【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【(Not) Innocent】 รัก☆ร้าย★ เดียงสา ┇3P :Incest: 18+┇•ตอนจบ•  (อ่าน 85449 ครั้ง)

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
หวั๊ยยยย นังน้องธาร หาเรื่องเสียตัวอีกแล้วสินะ  :mew3:

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
อ่อยให้หมดทุกคน จงหลงข้า จงหลงข้า น้องธารได้สาปเอาไว้ 555555 :katai4:

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 24
ผิดคน
(ครึ่งหลัง)

“.....”

ปฏิกิริยาของพี่ภูมันผิดจากที่ผมคิดไว้ จู่ๆ เขาก็ผลักผมออกจากประตู แรงจนแทบกระเด็น แล้วก้าวเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าเย็นชาจนน่าขนลุก เดินสำรวจจนทั่ว ทั้งที่ระเบียง ห้องน้ำ หรือแม้แต่ในตู้เสื้อผ้าแล้วถึงยอมหยุด ถอนหายใจออกมาแรงๆ พร้อมกับเสยผมด้วยท่าทางคล้ายกับจะหัวเสียแต่ก็ดูโล่งใจ

“ม...มีอะไรเหรอครับ”

พี่ภูชี้มาที่ร่างกายส่วนล่างของผม ถามด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด “ทำไมไม่ใส่กางเกง”

“เอ่อ...ธ...ธารเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังแต่งตัวอยู่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเลยรีบไปเปิด”

สายตาคมกริบของพี่ภูมองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนจะหาหลักฐานยืนยันในคำพูด แล้วคงเห็นว่าหัวผมยังเปียกหมาดๆ อยู่ เขาเลยยอมเชื่อ “ทีหลังแต่งตัวให้เสร็จก่อนค่อยเปิดประตู เข้าใจไหม”

“อ...อืม”

...จากที่ตกใจอยู่ดีๆ ตอนนี้ผมยังไม่หายงงเลยว่าทำไมเมื่อกี้พี่ภูถึงเดินพล่านไปทั่วห้องนอนผม เขาคิดว่ามีใครอยู่ในห้องนี้ด้วยงั้นเหรอ?
   
“แต่งตัว จะได้ไปกินข้าวกัน” ร่างสูงกำยำทรุดลงนั่งบนเตียง ทับบนกางเกงที่ผมถอดทิ้งไว้พอดี
   
พอเทียบระยะห่างจากตัวเองถึงเตียงนอน กับการเดินไปหยิบกางเกงตัวใหม่ในตู้ ผมเลยเลือกที่จะเดินไปหาพี่ภูแทน เพราะถ้าต้องเดินอีกหลายเมตรไปที่ตู้เสื้อผ้าด้วยสภาพต้นขาเปลือยเปล่าแบบนี้ ผมก็อายอยู่เหมือนกันนะ...
   
“พี่ภู ขอกางเกงหน่อยครับ”
   
“.....” พี่ภูมองนิ้วมือของผมที่ชี้ไปที่ตัวเขา ก่อนจะก้มลงมองหา แล้วหยิบกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นตัวนั้นยื่นมาให้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตาเสมองไปทางอื่น ทำเหมือนผมที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นแค่อากาศ ที่เห็นว่าแก้มอีกฝ่ายแดงขึ้นเล็กน้อย...ผมคงคิดไปเอง หรือไม่ก็คงเพราะอากาศมันร้อน (เปิดแอร์สิบแปดองศา)
   
ว่าแต่...เขาจะยังนั่งอยู่ตรงนี้จริงๆ เหรอ จะให้ผมสวมกางเกงต่อหน้าเขาเนี่ยนะ ให้ตาย...ครั้งสุดท้ายที่ผมสวมเสื้อผ้าต่อหน้าพี่ภูคือหลังจากที่เรามีเซ็กส์ด้วยกัน แล้วเหตุการณ์วันนั้นมันไม่ใช่อะไรที่น่าจดจำเลย พอคิดถึงก็ทำให้ผมรู้สึกอับอายขึ้นมาอีก
   
ผมหันหลังให้พี่ภู ข่มความรู้สึกพวกนั้นแล้วรีบก้มลงสวมกางเกง...



[Phupha’s Part]

สีหน้าธารดูตกใจมากตอนที่เปิดประตูห้องออกมาเจอผม กางเกงก็ไม่ได้สวมให้เรียบร้อย ท่าทางของน้องมันดูน่าสงสัยไปหมด จะไม่ให้ผมคิดได้ไงล่ะว่าน้องอาจจะแอบพาใครสักคนมากกไว้ในห้อง ซึ่งพอเดินหาจนทั่วแล้วไม่เจอคนอื่นอีก ผมก็ยังไม่วางใจอยู่ดี เลยนั่งรอน้องแต่งตัว

ถามว่าเห็นน้องเปลือยท่อนล่างผมรู้สึกอะไรไหม?...ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกเพราะกำลังโมโหอยู่ แต่พออารมณ์ (โมโห) เริ่มจะสงบแล้วเผลอมองไปที่ขาอ่อนขาวๆ นั่น หัวใจมันก็เต้นแรงขึ้นมา

ธารไม่รู้หรอกว่าผมต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน ไม่ให้เผลอมองขาเรียวยาวขาวเนียนกับเท้าเปล่าเปลือยคู่นั้น ไหนจะข้อเท้าเล็กๆ ที่เซ็กซ์ซี่น่ากัดนั่นด้วย

สิบเก้าหนึ่งเป็นสิบเก้า...สิบเก้าสองเป็นสามสิบแปด...

ผมมองนู่นนี่ไปเรื่อย มองอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ท่อนขาขาวเนียนของธาร และถึงกับต้องท่องสูตรคูณในใจตอนที่น้องเดินเข้ามาใกล้ โอเค...ก็แค่ยื่นกางเกงให้ธารเท่านั้น ง่ายๆ แค่นี้ จากนั้นผมก็แหงนหน้ามองเพดานห้องไปซะ

สิบเก้าเจ็ดเป็น...เป็นห้าสิบ!?

หัวใจผมแทบหยุดเต้นตอนที่ธารหันหลังกลับไปแล้วก้มลงสวมกางเกง ขณะก้มลงชายเสื้อยืดที่เคยคลุมหมิ่นเหม่อยู่ที่สะโพก ก็เลิกขึ้นไปถึงเอว...

ผมแทบหาลมหายใจตัวเองไม่เจอเพียงเพราะก้นเล็กๆ ภายในอันเดอร์แวร์สีขาวแนบเนื้อที่กำลังขยับไปมาอยู่ตรงหน้า นี่ธารตั้งใจยั่วผมอีกแล้ว!?

“เสร็จแล้วครับ”

“.....”

“พี่ภู ไปกินข้าวกัน”

“อ่อ...อืม”

ตั้งสติได้ผมก็ลุกพรวดขึ้นแล้วก้าวออกจากห้องไปทันที ถ้าเมื่อกี้ธารไม่ได้เรียกผมไว้ ผมคงจะคว้าตัวน้องมากอด และอีกนิดเดียว...ร่างเล็กๆ นั่นคงจะโดนลงโทษจนสาสม

เสียงของน้องมันทำให้ความทรงจำเสี้ยวหนึ่งโผล่เข้ามาในหัว ผมถึงยับยั้งใจได้...ครั้งแรกของเราไม่ใช่เซ็กซ์ที่น่าประทับใจเลย แล้วเมื่อวานน้องผมก็เพิ่งเจอเรื่องเลวร้ายแบบนั้นมาด้วย

ผมไม่ควรทำร้ายธารซ้ำอีก และที่สำคัญเราไม่ควรมีอะไรเกินเลยกัน...ธารเป็นน้องชายของผม ความสัมพันธ์นี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“ทำไมพี่ภูกลับมาได้ล่ะครับ วันนี้มีเรียนทั้งวันไม่ใช่เหรอ”

คำพูดของธารทำให้ผมกลับมาจดจ่อกับปัจจุบันอีกครั้ง ตัวผมเองยืนอยู่หน้าโต๊ะบาร์ ส่วนธารกำลังหยิบจานชามอยู่ในครัว ผมเห็นท่าทางเขย่งยืนด้วยปลายเท้าเพื่อจะหยิบเอาของในตู้ด้านบน เลยเดินเข้าไปช่วย ช่วงเวลาแค่ไม่กี่วินาทีที่ได้ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังน้อง ได้สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างเล็กๆ นั่น มันทำให้ผมยิ่งโหยหาสัมผัสแนบชิดระหว่างเรา

“อืม แค่แวะมากินข้าว เดี๋ยวกินเสร็จจะกลับไปเรียน”

จะให้บอกตรงๆ ได้ยังไงว่าผมเป็นห่วง ไม่อยากปล่อยให้ธารอยู่ที่ห้องคนเดียว ถ้าไม่ติดว่าวันนี้มีควิสช่วงเช้า อีกเดี๋ยวเที่ยงครึ่งยังมีสอบเก็บคะแนนอีกสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ผมคงอยู่เป็นเพื่อนน้องทั้งวัน

“ข...ขยับไปหน่อยครับ”

ได้ยินธารพูดผมถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่ายังยืนซ้อนด้านหลังน้องอยู่ แถมยังเผลอโอบแขนรอบตัวเขาเอาไว้ ถึงจะไม่ได้กอดตรงๆ แค่วางมือลงบนเคาน์เตอร์ครัว แต่ท่าทางแบบนี้มันก็ดูหมิ่นเหม่ แล้วคงจะทำให้คนตัวเล็กตรงหน้าผมเขินอยู่บ้าง เพราะตอนนี้แก้มใสๆ นั่นแดงเรื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ธารนี่ก็น่ารักดีนะ...เวลาจะยั่วผมทีก็ร้อนแรงจนทำเอาลมหายใจติดขัด แต่บางทีก็ขี้อายจนน่า...ขยี้ ตัวตนของน้องจริงๆ น่ะไม่ใช่คนใจกล้าอะไร แต่เขาพยายามทำให้ตัวเองเป็นแบบนั้น

ที่ผ่านมาธารทำอย่างกับจะรวบหัวรวบหางผมให้ได้ แต่ก่อนหน้านี้ในห้องนอน ทั้งที่มีโอกาส น้องกลับลืมไปด้วยซ้ำว่าจะต้องลวนลาม (?) ผม...ธารคงไม่ได้ต้องการผมจริงๆ หรอก น้องก็แค่อยากเอาชนะเท่านั้น

“อืม ไปกินข้าวกัน” ผมหักห้ามใจ ผละออกห่างจากร่างเล็กๆ นั่นมา ไม่รู้ว่าต่อไปต้องทำใจแข็งให้ได้ถึงขั้นไหน ถึงจะไม่พลั้งเผลอทำเกินเลยกับน้องอีก

...แต่ต่อให้ห้ามการกระทำได้ ผมกลับไม่เคยห้ามความคิดอกุศลของตัวเองได้เลย

[End Phupha’s Part]


Pie2Na
เอ๊ะยังไงพี่ภู แลดูขัดแย้งในตัวเอง ตกลงจะเอาน้อง หรือไม่เอาน้อง? 5 5 5  5
(พี่ภูบอกขอท่ายาก ท่าง่ายไม่เอา //ไอ่บ้า)
ตอนหน้าพ่อตะวันจัดไปให้เต็มเหนี่ยว หุหุ

 
ปล. หนังสือปิดพรีสิ้นเดือนนี้แล้วหนา
เนื้อเรื่องหลักพายเขียนจบแล้วนะ (300 หน้า++)
เหลือตอนพิเศษ 5 ตอน (50 หน้า++ หรืออาจบาน)
ต้นฉบับเสร็จทันก่อนปิดพรีแน่นอนจ้า ไม่ต้องห่วงกันเนาะ

ปล1. ตอนนี้ยอดโอนยังน้อยอยู่เบย ค่าปกกับภาพประกอบเค้าจะหลุดไหม 5 5 5 5
ฝากลากเพื่อนมาอ่านกันหน่อยน้า เผื่อมีคนอยากเก็บเล่ม
 
ขอบคุณอีกทีฮะ
เจอกันในอีกสองสามวันนี้ อัพช้าเร็วอยู่ที่กำลังใจล้วนๆ
(ขอเม้นแบบนี้ก็ได้เหรอ 5 5 5  5)



ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เมื่อไหร่น้องธารจะเป็นของพ่อตะวันน้าาาา  :oo1: รออยู่นะคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ภูผา - ธาร - พ่อ  :mew1: :mew1: :mew1:
วังวน รอบตัวธาร
ยังมีรอบนอก กฤษ บาส อติณ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Teddysdeath

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เป็นฮาเร็มที่ดีต่อใจมาก
เสียดายพี่กฤษหลุดวงจรไปซะละ. ขาดคนคานอำนาจพี่ภูในคอนโดเลยโถ่

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ชอบมาก รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 25
เป็นของพ่อทั้งหมด


1 : 47 P.M.

พี่ภูออกจากคอนโดไปตั้งแต่เพิ่งกินข้าวเที่ยงเสร็จ ส่วนผมตอนนี้กำลังนั่งเล่นมือถือรอพ่ออยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น พ่อบอกว่าจะมาถึงประมาณบ่ายโมง นี่ก็เลทมาเกือบชั่วโมงแล้ว ปกติพ่อไม่เคยสายหรอก มาก่อนเวลาด้วยซ้ำ แต่วันนี้คงยุ่งจริงๆ ล่ะ

เล่นเกมตายไปอีกหนึ่งตาเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ผมเด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟาด้วยความดีใจ แล้ววิ่งไปหาพ่อที่ประตูห้อง ทำตัวอย่างกับตอนเด็กๆ ที่คอยรอพ่อกลับมาจากทำงาน

“พ่อมาช้า” ผมบอกยิ้มๆ ยืนมองพ่อถอดรองเท้าเก็บเข้าตู้

“ขอโทษครับคนดี” อีกฝ่ายยื่นมือมาลูบหัวผม “กินอะไรรึยังครับ”

“เรียบร้อยแล้วครับ พ่อล่ะ”

“พ่อกินตอนคุยงานกับลูกค้าแล้วครับ” แขนแข็งแรงยื่นมาโอบไหล่ผม พาเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน “ไหนบอกว่ามีอะไรจะเซอร์ไพรส์”

ตกใจพี่ภูจนหมดอารมณ์เซอร์ไพรส์พ่อไปละครับ...

ประโยคข้างบนนั้นผมได้แต่คิดในใจแล้วเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มทะเล้นๆ ให้พ่อ “นั่นสิ...เซอร์ไพรส์อะไรดีนะ?”
           
“.....?”
           
“งั้น...ให้ธารช่วยนวดให้ไหม พ่อทำงานมาเหนื่อยๆ”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเฉียบคมภายใต้แว่นทรงสี่เหลี่ยมส่อแววขบขัน “นวดเป็นด้วยเหรอเรา”

“เป็นสิครับ” ผมดันตัวพ่อให้นั่งลงบนโซฟา ยืนเงอะงะด้วยไม่รู้จะเริ่มนวดจากตรงไหนก่อนดี มือหยาบกร้านจากการออกกำลังกายเลยดึงมือผมไปวางไว้บนไหล่ ผมจึงเริ่มออกแรงบีบนวดบริเวณนั้น แต่ด้วยท่ายืนทำให้นวดได้ไม่ค่อยถนัดนัก เพราะอยู่ห่างจากพ่อและต้องโก่งตัวโน้มลงไป

ได้ยินเสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคอ ก่อนที่แขนแข็งแกร่งจะรวบเอวของผม ดึงทั้งตัวให้ขยับเข้าไปตรงหว่างขาตัวเอง คราวนี้ผมจึงยืนได้ถนัดหน่อย

“ถ้ายืนแล้วเมื่อย จะนั่งบนตักพ่อก็ได้นะ” พ่อพูดขำๆ

“อืมนั่งดีกว่า” ผมเห็นดีด้วย จึงยกเข่าวางบนโซฟา ขยับตัวขึ้นไปนั่งกวมอยู่บนตักของพ่อ “แบบนี้สบายกว่าเยอะเลย”
ในท่านี้ ใบหน้าของเราใกล้กันมาก จมูกโด่งๆ ของพ่อเกือบจะชนกับจมูกผมแน่ะ แต่ผมชอบนะ ได้เห็นหน้าพ่อชัดๆ มันชวนให้ใจเต้นแรงดี

พ่อตะวันเป็นแบบฉบับของผู้ชายที่ยิ่งอายุมากยิ่งมีเสน่ห์เลยนะ อายุก็สามสิบเจ็ดแล้ว ไม่รู้ทำไมยังหล่อได้ขนาดนี้ หน้าไม่มีริ้วรอยสักนิด ผิวเนียนจนแทบมองไม่เห็นรูขุมขนด้วยซ้ำ ไหนจะปากหยักบางน่าจูบนี่อีก ยิ่งใส่แว่นด้วยแล้วยิ่งเซ็กซี่เข้าไปใหญ่ จะให้ผมหักห้ามใจตัวเองได้ยังไง...

มองมากเข้าลมหายใจของผมก็เริ่มติดขัด มือที่นวดไหล่จึงเปลี่ยนมาคล้องรอบลำคอแกร่งนั่นแทน

“ขี้เกียจนวดแล้วครับ”

“ไม่นวดแล้วจะทำอะไรครับ” พ่อยิ้มถาม ขณะเดียวกันก็ลูบหลังผมเบาๆ

ผมกดปลายจมูกลงบนจมูกของอีกฝ่าย สบมองดวงตาคมกริบที่ทั้งดูจริงจังและขี้เล่น กระซิบบอกสิ่งที่ผมต้องการมานาน “ทำ...อย่างที่ผู้ใหญ่เขาทำกันไงครับ...ธารพร้อมแล้วนะ”

“.....” รอยยิ้มบนใบหน้าคมสันจางหายไป นิ้วมือสากไล้ไปตามรอยแดงบนลำคอของผม จากนั้นก็ดึงมือที่ผมเกี่ยวคอของพ่อไว้ออกมาข้างหนึ่ง จูบลงบนรอยแดงที่ข้อมือ ทุกการกระทำมันอ่อนโยนจนทำให้หัวใจผมเต้นแรงกว่าเดิม

“ให้ธารเป็นของพ่อนะครับ” ผมดึงข้อมือออกจากการเกาะกุม ยกแขนข้างนั้นขึ้นคล้องลำคอแกร่งอีกครั้ง ก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากหยักได้รูป ค่อยๆ ไล้เล็มดูดเม้มอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากที่ตอนแรกพ่อเอาแต่นิ่งเฉยก็เริ่มจูบตอบ และจูบของเราก็ยิ่งดูดดื่มลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่ต้องถนอมธารมากก็ได้” ผมพูดปนหอบเล็กน้อยหลังจากละริมฝีปากออกห่าง “ธารไม่ได้บอบบางขนาดนั้น”
พ่อหายใจแรงขึ้น หน้าอกสะท้อนขึ้นลงอย่างชัดเจน ริมฝีปากอีกฝ่ายกดจูบลงมาอีกครั้ง ขบเม้มดูดึงอย่างเร่าร้อน ขณะที่ฝ่ามือก็เริ่มสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของผม
 
ตัดฉับๆ
ขอเก็บ NC ฉากนี้ไว้เซอร์วิสคนอ่านที่ซื้อหนังสือนะครับ
แค่ฉากเดียว ฉากอื่นๆ ยังลงให้ครบนะครับ และยังลงเรื่องให้อ่านต่อจนจบ
--บท NC ไม่กระทบกับเนื้อหาหลักใดๆ—
(จบฉากที่ธารเป็นของพ่อเรียบร้อยแล้ว และเสียงออดดังขัดจังหวะ)


“รีบแต่งตัวเร็วครับ” พ่อผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วยกตัวผมให้ลุกออกไปยืนตรงหน้า ส่วนล่างที่ยังเชื่อต่อกันเมื่อถูกดึงออกกะทันหัน ก็เกิดเสียงน่าอายขึ้น และสร้างความรู้สึกมวนช่องท้องจนผมเกร็งไปทั้งร่าง รู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นร้อนมากมายที่ไหลเยิ้มออกมาจากทางด้านหลัง
           
ขาของผมสั่นและอ่อนแรงจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ดีที่ว่าเกาะไหล่ของพ่อเอาไว้ มองดูพ่อหยิบทิชชูจากกล่องบนโต๊ะขึ้นเช็ดตรงหว่างขาและหน้าท้องให้ผมอย่างลวกๆ ก่อนจะเช็ดทำความสะอาดตัวเองแล้ว ผมจึงผละออกมาทั้งที่ขายังสั่น รีบก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่วางระเกะระกะขึ้นมาสวม

เสียงออดดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม ผมกำลังสวมกางเกง ส่วนพ่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเพราะไม่ได้ถอดเสื้อผ้าสักชิ้นออกตั้งแต่แรก แม้เสื้อเชิ้ตจะยับไปนิด และทรงผมยุ่งไปซักหน่อยแต่ก็ดูโอเค

รอจนผมสวมกางเกงเสร็จพ่อจึงเดินไปเปิดประตู ระหว่างนั้นผมดึงทิชชูอีกหลายแผ่นมาห่อๆ ทิชชูใช้แล้ว เพื่อไม่ให้ใครสังเกตได้ว่ามันถูกเช็ดอะไรไป ก่อนจะทิ้งลงทั้งขยะขนาดเล็กใต้โต๊ะ แน่นอนว่าไม่ลืมที่จะยัดเจลหล่อลื่นเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงขาสั้นของตัวเอง

ขณะที่ผมยังลนลานมองสำรวจรอบตัวว่ามียังหลงเหลือหลักฐานอะไรอีกหรือไม่ เสียงเย็นชาของพี่ภูก็ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของคนสองคนในห้องนั่งเล่น
           
“คุณไม่ควรมาหาธารตอนที่ผมไม่อยู่” ประโยคนั้นพี่ภูบอกกับพ่อ ก่อนที่สายตาคมกริบนั่นจะตะวัดมามองผม “ทำไมมาเปิดประตูช้า”
           
“เมื่อกี้ธารกับพ่ออยู่บนชั้นสองครับ” พ่อย่นคิ้วเล็กน้อย คงจะตงิดใจนิดหน่อยกับสกิลการตีหน้าซื่อเล่าความเท็จของผม “ทำไมพี่ภูไม่เปิดประตูเข้ามาเองล่ะ” ผมถามต่อ ซึ่งถ้าพี่ภูเปิดเข้ามาเลย เขาคงไม่แค่หงุดหงิดเล็กๆ น้อยๆ อย่างตอนนี้แน่ คิดแล้วผมก็ชักกลัวขึ้นมา คราวหลังจะมีอะไรกับพ่ออีก คงต้องไปที่คอนโดพ่อเท่านั้น อีกอย่างก่อนออกไปพี่ภูก็บอกว่าจะกลับเย็นๆ นี่ดันโผล่มาตอนบ่ายสาม
           
“พี่หยิบคีย์การ์ดผิด ดันเอาคีย์การ์ดห้องไอ้กฤษไปแทน”
           
...โชคดีไป ที่ขึ้นมาชั้นนี้ได้คงเพราะพนักงานรู้จักพี่ภูดี เลยยอมใช้คีย์การ์ดสำรองกดลิฟท์ให้
           
ผมลุกขึ้นจากโซฟา ขายังสั่นอยู่นิดหน่อย “งั้นธารขึ้นไปนอนก่อนนะ ง่วงมากเลย เมื่อคืนเล่นเกมดึกไปหน่อย” พูดจบผมก็รีบเดินไปทางบันได พยายามอ้อมให้ห่างจากพี่ภูมากที่สุด เพราะจำได้ลางๆ ว่าตอนมีอะไรกันพ่อดูดเม้มทั่วตัวไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ตรงขาอ่อน ยังไม่ได้สำรวจเลยว่าร่างกายนอกร่มผ้ามีร่องรอยตรงไหนถูกทำไว้บ้าง ขืนพี่ภูเห็นเข้าคงจบแบบศพไม่สวย
           
“ฉันจะไปกล่อมลูกนอน”
           
ผมแทบสะดุดบันไดล้มหัวทิ่มกับคำพูดของพ่อ ดีที่คว้าราวจับไว้ได้ทัน ก่อนจะก้าวเดินต่ออย่างช้าๆ รอให้พ่อตามขึ้นมา
           
“เปิดประตูห้องทิ้งไว้ด้วย”
           
ได้ยินเสียงพี่ภูพูดไล่หลัง แล้วเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก

Pie2Na
ตอนหน้าจะเอาความลับใหญ่หลวงมาเปิดเผย (ข่าวใหม่ช่างน่าตกใจ)
ใครยังงงๆ เรื่องพ่อแท้ๆ ของธาร ตอนหน้ามีชี้แจงอย่างละเอียดครับ


#ขอบคุณนักอ่านทุกคนครับ ^^

 

ออฟไลน์ ReWill

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตัดncคือใจร้ายมากกกก  :ling1: ร้องห้ายยยย :katai1: :hao5: 555

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ต้องเก็บตังค์ซื้อหนังสือแล้วสินะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
หนังสือแต่งจบยัง ซื้อออนไลน์ได้ไหม?

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 26
สร้างความร้าวฉาน

อ่านชี้แจงก่อนอ่านเนื้อเรื่องนะครับ
เนื่องจากพายทิ้งเรื่องไปนานมาก ทำให้ลืมเนื้อหาบางส่วน
เมื่อกลับมาเขียนต่อปมบางอย่างอาจไม่คล้องจองกันบ้าง
แต่พายจะแก้ในฉบับรีไรท์นะครับ
บางตอนน้องตุลย์เรียกอติณว่าพ่อ...แก้เป็นเรียกว่า แด๊ดดี้ เหมือนตอนแรกๆ นะ
และอายุตัวละคนในเรื่อง (จำไม่ผิดคือถูกแล้ว แต่ตอนรีไรท์จะเช็คให้ละเอียดอีกทีครับ)

   
9: 12 P.M.
@The Attribute Condominium
   
สามสัปดาห์ต่อมา
   
ผมนอนหงายเล่นมือถืออยู่บนโซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่น โซฟาอีกตัวข้างกันพี่ภูกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยท่าทางเกียจคร้าน มือจับจอยสติ๊ก นิ้วกดยิกๆ ขณะที่สายตาจ้องมองหน้าจอทีวีซึ่งกำลังฉายภาพนักฟุตบอลสองทีมวิ่งไล่เตะบอลกัน
   
หัวของผมวางอยู่บนหมอนอิง หันไปทางฝั่งพี่ภู เพื่อจะมองอีกฝ่ายจึงต้องแหงนหน้าขึ้น จ้องใบหน้าหล่อคมคายนั่นอยู่นานพี่ภูก็ไม่มีท่าทีจะสนใจผมสักนิด คนที่อยู่ด้วยกันไม่ยอมคุยด้วยผมเลยเปิดเข้าหน้าเฟสบุ๊กของอีกฝ่าย สืบข้อมูลจากโลกโซเชียลยังจะพอรู้ความเป็นไปในชีวิตเขาเยอะกว่ารอเจ้าตัวมาบ่นหรือเล่าให้ฟังซะอีก
   
นิ้วชี้เลื่อนหน้าจออ่านโพสต์ต่างๆ ไปเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่มีแต่เพื่อนพี่ภูแท็กมาทั้งนั้น เจ้าตัวไม่ค่อยโพสต์อะไรเองหรอก มีคอมเม้นตอบบ้างแต่ก็น้อย สามโพสต์แรกเป็นภาพพี่ภูในชุดนักศึกษากำลังทำกิจกรรของมหาลัย อย่างทาสีป้าย ยืนถือไมค์พูดอะไรบางอย่างอยู่หน้ากลุ่มนักศึกษา พร้อมกับแคปชันชมความหล่อความเท่ต่างๆ นานา

มองภาพพวกนั้นผมก็หลดยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ไม่ค่อยได้เห็นพี่ภูในมาดจริงจังตั้งใจอย่างในภาพเท่าไหร่ จะว่าไปผมก็แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ภูชอบทำอะไรบ้าง รู้แต่ว่าพี่ภูเรียนบริหารฯ เพราะต้องรับช่วงดูแลธุรกิจของครอบครัวหลังเรียนจบ และตอนเด็กๆ เขาชอบวาดภาพมาก ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังวาดอยู่รึเปล่า

เลื่อนดูโพสต์ต่อไป จากที่อารมณ์ดีๆ ต้องเปลี่ยนมาเป็นขมวดคิ้ว...ภาพพี่กายสะพายเบสสิ่งยิ้มเล่นกล้องทำให้ผมหงุดหงิดสุดๆ ถึงหมอนี่จะหน้าหวานไปหน่อย แต่ในภาพนี้กลับดูเท่จนน่าอิจฉา และกลัวเหลือเกินว่าพี่ภูจะหลงจริงจังด้วย ถ้าแค่คนที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ผมก็ไม่ถือหรอก! ไม่ถือ!!

‘ช่วงนี้เก็บตัวจำศีลไงวะ คืนนี้มาฟังกูร้องเพลงดิ’

อ่านแคปชั่นแล้วไล่อ่านคอมเม้น...มีแต่คอมเม้นชม หยอกล้อ ขอจีบ อืม...ก็ดี มีคนมาจีบเยอะๆ จะได้เลิกสนใจพี่ภูของผม...ไล่อ่านจนครบหกสิบกว่าคอมเม้น ไม่มีเม้นของพี่ภูเลย กลับไปย้อนดูโพสต์อีกรอบ เช็คอินที่ 1000F Pub...อ้อ หมอนี่เป็นนักร้องในผับพี่อติณหรอกเหรอ งั้นคนที่โทรตามเขาคืนนั้นคงเป็นพี่อติณจริงๆ

เรื่องนี้ไม่สำคัญเท่าไหร่ ที่สำคัญคือเพิ่งโพสต์ไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนนี้เอง ไม่รู้ว่าแอบไปตอบกันในแชทรึเปล่า!?
แหงนหน้ามองคนที่กำลังเล่นเกม เมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมหันมาสนใจ ผมก็เลยคว้ารีโมทมากดปิดทีวีซะเลย

“อะไร” พี่ภูหันมาขมวดคิ้วใส่ สีหน้าไม่ได้โกรธ แต่งงๆ มากกว่า เหมือนเขาเองก็ไม่ได้จดจ่อกับเกมมากนัก แค่เล่นแก้เบื่อเท่านั้น
ผมยื่นหน้าจอมือถือให้ดู “คืนนี้จะไปไหมครับ”

พี่ภูไม่ว่าอะไร คว้าไอโฟนบนโต๊ะขึ้นมาจิ้มๆ แล้วยื่นหน้าจอมาให้ผมดู...ในโพสต์นั้นมีคอมเมนต์ล่าสุดจากพี่ภูตอบกลับไปว่า ‘ไม่ว่าง’ นั่นทำให้ผมยิ้มอย่างพอใจ กลับมานอนเล่นมือถือต่อ ส่วนพี่ภูก็หยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดทีวี

กำลังไล่อ่านโพสต์อื่นๆ ก็มีแถบข้อความสีดำเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ ผมจึงเปิดแอพไลน์เพื่ออ่านและตอบกลับ

Atin”: พรุ่งนี้สิบโมงว่างไหม มาเจอกันหน่อยสิ พี่มีเรื่องจะคุยด้วย

Thara Than: ได้ครับ สิบโมงธารไปหาที่บ้านนะ

ถึงจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพี่อติณอีก แต่ผมยังใจแข็งไม่พอจะตัดขาดความสัมพันธ์กันทันที เพราะลึกๆ แล้วผมรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้าย และผมก็ชอบน้องตุลย์มากด้วย...ผมไม่เคยมีน้องนี่นา เวลาโดนอ้อนเลยรู้สึกดี พอไม่ได้เจอหน้าน้องนานๆ ก็คิดถึง จะว่าไปก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วจากครั้งล่าสุดที่ผมเจอสองพ่อลูกคู่นั้น

หลังจากตอบกลับด้วยข้อความสั้นๆ ผมก็ปิดหน้าจอมือถือ พลิกตัวนอนตะแคงข้าง คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่มีอารมณ์จะเล่นมือถืออีก รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของพี่ภู กำลังถูกอุ้มพาขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง ด้วยความง่วงเลยซุกหน้าเข้าหาแผงอกกำยำ หลับต่อโดยไม่ได้เอ่ยถามอะไร

   
10: 15 A.M.
@Atin’ House
   
เช้าวันต่อมาผมมาหาพี่อติณตามที่นัดไว้ แต่ผิดแผนไปนิดตรงที่มีใครอีกคนตามมาด้วย...
ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในรถ หน้าบ้านพี่อติณ โดยมีพี่ภูเป็นคนขับมาส่ง แม้ว่าผมจะอ้างโน้นนี่สารพัด สุดท้ายพี่ภูก็ยังตามมาจนได้ และยืนยันจะนั่งรอในรถจนกว่าผมจะคุยธุระเสร็จ
   
ตั้งแต่ผมถูกพี่ณัฐทำร้ายวันนั้น พี่ภูแทบไม่ปล่อยให้ผมคลาดสายตาเลย จะหาเวลาไปเจอพ่อที่คอนโดยังทำไม่ได้ เพราะพี่ภูคอยรับส่งไปโรงเรียนเกือบทุกวัน วันไหนไม่ว่างจริงๆ ถึงจะยอมให้ผมกลับเอง แต่ไม่วายต้องโทรมาเช็คที่คอนโดบ่อยๆ ว่าผมอยู่ห้องจริงรึเปล่า

แค่นั้นไม่พอ...เขายังไม่บอกเวลาที่ตัวเองจะกลับคอนโดด้วย เคยมีครั้งหนึ่ง ผมกับพ่อกำลังแสดงความรักกันอย่างแนบแน่น พี่ภูก็กลับเข้ามาพอดี ดีนะที่ผมได้ยินเสียงเปิดประตู ไม่งั้นคงกลายเป็นเรื่องใหญ่
   
มันดีอยู่หรอกที่พี่ภูใส่ใจเป็นห่วงผมมากขึ้น (แม้ท่าทีการพูดจาเวลาอยู่ด้วยกันจะตรงข้าม) แต่ถึงขั้นนี้ก็เยอะไปนิด อย่างจะมาที่นี่ผมต้องโกหกว่ามาหาเพื่อน ซึ่งถ้าพี่ภูเห็นว่าเพื่อนคนนั้นแก่คราวพ่อ เขาคงลากผมกลับบ้านทันที ผมเลยไลน์บอกให้พี่อติณเปิดประตูทิ้งไว้ไม่ให้อีกฝ่ายออกมารับหน้าบ้าน

“พี่ภูจะรออยู่ตรงนี้จริงๆ เหรอ” ผมรู้สึกไม่วางใจจึงยังไม่ยอมลงจากรถ ยังดีที่บริเวณนี้มีร่มเงาจากต้นไม้ แถมฟิล์มรถยังแทบดำสนิท พี่ภูเลยไม่ต้องทนตากแดด (ถึงอยู่ในรถเปิดแอร์ ถ้ากลางแดดเปรี้ยงๆ ก็ทำให้แสบผิวได้)

“อืม” พี่ภูเอ่ยรับอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะกดเปิดเพลง เอนหลังพิงเบาะ แล้วหลับตาลงเป็นเชิงไล่

“งั้นธารไปหาเพื่อนก่อนนะ”
   
“รีบไปรีบมา” อีกฝ่ายพูดทั้งที่ยังหลับตา ไม่ได้เหลือบมามองกันสักนิด เหมือนต้องการตัดบท ผมจึงได้แต่ถอนหายใจ แล้วเดินลงจากรถมาอย่างว่าง่าย

   
เข้ามาในบ้าน เจอน้องตุลย์นั่งเล่นเครื่องบินบังคับอยู่กับป้าขิง เจ้าตัวเล็กเห็นผมก็ทำเหมือนทุกทีคือทิ้งของเล่นในมือแล้ววิ่งมากอดขา ผมจึงทรุดตัวลงนั่งบนส้นเท้า ดึงร่างนุ่มนิ่มมากอดให้หายมันเขี้ยว จนน้องตุลย์ดิ้นดุ๊กดิ๊กด้วยความอึดอัดถึงยอมปล่อย แต่น้องก็ไม่ได้ผละออกห่าง มือป้อมๆ นั่นจับหน้าผม หอมแก้มซ้ายขวาดังฟอด ตบท้ายด้วยจุ๊บที่ปากอีกหนึ่งที
   
“คิดถึงที่ซู้ดดดด”
   
“ใครสอนให้จุ๊บปากหือ” ผมดึงแก้มยุ้ยๆ ด้วยความมันเขี้ยว ขณะเดียวกันก็แอบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปากกับแก้มตัวเองที่เลอะน้ำลายน้องไปหมด ปกติน้องตุลย์ไม่เคยจุ๊บปากผมมาก่อนเลยแปลกใจนิดหน่อย
   
“แด๊ดดี้สอน”
   
แด๊ดดี้นี่เอง...
   
“พี่อติณอยู่ในห้องทำงานใช่ไหมครับ” ผมถามป้าสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
   
“ใช่ค่ะ กำลังรอน้องธารอยู่เลย เมื่อกี้เพิ่งเดินออกมาถามว่าน้องธารมารึยัง” ป้าขิงตอบยิ้มๆ ผมเลยบอกน้องตุลย์ว่าจะไปคุยธุระกับแด๊ดดี้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาเล่นด้วย น้องงอแงเล็กน้อย เข้ามากอดคอผมไม่ยอมปล่อย แต่พอได้ช็อกโกแลตจากป้าขิงก็เชื่อฟังขึ้นมาทันที
   
ครั้งก่อนที่มาได้เจอน้องตุลย์แค่แป๊บเดียวเอง วันนี้ก็คงอยู่นานไม่ได้เพราะพี่ภูรออยู่หน้าบ้าน ไม่รู้ว่าพี่อติณมีเรื่องอะไรสำคัญนักหนาถึงไม่ยอมคุยกันข้างนอก ผมจะได้เล่นกับน้องไปด้วย
   
ผมก้มลงหอมแก้มน้องตุลย์ซ้ายขวาฟอดใหญ่ ก่อนจะเดินขึ้นชั้นสองไปที่ห้องทำงานของพี่อติณ


[Special Part: Atin]
   
ผมมองคนตัวเล็กที่นั่งเกร็งๆ อยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม ท่าทางไม่ไว้ใจและห่างเหินทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกบีบเค้น ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ผมแค่รู้สึกดีด้วยและเอ็นดูน้องเท่านั้น แต่พอรู้ว่าธารมีความสัมพันธ์กับตัวเองยังไง ผมก็เกิดความอยากได้ อยากครอบครองขึ้นมา และคิดแต่จะทำทุกอย่างเพื่อแย่งน้องมาเป็นของตัวเอง จนลืมความรู้สึกผิดบาป
   
“พี่คิดถึงธาร”
   
นี่มันก็เกือบเดือนแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน และแทบไม่ได้ติดต่อกันเลย แต่ความคิดถึงไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ผมนัดเจออีกฝ่าย
   
“พี่อติณมีอะไรก็รีบๆ พูดเถอะครับ ธารอยากออกไปเล่นกับน้องตุลย์” น้ำเสียงหวานๆ นั่นฟังดูเย็นชา ทำราวกับไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดของผม แต่พอถูกผมจ้องกลับหลบตา ไม่กล้ามองกันตรงๆ
   
“ธารกับพี่ชายสนิทกันมากไหม”
   
“.....” ธารย่นคิ้ว ไม่ยอมตอบคำถาม เมื่อเช้าน้องไลน์มาบอกว่าพี่ชายมาส่ง ไม่ให้ผมออกไปรับหน้าบ้าน แค่นี้ผมก็พอจะเดาได้แล้วว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้ ‘แนบแน่น’ ถึงขั้นไหน 
   
ผมได้ยินเรื่องของธารกับพี่ชายมาจากเด็กในร้านอีกที เด็กคนนั้นเป็นนักร้องที่ผับผมมาเกือบปีแล้ว ทำงานดีใช้ได้ เสียแต่เวลาเมาชอบพล่ามเยอะไปหน่อย อย่างเมื่อวานยังมาบ่นๆ ให้ฟังว่าคู่ขาตัวเองแอบมีอะไรกับน้องชายแท้ๆ แถมยังเอาคลิปที่อัดไว้ให้ผมดู ถึงคนเล่าจะไม่เอ่ยชื่อว่าเป็นใคร และคลิปวิดีโอนั่นค่อนข้างมืดจนมองได้ไม่ชัด แต่ดูจากรูปร่างและฟังแค่น้ำเสียงก็พอเดาได้แล้ว
   
เสียงของธารเป็นเอกลักษณ์มาก ผมชอบเสียงน้องจึงจำได้ทันว่าเด็กผู้ชายตัวผอมบางในคลิปคือธาร...เสียงครางหวิวนั่นยังติดหูผมอยู่เลย…
   
“ภูผาไม่ใช่พี่ชายธาร” น้ำเสียงของผมหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคลิปวิดีโอบ้าๆ นั่น ตอนที่รู้เรื่องผมตัวชาไปหมด ไม่อยากเชื่อ แต่ยิ่งดูก็ยิ่งมั่นใจว่านั่นคือธารแน่ๆ และผมก็ทนไม่ได้ถ้าต้องเกิดเรื่องแบบนั้นกับธารอีก “ภูผา เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทน้ำ ตอนอยู่ที่อเมริกาผู้หญิงคนนั้นพลาดตั้งท้อง เธอต้องการทำแท้งแต่น้ำขอไว้ และรับภูผามาเลี้ยงเอง”
   
บนโต๊ะมีสมุดวาดเขียนปกหนังสีน้ำตาลวางอยู่ ผมดันมันไปตรงหน้าธาร ในนั้นอธิบายทุกอย่างไว้แล้ว...หวังว่าถ้าธารได้รู้เรื่องทั้งหมด ความรู้สึกที่มีให้พี่ชายจะลดลง ความสัมพันธ์พี่น้องอาจจะเปลี่ยนเป็นห่างเหิน ผมอยากให้ธารโกรธที่ถูกปิดบังทุกอย่าง อยากให้เขาไม่ไว้ใจคนในครอบครัว และเมื่อธารไม่เหลือใคร คนสุดท้ายที่น้องจะพึ่งได้คือผม
   
ผมอยากได้ธารและเคยลังเลที่จะแย่งน้องมา แต่หลังจากเห็นคลิปนั่นผมก็ตัดสินใจได้ ถึงจะต้องทำร้ายความรู้สึกของน้อง ผมก็จะทำ
   
ธารไม่ควรอยู่ในครอบครัวนั้นอีก และยิ่งไม่ควรจะอยู่ใกล้ภูผา!
   
“พี่มาบอกเรื่องพวกนี้กับธารทำไม” น้ำเสียงคนพูดสั่นเครือเล็กน้อย สีหน้าสับสนไม่แน่ใจ ดูเหมือนจะไม่เชื่อแต่ก็เหมือนจะกลัวว่าทุกอย่างที่ผมเล่าเป็นความจริง
   
“เปิดดูสิ” ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่กลับบอกให้น้องเปิดสมุดวาดภาพตรงหน้าออกดู
   
สมุดเล่มนี้คือไดอารี่ภาพที่น้ำเคยทำไว้ ข้างในมีรูปถ่ายโพลารอยด์หลายใบกับข้อความอธิบายสั้นๆ ทั้งรูปที่น้ำถ่ายคู่กับแม่แท้ๆ ของภูผาช่วงที่เธอตั้งท้อง ตลอดจนภาพถ่ายสามคนหลังจากคลอดภูผาได้ไม่ถึงสัปดาห์ นอกจากนั้นยังมีเอกสารการรับบุตรบุญธรรมสอดเอาไว้ด้วย
   
“พี่กับน้ำ...แม่ของธาร เราเคยเรียนมหาลัยเดียวกันที่อเมริกา” ผมเริ่มเล่าเมื่อธารไม่ยอมเปิดไดอารี่ดูสักที “ตอนที่รู้จักกัน ภูผาอายุได้สี่ขวบแล้ว แต่เด็กคนนั้นอยู่กับปู่ธารที่ไทย...น้ำยอมเล่าเรื่องภูผาให้พี่ฟังแล้วให้พี่เก็บไดอารี่เล่มนี้ไว้หลังจากเราเริ่มคบกันอย่างจริงจัง”

น้ำอยากเก็บภาพความทรงจำไว้เลยไม่ยอมทิ้งไดอารี่ไป แต่ก็ไม่กล้าเก็บไว้กับตัวเพราะกลัวว่าภูผาจะมาเจอเข้า มันเลยมาอยู่ในมือผม...ตอนที่รู้เรื่องพวกนี้ผมยิ่งรักน้ำมากขึ้น ที่จริงแล้วผมตกหลุมรักเธอก็เพราะความเด็ดเดี่ยว มีน้ำใจ และกล้าที่จะคิดต่างจากคนอื่นของน้ำนั่นล่ะ

“ธารเคยบอกแล้วไงว่าธารไม่อยากฟัง” ดวงตากลมโตจ้องมองผมด้วยแววตาแข็งกร้าว แต่ผมรู้ดีว่าท่าทีแบบนั้นของธารคือการพยายามปกปิดความอ่อนไม่ให้คนอื่นเห็น

“พี่อายุน้อยกว่าน้ำสามปี” ผมยังคงเล่าต่อ เรื่องภูผาไม่ใช่เรื่องเดียวที่อยากให้ธารรู้ “ตอนที่รู้ว่าน้ำตั้งท้องลูกของเรา พี่เพิ่งจะเรียนปีหนึ่ง ตอนนั้นเราคบกันยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ...อาจเพราะยังเด็กและยังไม่ได้คิดถึงเรื่องชีวิตครอบครัว พอน้ำบอกเรื่องลูก พี่เลยลังเล ไม่กล้ายอมรับในทันที”

“.....”

“น้ำเรียนจบ อุ้มลูกอายุสามเดือนในท้องกลับไทยไปด้วย พอปู่ของธารเสนอเรื่องแต่งงานเพื่อธุรกิจขึ้นมา แถมคนๆ นั้นยังเป็นเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกัน น้ำถึงยอมแต่งทันที...แล้วมาบอกพี่ว่าแท้งลูกของเรา”

“.....” ไหล่ผอมบางนั่นสั่นเล็กน้อย และแม้ว่าธารจะก้มหน้าอยู่ แต่ผมรู้ว่าน้องกำลังร้องไห้เพราะเขายกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา 

“ที่จริงพี่รู้ว่าน้ำไม่ได้อยากแต่งงาน แต่คนที่ขอร้องให้น้ำยอมแต่งคือตะวัน...เขาอยากได้ลูกของพี่”

“พูดพอรึยัง” ธารแทบจะตะคอกใส่หน้าผม ใบหน้าน่ารักนั่นแดงก่ำ สองแก้มเปื้อนคราบน้ำตา ดูจากดวงตากลมโตที่เอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำ อีกเดี๋ยวมันคงไหลลงมาไม่หยุด

“ธาร...” ผมผุดลุกขึ้น เดินอ้อมโต๊ะไปหาน้อง ยื่นมือไปจะช่วยเช็ดน้ำตาแต่กลับถูกปัดทิ้ง

“ไม่ว่าพี่จะพูดอะไร สำหรับธาร พ่อกับพี่ภูก็ยังเป็นพ่อกับพี่ชายที่ธารรักมากที่สุดอยู่ดี”

“รักเหรอ!?” ไหล่ผอมบางถูกผมคว้าจับด้วยสองมือแล้วบีบเอาไว้แน่น “รักแบบไหนถึงไปเอากับมัน!?”

“พ...พี่พูดอะไร”

“นอนกับพี่ชายตัวเองเนี่ยนะ ทำลงไปได้ยังไง”

“ป...ปล่อย” สีหน้าที่ดูหวาดกลัวของธารทำให้ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอบีบไหล่น้องแรงเกินไปจึงคลายมือออก

“ฟังพี่นะธาร” ผมดึงธารเข้ามากอด แม้ว่าน้องจะพยายามผลักผมแรงแค่ไหน แต่ก็ยังสู้แรงผมไม่ได้อยู่ดี “น้ำกับตะวันหลอกธารมาตลอด ภูผาก็ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ...ธารยังเชื่อใจพวกเขาอีกเหรอ คนที่ธารควรไว้ใจคือพี่ต่างหาก”

“ไม่ ปล่อย! ธารเกลียดพี่ บอกให้ปล่อยไง”

กำปั้นเล็กๆ ทุบเข้าที่หน้าอกของผม ผมจึงรวบข้อมือเรียวเล็กทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเดียว ขณะที่แขนอีกข้างโอบเอวผอมบางเข้าหา คำพูดด่าว่าแรงๆ ที่ตะโกนปาวๆ อยู่ข้างหูกับสีหน้าโกรธเกลียดของธาร มันทำให้ผมจุกจนแทบหายใจไม่ออก พอคิดไปว่าท่าทีที่น้องมีต่อตะวันดูทั้งรักและเชื่อฟังมากแค่ไหน ก็ทำให้ผมอยากเอาชนะ ยิ่งน้องดื้อดึงผมก็ยิ่งอยากครอบครอง

“ห้ามเกลียด” ผมกดจมูกลงบนแก้มนุ่มนิ่มพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ การกระทำนั้นทำให้ธารชะงักงัน “ธารไม่มีสิทธิ์เกลียดพ่อแท้ๆ ของตัวเอง”

“ฮึก...ไม่ใช่ พี่ไม่ใช่พ่อธาร!”

ดูเหมือนน้องจะช็อกไปกับสิ่งที่ได้ยินถึงได้ตะโกนออกมาทั้งน้ำตา ขณะที่ร่างกายกลับแข็งทื่อไม่ขยับ

“ใช่สิ...ทำไมจะไม่ใช่” ผมกระซิบบอก มือลูบหลังปลอบน้อง ปากก็กดจูบลงบนหน้าผากเนียนใสอย่างแผ่วเบา

“บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ไง!” คนในอ้อมกอดพูดปนสะอื้นแล้วพยายามดิ้นสุดแรง “ธารเกลียดพี่ เกลียดที่สุด ถ้ายังไม่ปล่อยต่อไปธารจะไม่มาเจอพี่กับน้องตุลย์อีก!”

ไม่เจอกันอีก!? แค่ประโยคนี้ประโยคเดียวทำให้ในอกผมวูบโหวงไปหมด ต้องยอมปล่อยธารออกจากอ้อมกอดทั้งที่ไม่เต็มใจ
เมื่อได้รับอิสระน้องก็ผลักหน้าอกผมเต็มแรง ใช้หลังมือปาดเช็ดน้ำตาลวกๆ แล้วก้มลงคว้าไดอารี่บนโต๊ะ วิ่งตึงตังออกจากห้องทำงานไปโดยไม่แม้แต่จะหันมาบอกลาหรือเหลือบมองหน้าผมสักนิด

ผมยืนนิ่งค้างอยู่กับที่หลายนาที ลองคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นก็ต้องถอนหายใจแรงๆ กับตัวเอง แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรง...ในเมื่อธารยังอยู่กับครอบครัวนั้น ผมก็ต้องทำอะไรสักอย่าง

ใช่...ผมต้องบอกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างภูผากับธารให้น้ำรู้...น้ำคงไม่มีทางยอมให้สองพี่น้องมีสัมพันธ์ลับๆ กันอีก!

[End Atin’s Part]


Pie2Na

อ่านจบตอนนี้แล้วไม่ต้องตกใจนะ
ตอนต่อๆ ไปหวานละมุนอบอุ่นหัวใจมากอะ กฤษกับอติณยังมีโผล่มานะครับ
สปอยล์ตอนจบกันไปเลยเผื่อคนกลัวดราม่าไม่กล้าอ่านต่อ
จบดีก๊าวใจ...เชียร์ทีมไหนก็ไม่เสียใจแน่นวล


ปล. ตอบคุณดำดีสีไม่ตก เนื้อหาหลักเขียนจบแล้วครับ ตอนพิเศษ 5 ตอน เหลืออีก 2 ตอนยังไม่ได้เขียน

หนังสือมีเฉพาะรอบพรีออร์เดอร์ครับ ฉบับอีบุ๊คตั้งใจว่าจะทำ แต่ไม่แน่ใจว่าปกและเนื้อหาจะผ่านไหม เพราะค่อนข้างเรท ถ้ามีออกมาคงใกล้ๆช่วงจัดส่งหนังสือเดือนธันวาครับ



อ่านแล้วขอฟีดแบ็คหน่อยน้า
ขอบคุณครับ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2016 06:37:22 โดย pie2na »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อย่างที่คิด  อติณ เป็นพ่อธาร
งั้นต่อไป ธาร มีอะไรกับพี่ภู หรือพ่อ
ก็ไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรม
ดูท่า พี่ภู คงรู้ความจริงจากไดอารี่ แน่ๆ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ก็เดาไม่ผิดจากที่คิดไว้เท่าไหร่ แต่อติณนี่บอกว่าตัวเองเป็นพ่อแท้ๆแต่การแสดงออกนี่เหมือนอยากได้ธารมาในแง่อื่นมากกว่านะ

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2

ประกาศ (อ่านก่อน ห้ามข้ามนะ) !


ช่วงนี้พายขอลาไปปั่นงานก่อนนะครับ จะกลับมาทยอยอัพอีกทีช่วงเดือนธันวา

หลังจากแพ็กหนังสือส่งเรียบร้อยแล้ว (ตอนนี้เหลือปั่นตอนพิเศษตอนสุดท้ายก็จบแล้วครับ เสร็จสิ้นก่อนปิดพรีแน่นอน คนที่สั่งหนังสือไม่ต้องห่วงนะ ^^)

ขอบคุณครับ

 


SP Chapter :: ต่อหน้าต่อตา (spoil)


กระแสน้ำจากฝักบัวทรงบนเพดานตกลงมากระทบร่างกายเปลือยเปล่าของพวกเราสามคน ฟองสบู่ที่ถูทำความสะอาดร่างกายก่อนหน้านี้ถูกน้ำชะล้างออกจนหมด น้าตะวันจึงเอื้อมมือไปปิดฝักบัว แต่ก่อนที่กระแสน้ำจะหยุดไหลธารก็คว้ามืออีกฝ่ายไว้ แล้วเบียดตัวเข้ากอดร่างกายกำยำที่แข็งเกร็งไปด้วยมัดกล้ามทุกสัดส่วน
           
“อาบต่ออีกหน่อยสิครับ ยังไม่สะอาดเลย” ธารแหงนหน้าพูดยิ้มๆ
           
"ตัวจะเปื่อยแล้วครับ” น้ำเสียงของน้าตะวันแหบพร่าขึ้นเล็กน้อย ฝ่ามือหยาบกระด้างลูบไล้เอวผอมบางเล่น ขณะเดียวกันฝ่ามือเรียวเล็กกำลังสัมผัสไปทั่วผิวสีแทนละเอียด
การกระทำพวกนั้นมันปลุกเร้าความต้องการของผมขึ้นมา...
           
ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของผมขยับเบียดชิดแผ่นหลังผอมบาง ก่อนจะซุกไซร้ใบหน้าลงกับลาดไหล่ ไล้เล็มไปตามผิวขาวเนียน สร้างรอยแดงไว้ทุกจุดที่ริมฝีปากลากผ่าน
           
ไม่มีคำพูดต่อจากนั้น...มีเพียงเสียงขบเม้มดูดดึงน่าอายดังสะท้อนปนเปไปกับเสียงสายน้ำ

-ตัดตอนพิเศษมาสปอยล์แบบครึ่งๆกลางๆ 5 5 5-



นาทีขายของ

หนังสือจะมีฉาก NC +ตอนพิเศษ 5 ตอน (ไม่ลงในเว็บ)

ตอนพิเศษ 4 ตอนแรก คล้ายๆ ภาคต่อที่ให้ลุ้นกันว่า...
จากที่ภูผากับพ่อแทบจะต่อยกันตายไปข้าง ดันมารักกันกลมเกลียวแบบ 3P ได้อย่างไร

(มีฉากจิ้น
พ่อXภูผา อย่างรุนแรง)

และจุใจกับความ
3P + NC 18++ แน่นอนครับ

ตอนที่ 5 จะเป็นบทสรุปของ กฤษxณัฐ (คู่นี้ใครจิ้มใครไปลุ้นกันเอง ฮ่า)

นอกเหนือจากตอนพิเศษ 5 ตอน ยังมี
Extra Part สั้นๆ ของบาส (แปะไว้หน้าสุดท้าย) ที่เฉลยความรู้สึกลึกๆ
(ชวนตกใจนิดหนึ่ง 5 5 5 5 //เขียนเองยังเครียดเองว่า...จะดีเหรอ? 5 5 55)
***เรื่องนี้ฟีลกู้ด จบดี แฮปปี้ มีความสุข อบอุ่นละมุนละไม ดีต่อใจกับทุกทีมนะครับ****
[/color]
 
หนังสือปิดจองสิ้นเดือนนี้นะครับ (30 พ.ย.) และส่งของธันวาคมน้า

>>อ่านรายละเอียดการสั่งจอง (คลิก)<<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2016 20:42:34 โดย pie2na »

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 27
ยอมรับว่ารัก

พี่ภูไม่ใช่คนละเอียดอ่อน เขาคงไม่ทันสังเกตเห็นว่าสภาพอารมณ์ผมผิดแปลกไป จึงขับรถพาผมกลับคอนโดโดยไม่ได้ซักถาม ทั้งยังเปิดเพลงซะดังลั่นด้วย
   กลับมาถึงคอนโด พี่ภูก็เดินไปทางห้องนอนของตัวเองทันที แต่เพราะผมยังมีเรื่องต้องคุยกับเขาเลยรีบคว้าแขนคนตัวสูงกว่าไว้
   
“พี่ภู อยู่คุยกันก่อนสิ”
   
“คุยเรื่อง?”
   
“.....” มือของผมที่กำลังถือไดอารี่ภาพเอาไว้บีบแน่นขึ้นด้วยความกังวล ในใจรู้ดีว่าไม่ควรเอาเรื่องในอดีตมาเล่าให้พี่ภูฟัง แต่ผมกลับคว้าไดอารี่เล่มนี้กลับมาด้วย...สุดท้ายความเห็นแก่ตัวก็เอาชนะความรู้สึกผิด
   
“ว่าไง มีอะไรก็พูดมา”
   
“...พี่ภู” จากที่จับแขนพี่ภูอยู่ ผมเลื่อนมือข้างนั้นลงมากุมมืออีกฝ่ายเอาไว้ ก้มมองฝ่ามือของเราที่เกาะกุมกัน ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเพราะกลัวจะต้องสบตากับดวงตาคมกริบคู่นั้น “เราจะรักกันไม่ได้จริงๆ เหรอ”
   
“ไม่ได้” พี่ภูคงเข้าใจความหมายคำว่ารักของผมดี เลยรีบตอบทันทีโดยไม่ได้หยุดคิด
   
“แค่เพราะเราเป็นพี่น้องกันเหรอครับ”
   
“ใช่” คำตอบของพี่ภูทำให้ผมบีบมือเขาแน่นขึ้น

ผมยืมมือพี่กฤษมายั่วโมโหพี่ภูไม่ได้อีกแล้ว พี่ภูเองก็ขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์ของเราไว้ชัดเจน ถึงพี่ภูจะใส่ใจดูแลผมมากขึ้น พูดจาดีๆ ด้วยต่างจากเมื่อก่อน แต่เขาไม่เคยแสดงท่าทีเกินเลยสักครั้ง มีแต่จะปฏิเสธและผลักผมออกห่างทุกทีที่ผมพยายามให้เราได้ใกล้ชิดกัน
   
ตอนนี้ผมมองเห็นแค่ทางเดียวที่จะทำให้พี่ภูยอมรับความรักของเรา และผมไม่อยากจะรอหรือลองใช้วิธีอื่นอีกแล้ว...

“แล้วถ้า...” เงียบอยู่เกือบนาทีผมถึงจะกล้าพูดประโยคต่อมา “...เราไม่ใช่พี่น้องกัน พี่ภูจะรักธารได้ไหม”
   
“.....”
   
ถึงพี่ภูจะไม่ยอมตอบ แต่ผมกลับรู้คำตอบนั้นดี...ความรักของเรายังมีทางเป็นไปได้  แค่บอกความจริงกับเขาเท่านั้น
   
...ยอมให้พี่ภูเจ็บปวดเพื่อแลกกับที่ผมจะได้ครอบครองอีกฝ่าย ใครๆ ก็เห็นแก่ตัวเพื่อความรักกันทั้งนั้น มันไม่ผิดสักหน่อย...พี่ภูแข็งแกร่งกว่าผมตั้งเยอะ ขนาดผมเองตอนที่รู้ว่าพ่อตะวันไม่ใช่พ่อแท้ๆ ยังยอมรับได้เลย ทำไมพี่ภูจะรับไม่ได้ล่ะจริงไหม อีกอย่างความลับไม่มีในโลกสักหน่อย สักวันเขาก็ต้องรู้อยู่ดี
   
ผมใช้เหตุผลพวกนี้บังคับให้ตัวเองพูดความจริงทั้งหมดออกไป แต่สุดท้าย...ก็ไม่กล้าพอ
   
“ก็ได้...ธารจะไม่พยายามแล้ว ในเมื่อพี่ภูไม่ยอมรับความรักของธาร พี่ภูก็ไม่มีสิทธิ์มาขัดขวางไม่ให้ธารรักคนอื่น...ต่อไปอย่ามายุ่งเรื่องระหว่างธารกับพ่ออีก!”
   
พ่นคำพูดยาวเหยียดพวกนั้นจนจบผมก็วิ่งขึ้นห้องตัวเอง ไม่รอฟังคำตอบจากพี่ภูอีก พอเข้ามาในห้องได้ก็ก้าวเร็วๆ ไปที่โต๊ะ เปิดลิ้นชักควานหาไฟแช็กที่เพื่อนสนิทในกลุ่มสักคนเคยลืมทิ้งไว้ ก่อนจะคว้าเอาถังขยะสแตนเลสใต้โต๊ะออกมา
   
ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ภูต่อจากนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง ในเมื่อผมตัดสินใจแล้วว่าจะเก็บความลับทั้งหมดเอาไว้ ไดอารี่ภาพในมือผมตอนนี้ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป…


   
[Special Part: Phupha]
   
“ก็ได้...ธารจะไม่พยายามแล้ว…”
   
คำพูดของธารดังก้องอยู่ในหัว น้ำเสียงและสีหน้าตอนที่ธารพูดก็ยืนยันได้ว่าน้องจริงจังแค่ไหน...ทั้งที่ผมควรจะยินดีที่ความสัมพันธ์ผิดบาปพวกนี้ต้องจบลง ทั้งที่ผมพยายามหนีธารมาตลอด แต่เมื่ออีกฝ่ายเลิกไล่ตาม...
   
ในอกผมมันวูบโหวงไปหมด รู้สึกเหมือนเพิ่งสูญเสียอะไรบางอย่างไป...ของที่สำคัญมาก
   
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ อาจจะแค่หนึ่งนาที หรือสิบนาทีที่ผมยืนนิ่งไม่ขยับ และใช้เวลาอีกเกือบนาทีพาตัวเองขึ้นไปบนชั้นสอง หน้าห้องนอนของธาร...ผมอยากจะเข้าไปปลอบน้อง อยากจะดึงร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอด แต่ผมกลับทำได้แค่หักห้ามใจ ยืนจ้องมองประตูโดยไม่ขยับเขยื้อน
   
มีเสียงกุกกักและเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังมาจากด้านใน ผมยังคงนิ่ง...กระทั่งได้กลิ่นสิ่งของถูกเผาไหม้ และเห็นควันไฟจางๆ ลอดออกมาจากใต้ประตูถึงเพิ่งได้สติ รีบผลักประตูเปิดเข้าไป
   
ผมกวาดตามองรอบห้องอย่างรวดเร็วก่อนจะไปหยุดยังร่างผอมบางที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ อีกฝ่ายดูตกใจที่เห็นผม ยืนนิ่งอึ้งอย่างตั้งตัวไม่ทัน ในมือเล็กๆ นั่นถือสมุดวาดภาพเล่มหนึ่งเอาไว้ หลายหน้าถูกฉีกขาด หน้ากระดาษสี่ห้าแผ่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ตรงข้างเท้าของธารยังมีซองเอกสารสีน้ำตาลตกอยู่ ในถังขยะสแตนเลสเต็มไปด้วยเศษขี้เถ้าสีดำ กระดาษและรูปภาพอีกจำนวนหนึ่งกำลังถูกเผาไหม้
   
“ทำอะไร!?”
   
ร่างผอมบางสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเสียงตวาด ก่อนที่น้องจะรีบเอาของในมือหลบไว้ด้านหลังตัวเอง ท่าทางลนลานกับดวงตากลมโตที่เบิ่งกว้างดูมีพิรุธจนผมต้องขมวดคิ้ว
   
“เอามา” ผมยื่นมือออกไปตรงหน้าธาร แต่ใบหน้าน่ารักกลับส่ายแรงๆ แทนคำปฏิเสธ ผมจึงก้าวไปประชิดตัวอีกฝ่าย โอบแขนผ่านลำตัวผอมไปทางด้านหลัง แล้วดึงเอาสมุดเล่มนั้นจากมือน้อง และแน่นอน...ด้วยเรี่ยวแรงที่มากกว่าผมสามารถแย่งมันมาได้อย่างง่ายดาย
   
“พี่ภูเอาคืนมานะ!” น้ำเสียงธารสั่นเครือ พยายามไขว่คว้าแย่งสมุดวาดภาพคืน แต่กลับถูกผมรวบข้อมือทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเดียว
   
“นี่อะไร” ผมขมวดคิ้วมองหน้าสมุดที่ถูกเปิดค้าง บนนั้นแปะรูปถ่ายไว้สองใบ ภาพแรกเป็นแม่ในวัยสาวยืนคู่กับผู้หญิงท้อง ใต้ภาพมีข้อความภาษาอังกฤษสั้นๆ กับวันที่เขียนกำกับไว้ด้วยลายมือของแม่ มันบอกว่าเด็กในท้องอายุเก้าเดือนแล้ว

อีกภาพเป็นรูปผู้หญิงแปลกหน้าคนเดิมนอนอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล กำลังอุ้มเด็กทารกไว้แนบอก โดยมีแม่ของผม หมอและพยาบาลยืนอยู่ข้างเตียง  มีข้อความเขียนไว้ใต้ภาพว่า PhuPha’s Birthday ตามด้วยวันเดือนปีที่ผมเกิด
   
“ฮึก...ธารขอโทษ ฮือๆ พี่ภู เผาทิ้งไปนะ เผาทิ้ง...”
   
ธารยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม เอาแต่พูดปนสะอื้นบอกให้ผมเผาสมุดทิ้งไป ขณะที่ผมยังคงสับสนกับสิ่งที่เห็น ได้แต่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลกฝืด คิดไปว่าธารคงตัดต่อภาพพวกนี้มาเพื่อหลอกให้ผมเชื่อว่าเราไม่ใช่พี่น้องกัน...แต่มันเป็นภาพถ่ายโพราลอยด์ จะใช้โปรแกรมตัดต่อได้ยังไง?
   
ผมผลักธารออกห่าง คงออกแรงเยอะไปหน่อยร่างเล็กๆ นั่นเลยล้มลงกระแทกพื้น แต่ความสนใจทั้งหมดของผมมันอยู่ที่ไดอารี่ภาพเล่มนี้ ผมเลยเอาแต่เปิดดูมันโดยไม่ได้เข้าไปช่วยพยุงธารลุกขึ้น เปิดไปอีกหน้าและอีกหน้า...ตัวของผมยิ่งชาดิก
   
ผู้หญิงแปลกหน้าในรูปหน้าตาคล้ายผมมากเกินไป และข้อความที่เขียนเอาไว้ก็ยิ่งบอกชัดว่าเธอคือแม่ของภูผา...บ้าน่า อาจจะไม่ใช่ภูผาคนเดียวกันก็ได้ วันที่พวกนี้ก็คงเขียนผิด มันจะเป็นช่วงเวลาที่ผมอยู่ในท้องและเพิ่งคลอดออกมาไม่นานได้ยังไง ตอนนั้นแม่ของผมต้องท้องป่องสิ และเธอก็ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล
   
จากหางตา ผมเห็นว่าธารที่เอาแต่นั่งร้องไห้ก่อนหน้านี้ ชะงักไปนิดก่อนจะรีบเอื้อมมือไปคว้าซองเอกสารสีน้ำตาลบนพื้นข้างๆ ตัวโยนลงในถังสแตนเลส น่าเสียดายที่ไฟเกือบมอดดับไปแล้ว มันเลยไม่ได้เผาไหม้ซองนั้นในทันที
   
ผมก้มตัวลงหยิบซองเอกสารจากในถังขยะขึ้นมา สะบัดเบาๆ เปลวไฟสีส้มที่ติดอยู่มุมซองก็ดับลง
   
“พี่ภู...พี่ภู...เอามาให้ธารนะ” ธารบอกอย่างลนลาน คว้าเกาะขาผมเอาไว้ แต่ในเวลานี้ผมไม่สนใจอะไรมากไปกว่าความจริงที่ตัวเองอยากรู้
   
ตุบ!
   
สมุดวาดภาพถูกผมโยนทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี ก่อนที่ผมจะเปิดซอง หยิบเอาเอกสารด้านในออกมา ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีกวาดสายตาอ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษบนหน้ากระดาษเก่าๆ จนจบ
   
เหอะๆ...นี่มันบ้าไปหน่อยแล้ว
   
“ฮะ...ฮ่าๆ” ผมถึงกับหัวเราะเยาะกับตัวเอง นี่โกหกผมมาตลอดเลยเหรอ...เกือบตั้งยี่สิบปี คิดจะบอกผมเมื่อไหร่กัน!?
   
“ไปเอามาจากไหน”
   
“.....” ธารเอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมตอบ
   
“รู้เรื่องนี้นานรึยัง”
   
ใบหน้าน่ารักนั่นส่ายไปมาอีกครั้ง...นั่นสิ ธารก็น่าจะเพิ่งรู้ได้ไม่นาน ไม่งั้นคงแสดงท่าทางแปลกๆ กับผมตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
   
“ไม่เป็นไรนะพี่ภู...พ่อตะวันก็ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของธาร ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่ภูไม่ต้องเสียใจนะ...ยังไงแม่ก็รักพี่เหมือนเดิม”
   
จากคำพูดยาวเหยียดพวกนั้นผมกลับจับใจความได้แค่ประโยคเดียว...น้าตะวันไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของธาร น้องรู้เรื่องนี้ได้ยังไง!?
   
ผมทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าน้อง วางเอกสารในมือลงอย่างไม่ใส่ใจแล้วคว้าไหล่ผอมบางไว้ “ธารรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครบอกธาร”
   
ตอนเด็กๆ ก่อนธารจะคลอด ผมได้ยินแม่กับน้าตะวันคุยกัน ผมรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าน้าตะวันไม่ใช่พ่อแท้ๆ และจำได้มาตลอด แต่แค่ไม่เคยคิดจะบอกน้อง...ผมกลัวว่าวันนี้จะเกิดขึ้นสักวัน กลัวว่าธารจะต้องเสียใจ
   
แต่สำหรับตัวผมเองเหรอ...เสียใจ? ไม่เลย ผมแค่ใจหายมากกว่า และโคตรรู้สึกแย่ที่ถูกหลอกมาตลอด อย่างที่บอกว่าผมใช้ชีวิตหลายปีในต่างประเทศ มีกี่ครั้งกันที่แม่มาเยี่ยม? คนที่เลี้ยงผมมาตอนเด็กก็คือตา จนกระทั่งตาเสียถึงย้ายมาอยู่กับแม่

แน่นอน...ผมรักแม่ เธอดีกับผมมาก แต่เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
   
คนที่ผมรักยิ่งกว่าแม่คือน้องชายของผม...ทั้งรักทั้งอิจฉาที่น้องได้รับความรักความเอาใจใส่มากกว่า แต่เพราะความรู้สึกพวกนั้นมันจึงยิ่งทำให้ผมยึดติดกับธาร จนถึงตอนนี้ธารเลยเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต...
    
“ใครบอกก็ช่าง จะรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ช่าง...ช่างมันเถอะ มันไม่สำคัญเลยนะพี่ภู ยังไงพ่อก็ยังเป็นพ่อของธาร แม่ก็ยังเป็นแม่ของเรา ไม่เป็นไรเลย...”
   
นี่น้องพยายามปลอบผมเหรอ...
   
ในเวลาแบบนี้ผมยังยิ้มออกแค่เพราะคำพูดของน้อง มือของผมเลื่อนจากหัวไหล่ผอมบางขึ้นมากุมใบหน้าน่ารักไว้ ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเนียนใสทั้งสองข้าง
   
“ใช่ ไม่เป็นไรเลย” ผมกระซิบ ทั้งเพื่อปลอบตัวเองและคนตรงหน้า แต่ดูธารสิ ตัวเองยังควบคุมสติไม่ได้ ตกใจเสียขวัญไปหมด แต่กลับโผเข้ามากอดผม ลูบหลังลูบไหล่กลัวว่าผมจะเสียใจนักหนา การกระทำของน้องมันทำให้ผมอุ่นไปทั้งใจ รับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงและความรักที่อีกฝ่ายมอบให้
   
ถ้าผม...ขอรับมันเอาไว้จะได้ไหม?

ความรู้สึกผิดบาปในใจผมมันเจือจางลงหลังจากรู้ว่าพวกเราไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด มันก็ใช่ที่ฐานะพี่น้องของเรายังเหมือนเดิม แต่ตอนที่ผมกำลังจะเสียธารไป ตอนที่ธารบอกผมว่าน้องจะเลิกพยายามแล้ว...ผมก็เริ่มคิดว่า...เหตุผลบ้าๆ นี่มันสำคัญขนาดนั้นเลย? สำคัญถึงขนาดทำให้ผมทำร้ายคนที่ตัวเองรักซ้ำๆ

พี่น้องบุญธรรมกี่คู่ในอเมริกาที่แต่งงานกันเอง แล้วทำไมผมกับธารจะรักกันไม่ได้?

“ธารขอโทษ...ขอโทษนะพี่ภู ธารเห็นแก่ตัวเองที่อยากให้พี่ภูรัก ฮึกๆ”

“หยุดร้อง แล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” คนที่ควรถูกปลอบตอนนี้ควรจะเป็นธารมากกว่า แต่น้องยังไม่หยุดลูบหลังผมเลย ทั้งยังพูดไปร้องไห้ไป ยิ่งดูก็ยิ่งน่าสงสาร

“ฮึก...ธาร….”

“พี่บอกให้หยุดร้องไห้” ผมถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี ซึ่งคนในอ้อมแขนคงคิดว่าผมรำคาญ เลยหยุดลูบหลังผม แล้วพยายามกัดปากกลั้นสะอื้นเต็มที่ แต่ก็ยังหลุดเสียงร้องสั้นๆ ออกมาบ้าง “ธารไม่จำเป็นต้องขอโทษ ถ้าจะมีใครสักคนเห็นแก่ตัว คงเป็นพี่เอง” 

“.....” ดวงตากลมโตจ้องมองผมด้วยแววตาสับสนไม่เข้าใจ

“ต่อไปคนที่ธารรักมากที่สุด...เป็นพี่ได้รึเปล่า” ผมใช้แขนโอบรอบเอวเล็กบาง ดึงรั้งร่างอีกฝ่ายเข้ามาแนบชิดมากขึ้น ประคองใบหน้าน่ารักไว้ด้วยมืออีกข้าง ก้มลงไปใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดกันและกัน

ยิ่งช่องว่างระหว่างเราเหลือน้อยลง ลมหายใจของผมก็ยิ่งติดขัด...

“พี่ภูจะรักธารตอบไหม” น้ำเสียงสั่นเครือยอกย้อนผมด้วยคำถาม

“รักสิ” ผมกระซิบ จ้องมองริมฝีปากหยักบางที่ล่อลวงอยู่ตรงหน้า แทบอดใจไม่ไหวที่จะบดเบียดริมฝีปากของตัวเองลงไป

“งั้น...ที่สุดหมายถึงสองคนได้ไหม”

“ไม่ได้”  ผมขมวดคิ้วบอกด้วยความไม่พอใจ แล้วกดจูบลงไปทันที หยุดคำพูดทุกอย่างไว้ในลำคอเล็กๆ นั่น

ถึงปากจะบอกปฏิเสธไม่ให้รักคนอื่น แต่ใจผมรู้ดีว่าต่อให้ธารรักผมมากแค่ไหน คนที่น้องให้ความสำคัญที่สุดกลับไม่ใช่ผม และผมก็ไม่สามารถเอาชนะคนๆ นั้นได้เลย...ผมไม่กล้าพอที่จะบังคับให้ธารเลือกระหว่างเราสองคน ไม่เข้มแข็งพอจะเสียธารไปให้ใคร...ถ้าน้องยืนยันจะรักอีกคนมากกว่า...

ผมคงทำได้แค่ร้องขอความรักจากน้องบ้างเท่านั้น

คนในอ้อมกอดยังสับสนมึนงง ปล่อยให้ผมไล้เล็มริมฝีปากอยู่ฝ่ายเดียว นานเกือบนาทีกว่าที่ธารจะเริ่มจูบตอบพร้อมกับยกท่อนแขนเรียวขึ้นโอบรอบลำคอของผมไว้ ระหว่างที่ริมฝีปากดูดเม้มกันและกัน ปลายลิ้นกวาดต้อนไปทั่วโพรงปาก ผมจับให้คนตัวเล็กกว่าเอนตัวลงนอนบนพื้น โดยมีผมนอนคร่อมอยู่ด้านบน 

รสจูบของเราเริ่มเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ เสียงดูดเม้มดังสะท้อนภายในห้อง ฝ่ามือของผมปัดป่ายไปทั่วเรือนร่างนุ่มนิ่ม หยุดบีบเค้นร่างกายบางส่วนที่นุ่มมือเป็นพิเศษ กระทั่งคนตัวเล็กกว่าส่งเสียงประท้วงในลำคอผมจึงยอมถอนริมฝีปากออก ฟังเสียงหอบหายใจที่ชวนให้รู้สึกวาบหวิว

“พี่รักธาร” ฝ่ามือของผมยังไม่หยุดลูบไล้ไปทั่วผิวกายเนียนนุ่ม ทำให้ร่างผอมบางอ่อนระทวยอยู่ใต้ร่างของผม

“ธารก็รักพี่ภูครับ”

ผมบดเบียดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็เลื่อนฝ่ามือไปที่กางเกงขาสั้นของน้อง ดึงรั้งมันลงมาพร้อมกับอันเดอร์แวร์ตัวจิ๋ว แล้วถอดออกจากเรียวขาขาวเนียนในคราวเดียว

Cut Nc
(ขอตัดฉาก NC ออกนะครับ)

แม้ว่าคนใต้ร่างจะขอร้องอ้อนวอน แต่ผมยังคงกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่ากระทั่งถึงจุดสูงสุด แล้วปลดปล่อยออกมาในตัวอีกฝ่าย...จากนั้นจึงเริ่มใหม่อีกครั้งและอีกครั้ง...

[End Phupha’s Part]

Pie2Na

ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2017 10:42:41 โดย pie2na »

ออฟไลน์ aladinhan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านทันใน1วัน ตาบวมหมดแล้ว ชอบมากกก ฮืออออ :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รู้ความลับกันหมดแล้ว
ภูผา ธาร เข้าใจกันรักกัน
แต่ธารยังมีคนสำคัญ คนที่รักอีกคน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
ไม่ใช่แค่คนเขียนที่ลืมๆเนื้อเรื่อง  คนอ่านก็ลืมค่ะ ㅎㅂㅎ

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 28
คนที่สำคัญกว่า

ก่อนอ่าน จะบอกว่า เรื่องนี้วางขายฉบับ E-Book แล้วนะครับ
>>สนใจคลิก<<
(บอกไปรึยัง ลืม  :laugh: )


3: 15 P.M.

@The Attribute Condominium

ความอึดอัดจากอ้อมแขนที่กอดรัดจากทางด้านหลังปลุกให้ผมงัวเงียตื่น รวบรวมความคิดอยู่เกือบนาทีถึงเพิ่งนึกออกว่ามาอยู่บนเตียงได้ยังไง...หลังจากมีอะไรกับพี่ภู เราก็ทานมื้อเที่ยง (ตอนบ่าย) ด้วยกัน ต่อด้วยดูหนังที่ห้องนั่งเล่น น่าจะช่วงบ่ายสองที่ผมทนถ่างตาไม่ไหวจนผล็อยหลับไปบนโซฟาด้วยความอ่อนเพลีย แล้วโดนพี่ภูอุ้มมานอนในห้อง

ผมขยับพลิกตัวหันหน้าเข้าหาคนที่กอดตัวเองไว้ แล้วก็ต้องชะงักไปนิดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว แถมยังมีกลิ่นน้ำหอมจางๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่เซ็กซี่...เห็นแค่ปลายคางยังไม่ทันมองหน้าผมก็รู้ได้ทันทีว่าคนๆ นี้คือพ่อตะวันไม่ใช่พี่ภู แต่ไหนพ่อบอกว่าวันนี้ติดงานกว่าจะเสร็จก็ดึกๆ ไง ทำไมมาอยู่นี่ได้

หน้าของผมซุกอยู่ตรงอกแกร่งพอดีเลยต้องขยับตัวขึ้นอีกหน่อย พอได้มองใบหน้าคมสันนั่นชัดๆ ก็ถึงกับตกใจจนนิ่งอึ้ง...ดวงตาภายใต้กรอบแว่นตอนนี้ปิดสนิท มุมปากแตก โหนกแก้มข้างซ้ายมีรอยช้ำเขียวอมม่วง...รอยพวกนี้มันไม่ได้ทำให้พ่อน่าเกลียดลง แต่กลับช่วยขับเน้นใบหน้าคมคายให้ดูหล่อร้าย น่าค้นหาไปอีกแบบ

...ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาหลงโง่งมไปกับหน้าหล่อๆ ของพ่อตอนนี้สิ ประเด็นมันอยู่ที่พ่อไปต่อยกับใครมา!? คนใจเย็น นิ่งเฉยกับทุกอย่างแบบพ่อเนี่ยนะจะมีเรื่องกับคนอื่น...แต่พอนึกถึงตอนที่พ่อต่อยพี่กฤษแล้ว ผมก็ชักไม่แน่ใจ...

“พ่อ อย่าแกล้งหลับสิ ลืมตาเลยนะ” ผมจิ้มไปที่รอยช้ำบนหน้าพ่อเบาๆ เมื่อกี้ผมขยับตัวแรงขนาดนั้น ถ้าพ่อหลับอยู่จริงก็น่าจะรู้สึกตัวตื่นแล้ว

พ่อซี้ดปากเล็กน้อย มองผมด้วยสีหน้าต่อว่าที่ทำให้ตัวเองเจ็บ แต่ดูก็รู้ว่าแกล้งทำน่ะ

“ไปมีเรื่องกับใครมาครับ”

“แล้ววันนี้เราไปเจอใครมาบ้างล่ะ”

“.....” ผมตัวแข็งทื่อ...หรือพ่อรู้เรื่องจากพี่อติณแล้ว เลยมีปัญหากัน?

“ธารคิดจะบอกพ่อเมื่อไหร่หืม?” นิ้วมือสากไล้ผิวแก้มของผมเล่น ดวงตาคมกริบที่จ้องมองมาทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกล่อลวง

“เก็บเรื่องใหญ่แบบนี้ไว้คนเดียวได้ยังไง คราวหลังมีอะไรต้องพูดนะครับ”

“ธารกลัวพ่อต้องมากังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่องนี่ ใครจะพูดยังไงมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่ดี ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดถึงเลย”

พ่อย่นคิ้ว “ธารไม่โกรธพ่อเหรอครับ”

ผมส่ายหน้ากับอกแกร่ง ยกแขนโอบกอดพ่อไว้แน่น “พ่อรักธารก็พอแล้ว เรื่องอื่นธารไม่สนหรอก”

“ลูกพ่อเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้เชียว” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคอ มือสากลูบไล้แผ่นหลังของผมเล่น ปลายจมูกโด่งที่เกลี่ยอยู่บนหน้าผากและลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดผิวบางเบาทำให้ผมรู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย “ถ้าธารไม่อยากพูดถึง พ่อก็จะไม่ถามอีก...แต่พ่ออยากให้ธารรู้ไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ธารยังคงเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตพ่อ และพ่อรักธารที่สุด”

“ธารรู้” ทำไมรู้สึกจุกๆ แถมตายังพร่านิดๆ นะ เหมือนน้ำตาจะไหลออกมาเลย “ธารก็รักพ่อที่สุดครับ”

“เด็กดี” พ่อจูบลงบนหน้าผากพร้อมกับตบก้นผมเบาๆ ...นี่มันไม่ใช่แล้ว!

“ธารโตแล้วนะ” ผมโอด จับมือข้างนั้นไว้ให้หยุดตบก้นผมสักที “พ่อนั่นแหละ อายุก็มากแล้วยังทำตัวเป็นหนุ่มเลือดร้อนไปมีเรื่องกับคนอื่น...แล้วได้ต่อยคืนบ้างไหมครับ พ่อไม่แพ้ใช่ไหม” ดวงตากลมโตของผมคงดูอยากรู้อยากเห็นมากเกินไป เลยโดนพ่อบีบจมูกอย่างมันเขี้ยว

“นี่ว่าพ่อแก่เหรอ”

“ไม่เลย ฟิตเปรี๊ยะ” ผมตบฝ่ามือลงบนแผงอกแกร่งแรงๆ ดูสิ แน่นตึงขนาดนี้ ฟิตสุดๆ ...เผลอตัวไปครู่หนึ่งถึงนึกได้ “ไม่เอาสิ ห้ามเปลี่ยนเรื่อง”

ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่พ่อจะเริ่มเล่า “เมื่อเช้าผู้ชายคนนั้นมาหาแม่ธารที่บริษัท ตอนนั้นพ่ออยู่ด้วย พวกเราสามคนเลยได้คุยกัน...เรื่องของลูกกับพี่ภู”

“ร...เรื่องอะไรครับ”

คงไม่ใช่เรื่องที่ผมกับพี่ภู...

“ไม่มีอะไรสำคัญหรอกครับ...แค่เขาหลุดปากออกมาว่าเผลอเล่าเรื่องในอดีตให้ธารฟัง พ่อเลยโมโหจนมีเรื่องชกต่อยกัน...แน่นอนพ่อชนะ เพราะยามมาห้ามไว้ทัน”

พ่อพูดติดตลก แต่ผมกลับยังกังวล...การที่พ่อไม่บอกตามตรงว่าพี่อติณพูดอะไรบ้าง แสดงว่าเขาต้องบอกเรื่องที่ผมมีอะไรกับพี่ภูแน่ และถ้าแม่รู้เข้าคงไม่ยอมปล่อยผ่านไปเฉยๆ

“เป็นไรไปครับ ทำไมทำหน้าเครียดหืม”

“พี่ภู...แม่จะว่าอะไรไหม...”

พ่อยิ้ม กดจูบลงบนหน้าผากผมอีกครั้ง ในตอนนี้เองที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นเงาคนบริเวณประตูห้อง...ประตูถูกเปิดค้างไว้ และดูเหมือนอีกฝ่ายจะนั่งอยู่ข้างกำแพงมาพักใหญ่แล้ว

“อย่ากังวลไปเลยครับ...ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้ธารต้องเสียใจ พ่อจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น” พ่อกระซิบแนบชิดริมฝีปากของผม นิ้วมือสากไล้ไปตามผิวแก้ม ต่ำลงมาบริเวณลำคอ และแนวกระดูกไหปลาร้า วนไล้อยู่ที่จุดหนึ่งนานเป็นพิเศษ

ตรงนั้นเหมือนจะมีรอยที่พี่ภูทำไว้...



[Special Part: Phupha]

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมนั่งอยู่ข้างประตูห้องธาร...ทนฟังน้องทำเสียงออดอ้อน บอกรักผู้ชายคนอื่นในห้องที่เราเพิ่งกอดกัน เจ็บแทบบ้าเลยว่ะ แต่ผมก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้ ไม่กล้าที่จะลุกออกไป แม้จะทำอะไรไม่ได้

“ถึงน้ำจะรู้เรื่องนี้แล้ว แต่นายก็รู้นี่ว่าฉันช่วยได้...ถ้ายังอยากอยู่ข้างๆ ธาร ต่อไปก็อย่ามาขัดขวางเรื่องของฉันกับลูกอีก”
นึกถึงคำพูดของน้าตะวันก่อนหน้านี้ ผมก็ได้แต่ซัดกำปั้นลงบนพื้นระบายความอัดอั้น

น้าตะวันไม่จำเป็นต้องมาขู่บังคับผมด้วยคำพูดพวกนั้นหรอก ในเมื่อผมเองก็ทำเกินเลยกับธาร แล้วจะยังมีหน้าไปห้ามไม่ให้เขาทำแบบเดียวกันได้ยังไง อีกอย่างน้าตะวันก็มีสิทธิ์เต็มที่ในความเป็นพ่อ ส่วนผมเป็นแค่พี่ชายเท่านั้น...พี่ชายที่ธารให้ความสำคัญน้อยกว่า

RRrrrr…

แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงดึงผมออกจากความคิดวุ่นวายในหัว ผมล้วงเอาไอโฟนขึ้นมา มองรายชื่อคนโทรเข้าที่โชว์อยู่บนหน้าจอก่อนจะกดรับ

“ว่าไงครับ”

“แม่รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”

“อ้อ...เพิ่งคิดออกล่ะสิว่าจะจัดการผมยังไงถึงเพิ่งโทรมา” ถึงคำพูดจะแฝงความประชดประชัน แต่ผมกลับพูดมันด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย

“…..”

“คราวนี้จะส่งผมไปประเทศไหนอีกล่ะ”

“ภู...แม่ขอโทษ” น้ำเสียงของแม่สั่นเครือเหมือนกำลังร้องไห้อยู่ ตอนแรกผมนึกว่าแม่จะต่อว่าผมเรื่องธารก่อนซะอีก ทำไมถึงกลายเป็นคนอ่อนไหวแบบนี้ไปได้ ไม่สมกับเป็นแม่ผมเลยแฮะ

“ขอโทษ? เรื่องนั้นน่ะเหรอครับ ไม่จำเป็นหรอก...ผมรู้ว่าแม่รักผม ผมโตพอที่จะเข้าใจว่ามันเป็นแค่เรื่องในอดีต ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตของผมตอนนี้ แต่ถ้าแม่อยากจะแสดงความรักให้ผมอบอุ่นใจ แค่อย่าแย่งน้องไปจากผมอีกก็พอ”

ไม่รอให้แม่พูดต่อ ผมก็กดตัดสายอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ในเมื่อน้าตะวันรับปากเอาไว้แล้วว่าจะช่วย เขาก็ต้องทำได้แน่ คำพูดไม่กี่ประโยคของเขา จูงใจแม่ได้มากกว่าคำพูดเป็นล้านคำจากลูกชายหัวดื้ออย่างผมซะอีก

[End Phupha’s Part]



เช้าวันจันทร์...ขี้เกียจไปโรงเรียนสุดๆ

ผมกับพี่ภูนั่งอยู่ข้างกันหน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่ต่อออกมาจากห้องครัว ขณะที่ผมใช้ช้อนตักไข่ออมเล็ตในจานเข้าปาก ก็แอบเหลือบมองคนข้างๆ ไปด้วย อีกฝ่ายอยู่ในชุดนักศึกษาที่ไม่ค่อยจะถูกระเบียบนัก เน็กไทไม่สวม พับแขนเสื้อเชิ้ตถึงข้อศอกแถมชายเสื้อยังอยู่นอกกางเกง กางเกงยีนสีดำนั่นก็มีรอยขาดเต็มไปหมด

ในมือของพี่ภูถือขนมปังโฮลวีตที่เหลืออยู่เกือบครึ่งแผ่น เขากัดมันอีกคำ เคี้ยวด้วยท่าทางเนือยๆ เหมือนยังไม่ตื่นเต็มที่ก่อนจะทิ้งลงบนจาน แล้วเดินไปหยิบนมในตู้เย็นมาดื่ม...ยกทั้งแกนลอนกระดกลงคออย่างเคย แถมยังใจดีเอานมแกนลอนนั้นมาวางให้ผมด้วย

นมครึ่งแกนลอนค่อนข้างหนักนะ ถ้าผมยกดื่มเลียนแบบพี่ภูคงหกรดเสื้อนักเรียน เลยจำเป็นต้องรินใส่แก้ว หลังจากดื่มนมในแก้วจนหมด พี่ภูก็ยังยืนอยู่ข้างๆ ในท่าเดิม เขาก้มหน้าเล่นมือถืออยู่ ท่าทางเหมือนกำลังแชทติดพัน

ระหว่างเราควรจะหวานให้มากกว่านี้รึเปล่า? ทั้งที่เมื่อวานพี่ภูเพิ่งจะบอกรักผม แล้วเราก็มีอะไรกันโดยที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่เมื่อคืนพี่ภูกลับไม่ได้ชวนให้ผมนอนห้องเขา เช้ามายังทำตัวเฉยชาใส่อีก...ผมควรจะเรียกร้องความสนใจบ้างถูกไหม?
“พี่ภู ธารยังเจ็บอยู่เลย”

พี่ภูเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือ มองผมอย่างสงสัย “เป็นอะไร เจ็บตรงไหน”
   
นี่เขาไม่รู้ตัวจริงๆ เหรอว่าทำผมแรงแค่ไหน เล่นใส่มาไม่ยั้งจนผมแทบลุกไม่ขึ้น ตื่นเช้ามายังปวดระบมไม่หาย ที่สำคัญพ่อเห็นรอยคิสมาร์กบนคอผมแล้วด้วย ถึงเมื่อคืนพ่อจะไม่ได้ถามออกมาตรงๆ แต่ก็มองรอยพวกนี้อยู่นานเลย 

“ตรงนี้” ผมดึงมือขวาของพี่ภูมาวางบนสะโพก “หลังก็ปวดมากด้วย...พื้นแข็งจะตายยังจะทำแรงอีก”
   
“ยังเจ็บมากเลยเหรอ” พี่ภูขมวดคิ้ว ใช้มือข้างนั้นบีบนวดบริเวณเอวกับสะโพกผมอย่างเบามือ ถ้าเป็นเมื่อก่อนแค่จะแตะตัวกันพี่ภูยังไม่ยอมทำด้วยซ้ำ...อย่างน้อยก็ถือว่ามีพัฒนาการขึ้นบ้าง
   
“สงสัยเพราะพี่ภูนวดให้ เลยดีขึ้นแล้วครับ” ผมยิ้มทะเล้น
   
คนฟังส่ายหน้ายิ้มตาม ยื่นมืออีกข้างมาจับที่เอวผม กำลังจะช่วยนวดให้ด้วยทั้งสองมือ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะ พ่อมาเหรอ? แต่ปกติพี่ภูต้องเป็นคนไปส่งผมนี่นา
   
ผมลงจากเก้าอี้ทรงสูงมายืนอยู่บนพื้น มือของพี่ภูที่จับเอวอยู่เมื่อครู่จึงเลื่อนหลุดออก ได้ยินเสียงกุกกักบริเวณประตู ผมก็รีบสาวเท้าเดินไปหา แต่พอได้เห็นร่างสูงโปร่งของคนที่กำลังยืนรื้อของในกระเป๋าอยู่ อารมณ์ดีๆ เมื่อครู่ก็หายวับ
   
“พี่เข้ามาได้ยังไง”
   
พี่กายเงยหน้าขึ้นเห็นผมก็หยุดรื้อของในกระเป๋า ส่งยิ้มร้ายๆ มาให้ก่อนจะถอดสายสะพายออกทางหัว วางกระเป๋าเป้ใบนั้นไว้บนตู้เก็บรองเท้า แล้วเดินมาหยุดตรงหน้าผม ห่างไปแค่ครึ่งก้าว
   
“ใช้คีย์การ์ดเปิดเข้ามาไง”
   
พี่ภูให้คีย์การ์ดหมอนี่ไว้!?
   
“เอาคีย์การ์ดนั่นมา” ผมแบมือยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่าย
   
พี่กายเลิกคิ้วข้างเดียว มองผมเป็นเชิงถาม “มีอะไรมาแลกเปลี่ยนไหม”
   
“.....”
   
“อย่างเช่น...จุ๊บพี่ทีนึง”
   
“ไม่!” เสียงตะคอกของผมคงดังไปถึงห้องครัว คนที่อยู่ด้านในเลยเดินตามมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินเสียงฝีเท้าของพี่ภูหยุดลงทางด้านหลังผมจึงหันกลับไปมอง อีกฝ่ายกำลังยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ ไม่มีทีท่าจะเข้ามาช่วยผมไล่พี่กายออกไป
   
“นี่...อย่าลืมนะว่าพี่กุมความลับของเราอยู่ ถ้าไม่อยากให้ไอ้ภูรู้ก็ทำตัวดีๆ หน่อยสิ”
   
ความลับ? ที่เขารู้ว่าผมกับพ่อมีอะไรเกินเลยกว่าฐานะพ่อลูกน่ะเหรอ...ผมบอกพี่ภูไปตั้งนานแล้ว ยังจะกลัวคำขู่อะไรนี่อีกทำไม
   
“เอาคีย์การ์ดมา” ผมย้ำคำเดิม ไม่ได้เดินไปจูบเขาตามที่โดนสั่ง
   
   

[Special Part: Phupha]
   
ตอนที่ได้ยินคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง ธารคงคิดว่าเป็นน้าตะวันเลยรีบเดินไปดูทันที ยอมรับเลยว่าผมรู้สึกแย่มากที่น้องแสดงออกชัดเจนว่าดีใจแค่ไหน แต่เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าคนที่มาคือกาย ทีแรกเลยไม่ได้ตามออกไป จนได้ยินเสียงเหมือนสองคนนั้นทะเลาะกันนั่นล่ะ

ผมยืนกอดอกพิงกำแพงรอดูว่ากายมันจะแกล้งธารยังไงต่อ ไอ้เรื่องคีย์การ์ดนั่นน่ะ ผมเป็นคนให้มันไว้ก็จริง แต่เพราะกายหน้าด้านขอ ช่วงนั้นผมเองก็พักอยู่ที่บ้านไม่ค่อยได้มานอนที่นี่เลยยอมให้ไป

อย่างวันนี้กายขอเอางานมาทำที่คอนโดผม เพราะอ้างว่าสะดวกสบายกว่าห้องพักตัวเอง ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะธารกับผมต้องไปเรียนตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับถึงห้องก็ช่วงเย็น

“ไม่กลัว? หรือว่าภูรู้แล้ว?”

ฟังกายกับธารคุยกันผมไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่ในเมื่อกายบอกว่าผมรู้ความลับนั่นแล้ว งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ ยังยืนนิ่งรอดูว่าธารจะตอบว่าอะไรต่อ แต่น้องยังเอาแต่เงียบ กายเลยพูดขึ้นอีก

“งั้นเอาแบบนี้ดีกว่า...ถ้านายยอมจูบพี่ พี่สัญญาว่าจะไม่มีอะไรกับภูอีก แถมคีย์การ์ดให้ด้วย”
   
คราวนี้ธารถึงกับหันขวับมามองผม สีหน้าน้องดูเหมือนตัดพ้อต่อว่า คงเสียใจที่ผมเอาแต่เงียบไม่ยอมทวงคีย์การ์ดคืน แล้วปล่อยให้กายยังยืนอยู่ในห้องนี้

“ได้ จะยอมจูบก็ได้ แต่ห้ามแตะตัวพี่ภูอีกนะ ต่อให้พี่ภูเริ่มก่อนก็ห้าม!”
   
ผมอึ้งนิดหน่อยที่ธารพูดแบบนั้น พอเห็นน้องเดินเข้าไปใกล้กายเหมือนจะทำตามที่บอกจริงๆ ผมก็รีบคว้าแขนเรียวเล็กไว้ กระชากแรงๆ จนร่างผอมบางปลิวมาปะทะอก
   
“พี่เลิกยุ่งกับกายตั้งแต่ครั้งแรกที่เรามีอะไรกันแล้ว ตอนนี้กายเป็นแค่เพื่อนคนนึงสำหรับพี่”

“ถ้าเป็นแค่เพื่อนกันจริงทำไมต้องให้คีย์การ์ดเขาไว้ด้วย” ธารเม้มปาก แหงนหน้ามองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เขามาที่ห้องของเรา พูดจาแย่ๆ กับธาร พี่ภูกลับยืนเฉย แบบนี้ยังเรียกว่าเพื่อนกันธรรมดา?”
   
ผมยกมือเสยผม ถอนหายใจออกมาแรงๆ ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ ทั้งที่จริงเรื่องนี้มันเรียบง่ายมากจนไม่น่าเอามาทะเลาะกันได้เลย แค่ตัดตัวปัญหาออกไปแค่นั้น
   
“เอาคีย์การ์ดคืนมา”
   
“เออๆ” ยื่นมือไปตรงหน้ากายไม่ถึงนาที มันก็ยอมล้วงคีย์การ์ดในกระเป๋าคืนให้ก่อนจะพูดเหมือนบ่น “แค่แกล้งน้องมึงเล่นนิดๆ หน่อยๆ ทำไมต้องมองกูโหดขนาดนั้นด้วยวะ”
   
“ทีนี้ก็ไสหัวไปได้ละ”
   
“ไล่กันงี้เลย?”
   
“เดี๋ยวคืนนี้กูเลี้ยงเหล้า” เหลือบเห็นสีหน้าที่ดูไม่พอใจยิ่งกว่าเดิมของธาร ผมเลยเปลี่ยนคำพูด “เดี๋ยวกู...ให้เพื่อนพาไปเลี้ยงเหล้า เดือนคณะกูน่ะ รู้จักใช่ไหม”
   
กายยิ้มพอใจ กับผู้ชายหน้าตาดีมันไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว ที่มันเข้าหาผมเมื่อก่อนก็เพราะแบบนี้ แต่พอได้คุยด้วยแล้วพบว่าเรามีอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกัน และเพราะกายเป็นคนตรงๆ ดีร้ายทั้งต่อหน้าลับหลัง นิสัยน่าคบใช้ได้ ผมกับกายเลยเริ่มสนิทกัน

เริ่มแรกจากฐานะคู่นอนพัฒนาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ถึงจะมีอะไรกันหลายครั้งแต่เราก็มีขอบเขตระหว่างกันดี มาตอนนี้ผมอยากหยุดความสัมพันธ์แบบเซ็กซ์เฟรน มันเองก็เข้าใจ ไม่ได้ล่วงล้ำเส้นที่ผมขีดไว้

“ขอบใจ งั้นกูไปล่ะ” พูดจบกายก็คว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องผมไปทันที
ผมหันกลับมามองคนตัวเล็กกว่าที่ยืนอยู่ข้างๆ น้องยังขมวดคิ้ว ทำหน้าเคร่งเครียด

“พี่ภูจะเลิกมีอะไรกับพี่กายจริงๆ นะ”

“อืม”

“กับคนอื่นก็ห้าม” ธารเข้ามากอดผม ถูหน้าลงกับอกเหมือนจะอ้อน “พี่ภูห้ามทำให้ธารเสียใจที่ยอมให้พี่เป็นคนแรกของธารนะ”

คนแรก? เท่าที่ผมจำได้ครั้งแรกที่เรามีอะไรกันมันเหมือนกับธารเพิ่งผ่านคนอื่นมา ถึงในตัวน้องจะคับแน่นจนผมปวดหนึบไปหมด แต่เพราะธารตัวเล็กมากผมเลยไม่ได้เอะใจ อีกอย่างน้องก็เคยบอกว่าตัวเองมีอะไรกับน้าตะวันมาก่อน ผมจึงเชื่อแบบนั้นมาตลอด

ลองย้อนคิดดู คืนแรกที่เรามีอะไรกัน น้องก็ดูไม่มีประสบการณ์จริงๆ ทั้งที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้ แต่พอได้รู้กลับรู้สึกดีจนบอกไม่ถูก มันทำให้ผมรู้สึกเหนือกว่าอีกคนที่ธารชอบไปออดอ้อน และรู้สึกได้รับความสำคัญ

“ถ้าพี่เป็นคนแรก แล้วน้าตะวันล่ะ” ผมถามย้ำ

“ก่อนที่เราจะมีอะไรกัน พ่อยังไม่เคยเข้ามาในตัวธาร”

“.....”

ว่าไงนะ!? แสดงว่าหลังจากนั้นธารเคยมีอะไรกับน้าตะวันแล้ว และต่อไปก็อาจจะเกิดขึ้นอีก!?

“พี่ภู ธารหายใจไม่ออก” เสียงบ่นที่ดังอู้อี้อยู่กับอกทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอกอดน้องแน่นเกินไป

“รีบออกไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย” ผมบอกด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวขึ้นอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ แล้วเดินกลับเข้าไปด้านในเพื่อหยิบกระเป๋า โดยไม่รอให้ธารเดินมาพร้อมกัน

[End Phupha’s Part]

Pie2Na


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เพิ่งได้เข้ามาอ่านรวดเดียว เป็นเรื่องที่แหวกไปหมดเดาทางไม่ถูก ขอคารวะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ shcheribrand

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เพิ่งได้เข้ามาอ่าาน. ตามทันแล้วนะ
ชอบพ่อตะวันมากๆเลย ดีต่อใจ อบอุ่นสุดๆ
 :katai4: :-[

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Chapter 29
พ่อกับพี่ชาย

ตั้งแต่ออกจากห้อง กระทั่งลงลิฟท์มาที่ลานจอดรถพี่ภูก็ยังอารมณ์ไม่ดีขึ้น สาเหตุคงเกิดจากคำพูดของผมก่อนหน้านี้ แต่ผมจงใจพูดออกไปเพื่อให้พี่ภูได้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่มีสิทธิ์ในร่างกายของผม ผมตัดใจจากพ่อไม่ได้ และจะไม่ยอมเสียใครสักคนไป
   
ขณะที่เดินออกจากลิฟท์ไปที่รถของพี่ภูก็บังเอิญเจอคนสองคนที่ไม่ได้เห็นหน้ามาเกือบเดือน สองคนนั้นอยู่ในชุดนักศึกษาและกำลังจะขึ้นรถ แต่เพราะผมกับพี่ภูเดินผ่านหน้ารถคันนั้นพอดี ทั้งคู่เลยชะงักมอง
   
“ธาร”

ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองผมจึงชะงักเท้า พี่ภูที่เพิ่งสังเกตเห็นสองคนนั้นหยุดยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่ได้พูดอะไร พอหันไปมองคนเรียกก็เห็นว่าพี่กฤษกำลังเดินมาหาผม ส่วนพี่ณัฐที่เปิดประตูรถค้างไว้ยังยืนอยู่กับที่ไม่ได้ก้าวขึ้นไป ผ่านมาเกือบเดือนบนใบหน้าของเขาไม่หลงเหลือรอยฟกช้ำอยู่แล้ว
   
“สบายดีไหม” พี่กฤษคงไม่รู้จะพูดอะไรดี เลยถามคำถามสิ้นคิดนั่น
   
“สบายดีครับ”
   
“พี่...” พูดได้คำเดียวอีกฝ่ายก็เงียบ สิ่งที่เขาอยากบอกคงไม่กล้าพูดออกมา

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราเจอกันหลังจากเกิดเรื่องขึ้น ต่อให้ผมบอกว่าจะเลิกยุ่งกับพี่กฤษ แต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ผมเหรอที่เคยบอกเลิกอีกฝ่ายซ้ำๆ ถ้าเขายังอยากจะขอคืนดี คงมาตามตื้อผมนานแล้ว

เมื่อก่อนพี่กฤษเคยลังเล ปากบอกรักผม แต่ใจยังพะวงถึงพี่ณัฐ มาตอนนี้เพราะสิ่งที่พี่ณัฐทำ เขาเลยต้องตัดสินใจเลือกใครสักคน แล้วการที่ได้เห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกัน มันก็ชัดเจนแล้วว่าคนที่ถูกเลือกคือใคร

ยอมรับว่าผมยังรู้สึกผูกพันกับพี่กฤษอยู่บ้าง แต่มันไม่ใช่ความรักอีกแล้ว เลยไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร และถึงจะเคยเจ็บเพราะพี่กฤษมามาก แต่เขาเองก็ต้องเจ็บเพราะผมเหมือนกัน ความทรงจำแย่ๆ พวกนั้นมันแค่เสี้ยวหนึ่งเมื่อเทียบกับสิ่งดีๆ มากมายที่เราเคยทำให้กัน ผมให้อภัยเขาแล้วตั้งแต่วันที่คืนต่างหูไป

เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก...

“ธารคิดถึงพี่”

ผมรู้ว่าพี่กฤษอยากพูดคำนี้ ‘คิดถึง’ เพราะผมเองก็กำลังรู้สึกแบบเดียวกัน แต่ในเมื่อคนที่เขาเลือกไม่ใช่ผม และคนๆ นั้นก็ทำแย่ๆ กับผมเอาไว้ เขาเลยไม่กล้าพูดมันออกมา ผมจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน ซึ่งพี่กฤษเพียงยิ้มรับ ยื่นมือมาจับมือของผม ลูบปลายนิ้วโป้งลงบนหลังมืออย่างแผ่วเบา

“อืม...พี่ก็คิดถึงธาร”

“ดูแลคนของพี่ให้ดีๆ นะ” ผมใช้ปลายนิ้วลูบฝ่ามือของเขากลับ “อย่าให้เขาต้องเจ็บเหมือนที่ธารเคยเจ็บ...รักษาเขาไว้ให้ดี”

“.....”  อีกฝ่ายไม่ได้ตอบในทันที แต่กลับดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้ กระซิบข้างหูเบาๆ เหมือนกลัวว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาจะได้ยิน “ได้...พี่สัญญา”

“ไปเรียนกันดีกว่าครับ จะสายแล้ว”

“อืม...ไปเรียนกัน” พี่กฤษหัวเราะเบาๆ ก่อนจะปล่อยผมออกจากอ้อมกอด ยกยิ้มแทนคำบอกลาแล้วเดินกลับไปที่รถ

ผมไม่ได้หยุดมองสองคนนั้นต่อ เพราะแขนคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ยื่นมาโอบไหล่ พาผมออกเดินไปพร้อมกัน ก่อนที่มือที่กุมหัวไหล่ผมไว้จะเลื่อนไปบริเวณแผ่นหลัง ออกแรงปัดเบาๆ ราวกับต้องการปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า

...บางทีพี่กฤษก็ไม่ได้สกปรกขนาดนั้น



6: 24 P.M.

หลังเลิกเรียน พี่ภูมารับผมตามปกติ เราแวะกินข้าวเย็นกันก่อนกลับ มาถึงคอนโด ผมเปิดประตูห้องก็เห็นรองเท้าของพ่อบนชั้นวางรองเท้าเลยรีบเดินเข้าไปด้านใน เจอร่างสูงกำยำนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น อีกฝ่ายกำลังถือไอแพดไว้ในมือ จ้องหน้าจอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเจอผมก็ส่งยิ้มบางมาให้ ก่อนจะวางไอแพดลงบนโต๊ะ
 
ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ แล้วโอบกอดเอวหนาไว้ด้วยอ้อมแขน ซุกหน้าลงถูกไถกับแผงอกแกร่งอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยเงยหน้าขึ้นยิ้มพูด “คิดถึงพ่อจัง”

“พ่อก็คิดถึงธารครับ...มาคุยกันก่อนสิ”

ประโยคแรกพ่อพูดกับผม ส่วนประโยคหลังพ่อบอกกับพี่ภูที่กำลังจะเดินผ่านพวกเราไปที่ห้องนอนของตัวเอง อีกฝ่ายหันมามองผมสลับกับพ่อ แล้วยอมเดินมานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม

“ฉันคุยกับน้ำแล้ว” พ่อพูดขึ้นทันทีหลังจากพี่ภูนั่งลง “น้ำอยากให้นายกับธารย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน”

ตอนแรกแม่อยากให้ผมกับพ่อห่างกัน ผมเลยต้องมาอยู่ที่นี่กับพี่ภู แต่ในเมื่อพี่ภูกับพ่อต่างก็มี ‘ปัญหา’ ทั้งคู่ แม่คงวางใจมากกว่าถ้าผมอยู่ในสายตาแม่ล่ะมั้ง ถึงแม่จะไม่ค่อยกลับบ้านก็เถอะ

“ธารกับนายก็ไม่ใช่เด็กแล้ว จะบังคับกันเหมือนเมื่อก่อนคงไม่ได้ เพราะงั้นนายอยากอยู่ที่ไทยอีกกี่ปี หรืออยากย้ายไปประเทศไหน ฉันกับน้ำจะไม่ก้าวก่าย”

นี่หมายความว่าแม่ยอมรับเรื่องของเรา และพี่ภูจะไม่ต้องกลับอเมริกา?
   
ถ้าเทียบกันแล้วความสัมพันธ์ของผมกับพี่ภู ยังดูรุนแรงน้อยกว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพ่อซะอีก ในเมื่อแม่เคยทำใจยอมรับได้ มันคงง่ายขึ้นสำหรับครั้งนี้ แต่ทั้งหมดก็คงเพราะพ่อช่วยพูดไว้ ไม่งั้นผมกับพี่ภู คงมีใครสักคนต้องย้ายไปอยู่อีกซีกโลกที่อาจจะไกลกว่าอเมริกาก็ได้

“ขอบคุณครับพ่อ”
   
แขนของผมคล้องอยู่กับแขนพ่อ มือของเราข้างหนึ่งกุมกันไว้ ปลายนิ้วทั้งสิบสอดประสาน รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามืออีกฝ่าย
   
พ่ออาจจะนึกเสียใจก็ได้ที่ยอมให้พี่ภูมีอะไรเกินเลยกับผมวันนั้น ทำให้ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ยิ่งถลำลึกกว่าเดิม แต่เพราะพ่อรักผมมาก และเขาก็รู้ว่าผมรักพี่ภูแค่ไหน เลยยอมที่จะเสียสละเพื่อป้องป้องความรู้สึกของผม   

“ตอนเด็กๆ พ่อตามใจธารมากเกินไปจนเสียคนแล้ว ตอนนี้จะขัดใจอะไรก็ทำไม่ได้ มีแต่จะตามใจให้มากกว่าเดิม” ฝ่ามือหนาอีกข้างยื่นมาลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา “เมื่อก่อนที่ธารตัวเล็กกว่านี้ ธารเป็นคนหวงของเล่นชิ้นโปรดมาก ใครจะแย่งไปไม่ได้ แต่พอเบื่อแล้วก็ทิ้งขว้างไม่สนใจ ขอให้พ่อซื้อชิ้นใหม่ให้ เล่นอยู่ไม่กี่วันก็เบื่ออีก”   

“.....”
   
“ธารเป็นคนเบื่อง่าย” ประโยคนี้พ่อก้มลงมากระซิบข้างหูผม แต่สายตากลับมองตรงไปที่พี่ภู “ของชิ้นนี้ถ้าเล่นจนเบื่อแล้ว ก็จะขว้างทิ้งไปเอง”

พี่ภูกัดกรามจนขึ้นสันนูน ถึงเสียงกระซิบนั่นจะเบาแค่ไหน แต่มันก็ดังพอให้พี่ภูได้ยิน ท่าทางแบบนั้นของเขาทำให้ผมต้องรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่จริงสักหน่อย...พ่อจำโน้ตบุ๊กเครื่องแรกที่เคยซื้อให้ธารได้ไหม ธารใช้อยู่ตั้งหลายปีจนมันพังถึงจะยอมซื้อเครื่องใหม่ ตอนนี้ยังเสียดายอยู่เลย” น้ำเสียงของผมฟังเหมือนกำลังอ้อนวอน “กับบางอย่างที่สำคัญ ธารจะไม่ทิ้งขว้างเด็ดขาด นอกจากว่าธารจะเก็บมันไว้ไม่ได้...นอกจากว่า...พ่อจะไม่ยอมให้ธารเก็บไว้ แล้วบังคับให้ธารต้องทิ้งมันไป แต่ธารจะเสียใจมากและไม่มีวันลืมมันได้เลย”
   
พ่อไม่มีวันปล่อยมือจากผมแน่ และถ้าพ่อต้องการตัดพี่ภูออกจากชีวิตของผม พ่อย่อมมีวิธีที่จะทำมัน ขณะที่พี่ภูไม่มีอำนาจพอที่จะทำแบบนั้น แต่เขาพร้อมจะจากผมไปทุกเมื่อ นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องอ้อนวอนขอให้ทั้งสองคนยอมรับ เพราะผมตัดใจจากใครคนหนึ่งไม่ได้
   
ความรักที่ผมมีให้พวกเขาทั้งคู่มันไม่ใช่ความรักแบบฉาบฉวย ผมรักของผมมาตั้งแต่จำความได้ เราผูกพันกันมากเกินไป...พ่อกับพี่ชาย ผมจะเลือกตัดคนใดคนหนึ่งออกจากชีวิตได้ยังไง...
   
“งั้นเรามารอดูกันว่าของชิ้นนั้นจะสำคัญกับธารจริงรึเปล่า” พ่อบอกด้วยรอยยิ้ม ริมฝีปากได้รูปกดจูบลงบนหน้าผากผมอย่างนุ่มนวล “ต่อให้ต้องรอไปอีกสิบปี พ่อก็จะไม่บังคับธาร”
พ่อเป็นแบบนี้เสมอ...รักผมโดยไม่มีข้อแม้ และยอมให้ได้ทุกอย่าง
   
ผมดึงมือที่ประสานกันออกเพื่อจะได้กอดพ่อได้ถนัด เอียงหน้าซบกับแผงอกแกร่ง สายตาสบมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าของพี่ภูที่มักจะเฉยชาราวกับไม่แย่แสทุกสิ่งบนโลก ตอนนี้กลับดูกล้ำกลืนเต็มที
   
“พูดจบแล้วใช่ไหม” จู่ๆ พี่ภูก็ผุดลุกขึ้น เดินผ่านผมกับพ่อไปราวกับต้องการจะจบเรื่องทุกอย่างลงแค่นี้ ทำให้ผมต้องรีบคว้าท่อนแขนกำยำไว้
   
“พี่ภู...” ผมร้องเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “พี่ภูจะไม่ทิ้งธารไปใช่ไหม”
   
“ไม่มีทาง”
   
จบคำพี่ภูก็โน้มใบหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากของผมถูกปิดลงด้วยรสจูบดูดดื่ม...ทั้งก้าวร้าวและดุดันราวกับต้องการประกาศให้รู้ว่าเขาคือเจ้าของต่อหน้าใครอีกคน

ทั้งที่พ่อนั่งอยู่ข้างๆ แต่ผมไม่อาจต้านทานจูบนี้ได้เลย...

เนิ่นนานกว่าที่มันจะสิ้นสุดลง ผมหอบหายใจ แหงนมองพี่ภูด้วยความสับสนกับสิ่งที่เขาทำ แต่อีกฝ่ายกลับจ้องมองไปยังพ่อของผม ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างเยาะหยันแล้วเดินจากไป

หันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง พ่อไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวหรือพูดจาต่อว่าออกมา แค่นิ่งเฉยจนผมรู้สึกปวดใจเท่านั้น ฝ่ามือข้างหนึ่งของอีกฝ่ายยื่นมาจับปลายคางของผม ใช้นิ้วโป้งลูบเช็ดริมฝีปากที่ชุ่มชื้นและแดงก่ำจากรสจูบเมื่อครู่

ผมคว้าจับมือข้างนั้นไว้ แล้วซบหน้าลงกับอกของพ่อ ได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวแรงดังมาจากด้านใน ทำให้ผมต้องลูบฝ่ามือลงแผ่วเบาอย่างต้องการปลอบประโลม

“คืนนี้นอนค้างที่นี่นะครับ”

“...ครับ”

Pie2Na

ออฟไลน์ shcheribrand

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 o22ทำสั้นจังง กำลังฟินกับพี่ภูเลย. เยิฟฟฟฟฟฟ
รอตอนต่อไป :z2:  มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ชอบทั้งสองคนเลย :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ธาร ต้องทำให้ทั้งพ่อ ทั้งพี่ภู
รู้ว่าธารรักทั้งสองคน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขาดใครไม่ได้
ยิ่งพี่ภู ยิ่งต้องทำให้เชื่อใจ มั่นใจ  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ไม่มีใครยอมใครเลย

ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หน่วงแปลกๆ

ออฟไลน์ pie2na

  • ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ Pie2Na นะครับ ^^
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Outro
ความรักของเราสามคน

หมายเหตุ :: เนื้อหาบทหลังๆ เป็นเนื้อหาฉบับรีไรท์นะครับ จึงอาจมีปมบางจุดที่อาจจะขัดๆ กับเนื้อเรื่องช่วงแรกที่อัพไป (ซึ่งเป็นฉบับด้นสด ฮ่าๆ) ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ (ศัพท์โบราณไป 555)

   
2: 17 P.M.

@Tawan’s House

กว่าผมจะพาตัวเองลุกจากเตียงมาได้ และอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จก็บ่ายสองเข้าไปแล้ว พอเปิดม่านหนาทึบที่ประตูระเบียงห้องนอน จึงเห็นว่าพื้นสนามหญ้าบริเวณสวนหลังบ้านที่เคยรกไปด้วยเสื้อผ้า เศษอาหาร ขวดเบียร์ แก้วน้ำ และจานชามเมื่อคืนนี้ ไร้สิ่งแปลกปลอมใดๆ ในสระว่ายน้ำที่เคยมีห่วงอย่างหลายรูปแบบและขยะนานาชนิดถูกเก็บกวาดอย่างดี แม่บ้านคงทำความสะอาดจนเสร็จตั้งแต่เช้า   

ผมสะบัดหัวแรงๆ ไล่อาการเมาค้างซึ่งเป็นผลจากอาฟเตอร์ปาร์ตี้เมื่อคืน ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนลงไปชั้นล่าง เมื่อคืนผมจำได้ว่ามีเพื่อนหลายคนนอนอืดอยู่บนพื้นและตามโซฟาบริเวณมุมต่างๆ ภายในบ้าน แต่เวลานี้ทั้งบ้านกลับเหลือบาสเพียงคนเดียว
ร่างสูงกำยำนอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น สภาพไม่ต่างจากศพมากนัก และไม่รู้เจ้าตัวถอดเสื้อลืมทิ้งไว้ที่ไหนถึงได้เปลือยท่อนบนเป็นอาหารตาแม่บ้านสาวๆ อยู่แบบนี้

ดูๆ ไปแล้วหุ่นของบาสดีขึ้นมาก ครั้งล่าสุดที่ผมเห็นหมอนี่แก้ผ้าก็ตั้งปีกว่ามาแล้วช่วงที่เราเรียนว่ายน้ำด้วยกัน มาดูตอนนี้ แผ่นหลังของบาสเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ทั้งยังมีรอยสักรูปปีกนกเพิ่มขึ้นมาบริเวณสะบักด้านซ้ายด้วย...ที่เคยบอกว่าอยากสักเลียนแบบพี่ภู คงไปแอบสักมาแล้วสินะ พ่อแม่มันรู้รึยังเนี่ย

“บาส” ผมเรียกพร้อมกับใช้เท้าสะกิดไปที่ก้นของบาสแรงๆ หลายทีเจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าจะตื่น ผมเลยนั่งลงบนแผ่นหลังอีกฝ่าย แล้วใช้ฝ่ามือตบลงไปแรงๆ ตรงรอยสัก แรงจนเจ็บแปล๊บที่ฝ่ามือเสียเอง

“ไอ้บาสสส!” ตะโกนเรียกดังๆ อีกที คราวนี้เจ้าตัวสะลึมสะลือแหงนหน้าขึ้นมามองผมด้วยสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น ก่อนจะพลิกตัวขึ้นนอนหงายแทบทำเอาผมไถลตกลงไปบนพื้น ดีนะที่จับพนักโซฟาไว้ทัน เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมนั่งอยู่บนหน้าท้องที่เต็มไปด้วยซิกซ์แพ็กส์ของบาสแทน

“คนจะนอน ลงไปดิวะ” บาสปรือตามอง บอกเสียงงัวเงีย ท่าทางหงุดหงิดหน่อยๆ

“ตื่นเหอะมึง บ่ายสองแล้ว เพื่อนเขากลับไปหมดแล้วเนี่ย”

“อ้าวเหรอ” มันงึมงำ เอาแขนพาดหน้าผากเหมือนจะหลับต่อ แต่สักพักเสียงโครกครากก็ดังมาจากท้องใต้สะโพกของผม เจ้าของร่างกำยำจึงต้องลืมตาขึ้นมาอย่างจำยอม ใช้มือขยี้หัวตัวเองแรงๆ แล้วบ่น “เออตื่นก็ได้ หิวว่ะ บอกแม่บ้านให้ยกของกินมาหน่อยดิ”

อืม...ความเกรงใจไม่เคยมี ทำตัวเป็นคุณชายยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้นขนาดไม่ใช่บ้านตัวเองนะ แต่ผมไปบ้านมันก็ทำตัวแบบเดียวกันนี่แหละ

“เออ เดี๋ยวบอกให้ กินกันห้องนั่งเล่นนี่แหละ กูอยากดูหนังไปด้วย ส่วนมึงขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเลย ใช้ห้องน้ำในห้องกูอะ เสื้อผ้าก็หยิบเอาในตู้” ผมลุกออกจากท้องของบาสเพื่อให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน

“เสื้อผ้ามึงกูจะใส่เข้าไหมเนี่ย” ดวงตาคมเข้มมองผมหัวจรดเท้า
อืม...ถึงผมจะสูงขึ้นนิดหน่อยจากปีที่แล้ว ขนาดตัวก็แทบไม่ได้แตกต่างจากเดิมเลย เพราะตอนนี้ผมเพิ่งจะอายุสิบห้าปลายๆ เท่านั้น ส่วนบาสสิบแปดแล้ว อย่าได้พูดถึงขนาดตัวของมัน แค่ความสูงก็ปาไปร้อยแปดสิบกว่า สูงพอๆ กับพี่ภูเลย

“ในตู้เสื้อผ้าห้องกูมีเสื้อผ้าของพี่ภูอยู่ หยิบเอามาใช้ตามสบาย” ไม่รู้หรอกว่าเจ้าของเขาจะยอมให้ใส่รึเปล่า แต่เสื้อผ้าพี่ภูเยอะมากจนเจ้าตัวยังจำไม่ได้เลยว่ามีชุดไหนบ้าง

“ทำไมเสื้อผ้าพี่ภูไปอยู่ในห้อง...” พูดไม่ทันจบบาสก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้ มันถอนหายใจแรงๆ ทีหนึ่งแล้วผุดลุกขึ้น “กูไปอาบน้ำละ ออกมาของกินต้องเต็มโต๊ะ”

ผมกรอกตาให้มันทีก่อนจะเออออ แล้วเดินแยกย้ายกันออกไป บาสขึ้นไปห้องนอนผมบนชั้นสอง ส่วนผมออกตามหาแม่บ้าน




ช่วงเย็นบาสยังขลุกอยู่ในบ้านของผม พ่อ แม่ กับพี่ภูต่างก็ไม่อยู่บ้านกันหมด จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครกลับมา ผมกับบาสกำลังเล่นเกมแก้เบื่อกันอยู่ในห้องนั่งเล่น จู่ๆ ก็มีเสียงพูดคุยดังมาจากด้านนอก เป็นเสียงทุ้มต่ำสลับกับเสียงเล็กๆ ของเด็กผู้ชาย
ผมกดปุ่ม (ll) บนจอยสติกส์ แล้วโยนมันลงบนโซฟา ก่อนจะลุกเดินไปตามเสียง ยังไม่ทันถึงทางเข้าห้องนั่งเล่น ร่างสูงกำยำของพี่อติณกับร่างป้อมๆ ของน้องตุลย์ก็มายืนอยู่ตรงหน้า น้องตุลย์เห็นผมก็โผเข้ามากอดขาทันที หลังจากยกมือไหว้คนพ่อตามมารยาท ผมจึงทรุดตัวลงไปอุ้มน้องขึ้นมา แต่แทบจะอุ้มไม่ขึ้นแน่ะ เพราะตอนนี้น้องโตขึ้นกว่าเดิมและส่วนสูงเกือบเท่าเอวผมแล้ว

“คิดถึงพี่ธารที่สุดเลย” น้องตุลย์ห้อมแก้มผมซ้ายขวา แล้วปากจู๋ๆ นั่นก็จุ๊บลงบนปากผมดังจ๊วบ น้ำลายนี่เลอะทั้งปากทั้งแก้มไปหมด เพราะน้องชอบเลียปากตัวเอง

“พี่ก็คิดถึงน้องตุลย์ครับ” ผมบอกยิ้มๆ ก่อนจะวางเจ้าตัวเล็กลงด้วยความหนัก เด็กชายที่เพิ่งบอกว่าคิดถึงผมเมื่อครู่นี้วิ่งปร๋อไปหาบาสเฉย กระโดดขึ้นไปนั่งบนโซฟาได้ก็คว้าจอยสติ๊กมาถือ แหงนหน้าถามนู่นนี่นั่นกับบาสไม่หยุดปาก สงสัยจะอยากเล่นแต่ไม่รู้ว่าต้องกดปุ่มไหนเลยถามใหญ่

หันกลับมาสนใจคนตรงหน้า พี่อติณกำลังส่งยิ้มบางๆ มาให้ ตลอดหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมาเราเจอกันนับครั้งได้ ซึ่งคงจะเจอกันบ่อยกว่านี้ถ้าพี่อติณไม่ได้หลุดปากบอกเรื่องที่เราคุยกันให้พ่อแม่ผมฟัง ทั้งสองคนไม่ค่อยชอบพี่อติณนักหรอก แต่เพราะเขาเอาความเป็นพ่อมาอ้าง ถึงยังเหยียบเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้

ผมเองมีอคติกับพี่อติณอยู่บ้าง แต่แม่บอกว่ายังไงเขาก็มีส่วนทำให้ผมเกิดมา ผมต้องสำนึกบุญคุณ ต้องเคารพ และเพราะพี่อติณดีกับผม ไม่ได้พยายามจะเป่าหูให้แตกแยกกับครอบครัวอีก (คงจะคิดได้หลังจากโดนพ่อต่อยล่ะมั้ง) ผมเลยยังติดต่อกับเขาอยู่...เหตุผลหลักๆ ไม่ใช่เพราะเรื่องบุญคุณนั่นหรอก เพราะน้องตุลย์ต่างหากล่ะ

“น้ำบอกพี่ว่าอีกสองวันธารจะไปอเมริกาแล้ว”

“ครับ”

...อีกสองวันผมกับบาสจะเดินทางไปอเมริกาเพื่อเรียนต่อปริญญาตรี พี่ภูกับพ่อก็ด้วย คนหนึ่งต้องเรียนต่อปริญญาโท (จบปริญญาตรีภายในสามปีครึ่ง) ส่วนอีกคนย้ายไปดูแลบริษัทในเครือที่นั่น ส่วนแม่คงยังไปๆ มาๆ หลายประเทศเหมือนเดิม
ปาร์ตี้ริมสระน้ำที่จัดขึ้นเมื่อคืนเป็นปาร์ตี้ของเด็กเกรดสิบสองห้องเดียวกับผม เพื่อทั้งเลี้ยงส่งเพื่อนหลายคนที่จะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ และถือเป็นงานเลี้ยงส่งท้ายชีวิตไฮสคูล

“งั้นวันมะรืนพี่ขอไปส่งเราที่สนามบินนะ”

จริงๆ ใช้คำว่า ‘พี่’ แทนตัวอีกฝ่ายมันอาจจะไม่ค่อยเหมาะสมกับฐานะ (คนที่มีส่วนทำให้ผมเกิดมา) เท่าไหร่ แต่ด้วยเพราะพี่อติณเพิ่งจะอายุสามสิบสี่ อ่อนกว่าพ่อผมตั้งสี่ปี และรูปร่างหน้าตายังหนุ่มแน่น เลยพอใช้คำนี้ได้อยู่

“ครับ...พาน้องตุลย์มาด้วยนะ” ผมรับคำ แล้วรีบพูดต่อท้าย

“ได้สิ” พี่อติณยิ้ม ชี้ไปที่โซฟา “ไม่ชวนพี่ไปนั่งหน่อยเหรอ”

“อ้อครับ”

เดินนำอีกฝ่ายมานั่งบนโซฟา บาสกับน้องตุลย์ยังเล่นเกมกันอย่างเมามันไม่มีท่าทีสนใจพวกเราสักนิด เด็กคนไหนนะที่บอกว่าคิดถึงผมเมื่อกี้ ชักจะน้อยใจนิดๆ ละ ส่วนบาส...ผู้หลักผู้ใหญ่มาแทนที่จะยกมือไหว้ สงสัยจะยังโกรธฝังใจที่พี่อติณเคยทำแย่ๆ เอาไว้กับครอบครัวผมเลยทำเมินใส่

ก็นะ...ผมผิดเองล่ะที่เล่าให้บาสฟังทุกเรื่อง ซึ่งที่ต้องเล่าก็เพราะมันบังเอิญมาเห็นฉากจูบดูดดื่มระหว่างผมกับพี่ภูในรถเข้าจังๆ น่ะสิ เป็นอันต้องอธิบายกันยาวๆ ถึงว่าผม พ่อ และพี่ภู ไม่ได้ผูกพันกันทางสายเลือด มันเลยพอจะทำใจยอมรับได้ แต่กว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็ต้องใช้เวลาเกือบสองเดือน

กลับมาปัจจุบัน ผมกับพี่อติณคุยนู่นนี่กันเรื่อยเปื่อย ระหว่างนั้นแม่บ้านก็ยกขนมกับน้ำมาให้ ส่วนบาสกับน้องตุลย์ยังเล่นเกมกันอย่างเมามัน

เจ้าตัวเล็กไม่รู้ว่าย้ายก้นมานั่งบนตักผมตั้งแต่เมื่อไหร่ เอาหลังพิงกับอกผมเสียท่าทางสบายเต็มที่ มีบางครั้งที่คะแนนของบาสนำก็ใช้ศอกสะกิดท้องผมยิกๆ ขมุบขมิบปากบอกให้ช่วยเล่นแทน ซึ่งผมไม่ได้ปฏิเสธ

บาสมันแอบเหลือบมาเห็นก็ยอมออมมือ ทำให้คะแนนน้องตุลย์นำขึ้นมาแทน เจ้าตัวเล็กเลยดีใจใหญ่ ชมว่าผมเก่งอย่างนู้นอย่างนี้ เป็นฮีโร่ในดวงใจ...น้องไม่ได้รู้เลยว่าที่จริงผมเล่นเกมแพ้บาสตลอด...

ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่ากับการเล่นเกม คุยกัน พร้อมกับกินขนมไปด้วยจนฟ้าด้านนอกมืดสนิทและน้องตุลย์เริ่มอ้าปากหาว พี่อติณก็ขอตัวกลับ ตอนมาอุ้มน้องตุลย์จากตักผมยังแอบเนียนเอาจมูกมาเฉียดแก้มด้วยแน่ะ แค่เฉียดเฉยๆ ไม่เท่าไหร่ พอคนลูกจุ๊บปาก คนพ่อดันมาหอมแก้มผมซะฟอดใหญ่ ถือสิทธิ์ความเป็นพ่อในตัวผมเต็มที่...

ส่วนไอ้บาสน่ะเหรอ หลังกินข้าวเย็นด้วยกันเสร็จ มันก็มานั่งหน้าสลอนอยู่บนเตียงในห้องนอนผม ไม่มีท่าทีจะกลับบ้านแต่อย่างใด ก็อย่างว่าล่ะนะ...ปิดเทอม ไม่มีอะไรทำ อยู่กับเพื่อนน่าเบื่อน้อยที่สุด




8: 09 P.M.

จู่ๆ ประตูห้องนอนก็ถูกผลักเปิดออกตอนที่ผมกับบาสกำลังนอนเล่นมือถือกันอยู่บนเตียง เห็นคนที่เดินเข้ามาในห้องผมก็ลุกพรวดวิ่งไปกอดอีกฝ่ายไว้แน่น สีหน้าของพี่ภูดูเหนื่อยๆ แถมยังอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ที่เหนื่อยอาจจะเพราะช่วงเดือนนี้ต้องอ่านหนังสือโต้รุ่งตลอด ส่วนที่อารมณ์เสียนี่คงเพราะเมื่อกี้เห็นผมนอนหนุนพุงบาสอยู่ล่ะมั้ง

พี่ภูน่ะหึงไม่เลือกหน้าหรอก เมื่อกี้คงถามแม่บ้านมาล่ะสิว่าผมอยู่ที่ไหน พอรู้ว่าอยู่กับบาสในห้องเลยจงใจเปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะก่อน อยากจะเห็นอะไรงั้นเหรอ เหอะ...จะมีอะไรได้ล่ะ ผมกับบาสแค่มองตากันยังขนลุกเลย

“พี่ภูหวัดดี” เสียงบาสดังมาจากด้านหลัง ตามด้วยเสียงข้อความเด้งรัวๆ คงจะแชทกับสาวอยู่ล่ะมั้ง

ผมไม่ได้สนใจคนที่นอนอยู่บนเตียง เงยหน้าขึ้นมองพี่ภูแล้วพูดเสียงอ้อนๆ “ทำไมกลับค่ำจัง”

“พี่เพิ่งสอบตัวสุดท้ายเสร็จตอนทุ่มนึงน่ะ”

“แล้วนี่กินอะไรมายังครับ”

“กำลังจะลงไปกิน ธารกินแล้วใช่ไหม”

ผมพยักหน้า พี่ภูสั่งไว้ว่าให้กินล่วงหน้าไปก่อน ถ้ายังดื้อรอ พี่ภูรู้จะโกรธจนไม่ยอมคุยกับผมไปหลายวัน ผิดกับพ่อลิบลับ ฝ่ายนั้นแค่ดุๆ แล้วลูบหัวปลอบ ทำหน้างอแงเข้าหน่อยก็ใจอ่อน

“แล้วนี่น้าตะวันยังไม่กลับมาอีกเหรอ”

“ยังเลย” ส่วนแม่น่ะ อยู่เยอรมณีนู่น คงไปเจอกันอีกทีที่อเมริกาเลย
พี่ภูหันไปมองนอกห้อง แล้วเอื้อมมือไปผลักประตูปิดลง ก่อนจะก้มหน้าลงมามองผม ยกยิ้มมุมปากนิดๆ “พี่เหนื่อยจัง ขอชาร์ทพลังหน่อย”

น่ารักดีนะ พี่ภูโหมดขี้อ้อนแบบนี้เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเลย แต่ยิ่งนานวันก็ชักจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เหมือนพฤติกรรมหลายอย่างของเขาแอบเลียนแบบมาจากพ่อนะ เมื่อเดือนก่อนตอนที่พี่ภูเมา ผมเคยได้ยินพี่ภูบ่นน้อยใจทำนองว่าผมติดพ่อมากกว่า เพราะพ่อตะวันไม่ใช่คนแข็งทื่อแบบเขา ทุกวันนี้พี่ภูเลยอยากจะลองทำตัวอ่อนโยนดูบ้างล่ะมั้ง

เหอะ...แต่อย่าให้พูดถึงเรื่องบนเตียงล่ะ รสนิยมเป็นยังไงไม่เคยเปลี่ยน ออกจะซาดิสม์หน่อยๆ ด้วยซ้ำ เวลามีอะไรกันผมจะต้องปวดระบมไปทั้งตัวทุกที

“บาสอยู่” ผมชี้นิ้วโป้งไปทางด้านหลัง ไม่ได้หันไปมองก็พอเดาได้ว่าเพื่อนมันคงกำลังแชทกับสาวเพลิน ไม่ได้สนใจพวกเราหรอก

“จูบ”

พี่ภูจิ้มนิ้วชี้ลงบนปากตัวเอง ออกคำสั่งอย่างเอาแต่ใจ ผมเลยต้องเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบอีกฝ่าย แค่จะแตะแล้วรีบผละออกมา แต่แขนกำยำดันกอดรัดเอวของผมเอาไว้แน่น ท้ายทอยยังถูกกุมไว้ด้วย

ฟันคมขบลงบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา จากแค่อยากจะจุ๊บผ่านๆ เลยกลายเป็นดูดเม้ม พอเผลอจูบตอบหน่อย ลิ้นอุ่นร้อนก็ล่วงล้ำเขามาภายในกวาดต้อนจนทั่วโพรงปาก เสียงรสจูบดูดดื่มลึกซึ้งดังสะท้อนชวนวาบหวาม กว่าพี่ภูจะยอมผละออกห่างก็ตอนที่ผมทุบอกเขาแรงๆ เพราะเริ่มหายใจไม่ออก

“ถ้าจะขนาดนี้ เชิญต่อที่เตียงครับ” จู่ๆ บาสก็พูดขึ้น สงสัยมันจะเงยหน้ามาเห็นเข้าพอดี ร่างสูงกำยำนั่นลุกออกจากเตียง เดินผ่านผมไปพลางลูบแขนตัวเองด้วยท่าทางขนลุก “กูกลับก่อนนะ” มันว่าพร้อมกับยกมือไหว้ลาพี่ภู

รอจนบาสออกจากห้องไป ผมก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะกับพี่ภู ขณะที่อีกฝ่ายแค่ยักไหล่ยิ้มๆ เท่านั้น...พอเดาได้หรอกว่าพี่ภูอยากไล่บาสกลับบ้านเลยทำแบบนี้ เพราะครั้งก่อนมันมาขอนอนด้วย จัดห้องนอนแขกไว้ให้ดีๆ กลางดึกดันทำเนียนมานอนห้องผมซะได้ พี่ภูเปิดประตูมาเจอนี่โมโหใหญ่ แทนที่จะได้นอนกอดพี่ภู คืนนั้นเลยต้องนอนเบียดกับบาสแทน

“ลงไปกินข้าวดีกว่าครับ เดี๋ยวจะดึก”

ผมจูงมือพี่ภูออกจากห้อง เดินลงไปชั้นล่าง ถึงบริเวณห้องรับแขกพ่อก็เดินผ่านประตูบ้านเข้ามาพอดี อีกฝ่ายบอกว่าวันนี้ติดประชุมเลยกลับซะค่ำมืด

“กินข้าวเย็นมายังครับ” ผมหยุดเดิน พี่ภูที่เดินมาด้วยกันจึงชะงักเท้าตาม ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงรีบวิ่งไปกอดพ่อแล้ว แต่เพราะทุกทีที่ทำแบบนั้นพี่ภูจะดูไม่พอใจมาก ทุกวันนี้เลยเปลี่ยนเป็นยืนรอให้พ่อเดินเข้ามาหาแทน

“ยังเลยครับ” ร่างสูงกำยำเดินมาหยุดตรงหน้า ก่อนจะยื่นมือมาลูบหัวผม “จะไปกินข้าวกันเหรอ”

“ธารกินเรียบร้อยแล้วครับ จะไปเป็นเพื่อนพี่ภูเฉยๆ พ่อก็ไปกินด้วยกันก่อนสิค่อยขึ้นไปอาบน้ำ”

“ครับ” พ่อบอกยิ้มๆ แล้วโอบไหล่ผมให้ออกเดินโดยที่มือของผมยังจูงมือพี่ภูเอาไว้ ฝ่ายนั้นก้าวตามมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ




บนโต๊ะอาหารรูปทรงสี่เหลี่ยมสำหรับแปดคน มีกับข้าวหน้าตาน่ากินอยู่สี่ห้าอย่าง ข้าวสวยในจานของพ่อกับพี่ภูพร่องไปเกือบครึ่งแล้ว ทั้งสองคนกำลังกินอาหารกันอย่างเงียบเชียบ โดยมีผมนั่งเท้าคางดูด้วยสีหน้ายิ้มๆ และช่วยตักกับข้าวใส่จานให้ในบางครั้ง
ผมนั่งฝั่งซ้ายมือของพ่อ ส่วนพี่ภูนั่งตรงข้ามผม ทั้งสองคนอยู่ใกล้มือใกล้เท้า (?) ผมทั้งคู่ ขณะที่ผมใช้ส้อมจิ้มทอดมันกุ้งป้อนให้พี่ภู ข้างใต้โต๊ะเท้าก็แอบเขี่ยขาพ่อเล่น

พี่ภูอ้าปากงับทอดมันกุ้งกินด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนจะชินกับสถานการณ์แบบนี้แล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนเวลาผมป้อนให้ กว่าจะยอมกินสักคำต้องคะยั้นคะยออยู่นาน บอกแล้วไงว่าเขาน่ะเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อไปเยอะ เห็นพ่อหวานกว่าเป็นไม่ได้ ต้องทำตามอยู่เรื่อย...ซึ่งมันก็น่ารักดี

ผมตักปลาเผาใส่จานให้พ่อบ้าง ทั้งที่เท้ายังเขี่ยขาพ่อเล่นอยู่ เห็นพ่อส่ายหน้ายิ้มๆ ผมเลยทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไล้ปลายเท้าสูงขึ้นอีกนิดด้วยความอยากแกล้ง แต่จู่ๆ ก็มีเท้าอีกข้างมาเตะขาผมลง พอหันไปมองพี่ภู อีกฝ่ายก็ทำสีหน้าดุๆ ใส่...นึกว่าไม่รู้ซะอีก

พี่ภูเป็นพวกชอบแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของและค่อนข้างขี้หึง บางทีถ้าผมออดอ้อนพ่อต่อหน้าเขามากๆ พี่ภูจะทำสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจน แต่พ่อต่างกัน...พ่อมักจะนิ่งเฉยจนผมเดาอารมณ์ไม่ถูกด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเคยนึกหึงหวงบ้างรึเปล่า หรือแค่รู้สึกเฉยๆ อย่างที่แสดงออก ผมเลยกล้าที่จะทำตัวสนิทสนมกับพี่ภูให้พ่อเห็น แต่ไม่กล้าออดอ้อนพ่อต่อหน้าพี่ภูมากนัก

ต่อไปผมจะพยายามให้ทั้งสองคนยอมรับกันและกันได้มากขึ้น...มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่ผมตัดใจจากใครสักคนไม่ได้จริงๆ

“อ้ำ” ผมจิ้มทอดมันกุ้งป้อนพี่ภูอีกชิ้น ทำหน้าตาอ้อนสุดๆ แต่พี่ภูกลับไม่ยอมงับมันเข้าปากทั้งที่เป็นของโปรด เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่ยอมมองหน้าผม

แบบนี้เรียกงอนรึเปล่า?...ใช่แน่ๆ

“ก็คืนนี้เรานอนด้วยกันไง แต่ธารยังไม่ได้เจอพ่อเลยทั้งวันนะ แค่เอาเท้าไปเขี่ยเอง”

ช่วงที่แม่ไม่อยู่พ่อกับพี่ภูจะสลับกันมานอนที่ห้องผม ไม่รู้ว่าตกลงเรื่องวันกันตั้งแต่ตอนไหน จู่ๆ ก็กลายเป็นว่าวันคี่เป็นของพ่อ วันคู่เป็นของพี่ภูไปซะแล้ว...แต่ก็แค่นอนกอดกันธรรมดา จะมีมากกว่านั้นบ้างนานๆ ที…

“.....”

ยิ่งพูดยิ่งเหมือนทำให้พี่ภูโมโห อีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ตอบผมเลย ทอดมันกุ้งเป็นอันต้องวางลงที่เดิม พอผมหันไปมองพ่ออย่างขอตัวช่วย อีกฝ่ายกลับทำแค่เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อเงียบๆ

“เดี๋ยวคืนนี้ธารถูหลังให้...อาบน้ำด้วยกันนะ” คราวนี้พี่ภูเงยหน้าขึ้นมามองผมแวบหนึ่ง จากนั้นก็วางช้อนส้อมลงบนจาน คว้าแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วลุกออกจากที่นั่ง ก้าวฉับๆ ไปเฉยเลย
   
อะไรยังไง? ผมยังงุนงงสับสนอยู่ก็ได้ยินพ่อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย
   
“สงสัยจะขึ้นไปอาบน้ำ”
   
“.....” งั้นผมต้องรีบตามไปถูหลังน่ะสิ...

ผมมองหน้าพ่ออย่างลังเล ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนพ่อต่อหรือรีบตามพี่ภูขึ้นไปบนห้องดี แต่คนที่นั่งตำแหน่งหัวโต๊ะกลับส่งยิ้มบางมาให้ แล้วผุดลุกขึ้นยืน

“ขึ้นห้องกันครับ พ่อกินข้าวเสร็จพอดี”

ผมลุกตาม คว้าจับมืออีกฝ่ายก่อนจะเดินออกจากห้องทานอาหารไปด้วยกัน ระหว่างที่ก้าวเดิน ผมยกมือข้างที่กุมกันไว้ขึ้นมา ใช้ฝ่ามืออีกข้างลูบลงบนหลังมือของพ่อ จนกระทั่งพวกเรามาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องพี่ภู ผมยังเล่นมือข้างนั้นอย่างอ้อยอิ่ง ไม่ยอมวางมันลงและไม่ได้เข้าห้องไปทันที

“เป็นอะไรหืม” คนตรงหน้าถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ผมทำเพียงส่ายหน้า เอาแต่ก้มมองมือที่กุมกันไว้ของเรา

แกร็ก...

ยังไม่ทันที่พ่อจะพูดอะไรต่อเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่พี่ภูจะมายืนอยู่ข้างๆ ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า ทั้งร่างกายมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวห่อพันช่วงล่างไว้

“ธาร พี่จะอาบน้ำ” อีกฝ่ายบอกสั้นๆ ที่ออกมาคงคิดจะมาตาม แต่ดันเจอผมกับพ่อยืนอยู่หน้าห้องพอดี

“พ่อ...พี่ภู...เหนื่อยไหมที่พวกเราเป็นแบบนี้” ผมยังก้มหน้า ไม่กล้าเงยสบตาใครสักคน “เหนื่อยไหมครับ...ที่ต้องมารักคนเห็นแก่ตัวแบบธาร”

“พูดอะไรฮึเรา” มืออบอุ่นของพ่อลูบลงบนหัวผม น้ำเสียงที่พูดฟังดูอบอุ่นไม่ต่างกัน “ธารเป็นความสุขทั้งหมดในชีวิตของพ่อนะครับ...พ่อจะเหนื่อยที่ต้องรักเราได้ยังไง”

ได้ยินคำพูดปลอบใจผมจึงกล้าเงยหน้าขึ้น มองพ่อก่อนจะหันไปมองพี่ภูที่ยืนอยู่ข้างกัน ใบหน้าหล่อคมคายเรียบเฉยจนยากจะเดาความรู้สึก แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หัวใจของผมร้อนรุ่มราวกับถูกแผดเผา

ผมยังคงจับมือพ่อเอาไว้ตอนที่ใช้แขนอีกข้างโอบกอดพี่ภู ซบหน้าลงกับแผงอกเปลือยเปล่า “พี่ภูล่ะครับ พี่ยังอยากรักธารไหม...” ไม่ได้ยินอีกฝ่ายตอบ ผมจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือ “ถ้าพี่ภู...จะไม่รักธารแล้ว...”

“ไม่มีทาง” คำพูดนั้นทำให้ผมชะงัก หลุดยิ้มออกมาได้ทั้งที่น้ำตาเอ่อคลอ “อย่าพูดเรื่องที่มันไม่มีทางเป็นไปได้อีก”

“ก็ได้ ไม่พูด”

ผมยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่กับแผงอกของเขา ในตอนนั้นเองที่รู้สึกได้ถึงสัมผัสแนบชิดทางด้านหลังกับลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดบริเวณต้นคอ เหลือบมองก็เจอเข้ากับใบหน้าหล่อคมคายของพ่อในระยะประชิด มุมปากอีกฝ่ายยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา...เป็นรอยยิ้มที่ทำเอาผมใจสั่น

ทั้งที่พ่อเข้ามาใกล้ขนาดนี้ และผมยังจับมือพ่อเอาไว้ แต่พี่ภูกลับไม่ได้แสดงท่าทีโมโหหรือขยับออกห่างเลย...

“ถูหลังให้พี่ภูเสร็จแล้ว มาถูหลังให้พ่อต่อนะ” ริมฝีปากหยักได้รูปยื่นมากระซิบข้างหู ลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดลงมากับน้ำเสียงนุ่มทุ้มชวนฝันนั้นทำให้ผมวูบวาบไปทั้งตัว

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร ร่างสูงกำยำทางด้านหลังก็ผละออกห่าง แล้วเดินกลับเข้าห้องตัวเอง ขณะที่ผมได้แต่ยืนยิ้มใจสั่นอยู่กับอกพี่ภูแบบนั้น

“ยังไงก็ต้องถูหลังให้พี่ก่อน” เสียงที่ดังขึ้นเหนือหัวดึงสติผมกลับมา พอผละออกห่างแล้วเงยหน้ามองคนในอ้อมกอด ก็เห็นอีกฝ่ายทำหน้าตาบึ้งตึงอย่างเอาแต่ใจ “ไปอาบน้ำกัน” พี่ภูบอกสั้นๆ แล้วลากแขนผมพาเข้าห้องตัวเอง

“ธารรักพี่ภูกับพ่อมากนะ” ผมพูดขึ้นเมื่อเราเข้ามาในห้อง แต่คนฟังกลับไม่ได้ตอบ คว้าชายเสื้อผมได้ก็เลิกถอดขึ้นทางหัว ต่อด้วยกระชากกางเกงบ็อกเซอร์ลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า

“.....”

“พี่ภู ได้ยินป่าว”

“ได้ยิน”

“รักธารไหม”

“รัก”

“อะไรนะ”

“จะอาบน้ำ”

“คิกๆ”

หนึ่งปีกว่าแล้วนะที่พวกเราอยู่ด้วยกันแบบนี้ ถึงจะเป็นความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงไปบ้างแต่ทุกคนก็ดูมีความสุขดี ผมไม่รู้หรอกว่าต่อไปชีวิตของพวกเราจะเป็นยังไง แต่แค่ได้อยู่เคียงข้างกัน...แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว...

Pie2Na

น่าจะไม่เกินอาทิตย์นี้ พายจะเปิดจองนิยาย Not innocent รอบรีปริ้นนะครับ
เพราะคนอ่านถามกันเข้ามาค่อนข้างเยอะ
ถ้าสนใจสามารถติดตามข่าวสารได้ทางเพจ Pie2Na นะครับ
ขอบคุณครับ ^^


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด