[เรื่องเงือกๆ] Merman. ปาฏิหาริย์แห่งมหาสมุทร ตอนที่9-10(จบ) P.4 (23/12/58)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องเงือกๆ] Merman. ปาฏิหาริย์แห่งมหาสมุทร ตอนที่9-10(จบ) P.4 (23/12/58)  (อ่าน 65163 ครั้ง)

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
โทวะซังหลอกเด็ก เอ๊ะ หรือคนแก่  เอาเป็นว่ากำลังล่อลวงน้องงินของพวกป้าๆแน่  :-[

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คุณโทวะเต๊าะเด็กใหญ่เลย ถึงจะอายุมากแต่น้องงินยังเด็กอยู่น้า...

ออฟไลน์ หลิว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ต่อจากนี้งินจะพาโทวะซังลงน้ำทีคงอายม้วนต้วน

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อ่านรวดเดียวแล้วก็ถึงกับเอามือทาบอกค่ะ เพราะทุกเรื่องที่เคยอ่านมา มีแต่มาเฟีย ฆาตกรรมยิงกันโป้งป้าง ใช้สมองงัดข้อกันสุด เจอมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งแบบนี้เข้าไปถึงกับงงเลย รอตอนต่อไปนะคะ รอผีเสื้อน้ำแข็งด้วยคิดถึงมากค่ะ ปู่งินนี่เป็นเงือกที่น่ารักมาก

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog


Merman. ปาฏิหาริย์แห่งมหาสมุทร

ตอนที่7 คามิซาวะ

                เช้าวันรุ่งขึ้นผมไปนั่งรองินที่ริมหาด แต่จนตะวันขึ้นสูงแล้วก็ยังไม่เห็นเงาของเขา ผมจึงเดินกลับมาที่หมู่บ้าน จึงได้พบกับยูมิโกะที่มาตามผมไปรับโทรศัพท์พอดี

                “เป็นไงบ้างครับ ทาซากิซัง” เสียงคุ้นหูดังลอดหูโทรศัพท์ทันทีที่ผมกรอกเสียงลงไป ผมเลิกคิ้ว “สบายดี ที่บริษัทเป็นไงบ้าง”

                คามิซาวะทำเสียงเหมือนผิดหวังหน่อยๆ “ว้า คุณถามผมถึงเรื่องงานอีกแล้ว เราสัญญากันแล้วไงครับว่าจะไม่พูดถึงเรื่องงาน”

                ผมนึกอยากพักงานคามิซาวะขึ้นมากะทันหัน ติดอยู่แต่ที่ผมยังอยู่ระหว่างลาพักนี่แหละ “คามิซาวะซัง”

                “ครับ?”

                “โทรมาทำไม”

                เขาอึ้งไปหน่อยหนึ่ง แล้วจึงหัวเราะออกมา “โทรมาตรวจดูว่าคุณยังโอเคอยู่รึเปล่าครับ เห็นเงียบไปเลย ผมกลัวคุณถูกใครลากลงทะเลไป”

                ผมเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง “คามิซาวะ!”

                “ครับ...?”

                “รู้เรื่องเงือกบนเกาะนี้มากแค่ไหน” ผมตัดสินใจถามเขาไปตรงๆ ได้ยินเสียงคามิซาวะตอบกลับมา “รู้พอๆ กับเวลาที่ใช้อยู่บนเกาะนั้นแหละครับ”

                ให้ตายสิ ช่วยตอบให้ตรงคำถามหน่อยได้ไหม!

                “ถ้าจะพูดแค่นี้ล่ะก็ ไม่ต้องโทรมาหรอกนะ ถ้าผมเป็นอะไรไปคงมีคนโทรแจ้งคุณเองนั่นแหละ อีกสามวันผมจะกลับไป ถ้ามีงานส่วนไหนไม่เรียบร้อยล่ะก็...”

                “คุณเตรียมยื่นซองขาวให้ผมได้เลย” เขาสวนทันใจ “ผมยินดีรับผิดชอบกับสิ่งที่ผมทำลงไปครับ”

                ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจออกมา “รู้หรอกน่า ว่าคุณไม่น่าทำอะไรผิดพลาด”

                “รู้ก็ดีแล้วครับ คุณพักผ่อนให้สบายเถอะ รู้สึกยังไงบ้างกับที่นั่นครับ”

                “ก็ดี”

                “แค่นั้นน่ะ?”

                ผมนึกรำคาญเขาขึ้นมา “จะให้ผมตอบอะไรอีกล่ะ ผมมาตามคำขอร้องของคุณ มาเจอเงือกที่นี่ แค่นี้ยังไม่น่าประทับใจพออีกเหรอ?”

                ได้ยินเสียงเขาหัวเราะ “รู้แล้วล่ะครับทาซากิซัง งั้นไว้ผมจะโทรมาใหม่ ขอให้สนุกกับช่วงเวลาพักผ่อนที่เหลือนะครับ”

                “เออ เคลียร์งานรอผมไว้ด้วยนะ ถ้าผมกลับไปตรวจแล้วเจอข้อบกพร่องอะไรล่ะก็...”

                “ทราบล่ะครับ งั้นสวัสดีครับ”

                “อืม”

                ผมวางหูโทรศัพท์ ที่จริงยังมีอีกหลายคำถามที่ผมอยากถามหมอนั่น แต่ด้วยนิสัยอย่างเขา คงไม่ยอมตอบคำถามผมตรงๆ แน่ เอาเหอะ เวลาที่ผมจะได้คุยกับเขายังมีอีกเยอะ ตอนนี้เป็นห่วงช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ก่อนดีกว่า

                “ยูมิโกะซังเห็นงินบ้างมั้ยครับ?” ผมเอ่ยปากถาม หลังออกมาจากบ้าน แล้วเห็นเธอยืนรออยู่ หญิงวัยกลางคนสั่นศีรษะ “ไม่ค่ะ ทำไมหรือคะ?”

                “อ๋อ เปล่าครับ” ผมว่า ก่อนจะเดินปลีกตัวออกมา

-----------------------------------

                สำรับอาหารเช้าถูกวางไว้เรียบร้อยตอนผมไปถึงบ้านพัก ผมนั่งลงบนฟูก กวาดตามองอาหารพวกนั้น พลางนึกถึงเงือกผมสีเงินตนนั้น

                เขาบอกว่าอาหารของเขาเป็นปลากับหอย เขาจะชอบซูชิพวกนี้รึเปล่า?

                ผมมองซูชิหน้าต่างๆ ที่วางอยู่ในถาด พลางนึกถึงภาพเขาตอนกำลังกินขนมไดฟุกุในร้านขายของชำเมื่อวานนี้ เขาเหมือนคนทุกอย่าง ทั้งหน้าตาท่าทาง แม้ว่าสีตาและสีผมจะต่างไปก็เถอะ ท่าทางอยากรู้อยากเห็นของเขาเวลามองผม ทำให้อดรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้ เขาอายุตั้งเก้าสิบห้าแล้ว แถมไม่ใช่คนแต่เป็นเงือก

                ‘ฉันคิดว่าฉันคงเริ่มชอบใครสักคนขึ้นมาแล้วล่ะ?’ ผมนึกถึงคำพูดที่ตัวเองหลุดปากไปเมื่อวาน นึกถึงดวงตาสีเขียวน้ำทะเลของเขา นึกถึงสีหน้าของเขาตอนผมบอกเขาเรื่องจูบ

                ทั้งที่บอกว่าจะขึ้นมาวันนี้แท้ๆ หรือเพราะเรื่องนั้นเขาเลยไม่ยอมขึ้นมา

                บางทีงินอาจจะไม่รู้จริงๆ ก็ได้ เขาคงตกใจที่ผมบอกแบบนั้น ผมนึกถึงตอนที่เขาโมโหครั้งที่โดนผมตีก้น ครั้งนั้นเขารีบหนีลงน้ำไป เมื่อวานนี้ก็เหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับผมกันแน่ บางทีอาจจะเป็นแค่ความสนใจของแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอ เหมือนเด็กที่ได้เจอของเล่นชิ้นใหม่ พอผมบอกเขาแบบนั้นเขาอาจจะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ เขาอาจจะเขินหรืออายจนไม่กล้าขึ้นมาเจอผม เขาคงไม่คิดอะไรเลย บางทีชีวิตเก้าสิบห้าปีของเขาอาจจะเห็นเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาก็ได้

                เขาให้ความสนใจผมที่เป็นมนุษย์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ส่วนผมสนใจเขาเพราะเขาเป็นอะไรที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน บางทีอาจจะเป็นความประทับใจในสิ่งที่คาดไม่ถึง ผมอาจจะไม่ได้รู้สึกชอบเขาจริงๆ ก็ได้ แต่ผมจะแน่ใจได้ยังไง ในเมื่อตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยชอบใครเป็นจริงเป็นจังเลย

                อะไรคือความหมายของคำว่าชอบกันแน่?

                ผมตัดสินใจผละจากอาหารเช้า กลับไปที่บ้านของยูมิโกะอีกครั้งเพื่อขอยืมโทรศัพท์ หลังรอสายอยู่พัก คามิซาวะก็รับเสียที

                “มีอะไรครับ?”

                “คามิซาวะซัง ผมมีเรื่องอยากปรึกษา”

                “เรื่องงานตอนนี้ผมไม่รับนะ”

                ถ้าอยู่ที่ทำงานผมปากระดาษไม่ก็ปากกาใส่เขาแล้วแน่ แต่ตอนนี้พวกเราอยู่ห่างกันคนละโยชน์ ผมจึงทำได้แค่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ แล้วให้นึกสงสัยขึ้นมาว่าโทรหาถูกคนรึเปล่า?

                “ทาซากิซัง?”

                “อืม... ผมฟังอยู่”

                คามิซาวะเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมา “ผมสิครับต้องเป็นคนพูดประโยคนั้น คุณมีอะไรอยากจะปรึกษาผมหรือครับ?”

                “คุณเคยชอบใครรึเปล่า?”

                คราวนี้คามิซาวะเงียบไปนานจนผมนึกว่าสายหลุด “คามิซาวะ?”

                “ครับ?!” เสียงของคามิซาวะเหมือนคนเพิ่งหลุดออกมาจากภวังค์ เขารีบพูดต่อทันที “จู่ๆ ทำไมถามเรื่องแบบนี้ล่ะครับ”

                “ผมถามคุณ คุณตอบที่ผมถามก่อนสิ”

                ปลายสายเงียบไปอีกสักพัก “ผมตอบคุณไม่ได้หรอก มันไม่ใช่เรื่อง...”

                “แค่ผมถามว่าคุณเคยชอบใครรึเปล่าทำไมมันตอบยากนักล่ะ?” ผมถามเขาด้วยความสงสัย คามิซาวะเงียบไปอีกครู่ใหญ่ๆ “ทาซากิซัง เกิดอะไรขึ้นกับคุณครับ ปกติคุณไม่น่าจะถามแบบนี้”

                ผมเองก็นึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เรื่องแค่นี้ทำไมไม่ยอมตอบผมตรงๆ “ผมถามคุณนะคามิซาวะซัง มีสมาธิตอบผมหน่อยสิ”

                “ผมก็ตั้งสมาธิตอบคุณอยู่นี่ล่ะครับ เอ๊ะ หรือว่า?!” ปลายสายผมเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะโพล่งขึ้นมา “อย่าบอกนะครับว่าคุณชอบงินเข้าแล้ว”

                ผมกัดปากด้วยความหงุดหงิด “ผมแค่สงสัยน่ะ”

                เสียงของคามิซาวะเงียบไปอีกอึดใจหนึ่ง “โทวะซัง... งินเป็นเงือกนะครับ”

                “เออ ผมรู้”

                “เขาเป็นตัวผู้นะครับ”

                “เห็นล่ะน่า”

                “คุณชอบเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก อย่าไปชอบเขาเลยครับ”

                ผมนึกฉุน “คามิซาวะซัง ผมยังไม่แน่ใจว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบกันแน่ เพราะผมไม่เคยมีประสบการณ์ชอบใครมาก่อน ผมเลยอยากจะถามคุณดูแค่นั้นเอง”

                ได้ยินเสียงคามิซาวะสูดหายใจลึก “งั้นคุณถามถูกคนแล้ว คุณไม่ได้ชอบงินแน่นอน ผมยืนยัน คนเรามันชอบใครภายในวันสองวันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกครับ คุณอาจจะรู้สึกสับสน งินอาจจะดูแปลกจนคุณเผลอคิดว่าชอบเขา มันก็เหมือนเวลาคุณไปเดินห้าง เห็นเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วรู้สึกอยากได้ แต่พอคุณกลับมาจากห้าง ความอยากได้นั้นก็หายไปแล้ว มันเป็นแบบนั้นครับ”

                ผมนิ่งฟังเขา ก่อนจะพยักหน้า “อืม เข้าใจล่ะ”

                ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจ “งั้นดีแล้วครับ เอ่อ... จริงสิครับ ผมเพิ่งเจอเอกสารชิ้นหนึ่งจำเป็นต้องให้คุณเซ็นอย่างด่วน ยังไงพรุ่งนี้ผมจะให้ยูมิโกะออกเรือจากเกาะเป็นพิเศษเที่ยวหนึ่ง เพื่อมาส่งคุณโดยเฉพาะ เอาแบบนี้ดีกว่านะครับ คุณเองจะได้กลับมาทำงานด้วย”

                ผมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “เอกสารสำคัญขนาดนั้น ทำไมคุณถึงไม่บอกผมตั้งแต่เมื่อเช้าล่ะ”

                “ผมเพิ่งเจอเมื่อตะกี้เองครับ เอาตามนี้แล้วกันนะครับ พรุ่งนี้ผมจะให้คนเอารถไปรับคุณที่ท่าเรือ ยูมิโกะอยู่ตรงนั้นรึเปล่าครับ ขอผมคุยกับเธอหน่อย”

                ผมเหลือบไปมองประตู ยูมิโกะยืนรอผมอยู่ด้านนอก ผมกรอกเสียงตอบกลับไป “เธออยู่ข้างนอก เดี๋ยวผมไปตามให้”

                “ครับ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ”

                ผมแขวนโทรศัพท์เอาไว้แล้วออกมาตามยูมิโกะ ก่อนจะพาตัวเองกลับไปที่บ้านพัก เหตุผลของคามิซาวะฟังดูน่าเชื่อถือ ผมคงเผลอสับสนไปหน่อย คิดแล้วก็น่าอายที่หลุดปากออกไปแบบนั้น

                เมื่อวานถ้าผมไม่พูดแบบนั้นกับงิน วันนี้ผมคงได้เจอเขา

                พอคิดว่าพรุ่งนี้ผมต้องกลับและคงไม่ได้เจอเขาอีก หัวใจของผมมันก็ห่อเหี่ยวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผมบอกตัวเองว่ามันคงเป็นอาการอยากได้อะไรสักอย่างแล้วไม่ได้ เลยผิดหวัง ไม่น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น งินเป็นเงือก แถมเป็นผู้ชาย ส่วนผมเป็นมนุษย์ มีงานมีการต้องกลับไปสะสางอีกมาก ผมควรตั้งสติให้ดี สาเหตุที่ผมมาที่นี่คือเพื่อมาพักผ่อน ไม่ได้มาเพื่อชอบหรือพาใครกลับไปทั้งนั้น ถึงกระนั้น ระหว่างเดินกลับไปที่บ้านพัก ผมกลับเอาแต่นึกถึงเรื่องราวที่ได้เคยคุยกับงิน เรื่องที่จะพาเขาไปข้ามถนน เรื่องที่จะพาเขาไปฟังเปียโน เรื่องที่เขาสัญญากับผมว่าจะไปให้ได้ แต่... วันนี้เขาไม่ขึ้นมา เขาคงโกรธผม ผมผิดเองที่เผลอไปพูดจาอะไรแบบนั้นเข้า

                พอคิดว่าเขาคงจะไม่ไปฟังเปียโนตามที่สัญญาไว้ หัวใจผมก็ปวดแปลบ ภาพดวงตาสีหน้าของเขาตอนเกี่ยวก้อยสัญญาปรากฏชัดขึ้นมาในห้วงคำนึง

                ให้ตายเถอะ ผมไม่เคยรู้สึกปวดใจจากการพลาดหวังอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ผมไม่ได้ชอบเขาจริงๆ หรือ? ถ้าผมกลับไปแล้วผมจะเลิกคิดถึงเรื่องเขาได้จริงๆ หรือ?

                ผมกลับไปที่บ้านพัก ทิ้งตัวลงบนฟูกนอนโดยไม่แตะต้องอาหารที่วางอยู่ หวังว่าตัวเองจะนอนกลับไปสักงีบ แล้วตื่นมาพบว่าทั้งหมดก็แค่ความรู้สึกชั่วครู่ อาจจะเป็นเพียงความฝัน แต่จนแล้วจนรอดผมก็ข่มตาให้หลับไม่ลงเสียที

------------------------------------------------------------

                ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเดินกลับไปที่หาดอีกครั้ง ท่ามกลางแสงตะวันยามสายที่แผดแรงจนแทบไหม้ผิว

                จะอะไรก็ช่างเถอะ ขอให้ผมได้เจอเขาอีกสักครั้งแล้วกัน ขอให้ผมได้มีโอกาสขอโทษเขา บอกเขาว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น เขาคงยอมให้อภัยผม อย่างน้อยๆ เวลาผมไปจากที่นี่ จะได้ไม่รู้สึกค้างคาใจว่ามีใครยังโกรธผมอยู่

                แต่ทว่า... ผมไม่เห็นอะไรบนผิวน้ำทะเล นอกจากระรอกคลื่นที่ซัดเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีเงือกหนุ่มผมสีเงินตนนั้น ไม่มีใครหรืออะไรเลย มีเพียงผมที่ยืนมองฟองคลื่นอยู่เพียงคนเดียว

                หรือเขาจะไม่ยอมขึ้นมาเจอผมจริงๆ...

                “งิน!” ความรู้สึกอัดอั้นเหมือนจะระเบิดอยู่ในอก ผลักดันให้ผมตะโกนเรียกชื่อเขา หวังอยู่ลึกๆ ว่าเขาจะยอมมาให้เจอหน้า แต่ทว่าที่สะท้อนกลับมามีเพียงเสียงคลื่นและเสียงลมเท่านั้น หัวใจของผมปั่นป่วนแบบไม่เคยเป็นมาก่อน

                งิน...

                ผมรู้สึกตัวเองก้าวเท้าลงไปในทะเลแบบคนที่ควบคุมตัวเองไม่อยู่ คลื่นทะเลซัดกระแทกตัวผมครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทว่าสมองกลับไม่นำพา สายตาของผมเพียงมองหาบางอย่างที่จะปรากฏขึ้นมาบนผิวน้ำ คาดหวังว่าจะได้เจอกับเงือกตนนั้น

                “โทวะซัง!” เสียงคุ้นหูเรียกชื่อผมจากด้านหลัง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้หันไปมอง คลื่นลูกหนึ่งก็ซัดม้วนเข้ามา ดึงตัวผมลงไปใต้น้ำ ตอนนั้นแหละ ผมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองเดินลงมาลึกแค่ไหน

                ผมตะกายมือเพื่อพาตัวเองขึ้นไปเหนือผิวน้ำ แต่คลื่นที่ซัดเข้ามาใหม่ม้วนตัวผมลงไปใต้น้ำอีกครั้ง ผมรู้สึกได้ถึงน้ำทะเลเค็มเฝื่อนที่ทะลักเข้ามาในจมูก แสบจนแทบจะประคองสติเอาไว้ไม่อยู่ วินาทีนั้นเองมือของใครบางคนก็ยื่นมาดึงแขนผมไว้ จากนั้นผมก็รู้สึกถึงริมฝีปากอ่อนโยนที่แนบชิดเข้ามา

                ผมรวบตัวเขาเข้ามากอดแน่น แทบจะลืมเรื่องที่กำลังจมน้ำเมื่อครู่ ในหัวใจเพียงสัมผัสได้ถึงสิ่งที่โหยหามากที่สุด ลิ้นของพวกเราเคล้ากันอยู่นาน จนเขาดึงตัวผมขึ้นมาบนฝั่ง

                “โทวะซัง?” งินเรียกชื่อผม ขณะที่ใบหน้าของเราแทบจะแนบชิดกัน ผมมองหน้าเขา มองดวงตาสีน้ำทะเลคู่นั้น จากนั้นก็ดึงตัวเขามากอดแน่น

                “โทวะ!” งินอุทานชื่อผม ระหว่างที่คลื่นซัดผ่านตัวพวกเราที่เกยอยู่บนหาด ผมกอดเขาแน่นกว่าเก่า ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นอื้ออึงอยู่ในอก

                ในที่สุดผมก็ได้เจอเขาเสียที... ในที่สุดเขาก็มาแล้ว

                ผมรู้สึกได้ถึงฝ่ามือของงินที่ค่อยๆ ทาบลงบนไหล่ผมอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ได้ยินเสียงของเขา

                “ไม่เป็นไรแล้วนะครับ... คุณไม่เป็นไรแล้ว”

                น้ำตาของผมไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไปแล้วกันแน่ แค่เพียงได้ยินเสียง แค่เพียงรู้ว่าเขามา หัวใจของผมมันก็สั่นระรัวไปหมด ความรู้สึกของผมที่มีให้เขาเป็นเพียงแค่ความรู้สึกชั่ววูบอย่างที่คามิซาวะว่าจริงๆ หรือ ถ้าอย่างนั้นทำไมผมถึงได้เจ็บปวดตอนคิดว่าจะต้องจากเขา และรู้สึกตื้นตันเมื่อได้เจอเขาขนาดนี้

                “ร้องไห้หรือครับ?” งินถามผมหลังจากที่เรากอดกันอยู่พักใหญ่ ผมสั่นศีรษะโดยไม่ยอมให้เขาเห็นหน้า “เปล่า”

                “แต่ผมได้ยินเสียงนะ” เขาพูด แล้วดึงตัวผมออก ผมจึงต้องเผชิญหน้ากับเขาอย่างห้ามไม่ได้

                ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลคู่นั้นจ้องมายังผม จากนั้นเขาก็ยื่นมือข้างหนึ่งมาเช็ดที่หางตา “ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ต้องกลัว ผมเข้าใจว่าจมน้ำมันน่ากลัวสำหรับคุณมาก แต่ไม่เป็นไรแล้วครับ ไม่เป็นไร”

                ผมเบือนหน้าหนีมือของเขาไปอีกทาง ก่อนจะเค้นคำพูดออกมา “ฉันไม่ได้ตกใจเรื่องจมน้ำหรอก”

                “เอ๋? แล้วอย่างนั้น...”

                ผมหลับตาลง ก่อนจะตัดสินใจหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง จ้องลึกลงไปในดวงตาสีเขียวน้ำทะเลคู่นั้น “ฉันแค่ดีใจที่ในที่สุดเธอก็มา”

                สีหน้าของงินดูแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นผมก็เห็นสองแก้มของเขาแดงเรื่อ “รอผมอยู่เหรอ?”

                “อือ...”

                “คุณ... ไม่ได้โกรธผมหรือ?”

                “ฉันจะโกรธเธอทำไมล่ะ?”

                “ก็เรื่องเมื่อวาน...” เขาลดเสียงลง ใบหน้าแดงเรื่อขึ้นกว่าเดิม “ผมเอาปากประกบกับคุณตั้งหลายครั้ง... ผมเพิ่งรู้ว่ามันเสียมารยาทมาก”

                ผมอดยิ้มให้กับคำพูดและท่าทางของเขาไม่ได้ “ก็ไม่ได้เสียมารยาทอะไรขนาดนั้นหรอก”

                เขารีบเถียงผมกลับทันที “แต่พวกเราไม่ได้เป็นคนรักกันนี่ครับ”

                ผมมองเขาอยู่เป็นนาน สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา “งิน... เธอเคยชอบใครรึเปล่า?”

                “ผมยังเด็ก...” เขาตอบไม่ตรงคำถาม ผมถอนหายใจอีกครั้ง “รู้มั้ย ตั้งแต่เมื่อเช้าฉันเอาแต่คิดถึงเรื่องเธอ ทำยังไงก็หยุดคิดไม่ได้เสียที”

                เขาก้มหน้านิ่ง พวกเราเงียบกันอยู่นาน ปล่อยให้เสียงคลื่นและสายลมพัดผ่านหูไป สักพักเขาก็เงยหน้าขึ้นมา “แล้ว...?”

                “เธอล่ะ คิดถึงเรื่องฉันบ้างรึเปล่า?”

                งินกะพริบตาปริบ จากนั้นก็เสไปมองทางอื่น “ไม่รู้สิครับ”

                “ไม่คิดถึงฉันสักนิดเลย?”

                เงือกหนุ่มตรงหน้าผมเม้มริมฝีปาก “เมื่อเช้าผมก็คิดถึงคุณ แต่... พรุ่งนี้คุณจะไปแล้วนี่ครับ คุณไปแล้ว สักพักเดี๋ยวผมก็ลืม”

                “หืม?” ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “ใครบอกเธอ?”

                “ซุบารุซังครับ”

                ผมชะงักกึก “เจอคามิซาวะเมื่อไหร่?”

                “ก็... เมื่อกี้ผมไปหาคุณที่บ้านไม่เจอ เลยไปที่บ้านยูมิโกะซัง เธอกำลังคุยสายกับซุบารุซังอยู่พอดี เลยเรียกผมเข้าไปคุยด้วย”

                “เธอไปหาฉันที่บ้าน? เดี๋ยว... เดี๋ยวก่อนนะ ฉันว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ” ผมรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างขึ้นมาได้อย่างชัดเจน ปกติคามิซาวะที่เอาแต่บอกผมว่าอย่าพูดถึงเรื่องงาน จู่ๆ ก็บอกผมว่ามีงานด่วนต้องให้ผมเซ็น จะให้ผมกลับพรุ่งนี้ให้ได้ ทั้งที่กำหนดกลับของผมมันอีกตั้งสามวัน ทำไมคนอย่างเขาถึงขุดเรื่องงานมาคุยกับผมได้ หรือเพราะผมคุยกับเขาเรื่องนั้น

                “งิน”

                “ครับ?”

                “เธอกับคามิซาวะ ไม่ได้เป็นอะไรกันใช่มั้ย?”

                งินทำท่าตกใจเมื่อได้ยินคำถาม พอเห็นหน้าเขาหัวใจผมก็หล่นวูบ “บอกสิ ว่าเธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน”

                เงือกหนุ่มตรงหน้าผมอ้าปากค้างอยู่เป็นนาน กว่าจะเค้นคำพูดออกมาได้ “ผม... ผม...”

                หัวใจของผมปวดแปลบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับว่ามันถูกใครบางคนทึ้งออกมา “ให้ตายเถอะงิน... ถ้าเธอกับคามิซาวะรักกันอยู่ล่ะก็... บอกฉันมาตรงๆ เลย อย่าทำท่าทางแบบนี้”

                “เห?!” งินร้องด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ก่อนจะรีบโพล่งออกมา “เดี๋ยวโทวะซัง... ผมกับซุบารุซังไม่ใช่คนรักกันนะครับ คุณคิดอะไรไปถึงไหนเนี่ย!”

                หา! อะไรนะ?!

                ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา “ก็เธอกับคามิซาวะ...”

                งินทำหน้าคิดหนัก “ผมกับซุบารุซังน่ะ... เอาว่าเราไม่ได้เป็นคนรักกันแน่นอนล้านเปอร์เซ็น คุณอย่าคิดอะไรแบบนั้นอีกนะครับ” พูดจบเขาก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งผ่านเรื่องสยองมาหมาดๆ เล่นเอาผมแทบเปลี่ยนอารมณ์ไม่ทัน

                “แล้ว... ทำไมคามิซาวะถึงได้อยากแยกฉันออกจากเธอนัก”

                “เอ๋? เขาน่ะหรือครับอยากแยกผมกับคุณ”

                “อืม”

                งินทำหน้าแปลกใจ “จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงครับ ก็ก่อนคุณมา เขาบอกผมเองว่าให้ช่วยดูแลคุณให้ดี บอกว่านี่เป็นแขกคนสำคัญที่สุด คุณเป็นคนสำคัญจะตาย”

                “งั้นเหรอ... เดี๋ยวนะ! งั้นที่เธอดีกับฉันทั้งหมดนี่ ก็เพราะคามิซาวะสั่งสินะ” ผมรู้สึกฉุนกึกขึ้นมาทันที งินมองผม ด้วยท่าทางเหมือนกำลังพยายามทำความเข้าใจอยู่

                “โทวะซัง... คุณนี่มันจริงๆ เลยน้า” เขาพูด พลางถอนหายใจ “ต่อให้เป็นซุบารุซัง ก็สั่งผมให้มาทำดีกับคนแปลกหน้าที่จู่ๆ มาตีก้นผมไม่ได้หรอก คุณนี่ไม่รู้ตัวเลย”

                “หืม?!” ผมมองเขาอีกครั้ง “หมายความว่าไงน่ะ?!”

                “ก็หมายความอย่างที่ว่าแหละครับ” งินลอยหน้าลอยตาตอบผม “ถ้าคิดว่าการที่ผมทำดีกับคุณ เพราะถูกซุบารุซังสั่งล่ะก็ คุณคิดผิดแล้วล่ะ”

                “งั้น...” ผมขยับเข้าไปใกล้เขา รู้สึกหัวใจตัวเองเต้นตึกๆ “ที่ดีกับฉันเพราะอะไรล่ะ?”

                งินหันมาทำปากยื่นใส่ผม “ไม่รู้หรอกครับ ถ้าผมรู้ผมบอกคุณไปแล้ว”

                “อ๋อ... งั้นหรอกหรือ” ผมพูด ไม่รู้ทำไมถึงได้หัวเราะออกมา “ฉันเข้าใจล่ะ”

                “เข้าใจอะไรครับ?”

                “ไม่บอกหรอก”

                “อ้าว!” งินทำหน้าผิดหวัง “ทำไมไม่บอกล่ะครับ?”

                “เพราะบอกไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก” ผมตอบยิ้มๆ เขาทำปากยื่นใส่ผมอีก “รู้ได้ไงว่าผมจะไม่เข้าใจ”

                “เธอเคยชอบใครรึยังล่ะ?”

                “..........”

                “ไว้เธอรู้สึกตัวว่าชอบใคร แล้วเธอจะเข้าใจเอง”

                งินมองผมแล้วย้อนถามทันที “แล้วคุณล่ะครับ รู้สึกชอบใครขึ้นมาแล้วเหรอ?”

                “อืม” ผมพยักหน้า “ตอนนี้ฉันคิดว่าอย่างนั้นล่ะ แต่เพื่อความแน่ใจ... ฉันจะให้โอกาสตัวเองได้พิสูจน์ ว่าฉันชอบใครคนนั้นจริงๆ รึเปล่า?”

                เงือกหนุ่มตรงหน้าผมกะพริบตาปริบๆ “ใช้เวลานานรึเปล่าครับ?”

                ผมหัวเราะหึๆ ในคอ “ก็จนกว่าเธอจะยอมไปฟังเปียโนที่ฉันเล่นนั่นล่ะ”

                ใบหน้าของงินเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนดวงอาทิตย์ยามเช้า “ขี้โกง!”

                “ตรงไหนล่ะ?”

                “ก็ถ้าคุณไม่ยอมชวนสักที แล้วผมจะได้ขึ้นไปฟังไหมล่ะ!” เขาพูดพลางทำหน้าแง่งอนใส่ผม ผมเห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้ม

                “รอไหวรึเปล่า? หรือจะกลับไปพร้อมกับฉันตอนนี้เลย”

                “ได้หรือครับ?!” เขาโพล่งออกมา ก่อนจะรีบสั่นศีรษะ “ไม่ได้ๆ ผมมีเรื่องต้องทำก่อน” พูดจบเขาก็หันมาจ้องหน้าผม “โทวะซัง ยังไงก็ต้องมาชวนผมนะ ผมจะต้องขึ้นไปฟังเปียโนของคุณให้ได้ แต่ก่อนหน้านั้น... อย่าลืมเรื่องซุบารุซังที่ผมบอกนะครับ”

                “หืม?”

                งินทำหน้าขัดใจ “คุณทำยังไงก็ได้ให้เขามาที่เกาะนี้ แล้วผมจะได้ไปฟังคุณเล่นเปียโน”

                ผมหัวเราะออกมา "ได้ ฉันยอมเอาคามิซาวะมาแลกตัวเธอ ขอแค่เธอก็พอแล้ว”

                งินรีบขยับมาเอามือปิดปากผมไว้ “อย่าพูดให้ซุบารุซังได้ยินเชียวนะครับ ไม่งั้นเขาได้เล่นงานผมกับคุณแน่”

                ผมหัวเราะอย่างมีความสุข ยกมือขึ้นมาดึงมือเขาข้างที่ยื่นมาปิดปากผมออก แล้วกุมเอาไว้ “อย่าลืมนะ ถ้าฉันชวนแล้ว เธอต้องมาให้ได้นะ”

                “อือ... คุณเองก็อย่าลืมชวนผมล่ะ ยังไงผมก็จะรอ”

                ผมมองหน้าเขา มองดวงตาสีเขียวน้ำทะเลคู่นั้น ก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปากของเขาเบาๆ “พอถึงตอนนั้น จำไว้ด้วยนะ ว่าเวลาที่ฉันสัมผัสกับตรงนี้ของเธอ มันจะไม่ใช่การขออากาศอีกต่อไป”

                งินถลึงตามองผม เลือดฝาดฉีดจากแก้มแผ่ไปจนถึงใบหู เขาสลัดมือ แล้วหนีลงน้ำไปอย่างรวดเร็ว ผมมองคลื่นน้ำที่ม้วนเกลียวเข้าหากัน ก่อนจะระบายยิ้มออกมา

-----------------------------------------------
** โอ๊ย บอกตรงๆ ค่ะ ดิฉันคิดว่าตัวเองเขียนเรื่องนี้ได้วนเวียนมากกกกกก แบบว่านิยายรักมุ้งมิ้งหาเรื่องฆาตกรรม เอ๊ย หาเรื่องวุ่ยวาย /ผิด นี่ไม่ใช่แนวเลยค่ะ

ปล. โทวะเป็นญาติกับคุณพนิตแน่เลยค่ะ ฮ่าๆ แบบว่ามโนแจ่มสุดใจมาก กร๊ากกก
 :hao7:
ปล.2 งินคะ... จริงๆ แล้วหนูรู้ใช่มั้ย หนูรู้ทุกอย่างใช่มั้ย คือหนู95แต่หนูแอ๊บเด็กใช่มั้ยคะ!!! :hao6:

ปล.3 คามิซาว้าาาาาาาาาาาาาาาา ฮ่าๆๆ โอ๊ยยย อยากตีก้นคามิซาว้าาาาา /โดนทสึกิยะลากลงน้ำไปฆ่า :a5:

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตาลุงแก่ๆกับลุงที่แก่กว่า  :m20:
ทำไมมันมุ้งมิ้งเยี่ยงเนนน้  :hao7:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อายม้วนต้วนลงน้ำไปเลย
มีลับลมคมในแน่นอน
โทวะซังกรุ้มกริ่มมาก. โอจิซังล่อลวงเด็กน้อยอายุ95ชัดๆ
รอค่ะ. 

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ซุบารุซังกีดกันเต็มที่เลยเหรอเนี่ย
โทวะซังจะทำยังไงถึงจะพาซุบารุซังมาที่เกาะได้ล่ะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เห็นเค้าลางความแสบของงินซะแล้ว คึคึ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Maxshu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แกพยายามจะแยกพวกเค้า โอ๊ยยยย ซึบารุ ชั้นอยากรุ้ทำไมนายต้องแยกพวกเค้าให้ตายเหอะ พวกเค้าอยู่ด้วยกันแล้วฟินออก

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
โอ๊ยยย เขินนนนนน  :-[
ละมุนมาก ชอบบบ
ทำไมคามิซาวะถึงไม่อยากให้งินคบกะโทวะล่ะ รึเปล่าว่าโทวะเป็นคน แล้วงินเป็นเงือก กลัวจะซ้ำรอยกะพ่อแม่ไรเงี้ยอ่ะเหรอ
รอน้า

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
บทนี้เราตีความได้ว่าเจ้าเงือกงินแก่แดดมากๆ
ปากบอกเป็นเด็กๆแต่ขี้อ่อยมากๆ
เจ้าซึบารุจ้าวแผนการดีนัก
อย่างนี้โทวะซังต้องรีบส่งตัวซึบารุมาให้เจ้าผมดำตีก้นลงโทษไวๆ

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
เห็นลางของสายธารแห่งน้ำมาเริ่มหลั่งไหลแหะ  :try2:

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
อ่านแล้วรู้สึกญี่ปุ้นญี่ปุ่น เหมือนดูซีรีย์เลย
โทวะซังรีบพาคามิซาวะมาเกาะให้ได้นะคะ
งินๆ จะได้ไปฟังเปียโนสักที
 :mew1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คามิซาวะจะขัดขวางความรักคนอื่นทำไมล่ะหนอ
งินเด็ก งินไม่รู้เรื่องจริงเหรอ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog


Merman. ปาฏิหาริย์แห่งมหาสมุทร

ตอนที่8 ของสำคัญ

                เช้าวันรุ่งขึ้น ผมขึ้นเรือที่มียูมิโกะเป็นคนขับกลับขึ้นฟัง ตามคำขอร้องแกมบังคับของคามิซาวะ งินมาส่งผมแต่เช้าตรู่ ก่อนขึ้นเรือ เขาหยิบห่อผ้าห่อหนึ่งยัดใส่มือผม

                “ฝากนี่ให้ซุบารุซังด้วยนะครับ” งินพูดพลางส่งสายตาจริงจังให้ผม ผมพยักหน้า แต่ไม่ได้เปิดดูว่าในห่อนั้นคืออะไร งินมองผมอยู่พัก ก่อนจะหยิบอะไรอีกอย่างให้ผม “ส่วนนี่ ของคุณครับ”

                ที่เขาให้ผม เป็นไข่มุกเม็ดโตเท่าหัวแม่มือลูกหนึ่ง ผมเห็นแล้วก็อดพูดไม่ได้ “นี่... ฉันไม่ใส่มุกหรอก”

                เขาช้อนตามองผมอย่างผิดหวังนิดๆ “ไม่ชอบหรือครับ”

                พอเห็นเขาทำหน้าแบบนั้นพร้อมกับทำท่าจะชักมือกลับ ผมเลยรีบกำไข่มุกเม็ดนั้นไว้ “เปล่า งั้นฉันรับไว้แล้วกัน ขอบใจนะ แล้วเจอกัน”

                งินส่งยิ้มที่เหมือนแสงของพระอาทิตย์ยามเช้าให้ผม ก่อนจะพูดตอบ “ครับ แล้วเจอกัน อย่าลืมห่อผ้าของซุบารุซังนะครับ”

                ถ้าไม่ติดว่ารอยยิ้มของเขาสวยขนาดที่ทำให้ผมลืมหงุดหงิด ผมคงถามแล้วว่าคามิซาวะสำคัญยังไงกับเขากันแน่ แต่เอาเหอะ ถามไปคงไม่มีใครตอบ ผมทำในสิ่งที่ผมทำได้ดีกว่า

                ผมกลับถึงเมืองที่อยู่ในช่วงหัวค่ำ คามิซาวะมารับผมที่สถานีรถไฟ พอเห็นหน้าเขา ผมก็เอ่ยปากถามถึงเอกสารสำคัญที่ว่าทันที

                “อ๋อ อยู่นี่ครับ” เลขาหนุ่มวัยสามสิบเศษของผมพูดเร็วปรื๋อ พร้อมหยิบแฟ้มเอกสารมาให้ ระหว่างที่ผมก้าวขึ้นรถ ผมรับมาแล้วกวาดตามองวูบหนึ่ง “เรื่องนี้คุณทามุระตกลงแล้วหรือไง ถึงต้องรีบเซ็น กำหนดมันยังตั้งอีกสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ?”

                คามิซาวะตอบผมหน้าตาเฉย “ครับ เขาเพิ่งตอบรับมาเมื่อวานนี้เอง”

                ผมหรี่ตามองเขา ก่อนจะจับปากกาเซ็นลงไป ระหว่างคืนแฟ้มให้เขา ผมก็พูดขึ้น “จริงสิ มีคนฝากของมาให้คุณ”

                “ใครครับ” คามิซาวะถามสวนก่อนที่ผมจะทันได้หยิบของขึ้นมาเสียอีก ผมมองเขาอีกครั้ง ก่อนจะดึงห่อผ้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “งิน คุณรู้จักเขาอยู่แล้วนี่”

                “อ๋อ” คามิซาวะพูดพลางทำหน้าเหมือนโล่งใจ แต่พอเขารับห่อผ้าไปแกะดูเท่านั้นแหละ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาเงยขึ้นมองผม ทำท่าเหมือนกำลังชั่งใจว่าจะถามผมดีหรือไม่ สุดท้ายก็อ้าปากพูดออกมา “ทาซากิซังครับ ตอนไปที่เกาะนั้น คุณเจอเงือกตนอื่นนอกจากงินด้วยรึเปล่าครับ?”

                ผมอึ้งไปอึดใจหนึ่ง ด้วยนึกไม่ถึงว่าจะถูกถามคำถามนี้ ยิ่งพอเห็นสีหน้าจริงจังของเขาแล้ว ผมก็รู้สึกขึ้นมาว่า นี่มันต้องเป็นเรื่องสำคัญมากแน่ๆ

                “ก็เจอ แต่ไม่ใช่อะไรที่น่าประทับใจนักหรอก”

                คามิซาวะทำหน้าเหมือนว่าคิดไว้อยู่แล้ว เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเก็บห่อผ้านั้นใส่กระเป๋า “ผมพอนึกภาพออกล่ะครับ เงือกที่คุณเจอผมสีแดง ตัวสีดำๆ มารยาทแย่ๆ หน่อยใช่ไหม?”

                “อือ” ผมพยักหน้า ก่อนจะถามต่อ “คุณรู้จักหรือ?”

                คามิซาวะไม่ตอบผม แต่พูดต่อ “โชคดีนะครับที่คุณกลับมาได้แบบไม่ประสบเหตุอะไร เอ้อ จริงสิครับ พรุ่งนี้มีนัดของคุณโฮคุโตะครับ”

                เขาเอาเรื่องงานมาดึงความสนใจผมไปอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีรถก็มาจอดที่บ้านพักของผม พร้อมด้วยตารางงานแน่นเอี๊ยดตลอดสัปดาห์ที่คามิซาวะอัดเข้ามา

                พอส่งผมเสร็จแล้ว เขาก็รีบลากลับทันที ผมเลยไม่ทันได้ถามถึงเรื่องราวของเขากับเกาะบ้านเกิด รวมถึงความสัมพันธ์กับเงือกพวกนั้น

                หลังจากอาบน้ำเก็บของเรียบร้อย ผมก็เตรียมตัวเข้านอน ก่อนนอนผมยังไม่วายหยิบไข่มุกลูกนั้นที่งินให้ มาลูบๆ คลำๆ เหมือนเป็นของวิเศษ ก่อนจะวางมันเอาไว้บนโต๊ะตรงหัวนอน พลางนึกว่าหากผมเอามุกลูกนี้ไปทำหัวแหวน จะมีใครว่าผมไหม เพราะส่วนใหญ่มุกมักจะเป็นผู้หญิงที่สวมกัน ผมอาจจะเป็นผู้ชายคนแรกที่สวมแหวนมุกก็ได้ เอาน่ะ ถ้าทำตัวเรือนดีๆ มันก็คงดูดีได้เหมือนกันแหละ

                แล้วผมก็ผล็อยหลับไปทั้งที่ยังคิดเรื่องตัวเรือนแหวนมุกอยู่นั่นเอง

------------------------------------

                ตารางงานทั้งสัปดาห์แน่นเหมือนจงใจแกล้ง ทั้งๆ ที่ปกติผมก็ทำงานรัดตัวอยู่แล้ว แต่คราวนี้ดูแน่นแบบรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ พอผมเอ่ยถามคามิซาวะตัวดี หมอนั่นก็ตอบหน้าตาเฉยว่า เป็นเพราะผมลาหยุดไปหลายวัน ตารางงานมันถึงได้แน่นอย่างนี้ ผมอดไม่ได้จริงๆ ต้องสวนเขาไป ว่าก็เพราะความคิดของเขานั่นแหละ ระหว่างที่เรากำลังเถียงกันถึงตารางนัดที่ทับซ้อนกัน ผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้

                “นี่ คามิซาวะซัง ผมมีเรื่องจะไหว้วานคุณหน่อย”

                “อะไรอีกครับ ตอนนี้พวกเรายังมีเรื่องรัดตัวไม่พอหรือ?” เขาถามย้อนผม เล่นเอาผมคันปากยิกๆ “มันรัดตัวแค่ผม ส่วนคุณลอยตัวไม่ใช่หรือไง?”

                “ผมลอยตัวตรงไหนกันครับ” คามิซาวะสวนผมด้วยสีหน้าจริงจังจนน่าหมั่นไส้ ผมเลยชี้ให้ดูตารางงานผมที่แน่นเสียจนไม่มีที่กระดิกตัว ก่อนจะพูดต่อ “คุณเห็นตารางงานผมมั้ย แน่นจนสามทุ่ม ผมต้องนั่งคุยธุระกับตาลุงแก่ๆ หน้าดำหน้าแดง ขณะที่คุณนั่งเมาธ์กับสาวๆ อยู่นอกห้อง อย่างนี้ยังจะเรียกไม่ลอยตัวอีกหรือ?”

                “โธ่ ทาซากิซัง ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะเข้าไปนั่งฟังตาลุงพวกนั้นบ่นพร้อมคุณนั่นแหละครับ แต่พวกเขาไม่อนุญาตให้ผมเข้าฟังเองนี่ ทั้งๆ ที่ผมก็ทำงานกับคุณมาตั้งหลายปีแล้วแท้ๆ”

                ผมหรี่ตามอง พอเข้าใจตาลุงพวกนั้นอยู่บ้าง เพราะทุกครั้งที่คามิซาวะเข้าร่วมประชุม การพูดของเขามันเหมือนมีพลังบางอย่าง จนทำให้ผู้บริหารหลายคนจำต้องคล้อยตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ หลังๆ มานี้ หลายบริษัทถึงขั้นห้ามผมพาคามิซาวะเข้าร่วมประชุมด้วย เพราะกลัวจะหลงคารมหมอนี่จนเผลอเซ็นสัญญาเสียเปรียบอีก ผมไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี ที่ได้เลขาเก่งกาจขนาดนี้

                “เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ แต่ยังไงงานนี้ผมต้องไหว้วานคุณ ไม่สิ ผมจะสั่ง ในฐานะเจ้านาย ผมมีของอย่างหนึ่งที่จะต้องฝากคุณเอาไปให้กับคนคนหนึ่งให้ถึงมือให้จงได้” ผมทำหน้าขึงขังบอกเขา พลางนึกในใจว่า ใช้คำว่า ‘คน’ กับเขาคนนั้น คงจะไม่ใช่อะไรที่ถูกต้องนัก

                “อะไรครับ?” คามิซาวะทำหน้าสงสัย ผมเลยพูดต่อ “อีกสองวันผมจะเอามาให้คุณ ยังไงคุณก็ต้องไปตามคำสั่งผม ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด เข้าใจนะ”

                คามิซาวะมองผมอยู่พักใหญ่ๆ ในที่สุดก็ยอมพยักหน้า “ก็ได้ครับ ว่าแต่งานในส่วนของผมจะให้ใครทำแทนครับ?”

                “ให้ทาคุโบะทำไป ผมใช้คุณไปแค่สองสามวัน ทาคุโบะคงพอทำแทนได้หรอก”

                คราวนี้คามิซาวะเลิกคิ้วขึ้นสูง “สองสามวัน? จะให้ผมไปต่างจังหวัดหรือครับ?”

                ผมหรี่ตามองเขา รู้ทันทีว่าเจ้าตัวคงนึกไม่ถึงแน่ จากนั้นก็พยักหน้าตอบเขาไป “ใช่ ไปต่างจังหวัด แค่สองสามวัน เตรียมตัวไว้ล่ะ คามิซาวะซัง”

----------------------------------------------

                ช่วงเย็นวันนั้น ผมหาช่องว่างปลีกตัวจากคามิซาวะ แอบมาโทรศัพท์ถึงเพื่อนที่เป็นช่างเครื่องประดับ นัดเขารอบดึกเพื่อคุยงานพิเศษบางอย่าง พอเลิกจากนัดกินข้าว ผมก็จับแท็กซี่ออกไปที่ร้านเขาทันที เพื่อนคนนั้นรอท่าอยู่แล้ว พอผมไปถึงเราก็คุยรายละเอียดเรื่องที่ผมต้องการกันจนเกือบเที่ยงคืน ผมถึงนั่งแท็กซี่กลับมาที่บ้านพัก

                คืนนั้นไม่มีไข่มุกเม็ดโตเท่านิ้วหัวแม่มือวางอยู่บนหัวเตียงผม แต่หัวใจผมกลับรู้สึกพอใจมากขึ้น เมื่อจินตนาการว่า อีกไม่กี่วันมันจะได้มาประดับอยู่บนนิ้วผม อยู่กับผมตลอดเวลา ไม่ต้องรอผมกลับมาหาทุกค่ำแบบนี้

-----------------------------------------

                “อะไรครับเนี่ย?” คามิซาวะถามผมทันทีที่เห็นห่อผ้าห่อใหญ่ ซึ่งด้านในบรรจุกล่องไม้เอาไว้อีกกล่องหนึ่ง ผมตอบเขาโดยเลียนแบบสีหน้าไม่รู้ทุกข์รู้ร้อนของเขานั่นแหละ “กระจก ผมสั่งทำมาอย่างดี คุณต้องพาไปส่งให้ถึงมือเขา ห้ามให้มีส่วนไหนบุบสลายเด็ดขาด”

                “ดะ... เดี๋ยวนะครับ” คามิซาวะขัดขึ้นมาทันที “นี่คุณคงไม่...”

                “ใช่” ผมพูดดักคอเขา “ผมจะให้คุณเอากระจกบานนี้ไปให้งิน เป็นของตอบแทนที่เขาให้ไข่มุกผมมาเม็ดหนึ่ง” ผมพูดพลางยื่นมือที่ตอนนี้มีแหวนไข่มุกเม็ดเขื่องสวมอยู่ให้เขา “หรือคุณจะให้ผมเอาของคนอื่นมาเฉยๆ ไม่ให้อะไรตอบแทนเลย”

                คามิซาวะทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้อมหอยเม่นเข้าไปทั้งตัว ผมชักนึกสงสัยว่า ทำไมเขาถึงทำท่าทางเหมือนไม่อยากไปที่เกาะนั้นเสียเต็มประดา

                “ว่าไงล่ะ คามิซาวะซัง”

                “เอ่อ... ก็ถูกของคุณล่ะครับ แต่เรื่องแค่นี้... ให้คนอื่นไปก็ได้นี่ครับ” เลขาหนุ่มของผมยังไม่วายบ่ายเบี่ยง ผมเลยพูดสืบต่อ “คนอื่นไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่ได้รู้จักเงือกเหมือนคุณนี่ มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา คุณก็รู้ไม่ใช่หรือ?”

                คามิซาวะทำหน้ากล้ำกลืนฝืนทนสุดขีด ในที่สุดเขาก็ยอมพยักหน้า “ตกลงครับ ผมจะนำไปให้เขา แล้วจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”

                “อืม ให้เขาแล้วต้องให้เขาโทรมาหาผมด้วยล่ะ ผมจะได้แน่ใจว่าของถึงมือเขาจริงๆ ส่วนคุณ ถ้ารู้สึกคิดถึงบ้านเกิด จะอยู่ต่ออีกสักสองสามวันผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ”

                สีหน้าของคามิซาวะกลายเป็นสีเขียวคล้ำอย่างกับถูกใครบีบกล่องดวงใจอย่างนั้นแหละ

------------------------------------------

                ผมไม่ได้ออกไปส่งคามิซาวะ เพราะกำหนดนัดรัดตัวแต่เช้า ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายรอฟังโทรศัพท์ราวกับว่ามีธุระสำคัญ ทั้งที่รู้ว่ากว่าเขาจะไปถึงเกาะนั้น คงเป็นเวลาย่ำค่ำ งินคงไม่ขึ้นมาบนบกหรอก ส่วนแหวนมุกที่ผมสวม คนแรกที่ทักไม่ใช่ใครอื่น เป็นทาคุโบะ คนสนิทของผมที่เคยทำหน้าที่เป็นเลขาจำเป็นก่อนหน้าที่จะรับคามิซาวะเข้ามานั่นเอง

                “แหวนสวยนะครับ ทาซากิซัง ผมเกิดมายังไม่เคยเห็นไข่มุกเม็ดโตขนาดนี้มาก่อนเลย ได้มาจากเกาะที่คามิซาวะซังแนะนำหรือครับ”

                “ใช่” พยักหน้า พลางมองแหวนแล้วยิ้ม เพื่อนผมช่างรู้ใจ ทำตัวเรือนออกมารับกับมุกอย่างไม่ดูขัดเมื่อสวมลงบนนิ้วผู้ชายแบบผม ได้ยินเสียงทาคุโบะพูดต่อ “แสดงว่าบนเกาะนั้นมีไข่มุกเยอะจริงๆ วันหลังผมฝากคามิซาวะซังซื้อมาเผื่อภรรยาสักสองสามเม็ดดีกว่า เอาเม็ดเล็กๆ ก็พอ ผมคงสู้ราคาเม็ดเขื่องแบบคุณไม่ไหว”

                ผมหัวเราะ พลางพูดตอบเขาไป “ถ้างั้นผมจะโทรบอกคามิซาวะซังแล้วกัน เขาคงยินดีจะเป็นนายหน้าค้าไข่มุกให้คุณหรอก”

                ทาคุโบะฟังผมแล้วหัวเราะเขินๆ “แหม... ถ้าคามิซาวะซังผันตัวเองไปเป็นนายหน้าค้าไข่มุก สมาคมไข่มุกคงต้องเชิญเขาไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษล่ะครับ เอ้อ ทาซากิซัง นัดหมายของคุณคุโรซาวะ ต้องให้ผมเข้าไปด้วยมั้ยครับ?”

                “ต้องสิ” ผมว่า “ก็คุณยังไม่ได้ถูกแบนนี่ ไม่ใช่คามิซาวะซังสักหน่อย”

                จากนั้นพวกเราสองคนก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

-----------------------------------------------

                เช้าวันรุ่งขึ้น งินโทรมาหาผมตอนสิบเอ็ดโมงพอดี คามิซาวะคงบอกเขาเรื่องตารางนัดของผม เขาถึงโทรมาได้พอเหมาะพอเจาะ ผมรีบรับโทรศัพท์ด้วยความตื่นต้น

                “สวัสดีครับโทวะซัง”

                น้ำเสียงของเขาเพราะเหมือนระฆังเงิน ผมฟังแล้วรู้สึกอุ่นวาบหัวใจเหมือนได้เดินอยู่ริมชายหาด จมูกก็พลอยได้กลิ่นน้ำทะเลขึ้นมา

                “สวัสดีงิน เป็นไงบ้าง ได้ของแล้วหรือยัง?”

                “ได้แล้วครับ สวยมากๆ เลย ขอบคุณนะครับ” น้ำเสียงเขาดูตื่นเต้นจากใจจริง เขาถามผมต่อ “บนบกมีกระจกแบบนี้เยอะมั้ยครับ? ผมจะได้บอกคนอื่นๆ”

                “กระจกน่ะมีเยอะ” ผมว่า “แต่แบบที่เธอถืออยู่น่ะ ฉันทำให้เธอแค่คนเดียว คนอื่นไม่ทำให้นะ”

                งินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ผมจินตนาการว่าเขาคงกำลังหน้าแดงอยู่แน่ๆ “โทวะซังล่ะก็... ใจแคบอะไรนักครับ แค่กระจกเอง”

                ผมถอนหายใจ คิดขึ้นมาได้ว่าคงตีค่าตัวเองผิดไป เลยพูดขึ้นต่อ “ก็แค่กระจกนั่นแหละ แต่แบบนั้นฉันทำให้เธอแค่คนเดียว เพราะอะไรรู้มั้ย?”

                “อะไรครับ?”

                “เพราะเธอเป็นคนสำคัญของฉันน่ะสิ คนสำคัญมีแค่หนึ่งคน ของที่ให้คนสำคัญก็ต้องมีแค่หนึ่งเดียว เข้าใจมั้ย?”

                คราวนี้เขาเงียบไปพักใหญ่ๆ จนผมอดนึกเข้าข้างตัวเองไม่ได้ ขณะที่กำลังจินตนาการถึงสีหน้าของเขา ผมก็ได้ยินเสียงโวยวายเบาๆ จากนั้นเสียงคุ้นหูอีกเสียงก็แทรกเข้ามาแทนที่ “ทาซากิซัง ผมเอาของมาให้แล้วนะครับ ผมกลับเลยนะ”

                ให้ตายเหอะ ผมไม่อยากได้ยินเสียงของคามิซาวะตอนนี้เลย ผมกรอกเสียงตอบเขาไป “อืม ตามใจคุณเถอะ ขอสายผมคุยกับงินต่อหน่อยสิ”

                “ไม่ได้ครับ”

                “คามิซาวะซัง... ผมสั่งคุณนะ”

                คามิซาวะเงียบไปอึดใจใหญ่ๆ ในที่สุดก็ยอมส่งโทรศัพท์ให้งินเสียที

                “งิน”

                “ครับ?”

                “สัปดาห์หน้าฉันจะเหมาเรือสำราญเพื่อนัดกินข้าว พวกเราไปเจอกันที่นั่นมั้ย? ฉันจะบอกตำแหน่งกับลักษณะเรือให้เธอฟัง”

                “เห?!” งินทำเสียงตื่นเต้น ก่อนจะรีบพูดต่อ “ได้สิครับ คุณจะไปเรือลำไหนครับ”

                ผมบอกเขาไป ได้ยินเขารับคำเป็นระยะ จากนั้นก็ถูกแย่งสายไปอีก

                “ทาซากิซัง นัดทานข้าวอะไรบนเรือครับ นัดหมายของคุณแน่นขนาดนั้น จะมีนัดทานข้าวบนเรือได้ไง”

                “ก็มีตอนนี้แหละ เดี๋ยวผมให้ทาคุโบะจัดการให้ คุณเองถ้าจะรีบกลับก็รีบๆ ล่ะ มาช้าผมไม่ให้ขึ้นเรือนะ”

                ได้ยินเสียงคามิซาวะแค่นหายใจ “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ชอบลงเรือ”

                ผมผิวปากหวือ “งั้นหรือ งั้นหน้าที่เลขาก็คงต้องให้ทาคุโบะจัดการต่อสินะ คุณก็อยู่บนเกาะต่อไปแล้วกัน”

                “ทาซากิซัง...” คามิซาวะลากเสียง ผมจินตนาการได้เลยว่าเขาคงต้องเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่แน่ๆ “เอาเถอะครับ ผมจะรีบกลับ ยังไงก็ดูแลตัวเองนะครับ อย่าทำอะไรเกินตัวนัก ผมไม่อยากจัดตารางงานใหม่ให้คุณหรอกนะ”

                ผมหัวเราะหึๆ ในคอ “รับทราบล่ะครับคุณเลขา ไว้เจอกันแล้วกัน”

                “ครับ สวัสดีครับ”

                พอวางสายโทรศัพท์ปุ๊บ ผมก็บอกทาคุโบะให้จัดการจองเรือสำราญตามลักษณะที่ผมแจ้งทันที ทาคุโบะทำหน้าเหวอ แต่ก็ยอมทำตามคำสั่งผมแต่โดยดี ผิดกับคามิซาวะลิบลับ ที่ผมกล้าบอกลักษณะเรือสำราญให้งินก่อนจอง เพราะผมมั่นใจว่าเรือลำนี้จะต้องว่าง เพราะครั้งก่อนตอนไปสั่งทำกระจกกับแหวน ผมคุยกับเพื่อนถึงเรื่องเรือ เขาบอกว่ามีเพื่อนอีกคนหนึ่งทำธุรกิจเรือสำราญอยู่ เพิ่งได้เรือลำใหม่มา กำลังหาคนประเดิม ผมจึงตัดสินใจไปในตอนนั้นทันที ว่าจะต้องจัดดินเนอร์บนเรือให้ได้

                ไหนๆ ก็ประชุมธุรกิจกันบนบกนานแล้ว เปลี่ยนเป็นลงเรือบ้างจะเป็นไรไป

--------------------------------------

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
นั่นแหวนหมั้นใช่ไหม ของแทนใจอะไรแบบนี้

เรือสำราญ น่าตื่นเต้นจังเลย
งินอย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ หยอกขนาดนี้แล้ว  :mew1: 
ขอบคุณมากๆค่ะ รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
คามิซาวะซังนี่เป็นเคะสินะ  :hao6:


อยากเห็นคู่รองตีฝีปากกันแล้ว  :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 814
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
อรัผ้ย แหวนมุก
คามิซาว่าต้องเป็นคนเดียวกันกับ น้าของงินแน่ๆ
แต่เป็นเงือก ไม่ต้องอยู่ในน้ำก็ได้เหรอ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
นึกภาพแหวนมุกสำหรับผู้ชายไม่ออกเลยแฮะ
ว่าแต่ ตอนหน้าจะได้เจอกันอีกแล้วสินะ หวังว่าคนที่มาเข้าร่วมประชุมคงไม่มาเห็นงินตอนเป็นเงือกนะไม่งั้นคงยุ่งน่าดู

ติดใจเรื่องนี้มากเลยค่ะ อยากให้ถึงตอนต่อไปเร็วๆ

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
เข้าใจผิดว่ากิ๊กคามิซาวะผมดำมาตลอดเลย งั้นเรียกเจ้าเงือกดำแล้วกันฮ่าๆๆๆ จำชื่อแบบญี่ปุ่นๆไม่ค่อยได้
คามิซาวะความลับเยอะจริงๆนะ ทำไมต้องไม่อยากพบเจ้าดำด้วย

ออฟไลน์ allegiant1994

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เราว่าน้องงินแกล้งไม่รู้ :hao3: :hao7:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เป็นคนมีสไตล ใส่แหวนไข่มุกเม็ดโต ฮ่าาาา

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
แลกของแทนใจกันด้วยยยยย

คามิซาวะต้องเป็นเงือกแน่ ๆ
แถมมีความสัมพันธ์กับเงือกดุร้ายเพราะโมโหหึงแน่ ๆ 

เดาทุกอย่าง ฮ่าฮ่าฮ่า  :m11:

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ราศีเคะราชินีจับคามิซาวะซังมาก สัมผัสได้
ทำไมลุ้นกว่าคู่งินๆ กับโทวะซังอีกล่ะ
 :laugh:
เจอคำผิดค่ะ ฟัง > ฝั่ง 


ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คามิซาวะจะขัดขวางตอนนี้เห็นทีจะไม่ทันซะแล้ว
ตัวเองจัดให้โทวะซังไปที่เกาะนั่นเองนะ
นอกจากเขาจะแลกของกันแล้ว ตอนนี้จะไปนัดเจอกันด้วย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ Maxshu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เราว่าแหวนมุกเหมาะกับงินน๊า ประมาณว่าหมั้นไปก่อนอะไรงี้อ่ะ อร๊ายยยยยย
คามิซาวะ! นายมีเหตุผลอะไรที่ไม่ให้ทั้งสองคนเค้าใกล้ชิดกันนนนน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด