*~.Works The Magic! ร่ายมนตร์รักกับดักนาง(ย)มาร.~*คาถาที่ ๓๓ [END]:15.07.60:
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *~.Works The Magic! ร่ายมนตร์รักกับดักนาง(ย)มาร.~*คาถาที่ ๓๓ [END]:15.07.60:  (อ่าน 278131 ครั้ง)

ออฟไลน์ Onlylyn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอารางวัลตุ๊กตาทองให้เรียวด่วน  55555  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
เรื่องนี้เสี่ยจะตายตอนจบไหมคะ

เอาจริงๆ อยากให้เสี่ยได้เมียเด็กน่ารักๆ สักคน จะได้ช่วยลดความเหี้ยมของเสี่ยลงเสี่ยจะได้ไม่ตายหรือติดคุกตอนจบ

ไม่ชอบเรียวนะ แต่ที่ตามอ่านเพราะพี่เขี้ยวล้วนๆ เลย อิอิ

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
ถ้าพี่เขี้ยวรู้ความจริง เจ๊เรียวตายโหงแน่นอลลลลลลลลล เสี่ยแกแซ่บนะ ขอหนูเถอะ 55555

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
คาถาที่ 7 :: Game on! [100%]




หลังจากพยายามคัดค้านแล้วคัดค้านอีก คมเขี้ยวก็ทำไม่สำเร็จ เพราะเรียวจันทร์ก็ได้เข้ามาทำงานในฟาร์มสมใจ แถมป๋าเขายังเบิกทางอย่างสะดวกให้อีกด้วยการให้ไอ้จัญไรนั่นเข้ามาพักที่ฟาร์ม ไอ้แค่เข้ามาทำงานด้วยกันในฟาร์มก็ทำเอาเขาหงุดหงิดอยากอาละวาดแรงๆ เต็มทน แต่คนเป็นพ่อยังอนุญาตขั้นเหนือกว่าไปอีกด้วยการจะให้ไอ้หน้าหวานนั่นมานอนในบ้าน!

           

 

“ไม่เอาป๋า! ให้คนแปลกหน้ามานอนในบ้านเราได้ยังไง” เขาโวยลั่นบ้าน หน้าตาถมึงทึง มองเรียวจันทร์ที่หอบกระเป๋าเสื้อผ้ามาพร้อมอย่างหงุดหงิด อีกฝ่ายกำลังนั่งหน้าเข่นเคี้ยว ทำปากขมุบขมิบอยู่บนโซฟาห้องรับแขก

           

 

“เรื่องนี้ผมยอมไม่ได้ ป๋าจะมาอ้างว่าเป็นลูกเพื่อนป๋า หรือมีบุญคุณใดๆ ไม่ได้ ถ้าเขาเข้ามานอนที่นี่ ผมจะไปนอน บ้านต้นสน ไม่กลับมานอนที่นี่อีก!” คมเขี้ยวยื่นคำขาด คราวนี้เขาต้องขอเอาจริงขึ้นมาบ้างละ จะรักจะเอ็นดูอะไรก็ไม่ควรมากเกินไป รู้จักกันดีแค่ไหนเชียวถึงจะให้เข้ามานอนในบ้าน 

           

 

“แกจะประชดทำไมวะไอ้เขี้ยว”

           

 

“ผมไม่ได้ประชด ผมพูดจริง ป๋าตั้งสติหน่อย เขาเป็นใครป๋า ทุกอย่างมันดูเปิดทางให้เขาไปหมดเลยป้ะ เออ ถ้าก่อนหน้านี้เคยคุ้นเคยกันมาตลอด ผมจะไม่อะไรเลย” คมเขี้ยวว่าหน้าเครียด หน้านิ่วคิ้วขมวดแสดงออกถึงความไม่ชอบใจอย่างแรง เมฆาทำท่าจะพูดต่อแต่ก็ถูกภรรยาห้ามปรามเอาไว้

           

 

 “ขอแม่คุยกับพ่อเป็นการส่วนตัวสักแปบนะ” เธอยิ้มอ่อนให้เรียวจันทร์ที่ยิ้มบางตอบกลับมา คุณบัวลากสามีไปคุยในห้องครัว คมเขี้ยวสะบัดสายตาเคืองไปมองเรียวจันทร์ที่ตอนนี้ปรับสีหน้าให้ดูแอ๊บใสเข้าไว้ เขาพยายามยิ้มให้คนตัวโตแต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าบูดหน้าบึ้งจนต้องค่อยๆ หุบยิ้มไปเอง

           

 

“อะ โอเค งั้นเดี๋ยวป๋าให้เรียวจันทร์เขานอนในห้องนอนออฟฟิศ” เมฆาสรุปด้วยท่าทีที่ดูใจเย็นขึ้น แต่เรียวจันทร์สังเกตว่าท่าทีนั้นดูเหมือนคนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้มามากกว่า เชื่อได้เลยว่าเมื่อกี้แม่ของคมเขี้ยวต้องพูดเตือนสติอะไรสักอย่างที่เชื่อมโยงมาถึงนางเต็มๆ

           

 

“แม่เห็นด้วย ให้หนูเรียวเขานอนนั่นแล้วกัน จะให้ไปนอนกับคนงานแม่ว่าก็ไม่เหมาะ อย่างน้อยให้เขามีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง” ดูเหมือนคมเขี้ยวจะเถียงแม่น้อยกว่าพ่อ เพราะพอคนเป็นแม่เอ่ยแบบนั้นเรียวจันทร์ก็เห็นว่าไอ้เครามีท่าทีอ่อนลงและเหมือนจะเห็นด้วยกลายๆ

           

 

“ตามนั้นครับ แต่ถ้าของในออฟฟิศหาย ผมไล่เขาออกจากฟาร์มแน่!” คมเขี้ยวมองเรียวจันทร์อย่างคาดโทษ คนหน้าหวานกัดริมฝีปากล่างแน่น ถลึงตาน้อยๆ มองไอ้มาดคาวบอยด้วยความโมโห

           

 

หน้าตาฉันดีขนาดนี้ยังกล้ามองว่าเป็นขโมยอีก!

           

 

“ขอโทษด้วยนะหนูเรียวที่เสียงดังโหวกเหวกโวยวายไปหน่อย” เจ้าของชื่อรีบปรับสีหน้าเป็นยิ้มหวานประจบ ก่อนจะบอกเสียงนุ่ม

           

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ…” เพราะที่บ้าน เวลาเถียงกับแม่ก็เสียงดังประมาณนี้แหละ “…จริงๆ เรียวนอนไหนก็ได้”

           

 

“งั้นกลับไปนอนบ้านตัวเองดิ ถ้าอยากทำงานจริงก็มีความพยายามหน่อย” คมเขี้ยวว่าเสียงขุ่น ยักคิ้วสองทีอย่างกวนตีนกวนใจเหลือเกิน แต่ที่นางทำได้คือแอ๊บยิ้มแห้ง แบบว่า แหม พี่เขี้ยวก็ ทั้งที่ในใจน่ะเหรอ หน็อย ไอ้ห่าเขี้ยว!

           

 

“อันนั้นก็เกินไปเขี้ยว เหนื่อยตายเลย” คุณบัวปราม แต่ก็ไม่ได้ดุด่า หล่อนมองหน้าเรียวจันทร์อย่างครุ่นคิด พอเจ้าตัวหันหน้ามาสบตาก็คลี่ยิ้มบางกลบเกลื่อนอาการครุ่นคิดนั้น

           

 

“งั้นเดี๋ยวป๋าให้คนงานพาเราไปเก็บของในออฟฟิศแล้วกัน” เรียวจันทร์พยักหน้ารับ

           

 

“เขี้ยว ตามดินมาพาเรียวจันทร์ไปที่ห้องหน่อย” คนเป็นแม่เอ่ยบอก คมเขี้ยวโบกมือขวาหนึ่งที 

           

 

“เดี๋ยวผมพาไปเองก็ได้”

           

 

“แม่มีเรื่องจะคุยกับเรา ให้ดินหรือใครก็ได้พาไป” คุณบัวเอ่ยบอกอย่างนิ่งสงบทั้งน้ำเสียงและท่าที ไม่ได้มีอาการผิดแปลกใดๆ แต่ใช่ว่าเรียวจันทร์จะสัมผัสไม่ได้ว่าทั้งสามคนคงต้องการคุยเรื่องของนางแบบคนในครอบครัวนั่นแหละ แต่ก็เลือกที่จะเงียบแล้วทำตัวนิ่ง

           

 

คมเขี้ยวพยักหน้ารับ กดโทรศัพท์เรียกหนึ่งในลูกน้องคนสนิทที่ตอนนี้เริ่มเป็นเหมือนน้องชายเขาอีกคนไปแล้วให้ขึ้นมาบนบ้าน ระหว่างรอ คุณบัวก็เข้าไปพูดคุยกับเรียวจันทร์เรื่องการใช้ชีวิตอยู่ที่ฟาร์มอรุณพยัคฆ์ว่าต้องปฏิบัติตัวยังไง ตื่นตอนไหน ต้องช่วยงานคมเขี้ยวในส่วนไหนบ้าง

           

 

“เอ่อ คุณแม่ครับ คือเรียวเนี่ย มีงานการแสดงและงานเดินแบบด้วย อาจจะมีบางอาทิตย์ที่เรียวต้องขอตัวหายไป เรียวจะไม่โดนไล่ออกใช่มั้ย” นางแบ่งตารางชีวิตไว้คร่าวๆ แล้วว่าจะต้องทำอะไรบ้าง วันไหนมีงานอีเว้นต์ก็ขออนุญาตนายคมเขี้ยวไป ในส่วนของการแสดง นางเองก็ไม่ใช่บทดำเนินเรื่องขนาดที่ต้องเข้ากองทุกวี่ทุกวันหรือทุกอาทิตย์

           

 

“ไม่หรอกจ้ะ หนูก็แบ่งเวลาตัวเองให้ดี อย่าให้มันเสียงานทั้งสองที่” คุณบัวเอ่ยบอกยิ้มๆ เรียวจันทร์ยิ้มโล่งอก แต่พอหันไปเห็นสายตาคมของไอ้เคราที่จ้องอย่างกับจะจับร่างนางฉีกเป็นชิ้นๆ ก็ต้องสะดุดกึกแล้วรีบหันหนี

           

 

 

“พี่เขี้ยว ผมมาแล้ว” เสียงทุ้มห้าวๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น เรียวจันทร์หันไปมองก็เห็นหนุ่มร่างบึ้กหนาแน่น บึ้กในที่นี้คือบึ้กจริง ตัวหนา วงแขนกล้ามเป็นมัดๆ อุ๊ย น่าจะกัดแขนเล่นเบาๆ ตัวสูงพอกับนายเขี้ยว ผิวเข้มกว่ามาก แล้วก็ดูคลุกฝุ่นคลุกดินพอสมควร หน้าตาไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้ดีงามอร่ามหรู แต่นั่นไม่ใช่ข้อเสียของผู้ชายคนนี้ เรียวจันทร์มองว่าหน้าตาค่อนข้างดุแต่ตาดวงตาดูซื่อๆ ใสๆ เลยทำให้หน้าเขาดูไม่น่ากลัว อืม ถ้าไปเป็นนายแบบที่นิวยอร์กล่ะก็ ขายดิบขายดีเลยแหละ

           

 

“ไอ้ดิน พาคนนี้ไปเก็บของในห้องนอนออฟฟิศหน่อย เสร็จแล้วก็ลองบอกงานในออฟฟิศคร่าวๆ ว่าต้องทำอะไรบ้าง” คมเขี้ยวร่ายยาวหน้าตายังไม่ค่อยจะสบอารมณ์สักเท่าไหร่ เรียวจันทร์หันไปยิ้มให้กับหนุ่มนามว่าดินสมกับสีผิวเจ้าของชื่อยิ้มตอบกลับมาอย่างเป็นมิตร เป็นอันว่าผู้ชายคนนี้แม้นหน้าตาไม่หล่อมาก แต่มีเสน่ห์มากเวลายิ้ม ยิ้มเป็นมิตรและจริงใจสุด

           

 

“รบกวนด้วยนะครับ” เรียวจันทร์บอกอย่างเป็นมิตรพลางยื่นกระเป๋าลากใบโตสีดำให้กับหนุ่มล่ำบึ้ก อีกฝ่ายยื่นมือมารับแล้วช่วยยกออกจากบ้านไป

           

 

“เดี๋ยวแม่ให้คนไปตามมากินข้าวเย็นนะหนูเรียว” คุณบัวตะโกนตามหลังไป เรียวจันทร์ที่อยู่ระเบียงหน้าบ้านหันมามองแล้วยิ้ม

           

 

“โอเคครับแม่” ว่าจบก็หมุนตัวเดินตามพ่อล่ำไป สามคนพ่อแม่ลูกบ้านพยัคฆ์เกรียงไกรมองตามร่างบางเดินลงบันไดไม้ไปสู่ประตูรั้วใหญ่จนลับสายตาไปแล้วค่อยหันมามองหน้ากัน

           

 

“แม่มีอะไรรึเปล่า” คุณบัวถอนหายใจนิดหนึ่ง เดินไปนั่งบนโซฟาโดยมีสองพ่อลูกตามมานั่ง เมฆานั่งลงข้างภรรยาส่วนลูกชายนั่งตรงข้ามกับทั้งสองคน

           

 

“ป๋าขอโทษที่ใจร้อนและใจง่ายไปหน่อย” เมฆาเอ่ยด้วยสีหน้ารู้สึกผิด คมเขี้ยวถอนหายใจ

           

 

“ป๋าเปิดทางให้เขาง่ายมาก คือผมเข้าใจว่าเขาเป็นลูกเพื่อนสนิทป๋า เป็นผู้มีพระคุณของบ้านเรา แต่ป๋าก็ต้องยอมรับนะว่าเรากับเขาไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันนานแล้ว เพื่อนป๋าก็จากไปแล้ว ผมไม่ได้จะเนรคุณ แต่เราไม่เคยรู้จักเขาเลย อยู่ๆ ก็ให้เขามาอยู่กับพวกเรา เราไม่รู้นะป๋าว่าช่วงที่เรากับเขาไม่รู้จักกัน เขาไปเจออะไรมาบ้างและนิสัยเขาเป็นยังไง” คมเขี้ยวพูดอย่างมีสติ พูดอย่างใจเย็น ไม่ได้โกรธหรือเหวี่ยงบิดาแต่อย่างใด เขาแค่อยากให้ป๋าเข้าใจว่าสิ่งที่เขาต้องการจะบอกคืออะไร

           

 

“เรื่องนี้แม่ก็คุยกับพ่อเขาแล้วละ แม่เห็นด้วยกับเขี้ยวนะที่ว่าเราไม่รู้ว่าช่วงที่เขากับเราไม่รู้จักกัน ห่างหายกันไป เขาเป็นคนยังไง จะเอาเหตุการณ์ที่เขาเป็นบุญคุณกับเรามาตัดสินไม่ได้ แม่รู้ว่าพ่อหนูเรียวเขาดี แต่ก็ยอมรับว่าแม่ยังไม่รู้จักเรียวจันทร์ดีพอ”

           

 

“นั่นแหละครับที่ผมอยากจะบอก แต่ป๋าก็เข้าข้างเขาลูกเดียว” เมฆาถอนหายใจหน้าตาสลดลงไปนิดหนึ่ง

           

 

“เออ ป๋ารู้แล้วว่าตัวเองคิดน้อยไปหน่อย ขอโทษแล้วกันน่า”

           

 

“ไม่โกรธหรอกป๋า แค่น้อยใจ เนี่ย ลูกชายป๋านะ แต่ตั้งแต่มีไอ้นั่นเข้ามา ป๋าทำอย่างกับผมไม่ใช่ลูก” คมเขี้ยวว่างอนๆ จนคนเป็นพ่อกับแม่อดอมยิ้มไม่ได้

           

 

“โถ่ ไอ้นี่ ทำเป็นงอนอย่างกับผู้หญิง รักเหมือนเดิมน่าไอ้เครา” คนเป็นแม่หัวเราะน้อยๆ กับคำเอ่ยแซวของสามี คมเขี้ยวเบ้ปากพร้อมยักไหล่ เขาเองก็ไม่ได้เคืองแค้นฝังหุ่นอะไรหรอก

           

 

“แต่ยังไงเขี้ยวก็เปิดใจรับเขาหน่อยนะ เขาอาจจะดีก็ได้ แต่ถ้าเขาไม่ดีจริง แม่กับพ่อก็ไม่เอาไว้หรอก เรื่องบุญคุณที่มีมาก็เดี๋ยวจะชดใช้ให้ ที่ดินของเขาก็จะคืนให้เขาไป แล้วก็ทางใครทางมัน” หญิงสาวคนเดียวในบ้านเอ่ยบอกนิ่งๆ แต่สองพ่อลูกก็รู้ว่านั่นคือคำขาด คือความเด็ดเดี่ยวและเอาจริง คุณบัวเป็นคนใจดี แต่ในเวลาเด็ดขาด เธอก็คือเด็ดขาดจริงๆ ไม่มีเล่น

           

 

“แกก็อย่าไปตั้งแง่กับเขามาก เขาจะดีจะร้ายเราก็ยังไม่รู้…” เมฆาเหม่อมองไปเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด ก่อนหน้านี้เขามัวแต่คิดว่านั่นคือลูกเพื่อนสนิท คิดถึงแต่ตอนเด็กที่เรียวจันทร์ยังเป็นเด็กน้อยน่ารักคนหนึ่ง มัวแต่ดีใจที่ได้เจอลูกเพื่อนสนิทสักที

 

 

“…แต่ก็จริงอย่างที่แกว่า เรากับเขาห่างหายจากกันไปนานมาก ป๋าไม่รู้เลยว่าวันเวลาที่ผ่านมา นิสัยของเขาถูกหล่อหลอมให้เป็นยังไง แต่ป๋าก็เชื่อนะช่วงที่ไอ้อาทิตย์มันยังอยู่ มันต้องสอนลูกมันดีแน่ๆ มันเพิ่งจากหนูเรียวไปเมื่อสองปีก่อนนี่เอง ป๋าเชื่อว่ามันทิ้งความดีไว้ให้ลูกมันแหละ” คมเขี้ยวยกมุมปากทั้งสองข้างยึกยักไปมาแล้วพยักหน้ารับน้อยๆ คนเป็นภรรยานั่งฟังนิ่งก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้

 

 

“เออ จริงสิ ตอนงานศพเพื่อนคุณ ทำไมเราไม่เจอหนูเรียวล่ะ”

 

 

“เห็นว่าบินกลับมาถึงงานหลังเรานะ เขาบินกลับไปทำงาน แล้วก็บินกลับมาอีกที” คุณบัวพยักหน้ารับนิดหนึ่ง ส่วนคมเขี้ยวนั่งนิ่ง เขาไม่ได้ไปงานศพพ่อเรียวจันทร์หรอก เพราะตอนนั้นคิดว่าก็เป็นเพื่อนพ่ออีกคนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาเกี่ยวข้องกับลูกชายเขา

 

 

“แล้วนี่ป๋าจะให้เขาอยู่นานเท่าไหร่เนี่ย”

 

 

“ก็ตามที่เขาอยากอยู่ อย่าลืมว่าที่นี่ก็เหมือนบ้านเขา แต่ถ้าเกิดเขาเป็นคนไม่ดีจริง ก็คงต้องให้เขาไป” คมเขี้ยวพยักหน้ารับหนึ่งที ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองซ้ายมองขวาก่อนจะเห็นโทรศัพท์มือถือของเรียวจันทร์ตกอยู่บนโซฟา

 

 

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะ”

 

“อย่าไปชวนเขาทะเลาะอีกล่ะ ทะเลาะกันมากๆ เดี๋ยวก็ได้เขาเป็นเมียหรอก” คุณบัวเอ่ยแซวด้วยรอยยิ้ม คมเขี้ยวทำหน้าเหมือนเหม็นขยะที่ลอยอยู่ในคลองเน่า สร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคน เขาส่ายหัวพร้อมย่นจมูกก่อนจะเดินไปหยิบมือถือของไอ้หน้าหวานขึ้นมาแล้วเดินออกจากบ้านไป

 

 

คมเขี้ยวเดินเลี้ยวขวาออกจากประตูบ้านใหญ่ตรงไปออฟฟิศ วันนี้ทางฟาร์มปิดไม่ให้ใครเข้าชม จึงมีแต่คนงานกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้นไปทั่วบริเวณ แบ่งกันทำคนละส่วนตามหน้าที่ใครหน้าที่มัน ส่วนร้านค้าในฟาร์มก็ปิดให้บริการทุกร้าน ก่อนที่จะให้ร้านใดร้านหนึ่งเข้ามาเปิดค้าขายในฟาร์ม คมเขี้ยวได้ทำข้อตกลงกับทุกคนแล้วว่ากฎเกณฑ์ของที่นี่เป็นยังไง หากใครยอมรับได้เขาก็ยินดีที่จะร่วมงานด้วย เขาไม่ใช่คนขี้งกหรือเจ้าระเบียบ แต่จริงๆ ที่นี่คือบ้าน คือที่ทำงานของเขา ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว แต่เพื่อนเขาที่มาเที่ยวบ้านต่างบอกว่าควรเปิดให้คนนอกเข้ามาเที่ยวด้วยได้ก็จะดี เพราะบรรยากาศที่นี่สวยด้วยธรรมชาติจริงๆ แล้วพอเปิดจริงจัง พ่อเขานั่นแหละก็เอานู่นเอานี่มาประดับเต็มไปหมด ทั้งชิงช้า โรงนา รถไถเก่า หมู่บ้านคาวบอย พ่อบอกว่าไหนๆ ก็ทำแล้ว ขอใช้จิตนนาการในวัยเด็กของตัวเองเนรมิตมันขึ้นมาหน่อย เขาได้แต่ขำ เห็นตัวโตกว่าแบบนั้นแต่พ่อยังแอบมีมุมมุ้งมิ้งอยู่ในตัว

 

 

“ขอบใจมากนะดิน” ตอนเปิดประตูเข้าไปในออฟฟิศก็ได้ยินเสียงไอ้หน้าหวานเอ่ยเสียงเพราะ ได้ยินเสียงไอ้ดินหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะพูดเสียงเขิน

 

 

“ไม่เป็นไรครับ ตัวบางอย่างคุณเรียวไม่เหมาะกับงานใช้แรงหนักๆ หรอก”

 

 

“หืม ปากหวานจังเลย…” ตอนแรกๆ ก็เสียงอ่อนเสียงหวาน สักพักมันก็เปลี่ยนเป็นเสียงเหวี่ยง “…ไม่เหมือนเจ้านายดินเลยนะ แหม ปากบูดปากเบี้ยว” เขานึกหน้าไอ้จันทร์ไรนั่นออกเลยว่าคงจีบปากจีบคอ ทำหน้าทำตารังเกียจเขาแค่ไหน

 

 

“พูดถึงผมอยู่รึเปล่า” คมเขี้ยวยืดกอดอก สะโพกพิงกรอบประตูห้องนอนในออฟฟิศ ไอ้ดินหุบปากหยุดหัวเราะฉับ ส่วนอีกคนเบ้ปากใส่เขาเต็มแรง

 

 

“ดิน ไม่มีไรแล้วก็ไปทำงานไป”

 

 

“ครับพี่”

 

 

“แล้วเจอกันนะดิน” เรียวจันทร์ยิ้มหวานพร้อมโบกมือบ๊ายบายให้ดินที่ยิ้มเขินตอบกลับมาก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องนอนไป พอเหลือกันสองคน ต่างฝ่ายต่างก็เงียบ เรียวจันทร์เลยนั่งพับเสื้อผ้าต่อ

 

 

“ไหนว่าชอบผมไง เมื่อกี้เบะปากให้ซะอย่างกับปากมีปัญหา” เรียวจันทร์ตวัดสายตาเหวี่ยงไปมองไอ้เครา

 

 

“ชอบก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยิ้มพิมพ์ใจให้นายตลอดเวลานี่” คมเขี้ยวเบะปากน้อยๆ และไหวไหล่ทั้งสองข้าง

 

 

“ดี เพราะผมไม่คิดจะพิมพ์ใจไปกับรอยยิ้มของคุณ” พูดจบก็โยนมือถือไปให้เรียวจันทร์ที่ทำหน้าตกใจสุดขีดแต่ก็ยกมือขึ้นมารับไว้ได้ทัน

 

 

“นี่! ถ้าโทรศัพท์แสกกลางหน้าฉันขึ้นมา จะทำยังไงฮะ?!” ว่าไปก็เอานิ้วลูบคลำหน้าผากตัวเองเบาๆ

 

 

“ศัลยกรรมไง คุณน่าจะถนัดไม่ใช่เหรอ” เรียวจันทร์ถลึงตาใส่ไอ้ร่างโย่งแล้วหยิบเสื้อยืดตัวหนึ่งที่เพิ่งพับเสร็จปาใส่หน้าอีกฝ่ายเต็มแรง

 

 

“หน้าฉันหน้าจริงทั้งหมด ไม่มีศัลยกรรม!” คมเขี้ยวส่ายหัวทำหน้าเอือมระอา โยนเสื้อยืดไปบนปลายเตียงนอนขนาดใหญ่

 

 

“ขออะไรอย่างดิ ทำตัวให้แมนหน่อยได้ป้ะ” เรียวจันทร์อ้าปากพร้อมจะเถียงด้วยสีหน้าไม่ยอม แต่คมเขี้ยวยกมือขวาเบรกไว้ก่อน

 

 

“ไม่ต้องมาเบรกฉัน…”

 

 

“…ฟังก่อนดิ” เรียวจันทร์คิ้วขมวดมุ่นมองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่ที่อีกฝายมาสั่งห้ามไม่ให้นางเป็นตัวของตัวเอง คมเขี้ยวพ่นลมหายใจหนึ่งที

 

 

“ผมว่าคุณดูดีกว่าเวลาที่ทำท่าทางแว้ดๆ อีก ไม่ต้องกรีดกรายเยอะแยะ ผมไม่ได้บอกให้คุณเลิกเป็นในแบบที่คุณเป็น ก็แค่ปรับ เอ่อ อะไรนะ จริตใช่มั้ย ถ้าใช่ก็ลดลงมาบ้าง” คมเขี้ยวไม่ได้อยากไปวุ่นวายหรือคิดจะเปลี่ยนให้เรียวจันทร์เป็นผู้ชาย หมายถึงว่าผู้ชายจริงๆ น่ะ เพราะดูแล้วเปลี่ยนไม่ได้หรอก ก็แค่อยากให้ดูเรียบร้อยขึ้นบ้าง หรือรักษามาดหน่อย เพราะบางทีอีกฝ่ายก็กิริยาล้นเหลือเกิน

 

 

“ให้ลดอะไรล่ะ ฉันก็ไม่ได้เยอะอะไรสักหน่อย” คมเขี้ยวทำหน้าว่า โอ้โห นี่พูดจริงใช่มั้ย เรียวจันทร์ทำหน้ากลับว่า มีอะไรผิดแปลกงั้นเหรอ คมเขี้ยวยกมือขวาเกาหัวเบาๆ

 

 

“เออ เป็นไงก็เป็น” เรียวจันทร์ยักไหล่ขวา ทำหน้าว่าไม่แคร์ นั่งพับผ้าต่อไป

 

 

“เมื่อกี้ไอ้ดินบอกงานอะไรไปบ้าง” เรียวจันทร์ทำหน้านึกพลางพับกางเกงไปด้วย

 

 

“ก็บอกว่า ช่วยนายดูบัญชีรายรับรายจ่าย การสั่งซื้อของในฟาร์ม ดูแลร้านค้าในฟาร์มกับข้างนอก แล้วก็รายได้วันเปิดให้เข้าชมฟาร์ม”

 

 

“แล้วมันได้สอนงานอะไรรึยัง” เขาถามไปงั้นแหละ ดูก็รู้ว่ายังไม่ได้สอนอะไรกันหรอก ก็ยังนั่งอยู่บนเตียงอยู่เลย

 

 

“ยัง ฉันมัวแต่ชวนดินเม้าท์เพลินอะ” เรียวจันทร์ยิ้มแหะ คมเขี้ยวทำหน้าเอือม

 

 

“แล้วใกล้จะเสร็จรึยัง” เจ้าของฟาร์มยื่นคางไปทางกองเสื้อผ้า เรียวจันทร์พับกางเกงตัวสุดท้ายแล้วพยักหน้ารัวๆ

 

 

“เนี่ย เสร็จละ”

 

 

“งั้นก็ตามมา ผมจะได้บอกว่าต้องทำอะไรบ้าง อยากทำงานนักก็จะให้ทำ” เรียวจันทร์ทำปากยื่นแต่คมเขี้ยวไม่สนใจ เขาหมุนตัวเดินออกจากห้องนอนไปรออยู่ตรงโต๊ะทำงาน จัดเรียงแฟ้มกับเอกสารต่างๆ มากมายไว้ให้ผู้ช่วยที่เขาไม่ได้เต็มใจอยากรับ

 

 

“ไหนอะ” ร่างบางเดินออกมาถาม คมเขี้ยวชี้ที่กองเอกสารมากมาย เรียวจันทร์ตาโตทันทีเมื่อเห็นกองงานของตัวเอง

 

 

“ต้องทำเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”

 

 

“ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องทำ แล้วก็ออกไป แค่นั้นแหละ” คมเขี้ยวขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงด้วย เลยตัดบทง่ายๆ ก็คือถ้าทำไม่ได้ คิดว่าทำไม่ไหว ก็ไม่ต้องอยู่ จะไปยากอะไร

 

 

“นายแกล้งฉันป้ะเนี่ย” เรียวจันทร์ถามอย่างจับผิด คมเขี้ยวเลิกคิ้วขึ้น มองหน้าหวานอย่างไร้อารมณ์

 

 

“ถ้าคิดว่าแกล้งก็ไปสิครับคุณ อยู่ให้ผมแกล้งทำไม” ไอ้ร่างโย่งว่าอย่างกวนๆ คนเตี้ยกว่ามองค้อนขวัก

 

 

“ไม่ไป ฉันจะอยู่จีบนายให้ติด!” เรียวจันทร์เบ้ปากทำหน้าว่าไม่ยอมแพ้ คมเขี้ยวทำหน้าคล้ายว่าขยาดหวาดกลัว นายแบบหนุ่มร่างบางเบิกตากว้างมองอย่างหมั่นไส้

 

 

“เอา เร็วๆ สิ จะสอนงานอะไรก็สอน”

 

 

“อ่านที่กองๆ อยู่เนี่ยให้หมด ผมให้เวลาสองชั่วโมง เสร็จแล้วจะได้พาไปเดินดูฟาร์ม” เรียวจันทร์พยักหน้าจำยอม แม้จะไม่อยากทำแต่ก็ดิ้นรนจนได้เข้ามาอยู่ในนี้ตามที่ต้องการแล้ว อีกฝ่ายสั่งอะไรมาก็ต้องไหลไปตามน้ำก่อน

 

 

คมเขี้ยวมองหน้าบูดน้อยๆ ของเรียวจันทร์แล้วก็ยิ้มมุมปาก คิดในใจว่าคงทนได้อีกไม่นานเดี๋ยวก็ไป เขาหมุนตัวจะเดินออกจากออฟฟิศ แต่ก็หยุดเท้าไว้เพราะคนข้างหลังเรียก

 

 

“เดี๋ยวก่อนนายเขี้ยว”

 

 

“ว่าไง” พูดพร้อมกับหันตัวหันไปมองหน้าสวยหวานเกินชายนั่น

 

 

“นายก็ไม่ได้รังเกียจฉันใช่ป้ะ ถึงได้ยอมให้ฉันมาทำงานด้วยอะ” เรียวจันทร์ยิ้มแฉ่งตาเป็นประกาย ถึงหมอนี่จะปากร้ายมากไปนิด และทำท่าจะไม่ยอมให้นางเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย แต่สุดท้ายก็ให้นางเข้ามาอยู่ในฟาร์ม มาทำงานด้วย

 

 

“ถ้าถามว่ารังเกียจมั้ย ก็ไม่ แต่ถามว่าให้เอาเป็นเมียมั้ย หึ…” เรียวจันทร์เบ้ปากพร้อมย่นจมูก

 

 

“…ผมแยกแยะได้ งานก็คืองาน ป๋าบอกว่าควรให้โอกาสคุณ เพราะคุณอยากทำงาน และหวังว่าคุณจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปน ผมบอกไว้ก่อนนะ ถ้าคุณทำงานไม่ดี คุณก็ไม่ผ่านโปรแบบบริษัททั่วๆ ไปนั่นแหละ”

 

 

“แต่นอกเวลางานฉันเต๊าะนายได้ใช่มะ” เรียวจันทร์ถามตาใสพร้อมรอยยิ้มน่ารักที่เค้นออกมาสุดๆ คมเขี้ยวขมวดคิ้วแล้วส่ายหัวน้อยๆ

 

 

“ถ้าให้ดีไม่ต้องมาเต๊าะมาเจ๊าะมาแจ๊ะอะไรกับผม บอกหลายรอบแล้วนะว่าชอบผู้หญิง” เรียวจันทร์รีบบิดปากเบ้เร็วๆ หนึ่งทีแล้วรีบปรับสีหน้าให้ดูซอฟต์ลง

 

 

“แต่นายก็ยังไม่มีแฟนนี่ ทำไมไม่ให้โอกาสฉันหน่อยล่ะ” เรียวจันทร์ว่าหน้าบูด คมเขี้ยวมองอย่างเอือมระอา

 

 

“คือคุณเข้าใจป้ะวะว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย แล้วจะไปให้โอกาสให้คุณเสียเวลาทำไม ผมชอบผู้หญิง ถ้าผมจะมีเมียสักคน ผมก็ต้องเอาผู้หญิงดิ”

 

 

“โถ่ พ่อโลกทัศน์ไม่กว้างไกล หัดมีวิชั่นใหม่ๆ บ้างเถอะ นี่ เห็นมั้ย หน้าสวยขนาดนี้ เดินควงได้ไม่อายใคร” เรียวจันทร์ว่าอย่างไม่ยอมแพ้พร้อมกับยื่นหน้าไปโชว์ความสวยของตัวเองเต็มที่

 

 

“แต่ผมอายถ้าจะมีเมียเป็นผู้ชาย เก็ทป้ะ?!” เรียวจันทร์ขบเคี้ยวฟันดังกึดๆ อย่างโมโห ไม่ใช่ไม่เคยเจอผู้ชายประเภทนี้ แต่คนนี้ทำให้นางรู้สึกเสียหน้ามากจริงๆ

 

 

ก็แหม จอมทัพกับแจเร็ดหลงนางหัวปักหัวปำมันก็เลยทำให้ได้ใจน่ะสิ

 

 

โอ๊ะ ตายแล้ว แจเร็ด พูดถึงพ่อหนุ่มอิตาลี นางเกือบลืมไปเลย

 

 

“นี่ๆ ที่นี่มีวายฟายมั้ย” เรียวจันทร์ตัดบทเปลี่ยนเรื่องอย่างไวจนคมเขี้ยวขมวดคิ้วงง ถ้าบอกว่ามีประจำเดือนก็เชื่อ

 

 

“มี รหัสอยู่บนบอร์ดนั่นน่ะ” เรียวจันทร์หันไปมองตามสายตาคมเขี้ยวก็เห็นบอร์ดไม้อัดสีน้ำตาลอันใหญ่อันหนึ่งติดอยู่บนผนังฝั่งซ้ายมือตนเอง

 

 

“อย่ามัวแต่เล่นเน็ตเพลิน สองชั่วโมงผมกลับมา งานต้องเสร็จนะ” เรียวจันทร์จิ๊ปากก่อนตอบรับ

 

 

“รู้แล้วน่ะพ่อคนหน้าบางที่จะมีเมียเป็นผู้ชาย” คมเขี้ยวเบ้ปากเล็กน้อยพร้อมยักไหล่ซ้ายอย่างไม่แคร์ หมุนตัวเดินออกจากออฟฟิศ ทิ้งให้เรียวจันทร์มองตามด้วยสายตาหมั่นไส้และขุ่นเคือง

 

 

หนุ่มนายแบบหน้าสวยสลัดความเคืองทั้งหลายทิ้ง หยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์วอทสแอพไปหาแจเร็ด ลองสอบถามว่าเขาตื่นอยู่หรือเปล่า แต่ฝ่ายนั้นก็ยังไม่ตอบทันที นางเลยวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ตัว เอื้อมมือไปหยิบแฟ้มที่คมเขี้ยวเอามาให้ศึกษามาเปิดอ่าน พอเปิดอ่านหน้าแรกก็อยากจะหลับ ตัวหนังสือผสมกับตัวเลขยั้วเยี้ยไปหมด

 

 

ครืด!

 

 

เรียวจันทร์ทิ้งแฟ้มในมือ เอื้อมมือไปหยิบมือถือขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นแจเร็ดพิมพ์ตอบกลับมาว่ายังไม่ถึงเวลานอน นางเลยพิมพ์ตอบกลับไปว่าให้สไกป์คุยกัน รอสักพักหนุ่มอิตาลีก็วิดีโอคอลมาหา เรียวจันทร์ยิ้มกว้างพร้อมกับโบกมือทักทายอย่างเริงร่า

 

 

“Hi!”

 

 

“Ciao!” แจเร็ดเอ่ยทักทายเป็นภาษาอิตาลีพร้อมรอยยิ้มหล่อผสมน่ารัก เรียวจันทร์ยิ้มกว้างตาหยี จนแจเร็ดนึกอยากจะคว้าคนตรงหน้าเข้าไปหอมแก้มแรงๆ สักที

 

 

“ขอโทษนะที่เมื่อคืนไม่ได้คอลไป เผลอหลับ” เรียวจันทร์ยิ้มน่ารักให้แจเร็ด อีกฝ่ายเห็นนางยิ้มเลยยิ้มตาม ก่อนจะบอกว่าไม่เป็นอะไร เรียวจันทร์ชวนคุยแจเร็ดอย่างสนุกสนานตามภาษาคนร่าเริง (เกินไป)

 

 

ทั้งคู่ยังไม่ได้ขาดการติดต่อไปไหน หลังจากแจเร็ดกลับถึงอิตาลีก็ส่งรูปมาทักทายเรียวจันทร์บ่อยๆ ส่วนมากจะคุยกันผ่านวอทสแอพมากกว่า วีดีโอคอลนับครั้งได้ เนื่องจากเวลาไม่ค่อยจะตรงกัน และแจเร็ดก็ไม่อยากดื้อดึงจะคุยแบบเห็นหน้ากับเรียวจันทร์มากนักเพราะยังไม่ได้เป็นอะไรกัน ทั้งที่ใจเขานั้นอยากจะเป็น แต่ก็พอรู้อยู่บ้างว่าเจ้าตัวคงยังไม่ตอบรับเขาง่ายๆ

 

 

แต่แจเร็ดยังไม่รู้ว่าเรียวจันทร์นั้นคั่วกับหนุ่มอื่นอยู่ด้วย ซึ่งพ่อนายแบบตัวบางก็ไม่คิดจะบอก แต่ถามว่าลึกๆ ในอกรู้สึกผิดหรือไม่ก็ต้องบอกว่ารู้สึกอยู่ แต่เรียวจันทร์เองก็คิดอีกว่าในเมื่อยังไม่ได้ผูกมัดกับใคร นางก็น่าจะยังมีสิทธิ์ลั้นลาอยู่นี่นา

 

 

เรียวจันทร์ไม่คิดจะคบกับแจเร็ดจริงจัง แต่ก็ไม่ยังไม่กล้าที่จะบอกตัดขาดตอนนี้ เพราะนางคิดสงสารหนุ่มเมืองสปาร์เก็ตตี้ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ มันคือการเห็นแก่ตัวที่นางไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอยู่


V
v
v


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2017 13:15:53 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8

V
v
v

“เสร็จรึยัง?!” เรียวจันทร์สะดุ้งจนมือถือเกือบร่วงตกลงพื้นตอนที่คมเขี้ยวเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดมาอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน หนุ่มหน้าหวานเม้มปากน้อยๆ มองซ้ายมองขวาเหมือนหาตัวช่วย แต่สุดท้ายก็ต้องยิ้มแห้งแล้วตอบเสียงอ่อย

 

 

“ยังเลยอะ” พูดพร้อมกับค่อยๆ วางมือถือลงบนโต๊ะทำงาน คมเขี้ยวขบกรามแน่นมองด้วยสายตาโกรธๆ

 

 

“แค่นี้ยังไม่มีความรับผิดชอบ แล้วจะมาทำงานด้วยกันได้ยังไง”

 

 

“เดี๋ยวๆ เรื่องความรับผิดชอบนี่ขอเถียงได้มั้ย ถ้าฉันไม่มีความรับผิดชอบ ฉันไม่มีงานให้เดินแบบ ไม่มีหนังให้แสดงหรอกนะ” เรียวจันทร์ไม่ได้เถียง แค่บอกหน้าตาไม่สบอารมณ์และน้ำเสียงห้วนไปนิด

 

 

“งั้นก็เอาความรับผิดชอบนั้นมาใช้กับงานนี้หน่อย คุณเสนอตัวเข้ามาทำเองนะ ผมไม่ได้ขอให้มาทำ” คมเขี้ยวว่าหน้าเครียด แต่ก็ไม่ได้เครียดใหญ่โต เรียวจันทร์ย่นจมูกก่อนจะว่าเสียงนุ่มแต่แอบสะบัด

 

 

“ขี้บ่นจริงๆ เลย ก็ให้เวลาฉันปรับตัวหน่อยสิ โห่ ไอ้เคราครึ้ม” คมเขี้ยวถลึงตาจนเรียวจันทร์สะดุ้ง แต่ที่นางสะดุ้งคือนางเผลอว่าอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

 

“เดี๋ยวให้ม้าเตะปากซะหรอก” เรียวจันทร์ทำปากขมุบขมิบ เอาแฟ้มมากางตรงหน้าเพื่อจะเริ่มอ่านงานอย่างจริงจัง

 

 

“พักเอาไว้ก่อน คืนนี้ค่อยกลับมาอ่าน มานี่ ผมจะพาไปเดินดูฟาร์ม”

 

 

“คืนนี้ฉันต้องนอนนะ” เรียวจันทร์ว่าเสียงอ่อย

 

 

“ผมให้เวลาคุณทำงานแล้วแต่คุณไม่ทำ ก็เอาเวลานอนมาทำงานแล้วกัน พรุ่งนี้เช้าคุณต้องบอกผมได้ว่าอ่านอะไรไปบ้าง แล้วอย่าคิดตุกติกนะ ผมจำได้หมดว่าในนั้นมีอะไรบ้าง” เรียวจันทร์ขมวดคิ้วฉับมองหน้าคนตัวโตอย่างไม่เข้าใจ

 

 

“อ้าว ก็ถ้านายจำได้หมดแล้วจะให้ฉันจำอีกทำไมอะ นายก็บอกฉันสิ”

 

 

คมเขี้ยวเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้นสูงก่อนจะว่าน้ำเสียงห้วนๆ “อ้าว แล้วคุณไม่คิดจะศึกษาอะไรด้วยตัวเองเลยรึไง”

 

 

คิ้วเรียวสวยของเรียวจันทร์ขมวดเข้าหากันอีกนิดแล้วก็อ้าปากหวอน้อยๆ “เอ๊า ก็นายรู้อยู่แล้วอะ ก็แค่เล่าให้ฟังสิ มันจะได้ประหยัดเวลา”

 

 

คมเขี้ยวเอียงหน้าไปทางขวา ไหวไหล่ข้างเดียวกันหนึ่งที “เอ๊า ก็ถ้าคุณไม่มัวแต่เล่นมือถือ คุณก็ทำเสร็จในเวลาไปแล้ว”

 

 

“เอ๊ะ?!” เรียวจันทร์กัดริมฝีปากล่าง ถลึงตามองไอ้คมเขี้ยวที่กำลังหน้าตาไม่สะทกสะท้านอยู่

 

 

“โอ๊ะ?!” คมเขี้ยวทำตาโตและทำทำปากเป็นรูปตัวโอ บิดไหล่ไปมาอย่างกวนๆ เรียวจันทร์จิ๊ปากก่อนจะลุกขึ้นยืนมองหน้าไอ้เคราอย่างนึกหมั่น

 

 

“เดี๋ยวปั๊ดทุบหน้าเลยนี่!” นึกอะไรไม่ออกก็ขู่ทำร้ายร่างกายไว้ก่อน เห็นท่าทางกวนโอ๊ยกับหน้าตากวนตีนแล้วมันเขี้ยวนัก!

 

 

“อันนี้คือวิถีของคนที่ชอบกันเขาปฏิบัติต่อกันใช่มั้ย” คมเขี้ยวยิ้มมุมปากกวนอารมณ์เรียวจันทร์ไม่หยุด พ่อหนุ่มหน้าสวยได้แต่กัดฟันและกำหมัดแน่น

 

 

“อยากมีเรื่องเหรอ ฮะ?! ฮะ?! ไอ้เขี้ยวกุด!” คมเขี้ยวหัวเราะขำขันอารมณ์ดีเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มคุมสติตัวเองไม่อยู่ เขาก็ไม่ได้มีนิสัยกวนตีนใครเป็นดั้งเดิม แต่กับเรียวจันทร์มันต้องคุยอย่างนี้แหละถึงจะเอาอยู่

 

 

“โอ๊ย กลัวแล้วครับคุณจังไร” เรียวจันทร์อ้าปากค้าง เบิกตากว้างมองไอ้เคราที่ยิ้มยียวนกวนไม่เลิก

 

 

“อะ… อะไรนะ ไอ้โคยเบี้ยว!”

 

 

“เคยเห็นแล้วเหรอถึงบอกว่าเบี้ยวอะ” เรียวจันทร์ได้ทีก็รีบชวนเข้าโซนล่อแหลมต่อทันที นางทำหน้าว่า โอ๊ะ?! แเอามือขวาป้องปาก หน้าตาว่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก

 

 

“นั่นสิ ยังไม่เคยเห็นเลย งั้นถอดโชว์ตอนนี้เลยดีกว่า ฉันอยากพิสูจน์ว่าตรงหรือเบี้ยว” เรียวจันทร์ทำท่าจะเดินเข้าไปหาคมเขี้ยว คนตัวโตขมวดคิ้วฉับแล้วถอยหลังหนีไปสองก้าวยาวๆ พร้อมกับยกสองมือเบรกไอ้หน้าหวานไว้ทันที

 

 

“อยู่ให้ห่างผมเลย” เรียวจันทร์ยิ้มเบ้ปาก เอามือซ้ายเท้ากับขอบโต๊ะทำงานไว้ ทิ้งสะโพกลงข้างหนึ่งอย่างมีลีลา

 

 

“จะตรงจะเบี้ยวฉันก็เคี้ยวได้ทั้งนั้นอะ ไม่ต้องกังวลนะพ่อรูปหล่อ” เรียวจันทร์ขยิบตาซ้ายให้อย่างมีจริต คมเขี้ยวทำหน้าหยีตอบกลับทันทีจนเรียวจันทร์มองค้อนไปหนึ่งยก

 

 

“ชีวิตไม่ปลอดภัยเข้าไปทุกทีละ ประกันเขามีชดเชยค่าเสียหายเวลาโดนตุ๊ดลวนลามป้ะเนี่ย” คมเขี้ยวไม่ได้ว่าแบบดูถูกหรือเหยียดเพศ เขาแค่พูดเอาฮาเท่านั้นแหละ ซึ่งเรียวจันทร์ก็จับน้ำเสียงนั้นได้เลยไม่ได้นึกโกรธเคือง

 

 

“แม๊! อย่าให้พลาดนะ เดี๋ยวจะมีเมียเป็นตุ๊ดไม่รู้ตัว!” เรียวจันทร์มองแรง มองจิกสุดพลัง คมเขี้ยวเบะปากพร้อมย่นจมูก ก่อนจะเรียกความจริงจังกลับมาหาตัวเอง คุยกับไอ้จันทร์ไรทีไรกลายเป็นเละเทะทุกที

 

 

“พูดมาก ตามมาได้แล้ว เดี๋ยวมืดค่ำก็ลำบากอีก เร็วๆ” ว่าจบก็เดินออกจากออฟฟิศไปทันที เรียวจันทร์มองตามแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจแรง นึกในใจว่าประสาทจะกินก่อนทำงานให้ตาเสี่ยจอมทัพเสร็จรึเปล่า

 

 

 

คมเขี้ยวเดินนำเรียวจันทร์ไปที่แปลงกุหลาบข้างออฟฟิศเป็นที่แรก ก่อนจะเล่าให้ฟังว่าแปลงกุหลาบตรงนี้ไม่ได้ปลูกแค่เพื่อความสวยงาม แต่สามารถทำรายได้ให้กับฟาร์มด้วย ทุกวันอาทิตย์จะมีคนมารับไปขายที่ตลาด คมเขี้ยวเล่าว่าขายได้ราคาค่อนข้างดี เพราะแม่เขาเอาใจใส่ดูแลเป็นประจำเลยทำให้ดอกกุหลาบแต่ละดอกสีสดงดงาม

 

 

“แล้วตรงนี้ปลูกกุหลาบตลอดเลยเหรอ” คมเขี้ยวส่ายหัวก่อนจะว่า

 

 

“ไม่ แล้วแต่แม่ ดอกไม้ในฟาร์มแม่ก็เป็นคนคิดว่าจะปลูกอะไรในช่วงไหน” เรียวจันทร์พยักหน้าหงึกๆ มองดอกกุหลาบไปเรื่อยเปื่อย

 

 

“ไม่คิดจะเอาสมุดอะไรมาจดเลยรึไง คิดว่าจะจำหมดเหรอ ทั้งฟาร์มไม่ได้มีแค่แปลงดอกไม้ตรงนี้นะ”

 

 

“จดทำไม โทรศัพท์ก็มี อัดเสียงนายไว้ฟังสิ…” นางชะงักไปนิดก่อนจะทำหน้ากรุ่มกริ่ม

 

 

“…เอาไว้ฟังก่อนนอน ฉันคงหลับฝันดีน่าดู” เรียวจันทร์แอ๊บยิ้มเขินอายราวกับเด็กมัธยมต้นที่แอบชอบรุ่นพี่มอปลาย คมเขี้ยวทำหน้าเอือมระอา หมุนตัวเดินหนีไปทันที เรียวจันทร์มองตามแล้วขำคิกคักอยู่คนเดียวก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินตามไป

 

 

“นี่ๆ ม้าหมุนอันนั้นหมุนได้จริงรึเปล่าอะ”

 

 

“จริง แต่ส่วนมากจะหมุนช่วงเทศกาลคาวบอย” เรียวจันทร์ทำตาโตนิดหนึ่ง เท้าก็ก้าวเดินไปข้างหน้า สายตาก็มองม้าหมุนแล้วเลยไปที่กระเช้าไม้ที่มีลักษณะคล้ายชิงช้าสวรรค์

 

 

“แต่กระเช้าไม้เปิดให้ใช้เป็นประจำเวลาวันเปิดให้เข้าชม”

 

 

“เออ อยากรู้อะว่า ทำไม… ว้ากกก!” เพราะมัวแต่มองกระเช้าไม้หมุนเลยทำให้เดินสะดุดหินหนึ่งก้อนแบบที่คราวนี้ไม่ได้ตั้งใจจะล้มจริงๆ ดีว่าคมเขี้ยวหันตัวมารับนางได้ทันเลยทำให้ไม่หน้าแหกไปกับพื้น เรียวจันทร์ซุกหน้าอยู่กับอกคมเขี้ยว สีหน้าโล่งอกโล่งใจที่ใบหน้าตัวเองไม่เป็นอะไร นางแหงนหน้าขึ้นมองใบหน้านิ่วคิ้วขมวดของคมเขี้ยวแล้วยิ้มแฉ่ง

 

 

"เหมือนในละครเลยเนอะ ที่แบบนางเอกล้มใส่พระเอก แล้วพระเอกก็รับไว้ได้” เรียวจันทร์ยิ้มหวานตาหยี ส่วนคมเขี้ยวมองต่ำอย่างระอาใจ ค่อยๆ ดันร่างบอบบางออกจากตัวเอง แต่เรียวจันทร์กลับทำหน้าซื่อ ขืนตัวเองไว้กับตัวคนตัวสูง คมเขี้ยวกัดฟันแน่น ออกแรงงัดจนร่างเรียวจันทร์เด้งออกจากตัวเขาไป

 

 

“หูย! เกือบหงายหลังแล้วนะเนี่ย!” เรียวจันทร์แสร้งทำหน้ามุ่ย แต่คมเขี้ยวน่ะมุ่ยจริง

 

 

“มัวแต่เล่น ตามมา” พ่อเคราว่าเสียงเข้ม หมุนตัวเดินนำต่อไป เรียวจันทร์ย่นจมูกใส่ตามหลัง รีบเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างเร็ว

 

 

คมเขี้ยวถามถึงประเด็นที่เรียวจันทร์อยากถามก่อนหกล้มเมื่อกี้นี้ เจ้าของคำถามเลยถามต่อให้จบว่าทำไมฟาร์มนี้ถึงเปิดให้เข้าชมเป็นบางวัน ไม่ได้ให้เข้าชมตลอด

 

 

“อะไรที่มันมีน้อยๆ คนก็ยิ่งต้องการมาก” คมเขี้ยวว่าสั้นๆ แค่นั้นแล้วเดินต่อไป ก่อนจะพูดถึงระเบียบเรื่องการค้าขายของร้านค้าในฟาร์มว่าก่อนทำสัญญาค้าขาย ต้องแน่ใจว่าพ่อค้าแม่ค้าพวกนั้นมีรายได้อื่นด้วย เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ได้คิดถึงขั้นเปิดร้านแบบนี้ แต่มีคนมาขอพ่อกับแม่ ทั้งสองคนเลยยอมให้ตั้งร้านค้าได้ แต่ก็ต้องคัดร้านที่มีรายได้ทางอื่น เพราะที่นี่ไม่ได้เปิดตลอด และไม่สะดวกที่จะให้เข้ามาขายตลอดเวลา เนื่องจากทางฟาร์มก็มีร้านอาหารอยู่ด้านนอกเช่นกัน

 

 

“แล้วนี่ก็คอกม้าที่คุณมาสร้างความพินาศเอาไว้” คมเขี้ยวชี้คอกม้าที่คราวก่อนเรียวจันทร์บุกเข้าไปทะลายจนพังเละไปหมด แต่ตอนนี้รั้วถูกซ่อมแซมแล้ว และดูเหมือนจะทำแน่นหนากว่าเดิมด้วย เรียวจันทร์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่พูดไม่เถียงอะไรเพราะเดี๋ยวมันจะย้อนเข้าตัวเอง

 

 

“แล้วนั่นไอ้เดือนหงายที่คุณไปทำร้ายมัน” คมเขี้ยวเกาะรั้ว ยื่นคางไปทางม้าสีดำเงางามตัวใหญ่ที่กำลังยืนกินหญ้าอยู่ เรียวจันทร์แอบสะดุ้งไปนิดตอนมันผงกหัวขึ้นมองมาทางตัวเองกับคมเขี้ยว สักพักคมเขี้ยวก็ผิวปากเสียงแหลมใส ก่อนที่เจ้าม้านั่นจะเดินเตาะแตะมาทางทั้งสองคน

 

 

“นายเรียกมันมาทำไมอะ” ถามไปก็เขยิบเข้าไปหลบข้างหลังคนตัวโต แต่ก็แอบโผล่หน้าจากตรงไหล่กว้างของคมเขี้ยวไปมองเจ้าม้าสีดำตัวใหญ่ซึ่งกำลังยืนให้เจ้านายมันลูบหัวเล่น

 

 

“เรียกเฉยๆ…” คมเขี้ยวหันมายิ้มกริ่มให้เรียวจันทร์ พ่อนายแบบมองด้วยความไม่ไว้ใจทันที

 

 

“…ไงไอ้หงาย จำได้มั้ยว่านี่ใคร” คมเขี้ยวกระเถิบไปทางซ้ายมือ เรียวจันทร์มัวแต่มองหน้าเจ้าม้าเลยลืมหลบ เจ้าม้าตัวใหญ่มองหน้าเรียวจันทร์สักพักก่อนที่จะทำเสียงฟึดฟัดจนร่างบางทำตาโตตกใจผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว สร้างรอยยิ้มขำให้กับคมเขี้ยว

 

 

“มันออกมาดีดคุณไม่ได้หรอกน่า”

 

 

“ใครจะไปรู้?! ฉันยังพังรั้วเข้าไปหามันได้เลย” เรียวจันทร์ว่าเสียงแหว พยายามไม่สบตาสีดำของเจ้าม้าที่มองมาเหมือนมีความเคืองแค้นอยู่ในสายตา

 

 

“อ้าว รู้ตัวด้วยนี่ว่ามีความผิด” เรียวจันทร์ขมวดคิ้วแล้วมองค้อนอีกฝ่าย คมเขี้ยวยิ้มเบ้ปาก หันไปลูบหัวเดือนหงายสองสามทีก่อนที่จะเดินไปทางซ้ายมือ เรียวจันทร์รีบเดินตามไปทันที นางกำลังเดินผ่านหลังตึกไม้หลากสีสัน ครึ่งที่ติดกับคอกม้ามีระเบียงหลังห้องเหมือนกับอีกฝั่งหนึ่งที่เขาเคยเห็น มีนักท่องเที่ยวทั้งชายทั้งหญิงออกมายืนมองวิวของฟาร์ม บ้างก็ออกมานั่งคุยเล่นกัน

 

 

“เนี่ย หมู่บ้านคาวบอย พ่ออยากได้ ผมเลยสร้างขึ้นมาไว้ให้พวกคนงานอยู่ แล้วก็มีที่พักของนักท่องเที่ยวด้วย” เรียวจันทร์พยักหน้า กวาดตามองซุ้มประตูโค้งทางเข้าหมู่บ้าน

 

 

“โซนนี้จะเปิดบริการตลอด เป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวจังหวัดนี้” เรียวจันทร์พยักหน้ารับไปเรื่อย สายตายังคงมองรูปทรงโค้งของซุ้มประตูอีกสักพักก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปมองคมเขี้ยวที่ยืนมองนางหน้านิ่งอยู่

 

 

“ก็คือเหมือนรีสอร์ท โรงแรมงี้ แต่ห้ามเข้าไปวุ่นวายในฟาร์มในเวลาปิดทำการใช่มั้ย”

 

 

“อือ ฉลาดดี” เรียวจันทร์พยักหน้ารับทันควัน แต่พอนึกได้ว่าโดนกัดก็เลยมองจิกไอ้เขี้ยวที่ยิ้มขำอยู่ไปหนึ่งยก

 

 

“เอ้อ แล้วเทศกาลคาวบอยมีอีกเมื่อไหร่อะ”

 

 

“ปลายปีนี้” คมเขี้ยวตอบแล้วพาเรียวจันทร์เดินเข้าไปด้านใน พอเดินเข้าไปด้านในเรียวจันทร์ก็รู้สึกเหมือนได้เข้ามาอยู่ในยุคคาวบอยกำลังรุ่งเรืองอย่างไรอย่างนั้น รูปทรงบ้าน รูปทรงตึก รูปแบบเสา ประตู พื้นไม้ ดีเทลต่างๆ ของแต่ละตึก แต่ละบ้านถอดแบบมาจากยุคนั้นอย่างจริงจัง ยังมีออพชั่นเสริมคือร้านอาหาร บาร์นั่งดื่ม ร้านของขายที่ระลึก ร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า ข้าวของเครื่องใช้ในยุคคาวบอย เหมือนหลุดมาอยู่ในยุคนี้จริงๆ ยิ่งผู้คนในหมู่บ้านเน้นแต่งตัวแบบเสื้อเชิ้ตลายสก็อต กางเกงยีน ยิ่งให้บรรยากาศที่ใช่มากเข้าไปอีก นำทีมโดยนายคมเขี้ยวนี่ไง

 

 

“อ้าวพี่เขี้ยว คนที่จูบกับพี่นี่” ใครสักคนเอ่ยแซวลูกพี่ตัวเอง คมเขี้ยวทำหน้าเซ็งที่เรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในโจ๊กประจำตัวเขาไปแล้ว เรียวจันทร์ทำหน้าแอ๊บแบ๊วไม่รู้เรื่อง แต่ในใจน่ะแอบขำที่เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของไอ้เขี้ยวหัก

 

 

“เออ อยากจูบเท้ากูมั้ยล่ะ?!” พวกลูกน้องคมเขี้ยวที่นั่งอยู่ตรงร้านบาร์ไม้แบบเปิดโล่งร้านหนึ่งใกล้ๆ กับประตูทางเข้าทางออกของหมู่บ้านหัวเราะกันครื้นเครงผสมกับโห่ร้องเฮฮา

 

 

“โห่ อย่าอารมณ์เสียดิพี่ ใจเย็นๆ ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่เขาก็สวยนะ” เรียวจันทร์หันควับไปมองคนที่พูดแล้วฉีกยิ้มกว้างดีใจ

 

 

“ตาถึง! ตาถึงมากพ่อหนุ่ม พูดจาได้ดี!” นั่นยิ่งสร้างเสียงหัวเราะให้กับพวกลูกน้องคมเขี้ยวเข้าไปอีก แถมยังมีเสียงโห่แซวผสมปนเปมาด้วย เรียวจันทร์ยิ้มกว้างอย่างเปรมปรี แต่สายตา (หาเรื่อง) เหลือบไปเห็นสองสายตาที่ทำให้ไม่ค่อยจะชอบใจเท่าไหร่นัก หนึ่งคือสายตาของผู้หญิงคนหนึ่งที่มองนางอย่างเฉยเมย แต่เซ้นส์ของเรียวจันทร์ก็สัมผัสได้ยิ่งกว่าเจน ญาณทิพย์ว่ามีความไม่ชอบใจในตัวนางอยู่ด้วย

 

 

และสองคือสายตากรุ้มกริ่มจากผู้ชายหน้าตาเหมือนตัวร้ายในละครไทยคนหนึ่งที่ยืนมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า ถ้าเป็นคนอื่นอาจไม่ชอบ กระเถิบเข้าไปหาคมเขี้ยวเพื่อความอุ่นใจแล้วละ แต่เรียวจันทร์กลับทำตรงข้ามด้วยการยืนอวดความสวยและความทรงเสน่ห์ของตัวเองให้มองเต็มที่ อยากมองก็ให้มอง จะไปห้ามเขาได้ยังไงกัน มองด้วยสายตาอยากกินนางไปทั้งตัวแบบนั้นก็แสดงว่านางมีเสน่ห์ทางเพศที่ดีน่ะสิ แบบว่าดึงดูดใจชาย และส่วนใครจะมองแบบไม่พอใจ ไม่ชอบใจ นางก็หาแคร์ไม่ รู้สึกดีด้วยซ้ำ เพราะมันทำให้นางยิ่งดูมีค่า มีอะไรให้น่าอิจฉา เลยมีคนมองแบบไม่ชอบใจ เรียวจันทร์คิดแล้วก็เบ้ปากน้อยๆ ให้ผู้หญิงคนนั้น

 

 

“แบบนี้ไอ้น้อยหน่าก็อกหักดิวะ” พวกลูกน้องคมเขี้ยวหันไปหัวเราะแซวใส่ผู้หญิงคนที่มองเรียวจันทร์ด้วยสายตาไม่พอใจเล็กๆ เรียวจันทร์ทำหน้าเก็ททันทีว่าทำไมถึงได้โดนมองด้วยสายตาแบบนั้น พอหันไปมองคมเขี้ยว เจ้าตัวก็ทำหน้าเฉยๆ ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมา

 

 

ถือว่าทางสะดวก ดูท่าทางแล้ว ไอ้เคราไม่ได้คิดอะไรกับแม่นั่นอย่างแน่นอน มีแต่ยัยนั่นคิดอยู่ฝ่ายเดียวสินะ หุๆ

 

 

“เออ แซวกันพอยัง ถ้าพอแล้วกูจะบอกพวกมึงว่าฝากดูเขาด้วย ถ้าเกิดเขาเรียกใช้อะไรก็ช่วยเขาหน่อย เป็นง่อย ทำไรไม่ค่อยเป็นหรอก” เกือบจะดีอยู่ละ กำลังยิ้มสวยขอบคุณกับความมีน้ำใจของไอ้เขี้ยว แต่มีอันต้องหุบวืดอย่างเร็วจนพวกลูกน้องคมเขี้ยวต่างขำกันเสียงดังที่เห็นหน้าของเรียวจันทร์ตัดกับอารมณ์ก่อนหน้านี้ได้ไวมาก

 

 

“ไอ้เขี้ยวกุด” เรียวจันทร์ว่าเสียงกดต่ำ

 

 

“อะไรครับคุณนายจัญไร” เรียวจันทร์ขมวดคิ้วอ้าปากหวอ ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่ไอ้เคราดก คมเขี้ยวเบ้ปากไม่สนใจหันไปมองพวกลูกน้องต่อ

 

 

“แล้วนี่ไม่ทำงานกันรึไง”

 

 

“โห่ พี่ ก็ทำเสร็จไปแล้วเปล่าล่ะ นี่ก็จะมืดค่ำแล้ว”

 

 

“เออๆ เสร็จแล้วก็ดี แยกไปอาบน้ำ ไปกินข้าวไป” พวกลูกน้องนับสิบคนที่นั่งอยู่ตรงบาร์ไม้ตอบรับลูกพี่เสียงยานคาง หันไปโบกมือลาให้กับเรียวจันทร์ที่โบกมือพลิ้วไหวราวกับนางงามพร้อมกับเดินตามคมเขี้ยวเข้าไปในหมู่บ้าน

 

 

“ไอ้พวกนี้มันรับผิดชอบโซนนี้แหละ” คมเขี้ยวว่าพลางเดินนำไปยังสุดทางของหมู่บ้าน มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยทั้งเทศที่มาพักบริการที่นี่ออกมาเดินเล่นในหมู่บ้าน นั่งชิลตามร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม บ้างก็เดินดูของฝาก บ้างก็ชวนกันมาถ่ายรูป หรือบางคนก็นั่งอยู่บนระเบียงหน้าห้องตนเองแล้วคุยกันไปเรื่อยเปื่อย

 

 

“ที่พักตรงนี้เปิดให้เข้าอยู่ตลอดเลยใช่ป้ะ” คมเขี้ยวขมวดคิ้วนิดหนึ่งแต่ก็พยักหน้ารับ หยุดเดินตรงประตูเหล็กบานใหญ่หนึ่งบาน

 

 

“ผมก็บอกไปตั้งแต่หน้าประตูแล้วป้ะ…” เรียวจันทร์ อ้าปากหวอน้อยๆ และกะพริบตาปริบๆ

 

 

“…ก็นั่นหน้าประตู อันนี้ท้ายประตู” คมเขี้ยวทำตาปรือ ส่ายหน้าอย่างระอา ไม่รู้จะต้องระอากับไอ้จัญไรไปอีกนานแค่ไหน

 

 

“ตรงนี้ไม่เหมือนแคมป์ เพราะตรงนั้นคิวจองเยอะแล้วที่พักมันน้อย แต่ตรงนี้มาได้เรื่อยๆ เพราะห้องพักมันเยอะ” เรียวจันทร์ขมวดคิ้วงงๆ มองไปรอบหมู่บ้านคาวบอยที่มีสีสันหลากหลายสีสลับกันไป ตรงกลางมีลานน้ำพุด้วย และตอนนี้ในนี้ก็เริ่มเปิดไฟรับยามเย็นแล้ว

 

 

“ฉันว่าระบบฟาร์มนายมันดูงงๆ นะ” คมเขี้ยวยักไหล่ทั้งสองข้างสีหน้าว่าไม่แคร์

 

 

“แล้วไงอะ ก็นี่ฟาร์มผม อยากจะเปิด อยากจะปิด อยากจะทำอะไรก็เรื่องของผม”

 

 

“อ๋อ ลืมไป ขอโทษๆ” เรียวจันทร์แสร้งว่าประชด แต่ก็รู้ดีว่าไอ้เขี้ยวกุดมันไม่สนใจหรอก คมเขี้ยวหันไปเปิดประตูเหล็ก พาเรียวจันทร์เดินออกมาข้างๆ โรงนาสีแดงที่นางเคยขับเอทีวีชนไปเมื่อคราวก่อน เดินลัดเลาะออกมาข้างคอกม้า โผล่ออกมาที่เดิม

 

 

“คุณก็ต้องดูแลรายรับรายจ่ายในส่วนนี้ด้วย ว่างๆ ก็มาเดินดูบ้างว่างานเป็นยังไง” เรียวจันทร์พยักหน้าขอไปที

 

 

ตอนที่คมเขี้ยวพาเดินมาโซนร้านอาหาร ร้านขายของฝากจากข้างนอก ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว แสงพระอาทิตย์เริ่มเลือนหายไป แสงไฟในฟาร์มเริ่มมาแทนที่ ดินมาตามทั้งสองคนให้ไปกินข้าวบนบ้านใหญ่ ทั้งสามคนเดินกลับไปพร้อมกัน ระหว่างทาง เรียวจันทร์มองเห็นแสงอาทิตย์สีส้มรำไรบนท้องฟ้าที่อยู่เหนือยอดภูเขาสีเขียวด้วยสายตาชื่นชม เพราะในเมืองหลวงไม่มีอะไรแบบนี้ให้เห็นแน่นอน

 

 

“อยู่ที่นี่เดี๋ยวก็ได้เห็นทุกวัน” คมเขี้ยวที่พอจะอ่านสายตาของอีกฝ่ายออกเอ่ยขึ้น เพราะเขามักจะเห็นนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ ประทับใจช่วงเวลายามเย็นในฟาร์มเขาแบบนี้ทั้งนั้นแหละ

 

 

“ฉันชอบจัง มันดูแบบแรร์ไอเท็มอะ” เรียวจันทร์ว่าด้วยสีหน้าปริ่มเปรม ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเพื่ออัพลงอินสตาแกรมของตัวเอง คมเขี้ยวมองเรียวจันทร์ที่กำลังก้มหน้าก้มตาตั้งใจอัพรูปลงโซเชียลแล้วส่ายหัวน้อยๆ

 

 

“มัวแต่ก้มหน้า เดี๋ยวก็เดินหน้าคว่ำอีกหรอก” คนหน้าหวานเงยขึ้นมามอง ยิ้มยักคิ้วเพียงนิดก่อนจะก้มลงไปกดๆ จิ้มๆ ต่อ

 

 

“ไอ้ดิน ดูด้วย ถ้าหน้าคว่ำไปก็บอกเขาด้วยแล้วกัน” ดินรับคำด้วยรอยยิ้มจริงใจแล้วคอยมองเรียวจันทร์เอาไว้ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเดินสะดุดอะไรเข้า

 

 

“หูย สวยมากเลยอะ ฉันชอบที่นี่จัง…” เรียวจันทร์เงยหน้าขึ้นมาแล้วบอกด้วยสีหน้าประทับใจจริงๆ ก่อนจะมองหน้าคมเขี้ยวที่มองกลับมานิ่งๆ

 

 

“…แต่ฉันชอบเจ้าของฟาร์มมากกว่า” คมเขี้ยวขมวดคิ้วแน่น

 

 

“วู้!” ว่าแล้วก็รีบเดินหนีไปทางบ้านใหญ่อย่างรวดเร็ว เรียวจันทร์หัวเราะคิกคักอารมณ์ดี โดยมีดินมองสลับทั้งสองคนอย่างนึกสงสัย

 

 

“คุณเรียวชอบพี่เขี้ยวจริงๆ เหรอครับ” คนถูกถามเงยหน้าขึ้นไปมองคนถามแล้วยิ้มหวานก่อนตอบ

 

 

“จริงสิ…” ดินทำหน้าประหลาดใจอย่างใสซื่อ เรียวจันทร์เห็นแล้วก็อดยิ้มอดแซวไม่ได้

 

 

“…แต่ฉันก็ชอบดินด้วยนะ” พูดจบดินก็หน้าแดงแม้จะมองไม่ค่อยออกว่าแดงเพราะผิวดำไปหน่อยแต่ก็รู้ว่าดินกำลังอาย เรียวจันทร์เห็นแบบนั้นก็หัวเราะอ้าปากกว้างอย่างชอบใจ

 

 

“เอ้า! หัวเราะอยู่นั่นแหละ พ่อกับแม่รอกินข้าวอยู่ เดี๋ยวก็ให้กินขี้ม้าแทนหรอก!!” คมเขี้ยวหันมาตะโกนเรียกสีหน้ามุ่ย เพราะเขาเดินถึงรั้วบ้านแล้ว แต่แม่ตัวดียังเดินกินลมชมวิวไปเรื่อย

 

 

“แหม หึงก็บอกว่าหึงสิ ทำมาเป็น โห่ ไอ้เขี้ยวกุด” คมเขี้ยวขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก ก่อนจะส่ายหัวเอือมแล้วหมุนตัวเดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้เรียวจันทร์หัวเราะกับดินสองคนท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ของธรรมชาติ


 :hao7:

หายไปนานม้ากกกก เกือบเดือนแน่ะ ใจหาย นึกว่าตัวเองจะไม่ได้อัพเรื่องนี้ละ ติดงานเยอะพอสมควรรร ไหนเลยจะต้องปิดต้นฉบับพี่วิคเตอร์กับน้องแมทอีก รู้ตัวเลยว่า เขียนนิยายสองเรื่องควบไม่ได้ ไม่งั้นพัง แต่ในเมื่อสลิดอยากเขียนเรื่องนี้เอง ก็ต้องต่อให้จบแน่นอนค่ะ ไม่ดอง แต่อาจจะอัพช้าไปสักนิ้ดดด

เอาล่ะ ตอนนี้นังเรียวได้เข้ามาอยู่ใกล้พี่เขี้ยวแล้ว ความปลอดภัยของพี่เขี้ยวเริ่มลดลงทีละนิดแล้วนะคะทุกคน 55555 นางจับพี่เขี้ยวกินแน่ๆ โดนแน่พี่เขี้ยววว อ้ากกกก

ใครตามอ่านเรื่องนี้อยู่ ตอมขอนับถือนะ 55555 คือเลวเวลทางใจต้องสตรองมากๆ แล้วอะ ถึงอ่านเรื่องนี้ได้ดีไม่มีปัญหา เนื่องจากนายเอกเราสาวมาก แล้วสาวเปรี้ยวด้วย 555555 เอาเป็นว่า Love the way Riewjan are! เนอะ

เจอกันตอนหน้านะคะ ใครเจอคำผิดบอกตอมได้เลยเน้อออ  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2017 15:15:57 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
คือลำบากใจเรียวจันทร์ เรื่องผช เนื่องงานใหม่~

ขีวิตคงหัวปั่นไปอีกหลายยยยเดือน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เอ่อมมมม. นางสตรองจริงๆ ณ จุดนี้  หว่านเสน่ห์ซะทั่วเชียว

ออฟไลน์ milkshake✰

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ก่อนกินพี่เขี้ยวของเจ้ได้ นี่นางจะงาบน้องดินไปก่อนมั้ยอ่า

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
กัดกันแสบๆคันๆขนาดนี้ ตอนรักกันจะมันส์ขนาดไหนน๊า

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
พี่เขี้ยวก็ใจดีนะ ถึงจะไม่ชอบน้องเรียวเท่าไหร่ แต่ก็แยกแยะได้ ถ้าสองคนไม่กวนกัน ก็ดูจะคุยกันได้ปกติเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เรียวหนูไม่น่าจะได้ที่ดินแล้วล่ะ งั้นส่งดินไปเป็นเครื่องเซ้นให้เสี่ยสิ  เสี่ยอาจจะชอบคนใสๆก็ดั้ยยย  แล้วก็พากันย้ายมาอยู่ฟามม.   :hao7:

ออฟไลน์ Tatangth

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สงสารอิพี่เขี้ยว 555555555555

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
เรียวจันทร์นางสาวจริง รอได้จ้ะไม่รีบ

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8


คาถาที่ 8 :: Tiger defeated by Devil. (นางมารตะปบเสือ) [50%]



   
   “นี่! ไอ้เขี้ยวกุด! คุณป๋าให้ฉันมาช่วยงานด้านเอกสารนะ แล้วนี่อะไรอะ ให้ฉันมาตักขี้วัวได้ไง?!” เสียงแว้ดๆ มาพร้อมกับหน้าบู้ๆ เมื่อได้กลิ่นเหม็นของอึวัวภายในคอก เรียวจันทร์กวาดสายตาไปมองรอบคอกวัวแล้วก็ป๊ะกับวัวตัวหนึ่งที่กำลังก้มหน้าก้มตากินหญ้าในรางปูนให้อาหารพร้อมกับยกหางขึ้นเพื่อปลดปล่อยขี้ออกจากก้นดังแผละ
   

อี๋ ก้อนมหึมาและดำเมี่ยมมาก
   

“อะไร ป๋าบอกให้คุณมาเป็นผู้ช่วยผม ฉะนั้นผมทำงานอะไรคุณก็ต้องช่วยผมทำด้วยดิ” คมเขี้ยวว่าหน้าตายหน้ามึน แต่ในใจแอบคึกนิดๆ ที่จะได้หาเรื่องแกล้งคน
   

“อาทิตย์ก่อนทั้งอาทิตย์ฉันยังนั่งสบายๆ ในออฟฟิศอยู่เลยนะ แล้วทำไมวันนี้ฉันถึงถูกเนรเทศมาเก็บขี้วัว?!”
   

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมให้คุณไปตักขี้ม้าต่อด้วย” เรียวจันทร์เบิกตากว้างพร้อมอ้าปากหวอมองคมเขี้ยวที่ยิ้มยียวนและยักคิ้วขวาเท่ๆ มาให้หนึ่งที นางยกสองมือเท้าเอวแล้วก้าวเท้าเดินสับๆ ขาไขว้กันไปยืนตรงหน้าไอ้เครา แม้จะเป็นเพียงก้าวสั้นๆ แต่ก็ต้องก้าวให้สตรอง
   

“นายแกล้งฉันอยู่ใช่มั้ย หาเรื่องบีบให้ฉันออกไปจากฟาร์มล่ะสิ?!” คมเขี้ยวเบ้ปากเล็กน้อยพร้อมกับยักไหล่ขวานิดๆ เหมือนว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเรื่องใหญ่
   

“ไม่ได้แกล้ง ก็นี่มันงานผมจริงๆ หรือคุณจะเถียงว่าฟาร์มนี้ทั้งฟาร์มไม่ใช่ความรับผิดชอบของผม เป็นผู้ช่วยผมก็ต้องช่วยผมทำงานทั้งฟาร์มดิ” เรียวจันทร์ย่นจมูกและเบะปาก ไม่รู้ว่าตอนนี้ทำหน้าแบบนี้เพราะหมั่นไส้ไอ้ตัวสูงหน้าเคราแพะหรือว่าเหม็นขี้วัวในคอกกันแน่
   

“นี่! นายดูหน้าฉัน หน้าสวยๆ อย่างเงี้ยอะเหรอจะให้มาตักขี้วัว บ้ารึเปล่า มันเข้ากันที่ไหน?!” คมเขี้ยวหยีใส่อีกฝ่ายนิดหนึ่งที่ชมตัวเองแบบไม่สะทกสะท้าน เรียวจันทร์ลอยหน้าลอยตาไม่สะท้านใดๆ กลับเช่นกัน ประมาณว่าก็ฉันพูดเรื่องจริง!
   

“มันเกี่ยวอะไรกับหนังหน้า จะสวยไม่สวยถ้าผมสั่งก็ต้องทำ สถานะคุณตอนนี้คือลูกน้องผม” คมเขี้ยวว่าด้วยท่าทีเหนือกว่า เรียวจันทร์กัดฟันแน่น จ้องหน้าไอ้เคราอย่างขุ่นเคืองเล็กๆ
   

“แต่อาทิตย์หน้าฉันมีถ่ายหนังนะ นายจะให้ฉันมาคลุกสิ่งปฏิกูลอย่างนี้ได้ยังไง?!” คมเขี้ยวทำหน้าเบื่อหน่าย ยกสองมือเท้าเอวแล้วหลุบตามองต่ำคนตัวบางร่างน้อย
   

“แถ?”
   

“ไม่ได้แถ! ฉันมีถ่ายหนังจริงๆ” เรียวจันทร์ว่าเสียงสะบัด อาทิตย์หน้ามีคิวนางเข้าฉากด้วย พยายามบ่มผิวให้ผ่องใสอยู่ อาทิตย์ก่อนยังโชคดีว่าหมอนี่ให้นางอยู่แต่ในออฟฟิศเคลียร์งานด้านเอกสาร มาอาทิตย์นี้เริ่มให้นางออกนอกสถานที่ สองวันก่อนก็ให้นางไปเก็บดอกกุหลาบกับคุณแม่ อันนั้นยังพอทน วันถัดมาให้ไปรดน้ำกับถอนหญ้าในแปลงผักใกล้กับคอกวัว อันนั้นก็ยังพอทน แต่มาวันนี้ให้มาตักขี้วัว นางคิดว่านางจะไม่ทน
   

“ตักขี้วัวแล้วไปถ่ายหนังไม่ได้รึไง ฮะ แม่ดาราใหญ่” เรียวจันทร์ทำแก้มป่อง เบิกตากว้างมองไอ้คนตัวสูงอย่างกับเปรตที่กำลังมองนางอย่างกวนตีน เรียวจันทร์จิ๊ปากแล้วยกสองแขนกอดอก
   

“งั้นหอมแก้มฉันก่อน ไม่ก็ให้ฉันหอมแก้มนาย แล้วฉันจะยอมทำงานนี้” คมเขี้ยวขมวดคิ้วฉับ ดึงหน้าตัวเองให้ออกห่างจากหน้าอีกฝ่าย 
   

“ผมรู้ว่าคุณสติไม่สมประกอบ แต่อย่าทำให้มันชัดเจน ใครเขาจะยอมวะ” เรียวจันทร์เบะปากแล้วไหวไหล่ว่าไม่สนใจ
   

“นายจะด่าจะว่าฉันปัญญาอ่อนก็ด่าไปเลย แต่นายต้องหอมแก้มฉัน หรือเลือกเอาว่าให้ฉันหอมแก้มนาย ไม่งั้นฉันไม่ทำ!” คมเขี้ยวแบมือทั้งสองข้างออกและยักไหล่ว่าไม่แคร์
   

“เรื่องของคุณ ไม่ทำก็ไม่ต้องทำ ผมยอมกินขี้ดีกว่าหอมแก้มคุณ” เรียวจันทร์อ้าปากหวอพร้อมถลึงตามองอีกฝ่ายที่พูดจาได้ร้ายกาจมาก!
   

“งั้นกินสิ ดูซิว่าจะกินได้กี่ก้อน หน็อย! ขี้มันดีกว่าแก้มฉันตรงไหนฮะ?!”
   

“ก็ดีกว่าตรงที่มันไม่ใช่คุณ” เรียวจันทร์ลดมือลงมาเท้าเอว ถลึงตามองคมเขี้ยวที่ยิ้มเบ้ปากอย่างสุขใจ
   

“เออ ดี! เกลียดฉันไว้เยอะๆ เลย เพราะสุภาษิตเขาว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น!” เรียวจันทร์แยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายที่ทำสีหน้าสบายๆ ไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรทั้งสิ้น เห็นแล้วก็ได้แต่นึกหมั่นไส้ อยากจะจับปล้ำทำผัวซะให้เข็ด!
   

“นั่นมันโบราณ นี่มันยุคใหม่แล้ว อย่ามาทำตัวเป็นคนหัวโบราณหน่อยเลย…” คมเขี้ยวยื่นหน้าเข้าไปใกล้เรียวจันทร์ ซึ่งฝ่ายหลังก็ไม่คิดถอยหนีแบบนางเอกละครไทยที่เล่นตัว ยื่นมาใกล้ ก็ยืนนิ่งๆ ให้ใกล้นี่แหละ ดี จะได้ดูมีความใกล้ชิดซึ่งกันและกัน
   

“…สมัยนี้ เกลียดอะไรก็คือเกลียด อย่างถ้าผมเกลียดแมลงสาบ ผมต้องได้แมลงสาบเป็นเมียรึไง” ชายหนุ่มที่หนุ่มจริงๆ เลิกคิ้วขึ้นสูงพร้อมรอยยิ้มกวน ชายหนุ่มอีกคนที่หนุ่มน้อยกว่าเพราะมีความสาวกว่าเบิกเปลือกตากว้างขึ้นมองอีกฝ่าย
   

“ปากดีนักนะไอ้เขี้ยว!” คมเขี้ยวเอียงหน้าซ้ายขวาไปมาแล้วดึงหน้าออกห่างจากใบหน้าสวยๆ เกินชายนั่น 
   

“ปากจัดนักนะไอ้เรียว!”
   

“ไอ้เขี้ยว!”
   

“ไอ้เรียว!”
   

“หืมมม!” เรียวจันทร์แยกเขี้ยวแล้วส่งเสียงคำรามออกมา ก่อนที่จะพุ่งตัวเข้าไปหาคนตัวสูงกว่า กระโดดเอาสองแขนคล้องคอคมเขี้ยวแน่น ยื่นหน้าไประดมหอมแก้มสากของอีกฝ่ายไม่ยั้ง
   

ฟอด! ฟอด! ฟอด! ฟอด!
   

“นี่แน่ะ! นี่แน่ะ!” เรียวจันทร์ว่าอย่างมันเขี้ยว ใช้จมูกขยี้แก้มคมเขี้ยวไม่หยุด กว่าเจ้าของแก้มจะได้สติเต็มร้อยก็เสียบริสุทธิ์บนแก้มไปมากโขแล้ว
   

“เฮ้ย! โอ๊ย! ออกไป! อะไรวะเนี่ย ไอ้จันทร์ไร!” คมเขี้ยวพยายามผลักและดันคนตัวบางออกห่างจากตัวเอง แต่อีกฝ่ายเกาะแน่นยิ่งกว่าลูกลิงเกาะท้องแม่
   

“ฮึ?! หวงตัวนักใช่มั้ย” เรียวจันทร์พยายามจะดันหน้าตัวเองฝ่าด่านสองมือของคมเขี้ยวไปหอมแก้มอีกฝ่ายต่อ คมเขี้ยวดันสุดแรงเกิด เรียวจันทร์เองก็ต้านสุดพลังเช่นกัน สองแขนเรียวจันทร์ค่อยๆ ร่วงจากคอคมเขี้ยวเพราะถูกดันให้ออกห่าง แต่กระนั้นแขนขาวเนียนก็แหวกว่ายอยู่ในอากาศพยายามดิ้นรนเอื้อมให้ถึงตัวคนตัวโต แต่สุดท้ายคนตัวสูงกว่าก็ต้องเสียทีเพราะคนตัวเตี้ยกว่ายื่นมือขวาไปตะปบเป้ากางเกงยีนเต็มมือจนเจ้าตัวตกใจปล่อยสองมือออกจากหน้าสวยๆ
   

“เฮ้ย?!”
   

ฟอด! ฟอด!
   

“ปี๊บๆ” ขโมยหอมแก้มคมเขี้ยวไปอีกสองที ตบท้ายด้วยการบีบเป้าอีกฝ่ายเต็มมือไปสองครั้ง คมเขี้ยวมองหน้าไอ้จันทร์ไรอย่างตกตะลึง เรียวจันทร์ยกมือกอดอกแล้วยื่นปากจู๋ทำหน้าแบ๊วใสๆ เหมือนไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น
   

“เฮ้ยยย พี่เขี้ยวโดนจับเป้าว่ะ ฮิ้ววว!” พวกคนงานที่ยืนดูทั้งสองคนทะเลาะกันมาสักพักส่งเสียงแซวลั่นคอกวัว คมเขี้ยวหันหน้าตื่นตกใจของตัวเองไปมอง สองมือกุมเป้าตัวเองไว้มิดชิด พวกลูกน้องเขานับสิบคนยืนหัวเราะเฮฮาอารมณ์ดีกันยกใหญ่ เขาหันกลับมาถลึงตามองเรียวจันทร์ด้วยความโกรธ ยกมือขวาขึ้นมาทำท่าจะต่อย เรียวจันทร์สีหน้าแตกตื่น รีบกระเถิบถอยหนีไปหลายก้าว มองคมเขี้ยวที่ยืนฮึดฮัดอย่างโกรธจัดด้วยความตกใจนิดๆ
   

“อะไรอะ ถึงขั้นจะลงไม้ลงมือ ป่าเถื่อนไปป้ะ?!”
   

“ไม่ต้องมาพูด แม่งเดี๋ยวต่อยตาบวม!” เรียวจันทร์ยักไหล่ทำท่าเชิด แต่ในใจก็แอบกลัวๆ กับหน้าตาเอาเรื่องของไอ้เขี้ยวกุดอยู่เหมือนกัน ดูท่าจะโกรธจริงๆ แฮะ
   

“อย่าให้มันมากเกิน” คมเขี้ยวว่าเสียงเหี้ยม จ้องมองหน้าสวยด้วยดวงตาไม่พอใจอย่างมาก เขาก้าวเท้าเดินไปทางประตูเข้าคอก เอาไหล่ขวาตัวเองกระแทกไหล่ขวาของเรียวจันทร์อย่างแรงไปหนึ่งที
   

“โอ๊ย! ไอ้นี่!” เรียวจันทร์หันไปมองแผ่นหลังกว้างเดินออกไปอย่างไม่สนใจใคร พวกคนงานที่พอจะรู้ว่าเจ้านายโกรธจริงไม่ใช่เล่นๆ ก็เงียบสนิท ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเองกันต่อไป
   

เรียวจันทร์หันหน้ากลับมามองอุปกรณ์ตักขี้วัวทั้งหลายที่ไอ้เขี้ยวกุดมันเอามาให้ มือซ้ายจับไหล่ขวาที่โดนกระแทกอย่างแรงเมื่อกี้นี้ ไม่ใช่ไม่เจ็บนะ เจ็บมากด้วย จงใจกระแทกแบบนั้นคงกะให้แขนหักเลยมั้ง
   

“แล้วนี่ฉันต้องมาตักขี้วัวจริงๆ เหรอเนี่ย” นางบ่นกระปอดกระแปด กวาดตามองไปรอบตัวที่มีแต่วัวๆๆ แล้วก็วัว!และขี้วัว! เรียวจันทร์หน้าง้ำ จะไปดื้อใส่ไอ้เขี้ยวหักตอนนี้ก็ท่าจะยิ่งแย่ เพราะดันไปทำให้มันอารมณ์เสียแบบที่พี่เบิร์ด ธงไชยก็ซ่อมไม่ได้ 
   

แต่ก็แล้วไงอะ ก็หมั่นไส้อะ ชอบทำท่าทำทางรังเกียจนางดีนัก ถ้าไม่ติดว่าต้องทำให้หมอนั่นไว้ใจ โอนอ่อน ยอมความ หรือจะเรียกว่าอะไรก็ตามเถอะ แต่นางต้องทำให้ไอ้เขี้ยวหักนั่นยอมขายที่ดินให้แบบละมุนละม่อมที่สุด ที่ตาเสี่ยจอมทัพบอกว่าถ้าจับหมอนี่เป็นผัวได้ ก็จะง่ายขึ้น มันก็ถูก แต่กว่าจะได้มันเป็นผัวนี่สิ มันไม่ง่าย !
   

“จริงๆ ตาเสี่ยนั่นควรหาวิธีอื่น…” บ่นไปก็เริ่มจับพลั่วขึ้นมาตั้งไว้ตรงๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
   

“…แล้วฉันมาทำอะไรอยู่ที่นี่เนี่ย อ้อ ใช้หนี้อีตาเสี่ยทัพสินะ” เรียวจันทร์เบะปาก อยากจะร้องไห้แรงๆ แต่ก็ไม่รู้จะร้องไปทำไม มันอาจจะเป็นแค่อารมณ์อ่อนไหวที่พัดปลิวผ่านมาแล้วทำให้นางเกิดดัดจริตแอ๊บแบ๊วว่าอยากร้องไห้ ทั้งที่จริงไม่ได้คิดจะร้องไห้เลยสักนิด
   

สลัดความเวิ่นเว้อกับตัวเองออกไป แล้วคิดจะเริ่มงาน แต่พอหันไปเห็นวัวอีกตัวกำลังขี้แหมะๆ ลงบนพื้นก็ได้แต่ทำสีหน้าอยากจะอ้วก และคราวนี้ไม่ใช่การแอ๊บอยากอ้วก แต่มันชวนอ้วกจริงๆ

   

“เอ้า! ยืนหน้าโง่อยู่นั่นแหละ ทำดิ สั่งไรก็ทำ!” เรียวจันทร์หันไปมองคมเขี้ยวที่ยืนสั่งงานหน้าตาบูดบึ้ง คนหน้าสวยจ้องมองกลับอย่างไม่พอใจแรงๆ
   

“ถ้าฉลาดมาก ก็ทำเองมันซะทั้งหมดเลยสิ!” เรียวจันทร์แหวกลับไปในขณะที่กำลังรวบรวมกำลังใจอยู่หน้าคอกม้าในการเข้าไปทำความสะอาดด้านในกับคนงานคนอื่นๆ นางไม่ค่อยจะถูกกับม้าของคมเขี้ยวสักเท่าไหร่เนื่องจากมาสร้างวีรกรรมกับพวกมันไว้คราวก่อน ไม่รู้ว่าพวกมันแค้นฝังหุ่นหรือเปล่า
   

“ก็อยากสั่ง มีไร?! ตอนนี้เป็นลูกน้อง ก็ต้องฟังเจ้านาย” คมเขี้ยวพูดด้วยท่าทางเกรียนๆ เรียวจันทร์ขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ นางรู้ว่าอีกฝ่ายยังโกรธเรื่องที่คอกวัวอยู่
   

“นี่นายคมเขี้ยว! แกนประสาทนายเบี้ยวเหรอตอนเนี้ย ถ้าไม่พอใจมากนายก็จับเป้าฉันคืนซี้! ไม่ก็หอมแก้มฉันคืนไปเลย!” เรียวจันทร์เท้าเอวพูดสีหน้าเอาเรื่อง คมเขี้ยวยิ้มเยาะหน่อยๆ
   

“คิดว่าตัวเองดึงดูดนักรึไง ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง” เรียวจันทร์ถอนหายใจ หน้าตาเซ็งจัด ลดแขนลงแนบลำตัว มองหน้าคมเขี้ยวด้วยสายตาพร้อมเหวี่ยง
   

“นายรังเกียจเพศที่สามมากใช่มั้ย ถ้ามากก็บอก ฉันจะได้ไม่อยู่ใกล้ๆ ให้นายพร้อมทำร้ายร่างกายแบบนี้” บางทีก็มากเกินไปหน่อย ไม่รู้ว่าหมอนี่รังเกียจเพศอย่างนางมากน้อยแค่ไหน แต่ที่เมืองนอก พวกรังเกียจเพศที่สามจะหัวรุนแรงเป็นพิเศษ วันดีคืนดีก็ทำร้ายร่างกายเพศอย่างนางไปทั่วเพียงเพราะเดินผ่านมันแล้วมันเห็นท่าทีอ้อนแอ้นเกินชาย
   

“ผมไม่ได้รังเกียจ แต่ผมไม่ชอบการกระทำของคุณ!” คมเขี้ยวว่ากลับหน้าตานิ่งสนิท แววตาบอกว่าไม่ชอบจริงๆ เรียวจันทร์หายใจฮึดฮัด ปากบิดปากเบี้ยวไปมาเพราะอารมณ์เคืองใจ
   

“ถ้างั้นฉันขอโทษก็ได้ ขอโทษๆๆๆๆ ขอโทษที่ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ขอโทษที่ไม่ใช่ผู้หญิง นายคงไม่ฟินเท่าผู้หญิงทำสินะ!” นางว่าอย่างประชดประชัน ทั้งสีหน้าและแววตาจิกใส่ไอ้เคราชนิดที่ว่าถ้าเลือดออกได้เพราะคำพูด ตามเนื้อตามตัวคมเขี้ยวคงมีแผลเล็กแผลน้อยเลือดไหลย้อยไปทั้งตัว
   

“ถ้าไม่ได้ขอโทษจากใจก็อย่าขอโทษ!” ชายหนุ่มที่เป็นชายจริงๆ ขบกรามแน่นและจ้องหน้าคนหน้าสวยหวานด้วยตาที่ยังขุ่นเคือง เรียวจันทร์เบะปากน้อยๆ แล้วถอนหายใจแรงๆ
   

“จะต้องเอาจากใจแค่ไหนล่ะ อ๋อ หรือจะต้องมีน้ำตาผสม ได้!” เรียวจันทร์สะบัดหน้าไปทางซ้าย หลบสายตาของคมเขี้ยว เจ้าของฟาร์มมองอย่างงงๆ ที่จู่ๆ ฝ่ายนั้นก็หันหนีไป เรียวจันทร์หลับตาลง เรียกพลังทางการแสดงที่ครูแงะได้สอนเอาไว้ออกมาใช้ นางรวบรวมสมาธิ ดึงจุดที่เศร้าที่สุดในจิตใจออกมา ขับเคลื่อนด้วยแรงอารมณ์ดราม่า แล้วในที่สุดน้ำตาก็ไหลอาบแก้มซ้ายของนาง!
   

พรึ่บ!
   

คมเขี้ยวผงะไปนิดเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมาพร้อมหยาดน้ำตาจากดวงตาซ้าย ใบหน้าสวยหวานสลดลง แววตาดูเจ็บปวดคลอไปด้วยน้ำตา
   

“นายต้องการอย่างนี้ใช่มั้ย… ฮึก” พ่อหน้าเคราอ้าปากหวอกับน้ำเสียงสั่นเครือที่สุดแสนจะเนียนกริบ พอเริ่มพูดน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาจากดวงตาเหมือนกวางน้อย
   

“…ใช่สิ ฉันมันไม่ดี ฉันไม่มีฮีแบบพวกชะนี ฉันขอโทษ ฮึก… แต่ฉัน! ก็เจ็บปวดไม่แพ้นายนั่นแหละ นายพูดจาเหยียดเพศตั้งหลายครั้งแล้วอะ ฉันเป็นคนนะ ถึงฉันจะสวยและรวยในระดับหนึ่ง แต่ฉันก็มีจิตใจที่เปราะบางนะ ฮือๆ ฮ้าๆ” ตอนนี้คมเขี้ยวงงไปหมดว่านั่นอารมณ์จริงหรือมันเป็นการแสดง เขาหันไปมองคนงานในคอกม้าที่มองมาทางเขาสองคนอย่างตื่นตระหนกปนงง เขาหันกลับมามองไอ้หน้าหวานอ้าปากกว้างร้องไห้โฮ น้ำตาหูน้ำตาไหลทะลักออกมาไม่หยุด
   

“เฮ้ย เดี๋ยว…”
   

“…นายเอาแต่ว่า! ดูถูกเหยียดหยาม! ทำอย่างกับฉันไปตีหน้าแม่นายจนต้องไปศัลยกรรมใหม่ที่เกาหลี ฮึกๆ เอาชีวิตฉันไปเลยมั้ย หรือจะทุบตีฉัน ให้เลือดคั่งตายเลยดีล่ะ?!!” เรียวจันทร์เบะปาก หูแดง จมูกแดง แก้มแดง น้ำตาไหลไม่หยุด คมเขี้ยวอ้าปากหวอ กะพริบตาปริบ มองด้วยความงงแบบที่ว่าโคตรงง สมองมึนไปชั่วขณะ เรียวจันทร์ก้าวเข้ามาหาเขาหนึ่งก้าว พร้อมกับยื่นแขนสองข้างมาให้ ทำท่าเหมือนว่าจะให้เขาตี แต่แล้วสักพักอีกฝ่ายก็ชะงักกึก ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะทำท่าฮึบกลั้นสะอื้น สะบัดหน้าไปทางซ้ายประมาณสี่สิบห้าองศาครู่หนึ่ง แล้วหันกลับมามองหน้าเขาด้วยดวงตาเศร้าสร้อยหงอยเหงาที่มากกว่าเดิมและยกมือขวาขึ้นไปจับตรงหน้าอกซ้ายเบาๆ
   

“ฉันเจ็บ! หัวใจฉันเหมือนโดนกรีดด้วยคัตเตอร์ขึ้นสนิม ฮาๆ ฮือๆ ถ้าฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจ ก็ขอโทษด้วย แต่เลิกดูถูกเรื่องสถานะทางเพศฉันเถอะ ฉันเลือกเกิดไม่ได้ ฉันก็ไม่ได้อยากเกิดมาเป็นแบบนี้ แต่บุญฉันไม่ถึงที่จะเป็นชะนี นายจะให้ฉัน ฮึก ทำยังไงล่ะ ฮือๆ” คมเขี้ยวขมวดคิ้วอ้าปากหวอ ยกมือขวาขึ้นเกาหลังหัวงงๆ มองใบหน้าหวานใสที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตามากมาย มือขวาของเรียวจันทร์ขยุ้มเสื้อตรงอกซ้ายจนยับยู่ยี่ราวกับเจ็บปวดหัวใจจริงๆ อย่างที่ปากบอก
   

“มันต้องอะไรขนาดนี้เลย…” ยังไม่ทันพูดจบเขาก็ต้องหุบปากฉับ แล้วเบิกตากว้างขึ้นนิดหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายยกสองมือมาพนมเป็นดอกบัวตูมตรงหน้าอกแล้วร้องไห้จนตาปิด
   

“ฉันขอล่ะนะ ให้อภัยฉันเถอะ ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีกก็ได้ แต่นายก็อย่าเหยียดหยามฉันนักเลย ฉันเลือกเพศเองไม่ได้ แต่ฉันจะพยายามเป็นคนดีของแผ่นดินสยามก็แล้วกัน นายให้อภัยฉันได้มั้ยล่ะ ฮือออๆ” คมเขี้ยวหันไปมองรอบๆ คนงานที่อยู่แถวนั้นมองด้วยสายตาอึ้งๆ ทึ่งๆ ไปตามๆ กัน เหมือนทุกคนก็ทำอะไรไม่ถูกที่จู่ๆ ไอ้จันทร์ไรก็เป็นแบบนี้ เขาหันกลับมามองคนตรงข้ามด้วยท่าทีงงๆ อีกฝ่ายยังคงประนมมือไหว้อ้อนวอนตามเดิม
   

“เออๆ ไม่ว่าแล้ว ขอโทษละกันที่พูดแบบนั้น” คมเขี้ยวพูดแบบงงๆ พูดแบบเบลอๆ สองมองเขามันตื้อแปลกๆ แล้วสักพักก็ยิ่งต้องงงยิ่งกว่าไก่ตาแตก เรียกว่าไก่ตาหลุดก็ยังไงได้ เมื่อเรียวจันทร์สะบัดสองมือออกจากกัน สีหน้าอ้อนวอน ดราม่าเมื่อกี้หายวับไปกับตา คนร่างบางใช้สองมือเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเนียนนวล เงยหน้าขึ้นมองฟ้าแล้วค่อยๆ ใช้นิ้วซับน้ำตาไปตามขอบตา ก้มหน้ากลับลงมาแล้วเอาสองมือนวดไปทั่วใบหน้าตัวเอง สูดจมูกอีกนิดหน่อยแล้วก็เอามือทิ้งลงข้างตัว ท่าทีกลับมาเชิดตามเดิม
   

“โถ่ ที่แท้ก็นิสัยคนไทย ชอบอะไรดราม่าๆ ความสดใสร่าเริงอย่างฉันดันไม่ชอบ ชอบอะไรที่น้ำเน่าไปได้ นี่ถ้ามีผู้หญิงมาดราม่าน้ำตาแตกใส่นายว่านายไปทำเขาท้อง นายคงมีลูกเป็นสิบคนอะ” น้ำเสียงที่ใช้ต่างกับเมื่อตอนน้ำตาแตกกันอย่างสิ้นเชิงจนคมเขี้ยวอ้าปากเหวอ หน้าตาเหลอหลา มองเรียวจันทร์ที่ถอนหายใจแล้วยกมือขวาขึ้นมากดๆ แก้มทั้งสองข้างเหมือนกำลังเช็กกล้ามเนื้อ
   

“เดี๋ยวก่อน นี่คือยังไง สรุปแอคติ้ง??” เรียวจันทร์สะบัดมือลงไปข้างตัวแล้วทำหน้าว่า เอ๊า ไม่รู้เหรอ?!
   

“ทำไมอะ เนียนเหรอ หูย! ครูแงะต้องดีใจแน่ๆ เลยอะ นี่ฉันก็มีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลเหมือนกันนะ” ยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตาพูดด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ คมเขี้ยวขบกราม มองคนตรงหน้าอย่างโมโหอีกครั้ง
   

“แม่งเอ๊ย!!” เรียวจันทร์รีบยกมือเบรกขึ้นทันที
   

“พอเลย ถ้านายจะมาเก๊กเกรียน เก๊กโหด ทำมาเป็นอารมณ์เสียใส่ ก็ไปไกลๆ ไม่อยากจะอยู่ใกล้ด้วยนักหรอก แล้วนายก็ยกโทษให้ฉันแล้วนะ อย่าลืม” คมเขี้ยวกำหมัดซ้ายแน่น อยากจะต่อยหน้าไอ้จันทร์ไรแรงๆ สักที จะตะโกนใส่หน้าว่าไม่ได้เต็มใจขอโทษก็ไม่ได้อีก ตอนขอโทษก็ไม่ถึงขั้นเต็มใจหรอก แต่งงมากกว่ามันเป็นอะไร ร้องไห้ซะอย่างกับมีคนตายต่อหน้าต่อตา แล้วก็พูดไปเพราะมันกำลังบ่อน้ำตาแตกยิ่งกว่าเขื่อนพัง เห็นแบบนั้นก็กลัวว่ามันจะสะอื้นจนหายใจไม่ทัน
   

“คุณนี่แม่งงูเห่าชัดๆ” เรียวจันทร์ถลึงตาใส่ไอ้คนตัวโต
   

“เอ๊! นายนี่เป็นคนยังไง ชอบเอาฉันไปเปรียบกับสัตว์อยู่เรื่อย ถ้าจะเปรียบก็ขออะไรที่มันน่ารักๆ หน่อย ไม่เอางูเห่า ฉันเกลียดเวลามันลอกคราบ”
   

“คอยดูนะ ถ้าครั้งต่อไปร้องไห้จริงขึ้นมา ผมจะซ้ำให้หนักเลย!” คมเขี้ยวว่าอย่างหงุดหงิด เขาทั้งหงุดหงิด ทั้งหมั่นไส้ ทั้งโมโหไอ้ผู้ชายหน้าหวานคนนี้จริงๆ อยากจะจับมันมาเขย่าๆๆๆ แล้วเหวี่ยงขึ้นไปบนยอดเขา!
   

“แล้งน้ำใจจริงจริ้ง!” เรียวจันทร์ส่ายหน้า ทำสีหน้าว่า ไม่ไหว ไม่ไหว เหมือนด่าอีกฝ่ายโดยไม่ต้องออกเสียง คมเขี้ยวเบิกตากว้างมองดุๆ เรียวจันทร์สะบัดตัวไปทางซ้าย ก้าวเท้าจะเดินจากไป แต่ก็ชะงักไว้แปบหนึ่ง
   

“อ้อ งานนี้ฉันขอบายนะ ตักขี้วัวมาก็อ้วกจะแตกแล้วอะ ขอพักจากเรื่องขี้ๆ สักแปบเหอะ เดี๋ยวฉันไปดูแลต้นไม้ใบหญ้าแทนก็แล้วกัน” ว่าเสร็จก็เดินสะบัดเอวบิดออกไปจากตรงนั้นทันที คมเขี้ยวมองตามอย่างเข่นเขี้ยว รู้สึกหงุดหงิดจนต้องคำรามกับตัวเองแล้วยกมือชกอากาศรัวๆ เหมือนกำลังชกกระสอบทราย ก่อนจะยกเท้าขวาเตะก้อนหินแถวนั้นแรงๆ หนึ่งที
   

จะว่ามันหลอกอีกก็ไม่ได้ ก็เมื่อกี้มันถามแล้วว่าจะเอาน้ำตาด้วยใช่มั้ย สะบัดหน้าไปแปบเดียว หันกลับมาอีกทีทำเขาสตั๊นท์ไปเลย ไอ้จันทร์วิบัติ!






 :hao7:

หายไปนานมากอีกแล้วสำหรับเรื่องนี้ คือติดงานอื่นแะติดปั่นต้นฉบับไอ้ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่เสร็จ เนื่องจากเดินทางบ่อยมาก เลยทำให้มีเวลาพิมพ์น้อย แต่ช่วงเวลาน้อยๆ นั่นคือก็พิมพ์นะ พยายามที่จะเขียนไว้ ทีละนิดทีละหน่อยก็ยังดีอะ -.,-

กลับมาแล้ววว พาขุ่นแม่เรียวจันทร์กับพี่เขี้ยวมาเสิร์ฟทุกคน ระดับความแซ่บเพิ่มขึ้นบ้างมั้ยนี่ 55555 แม่เรียวก็แจ๋นแหลนเกินนะ จับเป้าพี่เขี้ยวได้ไง ดีนะพี่เขี้ยวเป็นคนใจดี ไม่งั้นมีชกหน้าคว่ำแบบจับตามองไม่ทัน ร้ายนะคะคุณแม่ ว่าแต่ใหญ่มั้ยคะ ไม่เห็นบอก 55555

วันนี้ขอมาครึ่งนึงก่อนนะคะ คืออยากอัพมากกก จริงๆ รอครอบร้อยก้ได้ แต่คืออยากอัพวันนี้แล้ว แล้วเขียนได้แค่ครึ่งเดียว 5555 เลยขออัพครึ่งนึงก่อน นิยายเรื่องนี้แต่งสดค่ะ เขียนสด อัพสด ยิ่งกว่าการถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยซะอีก

อีกครึ่งที่เหลือ เดี่ยวตามมาเร็วๆ นี้แน่นอนค่ะ เพราะกำลังปั่นอีกครึ่งอยู่ คงเสร็จเร็ววว เจอกันค่าา

ใครเจอคำผิดบอกได้นะคะ ขอบคุณมากๆ ที่ช่วยเช็ก แล้วก็ขอบคุณมากๆ ค่ะสำหรับคนอ่านที่ติดตามขุ่นแม่เรียวและพ่อเขี้ยวอยู่ ขอบคุณที่รักพวกเขาในแบบที่เขาเป็น ดีใจที่มีคนอ่านเรื่องนี้แล้วชอบสไตล์เรื่องแบบนี้ ชอบนายเอกแบบนี้ แสดงว่าเลเวลทางใจคุณสูงจริงๆ 55555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2017 21:04:51 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
สงสารพระเอก โดยเต๊าะหนักมากก

ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จะรักกันยังไงเนี่ย  :hao6: :hao7:

ออฟไลน์ lalaly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
:laugh:สตรองมากเรียว สตรองมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8

คาถาที่ ๘ [100%]


“โอ๊ย ฉันเริ่มคิดละว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ ฉันต้องใช้หนี้อีตาจอมทัพก็จริง แต่ฉันลงทุนกับชีวิตมากไปรึเปล่า”
   

[ก็แกรับข้อเสนอเขา แล้วก็ยังเป็นคนเสนอแผนนี้เองด้วยนะ อย่าลืม] เรียวจันทร์ทำปากยื่นหน้าบูด พลางเกาแขนซ้ายยิกๆ หลังจากโดนไอ้เขี้ยวกุดสั่งให้ไปช่วยคนอื่นยกกองฟาง
   

“ฉันจะอยู่รอดถึงสามเดือนมั้ยเนี่ย” เรียวจันทร์บ่นเสียงเซ็ง ถอนหายใจดังพรืด
   

[แกก็ทำให้มันเสร็จก่อนสามเดือนสิวะ แบบนั้นเสี่ยทัพจะยิ่งชอบใจเลยแหละ]
   

“แต่มันไม่ง่ายเลยอะ ไอ้คมเขี้ยวมันเล่นตัวมากแก”
   

[แกก็หาวิธีอื่นสิ ไม่จำเป็นต้องจับเขาเป็นผัวก็ได้ แกแน่ใจได้ไงวะว่าถ้าเกิดแกกับเขาได้กัน เขาจะยอมแกทุกอย่าง แกท้องไม่ได้นะเว้ย แกมีอะไรไปต่อรองกับเขาที่ไหน จะบอกว่าแกโดนพรากบริสุทธิ์ก็ไม่ได้อีก เพราะแกไม่บริสุทธิ์แล้ว]
   

“อีเป็ด!” ศศิประภาหัวเราะคิกคักที่กัดเพื่อนสายได้หนึ่งดอก
   

[ถ้าแกไม่อยากโดนกดขี่เป็นแรงงานทาสแล้ว แกก็คุยกับเขาไปตรงๆ เลยสิว่าแกต้องการอะไร เขาอาจจะคุยง่ายกว่าที่แกคิดก็ได้นะ] เรียวจันทร์ทำเสียงเหอะในลำคอพร้อมกับกลอกตาเซ็ง
   

“ฉันว่ามันเลยจุดนั้นมาแล้วนะ…” นางถอนหายใจพลางเอาแขนถูกับลำตัว “…แต่ถ้ามีจังหวะฉันจะลองพูดดู”
   

[เออ พูดไปเลย เผลอๆ เขาทนรำคาญแกไม่ไหวเขาอาจจะขายที่ดินนั้นให้แกเลยก็ได้…] เรียวจันทร์เบ้ปากเล็กน้อย


[…แกรีบจัดการให้เสร็จก่อนที่เสี่ยทัพเขาจะลงมือเองเถอะ เขาเอาอกเอาใจแกก็จริง แต่ฉันไปสอดมา เสี่ยทัพแกไม่ได้ใจดีอย่างที่คิดนะ เขาเป็นผู้มีอิทธิพลนะแก]
   

“ผู้มีอิทธิพลภาษาอะไร ทำไมถึงมาพึ่งพิงฉัน ถ้าอิทธิพลมากนัก ก็ทำเองสิ”
   

[ก็เขาจะเอาแกทำเมียน่ะสิ!] เรียวจันทร์ขมวดคิ้ว อ้าปากหวอหน่อยๆ
   

“ก็… อันนั้นฉันรู้ แต่ฉันปฏิเสธไปแล้ว” เป็ดถอนหายใจหน่ายๆ เรียวจันทร์ได้ยินเสียงกุกกักสักพักก่อนที่เสียงเพื่อนสนิทจะตามมา
   

[แกฟังนะ แกคิดจริงๆ เหรอว่าเสี่ยเขาจะไว้ใจให้แกทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ให้ เขาแค่อยากให้แกเข้าไปอยู่ในวงโคจรชีวิตเขา ก็แม่แกบอกเองว่าเขาสนใจแกมานานแล้ว ไอ้เรื่องที่ดินอะ ฉันเชื่อว่าระดับเสี่ยทัพเขาต้องมีวิธีเคลียร์ของเขาจนได้นั่นแหละ ฉันว่าแกเป็นแค่แผนสำรองของแผนสำรองของเขาอีกที]
   

“ทำไมสำรองซ้ำซ้อนจัง” เรียวจันทร์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
   

[เขาคงมีแผนอื่นๆ อีกเยอะน่ะสิ แต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแผนนั้นจะสะอาดมากน้อยแค่ไหน เสี่ยเขาไม่ได้นุ่งขาวห่มขาวอยู่ในวงการนักเลงนะแก]
   

“หูย ฮ็อตเวอร์ผู้ชายทรงอำนาจกับการอยากได้ผู้ชายสวยๆ อย่างฉันไปเป็นเมีย เขาต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” เรียวจันทร์หัวเราะคิกคัก เป็ดที่นั่งฝั่งอยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ถึงกับกลอกตาและเบ้ปากจนปากแทบเบี้ยว
   

[จ้า อีสวย สวยมาก แต่สวยมากก็เป็นภัยนะคะ จะบอกอะไรให้นะ ไอ้เรื่องที่เขาอยากเอาแกเป็นเมียก็อีกเรื่อง แต่ที่ดินก็อีกเรื่อง ไอ้ด้านที่แกเห็นเสี่ยเขาตอนบนเตียงนั่นคือเขาเอาใจแก แต่ลงจากเตียงแล้วแกคิดว่าเสี่ยเขาจะอ่อนหวานอย่างนั้นเหรอ] เรียวจันทร์ขมวดคิ้ว ที่ขมวดคิ้วนี่ไม่ใช่อะไรนะ
   

“เดี๋ยวๆ อีเป็ด ฉันว่าฉันก็ไม่ได้เล่านะว่าเสี่ยตอนอยู่บนเตียงเป็นยังไง ทำไมแกสาธยายได้ขนาดนั้น”
   

[เปล่าหรอก ฉันแค่ลองพูดเปรียบเทียบให้แกเข้าใจอะ แต่ฉันดันพูดตรงเหรอ] เรียวจันทร์ปรือตา นางก็นึกว่าตัวเองเผลอไปพูดเรื่องบนเตียงของตัวเองกับเสี่ยจอมทัพให้เพื่อนสาวฟัง
   

[เอางี้แล้วกัน ถ้าแกทนไม่ไหวจริงๆ ก็บอกเสี่ยเขา แล้วก็ออกมาจากที่นั่นซะ] เรียวจันทร์ทำปากยื่นหน้าตาแสดงออกถึงความเสียดาย
   

“แต่ถ้าฉันออกไป หนี้ฉันก็จะท่วมหัวท่วมหางเหมือนเดิมนะ เสี่ยบอกว่าจะช่วยฉันใช้หนี้ด้วย”
   

[อีเรียว แกไม่ใช่คนโง่นะ ใครเขาจะมายกหนี้ให้แกฟรีกับช่วยแกใช้หนี้เพียงเพราะแกเอาที่ดินมาให้เขา แกต้องไปเป็นนางบำเรอสวาททาสรักมาเฟียนามว่าเสี่ยทัพอยู่แล้ว] เรียวจันทร์หัวเราะเอิ๊กอ๊ากจนเป็ดงง
   

“เกลียดชื่ออะ เหมือนนิยายร่อนสวาทเลย แต่ก็ร้อนแรงดี” เรียวจันทร์หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ส่วนเป็ดตอนแรกก็ทำหน้าเซ็งที่เพื่อนไม่ได้มีท่าทีจริงจังไปกับการเตือนของหล่อน แต่สักพักพอนึกชื่อที่ตัวเองพูดไปก็อดขำไม่ได้
   

[ระรื่นเหลือเกินนะกับการที่ผู้ชายอยากได้เนี่ย] นี่ถ้าอยู่ต่อหน้ากันเป็ดคงเห็นภาพที่เรียวจันทร์หน้าเชิดแล้วทำหน้าพราวซะเหลือเกินได้เต็มตา
   

“แน่นอนอะ คิดดูสิ เฮเลนแห่งกรุงทรอยอาจต้องกราบฉันนะแก”
   

[โอ๊ย แต่ตอนนี้แกกราบไหว้ขอที่ดินจากคุณเขี้ยวเขามาก่อนเถอะไป] คนหน้าสวยเบ้ปากทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
   

“ฉันไม่ลงทุนขนาดนั้นหรอก ถ้าฉันจะได้ ฉันต้องได้มาอย่างสง่างาม” เรียวจันทร์ว่าแล้วเชิดหน้าขึ้นนิด ทำสีหน้ามุ่งมั่น
   

[โอ๋ยยย! แกไปใช้หนี้อีเรียว ไม่ได้ไปประกวดนางงาม] แล้วความมุ่งมั่นนั้นก็ทลายลงอย่างไวเพราะคำพูดคำจาอันร้ายกาจของนังดำเพื่อนสาว
   

“โถ่อีเป็ด แกก็ใจเย็นๆ สิ เดี๋ยวมันก็ต้องมีทางออกแหละน่ะ!” ชายหนุ่มหน้าหวานว่าอย่างหงุดหงิด เห็นผื่นแดงๆ เต็มสองแขนแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด
   

[ก็เมื่อกี้ใครหน้าไหนมันบ่นเหมือนจะตายแล้ว]
   

“ก็ไม่ได้ถึงขั้นจะตายสักหน่อย ก็คนไม่เคยทำงานหนักๆ แบบนี้นี่” เรียวจันทร์ว่าเสียงอ่อยและทำหน้างอหน่อยๆ
   

[งั้นถ้าแกคิดจะสบายให้ผู้ชายช่วยใช้หนี้ให้ แกก็ต้องสตรองค่ะ แล้วอย่าลืมสตรองเผื่อตอนเป็นทาสสวาทเสี่ยทัพด้วยนะ] เรียวจันทร์หัวเราะกิ๊กกั๊ก รู้สึกขำกับประโยคนี้มากจริงๆ ได้ยินแล้วมันจี้ใจ
   

[หัวเราะไปเถอะย่ะ โดนจับขังเป็นนกในกรงทองของเสี่ยเขาขึ้นมาจริงๆ แกจะใบ้กินเอา อ้อ แล้วฉันจะบอกแกว่า ความรู้สึกของคนอื่นไม่ใช่ของเล่นนะ แกทำร้ายแจเร็ดคนนึงแล้ว แกอย่าทำร้ายคุณเขี้ยวเขาอีกคนเลย] เรียวจันทร์กะพริบตาปริบๆ ทำหน้าอึกอัก
   

“แหม แกทำอย่างกับไอ้เขี้ยวกุดมันจะชอบฉันงั้นแหละ”
   

[ใครจะไปรู้อนาคตวะแก บางทีพอแกกับเขาได้เสียกัน เขาอาจจะติดใจแก รักแกจนโงหัวไม่ขึ้น แต่ถ้าเขารู้ว่าแกใช้เขาเป็นเครื่องมือนะแกเอ๊ย ความน้ำเน่าละครไทยบังเกิดกับแกแน่] พ่อคนหน้าสวยเบ้ปากหน่อยๆ แล้วกลอกตาเซ็ง
   

“โอ๊ย ให้มันเน่าจริงๆ เถอะ ทุกวันนี้เอาแต่กรอกหูฉันทุกวันว่าไม่คิดเอาฉันเป็นเมีย” เป็ดหัวเราะเสียงเล็กเสียงน้อย แล้วก็นึกถึงที่ตัวเองพูด
   

[เออ แล้วแจเร็ดเป็นไงมั่ง] คนถูกถามถอนหายใจสีหน้าไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่
   

“ก็ยังคุยกันอยู่นั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้สวีตอะไรมากหรอก ฉันไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเขานี่” เรียวจันทร์ถอนหายใจ สีหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกเพียงนิด นิดแบบนิดจริงๆ
   

[คนดีๆ อย่างแจเร็ดไม่น่ามาเจอแกเลย] เป็ดว่าด้วยน้ำเสียงเศร้าสลดประหนึ่งว่าชีวิตแจเร็ดรันทดมากที่ได้มาเจอกับเขา
   

“จ้ะ อีเป็ด ฉันมันเลว ฉันมันนังเรียวคนเริงเมือง”
   

[ก็รู้ตัวนี่] เป็ดหัวเราะ เรียวจันทร์จิ๊ปาก แต่ในใจก็รู้สึกไม่ดีเรื่องแจเร็ดอยู่เหมือนกัน แจเร็ดเป็นคนดีอย่างที่เป็ดว่าซึ่งไม่น่ามาเจอนางจริงๆ นั่นแหละ แล้วตอนนี้นางก็ยังกั๊กพ่อหนุ่มอิตาลีเอาไว้อีก วันที่แจเร็ดบอกนางด้วยรอยยิ้มเศร้าว่ารู้ดีว่าเรียวจันทร์คงไม่จริงจังกับตัวเอง เพราะนางคงมีใครคนอื่นอยู่ที่ไทยไปแล้ว เรียวจันทร์ได้แต่น้ำท่วมปาก มองรอยยิ้มไม่เต็มปากบนใบหน้าหล่อๆ ของหนุ่มอิตาลีด้วยความรู้สึกหวิวใจ


ก๊อกๆ
   

“นี่คุณ” เรียวจันทร์ที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ พลางหมุนโทรศัพท์ในมือเล่นหันไปมองทางประตูห้องนอน พอตั้งสติได้ว่าเมื่อกี้คือเสียงของใครก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู
   

“มีอะไร” คนหน้าสวยถามเสียงไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก คนหน้าเคราทำหน้าหน่ายแล้วพูดต่อเสียงเซ็ง
   

“ป๋ากับแม่ให้มาตามไปกินข้าวที่บ้าน” เรียวจันทร์บิดปากเล็กน้อย
   

“ไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวฉันไปกินกับดินที่ครัวคนงานเอง นายคงไม่เต็มใจให้ฉันไปนักหรอก” อันนี้ไม่ได้เล่นตัวจริงจังนะ พูดไปเพื่อให้ดูแบบว่าเป็นนางเอกผู้หยิ่งทระนงไปงั้นแหละ
   

“อืม ก็จริง ไม่ได้อยากให้ไป แต่ขัดคำสั่งบุพการีไม่ได้” คมเขี้ยวว่าหน้าตาย เรียวจันทร์สะบัดตามองขวางนิดหน่อยแล้วเดินเบียดกับคนตัวโตที่ยืนค้ำขอบประตูห้องนอนอยู่ออกไป
   

“แล้วจะไปมั้ยน่ะ จะสองทุ่มแล้ว กินดึกเดี๋ยวอ้วน” คมเขี้ยวยิ้มเยาะมุมปาก เรียวจันทร์ถลึงตาใส่นิดหนึ่งแล้วแอบสำรวจชุดนอนของพ่อคาวบอยที่ใส่เสื้อยืดคอกลมกับกางเกงนอนลายสก็อตเนื้อนุ่ม
   

ชุดนอนถอดง่ายดีนะ
   

“แล้วก็ทำท่ามาก”
   

“มากตรงไหน แล้วรู้ได้ไงว่าท่ามาก เคยลองกับฉันบนเตียงแล้วเหรอ” คมเขี้ยวหมวดคิ้วฉับ มองเรียวจันทร์อย่างหวาดกลัว
   

“คนอะไรวะคิดแต่เรื่องแบบนั้น พูดจาสองแง่สองง่ามตลอด”
   

“คนที่รักนายไง” ว่าแล้วก็ขยิบตาวิ้งหนึ่งทีให้ไอ้เขี้ยวกุดมันทำหน้าสยองเล่นๆ
   

“แม่งน่ากลัว” คนตัวสูงกว่าก้าวเท้าเดินนำออกไปจากออฟฟิศทันที เรียวจันทร์มองตามแผ่นหลังกว้า เบ้ปากไล่หลังก่อนจะเดินตามไป


   
   
คมเขี้ยวพาเรียวจันทร์ขึ้นไปบนบ้านใหญ่ พาเดินเข้าไปในครัวที่ผู้สูงวัยทั้งสองนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พอหันไปมองในครัวก็เห็นดินกำลังจัดแจงยกอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ หนุ่มล่ำจอมซื่อยกยิ้มให้เรียวจันทร์ที่ส่งยิ้มไปให้ก่อน คมเขี้ยวสลับมองทั้งสองคนแล้วเบ้ปากเล็กน้อย เรียวจันทร์ทันเห็นก็เลยขยับปากแบบไม่มีเสียง
   

“อย่า-หึง-สิ” คมเขี้ยวทำท่าอ้วกเบอร์ใหญ่มาก แต่เรียวจันทร์ก็ด้านพอที่จะทำหน้าทะเล้นแถมยังยกมือทำท่าไอเลิฟยูไปให้อีกฝ่าย คมเขี้ยวรีบยกนิ้วกลางให้เรียวจันทร์อย่างไว หนุ่มหน้าหวานถลึงตาใส่
   

“ไอ้เขี้ยวเป็นไร ท้องเหรอ” เมฆาหันไปเห็นลูกชายทำท่าพะอืดพะอมเลยถามด้วยความสงสัย
   

“เปล่าป๋า แค่รู้สึกว่าบรรยากาศวันนี้มีพิษ” สองสามีภรรยารับรู้ได้ทันทีว่าลูกชายแซะใคร พอหันไปมองคนโดนแซะก็เห็นว่าอีกฝ่ายนั่งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมใสๆ อยู่ตรงข้ามกับลูกชายตัวเอง
   

ก็คงจะมีแต่พ่อกับแม่เขาเท่านั้นแหละมั้งที่ไม่ทันไอ้จิ้งจอกพันหน้าอย่างไอ้จันทร์ไรเปลี่ยนสีหน้าไปมา
   

“เขี้ยว อีกแล้วนะ” คุณบัวปรามลูกชาย คมเขี้ยวทำหน้าหน่ายและกลอกตา พอจ้องไอ้หน้าหวานที่นั่งตรงข้ามตัวเองก็ต้องทำตาดุใส่เพราะมันแลบลิ้นมาให้อย่างเร็วจนผู้ใหญ่อีกสองคนไม่ทันเห็น
   

“งั้นเดี๋ยวดินไปก่อนนะครับ”
   

“ไปไหนล่ะไอ้ดิน กินด้วยกันนี่แหละ มาๆ นั่งข้างไอ้เขี้ยวไป”
   

“หูย ไม่เป็นไรครับ ผมลงไปกินกับไอ้พวกนั้นแหละ” ดินว่าอย่างนอบน้อม ว่าด้วยความเกรงใจอย่างมากล้นจนเรียวจันทร์รู้สึกว่าตัวเองหน้าด้านเหลือเกิน
   

“ทำเป็นไม่เคยกินด้วยกันไปได้ แค่วันนี้มีหนูเรียวมาเสริมอีกคนเท่านั้นเอง” ผู้หญิงคนเดียวบนโต๊ะอาหารเอ่ยอย่างมีเมตตา หนุ่มผิวคล้ำเหมือนชื่อหันไปมองผู้ชายหน้าสวยแล้วยิ้มแห้งและมองอย่างเกรงใจ
   

“ถ้าดินไม่กินด้วยกัน ฉันจะถือว่าดินรังเกียจฉัน”
   

“ไอ้ดินมันก็รังเกียจคุณนั่นแหละ มันถึงได้ไม่อยากกิน” เรียวจันทร์สะบัดหน้าไปมองไอ้เขี้ยวกุด ขมวดคิ้วฉับพร้อมกับจ้องหน้าไอ้เคราแพะตาแทบถลนออกมา
   

“เอ้ยยย เปล่านะพี่เขี้ยว ผมไม่ได้รังเกียจคุณเรียวเลย ไม่จริงนะครับคุณเรียว” ดินรีบหันไปส่ายหัวหน้าตั้งกับผู้ชายหน้าหวานที่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นยิ้มหวานจนคมเขี้ยวเบ้ปากอย่างหมั่นไส้
   

“ฉันรู้ว่าดินไม่รังเกียจฉันหรอก คนแถวนี้มากกว่าที่เอาความรังเกียจของตัวเองไปแบ่งปันให้คนอื่น” เรียวจันทร์เบ้ปากใส่ไอ้เขี้ยวกุดที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด
   

“จะขมวดให้หน้าย่นเป็นหมาบูลด๊อกเลยรึไงไอ้เขี้ยว” คนเป็นพ่อเอ่ยแซวลูกชายด้วยรอยยิ้ม คมเขี้ยวคลายใบหน้าตัวเองออกแล้วถอนหายใจเซ็งๆ
   

“ป๋าเข้าข้างไอ้นี่อีกแล้วนะ”
   

“เข้าข้างอะไร ยังไม่ทันได้พูดอะไรสักหน่อย” เมฆาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไอ้เจ้าลูกชายจิ๊ปากหน้าตาเซ็ง หยิบช้อนขึ้นมาตักกับข้าวใส่จานข้าวตัวเอง เมฆากับคุณบัวมองหน้ากันแล้วยิ้มขำ
   

“ดิน นั่งสิ ถ้าไม่อยากนั่งข้างนายเขี้ยวปรักหักพัง นั่งข้างฉันก็ได้นะ น่าจะปลอดภัยกว่าเยอะเลย”
   

“นั่งข้างคุณก็เหมือนไอ้ดินนั่งข้างงูเห่านั่นแหละ”
   

“เอ๊ะ เอะอะว่าฉันเป็นงูตลอดเลย นายมีจิตผูกพันกับงูรึไงเฮอะ!” เรียวจันทร์เบิกตากว้างดุๆ มองไอ้คนตรงข้ามตัวเองแล้วยกช้อนชี้หน้า แต่พอนึกได้ว่ามีผู้ใหญ่อีกสองคนนั่งอยู่ด้วย นางเลยรีบลดช้อนลงแล้วปรับสีหน้าให้ดูเรียบร้อย คมเขี้ยวยิ้มมุมปากเยาะๆ
   

“เก็บไม่ทันแล้วไอ้หน้าไหว้หลังหลอกของคุณน่ะ” เรียวจันทร์ขมวดคิ้วใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด
   

“แม่นึกว่าดูละครไทยสมัยสาวๆ ที่พระเอกกับนางเอกเป็นคู่กัดกันแล้วก็รักกัน” คุณบัวเอ่ยแซวทั้งสองคน คมเขี้ยวเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วหันไปมองแม่ตื่นๆ ส่วนเรียวจันทร์หันไปยิ้มกว้าง
   

“แหม คุณแม่ เรียวก็หวังอยู่เหมือนกัน” เมฆาหัวเราะชอบใจกับท่าทีทะเล้นของลูกเพื่อนสนิท เรียวจันทร์ยิ้มตาหยีก่อนจะหันไปกวักมือเรียกให้ดินมานั่งข้างๆ ตัวเองไปด้วย หนุ่มล่ำจอมซื่อเดินไปนั่งข้างๆ คุณเรียวอย่างว่าง่าย
   

“แม่! อยากมีลูกสะใภ้เป็นผู้ชายรึไง คิดอะไรอยู่เนี่ย”
   

“อะไรเขี้ยว แม่ยังไม่ทันคิดเลยนะว่าหนูเรียวเป็นลูกสะใภ้แล้ว นั่นพูดออกมาเองนะ” คมเขี้ยวแยกเขี้ยว ส่งเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอ สร้างเสียงหัวเราะให้กับบิดามารดาของตัวเองรวมทั้งดินด้วย ส่วนไอ้คนต้นเรื่องนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นไอ้เขี้ยวกุดโดนต้อน
   

“พี่เขี้ยวชอบคุณเรียวเหรอ” ไอ้ดินถามซื่อๆ ไม่ได้ถามเพราะจะแซว คนเป็นลูกพี่ทำหน้าเอือม ไอ้ลูกน้องพอเห็นลูกพี่ไม่ตอบก็ยิ้มแล้วตอบเอง
   

“คุณเรียวก็น่ารักดีนะพี่”
   

“ดินนนน” เรียวจันทร์ทำท่าบิดตัวเขินอายข้างละสี่สิบห้าองศาอย่างน่าเอ็นดูในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองและเจ้าของคำชม แต่มีเพียงคนเดียวที่ทำหน้าสยองขวัญกับคำชมนั้นและจริตที่เรียวจันทร์แสดงออก
   

“ขนลุก!” คมเขี้ยวกระแทกเสียงใส่คนตรงข้าม เรียวจันทร์ลอยหน้าลอยตาถามกลับ
   

“ปวดขี้เหรอ?!”
   

“เออ! นึกว่าส้วมอยู่ตรงข้ามตัวเอง” เรียวจันทร์กำลังจะอ้าปากว่าต่อ แต่ก็โดนเบรกเอาไว้ก่อน
   

“พอเท้อ ทะเลาะกันจนข้าวจะบูดแล้ว” ประมุขของครอบครัวพยัคฆ์เกรียงไกรว่าอย่างอ่อนใจ นี่ถ้าเขาไม่ยอมหยุดสองคนนั้น คิดว่าวันนี้คงกินข้าวเสร็จกันสักเที่ยงคืนก็เป็นได้
   

พอเบรกความร้อนระอุของลูกชายตัวเองและลูกชายเพื่อนสนิทได้แล้ว บรรยากาศการกินข้าวก็เข้าสู่สภาวะปกติ คมเขี้ยวกับเรียวจันทร์นั่งกินใครกินมัน เรียวจันทร์หันไปคุยกับดินอย่างเป็นมิตร คมเขี้ยวก็กำลังคุยกับพ่อและแม่ตัวเองเรื่องในฟาร์มไปเรื่อย
   

“เออ เสี่ยจอมทัพเขายังติดต่อมาอยู่รึเปล่า” เรียวจันทร์ชะงักไปนิดหนึ่งแต่ก็ยังคงฟังดินเล่าเรื่องการรีดนมวัวด้วยหูซ้าย ส่วนหูขวากำลังผึ่งฟังเรื่องที่ทางผู้ใหญ่กำลังคุยกัน
   

“ก็เรื่อยๆ แหละป๋า เพิ่มราคาให้จนสูงลิบลิ่ว แต่ผมบอกไปแล้วว่าเดี๋ยวรอคุยกับเจ้าของที่เขาเอง” คมเขี้ยวเหลือบมองเรียวจันทร์แวบหนึ่ง แต่เจ้าตัวไม่ทันรู้ตัวเพราะกำลังหันไปคุยกับไอ้ดินอยู่
   

“แต่เขาไม่เชื่อมั้งว่าเราไม่ใช่เจ้าของที่ดิน”
   

“อย่างนั้นเลยเหรอดิน…” เรียวจันทร์ว่าเสียงแผ่ว สมองเริ่มตีกันจนงง และตอนนี้กำลังงงไม่เข้าใจว่าไอ้เขี้ยวกุดพูดว่าอะไร ใครเป็นเจ้าของที่ดินงั้นเหรอ
   

“อย่าเพิ่งบอกล่ะ” เมฆาว่าเสียงเข้ม ชำเลืองมองเรียวจันทร์ที่นั่งหัวเราะกับมุกตลกอะไรสักอย่างของเจ้าดิน
   

“หนูเรียว มาอยู่ที่นี่อาทิตย์กว่าแล้ว เป็นไงบ้าง” พ่อของคมเขี้ยวถามพลางตักปลาทับทิมทอดใส่จานข้าวตัวเองและตามด้วยตักน้ำจิ้มราดชิ้นปลา เรียวจันทร์หันไปยิ้มแบบเหลอหลาเพราะกำลังคุยกับดิน แต่ก็ไม่ถึงขั้นฟังไม่ทันว่าเมื่อกี้อีกฝ่ายถามว่าอะไร
   

“อ๋อ ดีครับคุณป๋า เรียวชอบบรรยากาศที่นี่นะ อากาศเย็นมากกว่าร้อน ต้นไม้เยอะดี แต่เรียวก็ยังเดินดูไม่ทั่วหรอกนะครับ”
   

“ถ้าว่างๆ ก็ลองเดินๆ ดูให้ทั่วนะ…” เมฆาว่าแล้วหันไปมองลูกชายตัวเอง “…ว่างๆ ก็พาน้องเที่ยวฟาร์มบ้าง”
   

“ผมไม่ว่างหรอก ถ้าเขาอยากไปก็ให้ไปเอง ขาก็มี เดินไปสิ” ด้วยความหมั่นไส้อันรุนแรง เรียวจันทร์เลยยกเท้ากระแทกหน้าแข้งไอ้เขี้ยวกุดใต้โต๊ะทานอาหารเต็มแรง อีกฝ่ายหน้าเหยเกและพยายามกลั้นเสียงร้องที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดออกมา
   

“ปากแกนี่มันน่าให้ไอ้เดือนหงายถีบสักที” คนเป็นพ่อว่าอย่างอ่อนใจ ไม่ได้สนใจสีหน้าเจ็บปวดของลูกชายตัวเองเลยสักนิด
   

“อุ๊ย แล้วแขนหนูเรียวไปโดนอะไรมาคะ เป็นผื่นแดงเต็มเลย” คุณบัวที่หันไปเห็นสิ่งผิดปกติบนแขนขาวๆ ของเรียวจันทร์เอ่ยถามอย่างตกใจ
   

“จริงด้วยแม่บัว แขนคุณเรียวเหมือนเป็นลมพิษเลย” เรียวจันทร์ตาโตกับคำว่าลมพิษทันที
   

“ละ… ลม ลมพิษเลยเหรอ”
   

“ไหน แม่ขอดูหน่อย” คุณบัวว่าพลางเขยิบเข้าไปใกล้คนตัวบาง จับแขนทั้งสองข้างขึ้นมาดูอย่างสำรวจ สามหนุ่มที่เหลือมองตามอย่างสนใจ จะมีก็แต่คมเขี้ยวที่รู้สึกเสียววาบๆ ตามสันหลังด้วย
   

“แม่ขอโทษนะคะ แต่ขอดูผิวตรงอื่นด้วยได้มั้ย” เรียวจันทร์พยักหน้าหงึกๆ ถลกเสื้อยืดขึ้นจนเห็นผิวขาวเนียนละเอียดบริเวณหน้าท้อง คมเขี้ยวเบิกตากว้างมองอย่างตะลึง ไม่ได้ตะลึงเพราะความขาวเนียนหรือหุ่นอันบอบบาง แต่เพราะผื่นแดงเถือกบนผิวขาวๆ นั่นต่างหาก
   

“น่าจะยังไม่ถึงขั้นลมพิษ แต่หนูเรียวแพ้อะไรรึเปล่าลูก” เรียวจันทร์ดึงเสื้อลง หันไปมองคมเขี้ยวที่หน้าคร้ามแดดที่ตอนนี้แทบจะซีดเป็นกระดาษเอสี่
   

“วันนี้เรียวไปช่วยพวกพี่ๆ คนงานยกกองฟางมาครับ” เมฆากับคุณบัวตาโตทันที
   

“ห้ะ?! ไปยกกองฟาง ยกทำไมหนูเรียว” เรียวจันทร์ทำหน้าซื่อตาใส ชี้นิ้วไปที่คมเขี้ยวที่นั่งหน้าหดเหลือกี่นิ้วแล้วก็ไม่รู้
   

“ก็คุณเขี้ยวสั่ง เรียวเลยทำตามครับ”
   

พรึ่บ!
   

สามคนที่เหลือบนโต๊ะอาหารหันไปมองทางไอ้เคราเป็นตาเดียวเล่นเอาเรียวจันทร์ต้องกลั้นขำ เพราะหน้าตาไอ้เขี้ยวหักตอนนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างแท้จริง
   

“ไอ้เขี้ยว” ประมุขของบ้านว่าเสียงเย็นและมองหน้าเจ้าลูกชายอย่างคาดคั้น คมเขี้ยวขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะทำท่าหงุดหงิด
   

“แหม่ป๋า ก็ต้องทำงานทุกอย่างได้เปล่าวะ”
   

“อันนี้เกินไปแล้วเขี้ยว ไม่เห็นรึไงว่าผิวเรียวจันทร์เขาบอบบางขนาดไหน”
   

“ไม่เห็นหรอกแม่ ไม่เคยสัมผัสและไม่คิดจะสัมผัสด้วย”
   

“ยังจะหน้าด้านตอบอีก เกิดเขาแพ้รุนแรงขึ้นมา แกจะทำยังไง” คมเขี้ยวขมวดคิ้วแน่น มองหน้าพ่อกับแม่ตัวเองแล้วถอนหายใจเซ็ง เข้าข้างไอ้จันทร์ไรนั่นอีกแล้ว เริ่มสงสัยละว่าเขาอาจไม่ใช่ลูกของบ้านนี้ อาจจะมีการสลับตัวกันเกิดขึ้นในอดีต
   

“ครับๆ ขอโทษครับที่ทำร้ายลูกรักคนใหม่ของบ้านนี้”  เขาว่าเซ็งๆ หมดอารมณ์จะกินข้าวต่อทั้งที่เพิ่งกินไปได้สี่ห้าคำเท่านั้นเอง
   

“พี่เขี้ยวพูดเหมือนน้อยใจเลย” คมเขี้ยวหันไปมองไอ้ดินตาขวางจนอีกฝ่ายสะดุ้ง ไอ้นี่ก็ซื่อมากไปละ
   

“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จทายาให้หนูเรียวด้วยนะ โทษฐานที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้”
   

“โห่แม่ มันก็ทำเองได้หรอก ไม่ได้แขนด้วนซักหน่อย” คุณบัวไม่เถียงอะไรกลับ ทำแค่เพียงกดหน้าลงเล็กน้อยแล้วจ้องตาดุๆ คมเขี้ยวทำหน้าอึดอัดแต่ก็ยอมเงียบไม่กล้าเถียงมารดา
   

“ทนไหวมั้ยหนูเรียวหรือจะทายาก่อน”
   

“กินข้าวก่อนก็ได้ครับป๋า” คนถามพยักหน้ารับน้อยๆ
   

“ก็ดีเหมือนกันจะได้กินยาแก้แพ้ด้วย” หญิงสาวเดินอ้อมโต๊ะไปตรงตู้ยาของบ้าน หยิบแผงยาแก้แพ้ออกมาหนึ่งแผง เดินกลับมาที่โต๊ะแล้วยื่นให้เรียวจันทร์ อีกฝ่ายยกมือรับไหว้ วางไว้ข้างตัวก่อนจะนั่งทานข้าวต่อ
   

นางนั่งอมยิ้มขำเพราะเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของคมเขี้ยว อีกฝ่ายลุกขึ้นเดินออกไปจากโต๊ะอาหาร เมฆากับคุณบัวมองตามลูกชายแล้วมองตากันสักพัก ก่อนจะกินข้าวกันต่อ โดยที่ทั้งสองรู้ว่าเว้นไว้สักพักค่อยไปง้อไอ้เคราขี้งอน
      
V
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2017 18:51:53 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
V
v
v



“เอ้า! ถ้าเสร็จแล้วก็รีบมานั่งนี่ จะได้ทายา จะได้ไปนอนสักที!” หลังจากช่วยคุณแม่ล้างจานและเก็บโต๊ะอาหาร เรียวจันทร์ก็กล่าวลาผู้ใหญ่ทั้งสองคนไปนอน โดยที่เจ้าลูกชายของบ้านออกไปนั่งรอหน้าหงิกตรงโต๊ะระเบียงหน้าบ้านแถวชานบันไดที่จะลงไปประตูรั้วของบ้านโดยมีดินนั่งอยู่เป็นเพื่อน
   

“ใจเย็นได้มั้ยเนี่ย เห็นมั้ยว่ากำลังก้าวขาเดินไป” เรียวจันทร์ว่าอย่างหงุดหงิดไม่แพ้อีกฝ่าย เดินไปนั่งตรงโต๊ะไม้สักสีน้ำตาลริมขอบระเบียงเหล็กใกล้ๆ กับไอ้เขี้ยวกุด ก่อนจะแบมือออกไปขอกระปุกยา
   

“ทาเองละกัน”
   

“ฉันก็ไม่ได้คิดจะขอน้ำใจจากคนอย่างนายหรอก” พูดแล้วเบ้ปาก อีกฝ่ายแค่ทำหน้าเซ็ง ดินนั่งมองทั้งสองคนหน้าซื่อ แววตางงไม่เข้าใจว่าทำไมสองคนนี้ต้องแง่งๆ ใส่กันขนาดนี้ มีใครไปตีหน้าญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก่อนหรือเปล่า
   

เรียวจันทร์เขย่าขวดยาสามสี่ทีแล้วเปิดฝาเทยาน้ำสีชมพูกลิ่นเหมือนแป้งเด็กละลายน้ำใส่ฝ่ามือขวา เอาไปลูบแขนซ้ายทั้งแขนจนผิวเป็นสีชมพูอ่อน ก่อนจะสลับข้างทำแบบเดียวกันกับแขนอีกข้าง
   

“คุณเรียวกินยาแก้แพ้ไปยังครับ” ดินถามเสียงนุ่ม เรียวจันทร์ทำหน้านึกขึ้นได้
   

“เออ ยังเลยอะ” พูดไปก็ล้วงมือเข้าไปทายาตรงท้องกับหน้าอกของตัวเอง
   

“งั้นเดี๋ยวผมไปเอามาให้นะครับ” ดินพูดพร้อมลุกขึ้นยืน เรียวจันทร์หันไปยิ้มสวยเป็นการขอบคุณ ทำให้ดินหน้าแดงหน่อยๆ ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในบ้าน
   

“โปรยเสน่ห์เก่งเหลือเกินนะ” คมเขี้ยวที่เห็นลูกน้องตัวเองเขินรอยยิ้มหวานจากไอ้หน้าหวานก็อดจะแขวะไม่ได้
   

“ทำไมอะ ก็มีให้โปรย” เรียวจันทร์ว่าอย่างเย่อหยิ่งหน่อยๆ และพยายามเอื้อมมือไปทายาด้านหลังของตัวเอง แต่ก็เอื้อมได้ลำบากลำบนเหลือเกิน คมเขี้ยวเห็นแบบนั้นก็ทำหน้าเอือม แต่ก็ยื่นมือไปดึงขวดยามาไว้ในมือ
   

“หันหลังไป” เรียวจันทร์ยักคิ้วสองข้างแวบหนึ่ง นั่งหันหลังให้อีกฝ่ายพร้อมดึงเสื้อขึ้นมากองไว้ตรงหน้าอก คมเขี้ยวมองผิวขาวเนียนเกินชายแล้วนึกแอบทึ่งในใจว่าดูแลตัวเองดีอะไรขนาดนั้น ขนาดมีผื่นแดงเต็มหลังยังรู้เลยว่าผิวจริงเนียนละเอียดและขาวใสขนาดไหน เผลอๆ ขาวอมชมพูด้วยซ้ำ
   

“นี่ๆ อย่ามัวแต่ตะลึง ฉันรู้ว่าผิวฉันสวย แต่ไม่ต้องตะลึงนานมากก็ได้” คมเขี้ยวผงกหน้าขึ้นไปมองเสี้ยวหน้าสวยหวานที่หันมาเหลือบมอง เขาบิดปากเล็กน้อย จัดการเหยาะยาจากขวดไปทั่วหลังของเรียวจันทร์ก่อนจะยื่นมือไปลูบหยดยาให้มันเนียนไปกับผิว
   

ป้าบ ป้าบ ป้าบ!
   

“เฮ้ยๆ ไม่ต้องตีแรงขนาดนั้น ยาไม่ซึมเข้าไปข้างในหรอกพ่อคุณ” คมเขี้ยวแอบยิ้มขำตรงมุมปาก เขาแกล้งเอามือตีหลังเนียนๆ นั่นดังลั่นระเบียงจนผิวขาวขึ้นรอยแดงชัดเจน ช่างบอบบางเสียเหลือเกินแม่คุณนาย
   

“ยามาแล้วครับคุณเรียว” ดินเดินออกมาพร้อมยากับน้ำหนึ่งแก้ว เรียวจันทร์สวมเสื้อกลับเข้าไปตามเดิม หันตัวไปรับน้ำกับยา ยกน้ำดื่มแล้วหย่อนยาตามลงไป
   

“อ้า… ขอบใจมากนะดิน” ดินยิ้มอย่างจริงใจ เรียวจันทร์ดื่มน้ำต่อจนหมดแก้วแล้ววางไว้บนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
   

“ฉันไปนอนละ ฝันดีนะนายคมเขี้ยวหน้าเบี้ยวหน้าบูด” คมเขี้ยวขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงเลยทำหน้าเอือมๆ โบกมือปัดไล่อีกฝ่ายให้ไปไกลๆ เรียวจันทร์เบ้ปากใส่แล้วหมุนตัวเดินลงบันไดนำดินไปก่อน
   

“ไปก่อนนะพี่เขี้ยว”
   

“เออ ส่งให้ถึงห้องอะ”
   

“ครับพี่” ดินยิ้มแล้วรีบเดินตามเรียวจันทร์ไป คมเขี้ยวมองแผ่นหลังของทั้งสองคนที่กำลังเดินไปที่ประตูรั้วของบ้านด้วยสายตานิ่ง พอสองคนนั้นหลุดออกจากประตูรั้วบ้าน เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านตัวเอง


   

“ขอบใจมากนะดินที่มาส่ง กู๊ดไนท์นะจ๊ะ” เรียวจันทร์ยิ้มหวานจนดินเขินทำตัวไม่ถูก สร้างเสียงหัวเราะให้กับเรียวจันทร์
   

“ฝันดีนะครับคุณเรียว”
   

“นี่ มาเป็นแฟนฉันมั้ย ดินน่ารักอะ” ขนาดว่าผิวคล้ำจนดำเมื่อมยังเห็นชัดว่ามีรอยแดงบนใบหน้า ไอ้ดินกะพริบตาปริบมองหน้าคนสวยที่ยืนยิ้มพิมพ์ใจอยู่ตรงหน้า
   

“เอ่อ ดินไม่อาจเอื้อมหรอกครับ” เรียวจันทร์ที่กำลังยิ้มถึงกับตาโตอ้าปากหวอ
   

“โห ยังมีคนที่คิดแบบนี้อยู่อีกเหรอ นี่มันแนวความคิดยุคโบราณมากนะ ดิน ฉันไม่ได้สูงส่งอะไรเลย และจำไว้นะ ถ้าเกิดดินรักใครสักคน อย่าคิดแบบนี้ คนทุกคนมีค่าเท่ากันหมด อะ โอเค ประเทศเราอาจจะดัดจริตสักหน่อยกับการบอกว่าไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ ไม่แบ่งฐานะ แต่จริงๆ แล้วตรงข้ามไปหมด แต่ดินต้องไม่ดูถูกตัวเองนะจำเอาไว้” เรียวจันทร์บ่นซะยืดยาว แต่ก็ไม่ได้บ่นจริงจังเหมือนคนแก่บ่นเด็กๆ หรอก เพราะเรียวจันทร์จะไม่มีทางยอมทำให้ตัวเองดูเป็นนังเก้งสาวแก่ๆ คนหนึ่งแน่นอน
   

ไอ้ดินมองเรียวจันทร์อย่างประทับใจ มันยิ้มน้อยๆ มีแววเขินอยู่ในดวงตาสุกใสคู่นั้น เรียวจันทร์มองอีกฝ่ายแล้วยิ้มปากบางเฉียบ ยกมือขวาขึ้นไปตบต้นแขนล่ำหนาของอีกฝ่ายเบาๆ
   

“กล้ามแน่นๆ แบบเนี้ย เรียวชอบ” ไอ้ดินยิ้มกว้างเขินจัด มันก้มหน้าหลบสายตาแพรวพราวคุณเรียวจันทร์สุดสวย
   

“ผม… ผมไปไม่เป็นแล้ว” เรียวจันทร์หัวเราะสดใส มองนายดินดวงตาเป็นประกาย รู้สึกประทับใจกับความใสซื่อของผู้ชายตัวโตคนนี้เหลือเกิน ภายนอกอย่างโหด แต่ภายในมุงมิ้งน่าเอ็นดูมาก
   

“น่ารักจริงเชียว มีแฟนรึยังเนี่ย” ไอ้ดินรีบส่ายหน้าทันที
   

“ยังครับ ผมโสด” เรียวจันทร์แสร้งยิ้มยั่วยวน
   

“แบบนี้ฉันก็มีสิทธิ์น่ะสิ” ไอ้ดินก้มหน้าเขินอีกครั้ง มันเม้มปากเบาๆ แล้วเงยหน้ามองคุณเรียวอีกครั้ง อีกฝ่ายยิ้มกว้างสดใส
   

“ก็มีครับ ผมยังไม่มีใครจริงๆ” เรียวจันทร์ยิ้มอ้าปากกว้าง ยกสองมือจับแก้มตัวเอง นางรู้สึกเขินจริงขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ที่เขินไม่ใช่เพราะชอบดินในความรู้สึกแบบนั้น แต่เขินเพราะความใสซื่อน่ารักของดิน
   

“โอยยย ดิน มีสิทธิ์เสียตัวได้ง่ายๆ เลยนะเนี่ย” ดินกะพริบตาปริบๆ มองอย่างไม่เข้าใจ เรียวจันทร์ยิ้มเอ็นดู ยกมือตบไหล่ขวาคนตัวหนาอีกที
   

“เอาล่ะ ไปนอนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”
   

ไอ้ดินมองมือบางที่วางอยู่บนไหล่ตัวแล้วหันไปยิ้มน่ารักซื่อๆ กับเจ้าของมือ “ครับ ฝันดีนะครับคุณเรียว”
   

“เช่นกันจ้ะ” เรียวจันทร์ยกมือบ๊ายบายอย่างน่ารัก ไอ้ดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยกมือบ๊ายบายกลับไป ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากหน้าออฟฟิศของฟาร์มหรือห้องนอนคุณเรียวจันทร์ เดินกลับไปทางที่พักคนงานหรือตรงหมู่บ้านคาวบอยที่ไอ้ดินมักจะชอบไปนอนมากกว่าห้องนอนตัวเองในบ้านใหญ่ที่พี่เขี้ยวยกให้
   

เรียวจันทร์มองตามร่างหนาตัวสูงใหญ่แล้วยิ้มน้อยๆ นึกในใจว่านางรักและเอ็นดูดินเหมือนน้องชายมากกว่าจะคิดไปในทางนั้น ไม่คิดว่าจะมีคนใสซื่อบริสุทธิ์ได้เท่านี้ด้วย
   

เอ๊ะ หรือเพราะนางมันแจ๋นแหลนเกินไป จนไม่ชินกับความบริสุทธิ์นั้นนะ
   

กำลังคิดอะไรเพลินๆ และกำลังเปิดประตูออฟฟิศเพื่อจะเข้าไปห้องนอน เรียวจันทร์ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อมีมือใหญ่ๆ สากๆ มือหนึ่งปิดปากตัวเองไว้จากทางด้านหลัง
   

“เดินเข้าไปข้างในเงียบๆ ถ้าโวยวาย หน้าสวยๆ แหกแน่!” อี๋! ไอ้น่าเกลียด ไอ้โหด! บังอาจเอาหน้าสวยๆ ของฉันมาขู่กันเหรอ แบบนี้ฉันก็ต้องกลัวน่ะสิ


แล้วกลิ่นตัวเนี่ยจะแรงแข่งกับขยะเปียกเหรอ?! สกปรกที่สุด!



 

:hao7:

มาต่อแล้ววว ทำไมถึงชอบหายไปนานกับเรื่องนี้นะ T^T คือมันเป็นการเขียนสดตอนต่อตนอน แล้วเขียนสองเรื่อง ตอมจะแบ่งสมองยากมาก นับถือคนเขียนที่สามารถเขียนได้หลายๆ เรื่องอะ ทำได้ไงงง

แต่ยังไงก็มาต่อจนครบตอนนี้แล้วนะคะ พาขุ่นแม่เรียวจันทร์มาพบปะแฟนๆ แล้ว โดนนางเหวี่ยงไปเยอะมากเช่นกัน โทษฐานไม่สนใจเรื่องนาง มัวแต่ปั่นต้นฉบับน้องเอเลี่ยน 55555 มาแล้วค่ะคุณแม่ มาแล้ววว

ใครทำอะไรขุ่นแม่คะ จะมีใครปล้ำขุ่นแม่หรือเปล่า ขุ่นแม่จิเอาตัวรอดได้มั้ย แต่ก็เนาะ สวยๆ อย่างขุ่นแม่ก็ต้องมีผู้ชายหมายปอง ดูได้จากการที่นางไม่สะทกสะท้านเลยที่ถ้าหากต้องโดนเสี่ยทัพจับไปเป็นนกในกรงทอง แต่ก็ อ๊ะๆ มันก็ความคิดตอนนี้อะเนาะ พอรักกับพี่เขี้ยวแล้ว อาจจะไม่อยากไปก็ได้ใครจิไปรู้ววว -..-

เสี่ยทัพใจดีแค่บนเตียงเนาะ เหมือนที่เป็ดบอก เสี่ยก็คือเสี่ย อิทธิพลก็มี อำนาจก็มาก แค่เสี่ยยังไม่แสดงด้านนั้น ได้เห็นแต่ด้านหื่นๆ ของเสี่ยกับขุ่นแม่เรียว ฮี่ๆ แต่เสี่ยทัพใจดี (กับเด็กๆ) ค่าาา เป็นเด็กในสังกัดเสี่ย ไม่ต้องกลัวลำบาก คริๆ

ใครเจอคำผิดบอกได้นะคะ ขอบคุณมากๆ ที่ช่วยเช็ก แล้วก็ขอบคุณมากๆ ค่ะสำหรับคนอ่านที่ติดตามขุ่นแม่เรียวและพ่อเขี้ยวอยู่ ขอบคุณที่รักพวกเขาในแบบที่เขาเป็น ดีใจที่มีคนอ่านเรื่องนี้แล้วชอบสไตล์เรื่องแบบนี้ ชอบนายเอกแบบนี้ แสดงว่าเลเวลทางใจคุณสูงจริงๆ 55555

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะ  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2017 18:53:30 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ PingPong_Hunlay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ใครรรรร อะไร ยังไง?????
พึ่งตามอ่านทันฮามาก555 #แม่ก็คือแม่

ออฟไลน์ lalaly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :z10:ถึงมาช้ายังงัยก็จะรออ่านเหมืินเดิม

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ขนาดฉากอันตรายยังฮาเลย

ออฟไลน์ mochimanja2

  • มึน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาต่อไวๆน๊า เค้ารออยู่ สนุกๆ :3123:

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8

คาถาที่ ๙ :: Charming devil. (นางมารทรงเสน่ห์) [50%]



   ร่างบางถูกร่างใหญ่หนาและชุ่มไปด้วยเหงื่อของใครสักคนดันเข้ามาในออฟฟิศและเป็นห้องนอนของนางด้วย เรียวจันทร์ทำหน้าหยี สีหน้าพะอืดพะอมรู้สึกขมคอยามที่แขนสัมผัสเหงื่อชุ่มโชกของอีกฝ่าย นางพยายามเบี่ยงตัวหลบหลีกร่างกายของผู้ชายอีกคน แต่ไอ้บ้าข้างหลังก็ยังคงเอาตัวเข้ามาแนบชิดนางราวกับสนิทสนมกันมานานแรมปี
   

“นี่! ปล่อยได้มั้ย จะสนิทชิดเชื้อกันมากไปละ หน้าแกฉันยังไม่เคยเห็นเลย!” ไม่รอให้มันปล่อยเอง แต่เรียวจันทร์กระทืบเท้าไอ้ตัวอับเต็มแรง
   

“โอ๊ย!” มันปล่อยมือออกจากแขนบางของเรียวจันทร์แล้วกระโดดเหยงด้วยความเจ็บ คนหน้าสวยสะบัดหน้าหันไปมองพร้อมกับกระเถิบหนีอย่างเร็ว
   

ไม่ใช่กลัวเพราะมันน่ากลัว แต่กลัวเพราะตัวมันชุ่มไปด้วยเหงื่อ!
   

“ฤทธิ์เยอะนักนะ…”
   

“…อ๊ะๆ” เรียวจันทร์ยกมือขวาเบรกคำพูดของอีกฝ่ายไว้ทันทีพร้อมกับเบ้ปากและทำหน้าพราวเล็กๆ
   

“อย่าเพิ่งบอกว่าเยอะ แค่นี้ยังเยอะไม่พอหรอก เห็นทุกมุมก่อนเสะแล้วค่อยว่าเยอะ กะอีแค่กระทืบเท้ามันยังแค่เบื้องต้นเท่านั้นละ” เรียวจันทร์กอดอก ปรายตามองอีกคนประหนึ่งว่าฝ่ายนั้นเป็นเด็กอมมือเพิ่งเรียนรู้โลกกว้าง ชายร่างใหญ่จ้องมองเรียวจันทร์อย่างขุ่นเคือง แต่แม่ร่างบางนางไม่ได้สนใจสักนิด
   

“แล้วนี่มีอะไร จะมาปล้น มาปล้ำ หรือทั้งปล้น ทั้งปล้ำ ถ้าทำสองอย่าง ขอปล้ำก่อนนะ อืมม กินได้ๆ” เรียวจันทร์สำรวจร่างกายกำยำของอีกฝ่าย พยักหน้ากับตัวเองอย่างพอใจ แม้จะหน้าตาธรรมดาออกแนวโจรผู้ร้ายไปสักหน่อย แต่หุ่นแซ่บสะท้านใจน่าดู จับอาบน้ำก่อนปล้ำก็น่าจะใช้ได้แล้วละ
   

“ผมก็อยากปล้ำเหมือนกัน แต่ติดที่เสี่ยทัพไม่อนุญาต” ชื่อที่เอ่ยออกมาจากริมฝีปากคล้ำหนาทำให้นายแบบหนุ่มชะงักกึก
   

“เสี่ยทัพ? เขามาเกี่ยวอะไรด้วย ไม่สิ เกี่ยวแน่ ไม่งั้นแกคงไม่เอ่ยชื่อ ถามใหม่ เขาเกี่ยวข้องกับแกยังไง” จะว่าเป็นคู่ขาของเสี่ยแกก็ไม่ใช่ เสี่ยไม่น่าจะนิยมร่างบึกและถึกทึนแบบนี้นะ
   

“ผมเป็นคนที่เสี่ยทัพส่งมาอยู่ที่นี่ก่อนหน้าคุณสามเดือน” เรียวจันทร์เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ที่ตะลึงก็เพราะว่าหมอนี่มาอยู่ที่นี่ได้ตั้งสามเดือนแล้วต่างหาก
   

“อยู่มาสามเดือน? แล้วทำอะไรไปแล้วบ้าง เสี่ยเขาให้แก เอ่อ นายก็ได้ เสี่ยเขาให้นายทำอะไรไปแล้วบ้าง” นางถามด้วยอาการใจเต้นแผ่วๆ กำลังงงว่าตัวเองจะตื่นเต้นทำไม
   

คนถูกถามทำหน้าไร้อารมณ์แล้วยักไหล่ “ตอนนี้ยัง แค่ทำตัวให้เป็นพนักงานของฟาร์มนี้ให้ดีที่สุดก่อน เดี๋ยวคำสั่งจะมาอีกที”
   

เรียวจันทร์หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ กำลังจะนึกอะไรต่อ แต่ก็ดันมีความคิดบางอย่างแทรกเข้ามาอย่างฉับพลัน นายแบบหนุ่มเบิกตากว้างและกระเถิบเข้าไปมองหน้าลูกน้องเสี่ยทัพใกล้ๆ อีกที แล้วนางก็นึกออก
   

“ฉันเคยเห็นนายตอนไอ้เขี้ยวกุดพาฉันเดินเที่ยวฟาร์ม” หมอนั่นไง ที่จ้องมองนางอย่างกับอยากกลืนกินนางไปทั้งตัว แต่นางก็เข้าใจนะว่าเสน่ห์ของตัวเองคงดึงดูดใจมาก เลยอาจจะห้ามใจยากที่ไม่ให้ใช้สายตาแทะโลมกับนางแบบนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะกลายมาเป็นพวกเดียวกัน


ไม่สิ นางกับหมอนี่ไม่ใช่พวกเดียวกัน เรียกว่ามีคนรู้จักคนเดียวกันเฉยๆ ก็พอ
   

“อ้อ จำผมได้ด้วย” ไอ้ผิวเหงื่อโชกแสยะยิ้มน้อยๆ เรียวจันทร์ย่นคิ้ว
   

“อย่าเรียกว่าจำ เพราะฉันไม่ได้จำนายไว้ในหัว เรียกว่าผุดจะดีกว่า” เรียวจันทร์ยกคิ้วทั้งสองข้างขึ้นสูงแล้วทำหน้าเป็นเชิงถามว่า โอเค๊?
   

ลูกน้องของเสี่ยทัพขมวดคิ้ว มองเรียวจันทร์ด้วยความหงุดหงิดปนหมั่นไส้เล็กๆ กับความมากจริต “แล้วแต่คุณเหอะ”
   

เรียวจันทร์แบะปากนิดหน่อย คลายสองแขนที่กอดอกเอาไว้ออก “แล้วมีอะไร ถึงได้บุกประชิดตัวฉันซะขนาดนี้”
   

คนถูกถามยักไหล่พร้อมทำหน้าไร้อารมณ์ก่อนตอบ “เปล่า แค่มาแนะนำตัวให้คุณได้รู้จัก ให้คุณรู้ว่าเราเป็นพวกเดียวกัน”
   

เรียวจันทร์อ้าปากหวอ กดหน้าลงนิด มองอีกฝ่ายค้างเติ่ง “แค่เนี้ย?”
   

พ่อหนุ่มร่างใหญ่เหงื่อชุ่มพยักหน้ายืนยันกับคำตอบที่ตัวเองบอกคนหน้าหวานไป เรียวจันทร์หุบปากฉับ หลับตาลง กัดฟันแน่นด้วยอารมณ์โมโหเล็กๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมองชายหนุ่มร่างกำยำ
   

“ทักทายได้ป่าเถื่อนเหลือเกินนะพ่อคุณ เสี่ยทัพเขาสอนให้ลูกน้องทักทายคนอื่นแบบนี้ทุกคนเลยรึไง?”
   

“บางคนเสี่ยเขาให้ทักด้วยลูกปืนก่อนด้วยซ้ำ” เรียวจันทร์กำลังจะเถียง แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าจริงจังไม่มีแววเล่น นางเลยเม้มปาก ทำหน้าหน่อมแน้ม แล้วเสียงพูดของเพื่อนสนิทก็ดังขึ้นในหัว
   

เสี่ยเขาไม่ได้นุ่งขาวห่มขาวอยู่ในวงการนักเลง
   

“สรุปคือไม่มีอะไร แค่มาเอ่ยบอกเฉยๆ ว่านายเป็นลูกน้องเสี่ยทัพ”
   

“เสี่ยเขาอยากให้คุณกับผมร่วมมือกันในบางคำสั่ง…” เรียวจันทร์ขมวดคิ้ว เริ่มมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ ไม่ใช่ไม่ไว้ใจว่ามันจะปล้ำ ไม่ไว้ใจอีตาเสี่ยทัพที่จู่ๆ ก็มาสั่งอะไรแบบนี้ต่างหาก


“…แล้วเสี่ยทัพก็ฝากผมมาดูแลคุณ” คนสวยยังคงขมวดคิ้ว แล้วถามอย่างนึกสงสัย


“จะมาดูอะไร ฉันดูแลตัวเองได้ แล้วเสี่ยเขาก็รู้อยู่แล้วว่าฉันจะทำอะไร ไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับนายก็ได้” ลูกน้องเสี่ยทัพเลิกคิ้วขึ้น ยิ้มเยาะหน่อยๆ เรียวจันทร์ถลึงตากลับที่บังอาจมาทำท่าเยาะแบบนั้นใส่


“ไอ้วิธีที่จะจับไอ้คมเขี้ยวเป็นผัวอะเหรอ” เรียวจันทร์เบิกตากว้างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ


“หยาบคาย!...” แต่สักพักก็ทำหน้าลอยหน้าลอยตาต่อ “…แต่ก็ใช่อะ ฉันจะทำแบบนั้น”


ชายหนุ่มตัวใหญ่ยิ้มมุมปากเยาะอีกที เรียวจันทร์ยกสองมือเท้าเอวแล้วส่งเสียงแว้ด “นี่! สีหน้าแบบนั้นช่วยเอาไปใช้ที่อื่นด้วย ห้ามเอามาใช้กับฉัน ทำอย่างกับฉันสิ้นไร้ไม้ตอก ชีวิตฉันยังไม่ได้น่าสมเพชขนาดนั้นสักหน่อย”


“ผมว่าถ้าคุณคิดจะจับไอ้คมเขี้ยว สู้ไปเป็นเมียเสี่ยทัพแล้วให้เขาใช้หนี้ให้ไม่ดีกว่าเหรอ” ลูกน้องเสี่ยทัพไม่สนใจอาการแว้ดๆ ของอีกฝ่ายแต่พูดสวนกลับไปอย่างไร้อารมณ์ เรียวจันทร์เบ้ปาก


“คือยังไง? นี่ตาเสี่ยเขาส่งนายมาเป็นกามเทพให้เขาด้วยเหรอ” ชายหนุ่มร่างใหญ่หัวเราะก่อนจะว่าต่อ


“ตอนนี้เขายังเจรจาได้ง่ายๆ แต่ถ้าเขาเกิดคลั่งคุณมากกว่านี้เมื่อไหร่ คุณอาจได้ลิ้มลองรสชาติจำเลยรักก็ได้นะ” แทนที่จะทำหน้าหวาดกลัว แต่เรียวจันทร์กลับยิ้มกรุ้มกริ่มและมีท่าทางภาคภูมิใจเล็กๆ ที่ได้ยินแบบนั้น


“แหม ขนาดเกิดเป็นผู้ชายยังสวยได้ขนาดนี้เลยอะ นี่ถ้าฉันเป็นผู้หญิงนะ ท็อปไฟว์มิสยูเวิร์สยังน้อยไป ต้องมงลงเท่านั้น” ว่าเสร็จก็ยิ้มเขินตาหยี ยกมือป้องปากหัวเราะคิกคัก ทิ้งให้ชายหนุ่มอีกคนมองอย่างประหลาดใจกับพฤติกรรมประหลาดของตัวเอง


“เอาเป็นว่าผมมาแนะนำตัวแล้ว และตอนนี้คุณมีฐานะเป็นเมียเสี่ยทัพ ถ้าใช้อะไรผมก็เรียกแล้วกัน แต่ไม่ใช่ให้ผมไปช่วยจับไอ้คมเขี้ยวให้นะ” เรียวจันทร์ทำตาดุใส่อีกฝ่าย ไม่ใช่เพราะเคืองเรื่องที่จะให้มาช่วยจับนายคมเขี้ยว เพราะอันนั้นนางทำเองได้ แต่เคืองตรงที่บอกว่าเป็นเมียตาเสี่ยทัพนั่นต่างหาก


“ฉันไม่ใช่เมียเสี่ย เราแค่มีอะไรกันย่ะ!” เรียวจันทร์เท้าเอวมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเข่นเขี้ยว ไม่โกรธจริงจังที่โดนหาว่าเป็นเมียตาเสี่ยนั่น แค่เคืองนิดหน่อยที่ยกฐานะนี้ให้ โดยที่นางยังไม่ได้ตอบรับ


“ไปเคลียร์กับเสี่ยเองนะ เพราะเขาบอกลูกน้องทุกคนแบบนี้…” เรียวจันทร์ถอนหายใจ ทำหน้าปลดปลงแล้วยกมือกอดอกอีกที


สวยมากก็ลำบากใจจริงๆ ผู้ชายพร้อมแย่ง


“…อ้อ ระวังคุณพยาบาลคนสวยคนนึงไว้นะ ผมเห็นเธอกับไอ้เขี้ยวสนิทสนมกัน นั่นอาจเป็นคู่แข่งคนสำคัญของคุณก็ได้” เรียวจันทร์กะพริบตาปริบสองสามที ก่อนจะเบ้ปากนิดหน่อยและไหวไหล่ขวาน้อยๆ


“ทำไมต้องระวังด้วย นางเป็นกับดักระเบิดเหรอ” ลูกน้องเสี่ยวทัพหัวเราะน้อยๆ แล้วยักไหล่ทั้งสองข้าง


“ผมไปละ อ้อ ผมชื่อแม็ค ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเรียวจันทร์” ว่าจบเจ้าของนามก็เดินออกไปทางประตูจากออฟฟิศ ทิ้งให้เรียวจันทร์ยืนมองตามอย่างมึนๆ งงๆ นิดหน่อย


แม้จะทำเป็นเฉิดฉาย แต่ในใจนางก็นึกเป็นกังวลอยู่ลึกๆ ว่าเสี่ยจอมทัพจะทำอะไรร้ายแรงกับฟาร์มนี้หรือเปล่า นางก็ไม่ได้ว่ามีจิตผูกพันอะไรกับที่นี่เป็นจริงเป็นจัง แต่ใจมันดันเป็นกังวลขึ้นมา


แต่ช่างเถอะ ถ้ายังไม่ถึงขั้นเผาหรือวางระเบิดที่นี่ก็ดีไป แต่เอ๊ะ? มันก็มีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน เพราะตาเสี่ยทัพอยากได้ที่ดินตรงนี้นักหนา บางทีลูกบ้าอาจจะเยอะกว่าที่คิด เรียวจันทร์ล่ะนึกสงสัยว่าที่ดินตรงนี้มันมีดีอะไรนักหนาถึงอยากได้นัก มันฝังทองคำทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองไว้รึไง


เช้าวันต่อมาเรียวจันทร์ตื่นอาบน้ำแต่งตัวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาที่เข้ากับผิวขาวเนียนละเอียดยิ่งกว่าหญิงสาวบางคน กางเกงสกินนี่สีดำรัดรูปที่ทำให้รูปร่างของนางเพรียวบางสูงยาวเข่าดีมากขึ้น ริมฝีปากสีชมพูถูกแต่งแต้มด้วยลิปกอสมันวาวดูสุขภาพดี แม่นางส่งจุ๊บกับตัวเองหน้ากระจกในห้องนอน ก่อนจะคว้ากระเป๋าหนังทรงสีเหลี่ยมสะพายข้างของแบรนดังขึ้นมาคล้องแขน พร้อมกับใส่แว่นกันแดดสีชาอันใหญ่ไว้บนดั้งโด่งแล้วเดินออกจากห้องนอนของตัวเองไปอย่างหน้าเชิดคอตั้ง


“ไปไหนน่ะ?!” อารมณ์หน้าเชิดแจ่มจ้าแทบดับวูบเมื่อได้ยินน้ำเสียงห้วนทื่อจากชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก็อตกับกางเกงยีนสีน้ำเงิน เรียวจันทร์หันหน้าหมดอารมณ์ของตัวเองไปมอง


“ฉันมีอีเว้นต์ที่กรุงเทพฯ ฉันบอกนายไปแล้วนะ” คมเขี้ยวพ่นลมหายใจพร้อมกับเบะปากน้อยๆ


“เบื่อพวกเซเล็ปจริงจิ้ง” เรียวจันทร์มองหน้าคมเขี้ยวผ่านเลนส์แว่นแล้วไหวไหล่อย่างมีลีลา ก่อนจะพูดจีบปากจีบคอ บีบเสียงเล็กเสียงน้อย


“ก็ลำบากใจอะค่ะ แต่ว่าก็จะพยายามแบ่งหน้าที่ในชีวิตให้ดีที่สุด” พูดจบก็ทำปากจู๋แอ๊บแบ๊ว คมเขี้ยวทำท่าอ้วก เรียวจันทร์ลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ


“แพ้ท้องบ่อยเนาะ ไปเสียตัวให้ใครมาล่ะ”


“ใครก็ได้ แต่ไม่ใช่คุณแน่” เรียวจันทร์ทำหน้าว่าหูว


“สำส่อนจังเลยอะ เอาใครก็ได้เงี้ยเหรอ ระวังจะเป็นเอดส์นะ”


“บางทีเอากับใครก็ได้ อาจจะปลอดภัยกว่าเอากับคุณ” เรียวจันทร์เบ้ปากแรง ดึงแว่นออกจากหน้าก่อนจะใช้ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าหล่อคมเข้มของไอ้เขี้ยวกุด


“ลองเอาก่อนสิ แล้วค่อยมาบอกว่าปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย” คมเขี้ยวทำท่าขนลุกขนพอง เห็นแล้วก็ทำให้พ่อหน้าหวานนึกหมั่นไส้ นึกอยากจะจับทำผัวให้สำเร็จไวๆ


“เอากับต้นกล้วยยังน่าสนใจกว่าอีก”


“โถถถถ! ก็ถ้าต้นกล้วยมันยั่วมาก นายก็ตัดมาทำเมียเลยซี้ ไปสิ เอาสิ อยากจะเห็นคนเอาต้นกล้วยเหมือนกัน เคยเห็นแต่ในคลิปที่แชร์ๆ กันมา ฉันอยากเห็นของจริงเป็นบุญตา ทำให้ดูหน่อยสิ!” หมั่นไส้นัก ทำอย่างกับฉันเป็นหมามุ่ย!


“เป็นแม่ผมรึไงถึงมาสั่ง” คมเขี้ยวถามหน้าตายียวน เรียวจันทร์กัดฟันแน่น ยกมือซ้ายที่ถือแว่นอยู่ขึ้นชี้หน้าอีกฝ่าย


“จะเล่นใช่มะ ได้! อย่าให้ถึงจังหวะของฉันก็แล้วกัน แม่จะเล่นให้อวดดีไม่ออกเลย” คมเขี้ยวทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้ ยิ้มเบ้ปากขำขันสนุกสนาน


“จะทำอะไรผมเหรอครับคุณนายเรียวจันทร์”


“ฉันจะจับนายทำผัวให้ได้น่ะสิ!” เรียวจันทร์บอกอย่างมาดมั่น เล่นเอาคมเขี้ยวสะอึกไปเหมือนกัน เพราะแม่งเล่นทำหน้าตาว่า กูเอาจริงแน่ๆ


“ชีวิตกูทำบาปอะไรมาวะถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” คมเขี้ยวตัดพ้ออย่างทรมานใจกับการที่ต้องหวาดระแวงว่าตัวเองจะเสียตัวให้กับไอ้จันทร์ไรเมื่อไหร่


“บอกเลยนะว่าถ้านายได้ฉันเป็นเมียล่ะก็ บาปที่นายว่าจะหายไป กลายเป็นขึ้นสรรค์ชั้นเจ็ดไปเลยแหละ” ไอ้ครั้นจะพูดปกติน่ะไม่เท่าไหร่ แต่นางดันพูดด้วยสีหน้าภูมิอกภูมิใจ และยืนยันสีหน้ามั่นเหมาะมากว่าสิ่งที่ตัวเองพูดนั้นเป็นเรื่องจริงแน่ๆ หากคมเขี้ยวได้ลิ้มลองตัวนาง


“น่ากลัวว่ะ” คมเขี้ยวทำหน้าขยาดที่เรียวจันทร์เริ่มจะเห็นบ่อยขึ้น คนหน้าสวยถลึงตาใส่ คมเขี้ยวส่ายหัวอ่อนใจแล้วจะเดินเลี่ยงออกไปทางคอกวัว แต่เรียวจันทร์นึกถึงเหตุการณ์ที่ได้เจอกับลูกน้องเสี่ยจอมทัพเมือคืนก็นึกอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับนายคมเขี้ยว


“เดี๋ยวก่อน” คนถูกเรียกหยุดเดินแล้วหมุนตัวมามอง


“จะสร้างความน่ากลัวอะไรให้ผมอีก” เรียวจันทร์จิ๊ปากหนึ่งที ไม่นึกอยากเถียง แต่นึกอยากจะพูดเตือน หรือพูดอะไรก็ได้ให้คมเขี้ยวรู้ตัวว่าตอนนี้ในฟาร์มของตัวเองอาจมีความไม่ปลอดภัยซ่อนอยู่


“คือ…” คมเขี้ยวเลิกคิ้วขึ้นมองท่าทีอึกอักที่สวนทางกับความมั่นใจในตัวเรียวจันทร์ หนุ่มนายแบบร่างบางเม้มปาก นึกไม่ออกว่าจะบอกว่าอะไรดี ถ้าบอกไปตรงๆ อาจทำให้เรื่องวุ่นวายขึ้นหรือเปล่า หรือนางอาจจะโดนมองว่าเป็นกระต่ายน้อยน่ารักที่แสนจะตื่นตูมไปเอง


“ดูแลฟาร์มดีๆ นะ แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย ฉันเป็นห่วง รักนะ แล้วก็ชอบแสดงออกมากด้วย” วิ้ง!


เรียวจันทร์ขยิบตาให้คมเขี้ยวอย่างมีเสน่ห์ พ่อหน้าเคราผงะไปนิด นึกแปลกใจในคำพูดประหลาดอันนั้นนิดหน่อย จริงๆ มันก็ไม่ได้ประหลาดสำหรับเขามากหรอก เพราะไอ้จันทร์ไรก็ชอบแทะโลมแบบนี้อยู่แล้ว เพียงแต่คราวนี้น้ำเสียงซอฟต์อบอุ่นกว่าปกติ


“ฉันไปละ” ว่าจบก็ยิ้มกริ่มสวยๆ แล้วสวมแว่นไว้บนหน้าตามเดิม ก่อนที่จะหมุนตัวแล้วเดินหน้าเชิดอีกครั้ง คมเขี้ยวมองตามแผ่นหลังร่างบางแล้วถอนหายใจเบาๆ แต่ก็แอบมียิ้มขำที่มุมปาก เขาส่ายหัว หมุนตัวเดินไปทางคอกวัวต่อ






เรียวจันทร์มาถึงสถานที่จัดงานที่เป็นลานจัดกิจกรรมของห้างก่อนเริ่มงานสองชั่วโมง โชคดีที่นางรีบออกแต่เช้าเลยไม่เจอรถติด วันนี้เป็ดติดงานประจำตามเคยเลยไม่ได้มาด้วย แต่จริงๆ แล้วเป็ดมาก็คงไม่ได้ทำอะไรมากอยู่ดี แต่ถ้างานไหนที่เรียวจันทร์มองว่าต้องใช้ตัวช่วย นางก็จะรบกวนเพื่อนสาวให้มาเป็นเพื่อน


การทำงานวันนี้ก็แค่เดินแบบให้กับห้องเสื้อชื่อดังของเมืองไทยที่ออกคอลเลคชั่นใหม่ช่วงกลางปี ซึ่งเรียวจันทร์จะเดินทั้งหมดสามชุดคือชุดเปิด ชุดกลางและชุดปิด ตอนนี้กระแสของนายแบบหนุ่มหน้าสวยหวานจนเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นยังคงเป็นที่พูดถึงเรื่อยๆ อาจจะไม่พุ่งแรงมากเหมือนสมัยที่นางอยู่นิวยอร์ก แต่ก็มีงานเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย ทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มา นางแบ่งไว้จ่ายใช้หนี้ให้แม่ซะครึ่งหนึ่ง แม้จะพยายามใช้หนี้เก่ายังไง แต่หนี้ใหม่ๆ ก็ยังคงงอกเงยขึ้นมาเรื่อยๆ จนนางต้องยื่นคำขาดกับแม่ล่าสุด


‘เรียวจะไม่ใช้หนี้ใหม่ให้แม่อีก เรียวจะใช้แค่หนี้เก่าตามที่เราคุยกันไว้ ถ้ามีเพิ่มต่อจากนี้แม่ต้องเป็นคนรับผิดชอบเอง’


นางไม่รู้ว่าแม่ฟังเขามากน้อยแค่ไหน แต่นางถือว่าได้พูดไปแล้ว และนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เรียวจันทร์จะทำให้กับคนเป็นแม่ได้ แม่ที่ไม่สนใจใยดีนางเลย แต่พอตกระกำลำบากก็มาพึ่งพิงนาง ถ้าไม่ใช่เพราะรับปากพ่อไว้ นางจะไม่มีวันเหลียวแลผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด


“คุณเรียว เตรียมตัวนะคะ” เรียวจันทร์พยักหน้าพลางหันไปเช็กสภาพตัวเองในกระจกอีกครั้ง วันนี้แต่งหน้าสบายๆ ไม่จัดมาก เพราะเสื้อผ้าแบรนนี้เน้นความเรียบหรูดูดี ไม่เน้นความเยอะ ใบหน้าจึงต้องแต่งโทนธรรมชาติเพื่อให้ไม่เด่นเกินเสื้อผ้า


หลังจากเช็กสภาพของตัวเองเสร็จ เรียวจันทร์ก็ก้าวออกไปรอด้านหลังเวที เมื่อสตาฟให้สัญญาณ นางก็เดินหน้านิ่งออกไปบนรันเวย์


ขาเรียวยาวเดินไขว้กันอย่างลงจังหวะที่พอดีกับเสียงเพลง ใบหน้าสวยหวานเกินชายทั่วไปเชิดขึ้นเล็กน้อยแล้วมองตรงไปด้านหน้า ผู้คนสองข้างเวทีต่างจับจ้องนายแบบผู้เป็นคนเดินเปิดเสื้อผ้าคอลเลคชั่นนี้ และถึงแม้จะเรียกนายแบบ แต่ชุดที่ใส่อยู่นั้นกลับเป็นชุดที่เหมาะกับหญิงสาว แต่ก็ไม่ใช่ชุดสวยหวาน เป็นชุดสวยเท่ที่เหมาะสำหรับเวิร์คกิ้งวูแมนหรือผู้หญิงที่มีคาแรคเตอร์ลุยๆ เรียวจันทร์ที่มีใบหน้าสวยเหมือนผู้หญิง แต่ก็มีความเท่ของผู้ชายอยู่ด้วยจึงถูกเลือกให้เดินในชุดนี้ ซึ่งนางก็ไม่ทำให้เจ้าของงานผิดหวัง เพราะเสื้อผ้าลงตัวกับเรียวจันทร์มาก


เดินชุดแรกจบไป เรียวจันทร์ก็กลับเข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังเวที เพื่อเตรียมเดินชุดที่สอง ระหว่างที่รออยู่นั้น ทีมงานผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกไม้


“พี่เรียวคะ มีผู้ชายคนนึงฝากดอกไม้มาให้พี่ค่ะ เขาฝากมาตั้งแต่ก่อนเริ่มงานแล้ว แต่หนูลืมให้” หญิงสาวยิ้มแห้ง เรียวจันทร์แสร้งมองดุแต่ไม่ได้คิดจริงจังก่อนคลี่ยิ้มน้อยๆ


“ใครล่ะ หล่อมะ” เรียวจันทร์แสร้งถามเสียงตื่นเต้นพร้อมกับรับช่อดอกกุหลาบขาวแซมดอกเดซี่สีเหลืองเล็กๆ ขนาดกลางที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลแสนเก๋


“ก็หล่อนะพี่ หุ่นล่ำมาก เสื้อเชิ้ตที่เขาใส่จะขาดแล้วมั้งหนูว่า ตัวสูงๆ หน้าตาตี๋ๆ หน่อยค่ะ” เรียวจันทร์ขมวดคิ้วกับลักษณะหนุ่มที่สตาฟสาวเอ่ยมา มันเป็นลักษณะหน้าตาพื้นฐานของผู้ชายโดยทั่วไปมากจนยากที่จะนึกออก


“เขามากับใคร มากับเมียแล้วแอบส่งดอกไม้ให้พี่รึเปล่า” หญิงสาวส่ายหัวก่อนจะตอบ


“หนูเห็นเขามากับเพื่อนผู้ชายอะ” เรียวจันทร์มีสีหน้างงๆ ก้มลงมองช่อดอกไม้ในมือ ความรู้สึกคุ้นเคยและคุ้นตาแวบเข้ามาในหัว


‘รู้มั้ยดอกเดซี่สีเหลืองหมายถึงอะไร’


‘ดอกเดซี่หล่นใส่กองอึแล้วยอร์ชก็เก็บมาให้เรียวอะสิ’ ชายหนุ่มหัวเราะแล้วยิ้มละมุน


‘ฉันจะชนะใจเธอให้ได้’



เรียวจันทร์เบ้ปากเมื่อจิตใต้สำนึกเริ่มส่งสัญญาณเตือนว่าใครเป็นคนส่งช่อดอกไม้อันนี้มาให้ นางไม่ได้อยากจะจำได้เลยสักนิด แต่ด้วยความที่เกิดมาสวยและสมองดี โดยที่ไม่ต้องพึ่งโอเมก้าทรี เลยทำให้จำแม่นน่ะสิ หรืออีกเหตุผลหนึ่งก็คือ


นางไม่คิดจะเผาผีคนๆ นี้อีกเลยต่างหาก







 

 
 :hao7:
 

น๊าน นาน คิดถึงจังเลย พออยู่เฉยๆ มันเหงาจริงๆ จากกันไปนาน หัวอกผู้หญิง มันมีหลายสิ่งอยากจะเสนอออ มาแล้วจ้า แม่กลับมาแล้ว จำเสียงหวานแหวของแม่ได้ไหม ถ้าอยากจะรู้ว่าแม่เป็นใคร คนเดิมนี่ไงที่หายหน้าเป็นเดือนนน

มาเป็นเสียงเพลง แต่บางคนอาจงงว่าตอมร้องเพลงอะไร 55555 เพลงลูกทุ่งเมื่อนานมาแล้ว เข้ากับสถานการณ์ของแม่เรียวจันทร์ได้ดีเหลือเกิน ดองขุ่นแม่ไว้สองเดือนนน แต่ตอนนี้แม่คัมแบ็คละค่ะ และต่อจากนี้แม่จะไม่หายไปนานๆ อีกแล้ววว เพราะจะทุ่มเทให้แม่อย่างเต็มที่เลยยยย

และแม้จะหายไปนานแค่ไหน แต่ความใสจังแรนของแม่เรียวก็ยังคงไม่เสื่อมคลาย ยังคงสตรองงง หลายคนบอกว่า มองไม่เห็นทางที่จะรักกันได้ แม่ไม่เดินตามทางหรอกค่ะ แม่ชอบบิน 55555

เรื่องนี้ไม่หวือหวานาค้าาา อยากให้อ่านแล้วยิ้มแย้มกับความแซ่บและความบ้าของแม่เรียวจันทร์มากกว่า ปมต่างๆ ในเรื่องก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก อ่านไปเรื่อยๆ จิรู้เลยว่านิยายเรื่องนี้ซื่อๆ ใสๆ แต่แม่เรียวไม่ใสนะ 55555

ขอบคุณคนอ่านหลายๆ คนนะคะที่ยังรอกัน ขอบคุณมากค่ะ กลับมาแล้วนะคะ และต่อไปนี้ไม่หายไปเป็นเดือนสองเดือนแบบนี้อีกแล้ว มาตลอดๆ วันนี้ขออัพครึ่งหนึ่งก่อน แต่อีกครึ่งจะมาต่ออีกไม่นานเกินรอ ขอปล่ยแม่มาทีละครึ่ง แบบให้ดูตื่นเต้น เช็กกระแสแม่นิดนึง 55555

เดี๋ยวเจอกันส่วนที่เหลือค่าาา ใครคิดถึงแม่เรียววว เม้นบอกแม่กันเร้วววว  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2017 23:56:37 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด