋าบ้า! กูก็ผู้ชายเหอะจะให้ไปตบผู้หญิงได้ยังไง”

 

 

“อะไร ใครแทนตัวเองว่ากู เดี๋ยวนี้หัดพูดไม่เพราะกับฉันหรอ”

 

 

คณิตหยิกแก้มของปูนแรงๆจนร่างเล็กต้องร้องโอดโอย เพราะเดี๋ยวนี้ปูนชักเผลอขึ้นกูขึ้นมึงกับเขาบ่อยอาจจะเพราะเริ่มสนิทกันมาก เขาไม่ใช่คนเรียบร้อยขนาดที่ทนฟังคำหยาบไม่ได้หรอกเพราะเขาเองก็พูด เพียงแต่คณิตไม่อยากให้ปูนเป็นเด็กก้าวร้าวพูดจาไม่ดีกับผู้ใหญ่ก็เท่านั้น โดยเฉพาะเขาที่นอกจากวันแรกก็ไม่เคยพูดหยาบกับปูนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

 

“ขอโทษๆ มันเผลอไปหน่อย”

 

 

“อย่าเผลอบ่อย ไม่อย่างนั้นกุญแจบ้านที่ให้ไปฉันจะริบคืน”

 

 

“อะไร ป๋าให้ผมมาแล้วนะ!”

 

 

“ฉันให้เธอในฐานะเด็กดี...ไม่ใช่เด็กดื้อ”

 

 

“...”

 

 

“ไม่ต้องมาทำหน้างอเลย เข้าใจที่ฉันพูดไหม”

 

 

“เออ”

 

 

“ว่าไงนะ?”

 

 

“ครับๆ ปูนเข้าใจแล้วครับป๋า~ ไหนมาหอมที่ดิ๊ ทำไมวันนี้ขี้บ่นจังเลย”

 

 

ปูนกดจมูกลงตรงแก้มของคณิตแล้วสูดหายใจเข้าแรงๆ แน่ล่ะว่ามันคงไม่ได้หอมเพราะคณิตเองก็ทำงานมาทั้งวัน แต่ถึงอย่างนั้นปูนก็ยังคงหอมซ้ายหอมขวาทำเหมือนกับว่าคณิตเป็นตุ๊กตาตัวใหญ่ที่ให้ความอบอุ่นกับเขาได้ทั้งร่างกายและหัวใจที่อยู่ข้างในนี้

 

 

“พอๆ ไม่เหม็นรึไง ฉันเองยังเหม็นตัวเองจะแย่”

 

 

“เหม็น แต่อยากหอม ขอหอมได้ป่ะ”

 

 

“...”

 

 

“นะๆ ขอหอมนิดเดียวอย่าหวงตัวนักเลยน่า”

 

 

“...”

 

 

“ทีกับป๋าปูนยังไม่หวงเลยนะ...ยกให้ทั้งตัวก็ยังได้”

 

 

“...”

 

 

“...”

 

 

“จริงอะ?”

 

 

“อื้อ”

 

 

“...”

 

 

“ยกให้ป๋าหมดเลย”


 

 

คณิตมองความวิบวับในดวงตาของคนตรงหน้า ให้ตายสิ ไม่ว่าทำยังไงเขาก็เอาชนะลูกอ้อนของปูนไม่ได้สักที ชายหนุ่มโน้มตัวลงไปชิมความหวานที่ริมฝีปากของร่างเล็กที่เอียงคอรออยู่แล้วอย่างรู้งาน เสียงลมหายใจเข้าออกของทั้งคู่กระชั้นขึ้นเช่นเดียวกับแผ่นอกบางที่ถูกปลายนิ้วของคณิตสำรวจเสียจนไม่มีจุดไหนที่ร่างสูงไม่รู้จัก คนตัวเล็กปรือตามองคนที่มองเขาอยู่จากมุมสูงก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปจูบเบาๆบนปลายคางสากที่มีไรเคราขึ้นอยู่จางๆ คณิตยกยิ้มให้กับกริยาออดอ้อนที่สั่นไหวความรู้สึกของเขาได้เสมอแล้วทำในสิ่งเดียวกันให้กับปูนกลับไป

 

 

“ปูน”

 

 

“หื้ม”

 

 

“ต่อไปนี้ถ้ามีคนพูดไม่ดีใส่ก็ไม่ต้องไปฟังนะ”

 

 

“...”

 

 

“เธอเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าตัวเองทำอะไรลงไป ถ้าเธอทำดีต่อให้คนพูดร้ายใส่มันก็ไม่ใช่ความจริงที่เธอควรจะเก็บมาเจ็บช้ำน้ำใจเลยสักนิด กลับกันถ้าเธอทำเลวแล้วมีคนมาบอกว่าเธอทำดีแล้ว คำพูดพวกนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรจากการยกหางที่รังแต่จะทำให้เธอเสียใจในท้ายที่สุด”

 

 

“แต่มัน...เจ็บใจ”

 

 

“แน่ล่ะ คนที่ว่าเธอก็คงหวังให้เธอรู้สึกแบบนั้น”

 

 

“...”

 

 

“ไม่ว่าคนจะพูดยังไงเกี่ยวกับตัวเรา มันก็ไม่สำคัญเท่าเราตีค่าตัวเองไว้แบบไหน...จะสูงจะต่ำก็อยู่ที่ตัวเราเลือกจะทำไม่ใช่เพราะคำพูดของคนอื่น”

 

 

“ครับ...”

 

 

“แล้วก็...”

 

 

“...?”

 

 

“อย่าร้องไห้เพราะคนอื่นนอกจากฉันอีกนะ...ได้ยินไหม”

 

 

ปูนทำตาโตในขณะที่คณิตไม่คิดจะหลบสายตาขี้สงสัยของเด็กหนุ่มตรงหน้าเลยสักนิด สัญญาณเตือนในหัวของปูนกำลังร้องลั่นแต่เสียงหัวใจกลับดังยิ่งกว่า เขาเม้มปากของตัวเองก่อนจะตัดสินใจวางมือข้างขวาของตนลงบนอกข้างซ้ายของคนตรงหน้า ปูนไม่รู้ว่าจังหวะแบบนี้ถือว่าหัวใจเต้นแรงไหมเพียงแต่เมื่อเทียบกับหัวใจอีกดวงที่อยู่ในอกของเขา

 

 

มันกำลังเต้นไปในจังหวะเดียวกัน...

 

 

“เป็นคำสั่งหรอ”

 

 

“...”

 

 

“...”

 

 

“อืม”

 

 

“...”

 

 

 

“ฉันขอสั่งให้เธอร้องไห้ให้ฉันได้คนเดียว”

 

 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

พระเอกเรื่องนี้โรคจิตเนอะ ป๋าก็สั่งให้น้องร้องไห้แค่กับตัวเอง พี่บอยก็เป็นสโตกเกอร์ 55555555555 :hao7: ยิ่งอันหลังยิ่งฮา ใครยังงงว่าบอยพลัสนี่มันยังไงใจเย็นนะคับ ความเป็นสโตกเกอร์ของพี่บอยจะค่อยๆโผล่มาให้เห็นเอง พลัสก็ร้ายไม่ใช่เล่น แต่ปูนร้ายกว่า เด็กเช่นี่เนอะ =w= ฮี่ๆ  :hao3:

ดราม่ามาเล็กๆ แต่ยังไม่กระเทือนถึงป๋าปูนเท่าไหร่ ซัดใส่น้องอย่างเดียว บอกแล้วว่าพระเอกเรื่องนี้สบายไม่มีปมอะไรกับใครเขาเลย (ปูน : เช่โคตรลำเอียง!) น่าจะเริ่มสังเกตเห็นแล้วด้วยว่าดราม่าน้องไม่ได้มีแค่เรื่องพี่กาล ค่อยๆแก้กันไปคับ ไม่อยากซัดตู้มเดียวสงสาร แต่ไม่หนักหนาหรอกพอขำๆ ยังไงปูนก็มีป๋าอยู่แล้วนะ กิ๊วๆ ว่าแต่....ชะนีก้อยตอนนี้แอบจิตและน่าตบมาก  :z6:

ป.ล.ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตคับ ได้อ่านหมดนะๆ ส่วนพี่กาลเหลือแค่ตอนพิเศษตอนสุดท้ายก็จะแต่งจบแล้ว ขอเวลาเช่ไปทำหนังสือสักนิดนะคับ พ้นจากนี้ไปจะได้ปั่นป๋าปูนกันยาวๆ บอกเลยว่าเวลาแต่งเรื่องนี้มีความสุขดี ไม่อยากใส่ดราม่าเข้าไปเลยยยย เด็กเส้นจนพี่กาลหมั่นไส้ เชอะ!  :impress3: 



ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #13][120159]
«ตอบ #106 เมื่อ12-01-2016 18:54:30 »

ตอบเม้นกันโน๊ะ!

 liza sarin >>>> ป๋านี่ยิ้มเลยคับ  :hao6:

krouy >>>> ปย.นี้ได้มาแบบงงๆคับ เฮือกสุดท้ายก่อนหลับคาคอม 555

kanomjeeb >>>> เช่ก็ชอบคับ

นอนกินแรง >>>> ขอบคุณคับ  :mew1:

Toho48 >>>> อีกนิดนึงน่าๆ

cheyp >>>> ขอบคุณที่ติดตามนะคับ  :L2:

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #13][120159]
«ตอบ #107 เมื่อ12-01-2016 20:15:01 »

ป๋าปูนละมุนตามท้องเรื่องค่ะ แต่นังชะนีก้อยนี่อะไรกันคะ
อิจฉาน้องหรอ  :katai4:

ป๋าอย่าปล่อยคนที่ดูถูกเมียเราให้ลอยนวลค่ะ กำจัดมัน  :z6:

ว่าแต่พี่บอยแอบฮานะ เป็นสโตกเกอร์แท้ๆเลย :hao3:

ออฟไลน์ cho-ningza-19891

  • สติไม่ค่อยมี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #13][120159]
«ตอบ #108 เมื่อ12-01-2016 20:18:37 »

ยัยก้อยนิสัยเสีย อย่ามาว่าปูนแบบนี้นะเว้ยยย :m31:

ป๋าอบอุ่นอีกแล้ววว น่ารัก  :o8:

ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #13][120159]
«ตอบ #109 เมื่อ12-01-2016 21:39:57 »

พลัสอย่าไปยุ่งกับปูนเลยนะ :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #13][120159]
« ตอบ #109 เมื่อ: 12-01-2016 21:39:57 »





ออฟไลน์ Youi_chin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 166
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #13][120159]
«ตอบ #110 เมื่อ12-01-2016 23:06:04 »

ปูนสู้ๆ ให้ป๋ากอดเเน่นๆเลย :กอด1:

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #13][120159]
«ตอบ #111 เมื่อ13-01-2016 15:58:44 »

มาแล้วๆๆๆๆ แปะไว้เดี๋ยวค่ำๆมาอ่านนะจ๊ะ :กอด1:

ออฟไลน์ lolata

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #13][120159]
«ตอบ #112 เมื่อ13-01-2016 17:56:35 »

ป๋าน่ารักมากกกกกกกกกกกก
ปูนเองก็ต้องก้าวผ่านอดีตให้ได้ ป๋าห้ามทิ้งปูนไปไหนนะเออ

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #13][120159]
«ตอบ #113 เมื่อ13-01-2016 23:29:06 »

ป้าฟินมาก. เรื่องนี้ให้สามผ่านค่ะ แถมการันตีความสนุกและน่าติดตาม ตัวละครหนูปูนมีมิติมากค่ะป้าปลื้มมาก ส่วนพ่อคณิตก็ดูมีมติมากเช่นกัน ถึงจะไม่สุดจนฟิน แต่เป็นคู่ขมองอิ่มที่น่าทึ่งมากค่ะ

ปล. ป้ารอเรื่องของปมของหนูปูน และ บท18+แสนดิบอยู่นะค่ะ.............

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #13][120159]
«ตอบ #114 เมื่อ14-01-2016 00:19:42 »

กรี้ดเขิลลลลล
ป๊าพูดแบบนี้เอาใจไปเลยเหอะะะะะะะะะ

ออฟไลน์ FOUR EYES

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #13][120159]
«ตอบ #115 เมื่อ14-01-2016 01:44:24 »

อะเหยย หวานนน  :o8:
ติดตามๆ สู้ๆค่ะ   :L2: :L2:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #14][140159]
«ตอบ #116 เมื่อ14-01-2016 21:24:00 »




แตกที่ 14

…(หวง)นิดหน่อย...

 

 



ด้วยเพราะความที่ดึกมากแล้วคณิตจึงเลือกที่จะนอนห้องของปูนแทนที่จะขับรถกลับไปนอนที่บ้าน แน่นอนล่ะว่าลำบากเพราะเตียงที่เล็กกว่าของเขาตั้งครึ่งหนึ่งทำให้ทั้งสองคนต้องนอนเบียดกันแทบตายสุดท้ายคนตัวเล็กเลยต้องระหกระเหินปีนขึ้นมานานบนตัวของคณิตแทนทั้งๆแบบนั้น

 

ถ้าถามว่าหนักไหม...

 

โคตรๆอ่ะ เล่นเอาจุกไปเลย

 

 

 

 

 

“เลิกทำหน้าแบบนี้ได้แล้วน่า อย่าขี้งอนนักจะได้ไหม”

 

“ก็ป๋ามาบ่นว่าผมอ้วนทำไม นิสัยไม่ดีว่ะ”

 

เอาจริงๆปูนน่ะโคตรมั่นใจในหุ่นไซต์มินิของตัวเองมาก พอมาเจอคนตัวโตที่น่าจะรับน้ำหนักของเขาได้สบายๆเดินบ่นเป็นตาแก่ทันทีที่ตื่นขึ้นมาเล่นเอาคนตัวเล็กเสียเซลฟ์ไปเหมือนกัน

 

“ไม่ได้บอกว่าอ้วนสักหน่อย บอกแค่จุก”

 

“ก็นั่นแหละ ชิ ทีผมโดนทับแรงๆตั้งหลายทียังไม่บ่นเลย ตัวโตยังกับหมี”

 

คณิตแกล้งดึงปากล่างของคนที่โยงเข้าเรื่องทะลึ่งได้ตลอดเวลาก่อนจะเดินนำไปที่รถปล่อยให้ปูนทำท่าฟึดฟัดมาตลอดทาง ร่างสูงนั่งลงตรงที่ว่างข้างคนขับแล้วยกหน้าที่สารถีให้ปูนแทนเพราะความเมื่อยบวกด้วยความขี้เกียจ

 

“แล้วกลางวันนี้ทั้งวันเธอจะทำอะไร ไม่ต้องเข้าผลัดไม่ใช่หรอ”

 

ร่างสูงเอ่ยถามพลางคว้ามือของปูนข้างที่ควรจะต้องจับเกียร์มาเขี่ยๆเล่นไปด้วยแถมพอถึงเวลาต้องเปลี่ยนเกียร์ก็ไม่ยอมคืนให้ ปูนจึงต้องยกหน้าที่นั้นให้กับคณิตที่ชักจะติดนิสัยเอาแต่ใจจากเขามาทำแทน

 

“อืม คงไปเดินห้างมั้ง”

 

“ทั้งวัน?”

 

“ก็คงทั้งวัน”

 

“มีตัง?”

 

“ขอตังป๋าไง”

 

“ไม่ให้”

 

“หึ งกชะมัด”

 

ปูนแกล้งทำหน้างอ ทั้งที่ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องง้อคณิตสักนิด ถึงจะไม่ใช่เงินถุงเงินถังก็เถอะ เขาเองก็พอมีเงินเก็บจากรายจ่ายที่น้อยลงไปจากตอนที่ไปพักอยู่ด้วยกันก็มากพอดู

 

“เดินห้างทั้งวันเบื่อตายชัก...เอางี้ เธอมาช่วยงานฉันแล้วกันคนขาดพอดี”

 

“งาน? งานอะไร?”

 

“งานที่โรงแรมนั่นแหละ คืนนี้มีลูกหลานนักการเมืองมาจัดงานแต่งงาน โดยรวมของทุกอย่างก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วแต่ถ้าเธอยอมมาฉันก็มีงานให้เธอทำ”

 

“ให้ผมทิ้งวันหยุดไปทำงานกับคุณเนี่ยนะ”

 

“ใช่ แต่มันเป็นวันหยุดที่เธอจะไม่ได้เจอฉันนะ ถ้าเธอมาด้วยกัน เธอจะได้อยู่กับฉันทั้งวันเลย...ว่าไงปูน”

 

“...”

 

“โอเค ตกลงตามนี้”

 

ร่างสูงยกยิ้มแล้วยกมือของคนที่ตกหลุมพรางเขาอย่างจังขึ้นมาจูบจนเกิดเสียงที่ทำให้ปูนเผลอกันริมฝีปากของตัวเองเบาๆด้วยความเขินอาย โดยที่คณิตไม่ทันสังเกตเห็น ร่างเล็กพยายามรวบรวมสติของตัวเองไว้กับท้องถนนตรงหน้าจนพวกเขาเดินทางมาถึงโรงแรมหรูของคณิตที่มีแขกมาพักหนาตาเหมือนเช่นทุกครั้ง

 

 

ปูนเลี้ยวรถเข้าไปด้านในตรงส่วนที่จอดรถของพนักงานโดยมีคนตัวสูงคอยบอกทางไปเรื่อยๆจนสุดท้ายรถยนต์ของคณิตก็เข้ามาจอดตรงที่จอดรถของผู้บริหาร ซึ่งมันสร้างความไม่เข้าใจและกังวลให้ปูนมากๆ

 

“คุณ จอดตรงนี้ได้หรอ”

 

“อืม ได้สิทำไมจะไม่ได้”

 

“แต่...นี่มันที่จอดรถผู้บริหารไม่ใช่รึไงแต่คุณเป็นแค่ผู้จัดการ”

 

คณิตขมวดคิ้วแล้วนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่เคยบอกคนตัวเล็กสักคำว่าแท้จริงแล้วฐานะของเขาสำหรับโรงแรมแห่งนี้นั้นอยู่สูงแค่ไหน ร่างสูงจึงเผลอยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูแล้วคิดไปว่าถ้าปูนรู้ว่าเขาคือคนที่สักวันจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของโรงแรม The Next เด็กหนุ่มจะปฏิบัติกับเขาเหมือนเดิมรึเปล่า

 

“ไม่เป็นไร เขาอนุญาตให้ฉันจอดได้ ห้องที่เราพักเมื่อตอนนั้นก็เหมือนกัน”

 

ร่างสูงเลือกที่จะปกปิดมันไว้ก่อนเพราะไม่คิดว่าการบอกปูนไปตอนนี้จะทำให้เขาสูญเสียโอกาสที่จะมองเห็นตัวตนข้างในของคนที่สั่นไหวหัวใจของเขาได้ คณิตลงจากรถไปก่อนโดยมีปูนเดินตามไปติดๆทั้งที่ยังไม่สบายใจนัก คณิตพาปูนไปยังส่วนของออฟฟิศที่เดียวกับตอนที่พาร่างเล็กมาฝากให้อิงอรช่วยดูแลเมื่อครั้งนั้น ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนกันหญิงสาวในชุดสูทสีไข่มุกกำลังมองมาที่พวกเขาทั้งคู่ด้วยความดีใจและแปลกใจในคราวเดียว

 

 “สวัสดีครับพี่อิง”

 

“สวัสดีจ้า พาน้องมาทำงานด้วยหรอคะคุณคณิต”

 

อิงอรหันไปหาเพื่อนชายที่ยังไม่เคยให้คำตอบที่กระจ่างกับเธอเลยสักครั้ง แต่ก็ไม่เป็นไรเพราหญิงสาวตาไวพอที่จะเห็นว่าก่อนที่ทั้งสองคนเดินจับมือมาด้วยกันจนกระทั่งเธอหันไปมองนั่นแหละ

 

อย่างนี้ยังจะปฏิเสธอีกหรอคุณคณิต...

 

 

“น้องเขาว่างวันนี้พอดี เลยชวนให้มาช่วย อิงมีอะไรให้น้องทำไหม”

 

“อืม...งั้นให้น้องมาช่วยฝ่ายอาหารแล้วกัน คราวนี้ต้องจัดม็อกเทลพอดีเลย แล้วเดี๋ยวอิงจะให้คนอื่นไปช่วยงานของคุณหน่อยแทน”

 

“นี่ยัยหน่อยมาด้วยหรอ?”

 

“ใช่ เห็นว่าเจ้าสาวเป็นคนรู้จักน่ะ โอเคนะน้องปูน เรามาทำงานกับพี่นะ”

 

ปูนพยักหน้ารับทั้งๆที่มีสิ่งที่ยังสงสัยโดยเฉพาะคนชื่อหน่อยที่ว่านั่นเป็นใคร ดูเหมือนจะมีความสำคัญมากพอตัว หลังจากตกลงกันได้อิงอรก็หายไปสักพักก่อนจะกลับมาพร้อมกับชุดเครื่องแบบของพนักงานที่ถึงแม้จะไม่หรูหราเท่ากับของ The Pilot แต่ก็สวยงามพอตัว เด็กหนุ่มรับมันมาพร้อมกับเปลี่ยนชุดของตัวเองจนเรียบร้อยแต่ในตอนที่เขาเดินกลับมาที่ออฟฟิศ คณิตก็หายไปแล้ว

 

“แล้วพี่...เอ่อ คุณคณิตหายไปไหนแล้วครับพี่อิง”

 

ร่างเล็กเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกคณิตเพราะกลัวว่าใครจะมองทั้งเขาและตัวร่างสูงไม่ดีแต่ดูเหมือนว่าอิงอรจะไม่ได้คิดแบบนั้น

 

“จะเรียกพี่ก็พี่เถอะจ๊ะ ไม่เป็นไรหรอก คนกันเองทั้งนั้น”

 

 “อ่า ครับ”

 

คนกันเองที่ไหนล่ะ...เขาอยากถามอิงอรว่าไม่เห็นสายตาสอดรู้สอดเห็นของคนอื่นที่มองมาบ้างรึไง จ้องกันไม่วางตาตั้งแต่เขาเดินเข้ามาแล้ว”

 

“ส่วนคณิตก็ขึ้นไปตรวจงานข้างบนแล้วล่ะ จะลงมาก็เที่ยงนู้นเลย ว่าแต่ปูนกินข้าวเช้ามารึยัง”

 

“ยังครับ”

 

“งั้นไปกินก่อนแล้วค่อยเริ่มทำงานนะ เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมง”

 

อิงอรเดินนำปูนไปยังส่วนของห้องกินข้าวพนักงานที่ไม่ต่างจากโรงแรมของปูนมากนัก พนักงานหลายคนหันมามองคนตัวเล็กอย่างสนใจ ทั้งที่ว่าเด็กหนุ่มหน้าใสนี่เป็นใครมาจากไหน รวมไปถึงคนที่เคยเห็นปูนมากับคณิตก่อนหน้านี้ด้วย เด็กหนุ่มทำเป็นไม่สนใจสายตาของผู้คนที่มองมาแล้วเดินไปตักอาหารมาเล็กน้อยพอแค่อิ่มท้องโดยไม่ลืมที่จะตักมาเผื่ออิงอรที่กำลังคุยกับคนอื่นอยู่อีกจานด้วย

 

“ตักให้พี่ด้วยหรอ ขอบใจนะจ๊ะ จูนๆ นี่น้องปูนไงที่ฉันเล่าให้ฟัง”

 

หญิงสาวชิงแนะนำปูนให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นรู้จักโดยไม่ให้เวลาร่างเล็กได้เตรียมตัวสักนิด คนที่อิงอรแนะนำให้รู้จักปูนหันมามองเด็กหนุ่มด้วยความสนใจจนปูนต้องยกมือไหว้ฝ่ายนั้นทั้งที่ยังงงๆอยู่

 

“สวัสดีครับ”

 

“สวัสดีค่ะ นี่น่ะหรอคนของคุณคณิต”

 

“ยัยจูน!”

 

อิงอรติงเพื่อนของตนเสียงดังเพราะไม่อยากให้ปูนรู้ว่าเรื่องราวของตัวเองถูกคนอื่นนำไปพูดต่อมากมายแค่ไหน ถึงจะไม่ใช่ด้านที่แย่ก็เถอะ

 

“เอ่อ พี่หมายถึงคนรู้จักของคุณคณิตน่ะจ๊ะ พี่ชื่อจูนนะอยู่ฝ่าย HR”

 

“ครับ ผมปูนนะครับ วันนี้จะมาช่วยพี่อิงเตรียมงาน”

 

“อ่อ เราเป็นบาร์เทนเดอร์ด้วยใช่ไหมเห็นอิงเคยเล่าให้ฟัง”

 

พอมีคนเปิดคนอื่นๆต่างก็กรูกันเข้ามาชวนปูนคุยเสียยกใหญ่จนคนตัวเล็กออกอาการเก้อเขินเพราะหากเทียบกับที่ The Pilot เขาเหมือนกับจงใจทำตัวน่าหมั่นไส้สร้างศัตรูไปทั่วจนใครต่อใครไม่คิดจะเสวนา บรรยากาศทำงานสบายๆและผู้คนที่เป็นมิตรจึงไม่ใช่สิ่งที่คุ้นชินสำหรับปูนนักแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องร้าย กลับกันมันทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกว่าการทำงานที่นี่น่าสนใจ

 

“เห็นคุณคณิตบอกว่าเคยชวนปูนทำงานด้วยกันแล้ว ทำไมไม่มาล่ะ”

 

อิงอรเอ่ยกับเขาขณะที่ทั้งคู่ช่วยกันเช็คจำนวนแก้วแล้วกะปริมานเครื่องดื่มที่จำเป็นต้องเตรียมเอาไว้ มือของปูนที่กำลังไล่เรียงไปบนแก้วแต่ละใบชะงักไม่ใช่เพราะตอบไม่ได้เพียงแต่มันทำให้เขาตกใจกับความคิดของตัวเอง

 

 

 

 

 

เขา...เลิกคิดถึงเรื่องของรัตติกาลตั้งแต่เมื่อไหร่…

 

 

 

 

ในครั้งแรกตอนแรกที่เขามาเหยียบที่นี่นั่นเป็นตอนที่เขาต้องมาขับรถของรัตติกาลกลับเพราะชายหนุ่มคนที่เขาเคยรักทิ้งเขาไว้ที่อีกโรงแรมเพียงลำพังแล้วชิงกลับไปกรุงเทพก่อนกับใครอีกคน ทั้งเสียใจที่โดนทิ้ง...แต่ก็ไม่เคยบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปทำได้เพียงแต่กอดความทรงจำเลวร้ายไว้กับตัวเท่านั้น แล้ววันหนึ่งเขาดันได้กลับมาในที่ที่ทำให้เขาต้องคิดถึงวันเก่าๆ แล้วไหนจะเรื่องที่เพื่อนของรัตติกาลเป็นเจ้าของโรงแรมนี้อีก เขารู้ว่าโอกาสที่เราจะได้เจอกันอีกครั้งมันแทบไม่มี แต่อคติในหัวใจกลับบอกให้ปูนถอยห่างจากมันเข้าไว้

 

 

 

จนกระทั่ง...วันที่คณิตก้าวเข้ามา

 

 

 

 

“ปูนเป็นอะไรรึเปล่า”

 

“ปะ เปล่าครับ”

 

 

ปูนปฏิเสธทั้งๆที่มือของเขาเย็นเฉียบจนต้องขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำ เขาเดินออกมาเร็วๆแล้วก้มหัวให้ผู้คนที่หันมาทักทาย เด็กหนุ่มมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก ทั้งความสุขที่สะท้อนอยู่ในแววตาและใบหน้าเปื้อนยิ้มทำให้เขาเพิ่งตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง

 

คณิตทำให้เขาเปลี่ยนไป...เปลี่ยนไปจนน่ากลัว

 

โดยเฉพาะความจริงที่ว่าต่อให้เขารู้ เขาดันไม่คิดจะถอยกลับ

 

 

 

“มันจะต้องไม่เป็นไรปูน...มันจะต้องไม่เป็นไร”

 

“...”

 

“เรายังไม่ได้รักเขา เรา...ไม่ได้รักเขาเลย”

 

 

 

ปูนบอกตัวเองคนที่ยืนอยู่ในกระจกแล้ววักน้ำขึ้นมาล้างใบหน้าเพื่อเรียกสติที่กระเจิงให้กลับมาก่อนจะออกจากห้องน้ำไปทั้งๆแบบนั้น แต่พอเขากลับไปอิงอรกลับไม่อยู่ที่นั่นแล้ว เด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวาพยายามมองหาคนที่สามารถให้คำตอบกับเขาได้ แต่จู่ๆผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดผืนหนึ่งก็ถูกยื่นมาตรงหน้าจนปูนไม่สามารถมองเห็นอะไร นอกจากดอกไม้ที่ถูกปักลงบนเนื้อผ้าเท่านั้น

 

“เช็ดหน้าสักหน่อยสิคะ ชุดเปียกหมดแล้ว”

 

“...”

 

“รับไว้เถอะค่ะ ฉันไม่ใช่คนน่าสงสัยหรอก”

 

แต่น่าสงสัยมากๆเลยต่างหาก...ปูนพูดกับตัวเองแต่ก็ยอมรับผ้าผืนนั้นมาเช็ดซับใบหน้าของตนแต่โดยดี ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาเห็นคนที่เสนอน้ำใจให้ชัดขึ้น เธอเป็นผู้หญิงสูงไล่เลี่ยกับเขา มีใบหน้าขาวสะอาดและผมตรงยาวสีดำสนิทแต่ที่สะดุดตาปูนที่สุดเห็นจะเป็นดวงตาเรียวเล็กคู่นั้น...มันทำให้เขาคิดถึงใครบางคน

 

“ขอบคุณมากนะครับ”

 

“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่...คุณเป็นใครหรอคะ?”

 

“ห๊ะ?”

 

“คุณน่ะค่ะ เป็นใครหรอคะทำไมถึงได้ใส่ชุดพนักงานของที่นี่”

 

ผู้หญิงที่ปูนไม่รู้จักกำลังยิ้มให้เขาแต่มันกลับทำให้เขารู้สึกประหม่าเสียจนเผลอขยับท่ายืนทำให้แผ่นหลังตั้งตรงขึ้น แต่หลังจากทำแบบนั้นเธอกลับเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆเพื่อเป็นการเร่งเร้าเอาคำตอบจากร่างเล็ก

 

“ยัยหน่อย จะเดินไปไหนมาไหนทำไมไม่บอกพี่ก่อน อ้าว! ปูน”

 

ปูนรู้สึกเหมือนพระเจ้าส่งคณิตมาช่วยเขาเมื่อจู่ๆคนที่หายหน้าไปตั้งแต่นำเขาใส่พานถวายให้พี่อิงเสร็จก็เดินเข้ามาพร้อมกับถือเอกสารสองสามใบไว้ในมือ ปูนมองหน้าคณิตและหญิงสาวตรงหน้าสลับกันไปมาและเพราะคำพูดของร่างสูงทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่ชื่อหน่อยที่อิงอรพูดถึงตั้งแต่เช้า

 

“พี่นิด..หน่อยไม่ใช่เด็กแล้วนะ แค่ออกมาเดินดูความเรียบร้อยเท่านั้นเอง”

 

หน่อยหันไปพูดกับคณิตด้วยโทนเสียงที่ต่างออกไปเล็กน้อย มันฟังดูมีจริตและออดอ้อนเล็กๆผิดกับน้ำเสียงเรียบนุ่มที่ปูนเคยได้ยินมาก่อนหน้า แต่มันกลับไม่ทำให้ปูนเซอร์ไพรส์เท่าเมื่อเทียบกับการที่จู่ๆหญิงสาวคนนี้ก็คว้าแขนของคณิตมากอดไว้อย่างสนิทสนม

 

 

เน้น...สนิทสนม

 

เขาสาบานว่าแขนของป๋าโดนหน้าอกเธอไปเต็มๆ


 

 

“ช่างเถอะ ว่าแต่เธอทำไมมายืนอยู่ตรงนี้”

 

“ก็...ผมมารอพี่อิง”

 

“อิงเข้าไปข้างในนานแล้ว กำลังเช็คคิวปล่อยอาหารของโต๊ะจีนอยู่”

 

“อ่ะ อื้ม งั้นเดี๋ยวผมไปทำงานก่อนนะ”

 

ปูนพูดปัดแล้วเดินผ่านคนทั้งคู่ออกไปโดยที่ไม่กล้าสบสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของคณิตสักนิด ปูนก้าวเร็วๆจนเกือบจะกลายเป็นวิ่งแต่พอเห็นอิงอรที่กำลังยืนทำงานอยู่คนเดียวเขาจึงชะลอฝีเท้าลงก่อนเดินเข้าไปหา

 

“พี่อิง ขอโทษนะครับปูนหายไปนานเลย”

 

“อ่อ ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ พี่เห็นปูนหน้าซีดๆเลยคิดว่าอยากจะพัก”

 

“ผมไม่เป็นไรครับ แค่รู้สึกร้อนนิดหน่อย”

 

ร่างเล็กแก้ตัวไปตามเรื่องเพราะไม่คิดว่าอิงอรควรได้รับรู้เรื่องทุกอย่าง แต่ปูนคงไม่รู้ว่าหญิงสาวที่เห็นโลกมามากกว่าเขานั้นสามารถอ่านคำโกหกที่ไม่แนบเนียนเอาซะเลยของปูนออกได้ แต่อิงอรก็เลือกที่จะยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง ไม่อยากเซ้าซี้ก้าวก่ายให้วุ่นวาย

 

“จ๊ะ งั้นเดี๋ยวปูนช่วยพี่ทวนเรื่องคิวหน่อยนะ งานใหญ่เราจะพลาดไม่ได้”

 

“ครับ เออแต่ก่อนอื่น ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไม”

 

“ได้สิจ๊ะ  อยากถามอะไรหรอ?”

 

“คนที่ชื่อหน่อย...เขาเป็นใครหรอครับ”

 

“...?!”

 

“พอดีผมเจอเขา...อยู่กับคุณคณิตเมื่อกี้ ผมเลยสงสัย”

 

“...”

 

“แค่สงสัยจริงๆครับ”

 

อิงอรนิ่งไปก่อนที่จะหลุดยิ้มออกมา เธออยากให้เพื่อนของเธอมาเห็นหน้าของปูนตนนี้เสียจริงๆว่ามันเหมือนกับลูกแมวที่คอยกางเล็บขู่ฟ่อๆแค่ไหน ถึงจะแสร้งทำเป็นยิ้มแล้วทำเหมือนกับไม่มีอะไร แต่ดวงตาที่สะท้อนความไม่พอใจออกมานั่นน่ะ ปิดบังความรู้สึกของปูนไม่ได้จริงๆ

 

 

 

“อ่อ...เขาค่อนข้างสนิทกันน่ะจ๊ะ สนิทมาก แต่ไม่มีอะไรหรอก ปูนอย่าห่วงไปเลยแต่ว่า...”

 

“...”

 

“ระวังไว้หน่อยก็ดีนะจ๊ะ”






:fire:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :fire:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #14][140159]
«ตอบ #117 เมื่อ14-01-2016 21:27:11 »


 

 

ถ้าให้บรรยายความรู้สึกของตัวเองออกมาเป็นตัวอักษร ปูนขอนิยามมันสั้นๆด้วยคำๆเดียวคือ ‘เท’

 

 

อยากเทแม่งให้หมด!

 

 

 

ตั้งแต่ตอนนั้นปูนก็ต้องทนมองคณิตถูกผู้หญิงที่ชื่อหน่อยเดินควงแคนไปทั่วทั้งโรงแรมแต่ไม่รู้ทำไมสาวเจ้าถึงเหมือนกับจงใจพาคณิตเดินมาแถวๆที่เขายืนอยู่บ่อยครั้งจนแอบสังเกตเหมือนกันว่าบางทีก่อนที่เขาจะหันไปเจอสองคนนั้นก็ยืนคุยกันปกติดีแต่พอปูนเดินเข้าไปในเรดาร์สายตาหญิงสาวหน้าหมวดคนนั้นเป็นอันต้องคว้าแขนร่างสูงมาจับไว้ราวกับว่าถ้าไม่ทำจะล้มไปกองลงตรงหน้า

 

 

เสียดาย...เสียดายจริงๆตอนแรกเขายังมึนๆอยู่

 

ให้ตายสิ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเขายอมเดินออกมาง่ายๆในทีแรกนั่นแหละ

 

 

ปูนคิดพลางทำหน้างอจนพนักงานคนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้แต่ก็ยังคงมองมาด้วยความเป็นห่วง ผิดกับอิงอรที่ออกอาการปลื้มใจเอามากๆจนใครต่อใครงงกับสภาพอารมณ์ที่จูนไม่ตรงกันของสองคนนี้ ปูนผสมน้ำส้มอย่างดีลงไปเป็นอย่างสุดท้ายก่อนจะใช้แท่งแก้วที่เตรียมมาคนน้ำในอ่างม็อกเทลให้ทั่วจนทุกอย่างผสมกันลงตัวดี ปูนตักมันใส่ลงในแก้วใบเล็กประมานสิบใบแล้วยกมาให้อิงอร จูน และพนักงานคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆลองชิม

 

“ใช้ได้ไหมครับ”

 

“โห เยี่ยมเลยปูน สีสวยด้วยอ่ะ”

 

“คนละเรื่องกับที่คนก่อนทำเลยนะเนี่ย แน่ใจหรอว่าสูตรเดียวกัน”

 

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ ผมลองปรับส่วนผสมดูนิดหน่อย”

 

“คุณคณิตคิดถูกนะเนี่ยที่ให้ปูนมาช่วย เฮ้ยๆเอ็งน่ะ มายกเครื่องดื่มออกไปวางข้างนอกได้แล้ว”

 

หัวหน้าเชฟที่ออกมาชิมด้วยเรียกให้พนักงานคนอื่นมายกอ่างเครื่องดื่มแบบเดียวกันประมานหกอ่างออกไปวางข้างนอกในจุดที่เตรียมเอาไว้ ปูนยิ้มออกมาอย่างโล่งใจที่สุดท้ายงานของเขาก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หากไม่นับความหงุดหงิดเล็กๆ(?) ที่เกิดขึ้นเพราะคณิตในวันนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวันทำงานดีๆที่ทำให้ปูนรู้สึกรักในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่เป็นเท่าตัว

 

“เตรียมงานเรียบร้อยแล้วใช่ไหมอิง แล้วกินอะไรกันอยู่น่ะ”

 

คิดไม่ทันขาดคำคนที่ทำให้วันนี้ไม่สดใสอย่างที่ควรก็เดินเข้ามาหากลุ่มของปูนพร้อมกับมีหน่อยยืนอยู่เคียงข้างกายด้วยท่าทางหวงแหนที่มองเท่าไหร่ก็ไม่ชินตา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นแหวกทางให้คณิตราวกับว่ารู้หน้าที่ของตัวเองทำให้ร่างสูงได้มองสบกับคนตัวเล็กเต็มๆตาสักที

 

“พวกพี่เขาแค่มาลองชิมเครื่องดื่มที่ผมทำ”

 

“นี่น่ะหรอ ขอฉันชิมบ้างสิ”

 

คณิตพูดขอไปโดยไม่ได้คิดอะไรมากแต่ปูนกลับเห็นประตูแห่งการแก้แค้นมาคอยเปิดรออยู่ตรงหน้าเขานี่เอง ร่างเล็กยิ้มร้ายก่อนจะหยิบเอาแก้วอีกใบที่เหลือยื่นไปตรงหน้าคนที่อยากชิมมันมากมาย แต่ขณะที่คณิตกำลังเอื้อมมือมารับนั้นเอง จู่ๆคนตัวเล็กก็เกิดอาการมือไม้อ่อนทำให้แก้วเจ้ากรรมตกลงพงพื้นไปโดยไม่วายทิ้งคราบสีแดงสดลงบนเสื้อเชิตสีขาวสะอาดของทั้งปูนและคณิต

 

“เฮ้ย!”

 

“ขะ ขอโทษครับ ผมไม่ระวังเอง!”

 

ปูนรีบตรงเข้าไปแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าของหน่อยที่เขายังไม่ได้คืนนั้นแหละทำเป็นเช็ดเพื่อให้คราบเลอะหลุดออกแต่ยิ่งทำดูเหมือนว่ามันจะยิ่งขยายวงกว้าง เหล่าพนักงานที่ยืนอยู่รอบๆก็ร้องตามด้วยความตกใจ แม้แต่หน่อยเองที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดก็เผลอโวยวายตามอย่างช่วยไม่ได้ มีแต่อิงอรเจ้าเก่าที่มองปูนด้วยความรู้สึกแปลกใจปนกับประทับใจอยู่ลึกๆ

 

 

 

น้องปูนของเรานี่...ร้ายไม่ใช่เล่น

 

 

 

 

“หน่อยว่าพี่นิดไปเปลี่ยนเสื้อก่อนดีกว่า ยิ่งเช็ดก็ยิ่งเลอะ”

 

“ขอโทษนะครับ ผมขอโทษจริงๆ”

 

“เออๆช่างเถอะ เธอก็มากับฉันด้วยปูนเสื้อเธอก็เลอะเหมือนกัน”

 

ร่างสูงที่ไม่ได้นึกโกรธอะไรตั้งแต่แรกคว้ามือของปูนมาจับไว้แล้วออกแรงดึงคนตัวเล็กให้เดินไปด้วยกันโดยไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าคนที่เขากำลังจับมืออยู่ด้วยนั้นได้หันมาทำสีหน้าอย่างไรกับหน่อยที่ยืนอึ้งอยู่...

 

 

ยกนี้ผมชนะ...

 

 

 

 

 

 

คณิตขึ้นมาบนห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใกล้กับส่วนของออฟฟิศโชคดีที่เขายังพอมีเสื้อผ้าสำรองเก็บอยู่ที่นี่บ้างร่วมถึงยูนิฟอร์มสำรองที่สามารถนำมาให้ปูนใช้ได้ แต่ในระหว่างที่ร่างสูงกำลังจดจ่ออยู่กับการค้นหาเสื้อผ้าในล็อกเกอร์ เขาก็ได้ยินเสียงกดล็อกประตูและทันทีที่หันมาคณิตก็ถูกโถมร่างเข้าหาอย่างแรง

 

 

“โอ้ย! ทำอะไรเนี่ยปูน”

 

“ทำโทษ...”

 

“ห๊ะ?”

 

“ป๋าทำให้ผมโมโหมากเลยรู้ไหมวันนี้...ให้อภัยไม่ได้”

 

ปูนอาศัยจังหวะที่คณิตยังคงงงๆดึงเนคไทที่ร่างสูงสวมอยู่ลงมาจนเขาสามารถขบกัดริมฝีปากของคณิตได้ ชายหนุ่มรู้สึกถึงรสเลือดในโพรงปากของตัวเองรวมถึงอาการเจ็บจี๊ดๆที่คนตัวเล็กจงใจมอบให้กับเขาแต่คณิตไม่คิดขัดขืน เขากลับตอบสนองสัมผัสรุ่นแรงของปูนกลับไปเป็นเท่าตัวจนร่างกายเล็กๆในอ้อมแขนเริ่มสั่น ปูนคว้าบ่าของคณิตไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวโดยไม่ลืมออกแรงนวดไปตามต้นคอของร่างสูงเบาๆเป็นการย้ำเตือนถึงตัวตนของเขาพร้อมๆกันนั้นก็ใช้มืออีกข้างลูบไล้ไปตามแผ่นอกหนาผ่านเนื้อผ้าที่เปียกชุ่ม

 

“อ่า ถึงฉันจะชอบ แต่เธอควรอธิบายมาก่อนว่าฉันทำอะไรผิด”

 

คณิตพูดกับพูดในจังหวะที่ริมฝีปากของทั้งคู่ผละออกจากกันก่อนที่คณิตจะก้มลงไปคลอเคลียกับดวงหน้าง้ำงอนั้นใหม่ด้วยการกดจูบเบาๆตามลำคอขาวและไหปลาร้าสวยๆที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมา

 

“ระหว่างเรามีกฎอยู่สามข้อ”

 

“อ่าฮะ”

 

“ข้อแรก...”

 

“เรื่องของเราจะต้องไม่ทำให้งานเสีย”

 

“ข้อสอง...”

 

“อย่ามายุ่งกันในที่ทำงาน”

 

 

เออ โอเค...ข้อนี้พวกเขากำลังทำมันอยู่

 

 

“และ...ข้อที่สาม”

 

 

“ในขณะที่ความสัมพันธ์ของเรายังดำเนินต่อไป...”

 

 

“เราทั้งคู่จะไม่ยกร่างกายนี้ให้กับคนอื่นง่ายๆ”

 

 

หลังจากปูนพูดทั้งห้องก็เงียบไปทันตา คณิตมองแววตาที่แสดงอารมณ์รุนแรงบางอย่างในตาของปูนก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังจนคนตัวเล็กเผลอสะดุ้งตกใจ

 

“ฮ่าๆๆๆๆๆ เธอนี่มัน น่ารักเป็นบ้าเลยปูน”

 

“หัวเราะอะไรไอ้ป๋า! อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ!”

 

ปูนทุบอกของคณิตแรงๆแต่กลับโดนคนตัวสูงคว้ามากอดไว้แล้วหัวเราะต่อไปจนปูนรู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม

 

“แม่ง! ขำตรงไหนวะ!”

 

“ฮ่าๆๆๆ อย่าบอกนะว่าเธอหึงฉันกับยัยนิด”

 

“ไม่ได้หึง”

 

“...”

 

“แต่...หวง”

 

ปูนไม่อยากปฏิเสธความรู้สึกข้อนี้ของตัวเอง เขาถือว่ามันเป็นคำสัญญาและเป็นกฎที่ทั้งเขาและคณิตควรจะรักษาไว้หากเรายังอยู่ด้วยกัน

 

มันเป็นสิทธิที่เขาพึงได้พึงมี...แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่

 

 

 

 

“แล้วมันต่างกันตรงไหน?”

 

“หึงเขาใช้กับคนเป็นแฟนกัน แต่ผมกับป๋า...ไม่ใช่”

 

 

ปูนตอบอ้อมแอ้มส่วนคณิตก็ได้แต่มองคนตัวเล็กด้วยสายตาอ่อนใจ เขาอยากพูดบางอย่างแต่ก็เลือกที่จะเก็บมันไว้ก่อนแล้วลูบหัวของปูนอย่างเคย

 

 

“เฮ้อ เธอนี่นะชอบทำเรื่องให้มันยุ่งยากซะจริง”

 

“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ”

 

“ไม่เปลี่ยนก็ไม่เปลี่ยน แต่มันก็ยังน่าขำอยู่ดีที่เธอ ‘หวง’ ฉันกับยัยนั่น”

 

 

คณิตเน้นคำว่าหวงเผื่อว่าคนตัวเล็กจะได้ไม่ต้องมาคอยแก้คำผิดให้เขาอีก แต่ปูนก็ยังไม่หายหน้างอการที่เขาหวงป๋ามันน่าขำตรงไหน

 

 

“มีอะไรให้ขำ”

 

 

 

“ขำสิ ก็เธอพูดเหมือนว่าฉันคิดไม่ซื่อกับน้องสาวตัวเอง

 

 

 

 

“...!!!”

 

 

 

“ตายัยนั่นเหมือนกับตาของฉันจะตาย เธอดูไม่ออกรึไง”

 

 

 

 

“นะ น้องสาว?”

 

 

 

 

“เออ น้องสาวแท้ๆ โขลกมาจากหม้อเดียวกันนั่นแหละ”

 

 

 

 

“ชิบหายแล้ว...”

 

 

 

 

คณิตใช้มือของตนช่วยปิดปากที่เผลออ้าจนกว้างด้วยความอึ้งของปูนให้มันเข้าที่อีกครั้ง เขาหัวเราะออกมาเบาๆเพราะเพิ่งจะเคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของปูนเป็นครั้งแรกก่อนที่คนตัวเล็กจะซุกเข้าหาอกของเขาแล้วร้องโอดครวญเสียงดัง

 

 

“ไอ้ป๋าแม่ง ทำไมไม่บอกกูก่อนวะ!!~”

 

.

.

.

.

.

.

.

 

 

 

“เป็นยังไงบ้าคะน้องหน่อย น้องปูนน่ารักอย่างที่พี่ว่าไหม”

 

อิงอรเอ่ยกับลูกคนสุดท้องของเจ้าของโรงแรมนี้ด้วยรอยยิ้มที่บานพอๆกับเค้กแต่งงานตรงหน้า เช่นเดียวกับหน่อยที่ถึงจะไม่แสดงอารมณ์ออกมาเท่าคนข้างๆแต่ดวงตาที่เหมือนพี่ชายอย่างกับแกะก็เผยความพอใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง

 

“น่ารักดีค่ะ แต่ก็ร้ายใช่เล่น”

 

“ฮ่าๆ ถ้าไม่ร้ายพอก็คงเอาเสือตัวนั้นไม่อยู่”

 

“นั่นสิคะ”

 

“งานนี้ท่าทางน่าสนุกนะคะ”

 

หน่อยยิ้มรับแล้วมองไปยังโรงแรมที่บรรพบุรุษของเธอสร้างมันขึ้นมากับมือ ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นแต่เธอก็เลือกที่จะเก็บมันไว้แล้วคอยดูต่อไป

 

 

“คงต้องเหนื่อยหน่อยนะเฮีย”

 

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

ตอนนี้ดึงอารมณ์มามุ้งมิ้งปนฮากันเล็กๆ ส่วนเรื่องพี่กาลเช่คิดอยู่นานเลยตกลงกับตัวเองแล้วว่าบางจุดอาจจะมีการสอดแทรกอดีตของปูนแยกออกมานะคับ อย่างตอนที่ปูนโดนพี่กาลทิ้งไว้ที่โรงแรมจะเพิ่มเป็นตอนที่ 14.5 งานนี้แฟนป๋าอย่าโวยวายแล้วอ่านข้าม ป๋าโผล่มาแน่นอนเชื่อเช่เหอะ ฮี่ๆ o13

พูดถึงพี่กาลวันปิดยอดก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วนะคับ เหลือเวลาอีกแค่ 21 วันเท่านั้นสำหรับการโอนเงิน!!! งานนี้ห้ามพลาดนะเพราะไม่รู้จริงๆว่าโอกาสรีปริ้นจะมีไหม จะบอกว่าHard sale ก็ใช่แต่ซื้อเล่มไปคุ้มจริงๆคับ ตอนพิเศษฟินมาก เพิ่งแต่งตอนของน้องพีจบไปเมื่อเช้านี้เอง อย่าลืมนะคับ ไปจองและโอนเงินกันได้ภายในวันที่ 4 กุมภาศกนี้เท่านั้น!!!  :mew1:

ปูลู ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตเลยคับ ดีใจมากที่คนให้การต้อนรับป๋าปูนเยอะ ตอนแรกโคตรกังวลเพราะคนไม่ชอบน้องเยอะจากเรื่องของพี่กาล ดีใจที่มีคนเปิดใจอ่าน ดีใจที่คนเห็นความน่ารักในตัวน้องเหมือนกับเช่^^ เจอกันตอนหน้าที่ 14.5 นะคับ!  :katai3:

 

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #14][140159]
«ตอบ #118 เมื่อ14-01-2016 21:50:09 »



ตอบเม้นต์กันเนอะ :katai4:




Toho48 >>>> ไม่แอบจ้า สโตกเกอร์เต็มๆเลยแหละ  :hao6:



cho-ningza-19891 >>>> เผามันกันคับ!!



sweetbasil >>>>> งานนี้ต้องให้สโตกเกอร์บอยคอยเบรกคับ



Youi_chin >>>>> ป๋าบอกจะกอดไม่ปล่อยเลยคับ




kanomjeeb >>>> อ่านยังเตงงงงง



lolata >>>> ถ้าป๋าทิ้งน้องมันตามไปทึ้งถึงที่แน่ๆ



Shonteen >>>> ฮันแน่...แบบนี้ต้องหาโอกาสจัดซะหน่อยแล้วคับ



Cc-kun >>>> ป๋ายินดีรับนะคับ ฮี่ๆ



FOUR EYES >>>> ขอบคุณคับบบบบบ


ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #14][140159]
«ตอบ #119 เมื่อ14-01-2016 23:56:57 »

ขอเม้นตอนที่13ก่อนนะ


อยากตบชะนีก้อยมากกกกก หล่อนกอนรังแตนมาจากไหนอะ อิจฉาปูนหรืออะไรอยู่ดีๆมาสตอใส่ แล้วก็กลัวใจน้องพลัสเหลือเกิน คุณคนนี้ยังเดาใจไม่ได้ว่าจะดีหรือร้าย วานสโตกเกอร์คนนั้นอบรมหน่อยนะคะ *แซว*

ป๋าปูนก็ทำเราหมอนแตกเหมือนเดิม น่ารักมากกกกกกก การแทนตัวเองว่าพี่คืออะไรอะจะฆ่ากันให้ตายชีดๆ งื้อออออออ ตั๊ลล๊ากกกกกกก


ไปนอนก่อนะคะพน.ทำงานเช้าเดี๋ยวมาอ่านต่อ  :3123::3123:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด