Alien's Host ลูกชายผมเป็นเอเลี่ยน[เปิดขายหนังสือ'แก๊งเกรียนเอเลี่ยน']-30/10/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Alien's Host ลูกชายผมเป็นเอเลี่ยน[เปิดขายหนังสือ'แก๊งเกรียนเอเลี่ยน']-30/10/59  (อ่าน 134836 ครั้ง)

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
สนุกมากรอทุกวันเลยติดตามไม่ขาดไม่ยอมพลาดแน่

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
เอาล่ะสิ องค์ลงด้วยกันทั้งคู่เลยจ้า สองสามีจะทำเยี่ยงไรเมื่อภรรเมียเป็นเยี่ยงนี้  :m29:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
แหม องค์ชายต้องชัดเจนนะเจ้าคะ ทรงต้องการสิ่งใดระหว่างต้อยเด็กและโคเเก่(ไม่ได้ด่านะริชาร์ด แค่เปรียบเทียบ ฮ่าๆๆๆ :hao7: )

ส่วนนุงคีธ...นี่ก็ง่ายเกิ๊นนน!!

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
หน้าเมากัญชา? มันเป็นแบบไหนอ่าา :katai5:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 18: Time for breeding[1]
ริชาร์ดไม่ยุ่งกับแอสตันจริงๆ อย่างที่ปากว่า ไม่ใช่แค่ริชาร์ด แอสตันก็เช่นกัน แถมมันยังไปสนิทสนมกับเบนออกนอกหน้านอกตา อย่าถามผมนะว่าเวลาริชาร์ดเห็นสองคนนั้นมันกระหนุงกระหนิงกัน มันทำหน้ายังไง
มันก็ต้องทำหน้าเมากัญชาอยู่แล้ว คนอย่างมันจะทำหน้ายังไงได้ ก็มันเป็นไอ้เจ๊กเมากัญชานี่หว่า
ความจริงแล้วแอสตันกับเบนก็ไม่ได้กระหนุงกระหนิงอะไรกันอย่างที่ผมพูดหรอก มันสองคนแค่เข้าหากันตอนที่แอสตันต้องการจะกินสารอาหารเท่านั้น แต่การดูดสารอาหารในห้องน้ำที่ริชาร์ดกับผมดันบังเอิญเข้าไปเห็นพอดีก็ทำให้บรรยากาศมาคุบังเกิดขึ้นได้เหมือนกัน มันเมินแอสตันหนักกว่าเดิม ขณะที่แอสตันเองก็ทำเป็นเฉย
ผัวเมียละเหี่ยใจชัดๆ
ผมไม่อยากจะสนใจมันมาก แล้วก็ไม่อยากจะเข้าไปถามหรือคะยั้นคะยอให้มันสองคนไปคืนดีกันด้วยเพราะมันไม่ใช่สไตล์ผม ที่สำคัญ ถ้ามันกลับมาคืนดีกันก็หมายความว่าคีธมันก็ต้องกลับมารังควาญเป็นเจ้ากรรมนายเวรผมอีกแน่ ผมจึงได้แต่ปล่อยให้ริชาร์ดหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่อย่างนั้น
กระทั่งถึงเวลาเลิกงาน ผู้กำกับวิลล์กับด็อกเตอร์มาร์ตินเรียกพวกเราไปประชุมก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านเล็กน้อยด้วยพรุ่งนี้พวกเราต้องออกไปถ่ายทำกันนอกสถานที่ สถานที่ที่ว่าก็คือป่าแห่งชาติแองเจลิส (Angeles National Forest) ด้วยผู้กำกับวิลล์ต้องการใช้ฉากป่าที่สมจริง เราเลยไม่ถ่ายทำกันในสตูดิโออย่างเคย ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกที่ต้องออกไปถ่ายทำนอกสถานที่ ดีซะอีก จะได้ถือโอกาสไปเที่ยวซะเลย ทำงานอยู่แต่ในสตูดิโอมันอุดอู้น่าเบื่อจะตาย จะมีก็แต่ริชาร์ดนี่แหละที่ทำหน้าเหม็นเบื่อประหนึ่งท้องผูกไม่หยุดหลังจากรู้ว่าผู้กำกับวิลล์เปลี่ยนแผนการถ่ายทำนิดหน่อยจากตอนแรกที่บอกว่าจะใช้เวลาเพียงสามวันกลายมาเป็นหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ เพราะนั่นหมายถึงมันจะต้องใช้ชีวิตอยู่กลางป่ากลางเขาร่วมกับแอสตันโดยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้โดยปริยาย
ผมอยากจะบอกมันเหลือเกินว่าหนีหน้าแอสตันมันไม่ใช่ปัญหาหรอก ปัญหามันจะบังเกิดก็ตอนที่ไอ้เด็กเบนมันไปด้วยนี่แหละ
โชคดีที่เบนไม่ได้ไปด้วยเพราะหมอนั่นติดเรียน ทว่าถึงจะไม่ได้ไปด้วย แต่มันก็ฝากความเจ็บช้ำน้ำใจให้ริชาร์ดเอาไว้ตอนที่พวกเรามารวมตัวกันหน้าสตูดิโอในช่วงเช้ามืดเพื่อขึ้นรถบัสของกองถ่ายมุ่งหน้าไปยังที่หมายนี่แหละ
“ขอกินสารอาหารหน่อยนะเบน”
“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”
แล้วแอสตันกับเบนก็ยืนจูบกันไม่แคร์สายตาใครอยู่ใกล้ๆ กับทางขึ้นรถ ผมที่เดินลากกระเป๋ามาถึงกับชะงัก ริชาร์ดที่เดินตามผมมาเห็นโมเม้นต์นั้นพอดี ไม่ต้องถามเลยว่ามันทำยังไง
จะทำยังไงล่ะ มันก็ควักเอาบุหรี่ยัดไส้กัญชาขึ้นมาสูบน่ะสิ
“เดี๋ยวฉันขอตัวแป๊บนึงนะ ฝากเอากระเป๋าไปเก็บหน่อย” มันว่าแล้วโยนเป้ใบเขื่องใส่ผม
ผมไม่ทันจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ริชาร์ดก็เดินไปยังท้ายรถ ยืนพ่นควันบุหรี่ปุ๋ยๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดซะแล้ว ผมถอนหายใจ มองมันแล้วก็แอบสงสารนิดๆ ดูท่าทางมันคงจะชอบแอสตันนะผมว่า แต่มันทำเป็นปากแข็ง ไม่ยอมพูดว่าตัวเองรู้สึกยังไง
เหอะ เป็นเกย์ก็ไม่ยอมรับแต่ทำมาเป็นยัดเยียดความเป็นเกย์ให้กู
ผมกล้าว่ามันได้เต็มปากเพราะความรู้สึกหวั่นไหวที่ผมมีต่อคีธมันยังไม่ชัดเจนเท่านี้ แล้วผมก็ไม่อยากให้มันชัดเจนด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงจะทำใจลำบากน่าดูที่จู่ๆ รสนิยมทางเพศก็เปลี่ยนจากผู้หญิงมาเป็นผู้ชายโดยไม่ได้ตั้งตัวน่ะ
“ดูแลพระองค์ดีๆ นะพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”
ผมละความสนใจจากริชาร์ดเมื่อได้ยินเสียงแผ่วเบาดังขึ้นใกล้ๆ พอหันไปก็เห็นว่าเป็นเบนที่พูดขึ้นกับแอสตันหลังจากที่ทั้งสองถอนริมฝีปากออกจากกัน
“ไม่ต้องเป็นห่วงน่าเบนลิโอ นายนี่เหมือนพี่ชายไม่มีผิด ขี้กังวลไปทุกเรื่อง”
“ก็หม่อมฉันเป็นโฮสต์ของพระองค์” เบนว่าพลางก้มหน้างุด ถ้าผมมองไม่ผิด เหมือนมันจะทำหน้าแดงๆ ด้วย
มนุษย์ต่างดาวพวกนี้นี่มันเป็นเกย์กันทุกตัวเลยหรือไงวะ
“น่ารักจังนะเบนลิโอ” แล้วแอสตันก็ยิ้มกว้าง วางมือลงบนเส้นผมสีบลอนด์สว่างเสียยุ่ง
“งั้นหม่อมฉันขอตัวไปเรียนก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ ระหว่างนี้องค์ชายอาจจะต้องพึ่งพาพี่ชายหม่อมฉันในการเสวยสารอาหารก่อน มะรืนนี้หม่อมฉันจะไปหาพระองค์ที่นั่นอีกที” เบนว่าส่งท้ายให้แอสตันพยักหน้า
“เรารู้แล้ว ไม่ต้องห่วง”
สิ้นเสียง เบนก็โบกมือลาแอสตันไป ผมย่นคิ้วมอง ดูยังไงท่าทางนั้นก็เหมือนคู่รักเพศเดียวกันวัยไฮสกูลไม่มีผิด หน้าตาของสองคนนั้นจัดได้ว่าเป็นนักแสดงวัยรุ่นได้ง่ายๆ เลย ถึงจะไม่ได้เป็นนักแสดงแต่ถ้าเป็นแฟนกันขึ้นมาจริงๆ ก็เรียกได้ว่าเหมาะสมกันมาก เทพบุตรกับเทวดาตัวน้อยชัดๆ
แต่เอ... ถ้าแอสตันกับเบนเปรียบเสมือนเทพบุตรกับเทวดาตัวน้อย งั้นแอสตันกับริชาร์ดก็คงจะเปรียบเสมือน...
คิดแล้วผมก็เบือนสายตาจากแอสตันที่ขึ้นรถไปแล้วมามองยังริชาร์ดที่เพิ่งดูดบุหรี่เสร็จแล้วเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในสภาพตาเยิ้มเล็กน้อย ก่อนส่ายหน้าอย่างระอา
มึงนี่มันเห็บหมาชัดๆ ไอ้ริชาร์ด ถ้าอยู่กับแอสตันก็เทพบุตรกับเห็บหมาอ่ะ กูพูดเลย คนบ้าอะไรแม่งทำหน้าเมายาได้เกือบทุกวัน เทียบกับเบนแล้ว มึงนี่หาความน่ารักน่าชังไม่เจอเลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว
“มันไปแล้วใช่มั้ย” ริชาร์ดโพล่งขึ้นเรียกความสนใจผมไป ผมเข้าใจว่ามันคงจะหมายถึงเบนเลยพยักหน้า
“แล้วไอ้เวรนั่นล่ะ” อันนี้มันคงจะหมายถึงแอสตัน
“ขึ้นรถไปแล้ว”
ริชาร์ดพยักหน้ารับเนือยๆ แล้วก็พุ่งขึ้นรถไปบ้าง ผมตามมันขึ้นไป พอโยนสัมภาระเข้าช่องเก็บของได้ ผมก็ตรงมานั่งคู่กับมันที่กำลังเท้าคางเบือนหน้ามองออกไปยังนอกหน้าต่างรถ ผมหงุดหงิดเล็กน้อยที่มันดันเลือกที่นั่งเป็นที่หลังสุดเพราะมันอยู่ติดกับห้องน้ำ และเป็นจุดที่โยกคลอนที่สุดตอนรถวิ่ง แต่ก็พอจะเข้าใจมันอยู่ว่ามันคงจะไม่อยากอยู่ใกล้ๆ แอสตัน เพราะไอ้เจ้าชายนั่นดันนั่งอยู่ซะหน้ารถ แล้วที่ว่างที่สามารถนั่งคู่กันได้ก็ดันเป็นเบาะข้างหลังแอสตันพอดี ริชาร์ดก็เลยเลือกที่จะมานั่งตรงนี้แทน
“ถ้าจะมองหน้ากันไม่ติดขนาดนี้ ฆ่ามันทิ้งเลยมั้ยล่ะ” ผมแกล้งแซวด้วยไม่อยากเห็นริชาร์ดทำหน้าเหม็นเบื่อตลอดเวลา ทว่าเพราะผมพูดอย่างนั้น มันเลยทำหน้าเหม็นเบื่อเข้าไปใหญ่
“ไม่ตลกเลยเควิน”
“แล้วใครบอกว่าฉันจะพูดให้นายตลก นี่พูดจริง ฆ่าไอ้แอสตันไปเลยจะได้จบๆ”
“เลิกเล่นเลย แล้วก็เลิกพูดถึงมันด้วย ไม่อยากฟัง” ริชาร์ดว่าสั้นๆ แล้วก็หันหน้าหนีไปอีก
เห็นท่าทางอย่างนั้นแล้ว ผมก็รู้เลยว่ามันคงจะบิวท์ไม่ขึ้นเลยได้แต่ยักไหล่แล้วเมินมันแทน ทว่าในตอนนี้นี่แหละที่ผมสังเกตเห็นว่าบนรถมีเพียงแอสตันคนเดียว ผมสอดส่ายสายตามองหาไอ้หน้าตายนั่นทันใด ก่อนสายตาจะปะทะเข้ากับคีธที่เดินขึ้นรถมาพอดี หมอนั่นเดินไปทักแอสตันเล็กน้อย หากแต่ไม่ยอมนั่งคู่ด้วย เดินมานั่งเบาะด้านหลังแอสตันแทน
ผมย่นคิ้ว ความสงสัยเข้าครอบงำด้วยอยากรู้ว่าทำไมมันไม่นั่งคู่กัน หากแต่อึดใจเดียว ความสงสัยของผมก็ถูกคลายเมื่อเห็นบรูคลินขึ้นมาบนรถและเดินเข้าไปนั่งข้างๆ คีธ ก่อนที่มันสองคนจะหันหน้าเข้าหากันแล้วเริ่มปฏิบัติการกินสารอาหารต่อหน้าทุกคนบนรถโดยไม่แคร์สายตาใคร
ผมชาวาบไปทั้งร่างเมื่อเห็นคีธยกมือประคองใบหน้าได้รูปนั่นเพื่อจรดริมฝีปากลงไป ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นระทึกจนแทบจะระเบิดออกมา ความคับแน่นในอกมันทำให้ผมร้อนวูบไปทั้งร่างจนต้องเบือนหน้าหนีจากภาพนั้น
พะ...พวกมึงจะดูดปากกันให้เสร็จก่อนขึ้นรถเหมือนคู่ไอ้แอสตันไม่ได้หรือไงวะ
ริชาร์ดที่เสมองไปนอกหน้าต่างในตอนแรกก็หันมาเห็นภาพนั้นพอดีเหมือนกัน มันถึงกับส่งเสียงหัวเราะหึในลำคอ เหล่มองผมอย่างผู้มีชัยทันที
“ฆ่ามันทิ้งซะเลยมั้ยล่ะ หยามหน้ากันขนาดนี้”
ฆ่ามึงนี่แหละ! ไม่ต้องมาย้อนกูคืนเลยไอ้เพื่อนเวร!
ผมส่งสายตาเขียวๆ ให้มันพร้อมกับต่อยเข้าที่แขนไปทีแล้วไม่พูดอะไรอีกเลยกระทั่งทีมงานทุกคนขึ้นมาบนรถเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังที่หมาย
 
บอกเลยว่าตลอดทางที่นั่งรถมายังสถานที่ถ่ายทำ ผมนั่งไม่เป็นสุขเลยเพราะสายตาเห็นคู่ผัวตัวเมียคู่นั้นอยู่ในสายตาตลอด ไม่ว่าจะเบือนหนีไปทางไหน ผมก็อดเผลอมองไปยังพวกมันไม่ได้เสียทุกครั้ง น่าเจ็บใจกว่านั้นก็คือคีธมันก็รู้ด้วยนะว่าถูกผมมอง มันแค่หันมามองผมนิ่งๆ แล้วก็ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่สิ... มันทำราวกับว่าผมเป็นอากาศธาตุมากกว่า
เออ! ใช่ซี่! มึงมีโฮสต์คนใหม่แล้วนี่! แม่ง ทำไมผมต้องหงุดหงิดขนาดนี้ด้วยวะ!
“เดี๋ยววันนี้เราจะเตรียมสถานที่กันก่อน ฉันให้ทีมงานที่มาก่อนเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ดีนัก ใครที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไปพักผ่อน ส่วนคนที่รับหน้าที่นี้ก็มาประชุมกัน เดี๋ยวฉันจะแจงรายละเอียดของฉากที่จะถ่ายทำวันพรุ่งนี้ให้ฟัง” ผู้กำกับวิลล์ว่าขึ้นหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปเก็บข้าวของในเต็นท์ที่กางเตรียมเอาไว้
ผมเป็นคนจัดคิวนักแสดงและสตั๊นแมน ส่วนริชาร์ดเป็นผู้ประสานงานฝ่ายเอฟเฟ็กต์ระเบิด แน่นอนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเต็มเปาทั้งคู่เลยต้องเข้าร่วมประชุมอย่างไม่มีทางเลือก การประชุมก็ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรมากเพราะทุกอย่างถูกจัดเตรียมเกือบเสร็จสิ้นหมดแล้ว จะมีก็แต่ผมกับริชาร์ดจะต้องไปสำรวจสถานที่ก่อนล่วงหน้าเพื่อจะได้รู้จุดที่จะใช้ถ่ายทำ
“เดี๋ยวแยกย้ายกันไปดูนะ เสร็จแล้วมาบรีฟงานกันอีกทีแล้วค่อยไปพักผ่อน” ผู้กำกับวิลล์ว่าอีกครั้ง
ผมกับริชาร์ดและทีมงานคนอื่นๆ รับคำสั่งแล้วก็ไปดูสถานที่อย่างที่ว่า สถานที่ใช้ถ่ายทำก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นป่า รอบข้างจึงรายล้อมไปด้วยต้นไม้หนาทึบทั้งน้อยใหญ่ ใกล้กันมีแม่น้ำสายเล็กๆ ไหลผ่าน ผมเห็นแล้วก็อยากจะกระโดดลงเล่นสักทีถ้าไม่ติดว่าต้องทำงานงกๆ อยู่อย่างนี้ กระทั่งความสนใจในการอยากกระโดดลงเล่นน้ำแบบเด็กๆ ของผมถูกทำลายไปเมื่อได้ยินเสียงผู้กำกับวิลล์ดังขึ้น
“พวกนายเห็นเนินเขาตรงนั้นมั้ย มันเป็นหน้าผาเตี้ยๆ ฉันอยากได้ฉากลูกสมุนตัวร้ายกับพระเอกปีนหน้าผาต่อสู้กันน่ะ ฉันว่ามันต้องเป็นฉากที่ดีมากแน่ๆ”
ผมถึงกับย่นหน้ากับไอเดียที่พุ่งขึ้นมาฉับพลันของผู้กำกับวิลล์พลางมองไปยังเนินเขาลูกนั้น จากสายตาผม ผมว่ามันจะเรียกว่าเนินเขาก็ไม่ได้ เรียกมันว่าเนินดินเถอะเพราะมันไม่ได้สูงอะไรมาก เพียงแต่ตรงช่วงหน้าผามันอยู่ติดกับแม่น้ำก็เท่านั้น
“ทำไมนายถึงไม่ถ่ายทำในสตูดิโอล่ะฉากอันตรายแบบนี้” สิ้นเสียงของผู้กำกับวิลล์ ด็อกเตอร์มาร์ตินก็ว่าขึ้น
ผมลอบพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอาจารย์ทันที ขณะที่ผู้กำกับวิลล์ทำหน้าเบ้
“เอาแต่พึ่งซีจีอย่างเดียว มันก็ไม่เรียกว่าหนังฮอลลีวูดสิ ถ้าเราถ่ายฉากนี้ได้ เราก็เอาไปพีอาร์ได้ว่าเป็นฉากที่นักแสดงและสตั๊นแมนของเราเล่นจริงเจ็บจริง แบบนี้สิถึงจะน่าดึงดูดคนให้มาดู”
ผมเข้าใจจุดประสงค์ของเขานะเลยไม่ได้ทักท้วงอะไร ถึงจะทักท้วงไปก็เท่านั้นแหละ เขาฟังซะที่ไหน แม้แต่ด็อกเตอร์มาร์ตินยังปรามไม่ได้เลย
“งั้นก็แล้วแต่นายละกัน” ด็อกเตอร์มาร์ตินเออออไปตามเรื่อง เท่านั้นผู้กำกับวิลล์ก็ร้องสั่งขึ้นทันที
“ใครก็ได้ไปตามสตั๊นแมนที่รับบทเป็นลูกสมุนตัวร้ายมาหน่อยซิ เดี๋ยวจะให้มาลองปีน”
ที่ไม่เรียกซีเลนก็เพราะหมอนั่นจะตามมาที่นี่ในวันรุ่งขึ้น ส่วนผมก็ทำเป็นยืนนิ่งไม่หือไม่อือ ริชาร์ดชำเลืองมองผมเล็กน้อยแล้วพยักหน้าให้ผมได้ส่ายหน้าพลัน
“ไม่ต้องมาให้ฉันไปตามมันเลย อยากตามก็ไปตามเองโน่น” ผมว่าเสียงเขียวกับริชาร์ด ริชาร์ดเลิกคิ้วขึ้นพลัน
“ผัวนายไม่ใช่เหรอ”
“อย่ากวนริชาร์ด ไม่ใช่ผัว”
“อ๋อ ลืมไป ตอนนี้ไม่ใช่ผัวแล้ว ต้องเรียกว่าผัวเก่า”
มึงมันกวนตีนไอ้ริชาร์ด! กูไม่เคยเป็นผัวเป็นเมียกับมันเหมือนมึงเว้ย!
ผมทำเฉยๆ รอให้มีใครสักคนไปตามคีธ ทว่าก็ไม่มีใครเสนอหน้าไป แถมด็อกเตอร์มาร์ตินก็ยังหันมามองผมอีก
“เพื่อนนายจากนิวยอร์กไม่ใช่เหรอเควิน ไปตามสิ”
ฉิบหาย! กูอุตส่าห์ทำเนียนอยู่เฉยๆ แล้วนะ!
“ไปตามมาเร็วๆ เข้า อย่าเสียเวลา จะได้พักกันซะที” ผู้กำกับวิลล์ว่าสำทับ ผมเลยไม่มีทางเลือก ต้องบากหน้าไปตามมันจนได้
ริชาร์ดทำหน้าสะใจ ก่อนจะกระซิบบอกผมให้ผมได้ง้างหมัดใส่มัน
“ระวังเมียใหม่มันหึงด้วย”
มึงนี่มัน! ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่ามึงเลยจริงๆ บอกว่าไม่เคยเป็นอะไรกับมัน ฟังไม่รู้เรื่องหรือยังไงวะ!
 
ผมเดินบ่นอุบอิบมาตลอดทางจนกระทั่งถึงหน้าเต็นท์ของคีธกับแอสตัน ที่ผมรู้ว่าเป็นเต็นม์ของพวกมันก็เพราะมันอยู่ในโซนของพวกสตั๊นแมน แอสตันที่นั่งอยู่ข้างหน้าเต็นท์ ในมือประคองแก้วกาแฟอุ่นๆ ไว้อยู่หันมายิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนร้องทัก
“กวินทร์ ดื่มกาแฟมั้ย”
ผมส่ายหน้า ไม่สนใจว่าทำไมมันถึงดื่มกาแฟได้แต่อย่างใดเพราะรู้อยู่แล้วว่าพวกมันก็กินอาหารของมนุษย์โลกได้แต่ไม่กิน ก่อนจะรีบเข้าเรื่อง
“คีธล่ะ”
“อยู่ในเต็นท์น่ะ” แอสตันพยักปลายคางไปยังเต็นท์
ผมเกือบจะตรงไปเปิดเต็นท์อยู่แล้วถ้าหากว่าไม่ได้ยินเสียงของแอสตันไล่ตามหลังมาอีกประโยคเสียก่อน
“อยู่กับบูลิโอ ลองเรียกดูสิ”
ผมพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรงพลัน นี่พวกมึงนัวเนียกันบนรถต่อหน้าทุกคนยังไม่พอ ยังจะมานัวเนียกันในเต็นท์อีกหรือไงวะ! ทำอะไรเกรงใจเจ้าป่าเจ้าเขาหน่อยเว้ย! ที่สำคัญ... เกรงใจกูด้วย! กูมาตามมึงไปทำงานอยู่เนี่ย!
ผมโมโหขึ้นมาฉับพลัน ใจอยากจะตรงไปถอนเต็นท์ออกให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ใจฝ่อ ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปใกล้เต็นท์เสียอย่างนั้น เดินกลับมายังแอสตันแล้วบอกมันเสียงเบาแทน
“เรียกให้หน่อย”
“ทำไมไม่เรียกเองล่ะ” แอสตันทำหน้าสงสัย ผมไม่อยากบอกเลยว่ากลัวจะเปิดไปแล้วจะได้เห็นภาพบาดตาเลยได้แต่ยืนยันคำพูดไป
“เรียกให้หน่อยเถอะน่า ฉันรีบนะ ผู้กำกับวิลล์สั่งให้มาตามตัวคีธ”
แอสตันไม่ถามอะไรต่อ พยักหน้าแล้วเดินไปเปิดเต็นท์พร้อมส่งเสียงเรียก
“คีทาเย กวินทร์มาหา”
สิ้นเสียง คีธก็โผล่หน้าออกมามองแอสตันก่อนมองเลยมายังผม แล้วพาตัวเองออกมาด้านนอก ผมจะไม่อะไรเลยถ้าหากว่ามันไม่โผล่ออกมาจากเต็นท์ในสภาพสวมกางเกงยีนส์เพียงตัวเดียว เสื้อท่อนบนอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย ใจผมเต้นตึกตัก ไม่ได้ตึกตักเพราะเห็นกล้ามเนื้อเป็นลอนสวยนั่นหรอกนะ แต่เป็นเพราะพอมันออกมา ก็มีไอ้บรูคลินตามออกมาด้วยใบหน้าแดงเรื่อต่างหาก
พะ...พวกมึง! พวกมึงเข้าไปทำอะไรกันในเต็นท์ บอกกูที กูอยากรู้!
แต่อยากรู้ไปก็เท่านั้นแหละ ผมไม่มีทางเอ่ยปากถามแน่ และบรูคลินก็ไม่อยู่ให้ผมถามด้วย เพราะพอมันเห็นหน้าผม มันก็ก้มหน้างุดแล้วรีบบอกลาคีธอย่างรวดเร็ว
“ไว้คุยกันใหม่นะครับ”
“อืม” คีธตอบรับปุ๊บ บรูคลินก็สาวเท้าออกไปอีกทางทันควัน
ผมมองตามมันแล้วโคตรอยากจะพุ่งไปกระโดดถีบมันทีเดียวสองขารวดเลย แต่ก็ถูกคีธดึงความสนใจไปก่อน
“มีอะไรเหรอกวินทร์”
“ผู้กำกับวิลล์ให้มาตามไปลองปีนผา” ผมว่าสั้นๆ
คีธพยักหน้ารับแล้วก็พยักหน้าอีกครั้งเป็นสัญญาณให้ผมเดินนำไป ตลอดทางที่เดินนำมา บรรยากาศรอบตัวโคตรจะน่าอึดอัดเลยเพราะผมไม่พูดกับมัน มันก็ไม่พูดกับผมแม้แต่คำเดียวเหมือนกัน ไม่แม้แต่จะเล่าด้วยว่ามันเข้าไปทำอะไรกับบรูคลินในเต็นท์ ทำให้ผมหัวเสียเข้าไปใหญ่ แต่ก็พยายามข่มใจ ไม่คิดถึงภาพนั้นแม้ว่าภาพของคีธยามยืนคู่กับบรูคลินจะเหมือนกับเทพบุตรกับเทวดาตัวน้อยไม่ต่างจากยามแอสตันยืนคู่กับเบนก็ตาม และผมก็ไม่ยอมเป็นเห็บหมาเหมือนริชาร์ดแน่ เพราะผมน่ะหล่อ เสน่ห์แรง ไปที่ไหนก็เกี้ยวสาวได้ไม่เคยพลาด อย่างผมน่ะเรียกว่าเทพบุตรอีกคนได้สบายๆ เหมือนกัน
แต่ทำไมมันถึงได้หงุดหงิดจังวะ...
เดินมาได้ไม่นานนักก็ถึงยังที่หมาย ตอนนี้ผู้กำกับวิลล์พาทีมงานและเอาอุปกรณ์สำหรับปีนผามาที่หน้าผานั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พอคีธมาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง จับมันสวมอุปกรณ์ทันใด
“เดี๋ยวนายลองปีนลงไปหน่อยนะ ฉันจะลองให้ตากล้องถ่ายดูว่าจะได้ฉากอย่างที่ฉันต้องการมั้ย”
คีธพยักหน้ารับคำสั่งผู้กำกับวิลล์แล้วเดินตรงไปยังหน้าผา ผมมองหมอนั่นได้ครู่เดียวก็ต้องจดบันทึกลงกระดาษยิกๆ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าถ้าได้ฉากที่ผู้กำกับวิลล์ต้องการ ผมก็ต้องจัดคิวนักแสดงสำหรับฉากนี้เพิ่มเข้าไปด้วย ทว่าในจังหวะที่ผมกำลังควานหาปากกาในกระเป๋ากางเกง กระดาษที่ถืออยู่ในมือก็ถูกลมพัดหลุดมือไปเสียก่อน ผมจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลยถ้ากระดาษแผ่นนั้นไม่ได้จดทุกสิ่งอย่างที่ผมต้องทำในวันพรุ่งนี้เอาไว้อย่างละเอียด แถมยังมีแผ่นเดียว ไม่มีก็อปปี้อีกด้วย พอเห็นมันปลิวไป ผมก็รีบพุ่งไปคว้าไว้พอดีก่อนที่มันจะปลิวตกหน้าผาไป
หากแต่ในจังหวะที่คว้ามันได้นั้น ขาผมดันสะดุดเข้าไปก้อนหินก้อนใหญ่เข้าอย่างจัง ทำให้ผมเซถลาไปข้างหน้าสุดแรง และเรียกว่าซวยได้เต็มปากเพราะมันไม่ได้ถลาไปแค่ข้างหน้าเพียงแค่ไม่กี่คืบ แต่ดันถลาไปซะเกือบจะตกเหว
ไม่เกือบสิไม่เกือบ... กูตกเลยเถอะ! ช่วยกูด้วย!
ผมใจหายวาบเมื่อรู้สึกถึงสายลมปะทะเข้ามาที่ร่างขณะที่ร่างตัวเองกำลังจะทิ้งดิ่งลงไปยังพื้นน้ำเบื้องล่าง เสียงคนร้องเรียกชื่อผมดังระงมขึ้นทันควัน ผมได้ยินเสียงริชาร์ดชัดเจนที่สุดก่อนที่เสียงนั้นจะไกลออกไปทันทีที่ผมร่วงลงมา
ผมหลับตาปี๋ ภาวนาในใจว่าขอให้อาการอย่าสาหัสมากเพราะรู้ตัวแน่ว่าจะต้องบาดเจ็บแน่ ทว่าในวินาทีที่ตัวเกือบจะถึงน้ำ ผมก็เห็นใบหน้าของคีธลอยเข้ามา พลันแขนข้างหนึ่งของผมก็ถูกคว้าไปเต็มแรง
“กวินทร์!”
ตูม!
เสียงคุ้นหูดังลอยเข้ามาตามด้วยเสียงวัตถุขนาดใหญ่กระแทกผิวน้ำ ผมสัมผัสได้ถึงสายน้ำเย็นยะเยือกที่ซึมผ่านเสื้อผ้าเข้ามาตั้งแต่ช่วงอกยันปลายเท้า ขณะที่แขนข้างหนึ่งยังคงถูกมือของใครบางคนดึงไว้อยู่อย่างนั้น ผมลืมตาขึ้น เงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนก็เห็นคีธที่มีสีหน้าตกใจคว้าข้อมือผมเอาไว้อยู่ เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ผมเห็นหมอนั่นทำสีหน้าแตกตื่นแบบนี้ แต่ก็ครู่เดียวเท่านั้นก่อนมันจะกลายเป็นสีหน้านิ่งเรียบเหมือนเดิม
“ตกใจหมด” คีธว่าเรียบๆ ขณะที่ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ตัวเองรอดตายแบบฉิวเฉียด
“พวกนายไม่เป็นไรนะ! เฮ้ย! ช่วยกันดึงสองคนนั้นขึ้นมาเร็ว!” เสียงของผู้กำกับวิลล์ที่อยู่ด้านบนดังขึ้นพร้อมกับความวุ่นวายที่ก่อเกิดในบัดดลเมื่อทีมงานพยายามจะดึงคีธขึ้นไปโดยการชักรอกเชือกที่ผูกติดอยู่กับเครื่องมือปีนผารอบเอวเขา
ทว่าแทนที่คีธจะปล่อยให้คนพวกนั้นพาตัวเองกับผมขึ้นไป มันดันใช้มือข้างที่จับเชือกอยู่มาจับที่เอวแล้วจัดการกระชากเข็มขัดที่รัดเอวอยู่ทิ้งทันควัน
ผมเบิกตาโพลง อ้าปากจะถามว่าทำอะไรของมัน แต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะพอเข็มขัดนั่นหลุดออกไป ทั้งมันทั้งผมก็พุ่งลงน้ำเต็มแรง
มึงจะช่วยกูหรือมึงจะทำให้กูตายเร็วขึ้นเนี่ยไอ้เวรคีธ!
ผมรีบผุดหัวขึ้นจากน้ำ กอบอากาศเข้าปอดเต็มที่ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่เข้ามาประคองเอวผมไว้ให้ตัวอยู่เหนือน้ำ
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!” พอตั้งหลักได้ ผมก็แหวใส่มันทันที
“ดึงขึ้นไปอย่างนั้นมันช้า นายได้ไม่สบายก่อนพอดี” คีธในสภาพเปียกม่อล่อม่อแล่กไม่แม้แต่จะมองผมเลยขณะตอบ แล้วจัดการพยุงผมว่ายเข้าฝั่งที่อยู่ไม่ไกล
ผมอยากจะตะโกนใส่หน้ามันเหลือเกินว่า ‘มึงพากูจุ่มน้ำแบบนี้นี่แหละที่จะทำให้กูไม่สบาย!’ แต่ก็ได้แค่คิดทำได้เพียงพยายามช่วบถีบตัวเองเข้าฝั่งเท่านั้น
ไม่นานนัก เราสองคนก็มาถึงริมตลิ่งโดยสวัสดิภาพ ริชาร์ดวิ่งหน้าตาตื่นมาหาผมทันใด
“ไม่เป็นไรนะเควิน”
“เออ สบาย ถ้าไม่โดนไอ้บ้านี่พาว่ายน้ำเล่นเนี่ย” ผมว่าพลางค้อนไปยังคีธที่กำลังเสยผมเปียกซ่กของตัวเองขึ้น
ผู้กำกับวิลล์และด็อกเตอร์มาร์ตินที่เห็นผมยังมีสภาพครบสามสิบสองประการอยู่พากันถอนหายใจอย่างโล่งอกทันใด แต่พวกเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ คงเพราะว่าผมอาจจะมีอวัยวะบางส่วนช้ำนั่นแหละ
“ไปโรงพยาบาลมั้ยเควิน”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมโอเค” ผมปฏิเสธเพราะรู้ตัวเองดีว่ายังปลอดภัย พวกเขาตื๊อผมอีกนิดหน่อย แต่พอผมปฏิเสธอีกก็ไม่ตอแย หันไปหาคีธที่กำลังจะเดินกลับไปยังเต็นท์ทันที
“งั้นเอาเป็นว่าฉากนี้ค่อยเตรียมตัวกันใหม่ครั้งหน้าแล้วกัน ขอบใจมากนะคีธที่ช่วยเควินไว้ ไม่งั้นล่ะก็เป็นเรื่องใหญ่แน่”
คีธพยักหน้ารับเนือยๆ ให้สองคนนั้นก่อนจะออกเดินไปอีก ผมที่รับผ้าเช็ดตัวมาจากทีมงานคนหนึ่งมองตามแผ่นหลังกว้างเล็กน้อย แล้วก็อดตงิดๆ ในใจไม่ได้ ก็ผมอยากจะขอบคุณหมอนั่นที่ช่วยผมน่ะ แต่ไม่กล้า ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี กระทั่งริชาร์ดที่ยืนมองอยู่สะกิด
“จะไปขอบคุณก็ไปเถอะ เรื่องนี้สมควรจะขอบคุณมัน” ไม่ว่าอย่างเดียว ยังผลักหลังผมออกไปข้างหน้าด้วย
ผมมองมันอย่างไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินตามหลังคีธไปแต่โดยดี เดินไปได้สักพักจนเกือบจะถึงเต็นท์ของหมอนั่น ผมก็ไม่ยอมเรียกมันด้วยเอาแต่ทำใจอยู่ จนคีธต้องหยุดเดินแล้วหันมามองผม
“มีอะไรเหรอกวินทร์ เดินตามมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
ผมชะงักที่จู่ๆ ก็ถูกจับได้ จริงๆ มันก็ควรจะจับได้อยู่หรอก เดินเหยียบใบไม้แห้งดังกรอบแกรบขนาดนั้น
“คือว่า...ฉันแค่อยากจะขอบใจนายที่ช่วยฉันเอาไว้” ในเมื่อหนีไม่ได้ ผมก็พูดออกไปแต่ไม่มองหน้ามัน
คีธเอียงคอเล็กน้อย พยักหน้ารับช้าๆ
“ไม่เป็นไร” แล้วมันก็เดินหนีไปอีก ทิ้งให้ผมอ้าปากค้างที่มันไม่มีปฏิกิริยาอะไรสักอย่าง
ผมเกือบจะร้องเรียกมันอีกครั้งแล้วถ้าหากว่าสายตาไม่เหลือบไปเห็นบรูคลินที่กลับมาที่เต็นท์รีบพุ่งเข้ามาหาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวและสีหน้าตื่นๆ เท่านั้นผมก็หยุดก้าวตาม หันหลังกลับแต่โดยดี
มึงนี่แม่ง... อย่างน้อยๆ ก็บอกกูหน่อยสิวะว่าช่วยเพราะเป็นห่วงกู เฉยชาเกินไปแล้ว!
 
เพราะการลงไปว่ายน้ำเล่นอย่างไม่ได้ตั้งใจอยู่นานสองนาน ประกอบกับสภาพภูมิอากาศกลางป่าตอนกลางคืนหนาวเย็นกว่าปกติ ทำให้ไข้หวัดเล่นงานผมเข้าอย่างจัง ตอนแรกผมก็คิดว่าตัวเองไหว ทว่าในระหว่างประชุมงานรอบสุดท้ายก่อนเริ่มการถ่ายทำกันพรุ่งนี้ ผมก็ล้มฟุบไม่ได้สติลงไปโดยไม่รู้ตัว มีเพียงเสียงสุดท้ายของริชาร์ดที่ดังแว่วเข้ามาในหูว่าจะเป็นคนดูแลผมคืนนี้เอง แล้วพรุ่งนี้ค่อยให้ทีมงานพาไปหาหมอถ้าหากอาการไม่ดีขึ้น จากนั้นผมก็ถูกพามานอนยังเต็นท์พยาบาลซึ่งเป็นเต็นท์ใหญ่ที่สุดของบรรดาเต็นท์ที่มีทั้งหมดในสถานที่แห่งนี้
ริชาร์ดมันเลยได้รับอานิสงค์ได้นอนในที่กว้างๆ แทนไปด้วย แน่นอนว่าผมนอนบนเตียงพยาบาลที่มีขนาดกว้างพอสมควร กว้างในที่นี้หมายถึงคนเอเชียตัวขนาดผมนอนได้สองคนน่ะ ถ้าเป็นชาวตะวันตกตัวใหญ่ๆ ก็น่าจะได้แค่คนเดียว ริชาร์ดมันนอนบนพื้นข้างเตียง ทว่าในขณะที่มันจัดที่หรับที่นอนสำหรับตัวเองอยู่นั้น จู่ๆ เต็นท์ประตูเต็นท์ก็ถูกเขย่าด้วยฝีมือของใครบางคนจนมันต้องก่นด่าอุบเป็นภาษาจีนเล็กน้อยแล้วไปเปิดให้ พอเปิดมาแล้วเห็นว่าเป็นฝีมือของคีธกับแอสตัน มันก็ด่าเป็นภาษาบ้านมันดังขึ้นไปอีก และดังกว่าเดิมอีกเมื่อจู่ๆ มันก็ถูกแอสตันลากออกไปข้างนอก
ผมอยากจะผงกหัวดูมันฉิบเป๋งแต่ความหนักอึ้งที่ถาโถมเข้ามายังร่างทำให้ผมขยับไม่ได้ดั่งใจนัก ทำได้เพียงกลอกตาไปมา แล้วก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อสังเกตเห็นว่าในตอนนี้มีเพียงผมกับคีธเท่านั้นที่อยู่ในเต็นท์ ที่สำคัญ ไอ้บ้าคีธมันไม่ใส่เสื้อผ้า นุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่ช่วงล่างเท่านั้น
“สะ...เสื้อผ้านายไปไหน” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
มันเหลือบมองผมนิดหนึ่งแล้วว่าเสียงเรียบ “ไม่มี”
“หมายความว่าไงว่าไม่มี”
“ไม่ได้เอามา”
อย่าบอกกูนะว่ามึงมาถ่ายหนังเป็นอาทิตย์ๆ แต่เอาเสื้อผ้ามาชุดเดียวน่ะ!
ดูท่าทางจะเป็นอย่างที่ผมคิดเสียด้วย เพราะไม่ทันจะถาม มันก็พูดขึ้น
“ฉันรอเสื้อผ้าแห้งอยู่”
มึงคิดจะซักแห้งตัวเองตลอดอาทิตย์ล่ะสินะ
ผมอยากจะด่ามันเรื่องความซกมกเหลือเกิน แต่ก็ไม่มีแรง ได้แต่หลับตานิ่งเพราะยาที่กินเข้าไปก่อนหน้าเริ่มออกฤทธิ์จนความง่วงงันเข้าเล่นงานผมแล้ว หากแต่ผมยังไม่ทันจะได้หลับ ผมก็ได้ยินเสียงของแอสตันกับริชาร์ดดังขึ้นอีกครั้ง เป็นสัญญาณให้รู้ว่าสองคนนั้นกลับมาแล้ว และแทนที่ทุกอย่างจะจบลงโดยการที่แอสตันกับคีธกลับไปนอนที่เต็นท์ตัวเอง กลายเป็นว่าผมได้ยินแอสตันพูดกับริชาร์ดขึ้นมา
“คืนนี้เราจะนอนที่นี่”
“นอนบ้าบอคอแตกอะไร กลับไปนอนที่เต็นท์ของนายเลย!”
“ไม่ เราจะนอนกับนาย ริชาร์ด”
“มะ...ไม่...”
“อย่าปฏิเสธเราริชาร์ด เราเหนื่อยที่จะทำเฉยเมยกับนายอีกแล้ว”
มึงโดนผัวง้อไอ้ริชาร์ด!
ผมอยากจะลุกขึ้นไปหัวเราะใส่หน้ามันนัก แต่ไฟฉายที่ดับสนิทลงพร้อมกับเสียงที่เงียบไปก็ทำให้ผมง่วงงุนยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ความรู้สึกเดียวที่ผมสัมผัสได้ก็คือน้ำหนักของบางสิ่งที่กดทับลงมายังข้างเตียง แต่ผมก็ไม่มีสติสัมปชัญญะมากพอที่จะสนใจอะไรอีกแล้ว ผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย


 

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 18: Time for breeding[2]
ไม่รู้ว่าผมหลับไปกี่ชั่วโมงแล้ว แต่ผมรู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงดังกุกกักมาจากข้างเตียงที่ดังเข้ามารบกวนโสตประสาทตลอดเวลา เสียงนั้นไม่ดังมากหรือเรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำถ้าหากอยู่ในเขตเมือง ไม่ได้อยู่ในป่าที่เงียบสงัดอย่างนี้ และผมอาจจะไม่สนใจด้วยถ้าเสียงที่ได้ยินนั้นมันไม่ใช่เสียงหอบหนักๆ ของคนที่พยายามจะกลั้นหายใจไว้แต่เก็บไม่มิดอย่างนั้น สัญชาตญาณเสือป่าบอกผมทันทีว่ามันไม่ใช่เสียงหอบหายใจธรรมดา แต่เป็นเสียงหอบหายใจของคนที่กำลังเข้าร่วมสมรภูมิรักอย่างดุเดือดอยู่
เท่านั้นผมก็ใจเต้นระทึกทันควัน
นะ...หนังสด... มันต้องเป็นหนังสดแน่ๆ
แล้วก็ใจเต้นระทึกมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ที่ใจเต้นนี่ไม่ใช่เพราะว่าความกำหนัดในตัวมันพุ่งขึ้นสูงที่ได้ยินเสียงหนังสดหรอกนะ แต่เป็นเพราะผมนึกขึ้นได้ว่าไอ้บริเวณจุดเกิดเสียงที่อยู่บนพื้นข้างเตียงนั้นมันเป็นที่นอนของแอสตันกับริชาร์ด
ระ...หรือว่าไอ้เจ้าชายกับริชาร์ดจะ...   
ผมไม่อยากจะคิดต่อไปในทางอกุศลอย่างนั้น แล้วก็ไม่อยากจะหันไปมองด้วย ทว่าร่างกายกลับไม่สัมพันธ์กับความคิดเลยแม้แต่น้อย สมองคิดปฏิเสธ แต่หน้านี่คือตะแคงหันข้างไปแล้วเรียบร้อย
ผมหรี่ตามองฝ่าความมืดไปยังเงาตะคุ่มด้านล่าง พลันร่างก็ชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อแสงไฟรางๆ จากภายนอกสาดเข้ามาพอให้เห็นเป็นรูปร่างว่าจุดกำเนิดเสียงมาจากคนสองคนที่กำลังประกบคู่กันอยู่ เงาดำของคนตัวใหญ่ด้านบน ผมจำได้ดีว่าเป็นเงาของแอสตัน ขณะที่ผมเห็นคนด้านล่างไม่ชัดนัก และผมก็ไม่อยากจะเห็นชัดด้วย ทว่าไอ้เจ้าของร่างด้านล่างที่พยายามกลั้นเสียงอยู่นานสองนานก็หลุดปากครางกระเส่าออกมาด้วยน้ำเสียงคุ้นหู
“อืม...อา...”
คะ...ใครวะ... ระ...หรือว่าจะเป็น...
“แอส...แอสตัน”
ตะ...ตันพร่อม! มึงมันไอ้ริชาร์ด! ชัดเลย! เสียงนี้ของมึงแน่!
ผมถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่อจู่ๆ ก็ตื่นมาเห็นเพื่อนตัวเองถูกมนุษย์ต่างดาวกินหัวกินหาง กินกลางตลอดตัวไปทุกอณูรูขุมขนกลางดึก กลางดึกไม่พอ นี่แม่งเอาท์ดอร์ด้วย กลางป่านะเว้ย! กองถ่ายอีกต่างหาก! แถมนี่กูก็นอนป่วยอยู่นะ! กูป่วย! มึงก็ไปกินกันไกลๆ คนป่วยหน่อยไม่ได้หรือไงวะ!
จริงๆ ถ้าเห็นเพื่อนนัวเนียกับผู้หญิงแบบระยะเผาขนแบบนี้ ผมไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่นะ แต่เพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน แถมอีกฝ่ายเป็นมนุษย์ต่างดาวแบบนี้ ผมก็ทำอะไรไม่ถูก เข้าใจความรู้สึกของคนกลับตัวก็ไม่ได้ จะเดินต่อไปก็ไปไม่ถึงทันที
ผมอยากจะตะคอกใส่มันสองคนว่า ‘พวกมึงเห็นกูเป็นหัวหลักหัวตอกันหรือไงวะ!’ ชะมัด หากแต่พอค่อยๆ พลิกตัวหันกลับมาอีกต่างเพื่อหนีภาพอุจาด ความวินาศก็บังเกิดเมื่อสายตาผมปะทะเข้ากับหน้าไอ้คีธที่นอนมองผมนิ่งๆ ผ่านความมืดในสภาพเปลือยเปล่าทั้งตัว ที่ผมรู้ว่ามันเปลือยเปล่าก็เพราะผมสัมผัสได้ถึงเนื้อผ้าขนหนูจากทางปลายเท้า ขณะที่ตอนนี้มันเอาตัวเองมาสอดใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับผม
มะ...มึงมานอนทำอะไรอยู่ตรงนี้! กูไม่สวิงกิ้งนะเว้ย!
ผมเกือบจะผุดลุกพรวดขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งหนีป่าราบแล้ว ทว่าเหมือนคีธจะรู้ว่าผมจะทำอะไร และถ้าผมลุก ก็หมายความว่าการรวมร่างของริชาร์ดกับแอสตันก็ต้องหยุดชะงักลงด้วย เท่านั้นมันก็เลื่อนมือมาคว้ามือผมใต้ผ้าห่มไว้มั่น ผมตัวแข็งเกร็งทันใด เสียวสันหลังวูบว่ามันจะเกิดคุ้มคลั่ง กินหัวกินหางผมขึ้นมาด้วยอีกคน
แต่ผิดคาดที่คีธไม่ได้ทำอะไร เพียงแต่บีบมือผมเบาๆ ราวกับปลอบให้ผมอยู่นิ่งๆ แล้วเลื่อนมือจากมือผมมาเป็นโอบกอดเท่านั้น ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมถูกมันกอดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันในสภาพที่มันเปลือยเปล่า แถมมันก็ทำให้ผมต้องเกร็งตัวแข็งยิ่งกว่าเดิมเมื่อมันไม่ได้กอดอย่างเดียว แต่ดึงผมเข้าไปแนบกับลำตัวด้านหน้าเสียแนบแน่นอีกด้วย
ซะ...ซวยแล้ว มึงแนบเนื้อเกินไปแล้ว!
ความร้อนในกายผมหลั่งไหลท่วมทันใดพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง แย่ไปกว่านั้นคือพอคีธมันรู้ว่าผมตื่นเต้น มันก็แสร้งลูบฝ่ามือเข้ากับบั้นท้ายของผมไปมา แล้วสอดมือเข้าไปใต้เสื้อ ลูบแผ่นหลังไปเรื่อย ใบหน้าก็เลื่อนเข้ามาใกล้จนผมสัมผัสได้ถึงปลายจมูกโด่งๆ ที่คลอเคลียใบหน้าผมไม่หยุด
ผมอยากจะร้องไห้ก็ในตอนนี้ ไอ้เวรริชาร์ดก็ครางฮือไม่หยุดแถมเริ่มดังขึ้นด้วย และเพราะอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมแบบนี้ ร่างกายผมก็ดันตอบสนองกับการสัมผัสขึ้นมาเสียอย่างนั้นแม้ว่าสมองผมจะสั่งการให้ร่างกายหยุดก็ตาม
มึงตื่นขึ้นมาไม่รู้จังหวะเลยโว้ยไอ้กวินทร์น้อย!
ผมว่าคีธสัมผัสได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายช่วงล่างของผมเพราะเราแนบชิดกันขนาดนั้น หมอนั่นส่งเสียงหัวเราะในลำคอชนิดเบาจนแทบไม่ได้ยินแล้วกอดผมแน่น ผมอดทนกับสถานการณ์บ้าๆ อย่างนั้นอยู่นานกระทั่งเสียงของริชาร์ดดังถี่ขึ้นก่อนจะเงียบไป ตอนนี้แหละที่ผมหายใจโล่งขึ้นมาได้ พลันพยายามผลักคีธออกห่างเมื่อมั่นใจว่าแอสตันกับริชาร์ดเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว
ทว่าคีธไม่ยอมปล่อยผม กระซิบคืนมาเบาๆ เท่านั้น
“ใจเย็นๆ กวินทร์ ร่างกายของนายยังไม่ปกติ”
ไม่ปกตินี่คือช่วงล่างของกูสินะ! อันนั้นกูรู้อยู่แล้วเว้ย!
“ปล่อย...” ผมว่าเสียงพร่า ผลักอกแกร่งออกห่าง แต่คีธก็ยังไม่ยอมปล่อยเหมือนเคย มิหนำซ้ำยังถือวิสาสะมางับปลายหูผมอีกด้วย
ผมเกร็งไปทั้งร่าง พยายามดิ้น แต่ก็ต้องหยุดใจเต้นรัวอีกครั้งเมื่อได้ยินมันพูดขึ้น
“นายต้องการฉัน”
“คะ...ใครบอก ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้นแหละ” ผมพูดด้วยเสียงลม ทำให้คีธหัวเราะในลำคอ
“ถ้าไม่ต้องการ นายคงจะไม่เป็นแบบนี้หรอก ร่างกายของนายมันฟ้อง”
“ไม่ได้ต้องการ...”
“ลองดูมั้ยล่ะว่าต้องการหรือไม่ต้องการ” มันว่าน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ พลางเลื่อนมือที่ลูบแผ่นหลังผมอยู่มายังด้านหน้าและเกือบจะโดนจุดอ่อนไหวของผม เท่านั้นผมก็สติหลุดทันที
“ไม่ได้ต้องการเว้ย!” ผมหลุดตะโกนลั่น ผุดลุกขึ้นนั่งทันที คีธยอมปล่อยผมโดยง่าย และเสียงของผมเมื่อครู่ก็ทำเอาริชาร์ดกับแอสตันที่กอดกันกลมในสภาพเปล่าเปลือยทั้งคู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมๆ กัน
ผมรีบคว้าไฟฉายมาเปิด ริชาร์ดดูตกใจประหนึ่งเห็นผีที่เห็นผมตื่นขึ้นมา ทำท่าจะอ้าปากอธิบายว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างมันกับแอสตันคืออะไร แต่ผมไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว รีบทิ้งตัวลงจากเตียงแล้วผลุบออกมานอกเต็นท์ทันใดโดยมีคีธเดินตามหลังมาติดๆ
“จะตามมาทำไมเนี่ย ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้วนะเว้ย!” ผมโวยวายที่เห็นมันเดินมาหน้าตาเฉย ดีนะที่มันยังมีกะจิตกะใจคว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่ง ไม่อย่างนั้น ผมคงได้เห็นคีธน้อยโผล่หน้ามาทักทายด้วยแน่
“อยากเกี่ยวข้องมั้ยล่ะ” คีธมันก็หน้าด้าน ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดผมสักนิด ผมใจเต้นหนักกว่าเก่า มองหาทางหนีทีไล่ทันควัน
แต่ก็ถูกมันคว้าแขนไว้ได้แล้วลากไปที่เต็นท์เดิมของมันที่อยู่ในโซนสตั๊นแมนทันใด
“เต็นท์ยังว่าง ไม่ต้องกลัวมีใครเห็น”
มะ...มึงกลับมาหื่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!
“ไม่เอาเว้ย! หยุดเลยไอ้คีธ! หยุด! จะทำอะไรก็ไปทำกับบรูคลินโน่น!” ผมขืนตัวสุดแรง
ชื่อของบรูคลินทำให้คีธชะงักงัน มองหน้าผมด้วยสายตานิ่งเรียบ หยุดดึงผมแล้วว่าขึ้นมา
“วันนี้บูลิโอมาคุยกับฉัน”
“แล้ว?”
“ขอผูกพัน บอกว่าจะตั้งท้องลูกของฉันและช่วยฉันขยายเผ่าพันธุ์ให้ วันนี้เบนลิโอก็มาบอกกับองค์ชายเหมือนกัน”
ผมใจหายวาบ ไอ้บรูคลินกับเบนนี่เห็นเงียบๆ ติ๋มๆ แบบนั้น พวกมึงนี่ร้ายใช่ย่อยเลยนะ! อยากตบกะโหลกมันนัก ทั้งพี่ทั้งน้องเลยให้ตาย!
“แล้วฉันต้องรู้มั้ย” ถึงผมจะหมั่นไส้สองพี่น้องนั้นขึ้นมาลางๆ แต่ผมก็แสร้งทำเฉยให้คีธได้พูด
“นายต้องรู้ เพราะคนที่ฉันอยากให้ท้องลูกของฉันไม่ใช่บูลิโอ แต่เป็นนาย... นายคนเดียวกวินทร์”
ผมเบิกตาโต มือไม้สั่นเทาขึ้นทันควัน เข้าใจได้ตอนนี้ว่าทำไมริชาร์ดกับแอสตันถึงได้เล่นหนังสดกลางแปลงอย่างนั้น ที่แท้ก็เพราะเหตุผลนี้นี่เอง
“ตะ...แต่ฉันไม่อยากท้องลูกของนาย ฉันเป็นผู้ชายนะเว้ย ไม่ใช่ผู้หญิง ท้องไม่ได้”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับชาวยูนิกม่า” คีธว่าเนือยๆ ก่อนหูตาจะแพรวพราวขึ้นมา “อยู่ที่ว่านายจะยอมหรือเปล่าก็เท่านั้น”
คะ...ใครจะไปยอมมึงเล่า! ไม่เอาหรอกเว้ย กูอยากเป็นพ่อ ไม่อยากเป็นแม่!
แต่จะตอบรับหรือปฏิเสธ หนทางให้ผมเดินก็มีเพียงทางเดียวเพราะคีธมันออกแรงลากผมอีกครั้งไปแล้ว รู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ในเต็นท์กับมันแล้วเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่ผมจะเบิกตาโบกเมื่อมันจัดการดึงผ้าเช็ดตัวจากร่างตัวเองออก เข้ามาผลักผมให้นอนราบแล้วโถมตัวขึ้นคร่อมผมเอาไว้
“มาขยายพันธุ์กันกวินทร์”
ขยายป้ามึง! กูไม่เอาด้วยหรอกนะโว้ย!

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
อรั้ยยยยยยย ในที่สุดก็จะป่องแบ้วจินะคะ :hao6:

เอ หรือว่ายัง?

ป่องเตอะ พลีสสส :impress2:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
มาแล้ววววววววววววววววววววววววววว  ^.^

สารภาพว่า รีเฟรชรอ - -"

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
อยากจุดธูปอันเชิญ NC จัดเต็มตอนหน้าจริงๆ

เพี้ยงงงงงง ขอให้ได้ ขอให้โดน

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
กระซิบบอกเลยแล้วกันค่ะว่า NC จัดเต็มมาตอนที่ 21 นะคะ ตอนหน้านี่แค่ลูบๆคลำๆชวนสยิวกิ้ว อิอิ //โดนตบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
เดี๋ยววววว F5 รัววววๆๆๆ

ออฟไลน์ Candy CAT

  • ชิบหาย!!!........ไปหมดแล้วสมงสมองกู- -''
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อัพแล้วววว เย้ บอกเลยว่ามารอทุกวันค่ะ :-[ :-[

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
อัญเชินตอนนี้ได้ไหม.....

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
แบบนี้เรียกว่าแรงแบบซื่อๆมั้ง  :m20:

ออฟไลน์ มะม่วงแรด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอมเพี้ยงงง ขอให้ได้ ขอให้โดน ป่องไปเล้ย

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เอากันเลยๆๆๆ  :hao6: :hao6: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ริชาร์ด...นายเมากัญชาใช่ไหมถึงทำอะไรแบบนั้นน่ะ ฮ่าๆๆๆ

อ้ายยย จัดไปหนูคีธนุงกวินทร์จะได้เลิกฟุ้งซ่านสักที เอิ้กๆ :hao7:

ออฟไลน์ Nam-Ing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่น้องไบโทปนี่แรดเงียบจัง โอ้ยยยยยหมั่นไส้ๆๆๆๆ :m16:

รอncนะคะ>< :hao7: :hao6:

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ได้ลูกๆๆ :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
เห้ยยยย ตัดฉับเลยอ่า กำลังลุ้นนนนน   :ling2:

รีบมาต่อนะค้าบบบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
จะบอกว่านิยายแปลกและแหวกมากแต่เราชอบนะ :mew1:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 19: Making a baby[1]
ผมตั้งท่าจะแหกปากร้องบอกให้คีธที่คร่อมร่างผมอยู่หยุดความคิดที่จะขยายพันธุ์บ้าๆ กับผมสุดเสียง ผมรู้ว่าการร้องบอกไปมันคือการเสียน้ำลายเปล่าเพราะหน้าด้านอย่างมัน ยังไงมันก็ไม่หยุด แต่ถึงจะไม่หยุด อย่างน้อยๆ เสียงผมก็ทำให้คนอื่นในกองถ่ายตื่นได้ และถ้าทุกคนตื่น นั่นก็หมายความว่าผมก็รอดจากความหื่นกามของไอ้มนุษย์ต่างดาวโฮโมฯ ตรงหน้าได้เหมือนกัน
หากแต่ไม่ทันจะได้ตะโกน คีธก็เอามือมาปิดปากผมไว้แน่นเสียแล้ว ไม่ว่าผมจะพยายามส่งเสียงแค่ไหนก็มีเพียงเสียงอู้อี้เท่านั้นที่เล็ดลอดออกมา และมันก็ไม่ใช่เสียงดังพอที่จะทำให้คนอื่นได้ยินด้วย เท่านั้นความหวังที่มีอยู่ริบหรี่อยู่แล้วก็ริบหรี่ลงกว่าเก่าทันตา
ไม่สิ เรียกว่าหายวับไปเลยดีกว่า นี่มึงจะขยายพันธุ์จริงๆ ใช่มั้ย!?
“เสียวดังหรือเสียวเบาก็ไม่ได้กวินทร์ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน”
กูไม่ได้อยากจะเสียวกับมึงเลย! กูจะร้องให้คนช่วยต่างหากโว้ย!
ในเมื่อส่งเสียงร้องไม่ได้ ผมก็ใช้มือทั้งสองข้างระดมทุบมันให้มันลุกออกจากตัวผมไปแทน แน่นอนว่าผมขยับตัวไม่ได้เพราะถูกมันทับไว้อยู่ ทว่าการทุบก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกันเมื่อมันใช้มือข้างที่ยังว่างกระชากเสื้อผมออกจากตัว
ขอเน้นคำว่า กระ-ชาก! กระชากแบบฉีกแหวกขาดครึ่งกลางลำตัวเลย ถึงจะเป็นเสื้อยืด แต่เสื้อกูก็แบรนด์เนมนะเว้ย! มึงจะถนอมข้าวของหน่อยได้มั้ย!
ไม่เพียงแค่เสื้อ กางเกงก็ไม่เหลือ กางเกงในไม่ต้องพูดถึง ไอ้เวรคีธกระชากขาดหมดเกลี้ยง มึงนี่มันบ้าพลังจริงเลยเว้ย!
“ผูกพันกับฉัน ฉันจะดูแลนายไปชั่วชีวิต” ผมพรั่นพรึงมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินประโยคนี้ดังขึ้นข้างหูขณะที่ตัวเองอยู่ในสภาพเปล่าเปลือยไม่ต่างจากคีธ
ผมรีบส่ายหน้ายิกเพราะไม่ต้องการให้มันเป็นเจ้ากรรมนายเวรไปตลอดชีวิตด้วยผมรู้มาจากอาแปะลีโอนาร์โดว่าถ้าชาวยูนิกม่าผูกพันกับใคร ชาวยูนิกม่าจะดูแลอีกฝ่ายไปชั่วชีวิต และผมก็ไม่ได้ต้องการแบบนั้น ผมมองหน้าคีธผ่านความมืดอย่างหวาดหวั่น แสงไฟสลัวจากภายนอกที่ส่องเข้ามาทำให้ผมพอมองเห็นเล็กน้อยว่าบัดนี้คีธทำหน้ายังไง
มันจะทำหน้ายังไงล่ะ มันก็ทำหน้าตายแต่สายตานี่หื่นกระหายน่ะสิ! เจ้าป่าเจ้าเขา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในอเมริกาได้โปรดช่วยลูกช้างด้วย!
สงสัยซูเปอร์เนเจอร์รัลของอเมริกาจะไม่ขลัง พออธิษฐานในใจเสร็จ คีธมันก็ซุกปลายจมูกโด่งลงมายังซอกคอผมทันใด ก่อนที่มันจะระดมจูบไปทั่ว ผมเกร็งสุดตัว พยายามผลักไสเมื่อเห็นว่ามันร่นต่ำไปยังยอดอกผมแล้วกลืนกินโดยไม่ถามความสมัครใจของผมสักคำ แถมครั้งนี้ยังต่างจากครั้งแรกและครั้งที่สองในห้องแต่งตัวที่มันเคยทำกับผมแบบนี้อีก ที่ต่างก็เรื่องของความรุนแรงหนักหน่วงนี่แหละ
ถึงจะรู้สึกดี ตะ...แต่ว่า...มึงจะหื่นไปไหนเนี่ยบักคีธ! ถามความสมัครใจกูมั่ง แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี่อะไรยังไง กูขอให้ช่วยให้รอดพ้นจากไอ้เวรคีธ ไม่ได้ขอให้มันลงมือเร็วขึ้น! ให้ตายเถอะ ได้ตกเป็นเมียมันจริงๆ แน่
พอคีธวุ่นวายกับยอดอกผมจนหนำใจ ก็เลื่อนใบหน้าขึ้นมาประทับจูบบนแก้มผมทั้งๆ ที่มือมันยังคงปิดปากผมอยู่อย่างนั้น ก่อนมันจะเลื่อนฝ่ามือข้างที่ลูบเค้นแผ่นอกผมไปมาลงต่ำไปจับโคนขาด้านใน สัมผัสอุ่นร้อนจากฝ่ามือทำเอาผมกระตุกวูบ แล้วก็กระตุกหนักมากขึ้นเมื่อมันเลื่อนไปอยู่ในจุดที่ไม่สมควร ความกำหนัดและไอร้อนระอุแล่นพล่านไปทั่วกายผมในตอนนี้ ผมรู้เลยว่าร่างกายไม่ใช่ของผมอีกต่อไปแล้ว จากที่ขัดขืนๆ อยู่ในตอนแรก ผมก็ระทวยไปตามการลูบไล้จนได้กระทั่งเผลอครางฮืมออกมา
คีธกดฝ่ามือที่ปิดปากผมอยู่มากขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงให้ผมเบาเสียง ทว่ามืออีกข้างของมันกลับเร่งเร้าให้ผมต้องส่งเสียงดังกว่าเดิมเสียอย่างนั้น บอกตรงๆ ว่ามันโคตรจะเป็นช่วงเวลาที่ทรมานเลย
มะ...ไม่ไหวแล้ว...
คำนี้ดังขึ้นในหัวผมครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อถูกกระตุ้นอย่างหนักหน่วง ไม่นาน ผมก็แอ่นตัวเกร็งพร้อมกับความรู้สึกว่างเปล่าในหัว คีธละมือออกจากส่วนอ่อนไหวที่ค่อยๆ เอนอ่อนลง ก่อนคลายมือที่ปิดปากผมอยู่ออกเมื่อเห็นว่าผมที่กำลังหายใจหอบโยนอยู่หายใจไม่ถนัด
“ดีมั้ย” แล้วมันก็ถามเสียงพร่า
ผมรู้สึกตัวก็ในวินาทีนี้ว่าเผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับมันอีกแล้ว ก่อนจะรีบผลักมันออก
“ยังมีหน้ามาถามอีก!” ว่าจบ ผมก็ผุดลุกขึ้นนั่ง ตั้งใจจะรีบออกจากที่นี่ไปให้เร็วที่สุด
แต่คีธไม่ยอมให้ผมไป แค่เห็นผมดันตัวขึ้น มันก็กดผมลงมาอีกครั้งก่อนจะประกบปากจูบผมอย่างถือวิสาสะ
“มีลูกกันเถอะกวินทร์”
ผมใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มทันทีที่ได้ยินมันกระซิบบอก พลันความทรงจำเรื่องการขยายพันธุ์ของมนุษย์ต่างดาวประเภทเดียวกับคีธก็แล่นพล่านเข้ามาในหัว ถ้าผมจำไม่ผิดเหมือนคีธจะเคยบอกว่าการสืบพันธุ์ของชาวยูนิกม่าทำได้โดยการวางไข่ ซึ่งการวางไข่น่ะมันมีสองแบบ แบบแรกก็อย่างที่รู้กันว่าเป็นการวางไข่เพื่อสร้างร่างใหม่ ส่วนแบบที่สองเป็นการวางไข่เพื่อสร้างทายาทที่ไข่จะต้องผ่านการปฏิสนธิกับน้ำเชื้อ
ผ่านการปฏิสนธิกับน้ำเชื้อ... เดี๋ยวนะ มันจะผ่านยังไงวะก็ในเมื่อมันวางไข่ผ่านทางปาก ส่วนน้ำเชื้อก็ไม่ได้สังเคราะห์ออกมาจากทางปาก แต่เป็นทาง... ยะ...อย่าบอกนะว่าพอผูกพันกับมันเสร็จ มันก็จะวางไข่ใส่ผมพร้อมกับน้ำ...
วะ...เวรแล้ว! คลื่นไส้ฉิบหาย! กูไม่เอาด้วยหรอกนะเว้ย!
คิดแค่นี้ ผมก็รีบโวยวายทันใด
“ไม่เอาเว้ย! ไม่มีลูก ไม่วางไข่ ไม่ผูกพันอะไรทั้งนั้น หยุดความคิดของนายเดี๋ยวนี้! อุ๊บ!”
“อย่าเสียงดังสิกวินทร์ เดี๋ยวคนอื่นก็ตื่นกันหมดพอดี” คีธยกมือมาปิดปากผมทันควันขณะที่มืออีกข้างจับขาข้างหนึ่งของผมยกขึ้นเป็นสัญญาณให้รู้ว่ามันคิดจะทำอะไรในขั้นต่อไป
ผมดิ้นประหนึ่งไส้เดือนถูกน้ำร้อนลวก ไม่ยอมให้มันฝังร่างลงมาง่ายๆ ปากก็ยังคงก่นด่ามันไปด้วยแม้ว่าจะมีเพียงเสียงอู้อี้เท่านั้นที่เล็ดลอดออกมาก็ตาม ผมไม่เคยอยากจะร้องไห้ตอนก่อนมีเซ็กส์เลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้ขอเถอะ ไม่ไหวจริงๆ ว่ะ ความรู้สึกเหมือนจะถูกข่มขืนเป็นยังไง รู้ได้ในตอนนี้นี่แหละ
และเพราะผมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คีธก็เลยหยุดชะงัก มองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะวางขาผมลงกับพื้นเหมือนเดิม พร้อมกับถอยออกจากร่างผมและปล่อยมือออกจากปากให้ผมเป็นอิสระ
“ถ้านายยังไม่พร้อม ฉันก็จะไม่บังคับ”
มึงสมควรจะรู้ตั้งแต่ตอนที่ฉุดกูเข้ามาในเต็นท์แล้วว่ากูไม่พร้อม! แล้วก็ไม่เคยพร้อมด้วย มีแต่มึงนี่แหละที่คิดว่ากูพร้อมไปเองคนเดียวน่ะ!
“ไอ้เวร...” ผมกัดฟันกรอด มองหน้ามันอย่างขุ่นแค้นที่เสียทีให้มันเป็นครั้งที่สอง
หากแต่คีธไม่สะทกสะท้าน ดึงผมเข้าไปจูบเสียอย่างนั้น
“ฉันจะรอจนกว่านายจะพร้อม ลูกของเราจะได้เกิดมาโดยความเต็มใจของเราทั้งคู่” จูบเสร็จมันก็ว่าเสียงเรียบ
มึงอย่าคิดเองพูดเองคนเดียวสิวะ!
ผมผลักมันออกทันใด พอเห็นรอยยิ้มมุมปากของมันแล้ว ผมก็ต้องรีบหลบสายตา
มึงนี่แม่ง... ทำให้กูใจเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว
“ฉันจะกลับไปนอน” ผมตัดบทเอาดื้อๆ ควานหาเสื้อผ้าตัวเองขึ้นมาสวม แล้วก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของผมขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี
“นอนกับฉันที่นี่ก็ได้นะ เช้าแล้วค่อยบอกให้ริชาร์ดเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ของนายมาให้” คีธว่าขึ้นมาทันใด ผมหันขวับไปมองก็เห็นแววตาเจ้าเล่ห์ประกายวาวอยู่ ผมรู้เลยว่าถ้านอนกับมันที่นี่ รับรองว่าผมได้มีลูกกับมันจริงๆ แน่
“ไม่ต้องมาพูดดี เอาผ้าเช็ดตัวนายมา ฉันจะกลับแล้ว”
คีธเลิกคิ้วเล็กน้อย ยอมส่งผ้าเช็ดตัวที่วางกองอยู่ใกล้ๆ มาให้ผมอย่างง่ายดาย ผมกระชากมาถือแล้วรีบเอาพันตัว ก่อนจะพุ่งออกมาจากเต็นท์ ถึงจะไม่อยากนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินกลางป่าแบบนี้แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยๆ การชิงผ้าเช็ดตัวของคีธมา มันก็ประกันให้ผมได้ว่าหมอนั่นคงจะไม่ตามออกมาอีกระลอกแน่ ถ้ามันออกมาก็ต้องแก้ผ้าโทงๆ นั่นแหละ
แต่ก็ไม่แน่แฮะ หน้าด้านอย่างมัน แค่แก้ผ้าเดินโทงเทงแค่นั้น มันคงจะไม่สะทกสะท้านหรอก
ทว่าผมก็ไม่หยุดคิดอีกต่อไป รีบโผล่หน้าออกจากเต็นท์ คีธก็ไม่ยอมปล่อยให้ผมไปง่ายๆ อยู่ดี คว้าแขนผมเอาไว้แล้วว่าขึ้น
“ฉันอยากผูกพันกับนายนะกวินทร์ อยากให้นายเป็นโฮสต์ให้ตลอดไป”
ความร้อนวาบแล่นปราดไปทั้งร่างผมอีกครั้ง ผมหันไปมองสีหน้านิ่งเรียบของมันที่ดูยังไงก็ดูไม่ออกเลยว่าที่มันพูดมาเมื่อกี้แค่พูดเฉยๆ หรือจริงจัง แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันก็ทำให้ผมใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ได้สติอีกครั้งก็รีบสะบัดมือมันออก แล้วออกมาจากเต็นท์อย่างไวโดยไม่หันกลับไปมองอีกแม้แต่น้อย
มะ...มึงก็มาสารภาพรักอะไรแบบนี้ กูหวั่นไหวไปหมดแล้วเนี่ย...
 
หลังจากออกมาจากเต็นท์ของคีธ ผมก็ไม่ได้กลับไปที่เต็นท์พยาบาลในคืนนั้นแต่กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เต็นท์ซึ่งเดิมทีเป็นที่ซุกหัวนอนของผมกับริชาร์ดแทน เพราะรู้ว่าริชาร์ดคงจะอยู่กับแอสตัน และที่สำคัญ ผมก็ไม่อยากจะเข้าไปรับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างสองคนนั้นด้วย แค่ภาพที่เห็นกับเสียงที่ได้ยินก็ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบาย ผมก็รู้
แม่ง ตอนแรกก็แค่ล้อริชาร์ดเล่นๆ ว่าแอสตันเป็นผัวมัน ไม่รู้เป็นไงมาไงถึงได้เป็นจริงๆ ซะได้ ผมนี่ถึงกับปวดหัวหนึบเลย และก็เดาได้เลยว่าที่ริชาร์ดมันยอมให้แอสตันกินหัวกินหางอย่างนั้น แอสตันจะต้องพูดอย่างที่คีธพูดกับผมแน่ๆ
ประเด็นก็คือ... ทำไมริชาร์ดมันถึงยอมง่ายๆ อย่างนั้นวะ หรือว่าจะยอมตั้งแต่ตอนที่สะโพกครากแล้ว? ที่สำคัญ ริชาร์ดมันเป็นเกย์จริงๆ เหรอวะ ปกติมันก็ไม่เคยแสดงท่าทางออกมาว่าจะชอบผู้ชายด้วยกันเลยแม้แต่น้อยนี่หว่า แถมมันก็ขยันซื้อถุงยางมาเก็บไว้ที่ห้องด้วย หรือมันจะไม่ได้เอาไว้ใช้เอง แต่ให้คนอื่นเอาไว้ใช้กับมัน? โอ๊ย! อะไรวะเนี่ย!
คิดไปคิดมาก็ชักจะปวดหัว ผมพยายามไม่คิดวุ่นวาย ข่มตาหลับตลอดทั้งคืนแต่ก็หลับไม่ลงเลยแม้แต่วินาทีเดียว พอฟ้าสางถึงจะยอมออกจากเต็นท์นั้นไปยังเต็นท์เปิดโล่งหลังใหญ่สำหรับทำงาน ผมแทบจะเป็นคนแรกที่ไปถึงที่นั่นด้วยตั้งใจว่าจะไปตั้งสติก่อนจะเจอหน้าริชาร์ดเพราะผมยังไม่รู้ว่าถ้าเจอหน้ามันแล้วควรจะทำหน้ายังไงดี รวมถึงตอนเจอไอ้หน้ามนุษย์ต่างดาวสองตัวนั่นด้วย
ก็ผมควรจะทำหน้ายังไงล่ะ มารู้ว่าเพื่อนตัวเองกับมนุษย์ต่างดาวได้เสียกัน แถมยังถูกมนุษย์ต่างดาวอีกตัวพยายามจะจับผมทำแม่พันธุ์อีก ผมคงจะต้องยิ้มระรื่นยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นมั้ง!
แต่ถึงจะมาตั้งหลักเป็นคนแรก พอถึงเวลาทำงานและเจอหน้าริชาร์ด แอสตันกับคีธ ผมก็ทำหน้าไม่ถูกอยู่ดี โดยเฉพาะยามเจอหน้าคีธ ผมเลี่ยงที่จะไม่มองหน้ามันขณะที่มันเอาแต่จ้องหน้าผมนิ่งตลอดเวลาที่ผู้กำกับวิลล์นัดแนะเรื่องฉากที่จะถ่ายทำในวันนี้ กระทั่งมันถูกไล่ให้ไปแต่งหน้าแต่งตัวที่เต็นท์อื่น ผมถึงหายใจได้โล่งคออีกครั้ง
หากแต่พอแอสตันกับคีธไป ก็กลายเป็นริชาร์ดแทนที่แสดงท่าทางกระสับกระส่ายออกมา ผมมองก็รู้เลยว่ามันอึดอัดที่ต้องประจันหน้ากับผมอย่างนี้ โดยเฉพาะในตอนที่ผมกับมันต้องนั่งเช็คคิวนักแสดงและสตั๊นแมนที่จะเข้าถ่ายทำในฉากที่ต้องใช้เอฟเฟ็กต์ระเบิดร่วมกันด้วย มันก็ยิ่งแสดงท่าทางกระอักกระอวลออกมามากจนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้
ก็แน่ล่ะ กูเป็นคนเห็นมึงผสมพันธุ์กับไอ้แอสตันนี่ มึงนั่นแหละที่สมควรอาย ไม่ใช่กู!
“เอ่อ...เควิน” และเพราะนั่งกันอยู่ตั้งนานแต่ผมไม่ยอมพูดอะไร ริชาร์ดก็เลยทำลายความเงียบขึ้นมา
ผมเหลือบมองมันเล็กน้อย พลันซดกาแฟจากแก้วที่ถืออยู่ในมืออย่างไม่ใส่ใจ รอดูเชิงว่ามันจะทำยังไงต่อไปถ้าผมไม่พูดกับมันต่อยอย่างนี้ ให้เดานะ มันจะต้องแก้ตัวเรื่องมันขยายพันธุ์กับแอสตันแล้วผมดันตื่นมาเห็นแน่ๆ
“เรื่องเมื่อคืนน่ะ คือว่า...”
“นายเป็นเมียแอสตัน ฉันรู้แล้ว” ผมขัดขึ้นพลางปรายตามองมันอย่างระอา เห็นมั้ย ผมเดาผิดเสียที่ไหน คนอย่างมันน่ะ ถ้าถูกจับได้ว่าทำผิดอะไรมา มันจะต้องรีบแก้ตัว
ทว่าผิดคาด ริชาร์ดไม่แก้ตัว แต่ก้มหน้างุดพร้อมกับใบหน้าที่แดงเรื่อขึ้นมา ก่อนจะว่าออกมาเบาๆ ประหนึ่งเขินอาย
“ระ...เรียกว่าคู่หูจะดีกว่า อย่าเรียกว่าเมียเลย มันฟังดูแปลกๆ”
ผมนี่เบ้หน้าไปเลย โถ...ไอ้ริชาร์ด! มึงไม่ต้องมาคู่หูจะดีกว่าเลย! โดนกินหัวกินหางอย่างนั้น มึงเป็นเมียมันแล้ว! อย่ามาทำกระแดะ กูขยะแขยง!
ผมละแก้วกาแฟออกจากริมฝีปาก หันไปจ้องหน้ามันนิ่งๆ ก่อนจะถามเสียงเครียด
“ถามจริงๆ นะริชาร์ด ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเรื่องของนายกับแอสตันเนี่ย ใช่ตอนที่ฉันทักนายว่าสะโพกครากหรือเปล่า”
ริชาร์ดชะงัก เหลือบมองหน้าผมเล็กน้อยแล้วพยักหน้ารับช้าๆ
“ไปยังไงมายังไงวะเนี่ย” ผมถึงกับพึมพำออกมาด้วยไม่อยากจะเชื่อหู
“วันนั้นแอสตันบังคับฉันน่ะ ฉันก็พลาดเองที่เผลอใจ มันก็เลยเลยเถิดมาอย่างที่นายเห็นนี่ไง” ริชาร์ดว่าอ้อมแอ้มพลางก้มหน้าราวกับสำนึกผิด แต่ไม่... มันไม่ได้สำนึกผิด มันแค่ซ่อนหน้าแดงๆ ไม่ให้ผมเห็นเท่านั้น
ผมมองแล้วก็แทบอยากจะสาดกาแฟในแก้วใส่มันสักที แหม ทีตอนกูถามล่ะทำเป็นบอกปวดหลัง ถ้ากูเป็นผู้หญิง แล้วมึงก็เป็นผู้หญิง กูจะด่ามึงว่าตอแหลดังๆ สักที!
“งั้นถามอีกอย่างนะ ตกลงนายเป็นเกย์เหรอวะริชาร์ด ทำไมฉันไม่เคยรู้เลยวะ” ผมถามคำถามนี้ออกไปด้วยติดใจสงสัยเต็มทน
ริชาร์ดเงยหน้าขึ้นมองผมในตอนนี้แล้วส่ายหน้ารัว
“ไม่ได้เป็นหรอก ฉันก็ชอบผู้หญิงนี่แหละ แต่พอมาเจอแอสตัน ฉันก็เริ่มเปลี่ยนใจน่ะ แอสตันก็...น่ารักดี ฉันเลยคิดว่าฉันน่าจะเป็นไบฯ มากกว่าเกย์นะ ได้ทั้งชายทั้งหญิงแบบนี้น่ะ”
อะไรที่มึงว่ากูไว้นี่เข้าตัวมึงหมดเลยนะ แถมก่อนหน้าก็มาทำเป็นไล่แอสตันอย่างโน้นอย่างนี้ ปฏิเสธคอเป็นเอ็นว่าไม่ได้ชอบ ไม่ได้เป็นอะไร กูละสายตาแป๊บเดียว มึงเป็นเมียมันไปแล้ว ไอ้วัตถุไวไฟเอ๊ย!
ผมเบ้ปากเป็นเลขแปดทันทีที่ฟังริชาร์ดพูดจบ ถ้าไม่เกรงใจ แม่งจะเบ้เป็นเลขแปดไทยด้วย เลขแปดอารบิกมันน้อยไป จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องของผมหรอกที่ริชาร์ดจะไปนอนกับใครที่ไหน จะมีรสนิยมทางเพศยังไง หรือจะมีผัวมีเมียเป็นใคร ก็นี่มันชีวิตของมัน ให้มันตัดสินใจเอง และผมก็ไม่อยากจะใส่ใจเท่าไหร่ด้วยเพราะแค่เรื่องของตัวเองก็ปวดหัวแย่อยู่แล้ว
และริชาร์ดก็ทำให้ผมเครียดว่าเดิมเมื่อมันเป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้าง
“ว่าแต่นายเถอะ เมื่อคืนออกไปกับคีธแล้วไม่ได้กลับเข้ามานี่ไปทำอะไรกัน”
“ไม่ได้ทำอะไร” ผมรีบตอบทันใด
ริชาร์ดหรี่ตามองอย่างจับผิด พลันว่าออกมายิ้มๆ
“ไม่ได้ทำอะไรแน่เร้อ ฉันรู้มาจากแอสตันว่าคีธก็คิดที่จะผูกพันกับนายเหมือนกัน สองคนนั้นก็เลยมาหาพวกเราที่เต็นท์ ไม่ใช่ว่านายเองก็ผูกพันกับคีธ เป็นเมียหมอนั่นไปแล้วหรอกเหรอ”
“ไม่ได้เป็นเว้ย แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรกันอย่างที่นายทำกับแอสตันด้วย” ผมว่าเสียงขุ่น หากแต่ริชาร์ดไม่ยอมเชื่อ
“ไม่ได้ทำอะไรกัน แต่หายไปกันทั้งคืนแบบนี้ ฉันว่าอย่างน้อยๆ คีธก็พานายไปเที่ยวสวรรค์ว่ะ เป็นไงล่ะพ่อเพลย์บอย ถนัดพาคนอื่นไปเที่ยวสวรรค์นัก พอมาโดนเองแล้วปลื้มปริ่มมั้ยล่ะ”
ผมมองค้อนขวับทันใดที่มันดันรู้ทัน สงสัยมันก็เคยถูกแอสตันทำแบบนี้มาก่อนแน่ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าเก็บเรื่องน่าอัปยศไว้เป็นความลับให้ลึกสุดใจ ก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นสูงเป็นเชิงขู่ว่าถ้ามันพูดอีก จะสาดใส่หน้าให้ มันเลยรีบยกมือห้าม
“หุบปากไปเลย” ผมว่าเสียงเขียวตบท้าย ใบหน้าพลันตึงเครียดขึ้นมาให้ริชาร์ดได้ทัก
“ไม่เห็นต้องทำหน้าเครียดเลยนี่หว่า เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ นายก็รู้ไม่ใช่เหรอ แค่เปลี่ยนจากผู้หญิงเป็นผู้ชายก็เท่านั้น”
“ขอเลยว่ะริชาร์ด หยุดพูดเลย ปวดหัวว่ะ แค่ไอ้คีธคนเดียวก็ปวดหัวมากพอแล้ว อย่ามาทำให้ฉันปวดหัวเพิ่มขึ้นอีก”
“ปวดหัวเพราะคีธ? ปวดหัวเรื่องอะไรวะ เรื่องขอผูกพัน?” ริชาร์ดยังไม่ยอมหยุด ผมเลยตอบส่งๆ ไปให้จบๆ
“เออสิ ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น มีอย่างอื่นด้วย”
“ขอมีลูกด้วยล่ะสินะ” ริชาร์ดว่าอย่างรู้ทัน ก่อนหัวเราะออกมา
มันก็คงจะถูกแอสตันขออย่างนี้เหมือนกันล่ะมั้งผมว่า ผมไม่ได้สนใจจะถามมันนักเพราะจู่ๆ ผมก็ปวดขมับขึ้นมาฉับพลันนึกถึงประโยคที่คีธพูดกับผมเมื่อคืนขึ้นมาได้กะทันหัน
‘มาขยายพันธุ์กันกวินทร์’
‘มีลูกกันเถอะกวินทร์’
เหอะ ขยายพันธุ์ มีลูกบ้าบออะไร ใครจะยอมให้มันกดกัน!
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวหนัก ปวดหัวไม่เท่าไหร่ เครียดมากกว่า ก่อนจะหันไปหาริชาร์ดที่นั่งเงียบไปแล้ว พลันว่า
“ขอบุหรี่สักตัวสิ”
ริชาร์ดทำหน้าแปลกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ ผมก็มาขอบุหรี่มันเพราะมันรู้ว่าถ้าไม่ใช่เวลาปาร์ตี้หรืองานสังสรรค์ ผมแทบจะไม่แตะของจำพวกนี้เลย ก็ผมไม่ได้ติดอย่างมันนี่นา แค่ดูดเพิ่มความสนุกเวลามันส์ๆ เท่านั้น แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ดูดเอาสนุก ทว่าจะเอามาดูดระบายความเครียดกับคำพูดของคีธต่างหาก
ริชาร์ดทำหน้าสงสัยแค่แป๊บเดียวก็จัดการล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะดึงซองบุหรี่ที่ยัดไส้กัญชาอย่างดีพร้อมกับไฟแช็กส่งมาให้ผมทั้งหมด ผมมองแล้วก็ย่นคิ้วทันใด
“เอาแค่ตัวเดียวพอ”
“นายเอาไปเถอะ ฉันจะเลิกดูดแล้ว”
คำพูดของมันทำให้ผมย่นคิ้วหนักขึ้นไปอีก ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดนี้ออกมาจากปากไอ้ขี้ยาอย่างมัน ตั้งแต่รู้จักกันมา เห็นว่างทีไรมันก็พี้กัญชาตลอด ทำไมจู่ๆ ถึงจะเลิกเอากะทันหันนะ
หากแต่ผมไม่ต้องเอ่ยปากถาม เพียงแค่ส่งสายตาสงสัยไปให้ ริชาร์ดก็ออกปากอธิบายขึ้น
“ฉันคุยกับแอสตันว่าจะตั้งท้องลูกของเราน่ะ แอสตันก็เลยขอให้ฉันเลิกดูดบุหรี่เพื่อสุขภาพตัวเอง แล้วก็ของลูกด้วยตอนฉันท้อง”
ผมฟังแล้วก็อ้าปากค้างไปเลย
ไอ้ริชาร์ด! มึงถูกไอ้มนุษย์ต่างดาวนั่นล้างสมองไปแล้ว!

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 19: Making a baby[2]

“อะ...เอาจริงดิ?” ผมถามอย่างไม่เชื่อหูเท่าไหร่นัก
ริชาร์ดพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่แก้มของมันจะเจือสีแดงๆ ขึ้นมาขณะขยับปากพูด
“จริง ฉันวางแผนกันแล้ว เราจะสร้างครอบครัวกัน”
มึงยังเรียนไม่จบเลยนะไอ้ริชาร์ด มึงเพิ่งจะปีหนึ่งนะเว้ย! ถึงจะเป็นปีหนึ่งปริญญาโทก็ดเถอะ แต่แค่มึงถูกผัวง้อเมื่อคืนนิดเดียว มึงเป็นไปได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ มะ...มึงนี่มันแรดจริงๆ ไอ้เจ๊กใจแตก!
ผมตบเข้าที่หน้าของมันไม่แรงนักทีนึง ริชาร์ดมองหน้าผมอย่างหงุดหงิดทันควัน
“ตบทำไมเนี่ย”
“ตบเรียกสติ” ผมว่า “นี่นายเอาจริงแน่เหรอวะ”
พอถูกถามขึ้นมาอีก ริชาร์ดก็พยักหน้า
“ถ้าไม่เอาจริงแล้วจะพูดทำไมวะ”
ผมไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าความสิ้นคิดของมันต่อเลย ได้แต่ลูบหน้าลูบตาอย่างเหนื่อยใจเท่านั้น จนมันต้องรีบโพล่งขึ้นเมื่อเห็นผมทำท่าเหมือนพ่อที่ลูกสาวมาบอกว่าตั้งท้องกับแฟนหนุ่มไม่มีผิด
“เฮ้ย ไม่ต้องห่วงน่า มีลูกกับพวกมนุษย์ต่างดาวนี่มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แอสตันบอกว่าตอนคลอดก็เหมือนกับตอนคลอดแอสตันนั่นแหละ เพียงแต่คลอดออกมาเป็นทารกเท่านั้น ตอนวางไข่ก็ทำเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ไม่ต้องห่วง”
กูไม่ได้ห่วงมึงเว้ย กูแค่ระอากับความใจง่ายของมึง!
“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่คลอดทางไหนหรือวางไข่ทางไหนเว้ย มันอยู่ที่ตอนไข่ไอ้มนุษย์ต่างดาวนั่นปฏิสนธิกับน้ำเชื้อต่างหาก นายไม่รู้เหรอวะว่าเวลาพวกมันสร้างทายาทกัน ไข่จะต้องผสมกับน้ำเชื้อ” ผมว่ารัวให้ริชาร์ดพยักหน้ารับ
“รู้ แอสตันบอกแล้ว”
“นายรู้แล้วยังจะยอมให้มันวางไข่ที่ผสมกับน้ำเชื้ออีกเหรอวะ” ผมถามออกไปตรงๆ ทันใด
“นี่นายคิดว่าถ้าจะท้องลูกของแอสตัน ฉันจะต้องให้แอสตันวางไข่แล้วก็กินไอ้นั่นตามลงไปใช่มั้ย”
‘ไอ้นั่น’ ที่ว่าก็คือน้ำเชื้อนั่นแหละ
ผมพยักหน้า ริชาร์ดถึงกับหลุดหัวเราะลั่นออกมา
“เฮ้ย มันไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด ไข่ที่ผสมกับน้ำเชื้อน่ะมันไม่ได้ผสมกันแบบนั้น แต่พวกยูนิกม่าจะสามารถผสมไข่ในร่างกายตัวเองก่อนได้แล้วค่อยวางไข่ใส่อีกฝ่าย มันไม่ใช่หนังโป๊แนวสัตว์ประหลาดนะเว้ย อย่าคิดไปไกล”
ไม่อยากจะบอกเลยว่าได้ยินอย่างนี้แล้วผมก็โล่งใจทันควัน ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดไว้ในตอนแรกล่ะก็นะ บอกเลยว่าชาตินี้ทั้งชาติ ผมจะไม่ยอมพลาดท่าเสียทีให้มนุษย์ต่างดาวหน้าไหนอีกแน่
“ถ้าเป็นอย่างที่นายพูด แล้วมันจะมามีอะไรกับนายทำไมวะ แค่วางไข่ไปให้จบๆ ก็ท้องได้แล้วไม่ใช่หรือไง” ความสงสัยของผมยังไม่หมดแค่นี้ จริงๆ ผมก็รู้แหละว่าการผูกพันมันเป็นเหมือนการทำสัญญาว่าชาวยูนิกม่าจะดูแลอีกฝ่ายไปจนตาย แล้วก็เป็นเครื่องหมายของการเป็นแม่พันธุ์ให้กับมัน
แต่ถ้ามันวางไข่สร้างทายาทอย่างที่ริชาร์ดบอกได้ ทำไมมันจะต้องมาผูกพันอะไรด้วยวะ ยุ่งยากชะมัด
“ใช่ การวางไข่ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการของเราก็ทำให้ตั้งท้องได้ แต่การผูกพันก่อนการวางไข่มันเป็นการสาบานของชาวยูนิกม่าว่าจะจงรักและภักดีต่ออีกฝ่ายจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และเป็นการแสดงความรักของชาวยูนิกม่า ที่สำคัญ มันเป็นการตีตราไว้ว่าคนที่ชาวยูนิกม่าผูกพันด้วยคือคนที่ชาวยูนิกม่าอยากจะได้เป็นแม่พันธุ์”
ประโยคนี้ริชาร์ดไม่ได้ตอบ แต่เป็นแอสตันที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วที่เดินมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้เป็นคนตอบ พอผมกับริชาร์ดหันไปมอง ไม่แปลกใจเท่าไหร่นักที่เห็นหมอนี่มาปรากฏตัวตรงนี้เพราะฉากแรกที่ถ่ายทำ ไม่ใช่ฉากที่หมอนี่จะต้องออกโรง แต่เป็นฉากของคีธ ก่อนที่แอสตันจะยิ้มกว้างแล้วพูดต่อเมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“ปกติแล้วชาวยูนิกม่าไม่ผูกพันกับใครง่ายๆ นะ ชีวิตหนึ่งของชาวยูนิกม่าจะผูกพันกับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะมันหมายความว่าเราจะต้องดูแลคนที่เราผูกพันด้วยไปจนกว่าอีกฝ่ายจะตายจาก พอเบนลิโอมาขอให้ฉันผูกพันและขอช่วยขยายพันธุ์ให้ ฉันก็เลยรีบไปหาริชาร์ดนี่แหละเพราะฉันกับริชาร์ดทำสัญญากันไปแล้ว” ว่าจบก็ส่งยิ้มหวานให้ริชาร์ด
ริชาร์ดยิ้มกริ่มพลันก้มหน้า ผมที่ตั้งใจฟังแอสตันในตอนแรกเบ้ปากรัวๆ อีกครั้ง แล้วผมก็ต้องเบ้หนักกว่าเดิมเมื่อแอสตันเดินเข้ามาหาริชาร์ดพร้อมกับคว้ามือมันไปจับ
“ทำสัญญากันไปหลายครั้งแล้วด้วย”
“ยะ...อย่าพูดอะไรต่อหน้าเควินแบบนี้สิ” ริชาร์ดว่ารนๆ
“ไม่เห็นจะเป็นอะไร เราชอบนาย เราจะแสดงออกไม่ได้หรือไง”
“แต่นี่มันต่อหน้าเควิน”
“ต่อให้เป็นต่อหน้าทุกชาติพันธุ์ทั้งจักรวาล เราก็จะพูดว่าเรารู้สึกกับนายยังไงริชาร์ด”
ริชาร์ดอายม้วนต้วนทันใด ส่วนผมก็คลื่นไส้ขึ้นมากะทันหันเลย และแอสตันก็ทำผมคลื่นไส้หนักขึ้นไปอีกเมื่อมันก้มลงจูบหน้าผากริชาร์ดที่นั่งอยู่เบาๆ
“เราพูดผิดไป เราไม่ได้ชอบนาย แต่เราเริ่มรักนายเข้าให้แล้ว”
กู-จะ-อ้วก!
ผมมึนหัววิ้งๆ พลัน พลางมองภาพเทพบุตรกับเห็บหมาตรงหน้าอย่างคลื่นเหียน อย่างที่ผมบอกแหละว่าเวลาแอสตันกับริชาร์ดอยู่ด้วยกันเปรียบเสมือนเทพบุตรกับเห็บหมา แต่ตอนนี้ผมคงจะต้องขอถอนคำพูดนั้น เพราะตอนนี้ริชาร์ดมันไม่ใช่เห็บหมาแล้ว แต่เป็นเห็บหมาแอ๊บแบ๊ว
มึงจะทำท่าเขินอายไปไหนวะ มึงไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้มนะเว้ยไอ้เจ๊กเมากัญชา!
“ขอตัวก่อนนะ” สุดท้าย ผมก็ทนการแสดงความรักของมันทั้งคู่ไม่ได้ เป็นฝ่ายลุกออกมาจากจุดนั้นแทน
พอพ้นแอสตันกับริชาร์ดมาได้ ผมก็ใจเต้นระส่ำขึ้นมาเมื่อนึกถึงคีธ ถ้าเป็นอย่างที่แอสตันว่าจริง นั่นก็หมายความว่าตลอดชีวิตของคีธ หมอนั่นไม่เคยผ่านมือใครมาเลยไม่ว่าจะชายหรือหญิง แล้วที่อยากให้ผมเป็นแม่พันธุ์พร้อมทั้งผูกพันด้วยก็หมายความว่า... มะ...หมอนั่นชอบผม!? ชอบแบบอยากใช้ชีวิตด้วยตลอดไป!?
ผมยกมือขึ้นทาบอกที่ก้อนเนื้อเต้นระทึกทันใดเพื่อให้มันสงบลง แต่ไร้ประโยชน์เพราะในหัวผมตอนนี้มีแต่ใบหน้าของคีธแวบฉายซ้ำไปซ้ำมา พอเริ่มจะตั้งสติขึ้นมาได้บ้าง ผมก็จุดบุหรี่ขึ้นสูบด้วยหวังว่ามันจะทำให้ผมสงบลง หากแต่สูบไปได้ไม่นาน รูปร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่เดินลงจากรถซึ่งเพิ่งขับเข้ามาจอดก็เรียกสายตาผมให้หันไปมอง พอเห็นว่าเป็นซีเลน ผมก็รีบหันหนี หากแต่ไม่ทัน หมอนั่นดันตาไว เห็นผมเข้าเสียก่อน พลันร้องเรียกลั่น
“กวินทร์!”
กะ...กูแกล้งตายได้มั้ย!?
ผมแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เดินจ้ำอ้าวหนี หมายจะกลับมาที่เต็นท์ทำงาน ทว่าซีเลนเร็วกว่า ตรงเข้ามาคว้าไหล่ผมไว้ทันใด
“ไม่เจอหน้ากันตั้งหลายวัน คิดถึงจัง”
หลายวันปู่มึงสิ เพิ่งจะไม่เจอกันเมื่อวานนี้เนี่ย แล้วมึงจะมาคิดถึงกูทำมะเขือเผาอะไร มึงคิดลามกกับกูอีกล่ะสินะ!
ผมรีบผลักซีเลนออก ทว่ามันกลับจับไหล่ผมไว้แน่น ใบหน้าหล่อเหลาพลันย่นยู่ทันตาขณะที่มันทำจมูกฟุดฟิด
“นาย... มีกลิ่นแปลกๆ” ว่าจบก็เลื่อนใบหน้าเข้ามาดมที่หน้าผม
“ก็ฉันสูบบุหรี่นี่หว่า!” ผมรีบโวยวาย เบี่ยงหน้าหลบจากมันทันใด
“ไม่ใช่กลิ่นบุหรี่ กลิ่นอย่างอื่น” ซีเลนไม่หยุดดม เลื่อนปลายจมูกโด่งเข้ามาดมที่ริมฝีปากผมจนกลายเป็นว่าท่าทางของเราในตอนนี้คือผมกำลังจูบปลายจมูกมัน
มึงเป็นหมาหรือไงวะถึงได้ดมไม่เลิกอย่างนี้เนี่ย!
“พอเลย! ไปเก็บข้าวของแล้ว เต็นท์นายอยู่ตรงโน้น! ไปเตรียมตัวได้แล้ว มีถ่ายไม่ใช่หรือไงวันนี้เนี่ย!” ผมร้องเสียงหลง ขืนตัวออกจากมันพลางชี้นิ้วส่งเดชไปยังบริเวณเต็นท์ที่พักของนักแสดงด้วยจำได้ว่ามีเต็นท์หนึ่งยังว่างอยู่
ซีเลนผละออกจากผมได้ หากแต่สีหน้าเริงรื่นในตอนแรกแปรผันเป็นตึงเครียดจนหัวคิ้วแทบชนกัน แล้วมันก็ทำให้ต้องเบิกตาโพลงเมื่อพูดขึ้นเสียงแข็ง
“มากับฉัน ฉันจะสำรวจร่างกายนาย” ว่าจบก็ลากผมออกมุ่งหน้าไป ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังเต็นท์ด้วย แต่เป็นห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ
ดะ...เดี๋ยวนะ! อย่าบอกนะว่ากูจะโดนปล้ำในป่าอีกแล้ว!? กูเพิ่งโดนมาเมื่อคืนเองนะเว้ย ไม่เอา!
แต่เหมือนจะไม่ทันแล้ว เพียงครู่เดียว ผมก็ถูกซีเลนเหวี่ยงเข้ามาในห้องน้ำ ก่อนมันจะเข้ามาผลักผมให้ถอยหลังไปจนติดกำแพงแล้วจัดการดมใบหน้าผมอีกครั้ง จุดสำคัญที่มันวนอยู่นานก็คือริมฝีปาก ดมจนแทบจะดูดปากผมเข้าไปในรูจมูก แต่ก็ดีอย่างที่มันไม่ทำอะไรนอกจากการดมเท่านั้น
“มีกลิ่นแค่ตรงนี้” ซีเลนว่า
ผมไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร แต่ก็ตอบรับด้วยน้ำเสียงรนๆ
“กะ...กลิ่นปากไงกลิ่นปาก มีกันทุกคนอยู่แล้ว ฉันยังไม่ได้แปรงฟันด้วย ได้กลิ่นก็ไม่แปลก”
ซีเลนไม่ว่าอะไร นอกจากผละออกมาจ้องหน้าผมแล้วกัดฟันกรอด ผมใจหายวาบ เดาไม่ออกเลยว่ามันจะทำอะไรต่อ จังหวะเดียวกับที่พระเจ้าส่งคนมาช่วยชีวิตผมพอดีทันทีที่ประตูถูกเปิดเข้ามา
ผมกับซีเลนมองไปยังคนมาใหม่ พอเห็นว่าเป็นบรูคลิน ผมก็โล่งใจทันควันเพราะซีเลนอาจจะเปลี่ยนใจไปยังบรูคลินก็ได้ด้วยมันสองคนเดียวดูดปากอย่างดูดดื่มกันมาก่อน ขณะที่บรูคลินทำหน้าตกใจเล็กน้อยที่เห็นผมอยู่ในสภาพถูกซีเลนต้อนจนมุมอย่างนั้น
“อะ...เอ่อ...งั้นเดี๋ยวฉันไปรอข้างนอกก่อนแล้วค่อยมาใหม่นะ” บรูคลินก็คงจะรู้ว่าเดี๋ยวจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ผมเกือบจะอ้าปากร้องเรียกมันให้อยู่ต่อก่อนแล้ว ถ้าจู่ๆ ซีเลนไม่ผละออกจากผมไปคว้าแขนบรูคลินไว้ทันควัน
คว้าอย่างเดียวไม่พอ ยังดมหน้าบรูคลินด้วย ทำเอาผมที่มองอยู่ทำหน้าแหย
ไอ้บ้าซีเลนนี่มันเป็นอะไรของมันวะ มาถึงก็เที่ยวดมชาวบ้านเค้าไปทั่ว มึงนี่มันโรคจิตชัดๆ!
“กลิ่นของนายก็ชัดขึ้น” ซีเลนว่าออกมาให้บรูคลินทำหน้าแหยงๆ
ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้วในตอนนี้แม้จะอยากรู้ว่ากลิ่นที่ซีเลนได้กลิ่นนั้นคือกลิ่นอะไรก็ตาม รีบถลาออกจากห้องน้ำก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ผมอีกครั้ง พอรอดตัวมาได้ก็สะใจขึ้นมาทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้บรูคลินเสนอตัวเองให้คีธผูกพัน
หึ อยากผูกพันมากใช่มั้ยล่ะมึง ให้ไอ้ซีเลนผูกพันไปนู่น หื่นกามสมใจมึงดีมั้ยล่ะ!
********************************
ยังไม่เรียบร้อยโรงเรียนคีธ แต่ก็มีเซอร์วิซให้นิดๆ นะ อิอิ
ส่วนริชาร์ดกับแอสตันนี่ กลายสภาพจากเทพบุตรกับเห็บหมาในสายตากวินทร์มาเป็น เทพบุตรกับเห็บหมาแอ๊บแบ๊วไปเรียบร้อย เลเวลเลื่อนขึ้นอีกขั้น 555 ส่วน NC นี่ ใครรออยู่ กระซิบบอกไว้เลยว่ามา Ep.21 นะคะ ช่วงนี้ก็ให้บักคีธตอดๆกวินทร์ไปก่อนเนอะ ฮาาา

ตอนนี้เปิดจองหนังสืออยู่นะคะ ใครสนใจ เข้าไปอ่านรายละเอียดที่นี่น้า >> https://web.facebook.com/media/set/?set=a.919083514814169.1073741840.122468307809031&type=3

ออฟไลน์ Nam-Ing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อย่าบอกนะว่าซีเลนก็เป็นมนุษย์ต่างดาว   :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ 13 จ้าวนภา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :hao5: มาไวไว

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
รอออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ :katai1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มารอ 20 แง่มๆๆๆๆ

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
จะเอาอีกกกกกกก ติดเรื่องนี้งอมแง่มเลย

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ตอนหน้า 20 นี่ ข้ามไปเลยแล้วกันเน๊อะ 5555+

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด