ชนะออกจากโรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้น มีคุณตาคุณยายมารับพร้อมหน้า ถูกกอดรับขวัญและฟังคำเทศนาไปอีกหลายยก แต่คนรูปหล่อกลับอบอุ่นใจ ไม่นึกโกรธเคืองเพราะคุณยายพูดไปด้วยน้ำตาซึมไปด้วยจนชนะต้องกราบแนบไหล่ของท่านเพื่อให้ท่านอภัยให้กับการกระทำของเขา ส่วนคุณตานั้นไม่พูดอะไรมาก ท่านแค่มีพวงมาลัยดอกดาวเรืองมาคล้องคอให้ พร้อมกับมีสายสิญจน์มาผูกข้อมือรับขวัญ
สายสิญจน์นั้นพอรับได้ แต่พวงมาลัยดอกดาวเรืองให้มาทำไม เขาไม่ได้จะลงสมัครกำนันผู้ใหญ่บ้านเสียหน่อย แต่เพี้ยนก็ถ่ายรูปไปหลายรูปพร้อมกับบอกว่าจะอัพลงเฟซ นั่นจึงเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ที่ชนะช็อคอย่างคนไม่รู้จะเอ่ยคำใด
กลับมาที่ไร่ ชยกับชโยถูกมอบหมายให้อยู่กับพี่ชายเกือบตลอดเวลา ทั้งสองคนไม่ปล่อยให้ชนะว่างเว้นได้คิดถึงเรื่องที่จะทำให้รู้สึกไม่ดี เพราะบ่อยครั้งเห็นคนรูปหล่อนั่งเงียบ ใบหน้าราวกับกำลังครุ่นคิด หลบมุมไปนั่งเพียงลำพังบ้าง แต่ทุกครั้งก็จะมีเพี้ยนและน้องๆ ตามหาจนเจอ ในยามนอนก็จะมีน้องชายทั้งสองคนนอนขนาบข้าง แม้ชยจะหลับปุ๋ยอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ชโยก็ยังพอพึ่งพาได้ เขาจะนอนทีหลังพี่ชายคนโตเสมอ
ครอบครัวโรจนโภคินอยู่ที่ไร่เทียมตะวันอีกหนึ่งวันก็เดินทางกลับ ด้วยเพราะชยต้องกลับไปเรียน และหมดวันหยุดพักร้อนของชโยแล้ว สองพี่น้องกังวลใจไม่น้อยที่จะต้องห่างพี่ชาย ยิ่งน้องคนเล็กถึงกับออกอาการงอแงไม่อยากกลับจนเพี้ยนต้องสัญญาว่าก่อนที่ชนะจะบินไปอเมริกาจะพาครอบครัวไปหาที่เกาหลีให้ได้ ชโยจึงยอมความลดอาการงอแงลงบ้าง
“นะ แล้วโยจะโทรหาทุกคืน”
แฝดน้องทำเสียงขึงขัง รู้แก่ใจว่ากลับไปหลังจากได้หยุดพักร้อนครั้งนี้จะต้องไปทัวร์คอนเสิร์ตกับพี่ๆ ในวง เวลาที่จะติดต่อกับพี่ชายคงมีไม่มากนัก แต่ยังไงเขาก็จะพยายาม
“ไม่ต้องก็ได้ ว่างเมื่อไหร่ค่อยโทรมา”
“อือ งั้นดูแลตัวเองนะ”
“โยก็เหมือนกัน”
“ฝากบอกยะด้วยว่าอย่ากินเยอะ” ชโยคลี่ยิ้ม เอ่ยถึงแฝดพี่อีกคนที่ตอนนี้คงกำลังคร่ำเคร่งกับวิชาเรียนที่มหาวิทยาลัย
“เออๆ รีบเข้าเกทเถอะ”
“อือ เพี้ยน ไปนะ อย่าลืมสัญญาล่ะ”
“จ้า ลูกชาย”
วันนี้มีแค่เพี้ยนกับชนะที่มาส่ง มีแฟนคลับตามอยู่ไม่ห่าง แต่ต้องขอบคุณพี่จินที่ช่วยกันไว้ให้ ชโยทำหน้าหงอยเล็กน้อย ตาละห้อยจนชนะกับเพี้ยนสงสาร แต่พอโทรศัพท์มือถือสั่นครืดเมื่อมีเบอร์โทรเข้า เจ้าน้องคนเล็กก็ยิ้มกริ่มแล้วรับสายทันที
“ครับป๋า ครับ โยจะเข้าเกทแล้วครับ อ๋อ... นะ เดี๋ยวตัวไปไหนต่อ”
“จะไปหาไอ้กวิ้น”
ชโยพยักหน้า ก่อนจะบอกคนในสายว่า “ป๋าครับ นะจะไปหาเพื่อน อ๋อ โอเคๆ เดี๋ยวโยบอกให้ ครับป๋า แล้วเจอกันครับ”
ชโยวางสายแล้วเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม “ป๋ารอทานข้าวเย็น นะไปหาเพื่อนก่อนก็ได้ ประมาณทุ่มสองทุ่มค่อยกลับไปกินข้าวกับป๋า”
ชนะได้ยินดังนั้นก็คลี่ยิ้มกว้าง “อ๋อ...งั้นกลับบ้านเลยดีกว่า”
จากที่คิดว่าส่งชโยเสร็จแล้วจะให้เพี้ยนไปส่งที่บ้านเพนกวิ้น แต่ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนแผน เพราะพ่อต้องเคลียร์งานก่อนไปอเมริกาจึงยุ่งมากแทบไม่ได้กลับบ้าน ถึงอย่างนั้นก็โทรมาคุยด้วยบ่อยๆ บางทีถามแค่ว่าชนะกินข้าวกับอะไร อาหารถูกปากไหม แค่นั้นก็วาง แต่ชนะก็อุ่นใจที่พ่อใส่ใจเขามาก แม้จะยุ่งแค่ไหนก็ตาม
ชนะกลับบ้านพร้อมเพี้ยนก็เห็นว่าพ่อกับชยยืนรออยู่ที่หน้าประตูทางเข้าตึก พอเห็นเขาเจ้าน้องชายก็รีบวิ่งมาหา
“นะ ไปเร็ว เค้าหิวแล้ว” คงเป็นเหตุผลที่คนแก้มเยอะออกมารออย่างนี้ ชนะหัวเราะแล้วรีบเดินตามน้องชายไป ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้พ่อที่กำลังถามไถ่กับเพี้ยนว่าไปส่งชโยเรียบร้อยดีไหม
อาหารหลากชนิดหลากสีสันบนโต๊ะอาหารตัวยาวนั้นน่าทานเสียจนชยน้ำลายสอ แต่ชนะกลับตักอาหารเพียงน้อยนิด แม้เพี้ยนจะตักแต่ของโปรดใส่จานให้ชนะก็กินเพียงไม่กี่คำแล้วนั่งมองน้องชายกินมากกว่า บางทีก็ช่วยตักอาหารในจานที่เจ้าคนแก้มเยอะเอื้อมไปไม่ถึงให้บ้าง
“นะ อิ่มแล้วเหรอ” ไร้พ่ายมองลูกชายอย่างไม่สบายใจ ออกจากโรงพยาบาลมาก็เห็นว่าร่าเริงดี แต่อาหารกลับทานได้น้อยกว่าปกติ ทั้งจากที่เห็นเองและคนแก้มเยอะคอยรายงาน
“อิ่มแล้วครับ”
“น้องนะทานไปนิดเดียวเองนะลูก กับข้าวไม่ถูกปากเหรอ ให้แม่จันทร์ทำให้ดีไหม” เพี้ยนก็ไม่สบายใจอีกคน เพราะอาหารตรงหน้า สามในสี่ส่วนเป็นของโปรดของชนะทั้งนั้น แต่คนรูปหล่อกลับทานได้จานละนิดจานละหน่อย แม่ครัวของตึกใหญ่นั้นฝีมือเป็นเลิศ ถึงอย่างนั้นชนะอาจจะติดใจอาหารที่แม่จันทร์ทำให้มากกว่า
“กับข้าวอร่อย แม่จันทร์กับแม่เพ็ญรสมือเหมือนกัน แต่นะไม่ค่อยหิว”
“ทานนิดเดียวมันจะไปมีแรงอะไร” เพี้ยนบอกพลางตักกุ้งนึ่งนมสดใส่จานให้ “เอ้า อันนี้พี่เพี้ยนรู้ว่าน้องนะชอบ”
“อร่อยนะ กุ้งสดมากเลย” ชยที่ทานอะไรก็ดูอร่อยไปหมดออกแรงเชียร์ด้วย หลังจากที่ติดพันกับน่องไก่อบอยู่นาน
ฟังคำรีวิวจากน้องชายแล้วชนะจึงต้องตักเข้าปากตามแรงเชียร์ ก่อนจะวางช้อนลง เคี้ยวกุ้งในปากที่ทั้งนุ่มทั้งหวาน กลืนลงคอแล้วดื่มน้ำตาม
“อืม อร่อยดี”
ไร้พ่ายรวบช้อนกับส้อมแล้วลุกจากเก้าอี้ เพี้ยนมองตามด้วยหน้าเหวอๆ เล็กน้อย “พี่พ่ายอิ่มแล้วเหรอ”
“ยัง” ไร้พ่ายตอบสั้นๆ แล้วทอดมองลูกชาย “นะ ไปในครัวกับป๋า เดี๋ยวป๋าเจียวไข่ให้กิน”
“ห้ะ?” เพี้ยนถึงกับตาโต “พี่ทำเป็นเหรอ!”
ไร้พ่ายไม่ตอบ เดินไปที่ครัวแล้ว ชนะไม่มีทางเลือกจึงต้องตามไป ส่วนเพี้ยนรีบวิ่งขึ้นห้องหากล้องวิดีโอทันที อย่างไรเสียนี่ก็เป็นโมเม้นที่พลาดไม่ได้ อยู่กินกันมาเกือบยี่สิบปี อีตาไร้พ่ายเคยเข้าครัวทำอาหารที่ไหน ไม่จิกหัวใช้เพี้ยนก็มีแม่ครัวทำให้ตลอด แล้วมาดผู้ชายใส่สูท หวีผมเข้าทรง เหมาะจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ท่านประธานหลังโต๊ะทำงานหรูหรา มันไม่เหมาะกับการจับตะหลิวถือกระทะเลยสักนิด
“น้องยะ ทานไปก่อนนะลูก เดี๋ยวพี่เพี้ยนมา” กลับลงมาก็ยังเห็นแฝดคนกลางกำลังเจริญอาหาร ไม่ได้สนอกสนใจสิ่งรอบข้าง เพี้ยนจึงรีบเดินเอากล้องวิดีโอไปที่ห้องครัวทันที จากนั้นก็แฝงตัวตามประตู ทำหลบๆ ซ่อนๆ พอมีสาวใช้หันมองก็ยกนิ้วแตะริมฝีปากให้เงียบเสียง เพี้ยนเปิดกล้องวิดีโอก่อนจะเริ่มบันทึกภาพ
ไร้พ่ายกำลังเปิดหาของในตู้เย็น ท่ามกลางใบหน้าเลิ่กลั่กของแม่เพ็ญแม่ครัวใหญ่และลูกมืออีกสี่ห้าคน เห็นคุณท่านของบ้านถือไข่ไก่กับหมูสับออกจากตู้เย็นแล้วก็รีบถามขึ้นทันที
“คุณท่านอยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ เดี๋ยวดิฉันทำให้ค่ะ” แม่ครัวใหญ่ร้อนรน นึกกังวลใจต่างๆ นาๆ อาหารที่ทำวันนี้ไม่ถูกใจคุณๆ หรืออย่างไร ถึงกับต้องมาที่ครัวเพื่อทำทานกันเอง
“ไม่เป็นไร ผมจะเจียวไข่ให้ชนะซะหน่อย ไปทานข้าวกันต่อเถอะ” แม้จะได้ยินดังว่า แต่บรรดาสาวใช้กับแม่ครัวใหญ่ก็ยังยืนตัวเกร็ง เพราะร้อยวันพันปี คุณท่านไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาในครัว จะมีแค่คุณเพี้ยนเท่านั้นที่บางทีก็มากำกับงานในนี้บ้าง
“คุเพี๊ยง ทะอะลาย” อ่องเหลือบไปเห็นนายอีกคนที่กำลังถือกล้องวิดีโอหลบๆ ซ่อนๆ อยู่นอกห้องครัวก็รีบตรงรี่เข้าไปหา “มะแอกดูทะมายอะ”
“ชู่ววว นังอ่อง อย่าเสียงดัง” เพี้ยนบอกเสียงดุ ก่อนจะตั้งอกตั้งใจมองสองพ่อลูกที่ยืนเคียงข้างกันอย่างสุขใจ
“คุหนุหล๊อหล่อ หล่อกวะคุระพ่ายอีกกกก” อ่องเอ่ยปากชื่นชม เคยเป็นแฟนคลับของไร้พ่ายมาหลายปี แต่เดี๋ยวนี้อ่องมันเทใจและอยากถวายกายให้กับคุณหนูคนโตของบ้านไปจนหมดสิ้น คุณหนูชนะของอ่องนั้นหล่อเหลาจนทำให้เพ้อหาอยู่หลายคืน กลับจากเมืองนอกเมืองนาก็โก้ไม่หยอก แต่คุณหนูไม่ค่อยมาที่ตึกใหญ่ มีตึกฝั่งตะวันออกเป็นของตัวเอง อ่องนั้นอยากเสนอตัวไปเป็นสาวใช้ร่วมทีมกับสนิมและต้อยติ่ง แต่คุณเพี้ยนกลับใจร้าย ให้มันเป็นผู้ช่วยหัวหน้าแม่บ้านที่ตึกใหญ่เสียอย่างนั้น อ่องนั้นทุรนทุรายเพ้อหาแต่หน้าของคุณหนูรูปหล่อแทบทุกคืน ถึงตอนนี้มันจะตกต้องเป็นเมียของพี่พนม คนสวนของตึกตะวันออกแล้วก็ตาม
คุณหนูของอ่องนั้นหล่อเหลา สุ้มเสียงก็นุ่มนวล ทั้งยังยิ้มอ่อนโยนให้อ่องไม่ขาด พูดจาสุภาพเวลาที่อ่องนำน้ำเย็นๆ ไปเสิร์ฟให้ ตอนนี้ก็แสนจะน่ารัก ยืนเคียงข้างคุณท่านแล้วช่างซักช่างถามอย่างน่าเอ็นดู
“ป๋าทำกับข้าวเป็นเหรอ” ชนะถามด้วยความอยากรู้ เพราะไม่เคยเห็นพ่อเข้าครัวมาก่อน
“ตอนป๋าไปเรียนที่อเมริกา ก็ต้องทำกินเอง นะเอาซีอิ๊วขาวมาให้ป๋าหน่อย” ไร้พ่ายให้คำตอบ ตีไข่แดงกับไข่ขาวจนละเอียด
“ครับ”
ชนะเดินไปมุมเครื่องปรุง ไล่สายตาอ่านฉลากบนขวดแล้วหยิบซีอิ๊วขาวมาให้ “จะอร่อยไหมป๋า”
“ไม่รู้”
“ไม่มั่นใจเหรอ”
“นิดหน่อย”
ชนะหัวเราะ แต่ก็ตั้งอกตั้งใจมองสิ่งที่พ่อทำ พร้อมกับช่วยหยิบจับอุปกรณ์ส่งให้
“ป๋าใส่หอมหัวใหญ่เยอะๆ นะชอบ”
ไร้พ่ายพยักหน้า เห็นลูกชายมีชีวิตชีวาขึ้นมาก็ค่อยโล่งใจ “ตอนไปอยู่ที่อเมริกา ป๋าจะทำให้กินทุกวัน”
“ไม่เอาแต่ไข่นะ”
“เออน่า ป๋าทำได้หลายอย่าง”
ได้ยินคำโม้แล้วชนะก็อดสงสัยไม่ได้ “เคยทำให้เพี้ยนกินรึเปล่า”
“มันไม่มีบุญวาสนาขนาดนั้นหรอก”
ชนะหัวเราะเสียงดังลั่น แต่คนไม่มีบุญวาสนาที่กำลังแอบถ่ายอยู่ห่างๆ ทำหน้าบึ้งตึง อ่องมันก็หัวเราะใส่เจ้านายมันไปด้วยจนโดนตบหัวแทบทิ่ม
“นะอยากเก่งเหมือนป๋า อยากทำได้ทุกอย่าง”
ไร้พ่ายมองลูกชายด้วยความเอ็นดู “ป๋าไม่ได้ทำได้ทุกอย่าง แต่ป๋าพยายามทำทุกอย่างให้เต็มที่ ผลลัพธ์มันออกมาดีบ้างไม่ดีบ้าง ถ้าเป็นสิ่งที่ป๋าถนัด มันก็ดีมากหน่อย แต่ในสิ่งที่ไม่ถนัด ก็แค่อยู่ในระดับที่พอรับได้ ใส่แครอทหน่อย”
ชนะพยักหน้า ใช้ช้อนตักแครอทที่ถูกหั่นเป็นทรงลูกเต๋าเล็กๆ ใส่ลงในชามไข่ให้
“ป๋า”
“ว่า”
“รักกับเพี้ยนได้ยังไงเหรอ”
ไร้พ่ายนิ่งคิด เพี้ยนก็ลุ้นอยู่นอกห้อง ก่อนจะแยกเขี้ยวเมื่อสามีสุดที่รักตอบว่า “จำไม่ได้ เรื่องมันนานหลายปีมาแล้ว”
“เพี้ยนน้อยใจแย่”
“ป๋าอาจจะไม่ใช่คนละเอียดอ่อน แต่ป๋าก็ไม่เคยนอกใจ ไม่เคยโกหก ป๋าให้ในสิ่งที่ให้ได้ แต่ไม่ให้เกินกำลังตัวเอง ไม่ให้ถ้าตัวเองจะต้องพังไปด้วย”
ชนะพยักหน้า นี่คงเป็นเคล็ดลับความรักที่ยาวนานของป๋ากับเพี้ยน แม้จะดูไม่ลงรอยกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยเห็นเลิกรากันเลยสักที และมันคงเป็นสิ่งที่ความรักที่ผ่านมาของเขาขาดหายไป “นะเคยโกหกเหมอ...”
ไร้พ่ายทำเพียงเลิกคิ้ว นำหมูสับลงไปผัดก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วนะโกหกเพราะอะไร”
“เพราะกลัวว่าเหมอจะไม่รัก กลัวว่าเหมอจะรับไม่ได้ แต่สุดท้ายเหมอก็รู้ แล้ว...มันก็พัง เราเสียใจกันทั้งคู่ แต่เหมออาจจะเสียใจมากกว่านะก็ได้”
ไร้พ่ายมองใบหน้าเศร้าสร้อยของลูกชายแล้วก็ได้แต่คลี่ยิ้ม “ไม่มีใครบอกได้หรอกว่าใครเสียใจมากกว่ากัน หรือใครถูกทำร้ายมากกว่ากัน ตอนนี้นะรู้แล้วใช่ไหมว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ การโกหกเป็นเรื่องผิด แต่ความกลัวไม่ใช่เรื่องผิด ทุกคนกลัวได้...แต่ก็ต้องยอมรับให้ได้ ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นให้ได้ก่อน คนอื่นถึงจะยอมรับเรา ถ้านะอยากให้เสมอรักที่ตัวตนของนะ นะต้องเปิดให้เขาเห็น ไม่ใช่ปิดบัง ไม่มีใครชอบคำโกหกหลอกลวง”
“ครับ...เหมอก็ไม่ชอบ...แต่เหมอบอกว่าจะรอนะกลับมา”
“ก็ดีแล้ว”
“ป๋าชอบเหมอรึเปล่า”
“แล้วนะอยากให้ป๋าชอบไหม”
“เหมอเป็นคนดี น่ารัก นะหมายถึงนิสัย... บางทีก็อารมณ์ร้อนไปบ้าง แต่โดยรวม...ก็ใช่ที่สุดแล้วตั้งแต่เจอมา อยู่กับเหมอ...นะมีความสุข”
“งั้นป๋าก็คงชอบ” ชนะยิ้มกว้าง ดูสดชื่นขึ้นมาทันตาเห็น
“นะอยากมีคนรักเหมือนอย่างที่ป๋ามี เพราะป๋ามีความสุข นะถึงพยายามตามหาคนของนะ แล้วนะก็เจอเหมอ ขอบคุณนะครับที่ป๋าชอบเหมอ”
“ป๋ามีความสุขไม่ใช่แค่เพราะเพี้ยน แต่มันเพราะป๋ามีครอบครัวที่ป๋าต้องปกป้องดูแล นะก็เป็นครอบครัวของป๋า เอ้า มาผัดหมูให้ป๋าที”
“ครับป๋า”
สองพ่อลูกช่วยกันทำไข่เจียวหมูสับ ก็ไม่รู้ว่าสูตรไหนเหมือนกันที่ต้องผัดหมูก่อน แต่ไร้พ่ายบอกว่ากลัวหมูไม่สุก ชนะก็เชื่อตามนั้น พอผัดหมูเสร็จก็นำมาตีกับไข่อีกครั้ง ก่อนจะนำไข่ลงทอดในกระทะที่ทาเนยไว้ทั่วแล้ว
“นะ ไฟแรงไป เดี๋ยวก็ไหม้ หรี่ไฟหน่อย”
“ครับๆ” ชนะทำตามที่สั่ง ใบหน้าหล่อเหลามีแต่เม็ดเหงื่อ “ป๋า พลิกยังไงให้มันเป็นแผ่นอ่ะ”
“มานี่ เดี๋ยวป๋าทำเอง”
รอไม่นานก็ได้ไข่เจียวหอมๆ เป็นอาหารหลักอีกจาน ชนะยิ้มกว้าง รู้สึกอุ่นใจและภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของผู้ชายคนนี้ เป็นลูกของไร้พ่ายที่ทำได้ทุกอย่าง...ทั้งยัง...เจียวไข่ได้อร่อยที่สุดในโลก แม้เพี้ยนจะส่งสายตาอ้อนวอนขอชิมบ้าง แต่ชนะก็ไม่ใจอ่อน ปล่อยให้เพี้ยนไปรบเร้ากับพ่อเอาเอง เพราะไข่เจียวสีเหลืองน่ากินนี้...พ่อตั้งใจเจียวให้เขาคนเดียว
.............................................................TBC.............................................................
การจากลามันอาจจะเป็นเรื่องน่าเศร้า...แต่ก็มีบางครั้ง...ที่เราจากลาเพื่อจะพบกันใหม่ จากลาเพื่อที่เราจะพร้อมกว่านี้ พร้อมที่จะจับมือกันเดินไปด้วยกันอีกครั้ง มันอาจจะไม่ง่ายกับการที่จะต้องไม่พบเจอ แต่เวลาเหล่านั้นจะทำให้เราคิดถึงกัน...จะทำให้เรารู้...ว่าเราโหยหากันมากแค่ไหน

ขอบคุณที่ผ่านจุดที่ยากที่สุดของรักเสมอมาด้วยกัน ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างชนะและเสมอมาตลอดค่ะ ไม่ค่อยได้พูดท้ายตอน แต่ก็รู้สึกเต็มเปี่ยมว่าขอบคุณมากๆ