Alien's Host ลูกชายผมเป็นเอเลี่ยน[เปิดขายหนังสือ'แก๊งเกรียนเอเลี่ยน']-30/10/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Alien's Host ลูกชายผมเป็นเอเลี่ยน[เปิดขายหนังสือ'แก๊งเกรียนเอเลี่ยน']-30/10/59  (อ่าน 134835 ครั้ง)

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
เกือบไปแล้วกวินทร์555. ไปไหนก็จะโดนปล้ำ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
คะ คะ คุณพิศาล!!! แอร๊ยยยยย ฮ่าๆๆๆ//ผิด

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 16: Kawin is mine
คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ผมนอนไม่หลับ... จริงๆ จะว่านอนไม่หลับก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เอาเป็นว่าผมหลับ แต่พอเริ่มหลับลึกไปแล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาตลอดทั้งคืนประหนึ่งฝันร้ายอะไรประมาณนั้นดีกว่า ทั้งหมดก็เพราะถูกไอ้บ้าซีเลนลวนลามมาแท้ๆ แต่แค่ถูกลวนลามยังไม่เป็นเหตุผลมากพอที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ สาเหตุที่สำคัญกว่านั้นคือ ผมดันตระหนักได้ว่าวันพรุ่งนี้มันจะมาตามล่าผมนี่แหละที่ทำให้ผมหวาดระแวงจนนอนไม่ได้ พอเช้าขึ้นมา ผมก็เลยกลายสภาพเป็นผีตายซาก แม้แต่ริชาร์ดเห็นแล้วก็ยังต้องทักเพราะมันไม่เคยเห็นผมเป็นแบบนี้เวลาไปเที่ยวคลับ ผมไม่ได้บอกอะไรมัน มันเลยทึกทักไปเองว่าผมคงจะผ่านร้อนผ่านหนาวเมื่อคืนมาอย่างหนักหน่วง
ผมล่ะอยากจะบอกมันเหลือเกินว่าหนักหน่วงมาก... หนักหน่วงกับผู้ชายอย่างไอ้เวรซีเลนด้วย!
แต่ถ้าบอกไปแล้ว เดี๋ยวมันก็มาสะใจผมใช่มั้ยล่ะ ผมก็เลยไม่บอก ปิดปากเงียบกระทั่งมาถึงสตูดิโอ และผมก็ไม่แปลกใจเลยว่าพอถึงตอนที่ซีเลนต้องเข้าฉาก มันร้องเรียกให้ผมเป็นคนไปตามมันผ่านทีมงานคนหนึ่งแทนที่จะเป็นริชาร์ดเหมือนเดิม ตอนนี้แหละที่ริชาร์ดเริ่มระแคะระคายขึ้นมาแล้วว่ามีอะไรผิดปกติไประหว่างผมกับซีเลน มันก็เลยถามขึ้นหลังจากที่ผมพยายามปฏิเสธการไปตามตัวไอ้หื่นกามมาเข้าฉากอยู่นานจนถูกผู้กำกับวิลล์แหวใส่
“นายไปทำอะไรถูกใจซีเลนมาหรือเปล่าวะ มันถึงได้เรียกนายแบบนี้”
“ไม่ได้ไปทำอะไรให้มันเลยเถอะ” ผมบ่นอุบอิบ ก่อนจะก่นด่าผู้กำกับวิลล์ที่ยืนอ้วนหัวเหม่งสั่งงานทีมงานคนอื่นอยู่ไปด้วยให้ริชาร์ดตบบ่าผมพลางว่า
“เอาเถอะน่า มันคงจะเปลี่ยนใจจากฉันไปหานายเพราะนายหล่อน่าปล้ำล่ะมั้ง ดีใจด้วยนะ”
สาบานเลยว่าผมเห็นไอ้เพื่อนบ้านี่แสยะยิ้มสะใจสุดๆ หน็อยมึง... ได้ทีล่ะรีบเอาคืนเชียวนะ แต่ผมก็อดใจไม่ด่ามันออกไป นอกจากขอร้องมันเท่านั้น
“ไปตามมันเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“เรื่องอะไรล่ะ มันเรียกหานาย นายก็ไปสิ”
“ครั้งก่อนที่มันเรียกหานาย ฉันยังไปเป็นเพื่อนเลยนะเว้ย” ผมโวยน้อยๆ ทว่าริชาร์ดไม่ยี่หระ
“นั่นนายยอมไปกับฉันเองนี่หว่า ช่วยไม่ได้ ฉันไม่ว่าง” ริชาร์ดว่าเสียงเนือยๆ คิ้วข้างหนึ่งยกขึ้นอย่างกวนโมโห แล้วเดินหนีผมไปหน้าตาเฉย ผมนี่ถึงกับกำมือแน่นเลย
มึงกวนตีนมากไอ้ริชาร์ด ขอให้มึงโดนไอ้เจ้าชายลามกนั่นปู้ยี่ปู้ยำเยอะๆ! ไอ้พวกมนุษย์ต่างดาวโฮโมฯ นั่นก็ยังไม่โผล่หัวมา ไม่อย่างนั้น ผมคงชวนพวกนั้นไปเป็นเพื่อนแทนไอ้ริชาร์ดแล้ว
ในเมื่อไม่มีทางเลือกและถูกเร่งเร้าไม่หยุด ผมก็ถอนหายใจแล้วเดินไปนอกสตูดิโอ มุ่งหน้าไปยังห้องพักนักแสดงของซีเลน พอมาหยุดตรงหน้าห้องได้ก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะตรงไปเคาะประตูสองสามครั้ง
ไม่มีเสียงตอบรับในครั้งแรก ผมเลยเคาะไปอีกพร้อมกับเรียกคนในห้องด้วย
“ซีเลน ได้เวลาเข้าฉากแล้ว”
“กวินทร์เหรอ?” เสียงของคนในนั้นถามกลับมาให้ได้ยินแว่วๆ ผมย่นหน้าเล็กน้อยที่หมอนั่นเรียกผมด้วยชื่อภาษาไทย หากแต่ไม่ได้ใส่ใจมาก เพียงแต่ตอบรับเท่านั้น
“เออ เข้าฉากได้แล้ว เดี๋ยวเสียเวลา”
สิ้นเสียง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากด้านในพร้อมกับเสียงปลดกลอนประตู พอประตูแง้มออก ผมก็ทิ้งตัวออกห่างจากหน้าห้องทันใดด้วยเกรงว่าซีเลนจะใช้โอกาสกระชากผมเข้าไปในที่ลับตาคนแล้วจัดการสานต่อความค้างคาเมื่อวาน แล้วก็จริงอย่างที่คิดเสียด้วยว่าซีเลนจะทำอย่างที่ผมคิด เพราะพอหมอนั่นโผล่หน้าออกมาได้ มือใหญ่ก็พุ่งออกมาทำท่าจะคว้าตัวผมไว้อย่างรวดเร็ว ดีที่ผมไหวตัวทัน กระโดดหลบได้แบบฉิวเฉียด พอรอดจากเงื้อมมือมัจจุราชหื่นกามได้ ผมก็วิ่งโกยหน้าตั้งกลับเข้าไปในสตูดิโอด้วยความไวแสงโดยไม่ลืมตะโกนทิ้งท้ายไว้
“ไปเข้าฉากเร็วๆ เข้า!”
“ฝากไว้ก่อนเถอะกวินทร์! เผลอเมื่อไหร่ นายโดนจัดหนักแน่!” ซีเลนตะโกนกลับคืนมาอย่างเจ็บใจที่ผมรอดไปได้ผมหันกลับไปมองหน้าหล่อๆ ของมันเล็กน้อยแล้ววิ่งไม่ลืมหูลืมตา
ใครจะไปยอมโดนมึงกระทำการหื่นกามใส่กันเล่า!
 
เพราะถูกซีเลนขู่ไว้อย่างนั้น ผมก็เลยทำงานไม่เป็นสุขตลอดทั้งวัน ยิ่งตอนต้องทำหน้าที่ไปบอกคิวมันก่อนเข้าฉากด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเห็นมันมองผมด้วยสายตาหื่นกระหายราวกับราชสีห์จ้องเหยื่อ มองอย่างเดียวไม่พอ มันยังกำชับเรื่อยๆ อีกว่าผมต้องโดนมันกินวันนี้นี่แหละ ทำเอาผมกลายเป็นพวกวิตกจริตไปโดยปริยายพลัน
มึงก็ไปตายอดตายอยากมาจากไหน! หื่นกามได้บรรลัยตลอดเวลานี่ กูว่ามึงผิดปกติแล้ว!
ดีที่วันนี้มันมีฉากต้องถ่ายทำเยอะ ก็เลยยังสบโอกาสเข้าหาผมไม่ได้ ยิ่งตอนนี้มีคีธกับแอสตันมาเข้าฉากร่วมด้วยแล้ว ผมก็ค่อยเบาใจขึ้นมาหน่อยว่าอย่างน้อยๆ ถ้าซีเลนจะทำอะไร ผมก็ยังหาเกราะกำบังได้
เกาะกำบังที่ว่านี่ก็คือคีธนี่แหละ ส่วนริชาร์ดกับแอสตันก็ไม่ต้องพูดถึง พอว่างทีไร มันก็หายหัวกันไปทั้งคู่ทุกที หายชนิดแบบว่าล่องหนได้ด้วยนะ เห็นพวกมันอยู่หลัดๆ หันไปอีกทีก็หายหัวไปแล้วอะไรประมาณนั้น เดาได้เลยว่ามันต้องพากันไปตรวจภายในเป็นแน่
การถ่ายทำดำเนินไปตลอดทั้งวันจนถึงการถ่ายฉากสุดท้ายของซีเลน ผู้กำกับวิลล์ร้องบอกกับหมอนั่นทันทีที่หมอนั่นเดินออกมาจากฉาก
“ซีเลน วันนี้คิวถ่ายของนายหมดแล้วนะ ไปพักได้ ใกล้จะมีถ่ายฉากใหญ่แล้ว นายต้องพักผ่อนเยอะๆ”
ซีเลนพยักหน้ารับส่งๆ ไม่ได้สนใจสิ่งที่ผู้กำกับวิลล์พูดเท่าไหร่นัก แถมจังหวะนี้เองที่มันเหลือบมองมายังผม ผมเลยรีบทำตัวให้ไม่ว่าง ตรงไปถามด็อกเตอร์มาร์ตินทันทีว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย ดีที่งานของด็อกเตอร์มาร์ตินมีมากพอให้ผมช่วย ผมจึงไม่ถูกมันเข้าจู่โจม
ซีเลนยืนมองผมด้วยสีหน้ายากจะอ่านอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปนอกสตูดิโอ ผมหายใจโล่งท้องได้ก็ในตอนนี้ หากแต่ก็ครู่เดียวเท่านั้น มันก็กลับมาอีกพร้อมกับยืนจ้องหน้าผมนิ่ง ผมกลืนน้ำลายเอื้อกด้วยสังหรณ์ใจอะไรขึ้นมาบางอย่าง กระทั่งเหลือบไปเห็นมันพูดโดยไม่มีเสียงว่า ‘ไปเอาถุงยางมา’ เท่านั้นแหละ ผมก็หัวขนลุกไปทั้งตัวอีกครั้ง
“ตรงนี้ไม่มีงานให้ช่วยแล้วเควิน ไปพักเถอะ” จู่ๆ ด็อกเตอร์มาร์ตินก็พูดขึ้นมาตัดอนาคตผม
ผมเบิกตาโต รีบกุลีกุจอเข้าไปหาเขาทันใด
“ไม่มีงานแล้วเหรอครับ หาให้ผมหน่อยสิด็อกเตอร์ ผมอยากทำ”
“วันนี้นายดูกระตือรือร้นแปลกๆ แฮะ” ด็อกเตอร์มาร์ตินเลิกคิ้วเล็กน้อยกับท่าทางตื่นๆ ของผม ผมรีบเก็บอาการแล้วโกหกเขาทันควัน
“ผมก็แค่ไม่อยากทำตัวให้ว่างน่ะครับ อยากได้ประสบการณ์กลับไปนิวยอร์กเยอะๆ”
ด็อกเตอร์มาร์ตินพยักหน้าราวกับปลื้มใจเสียเหลือเกินที่ลูกศิษย์กระเหี้ยนกระหือรืออยากได้วิชาขนาดนี้ โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริง ผมแค่ไม่อยากเปิดโอกาสให้ซีเลนมันเข้ามาปล้ำได้ต่างหาก
“ฉันดีใจนะที่นายขยัน แต่นายพักก่อนเถอะ ถ้ามีงานเพิ่ม เดี๋ยวฉันจะเรียกเอง” ด็อกเตอร์มาร์ตินว่าจบแล้วก็เดินไปช่วยงานกำกับกับผู้กำกับวิลล์ ทิ้งให้ผมยืนเหงื่อแตกซิกเป็นน้ำตกเมื่อตระหนักได้ถึงหายนะที่กำลังจะบังเกิดในอีกไม่กี่อึดใจ
ซีเลนเองก็เห็นเหตุการณ์นั้นพอดี มันยกยิ้มทันทีที่ผมชำเลืองไปมองหลัง ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาจนผมต้องมองหาทางหนีทีไล่ทันควัน
มะ...แม่ง จู่ๆ ทำไมเปลี่ยนเป้าหมายจากริชาร์ดมาเป็นกูแทนวะ มึงนี่มันจริงๆ เลย!
มองซ้ายขวาอย่างร้อนรนได้อึดใจ ความหวังอันริบหรี่ที่จะหนีการจู่โจมของซีเลนก็ปรากฎขึ้นเมื่อผู้กำกับวิลล์สั่งร้องคัตการถ่ายทำฉากเมื่อครู่พอดี สายตาเหลือบผมเหลือบมองคีธที่กำลังเดินออกจากฉากอย่างอัตโนมัติ หมอนั่นกำลังเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้ายังห้องแต่งตัว ผมไม่รอช้า รีบพุ่งเข้าไปคว้าแขนล่ำของมันเอาไว้ก่อนที่มันจะหายเข้าไปข้างในนั้น
“เดี๋ยวคีธ”
คีธหันมามองหน้าผมอย่างมีคำถาม ผมไม่ทันจะได้บอกว่าผมเรียกไว้ทำไมก็สังเกตเห็นว่าซีเลนที่กำลังเดินเข้ามาหาผมชะงักขาเล็กน้อย สีหน้าระรื่นในตอนแรกกลายเป็นตึงเครียดขึ้นมาทันตาเมื่อเห็นแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาขัดขวางกะทันหัน มันเลยยกนิ้วขึ้นเหนือลำคอแล้วทำท่าปาดเป็นการขู่ผม ผมกลืนน้ำลายเอื้อกอีกครั้ง หันกลับมามองสีหน้าเรียบนิ่งของคีธทันควัน
“มีอะไรเหรอกวินทร์” เพราะผมไม่ยอมพูดสักที คีธก็เลยถาม
ใจผมเต้นตึกตักด้วยความหวาดเกรงจนเกือบจะควบคุมไม่ได้ ก่อนผมจะตัดสินใจโพล่งออกไปด้วยมีความคิดบางอย่างในการเอาตัวรอดฉาบแวบเข้ามาในหัว
“ขอยืมตัวนายแป๊บนึง”
“หืม? ขอยืมทำไม”
“ขอยืมหน่อยแล้วกัน”
“ก็ขอยืมไปทำไมล่ะ มีอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่จะขอยืมเป็น...”
“เป็น?”
ขอยืมมาแกล้งเป็นผัวกูแป๊บนึง! ไอ้ซีเลนมันจะเข้ามาจู่โจมกูแล้วเนี่ย รีบเป็นผัวกูเร็วๆ ก่อนที่ไอ้ซีเลนมันจะมาเป็นแทนมึงเร็วเข้า!
ผมโคตรอยากจะตะโกนใส่หน้ามันอย่างนี้ฉิบเป๋งถ้าไม่ติดว่าคนอยู่รอบข้างเยอะ แล้วกลัวว่าถ้าบอกมันไปแบบนั้น คีธมันจะไม่ยอมเป็นผัวแค่แป๊บเดียว แต่มันจะเป็นชั่วกาลปวสานนี่สิ ผมเลยได้แต่พูดอ้อมๆ ไป
“ยืมมาเป็นแฟนแป๊บนึง” ผมว่าเสียงเบากว่ากระซิบ
หัวคิ้วเรียวของคีธย่นยู่ฉับพลัน แถมยังยกมือขึ้นมาวางทาบผมหน้าผากผมอีก
“กวินทร์ป่วย?”
กูไม่ได้ป่วย! กูกลัวจะถูกปล้ำ! มึงรีบๆ แกล้งทำเป็นผัวกูสักที เดี๋ยวไอ้ซีเลนมันก็ฉุดกูไปหรอก!
“ฉันว่ากวินทร์ป่วย ปกติไม่เคยเข้าหา” คีธยังคงพูดอยู่ แววตาบ่งบอกชัดเจนว่าโคตรจะสงสัยพฤติกรรมประหลาดๆ ของผมเลย
แต่ในตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้ว ยิ่งเหลือบไปเห็นซีเลนที่ทำหน้าบูดและก้าวเข้ามา ผมก็ไม่รอช้า ผลักคีธเข้าไปข้างในห้องแต่งตัว แล้วจัดการปิดประตูล็อคทันควัน หากแต่ไม่ทันจะได้ล็อค มือใหญ่ของซีเลนก็ยันบานประตูเอาไว้เสียก่อน ก่อนที่มันจะโผล่ใบหน้าบูดบึ้งเข้ามาเรียกผมเสียงเข้ม
“กวินทร์...”
“อะ...อะไร” ผมทำใจดีสู้เสือร้องถามมันออกไป
ซีเลนไม่แม้แต่จะตอบ มองเลยผมไปยังคีธที่ทำหน้านิ่งๆ อยู่ด้านหลังครู่หนึ่ง ก่อนจะถือวิสาสะคว้าแขนผมเอาไว้โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว
“นายเสร็จฉันแน่”
ผมขืนตัวสุดกำลังทันทีที่ถูกหมอนั่นออกแรงกระชาก เกือบจะหลุดปากร้องเรียกให้คีธช่วยแล้ว แต่ไม่ทันจะได้ส่งเสียงออกมาสักแอะ ท่อนแขนใหญ่ของคีธก็โอบรอบช่วงเอวผมเอาไว้แล้วดึงกลับไปกระแทกกับลำตัวหมอนั่นเต็มแรง
“ทำอะไรของนาย” ซีเลนถามเสียงขุ่นเมื่อจู่ๆ ก็ถูกแย่งเหยื่อไปต่อหน้า
คีธไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องหน้าซีเลนนิ่งจนบรรยากาศมาคุเข้าครอบงำ ทำให้ซีเลนที่มีสีหน้ายุ่งอยู่แล้ว ยุ่งหนักเข้าไปอีก
“ฉันถามว่านายทำอะไรของนาย” ในเมื่อคีธไม่พูด ซีเลนก็เป็นฝ่ายถาม
“กวินทร์เป็นของฉัน” และคีธก็พูดขึ้นมาเนิบๆ ด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่สัมผัสได้จากน้ำเสียงว่าโคตรจะไม่พอใจเลย ส่วนผมก็เบิกตาโพลง มองหน้าคีธอย่างอึ้งๆ ที่จู่ๆ มันก็พูดประโยคนี้ออกมา
กวินทร์เป็นของมึงอะไร! มึงอย่ามาขี้ตู่!
ผมรู้สึกแปลกที่ถูกคีธกล่าวอ้างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของแบบนั้น แต่มันก็ดีสำหรับในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงถูกปล้ำอย่างนี้ เพราะมันทำให้ซีเลนยอมละความสนใจจากผมไปสนใจคีธแทน
“มิน่า กวินทร์ถึงไม่ยอมฉัน ที่แท้ก็มีเจ้าของ” ซีเลนว่าก่อนยิ้มเย้ยขึ้นมา “แต่ถึงจะมีเจ้าของแล้ว เมื่อคืนก็เกือบจะเสร็จฉัน”
คราวนี้ผมเห็นเลยว่าคิ้วของคีธกระตุกเล็กน้อย แถมยังเหลือบมามองผมอย่างขอคำตอบ
“ก็ไอ้บ้านี่มันปล้ำฉันนี่หว่า ดูตัวมันสิ ใหญ่กว่าฉันขนาดนี้ ใครจะไปสู้มันได้วะ” ผมตะกุกตะกักตอบมันไป
คีธไม่หือไม่อือ ละสายตาจากผมไปมองหน้าซีเลนแล้วว่าเรียบๆ ออกมาเท่านั้น
“อย่ามายุ่งกับกวินทร์”
“คิดว่าห้ามฉันได้เหรอ” ซีเลนว่าอย่างท้าทาย
ผมสาบานเลยว่าโคตรจะเกลียดรอยยิ้มของซีเลนเลยแม้ว่ามันจะทำให้หมอนี่ดูหล่อร้ายเพียงใดก็ตาม แต่รอยยิ้มของมันในเวลานี้ บอกได้เลยว่าเป็นรอยยิ้มที่โคตรกวนตีน ไม่ได้กวนตีนผมนะ กวนตีนไอ้บักคีธนี่แหละ
และเหมือนมันจะได้ผลเสียด้วยเพราะคีธเผลอแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาทั้งที่ปกติแล้วจะทำหน้านิ่งตลอดเวลา พลางว่าออกมาอีกครั้ง
“ก็ลองดู”
พูดมาอย่างนี้ก็เหมือนกับการประกาศศึก ซีเลนหัวเราะในลำคอ ก้าวเข้ามาคว้าแขนผมไว้หมับขณะที่คีธก็ดึงผมเข้าแนบกับลำตัวยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“อย่ามาท้าฉัน”
คีธไม่พูดอะไร จ้องตาอีกฝ่ายที่ก้าวเข้ามาเสียใกล้เขม็ง ส่วนผมที่อยู่ตรงกลางก็หายใจเริ่มติดขัด ไม่ใช่เพราะกลัวหรือตื่นตระหนกอะไรหรอกนะ
แต่เพราะกูถูกประกบคู่เป็นแซนด์วิซอยู่เนี่ย! พวกมึงอย่าทรีซัมกันนะเว้ย!
ผมล่ะโคตรเสียวมันสองคนดีกันขึ้นมากะทันหันแล้วมารุมผมเลย ดีที่มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด เพราะพอคีธสังเกตว่าซีเลนเข้ามาใกล้ผมเกินไป มันก็ยกมือข้างที่ว่างอยู่ผลักอกซีเลนออกห่าง
“อย่าเข้าใกล้กวินทร์”
ซีเลนถอยหลังไปเล็กน้อย เอียงคอทำท่าเหมือนจะมีเรื่อง
“ก็บอกแล้วไงว่าห้ามฉันไม่ได้”
ต่อยกันแน่ๆ มันต้องต่อยกันแน่ๆ แล้วไอ้ซีเลนมึงต้องตายแน่ๆ ถึงตัวจะใหญ่พอๆ กัน แต่คีธมันแรงควายนะมึง มึงคิดผิดแล้วที่มาท้าผัวจำเป็นของกู มึงโดนอัดน่วมแน่!
ถึงผมอยากจะให้ซีเลนมันโดนคีธเล่นงานแค่ไหน แต่พอคิดถึงความหายนะที่จะเกิดขึ้นในกองถ่ายถ้าหากพระเอกของเรื่องมีอันเป็นไปขึ้นมา ผมก็อดไม่ได้ที่จะห้ามคีธ ทว่าทำได้เพียงตั้งท่าจะห้าม ริชาร์ดที่กำลังหนีการตามตื๊อของแอสตันก็พุ่งพรวดเข้ามาในห้องแต่งตัวพอดี ก่อนที่มันจะชะงักเมื่อเห็นว่าในห้องมีพวกผมอยู่แล้ว แล้วมันก็ชะงักหนักขึ้นไปใหญ่ทันทีที่เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันคือซีเลน
“ซะ...ซีเลน... พะ...พวกนายมาทำอะไรกันอยู่ในนี้”
ผมว่ามันเดาได้แหละว่ากำลังเกิดเรื่องน่าอัปยศอะไรขึ้น แต่มันแสร้งถามเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของซีเลนที่ละสายตาจากผมไปมองมัน ที่สำคัญ สายตาเกรี้ยวกราดและท้าทายของซีเลนเปลี่ยนไปฉับพลันทันทีที่เห็นใบหน้าของริชาร์ดอีกด้วย ร้ายกว่านั้นก็คือซีเลนเข้าไปคว้าไหล่ของริชาร์ดเอาไว้แล้วโน้มหน้าเข้าข้างซอกคอ พร้อมกับสูดหายใจเข้าเต็มปอด
“ริชาร์ด...” ตามมาด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่
ริชาร์ดตัวเกร็ง สีหน้าซีดเผือดไปทันตา หน้าตาตอนมันถูกจับข้อหามีกัญชาอยู่ในครอบครองในรัฐที่ไม่มีกฎหมายอนุญาตให้ครอบครองกัญชาเป็นยังไง ตอนนี้มันก็เป็นแบบนั้น ก่อนที่มันจะมองมายังผมอย่างขอความช่วยเหลือ
“คะ...เควิน...”
มึงไม่ต้องมาส่งสายตาเลย เรื่องของมึงโว้ย! ถึงคราวมึงโดนบ้างแล้ว มึงเอาไอ้ซีเลนของมึงกลับไปเลย!
ผมแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาวิงวอนของมัน ก่อนจะเหลือบไปมองมันอีกทีเมื่อซีเลนกระชากมันมากระแทกแผงอก แล้วโน้มหน้าลงจนปลายจมูกติดกับซอกคอ
“กลิ่นของนายมัน...”
ผมได้ยินไม่ถนัดนักว่าหมอนั่นพูดว่าอะไร แต่ที่รู้ๆ คือมันทำให้สติของริชาร์ดกระเจิดกระเจิง ก่อนไอ้เจ๊กเพื่อนผมจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมสุดแรง แล้วรีบพาตัวเองออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วโดยมีซีเลนตามไปติดๆ
“เดี๋ยวริชาร์ด!”
เออดี เมื่อกี้ยังจะปล้ำกูให้ได้อยู่แหม็บๆ พอไอ้ริชาร์ดโผล่หน้ามา มึงก็ทิ้งกูอย่างไม่ไยดีเลยนะ!
พอลับหลังซีเลน ผมก็รีบพุ่งเข้าไปปิดประตูลงกลอนทันควัน ก่อนถอนหายใจออกมาเต็มแรงด้วยความโล่งอกที่รอดจากเงื้อมมือของซีเลนสักที แต่โล่งอกได้ไม่ถึงนาทีก็ตระหนักได้ว่ายังมีไอ้ตัวข้างหลังจ้องจะเล่นงานผมอยู่อีกตัว
“บอกมาซิกวินทร์ว่าที่นายถูกมันปล้ำคืออะไร”
ฉะ...ฉิบหายแล้ว!
“กะ...ก็ไม่มีอะไร แค่...”
ผมหันไปทำท่าจะแก้ตัว ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อสายตาประสบกับดวงตาของคีธ ตอนนี้มันไม่ใช่สีเทาสว่างเหมือนเคย แต่เป็นสีดำทั้งลูกตาเหมือนตอนที่หมอนั่นเคยพยายามจะผูกพันกับผมไม่มีผิดเพี้ยน ผมรู้เลยว่าถ้ามันอวตารมาเป็นร่างนี้เมื่อไหร่ หมายความว่ามันกำลังโกรธ แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อมันค่อยๆ เดินเข้ามาต้อนผมจนหลังผมไปชิดกับกำแพง
“บอกมากวินทร์ ไปถูกมันปล้ำได้ยังไง” คีธว่าขึ้นมาอีกครั้ง ผมรีบตั้งสติให้มั่นแล้วตอบไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“กะ...ก็ฉันไปเจอมันในห้องน้ำที่คลับเมื่อคืน แล้วมันก็ปล้ำฉัน แค่นี้เอง ไม่มีอะไร!”
“แล้วกวินทร์ไปทำอะไรที่คลับ”
ผมหลบสายตามันทันควัน ไม่กล้าบอกว่าไปเพราะไปหาเหยื่อกินเนื่องจากผมไม่แน่ใจในรสนิยมทางเพศของตัวเอง หากแต่การไม่ตอบ ทำให้คีธพูดออกมาอย่างรู้ทัน
“ไปหาผู้หญิงมานอนด้วยสินะ”
“ก็รู้อยู่แล้วจะถามทำไมวะ” ผมพูดโดยไม่มองหน้า คีธเลยยกมือขึ้นจับปลายคางผมให้หันไปมองมันนิ่ง
“ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้ากวินทร์จะไปมีอะไรกับใคร ถ้าฉันไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แต่กวินทร์ควรรู้ไว้ว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะตัวกวินทร์”
สรุปก็คือมึงไม่อยากให้กูไปมีอะไรกับใครนั่นแหละ! มึงไม่ต้องมาพูดเยอะ!
“ฉันจะไปมีอะไรกับใคร มันก็เรื่องของฉัน” ผมสะบัดหน้าหนี แต่ก็ไม่หลุดจากการเกาะกุม แถมคำพูดเมื่อครู่ก็ทำให้คีธย่นคิ้วประหนึ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
“กวินทร์เป็นของฉัน”
“ไม่ใช่เว้ย แล้วก็ไม่ได้เป็นโฮสต์ของนายด้วย ถึงจะเป็นโฮสต์ให้นาย นายก็ไม่มีสิทธิมาแสดงตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของฉัน ฉันจะไปนอนกับใครมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนาย!” ผมโวยออกมาในตอนนี้ คีธไม่ได้สนใจเลยนอกจากพูดประโยคเดิม
“กวินทร์เป็นของฉัน”
มึงมันหน้าด้าน! หน้าด้านไม่พอยังขี้ตู่ด้วย! กูไม่ใช่ของใครทั้งนั้นแหละ!
ผมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ สะบัดหน้าหนีการเกาะกุมอีกครั้ง คราวนี้คีธยอมปล่อยแต่โดยดี ผมเลยผลักหมอนั่นออกห่างแล้วว่าอย่างไม่ใส่ใจ
“จะพูดอะไรก็พูดเถอะ ฉันจะกลับไปทำงานต่อละ ขอบใจที่ยอมมาแกล้งเป็นแฟนปลอมๆ หลอกไอ้ซีเลนให้ฉันแล้วกัน นายก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เผื่อจะมีคนมาใช้ห้องต่อ” ผมทิ้งท้ายไว้แล้วหมุนตัวทำท่าจะเดินออกจากห้องไป
หากแต่ก้าวได้ไม่ถึงสามก้าว ร่างผมก็ลอยหวือไปด้วยการกระชากของคีธอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้ถูกแค่กระชากอย่างเดียว ยังถูกอุ้มด้วยจนผมต้องดิ้นพล่านสุดกำลัง
“ทำอะไรของนายเนี่ย!” ผมโวยเสียงดังแต่ไม่ดังมากพอที่คนนอกจะได้ยิน
คีธอุ้มผมมานั่งบนชั้นวางของที่อยู่ติดกับผนัง ก่อนจะยกแขนทั้งสองข้างกั้นไว้ไม่ให้ผมหนี
“เป็นแฟนกวินทร์”
ผมไม่แน่ใจนักว่าที่มันพูดมาอย่างนี้หมายความว่าอะไร แต่สัญชาตญาณบอกเลยว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
ยะ...อย่าบอกนะว่ามึงก็จะปล้ำกูอีกคน!? นี่มันหนีเสือปะจรเข้ชัดๆ!
“ไม่ต้องเป็นแล้ว ซีเลนมันไปแล้ว ยกเลิกๆ โมฆะๆ” ผมว่าเร็วๆ ทำท่าจะหนีออกมาจากวงแขนแกร่งนั่น หากแต่คีธไม่ยอมปล่อย ดันผมเข้าติดกับกำแพงแล้วโน้มหน้าเข้ามาเสียใกล้
“ฉันยังไม่ได้ทำหน้าที่แฟนเลย”
“ไม่ต้องทำแล้ว! ก็บอกแล้วไงว่ายกเลิก!”
ห้ามไปก็เท่านั้นแหละ คนอย่างคีธมันหน้ามึน เคยฟังอะไรผมเสียที่ไหน สิ้นเสียงผม มันก็จรดริมฝีปากลงมาบนเรียวปากผมแรงๆ ทีหนึ่งจนผมต้องทุบมันเป็นพัลวัน
“ฉันไม่ได้เป็นโฮสต์นายแล้วนะเว้ย! อย่ามาทำแบบนี้!” พอเป็นอิสระได้ ผมก็แหกปากลั่น
คีธค่อยๆ เปลี่ยนสีตาดำสนิทของตัวเองกลับมาเป็นปกติ ก่อนว่าด้วยน้ำเสียงเบาแทบกระซิบ
“แต่นายทำให้ฉันอยากทำ”
“ระ...ไร้สาระชะมัด” ผมใจเต้นระทึกขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล รีบว่ากลบเกลื่อนก่อนจะพยายามพาตัวเองออกไปจากสถานการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง เพราะดูท่าทางแล้ว ถ้าผมไม่หนี ผมต้องโดนมันปล้ำแน่ๆ
แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อผมทำท่าจะลุก คีธก็รั้งผมไว้กับกำแพงอีกครั้งก่อนจะประกบปากจูบลงอีกครั้ง ผมผลักไสมันสุดกำลังแต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือใหญ่ที่ถลกเสื้อผมขึ้น ก่อนจะลูบไล้หน้าท้องผมอย่างแผ่วเบาและเลื่อนขึ้นมาช่วงหน้าอก
“กวินทร์เป็นของฉัน” คีธละริมฝีปากจากผมเล็กน้อย พูดประโยคเดิมให้ผมได้ยินอีกเป็นครั้งที่สาม
ผมอยากจะปฏิเสธเหลือเกินว่าผมไม่ได้เป็นของมันแต่ปากก็ถูกครอบครองอีก คราวนี้จูบของคีธเป็นไปอย่างนุ่มนวลและค่อยๆ ทวีความหนักหน่วงขึ้นเมื่อลิ้นอ่อนนุ่มถูกสอดเข้ามา ผมไม่ได้ยินยอม แต่ก็เหมือนยินยอมนั่นแหละเพราะจู่ๆ ไฟราคะในตัวผมก็ถูกจุดขึ้นมากะทันหัน ยิ่งมีอารมณ์ค้างคาจากเมื่อวานหลงเหลืออยู่ด้วยแล้ว ผมก็เผลอปล่อยตัวโอนอ่อนไปตามแรงกระทำของคนตรงหน้าอย่างลืมตัว
เนิ่นนานทีเดียวที่เราจูบกัน คีธถอนริมฝีปากจากผมอย่างอ้อยอิ่ง พรมจูบบนใบหน้าและไล้ลามไปยังลำคอ ผมกระตุกเล็กน้อยทันทีที่สัมผัสได้ถึงแรงขบเบาๆ และกระตุกหนักขึ้นไปอีกเมื่อคีธไม่ได้หยุดแค่ลำคอ แต่ยังมุ่งหน้าไปยังยอดอก ดูดลิ้มชิมรสราวกับได้กินขนมหวานก็ไม่ปาน
ผมที่ปกติไม่เคยถูกจู่โจม มีแต่เป็นฝ่ายจู่โจม พอถูกกระทำแบบนี้ก็ไร้เรี่ยวแรงไปฉับพลันแม้ว่าสติสัมปชัญญะจะพร่ำบอกให้ผมปฏิเสธหมอนั่น ทว่าร่างกายกลับไปเป็นไปตามนั้นเลยแม้แต่น้อย แถมทำได้ดีที่สุดก็แค่เพียงว่าเสียงขาดๆ หายๆ ออกมาเท่านั้น
“ยะ...อย่า...”
เสียงของผมไม่มีผลอะไรกับคีธเลย หมอนั่นไม่แม้แต่จะละสายตาจากหน้าอกผมขึ้นมามองหน้าด้วยซ้ำ ยังคงวนเวียนอยู่อย่างนั้นจนความแข็งขืนจากช่วงล่างปรากฎขึ้นมาให้ผมสัมผัสได้
คำว่า ‘ฉิบหาย’ พร่างพรายเข้ามาในหัวผมครั้งแล้วครั้งเล่า ผมเกลียดความเป็นเพศชายของตัวเองขึ้นมาก็ในตอนนี้ที่พอมีอารมณ์กับการถูกกระตุ้นแล้ว มันมักจะหยุดไม่ได้ และเพราะหยุดตัวเองไม่ได้นี่แหละที่ทำให้คีธได้ใจ เลื่อนมือไปจัดการปลดเข็มขัดกางเกงผมภายในเสี้ยววินาที รู้สึกตัวอีกที กางเกงยีนส์ก็ถูกร่นไปยังข้อเท้าแล้ว
ผมรีบคว้าคอเสื้อมันเอาไว้ทันทีที่มันละจากแผ่นอกของผมเลื่อนต่ำลงไปข้างล่างขณะที่ผมยังนั่งอยู่ที่เดิม
“ดะ...เดี๋ยว ฉะ...ฉันว่ามันจะเลยเถิดเกินไปแล้ว...”
“ไม่ต้องห่วงกวินทร์ ไม่ได้จะผูกพัน” คีธว่านิ่งๆ
มันไม่ได้สำคัญว่าจะผูกพักหรือไม่ผูกพันเว้ย! มันสำคัญตรงที่สิ่งที่มึงจะทำเป็นอันดับต่อไปมันเป็นเรื่องอันตรายสำหรับกูเนี่ยแหละ!
“พะ...พอเลย ฉันไม่ต้องการ” ผมรีบรวบรวมสติ บอกปัดรนๆ แล้วพยายามจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
คีธผลักผมให้นั่งลง จ้องหน้าผมนิ่ง
“อยู่เฉยๆ”
ว่าอย่างเดียวคงไม่หนำใจ มันยังเลื่อนมือมาสัมผัสส่วนอุ่นร้อนบนร่างกายบนด้วย ผมสะดุ้งเฮือกทันทีที่ฝ่ามือหยาบกร้านเลื่อนเข้ามาใต้ร่มผ้า ความรู้สึกวาบหวิวที่ไม่ได้สัมผัสมาพักใหญ่พุ่งพล่านไปทั่วร่างจนผมไม่เป็นตัวของตัวเอง หากแต่ยังพอมีสติ ยกมือไม้สั่นเทามาจับมือใหญ่ที่วุ่นวายกับร่างกายตัวเองเพื่อพยายามดึงออกได้ แต่ก็เหมือนแค่จับเฉยๆ เพราะผมไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะทำอะไรแม้แต่น้อย นอกจากบีบมือนั้นแน่นเท่านั้น
อึดใจเดียว สิ่งที่เข้ามากระตุ้นเร้าผมก็ไม่ได้มีแค่มือเมื่อคีธก้มหน้าต่ำลงมาพร้อมกับป้อมปราการสุดท้ายที่หลุดหายไป ผมครางออกมาไม่ได้ศัพท์ก็ในตอนนี้จนคีธต้องผละมาจ้องหน้าผมแล้วหยักยิ้มเจ้าเล่ห์
“เสียวเบาๆ กวินทร์”
มะ...มึง! มึงรอจังหวะที่จะพูดประโยคนี้มานานแล้วสินะ!
“กะ...ก็หยุดสิวะ...อืม...”
ฉะ...ฉิบหาย... แค่จะออกปากห้ามมันก็ยังทำไม่ได้เลย
พูดไม่ทันจบประโยค คีธก็จัดการสยบผมอีกระลอก ไม่นานนัก หัวสมองผมก็สว่างวาบพร้อมกับความรู้สึกอัดอั้นที่ถูกปลดปล่อย จากตอนแรกที่ไร้เรี่ยวแรงอยู่แล้ว ตอนนี้มีเสียงหอบเล็กๆ ดังขึ้นมาด้วย
คีธลุกขึ้นมาประกบปากจูบผมเบาๆ พลางว่าด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“ตีตราจองไว้ก่อน ไว้ค่อยผูกพันทีหลัง ถึงตอนนั้นค่อยไปหาที่ที่กวินทร์เสียวดังกัน”
มะ...ไม่มีครั้งที่สองแล้วเว้ย!
ผมรีบผลักมันออก แต่งตัวอย่างรนๆ พร้อมกับความรู้สึกผิดที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง
กะ...กูถูกผู้ชายตีตราจอง... แถมผู้ชายที่ว่าก็เป็นมนุษย์ต่างดาวด้วย
มะ...มึงมารีดพิษกูหน้าตาเฉยอย่างนี้ได้ยังไง!
ความรู้สึกยามฟันผู้หญิงเป็นยังไง เวรกรรมมาเอาคืนผมทั้งต้นทั้งดอก ผมมองหน้าคีธอย่างขุ่นเคือง แล้วต่อยเข้าที่อกมันไปเต็มแรงหนึ่งที
“กวินทร์...” คีธเรียก น้ำเสียงฟังเหมือนจะรู้สึกผิดที่ทำกับผมแบบนี้ แต่สีหน้ามันนี่ไม่ได้บ่งบอกสักนิดเลยว่ารู้สึกผิด
ยิ้มเผล่อย่างนั้นคงสาแก่ใจมึงแล้วสินะ!
“กวินทร์ เดี๋ยว...” แล้วมันก็เรียกผมอีกครั้งเมื่อเห็นผมไม่ยอมพูดกับมัน เอาแต่มุ่งหน้าออกจากห้องแต่งตัวไปอย่างเดียว
“หุบปากไปเลย!” ผมชะงักงัน หันไปแหวอย่างหัวเสีย แต่คีธก็ไม่ได้สะทกสะท้าน เพียงว่าเนิบๆ เท่านั้น
“หน้ายังแดงอยู่นะ แต่งตัวก็ยังไม่เรียบร้อย เช็ดเหงื่อด้วย เดี๋ยวคนอื่นสงสัย”
ผมร้อนวาบไปทั้งหน้าที่ถูกทักแบบนั้น พลันชักสีหน้าใส่มันทันใด
“น่ารัก” มันตอบผมมาแบบนี้
มะ...มึงไม่ต้องทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเลย กูเพิ่งจะถูกมึงจับฆาตกรรมหมู่ลูกๆ กว่าร้อยล้านตัวมาเมื่อกี้เองนะเว้ย! ถึงจะไม่ได้มีอะไรกันก็เถอะ แต่แบบนี้มัน... มะ...แม่งเอ๊ย นี่มันชักเลยเถิดกันไปใหญ่แล้ว!
 --------------------------------------
ตอนนี้หนูแดงเริ่มเปิดจองหนังสือนิยายเรื่องนี้แล้วนะคะ แม่ยกท่านไหนสนใจ เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่นี่นะคะ https://web.facebook.com/media/set/?set=a.919083514814169.1073741840.122468307809031&type=3

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Nam-Ing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ยคีธน่าร๊ากกก   :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
รอให้ผูกพันกันอยู่ค่ะ  :hao6:

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
งืออออออ เอาอีกๆๆๆๆ :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ pedchara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
ปกติจะไม่อ่านแนวนี้  แต่แบบสนุกอ่ะ
ชอบกวินนะ นางเป็นเคะเถื่อนได้อีก
 :mew1:

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
555 ฮาอ่ะ แต่คีธใช้วิธีถูกละ ดื้อๆอย่าเควินต้องดื้อกลับเงี้ยแหละ  :jul3:

ป.ล. Merry Christmas

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
เค้าตีตราจองกันแล้วววววววววววววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
(ว่าที่)สามีตีตราสินะคะ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
แหมมมีการตีตราจอง5555

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
รีบมาต่อเลยยยยยยยยยย   :hao7:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ชี้แจงนิดนึงค่ะ ตอนนี้เป็นตอนพิเศษที่หนูแดงจะเอาลงในเว็บให้อ่านนะคะ เป็นตอนพิเศษที่ไม่ได้วางแผนว่าจะเขียนตั้งแต่แรก แต่เพิ่งมาตัดสินใจได้ว่าจะเขียนก็ตอนคริสมาสต์นี่แหละ ถือว่าเป็นของขวัญเซอร์วิซแม่ยกเล็กๆ ฮาาา
หนูแดงจะเอาตอนนี้ลงไปใส่ในหนังสือด้วยนะคะ ไม่รวมกับตอนพิเศษที่ตั้งใจจะเขียนตั้งแต่แรก อันนี้คือของแถมนะ ส่วนตอนพิเศษของปีใหม่นี่ไม่รู้ว่าจะเขียนมั้ยนะคะ ถ้ามีไอเดียก็อาจจะเขียนแล้วแถมเข้าไปในหนังสือให้อีกตอน แล้วก็เอาให้อ่านกันในเว็บด้วย ส่วนตอนอื่นๆ ถ้าใครอยากอ่านก็อุดหนุนหนังสือน้า

มาเลยคริสมาสต์ไปนิดนึง ไม่ว่ากันเนอะ แหะๆ ^^;;
*******************************

Special Episode: Santa Keith is coming to Kawin[1]

“You better watch out. You better not cry. Better not pout. I’m tell you why. Santa Claus is coming to town (นายควรระวังตัวให้ดีนะ อย่าร้องไห้ อย่าทำหน้างอ จะบอกให้นะว่าทำไม ก็ซานต้าคลอสกำลังมายังไงล่ะ)”
“...”
“He’s making a list and checking it twice. Gonna find out who’s naughty and nice. Santa Claus is coming to town (เขากำลังทำรายงานอยู่นะ แล้วก็เช็คสองรอบด้วย กำลังหาว่าใครที่ทำตัวดี ใครทำตัวไม่ดี ซานต้าคลอสกำลังมานะ)”
“ริชาร์ด...”
“He sees you when you’re sleeping. He knows when you’re awake. He knows if you’ve been bad or good so be good for goodness sake! (เขาเห็นนะเวลานายนอนหลับ เขาก็เห็นนะเวลานายตื่น เขารู้ด้วยว่านายทำตัวดีหรือไม่ดี ฉะนั้นทำตัวดีๆ เถอะนะ)”
“ริชาร์ด...หุบปาก”
“Oh! You better watch out! You better not cry! Better not pout! I’m telling you why! Santa Claus is coming to town! Santa Claus is coming to town! (โอ! นายควรระวังตัวให้ดีนะ! อย่าร้องไห้! อย่าทำหน้างอ! จะบอกให้นะว่าทำไม! ก็ซานต้าคลอสกำลังมายังไงล่ะ! ซานต้าคลอสกำลังมาที่เมือง!)”
“บอกให้หุบปากเนี่ยไม่ได้ยินหรือไงวะ! หนวกหูเว้ย!”
บอกดีๆ แล้วมันยังแหกปากไม่หยุด ผมก็เลยแผดเสียงใส่มันอย่างรำคาญ ริชาร์ดชะงักกึก ละมือจากการประดับต้นคริสมาสต์ที่ตั้งอยู่กลางห้องนั่งเล่นบ้านมันหันมามองผมที่นั่งกอดอกมองมันอย่างหัวเสียพร้อมกับยิ้มร่า ทิ้งดาวสำหรับประดับยอดต้นคริสมาสต์ เดินมาทิ้งตัวนั่งข้างผม
“หงุดหงิดอารมณ์เสียอะไร ได้โปรดบอกริชาร์ด”
หงุดหงิดที่มึงแหกปากร้องเพลง Santa Claus is coming to town ไม่หยุด แถมเสียงก็เหมือนหมาฉี่ใส่สังกะสีนี่ไงไอ้เจ๊ก!
แต่ผมไม่อยากจะใส่ใจกับเสียงร้องเพลงไม่ถูกคีย์ของมันเลยเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน
“นายจะอารมณ์ดีอะไรนักหนาวะกับอีแค่วันคริสมาสต์”
“ก็ต้องอารมณ์ดีสิวะ ก็คืนนี้เราจะมีงานปาร์ตีฉลองคริสมาสต์อีฟ นายไม่ดีใจหรือไง เนื้อตัวฉันเต้น อยากจะแดนซ์ฉลองคริสมาสต์จะแย่อยู่แล้ว” ริชาร์ดเลิกคิ้วใส่ผมก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเริงรื่น
ผมนี่เบ้หน้าใส่มันเลยที่เห็นมันกระตือรือร้นเกินเหตุ แต่ก็ปกติของมันแหละ ก็มันเป็นนักปาร์ตีตัวพ่อนี่นา ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ยังไม่มีผัวหรือมีผัวแล้ว มันก็ยังทิ้งความเป็นนักปาร์ตีไม่ได้อยู่ดีถึงมันจะเพลาเรื่องดูดกัญชาไปบ้างแล้วก็เถอะ ส่วนปาร์ตีฉลองคืนคริสมาสต์อีฟที่มันว่าก็เป็นงานปาร์ตีสไตล์มันนั่นแหละ เมาเหล้าเมากัญชาหัวราน้ำ ไม่ใช่งานปาร์ตีขอบคุณพระเจ้าอะไรนี่หรอก ผมรู้มาเกือบเดือนแล้วว่ามันจะจัดงานเลี้ยงที่บ้าน เพราะมันเล่นไปประกาศบอกรุ่นน้องในชมรมของมันไว้ตั้งแต่ต้นเดือนหลังจากที่มันรู้ว่าพ่อแม่ชาวคริสเตียนผู้เคร่งครัดของมันจะไปฉลองคริสมาสต์ที่บ้านญาติในรัฐอื่น วันนี้ผมก็เลยถูกมันลากมาช่วยจัดสถานที่ให้พร้อมสำหรับค่ำคืนนี้อย่างที่เห็นนี่แหละ
แต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้ช่วยอะไร มาถึงมันก็ให้ผมมานั่งเฉยๆ ดื่มเบียร์ กินป็อปคอร์น ดูมันกับแอสตันกระหนุงกระหนิงด้วยความหมั่นไส้แทน ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะช่วยนะ แต่พอผมทำท่าจะหยิบจับ ไม่ริชาร์ดก็แอสตันก็ต้องเข้ามาแย่งทุกที แล้วพวกมันก็หนีไปทำกันสองคน ปล่อยให้ผมนั่งเฉาเป็นต้นไม้หมดใบหน้าหนาวอย่างที่เห็น เพิ่งจะมีปากมีเสียงก็ตอนที่ริชาร์ดมันแหกปากร้องเพลงลั่นไม่หยุดตอนมันกำลังช่วยกับแอสตันตกแต่งต้นคริสมาสต์นี่แหละ
ทว่านั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ผมหัวเสียเท่าไหร่นัก แค่รำคาญ เรื่องที่ทำให้ผมหัวเสียเป็นอีกเรื่องมากกว่า
“นายก็ยิ้มได้แล้วน่า คริสมาสต์ทั้งที อย่ามัวทำหน้าเบื่อโลกสิวะ ซานต้ากำลังมองอยู่นะ”
“ช่างหัวซานต้าแม่งเหอะ” ผมว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ทำเอาริชาร์ดยิ้มเผล่ทันใด
“โหๆ หงุดหงิดประหนึ่งวัยหมดเมนส์ แค่คีธไม่อยู่ฉลองคืนคริสมาสต์อีฟด้วยแค่นี้ หงุดหงิดเป็นหมาแม่ลูกอ่อนเลยนะ”
นั่นแหละ เรื่องที่ทำให้ผมหัวเสียล่ะ
“อย่าพูดมากน่า” ผมบอกปัดไป ไม่อยากจะพูดถึงพลางกระดกกระป๋องเบียร์ในมือขึ้นดื่ม
ที่ไม่อยากจะพูดถึงก็เพราะไม่อยากจะหัวเสียมากขึ้นกว่าเดิมนี่แหละ มีอย่างที่ไหนวะ วางแผนกับผมซะดิบดีว่าจะอยู่ฉลองด้วยกันตั้งแต่คืนคริสมาสต์อีฟแล้วโต้รุ่งไปวันคริสมาสต์ แต่จู่ๆ ก็ดันมีเรื่องให้คีธต้องยกเลิกแผนที่วางไว้กับผมจนได้ เรื่องที่ว่าก็เรื่องการอบรมผู้พิทักษ์ยูนิกม่าบ้าบอคอแตกอะไรนี่แหละ เห็นแอสตันบอกว่าพ่อของหมอนั่นที่ตอนนี้ปกครองดาวยูนิกม่ามีคำสั่งเรียกหัวหน้าผู้พิทักษ์กลับไป คีธที่เพิ่งจะได้รับตำแหน่งหมาดๆ เลยต้องระเห็จไปอย่างไม่มีทางเลือก และผมจะไม่อะไรเลยถ้าการกลับไปของมันในครั้งนี้ไม่ได้กลับไปพร้อมกับเจเนซิสที่โดนเรียกตัวไปเช่นกัน
แม่ง กลับไปกับใครไม่ไป ดันไปกับแฟนเก่า แค่รู้ว่ามันไม่ได้อยู่ฉลองกับผมก็แย่ละ นี่แย่หนักเข้าไปใหญ่ ถ้าเกิดพวกมันเกิดไปทบทวนความหลังกันในยานอวกาศขึ้นมาตอนคืนคริสมาสต์อีฟจะทำยังไงวะ!
ยิ่งคิด ความหงุดหงิดก็ปรากฏออกทางสีหน้าจนเก็บไม่มิด แอสตันที่กำลังทะเลาะกับสายรุ้งที่แข้งพันขาอยู่เลยเดินเข้ามาหาผม ทิ้งตัวลงนั่งข้างริชาร์ดแล้วพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วงคีทาเยหรอกกวินทร์ ไปแค่ไม่กี่วันเดี๋ยวก็กลับมา”
ไม่กี่วันบ้านมึงก็คือวันคริสมาสต์อีฟกับวันคริสมาสต์นะเว้ย! มึงไม่รู้หรือไงว่ากูนั่งนับวันรอวันนี้มาเป็นเดือนแล้ว! พ่อมึงก็เป็นบ้าอะไร เกิดกระสันอยากจะเรียกข้าทาสบริพารไปพบเอาตอนวันสำคัญแบบนี้ แม่ง ไม่ได้ดูกาลเทศะเลย! ที่สำคัญ... ทำไมแม่งไม่เรียกไอ้แอสตันกลับไปด้วยวะ! เรียกแต่คีธกับเจเนซิสไปทำไม!
ผมอยากจะตะโกนใส่หน้ามันแบบนี้เหลือเกิน แต่ก็ทำได้แค่ว่าเสียงขุ่นแล้วทำท่าไม่แยแสเท่านั้นแหละ
“เออรู้ จริงๆ ประเด็นมันก็ไม่ได้อยู่แค่ว่าหมอนั่นจะไปกี่วัน”
“แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าคีทาเยจะไปรื้อฟื้นความหลังกับเจเนซิสหรอก ก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าชาวยูนิกม่าน่ะผูกพันได้แค่คนเดียว ถ้าหักหลังนี่มีโทษถึงตายเชียวนะ คนเคร่งกฎระเบียบอย่างคีทาเยไม่ทำหรอก เจเนซิสก็เหมือนกัน” แอสตัวว่าออกมาอย่างรู้ทัน เรียกผมหันไปมองมันทันใดที่ถูกพูดแทงใจดำ
“ไม่ต้องทำมาเป็นรู้ทันว่าฉันคิดอะไร”
“อ๋อ ที่แท้ก็หึงผัวที่ไปกับแฟนเก่า” ริชาร์ดหัวเราะร่วน
“นายก็อีกคน ไม่ต้องทำมาเป็นรู้ทัน” ผมยกกระป๋องเบียร์ขึ้นสูง ทำท่าเหมือนจะขว้างใส่มัน แอสตันเลยรีบคว้าริชาร์ดไปกอดเหมือนจะปกป้องขณะที่ริชาร์ดหัวเราะเสียงดังไม่เลิก
ผมเห็นพวกมันกอดกันกลมดิกแล้วก็ยิ่งเกิดอาการขวางหูขวางตาหนักกว่าเดิม ทำท่าฮึดฮัดนิดหน่อยก่อนจะกระแทกกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะ
ท่าทางที่ดูไม่ดีขึ้นเลยของผมทำให้ริชาร์ดหยุดหัวเราะ ปลอบใจผมแทน
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ก็แค่ไม่ได้อยู่ด้วยกันในวันคริสมาสต์อีฟกับวันคริสมาสต์เฉยๆ วันอื่นๆ พวกนายก็อยู่ด้วยกันตลอดนี่ ไม่เป็นไรหรอก”
มึงก็พูดได้สิไอ้เจ๊ก! ผัวมึงอยู่นี่นี่หว่า! แล้วไอ้แค่ไม่ได้อยู่ด้วยกันในวันคริสมาสต์อีฟกับวันคริสมาสต์ที่มึงว่าเนี่ย มันเป็นคริสมาสต์แรกของกูกับคีธนะเว้ย!
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด หงุดหงิดจนผมรู้สึกว่าทนคุยกับไอ้คู่ผัวตัวเมียสองคนนี่ไม่ไหวอีกต่อไป ผมเลยโบกมือไล่พวกมันไปให้พ้นๆ แทน
“อย่ามาพูดนั่นพูดนี่อยู่เลยว่ะ รำคาญ จะไปทำอะไรก็ไปทำไป ฉันอยากอยู่คนเดียว”
พอได้ยินผมว่าอย่างนั้น ริชาร์ดก็รู้เลยว่าผมอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ใกล้จะระเบิดเต็มทน และมันก็คงไม่อยากให้งานปาร์ตีของมันกร่อยเพราะผมแน่ มันเลยปล่อยให้ผมนั่งสงบสติอารมณ์โดยการชวนแอสตันไปตกแต่งต้นคริสมาสต์ต่อ
ไม่กี่ชั่วโมงให้หลังก็ได้ฤกษ์เริ่มงานปาร์ตี บรรดาเพื่อนฝูง รุ่นพี่และรุ่นน้องคณะเดียวกันทยอยมาเต็มบ้านริชาร์ด ผมมองคนพวกนั้นอย่างงุนงงนิดหน่อยที่เห็นบางคนไม่คุ้นหน้าคุ้นตาด้วย มารู้ทีหลังก็ตอนที่ริชาร์ดออกมาต้อนรับพวกนั้นแล้วบอกกับผมว่ามันอนุญาตให้พวกรุ่นน้องชวนเพื่อนคณะอื่นมาด้วยได้ งานเลี้ยงจะได้สนุกขึ้น
มิน่าล่ะ ผมถึงได้ไม่คุ้นหน้าพวกนี้เลย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจมากนักหรอก นอกจากฝังตัวอยู่บนเบาะโซฟาในห้องนั่งเล่นที่บัดนี้คลาคล่ำไปด้วยหนุ่มสาววัยไล่เลี่ยกับผมที่กำลังดื่มกินและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน พอทุกอย่างเข้าที่ ริชาร์ดก็จัดการยกเตาบารากุมาวางกลางห้อง พร้อมแจกบุหรี่ยัดไส้กัญชาให้อย่างทั่วถึง ก่อนที่เสียงดนตรีบีทหนักๆ จะดังกระหึ่มไปทั่ว ไฟในบ้านดับลง กลายเป็นไฟดิสโก้ที่ส่องแสงแวบไปแวบมาชวนให้ตาลาย ส่วนคนอื่นๆ ก็เริ่มออกสเต็ปวาดลวดลายกันอย่างเมามัน
ผมเห็นภาพบรรยากาศความสนุกนั่นแล้วก็ไม่ได้รู้สึกสนุกตามเลยแม้แต่น้อย รังแต่จะหัวเสียหนักกว่าเดิมที่ได้เห็นริชาร์ดกับแอสตันอยู่เคียงคู่กัน ไม่ใช่แค่พวกมันสองคนเท่านั้น คู่รักคู่อื่นก็ด้วย
นี่มัน Forever Alone ชัดๆ!
ผมเลยลุกขึ้น ตั้งท่าจะหนีขึ้นไปห้องนอนของริชาร์ดที่อยู่ข้างบน ทว่าแค่ลุกเท่านั้นแหละ ริชาร์ดที่นั่งนัวเนียกับแอสตัน พากันดูดบารากุอยู่ไม่ไกลก็เข้ามาคว้ามือผมหมับทันทีที่ผมเดินผ่าน
“จะไปไหนน่ะเควิน” มันถามเสียงดังแข่งกับเสียงดนตรี ตอนนี้ตาตี่ๆ ของมันเริ่มเยิ้มละ ให้เดานะ ผมว่ามันคงเริ่มเมากัญชาแล้วล่ะ
“ไปห้องนาย” ผมว่าส่งๆ ริชาร์ดถึงกับย่นคิ้ว
“เฮ้ย ไปทำไม อยู่สนุกด้วยกันก่อน”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยาก...” ผมทำท่าจะปฏิเสธ แต่ไม่ทันจะได้พูดจบ ริชาร์ดก็ลุกจากตักของแอสตันขึ้นมากอดคอผมพลัน
“นายเขียนจนหมายถึงซานต้าคลอสหรือยังวะ” แล้วมันก็เปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย
“จดหมายถึงซานต้าคลอสอะไร”
“ก็นั่นไง” มันว่าก่อนพยักปลายคางไปยังกระดานไม้ที่อยู่บนผนังห้อง
มันเป็นกระดานไม้สำหรับเอาไว้ปักโน้ตนั่นแหละ แต่ตอนนี้มันมีตัวหนังสือแปะหราอยู่ว่า ‘จดหมายถึงซานต้า’ และมีกระดาษโพสอิสแปะอยู่เต็มไปหมด กระดาษโพสอิสพวกนั้นก็เป็นพวกคำอธิษฐานของบรรดาคนที่มาร่วมงานปาร์ตีนี่แหละ
ผมมองแล้วก็ย่นคิ้ว ไม่เห็นจะรู้เลยว่ามันทำอะไรแบบนี้ด้วย
“ไปเขียนคำอธิษฐานสิ อยากได้อะไรก็บอกซานต้า” มันยุ ผมหันไปมองมันด้วยสีหน้าเนือยๆ
“ไม่ล่ะ ปัญญาอ่อน”
“เฮ้ย ปัญญาอ่อนอะไร ไปเลย ไปเขียนเลย มา ฉันพาไป” แล้วมันก็ลากผมไปหยุดที่หน้ากระดานนั้นทันควัน
โอเค ผมรู้ละว่าตอนนี้มันเริ่มเมา ถ้าเป็นเวลาปกติแล้วผมปฏิเสธเสียงแข็งแบบนี้ มันไม่ตอแยหรอกเพราะมันรู้ว่าถ้าตื๊อผมมากๆ ผมได้โวยวายใส่มันแน่ แต่เพราะมันเริ่มเมา มันก็เลยไม่ได้สนใจ คว้าปากกากับกระดาษโพสอิสมาให้ผมรับไว้เฉย
“เขียนสิ อยากได้อะไร บอกซานต้าไปเลย”
“นี่นายอายุสามขวบหรือไงวะ” ผมยังแหวใส่มันอยู่ แต่มันไม่สนใจ ยุผมไม่เลิก
“เอาเถอะน่า เขียนเถอะๆ”
แม่ง เขียนก็เขียนวะ ตัดปัญหาไป รำคาญชะมัด
ผมทำท่าจะจรดปลายปากกา เขียนว่าอยากได้ตุ๊กตาหรือหุ่นยนต์อะไรเทือกนี้ไปจะได้จบๆ ทว่ายังไม่ทันจะได้เขียน ริชาร์ดก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน
“คิดดีๆ ก่อนเขียนนะ เอาของที่นายอยากได้ อย่าเขียนส่งๆ”
“ไม่ต้องมารู้ทัน” ผมตอกกลับเสียงเขียว พลันยืนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าอยากได้อะไรก่อนจรดปลายปากกาลงไป
ริชาร์ดนี่ยื่นหน้ามาดูตัวหนังสือในกระดาษโพสอิสด้วยความอยากรู้อยากเห็นเลย แต่ขอโทษเถอะ ผมรู้ว่ามันอยากรู้ก็เลยเขียนเป็นภาษาไทย ก่อนจะเอาไปแปะบนกระดาน
“เสร็จแล้ว”
“โห่ย เขียนภาษาอังกฤษสิวะ แบบนี้ก็ไม่รู้สิว่านายอยากได้อะไร”
“ก็ไม่อยากให้นายรู้ถึงได้เขียนเป็นภาษาอื่นเนี่ย ฉันไปละ” ผมตัดบท ทำท่าจะเดินหนีมันอีกครั้ง
ทว่าก็ไม่ได้เดินหนีอีกนั่นแหละ ริชาร์ดมันก็คว้าคอเสื้อผมเอาไว้ก่อน
“อย่าเพิ่งไปสิวะ ยังไม่หมด”
“อะไรอีก” ตอนนี้น้ำเสียงผมเริ่มบ่งบอกชัดเจนละว่าโคตรจะรำคาญมันเลย แต่มันก็ไม่สะทกสะท้าน ยิ้มเผล่ออกมา
“นายยังไม่ได้บอกซานต้าเลยว่านายอยากได้อะไร”
“ก็บอกแล้วนี่ไง ไอ้กระดาษโพสอิสเนี่ย”
ริชาร์ดทำเสียงจุ๊ปากพลางส่ายหน้า
“ไม่ใช่ อันนั้นแค่จดหมาย ฉันหมายถึงบอกกับซานต้าตัวจริงต่างหาก”
อะไรของมึงวะ อย่าบอกนะว่าจะให้กูไปนั่งตักซานต้าแล้วกระซิบบอกว่ากูอยากได้อะไรเหมือนที่เด็กๆ ทำกับซานต้าคลอสปลอมๆ ในห้างน่ะ!?
ไม่ต้องรอให้มันตอบ ผมก็ว่าคงจะจริง เพราะทันทีที่สิ้นเสียงมัน เสียงเฮโลและเสียงปรบมือของคนรอบๆ ข้างก็ดังเกรียวกราวขึ้น ก่อนที่ชายรูปร่างสูงใหญ่ในชุดซานต้าคลอสจะโผล่หน้าเข้ามาในห้องนั่งเล่น ผมหันไปมองแล้วก็ขมวดคิ้วมากขึ้นกว่าเดิมทันใด
“ริชาร์ด... อย่าบอกนะว่า...”
 

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Special Episode: Santa Keith is coming to Kawin[2]

“ไปนั่งตักแล้วบอกซานต้าสิว่าอยากได้อะไร หนูน้อยเควิน”
ป้ามึงเถอะ! กูไม่ได้อายุสามขวบนะเว้ย!
“ตลกละ เดี๋ยวต่อย” ผมแง่งใส่มันทันใด ง้างหมัดใส่ด้วย
หากแต่ริชาร์ดมันไม่สนใจสักนิด หัวเราะร่วนกับไอ้บ้าซานต้านั่นที่บัดนี้ไปทรุดตัวนั่งบนโซฟาเดี่ยวตัวหนึ่ง แล้วจัดการปล่อยให้สาวๆ มานั่งตักกระซิบบอกว่าอยากได้อะไร ไม่ก็หอมแก้มที่ติดหนวดปลอมยาวๆ อยู่เป็นพัลวัน ไม่ใช่แค่สาวๆ แต่หนุ่มๆ ใจสาวบางคนก็ด้วย จนดูเผินๆ เหมือนกับการนั่งตักซานต้าคลอสนั่นจะเกิดเป็นสงครามย่อมๆ
ผมไม่แปลกใจนักหรอกว่าทำไมใครต่อใครถึงได้อยากแย่งกันนั่งตักซานต้าคลอสนั่นนัก ก็ซานต้าคลอสนี่มันไม่ใช่ลุงแก่ๆ พุงพลุ้ย แต่เป็นหนุ่มร่างใหญ่ประหนึ่งนายแบบ กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ นี่นา ถึงจะไม่รู้ว่าหน้าตาภายใต้หนวดเฟิ้มนั่นเป็นยังไง หรือลอนกล้ามใต้ชุดสีแดงแขนยาวขายาวนั่นจะเป็นลอนสวยแค่ไหนก็ตาม ผมก็บอกได้เลยว่าหมอนั่นโคตรจะดูดีในชุดวานต้าคลอสเฉยๆ เลย
ทว่านั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจนัก นอกจากทำท่าจะหนีอย่างเดียว หากแต่จังหวะที่ผมกำลังจะหนี ริชาร์ดก็คว้าคอเสื้อผมไว้ได้อีก
“ไปสิ ถึงตานายแล้ว”
“ไม่เอาเว้ย นายอยากนั่งก็ไปนั่งเองสิวะ” ผมโวยวายใส่มันทันใด สะบัดตัวให้พ้นจากการเกาะกุมของริชาร์ดด้วย
แต่ริชาร์ดไม่ปล่อยผม มิหนำซ้ำยังพยักหน้าเรียกแอสตันที่นั่งมองอยู่นานให้มาช่วยลากผมอีก สุดท้ายผมก็ถูกจับมานั่งบนตักของไอ้ซานต้านี่จนได้
ผมทำหน้าบอกบุญไม่รับทันทีที่บั้นท้ายสัมผัสกับท่อนขาแข็งแรงทันที พลางมองริชาร์ดกับแอสตันอย่างกินเลือดกินเนื้อขณะที่พวกมันไม่รู้สึกรู้สาอะไร พยักหน้าเป็นสัญญาณให้ผมขอพรกับซานต้าอยู่นั่นแหละ
แม่ง พวกมึงเล่นสนุกกันมากไปละ!
“ไม่ตลกเลยริชาร์ด” ผมแค่นเสียงเขียวออกมา ทำท่าจะลุกด้วย แต่ก็ต้องนั่งลงไปอีกเมื่อท่อนแขนแกร่งของคนที่ผมนั่งตักอยู่โอบเอวผมไว้กะทันหัน
ผมหันขวับไปมองหน้ามันทันใด แสงไฟวิบวับในห้องทำให้ผมมองเห็นหน้ามันไม่ชัดนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับการที่มันกอดผมนี่แหละ
“ปล่อย”
“ชื่ออะไรล่ะหนูน้อย” มันแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ แบบดัดเสียงพร้อมๆ กับที่ผมพูด
ผมย่นคิ้ว พ่นลมหายใจออกมาอย่างหัวเสีย
“ไม่เล่น”
“ชื่ออะไร” แล้วมันก็ว่าออกมาอีก ผมเลยกลอกตา บอกๆ ชื่อตัวเองไปให้จบๆ
“เควิน”
“อยากได้อะไรเป็นของขวัญคริสมาสต์ล่ะหนูน้อยเควิน” มันยังเล่นอยู่
ผมก็เลยพูดตอกหน้ามันไป
“เซ็กส์เด็ดๆ ทั้งคืน... ให้ได้มั้ยล่ะ”
สิ้นเสียงผม เสียงโห่ร้องของคนอื่นๆ ที่ได้ยินคำขอของผมก็ดังตามมา ซานต้าคลอสนั่นถึงกับปล่อยมือออกจากเอวผมเลย ดวงตาที่ดูไม่ออกว่าเป็นสีอะไรประกายวาวขึ้นมาแวบหนึ่งด้วย ไม่รู้ว่าผมตาฝาดไปหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่สนใจแล้ว นอกจากลุกขึ้นจากตักมันเท่านั้น
“ขอของเด็ดว่ะเควิน” ริชาร์ดทักผมด้วยสีหน้าระรื่นทันทีที่ผมเดินมาทางมัน
“พอใจนายหรือยังล่ะไอ้ลิงเหลือง” ผมแหวใส่มันพร้อมด่าสบถด้วยคำเหยียดๆ ไปด้วย ริชาร์ดไม่ถือสา หัวเราะแล้วตบบ่าผมเต็มแรง
“เลิกหงุดหงิดได้แล้วน่า มาสนุกกัน ไม่มีคีธนายก็สนุกได้”
กูถึงได้บอกไงว่ามึงมีไอ้แอสตันอยู่กับมึง มึงก็พูดได้ไง!
“ดูนั่น พวกนั้นเริ่มเล่นเกมกันแล้ว” แล้วมันก็เบนความสนใจจากผมไปยังพวกรุ่นน้องที่พากันแบกทาวเวอร์เบียร์ต่อท่อเข้ามาในห้อง
ทว่าในทาวเวอร์นั้นไม่ได้มีเบียร์อยู่ แต่เป็นเหล้าผสมที่ไม่รู้ว่าแม่งผสมอะไรลงไปบ้าง รู้อย่างเดียวก็คือถ้าเผลอหลวมตัวไปเล่นเกมกับพวกมันล่ะก็ มีหวังได้ลงไปกองกับพื้นแน่
“เล่นมั้ยเควิน” ดูเหมือนไอ้ริชาร์ดนี่อยากให้ผมสนุกเหลือเกิน
ผมเองก็เหนื่อยที่จะเถียงกับมันแล้วด้วย มองหน้ามัน ถอนหายใจแล้วก็พยักหน้า
“เอาเท่าที่ไหว ห้ามคะยั้นคะยอ” ผมดักคอไว้ด้วยรู้ว่าถ้าผมเล่น มันจะต้องเชียร์ให้ผมดื่มเยอะๆ
ริชาร์ดพยักหน้า แล้วก็ดึงผมเข้าไปหาเด็กพวกนั้น ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะส่งท่อสำหรับดูดเหล้าจากทาวเวอร์นั่นมาให้ กติกาของเกมก็เป็นที่รู้กัน ใครดื่มได้มากสุดภายในเวลาหนึ่งนาทีคือผู้ชนะ วัดกันจากตัวเลขบอกปริมาณบนทาวเวอร์นั่นแหละ เราเรียกกันเป็นขีด มีเด็กที่เล่นเกมไปก่อนหน้าดูดไปได้ขีดกว่าๆ ฉะนั้นถ้าผมอยากจะชนะ ผมต้องดูดให้เกินกว่ามัน
“พร้อมมั้ยครับ” เด็กคนที่ส่งท่อให้ผมถาม ผมพยักหน้าก่อนที่มันจะนับ
“งั้นนับสามแล้วเริ่มนะ หนึ่ง...สอง...สาม เริ่ม!”
ผมดูดไม่บันยะบันยังทันใด ไอ้ที่ว่าจะไม่เล่นๆ ตอนแรก หรือเล่นแต่แบบเอาเท่าที่ดื่มไหว กลายเป็นว่าพอเล่นแล้วมีเสียงคนเชียร์เยอะๆ ผมก็ดูดแบบตะบี้ตะบัน ไม่บันยะบันยังด้วยจนผมเริ่มจะรู้สึกมึนๆ ขึ้นมา กอปรกับที่ดื่มไปก่อนหน้าตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว ผมเลยมึนหัวได้ง่ายดายกว่าเดิม ทว่าผมก็ไม่หยุด ดูดน้ำรสหวานผสมขมเฝื่อนลงคอกระทั่งคอเสื้อเปียกโชก หยุดอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงเด็กนั่นร้องบอกว่าหมดเวลา
“ไทม์อัพ!”
ผมส่งท่อคืนให้มันทันที เดินเซไปหาริชาร์ดด้วยขณะที่เด็กพวกนั้นส่งเสียงลั่นเมื่อเห็นว่าผมดื่มไปกว่าสามขีด นับเป็นขวดก็เท่ากับขวดเบียร์สองขวดใหญ่ๆ นั่นแหละ
“ไหวมั้ยวะเควิน” ริชาร์ดพยุงผมมานั่ง
 “ไหว แค่นี้เอง” ผมมองมันตาปรือบอกมัน “เอาเหล้ามาอีกซิ” แล้วก็ตามด้วยสั่งมัน
เอาเถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เมาแม่งให้หลับๆ ไปเลยแล้วกันจะได้ไม่ต้องหงุดหงิดอีก
ริชาร์ดพยักหน้าก่อนจะไปคว้าขวดแอลกอฮอล์อะไรสักอย่างมาให้ผม ผมก็ไม่รู้หรอก มันส่งอะไรมาให้ดื่มก็ดื่ม แถมยังเริ่มไปขอชนกับคนอื่นมั่วไปหมดอีกด้วย ผ่านไปร่วมชั่วโมง จากที่แค่มึนๆ ในตอนแรก ก็กลายเป็นว่าทรงตัวไม่อยู่ ไหลไปกับแรงโน้มถ่วงของโลกจนร่วงจากโซฟา ริชาร์ดที่เมาแอ๋พอกันต้องพยุงผมขึ้นมานั่งโดยมีแอสตันคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
“ไหว...ไหวมั้ยวะเค...อึ้ก...วิน”
“หวาย...”
บอกเลยว่าไม่ไหวแต่ปากมันดันตอบไปโดยอัตโนมัติตามแบบฉบับคนเมา
ริชาร์ดทิ้งตัวนั่งข้างผมอย่างหมดสภาพเช่นกันขณะที่คนอื่นๆ ก็เริ่มเมาเรื้อนไปเรี่อยเปื่อย แต่ทั้งผมทั้งมันก็ไม่มีแรงจะไปสนใจใครแล้ว ตอนนี้โลกของผมหมุนคว้างจนเห็นภาพซ้อน ขณะที่ริชาร์ดเริ่มสวมวิญญาณปลาหมึก คว้าแอสตันที่ปัดปอยผมปรกหน้าให้มันมาจูบดูดดื่มชนิดไม่แคร์สายตาใคร
จูบอย่างเดียวไม่ว่า ดึงให้แอสตันมานั่งข้างผมแทนที่มัน แล้วมันก็ปืนทุลักทุเลไปนั่งคร่อมแอสตัน จูบนัวเนียอีก
เห็นแล้วก็อยากจะถีบมันฉิบหาย มึงนี่เมาแล้วรุงรังเหรอวะ
ไม่ใช่อะไรหรอก เห็นแล้วอิจฉามัน แต่ทำอะไรไม่ได้ไง แม่ง คู่ตัวเองก็ไม่อยู่ ป่านนี้คงไปเสพสมกับไอ้เจเนซิสอยู่ที่ทางช้างเผือกแล้วมั้ง บัดซบเอ๊ย!
“ไอ้คีธ! ไอ้เวร! มึงจะไปได้กับไอ้เจเนซิสก็เรื่องของมึง!” ผมเมาจนยั้งสติตัวเองไม่อยู่ คือรู้สึกตัวว่าทำอะไรแต่บังคับตัวเองไม่ได้ แค่คิดว่าคีธอยู่กับเจเนซิส ผมก็ร้อนวาบไปทั้งตัว ตะโกนแหกปากด่ามันเป็นภาษาไทยลั่น
ริชาร์ดแม่งก็ไม่เข้าใจหรอก แต่ละริมฝีปากจากแอสตันมาหัวเราะใส่ผมแล้วก็เริ่มถอดเสื้อผัวมัน
เห็นอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากจะอยู่เป็นก้างขวางคอ ถึงมันจะไม่สนใจสายตาชาวบ้านที่เมาเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นไม่ไกล แต่ผมก็ไม่อยากจะเห็นไง เลยพยายามพาตัวเองขึ้นไปนอนที่ห้องมันแทน
“เดี๋ยว...อึ้ก...ฉันขึ้นไปนอนนะ...เอื้อก”
ริชาร์ดพยักหน้าทั้งที่หน้ามันยังซุกอยู่กับซอกคอแอสตัน ผมเลยเดินตุปัดตุเป๋คลำผนัง คลำโต๊ะเก้าอี้ไปตามทางเรื่อยๆ
เมาอย่างนี้นี่ทรงตัวลำบากฉิบเป๋งเลยให้ตาย ลำบากจนผมไม่อาจสังเกตเห็นโต๊ะที่วางขวางอยู่ตรงหน้าได้ พุ่งเข้าไปชนเต็มๆ จนเกือบล้ม หากแต่ไม่ล้มเพราะมีท่อนแขนใหญ่มารองรับเอวผมไว้อยู่ หันไปปรือตามองก็เห็นว่าเป็นซานต้าคลอสที่ผมนั่งตักไปก่อนหน้าช่วยพยุงผมไว้
“ซานต้า...อึ้ก... พาไปส่งที่ห้องหน่อย” ผมว่าเสียงอ้อแอ้
หมอนั่นมองผมนิ่งๆ ครู่หนึ่งพลันพยักหน้าแล้วก็จัดการช้อนตัวผมขึ้นในท่าอุ้มแบบเจ้าสาว เดินตรงขึ้นไปยังชั้นบนทันใด ผมก็ไม่ขัดขืนหรอก ไม่มีแรง ไม่มีสติด้วย อีกอย่าง ผมเป็นคนขอร้องมันเอง โดนอุ้มแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก
“ทางเน้ๆ...เอื้อก...น่านแหละ ห้องนี้เลย” ผมชี้นิ้วสะเปะสะปะบอกทางมันว่าห้องริชาร์ดอยู่ไหน
ซานต้าคลอสนั่นจะเปิดประตูห้องริชาร์ด พาผมเข้ามาข้างในแล้ววางผมลงบนเตียงอย่างเบามือ มันจัดการห่มผ้าให้ผมเสร็จสรรพด้วย แล้วก็ทำท่าจะออกไป ทว่าในตอนนี้เองที่ผมเห็นว่าดวงตาของมันเป็นสีเทาสว่าง
ให้ตายเถอะ เห็นแล้วก็คิดถึงคีธชะมัด ป่านนี้ได้กับเจเนซิสไปหรือยังนะ... เวร! เอาอีกละ คิดแบบนี้อีกแล้ว! มันจะได้กันหรืออะไรก็ช่างหัวมันสิเว้ย! กูก็จะเอาบ้าง! ไปมีอะไรกับคนอื่นเหมือนกับที่มึงไปมีอะไรกับเจเนซิสนั่นแหละไอ้คีธ!
และเพราะคิดบ้าบอแบบนั้น ผมก็เลยรีบคว้าชายเสื้อของซานต้าคลอสนั่นเอาไว้ขณะที่มันหมุนตัวทำท่าจะออกไปนอกห้อง ก่อนจะออกแรงดึงเบาๆ
“มีเซ็กส์กัน”
“นอนเถอะ นายเมามากแล้ว” หมอนั่นว่าด้วยน้ำเสียงทุ้มแบบดัดๆ เหมือนเดิม
ผมหัวเราะในลำคอออกมาเลย ก่อนจะดันตัวเองขึ้นนั่ง ถอดเสื้อตัวเองออกอย่างมึนๆ พร้อมกับทวงคำอธิษฐานไปด้วย
“มามีเซ็กส์กัน...อึ้ก ฉันขอนายไปแล้วนี่ซานต้าว่าอยากได้เซ็กส์เด็ดๆ ทั้งคืน”
ถอดเสื้ออย่างเดียวไม่ว่า นี่แม่งถอดกางเกงออกแบบไม่รู้ตัวด้วยว่าทำอะไร
เกลียดตัวเองตอนนี้ชะมัดเลยให้ตาย!
แถมพอเห็นว่าซานต้านั่นเอาแต่มองผม ไม่ทำอะไรสักที ผมก็เป็นฝ่ายออกแรงกระชากมันให้ลงนั่งบนเตียง แล้วจัดการเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมมันอีกด้วย
“เดี๋ยว” มันทำท่าจะห้าม แต่ผมไม่สนใจ ถลกเสื้อมันขึ้นแล้วจัดการละเลงปลายลิ้นลงบนแผงอกมันทันใด
แผ่นอกมันเป็นอย่างที่ผมคาดเดาไว้ตอนแรกไม่มีผิด เป็นลอนกล้ามสวยไปทั้งตัว และมันทำให้ไฟราคะในตัวผมประกายขึ้นมาเลยเมื่อผมจรดปลายลิ้นลงบนยอดอกแล้วมันมีปฏิกิริยาตอบสนอง
“ถอด...อึ้ก...ถอดกางเกง...” ผมสั่งมันรนๆ
“เดี๋ยวก่อน” มันพยายามจะปรามผมอีกครั้ง
ตอนนี้หัวสมองผมตื้อไปหมด ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วยที่ทำให้เริ่มขาดสติ ผมก็เลยเป็นฝ่ายถอดกางเกงมันเอง พอกางเกงหลุดพ้นไป ผมก็เลื่อนมือไปจับส่วนอ่อนไหว เคล้นคลึงจนส่วนกลางอ่อนนุ่มค่อยๆ ตื่นตัวขึ้นมา ยัง...ยังไม่พอ ผมโน้มใบหน้าลงไปละเลงปลายลิ้นบนส่วนอุ่นร้อนนั่นด้วยจนผู้เป็นเจ้าของที่ห้ามผมเมื่อครู่กระตุกเกร็งขึ้นมาน้อยๆ ผมแสยะยิ้มอย่างพึงใจ ยิ่งเห็นมันตอบสนองมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งบรรเลงมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
“มีเซ็กส์กัน...” ผมครางออกมา ความร้อนจากไฟราคะแล่นไปทั่วร่าง
คราวนี้มันไม่ปฏิเสธ เป็นฝ่ายจับผมนอนลงแล้วจัดการหยอกล้อกับร่างกายผมบ้าง ผมกระตุกเฮือกเล็กน้อยเมื่อรู้สึกอึดอัดบริเวณช่องท้อง หมอนั่นชะงักไป ก้มลงมากระซิบถามผมทั้งที่ใบหน้ามันยังมีหนวดปลอมติดอยู่
“ขยับได้มั้ย”
“ทำเถอะน่า” ผมไม่ตอบแต่ออกปากสั่ง
ร่างใหญ่ก็เลยค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเข้าที่ มืออุ่นร้อนสัมผัสยังส่วนกลางตัวผม เร่งจังหวะให้พร้อมกับร่างกายมันที่ขยับไปด้วย
“ระ...แรงอีก” ผมออกปากสั่งโดยไม่รู้ตัว แล้วมันก็ทำตามคำสั่งผมอย่างว่าง่าย
อึดใจเดียว สมองผมก็พร่างพรายขาวโพลนพร้อมกับร่างกายที่กระตุกเฮือกสุดแรง เป็นสัญญาณให้คนบนตัวผมรู้ว่าผมถึงที่หมายแล้ว มันทำท่าจะหยุด แต่ผมรั้งมันเอาไว้
“อย่า...อย่าหยุด เอาอีก”
“แต่ว่า...”
“เอาอีก... เซ็กส์เด็ดๆ ทั้งคืน จำได้มั้ยซานต้า” ผมครางเสียงกระเส่าบอก ตอนนี้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไม่มีหลงเหลือแล้ว มีแต่ความกำหนัดที่ต้องการปลดปล่อยเท่านั้น
ซานต้านั่นพยักหน้าก่อนจะเริ่มเล่นสนุกกับร่างกายผมอีกครั้ง จนผมสุขสมกับเซ็กส์ครั้งนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งตลอดทั้งคืน กระทั่งผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
 
แสงสว่างจากช่องหน้าต่างที่ส่องกระทบเปลือกตาทำให้ผมต้องพลิกตัวหนีอย่างรำคาญ ก่อนจะร้องโอยลั่นเมื่อพลิกตัวแล้วเกิดเจ็บแปลบบริเวณสะโพกอย่างแรง ผมเลยหยุดค้างอยู่ท่านั้นแล้วค่อยๆ ปรือตาตื่นขึ้นแทน ภาพที่ผมเห็นยังคงพร่ามัวและหมุนคว้าง ความปวดหนึบไม่ได้อยู่ที่สะโพกอย่างเดียวเท่านั้น แต่อยู่ที่หัวด้วย มันปวดหนึบจนผมต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าม่านตาจะปรับให้ชินกับภาพที่รับเข้ามาได้
พอสายตาคุ้นชิน ผมก็เหลือบไปมองเห็นชุดสีแดงของซานต้าคลอสที่ถูกถอดกองอยู่บนเตียงข้างกายทันใด ผมจะไม่ตกใจเลยถ้าหากว่าผมไม่สังเกตเห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มผืนหนาแบบนี้
อะ...อะไรวะเนี่ย ทำไมชุดซานต้าคลอสมาอยู่ที่นี่!? ยะ...อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนผมกับซานต้า... มะ...มีอะไรกัน?
 เท่านั้นผมก็เบิกตาโพลง หัวสมองคิดทบทวนภาพเหตุการณ์เมื่อคืนทันใดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมแทบจะจำอะไรไม่ได้เลย คือก็จำได้แหละแต่เลือนรางมากๆ เท่าที่จำได้คือผมเล่นเกมดื่มทาวเวอร์เหล้าแล้วก็ดื่มหนักมาก จากนั้นก็พยายามพาตัวเองขึ้นมานอนที่นี่ แต่เหมือนจะมีคนมาส่ง แล้วก็...มะ...มี...ซะ...เซ็กส์...
ฉิบหายแล้วไอ้กวินทร์! นี่มึงมีอะไรกับคนอื่นทั้งที่มีไอ้คีธอยู่แล้วเนี่ยนะ!
เนื้อตัวผมสั่นขึ้นมาทันทีเมื่อคิดถึงหายนะที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าหลังจากคีธกลับมาแล้วจับได้ว่าผมนอกใจไปนอนกับคนอื่น หายนะที่ว่านี่ก็คือถูกมันฆ่านี่แหละ อย่างที่แอสตันบอกว่าถ้าผูกพันกับชาวยูนิกม่าแล้วดันไปนอกใจ จุดจบคือความตาย
แต่คือนี่กูเมาไม่รู้เรื่องเลยไง กูถึงขนาดต้องตายเลยเหรอวะ!?
มะ...ไม่ได้การละ ต้องทำอะไรสักอย่าง! โอเคกวินทร์ ตั้งสติ อันดับแรกเลย ไปตามหาตัวไอ้ซานต้านั่นก่อน เจอมันแล้วถามมันให้แน่ใจว่าได้มีอะไรกันแน่หรือเปล่า เผื่ออาจจะคิดไปเองก็ได้
ผมก็คิดเข้าข้างตัวเองไปก่อนแหละทั้งที่หลักฐานจากอาการเจ็บสะโพกกับสารพัดคราบบนเนื้อตัวผมจะบ่งบอกชัดเจนว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ทว่าผมก็ไม่สนใจ รีบดันตัวขึ้น กัดฟันทนความเจ็บปวดไปคว้าเสื้อผ้ามาใส่ลวกๆ ไม่สนใจด้วยว่าเสื้อผ้าที่ผมใส่นั้นมันจะบาง ไม่ทนต่อสภาพอากาศหนาวยะเยือกในตอนเช้าแต่อย่างใด ตอนนี้คือต้องไปตามหาตัวไอ้ซานต้าคลอสนั่นก่อน
แต่งตัวเสร็จ ผมก็รีบพาตัวเองออกจากห้อง ทิ้งตัวลงบันไดเร็วๆ ก่อนสายตาจะปะทะเข้ากับสารพัดขยะและขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกลื่อนกลาดเต็มพื้นชั้นล่างประหนึ่งเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาหมาดๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ นอกจากพุ่งเข้าไปยังห้องนั่งเล่นที่บัดนี้เหลือแต่ริชาร์ดกับแอสตันนอนกกกันอยู่บนพื้นพรมท่ามกลางเศษขยะอย่างเดียว
“ริชาร์ด! ริชาร์ดเว้ย!” ผมปรี่ไปเขย่าตัวมันอย่างรวดเร็ว
ริชาร์ดผละใบหน้าจากรักแร้ของแอสตัน หันมาปรือตามองผมอย่างงัวเงีย
“อือ...ปลุกทำไม ปวดหัว”
“ต้องปลุกสิวะ เรื่องคอขาดบาดตายแล้ว!” ผมยังตะโกนไม่เลิก ริชาร์ดเลยย่นคิ้วเล็กน้อย
“เรื่องอะไร”
“เมื่อคืนฉันมีเซ็กส์กับซานต้าคลอส!”
ริชาร์ดนิ่งไปครู่ แอสตันก็ตื่นขึ้นมามองหน้าผมด้วย ก่อนที่พวกมันสองคนจะล้มตัวนอนลงไปเหมือนเดิม โดยมีเสียงของริชาร์ดดังเบาๆ ทิ้งท้าย
“ก็สมหวังแล้วนี่ เมื่อวานนายขอเซ็กส์เด็ดๆ กับซานต้าไม่ใช่เหรอ”
ก็ใช่! แต่กูมีเซ็กส์กับซานต้าคลอสก็เท่ากับว่ามีอะไรกับคนอื่น และเท่ากับว่านอกใจไอ้คีธ ซึ่งหมายถึงกูจะต้องตายนะเว้ย!
“เฮ้ย! ตื่นมาช่วยฉันคิดก่อนว่าฉันจะทำยังไงดี!” ผมเขย่าเรียกมันอีกครั้ง
หากแต่ริชาร์ดปัดมือผมทิ้งแล้วก็ว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“นายก่อเรื่องเองก็แก้เองสิวะ”
“แต่ฉันถึงตายเลยนะเว้ยไอ้ริชาร์ด!” ผมโวยวายไม่เลิก ริชาร์ดเลยแหวใส่ผม
“ก็ไปจับไอ้ซานต้านั่นมาให้คีธฆ่าแทนนายซะสิ”
ไม่ใช่ว่ามันไม่รู้ว่าผมกลัวอะไร มันรู้แต่มันไม่สนใจ แถมแอสตันก็พูดขึ้นมาให้สัญชาตญาณเอาตัวรอดของผมทำงานขึ้นมาอีก
“ฆ่าชู้ก็ได้ ถ้าฆ่าชู้ นายก็อาจจะไม่ต้องตาย แค่อาจจะนะ”
พอมันพูดมาอย่างนี้ ผมก็ดีดตัวขึ้นยืนเลย
เอาก็เอาวะ! บอกคีธว่าไอ้ซานต้านั่นล่อลวงผมตอนผมเมา ผมก็เลยพลาดท่าเสียทีก็แล้วกัน ถึงจะดูเห็นแก่ตัวและชั่วมากแค่ไหน แต่ก็เอาเถอะ ผมไม่อยากตายนี่หว่า!
“แล้วนายรู้มั้ยว่าไอ้ซานต้านั่นเป็นใคร ฉันจะไปตามตัวมันได้ที่ไหน” ผมว่ารนๆ
“ไม่รู้ว่าใคร แต่เมื่อกี้ก่อนนายลงมา มันแวะมาบอกฉันว่าจะกลับแล้ว ตอนนี้น่าจะอยู่หน้าบ้าน” ริชาร์ดตอบผมโดยไม่ลืมตา
ได้ยินแล้วผมก็วิ่งสี่คูณร้อยไปที่หน้าบ้านของริชาร์ดเลย พอเปิดประตูออกไป สายตาก็ปะทะเข้ากับร่างใหญ่ที่มีผ้าห่มผืนใหญ่คลุมตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ยืนอยู่บริเวณภายในรั้วหน้าบ้าน มันเงยหน้าขึ้นมองหิมะที่โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้านิ่งๆ ราวกับพินิจพิเคราะห์อะไรบางอย่าง
ผมไม่สนใจหรอกว่ามันกำลังทำอะไร ไม่สนใจแม้แต่หิมะแรกของเดือนธันวาคมในนิวยอร์กที่ตกในวันคริสมาสต์พอดีแต่อย่างใดด้วย นอกจากจะออกปากเรียกมันเท่านั้น
“ซานต้า...”
หากแต่เรียกยังไม่ทันจบประโยค เจ้าของร่างที่เงยหน้าขึ้นมองฟ้าอยู่ก็ปล่อยผ้าห่มที่คลุมร่างออก เผยให้เห็นเนื้อตัวเปล่าเปลือยทั้งกายทันใด ผมเบิกตากว้าง มองมันที่ยังคงเงยหน้ามองฟ้าไม่เลิก แถมยังอ้าปากรองรับเกล็ดหิมะที่ร่วงลงมาด้วย
แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมตกใจเท่าการที่ผมได้เห็นซีกหน้าของมัน ใบหน้าคุ้นตาของคนคุ้นเคยทำให้ผมต้องตะลึงงันหนักกว่าเดิม ก่อนจะแหกปากเรียกชื่อเจ้าของใบหน้านั้นดังลั่น
“ไอ้คีธ!”
หมอนั่นชะงัก หุบปากที่กำลังกินหิมะแล้วหันมามองผมนิ่งๆ
“เอ้ากวินทร์ ออกมาทำไม แล้วแต่งตัวอย่างนั้นไม่หนาวเหรอ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
นั่นเป็นคำถามที่กูควรถามมึงมากกว่าว่ามึงจะแก้ผ้ามายืนกินหิมะหน้าบ้านไอ้ริชาร์ดทำไม!? ที่สำคัญ มึงมาได้ยังไง แล้วมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย!
ผมอึ้งจนพูดไม่ออกที่ได้เห็นคีธยืนอยู่ตรงหน้า จับต้นชนปลายไม่ถูกด้วยว่าทำไมมันมาอยู่ตรงนี้ทั้งที่มันบอกกับผมเองว่าต้องไปยูนิกม่ากับเจเนซิส แต่ไม่ทันได้ถาม มันก็คว้าผ้าห่มจากพื้นขึ้นมาคลุมตัวอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้ามาหาผมแล้วดึงผมเข้าไปกอด ให้ผมอยู่ใต้ผ้าห่มนั่นด้วย
“เดี๋ยวไม่สบาย”
มึงไม่ต้องมาทำเป็นห่วงกูเลย! ตอบกูมาเดี๋ยวนี้ว่านี่มันเรื่องบ้าอะไร!
“ไอ้คีธ...” ทว่าแค่ผมอ้าปากเท่านั้นแหละ มันก็เหมือนจะรู้ว่าผมจะถามอะไร ก่อนมันจะยิ้มออกมา
“แผนของริชาร์ดน่ะ”
“หมายความว่า...”
“ริชาร์ดให้ฉันโกหกว่าต้องกลับยูนิกม่าเพื่อจะเซอร์ไพรส์กวินทร์เพราะเห็นว่ากวินทร์ตื่นเต้นที่ใกล้ถึงวันคริสมาสต์ แล้วก็ให้ฉันแต่งเป็นซานต้าคลอสมาร่วมงานเมื่อคืนน่ะ”
บอกมาสั้นๆ แค่นี้ ผมก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ทันที
หน็อย! ไอ้ริชาร์ด มึงเห็นกูมีความสุขหน่อยไม่ได้ มึงเลยต้องกลั่นแกล้งใช่มั้ยไอ้เจ๊กขี้อิจฉา!
“ฆ่ามันแม่ง”
ผมพึมพำ ทำท่าจะผละออกจากคีธแล้วไปบีบคอไอ้เพื่อนเวรนั่นให้สาแก่ใจสักทีทั้งที่ใจก็โล่งเป็นปลิดทิ้งที่รู้ว่าเมื่อคืน ผมไม่ได้ไปมีอะไรกับใครที่ไหน แต่มีอะไรกับคีธนี่แหละ ไอ้คีธนี่แม่งก็เนียนเหลือเกิน มีอะไรกันตั้งหลายครั้ง ผมยังไม่รู้เลยว่าซานต้านั่นเป็นมัน สงสัยเป็นเพราะหนวดปลอมบนหน้า ผสมกับที่ผมเมาด้วยล่ะมั้ง
หากแต่ไม่ทันที่ผมจะได้ไปฆ่าไอ้เจ๊กเมากัญชาให้สมใจหมาย คีธก็รั้งตัวผมเอาไว้ก่อน พลางว่าเสียงเรียบ
“ถ้าครั้งหน้ากวินทร์เมาโดยที่ฉันไม่ได้อยู่ด้วย อย่าไปทำอะไรแบบเมื่อคืนอีกนะ”
ผมกลืนน้ำลายเอื้อก รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วชูคอถามมันทันใด
“ทำอะไร ฉันไปทำอะไร”
“ก็ชวนคนแปลกหน้ามาผูกพันไง” มันว่าเนิบๆ
แล้วทีมึงล่ะ! มึงยังปล่อยให้ทั้งผู้หญิงผู้ชายมานั่งตักมึง หอมแก้มมึงนัวเนียเพราะมึงแต่งตัวเป็นซานต้าคลอสเลย! มึงอย่ามาเนียนทำเหมือนเป็นคนผิดกูคนเดียวนะเว้ย!
ผมทำท่าฮึดฮัด อยากจะด่ามันเหลือเกินที่มันก็ให้ความร่วมมือกับริชาร์ดเป็นอย่างดี ไอ้แอสตันนี่ก็น่ากระทืบ เห็นเมียทำชั่วก็ไม่ห้าม สนับสนุนแถมเก็บเงียบอีก เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจริงนะพวกมึง!
“อย่าทำแบบนั่นอีกเข้าใจมั้ย” คีธว่าขึ้นมาอีกเมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบรับ
ผมมองหน้ามันนิ่ง ทำท่าจะโวยวายเรื่องที่มันให้คนอื่นมานั่งตักมันบ้าง ทว่าพอเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มน้อยๆ แล้ว ความหงุดหงิดที่ก่อตัวเป็นพายุเมื่อวานก็สลายหายไปทันที มีแต่ความคิดถึงเท่านั้นที่พร่างพรายขึ้นมาแทนที่ ผมเลยเบือนหน้าหนีแล้วว่าอุบอิบ
“รู้แล้วน่า ขอโทษแล้วกัน”
คีธหัวเราะในลำคอหน่อยๆ ก่อนโน้มใบหน้ามาจูบหน้าผากผมเบาๆ
“ขอโทษนะที่แกล้ง ไม่ได้ตั้งใจปิดบังแต่ยอมทำตามแผนของริชาร์ดเพราะไม่รู้ว่าจะหาของขวัญอะไรมาให้กวินทร์ในวันคริสมาสต์ดี” มันว่า
“อ๋อ นายก็เลยเอาตัวเองมาเป็นของขวัญให้ฉันแทนล่ะสินะ” ผมพูดเสียงสูงขณะที่คีธพยักหน้ารับ
หืม...สร้างสรรค์มาก! ทำกูเป็นบ้าเกือบทั้งวัน มึงสร้างสรรค์มาก!
ผมเกือบจะยกมือขึ้นตบหน้ามันให้หายหมั่นไส้แล้ว แต่ถูกคีธจับพลิกตัวให้หันหน้าออกไปทางหน้าบ้านแล้วกอดเอวเอาไว้ซะก่อน
“ดูสิกวินทร์ เกล็ดน้ำแข็งตกด้วย”
“โลกมนุษย์เรียกว่าหิมะ” ผมบอกเสียงขุ่น
“ว่ากันว่าถ้าหิมะตกในวันคริสมาสต์ สำหรับคู่รักแล้วถือว่าเป็นวันที่คริสมาสต์ที่ดีไม่ใช่เหรอ”
“ก็แค่ความเชื่อเด็กๆ น่า” ผมพยักหน้ารับส่งๆ ไป ตาก็มองมือใหญ่ข้างหนึ่งของคีธที่ยื่นออกไปรองรับเกล็ดหิมะไปด้วย ก่อนที่มันจะถามผมกลับมาบ้าง
“แล้วคริสมาสต์ปีนี้ของกวินทร์ไม่ดีเหรอ”
ถ้ามึงไม่รวมหัวกันหลอกกู ก็ถือว่าดีเว้ย!
ผมไม่ตอบ บุ้ยปากหนีไปทางอื่นแทน คีธก็เลยจับผมพลิกตัวมาประจันหน้าแล้วถามอีกครั้ง
“ไม่ดีเหรอ”
“ดี” ผมว่าเสียงแข็ง “ถ้านายไม่แต่งตัวเป็นซานต้าคลอสบ้าๆ อะไรนั่นแล้วมาเซอร์ไพรส์ฉันแบบนี้น่ะ”
“ไม่ได้แต่งตัวเป็นซานต้า” คีธท้วงให้ผมย่นคิ้ว
“ไม่ได้แต่งบ้าอะไร ชุดแดงโร่ขนาดนั้น หนวดปลอมก็มาเต็ม ไม่ใช่ซานต้าคลอสตรงไหน”
“ก็ไม่ใช่ซานต้าคลอส แต่เป็น...”
“เป็น?”
“ซานต้าคีธของกวินทร์ต่างหาก”
หน้าผมร้อนวูบขึ้นมาทันใด หลบสายตาของคีธที่มองมาแทบไม่ทัน ก่อนจะถูกคีธฉกจูบลงมาบนริมฝีปากผมเร็วๆ
“อะไร!” ผมโพล่งออกมาเสียงดังเมื่อรู้ตัวว่าถูกขโมยจูบขณะที่คีธยิ้มมุมปากน้อยๆ
“สุขสันต์วันคริสมาสต์นะกวินทร์”
“เออ”
“รักนะ”
“อะ...อือ”
“อยู่ขอพรกับซานต้าคีธไปตลอดชีวิตเลยนะ”
“ระ...รู้น่า”
มะ...แม่ง อ้อนจังวะ หน้าผมร้อนวูบจนไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นด้านนอกบ้านทั้งที่ยืนตากลมตากหิมะอยู่เลยแม้แต่น้อย 
“เข้าบ้านกันเถอะกวินทร์ เดี๋ยวไม่สบาย” แล้วมันก็เสนอขึ้นมา
ผมยอมเดินเข้ามาด้านในแต่โดยดี แน่นอนว่าที่แรกที่ผมพุ่งตรงไปเลยก็คือห้องนั่งเล่น กะว่าจะสำเร็จโทษไอ้ริชาร์ดให้สาแก่ใจ ทว่าพอเดินผ่านกระดานไม้ที่ติดโพสต์อิสอธิษฐานไว้เมื่อคืน ผมก็เผลอยิ้มออกมา ก่อนที่คีธที่เดินตามมาจะเข้ามากอดผมจากทางด้านหลังแล้วถามขึ้น
“นั่นของกวินทร์เหรอ”
“อืม” ผมครางรับพลางมองไปยังโพสอิสที่มีลายมือผมเขียนติดอยู่
คีธยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะหอมแก้มผมเบาๆ
“สมหวังแล้วนะ ซานต้าคีธใจดีมาก”
ผมหลุดหัวเราะออกมาเลย ลืมความคิดที่จะประทุษร้ายไอ้ริชาร์ดไปจนหมดสิ้น ไม่สนใจด้วยว่ามันกับแอสตันจะยังหลับหรือตื่นแล้ว ก่อนจะหันไปหาคีธแล้วจูบริมฝีปากหยักเบาๆ
“อืม ใจดีมาก ปีหน้าค่อยขอใหม่”
คีธพยักหน้า ก่อนจะว่าเสียงเรียบ
“แต่ฉันยังไม่ได้ขอพรซานต้าเลย”
“นายจะเอาอะไร”
“กวินทร์” พูดจบ สายตาก็แพรวพราวขึ้นมาเชียว
ผมหัวเราะในลำคอแล้วพยักหน้ารับ
“เอาไปสิ”
คีธไม่พูดพร่ำทำเพลง ช้อนตัวผมขึ้นอุ้มแล้วพาออกจากห้องนั่งเล่น ขึ้นไปที่ห้องของริชาร์ดอีกครั้ง คงไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาได้แหละว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้
เอาเถอะ ยอมๆ มันหน่อย ถือว่ามันทำดี แม้ว่าพวกมันจะทำแผนของผมพังไม่เป็นท่าเลยก็ตาม แต่ก็โอเค เจ๊าๆ กันไปได้
ส่วนจดหมายถึงซานต้าที่ผมเขียนบนโพสอิสน่ะ ผมเขียนว่า...
 
‘จดหมายถึงซานต้าคลอส’
‘อยากได้...คีธ จากกวินทร์’
 

ขอบคุณสำหรับของขวัญนะ...ซานต้าคีธ
*******************************
กวินทร์นี่โดนเพื่อนแกล้งตลอด ฮาาาา เจอกันอีกทีตอน Ep. หน้านะคะ สุขสันต์วันคริสมาสต์ (ย้อนหลัง) ค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-12-2015 01:20:02 โดย NooDangzz »

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
ไปไม่เป็นเลยสินะ ทั้งกวินทร์และริชาร์ตเลยอ่ะ เจอคนไล่ตามแบบนี้  :laugh:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เหอๆ ริชาร์ดแสบจริงๆ  :hao3:

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
เจร้ยยยย เขิลลลลล  :-[

Merry Christmassssss

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
โอ้ย น่ารักไปไหน  :ling1:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 17: When Richard is jealous[1]
ผมไม่พูดกับคีธอีกเลยหลังจากมันก่อเหตุสังหารหมู่กวินทร์น้อยนับร้อยล้านตัวอย่างโหดเหี้ยม คีธก็ไม่พูดกับผมเช่นกัน เอาแต่มองเป็นระยะๆ ด้วยสีหน้านิ่งๆ โดยที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ และผมก็ไม่อยากจะสนใจด้วยว่ามันคิดอะไร นอกจากหลบหน้ามันตลอดทั้งวันเท่านั้น และดีที่ซีเลนกลับไปแล้ว ผมก็เลยไม่ต้องถูกหมอนั่นตามรบกวนตอนที่ไม่ได้อยู่กับคีธ จริงๆ แล้วผมก็ไม่น่าจะกังวลเรื่องซีเลนหรอกเพราะตอนนี้หมอนั่นกลับไปเกาะติดริชาร์ดเหมือนเดิมแล้ว แต่วันนี้มาแปลกเพราะหมอนั่นเกาะติดแค่ไม่นานนักแล้วก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้ริชาร์ดรอดตายจากการถูกกระทำการหื่นกามไปแทนผมโดยปริยาย จะมีก็แต่ไม่รอดเงื้อมมือของแอสตันที่คอยตามติดริชาร์ดเป็นเงาตามตัวนั่นแหละ เห็นว่างเมื่อไหร่ หายหัวกันไปสองคนทุกที ยิ่งแอสตันได้เห็นซีเลนตามริชาร์ดด้วยแล้ว ก็ยิ่งพากันหายหัวไปนานจนผู้กำกับวิลล์ต้องถามหา
อย่างที่รู้กัน มันก็คงจะพากันไปเคลียร์กันหลังม่านตามประสาผัวเมียนั่นแหละ
ทว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับเหตุการณ์วันนี้ทำให้ผมอ่อนแรงมากเป็นพิเศษ ยิ่งไม่ได้นอนด้วยแล้ว ไม่ต้องถามเลยว่าตอนนี้ร่างกายผมอ่อนแอแบบนรกแค่ไหน เรียกได้ว่าแค่ยืนขายังสั่นเลยจะดีกว่า อาจเป็นเพราะผมไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานานแล้วก็ได้ คิดๆ ดูแล้วก็ตั้งแต่เจอกับคีธวันแรกนั่นแหละ นี่ก็ปาเข้าไปเกือบจะสามอาทิตย์แล้วที่รู้จักมันมา สามอาทิตย์นี่ถือว่านานนะสำหรับผม ปกติแล้วผมไม่เคยขาดเรื่องเซ็กส์สักอาทิตย์ ต้องเฉลี่ยอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง แถมตอนที่เข้าได้เข้าเข็มกับเหยื่อก็ถูกขัดทุกที จนคู่ขาผมอย่างเอมิเลียที่ถูกไล่กลับไปเมื่อครั้งก่อนโน้นหายสาบสูญไปเลย สงสัยยัยนั่นคงจะได้คู่ควงคนใหม่แล้ว เสียดายนิดหน่อยที่อดยลรูปร่างอวบอึ๋มของยัยนั่นแต่ก็ช่างมันเถอะ หาเอาใหม่ก็ได้
ถึงจะคิดว่าหาเอาใหม่ก็ได้ แต่ผมก็อดหงุดหงิดคีธไม่ได้ ที่ต้องอดอยากปากแห้งก็เพราะมันคนเดียวแท้ๆ เลย แถมยังถูกมันรีดพิษไปอีก บ้าชะมัด เสียศักดิ์ศรีสุดๆ
ส่วนริชาร์ดเองก็มีท่าทางอิดโรยพอกัน ผมเดาว่ามันคงจะเหนื่อยจากการทำงาน พร้อมกับต้องหนีแอสตันและซีเลนด้วย แล้วก็ยังโดนแอสตันจัดการลากเข้าไปกินในที่ลับตาคนอีก จะมีอาการเหมือนจะตายให้ได้ก็ไม่แปลก
และเพราะเราทั้งคู่ไม่มีแรงหลงเหลือและเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะขึ้นรถไฟใต้ดินกลับอพาร์ตเม้นต์ ผมกับมันก็เลยตกลงกันว่าจะหารเงินกันขึ้นแท็กซี่กลับห้องแทน ทว่าไม่รู้ว่าวันนี้มันเป็นวันมหาวิปโยคหรืออะไร แท็กซี่ที่ควรจะมีคลาคล่ำกลับหาแทบไม่ได้สักคัน ผมยืนรอกับริชาร์ดอยู่ครู่ใหญ่ก็ชักจะหัวเสีย พลันถอนหายใจออกมาเต็มแรง ริชาร์ดเหลือบมามองผมเล็กน้อยก่อนจะชวนคุยฆ่าเวลาออกมา
“วันนี้เหนื่อยเนอะ งานเยอะชะมัด”
“อืม”
“พรุ่งนี้ก็งานหนักอีก แถมมะรืนก็ต้องออกไปถ่ายทำนอกสถานที่ เหมือนคิดผิดที่มาช่วยงานด็อกเตอร์มาร์ตินเลย นายว่ามั้ย”
“อืม” ผมได้แต่ขานรับสั้นๆ อย่างนั้นแหละเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ก่อนที่เราจะเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง และริชาร์ดก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบเช่นเคย
“เออนี่เควิน ฉันมีเรี่องจะถาม”
“ถามอะไร”
“วันนี้ที่ฉันเห็นนายเข้าไปในห้องแต่งตัวกับคีธแล้วก็ซีเลน นายเข้าไปทำอะไรวะ”
เป็นคำถามที่ผมไม่อยากตอบที่สุดเลย ผมสาบานได้ แต่ผมก็ตอบไปเนือยๆ ด้วยต้องการตัดปัญหาถ้าหากว่าริชาร์ดจะตื๊อถามผมไม่เลิก
“มีไอ้หื่นกามซีเลนอยู่ด้วยอย่างนั้น นายคิดว่าจะเป็นเรื่องอะไรล่ะ ฉันก็หนีมันที่ตามปล้ำฉันตั้งแต่เมื่อคืนไปให้คีธช่วยเป็นเกราะกำบังให้น่ะสิ”
“แสดงว่าที่นายไปคลับมาเมื่อคืนแล้วมีอาการเป็นผีตายซากที่ฉันเห็นเมื่อเช้าเป็นเพราะซีเลน?” ริชาร์ดผูกเรื่องเองโดยไม่ต้องให้ผมอธิบาย
ผมพยักหน้าพลางว่า “เออสิ เมื่อคืนฉันกะจะไปล่าเหยื่อซะหน่อย แต่ตอนกำลังกินเหยื่อดันมาเจอไอ้ซีเลนควงผู้ชายมากินอยู่ห้องน้ำข้างๆ ซะได้ แถมมันกินเสร็จแล้วก็จะมากินฉันต่ออีก ดีนะที่ฉันหนีมาได้ มันเลยมาตามคิดบัญชีกับฉันวันนี้อย่างที่นายเห็นไง”
“มิน่าล่ะ ถึงได้ไม่มาตามฉันตั้งแต่แรก” ริชาร์ดหัวเราะในลำคอน้อยๆ ทำให้ผมหัวเราะกลับบ้าง
“แต่สุดท้ายมันก็ไปตามนายใช่มั้ยล่ะ”
คราวนี้ริชาร์ดหน้าตึงไปเลย
“เออสิ ไม่รู้แม่งเป็นบ้าอะไร เจอหน้าก็มาดมซอกคอ พอหนีก็ตามมาดมอีก โรคจิตฉิบ ดีนะที่แอสตันเข้ามาช่วยได้ทัน ไม่งั้นฉันได้ถูกมันลากไปปล้ำที่ห้องพักมันแน่ๆ”
“ไม่ถูกไอ้ซีเลนปล้ำ แต่นายก็ถูกแอสตันปล้ำแทนหรือเปล่าวะ”
เหมือนผมจะพูดแทงใจดำริชาร์ดอย่างจัง ริชาร์ดหันมามองหน้าผมตาเขียวพลันปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่ได้ถูกปล้ำเว้ย”
“แล้วหายกันไปไหนเป็นชั่วโมงๆ” ผมว่าเย้า ริชาร์ดกลืนน้ำลายแล้วแสร้งมองไปทางอื่น
“ก็... ไปคุยกัน”
คุยกันบ้านเตี่ยมึงต้องไปคุยกันในที่ลับตาคนด้วยเหรอวะ จะโกหกก็ให้มันเมคเซ้นส์หน่อย เห็นกูเป็นเด็กอมมือหรือไง
พอถูกผมถามเข้าเรื่องแบบนี้ ริชาร์ดก็เป็นฝ่ายเงียบไปแทน แต่ผมไม่ยอมให้มันจบบทสนทนาไปดื้อๆ แบบนี้หรอก ในเมื่อถามแล้ว ก็ต้องเอาคำตอบให้ได้
เท่านั้นผมก็ถามขึ้นมาใหม่โดยการเกริ่นเรียกชื่อมัน
“ริชาร์ด”
“อะไร” มันตอบรับโดยไม่หันมามองหน้าผม
“ถามจริงๆ นะ”
“ถามอะไร”
“ได้กับแอสตันหรือยัง”
ริชาร์ดสะดุ้งเฮือก หันขวับมามองหน้าผมอย่างหวาดๆ พลันส่ายหัวดิก
“ดะ...ได้บ้าได้บออะไร ไม่เคยได้กันเว้ย!”
“แล้วที่วันนั้นนายสะโพกคราก?”
“ไม่ได้สะโพกคราก บอกว่าตกเตียงเจ็บหลัง นายนี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไง!”
“ถ้ายังไม่ได้กัน แล้วทำไมต้องเสียงดังใส่ฉันด้วยวะ” ผมหรี่ตามองอย่างจับผิดทันทีที่มันเผยพิรุธออกมา ริชาร์ดรีบหลบสายตาแล้วขยับริมฝีปากอย่างไม่มั่นใจ
“กะ...ก็... ไม่มีอะไรหรอกน่า ว่าแต่นายเถอะ ขากางเกงไปเปื้อนอะไรมา ฉันเห็นตั้งแต่ตอนที่นายออกจากห้องแต่งตัวกับคีธแล้ว”
ผมเบือนสายตาไปมองขากางเกงยังจุดที่ริชาร์ดชี้นิ้วอยู่ทันที แล้วก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าในตอนนี้กางเกงยีนส์สีดำของผมมีคราบสีขาวแห้งๆ ติดอยู่เล็กน้อยบริเวณไม่ห่างจากเป้ามากนัก
จริงๆ ก็ไม่เล็กน้อยหรอก รัศมีความยาวประมาณนิ้วก้อย และนั่นก็ทำให้ผมกลืนน้ำลายเอื้อก
ละ...หลักฐานการฆาตกรรมหมู่ลูกๆ ของกวินทร์นับร้อยล้านตัว!
“หรือว่าจะเป็น...” ไม่ต้องตอบ ริชาร์ดก็เหมือนจะรู้ว่าเป็นคราบอะไร
ผมมองหน้ามันแล้วเบนสายตาหนีเล็กน้อย ก่อนที่มันจะถามขึ้นมาอีก
“ตกลงใช่มั้ย”
“อืม” ในเมื่อหาข้อแก้ตัวไม่ได้ก็ต้องยอมรับไปอย่างจำยอม ทว่าริชาร์ดก็ทำให้ผมต้องย่นคิ้วยู่ขึ้นมาอีก
“ของคีธล่ะสินะ”
คีธป้ามึง! ของกูเนี่ย! มึงอย่ามาคิดว่ากูจะยอมให้ไอ้มนุษย์ต่างดาวพวกนี้กดเหมือนมึงสิวะ!
“ตัวเองก็ได้กับคีธเหมือนกัน ทำมาเป็นถามฉันว่าได้กับแอสตันหรือยัง” มันยิ้มเผล่ขึ้นมาฉับพลันราวกับผู้ชนะที่เอาคืนผมได้
ได้กับคีธอะไรของมึง! ไม่ได้มีอะไรกับมันเว้ย แค่ถูกมันลวนลาม แล้วที่มึงพูดว่า ‘เหมือนกัน’ นี่แสดงว่ามึงได้กับไอ้แอสตันแล้วสินะ! โถไอ้ริชาร์ด มึงไม่ต้องมาหาพวกเลย ไม่ต้องเลย!
“ฉันไม่ได้มีอะไรกับคีธ...”
“แท็กซี่มาพอดีเลย เดี๋ยวเรียกก่อน”
ผมปฏิเสธยังไม่ทันจะสิ้นเสียงดี ริชาร์ดก็โบกมือเรียกแท็กซี่ที่วิ่งผ่านหน้ามาพอดีทันใด ทำให้มันไม่ได้ฟังสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้แม้แต่น้อย ผมไม่อยากจะใส่ใจนัก ช่างมันเถอะ ปล่อยให้เรื่องมันแล้วไปก็แล้วกัน
 
เราทั้งคู่นั่งเงียบกันมาตลอดทางกระทั่งถึงอพาร์ตเม้นต์โดยไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก โดยเฉพาะการพูดถึงเรื่องใต้สะดือและการกระทำอันหื่นหามของมนุษย์ต่างดาวพวกนั้น พอมาถึงหน้าห้อง ผมก็บอกลาริชาร์ดเล็กน้อยแล้วตั้งท่าจะเข้าห้อง ทว่ายังไม่ทันที่ผมกับมันจะได้เปิดประตู เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นเรียกชื่อของพวกเราไป
“เควิน... ริชาร์ด...”
ผมกับริชาร์ดหันไปมองยังต้นเสียงแล้วก็ย่นคิ้วยู่พร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเมื่อเห็นบรูคลินมายืนอยู่ตรงหน้า หมอนั่นไม่ได้มาคนเดียว ยังพาเด็กผู้ชายวัยไฮสกูลมาด้วย ให้เดาอายุ ผมคิดว่าน่าจะไม่เกินสิบแปด แถมหน้าตาก็น่ารักจิ้มลิ้ม ร่างบางๆ เหมือนกับบรูคลินไม่มีผิด
คงจะเป็นเบน น้องชายของบรูคลินที่เคยพูดถึงล่ะมั้ง
“นายมาได้ยังไง” ริชาร์ดเป็นฝ่ายถามขณะที่บรูคลินกับเด็กผู้ชายคนนั้นยังก้มหน้างุด
“คือ...คือว่า...ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับพวกนาย”
“แล้วมาเอาดึกดื่นป่านนี้เนี่ยนะ ทำไมไม่ไปคุยที่สตูดิโอพรุ่งนี้วะ” คราวนี้ผมเป็นฝ่ายแทรกขึ้นมาบ้างโดยมีริชาร์ดพยักหน้าอยู่ใกล้ๆ
“กะ...ก็...หาจังหวะคุยไมได้ พรุ่งนี้งานยุ่ง” บรูคลินว่าตะกุกตะกัก
ผมหลับตา พ่นลมหายใจออกมาทีหนึ่งอย่างรำคาญที่มันเอาแต่พูดเสียงงุ้งงิ้งๆ ไม่เต็มปากพร้อมทำท่าทางไม่มั่นใจอย่างนั้น และเกือบจะเฉดหัวมันกลับบ้านไปแล้วถ้าริชาร์ดไม่พูดขึ้นมาเสียก่อน
“งั้นเข้ามาก่อน” ว่าจบก็เปิดประตูห้องเชื้อเชิญพวกมันเข้าไป
บรูคลินบอกขอบคุณเบาๆ ชนิดแทบไม่ได้ยินเสียงแล้วเดินเข้าห้องริชาร์ดไปเป็นคนแรก ตามด้วยเด็กหนุ่มคนนั้น ริชาร์ดชะงักนิดหน่อย ก่อนจะชี้นิ้วไปยังหมอนั่น
“แล้วนี่ใคร”
เด็กนั่นชะงักกึก เหลือบมองริชาร์ดอย่างหวาดๆ ก่อนบรูคลินจะหันมาตอบ
“เบน น้องชายฉันเอง”
ริชาร์ดพยักหน้า ปล่อยให้เบนเดินเข้าไปในห้อง ขณะที่ผมยิ้มกริ่มในใจเลย
เด็กในสังกัดผัวมึงมาแล้ว เดี๋ยวมึงได้รู้เลยว่าฟีลเมียหลวงในละครหลังข่าวเป็นยังไง
พอสองคนนั้นเดินเข้าไป ผมก็ผละจากหน้าห้องตัวเองเดินเข้าห้องริชาร์ดไปบ้าง พลันเดินไปนั่งที่เก้าอี้แล้วเปิดฉากขึ้น
“ตกลงนายมีเรื่องอะไรจะคุย”
“คือ...” บรูคลินทำท่าไม่มั่นใจอีกแล้ว ทำเอาผมแทบอยากจะขว้างของที่อยู่ใกล้ๆ มือใส่มันทันควัน
“มีอะไรก็พูดมาสิ พวกฉันรอฟังอยู่” ริชาร์ดที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ผมว่าขึ้นบ้าง ทำให้เบนสะกิดพี่ชายให้รีบพูด บรูคลินจึงออกปากออกมาได้
“คือพวกเราอยากให้พวกนายเลิกยุ่งกับคีธและแอสตัน”
ผมขมวดคิ้วพลัน ริชาร์ดเองก็เช่นกัน สถานการณ์ตอนนี้เหมือนกับเมียใหม่ของผัวเก่ามาบอกให้เมียเก่าเลิกยุ่งกับผัวตัวเองยังไงก็ไม่รู้
“ฉันว่านายไปบอกให้ไอ้พวกบ้านั่นเลิกยุ่งกับพวกฉันจะดีกว่า ไม่เห็นหรือไงว่ามีแต่พวกมันที่ตามพวกฉันต้อยๆ เนี่ย” ผมโพล่งขึ้น ทำเอาริชาร์ดพยักหน้าเห็นด้วยรัวๆ
“ฉันไม่ได้หมายความว่าให้เลิกยุ่งในลักษณะของการพูดคุยแบบนั้น แต่ฉันหมายถึง...” บรูคลินเงียบเสียงไป เหลือบมองหน้าน้องชายที่ทำหน้าหงิมๆ ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมา “หมายถึงเลิกยุ่งในลักษณะของการเป็นโฮสต์น่ะ พวกนายไม่ได้เป็นโฮสต์ให้สองคนนั้นอีกแล้วไม่ใช่เหรอ”
ประโยคนี้ทำเอาริชาร์ดหน้ายุ่งไปทันตา หันมามองผมอย่างขอคำตอบ ผมนึกขึ้นได้ในตอนนี้นี่เองว่ามันยังไม่รู้ว่าบรูคลินก็เป็นมนุษย์ต่างดาว ก่อนจะบอกมัน
“บรูคลินเป็นโฮสต์ให้คีธ ส่วนเบนเป็นโฮสต์ให้แอสตัน สองคนนี้ก็เป็นมนุษย์ต่างดาว ชื่อไบโทปไบเทปอะไรนี่แหละ”
ริชาร์ดเบิกตาโพลง หันไปมองทั้งคู่อย่างไม่เชื่อสายตา มันก็คงจะไม่เชื่อว่านอกจากคีธกับแอสตันแล้วก็ยังมีมนุษย์ต่างดาวอื่นอยู่บนโลกของเราอีก
“น้องชายนายเป็นโฮสต์ให้แอสตัน?” พอริชาร์ดถามแล้วเบนพยักหน้ารับพลางเม้มริมฝีปากแดงเฉียบน้อยๆ
“อายุเท่าไหร่เนี่ย ยังเด็กอยู่เลย”
“สิบเจ็ดครับ” เบนเป็นคนตอบ ริชาร์ดชำเลืองมองประหลับประเหลือกพลัน
“แล้วเป็นโฮสต์ให้แบบนี้ไม่เป็นอะไรหรือไง ให้มันพุ่งทะลุสะดือออกมา เดี๋ยวร่างกายนายก็รับไม่ไหวหรอก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ชาวไบโทปมีร่างกายแข็งแรง ทนต่อทุกสภาพอากาศ ไม่ต้องห่วงครับ” เบนตอบเสียงแผ่ว คราวนี้ริชาร์ดไม่เพียงมองประหลับประเหลือก แต่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ด้วย
ก็แน่ล่ะสิ เด็กของผัวมึงมันเอ๊าะกว่ามึง น่ารักน่ากอดกว่า แถมอายุก็ใกล้เคียงกับแอสตัน ส่วนมึงมันไอ้เจ๊กเมากัญชา อายุก็มากกว่า แอสตันมันจะไปกิ๊กกับเด็กๆ ก็ไม่แปลก
ทว่าก็ครู่เดียวเท่านั้นแหละที่ริชาร์ดทำหน้าอารมณ์เสีย ครู่เดียวมันก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนที่บรูคลินจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“อย่างที่บอกแหละว่าฉันไม่อยากให้พวกนายมายุ่งกับคีธและแอสตันอีกในลักษณะของโฮสต์ มันลำบากต่อการเป็นโฮสต์ของพวกเรา”
“ก็บอกแล้วไงว่าพวกมันมายุ่งกับพวกฉันเอง ฟังไม่รู้เรื่องหรือไงวะ” ผมโวยขึ้นมาน้อยๆ
บรูคลินสะดุ้งไปนิดแล้วตอบกลับมา
“รู้เรื่อง งั้นเอาเป็นว่าต่อไปนี้อย่าจูบกับสองคนนั้นอีกแล้วกันนะ ผูกพันก็ไม่ได้ มันทำให้พวกฉันหนักใจ”
ผมกับริชาร์ดมองหน้ากันทันควัน
“หนักใจอะไรวะ อย่าบอกนะว่าการที่พวกฉันจูบกับพวกมัน ทำให้พวกนายได้กลิ่นของพวกฉันจากตัวพวกมัน?” ผมเดาไปเรื่อย ก็คีธเคยบอกผมว่าตัวมันมีประสาทสัมผัสดี ผมก็เลยคิดว่าพวกไบโทปเองก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเช่นกัน
“ก็ไม่เชิง” บรูคลินว่าไม่สบตา “พวกเราไม่ได้มีประสาทการรับกลิ่นดีเหมือนกับชาวยูนิกม่า แทบจะเรียกได้ว่าเหมือนกับมนุษย์โลก แต่การรับรสของพวกเราถือว่าดีมาก เวลาที่พวกเราป้อนสารอาหารให้กับคีธและแอสตัน พวกเรารับรสชาติของพวกนายได้ แล้วมันทำให้พวกเราแบบว่า...”
“พะอืดพะอม” อันนี้เบนเป็นคนตอบ “โดยเฉพาะเวลาได้กลิ่นจากคนที่องค์ชายไปผูกพันด้วยแล้วก็ยิ่งพะอืดพะอม”
ริชาร์ดถึงกลับถลึงตาใส่ทันควัน
เด็กผัวมึงไม่ใช่เล่นเว้ยเฮ้ย ตีกันเลย กูยุยง! แต่เดี๋ยวนะ ไหนมึงบอกว่ามึงกับไอ้แอสตันไม่ได้มีอะไรกันยังไงวะ?
“สรุปก็คือพวกนายเลิกมีความสัมพันธ์ทางกายกับคีธและแอสตันนะ วันนี้ฉันรับรสของนายจากคีธได้แรงมากจนฉันแทบทนไม่ไหว ถึงต้องมาหาพวกนายอย่างนี้ไง” บรูคลินว่าขึ้นมาอีก
ผมรู้เลยว่ากลิ่นที่ว่านั้นมาจากไหน ก็วันนี้คีธมันใช้ปะ...ปาก...
ช่างแม่งเถอะ...
“ที่สำคัญ การที่คีธกับแอสตันมีสัมพันธ์ทางกายกับพวกนายแบบนี้ด้วย ทำให้พวกนั้นไม่สามารถไปตามหาพรรคพวกอย่างที่ตั้งใจไว้ได้สักที ฉันเลยไม่อยากให้พวกนายมาเป็นตัวถ่วงของสองคนนั้น หวังว่าคงจะเข้าใจนะ”
กูไม่เคยไปเป็นตัวถ่วงชีวิตพวกมันเลย มีแต่พวกมันนี่แหละที่มาเป็นตัวถ่วงชีวิตกู!
ถึงคำพูดของบรูคลินจะชวนโมโห แต่ผมก็ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด ตัดบทไปให้เรื่องมันจบๆ
“โอเคๆ ฉันเองก็ไม่อยากจะยุ่งกับพวกมันเหมือนกัน พวกนายก็ไปบอกมันด้วยแล้วกันว่าอย่ามายุ่งกับพวกฉัน เผลอทีไร พวกมันฉวยโอกาสทุกที”
บรูคลินและเบนพยักหน้ารับพลันขอบคุณที่ผมยอมรับข้อเสนอง่ายๆ จะมีก็แต่ริชาร์ดนี่แหละที่ไม่หือไม่อือ แถมทำหน้าเหมือนเมากัญชาในระดับคุ้มคลั่งไปแล้วเรียบร้อย
“แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ”
ทุกชีวิตหันไปมองหน้ามันฉับพลัน ผมรู้เลยว่ามันกำลังท้าทายสองคนนั้น โดยเฉพาะกับเบน
มึง-หึง-ผัว! ไอ้ริชาร์ดสวมวิญญาณเมียหลวงเรียบร้อย
แถมไอ้เด็กเบนนั่นก็ร้ายใช่เล่นถ้าเทียบกับบรูคลินแล้ว เพราะพอสิ้นเสียงริชาร์ด หมอนั่นก็ว่าออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแบบหวาดหวั่น ทว่าแฝงไปด้วยความท้าทาย
“ถ้านายไม่ทำตาม ฉันก็คงจะต้องขอเตือนให้นายระวังตัวไว้”
“นายจะทำอะไรฉันได้ไอ้หนู ตัวเท่าลูกหมา” ริชาร์ดว่าพลางกลั้วหัวเราะ มองเหยียดเบนตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็จริงอย่างที่ริชาร์ดว่านั่นแหละ ถึงสองคนนั้นจะเป็นมนุษย์ต่างดาว แต่เมื่อเทียบส่วนสูงกับผมและริชาร์ดที่เป็นชาวเอเชียแล้ว ก็ยังนับว่าตัวเล็กกว่าพอสมควรเลยทีเดียว
“จะลองดูมั้ยล่ะครับ”
 ทว่าการพูดของริชาร์ดเมื่อครู่กลับทำให้ดวงตาของเบนประกายกร้าว บรูคลินรีบคว้าแขนน้องชายไว้ทันที
“ไม่เอาน่าเบน อย่าเปิดเผยตัว”
ผมไม่รู้หรอกว่าเปิดเผยตัวมันคืออะไร แต่เหมือนจะห้ามไปก็ไม่ทันแล้วเพราะริชาร์ดยังคงยั่วโมโหไม่หยุด แถมยังเดินเข้าไปวางมือบนหัวของเด็กนั่นอีกด้วย
“ก็ลองดูสิว่าเด็กอย่างนายจะทำอะไรได้”
สิ้นเสียง เบนก็ส่งเสียงคำรามออกมา ก่อนที่ตัวของหมอนั่นจะค่อยๆ ขยายขึ้นเรื่อยๆ จนเสื้อยืดตัวเล็กที่สวมอยู่ปริขาดเมื่อกล้ามเนื้อเด็กหนุ่มค่อยๆ ขยายใหญ่เป็นกล้ามเนื้อของชายฉกรรจ์พร้อมกับความสูงที่พุ่งขึ้นอย่างพรวดพราด
ริชาร์ดผงะถอยมายังผมทันที ขณะที่ผมเองก็ลุกจากเก้าอี้หนีไปหลบยังมุมห้องแทบไม่ทันเมื่อเห็นแบบนั้น
มึงจะอวตารร่างทำไม! กรุณาตอบกูด้วย!
กว่าเบนจะหยุดขยายร่างอีกทีก็ตอนที่ความสูงของหมอนั่นสูงเลยคีธไปแล้ว ผมว่าพวกยูนิกม่ารูปร่างสูงใหญ่แล้วนะ มาเจอไอ้บ้าพวกนี้ ต้องบอกเลยว่า... พวกมึงไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวแล้ว พวกมึงเป็นเดอะฮัล์คแน่นอน กูมั่นใจ! ไม่สิ ไม่ใช่แค่เดอะฮัล์คอย่างเดียว ผสมเปรตวัดสุทัศน์ด้วย มึงจะสูงไปไหน! โอ๊ย กูล่ะปวดหัวกับร่างอวตารของพวกมึงจริง!
น่ากลัวกว่านั้นคือ หน้าตาของมันก็เปลี่ยนไปด้วย ใบหูที่เหมือนมนุษย์ปกติในตอนแรกกลายเป็นหูเรียวแหลมเหมือนกับพวกเอลฟ์ และใบหน้าจิ้มลิ้มก็ดูคร้ามครัน อารมณ์เหมือนเด็กหนุ่มที่เจริญพันธุ์เข้าสู่วัยฉกรรจ์เต็มที่
 “นะ...นาย...” ริชาร์ดได้สติก็ตอนที่เบนหยุดขยายร่าง
บรูคลินพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะว่าเสียงเบา
“นี่คือร่างจริงของพวกเรา ความพิเศษของพวกเรานอกจากสามารถรับรสได้ดีแล้ว ก็คือมีความแข็งแกร่งและอดทนต่อทุกสภาพอากาศได้ดี ทำให้พวกเซนไทน์มักล่าพวกเราไปเป็นทาส พวกเราเลยต้องหลบหนีและซ่อนตัวโดยการย่อส่วนแทน”
“และที่ฉันเผยร่างจริงให้พวกนายดู ก็เพราะฉันไม่ต้องการให้พวกนายมายุ่งกับองค์ชายและท่านผู้พิทักษ์จริงๆ ปกติชาวไบโทปรักสงบนะ แต่ถ้าจะต้องสู้เพื่อปกป้องใครสักคนแล้ว พวกเราก็ไม่ออมมือเหมือนกัน” อันนี้เบนเป็นคนว่า
ผมพยักหน้าเข้าใจรัวๆ ทันใด ก่อนจะรีบโบกมือบอกให้มันบอกน้องชายให้คืนร่างเดิม
“เออๆ เข้าใจแล้ว รีบๆ คืนร่างเดิมไปเร็วๆ เข้า”
สิ้นเสียง เบนก็ย่อร่างกลับไปเป็นเด็กไฮสกูลเหมือนเดิม ผมได้ยินเสียงริชาร์ดถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังเข้ามาในหูทันที
เป็นไงล่ะเด็กผัวมึง สู้มั้ยล่ะมึง ตัวใหญ่เป็นหมีกริซลี่ได้อีก
ผมแอบคิดขึ้นมานิดนึงเลยว่าอยากให้บรูคลินคืนร่างเดิมตอนที่ถูกซีเลนมันบังคับจูบชะมัด ดูซิว่าไอ้หื่นอย่างมันจะทำหน้ายังไงถ้ารู้ว่าคนที่มันจูบเป็นมนุษย์ต่างดาวร่างยักษ์แบบนี้ แต่ก็ได้แค่คิดแหละเพราะบรูคลินคงจะไม่เปิดเผยร่างให้เห็นแน่เพื่อความปลอดภัยในชีวิตตัวเอง
“ขอบคุณมากที่พวกนายรับฟัง ฉันดีใจมาก” บรูคลินยิ้มออกมาน้อยๆ หลังจากที่ผมยอมรับปากแต่โดยดี
จะมีก็แต่ริชาร์ดนี่แหละที่ทำหน้าเมากาวไม่เลิก
“งั้นฉันกลับก่อนนะ” บรูคลินบอกลา ผมโบกมือไล่ให้พวกมันเดินไปที่ประตูห้อง หากแต่ไม่ทันจะได้ออกไป เบนก็หันกลับมามองยังริชาร์ดแล้วส่งยิ้มน่ารักให้
“ขอบคุณที่รับปากว่าจะไม่ยุ่งกับองค์ชายอีกนะครับ” ว่าจบก็หายหัวออกไป ทิ้งให้ริชาร์ดมองตามอย่างตะลึงงัน
พอสองคนนั้นไปแล้ว สถานการณ์ก็กลับเข้าสู่ปกติอีกครั้ง ริชาร์ดยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตา พึมพำออกมาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
“เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย”
“เรื่องที่ผัวนายแอบเลี้ยงต้อยน่ะเหรอ” ผมแกล้งว่า ทำเอาริชาร์ดมองผมตาเขียว
“ไม่ใช่เว้ย ฉันหมายถึงทำไมโลกเราถึงได้มีมนุษย์ต่างดาวเยอะแยะไปหมดต่างหาก”
“ก็ดีแล้วนี่ นายเป็นกูรูเอเลี่ยนนี่หว่า ชอบไม่ใช่เหรอพวกเอเลี่ยนน่ะ ก็หาโอกาสศึกษาพวกมันซะเลยสิ เผื่อจะได้ไอเดียสำหรับทำหนังเอเลี่ยนแนวใหม่ในอนาคต ดีไม่ดีอาจได้เป็นผู้กำกับชื่อดังระเบิดก็ได้นะ”
ริชาร์ดต่อยเข้ามาที่ไหล่ผมทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์แล้วออกปากไล่ผมเป็นพัลวัน
“กลับห้องไปเลยไป วันนี้มีแต่เรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้ ปวดหัวฉิบ”
ผมหัวเราะกับท่าทางของมันแล้วกลับห้องไปแต่โดยดี เชื่อเลยว่าพรุ่งนี้ได้มีเรื่องให้สนุกแน่
 


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 17: When Richard is jealous[2]

เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิดว่าต้องมีเรื่องให้สนุก เพราะทันทีที่เรามาถึงยังกองถ่าย พวกเราก็เห็นเบนมานั่งเสนอหน้าอยู่ที่นี่ด้วย บรูคลินอธิบายว่าเบนมารับงานพาร์ทไทม์เป็นเด็กเสิร์ฟน้ำประจำกองถ่ายเพราะวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แล้วนั่นก็ทำให้ริชาร์ดที่หน้ายุ่งเหยิงตั้งแต่เมื่อคืนยุ่งเหยิงเข้าไปใหญ่ ยิ่งได้เห็นแอสตันเข้าไปทักทายกับเบนอย่างสนิทสนมด้วยแล้ว ไม่ต้องถามเลยว่ามันเป็นยังไง
หึงจนออกมาทางสีหน้าหมดแล้ว!
แต่มันทำเป็นเฉย แถมยังเมินแอสตันด้วย ก็สมควรเมินอยู่หรอกหลังจากได้เห็นแอสตันจูบกับเบนในห้องแต่งตัวเพื่อดูดสารอาหารน่ะ แต่การเมินของมันนี่ดูเหมือนเมียงอนผัวฉิบเป๋ง
และเพราะมันทำท่าทางเหมือนเมียงอนผัว แอสตันก็เลยมีท่าทางเหมือนผัวง้อเมีย ตามประกบติดริชาร์ดเมื่อเห็นมันไม่ยอมพูดกับด้วยสักคำ ดีที่ตอนนี้ซีเลนยังไม่มากองถ่าย ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ริชาร์ดมันได้ประชดผัวโดยการไปมีอะไรกับไอ้หื่นกามเหมือนในหนังน้ำเน่าบางเรื่องแน่ๆ
“ริชาร์ดเป็นอะไร ทำไมไม่คุยกับเรา” พอถูกงอนมากๆ เข้า แอสตันก็ชักจะสงสัยที่ถูกหนีหน้า คว้าไหล่ริชาร์ดให้หันมามองขณะที่มันก้มๆ เงยๆ เขียนอะไรบางอย่างในสคริปต์เรียงลำดับเอฟเฟ็กต์ระเบิดที่จะใช้ถ่ายทำในฉากแอคชันอยู่
“ไม่ได้เป็นอะไร แค่ไม่อยากคุย” มันพูดออกมาจนได้ ทำเอาผมที่กำลังนั่งเช็คคิวนักแสดงเหลือบมองมันนิดๆ
“แล้วทำไมไม่อยากคุยล่ะ”
ริชาร์ดไม่ตอบ ผมนี่อยากจะตอบแทนมันเหลือเกินว่า... ‘ก็เด็กของมึงมันมาบุกถึงห้องเมียหลวงไม่ให้ยุ่งกับมึงอย่างนั้น ใครมันจะไปยอมคุยวะ!’ แต่ก็ได้แต่รอดูท่าทีของริชาร์ดเท่านั้น บอกเลยว่าตอนนี้ผมสนุกชะมัด
“ริชาร์ด ทำไมไม่อยากคุย” พอริชาร์ดไม่ตอบ แอสตันก็คว้ามือริชาร์ดที่จับปากกาอยู่ไป
ริชาร์ดขมวดคิ้วหันไปมอง พลันว่าเสียงดัง
“อะไรของนายนักหนาวะ! บอกว่าไม่อยากคุยๆ จะเอาอะไรอีก!”
แอสตันผงะไปเล็กน้อยประหนึ่งไม่เคยถูกริชาร์ดตะคอกใส่ทั้งที่มันสมควรจะชินได้แล้วเพราะมันถูกตะคอกอยู่ทุกวัน แต่วันนี้มันคงจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติล่ะมั้ง
“แล้วเป็นอะไรถึงไม่อยากคุยล่ะ” แถมมันยังตื๊อไม่เลิก ผมสาบานเลยว่าเห็นหัวคิ้วของริชาร์ดกระตุกยิกๆ
“ไปถามไอ้เด็กเบนโน่นไป” ริชาร์ดว่าเรียบๆ
แอสตันเหลือบไปมองเบนที่นั่งจ้องเขม็งอยู่ก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่าเพราะอะไรริชาร์ดถึงไม่ยอมคุย ก่อนจะยิ้มเผล่ออกมา
“โกรธที่เบนลิโอมาเหรอ”
เบนลิโอคงจะเป็นชื่อภาษาต่างดาวของเบน
ริชาร์ดไม่ตอบ ให้แอสตันพูดขึ้นอีกครั้ง
“รู้หรือยังว่าเบนลิโอก็เป็นมนุษย์ต่างดาว แล้วก็เป็นโฮสต์ของเรา”
ริชาร์ดยังไม่ตอบอีก ผมชักจะรำคาญละที่มันงอนแอสตันนานเกินไป เลยออกปากตอบให้มันแทน
“รู้แล้ว เมื่อวานสองคนนั้นมาหาพวกฉันที่ห้องแล้วบอกให้พวกฉันเลิกยุ่งกับพวกนาย เพราะพวกนายไม่ยอมไปตามหาพรรคพวก”
พูดสั้นๆ แอสตันก็เข้าใจ พลันทำสีหน้าสำนึกผิดขึ้นมาทันควัน
“จริงๆ แล้วเราก็ตามหาอยู่นะ แต่ยังไม่ได้เบาะแสนี่สิที่ทำให้เราไปไหนไม่ได้”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ไอ้เด็กเวรนั่นมันมาบอกว่าพะอืดพะอมเพราะรับรสของฉันได้ตอนจูบนายวะ” ริชาร์ดยอมเปิดปากขึ้นมา แอสตัสเลยเข้าใจมากขึ้นไปอีกว่าเพราะอะไรที่ทำให้ริชาร์ดไม่ยอมพูดด้วย
“พวกไบโทปเป็นพวกรักสะอาดน่ะ เวลาเป็นโฮสต์ให้ชาวยูนิกม่า ก็ไม่อยากให้ชาวยูนิกม่าไปวุ่นวายกับคนอื่น พวกนี้อ่อนไหวกับรสชาติง่าย อย่าถือสาเบนลิโอเลยนะ เบนลิโอเป็นคนพูดตรงแต่ก็เป็นเด็กดี แล้วก็น่ารักด้วย”
แต่แทนที่การอธิบายของแอสตันจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น กลับทำให้แย่ลงไปอีกเพราะมันดันพูดปกป้องเบนซะอย่างนั้น มิหนำซ้ำยังว่าเป็นนัยๆ ประหนึ่งว่าริชาร์ดสกปรกอีกต่างหาก
ริชาร์ดทุบกำปั้นลงบนโต๊ะดังปึง มองหน้าแอสตันอย่างเอาเรื่อง
“งั้นนายก็เลิกยุ่งกับฉันให้เด็ดขาดไปเลยสิวะจะได้ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องนี้อีก มาตามฉันต้อยๆ อยู่ได้!”
“ก็เราชอบ...”
“รำคาญชะมัดเลยให้ตาย! คิดว่าฉันชอบนักหรือไงที่ต้องถูกนายลวนลามไม่เว้นวันน่ะ คิดว่าเลิกเป็นโฮสต์แล้วจะรอดซะอีก ที่ไหนได้ ตามติดยิ่งกว่าเดิมอีกพับผ่า นายนี่มันปรสิตชีวิตคนอื่นชัดๆ ไอ้มนุษย์ต่างดาวปรสิตเอ๊ย!”
ผมมองหน้าริชาร์ดทันควัน แอสตันเองก็ชะงักกึกที่จู่ๆ ก็ถูกเปรียบเทียบเป็นปรสิต เท่าที่รู้มา ปรสิตอวกาศนี่ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่โคตรจะชั้นต่ำที่สุดในจักรวาลเลยนะ ยิ่งคนถูกเปรียบเทียบมียศสูงศักดิ์ถึงตำแหน่งเจ้าชายด้วยแล้ว ไม่ต้องถามเลยว่าแอสตันช็อคแค่ไหน
หน้าตามันนี่เมากัญชาตามไอ้ริชาร์ดไปอีกคนแล้วเรียบร้อย
“ริชาร์ด...” แอสตันครางออกมาอย่างไม่เชื่อหูว่าจะได้ยินริชาร์ดพูดแบบนั้น ก่อนจะเป็นฝ่ายออกห่างจากริชาร์ด
“ก็ได้ ในเมื่อนายไม่อยากให้เรายุ่งด้วย เราก็จะไม่ยุ่ง ขอโทษที่รบกวนมานาน” ว่าจบแล้วก็เดินหนีไปหาคีธ
คีธที่ยืนมองอยู่นานทำท่าเหมือนจะถามแอสตันว่าเกิดอะไรขึ้น หากแต่แอสตันยกมือขึ้นเป็นเชิงให้หยุด คีธก็เลยเงียบปากไปแล้วเดินเข้ามาหาพวกผมแทน
“มีปัญหาอะไรกับองค์ชาย”
“ไม่เกี่ยวกับนาย” ริชาร์ดสวน
“ไม่เกี่ยวไม่ได้ ฉันเป็นผู้พิทักษ์ขององค์ชาย”
“ก็ไปถามไอ้เวรนั่นเองสิวะ!” พาลใส่แอสตันคนเดียวไม่พอ พาลใส่คีธด้วย
คีธย่นคิ้วเล็กน้อย หันมามองผมที่ยักไหล่ให้มันอย่างไม่ยี่หระประมาณว่าผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ก่อนริชาร์ดจะมองหน้าคีธแล้วโพล่งขึ้นมาเสียงแข็ง
“นายก็อีกคน เลิกยุ่งกับเควินได้แล้ว ไอ้พวกตัวน่ารำคาญ!”
คีธดูเอ๋อรับประทานไปทันที มันก็คงจะงงนั่นแหละว่าแค่เข้ามาถาม ทำไมจะต้องหงุดหงิดขนาดนี้ พอมันหันมามองหน้าผม ผมก็ว่าเรียบๆ
“ไปถามบรูคลิน”
คีธพยักหน้าแล้วก็เดินเข้าไปถามบรูคลินจริงๆ บรูคลินที่กำลังแต่งหน้าให้กับนักแสดงคนหนึ่งอยู่หันมามองผม แล้วก็อธิบายให้คีธฟัง คีธพยักหน้าแล้วกลับมาบอกผมสั้นๆ
“โอเคกวินทร์ ไม่มีปัญหา” แล้วมันก็เดินหายหัวไปอีกทาง
นะ...นี่มึงไม่คิดจะทำเหมือนไอ้แอสตันหน่อยเหรอ มึงนี่ยอมรับข้อเสนอง่ายไปมั้ยเนี่ย! เมื่อวานมึงกับกูเพิ่งจะ... ฮึ่ย!
ผมถอนลมหายใจเต็มแรง มองหน้าริชาร์ดอย่างหงุดหงิดไม่มีสาเหตุ แต่ก็ว่าอะไรมันไม่ได้อีก ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวมันได้หาว่าผมอยากจะโดนมนุษย์ต่างดาวผสมพันธุ์แน่
เอาเถอะ คิดว่าเป็นเรื่องดีแล้วกันที่คีธมันเลิกยุ่งกับผมง่ายๆ จะได้ตัดปัญหาเรื่องมันออกไปสักที
---------------------------------
รู้สึกว่าอัพถี่มาก 555 เล้าเป็ดนี่ยังคงเป็นมิติพิศวงของหนูแดงเหมือนเคยค่ะ มีความรู้สึกว่าอัพยากอ่ะ ฮาา แต่เห็นมีแม่ยกจากที่นี่ไปตามแฟนเพจอยู่เหมือนกัน ขอบคุณมากนะคะที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ตอนใหม่มาวันพรุ่งนี้น้า ^^

ออฟไลน์ Nam-Ing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บรรดาเมียหึง อุคิ น่าสงสารแอสตัน :hao3:

 แต่ก็หมั้นไส้พวกไบโทปอ้ะ  :m16: :z6:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
เมียน้อยมาหาเมียหลวงถึงที่เลยฮ่ะ55
ง้อสิท่านง้อสิ แอสตัน คีธ

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
พวกต่างดาวมีแต่พวก คิดเองไม่เป็นสินะเหอะๆ

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
โอ้ย!!!! ค้างคาอ่ะ จะอ่านๆๆ *งอแงกับคนแต่ง :hao5:

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
อยากตบอิสองพี่น้องนั่นเหลือเกิน แต่ดูขนาดแล้วน่าจะโดนตบมากกว่า....

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
อยากอ่านต่ออ่า รีบมาลงเลยน้า  :ling1:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ nadty27

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อยากตบอิสองตัวนั่น
อร๊ากกกกกกก.!!!!
รอนะคนแต่ง

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
ค้างงงงงง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด