ตอนที่ 40ข้าคือชายชาญ ชาติทหาร
วิญญาณแห่งนักรบไทย ศึกนี้...หรือศึกไหน
หัวใจไม่เคยหวั่นเกรง
และความรักข้า ก็คือ...ดวงใจเจ้าดวงนี้เอง
ใครหาญ มาข่มเหง ข้าเอง...จะหยุดมันวันเวลาล่วงเลยมาถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ไอ้เหมอนั้นไม่มีเวลาแม้แต่จะนึกถึงวันวาเลนไทน์ที่คู่รักเกือบทุกคู่ในประเทศไทยให้ความสนใจ มันยังคงอยู่ในระหว่างการฝึกภาคสนามที่จังหวัดปราจีนบุรี ตอนนี้ตัวมันดำกร้านแดดยิ่งกว่าเดิม ใบหน้ามีสิวขึ้นเล็กน้อยและเกรงว่าอาจจะมีกลากเกลื้อนขึ้นตามแผ่นหลังด้วย เพราะในการฝึกนั้นไม่ได้เอื้ออำนวยให้มันสนใจความสะอาดของตัวเองเสียเท่าไหร่ แต่ที่มันรู้สึกภูมิอกภูมิใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็คือน้ำหนักตัวของมันลดลง ไอ้เหมอไม่ได้กินอาหารอิ่มหนำเหมือนตอนอยู่โรงเรียนหรือตอนกลับบ้าน มันมีแค่อาหารแห้งอย่างพวก มาม่า ปลากระป๋อง ปลาหมึกแห้ง เนื้อแดดเดียว และโจ๊กเป็นเสบียง แต่ละมื้อต้องกินแค่พออิ่ม เพราะเวลาพักมีไม่มากและยังต้องคำนวณให้เสบียงอาหารเพียงพอไปจนจบการฝึก ตอนกลางคืนก็จุดไฟไล่ยุงไม่ได้ เพราะมันขุดหลุมนอน การฝึกของมันจำลองเหตุการณ์ราวกับอยู่ในสนามรบจริง ต้องคอยระวังศัตรูที่อาจจะบุกมาได้แทบทุกเวลา
คืนนี้...เป็นคืนเดือนมืด บริเวณรอบตัวมืดสลัวไม่กระจ่างเหมือนวันพระจันทร์เต็มดวง แต่ท้องฟ้าสีดำสนิทนั้นเกลื่อนไปด้วยดาว ไอ้เหมอนั่งพิงหลังกับผนังดินในหลุม จับปืนไว้มั่น มันเตรียมพร้อมเสมอสำหรับการจู่โจมกะทันหันจากครูฝึก ได้ยินเสียงไอ้ชายหลุมไม่ไกลจากมันกรนเบาๆ จนนึกอยากปีนขึ้นจากหลุมตัวเองไปตบหัวมันนัก ทว่า...ดวงดาวกลับสวยเหลือเกิน สวยจนไอ้เหมอละความสนใจจากเพื่อนแล้วอดที่จะเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้
ท้องฟ้าอีกซีกโลกคงสว่างจ้าไปด้วยแสงแดด...คงไม่มีดาวเหมือนตอนนี้...ถ้าพ่อยอดดวงใจของไอ้เหมอได้เห็นดาวที่มันกำลังมองอยู่ก็คงดี...ชนะ... ความคิดถึงถ้าหากว่าฆ่าคนได้ ตอนนี้เหมอคงตายกลางสนามรบจำลองไปนานแล้ว คิดถึงมากเหลือเกิน คิดถึงแต่ทำอะไรไม่ได้นั้นช่างทรมานหัวใจของเหมอนัก
ชนะคงบินไปอเมริกาเมื่อเดือนที่ผ่านมา...ไอ้เหมอได้แต่เดา เพราะมันอยู่ทางนี้ไม่ได้รับรู้ข่าวสารจากโลกภายนอกเลย วันๆ เอาแต่ลาดตระเวนไม่ก็บุกตะลุยปะทะข้าศึกจำลอง เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนมันฝึกการใช้เข็มทิศและแผนที่ มาสัปดาห์นี้ได้ฝึกการซุ่มโจมตีขบวนยานยนต์ พรางหน้าเสียดำมืดจนไอ้เหมอคนสวยหมดความสวย แต่การฝึกครั้งนี้ทำให้มันกับเพื่อนๆ ฮึกเหิมกันมาก เพราะสถานการณ์เหมือนการรบจริงเสียจนบางทีไอ้ปิ๊กขวัญอ่อนประจำกลุ่มก็เกือบไม่รอด ที่ไอ้เหมอชอบที่สุดคือการฝึกยิงแบบคู่บั๊ดดี้ และการฝึกยิงในเวลากลางคืน มันชอบที่ได้ฝึกเข้าตีฝึกตั้งรับในสถานการณ์ต่างๆ ถึงอย่างนั้นบางวันก็ต้องคอยแบกไอ้ปิ๊กที่ร่างกายอ่อนแอกว่าเพื่อน มันเป็นลมแดดอยู่สองหน ต้องคอยหายาดมมาประเคนให้ ไอ้เหมอเหมือนโดเรม่อน มันจัดเตรียมของมาพร้อมทุกอย่างและยังมีเผื่อแผ่เพื่อนอีกสามคนของมันในจำนวนที่จำกัดอีกด้วย
แกร๊บ....
เสียงเหยียบกิ่งไม้หรือเสียงอะไรบางอย่างดังใกล้เข้ามา ไอ้เหมอหยุดละเมอเพ้อหาพ่อดาวประจำใจของมัน ก่อนจะกระชับปืนในมือแน่น มันค่อยๆ ยืดตัวออกจากหลุมทีละน้อย หันมองรอบบริเวณ หายใจแผ่วเบา ในขณะที่ยังได้ยินเสียงกรนของไอ้ชาย ไอ้เหมอล่ะอยากจะตบหัวมันให้ตื่นนัก เพราะตอนนี้ศัตรูคงอยู่ที่ไหนสักแห่งไม่ใกล้ไม่ไกล และคงพรางหน้าพรางตัวไม่ต่างจากไอ้เหมอและเพื่อนๆ ถ้าเป็นในสนามรบจริงไอ้ชายก็คงถูกสอยเป็นคนแรก เข้าใจว่ามันเหนื่อยอ่อนมาหลายวัน และไม่มีใครให้คิดถึงอย่างไอ้เหมอ มันจึงหลับลงอย่างง่ายดาย แต่ในสถานการณ์นี้ ไม่ปลุกคงไม่ได้ ไม่งั้นคงถูกผู้หมวดคนใดคนหนึ่งสั่งลงโทษโทษฐานอู้หลับเป็นแน่ ไอ้เหมอจึงคืบคลานออกจากหลุมของตัวเองอย่างเงียบเชียบเพื่อไปปลุกไอ้ชายให้ตื่นจะการหลับฝันดีของมัน
นะจ๋า...เป็นกำลังใจให้เหมอด้วยนะ
*****************************
เดือนกุมภาพันธ์ยังคงเป็นฤดูหนาวของประเทศอเมริกา แต่ที่ลอสแอนเจลิสนั้นบางวันก็มีฝนตกหนัก บางวันก็แดดร้อนจ้า อากาศอบอุ่นไม่หนาวถึงขั้นต้องใส่โค้ทหนาๆ หรือเฟอร์ขนสัตว์เหมือนตอนที่ชนะไปเที่ยวนิวยอร์ค
วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวันตลอดหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่คุณหมออัลเบิร์ต จิตแพทย์ชาวอังกฤษ จะเดินทางมาพบปะพูดคุยกับชนะ ช่วงสามสัปดาห์แรกนั้นคุณหมอมาที่บ้านสัปดาห์ละห้าวัน วันละสามชั่วโมงเพื่อพูดคุยกับเขาและพ่อ อัลเบิร์ตเป็นจิตแพทย์ที่ดูแลชนะในช่วงที่เข้ารับบำบัดเมื่อครั้งก่อน การรักษาของเขาทำให้ชนะสบายใจ ชนะรู้สึกเหมือนกำลังได้พบเพื่อนที่สามารถคุยได้ทุกเรื่อง มากกว่าการพูดคุยระหว่างหมอกับคนไข้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนปกติทั่วไป ไม่ได้มีการเจ็บปวดทางใจเหมือนอย่างที่ใครๆ มอง
อัลเบิร์ตนั้นเหมือนคุณลุงใจดีที่เข้าอกเข้าใจชนะแทบทุกเรื่อง ในการพบกับอัลเบิร์ตแต่ละครั้งจึงเหมือนการพูดเปิดอกกันอย่างลูกผู้ชาย ซึ่งพ่อก็จะนั่งอยู่ด้วยทุกครั้ง มาจนตอนนี้ อาการของชนะดีขึ้นมาก อัลเบิร์ตจึงลดเวลารักษาแค่สัปดาห์ละสามวันเท่านั้น แต่จิตแพทย์อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อก็ยังถือเป็นเพื่อนในต่างแดนที่แวะเวียนมาร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยบ่อยๆ
“นิค เป็นอย่างไรบ้างกับคอร์สเรียนถ่ายภาพของคุณ” อัลเบิร์ตเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มใจดีเช่นทุกวัน
ชนะคลี่ยิ้ม ชื่อในสมัยเรียนไฮสกูลของเขาคือ นิโคลัส ซึ่งหมายถึงชัยชนะ ตรงกับชื่อภาษาไทยของเขา แต่หลายคนมักจะเรียกว่านิคแทน “สนุกครับ แด๊ดเพิ่งซื้อเลนส์ตัวใหม่ให้ผม รอผมแป๊บนึงนะอัล ผมจะเอามาให้คุณดู”
“ครับ แล้วนี่ริชาร์ทเขาไม่อยู่ที่บ้านหรือ”
“แด๊ดอยู่ในห้องทำงานครับ กำลังคอนเฟอร์เรนซ์กับบริษัทในไทยของเรา”
อัลเบิร์ตพยักหน้ารับ ชนะจึงเดินไปหยิบกระเป๋ากล้องที่พ่อเพิ่งซื้อเลนส์ที่เขาอยากได้ให้เมื่อวาน สองสัปดาห์ได้แล้วที่คนรูปหล่อลงคอร์สเรียนถ่ายรูป หลังจากหาสิ่งที่ตัวเองสนใจเจอ เขาก็ตัดสินใจบอกพ่อทันที ซึ่งพ่อสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ แม้ในวันที่ไปลงเรียนนั้น เขาถูกชักชวนจะช่างภาพมืออาชีพให้ไปถ่ายแบบลงปกนิตยสารก็ตาม แต่ก็เอ่ยปากปฏิเสธไป เพราะเขาสนใจที่จะถ่ายสิ่งต่างๆ มากกว่าถูกถ่ายเสียเอง ชนะชอบที่จะทำกิจกรรมอีกหลายอย่าง ซึ่งอัลเบิร์ตนั้นมักจะเป็นที่ปรึกษาที่ดีเสมอ ตอนนี้เขากำลังสนใจในงานกราฟฟิค แต่งภาพ การวาดภาพสีน้ำมัน และกิจกรรมปีนเขาที่มักจะได้ออกไปกับพ่ออยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่การตกปลาที่ต้องใช้สมาธิและความอดทน อัลเบิร์ตก็แนะนำให้ลองทำ อัลเบิร์ตบอกว่าการได้ทำสิ่งใหม่ๆ จะทำให้มองเห็นอะไรรอบตัวชัดยิ่งขึ้น
ซึ่งเขาไม่ปฏิเสธเลยว่า...มันชัดจริงๆ เสมอชัดเจนอยู่ในทุกที่ที่เขาไป หรือทุกกิจกรรมที่เขาทำ แค่เพียงได้คิดว่าจะได้ทำกิจกรรมเหล่านี้กับเสมอคนหัวเกรียน ก็มีความสุขมากเหลือเกิน บ่อยครั้งที่ความคิดถึงทำให้รู้สึกทนแทบไม่ไหว อยากเจอ...อยากเห็นหน้า อยากรู้ความเป็นไปของอีกฝ่าย แต่ชนะก็ห้ามใจตัวเองไว้ เฟซบุ๊คที่สมัครใหม่แล้วส่งคำขอเพิ่มเพื่อนไปให้เสมอก็ถูกตอบรับเรียบร้อย เพราะเฟซบุ๊คแอคเคาท์เดิมถูกเสมอบล็อคในตอนที่ผิดใจกัน ชนะจึงไม่กลับไปใช้แอคเคาท์เดิมอีก แต่เขาแน่ใจว่าเสมอตอบรับคำขอทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นแอคเคาท์ใหม่ของเขา
เฟซของเสมอยังคงไร้การอัพเดท แต่ชนะก็มักจะเข้าไปส่องดูทุกวัน มองรูปเดิม สเตตัสเดิมๆ ที่เสมอเคยโพส ย้อนกลับไปตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนจนถึงปัจจุบัน เสมอก็ยังคงเป็นเสมอที่น่ารัก แม้จะห่วงเหลือเกิน...ว่าระหว่างที่ไม่เจอ จะมีใครหรืออะไร...มาทำให้เสมอเปลี่ยนใจ แต่เขาก็เลือกแล้ว เลือกที่จะรักแต่เสมอเพียงคนเดียว
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่หรือนิค” อัลเบิร์ตเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มีเรื่องรบกวนจิตใจคุณอยู่ใช่ไหม”
ชนะพยักหน้ายอมรับ เพิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ในท่าจับกระเป๋ากล้อง นิ่งค้างอยู่นานพอควรแล้ว “ผมกำลังคิดถึงใครบางคน”
“ใช่คนที่คุณเล่าให้ผมฟังไหม”
“อืม” ชนะเดินกลับมานั่งที่โซฟาตามเดิม เปิดกระเป๋าหยิบตัวบอดี้กับเลนส์กล้องออกมา ประกอบเข้าด้วยกันแล้วยกกล้องขึ้นลองปรับโฟกัส “ผมเรียนถ่ายภาพก็เพื่ออยากถ่ายภาพที่สวยๆ ให้เขา”
“ผมรู้...คุณบอกผมแล้ว” อัลเบิร์ตยังคงยิ้ม “คุณเรียนวาดภาพก็เพื่อจะวาดภาพเขาเช่นกัน”
“อัล...เคยมีคนที่ทำให้คุณคิดถึงจนแทบบ้าไหม”
“มีสิ”
“ใครเหรอ”
“ภรรยาของผม” อัลเบิร์ตตอบด้วยรอยยิ้มกระจ่างบนใบหน้า ชนะเอียงคอเล็กน้อย รู้จักกับอัลเบิร์ตมาจนถึงวันนี้ก็เพิ่งรู้ว่าคุณหมอตรงหน้ามีภรรยาแล้ว
“แต่อัล คุณบอกว่าคุณไม่มีครอบครัว” รู้จากเหล่าพยาบาลและจากปากของอัลเบิร์ตเองว่าเขาตัวคนเดียว ดังนั้นจึงมีเวลาว่างแวะเวียนมาเยี่ยมที่บ้านชนะได้บ่อยๆ
“ใช่ ตอนนี้ผมไม่มี...แต่เมื่อก่อนผมเคยมี แอนนา ภรรยาของผม เธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดเมื่อหลายปีก่อน”
“คุณคงเสียใจมาก” น้ำเสียงของชนะแผ่วเบา...เขารู้ว่าความสูญเสียนั้น เจ็บปวดแค่ไหน
“ตอนที่ผมรู้ว่าเธอป่วยและจะอยู่ได้อีกไม่นาน ผมเสียใจมากนิค แต่ตอนที่เธอจากไป...ผมกลับดีใจ ดีใจที่เธอจะได้เลิกทรมานกับโรคร้ายเสียที”
“คุณดีใจจริงๆ เหรออัล” ชนะถามอย่างไม่แน่ใจ จำได้ว่าในตอนที่รันจากไป เขาทรมานมากแค่ไหน ทั้งสับสนทั้งมึนงง ทั้งไม่อยากยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง
“ใช่นิค เพราะในระหว่างที่เธอป่วย ผมเห็นเธอทุกข์ทรมานมาตลอด เธอเจ็บปวดเพราะโรคร้าย ร่างกายซูบผอมลงทุกวัน แต่นั่นกลับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตคู่ของพวกเรา มันเหมือนกับผมย้อนไปในวันที่ผมจีบเธอ ย้อนไปในวันที่เธอตัดสินใจรับคำขอแต่งงานจากผม ...เรามีความสุขกันมาก จนในตอนนี้ นึกถึงเธอทีไร ผมก็ยังคงมีความสุข แม้จะเสียดายที่จะไม่ได้สัมผัสเธออีกแล้ว แต่ผมรับรู้ความสุขที่เคยมีกับเธอได้ด้วยใจ”
ชนะคลี่ยิ้มตามอัลเบิร์ต ใบหน้าของเขาแต้มยิ้มอย่างที่บ่งบอกได้ว่าเขามีความสุขกับชีวิตที่ผ่านมามากจริงๆ
“ผมอยากคิดให้ได้แบบคุณนะอัล แต่ระหว่างผม...กับเธอคนนั้น ไม่ได้มีความทรงจำดีๆ ร่วมกันเลย ระหว่างผมกับเธอ มันอาจจะไม่ได้เรียกว่าความรักก็ได้ ถ้าเทียบกับของคุณแล้ว”
อัลเบิร์ตยังคงระบายยิ้มเต็มใบหน้า เขามองชนะอย่างอ่อนโยนแล้วยกมือลูบศีรษะของเด็กหนุ่มคราวลูก “ในตอนนั้นคุณยังไม่เปิดใจเล่ารายละเอียดให้ผมฟัง แต่ตอนนี้...ผมว่าคุณคงพร้อมที่จะบอกกับผมแล้ว ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ระหว่างคุณกับเธอคนนั้น”
ชนะลูบใบหน้า พยักหน้าจนแทบมองไม่เห็น วางกล้องลงบนโต๊ะกระจกอย่างเบามือแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟา
“เธอเป็นลูกเลี้ยงของคนที่ให้กำเนิดผม เรามีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายกันอัล เธอโดดเดี่ยวเหมือนผม... อ้างว้างเหมือนผม เรามักจะอยู่ด้วยกันเงียบๆ เธอทำในสิ่งที่เธอชอบคืออ่านหนังสือ ส่วนผมก็จะทำในสิ่งที่ผมชอบ ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่อึดอัด ...เธอเหมือนเพื่อนคนแรกของผม เป็นเพื่อนที่แม้จะพูดไม่ได้...แต่ก็เข้าใจผมหลายๆ อย่าง และหลังจากนั้นผมก็มักจะระบายเรื่องราวต่างๆ ให้เธอฟัง เธอเป็นคนดีนะอัล เธอดีกับผมมาก แม้จะอายุเท่ากัน แต่ก็ดูแลผมเหมือนผมเป็นน้องชายของเธอ แน่นอนว่าเธอเกิดก่อนผมแค่สองเดือนเท่านั้น ...ผมคิดว่าผมรักเธอนะ แต่ผมไม่รู้ว่าความรักของผมมันเป็นแบบไหน... ผมไม่เคยเข้าใจกับเรื่องนี้”
อัลเบิร์ตพยักหน้า เฝ้ามองเด็กหนุ่มที่มีแต่ความสับสนด้วยความครุ่นคิด
“ถึงอย่างนั้น...ผมก็คิดว่าผมเจอที่ของผมแล้ว เจอคนที่ต้องการผม แต่ผมกลับไม่แน่ใจว่า...มันจะใช่จริงๆ อย่างที่คิดไหม ผมลังเลมากอัล ผมบอกรักเธอแต่ผมก็ยังลังเล แม้เธอจะยิ้มรับแล้วจับมือผมไว้ แต่ผมกลับไม่มั่นใจ ตอนนั้น...ผมเริ่มที่จะไม่พอใจในตัวเธอขึ้นมา ผมอยากได้ยินเธอบอกว่ารักผม อยากได้ยินเธอบอกว่าเธอต้องการผม แต่เธอกลับพูดไม่ได้ เธอทำแค่ยิ้มไปวันๆ ...ตอนนั้นมันไม่เพียงพอเลย เพราะเธอยิ้มให้กับทุกคน ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว”
ยิ่งคิด...ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองนั้นไร้เหตุผล ชนะมีแต่ความรู้สึกผิดหนักอึ้งอยู่เต็มหัวใจ
“ผมไม่ต้องการแค่รอยยิ้ม มันไม่พอ แต่ฝาแฝดของเธอให้ผมได้ ผมไม่เคยนอนกับเธอเลยอัล มันดูยากสำหรับเราทั้งคู่ เซ็กส์เป็นเรื่องเดียวที่ผมไม่กล้าทำ... ไม่ใช่เพราะผมรู้ว่าเธอถูกพ่อข่มขืนมาตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่ผมรังเกียจ แต่ผมแค่...ไม่รู้จะเริ่มยังไงให้เธอไม่หวนคิดถึงเรื่องราวแย่ๆ พวกนั้น เธอ...เป็นเหมือนคนในครอบครัวที่ผมไม่อยากทำร้าย”
“นิค...คุณดื่มน้ำสักหน่อยนะ”
“ขอบคุณอัล”
น้ำเย็นทำให้ใจเย็นลงได้บ้าง หลังจากที่เรื่องราวในอดีตทำให้อารมณ์ของชนะปั่นป่วน เขาถอนหายใจ ลูบหน้าพลางเสยผมอย่างหมดท่า
“ผม...รู้สึกผิดกับเธอ ผมไม่อยากทำร้าย แต่ผมกลับเป็นคนที่ทำร้ายเธอมากที่สุดอัล ผมขอโทษที่ผมทำไม่ดีกับเธอไว้ เธอก็ให้อภัยผมอย่างง่ายดาย แม้กระทั่ง...ในวันที่ผมบอกกับเธอว่าผมไม่อยากจะอยู่แล้ว เธอก็คิดจะไปกับผมด้วย คุณก็รู้อัล...เรื่องคราวนั้น ผมรอดมาเพียงคนเดียว แต่เธอกลับจากไป... เธอจากไปเพราะคิดว่าผมจะไปกับเธอ แต่ผมกลับยังอยู่ที่นี่ ยังอยู่...และมีใครที่สำคัญมากกว่าเธอเข้ามา มันทำให้ผมคิดถึงเธอน้อยลงทุกวัน จนผมเริ่มรู้สึกผิดที่กลายเป็นแบบนี้...ผมทำร้ายเธอมากเหลือเกินอัล”
อัลเบิร์ตรับฟังด้วยใบหน้าสงบ เขาปล่อยให้เด็กหนุ่มซึมซับกับความปวดร้าว ทอดถอนหายใจอย่างอ่อนแรง แต่พอเรื่องราวที่สุมแน่นอยู่ในอกได้รับการระบาย...ชนะก็เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก เขาเก็บเรื่องนี้ไว้ ไม่เคยเล่าให้ใครได้ฟัง ไม่เคยให้ใครได้รับรู้เรื่องราวของเขากับรันที่ถูกฝังไว้
“คุณขอโทษเธอมามากพอแล้วนิค ผมคิดว่าเธอคงให้อภัยคุณแล้ว เธอยิ้มให้คุณเสมอ นั่นคงเพราะเธออยากเห็นรอยยิ้มของคุณด้วย คุณบอกว่าเธอเป็นเหมือนทั้งเพื่อนและพี่สาว เพราะฉะนั้น...ผมจะบอกเลยว่า พี่สาวของผมน่ะ แม้ว่าผมจะทำให้เธอเสียใจหรือโกรธมากแค่ไหน เธอก็ยังให้อภัยและดีกับผมเสมอมา”
“เธอจากไปทั้งๆ ที่ยังยิ้มให้กับผม ก่อนที่เราจะหมดสติไปทั้งคู่ เธอก็ยังจับมือผมไว้”
อัลเบิร์ตระบายยิ้ม มองสีหน้าอ่อนล้าของเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้วตบไหล่เบาๆ “เธอคงจะอยากจะบอกว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะยังอยู่ข้างคุณเสมอ เธอไม่มีวันโกรธคุณอย่างแน่นอน”
“ใช่อัล...เธอไม่เคยโกรธผมเลย ไม่ว่าผมจะทำไม่ดีกับเธอแค่ไหน ผมนอนกับน้องสาวของเธอ แต่เธอก็ยังให้อภัยผม ผมรู้ว่าเธอร้องไห้ รู้ว่าเธอเสียใจ แต่ผมกลับทำได้แค่ขอโทษ”
“เธอดีกับคุณมากจริงๆ”
ชนะพยักหน้า ก่อนริมฝีปากจะขยับยิ้มให้อัลเบิร์ตยกยิ้มตาม “เก็บเธอไว้ในความทรงจำนิค เธอเจอที่ของเธอแล้ว ที่ที่อยู่ในความทรงจำของคุณ อย่ารู้สึกผิดที่วันนี้คุณอาจจะลืมเธอไปบ้าง แต่ผมเชื่อแน่ว่า เธอคงพอใจกับที่ของเธอในตอนนี้ เธอดีกับคุณ เพราะฉะนั้นอย่าให้เธอต้องเป็นตัวร้ายทำร้ายคุณเลยนิค เธอรู้เธออาจจะเสียใจก็ได้ที่ทำให้คุณไม่มีความสุข”
“มันจะไม่เป็นไรใช่ไหมอัล...”
“ไม่เป็นไร ชีวิตของคุณยังต้องดำเนินต่อ เหมือนอย่างที่ผมก็เก็บภรรยาของผมไว้ในนี้” อัลเบิร์ตยกมือทาบกับอกซ้ายของตัวเอง “เธอจะเป็นความทรงจำที่มีค่าของผม แม้ในสักวันผมอาจจะต้องแต่งงานใหม่ มีใครที่สำคัญมากกว่าเธอ ผมอาจจะลืมเธอไปบ้าง แต่แน่ใจว่าพื้นที่ที่เธออยู่นั้น...จะไม่มีใครไปทับซ้อนแน่นอน”
“อืม...ขอบคุณอัล ขอบคุณ”
“เราเป็นเพื่อนกันนิค แม้ผมจะอายุรุ่นเดียวกับพ่อของคุณก็ตาม ฮ่าๆๆ” อัลเบิร์ตหัวเราะอารมณ์ดี ชนะจึงหัวเราะตามด้วย “เล่าเรื่องคนรักของคุณให้ผมฟังบ้างสินิค”
ชนะยิ่งหัวเราะอารมณ์ดีเมื่อนึกไปถึงคนหัวเกรียนที่ตอนนี้อาจจะตัวดำเมี่ยม สิวขึ้นหน้า หมดความน่ารักมากกว่าเดิมไปแล้วก็ได้
“เขาเป็นผู้ชายอัล เป็นทหาร มาดแมนสมชายชาตรี แต่ชอบทำตัวสะดิ้งต่อหน้าผม” ชนะอมยิ้ม “เขาชื่อเสมอ เป็นชื่อที่สมตัวมาก แม้ว่าจะชอบเอาชนะ แต่ก็ไม่ใช่คนร้ายกาจ”
“ซาเหมอ?” อัลเบิร์ตพยายามออกเสียง แต่ชนะกลับหลุดหัวเราะ
“เสมอ แต่คุณเรียกซัมเมอร์ก็ได้ เขาเคยบอกผมว่ามันเป็นชื่อที่เพี้ยนเสียงจากชื่อของเขา แต่ไม่รู้ว่าเพี้ยนท่าไหนถึงได้กลายมาเป็นซัมเมอร์”
อัลเบิร์ตหัวเราะเบาๆ “เขาคงเป็นคนอารมณ์ดีใช่ไหม เพราะเวลาคุณคิดถึงเขาทีไร จะยิ้มตลอดเลย”
“แน่นอนอัล เสมอเป็นคนอารมณ์ดี ตลกด้วย ตลกมากจนบางทีผมยังคิดว่าตัวเองอาจจะต้องหัวเราะจนสำลักน้ำลายตายเพราะเขาเข้าสักวัน แต่เวลาเขาร้องไห้...กลับน่าสงสารยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ผมเคยทำให้เขาร้องไห้ ไม่รู้กี่ครั้ง แต่เขามักจะกลับมายิ้มให้ผมเสมอ ...เสมอสมชื่อของเขาเลย ผมถึงรักเขามาก...ผมพูดจริงๆ เลยอัล มีเหตุผลเป็นร้อยๆ ข้อที่ทำให้ผมตกหลุมรักผม แต่ผมกลับไม่รู้เลยว่านอกจากหน้าตาของผมแล้ว มีตรงไหนที่ทำให้เสมอรักผมได้อีกบ้าง คุณก็รู้...ผมไม่ใช่คนดี”
“คุณเป็นคนดีในแบบของคุณ อย่ากังวลเลยนิค ผมเชื่อว่าตอนนี้ ไม่มีใครที่อยู่ใกล้คุณแล้วจะไม่หลงรัก คุณรู้ไหมว่าคุณมีเสน่ห์มาก ผู้หญิงในคอร์สเรียนถ่ายภาคเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นชอบคุณ พวกเธออยากเดทกับคุณ อยากเฟิล์ทกับคุณ มีไม่มากหรอกที่คนเอเชียจะป๊อบในหมู่สาวๆ ที่นี่”
ชนะค้อมหัวขอบคุณกับคำชมจากอัลเบิร์ต “คงเพราะคุณย่าของผมท่านเป็นคนรัซเซีย ส่วนทางแม่ คุณตาก็เป็นคนฝรั่งเศส แม้ผมจะไม่เคยเจอพวกท่าน อย่างที่คุณรู้อัล พ่อแม่ผมแยกทางกัน คุณย่าของผมก็ไม่รู้เป็นตายร้ายดีที่ไหน เพราะแด๊ดบอกผมว่าคุณย่าออกจากบ้านไปตอนที่แด๊ดยังเด็กๆ ส่วนคนที่ให้กำเนิดผมเป็นเด็กกำพร้า ที่เกิดจาก...อ่า นั่นแหละ ชาวต่างชาติกับหญิงชาวไทย แล้วปัดความรับผิดชอบจึงโยนเข้าสถานเลี้ยงเด็ก”
“นิค ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน สืบเชื้อสายมาจากใครมันก็ไม่สำคัญ มันสำคัญแค่ว่าตอนนี้คุณคือนิโคลัสที่ฮอตที่สุด มีสาวๆ อยากเฟิล์ทด้วยมากที่สุด เชื่อผมเถอะ ว่าถ้าซัมเมอร์รู้จะต้องรีบบินมาหาคุณเป็นแน่”
“อ่า...คุณพูดแบบนี้ ผมยิ่งอยากให้เขารู้ไปกันใหญ่ ผมคิดถึงเขามากจริงๆ”
“เขาไม่ติดต่อมาหาคุณบ้างเลยเหรอ”
“ตอนนี้เขาฝึกอยู่น่ะอัล อีกเดือนกว่าๆ ถึงจะติดต่อเขาได้”
ได้แต่เฝ้ารอให้เวลานั้นมาถึง เพราะอยากจะรู้ว่าคนหัวเกรียนที่บอกจะขาวขึ้นนิดหนึ่งนั้น...จะขาวขึ้นจริงหรือดำลงมากแค่ไหน แต่ถึงจะขาวหรือดำลงแค่ไหน...ก็เป็นที่ถูกใจของคนรูปหล่ออยู่ดี
*******************************