เล่ห์ร้ายจอมราชันย์ (จีนโบราณ)
บทที่37ศึกรักศึกรบ?(NC18+) (P.8วันที่ 3/7/59)
คำเตือน โปรดอย่าลืมหากระดาษทิชชู่ก่อนอ่านนะคะ อิอิ
หลิ่วเหวินอี้รู้สึกร่างสั่นสะท้านเมื่อเสื้อผ้าหลุดออกจากกายจนหมดสิ้น รสจูบที่เร่าร้อนทำให้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วร่างแม้จะโดนปลุกเร้าอารมณ์ให้ปรารถนาจนถึงขีดสุด ทว่าเขายังรู้ตัวว่ากำลังกระทำสิ่งใดอยู่ เมื่อริมฝีปากเป็นอิสระเขาได้แต่หอบกระเส่าพยายามสูดเอาอากาศให้ได้มากที่สุด ดวงตาเรียวสวยมองคนขี้งอนซึ่งเวลาฉายแววปรารถนาร้อนแรงจนทำให้ลมหายใจสะดุด หัวใจที่สั่นระรัวอยู่แล้วแต้นแรงมากขึ้นกว่าเดิม
“หายโกรธข้าหรือยัง” หลิ่วเหวินอี้เอ่ยถามเสียงสั่นพร่าเมื่อเริ่มรู้สถานการณ์ตอนนี้ซึ่งตัวเองเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ลั่วเหยียนเจิ้งตัวหนากว่าเขาและยังสูงกว่าอีกเล็กน้อย แต่จะโทษอีกฝ่ายก็ไม่ได้เพราะเขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อนต้องยอมรับชะตากรรม หากเป็นไปได้เขาอยากกอดอีกฝ่ายเองมากกว่าแต่ดูจากสายตาและประสบการณ์แล้วคงจะสู้ไม่ไหว
สายตาเร่าร้อนที่ส่งกลับมาทำให้รู้สึกหนาวๆ ร้อน ริมฝีปากถูกปิดอีกครั้งจูบที่สูบวิญญาณเหมือนไม่อยากให้เขาได้ใช้เวลาคิดเรื่องอื่นซึ่งมันก็ได้ผลเพราะตอนนี้รู้สึกมึนเบลอกับรสจูบไปหมด
“อี้เอ๋อร์เจิ้นขอนะ” หลิ่วเหวินอี้เหลือบตาขึ้นมองใบหน้าคมคายที่มองมาอย่างเร่าร้อนเสื้อผ้าที่หายไปจากร่างอีกฝ่ายเผยให้เห็นร่างหนาแกร่งสมส่วนและยังทำให้เขาใจสั่นระรัว แม้จะยังไม่เคยทำอะไรอย่างนี้กับบุรุษมาก่อนแต่เขาไม่ได้โง่งมจนไม่รู้ว่าลั่วเหยียนเจิ้งต้องการอะไร ถึงแม้จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างน้อยเขาก็อยากได้ศักดิ์ศรีตัวเองคืนมาสักเล็กน้อยก็ยังดี สองมือกอดลำคอของลั่วเหยียนเจิ้งอย่างแน่วแน่
“ให้ข้าปรนนิบัติท่าน” ลั่วเหยียนเจิ้งเบิกตากว้างเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ร่างที่เคยอยู่ใต้อ้อมกอดพลิกร่างเขาลงแล้วขึ้นคร่อมอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ วรยุทธอีกฝ่ายช่างล้ำเลิศจริงๆ ดวงตาคมกริบแม้จะมีความปรารถนาอยู่เต็มเปี่ยมแต่เขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัวว่าจะถูกหลิ่วเหวินอี้กินเสียเอง
หลิ่วเหวินอี้ก้มลงไปจูบคนที่อยู่ใต้ร่างด้วยความปรารถนาในส่วนลึก แม้จะเป็นครั้งแรกกับบุรุษด้วยกันแต่กลับตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายของลั่วเหยียนเจิ้นนั้นงดงามสมกับเป็นบุรุษและยังสามารถปลุกเร่าอารมณ์ให้เขาตื่นตามด้วยผิวขาวเนียนสมกับเป็นฮ่องเต้แต่ไม่อ่อนนุ่มเหมือนสตรี
หลิ่วเหวินอี้ลากลิ้นร้อนของตัวเองจูบลงมาที่ลำคอของอีกฝ่ายพร้อมฝากรอยความเป็นเจ้าของ ใบหน้างดงามยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะสบดวงตาคมกริบที่ยังนอนนิ่งใจเย็นให้เขาสำรวจร่างกายมือหนายื่นมาปัดปอยผมที่หลุดลุ่ยออกจากใบหน้า รอยยิ้มอ่อนโยนทว่าดวงตากลับเร่าร้อนกว่าครั้งไหนๆ ทำให้รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย แต่คนอย่างหลิ่วเหวินอี้ฆ่าได้หยามไม่ได้เพราะฉะนั้นเขาจะพยายามเป็นผู้นำที่ดี
“อี้เอ๋อร์ให้เจิ้นสอนเจ้าก่อนดีกว่านะ” รอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งมาทำให้หลิ่วเหวินอ้ะงักไปชั่วครู่แต่ความตั้งใจอันแน่วแน่ว่าต่อให้เสียเปรียเขาต้องเป็นคนนำให้ได้จึงส่ายหน้าแล้วก้มลูงจูบคนใต้ร่างอีกครั้ง สองมือลูบไล้ไปทั่วร่างแกร่งอย่างได้ใจก่อนจะเริ่มรุกเร่าแท่งหยกที่ใหญ่โตจนน่าหวาดหวั่นอย่างเชื่องช้า
“อ่า...อา” หลิ่วเหวินอี้แทบเสียการทรงตัวเมื่อคนใต้ร่างเป็นฝ่ายรุกเร้าเองลิ้นร้อนสอดแทรกและดูดดื่มในโพรงปากเขาอย่างหิวกระหายจนลมหายใจสั่นสะท้าน แม้จะโดนจูบจนแทบสูญเสียจิตวิญญาณแต่มือที่ได้ครอบครองแท่งหยกร้อนๆ ก็ลูบไล้เร็วขึ้น ก่อนจะสะดุ้งเมื่อลั่วเหยียนเจิ้งครางลึกในลำคอและยังกอดรัดร่างเข้าหาตัวแน่นยิ่งขึ้น
“อื้อ” หลิ่วเหวินอี้ครางประท้วงเล็กน้อยเมื่อมือหนาไม่อยู่นิ่ง ดวงตาคมมองมาจนทำให้หน้าร้อนผ่าวไปหมด เขาถอนริมฝีปากออกอย่างเหนื่อยหอบก่อนจะเคลื่อนกายลงมาหาแท่งหยกร้อนที่มือของตัวเองกำลังหยอกเย้า ความใหญ่โตของมันทำให้กลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ ถอนตัวตอนนี้ยังจะทันไหม?
ลั่วเหยียนเจิ้งเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อลิ้นร้อนโอบอุ้มความเป็นชายของเขาอย่างไม่นึกรังเกียจ ที่สำคัญไม่เคยมีใครปรนนิบัติเชขาเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกวาบหวามและอิ่มเอมหัวใจทำให้ครางลึกในลำคอสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองให้คงนิ่งมากที่สุด ทว่าลิ้นร้อนที่ดูดเลียขึ้นลงอย่างมีจังหวะทำให้เขาแทบกระชากร่างโปร่งที่ขาวเนียนไปทั้งตัวขึ้นมากอดรัดให้สมอารมณ์หมาย
อึก!
ลั่วเหยียนเจิ้งกัดริมฝีปากตัวเองแน่น มองใบหน้างดงามที่ยังแฝงความเย็นชาแต่กลับมีเสน่ห์มากล้นของเจ้าตัวด้วยดวงตาประกายกล้า จิ้งจอกที่ห่มหนังแกะอย่างเขาตอนนี้หิวกระหายจนแทบจะกินร่างงามตรงแต่อาหารอันโอชะและรสชาติหวานเขาต้องอดทนใจเย็นให้สุกหง่อมเต็มที่ หัวใจที่เคยไร้ความรู้สึกกลบสั่นระรัวมันเต้นเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นหลิ่วเหวินอี้กำลังตั้งใจปรนนิบัติเขาเต็มที่ น่ารัก คนตรงหน้าน่ารักเกินไปแล้ว
หลิ่วเหวินอี้เหลือบตาขึ้นมองใบหน้าคมคายซึ่งงมีสีหน้าแหยแกด้วยความเสียวซ่านแล้วรู้สึกได้ใจมาเล็กน้อยและยังมีกำลังใจที่จะรุกรานแท่งหยกร้อนมากขึ้น ลิ้นร้อนเพิ่มความเร็วขึ้นมาจนร่างนั้นกระตุกเกร็งแม้นี่จะเป็นครั้งแรกสำหรับบุรุษด้วยกันแต่เขาย่อมรู้ดีว่าจุดกระสันของผู้ชายอยู่ตรงไหนบ้าง ใครบ้างที่ไม่เคยช่วยตัวเอง? เขาไม่ได้ไร้ความรู้สึกขนาดนั้น
“อี้เอ๋อร์” เสียงแหบพร่าของลั่วเหยียนเจิ้งที่เอ่ยเรียกทำให้หลิ่วเหวินอี้รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร จึงเพิ่มความเร็วมากขึ้นลิ้นร้อนตวัดเลียรอบพร้อมโอบอุ้มดูดกลืนแท่งหยกร้อนเร็วมากขึ้นเท่าที่ความต้องการของคนเรียกร้อง เสียงครางลึกในลำคอของคนที่นอนกระตุกเกร็งทำให้รู้สึกอิ่มเอมหัวใจน้ำสีขุ่นพุ่งเข้าเต็มโพรงปากร้อนรสชาติฝาดปนหวานทำให้เผลอกลืนลงคออย่างอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าตื่นตะลึงของคนที่ใต้ร่างทำให้เหลือบขึ้นมองอย่างสนใจ น้อยครั้งนักจะได้เห็นสีหน้าอื่นจากคนตรงหน้า
ใบหน้างดงามตอนนี้แดงระเรื่ออย่างน่ามอง น้ำสีขาวขุ่นที่ออกจากร่างติดตามปากจนดูยั่วเย้าไปหมด ยิ่งเรือนร่างสมส่วนไม่ได้บอบบางเหมือนน้องสะใภ้ แต่กลับดูเร่าอารมณ์กว่าใครทั้งสิ้น หน้าอกแบนราบไม่ได้เต่งตึงเหมือนเหล่าสนมแต่เขาอยากกอดรัดฟัดเหวี่ยงร่างตรงหน้ามากกว่าผู้ใด
“อี้เอ๋อร์คนดี” ลั่วเหยียนเจิ้งเรียกคนตรงหน้าอย่างรักใคร่ ตอนนี้เขาทั้งรักทั้งคลั่งไคล้คนตรงหน้าจนแทบอยากจะกลืนกินร่างโปร่งที่พยายามเปิดช่องทางของตัวเองพร้อมปีนคร่อมขึ้นมาบนร่างของเขา ความตั้งใจอันแน่วแน่ว่าจะปรนนิบัติเขาทำให้ต้องนอนนิ่งให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบ เขาอยากจะถนุถนอมคนตรงหน้าให้มากที่สุด ความสุขสมที่ได้รับจากหลิ่วเหวินอี้ทำให้หัวใจพองโตและเต้นเป็นจังหวะอีกครั้งหลังจากที่มันไร้ความรู้สึกมาเนิ่นนาน
อึก!
ใบหน้างดงามขมวดคิ้วแน่นเมื่อความเจ็บถาโถมเข้าหา แม้จะใช้น้ำรักของลั่วเหยียนเจิ้งเปิดทางให้ตนเองแล้วแต่ความใหญ่โตก็ทำให้ช่องทางที่เล็กแคบเข้าไปอย่างยากลำบาก แต่ความพยายามที่สูงส่งและความแน่วแน่แม้จะเป็นฝ่ายถูกกระทำแต่เขาต้องเป็นฝ่ายที่เหนือกว่าให้ได้จึงไม่ย่อท้อที่จะให้คนใต้ร่างสยบให้แก่ตนเอง
ลั่วเหยียนเจิ้งมองสีหน้าเจ็บปวดของคนรักแล้วอดรู้สึกสงสารไม่ได้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของหลิ่วเหวินอี้เขาไม่อยากให้เจ้าตัวเคร่งเครียดมากเกินไปจึงลุกขึ้นนั่งพิงเตียงนอนไม้ขนาดเล็กภายในกระโจมแล้วดึงร่างโปร่งเข้ามาจูบอีกครั้ง รสจูบที่อ่อนหวานและปลอบประโลมทำให้ร่างโปร่งหายตึงเครียดมากขึ้น มือหนากอบกุมส่วนสำคัญของคนรักที่อ่อนตัวลงจากความเจ็บปวดปลุกเร้าอารมณ์จนมันแข็งขืนขึ้นอีกครั้ง
การกระทำเอาใจใส่ของลั่วเหยียนเจิ้งทำให้หลิ่วเหวินอี้รู้สึกตื้นตันใจ และครั้งนี้สอนให้เขาได้รู้ว่าการดื้อรั้นเกินไปมันไม่ได้เป็นผลดี ความรักหากไม่เอาใจใส่กันและกันแล้วจะมีความสุขได้อย่างไร และเหตุที่เขายินยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำเองเพราะคำว่ารัก ที่สำคัญคนใต้ร่างเขาเวลานี้ไม่เหมาะที่จะเป็นฝ่ายรับแม้แต่น้อยหากคนทั่วหล้ารับรู้ฮ่องเต้ที่ปกครองราชอาณาจักรเป็นที่รองรับอารมณ์ผู้อื่นจะมีผู้ใดเคารพนับถืออีก
อึก!
หลิ่วเหวินอี้สะดุ้งเมื่อนั่งท่านี้แท่งหยกอันใหญ่โตแทงลึกเข้ามาจนจุกไปหมด ทว่าจูบสูบวิญญาณที่ลั่วเหยียนเจิ้งมอบให้ทำให้ความหวาดกลัวและความเจ็บบรรเทาลงได้บ้าง ร่างโปร่งค่อยๆ ขยับกายไปมาอย่างเชื่องช้าสองมือกอดคอคนที่อยู่ใต้ร่างให้ชิดใกล้มากขึ้น จากความเจ็บแสบเริ่มเลือนหายความเสียวซ่านเข้ามาแทนที่ร่างกายโยกไหวไปตามอารมณ์ที่เริ่มเดือดพร่านจากบทรักที่อ่อนโยนกลับเร่าร้อนจนเปร่งเสียงหอบกระเส่าออกมา
“อ่า...อา” หลิ่วเหวินอี้เม้มริมฝีปากแน่นขึ้นขณะที่จังหวะการโยกย้ายสะโพกนุ่มบนเรือนร่างแกร่งกำยำเร็วและแรงขึ้น ความเสียวกระสันทำให้อดกลั้นเสียงไม่ไหว ใบหน้างดงามแดงระเรื่อด้วยความอับอายเพราะคนใต้ร่างแค่ครางลึกในลำคอไม่มีเสียงออกมาให้ได้ยิน ทว่าตัวเองกลับอดกลั้นไม่ไหว ช่างน่าอายนัก!
ใบหน้าคมคายยกยิ้มที่มุมปากเหมือนพึงพอใจขณะที่เร่งจังหวะรับการเคลื่อนไหวสะโพกตอบรับความเสียวซ่านมือหนาลูบไล้เรือนร่างที่น่าหลงใหลอย่างปลุกเร่าอารมณ์วาบหวาม และความสุขเอ่อล้นค่อยๆ เติมเต็มหัวใจที่เหน็บหนาว
“อ๊ะ...อา...” จุดอ่อนไหวถูกกระทบไม่หยุดยั้ง ทั่วร่างของหลิ่วเหวินอี้เหมือนถูกความแผดเผาด้วยไฟปรารถนา เขาส่ายเอวไปมาบนเรือนร่างกำยำแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามจังหวะมือใหญ่ที่บีบก้นนุ่มเข้าหาร่างหนาบดเบียดส่วนอ่อนไหวเข้าหน้าท้องของคนใต้ร่างอย่างเร่งเร้า
“อ่า...อา...” หลิ่วเหวินอี้เปร่งเสียงออกมาอย่างอดกลั้นไม่ไหว ร่างโปร่งกระตุกเกร็งน้ำรักอุ่นร้อนชโลมทั่งท้องลั่วเหยียนเจิ้งอย่างน่าอาย มือกอดเกี่ยวร่างนั้นพร้อมเสียงหอบเหนื่อย ก่อนจะสะดุ้งเมื่อร่างถูกผลักลงนอนบนเตียงด้วยความเร็ว ดวงตาเร่าร้อนฉายแววปรารถนาอย่างแรงกล้าของคนเหนือร่างทำให้ต้องเม้มปากแน่น เมื่อครู่เขาไม่ได้ไร้ความรู้สึกจนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายก็หลั่งเต็มช่องทางด้านหลังของเขาแล้ว
“อี้เอ๋อร์เด็กดี ทำไมเจ้าน่ารักอย่างนี้” ลั่วเหยียนเจิ้งเอ่ยชมด้วยความคลั่งไคล้ จากความรักเป็นความหลง ทว่าตอนนี้เขาอยากกลืนกินร่างงดงามตรงหน้าเหลือเกิน
“เดี๋ยวสิ พอก่อน” หลิ่วเหวินอี้ร้องบอกเสียงหลงแม้เมื่อครู่เขาจะสุขสมไม่ต่างจากอีกฝ่ายทว่าช่องทางด้านหลังที่เคยใช้งานครั้งแรกยังรู้สึกเจ็บและแสบอยู่ เขาเบิกตากว้างเมื่อสิ่งที่คาอยู่ภายในร่างขยายใหญ่โตอีกครั้ง เมื่อครู่เพิ่งจะเสร็จไปด้วยกัน
“หื้ม... เจ้าพูดอะไรที่รัก บอกให้เอาอีกทั้งคืนใช่ไหม ได้เจิ้นจัดให้” หลิ่วเหวินอี้มองคนหน้าด้านอย่างหงุดหงิด ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมือของลั่วเหยียนเจิ้งไม่อยู่นิ่ง ริมฝีปากถูกปิดลงอีกครั้งความวาบหวามเริ่มกลับมาลมหายใจเริ่มติดขัด รสจูบที่เร่าร้อนทำให้ร่างกายร้อนผ่าวแก่นกายที่หดตัวกลับแข็งขืนขึ้นมาต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้
“อ๊ะ!” หลิ่วเหวินอี้ร้องขึ้นอย่างขัดใจเมื่อส่วนนั้นถูกผละออก เขาเหลือบตามองลั่วเหยียนเจิ้งซึ่งยกยิ้มร้ายกาจที่ทำให้รู้สึกขนลุกชัน ข้อมือถูกตวัดขึ้นเหนือหัวพร้อมเชือกผูกเอวที่หล่นกองอยู่กับพื้นแต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนตรงหน้า เขานิ่วหน้ามองข้อมือของตนเองผูกมัดติดกับหัวเตียงเล็กที่หากใช้แรงดึงก็ออกอย่างง่ายดาย แต่เขากำลังสงสัยว่าคนเจ้าเล่ห์จะเล่นอะไร
รอยยิ้มงดงามและเร่าร้อนของลั่วเหยียนเจิ้งเวลานี้ทำให้รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว ลิ้นอุ่นร้อนจูบสำรวจทั่วเรือนร่างของเขา ผ่านไปที่ไหนก็สร้างรอยแดงเอาไว้เป็นจุดๆ ทว่ามันกลับทำให้ท้องน้อยปั่นป่วนไม่อาจอยู่นิ่งได้ ร่างกายบิดเร่าตอบรับลิ้นและมือของคนตรงหน้าด้วยความวาบหวาม
“อ๊า...” เข้าสะดุ้งออกมาด้วยความตกใจเมื่อลูกชายเขาถูกครอบครองด้วยปากคนตรงหน้า ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดว่าไม่เหมาะสมจะให้คนที่อยู่เหนือแผ่นดินมาทำเรื่องอย่างนี้ให้อย่างไร
“อย่า ท่านไม่ควรทำอย่างนั้น” บอกด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าความเสียวกระสันจุดเร่าอารมณ์จนสติเริ่มเลือนหาย ใจหนึ่งอยากให้ทำต่ออีกใจกลับคิดว่าไม่สมควร
“เจิ้นอยากรักเจ้า ทุกอย่างภายในร่างกายเจ้าเจิ้นอยากครอบครองผู้เดียว ในเมื่อเจิ้นรักเจ้ามีสิ่งใดที่ไม่สมควร” หลิ่วเหวินอี้ไร้คำพูดทว่าหัวใจกลับเต้นระรัวด้วยความยินดี เขาหลับตาลงยอมรับสิ่งที่ถูกปรนเปรอให้อย่างเต็มใจ ความอ่อนโยนในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรงมากขึ้น
“อึก!”
“อี้เอ๋อร์คนดี เจิ้นอยากได้ยินเสียงของเจ้า” เสียงกระซิบแหบพร่าดังอยู่ข้างหู ทำให้ต้องลืมตาขึ้นมามองดวงตาร้อนแรงของคนตรงหน้าทำให้เบือนหน้าหนีด้วยความอาย เรื่องน่าอายอย่างนั้นยังจะพูดมาอีก แค่นี้เขาก็อับอายจะแย่แล้ว
“หุบปากไปเลย” หลิ่วเหวินอี้บอกเสียงเย็นก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่อมือที่ลูบไล้แก่นกายของเขาเพิ่มความเร็วมากขึ้น ใบหน้าคาคายยกยิ้มร้ายอย่างไม่น่าไว้ใจ ลั่วเหยียนเจิ้งขบเม้มยอดอกของเขาพร้อมลิ้นร้อนไล้เลียยอดสีชมพูอ่อนซึ่งไม่เคยมีใครสัมผัสมาก่อน
“อื้ม...อ่า...อา” หลิ่วเหวินอี้บิดกายด้วยความเสียวซ่าน การทำงานของลั่วเหยียนเจิ้งยอดเยี่ยมเกินไป ปากกระตุ้นอารมณ์ให้เขาเดือดพร่านขณะเดียวกันมือหนากลับทำหน้าที่ปรนเปรอความสุขสมให้จนหายใจหายคอไม่ทัน
“อ๊า...อา...” เขาแทบกรีดร้องไม่เป็นภาษารู้สึกเหมือนโยนลงจากที่สูงเมื่อถูกหยุดกะทันหัน เขาลืมตาถลึงมองคนเจ้าเล่ห์อย่างหงุดหงิด ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อลั่วเหยียนเจิ้งเปลี่ยนจากมือเป็นริมฝีปากร้อนพร้อมโอบอุ้มน้องชายเขาอย่างไม่นึกรังเกียจแม้แต่น้อย
“อ่า...อา...เร็วอีก” หลิ่วเหวินอี้ร้องเร่งอย่างลืมตัวเมื่อความเสียวซ่านพุ่งขึ้นสูง ร่างโปร่งยกสะโพกตอบรับการดูดกลืนของลั่วเหยียนเจิ้งเป็นจังหวะ ก่อนจะกระตุกเกร็งไปทั่งร่างพร้อมน้ำสีขาวขุ่นพุ่งเข้าเต็มโพลงปากของคนตรงหน้า เขาลืมตามองอย่างอับอาย ทว่าเจ้าตัวเพียงแลบลิ้นเลียและกลืนกินส่วนที่เหลือเหมือนมันเป็นอาหารอันโอชะ เขานอนหอบกระเส่ามองตามอย่างเหนื่อยอ่อน
“หวานจริงๆ ด้วยอี้เอ๋อร์เจิ้นอยากกินอีก”
หลิ่วเหวินอี้นิ่งอึ้งไร้คำพูด ปล่อยกายปล่อยใจให้คนโลภมากดูดกลืนตัวเองให้สาสมใจไหนๆ ก็ยอมเป็นเมียลั่วเหยียนเจิ้งไปแล้วแต่หากพรุ่งนี้ล่าสัตว์ไม่ได้ ไม่ได้ตายดีแน่!
อึก!
หลิ่วเหวินอี้เม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกเจ็บแสบช่องทางด้านหลัง ทว่าเขากลับให้ความร่วมมือกับคนที่รุกรานเข้ามา ก่อนจะครางแผ่วเบาเมื่อได้เป็นหนึ่งกับคนที่รักอีกครั้ง ลั่วเหยียนเจิ้งขยับแก่นกายที่เปี่ยมด้วยความต้องการอยู่ภายในร่างของเขาอย่างลึกล้ำ
“อ่า...ซี๊ดดด...เร็วอีก” หลิ่วเหวินอี้ครางเสียงแผ่วด้วยความรัญจวนใจ สะโพกนุ่มถูกจับไว้แน่นพร้อมส่งแรงกระแทกกระทั่นตามคำร้องขอ เขาเงยหน้าสั่นสะท้านไปทั้งร่างทว่ากลับทำให้รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งได้ยินเสียงครางลึกของคนเหนือร่างยิ่งทำให้รู้สึกอิ่มเอมในใจ
“อี้เอ๋อร์เจ้าทำให้เจิ้นแทบคลั้ง” เสียงแหบพร่าดังอยู่ข้างหู ดวงตาเร่าร้อนฉายเพลิงปรารถนาพร้อมแรงกระแทกที่หนักหน่วงมากขึ้น หลิ่วเหวินอี้ยกยิ้มบางเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ตอนนี้เขาแทบสำลักความสุขออกมา เขารู้สึกอยากโอบกอดปลุกเร่าอารมณ์ดุเดือดและป่าเถื่อนของคนตรงหน้าให้ถูกขีดสุดแต่มือสองข้างผูกมัดติดไว้แน่นจึงใช้ขาเกี่ยวรั้งเอวอีกฝ่ายเข้าหาร่างตัวเองดวงตาที่เคยเย็นชาฉายแววท้าทาย
“ฮึก... อ่า...” หลิ่วเหวินอี้สะดุ้งเมื่อลั่วเหยียนเจิ้งกัดไหล่เขาจนจมเขี้ยว และเผื่อไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบอีกทั้งความเสียวซ่ายปลุกเร้าอารมณ์ให้พุ่งสูงจนน้ำตาเล็ดออกมาด้วยความสุขสม เขากดหน้าลงไหล่กว้างและกัดตอบด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ ทว่าให้ความรู้สึกดีอย่างไม่บอกไม่ถูก เขาได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของคนเจ้าเล่ห์ จึงยกยิ้มท้าทายอย่างลืมตัว
ลั่วเหยียนเจิ้งจับร่างโปร่งที่ดูยั่วเย้าไปทั้งตัวผลิกนอนคว้ำหน้ากับพื้น เขาไม่ได้แก้เชือกที่มัดมืออีกฝ่ายออกจึงเกิดรอยแดงที่แขนขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้ายั่วยวนนั้นทำให้เขาอดกลั้นความรุนแรงตัวเองแทบไม่ไหว เขาจับสะโพกนุ่มยกขึ้นและตอบรับส่วนหนึ่งภายในร่างกาย ความคับแน่นและบีดรัดทำให้เขาครางออกมาเสียงแผ่วด้วยความซาบซ่าน เสียงหวานที่ครางแผ่วเบาทำให้เขาเร่งจังหวะรุกล้ำมากขึ้น เขาอยากได้ยินเสียงของหลิ่วเหวินอี้ ดังมากว่านี้
“ซี๊ดดดด อ่า...อา ท่านพี่แรงหน่อย” เสียงที่เคยเย็นชาตอนนี้กลับหวานจนอยากกอดรัดร่างคนชอบยั่วให้เขาสติแตก เขากัดลงช่วงไหลของคนรักอย่างหมั่นเขี้ยว
“อื้ม” ลั่วเหยียนเจิ้งครางอย่างพึงพอใจ เขาไม่เคยสุขสมและเร่าอารมณ์ได้เท่านี้มาก่อน เขากระแทกกระทั่นบนสะโพกนุ่มแรงขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงการบีดรัดและเกร็งร่างของคนในอ้อมกอด
“อ๊า!” ร่างโปร่งอ่อนระทวยเมื่อน้ำสีขาวขุ่นออกจากเรือนร่าง เขาก้มลงจูบซับแผ่นหลังอย่างปลอบโยน เขาไม่เคยอ่อนโยนและแสดงความรักกับใครเช่นนี้มาก่อน หลิ่วเหวินอี้เป็นเพียงคนเดียวและจะเป็นคนสุดท้ายที่เขาจะรัก
ลั่วเหยียนเจิ้งแกะเชือกที่มัดมือออกดึงร่างอีกฝ่ายชิดเข้าหาจับสองมือให้โอบกอดรอบคอเขาเอาไว้ ร่างโปร่งสะดุ้งเอียงหน้ามามองตาขวาง
“พอแล้ว” น้ำเสียงหอบกระเส่าอย่างเหนื่อยอ่อนของคนใต้ร่างไม่ได้ทำให้เขาสงสารแต่มันกลับทำให้ตื่นตัวมากขึ้น เขาจะโอบกอดรัดร่างนี้ไว้ในอ้อมแขนตลอดทั้งคืนให้สมกับที่รอคอยมานาน
“อ๊ะ...” หลิ่วเหวินอี้ครางประท้วงเมื่อร่างกายถูกปลุกเร่าอารมณ์วาบหวามให้กลับมาอีกครั้ง เขาเอียงหน้ามองคนหื่นจัดอย่างเหนื่อยใจ สรุปแล้วจะกินเขาให้ได้เลยใช่ไหม เสียงเขาเริ่มแหบพร่าเพราะเปร่งเสียงไปมาก เขาแอ่นอกกอดรัดรอบคออีกฝ่ายแน่นขึ้น จุดอ่อนไหวถูกกระตุ้นอีกครั้ง... ครั้งแล้วครั้งเล่า...
ผ่านไปหนึ่งชั่วยามภายในกระโจมหลังเล็กยังมีเสียงหอบกระเส่าและเสียงครางให้ได้ยินไม่หยุด แม้ค่ำคืนนี้จะเหน็บหนาว ทว่าด้านในกลับร้อนระอุด้วยเพลิงปรารถนา สองร่างรวมเป็นหนึ่งเดียวซึ่งโอบกอดรัดกันจนกระทั่งรุ่งสางเสียงครางชวนให้วาบหวิวจึงเลือนหายไป มีเพียงคำสั่งให้เตรียมน้ำใส่ถังไว้ให้เท่านั้น!
ลั่วเหยียนเจิ้งมองคนที่นอนสลบอย่างนึกสงสาร ทว่าใบหน้ากลับยิ้มด้วยความอิ่มเอมใจ เรือนร่างขาวเนียนงดงามไร้ที่ติเวลานี้ถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงเต็มทั่วร่าง เขาลงมือทำความสะอาดร่างคนรักให้ด้วยความเต็มใจมือหนาเกี่ยวผมที่เปียกชื้นด้วยเหงื่อออกจากใบหน้าสวยงามจนสตรียังต้องอายด้วยความชื่นชม แม้จะปากแข็งแต่ก็ยอมทำตามใจเขาจนกระทั่งตัวเองไม่ไหว เวลานี้เขาหลงใหลหลิ่วเหวินอี้จนถอนตัวไม่ขึ้น เขาเอ่ยบอกคนหลับไหลอย่างแผ่วเบาด้วยความรู้สึกลึกล้ำ ดวงตาที่ไร้ความรู้สึกมานานฉายแววอ่อนโยนด้วยความรักใคร่
“เจิ้นรักเจ้าอี้เอ๋อร์ รักมากอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน เพราะฉะนั้นต่อให้เจ้าอยากกางปีกออกไปเจิ้นก็ไม่มีทางปล่อยมือเจ้าไป”
แม้คนที่หลับใหลไม่ได้ยินในสิ่งที่พูด ทว่าร่างโปร่งกลับเบียดกายเข้าหาความอบอุ่นตามความเคยชิน มุมปากแต่งแต้มรอยยิ้มบางบ่งบอกว่ากำลังฝันดี ทว่ากลับทำให้อะไรๆ ที่หลับตามไปตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง ลั่วเหยียนเจิ้งหลับตาข่มอารมณ์เอาไว้แน่นก่อนจะหยิกแก้มอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยว
“มันน่านัก ยั่วได้ยั่วดี!”
มาแล้วเป็นไงเม้นท์บอกฟางด้วยนะคะ ติดขัดตรงไหนหรือเปล่า บทนี้ตั้งใจเขียนมากกกก เพราะเขียนยากมากๆๆๆ เนื่องจากกลัวจะตัวละครจะหลุดบุคลิกจึงแก้อยู่หลายรอบ สรุปคือ ถึงอี้เอ๋อร์จะเป็นเคะ แต่ขอเป็นเคะราชินี แล้วกัน 5555 แล้วพบกันใหม่ค่าาา