คาถาที่ 14 [100%]“พี่เขี้ยว พี่เขี้ยว…” คมเขี้ยวที่กำลังยืนมองคนงานทำงานในคอกม้าอยู่ตรงริมรั้วไม้ที่เรียวจันทร์เคยพังจนเละหันไปมองน้อยหน่าที่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับอยู่
“มีอะไรน้อย”
“ไปดูคุณนายของพี่หน่อย ตัวแดงเถือกหมดแล้ว” คมเขี้ยวทำหน้าตกใจนิดหนึ่ง
“ใครเอากองฟางไปวางไว้แถวนั้นรึเปล่า” คนถูกถามส่ายหัว
“ไม่มีนะ” ร่างสูงฟังแล้วขมวดคิ้ว ปกติเรียวจันทร์จะมีปฏิกิริยากับกองฟางเป็นพิเศษ แต่ถ้าไม่มีกองฟางแล้วไปโดนอะไรเข้า
คมเขี้ยวเดินนำน้อยหน่าไปทางแปลงดอกไม้ริมรั้วที่อยู่คนละฝั่งกับคอกม้า ใช้เวลาเดินเกือบสิบนาทีก็มาถึงตรงห้องกระจกสำหรับให้นักท่องเที่ยวนั่งรอไปเข้าชมฟาร์ม เขาเห็นคนตัวขาวๆ นั่งอยู่กับคนงานหญิงอีกสองคน ผิวสีขาวเห็นชัดว่าแดงแจ๋ไปทั้งตัว ซ้ำยังลามขึ้นไปลำคอ และคิดว่าอีกไม่นานคงตามไปถึงใบหน้า
“ไปยุ่งกับกองฟางมารึเปล่า” คมเขี้ยวถามทันทีที่เดินไปถึงตัวเรียวจันทร์ แม่คุณนายทำหน้าหยีแล้วสั่นหัวรัวๆ สองมือลูบๆ เกาๆ ตามตัวไม่หยุด
“ฉันว่าคุณเรียวแกแพ้หญ้า ไม่ก็เกสรดอกไม้นะพี่เขี้ยว”
“บอบบางซะจริง ฉันเป็นผู้หญิงยังไม่เห็นเป็นไร” คมเขี้ยวหันไปมองน้อยหน่าด้วยสายตาดุนิดๆ อีกฝ่ายทำหน้าบึ้งแล้วเดินไปทางอื่น เรียวจันทร์ไม่มีเวลาชักสีหน้าใส่แม่ลูกระเบิด เพราะกำลังคันยิกๆ
“เดี๋ยวไปทายา เดินไหวรึเปล่า” เรียวจันทร์พยักหน้าหงึกๆ ลุกขึ้นเดินตามคมเขี้ยวไป
“ก่อนผื่นจะขึ้นไปจับอะไรมา” ระหว่างทางเดินไปที่บ้านใหญ่ คมเขี้ยวก็หันมาถามคนที่กำลังลูบไปทั่วแขนแดงเถือกของตัวเอง
“ก็ต้นปอเทือง แล้วก็ไปจับดอกไม้อะ” คมเขี้ยวส่ายหัวหน่อยๆ
“แพ้แค่กองฟางยังไม่พอ ยังจะมาแพ้ดอกไม้ใบหญ้าอีกหรือไง” เรียวจันทร์หน้างอ ปลายนิ้วลูบไปตามตัวเบาๆ
“ใครจะถึกทนเหมือนนายล่ะ ฉันไม่เคยทำงานแบบนี้นะ”
“ก็เลิกทำแล้วกลับไปเป็นนายแบบซะ จะได้ไม่เป็นแบบนี้” เรียวจันทร์เบะปากหนึ่งที
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวไม่ได้อยู่ใกล้นายสิแบบนั้น” คนตัวสูงส่ายหัวอย่างระอาแต่ก็ไม่ว่าอะไร รีบพาแม่คุณนายเดินขึ้นบันไดบ้านเพื่อไปทายาแก้คัน
“นั่งรอนี่ก่อน เดี๋ยวไปเอายามาให้” ร่างเล็กนั่งลงบนโซฟาอย่างว่าง่าย นั่งลูบนั่งเกาเบาๆ เกาแรงไม่ได้ เดี๋ยวผิวเสีย เกิดเกาจนหนังถลอกปอกเปิก ถ่ายแบบจะลำบากตากล้องต้องมารีทัชอีก ไม่ได้หรอก นางไม่อยากโดนหาว่าสวยเพราะรีทัช
“ถอดเสื้อ” เสียงทุ้มดังขึ้น เรียวจันทร์หันไปมองหน้าแหย ไม่ใช่เพราะคำสั่งให้ถอดเสื้อ แต่เพราะมันคันยุบยิบๆ ไม่หยุดเลยต่างหาก
“อย่ามีอารมณ์ทางเพศก่อนทายาเสร็จล่ะ” คมเขี้ยวกลอกตา นึกอยากจะเขกหัวแม่ตัวดีสักทีที่ยังมิวายพูดเล่น
เรียวจันทร์ถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออก คมเขี้ยวทำตาโตเพราะผิวขาวๆ แดงอย่างกับเส้นเลือดแตก เขารีบเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ ร่างเล็ก มองตุ่มแดงๆ ที่ขึ้นหนาแน่นจนน่ากลัว
“หันหน้ามาซิ” เรียวจันทร์หมุนตัวไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย คมเขี้ยวเบิกตากว้างด้วยตกใจเมื่อเห็นว่าเส้นเลือดในตาขาวของเรียวจันทร์แตกเป็นฝอยๆ ใบหน้าขาวผุดผ่องก็เริ่มแดงไปด้วยผื่น
“ไปหาหมอดีกว่า ผมว่าอาการคุณหนักละ” เรียวจันทร์ขมวดคิ้วแล้วส่ายหัวน้อยๆ
“ไม่ต้องหรอก ทายา กินยาแก้แพ้แบบเดิมก็หายแล้ว” คมเขี้ยวหน้าเข้มขึ้นมาทันทีเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะดื้อ
“ไหนว่าจะไม่ดื้อไง”
“เปล่าดื้อ แต่ฉันเห็นว่ามันไม่ได้ร้ายแรงมาก ทายากินยาแบบเดิมก็น่าจะหาย” ร่างสูงส่ายหัว วางขวดยาทาแก้คันไว้บนโต๊ะ
“ไปหาหมอ ใส่เสื้อซะ” ร่างเล็กถอนหายใจ เห็นว่าวันนี้ใจดีกับนางมากหน่อยหรอกนะเลยยอม ไม่อยากแง่งๆ ใส่มาก
สุดท้ายคมเขี้ยวก็พาแม่ตัวดีมาที่โรงพยาบาลที่เอื้องทำงานอยู่ พอคุณนายแกรู้ก็เบ้ปากไปหนึ่งที แต่ก็ไม่ได้แสดงออกอย่างก้าวร้าว แค่เบ้นิดๆ หน่อยๆ แบบให้รู้ว่ามาเยือนถิ่นศัตรูหัวใจ จะได้เป็นแพทเทิร์นที่ถูกต้องของนางเอกสู้คนที่ไม่ชอบนางร้ายว่าต้องทำสีหน้าแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วนางควรต้องมาอย่างยิ่งเพราะอาการที่ตอนแรกบอกว่าไม่ร้ายแรง มันเริ่มจะรุนแรงขึ้นระหว่างทางที่นั่งรถมาโรงพยาบาล นางไอค่อกแค่กบ่อยๆ และรู้สึกคันในลำคอยิบๆ
“มีอาการแพ้อย่างอื่นอีกบ้างมั้ยครับ” คุณหมอรูปหล่ออย่างกับหนุ่มเกาหลีเอ่ยถามเสียงนุ่ม เรียวจันทร์เหลือบมองแม่เอื้องเยื้องย่างในชุดพยาบาลสีขาวที่เข้ามาฟังอาการของเขาด้วยนิดหน่อยก่อนเลื่อนสายตาไปมองคุณหมอตามเดิม
“กองฟางอะครับคุณหมอ แล้วล่าสุดก็เพิ่งรู้ว่าเหมือนจะแพ้ดอกไม้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าทุกชนิดรึเปล่านะครับ” คมเขี้ยวที่นั่งอยู่ข้างๆ เอื้อมมือมาดึงมือเขาที่กำลังเกาแขนซ้ายยิกๆ จนเลือดเริ่มซิบซึม
ปฏิกิริยานั้นอัจฉราทันเห็น แต่เนื่องจากอยู่ในหน้าที่ หล่อนเลยเลือกจะเก็บอาการเอาไว้
“หมอคิดว่าน่าจะทราบกันอยู่แล้วว่าคนไข้มีอาการภูมิแพ้ แต่ไม่ใช่แพ้อากาศแบบที่คนไทยฮิตเป็นกัน บางคนแพ้อาหารบางประเภท บางคนแพ้สัตว์ แต่กับคุณเรียวจันทร์น่าจะแพ้พวกละอองเกสร ละอองกองฟาง หรือต้นหญ้าบางชนิดด้วย…” คุณหมอขออนุญาตดึงเปลือกตาล่างของเรียวจันทร์ลงเพื่อดูอาการเส้นเลือดแตกในตา
“…อยู่ให้ห่างของพวกนั้นนะครับ หมอว่าถ้าอยู่กับมันนานๆ มีสิทธิ์ถึงชีวิตได้” คุณหมอก้มหน้าลงจดยิกๆ ในสมุดประวัติคนไข้เล่มใหม่ของเรียวจันทร์
“ยังไงหมอขอให้นอนโรงพยาบาลสักคืนได้มั้ยครับเพื่อดูอาการ เพราะตอนนี้ตาคุณเรียวจันทร์เส้นเลือดแตกเยอะมากจนน่ากลัว แถมมีอาการไออีก” เรียวจันทร์หน้าเหวอไปนิดเมื่อได้ยินว่ากับแค่อาการแพ้ดอกไม้ถึงกับต้องนอนโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว
“นอนโรงพยาบาลเลยเหรอครับคุณหมอ” หมอหนุ่มเกาหลีพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม เรียวจันทร์ยิ้มเฝื่อนหันไปมองคนข้างกายตัวเองที่ทำหน้าเฉยเมย
“นอนไปเถอะ ดีกว่าไปตายในฟาร์ม ตายในโรงพยาบาลยังส่งเข้าห้องดับจิตทัน” เรียวจันทร์เบิกตากว้าง และเพราะเส้นเลือดฝอยแตกจนแดงฉานน่ากลัวอยู่แล้ว พอเบิกตากว้างขึ้นแล้วยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ คมเขี้ยวทำท่าทางขนลุกขนชัน เรียวจันทร์เลยยื่นมือไปหยิกต้นแขนของไอ้เขี้ยวกุดแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้
“ไหนว่าจะเชื่อฟังกันไง”
“แล้วดูพูดเข้า!” คมเขี้ยวยิ้มขำ คุณหมอเองยังขำไปด้วย คงมีแต่อัจฉราเท่านั้นที่ขำไม่ออก หล่อนกำลังข่มใจไม่ให้แสดงอาการไม่ดีออกมา
“เอาเป็นว่านอนโรงพยาบาลหนึ่งคืนนะครับ ถ้าพรุ่งนี้เส้นเลือดฝอยในตาและอาการไอลดลงก็กลับบ้านได้ ส่วนเรื่องผื่นหมอจะให้ยาทา ยาแก้แพ้และยาฆ่าเชื้อไปกิน” เรียวจันทร์พยักหน้ารับอย่างจำยอม หมอเขาคงไม่ให้นอนโรงพยาบาลเล่นๆ หรอกถ้าอาการไม่หนักจริง เขาเองก็รู้สึกร้อนๆ ในจมูกและลำคอเหมือนกัน
“เดี๋ยวก่อนไปที่ห้องพัก ล้างจมูก ล้างตา ล้างคอก่อนนะครับ” คนป่วยพยักหน้านิดหน่อย เหลือบไปมองทางอัจฉราที่กำลังยืนเตรียมของเงียบๆ คุณหมอบอกให้เขาเดินไปนอนบนเตียง พอนอนหงาย คุณหมอก็สั่งให้ลืมตา ก่อนจะเทน้ำยาล้างตาเย็นๆ ใส่ตาขวาของเขา อัจฉรายืนถือถาดสีเงินติดกับโหนกแก้มเขาเพื่อรองรับน้ำยาจากดวงตา
“ข้างซ้ายอีกข้างนะครับ” เรียวจันทร์พยักหน้า เบิกตาซ้ายให้กว้างไว้ ปล่อยให้คุณหมอจัดการเทน้ำยาล้างตาอีกข้าง พอทำเสร็จแล้ว เขาก็ลุกขึ้นนั่ง คุณหมอยื่นสลิงค์ที่ดูดน้ำเกลือให้เขาล้างจมูกหลอดละหนึ่งข้าง ร่างเล็กสำลักน้ำเกลือที่พุ่งเข้าไปในจมูกและทะลุไปถึงลำคอ
“แอ่ก เอิ่ก…” แม่คุณนายทำหน้าหยีเพราะความเค็มของน้ำเกลือ คมเขี้ยวยืนยิ้มขบขันเงียบๆ กับสีหน้าหมดความสวยของแม่ตัวดี
“กลั้วคออีกทีก็โอเคแล้วครับ” คุณหมอยื่นแก้วน้ำที่ใส่น้ำเกลือไว้ให้คนป่วย เรียวจันทร์ยกทิชชูที่อัจฉรายื่นให้ซับน้ำเกลือที่เลอะจมูกและปากสักแปบ ก่อนรับแก้วน้ำเกลือมากระดกใส่ปากและกลั้วในลำคอครู่หนึ่งแล้วบ้วนใส่ถาดสีเงินในมืออัจฉรา
“ยังไม่ต้องอาบน้ำนะครับ เดี๋ยวพยาบาลจะยกอาหารเที่ยงเข้าไปให้เพื่อจะได้กินยา” คนป่วยพยักหน้าพร้อมยกยิ้มเพลียนิดหน่อย คุณหมอนั่งเซ็นเอกสารสำหรับส่งตัวเรียวจันทร์นอนโรงพยาบาล ระหว่างนั่งรอ คมเขี้ยวก็พยายามห้ามมือแม่คุณนายไม่ให้เการุนแรง
หลังจากทำเรื่องให้นอนโรงพยาบาลเสร็จ เรียวจันทร์ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า โชคดีของคุณนายที่ไม่ต้องเจาะน้ำเกลือ ก็ไม่ได้ว่ากลัวเข็มหรอก แต่มันก็เจ็บเอาเรื่องนะไอ้เข็มน้ำเกลือน่ะ
“เดี๋ยวผมกลับไปฟาร์มก่อน แล้วกลางคืนจะให้ไอ้ดินมานอนเป็นเพื่อน”
“ทำไมนายไม่มาเองล่ะ” คุณนายแกว่าเสียงอ้อน ทำหน้าตาออดอ้อนอีกต่างหาก
“แล้วทำไมผมจะต้องมาด้วย”
“ก็ฉันอยากให้นายมา ฉันอุ่นใจนะเวลามีนายอยู่ใกล้ๆ” เรียวจันทร์ว่าเสียงอ่อย หน้าตาหงอยๆ แววตาเกือบจะเซื่องซึม คมเขี้ยวมองคนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลนิ่งๆ สักแปบ ก่อนจะพยักหน้าหนึ่งที
“ก็ได้ เดี๋ยวผมมานอนเฝ้า” คุณนายยิ้มกว้าง แม้ตอนนี้จะมีเลือดในตาขาวทั้งสองข้าง แต่ดวงตาดั่งกวางน้อยก็ยังฉายแววสุกใสเมื่อได้ยินว่าคมเขี้ยวจะมานอนเฝ้าตัวเองอย่างที่ขอ
เสียงล้อรถเข็นดังขึ้น ทั้งสองคนหันไปมองตรงประตูทางเข้าก็เห็นอัจฉราเข็นรถอาหารสำหรับผู้ป่วยเข้ามาในห้อง หญิงสาวยิ้มให้คมเขี้ยวบางๆ และหันไปยิ้มจางๆ ให้เรียวจันทร์
“อาหารเที่ยงค่ะ ทานแล้วจะได้ทานยาและหยอดยาที่ดวงตา คุณหมอกำชับมาว่า อยากให้คุณเรียวจันทร์พักผ่อนเยอะๆ” ร่างเล็กพยักหน้า ค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง อัจฉราเข็นรถเข้าล็อคกับเตียงพอดี บนโต๊ะสีขาวมีถ้วยข้าวต้มกุ้ง ยาสามเม็ดในถ้วยแก้ว และยาหยอดตาหนึ่งขวด
“ผมฝากเขาแปบนึงนะเอื้อง ผมจะกลับฟาร์ม แล้วเดี๋ยวตอนเย็นจะมาใหม่” อัจฉราประหลาดใจ แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่าชายหนุ่มจะทำอะไร
“เขี้ยวจะมานอนเฝ้าคุณเรียวเหรอ” ชายหนุ่มพยักหน้านิดหน่อย เรียวจันทร์ทำไม่รู้ไม่ชี้ ก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มเงียบๆ
หญิงสาวแทบจะปั้นสีหน้าปกติไม่ได้ แต่ก็ยิ้มบางๆ ให้คมเขี้ยวแล้วพยักหน้ารับรู้ “ไม่ต้องห่วง เป็นหน้าที่เอื้องอยู่แล้ว”
คมเขี้ยวยิ้มเป็นการขอบคุณ แล้วหันไปมองแม่คุณนายที่นั่งกินข้าวต้มเงียบๆ “น้ำอยู่บนหัวเตียงนะ กินข้าวเสร็จกินยาซะ”
เรียวจันทร์ยักคิ้วให้ร่างสูงสองที คมเขี้ยวเดินออกไปจากห้องพัก ทิ้งความเงียบให้ครอบคลุมสองคนที่เหลือ อัจฉราหันกลับมามองคนป่วยด้วยสายตานิ่งสงบ เรียวจันทร์หันไปสบตาแล้วยิ้มอ่อนให้
“อิ่มแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณเอื้อง” เรียวจันทร์หันไปหยิบน้ำเปล่ามาเปิดฝา เสียบหลอดเข้าไปแล้วดูดเข้าไปสองสามอึก กะว่ารอสักพักค่อยกินยาตามเข้าไป
“ถ้ามีอะไรกดออดเรียกแล้วกันนะคะ” นายแบบหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ พร้อมรอยยิ้มแฉล้ม
พยาบาลสาวข่มใจแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องพัก หล่อนหลับตาลงในขณะที่ก้าวเท้าเดิน เรียวจันทร์มองแผ่นหลังของหญิงสาวที่ค่อยๆ เดินทางประตูห้อง นางกำลังลุ้นว่าอีกฝ่ายจะหันมาพูดอะไรหรือไม่ แต่สุดท้ายยัยช่อเอื้องก็เปิดประตูออกไปจากห้อง
ทิ้งให้คุณนายเรียวจันทร์เชิดคางขึ้นเล็กน้อย และคลี่ยิ้มเบาๆ อย่างมีชัย โดยที่ไม่ได้มองสภาพตัวเองเลยว่ายามนี้ไม่ควรนึกสะใจใคร
ตอนที่คมเขี้ยวกลับมาก็เป็นตอนที่คุณหมอเจ้าของไข้ของเรียวจันทร์กำลังตรวจร่างกายของคนป่วยที่ยังหน้าตาสลึมสลือเพราะฤทธิ์ยาแก้แพ้ หมอรูปหล่อสูงขาวเกาหลีบอกว่าผื่นคันลดลง อาการแดงค่อยๆ หายไปเช่นกัน แต่คุณหมอขอให้เรียวจันทร์หยุดเกา เพราะมันยิ่งทำให้แดงและอาจทำให้เลือดออกเยอะกว่าที่กำลังซึมๆ ตามผิวหนังในตอนนี้ คุณนายแก็ไม่ได้อยากเกานักหรอก เพราะเดี๋ยวผิวเสียแล้วถ่ายแบบไม่สวย แต่พอเผลอทีไรมือไปเองทุกที
“แต่อาการเส้นเลือดฝอยแตกในตายังน่าห่วง แต่ก็ดีที่มันไม่ได้ขยายไปมากกว่าที่เป็นอยู่” เรียวจันทร์ยิ้มอ่อนเพลีย หมดอิทธิฤทธิ์จนคมเขี้ยวนึกขำว่าวันนี้คงเป็นวันดูดวิญญาณของแม่ตัวแสบแน่ๆ
“อาการคันคอยังเป็นอยู่มั้ยครับ”
“ก็มีบ้างครับหมอ แต่ไม่ยุบยิบเท่าตอนแรกแล้ว อาการไอมีค่อกแค่กบ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นโก่งคอจะอาเจียน”
“เรียกว่าโชคดีมากครับที่มาก่อนจะเป็นหนักกว่านี้ อาการแพ้พวกนี้เรามองว่ามันอาจจะไม่เป็นหนักมาก ทายากินยาแก้แพ้ก็หาย แต่ถ้าโดนเข้ามากๆ อาจะถึงชีวิตได้…” คุณนายเบิกตากว้างขึ้นนิดหนึ่งที่ได้ยินว่ากะอีแค่แพ้ดอกไม้ใบหญ้ากองฟางถึงกับจะคร่าชีวิตสวยๆ ของตัวเองไปเลย
“…ต่อไปนี้ก็อยู่ให้ห่างจากของที่ทำให้คุณอยู่ในสภาพนี้นะครับ” เรียวจันทร์ยิ้มเจื่อน ถึงหมอไม่บอกนางก็ไม่คิดจะไปคลุกคลีกับของพวกนั้นหรอกนะ
“พักผ่อนเยอะๆ งดใช้สายตานะครับ” คุณหมอทิ้งท้ายเรื่องกินยาไว้ก่อนจะเดินนำพยาบาลคนใหม่ที่ไม่ใช่อัจฉราออกไปจากห้อง พออยู่กันสองคนเรียวจันทร์ก็หันไปมองคมเขี้ยวทั้งที่เปลือกตายังหย่อนคล้อยนิดๆ
“กินข้าวเย็นก่อน จะกินของโรงพยาบาลหรือที่ผมเอามาให้” คนป่วยทำหน้าประหลาดใจนิดหนึ่ง
“นายมีน้ำใจซื้อข้าวมาฝากฉันด้วยเหรอเนี่ย”
“เปล่า แม่ทำมาให้ ตอนแรกจะมาเยี่ยม แต่ผมบอกว่าพรุ่งนี้คุณก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว” เรียวจันทร์พยักหน้านิดหนึ่ง ไม่ได้ติดใจเรื่องข้าวว่าจะมาจากไหน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตที่ต้องมานั่งคิดหลายตลบ ใครให้ก็ช่าง เพราะสุดท้ายนางก็เอาเข้าปากอยู่ดี
คุณแม่ทำผัดผักกับต้มจืดหมูมะระมาให้ รสชาติอร่อยแสนจะคุ้นเคยเพราะเพิ่งจะกินฝีมือคุณแม่ไปเมื่อเช้านี้นี่เอง ตอนแรกก็กะว่าหลังเสร็จงานจะขึ้นไปกินข้าวบนบ้านใหญ่นั่นแหละ แต่นางดันต้องมานอนแหมะอยู่โรงพยาบาลนี่ไง
“ไม่ต้องอาบน้ำใช่มั้ย” คมเขี้ยวถามพลางนั่งมองคนตัวเล็กนั่งกินข้าวตุ้ยๆ แล้วก็แอบสงสัยว่ากินก็เก่งแต่ทำไมตัวบางร่างน้อยจริงเชียว
“หมอไม่ให้อาบไง แต่ให้ทายาทุกสองชั่วโมง ก่อนนายมาเพิ่งทาไป น่าจะทาอีกทีตอนสองทุ่มแหละ” คุณนายแกยกมือจะเกาต้นคอที่มันคันยิกๆ แต่ก็ฉุกคิดได้ว่าเดี๋ยวเป็นแผล เลยเปลี่ยนเป็นลูบแรงๆ แทน ทั้งที่จริงอยากจะจิกเล็บลงไปบนเนื้อตัวเองแล้วครูดขึ้นลงให้หนำใจ
“หมอก็บอกไม่ใช่รึไงว่าอย่าเกา” คุณนายแกนั่งหน้างอในขณะที่ใช้ปลายนิ้วเขี่ยๆ ตรงบริเวณที่คัน
“ก็มันคันอะ คันยิ่งกว่าอาการอยากได้นายเป็นสามีอีก” คมเขี้ยวถลึงตาใส่คนบนเตียง ร่างเล็กยิ้มกว้างตลกขบขัน มือขวาตักอาหารเข้าปาก มือซ้ายลูบไปทั่วคอและอก
“หยุดเกา” คมเขี้ยวว่าเสียงดุเบาๆ แล้วนั่งลงบนโซฟาตัวยาวสีขาว โทรศัพท์มือถือเขาส่งเสียงดัง เขาหยิบจากกระเป๋าเป้ขึ้นมาดู พอเห็นว่าเป็นชื่อใครโทรมาเขาก็เหลือบมองเรียวจันทร์ที่กำลังนั่งกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย แต่มือซ้ายก็ปัดป่ายไปตามลำคอและแขนตัวเอง
“ฮัลโหล”
[เฝ้าคุณเรียวอยู่รึเปล่าเขี้ยว]
“อื้อ ใช่ ทำไมเหรอ”
[เปล่า แค่โทรมาเช็กน่ะ คุณหมอบอกว่าอย่าเพิ่งให้คุณเรียวอาบน้ำนะ]
“เมื่อกี้เจ้าตัวบอกเขี้ยวแล้วแหละ ขอบใจเอื้องมากนะ” หญิงสาวชวนเขาคุยต่ออีกนิด เขาตอบบ้างไม่ตอบบ้างเพราะกำลังพยายามดึงมือไอ้จันทร์ไรที่เกาไม่หยุด
“อ๋อ… โอเค เฮ้ย เรียวจันทร์! บอกว่าอย่าเกาไง…”
“คันอะ ฉันจะตายมั้ยเนี่ย ทำไมมันคันแบบนี้” คนป่วยว่าหน้างอง้ำ เริ่มหวาดกลัวในอกเล็กๆ ว่าทำไมอาการคันมันไม่ลดลงตามผื่นแดงๆ ที่เริ่มจางลงไปแล้ว
“อย่าเว่อร์น่า… เอ่อ เอื้อง เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ”
[อื้ม อย่านอนดึกนะเขี้ยว] ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณเบาๆ แล้วตัดสายทิ้ง วางมือถือไว้บนโต๊ะหัวเตียง รวบสองมือเรียวจันทร์ไว้ไม่ให้แม่ตัวแสบเกา พอโดนยึดมือ แม่คุณนายก็หดคอลงแล้วเอาแก้มถูๆ ไหล่ตัวเอง
“อิ่มรึยัง จะได้กินยา” คนป่วยพยักหน้าหงึกๆ คมเขี้ยวใช้มือซ้ายกดข้อมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไว้บนโต๊ะกินข้าวของโรงพยาบาล เอี้ยวตัวไปหยิบถ้วยยาที่วางอยู่ข้างๆ ยาทามาให้
“ผมรู้ว่าคัน แต่อยากมีรอยแผลบนผิวรึไง เกาก็เกาเบาๆ พอ ไม่ต้องเการุนแรงก็ได้” พอได้ยินคำว่าแผล คุณนายก็หน้าเสียไปนิด เพราะเผลอเกาแควกๆ ไปหลายจุด
คมเขี้ยวปล่อยข้อมือเล็กๆ ออก เรียวจันทร์กำสองมือไว้หลวมๆ สำรวจสองแขนตัวเองก็เห็นว่ามีรอยแดงจากการเกายาวเป้นแถบทั้งสองข้าง คุณนายแกเลยต้องข่มใจในการออกแรงเกา เปลี่ยนเป็นใช้ปลายนิ้วขยุ้มๆ พอ
“กินยาได้แล้ว” คมเขี้ยวยื่นแก้วน้ำให้ เรียวจันทร์รับไปดื่มแล้วกรอกยาตามลงไป เมื่อเช้ายังไม่ทันหายเบลอ เจอยาแก้แพ้เข้าไปอีกเม็ดคงสลบเป็นตาย
“นอนไปเถอะ เดี๋ยวผมทายาให้” เรียวจันทร์หันไปมองด้วยความประหลาดใจ ปนตกใจและปนดีใจ ปนกันเข้าไป ปนกันไปหมดจนเละเทะ
“จริงอ้ะ? วันนี้นายใจดีกับฉันมากเลยนะ นายรู้ตัวมั้ยเนี่ย” คมเขี้ยวยกสองมือเท้าเอวแล้วยักคิ้วนิดหนึ่ง
“เดี๋ยวคุณตาย ผมก็เสียชื่อเสียงพอดี” เรียวจันทร์มองค้อนควัก แต่ก็ไม่ได้นึกโกรธเคืองจริงจัง
“ถ้าฉันตาย ฉันก็ยังจะมาปล้ำนาย เป็นผีนี่แหละดี นายทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“ผมจะห้อยพระทุกวัดของทุกจังหวัดในประเทศไทยที่ว่าดี” เรียวจันทร์ยิ้มเบ้ปาก
“ฉันไม่กลัวพระหรอก ต้องมีสักองค์ที่หลงความสวยฉันและเปิดทางให้ฉันได้เข้าไปปล้ำนาย” คมเขี้ยวขมวดคิ้วแล้วขำพรืด อันนี้เขาขำจริงๆ คนอะไรวะ หลงตัวเองได้แม้กระทั่งกับพระกับเจ้า
“ขำอะไรยะ ขายสวยนะ ไม่ได้ขายตลก” คมเขี้ยวไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยเพราะอีกสักพักคนปากดีจะง่วงนอนและหลับหนีไปเอง เขาเลยเดินไปเปิดทีวีดู แต่ก็เปิดเสียงเบาๆ หันไปมองบนเตียงก็เห็นแม่คุณนายนอนมองจอตาแป๋ว
“หมอบอกให้พักสายตา หลับได้แล้ว”
“อีกไม่ถึงชั่วโมงฉันก็สงบปากสงบคำแล้วน่า” คมเขี้ยวเดินไปนั่งบนโซฟาตัวเล็กอีกตัว ตอนนี้ในห้องพักมีเพียงเสียงทีวีดังกลบความเงียบระหว่างทั้งสองคน
ผ่านไปได้พักใหญ่ๆ เรียวจันทร์ก็ผล็อยหลับไปเพราะฤทธิ์ยา และเพราะฤทธิ์ยาตอนเที่ยงยังไม่ทันจาง โดนตอนเย็นเข้าไปอีกรอบเลยหลับสนิทไม่รู้เรื่องราว
ไม่รู้แม้กระทั่งว่าคมเขี้ยวตื่นมาทุกสองชั่วโมงเพื่อทายาแก้คันให้ตามที่หมอบอกจนกระทั่งถึงเช้าตรู่ของอีกวัน หลังจากนั้นคมเขี้ยวก็หลับยาวรอเวลาให้หมอเข้ามาตรวจร่างกายคนป่วยตามเวลาเริ่มงานของหมอ
คะแนนพี่เขี้ยวสู้เสี่ย สู้ดินได้มั่งยังนิ 55555 ดูแลแม่เรียวทั้งคืนเลยนาาา แม่ก็หลับเป็นตายค่ะ ผู้ชายเทคแคร์อย่างดีไม่มีรู้เรื่อง
เกิดเป็นหญิงสาวบอบบาง โดนอะไรนิดหน่อยก็อ่อนแอ เลยต้องมีผู้ชายมาดูแล คิๆ
เดี๋ยวขอดักก่อน คุณหมอหนุ่มเกาหลีไม่ใช่ผู้ชายคนใหม่ของแม่นะคะ 555555 โนค่า ม่ายช่ายยย เป็นคุณหมอจริงๆ แค่หน้าตาดีเนอะ บรรยายให้รู้เฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นิดหน่อยยย แต่ไม่ใช่สามีคนใหม่ของแม่แน่นอนนน
ตอนนี้ก็เขยิบเข้ามาใกล้กันอีกนิดอีกหน่อย อ้อมกอดเดียวเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเชียวเนอะ หุๆ
เจอกันตอนหน้านะคะ
ขอบคุณคนอ่านทุกคน ณ เล้าเป็ดที่ติดตามกันอยู่ค่ะ ขอบคุณที่คอยคอมเม้นต์ให้กันเสมอ มีแรงใจก็เพราะมีคนอ่านรออ่านนี่ละค่าาา