คาถาที่ 14 :: Embrace. [อ้อมกอด] (40%)หลังจากกินข้าวกับพวกดินเสร็จ เรียวจันทร์ก็ไม่ได้พบกับคมเขี้ยวอีก นางไม่สนใจด้วยว่าชายหนุ่มจะไปทำอะไรที่ไหนกับยัยช่อเอื้อง แต่ความคิดที่ว่าทั้งสี่คนคงนั่งกินข้าวด้วยกันเป็นครอบครัวใหญ่ มันก็ทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นหวิวแปลกๆ
เพราะคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้พ่อกับแม่เป็นห่วงตนเองราวกับเป็นคนในครอบครัว แต่พอคิดได้ว่าจริงๆ แล้วคงห่วงเพียงเพราะเป็นลูกของเพื่อนสนิทเท่านั้น
สุดท้ายยังไงนางคงไม่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้จริงๆ หรอก
เรียวจันทร์เดินกลับห้องพักด้วยความรู้สึกเหงาเล็กๆ แต่ยังโชคดีที่มีดินเดินมาเป็นเพื่อน และช่วยสร้างรอยยิ้มให้นาง คุณนายแกเลยไม่ได้เหงาจนว้าเหว่เอกาดำดิ่งสู่ดราม่า ตัวนางเองก็รู้ว่ามาที่นี่เพื่ออะไร สุดท้ายพอภารกิจเสร็จสิ้น ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ตัวนางก็ต้องไปจากที่นี่อยู่ดี
“นี่ แล้วตอนช่วยตัวเองอะ นึกถึงฉันรึเปล่า” เรียวจันทร์เอ่ยแซวดินตอนที่ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าประตูออฟฟิศแล้ว หนุ่มซื่อยืนทำตาโตปริบๆ แล้วใบหน้าก็ร้อนฉ่า คุณนายแกเห็นก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม
“คิดถึงหน้าฉันล่ะซี้ คริๆ”
“กะ… ก็ ก็ คือ ดินขอโทษครับคุณเรียว” หนุ่มร่างใหญ่ยกมือไหว้ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด เรียวจันทร์รีบยื่นมือไปดันสองมือของดินลง
“ฉันไม่ใช่กุมารนะดิน ไม่ต้องไหว้ กะอีแค่ช่วยตัวเองแล้วนึกถึงหน้าคนสวยๆ อย่างฉัน มันไม่แปลกสักหน่อย ดีจะตาย ผู้ชายชักว่าวจุฬาแล้วนึกถึงหน้าเรา แสดงว่าเราน่ะเผ็ช!” เรียวจันทร์ทำปากจู๋แล้วพ่นลมเบาๆ ยกมือขวาโบกลมเข้าหาตัวสองสามทีคล้ายว่ากินของเผ็ดเข้าไป ดินยิ้มเจื่อน รู้สึกไม่ดีที่ทำอะไรไปแบบนั้น แต่ตอนนั้นห้ามความคิดตัวเองให้นึกถึงหน้าของคุณเรียวไม่ได้จริงๆ
“อยากลองของจริงมั้ยล่ะดิน” ไอ้ดินตาโตตกใจ สีหน้าตื่นตะลึงทำตัวไม่ถูก แล้วหน้าเข้มๆ ก็แดงแจ๋จนเรียวจันทร์หัวร่อชอบใจ
“น่ารักจริงเชียวพ่อดินแข็ง…” เรียวจันทร์หยุดหัวเราะแล้วเดินเข้าไปกอดดิน “...แต่อย่าเลย ดินสะอาดเกินกว่าจะมายุ่งกับคนอย่างฉัน”
ปฐพียกสองแขนล่ำสันกอดร่างบางจนจมมิดอกตัวเอง มือขวาลูบแผ่นหลังบางๆ ของคนตัวเล็กแผ่วเบา “ถ้าสกปรกเพราะคุณเรียว ดินยอมนะครับ”
เรียวจันทร์ยิ้มกว้างและหัวเราะเบาๆ แล้วก็พึมพำเสียงเบาตรงอกดิน “ขอบคุณนะดิน”
คุณนายแกก็ไม่รู้ว่าขอบคุณดินเรื่องไหนกันแน่ แต่ที่รู้ๆ คืออยากขอบคุณ อาจจะเพราะดินให้เกียรตินาง อยู่กับนางบ่อยๆ ตอนนางต้องการความช่วยเหลือ หรือต้องการคนนั่งข้างๆ หรืออาจจะเพราะคำพูดหวานๆ ที่มาจากใจซื่อๆ ทั้งหลายของเขาก็เป็นได้ ที่ได้ฟังทีไรแล้วรู้สึกดีเสมอ
“นอนละ เดี๋ยวหน้าไม่สวย ดินก็ไปนอนได้แล้วนะ” เรียวจันทร์ผละออกจากอกแน่นหนาของดินแล้วส่งยิ้มให้ พ่อกล้ามใหญ่ตัวโตยิ้มน่าเอ็นดูแล้วพยักหน้าหงึกๆ สามสี่ที ร่างเล็กหันตัวไปเปิดประตูออฟฟิศแล้วเดินเข้าไปด้านใน หันมาโบกมือให้ดินอีกทีก่อนที่จะปิดประตูตามหลัง
ดินยิ้มเขินอยู่คนเดียวสักพักก่อนที่จะหมุนตัวเดินกลับไปทางบ้านใหญ่ จริงๆ ดินพักที่นั่น เนื่องจากจะได้รับใช้พวกพี่เขี้ยวได้ทันท่วงที พี่เขี้ยวใจดีให้ห้องนอนไอ้ดินไว้ที่ชั้นล่างของบ้าน และไม่ใช่ห้องนอนเก่าๆ หรือยัดเยียดให้แบบขอไปที แต่เป็นห้องนอนอย่างดีที่ตัวดินเองไม่มีปัญญาจะมีได้หากไม่ได้เจอกับพี่เขี้ยว แต่บางครั้งดินก็ชอบไปนอนกับเพื่อนๆ คนงานในหมู่บ้านคาวบอย แล้วก็รีบตื่นแต่เช้ามาที่บ้านใหญ่
“อ้าว ไอ้ดิน” เจ้าของชื่อหยุดเดินแล้วยิ้มให้พี่เขี้ยว ก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปมองหญิงสาวสวยๆ ข้างกายเจ้านายและยกมือไหว้หล่อน อีกฝ่ายยกมือรับไหว้พร้อมรอยยิ้ม
“ดินเพิ่งไปส่งคุณเรียวเข้านอนมา” หนุ่มซื่อตอบก่อนที่จะถูกถาม คมเขี้ยวทำหน้านิ่งแล้วยกหน้าขึ้นหนึ่งทีสั้นๆ เป็นการรับรู้
“อย่าเพิ่งนอน รอกูตรงชานระเบียงก่อน”
“ครับพี่เขี้ยว” ดินปล่อยให้เจ้านายไปส่งหญิงสาวของเขาแล้วเจ้าตัวก็เดินไปทางบ้านใหญ่ เดินขึ้นบันไดไปรอพี่เขี้ยวตรงระเบียงกว้างด้านหน้าบ้าน แหงนหน้ามองดาวบนท้องฟ้าแล้วก็คลี่ยิ้ม
“ดิน” เจ้าของชื่อลดหน้าลงมองหญิงสูงวัยที่ยืนอยู่ตรงประตูบ้าน
“ครับแม่บัว”
“ทำไมไม่ชวนหนูเรียวขึ้นมากินข้าวด้วยกัน” ดินยิ้มเฝื่อน ก่อนตอบเสียงอ่อย
“เอ่อ คือ คุณเรียวเห็นว่าคุณเอื้องอยู่ เขาก็เลยไม่อยากขัดจังหวะครับแม่บัว” ดินตอบอย่างที่คุณเรียวบอก หญิงสาวถอนหายใจแผ่วๆ พอจะรู้บ้างว่าอะไรเป็นอะไร
“เราก็อีกคน ชอบหนีไปกินข้าวกับคนงานอยู่เรื่อย บอกให้มากินกับพ่อกับแม่” ดินยิ้มแห้ง ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ร่างสูงของพี่เขี้ยวก็เดินขึ้นมาถึงระเบียงบ้าน
“อ้าวแม่ ผมนึกว่าเข้านอนแล้ว”
“เจอดินพอดีเลยถามว่าทำไมหนูเรียวถึงไม่ขึ้นมากินข้าวด้วยกัน” คมเขี้ยวทำหน้าไร้อารมณ์แล้วก็ตอบแม่ตัวเองแบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก
“เขาจะมาหรือไม่มาก็ปล่อยเขาเถอะแม่”
“แต่แม่ไม่สบายใจ หลายครั้งแล้วนะที่เรียวจันทร์เขาไม่ขึ้นมากินข้าวกับเราเลย เขาไม่พอใจอะไรรึเปล่า” คมเขี้ยวขมวดคิ้วมุ่น
“ทำไมแม่ต้องแคร์เขาขนาดนั้น”
“เขี้ยวก็รู้อยู่แล้ว” คนเป็นลูกถอนหายใจด้วยความหน่ายเล็กๆ แต่พอเห็นหน้าดุๆ ของมารดาตนเองเลยต้องเปลี่ยนเป็นหน้าปกติ
“พรุ่งนี้เช้าผมจะพาเขาขึ้นมากินข้าวด้วยกัน” บัวบูชาพยักหน้านิดหนึ่งแล้วหมุนตัวเดินไปด้านในบ้าน คมเขี้ยวหันมามองไอ้ดินที่นั่งหน้ายิ้มๆ อยู่คนเดียว
“ยิ้มอะไรวะ” คนถูกถามยิ้มเขินๆ ยกมือขวาเกาต้นคอเบาๆ
“คุณเรียวกอดดินอะพี่เขี้ยว” คมเขี้ยวขบกรามนิดหนึ่งที่ได้ยินชื่อไอ้จันทร์ไรอีกแล้ว นึกในใจว่าทำไมใครๆ ถึงชื่นชอบและเป็นห่วงมันนักหนา เขาเดินไปนั่งตรงระเบียงไม้ เยื้องๆ กับดิน สลัดสีหน้าตึงๆ ของตัวเองออกไปแล้วก็พูดถึงสิ่งที่ตั้งใจจะพูดกับดิน
“อาทิตย์หน้าจะไปเดินป่า แต่รอบนี้ไปที่ใหม่” ดินยิ้มประหลาดใจปนตื่นเต้นเล็กๆ
“จริงเหรอพี่เขี้ยว”
“เออ พ่อไปเจอป่าที่ใหม่มา” ดินยิ้มกว้าง รู้สึกกระปรี้กระเปร่าที่ได้ยินว่าจะได้เดินป่าอีกครั้ง
“เป็นปีแล้วเนอะพี่ที่เราไม่ได้ไปเดินป่ากัน” คมเขี้ยวกระตุกยิ้มมุมปาก มองน้องชายต่างสายเลือดด้วยความเอ็นดู เขารู้ว่าไอ้ดินมันชอบเดินป่า มันชอบธรรมชาติพอๆ กับที่เขาชอบ แล้วยังชอบปิ้งไก่ ย่างปลาท่ามกลางมวลหมู่ไม้ อยู่ที่บ้านมันก็ชอบทำกับพวกคนงานบ่อยๆ มันว่าอร่อยกว่าทำแบบสมัยใหม่
“เตรียมตัวให้พร้อมแล้วกัน ไปสามวัน” ดินพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
“ชวนคุณเรียวไปด้วยได้มั้ยพี่เขี้ยว” พ่อหนุ่มเคราครึ้มหน้านิ่งสักแปบก่อนจะยักคิ้วหนึ่งที
“ถึงมึงไม่ชวน พ่อกับแม่เขาก็จะชวนอยู่แล้ว อยู่ที่คุณเรียวขวัญใจมึงแล้วละว่าเขาจะไปมั้ย บอบบางซะขนาดนั้น”
“ดินว่าคุณเรียวไปพี่ เห็นคุณเรียวแบบนั้น เขาก็ขาลุยเหมือนกันนะ” คมเขี้ยวบิดปากนิดหน่อย มองไอ้น้องชายตัวโตด้วยความเอือมนิดๆ
“รู้ใจเขาดีจังนะ มึงชอบเขารึไง” ไอ้ดินยิ้มเขินแก้มดำเปลี่ยนเป็นแดงท่ามกลางแสงไฟสีขาวนวลตา
“ดินไม่รู้เหมือนกันพี่เขี้ยว แต่ดินชอบอยู่กับคุณเรียวมากเลย เขาทำให้ดินมีความสุข”
“แต่เขาเป็นผู้ชายนะไอ้ดิน” ดินระบายยิ้มอ่อนๆ บนใบหน้าสีแดงจางๆ ของตนเอง
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่นี่พี่ แค่เขาทำให้เรามีความสุข มันก็ดีสุดแล้ว ใครจะมองว่าวิปริตผิดเพี้ยนยังไง แต่ใจเรามีความสุขก็น่าจะพอ พี่ไม่มีความสุขเหรอเวลาอยู่ใกล้ๆ คุณเรียว เขาน่ารักออก” ไอ้ดินมันก็ว่าซื่อๆ ของมันตามนิสัยนั่นแหละ แต่ใจไอ้คนฟังดันกระตุกวูบหนึ่ง ไม่รู้ว่ากระตุกด้วยความรู้สึกไหนและเหตุผลอะไรกันแน่
“จะถึงขั้นเอาเขาเป็นเมียเลยมั้ยล่ะ” คมเขี้ยวว่าหยั่งเชิง ไอ้ดินยิ่งเขินเข้าไปอีก ไม่ได้เข้ากับตัวโตๆ ของมันเลยสักนิดไอ้ท่าเขินนั่นน่ะ
“ถ้าคุณเรียวให้โอกาสก็อยากอยู่ แต่คุณเรียวเขาชอบพี่เขี้ยวอะ เขาไม่ได้ชอบดิน” คมเขี้ยวเบิกตากว้างขึ้นอีกนิด แล้วก็หันหน้ามองทางอื่นไปเรื่อยเปื่อย พ่นลมหายใจออกทางปากเบาๆ เพื่อบรรเทาอาการว้าวุ่นในอกที่เกิดขึ้นกะทันหันเมื่อครู่นี้
“อันนั้นกูรู้แล้ว”
“แล้วพี่ไม่ชอบเขาจริงๆ เหรอ” ดินถามหน้าซื่อตาใส คมเขี้ยวหันไปมองแว้บหนึ่งแล้วหันกลับไปมองทางรั้วบ้านต่อ ก่อนตอบเสียงเรียบๆ
“กูคุยกับเอื้องอยู่ไง” ดินขมวดคิ้ว
“ดินเห็นพี่คุยกับเขามาตั้งนาน มือก็ยังไม่เคยจับ พี่เขี้ยวชอบคุณเอื้องจริงเหรอ” คมเขี้ยวขมวดคิ้ว รู้สึกหงุดหงิดที่โดนไอ้ดินจี้ถาม เขารู้แหละว่ามันถามตามความนึกคิดของมัน ไม่ได้จี้ถามอย่างจงใจ เพราะไอ้ดินไม่ใช่คนมีเล่ห์เหลี่ยมขนาดนั้น
“ก็คุยกันไปก่อนดิวะ รีบไปไหน”
“โหพี่ คุยนานจัง คนจะใช่ มันใช่ไปนานแล้วเปล่า” คมเขี้ยวหน้าเหลอหลา หันมองซ้ายทีขวาที เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากล่าง แล้วปล่อยให้ไอ้ดินพูดต่อ
“ดูอย่างดินดิ เจอคุณเรียวไม่นานยังว่าเขาใช่เลย” แล้วมันก็ยิ้มเพ้อๆ เขินๆ ของมัน เห็นแล้วหมั่นไส้อยากยกเท้าถีบสักที แต่ติดตรงที่เขาไม่ได้หยาบคายขนาดนั้น
“เพ้อเจ้อละมึง อะไรจะใช่ไวขนาดนั้น”
“เขาใช่สำหรับดินก็แล้วกันน่าพี่ ถึงดินจะไม่ใช่สำหรับเขาก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าคุณเรียวไม่ได้กับพี่เขี้ยว ดินไม่ยอมหรอกนะ ถ้าคุณเรียวได้กับคนอื่น ดินจะไปแย่งมา ดินว่าดินแย่งได้ เพราะคุณเรียวเขาเคยบอกว่าเขาก็ชอบดิน ถึงตอนนี้จะชอบแค่เป็นน้องก็เถอะ” คมเขี้ยวยิ้มขำ มองสีหน้ามุ่งมั่นของไอ้ตัวโตเกินวัย ตอนนี้มันเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ แต่มันดูเหมือนคนสามสิบต้นๆ ไปแล้ว
“อะไรของมึงวะ ยุให้กูมีเมียเป็นผู้ชายซะงั้น มึงไม่อยากอุ้มหลานรึไง” ดินทำหน้านึกสักแปบ ก่อนที่จะพูดซื่อๆ เช่นเคย
“ถ้าได้อุ้มหลานแล้วพี่มีความสุขก็โอเค แต่มันจะดีจริงๆ เหรอพี่ถ้ามีชีวิตครอบครัวตามวิถีชีวิตของคนทั่วไปแต่ไม่ได้มีความสุขกับคนที่เรารัก ลูกมันคล้องใจคนสองคนได้จริงเหรอ” ดินไม่ได้พูดเป็นนักปราชญ์หรือเป็นนักวิชาการ เขาแค่พูดไปอย่างที่ใจและสมองคิดกรองออกมา เขาไม่ได้ช่ำชองในความรักนักหรอก เพราะตั้งแต่อยู่มายี่สิบกว่าปี เคยมีแฟนแค่คนเดียวสมัยมัธยม แต่ก็แค่ความรักวัยรุ่นทั่วไป ไม่ได้ลึกซึ้งตรึงใจมากมาย คุณเรียวถือเป็นคนแรกด้วยซ้ำที่ทำให้ใจสั่นเหลือเกิน
“แล้วมึงคิดว่ากูจะมีความสุขกับไอ้เรียวจันทร์รึไง” ดินส่ายหัวหน้าบริสุทธิ์ใจ
“ไม่รู้ดิ พี่ลองเปิดใจให้คุณเรียวยังล่ะ” คมเขี้ยวขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้นยืน
“จะเปิดใจได้ไง กูไม่ได้ชอบผู้ชายนะดิน”
“ถ้ามองว่าเขาเป็นผู้ชายพี่ก็ไม่ชอบหรอก แต่ถ้ามองเขาเป็นคุณเรียวจันทร์พี่อาจจะชอบเขาก็ได้ ผมยังชอบเลยนี่ไง พี่เขี้ยวไม่เอา ดินเองเอาเองนะ” คมเขี้ยวยิ้มขำ เดินเข้าไปยีหัวไอ้น้องชายต่างสายเลือดด้วยความหมั่นไส้ในคำพูดคำจาซื่อๆ ของมัน
“เออ”
“แล้วอย่ามาทำหวงก้างนะพี่เขี้ยว” คมเขี้ยวส่ายหัวหน้าระอา ปฐพียิ้มแป้นแล้น ยักคิ้วขึ้นสองสามที
“ไปนอนไป” ดินยิ้มให้พี่ชายที่เคารพแล้วลุกขึ้นยืน เดินลงบันไดบ้านไปชั้นล่างเพื่อไปห้องนอนตัวเอง คมเขี้ยวมองตามหลังไอ้ดินไปอย่างครุ่นคิดสักพักก่อนที่จะเดินเข้าไปในด้านใน
ไอ้ดินมันจริงจังแค่ไหนวะนั่น รึเราต้องมีน้องสะใภ้เป็นไอ้จันทร์ไรจริงๆ
เสียงโทรศัพท์ดังลั่นพร้อมกับการสั่นอันรุนแรงจนได้ยินเสียงครืดๆ ตรงโต๊ะหัวเตียง ร่างเล็กเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ทั้งที่เปลือกตายังปิดอยู่ มือบางควานหาโทรศัพท์อยู่สักพักก่อนจะจับขึ้นมาแนบหูได้ เรียวจันทร์กรอกเสียงแหบๆ ลงไปทั้งที่ยังตื่นไม่เต็มที่
“ฮัลโหล~”
“เรียว แม่แกเรียกฉันมาหา แล้วคือ ตอนนี้แม่แกอยากเจอแก” เรียวจันทร์หลับตาขมวดคิ้วมุ่นสักพัก ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น ยกโทรศัพท์ออกจากหูมาดูเวลาก็เห็นว่าเป็นเวลาแปดโมงเช้าแล้ว
“มีอะไร ถ้าจะขอเงินฉันไม่ให้นะ” เป็ดถอนใจด้วยความลำบากใจ
“ก็มีอยู่เรื่องเดียวแหละ แต่ว่า…” เขาลุกขึ้นนั่งแล้วเอาตัวพิงหัวเตียงเอาไว้ “…แม่แกโดนทำร้ายอะ”
คนฟังนิ่งไปด้วยความตกใจเล็กๆ “ใครทำร้ายเขาล่ะ”
“ลูกน้องเจ้าหนี้ เขาบอกฉันแล้วล่ะว่าเจ้าหนี้คนนี้ไม่ได้อยู่ในลิสต์ที่แกจดไว้” เรียวจันทร์หลับตาแล้วพ่นลมหายใจยาวๆ
“ฉันไม่รับปาก แต่เท่าไหร่”
“ตอนนี้เขาอยากเจอแกก่อน เขาจะให้ฉันพาไปหาแกที่ฟาร์ม” ร่างเล็กนั่งหน้าอึน รู้สึกหดหู่ตามเคยเวลาได้ยินเรื่องปัญหาการเงินจากมารดา
“ไม่ต้องมา ฉันขอรู้ตัวเลขก่อน”
“ห้าแสน” เรียวจันทร์น้ำตาคลอขึ้นมาทันที ตัวเลขขนาดนี้ทำให้เงินในบัญชีของเขาหายไปจนน่าใจหาย ทั้งๆ ที่เขาเตรียมเงินไว้สำหรับใช้หนี้อื่นๆ ของแม่แล้ว แต่ดันมีหนี้ก้อนใหม่เพิ่มเข้ามาอีก
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้น เรียวจันทร์ปาดน้ำตาออกจากแก้มทั้งสองข้าง “เป็ด แปบนึงนะ”
ร่างเล็กเดินไปเปิดประตูห้องนอน พอเปิดออกก็เจอกับคมเขี้ยวที่อยู่ในชุดพร้อมทำงานแล้ว คนตัวสูงกว่ามองหน้าใบหน้าผุดผ่องราวอย่างคาดคั้นราวกับอยากจะรู้ว่าทำไมถึงตื่นเอาป่านนี้
“เดี๋ยวฉันไป…”
[…เรียว! ช่วยแม่หน่อย มันขู่จะฆ่าแม่!] เสียงโวยวายดังออกมาจากโทรศัพท์ คมเขี้ยวเหลือบสายตาไปมองโทรศัพท์ในมือเรียวจันทร์แล้วขมวดคิ้วเพราะได้ยินเสียงหวีดแว่วๆ แต่ฟังไม่ถนัดว่าคนในสายพูดอะไรบ้าง เรียวจันทร์ยืนนิ่ง ดวงตาสั่นระริกแต่ก็ไม่ยอมแสดงสีหน้าอ่อนแอหรือปล่อยให้น้ำตาไหลออกจากดวงตาคู่สวย คมเขี้ยวยืนมองงงๆ แต่ก็สัมผัสได้ว่าสีหน้าของแม่คุณนายไม่ค่อยดีนัก
“เดี๋ยวฉันตามไป” เรียวจันทร์ดันประตูช้าๆ คมเขี้ยวค่อยๆ ถอยหลังไปทีละนิดจนกระทั่งประตูไม้ปิดสนิทเบาๆ
คมเขี้ยวยืนหน้างงสงสัยอยู่ตรงหน้าห้องนอนของเรียวจันทร์ เขาเห็นนะว่าสีหน้าของอีกฝ่ายไม่สู้ดี ปกติถ้าเขามาปลุกแบบนี้จะแว้ดๆ ใส่ รึไม่ก็แอบแทะเล็มเขาเล็กๆ น้อยๆ ให้เสียววูบแต่เช้าเล่นๆ
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำอีก!!” เสียงตวาดดังลั่นจากในห้องนอนทำให้คมเขี้ยวที่กำลังเหม่อได้สติกลับมา เขายืนมองประตูห้องนอนด้วยความกระวนกระวายเล็กๆ จะเปิดเข้าไปก็กลัวจะไปขัดจังหวะของอีกฝ่าย หรือจะเป็นการเสียมารยาทที่เข้าไปวุ่นวาย ดูแล้วจะเป็นเรื่องส่วนตัวมาก และเขาไม่รู้ว่าตอนนี้แม่คุณนายแกอยู่ในห้วงอารมณ์ไม่ดีเลเวลไหนกันแน่ เผลอๆ เดี๋ยวมาเหวี่ยงใส่เขาอีกคน
เขาตัดสินใจนั่งรออีกฝ่ายอยู่ตรงโต๊ะทำงานในออฟฟิศ เสียงตวาดหายไป ชายหนุ่มนั่งนิ่งฟังว่าจะมีเสียงตะคอกตามมาอีกมั้ย แต่สุดท้ายเสียงคุณนายก็เงียบลง คมเขี้ยวกำลังนึกว่าแม่ตัวแสบทะเลาะกับไอ้จอมทัพหรือไอ้หนุ่มฝรั่งหรือเปล่า
ระหว่างนั่งรอเรียวจันทร์ คมเขี้ยวก็หยิบบัญชีในฟาร์มขึ้นมาตรวจสอบไปพลางๆ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผ่านไปหลายนาทีแต่ก็ไม่รู้ว่ากี่นาที ประตูห้องนอนของเรียวจันทร์ก็เปิดออก ร่างบอบบางไม่เหมือนร่างผู้ชายเดินหน้าซึมออกมาจากห้องนอน ชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังมีปัญหาไม่สบายใจอยู่จริงๆ
“อ้าว นายอยู่นี่เหรอ” เรียวจันทร์ถามอย่างล่องลอย คมเขี้ยวขมวดคิ้ว ไม่คุ้นเคยและไม่คุ้นตากับอาการนี้ของแม่คุณนายเลยสักนิด ปกติจะต้องแว้ดๆ และมีแต่ความสุนทรีย์ในตัวเองกับคนรอบข้าง ตอนนี้สภาพเรียวจันทร์เหมือนโดนดูดพลังงานออกไปจากร่าง
“ทะเลาะกับแฟนรึไง” ชายหนุ่มาถามหยั่งเชิง อีกฝ่ายยิ้มอ่อนเพลีย ดวงตาหม่นหมอง
“เราทะเลาะกันตอนไหนล่ะ” คมเขี้ยวขมวดคิ้วงง แต่สักแปบก็เข้าใจว่าแม่คุณนายเล่นมุกหยอกเอิน
“จะทะเลาะกันตอนนี้แหละ”
“ฉันขอยอมแพ้สักแปบนะ” ร่างบางทรุดตัวลงบนโซฟาบุนวมสีน้ำตาลแก่ตัวยาวในออฟฟิศ นั่งนิ่ง ท่าทางเซื่องซึมจนคนที่คุ้นเคยกับท่าทีร่าเริงแจ่มใสยิ่งกว่ารายการเจ้าขุนทองสมัยก่อนนึกรู้สึกซึมไปด้วย
ที่เขาว่าคนเราถ้าปล่อยพลังงานอะไรออกมา คนรอบข้างก็จะรับรู้ด้วย น่าจะเป็นเรื่องจริง
“แม่ให้มาตามไปกินข้าว และอย่าหนีไปกินกับคนงานอีก แม่ไม่สบายใจนะที่คุณชอบหนีกินข้าวกับเขาบ่อยๆ” เรียวจันทร์หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาแบบพอดิบพอดีไม่ได้เวอร์เกินของคมเขี้ยวแบบเหม่อๆ สักพัก แล้วก็หันหน้าไปมองทางอื่นอย่างเอื่อยเฉื่อย คมเขี้ยวมองกิริยานั้นแล้วรู้สึกไม่ชอบใจแปลกๆ
เขาไม่ชินแม่คุณนายตัวแสบในเวอร์ชั่นเหงาหงอยแบบนี้
“ฉันไม่หิวอะ นายไปเถอะ เดี๋ยวฉันขึ้นไปขอโทษพ่อกับแม่เอง” เรียวจันทร์ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีเหนื่อยๆ และทำท่าจะเดินออกไปจากออฟฟิศ
“เดี๋ยวก่อน” ร่างเล็กหยุดเดิน แต่ไม่ได้หันไปมองคนเรียก คมเขี้ยวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้าไปใกล้ร่างหอมๆ ใช้มือจับตัวบางๆ ให้หันมาทางเขา เรียวจันทร์หันกลับมาแต่โดยดีไม่มีฝืน ใบหน้าอิดโรยไม่ใช่เพราะอดนอน แต่เพราะมีเรื่องให้คิดพยายามยกยิ้ม
“เป็นอะไร” น้ำเสียงนุ่มทุ้มกับคำถามสั้นๆ แต่ทำเอาเรียวจันทร์เกือบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ สายตาที่คมเขี้ยวมองมาแม้จะเป็นสายตานิ่งๆ แต่สีหน้าของคนตัวสูงมีแววกังวลให้เห็นนิดๆ
เรียวจันทร์ไม่ได้ตอบคำถามนั้น เขาระบายยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า แล้วพูดเสียงแผ่วเบา “ขอกอดได้รึเปล่า”
“เขาบอกว่าการกอดใครสักคนแล้วจะทำให้เรารู้สึกดี…” น้ำเสียงเดียวกันกับวันนั้นที่มันขอกอดเขาครั้งแรก น้ำเสียงอันเหนื่อยล้า
คมเขี้ยวไม่ตอบรับหรือต่อต้าน เขายืนมองอีกฝ่ายนิ่งเฉย เรียวจันทร์ยิ้มเศร้าพอจะเข้าใจว่าคงขอมากไป คุณนายแกเลยหมุนตัวจะเดินจากไป แต่หมุนตัวยังไม่ถึงสี่สิบห้าองศาก็ถูกคนตัวโตดึงเข้าไปกอดเอาไว้เบาๆ
เรียวจันทร์ซบหน้ากับแผงอกนูนแน่นของอีกฝ่ายที่อยู่ใต้เสื้อลายสก็อตสีเขียวสลับขาว คนตัวเล็กหลับตาลง ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าทางใจออกไปเมื่อได้ไออุ่นจากคมเขี้ยวเข้ามาแทนที่ เขาไม่ได้คิดหรือสะกดจิตไปเองว่าอ้อมกอดนี้ดีมันดีต่อใจจริงๆ
เรียวจันทร์ยกสองแขนขึ้นกอดตอบร่างสูงแผ่วเบา ทิ้งศีรษะลงบนอกแน่นๆ อย่างเต็มที่ เปลือกตาปิดลง รับลมหายใจอุ่นๆ ที่รดอยู่เหนือหัวเบาๆ รับรู้ถึงวงแขนอันแข็งแกร่งที่กอดเขาเอาไว้ราวกับเป็นป้อมปราการอันแข็งแรงที่ปกป้องเขาให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง
คมเขี้ยวยืนนิ่ง แต่รับรู้ได้ว่าคนในอ้อมกอดกำลังมีปัญหาและต้องการที่พึ่งพิงจริงๆ เพราะเรียวจันทร์ทำเพียงกอดเขาไว้เฉยๆ กอดเหมือนแค่อยากหาที่พักพิงสักพักเท่านั้นเอง
การกอดเพียงยี่สิบวินาทีสามารถสร้างความผูกพันให้คนสองคนได้ แต่ทั้งสองยืนกอดกันอยู่แบบนั้นตั้งสิบนาทีโดยที่ไม่พูดอะไรก่อนจะพากันไปกินข้าว
ความผูกพักที่ส้รางขึ้นคงแนบแน่นกว่าที่นักวิจัยกล่าวไว้น่าดู
อ่าฮ่า เขากอดกันอีกครั้งละนะ และรอบนี้พี่เขี้ยวเต็มใจให้กอดด้วย คุๆ -.,- พัฒนาขึ้นมาอีกนิ้สสส ใครทีมพี่เขี้ยวใจเย็นๆ ค่อยเป็นค่อยไป ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามนะ ฮิๆ ถึงจะยังไม่ดุเด็ดเท่าแจเร็ด เท่าเสี่ย หรือสยิวกิ้วเท่าน้องดิน แต่เขาก็ใสๆ เนาะ
ไม่รู้จะขอบคุณคุณแม่ดีมั้ยที่ทำให้แม่เรียวได้กอดพี่เขี้ยว 5555 เป็นดราม่าที่แม่เรียวเพลียที่สุด แต่ก็ได้กำลังใจดีๆ จากการกอดกับพี่เขี้ยว อบอุ่นหัวใจไปเนาะแม่เนาะ
พระเอกเรื่องนี้แทบจะโดนผู้ชายคนอื่นกลบ 55555 แต่อยากจิบอกว่า ถ้ามองในแง่ว่าเขาเป็นผู้ชาย ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเนาะที่จะชอบผู้ชายอีกคน แถมยังแรดซะขนาดนี้ 55555 แต่ว่าถ้ามาแบบทื่อๆ คิดว่าพี่เขี้ยวยิ่งหลีกหนีง่ายนะ ต้องมาแบบอีแม่นี่แหละเด้อ เอิ๊กๆ
ขอบคุณคนอ่านทุกๆ คนที่ติดตามเรื่องนี้อยู่ค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ คอมเม้นเท่าที่มีทุกวันนี้ ก็ทำให้ตอมมีแรงใจในการเขียนแล้วค่ะ คือรู้ว่ามีคนรออ่านมันมีกำลังใจจริงๆ นะ ถึงจะไม่ได้มากมาย แต่ขอที่มีอยู่ อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ จนจบ ตอมว่าอบอุ่นดี หุๆ และยินดีต้อนรับคนอ่านใหม่ๆ ทุกคนเลยค่า ^^
สำหรับแท็กในทวิตสำหรับเรื่องนี้ใช้
#WorksTheMagic หรือ
#คมเขี้ยวเรียวจันทร์ ก็ได้ค่ะ