Ex - boyfriend
อย่าบอกใคร...ว่าเราเคยรักกัน
12
ผมตื่นมาในตอนสาย ๆ พี่ไนล์ตอนนี้สลบอยู่ในห้องเพราะเพิ่งจะเข้าไปนอนตอนผมตื่นเดินออกมาเห็นงานพี่แกเสร็จเรียบร้อยแล้ว สงสัยนอนข้ามไปถึงวันจันทร์แน่ ๆ แต่ถึงอย่างไรผมก็เข้ามาทำอาหารง่าย ๆ ไว้ให้เผื่อพี่ไนล์ตื่นมาหิว ก่อนจะจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยล้มตัวลงนั่งบนโซฟารอไอ้โฮมไลน์มา
“ถึงแล้ว ลงมาเลย”ผมเดินลงลิฟท์มาเห็นรถโฮมมันจอดอยู่หน้าคอนโดเลยรีบวิ่งไปขึ้น มันยักคิ้วให้ผมทีก่อนจะออกรถไปคอนโดพี่ณิน
“แล้วพวกนั้นล่ะ”
ผมถามถึงสาวสาวสาว
“มันไม่ไปกันแล้วเห็นว่าจะไปงานเปิดตัวไรซักอย่างกัน”
“อ่อ”
ผมครางรับก่อนจะหันมองนอกหน้าต่างแล้วก็สงสัยว่านี่เดือนธันวาคมจริง ๆ หรอ ทำไมอากาศมันช่างเหมือนกับเดือนเมษาอย่างไรอย่างนั้น แทบจะหาเศษเสี้ยวของความหนาวไม่ได้เลย
“เออมึง”
อยู่ ๆ ไอ้โฮมมันก็เรียก ผมหันกลับไปเลิกคิ้วมองหน้ามัน
“ว่า?”
“มึงไม่ค่อยตอบข้อความเฟรนมันหรอ มันไลน์มาหากูถามถึงมึงบอกว่ามึงไม่ตอบไลน์ โทรหาก็ไม่ติด”
“อืม ถ้ามันทักมาแบบปกติอย่างมึงทักกูมากูก็ตอบนะแต่นี่ไม่ใช่ว่ะ กูเลยอึดอัดใจที่จะตอบนิดหน่อย”
ส่วนหนึ่งที่ผมเลือกจะไม่ตอบเฟรนก็เพราะตอนนั้นอยู่กับพี่มินด้วย ถึงเราจะยังไม่ได้กลับมาคบกันแต่ผมก็อยากให้เขารู้ว่าผมคุยกับเขาแค่คนเดียวและไม่ได้ให้ความหวังใคร
“เพราะพี่มินด้วยรึเปล่า”
“ยังไง”
“แบบเขาไม่ให้มึงตอบไรงี้”
ผมโบกมือปฏิเสธ
“ไม่เกี่ยวหรอก พี่มินไม่เห็นด้วยซ้ำเวลาเฟรนไลน์มาอ่ะ กูปิดเตือนไว้”
“กลับไปคบกันแล้ว?”
“หึ ยังหรอก”
“เรอะ กูนึกว่ามึงกลับไปคบกับพี่แกแล้วเห็นไปไหนมาไหนด้วยกัน พี่ณินบอกกูด้วยว่ามึงไปค้างบ้านพี่เขามา”
มันยักคิ้วหลิ่วตาใส่ ด้วยความหมั่นไส้ล้วน ๆ ผมเลยตบหัวมันไปอย่างแรงดีที่ติดไฟแดงไม่อย่างนั้นได้แหกโค้งตายกันทั้งคันแน่
“เรื่องเสือกนี่ไวตลอด ยังหรอกกูว่าต้องใช้เวลาอีกสักพักว่ะ กูไม่อยากให้มันกลับไปเป็นแบบเดิมอีก กูอยากโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่พอที่จะยืนอยู่ข้างพี่มิน”
ไอ้โฮมทำหน้าไม่เชื่อ ก่อนจะถอนหายใจแล้วหันกลับไปมองถนน
“เออ ๆ มึงโตขึ้นมันก็ดี”
“มึงจะพูดอะไรโฮม”
มันยักไหล่แต่ก็ไม่ตอบอะไรพอดีกับที่ถึงคอนโดของพี่ณินแล้วผมจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ เราสองคนเดินลงมาจากรถแล้วแวะเข้าแฟมิลี่มาร์ทด้านล่างคอนโดซื้อขนมตุนไว้เยอะแยะก่อนจะโทรบอกพี่ณินว่ามาถึงแล้ว ส่วนพี่มินเห็นว่าจะมาถึงช้าหน่อยเพราะว่าไวท์ป่วยจะพาไปหาหมอก่อนค่อยตามมา
“หวัดดีครับพี่ณิน”
ผมกับไอ้โฮมยกมือไว้พี่ณินที่เดินยิ้มออกมาจากลิฟท์ ร่างสูงโปร่งรับไหว้ก่อนจะเดินเข้ามาหาช่วยถือถุงขนม
“ซื้ออะไรกันมาเยอะแยะข้างบนห้องไอ้พวกนั้นก็ซื้อมาไว้เต็มไปหมด”
“มากันหมดแล้วหรอครับ”
“อื้มอยู่กันเต็มห้องเลย”
พี่ณินบอกก่อนจะเปิดประตูให้ผมกับไอ้โฮมเข้าไป ห้องของพี่ณินใหญ่ว่าห้องของผมมากเพราะเขาอยู่กับพี่คริสสองคนขนาดประมาณห้องผมสองห้องกว่า ๆ รวมกัน เข้าไปก็เห็นพวกพี่ ๆ นั่งกันเกลื่อนพื้น บางพวกนั่งโซฟาอย่างพวกพี่คริษฐ์ส่วนเพื่อน ๆ ของพี่ณินส่วนมากจะใช้พื้นเป็นพื้นที่ส่วนตัวกันมากกว่าโดยเฉพาะพี่โฟล์คนอนยาวอย่างกับบ้านตัวเอง พี่ณินเดินเข้าไปเหยียบตูดแล้วเตะเบา ๆ
“นั่งอ่านให้มันดี ๆ ไอ้ห่า”
พี่โฟล์คยอมลุกขึ้นมานั่งอ่านดี ๆ ยกมือทักทายผมสองคนแล้วก้มลงอ่านหนังสือต่อ พี่ณินเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับโต๊ะญี่ปุ่น เจ้าตัวกางมันออกแล้วกวักมือเรียกผมกับไอ้โฮมให้เข้าไปนั่ง
“พี่มินบอกแล้วใช่ไหมว่าจะมาช้า”
พี่ณินถาม ผมพยักหน้าก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาวาง
“ครับ”
“โอเคจะเอาวิชาไหนก่อน”
“แล้วพี่ณินอ่านของตัวเองจบแล้วหรอครับ”
เจ้าตัวพยักหน้า ก่อนจะหยิบแว่นสายตามาสวม
“อ่านจบหมดแล้วแหละถึงมาติวให้พวกเราได้ไง มา จะเอาวิชาไหนก่อน”
“เคมีเลยพี่”
ไอ้โฮมพูดด้วยความว่องไว พี่ณินหันมาหาผม
“พี่ณินติวให้โฮมมันก่อนเลยครับ เคมีจิณณ์อ่านกับพี่มินไปเมื่อวานแล้ว”
“โอเคถ้าอย่างนั้นจิณณ์น้อยไปนั่งกับคริษฐ์บนโซฟาไปนั่งอ่านตรงนี้เดี๋ยวเนื้อหาตีกันมึน”
ผมพยักหน้ารับแล้วโกยหนังสือมาไว้ในอ้อมกอดลุกขึ้นเดินไปหาพี่คริษฐ์ที่ขยับให้นั่งอย่างรู้งาน
“แคบหน่อยนะตอนแรกว่าจะไปอ่านกันที่บ้านแต่พวกมันขี้เกียจขับรถ”
พี่คริษฐ์หันมายิ้มหล่อบอกก่อนจะกวาดตามองเพื่อนทั่วห้อง ผมยกมือปฏิเสธ
“ไม่แคบเลยครับนี่เรียกว่ากว้างมาก ๆ แล้วนะพี่คริษฐ์ห้องพี่กับพี่ณินใหญ่กว่าสองห้องของผมรวมกันอีก”
“อย่างนั้นเลย?”
พี่คริษฐ์ขมวดคิ้วทำหน้าเหมือนไม่เชื่อผมเลยต้องรีบพยักหน้าเป็นการย้ำ
“ครับใหญ่มากเลยนะห้องนี้”
“อืม...ไม่เคยสังเกตซะด้วยสิ ตอนซื้อณินมันบอกแค่ว่าอยากได้ห้องที่เหมือนบ้านก็เลยตกลงซื้อห้องนี้น่ะ”
“พี่คริษฐ์ตามใจพี่ณินจังเลยนะครับ”
คนตัวสูงหัวเราะแห้ง ๆ
“ขี้เกียจฟังมันง๊องแง๊ง นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว”
พี่แกก้มตัวลงมากระซิบบอกเสียงเบาเพราะกลัวพี่ณินได้ยิน ผมได้แต่ยิ้มขำ พี่คริษฐ์ก็พูดไปอย่างนั้นแหละตัวเองตามใจพี่ณินจะตายเหมือนกับคุณพ่อเลี้ยงลูกชายหกขวบไม่มีผิด
นั่งอ่านกันไปพักใหญ่เสียงประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งของพี่มินเดินเข้ามาแถมสองมือยังเต็มไปด้วยกล่องพิซซ่าอีกต่างหาก คนที่เห็นคนแรกคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่โฟล์ค พี่แกกระเด้งตัวขึ้นมาเหมือนได้ยาชุบชีวิตรีบคลานไปกอดขาพี่มิน
“ท่านพี่ผู้แสนดีของข้า~” ไม่ว่าเปล่ายังเอาแก้มถูขากางเกงพี่มินอีกต่างหาก
“พ่อมึง นั่นพี่กูเว้ยปล่อยเลย ๆ”
พี่ณินลุกขึ้นเดินไปถีบเอวพี่โฟล์คเบา ๆ แล้วช่วยพี่มินถือถุงพิซซ่าเอามาวางกลางห้อง พวกที่เหลือตาวาวกันเป็นแถวรวมถึงผมด้วยครับ ก็นะมันบ่ายกว่าแล้วนี่นาข้าวเช้าก็กินไปแค่แซนวิชชิ้นเดียวเอง
“มากินข้าวกันก่อนมาพี่ซื้อมาฝาก”
พี่มินบอกก่อนจะหยิบกล่องบนสุดขึ้นมาแล้วปล่อยให้พวกแร้งลง ร่างสูงเดินเข้ามาหาผมนั่งลงแทนพี่คริษฐ์ที่ไปร่วมวงพิซซ่ากลางห้องไปแล้ว มือเรียวส่งกล่องพิซซ่าให้ผม เปิดกล่องดูก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าโปรดของตัวเอง
“สั่งแยกมาให้เลยนะเนี่ย” พี่มินอมยิ้มบอก
“ขอบคุณครับ พี่มินกินด้วยกันมั้ย”แต่คนถูกชวนส่ายหน้า
“จิณณ์กินเถอะครับพี่ซื้อลาซานญ่าของตัวเองมาแล้ว”
พี่มินชูกล่องในมือตัวเองให้ดู ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะลงมือกินพิซซ่าบนตักตัวเอง ผมชอบกินพิซซ่าแป้งบางหน้าชีสล้วนไม่ค่อยมีคนชอบเหมือนผมหรอกคนอื่นชอบบอกว่ามันเลี่ยน คนแรกที่พูดกรอกหูเลยก็พี่มินนี่แหละถัดมาก็พี่ไนล์สองคนนี้ชอบทำหน้าแหยเวลาผมสั่งมาแต่ก็ไม่เคยห้ามไม่ให้ผมสั่งนะ ส่วนพี่มินรายนั้นไม่ค่อยชอบกินพิซซ่าเท่าไหร่แต่สิ่งที่พี่มินโปรดปรานมากที่สุดคือลาซานญ่า เหมือนการ์ฟิวเลย ฮึฮึ
“ทำไมน้องจิณณ์ได้กล่องนึงเลยอ่ะ ไม่ยุติธรรมเลยยยยยยย” พี่โฟล์คสังเกตเห็นว่าผมได้พิซซ่ากล่องใหญ่มาครอบครองไว้คนเดียวก็ออกอาการโวยวายจนโดนพี่คิงตบหัว
“เขาซื้อมาให้แดกฟรีก็บุญแล้วไหมหรือมึงจะจ่ายเงิน?”
เท่านั้นแหละพี่โฟล์คก็รูดซิปปากเงียบ เออจะว่าไปวันนี้ก็มีแต่พวกพี่ผู้ชายมากันพวกพี่ผู้หญิงเพื่อนพี่ณินไม่เห็นสักคนเลย ฝ่ายพี่คริษฐ์ก็ไม่เห็นพี่ซันคนสวยอยู่เลยวันนี้
“มันไม่ร้อน!” พี่ณินหน้ามุ่ยส่งเสียงเอาแต่ใจดังขึ้นมาจากกลางวง
“มีอะไรกันน้องณิน”
“ผักโขม...มันไม่ร้อน” พี่ณินกอดอกตอบ พี่มินส่ายหัว
“เราก็เอาไปอุ่นสิ” คราวนี้น้องชายคนเล็กตวัดสายตาใส่ก่อนจะเงียบ พี่คริษฐ์แกคงทนไม่ไหวร่างสูงลุกขึ้นคว้ากล่องผักโขมในมือพี่ณินเดินเข้าไปในครัว
“มึงนี่มันจริง ๆ เลยว่ะณิน” พี่โฟล์คเคี้ยวพิซซ่าเต็มปากว่าเพื่อนตัวเอง
“ทำไม!” คนถูกว่าเชิดหน้าใส่
“โว๊ะ! เอาแต่ใจเข้าไปเถอะวันนึงไม่มีคริษฐ์แล้วมึงจะรู้สึก”
ป้าบ!!!
ทันทีเลย หน้าพี่โฟล์คแทบทิ่มพิซซ่า พี่ณินอยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนสีหน้าจริงจังก่อนจะลุกขึ้นยืน
“กูสองคนจะไม่แยกกัน” บอกแค่นั้นแล้วเดินตามพี่คริษฐ์เข้าไปในครัว พี่โฟล์คลูบหัวตัวเองป้อย ๆ แล้วหันไปถามความเห็นพี่ปลวกซึ่งพี่แกก็ได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจ
“มึงก็ไปพูดจาไม่เข้าหูมันเองนะ”
“ยังดีนะที่เป็นณิน ลองพูดแบบนี้ต่อหน้าคริษฐ์มันสิได้โดนเตะไส้ไหล” พี่ซานพูดขึ้นมาบ้าง ก่อนจะหันมาหาพี่มิน
“มันสองคนดีกันแล้วนะพี่มิน”
“หรอ ดีแล้วพี่ขี้เกียจรับออร่าทะมึน” พี่มินว่าขำ ๆ ก่อนจะกลับมาสนใจของกินในมือตัวเอง
“พี่คริษฐ์กับพี่ณินสนิทกันมากเลยนะครับ” พี่มินเลิกคิ้วอมยิ้ม
“คิดว่ามันสองคนคบกันอยู่รึไงเรา ยังไม่ชินอีกหรอ”
อ่า...จะว่าชินไหมมันก็ชินนะ พี่สองคนเขาสนิทกันมากแบบมากจริง ๆ จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่ามีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า
“ก็ ไม่รู้สิครับบางครั้งก็คิดนิดนึง” ผมบอกพี่มินพร้อมกับทำท่าประกอบด้วยการยกนิ้วขึ้นมาทำท่านิดนึงให้พี่มินดู พี่มินหัวเราะพร้อมกับลูบผมของผมเบา ๆ
“ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาสองคนเถอะ”
เอ๋? ทำไมพี่มินพูดแบบนั้นล่ะ หรือว่าจะมีอะไรในกอไผ่จริง ๆ ยังไม่ทันที่จะอ้าปากถามต่อสองคนนั้นก็เดินออกมาจากครัว พี่ณินยิ้มกว้างกอดจานผักโขมอบชีสมาเลยตามมาด้วยพี่คริษฐ์ที่ส่ายหน้าปลง ๆ เดินตามหลังมา ผมว่าไม่มีอะไรแล้วล่ะพี่คริษฐ์แกแค่ทำ ๆ ไปเพราะเบื่อพี่ณินเอาแต่ใจแน่ ๆ
“สมใจมึงแล้วสิ” พี่ปลวกแขวะเพื่อน
“มาก!!!” พี่ณินยิ้มกว้างตอบก่อนจะกินผักโขมในจานพี่โฟล์คทำท่าจะเข้ามาแย่งแต่โดนสายตาอาฆาตของพี่ณินดักไว้ คนหน้าหล่อแต่กากเลยได้แต่ด่าเพื่อนเบา ๆ
“อ่านจบไปกี่วิชาแล้วครับ” เสียงพี่มินดึงความสนใจผมกลับมา
“เหลืออีกสองวิชาครับ วิชาเสริมหมดเลย”
“แล้วจะกลับบ้านวันไหน”
“วันที่เก้าครับ” พี่มินพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วพี่มินไปค่ายวันไหนครับ”
“วันที่ 10 ครับ” ผมนับนิ้วถ้าสองอาทิตย์ก็...
“กลับมาวันที่ 23 หรือ 24 ครับ”
“น่าจะ 23 ดึก ๆ นะครับ จิณณ์จะกลับมาวันไหน”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวกลับมา 23 แล้ว 26 ค่อยกลับบ้านใหม่” พี่มินยิ้มกว้าง มือใหญ่ยื่นมารับกล่องพิซซ่าเปล่าของผมไปทิ้งแล้วรั้งผมให้ลุกขึ้นไปล้างมือ
ผมเดินตามแผ่นหลังกว้างอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกแปลก ๆ ไม่อยากให้พี่มินไปค่ายเลยและอีกใจหนึ่งผมก็ไม่อยากกลับบ้าน ไม่รู้สิผมรู้สึกไม่ค่อยดี ผมคงคิดมากไป ไม่มีอะไรหรอก
และแล้วเวลาให้การสอบก็เริ่มขึ้นผมสอบไปได้สองวันแล้วเหลืออีกสองวันช่วงนี้ผมกับพี่มินไม่ได้เจอกันเลยเพราะพี่มินตารางสอบแน่นมากเราสองคนจึงได้แต่ไลน์หากันหรือถ้าว่างตรงกันเราก็จะวีดีโอคอลหากันแบบขอให้ได้เห็นหน้าสักนิดได้ยินเสียงสักหน่อยก็ยังดี วันนี้ก็เช่นกันผมมาอ่านหนังสือที่ห้องไอ้โฮม มีบอสกับเฟรนมาด้วยพี่มินโทรมาผมเลยแว๊บออกมาคุยตรงระเบียง
“ครับ”
“เหนื่อยจังเลยครับ” เสียงพี่มินชัดเจนมากว่าเหนื่อย ผมยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าติดจะอ้อนของเขา
“แล้วทำได้ไหมครับ”
“ทำได้ครับแต่ไม่รู้จะถูกหรือเปล่านะ”“พี่มินเก่งอยู่แล้ว”
“คิดถึงจังเลย” อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องผมแทบตามอารมณ์เขาไม่ทัน หันหลังไปมองซ้ายมองขวาไม่มีใครอยู่แถวนี้จึงตอบปลายสายกลับไป
“คิดถึงเหมือนกันครับ”
“ฮ้า...มีกำลังใจแล้ว” ผมหัวเราะ
“ขี้เวอร์”
“เอ่า พี่พูดความจริงนะแล้วนี่อยู่ไหนครับ”“อยู่หอโฮมครับ มีโฮม บอส แล้วก็เฟรน”
“...” “พี่มิน...” ผมกำลังจะอธิบายแต่พี่มินพูดแทรกมาเสียก่อน
“ครับ แล้วจะนอนที่นั่นเลยไหม”“ไม่ครับเดี๋ยวดึก ๆ ก็กลับแล้ว”
“พี่ไปรับได้ไหม”“ไม่ลำบากใช่ไหมครับ” ผมถามเพราะจริง ๆ แล้วผมก็อยากให้พี่มินมา อยากให้เฟรนเห็นว่าผมมีคนของผมอยู่แล้วเพราะพูดไปเฟรนก็ดูเหมือนจะไม่รับฟัง ต้องเจอจัง ๆ ซะมั้งถึงจะยอมรับ
“สบายมากครับ”“ถ้าอย่างนั้นจะกลับแล้วเดี๋ยวจิณณ์โทรหานะครับ”
“ครับผม”ผมเดินกลับเข้ามาก็ได้รับสายตาล้อเลียนจากไอ้โฮมและบอสส่วนเฟรนเขาเหลือบตาขึ้นมามองแล้วกลับไปสนใจหนังสือในมือต่อ เอาจริงผมอยากให้เขาถามผมมาตรง ๆ เลยนะ ใช่ว่าจะดูไม่ออกเรื่องความรู้สึกของเขาแต่เมื่อเขาไม่พูดผมก็ทำอะไรไม่ได้ จะให้เดินไปบอกว่าเราไม่ได้คิดอะไรกับนายก็ใช่เรื่อง ถ้าเขาตอบกลับมาว่าเราไม่เคยคิดแบบนั้นผมไม่หน้าแหกแย่เหรอ
“หน้าตาดูมีความสุขจนกูหมั่นไส้” ไอ้โฮมเบะปากใส่ก่อนจะยื่นเท้ามาถีบเอวผมเบา ๆ
“หาสักคนดิ” ผมอมยิ้มบอกมัน
“ไอ้พูดเหมือนเดิน ๆ หาก็เจอ”
“เออ มึงพูดถูกไอ้โฮมแต่คงไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบฮอบบิทแบบมึงหรอก”
“ไอ้สัดบอสเงียบปากไป ซดน้ำใบบัวบกในแก้วมึงไปเลย” ไอ้โฮมพูดอย่างเหนือกว่า ไอ้บอสมันยังไม่ออกจากวังวนรักของมันกับผู้หญิงคนนั้นเลย สามวันดีสี่วันไข้เป็นแบบนี้ตลอดแต่มันก็ไม่เห็นจะหยุด
“แหม ได้ทีเล่นกูใหญ่สาธุกูขอให้มึงได้ผัว!”
ป้าบ!
“ถอนคำพูดเลยนะไอ้ห่า”
ไอ้โฮมชี้หน้าอาฆาต นั่นน่ะสิ่งที่มันกลัวที่สุดเลยนะ ฮ่า ๆ ก็ด้วยความสูงของมันที่มีน้อยนิดทำให้แทนที่จะมีผู้หญิงเข้าหากลับกลายเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่แทนเสียหมด อย่างตอนอยู่มัธยมมันโดนรุ่นพี่นักบาสโรงเรียนตามตื้ออยู่เป็นปี หล่อด้วยนะพี่คนนั้นแต่มันยังยืนยันมั่นคงว่ามันชอบผู้หญิง พี่เขาก็เลยต้องกินแห้วไปตามระเบียบ
“ไม่ถอน” บอสมันลอยหน้าลอยตาใส่ ไอ้โฮมก็ยุง่าย สุดท้ายพวกมันก็เล่นมวยปล้ำกันจนเหนื่อยแล้วก็พากันลงไปซื้อขนม
“จิณณ์” เมื่ออยู่กันสองคนเฟรนก็เปิดปากเรียกชื่อผม ผมเลิกคิ้วใส่
“คนที่จิณณ์คุยด้วย...เอ่อเราถามได้ไหมว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้ชาย” กล้าถามผมก็กล้าตอบ เฟรนขมวดคิ้ว
“แต่ไม่ใช่ว่าเราจะชอบผู้ชายทุกคนที่เข้ามาหรอกนะ เพราะเป็นพี่มินเราถึงชอบ” ในเมื่อเขาเปิดโอกาสให้ผมพูด ผมก็จะพูดให้หมดเราจะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจกัน
“พี่มิน?...พี่ชายของพี่ณินหรอ”
“อืม เรากับพี่เขาเคยคบกันแต่ก็เลิกกันไป”
“แฟนเก่า?”
“ใช่ แล้วก็เป็นอนาคตแฟนใหม่” ดวงตาของเฟรนหม่นแสงลง เขายิ้มเศร้า
“ไม่เปิดโอกาสกันเลยนะ” ผมถอนหายใจเอื้อมมือไปบีบไหล่เขาเบา ๆ
“เฟรนเราขอโทษนะ เฟรนเป็นเพื่อนที่ดีนะดีมาก ๆ เลย”
“ถ้าเราเจอจิณณ์ก่อนเขา จิณณ์จะรักเราได้ไหม” เสียงของเฟรนดูสิ้นหวังเขาก้มหน้าลงมองมือบนตักตัวเอง
“
ถ้าไม่ใช่พี่มินกับผู้ชายคนไหนเราก็ไม่รู้สึก ตัดใจจากเราเถอะ”
“มึง!!! ดูสิกูพาใครมา” เสียงไอ้โฮมดังขึ้น ผมกับเฟรนสะดุ้งโหยงมองไปทางต้นเสียงเห็นไอ้โฮมยิ้มหน้าบานข้าง ๆ เป็นไอ้บอสแล้วข้างหลังก็เป็น...พี่มิน
“มาได้ไงครับ” ผมถามขึ้น พี่มินยิ้มละมุนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เฟรนเหลือบมองก่อนจะยกมือไหว้พี่มินรับไหว้เงียบ ๆ
“ก็...มารอครับแล้วเจอโฮมด้านล่างพอดี” ผมหรี่ตามอง
“แสดงว่ามานานแล้ว”
“ครับ”
“ไหนว่าจะอ่านหนังสือไงครับ” พี่มินรีบชูชีตในมือให้ผมดู
“นี่ไงครับ เอามาอ่านรอจิณณ์ในรถ” ผมส่ายหัวอ่อนใจ
“ทีหลังมาถึงแล้วก็บอกสิครับ”
“พี่ไม่อยากรบกวนเวลาของจิณณ์กับ
เพื่อน”
พี่มินเน้นคำว่าเพื่อนในท้ายประโยคแบบที่ผมเองยังรู้เลยว่าเขาหมายความว่าอะไร เฟรนเงยหน้าขึ้นมามองพี่มินนิ่ง เขาเองก็มองกลับเช่นกันก่อนที่เฟรนจะเป็นฝ่ายก้มหน้าลง ราวกับยอมแพ้ เอ๋? แต่จะว่าไปทำไมตอนที่พวกนั้นเข้ามาผมถึงไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องล่ะ
“ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ” เฟรนหันไปบอกโฮม มันพยักหน้าแล้วชี้ไปยังห้องน้ำ
“เข้ามากันตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถาม เพื่อนผมสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พี่มินยิ้มบางก่อนจะเอนตัวไปพิงโซฟาและเป็นคนตอบ
“ก็ทันได้ยินประโยคที่ดีกับใจพี่นั่นแหละครับ”
ครับ จบ! และหลังจากนั้นผมก็ไม่เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสืออีกเลยเพราะสายตาล้อเลียนของไอ้สองเพื่อนเวรแล้วก็สายตาซุกซนของพี่มิน แม่ง! พลาดตลอดเลยกู
TBC