คาถาที่ 28 [ครึ่งหลัง]ตอนที่ดินขับรถมาถึงฟาร์มก็เจอกับรถตู้สีขาวคันหนึ่งจอดอยู่หน้ารั้วบ้าน ทั้งสองคนมองรถตู้คันนั้นด้วยความงง แต่ก็ไม่มีใครถามใครเพราะหน้างงกันทั้งคู่ สองพี่น้องก้าวเดินเข้าไปในบ้านอย่างไม่รีบร้อน พอขึ้นมาบนบ้านก็เจอป๋ากับแม่กำลังนั่งอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง แว้บแรกคมเขี้ยวจำหล่อนไม่ได้ แต่พอมองดีๆ ก็นึกออก
“คุณ… แม่ของเรียวจันทร์ใช่มั้ย” หญิงสาวยิ้มปากบางเฉียบ ใบหน้าสวยมีแววโล่งใจ หล่อนขยับตัวให้ตรงอีกนิดเพื่อวางมาดให้เชิดขึ้นกว่าเดิม
“คุณโรสิตาเขาเพิ่งมาถึงก่อนหน้าเขี้ยวสักพัก เธอมารอเจอเขี้ยว” คมเขี้ยวมองไปที่มารดาและก้าวเท้าเดินไปนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามโรสิตาพร้อมดิน
“อันที่จริงฉันไม่ได้มารอพบแค่นายคมเขี้ยวหรอก ฉันแค่รอให้พร้อมหน้าพร้อมตาเท่านั้นเอง” โรสิตายิ้ม เป็นรอยยิ้มที่คมเขี้ยวไม่ชอบ มันดูเป็นรอยยิ้มข่มอย่างบอกไม่ถูก
“งั้นมีอะไรก็พูดมาเลยครับ เพราะพร้อมทุกหน้าทุกตาทุกปากแล้ว” คมเขี้ยวว่าหน้านิ่งแบบไม่สะทกสะท้านจนบัวบูชาแอบส่งสายตาปรามเล็กๆ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ จากการเจอกันครั้งก่อน เขาก็ไม่ได้ประทับใจแม่ของเรียวจันทร์นัก
โรสิตาเบะปากเล็กน้อย หน้าตาไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่กับพฤติกรรมของคมเขี้ยว แต่หล่อนก็ทำเชิดหน้าคอตั้งหลังตรงต่อไป “ไม่อ้อมค้อมก็แล้วกัน ฉันจะมาขอที่ดินของลูกฉันคืน”
สมาชิกบ้านพยัคฆ์เกรียงไกรนิ่งเงียบกันถ้วนหน้า มองตากันแบบงุนงงปนสงสัย เมฆาที่ได้สติก่อนใครเลยเอ่ยถามอย่างข้องใจ “คุณรู้เรื่องที่ดินแล้วเหรอ?”
โรสิตายิ้มเยาะมุมปาก “แหม กะจะเก็บเงียบจนลูกฉันแก่ตายแล้วให้ลูกชายฮุบไว้เป็นของตัวเองงั้นเหรอ”
คมเขี้ยวกับดินขมวดคิ้วหรี่ตามองโรสิตาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตัวเอง คมเขี้ยวนึกถึงอาการของเรียวจันทร์เวลาพูดถึงแม่หรือมีเรื่องแม่เข้ามาเกี่ยวข้อง
“ผมไม่แปลกใจว่าทำไมลูกคุณถึงไม่ค่อยจะเคารพคุณนัก” โรสิตามองหน้าคมเขี้ยวด้วยสายตาดุ แต่คนอายุน้อยกว่าไม่แคร์กับสายตานั้น
โรสิตาเลือกที่จะปล่อยผ่านกิริยานั้นไปก่อน “ฉันรู้เรื่องนี้ได้ไม่นาน ต้องยอมรับนะว่า ตาอาทิตย์นี่ปิดเก่งจริงเชียว แต่อาจเพราะได้คนร่วมมือดีด้วย”
พูดจบก็หันไปมองทางเมฆาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน เมฆาไม่ได้มีอาการหวาดกลัวหรือหัวร้อนใดๆ หนุ่มสูงวัยยังคงมีสีหน้าท่าทางสบายๆ
“แน่นอนครับ อะไรที่เป็นความปลอดภัยของเพื่อนกับหลานผม ผมต้องทำอยู่แล้ว”
“หลานที่คุณว่าน่ะมันลูกฉัน แล้วมันก็ไม่ใช่ลูกอาทิตย์ด้วย”
“เพื่อนผมมันรักและเลี้ยงดูหนูเรียวจันทร์เป็นอย่างดี ผมดีใจด้วยซ้ำที่มันเป็นคนเลี้ยงหนูเรียว เพราะแกเป็นเด็กดีกว่าต้นกำเนิดของแกมาก” คราวนี้โรสิตาถึงกับกัดฟันแน่นกับคำแขวะนั้น
“เหอะ! ได้ดิบดีได้ดีเพราะสมบัติลูกฉันทั้งนั้น” หล่อนพูดอย่างโมโห กวาดตามองคนอื่นด้วยสายตาดูแคลน
“ใช่ครับ สมบัติลูกคุณ” เมฆาเน้นย้ำประโยคหลังด้วยเสียงดังฟังชัดให้โรสิตาจ้องมองอย่างเดือดดาล
“ถ้างั้นก็เอาคืนลูกฉันมา เก็บไว้นาน ไม่ใช่ว่าคิดเป็นของตัวเองไปแล้วล่ะ” โรสิตากระตุกยิ้มหยัน เมฆามองอย่างอ่อนใจ นึกขอบคุณโชคชะตาที่แม้จะน้ำเน่า แต่ก็ดีใจเหลือเกินที่ส่งเรียวจันทร์ให้มาเป็นลูกไอ้อาทิตย์
“ไม่หรอกค่ะ เราไม่เคยคิดว่ามันเป็นของเรา เคยคุยกันด้วยซ้ำว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเราจะตามหนูเรียวจันทร์มารับของๆ เขาคืน แต่หนูเรียวก็มาเจอกับพวกเราก่อน หนูเรียวเองก็เพิ่งทราบเรื่อง ซึ่งทางเราไม่ได้มีเจตนาจะฮุบหรือจะยึดไว้เป็นของตัวเอง แต่เราเป็นห่วงหนูเรียวมากกว่า” โรสิตาหันไปยิ้มเยาะให้กับบัวบูชาอีกคน
“เป็นห่วง? คำพูดคำจาของพวกโจรนี่มันสวยดีนะ ห่วงจริงไม่ทิ้งระยะเวลามาเป็นสิบยี่สิบปีหรอก ปล่อยให้ลูกฉันลำบากลำบนอยู่ได้ ไอ้อาทิตย์นี่ก็เหมือนกัน ประหลาดคน รักลูกนักหนาแต่กลับปล่อยให้ลูกทำงานงกๆ” คมเขี้ยวขมวดคิ้ว มองโรสิตาด้วยความเหลือเชื่อ และยังรู้สึกตลกกับประโยคยาวๆ เมื่อกี้ที่ผู้หญิงคนนั้นพ่นออกมาอีก
“อันนี้คุณด่าตัวเองอยู่รึเปล่า” เขาถามด้วยความข้องใจแบบมากๆ นึกสงสัยว่าคนอะไรทำไมพูดแล้วเหมือนขว้างงูไม่พ้นคอ
โรสิตากัดฟันแน่น ถึงกับเลือดแทบขึ้นหน้า หล่อนยกมือชี้หน้าคมเขี้ยวด้วยอาการเกรี้ยวกราดเล็กๆ “นี่แก!”
คมเขี้ยวอ้าปากจะเถียงต่อด้วยความขบขัน กำลังปวดหัว มึนหัวเพราะไข้ ถึงกับรู้สึกดีขึ้นเพราะความฮาของผู้หญิงคนนี้ แต่เมฆายกมือห้ามไว้ก่อน เขาเลยยอมสงบปากสงบคำทั้งที่อยากจะขำให้ท้องแข็ง
“ไอ้อาทิตย์ไม่ได้แปลก หรือว่าใจร้ายหรอกครับ มันแค่อยากสอนลูกให้รู้จักคุณค่าของเงิน ให้รู้จักทำมาหากิน ไม่งอมืองอตีนเพียงเพราะมีสมบัติกองรออยู่แล้ว ผมว่ามันเห็นตัวอย่างจากคุณ มันเลยเลือกที่จะสอนลูกมันแบบนี้มากกว่า” คราวนี้โรสิตาถึงขั้นลุกขึ้นยืนด้วยความพิโรธ กวาดตามองทุกคนด้วยความดูถูกอย่างรุนแรง
“ปากดีกันเหลือเกินนะ ฉันอยากจะรู้นักว่าถ้าไม่ได้สมบัติลูกฉัน จะลืมตาอ้าปากมาปากเก่งกับฉันแบบนี้ได้รึเปล่า ที่ซุกหัวนอนทุกวันนี้ก็ที่ลูกฉัน ที่ทำมาหากินของพวกแกทุกวันนี้ก็ที่ของลูกฉัน เงินที่พวกแกมีกินมีใช้กันทุกวันนี้ มันมาจากใคร สำเหนียกไว้บ้าง!” หล่อนพูดด้วยอาการหอบน้อยๆ เพราะพูดด้วยอารมณ์โกรธจัด เหล่าสมาชิกบ้านพยัคฆ์เกรียงไกร มองตากันปริบๆ บรรยากาศคล้ายว่าจะตึงเครียด แต่สักพักก็ถูกทำลายลง
“สำเหนียกแปลว่าอะไรเหรอพี่เขี้ยว” แม้ดินจะพยายามกระซิบแล้ว แต่ด้วยความที่บรรยากาศมันเงียบเลยทำให้ทุกคนได้ยินกันหมด
คมเขี้ยวหัวเราะเบาๆ หันไปมองโรสิตาที่ท่าทางกระฟัดกระเฟียดอย่างไม่สะทกสะท้านจนเจ้าตัวยืนกำหมัดแน่น เขาหันกลับไปมองไอ้ดินที่ทำหน้ารู้สึกผิดเพราะคิดว่าตัวเองคงไปขัดผู้ใหญ่คุยกัน
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ภาษาโบราณเกิน” คมเขี้ยวตอบชิลๆ โรสิตาเบิกตากว้างมองชายหนุ่ม
“ไม่ต้องมาทำเสียดสี รู้ไว้เลยนะว่าสถานะแกกับลูกฉันมันต่างกัน ตอนนี้แกก็ไม่ต่างอะไรกับลูกจ้างของลูกฉันหรอก” คมเขี้ยวทำหน้าเอือม เอนตัวพิงพนักโซฟาด้วยท่าทีหน่ายๆ
“ลูกจ้างอะไรคุณ เรียวจันทร์ไม่ได้จ้างอะไรผมทั้งนั้นอะ สถานะของเราสองคนก็ผัวเมียกันนี่แหละ มาลูกจงลูกจ้างอะไรล่ะ”
“ทำกวนไปเถอะ เอาเข้าจริง พวกแกก็ไม่มีอะไรเลย นอกจากตัว!” โรสิตาจ้องคมเขี้ยวอย่างขุ่นเคือง ส่วนคนโดนจ้องก็ยังคงอยู่ในท่าทีไม่เดือดเนื้อร้อนใจใดๆ
“เอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ ในเมื่อมันเป็นของหนูเรียว ให้เขาตัดสินใจเองดีมั้ยคะว่าจะทำยังไง” บัวบูชาที่กลัวว่าเรื่องมันจะนอกประเด็นไปมากกว่านี้พูดแทรกขึ้นมา
“เรียวมันไม่ว่างมาคุยหรอก ฉันมาคุยแทน จะฉันหรือมันก็ไม่ต่างกัน ยังไงก็แม่ลูกกัน”
“โอ้โห กลายเป็นแม่ลูกผูกพันกันไปเฉย…” คมเขี้ยวยิ้มเหยียดน้อยๆ มองหน้าตาถมึงทึงของคนตรงข้าม
“…ถ้าผูกพันกันจริงควรรู้สิครับว่าตอนนี้สถานการณ์ของลูกตัวเองเป็นยังไง” โรสิตาขมวดคิ้ว มองคมเขี้ยวอย่างไม่เข้าใจ คนทั้งบ้านมองโรสิตาเป็นตาเดียวจนเจ้าตัวเริ่มเกร็งทำอะไรไม่ถูก แต่คนอย่างหล่อนก็ไม่ยอมเสียหน้าง่ายๆ หรอก
“ฉันรู้สิ! แต่ทำไมฉันต้องบอก” คมเขี้ยวส่ายหน้าเอือมๆ
“ผมว่าคุณกลับไปก่อนดีกว่าครับ ยังไงเราก็คืนให้คุณโดยตรงไม่ได้ ตามพินัยกรรมที่ไอ้อาทิตย์มันทิ้งไว้ สิทธิทุกอย่างอยู่ที่หนูเรียวคนเดียว และยิ่งตอนนี้อายุเขาครบตามพินัยกรรมแล้ว เขายิ่งมีสิทธิโดยชอบธรรมอย่างเด็ดขาด” โรสิตามองเมฆาด้วยความตะลึงเบาๆ หล่อนมีสีหน้าสับสนกับสิ่งที่ได้ยิน
“นี่อาทิตย์ฝากพินัยกรรมไว้กับพวกเธอเลยเหรอ?!” เมฆาพยักหน้าแทนคำตอบ โรสิตาดูจะหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
“ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย อะไรจะขนาดนี้เนี่ย!”
“ผมว่าเขาคงไม่อยากให้คุณแม่คุณเรียวรู้เรื่องละมั้งครับ” ดินว่าอย่างที่คิด พูดตรงๆ ทื่อๆ สมาชิกในบ้านที่เหลืออมยิ้มน้อยๆ ดินทำหน้างง ก่อนจะยิ้มแหยเมื่อเจอสายตาอาฆาตจากโรสิตา
“กลับเถอะครับคุณแม่ ถ้าเมียผมเขาเอ่ยปากว่าจะขอที่ดินทุกตารางเมตรคืนเมื่อไหร่ ผมจะคืนให้” คมเขี้ยวว่าอย่างกวนๆ
โรสิตาเดือดดาลจนตาแทบถลนออกมาจากเบ้า หล่อนกะว่ามาแล้วจะต้องได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการเลย แต่กลับกลายเป็นเหมือนหล่อนเดินเข้ามาให้คนพวกนี้รุมทึ้งสนุกสนาน หญิงสาวหยิบกระเป๋าสีดำขึ้นมาคล้องแขนและเดินตัวปลิวออกไปทางประตู เมฆาส่ายหัวอ่อนใจ มองหน้าบัวบูชาสักแปบก่อนจะพยักหน้าให้กัน ทั้งสองคนลุกขึ้นเดินตามโรสิตาออกไปจากบ้าน คมเขี้ยวกับดินรีบลุกตามไปทันที
“อ้าว ป้าอุ่น ฉันก็ว่าหายไปไหน มาอยู่นี่ได้ยังไงเนี่ย?!” โรสิตาเดินออกมาด้านนอกรั้วของบ้านก็เจอกับแม่บ้านของตนเองที่กำลังวางสีหน้าไม่ถูก ยิ่งเจอน้ำเสียงแหลมแสนคุ้นหูของแม่คุณหนูก็ยิ่งตกใจ
“เอ่อ… พอดีคุณเรียวให้ป้ามาอยู่ที่นี่ค่ะ” ป้าอุ่นตอบแบบกล้าๆ กลัวๆ โรสิตาเขม้นมองแม่บ้านของตัวเองอย่างข้องใจ
“อะไรนะ นังเรียวให้มาอยู่นี่ มาอยู่ทำไม บ้านก็มี” โรสิตาแว้ดใส่ ท่าทางไม่พอใจที่ลูกทำแบบนี้ พวกเมฆาเดินตามมาถึงพอดีเลยเข้าไปยืนใกล้ๆ กับป้าอุ่น
“ที่นี่ก็บ้านหนูเรียว เขาจะให้ป้าอุ่นอยู่บ้านไหนก็แล้วแต่เขาเถอะครับ” เมฆาเอ่ยนิ่งๆ โรสิตาหันไปมองหน้านิ่วคิ้วขมวด
“แต่ฉันจำเป็นต้องมีคนดูแลนะ ไม่งั้นจะปล่อยให้บ้านนั้นรกร้างรึไง”
“อันนั้นไม่ใช่ปัญหาของเราครับ หนูเรียวเขาว่ามาแบบนี้” โรสิตากวาดตามองทุกคนอย่างเลิ่กลั่ก แต่ก็มีอาการฮึดฮัดให้เห็น ตอนนี้หล่อนรู้สึกถึงความเวิ้งว้างแปลกๆ ในอก หญิงสาวหน้าตาสะสวยทำท่าอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็สะบัดหน้าและเดินลิ่วไปขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่
ทุกคนยืนมองรถตู้คันนั้นแล่นออกจากฟาร์มด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ป้าอุ่นมองตามอย่างไม่สบายใจเพราะนึกเป็นห่วงเรียวจันทร์
“แบบนี้คุณโรสเธอจะตามไปทะเลาะกับคุณเรียวรึเปล่าคะ”
“ไม่หรอกครับป้าอุ่น ตอนนี้คุณหนูของป้าอยู่กับคนอื่น” คมเขี้ยวว่าหน้าบึ้ง ป้าอุ่นทำหน้างง หันไปมองเมฆากับบัวบูชาแบบไม่เข้าใจ
“มีเรื่องนิดหน่อยครับ ที่ป้าอุ่นมาอยู่ที่นี่เพราะหนูเรียวเขาคงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ส่วนอาการลูกชายผมตอนนี้คืองอนอยู่” เมฆาว่ายิ้มๆ ป้าอุ่นตกใจเล็กๆ หันไปมองคมเขี้ยวที่หน้านิ่วเครียดเคร่ง
“งอนอะไรกันเหรอคะ อย่าโกรธคุณหนูป้านานเลยนะคะ ถ้าคุณหนูเอาแต่ใจมากไปป้าจะบอกให้” สองสามีภรรยายิ้ม หันไปมองลูกชายที่ยังหน้าตึง เมฆาหันกลับไปมองป้าอุ่นแล้วเอ่ยถามสิ่งที่อยากรู้
“ป้าอุ่นรู้เรื่องที่หนูเรียวเป็นหนี้คนชื่อจอมทัพมั้ย” คนถูกถามมีสีหน้างงๆ ปนประหลาดใจ
“เรื่องชื่อเจ้าหนี้ป้าไม่แน่ใจค่ะ แต่เรื่องหนี้ ไม่มีของคุณหนูเลยนะคะ มีแต่ของคุณโรสแกทั้งนั้น…” ทุกคนหันไปมองป้าอุ่น คมเขี้ยวที่หน้าตึงก็ค่อยๆ คลายกล้ามเนื้อบนใบหน้า
“…คุณหนูเป็นคนตามใช้หนี้ทุกบาทของคุณแม่ค่ะ”
ปี๊นนน!!! ปี๊นนน!!!“เปิดประตู!!” เรียวจันทร์ลดกระจกลงแล้วตะโกนเสียงดังเพื่อเรียกให้ใครสักคนมาเปิดประตูบ้านให้ หน้าตาท่าทางของนางกำลังบ่งบอกว่าร้อนใจ ลูกน้องจอมทัพคนหนึ่งวิ่งมาทางประตูและกดเปิดประตูระบบอัตโนมัติ ประตูค่อยๆ เลื่อนเปิดออกตามปกติของมัน แต่ตอนนี้เรียวจันทร์นึกอยากจะขับชนให้มันพังไปต่อหน้าต่อตานี่แหละ
รถแคมรี่สีฟ้าอ่อนพุ่งพรวดเข้าไปในโซนบ้านของจอมทัพ ลูกน้องบางคนที่อยู่ตามถนนที่มุ่งตรงไปยังตัวบ้านต้องกระโดดหลบรถอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจกับความเร็วที่เจ้าของรถเหยียบมา พอจอดตรงตีนบันไดบ้านได้ เรียวจันทร์ก็ดับเครื่องและพุ่งตัวลงจากรถอย่างเร็ว ก้าวเท้าเดินฉับๆ ไปหาจอมทัพที่ห้องพักมุมโปรดของเจ้าตัว
“เสี่ย!!” จอมทัพกำลังนั่งคุยกับผู้ชายคนหนึ่งแต่เรียวจันทร์ไม่สนใจใคร่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เสี่ยหันมามองอย่างนิ่งเฉย ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือตกใจอะไรกับอาการของเรียวจันทร์
“ออกไปก่อน” ชายสูงวัยท่าทางอายุจะมากกว่าจอมทัพโค้งหัวให้เสี่ยเล็กน้อยและเดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้เหลือบมองเรียวจันทร์เลยแม้แต่นิดเดียว
“ว่ามาเลยครับคุณเรียวจันทร์” จอมทัพว่าอย่างสบายๆ ในขณะที่เดินไปนั่งบนโซฟาตัวยาวสำหรับเหยียดขานอน
“ตอบฉันเรื่องไฟไหม้บ้านคนที่อยู่ใกล้กับฟาร์มคมเขี้ยวหน่อย” คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้น ท่าทียียวนเล็กน้อย เรียวจันทร์ขมวดคิ้วและมองอย่างไม่ชอบใจ
“ให้ตอบว่าอะไรล่ะ” มันน่าทุบแขนให้หักซ้ำซ้อนจริงเชียว!
“รู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนทำ” จอมทัพมองหน้าคนสวยสักแปบแล้วก็ยิ้มขำน้อยๆ
“น้ำเสียงที่คุณใช้กับผมตั้งแต่เดินเข้ามาจนถึงตอนนี้ คุณอยากถามว่าผมรู้เรื่องมั้ย หรืออยากถามว่าผมเป็นคนทำใช่มั้ย อันไหนกันแน่ครับ” เรียวจันทร์ถลึงตามองจอมทัพน้อยๆ กับความกวนตีนแบบสบายๆ แม้แขนจะพิการอยู่ก็ตาม
“ก็สองอย่างรวมกันนั่นแหละ รู้เรื่องมั้ย แล้วคุณได้เป็นคนทำรึเปล่า หรือว่าแม่ฉันอีก” จอมทัพบิดปากและไหวไหล่ข้างที่ปกติ
“รู้เรื่อง แม่คุณไม่ได้ทำ…” เรียวจันทร์ใจเต้นแผ่วๆ รอฟังคำตอบท่อนต่อไป
“…และใช่ ครั้งนี้ผมทำเอง” คุณนายเบิกตากว้าง มองจอมทัพอย่างตะลึง ทั้งอึ้งที่จอมทัพกล้าทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้น และอึ้งที่จอมทัพยอมรับแบบง่ายๆ ชิลๆ ไม่ได้มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยแม้แต่นิด แถมยังยิ้มน้อยๆ อีกด้วย
ยิ้ม! ยิ้มเนี่ยนะ?!
“ทำไมเลวอีกแล้วล่ะ เลวแค่ไหนถึงจะพอใจอะ?!”
“ตอนแรกก็กะให้ไหม้แค่หลังเดียว แต่ฝนดันไม่ตกซะงั้น มันเลยไหม้มากกว่าที่คิด” ร่างเล็กกัดฟันแน่น ก่อนจะถลาเข้าไปหาจอมทัพ หยิบหมอนใบเล็กขึ้นมาทุบหัวทุบตัวจอมทัพแบบไร้จุดหมาย ฟาดตรงไหนได้ก็ใส่ไม่ยั้ง
“เลว! คำว่าเลวยังไม่อิมแพคพอสำหรับคุณเลย ไอ้เสี่ย ไอ้เสี้ย!!!”
“โอ๊ย! พอ!” จอมทัพใช้แขนข้างปกติดันเรียวจันทร์อย่างแรงจนเจ้าตัวกระเด็นไปอยู่บนโซฟาอีกตัว คุณนายที่ใช้หมอนตีคนตัวโตจนหอบ นั่งมองหน้าไอ้เสี่ยอย่างแค้นเคือง
“คุณไปทำร้ายชาวบ้านทำไม?! เขาเกี่ยวอะไรด้วย!?” นางตะเบ็งถามเสียงดังทั้งที่กำลังหอบ สายตามองราวกับจะเผาไหม้ร่างจอมทัพให้เหมือนกับที่บ้านชาวบ้านโดนไฟไหม้
จอมทัพยักคิ้วหนึ่งทีก่อนตอบ “เผื่อพวกนั้นจะช่วยทำให้ผมได้ที่ง่ายขึ้น”
เผื่องั้นเหรอ?! ไอ้ห่าเสี่ย!!
เรียวจันทร์ถลึงตามองจอมทัพอย่างหงุดหงิด “ไม่ง่าย!! ถ้าที่ตรงนั้นเป็นของฉัน ฉันไม่ขายให้คุณหรือใครหน้าไหนทั้งนั้น! จะอะไรกับที่ดินตรงนั้นนักหนา?!”
“มันเป็นเรื่องของมูลค่า มันคุ้มกับที่ผมจะได้มา”
“งั้นก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ ฉันไม่ให้หรอก!” นางว่าอย่างกระฟัดกระเฟียด ขว้างหมอนใส่จอมทัพเต็มแรง คนตัวโตทำเพียงแค่ปัดออกอย่างง่ายๆ
“จริงๆ ถ้าคุณไม่ไปหาไอ้คมเขี้ยว ผมก็ไม่คิดจะเผาบ้านใครหรอก” หน้าตาที่กำลังโกรธจัดเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วงง แล้วสักพักก็มองจอมทัพด้วยความเหลือเชื่อ
“อะไรนะ? กะอีแค่ฉันไปหาคมเขี้ยว คุณถึงกับต้องเผาบ้านช่องคนอื่นเลยรึไง มันจะบ้ามากไปแล้วนะเสี่ย ดัดจริตรักฉันอะไรขนาดนั้น!” จอมทัพทำเพียงยิ้มเยาะมุมปากขวาน้อยๆ เรียวจันทร์มองอย่างแข็งกร้าว นางรู้ว่าจอมทัพทำไปเพราะอยากขู่ และทำให้รู้ว่านางไม่ควรฝ่าฝืนคำสั่งของเขา
แต่ถ้าแค่ขนาดนางไปหาคมเขี้ยวไม่นานยังทำถึงขนาดนี้ งั้นก็สู้ให้นางไปอยู่นู่นและคอยอยู่ข้างผัวนางไม่ดีกว่าเหรอ
“จำไว้นะเสี่ย ฉันจะไม่ยอมเสียคมเขี้ยวไป และฉันจะไม่ยอมเสียที่ดินให้คุณด้วย คุณจะไม่ได้อะไรจากฉันอีกเลยนอกจากเงินใช้หนี้!!” เรียวจันทร์ลุกขึ้นยืน มองจอมทัพที่ยังคงชิลๆ ด้วยสายตาดุเดือด
“จะไปใช่มั้ย?”
“ใช่! ฉันจะไป และถ้าคุณคิดจะทำอะไรฟาร์มคมเขี้ยวหรือชาวบ้านแถวนั้นอีกล่ะก็ ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
“งั้นก็ช่วยเอาเรื่องแม่คุณด้วย เดี๋ยวผมจะส่งหลักฐานให้ อันที่จริงผมอยากให้คุณเจอไอ้มือระเบิดด้วยนะ แต่เขาไม่ยอมให้ประกันตัวพวกมัน ไหนๆ มันก็บอกว่าผมเป็นคนจ้างแล้วเลยอยากจะคุยกับมันสักหน่อย” เรียวจันทร์มองจอมทัพอย่างเข่นเขี้ยว
“ถ้ามีหลักฐานก็เอามา เดี๋ยวฉันจะให้พวกคมเขี้ยวดำเนินคดีกับแม่เอง” จอมทัพเบ้ปาก แสร้งทำหน้าประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“อู้ว คุณกล้าส่งแม่ตัวเองเข้าคุกงั้นเหรอเนี่ย…” เรียวจันทร์หน้าเสียไปวูบหนึ่ง
“…ผมจะบอกอะไรให้ แม่คุณไม่กล้าทำอะไรแบบนี้หรอกถ้าไม่ได้แบ็คดีจริงๆ” ใบหน้าสวยมีความงุนงง
“อะไรอีกล่ะ”
“ผมกำลังตามหาแบ็คของแม่คุณอยู่ แม่คุณไม่กล้าทำเรื่องเสี่ยงอันตรายขนาดนี้หรอก ผมเค้นจากไอแม็คแล้ว มันรับคำสั่งและเงินจากแม่คุณอีกที มันรู้แค่นั้น”
“จะทำอะไรก็ทำเถอะ ฉันเบื่อเรื่องที่ดินอันนี้มาก ถ้ามันยุ่งยากนะ เดี๋ยวฉันจะยกให้ประเทศชาติไปดูแล!” จอมทัพถึงกับอึ้งไปเหมือนกันเมื่อได้ยินแบบนั้น ไม่แน่ใจว่าเรียวจันทร์พูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่
“ถ้ายังไม่หยุดโลภมากกัน ฉันจะทำให้ที่ดินกลายเป็นอุทยานแห่งชาติ และคราวนี้ถ้าคุณหรือแม่ หรืออีพวกนายทุนหน้าไหนมายุ่งกับที่ดินนั้นอีก พวกคุณก็ไปทะเลาะกับประเทศชาติแทนก็แล้วกัน”
“คิดว่าประเทศนี้มีกฎระเบียบเคร่งครัดมากนักรึไง อำนาจเงินมันยิ่งใหญ่กว่าที่คุณคิด” จอมทัพว่าหน้านิ่ง เรียวจันทร์มองกลับอย่างไม่ยอม
“ฉันก็ขอให้ศรัทธาอันน้อยนิดที่ฉันมีต่อขื่อต่อแปเมืองไทยไม่สูญเปล่าก็แล้วกัน” นั่นคือสิ่งที่นางพอจะยืนยันกับตัวเองได้ เพราะเอาเข้าจริง สิ่งที่จอมทัพพูดมา มันไม่ใช่เรื่องผิดเลย
“หนี้ที่เหลือ ฉันจะใช้คืนให้” เรียวจันทร์มองจอมทัพอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะหมุนตัวแล้วก้าวเท้าเดินออกไปจากห้อง แต่ในขณะที่กำลังจะพ้นกรอบประตูของห้องนั้น
“ผมมีความสุขนะที่ได้อยู่กับคุณ” เรียวจันทร์ชะงักอยู่กับที่ มีท่าทีไม่แน่ใจอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเชิดหน้าขึ้นและเดินออกไปจากบ้านของจอมทัพ โดยไม่หันไปสนใจเจ้าของบ้านว่ามองตามด้วยความรู้สึกอย่างไร
หัวใจเรียวจันทร์ไม่ได้อยู่ที่นี่
ไม่ได้หมายถึงหัวใจที่เต้นอยู่ในอกนะยะ เป็นการเปรียบเปรยย่ะ! กรี๊ดดดด ขุ่นแม่ปลดพันธนาการจากเสี่ยแล้ว ไหนๆ ก็ไหนๆ กลับไปอยู่กับผัวตัวเองดีกว่าเนาะแม่เนาะ คริๆ
ถามว่าเสี่ยรักเรียวจันทร์จริงมั้ย อั๊ยๆ ตอบยากจุงเบย ขออุบเงียบกับตัวเองแล้วกัน ครุคริๆ
แต่เรื่องความเลวของเสี่ยนั้นไม่ต้องอุบ เพราะเห็นกันชัดเจน เสี่ยอยากทำอะไรทำ เสี่ยไม่รั้งรอ
เรื่องที่ดินที่เสี่ยอยากได้นักหนา สำหรับนักลงทุน นักธุรกิจ ของพวกนี้ถ้าเขาอยากได้เขาสู้สุดใจจริงๆ ค่ะ อย่างที่เสี่ยบอก ได้มาแล้วเขาก็คุ้มค่าของเขาเอง ตอมเคยได้ยินเรื่องแถวบ้านนี่แหละว่ามีคนอยากได้ที่ดินผืนนึง อันนั้นเขาบีบทุกวิถีทางจริงๆ ที่ดินมันเชื่อมกับของอีกคน ก็ไปคุยกับอีกคนว่าให้ปิดทาง หรือยอ่างที่เขาใหญ่ แฟนเพื่อนตอมบ้านอยู่เขาใหญ่ พี่เขาเล่าใฟ้ฟังว่าจริงๆ ที่ดินแถวนั้นมันมีเรื่องที่ซับซ้อนกว่าในนิยายที่ตอมเขียนอีก คือตอมไม่อยากไปลงลึกมาก เดี๋ยวจะกลายเป็นนิยายเครียด 55555
การมาของขุ่นแม่โรสิตาก็ช่วยให้พี่เขี้ยวเห็นชัดเจนมากขึ้นแล้วใช่มั้ยคะพี่ว่าแม่เรียวจันทร์ของพี่ต้องเจอต้องทนกับอะไรบ้าง
ทีนี้ก็รอขุ่นแม่คัมแบ็คทูเบเบี้พี่เขี้ยวสินะ คิๆ
ขอขอบคุณคนอ่านที่ติดตามอ่านเรื่องนี้กันอยู่มากๆ นะคะ ขอบคุณที่รักและสนุกไปกับเรื่องราวในแบบที่เป็น คอมเม้นคือแรงกำลังใจของคนเขียน แม้อาจจะไม่มากแต่ก็ดีใจที่ยังมีคนคอยเม้นเป็นแรงขับเคลื่อนดีๆ ให้อยู่เสมอ
ตอนนี้ขุ่นแม่เรียวกับขุ่นพ่อเขี้ยวกำลังเปิดพรีออเดอร์ตัวเองในรูปแบบหนังสือนะคะ เปิดพรีฯ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 16 พฤษภาคม ตอนพิเศษในเล่มแน่นมาก ประเด็นในตอนพิเศษจะเชื่อมต่อจากตอนหลักที่ลงเว็บเลยค่ะ ไม่ได้เขียนสตอรี่ขึ้นมาใหม่ ผู้ใดสนใจ เข้าไปอ่านรายละเอียดของทั้งสองคนพร้อมรายละเอียดของแถมได้ที่ >
พรีขุ่นพ่อขุ่นแม่