Alien's Host ลูกชายผมเป็นเอเลี่ยน[เปิดขายหนังสือ'แก๊งเกรียนเอเลี่ยน']-30/10/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Alien's Host ลูกชายผมเป็นเอเลี่ยน[เปิดขายหนังสือ'แก๊งเกรียนเอเลี่ยน']-30/10/59  (อ่าน 134995 ครั้ง)

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
น้องคีตาน่ารักกก

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Extra: Kinn is our second kid[1]
กว่าจะเรียนจบ เลือดตาก็แทบกระเด็น เรียนจบแล้วต้องหางานทำนี่ เลือดตากระเด็นยิ่งกว่า โชคดีที่ผมกับริชาร์ดพอจะมีเส้นสายจากการช่วยงานด็อกเตอร์มาร์ตินมาอยู่บ้าง พอเรียนจบก็เลยโดนทาบทามให้ไปช่วยงานที่กองถ่ายฮอลลีวูดโดยต้องเตะฝุ่น รอหางานอย่างที่ควรจะเป็น คีธก็ได้งานเพิ่มนอกจากนายแบบคือกเป็นสตั๊นแมน และตัวประกอบหนังฟอร์มยักษ์อีกหลายเรื่อง แอสตันก็เช่นกัน แต่รายนี้ได้รับบทหลักในเรื่องเลย คนดันมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ริชาร์ดนี่แหละ ตอนนี้หมอนั่นก็ได้เป็นผู้กำกับหน้าใหม่ของวงการที่น่าจับตามองทีเดียว ส่วนผมก็ได้ทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ค่ายหนังอย่างที่ตั้งใจไว้ เรียกได้ว่าหนทางในการเริ่มอาชีพค่อนข้างสวยหรูทีเดียว
และเพราะทำงานที่กองถ่ายฮอลลีวูดกันหมด แอสตันก็เลยชวนให้คีธมาซื้อบ้านอยู่ที่แอลเอ ผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ซื้อก็ซื้อ ครอบครัวจะได้ลงหลักปักฐานมั่นคงด้วย ซึ่งแน่นอนว่าใช้เงินคีธซื้อ
ทว่าถึงจะอยู่ในแอลเอเหมือนกัน ซ้ำยังทำงานอยู่ในละแวกเดียวกัน แต่ผมก็ไม่ได้เจอหน้าริชาร์ดกับแอสตันบ่อยหนัก เรียกว่าตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อสองเดือนก่อน ผมไม่เคยไปเหยียบบ้านมันเลยดีกว่า งานเลี้ยงฉลองบ้านใหม่มันก็ไม่ได้ไป อันที่จริงมันไม่ได้จัดด้วยซ้ำ เหตุผลก็คือยุ่งจนไม่มีเวลา นั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่พอถึงวันหยุด ผมก็นัดกับมันว่าจะไปเที่ยวหาที่บ้านเนื่องจากไม่ได้เจอกันมานานพอสมควร
คีธขับรถมายังที่หมายตามกลิ่นของแอสตันที่ปล่อยมานำทาง พอถึงหน้าบ้าน ก็เห็นแอสตันยืนต้อนรับอยู่หน้าบ้านพร้อมกับลูกของมันแล้ว
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคีทาเย” นี่เป็นคำทักทายแรกของแอสตันที่ทักคีธทันทีที่พวกเราลงจากรถ
คีธอุ้มคีตา เดินเข้าไปพยักหน้าทักทายผู้เป็นนายเล็กน้อย
“ทรงสบายดีนะพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม สบายดี นายก็คงจะสบายดีเหมือนกันสินะ หน้าตาดูอิ่มเอิบเชียว” แอสตันทักกลับ คีธเพียงพยักหน้าให้ ก่อนที่แอสตันจะเบือนความสนใจมายังคีตาที่เกาะคอคีธแน่น
“นี่คีตาสินะ สวัสดี...” แล้วก็เอื้อมมือมาจับแขนอวบๆ ของคีตาเป็นเชิงทักทาย
คีตาหันมามอง แววตาดูสงสัยเล็กน้อยว่าแอสตันเป็นใคร ก่อนที่ผมจะร้องบอก
“คีตา ‘ธุจ้าสิครับ” ผมพูดเป็นภาษาไทย
ที่พูดเป็นภาษาไทยก็เพราะว่าต้องการให้คีตาได้เรียนรู้อีกภาษานี่แหละ เหมือนคีธจะบอกว่าพวกลูกครึ่งยูนิกม่า บางทีก็ไม่ได้ความสามารถของยูนิกม่าทั้งหมดมา และดูจากพัฒนาการของคีตาแล้ว เรื่องภาษานี่น่าจะมีปัญหาเพราะไม่ค่อยส่งเสียงหรืออ้อแอ้อะไรเท่าไหร่ แต่เรื่องพละกำลังนี่ไม่มีปัญหา ซื้อของเล่นมาให้ทีไรก็ทำพังหมดทั้งที่เล่นไปไม่ถึงครึ่งวันดีทุกที จนหลังๆ นี่ผมไม่ซื้อให้แล้ว ให้เล่นกับคีธไปแทน และที่ทำให้ผมมั่นใจว่าคีตามีความสามารถเรื่องพละกำลังเหมือนยูนิกม่าก็เพราะบางครั้ง คีตาก็เปลี่ยนร่างเป็นยูนิกม่าเต็มตัวได้นี่แหละ แถมทักษะด้านการฟังก็ดีจนผมต้องคอยระวังจะส่งเสียงดังเวลาอยู่บนเตียงกับคีธบ่อยๆ ด้วย
สิ่งที่ผมพูดเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้คีตาขยับได้เลย ผมเลยต้องพูดอีกครั้งเพื่อย้ำ
“’ธุจ้าเร็วครับ”
ตอนนี้คีตาเหมือนจะเข้าใจ เลยดึงมือออกจากคอคีธมาประนมสวัสดีแบบเก้ๆ กังๆ เรียกรอยยิ้มของแอสตันได้เป็นอย่างดี
“สวัสดีคีตา ตัวใหญ่จังเลยนะ” ใหญ่จริงอย่างที่แอสตันว่า ยิ่งพอเทียบกับลูกของริชาร์ดกับแอสตันที่ยืนเกาะขาพ่อตัวเองแน่น มองผมกับคีธอย่างหวาดๆ ด้วยแล้ว ผมยิ่งมั่นใจว่าคีตาตัวใหญ่กว่าเด็กปกติ
“แล้วนี่... อาร์ทูโรใช่มั้ย” ผมถาม จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าชื่อเรียกยากของลูกพวกมันมาจากภาษายูนิกม่า พลันพยักปลายคางไปยังเด็กชายตัวเล็กที่หน้าตาเหมือนริชาร์ดอย่างกับแกะ
ผมแอบขัดใจนิดหน่อยที่ลูกของพวกมันดันหน้าตาไม่ได้น่ารักอย่างแอสตัน แต่ไปออกทางไอ้เจ๊กอย่างริชาร์ด ถึงจะดูเป็นลูกครึ่งเหมือนกับคีตา แต่ใบหน้าออกโซนเอเชียค่อนข้างมากก็นับว่าดูขัดหูขัดตาพอสมควร
“ทักทายลุงกวินทร์สิอาร์” แอสตันดึงแขนอาร์ทูโรให้ออกมาจากการหลบหลังตัวเอง
จากที่ยิ้มๆ อยู่ ผมชะงักกึก มองแอสตันตาขวางเลย
ลุงบ้านมึงสิไอ้แอสตัน! กูอายุเท่าเมียมึง จะมาลุงได้ไง ที่สำคัญ กูเพิ่งจะยี่สิบสาม อย่ามายัดเยียดความแก่ให้กูนะเว้ย!
ผมถึงกับกำมือแน่น ไอ้เด็กนั่นก็ไม่ยอมออกมาจากหลังพ่อตัวเอง พอถูกดึงมือก็สะบัดออก หลบหลังพ่อ มองหน้าพวกผมอย่างหวาดๆ อีกครั้ง
“อาร์ไม่ค่อยชินกับคนแปลกหน้าน่ะ”
เออสิ! โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่มองหน้าพ่อมันอย่างกับจะงาบหัวอย่างกูเนี่ย! เด็กมันไม่กลัวก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว!
เห็นแก่เด็กหรอกนะ ผมถึงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วเปลี่ยนเรื่องแทนก่อนที่จะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
“นายจะให้ฉันยืนอยู่หน้าบ้านอีกนานแค่ไหน พาเข้าไปข้างในได้แล้ว”
คีธหันมามองผมเล็กน้อย ปากก็จะบอกว่าอย่าละลาบละล้วงเจ้านายมัน แต่ผมไม่สน พอแอสตันหัวเราะแล้วเปิดประตูบ้านให้กว้างขึ้น ผมก็พุ่งพรวดเข้าไปเลย
บ้านริชาร์ดก็ลักษณะคล้ายๆ กับบ้านผม เป็นบ้านทาวโฮมสองชั้น เหมาะสำหรับครอบครัวเล็กๆ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจนัก นอกจากทำจมูกฟุดฟิดตามกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยออกมาจากในครัว พอเดินไปที่หน้าครัว ริชาร์ดก็โผล่หน้าออกมาพอดี
“เอ้า มาได้จังหวะพอดีเลย ฉันเพิ่งจะอบลาซานญ่าเสร็จเมื่อกี้เอง มากินด้วยกันสิ”
ผมตอบรับ ก่อนที่ริชาร์ดจะทักทายคีธกับคีตาพอเป็นพิธี แล้วก็ชวนพวกเราไปที่โต๊ะอาหาร จัดมื้ออาหารให้ คีตากับอาร์ทูโรก็ถูกจับนั่งเก้าอี้เด็ก เตรียมกินอาหารด้วยเหมือนกัน
บทสนทนาของเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานานดังขึ้นไม่หยุด จากตอนแรกที่ผมหงุดหงิดผัวไอ้ริชาร์ด ตอนนี้ก็เริ่มผ่อนคลายละ กลายเป็นความสนุกสนานแทน แอสตันเล่าให้ฟังว่าเจเนซิสกับลาร์คเองก็คลอดลูกแล้วเหมือนกัน เป็นเด็กผู้ชายและหน้าตาถอดแบบจากเจเนซิสมาเด๊ะๆ ซ้ำยังได้รับสมญานามว่าเป็นทูตตัวน้อยประจำยูนิกม่าและเซนไทน์อีกต่างหาก โดยเฉพาะพวกเซนไทน์ที่รักและชื่นชมเจ้าชายองค์น้อยนี่เป็นพิเศษ ทางยูนิกม่าก็เลยสบายใจไปได้ว่าจูเลียนจะเป็นกันชนไม่ให้เซนไทน์มารุกรานได้อีกนาน ส่วนพวกเมียๆ ของซีเลนก็คลอดลูกแล้วเหมือนกัน ผู้ชายทั้งคู่ ลูกที่เกิดจากบรูคลินเหมือนจะชื่อ เซซิล ส่วนที่เกิดกับเบนชื่อ เบลค
ผมเกือบจะไม่สนใจอยู่แล้วเพราะรู้ข่าวเรื่องลูกๆ ของซีเลนมานานแล้ว ถ้าริชาร์ดไม่พูดขึ้นมาว่าลูกๆ ของซีเลนก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าชายเหมือนกัน เป็นทั้งเจ้าชายของเซนไทน์และยูนิกม่า ผมก็เลยอดหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้
แม่ง ทำไมลูกของไอ้หื่นกามกับเปรตพวกนั้นถึงได้สูงส่งกว่าลูกผมนักวะ หมั่นไส้ฉิบ!
แต่หมั่นไส้ลูกๆ ซีเลนได้ไม่นาน ก็ต้องมาหมั่นไส้ลูกริชาร์ดอีกเมื่อเห็นว่าระหว่างที่กินอาหารกันอยู่นั้น อาร์ทูโรกับคีตาเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กันตามประสาเด็ก จริงๆ ถ้าเป็นตามประสาเด็กปกติ ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่คือมันดูออกว่าอาร์ทูโรกำลังข่มลูกผมอยู่ ยิ่งเห็นตอนที่ริชาร์ดยื่นจานใส่คุกกี้ให้ทั้งคู่คนละใบ แล้วอาร์ทูโรพุ่งเข้ามาแย่งคุกกี้จากในจานลูกผมทั้งที่ของตัวเองยังไม่ได้แตะสักชิ้น ผมก็ปรี๊ดขึ้นมาทันที
แต่เด็กก็คือเด็ก ผมไม่อยากจะถือสามาก ข่มใจแล้วว่าออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อย่าแกล้งคีตาสิอาร์ ของตัวเองก็มีไม่ใช่เหรอครับ” ว่าแล้วก็ดึงขนมในมือเล็กกลับไปวางในจานของคีตาเหมือนเดิม
อาร์ทูโรตวัดดวงตาหรี่เล็กมามองผมขวางๆ ก่อนจะสะบัดสะบิ้งจนน่าตบให้คว่ำ เอื้อมมือมาแย่งคุกกี้ของคีตาอีก
“ไม่เอาสิอาร์ แบ่งให้คีตากินบ้าง” ริชาร์ดเห็นท่าทางลูกตัวเองอย่างนั้นก็ดุขึ้นมาบ้าง แต่ก็ดุแบบขอไปทีแหละนะ และก็ไม่ได้ทำให้อาร์ทูโรหยุดได้เลย ผมก็เลยคว้ามือเล็กนั่นออกจากจานคุกกี้ จับอาร์ทูโรให้นั่งประจำที่ตัวเองดีๆ เหมือนเดิม
“อ๊าๆ!” อาร์ทูโรส่งเสียงดังขึ้นมาด้วยขัดใจ แล้วก็เอื้อมมือมาแย่งขนมของคีตาอีกครั้ง คีตาก็นั่งเฉย ปล่อยให้อาร์ทูโรแย่ง มองอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งๆ ไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น
หนักกว่านั้นคือพออาร์ทูโรคว้าคุกกี้ได้ และพอผมร้องเตือนแอะเดียว อาร์ทูโรก็ขว้างคุกกี้ใส่หน้าผากคีตา ผมถึงกับกำมือแน่น
เดี๋ยวกูก็ตบคว่ำซะหรอกไอ้ลูกเจ๊ก! แกล้งลูกกูเหรอ!
หายใจเข้าออก นับหนึ่งถึงสิบช้าๆ ข่มใจไม่ให้รังแกเด็กเป็นพัลวัน สายตาก็เหลือบมองคีตาที่นั่งนิ่งเหมือนเดิม มองอาร์ทูโรราวกับไม่เข้าใจว่าอาร์ทูโรขว้างคุกกี้ใส่ตัวเองทำไม ก่อนจะหยิบคุกกี้ชิ้นนั้นที่ตกอยู่ตรงหน้าขึ้นมาส่งให้อาร์ทูโรอีก ส่วนลูกไอ้เจ๊ก... พอรับคุกกี้ไปได้ก็ขว้างใส่หน้าลูกผมอีกครั้ง แล้วก็ส่งเสียงหัวเราะชอบใจ คีตาก็ทำหน้านิ่งๆ เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
เห็นลูกตัวเองแล้วผมก็ถอนหายใจ นี่ก็เหมือนคีธอย่างกับถอดแบบกันออกมา ทั้งที่หน้าตาคล้ายกับผมมากกว่าคีธแท้ๆ แต่ดันนิสัยเหมือนคีธเสียได้ สงสัยจะเป็นเพราะคีธเป็นคนเลี้ยงล่ะมั้ง ถึงได้มึนๆ อึนๆ ตามกันไปแบบนั้น
“อย่าทำแบบนี้สิ ไม่น่ารักเลยลูก” ริชาร์ดเห็นลูกตัวเองเกเรก็ลุกขึ้นมาปราม ดึงคุกกี้ชิ้นใหม่จากมือเล็กที่อาร์ทูโรตั้งใจจะขว้างใส่คีตาอีกออกไปวางใส่ในจานเหมือนเดิม
พอถูกขัดใจก็เบะปากเป็นเป็ด น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะ ก่อนจะแหกปากร้องไห้จ้าขึ้นลั่น
“แง!”
เส้นประสาทตรงขมับผมกระตุกยิกๆ ผมไม่ชอบเสียงร้องของเด็ก มันน่ารำคาญ ดีที่คีตาแทบไม่เคยร้องงอแง นานๆ ทีจะมีร้องบ้าง ผมก็เลยไม่ชินกับเสียงแหลมๆ นี้
และพอลูกมันร้อง ริชาร์ดก็คว้าคุกกี้อันเดิมที่หยิบใส่จานเมื่อกี้มาคืนลูกตัวเองทันใด
“โอ๋ๆ นะ อย่าร้องนะครับคนดี ไม่ร้องนะ อ่ะ พ่อเอาให้แล้ว”
ไอ้ริชาร์ด! มึงอย่าสปอยล์ลูกด้วยการยุให้ลูกมึงเอาขนมปาใส่ลูกคนอื่นสิวะ!
ผมเห็นก็ไปแย่งคุกกี้จากอาร์ทูโรก่อนที่จะได้ปาใส่คีตาออก คราวนี้เด็กนั้นร้องไห้หนักกว่าเดิม แหกปากลั่นจนผมอยากจะจับมาเขย่าให้รู้แล้วรู้รอด ตอนนี้รู้เลยว่าริชาร์ดมันเลี้ยงลูกแบบตามใจ ยิ่งเห็นแอสตันเข้ามาอุ้มอาร์ทูโรที่ร้องไม่หยุดโยกตัวโอ๋ไปมาด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งหงุดหงิด
พวกมึงเลี้ยงลูกประสาอะไรกันวะ! ตามใจเกินไปแล้ว!
“พวกนายตามใจอาร์มากไปหรือเปล่าวะ” แล้วผมก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้
สองผัวเมียนั่นชะงักจากการโอ๋ลูกหันมามองหน้าผมทันใด ก่อนริชาร์ดจะยิ้มแห้งๆ
“ก็รู้อยู่หรอกว่าเลี้ยงตามใจน่ะ ช่วยไม่ได้ อาร์น่ารักนี่นา”
น่ารักกับผีสิ! หน้าตาก็กวนโอ๊ย นิสัยยังไม่ดีอีก ลูกมึงไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคนนะเว้ย!
“แต่สนับสนุนให้ลูกรังแกเด็กคนอื่นนี่มันไม่ใช่เรื่องแล้วนะเว้ย” ผมว่าไปตามจริง ริชาร์ดก็ยิ้มแหยยิ่งกว่าเดิม
“ถ้าไม่ทำแบบนั้น อาร์ก็ร้องไม่หยุด ไม่เป็นไรหรอก คีตาใจดีเนอะ ไม่ถือสาใช่มั้ยครับคีตา” แล้วมันก็หันไปขอความเห็นคีตาที่นั่งมองเหตุการณ์หน้าตาย
ผมถึงกับหันไปคว้าถาดลาซานญ่า ทำท่าจะฟาดริชาร์ด มันเลยรีบยกมือป้อง ปากก็หัวเราะไปด้วย
“เฮ้ยๆ ล้อเล่นๆ นี่ก็คิดเป็นจริงเป็นจังไปได้ ใครจะให้ลูกตัวเองไปแกล้งคีตากันล่ะ”
ก็มึงนี่แหละที่ให้ลูกมึงมาแกล้งลูกกูเนี่ย!
คีธเห็นผมเอาจริงก็เลยคว้าข้อมือผมที่ถือถาดลาซานญ่าอยู่ให้วางลง ก่อนจะดึงผมนั่งลงด้วย
“ใจเย็นก่อนกวินทร์ พระชายาทรงตรัสล้อเล่น”
“จะไปเข้าข้างมันทำไม เข้าข้างครอบครัวตัวเองสิวะ” ผมแหวใส่ คีธทำหน้าตายเหมือนกับคีตาไม่มีผิด ส่วนริชาร์ดก็หัวเราะหนักขึ้น จังหวะเดียวกับที่อาร์ทูโรกระจองอแง คว้าเอาขวดนมบรรจุน้ำส้มของคีตาที่วางอยู่ใกล้ๆ ไปถือ พอแอสตันที่อุ้มอยู่ดึงออกจากมือเล็ก อาร์ทูโรก็ร้องดังกว่าเดิม คราวนี้ไม่ร้องอย่างเดียว ดีดดิ้นพล่านๆ ในอ้อมกอดพ่อมันด้วย เห็นแล้วผมก็หัวเสีย แถมริชาร์ดยังโอ๋ลูกด้วยการไปเปิดตูเย็น เอาน้ำส้มเทใส่ขวดนมขวดใหม่มาให้อีก แต่อาร์ทูโรไม่เอา ร้องจะเอาขวดนมของคีตาให้ได้ คีตาเห็นแบบนั้นก็หยิบขวดนมตรงหน้าตัวเองส่งให้ เป็นสัญญาณว่า ‘ให้’
“ให้อาร์เหรอครับ” ริชาร์ดถาม
คีตาพยักหน้า ริชาร์ดก็เลยรับขวดนมไปให้อาร์ทูโรถือ ตอนนี้แหละที่เสียงแหลมๆ นั่นเงียบลงได้
ผมเห็นแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจะว่าเปรยขึ้นมา
“ฉันว่าพวกนายเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่รังแกฉันมากเกินไปว่ะ ระวังเถอะ ลูกจะเสียคน แล้วนี่ถึงกับมาแย่งของกินลูกฉัน มันหมายความว่าไงวะ”
ถึงผมจะรู้ว่าอาร์ทูโรมีศักดิ์เป็นเจ้าชาย จะโดนเลี้ยงแบบตามใจก็ไม่แปลกก็เถอะ แต่ก็อดจะด่าสองผัวเมียนี่ไม่ได้ แอสตันกับริชชาร์ดยิ้มเจื่อน ก่อนคีธจะโพล่งขึ้นมา
“ไม่เป็นไรหรอกน่ากวินทร์ คีตาเป็นลูกผู้พิทักษ์ ยังไงก็มีหน้าที่เสียสละให้องค์ชายอยู่แล้ว เรื่องปกติ”
ผมชะงัก หันไปมองหน้าคีธตาเขียวทันควัน ไม่ได้ตาเขียวเพราะมันเข้าข้างอาร์ทูโรนะ แต่ตาเขียวเพราะมันจะให้ลูกไปรับใช้ไอ้เด็กเอาแต่ใจนี่ต่างหาก
“ใครว่าฉันจะให้คีตาเป็นผู้พิทักษ์วะ เรื่องเถอะ ฉันจะปั้นลูกให้เป็นดาราเด็กเว้ย!”
“แต่คีตาเป็นลูกผู้พิทักษ์...”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการให้คีตาไปดูแลเด็กเจ๊กนิสัยเสียนี่วะ!” ผมเริ่มลามไปแขวะลูกเจ้านายมัน
คีธเลยรีบหันไปค้อมหัวให้เป็นเชิงขอโทษ ริชาร์ดกับแอสตันไม่ถือสาเพราะรู้ว่าลูกตัวเองเป็นไง ก่อนคีธจะพูดกับผมอีกครั้ง
“คีตาโตขึ้นเมื่อไหร่ จะต้องไปดูแลองค์ชาย”
“บอกแล้วไงจะปั้นให้เป็นดาราเด็ก นายอยากเป็นก็เป็นไปคนเดียวสิโว้ย!” ตอนนี้ผมเริ่มโวยวายเสียงดังเมื่อคีธเอาแต่ดึงดันว่าจะให้ลูกไปดูแลไอ้เด็กหน้าตาบอกบุญไม่รับนั่น
พอเห็นผมไม่ยอม มันก็คว้ามือผมมาจับแน่น ก่อนเรียกชื่อ
“กวินทร์...”
“ไม่ต้องมากวินทร์เลย ยังไงฉันก็ไม่ยอม ฝันไปเถอะ” พูดจบก็ลากเก้าอี้คีตาเข้ามาใกล้ๆ ราวกับกลัวว่าคีธมันจะแย่งลูกไป
ริชาร์ดกับแอสตันถึงกับหัวเราะกับท่าทางแข็งข้อของผม
“ถ้าจะแย่งลูกกันอย่างนี้ นายก็ทำอีกคนไปเลยสิวะ คนนึงให้เป็นผู้พิทักษ์ อีกคนก็ปั้นให้เป็นดารา จะได้ไม่ต้องแย่งกัน” ริชาร์ดเสนอความคิดขึ้นมา
คีธหันไปมองหน้าริชาร์ด เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่จะวางไข่คีตาเคยพูดไว้ว่าอยากมีลูกสองคน ผมก็จำได้แต่ไม่สนใจ สนใจแต่สิ่งที่ริชาร์ดพูดนั่นแหละ
“ถึงจะมีลูกสองคน ฉันก็ไม่ให้ไปเป็นผู้พิทักษ์ ดูแลลูกนายหรอก นิสัยเสียอย่างนั้นจะได้พาลูกฉันเสียคนตามไปด้วย” ตบท้ายด้วยการแขวะอีกที
อาร์ทูโรที่เงียบปากไปแล้วเริ่มเบะขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถูกผมว่า ยิ่งเห็นสายตาดุๆ ของผมด้วยแล้ว ก็เริ่มบรรเลงเสียงร้องไห้อีกครั้ง แอสตันเลยต้องขอตัวพาลูกไปโอ๋ที่ห้องนั่งเล่นแทน ริชาร์ดเดินเข้ามานั่งข้างผม ชวนคุยไปเรื่อยหลังจากที่ผัวมันออกจากครัวไป
“ไม่ดูแลก็ไม่เป็นไร ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้ลูกนายมาดูแลลูกฉัน แต่ฉันแค่เสนอความคิดให้พวกนายเฉยๆ จะได้ไม่ต้องแย่งลูกกัน คนนึงก็ให้คีธไป อีกคน นายก็เอาไป”
“นายอยากมีก็มีเองสิ คลอดแค่คนเดียวก็สยองขวัญจะแย่แล้ว ให้คลอดอีกคนล่ะก็ไม่เอาหรอก” ผมว่าอย่างไม่ใส่ใจ ป้อนขนมคีตาไปเรื่อย ส่วนริชาร์ดก็หัวเราะลั่นเมื่อได้ยินผมพูดเรื่องคลอด
“เออ ก็สยองจริงแหละ ตอนฉันคลอดอาร์นี่ถึงกับเป็นลมไปเลย แต่ก็เอาเถอะ ตัดสินใจเองแล้วกัน แต่ฉันว่าพวกนายน่าจะมีลูกสักสองคนนะ ไม่งั้นนายก็ครองลูกคนเดียว ไม่แฟร์กับคีธนะเว้ย”
ไม่แฟร์นี่คงจะหมายถึงเรื่องที่ผมตัดสินใจเรื่องลูกโดยไม่ถามความเห็นคีธล่ะมั้ง แต่ผมก็ไม่สนใจ ชวนคุยเรื่องอื่นไปแทนเพราะไม่อยากจะหัวเสียเรื่องเด็กๆ เท่าไหร่นัก
เราพูดคุยกันอย่างออกรสอีกครั้ง ผมเหลือบเห็นสายตาคีธที่มองผมเป็นระยะอย่างสงสัยราวกับว่ามันมีอะไรในใจ เดาเลยนะว่ามันต้องคิดเรื่องที่จะมีลูกอีกคนกับผมแน่ๆ
 

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Extra: Kinn is our second kid[2]
แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อพวกเรากลับมาถึงบ้าน หลังจากที่มันอุ้มคีตาไปนอนที่ห้องเรียบร้อยแล้ว มันก็จัดการลากผมเข้าห้องนอนอย่างไม่รีรอ ผมพยายามร้องถามมันว่าจะทำอะไร แต่ก็โดนมันผลักลงบนเตียง กระชากเสื้อผ้าออกจากตัว เตรียมกินเป็นที่เรียบร้อย
“อะ...อะไรของนายเนี่ย ทำไมจู่ๆ ถึง...อา...” ผมพยายามร้องถามขณะที่ถูกปลายลิ้นอุ่นร้อนรุกรานบริเวณยอดอก แต่ถามได้ไม่ทันจบประโยค คำพูดมากมายก็หายไปเมื่อริมฝีปากเข้าครอบครองส่วนอ่อนไหวสีชมพูนั่น
“คีธ...”
ยิ่งผมเรียกชื่อ คีธก็ยิ่งกดจมูกตัวเองลงบนยอดอกผมมากขึ้น จากแค่โล้มไล้ด้วยปลายลิ้น ก็เริ่มซุกซนด้วยการขบเม้มด้วยฟันสลับไปมา ผมเลยยุติความคิดที่จะถาม ปล่อยตัวปล่อยใจให้คีธเล่นสนุกกับร่างกายตัวเองตามใจ
คีธผละริมฝีปากจากหน้าอก ไล่พรมจูบลงต่ำไปเรื่อยๆ จนถึงกลางลำตัว มือข้างหนึ่งกอบกุมส่วนอ่อนไหวของผมเอาไว้ มืออีกข้างก็ลูบไล้โคนขาด้านในไปมา
ผมผงกหัวขึ้นมามองคีธเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าคีธเอาแค่หยอกเย้ายอดแก่นกายด้วยปลายนิ้วจนของเหลวไหลซึมออกมาไม่หยุด คีธยิ้มให้ผมก่อนที่จะโน้มใบหน้าลงจุมพิตปลายยอดเบาๆ ผมกระตุกเฮือก และกระตุกหนักขึ้นไปอีกเมื่อคีธจัดการครอบครองส่วนนั้นด้วยโพรงปาก
“คีธ... อา...” ผมครางออกมาไม่ได้ศัพท์ แต่ก็พยายามจะไม่ส่งเสียงดังมากด้วยเกรงว่าจะทำคีตาตื่น
แต่ถึงจะบังคับไม่ได้ส่งเสียงดังอย่างไร ผมก็หลุดออกมาจนได้ สุดท้ายก็เลยต้องยกมือขึ้นปิดปาก ช่วยไม่ให้ส่งเสียงมากกว่าเดิมขึ้นอีกอย่าง
“พะ...พอแล้ว อื้อ...”
ผมกำเส้นผมของคีธที่ยังวุ่นวายกับกลางลำตัวของผมไม่หยุด สะโพกกระถดถอยหนีแต่ก็ไม่อาจหนีได้ ยิ่งหนี คีธก็ยิ่งรุกล้ำจนผมต้องเอ่ยปาก
“ฉะ...ฉันอยากทำบ้าง”
คราวนี้คีธยอมหยุด ชำเลืองสายตามามองใบหน้าผมพลางหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยอมถอนโพรงปากออกจากแก่นกายผม
“มาสิ” แล้วก็ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ พร้อมกับร้องเรียก
ผมลุกขึ้นนั่ง ขยับเข้าไปใกล้และยื่นมือไปปลดตะขอกางเกงของคีธออก ส่วนแข็งขันดันเนื้อผ้ากางเกงบ็อกเซอร์ออกมาให้เห็นเป็นทรงนูน ผมยื่นมือไปแตะก็สัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อน ก่อนจะจัดการปลดเปลื้องมันออกมาสัมผัสอากาศด้านนอก โน้มใบหน้าลงไปจัดการอย่างเดียวกับที่คีธทำให้ผมบ้าง
ครู่เดียว ผมก็ได้ยินเสียงหายใจหอบน้อยๆ จากร่างใหญ่ขึ้นมา รวมถึงรู้สึกถึงมือใหญ่ที่ลูบอยู่หลังท้ายทอยด้วย ผมเร่งจังหวะขึ้นด้วยอยากจะรังแกคีธอย่างที่ถูกคีธรังแกบ้าง ทว่าคีธไม่ยอมให้ผมได้ทำตามใจได้ดีนัก เลื่อนมือมารุกรานช่องทางด้านหลังของผมขณะที่ผมอยู่ในท่าคุกเข่าก้มโค้งตรงหน้ามัน
“อือ... อย่าเพิ่ง”
ผมพยายามร้องห้าม แต่ก็เท่านั้นแหละ คีธไม่สน ใช้สารอาหารที่อยู่ปลายนิ้วแทนเจล ลูบไปมาบริเวณปากทางก่อนจะส่งนิ้วเข้าไปทีละน้อย จากนิ้วเดียวก็กลายเป็นสองนิ้ว ไม่นานการเคลื่อนไหวยากลำบากก็เป็นไปได้ง่ายขึ้น ร่างกายผมตอบสนองเป็นสัญญาณว่าพร้อมแล้ว คีธจึงดึงผมออกจากตัวเอง ดันให้นอนราบไปบนเตียง พอผมนอน คีธก็จับให้ผมนอนคว่ำ มือใหญ่รั้งสะโพกผมให้ยกขึ้นสูงเล็กน้อย ผมเบิกตาโพลง หันไปมองมันทันทีที่จู่ๆ ก็ถูกจับให้อยู่ท่านี้
“เฮ้ยคีธ ท่านี้มันไม่โอ...อา...” ผมร้องบอก
แต่คีธก็ไม่ฟัง ขยับตัวเข้ามา แทรกส่วนอุ่นร้อนเข้ามาในกายผม ผมเลยต้องก้มหน้าลงบนฟูก ข่มกลืนความอัดแน่นที่ถูกส่งเข้ามาในตัวแทน ไม่นาน ก็รู้สึกได้ถึงร่างใหญ่ถึงส่วนลึก ครั้งนี้รู้สึกมากกว่าที่เคย ยิ่งรู้สึกมากขึ้นไปใหญ่เมื่อมือของคีธเอื้อมมือเกาะกุมกลางลำตัวของผมและรูดรั้งไปมาด้วย
มือทั้งสองของผมกำผ้าปูที่นอนแน่น ปากก็กัดหมอนไปด้วยเพราะเกรงว่าจะทำเสียงดัง แต่คีธก็ทำให้ผมต้องครางออกมาอย่างลืมตัวจนได้เมื่อมันเร่งจังหวะขึ้น ความวาบหวามประเดประดังเข้ามาจนผมไม่อาจทรงตัวได้อยู่พร้อมกับของเหลวข้นที่ไหลท่วมมือคีธ คีธเองก็เช่นเดียวกัน พอเห็นผมไปถึงฝั่งก็ตามมาติดๆ ก่อนเสียงลมหายใจเหนื่อยหอบของมันจะดังขึ้นประสานกับเสียงหายใจของผม
ไม่ใช่แค่เมื่อครู่ที่เรามีเซ็กส์กันด้วยท่าทางใหม่ หลังจากนั้น คีธก็จับผมลองสิ่งใหม่ๆ อีกหลายอย่าง เรียกได้ว่าแทบไม่มีมุมห้องตรงไหนเลยที่ไม่ได้ผ่านพวกผม ผ่านไปค่อนคืน ผมก็ชักจะไม่ไหว ฟุบหน้าลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนหลังจากมีอะไรอย่างดุเดือดกับมันชนิดแทบไม่ได้หยุดพัก
“รักนะกวินทร์” คีธกระซิบบอกผมขณะที่ตระกรองกอดผมไว้แน่น
“รักเหมือนกัน” ผมตอบรับโดยไม่ลืมตา
“วันนี้กวินทร์ชอบมั้ย”
ผมรู้ว่ามันหมายถึงเซ็กส์วันนี้นี่แหละ ผมเลยพยักหน้ารับให้มัน
“อืม แต่แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน ดุเดือดเกิน” อันนี้คือความจริง ดุเดือดเกินไป รอบแรกยังไม่เท่าไหร่ แต่รอบสอง สามและสี่นี่ผมจะตายเอา ผมรู้เลยว่าพวกยูนิกม่านี่บางทีก็ยั้งพละกำลังของตัวเองไม่เป็นพอๆ กับเซนไทน์นั่นแหละ
“ขอโทษนะ” คีธว่าเบาๆ แล้วจูบหน้าผากผม
ผมไม่ได้ตอบรับอะไร อยากจะนอนอย่างเดียว ร่างกายตอนนี้เรียกร้องที่จะหลับให้ได้ ทว่าพอเคลิ้มๆ คีธก็เรียกขึ้นมาอีก
“กวินทร์”
“อะไร” ผมกระชากเสียงเล็กน้อยอย่างรำคาญ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อมันพูดประโยคถัดไปออกมา
“ตอนนี้เรามีคีธน้อยแล้วนะ แล้วกวินทร์น้อยล่ะ กวินทร์อยากมีมั้ย”
ผมลืมตาขึ้นมามองหน้ามันทันที รู้เลยว่ามันหมายถึงอะไร
มึงจะวางไข่ใส่แล้วแหกสะดือกูเอาลูกออกมารอบสองเหรอไอ้คีธ! นี่คงจะหลงไปกับคำยุแยงของไอ้ริชาร์ดล่ะสิ แล้วที่มึงมีอะไรกับกูแบบดุเดือดเมื่อกี้ก็คงจะหาจังหวะตะล่อมขอกูวางไข่ด้วยล่ะสินะ!
“พอเลย มีคนเดียวก็พอแล้ว ไม่เอา” ผมรีบปฏิเสธ คิดถึงตอนคลอดคีตาก็ขยาดขึ้นมา
แต่คีธมันฟังมั้ยล่ะ... ไม่ ไม่ฟังแล้วยังเอาหัวมาวางตะแคงบนอกผม ส่งเสียงออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำอีก
“พ่อกวินทร์... พ่อคีธอยากได้กวินทร์น้อย”
มึงอย่ามาทำตัวปัญญาอ่อนแถวนี้นะเว้ย! คิดว่าทำตัวน่ารักแล้วกูจะยอมใจอ่อนหรือไงวะ!
“ไม่” ผมข่มใจ ปฏิเสธมันไปอีกรอบ คราวนี้คีธทำแก้มป่องๆ ขึ้นมา มองดูแล้วอย่างกับแก้มยุ้ยๆ ของคีตาไม่มีผิด
“นะ พ่อกวินทร์นะ พ่อคีธอยากได้กวินทร์น้อย คีตาจะได้มีเพื่อนเล่นด้วย คีตาก็บอกว่าอยากมีน้อง”
มึงไม่ต้องเอาคีตามาอ้างเลย มึงอยากได้เองทั้งนั้น ลูกไม่ได้พูดสักแอะว่าอยากมี อย่าว่าแต่พูดเลย เรียกพ่อยังไม่เรียกด้วยซ้ำ!
“ก็บอกว่าไม่ นายอย่าไปหลงกับคำพูดริชาร์ดสิวะ มันลำบากฉันนะเว้ย” ผมเริ่มโวย ชักจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้วที่มันฟังริชาร์ดเกินเหตุ
มันก็ไม่ฟังอยู่ดีนั่นแหละ ทำแก้มป่องกับแววตาออดอ้อนเป็นลูกหมาไม่ได้ผลแล้ว ก็เลยเปลี่ยนสายตาเป็นสายตาน่าสงสารแทน
“ก็พ่อกวินทร์ชอบตัดสินใจเรื่องลูกคนเดียวตลอดเลยนี่นา พ่อคีธก็อยากจะตัดสินใจเรื่องลูกบ้าง”
มึงมาพ่อคีธ พ่อกวินทร์อะไรอยู่ได้ รู้มั้ยว่ามันนะ...น่ารัก
ผมเข้าใจเหตุผลมันนั่นแหละ แต่ไม่อยากคลอดลูกนี่หว่า เลยหันหนีโดยไม่พูดอะไรแทน แต่คีธก็ไม่หยุด ขยับใบหน้ามาใกล้ผมแล้วขอร้องอีกครั้ง
“นะครับพ่อกวินทร์ นะๆ พ่อคีธสัญญาว่าจะไม่รักพ่อกวินทร์น้อยลง ไม่รักคีตาน้อยลงด้วย แต่จะรักให้มากขึ้น แล้วก็รักคินน์ให้มากๆ ด้วย วางไข่คินน์กันเถอะนะ”
ฟังคำพูดอ้อนๆ ของมันแล้ว ผมก็ขนลุกแปลกๆ แต่มันก็น่ารักแปลกๆ เหมือนกัน ยิ่งมันพูดชื่อลูกคนที่สองที่มันตั้งเองไปมาแบบนี้ด้วยแล้ว ใจผมก็อ่อนยวบทันที
“นายนี่มันดื้อด้านชะมัด เออๆ มีก็มี”
คีธยิ้มกว้างจนเห็นฟัน ประทับจูบผมอย่างไม่รอช้า ส่งไข่คินน์เข้ามาในปากผมทันทีทันใดด้วย ราวกับว่าถ้าชักช้ากว่านี้ผมจะเปลี่ยนใจ ผมหัวเราะในลำคอ ยอมกลืนไข่ลูกคนที่สองที่มันใช้ลิ้นดุนเข้ามาลงคอไปแต่โดยดี พอจัดการวางไข่เรียบร้อย คีธก็ผละออกมาจูบพรมหน้าผมไปทั่วจนน่ารำคาญ ผมผลักหน้ามันออกแล้วแหวใส่
“อะไรของนายนักหนาเนี่ย ทำอย่างกับไม่เคยมีลูก ลูกก็มีคนนึงแล้ว ยังจะตื่นเต้นอยู่ได้”
“ตื่นเต้นสิ ก็คีตาน่ะคีธน้อย แต่คินน์คือกวินทร์น้อยนี่นา ต้องตื่นเต้นอยู่แล้ว”
ผมเห็นมันดีใจจนออกนอกหน้าก็ชักจะหมั่นไส้ ดีดหน้าผากมันไปที แต่มันก็ไม่สนใจ กอดผมแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก
“ขอบคุณนะกวินทร์ ฉันมีความสุขมาก”
ผมก็อยากจะบอกว่าผมเองก็มีความสุขเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้ตื่นเต้นมากเท่าเหมือนตอนท้องคีตา แต่ผมก็อดใจรอดูหน้าลูกคนนี้แทบไม่ไหว ทว่าพอคิดถึงตอนแพ้ท้องแล้วก็ต้องถอนหายใจ อดขู่คีธไปอีกครั้งไม่ได้
“บอกไว้ก่อนนะว่าถ้ารอบนี้นายทำฉันเหม็นล่ะก็ ไม่ต้องคิดจะได้แตะตัวฉันอีกเลย”
คีธพยักหน้า ทำปากยื่นราวกับยอมจำนน ผมเลยหัวเราะกับท่าทางนั้นก่อนที่คีธจะเลื่อนใบหน้าไปนอนแนบบนหน้าท้องผม
“คินน์อย่าเหม็นพ่อคีธนะครับ เดี๋ยวพ่อกวินทร์ไม่ให้พ่อคีธเล่นกับหนู”
ผมหัวเราะหนักขึ้นไปอีก ยื่นมือไปลูบหัวมันเบาๆ ปากก็พูดไปด้วย
“แล้วนายก็ทำใจไว้เลยนะว่าฉันจะรักนายน้อยลงกว่าเดิมอีกเยอะ เพราะจะแบ่งไปรักคินน์ด้วย เตรียมตัวเป็นมนุษย์ต่างดาวหัวเน่าได้”
คีธเงยหน้าขึ้นมองผมยิ้มๆ “รู้อยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก รักฉันน้อยลงก็ได้ แต่รักนานๆ นะกวินทร์”
ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าคีธมันน่ารักเป็นพิเศษ เห็นแล้วก็อดดันตัวขึ้นมากอดมันไม่ได้ มันดูงงๆ ไปเหมือนกันที่ผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ก่อนที่ผมจะว่าเสียงเบา
“รักนานแน่ รักตลอดไป สัญญา”
คีธกอดผมตอบแน่นอยู่ครู่หนึ่ง พลันช้อนปลายคางผมให้สบตามัน สายตามันตอนนี้บ่งบอกชัดเจนว่ามีความสุขเพียงใด ก่อนที่มันจะจรดริมฝีปากลงมาบนเรียวปากผม กระซิบบอกด้วยเสียงแผ่วเบาไม่ต่างกัน
“ฉันก็จะรักกวินทร์ตลอดไปเหมือนกัน รักคีตากับคินน์ด้วย เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จะไม่รักตลอดไปได้ไง”
ผมยิ้ม ไม่ตอบรับใดๆ นอกจากซุกหน้าลงบนแผ่นอกกว้างเท่านั้น
อือ... มีความสุข การเป็นครอบครัวนี่มันมีความสุขแบบนี้นี่เองสินะ
ชักจะรอให้คินน์ออกมาดูโลกไม่ไหวแล้วแฮะ...

The End
--------------------------------------------
จบอย่างเป็นทางการแล้วค่ะสำหรับเนื้อเรื่องหลัก แล้วจะมาทยอยอัพตัวอย่างของตอนพิเศษทุกตอนให้ (อัพแค่บางฉากเท่านั้น เรียกน้ำย่อย ใครอยากอ่านเต็มๆ ให้ไปจองหนังสือ) แล้วก็อัพตัวอย่างเล่ม Alien's Kids กับ Alien's Honeymoon ด้วย

ปล.อย่าลืมจองหนังสือเค้าน้า จองได้ถึงวันที่ 15 มี.ค.59 นะจ๊ะ รายละเอียดเพิ่มเติม ตามเข้าไปที่แฟนเพจเน้อ https://web.facebook.com/NooDangzzz/

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
อยากรู้ว่าสุดท้ายเด็กๆมีใครได้เป็นผู้พิทักษ์ให้อาร์ทูโรไหม555

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
อยากรู้ว่าสุดท้ายเด็กๆมีใครได้เป็นผู้พิทักษ์ให้อาร์ทูโรไหม555

บอกไว้ก่อนเลยแล้วกันว่าคีตาได้เป็นจ้า ส่วนคินน์ก็ได้เป็นขุ่นเมียของลูกๆซีเลนนะ คู่นี้3P ไปติดตามใน side story เล่มลูกได้จ้า

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
น่ารัก  :mew1:

ออฟไลน์ PiSCis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
กวินทร์นี่เกรียนเสมอต้นเสมอปลายดีจริงๆ  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ตัวอย่างตอนพิเศษ: แก๊งเกรียนเอเลี่ยน [1]

ตอนแรกว่าจะเริ่มอัพอาทิตย์หน้าค่ะ แต่อดใจไม่ไหว เอาตัวอย่างไปก่อนตอนนึงแล้วกัน
หนูแดงจะอัพตัวอย่างตอนพิเศษให้อ่านกันทุกตอนนะคะ เผื่อคนที่ยังไม่ได้จองหนังสือจะอยากรู้ว่าแต่ละตอนในตอนพิเศษมีเนื้อหาเป็นยังไง แต่ก็แค่ฉากนึงเท่านั้นแหละเนอะ

ประเดิมตัวอย่างตอนพิเศษแรกในเล่มหลักของคีธกับกวินทร์เลยจ้า ขุ่นแม่ พี่แก้ว พี่กิ่ง ของวินนี่ออกโรงแล้วววว
---------------------------------------------------

Special Episode [Kieth & Kawin 1]: Mom, I have a…husband

พอได้เวลา ผมก็ห้อตะบึงมาที่สนามบินด้วยความเร็วแสง จอดรถได้ก็ไม่รอช้า กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปยังบริเวณจุดรอผู้โดยสารขาออก สายตาก็กวาดมองไปรอบๆ ตัว หาคนคุ้นตาพร้อมกับหายใจหอบเหนื่อยจากการวิ่งเมื่อครู่ไปด้วย
กวาดมองได้ไม่เท่าไหร่ ใจก็เต้นระทึกเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างของผู้หญิงสามวัย สามคนเดินนวยนาดเข้ามาใกล้ คนหนึ่งเป็นสาววัยกลางคน ตีกระบังลมโต้ทอร์นาโดในอเมริกามาแต่ไกล เครื่องเพชรก็แวววาวเต็มตัวประหนึ่งดั่งคุณหญิงคุณนายไฮโซไม่มีผิด คือก็ดูดีอยู่หรอก แต่พอมาแต่งแบบนี้ในอเมริกาแล้ว ดูแหม่งๆ ยังไงไม่รู้ ส่วนอีกคนเป็นหญิงสาวใบหน้าอ่อนหวาน แต่งตัวก็อ่อนหวาน ลูกไม้ระบายจับจีบรอบชายกระโปรง ดูเผินๆ อย่างกับพจมานหลุดออกมาจากบ้านทรายทองก็ไม่ปาน ส่วนอีกคนเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนกับผู้หญิงคนที่สองไม่มีผิด แต่งตัวด้วยแบรนด์เนมทั้งชุดราวกับหลุดออกมาจากแฟชั่นโชว์
สามคนนั้นดูโดดเด่นกว่าชาวบ้านชาวเมืองในสนามบินมาก โดดเด่นถึงขนาดพวกฝรั่งถึงกับหยุดยืนมองตามกันเป็นทิวแถว ไม่ใช่ว่าหยุดยืนเพราะดูดีหรือเพราะเป็นเอเชียหรอกนะ แต่หยุดยืนดูด้วยสีหน้าระบายคำถามว่าพวกนี้หลุดมาจากสวนสัตว์ไหนต่างหาก
ที่สำคัญ สามคนนั้นน่ะ... แม่กับพี่สาวทั้งสองของผมเอง
เห็นทั้งสามมองซ้ายขวาหาผม ผมก็รีบหันหนี ตอนแรกกะว่าจะทักแต่ตอนนี้ไม่เอาละ กลัวจะเด่นจนถูกมองตามไปด้วย เลยตัดสินใจว่าจะออกไปที่ลานจอดรถแล้วค่อยโทรบอกให้พวกนั้นตามออกมา หากแต่พอจะก้าวเดิน เสียงแจ๋นๆ ของสาวที่อาวุโสที่สุดก็ดังเรียกไว้ทันที
“วินนี่! นั่นลูกจะไปไหนน่ะ!”
ผมชะงักกึก รู้สึกได้ถึงสายตาของคนรอบข้างที่จับจ้องมายังผมในเสี้ยววินาที ตอนนี้จะหนีก็หนีไม่ได้ละ เลยได้แต่หันไปยิ้มแหยๆ ให้แม่ที่เดินเร็วๆ เข้ามาหาผมแทน
“วะ...หวัดดีฮะแม่” ผมทักกลับ
แม่เดินมาหยุดตรงหน้าก่อนจะพุ่งเข้ามากอด แล้วคว้าเอาหน้าผมไปหอมซ้ายขวาหลายฟอด
“ว่าไงเจ้าตัวดี ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องเลยนะ รู้มั้ยว่าแม่คิดถึงเนี่ย” หอมเสร็จก็ว่าเชิงเอ็ด แต่ไม่ได้จริงจังนัก แล้วก็ตามมาด้วยหอมอีกระลอกจนผมต้องรีบดันแม่ออกห่าง
“แม่พอแล้ว หอมหนูจนแก้มจะช้ำหมดแล้วเนี่ย”
“ดีสิ เอาให้ช้ำไปเลย โทษฐานที่ไม่ยอมกลับบ้านมาให้แม่เห็นหน้าตั้งหลายปี แม่เลยต้องให้พี่แก้ว พี่กิ่งพาแม่มาหาลูกถึงที่เนี่ย”
แม่ทำปากยื่นๆ หันไปทางหญิงสาวแต่งตัวหวานที่เดินมาสมทบแล้วยิ้มให้ผม เธอชื่อแก้วตา เป็นพี่สาวคนโต อายุห่างจากผมสิบเอ็ดปี ตอนนี้เธอก็อายุสามสิบหกแล้วล่ะเพราะปีนี้ผมอายุยี่สิบห้าแล้ว ส่วนหญิงสาวอีกคนที่ลากกระเป๋าเข้ามาด้วยสีหน้าเหวี่ยงๆ นั่นคือพี่กิ่ง หรือกิ่งแก้ว คนนี้ก็อายุมากกว่าผมเก้าปี ตอนนี้ก็น่าจะสามสี่
แต่เรื่องอายุมันไม่สำคัญเท่ากับการที่จู่ๆ แม่กับพี่ๆ ของผมก็มาโผล่ในแอลเอแบบกะทันหัน ชนิดโทรมาบอกก่อนขึ้นเครื่องจนผมต้องรีบเคลียร์งานทั้งหมดเพื่อมารับนี่แหละ
“เป็นไงบ้างวินนี่ สบายดีนะ” พี่แก้วเป็นคนทัก เธอคลี่ยิ้มใจดีให้ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่แก้วดูอำมหิตยังไงพิกล อาจเป็นเพราะผมรู้ดีอยู่แล้วก็ได้ว่าพี่แก้วน่ะ ถึงจะเป็นพี่สาวใจดีแต่ก็เป็นคนระเบียบจัดและเฮี้ยบไม่เบา บางทีการยิ้มอ่อนๆ ของเธอก็หมายถึงการเตรียมตัวจัดการผมในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้าเช่นเดียวกัน
ทว่าผมก็ทำเนียนไป ไม่กระโตกกระตาก นอกจากตอบรับ
“สบายดีครับ”
“มันก็ต้องสบายดีอยู่แล้วล่ะ ถ้าไม่สบายดี มันก็คงแจ้นกลับมาบ้านมาตั้งแต่เรียนจบแล้ว นี่อะไร เรียนจบแล้วก็ไม่ยอมกลับ อยู่ลากยาวถึงสองปี ไอ้อยู่ยาวน่ะไม่เท่าไหร่ แต่อยู่ไม่ยอมกลับมาเยี่ยมแม่ เยี่ยมพี่เลยนี่มันน่านัก” พอผมพูดจบ เสียงแปร๋นๆ ของพี่กิ่งก็ดังขึ้นมาทันใด พร้อมตวัดดวงตาคมมามองผมอย่างตำหนิด้วย
ผมไม่ถือสากับคำก่นว่าของเธอเพราะผมก็ผิดจริงที่ไม่กลับไปเยี่ยมเยียนที่บ้านบ้าง แต่ผมก็มีเหตุผลนี่หว่า ลูกก็ยังเล็กอยู่ทั้งสองคน แถมผัวก็ปัญญาอ่อน จะปล่อยให้มันดูแลลูกคนเดียวก็ไม่ไว้ใจมันอีก อีแบบนี้จะกลับได้ไง
“อย่าไปว่าน้องเลยกิ่ง สงสัยอเมริกาจะมีอะไรดี วินนี่ถึงได้ติดใจ” แม่ห้ามทัพด้วยน้ำเสียงขำๆ
พี่กิ่งกับพี่แก้วก็เลยหัวเราะตามไปด้วย มีแต่ผมนี่แหละที่หัวเราะไม่ออกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไอ้ของที่ผมติดใจนี่คือลูกกับผัว
ละ...ลืมไปซะสนิทเลยว่าตอนที่แม่โทรมาบอกว่าจะมา ผมลืมเก็บลูกเก็บผัวไว้ในที่ปลอดภัย มัวแต่เคลียร์งานด่วน ยะ...อย่างนี้ตายแน่
“แล้วนี่เราจะยืนคุยกันตรงนี้อีกนานมั้ย พาพี่กับแม่ไปบ้านสิ เหนื่อยจะแย่ อยากพักแล้ว” พี่กิ่งพูดขึ้นมาอีก แล้วก็ส่งกระเป๋าลากใบใหญ่ให้ผม
ผมเก้ๆ กังๆ ขึ้นมา... ถะ...ถ้าสามคนนี้ไปที่บ้าน รับรองเลยว่าจะต้องรู้เรื่องที่ผมแอบมามีครอบครัวโดยไม่บอกแน่ แล้วพอรู้ ผมก็คงจะต้องโดนด่าเปิง ไม่ก็โดนลากกลับไทยแบบไม่มีข้อโต้แย้งแหงๆ ทะ...ทำไงดี
ผมยืนครุ่นคิดทันใดว่าควรจะทำยังไงต่อจากนี้ดี ท่าทางอึดอัดใจของผมทำให้พี่แก้วผิดสังเกต ก่อนจะเป็นคนแรกที่เอ่ยปากถาม
“เป็นอะไรหรือเปล่าวินนี่ ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
คราวนี้ แม่กับพี่กิ่งหันมาจ้องผมเขม็ง ผมเลยยิ่งอึกอักเข้าไปใหญ่ จนแม่ต้องออกปากถามสมทบอีกคน
“มีอะไรอยากบอกแม่หรือเปล่าลูก”
แม่เป็นคนที่อ่านผมออกเสมอ พอถามมาแบบนี้ ผมก็ตัดสินใจทันทีเลยว่าควรต้องบอกความจริงไปก่อนที่ทั้งสามจะไปเห็นด้วยตาตัวเอง พูดง่ายๆ คือรีบๆ เคลียร์ตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่มันจะเป็นเรื่องใหญ่บานปลายนี่แหละ
เท่านั้น ผมก็เผยอปากบอกความจริงออกมา
“แม่ครับ คือว่าหนู...” พูดได้ไม่จบประโยคก็ต้องเงียบ ไอ้การบอกความจริงว่าผมมีลูกแล้วนี่มันยากชะมัด
 “หนูอะไรลูก” สุดท้ายแม่ที่รอฟังอยู่ก็ต้องกระตุ้นให้ผมพูด
“หนู...” ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะโพล่งออกมาเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน “หนูมีลูกแล้วนะครับ”
ทั้งแม่ ทั้งพี่ๆ ต่างเงียบนิ่ง มองหน้าผมด้วยดวงตาเบิกโต แต่ก็ครู่เดียวเท่านั้น ก่อนพี่กิ่งจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง
“ก็กะไว้อยู่แล้วล่ะว่าที่แกไม่กลับบ้านก็เพราะไปไข่ไว้ที่ไหน นิสัยเสีย เจ้าชู้ มั่วไม่เลือกอย่างแกตั้งแต่อยู่ไทยแล้วด้วย ฉันพอจะเดาออกตั้งแต่ตอนแกมาเรียนที่นี่ใหม่ๆ แล้ว”
สิ้นเสียง แม่กับพี่แก้วก็พากันหัวเราะ แล้วแม่ก็พูดขึ้นมาอีก
“ไม่เป็นไรหรอก วินนี่เรียนจบแล้วนี่ หมดห่วงแล้ว จะมีลูก แม่ก็ไม่ว่าอะไร”
พี่แก้วพยักหน้าสมทบให้แม่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมสบายใจขึ้นเลย ยิ่งโดนถามคำถามต่อมา ผมยิ่งไม่สบายใจหนักขึ้นไปอีก
“แล้วลูกของวินนี่อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ”
“สามขวบ”
ทุกคนเบิกตาโพลงทันใด
“แสดงว่าวินนี่มีลูกตั้งแต่ตอนเรียน?” แม่ถาม
ผมพยักหน้า แม่ชักสีหน้าใส่เล็กน้อย ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างระอา
“ลูกนี่จริงๆ เลยน้า”
“นั่นลูกคนแรกนะครับแม่” แล้วผมก็บอกความจริงไปอีกอย่าง คราวนี้แม่ถลึงตาใส่ผมเลย
“หมายความว่าวินนี่มีลูกสองคน?” พี่แก้วเป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้าง ผมก็พยักหน้าอีก
“คนเล็กสองขวบน่ะ”
ตอนนี้แม่ถลาเข้ามาหยิกผมละ แต่หยิกไม่แรงนัก มีตีสำทับมาอีกทีอย่างหมั่นไส้
“เกเรจริงๆ นี่ถ้าลูกมีหลานให้แม่แต่เรียนไม่จบล่ะก็ แม่จะตีให้หลังอานเชียว”
เหมือนจะดุแต่น้ำเสียงก็ไม่ได้ดุอย่างจริงจังนัก ผมเลยเบาใจขึ้นมาได้นิดหน่อย ยิ่งเห็นแม่เผยอยิ้มแล้วถามเรื่องลูกๆ ผมด้วยแล้ว ผมก็รู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอกยังไงยังงั้น
“แล้วนี่หลานๆ ชื่ออะไรกันบ้างล่ะ”
“คีตากับคินน์ครับ”
“น่ารักเหมือนวินนี่มั้ย”
“ลูกครึ่งด้วยใช่หรือเปล่า”
พี่กิ่ง พี่แก้วทำหน้าตาตื่นเต้นทันใด แย่งกันถามจนผมไม่รู้ว่าจะตอบใครก่อนจึงได้แต่พยักหน้ารับไป แล้วทั้งสองก็กรี๊ดกร๊าด พูดไม่หยุดว่าอยากเห็นหน้าหลาน แม่เลยต้องปรามก่อนจะหันมาทางผมด้วยสีหน้าอิ่มเอิบ
“จริงๆ แม่ก็อยากเห็นหน้าหลานๆ เหมือนกันนะ อยากรู้ว่าจะหน้าตาน่ารักเหมือนวินนี่ตอนเด็กๆ มั้ย ไปเถอะ รีบพาแม่ไปบ้านเร็ว”
ลูกผมก็ต้องน่ารักเหมือนผมอยู่แล้ว ไม่เหมือนผมแล้วจะให้ไปเหมือนใครล่ะ หากแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาก็คือ ผมบอกเรื่องลูกๆ ไปแล้ว และทุกอย่างก็ผ่านฉลุย แต่ยังมีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้บอก แถมยังเดาไว้ในใจเองด้วยว่าคงจะไม่ผ่านแน่ ซึ่งนั่นก็คือเรื่องคีธนี่แหละ
ให้ตาย... ผมจะบอกแม่กับพี่ๆ ยังไงว่าผมไม่ได้มีเมีย แต่ผมมีผัวเนี่ย! บอกไปแล้วจะโดนกระทืบมั้ย!?
ผมมองทั้งสามคนที่กระตือรือร้นอยากเห็นหน้าคีตากับคินน์สุดฤทธิ์แล้วก็ใจสั่นขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าไปที่บ้าน ยังไงก็ต้องเจอคีธ เอาเป็นว่าผมรีบบอกไว้ก่อนดีกว่า จะได้ทำใจกันตั้งแต่เนิ่นๆ
หากแต่พอผมทำท่าจะเรียกแม่กับพี่ๆ เพื่อบอกความจริง พี่กิ่งก็โพล่งขึ้นมาก่อนราวกับเพิ่งนึกออกว่าลืมอะไรไป
“เออ แล้วเมียวินนี่เป็นคนที่ไหน คนอเมริกันใช่หรือเปล่า”
“ครับ”
“สาวแหม่มผมทอง ตาฟ้าด้วยป่ะ?”
ผมส่ายหน้า
“งั้นก็สาวผิวสีทรงโตล่ะสินะ สเป็กวินนี่ไม่ใช่เหรอ อึ๋มๆ น่ะ”
อึ๋มบ้าอึ๋มบออะไร มีแต่กล้ามเนื้อกับความหื่นทั้งนั้นแหละไอ้คีธน่ะ!
ผมทนให้พี่กิ่งเดาไปเรื่อยไม่ไหวอีกต่อไป ส่ายหน้าแล้วก็ออกปากด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แม่ พี่แก้ว พี่กิ่ง ฟังหนูนะ”
ทุกคนชะงัก จ้องหน้าผมอย่างสงสัย ผมเลยรีบชิงพูดต่อ
“หนูไม่ได้มีเมีย”
จากสีหน้าสงสัยในตอนแรกก็ดูสงสัยมากกว่าเดิมอีก
“ไม่ได้มีเมีย... แล้วลูกๆ นี่จะเป็นลูกของวินนี่ได้ไง” พี่แก้วถามหน้าเครียดทันใด
“คีตากับคินน์ก็ลูกของหนูนี่แหละ แต่หนูไม่ได้มีเมีย”
ทุกคนสงสัยหนัก ผมลำบากใจที่จะพูดด้วย ทว่าพี่กิ่งเหมือนจะจับทางได้ว่าผมหมายถึงอะไร เท่านั้นก็ทำหน้าตกใจ ก่อนจะมองหน้าแม่กับพี่แก้วซึ่งสบตากันฉับพลันราวกับรู้ทันว่าความจริงมันเป็นยังไง ก่อนพี่กิ่งจะครางออกมา
“อย่าบอกนะว่าวินนี่มี...ผะ...” แล้วก็เงียบไป คล้ายไม่กล้าเอ่ย
ผมสูดลมหายใจเข้าปอด พยักหน้าช้าๆ พูดออกมาราวกับไม่กลัวตาย
“หนูไม่ได้มีเมีย... หนูมีผัว...”
“วะ...วินนี่!” แม่อุทานลั่น สีหน้านี่ตกใจยิ่งกว่าเห็นผีอีกที่รู้ว่าลูกชายตัวเองมีผัวแทนที่จะมีเมีย ก่อนจะหงายท้องตึง จนพี่แก้วกับพี่กิ่งต้องเข้าไปประคองอย่างรวดเร็ว ปากก็ร้องเรียกแม่ที่หน้าซีดเผือดไปด้วย
“แม่! ทำใจดีๆ ไว้นะคะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ!”
“มะ...แม่หัวใจจะวาย พาแม่ไปโรง’บาลที” แม่ยังพูดได้ แต่คือร่วงลงไปกับพื้นแล้ว
ผมถลาเข้าไปประคองแม่อีกคนขณะที่รอบข้างเริ่มวุ่นวายเพราะจู่ๆ ก็มีมนุษย์ป้าบ้าเครื่องเพชรเป็นลมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ใจก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกอกตัญญูขึ้นมาทันใด
นะ...หนูแค่มีผัวนะแม่ ใจเย็นๆ ก่อน แค่มีผัวเฉยๆ เอง! จะตกใจอะไรขนาดนี้เนี่ย!
-----------------------------------
ยังมีหน้ามาพูดว่าแค่มีผัวเฉยๆ เอง ขุ่นแม่ช็อกไปเรียบร้อยแล้วนังกวินทร์!! 555
กวินทร์มีชื่อเล่นว่าวินนี่นะคะ มีแค่แม่กับพี่ๆ ของนางเท่านั้นที่เรียก ส่วนนางก็เรียกแทนตัวเองว่าหนูกับแม่แล้วก็พี่ๆ นะ ลูกคนเล็กโดนสปอยล์ สปอยล์หนักมาก รู้ตัวอีกทีก็มีผัวให้ขุ่นแม่ไปแล้ว ฮาาา
 

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ต๊ายยยยย มีผัวแบบนี้ ขี้คร้านคุณหญิงทั้งสามเห็นความหล่อแล้วจะหลงงงงงงง  :laugh:

ออฟไลน์ anawas

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1

ออฟไลน์ PiSCis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
 :m20: :m20: ขุ่นแม่เป็นลมไปแล้วววววววววววววววววววว

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ตัวอย่างตอนพิเศษ
แก๊งเกรียนเอเลี่ยน [2]
มีครอบครัวกวินทร์แล้ว ครอบครัวคีธก็ต้องโผล่มา 555
ตอนนี้เป็นคิวของขุ่นพ่อของคีธค่ะ ความมึนพอกัน ความเผด็จการก็มี
ส่วนความเกรียน... อันนี้ยังต้องถามอีกเหรอว่ามีมั้ย กร๊ากกกก
เป็นตัวอย่างสั้นๆ ค่ะ ไม่ยาวมาก ตอนพิเศษที่ 3-4 ก็ยังเป็นตอนพิเศษของคีธกับกวินทร์นะคะ
แต่ตอนที่ 4 จะพิเศษหน่อยตรงที่คีธเป็นคนบรรยายนะตัว รออ่านตัวอย่างกันเน้อ

--------------------------------------------------

Special Episode [Kieth & Kawin] 2: Father-in-law vs Son(?)-in-law

พอเปิดประตูบ้านเข้าไป ร่างสูงใหญ่ของคีธก็ปรากฏตรงหน้าแบบเหมาะเจาะ ผมผงะไปเล็กน้อยด้วยตกใจ ก่อนจะแผดเสียงใส่มันที่ทำให้ผมตกใจแบบนี้
“นายจะมายืนหลังประตูทำซากอะไรวะ ตกใจหมด”
จากที่หงุดหงิดจากความเหนื่อยหลังเลิกงานอยู่แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ผมบ่นมันต่ออีกนิดหน่อย ยื่นสัมภาระที่หอบอยู่และกระเป๋าสะพายให้มันรับ
ทว่ามันก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ผมตั้งท่าจะถามมันว่ายืนทำซากอะไรอยู่ตรงนั้น แต่ก็ฉุกใจคิดได้ก่อนว่าวันนี้เงียบผิดปกติ ที่เงียบก็คือไม่มีเสียงคีตากับคินน์ดังมาให้ผมได้ยินนี่แหละ ปกติแล้วเวลาผมกลับมาบ้าน คีตากับคินน์ก็จะวิ่งออกมาต้อนรับ แต่วันนี้ไม่มี
ไม่ใช่ไม่มี ไม่อยู่ในบ้านดีกว่า เท่านั้นผมก็ใจหายวูบ หันไปร้องถามคีธทันใด
“ลูกไปไหนน่ะคีธ”
คีธไม่ตอบ มองหน้าผมนิ่ง มือก็ยังถือข้าวของของผมอยู่อย่างนั้น ผมเห็นท่าทางมึนอึนของมันแล้วก็หงุดหงิดหนัก ตะคอกใส่มันทันใด
“ฉันถามว่าลูกไปไหน ไม่ได้ยินหรือไงวะ!”
ยัง... มันยังนิ่งอยู่ ตอนนี้ผมอยู่ไม่สุขละ จะยืนนิ่งก็ช่างหัวมัน ตอนนี้ต้องตามหาลูกก่อน เท่านั้นผมก็ก้าวยาวๆ เข้าไปในห้องนั่งเล่น พอไม่เห็นร่างของเด็กสองคน ผมก็วิ่งขึ้นไปชั้นบนของบ้าน เข้าไปดูในห้องนอนของทั้งคู่และห้องนอนของผม แต่ก็ไร้วี่แวว ผมเลยรีบทิ้งตัวลงจากบันได ปรี่เข้ามาหาคีธอีกครั้ง
“คีธ ตกลงคีตากับคินน์ไปไหน”
คีธก็ยังนิ่งเหมือนเดิม นิ่งจนผิดปกติ ผมหรี่ตาลง ชักไม่ไว้ใจมันขึ้นมา
ยะ...อย่าบอกนะว่าตอนผมไปทำงาน มันจะเอาลูกไปทิ้ง?
ไม่หรอกมั้ง ลูกมันทั้งคน ไม่ใช่ลูกหมาสักหน่อย แถมมันก็เป็นคนเลี้ยงเองกับมือ มันคงไม่เอาไปทิ้งง่ายๆ อย่างนั้นหรอก แล้วนั่นก็ลูกมนุษย์ต่างดาวด้วย ถึงจะถูกทิ้ง ยังไงก็หาทางกลับบ้านได้อยู่ดีนั่นแหละ
แต่ก็ยังน่าสงสัย สงสัยไอ้บ้าคีธเนี่ย ทำไมวันนี้มันใส่ชุดบอดี้สูทที่เป็นชุดปฏิบัติการบนยานวะ?
ผมหรี่ตาจับผิดมากขึ้นไปอีก มันก็มองผมตอบนิ่งเช่นกัน ตอนนี้แหละที่ผมสังเกตเห็นว่าบริเวณหางตาของมันมีรอยย่นปรากฎให้เห็น
ตะ...ตีนกา ไอ้คีธ... กูออกจากบ้านไปทำงานไม่กี่ชั่วโมง ทำไมมึงแก่เร็วจังวะ!
นอกจาบริเวณหางตาแล้ว ร่องแก้มก็มีรอยย่น สังเกตดีๆ เส้นผมก็มีผมหงอกแซมด้วย จากที่ใจหายเรื่องลูกหาย ก็ใจหายเรื่องผัวแก่ชั่วพริบตาไปด้วยอีกเรื่อง
มึงเพิ่งจะยี่สิบสามนะเว้ย! อย่าบอกนะว่านี่เป็นเรื่องปกติของพวกยูนิกม่าที่มีลูกมีเมียปุ๊บก็แก่ปั๊บเนี่ย!
ถึงมันจะดูแก่ แต่ร่างกายก็ยังกำยำเหมือนเดิมไม่มีผิด ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่โอเคแหละ ใครจะไปโอเควะ ตื่นเช้าไปทำงานดีๆ กลับมาอีกที ผัวแก่แบบไม่ทันตั้งตัว ช่วยเว้นจังหวะให้กูทำใจก่อนสิวะ!
“คีธ... เกิดอะไรขึ้นกับนาย” ถึงจะตกใจเรื่องมันแก่ แต่ผมก็เป็นห่วงมันมากกว่า
แต่คีธไม่ตอบคำถามผม เรียกชื่อผมออกมาแทน
“กวินทร์...” แล้วก็ชี้นิ้วมาทางผมด้วย
“อะไร”
“เมียคีทาเย?”
“ความจำเสื่อมหรือไง เมื่อคืนก็เพิ่งจะมีอะไรกันไป ใช่เมียมั้ยล่ะ”
“มีอะไรกัน... ผูกพันน่ะเหรอ”
ไม่เป็นห่วงมันละ หงุดหงิดหนักกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว
นี่มึงแก่ไม่พอ มึงยังจะเป็นอัลไซเมอร์อีกเหรอไอ้คีธ!
ผมย่นคิ้ว ปัดมือมันที่ยังชี้หน้าผมอยู่ออกจากตรงหน้า แล้วแผดเสียงใส่
“เออสิวะ หิ้วฉันไปทำในครัวตั้งหลายรอบ อย่ามาทำเป็นจำไม่ได้นะเว้ย!”
คีธไม่พูดอะไร มีแค่หัวคิ้วเท่านั้นที่ย่นยู่ไปเล็กน้อย ผมเองก็ไม่สนใจมันละ อยากรู้มากกว่าว่าลูกไปไหน ผมเลยต้องถามอีกครั้ง
“แล้วนี่จะบอกฉันได้หรือยังว่าคีตากับคินน์ไปไหน”
คีธมองผมแล้วก็ทำเป็นเสมองไปทางอื่น คือมองข้าวของของผมที่มันถืออยู่ในมือนั่นแหละ ท่าทางไม่หือไม่อือของมัน ทำเอาฟางเส้นสุดท้ายในต่อมความอดทนของผมขาดสะบั้น ผมปรี่เข้าไปแย่งแฟ้มใส่งานในมือมัน ยกขึ้นมาฟาดเข้าที่ท้ายทอยอย่างเหลืออด
“อย่ามาทำเป็นเมินฉันนะไอ้มนุษย์ต่างดาว! บอกมาว่าลูกไปไหน!”
คีธจ้องผมเขม็ง ในแววตามีความงุนงงซ่อนอยู่ราวกับไม่เข้าใจว่าผมตบกบาลมันทำไม
กูจะตบมึงให้กบาลแยกด้วยถ้ามึงไม่ยอมบอกสักทีว่าลูกกูอยู่ไหนเนี่ยไอ้คีธ!
ไม่ได้คิดในใจอย่างเดียวด้วย เอาจริง! แค่มันมองกลับมาโดยไม่มีคำตอบให้ ผมก็ง้างมือขึ้น เตรียมจะฟาดกะโหลกมันอีก
ทว่าในจังหวะที่ผมยกมือขึ้น ประตูบ้านที่ปิดอยู่ก็เปิดเข้ามาด้วยฝีมือของใครบางคน ผมชะงัก มองไปยังเจ้าตัว ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่ามีสามชีวิตโผล่พรวดเข้ามา
“เย่ๆ! ป้อกวินทร์กลับมาแย้ว!” ตามด้วยเสียงเจื้อยแจ้วของคินน์ และรอยยิ้มของคีตาที่ประดับอยู่มุมปากเป็นการทักทายผม
อันที่จริงผมควรจะโล่งใจที่เห็นลูกตัวเองที่ตามหาอยู่นานสองนานโผล่มาให้เห็น แต่เปล่าเลย ไม่โล่งใจสักนิด ไม่โล่งใจไม่พอ ตกใจหนักขึ้นไปอีกเมื่อเห็นคนที่สามที่หิ้วถุงกระดาษบรรจุของกินจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาเต็มสองมือ
“มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้น่ะกวินทร์” แล้วก็ถามผมด้วย แต่ผมไม่ตอบสนอง นอกจากเรียกมันดังลั่น
“อะ...ไอ้คีธ!”
ไอ้คีธจริงๆ ตัวเป็นๆ ไม่อิงนิยาย แถมไม่แก่ด้วย ตีนกาไม่มี ผมหงอกไม่มี
ละ...แล้ว... ไอ้คีธหน้าแก่นี่มันใครวะ!?
ช็อกซีนีม่าไปเลย ช็อกหนักกว่าเมื่อคีธมันละสายตาจากผมไปมองคีธหน้าแก่นั่น แล้วทักขึ้น
“แล้วท่านพ่อมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้”
พะ...พ่อ...
เมื่อกี้กูตบหัวพ่อไอ้คีธเหรอวะ!?
แฟ้มที่อยู่ในมือร่วงหล่นกระแทกพื้นทันใด คีตากับคินน์มองผมอย่างงงๆ ประหนึ่งว่าทำไมผมถึงได้มีท่าทางแปลกๆ ทั้งที่ปกติ ผมต้องกอดและหอมลูกทั้งสองทันทีที่เห็นหน้า หากแต่คีธสังเกตเห็นความผิดปกติของผม เลยพยักหน้าเป็นสัญญาณให้คีตากับคินน์เข้าไปรอที่ห้องนั่งเล่นก่อน ส่วนผมก็ยกมือขึ้นคลึงขมับที่ปวดหนึบไปมา
มะ...แม่ง นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นพ่อมัน ผมคงจะเข้าใจว่าเป็นคีธอีกนาน เหมือนโคตร เหมือนมาก เหมือนอย่างกับใช้แม่พิมพ์เดียวกัน อันที่จริงเป็นพ่อลูก ถึงจะเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้เหมือนราวกับจับวางแบบนี้ไม่ใช่หรือไง!?
ส่วนพ่อคีธที่โดนลูกชายถามก็ว่าออกมาเนิบๆ เป็นคำตอบ
“ข้าได้ยินเสียงพาหนะที่หน้าที่พักเจ้า ก็เลยออกมาดู”
ใช่เลย... พูดจาโบราณแบบนี้ใช่เลย พ่อไอ้คีธไม่ผิดตัวแน่ แล้วที่ตบกบาลดังป้าบ ก็พ่อมันนี่แหละชัวร์ๆ
แต่... ทำไมมึงไม่บอกกูก่อนวะว่าพ่อมึงจะมาเที่ยวหาเนี่ย! เซอร์ไพรส์ทำซากอ้อยอะไร! กูตบกบาลพ่อมึงเกือบแยกเลยเห็นมั้ย! ที่สำคัญ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ทำไมมึงไม่เคยบอกกูเลยวะว่ามึงยังมีพ่อแม่อยู่ กูก็นึกว่าตายไปหมดแล้ว ไอ้เวรคีธ!
รู้สึกผิดทันที ความประทับใจแรกพบก็ไม่มีทั้งนั้น ผมเลยทำได้แค่ก้มหัวขอโทษขอโพย
“ขะ...ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่าคุณจะเป็น...เอ่อ...คุณพ่อของคีธ...”
พ่อคีธไม่ตอบรับผม แค่มองแล้วก็หันไปหาลูกชาย
“ซื้อของมาแล้ว?”
“ขอรับ”
“อืม”
“ท่านพ่อหิวหรือยัง”
“อืม”
“งั้นเดี๋ยวลูกไปทำอะไรให้กิน”
“อืม”
“คุยกับกวินทร์ไปก่อน”
“...”
แล้วมันก็เดินมาตบบ่าผมเป็นเชิงว่ารับหน้าให้ที ก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว ทิ้งให้ผมเผชิญหน้ากับพ่อมันอยู่อย่างนั้น
ไอ้คีธมึง! ไม่คิดจะถามกูหน่อยเหรอว่าเมื่อกี้กูทำอะไรกับพ่อมึงไว้บ้าง อย่ามาทิ้งกูอย่างนี้นะเว้ย!
ไม่ทันแล้ว มันหายเข้าไปในครัวแล้ว ในเมื่อหนีไม่ได้ ผมก็ต้องยอมรับหน้าไปอย่างไม่มีทางเลือก
“คะ...คุณพ่อ ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ ผมขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อ...”
“รู้แล้วว่าชื่อกวินทร์” อีกฝ่ายขัดขึ้นแทบจะในทันใด ผมเลยชะงักกึก
สะ...สายตาที่มองมานี่อ่านไม่ออกเลยว่าคิดอะไรอยู่ แต่สีหน้านิ่งเรียบเหมือนคีธนั้นก็ทำให้ผมอึดอัดขึ้นมาไม่น้อย เลยได้แต่หัวเราะแห้งๆ
“คีธคงบอกแล้วสินะครับ”
“เปล่า”
“อ้าว”
“เจเนซิสบอก” อีกฝ่ายตอบ ตามด้วยประโยคถัดมา “ได้ยินว่าคีทาเยมีคู่ผูกพัน ข้าก็นึกว่าเป็นเจเนซิส อุตส่าห์รีบถ่อไปหา ที่ไหนได้ กลายเป็นพระชายาของเจ้าชายเซนไทน์ไปแล้ว ส่วนลูกข้ากลับได้ชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงินต่ำต้อยมาเป็นคู่ผูกพัน ช่างน่าเสียดาย เจเนซิสดีกว่าแท้ๆ”
ผมกำมือแน่นทันควัน ปากยังยิ้มอยู่ แต่ในใจนี่กระโดดถีบพ่อผัวไปแล้ว
“คุณ...พ่อ...” แค่นเสียงเตือนด้วยว่าอย่าพูดอะไรให้ผมได้หงุดหงิดไปมากกว่านี้ พูดง่ายๆ ก็คือขอให้รักษามารยาทนั่นแหละ
ทว่าพ่อคีธแม่งก็มึน ไม่มึนอย่างเดียว ไม่สนสายตาเขียวๆ ของผมด้วย พูดออกมาหน้าตาเฉย
“สงสัยต้องไปชิงตัวเจเนซิสกลับคืนมาให้คีทาเยซะแล้ว”
ไอ้เจเนซิสมันแต่งงาน  มีลูกมีผัวไปแล้ว จะไปลากมันมาทำด๋อยอะไรฮะ! ขึ้นเลย กูขึ้นเลย! โผล่มาที อย่ามาทำครอบครัวกูร้าวฉานนะเว้ยตาแก่!

ออฟไลน์ anawas

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
เขามีแต่ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ กวินทร์จัดพ่อผัวซะงั้น   :jul3:

ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เอาแล้วสิ ศึกพ่อผัวลูกสะใภ้

ออฟไลน์ nadty27

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จองหนังสือได้ที่เว็ปไหนอ่อ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
จองหนังสือได้ที่เว็ปไหนอ่อ

เข้าไปอ่านรายละเอียดที่นี่นะคะ https://web.facebook.com/media/set/?set=a.919083514814169.1073741840.122468307809031&type=3

ออฟไลน์ PiSCis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ตัวอย่างตอนพิเศษแก๊งเกรียนเอเลี่ยน [3]
มาแล้วค่ะตัวอย่างตอนพิเศษตอนที่ 3 ของคีธกับกวินทร์
ตอนนี้คือเด็กๆ ลูกๆ ของแก๊งเกรียนฯ มารวมตัวกันที่บ้านกวินทร์พร้อมหน้าพร้อมตามาก
แถมยังกดขี่ลูกนางอีก ขุ่นแม่ก็เลยต้องออกโรง 555
ตอนเต็มๆ มีอยู่ในหนังสือเช่นเดิมค่ะ อีกสัก 3-4 วันจะมาอัพตัวอย่างตอนที่ 4 นะ
บอกไว้ก่อนเลยว่าตอนที่ 4 เป็นคีธบรรยายแหละ หิหิ

------------------------------------------------
แปะตัวอย่าง

Special Episode [Kieth & Kawin] 3: Half-Alien kids are all trouble


“งั้นฝากลูกด้วยนะกวินทร์”
เจเนซิสพูดเสร็จ พวกมันก็จรลีออกจากบ้านผมไปเลย ทิ้งเด็กเปรตสามคนให้ยืนโบกมือลาพ่อแม่มันตาแป๋ว ส่วนผมก็รีบร้องเรียกขณะที่พวกมันพากันขึ้นรถ
“เอ้าเฮ้ย! เดี๋ยว!”
เรียกไม่ทันละ ขับรถกันออกไปละ ผมเลยได้แต่สบถไล่หลัง ด่าพวกมันพึมพำ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเหลือบมาเห็นจูเลียน เซซิลและเบลคยืนมองอยู่ ผมเลยรีบหุบปาก ปั้นหน้ายิ้มให้เด็กสามคนนั้น
“งั้นก็เข้าไปเล่นกับคีตา กับคินน์เถอะ สองคนนั้นอยู่ในห้องนั่งเล่นแน่ะ”
พอผมบอก พี่ใหญ่อย่างเซซิลก็ขยับแว่นตาไร้กรอบบนใบหน้า พยักหน้าเรียกเบลคที่ทำท่ากระตือรือร้นสุดฤทธิ์ให้เดินตามไป ส่วนจูเลียนก็หันมาโค้งพร้อมยิ้มให้ผมเป็นการขอบคุณ ปากก็พูดให้ได้ยินแว่วๆ มาด้วยว่า ‘ขอบคุณครับคุณลุงกวินทร์’
คุณลุงกวินทร์อะไรไอ้ลูกเมียเก่าไอ้คีธ! กูอายุเท่าแม่มึงนะเว้ย ลุงเลิงบ้าอะไร!
ผมพยายามจะไม่ถือสาเด็กเพราะเห็นว่าพวกนั้นอายุแค่สิบขวบ ยังไร้เดียงสาอยู่ แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะคิดว่าพวกมันโดนพ่อแม่มันเป่าหูเรื่องผมมา ทว่าก็สลัดความคิดนั้นออกไปได้เมื่อได้ยินเสียงจูเลียนร้องทักคีธที่อยู่ในห้องนั่งเล่น แล้วขออนุญาตรบกวน ขณะที่เซซิลกับเบลคเดินหน้าตั้งเข้าไปโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ จะมีก็แต่เสียงของเบลคเท่านั้นที่ดังเอะอะมาให้ได้ยินทันทีที่เห็นหน้าคีตา
คือ...ลูกไอ้เจเนซิสกับไอ้ลาร์คเนี่ย ดูเป็นผู้เป็นคนที่สุดเลยนะ หน้าตาก็ดี ถอดแบบเจเนซิสมาเด๊ะๆ แต่ก็ยังดูมีความเป็นชายเหมือนกับลาร์ค ไมได้ดูคล้ายผู้หญิงเหมือนแม่มันไปหมด กิริยามารยาทก็ดี ต่างจากลูกไอ้ซีเลนกับสองพี่น้องเปรตนั่นลิบลับ เซซิลที่เป็นลูกของซีเลนกับบรูคลิน ถึงจะเป็นเด็กเงียบขรึม ท่าทางฉลาด แต่ก็ดูชอบบงการและเจ้าเล่ห์ไม่น้อย เห็นแวบเดียวก็รู้เลยว่าเจ้าเล่ห์เหมือนพ่อมันไม่มีผิด ส่วนเบลคที่เป็นลูกของซีเลนกับเบนนี่ก็ดูเป็นพวกบ้าพลัง เอะอะก็เล่นซน เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกไปหมด ดูยังไงก็ลูกไอ้ซีเลนชัดๆ ก็ถอดแบบจากพ่อมันมาทั้งคู่นั่นแหละ แค่ถอดบุคลิกมาคนละด้านเท่านั้นเอง
แต่ก็ช่างมัน ลูกพวกมัน ไม่ใช่ลูกผม
ผมปิดประตูบ้าน ตั้งท่าจะเดินตามเข้าไปบ้าง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้นกะทันหัน พอไปเปิดประตู ก็ต้องอ้าปากค้างอีกครั้งทันทีที่เห็นริชาร์ดกับแอสตัน พร้อมลูกของพวกมันยืนอยู่หน้าบ้าน
“ไงเควิน ฉันเอาอาร์มาฝากตามที่บอกน่ะ”
พวกมึงเห็นบ้านกูเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กหรือไงวะเฮ้ย!
อยากจะด่ามันเหลือเกิน แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นหลายอาทิตย์ ริชาร์ดบอกผมแล้วว่าจำเป็นต้องเอาลูกมาฝากเพราะพวกมันจะต้องบินไปถ่ายทำหนังฟอร์มยักษ์ที่รัฐอื่น เลยไม่มีคนดูแลลูก ซึ่งผมก็รับปากไปแล้ว แต่...
ทำไมมันจะต้องมาตรงกับวันที่ไอ้พวกมนุษย์ต่างดาวพวกนั้นเอาลูกมาฝากไว้เหมือนกันวะ!
ผมพยายามสงบสติอารมณ์ เปิดประตูบ้านให้กว้างขึ้น พยักหน้าเรียกอาร์ทูโรแต่โดยดี
“เข้ามาสิ”
“อยู่กับลุงเควิน อย่าดื้อนะลูก” ริชาร์ดเองก็สั่งลูกทันใด สั่งเสร็จก็หอมแก้มไปอีกฟอดใหญ่ ก่อนจะหันมาบอกผม “ฝากด้วยนะเควิน”
“เออ นายจะไปไหนก็รีบไปเถอะ” ผมไม่พูดอะไรให้มากความ แค่เห็นเด็กยั้วเยี้ยก็เหนื่อยแล้ว ขี้เกียจเหนื่อยกว่าเดิมเพราะพล่ามไร้สาระกับริชาร์ดอีก
พอผมรับปาก ริชาร์ดกับแอสตันก็สั่งเสียลูกมันยกใหญ่ ก่อนจะพากันวิ่งไปขึ้นรถตัวเองเมื่อมีเสียงเรียกเข้าจากทีมงานที่โทรมาตามให้มันไปขึ้นเครื่องบินให้ทันเวลา
ทันทีที่รถแวนครอบครัวนั่นห่างจากหน้าบ้านผมไป ผมก็เหลือบมองยังไอ้เด็กเจ๊กที่ทำหน้านิ่งบูดบึ้งไม่เลิกตั้งแต่เมื่อกี้อย่างระอา
ไอ้เด็กนี่แม่งก็หน้าตาบอกบุญไม่รับตั้งแต่เด็ก ดีนะที่โตขึ้นมาแล้วไม่งี่เง่าเหมือนตอนเด็กๆ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ผมคงได้ประสาทเสียแน่ แต่ก็ยังมีความกวนอารมณ์อยู่ กวนอารมณ์ในที่นี้ก็คือการที่มันชอบทำหน้าเชิดๆ แล้ววางท่าทางหยิ่งยโสจนน่าหมั่นไส้นี่แหละ
“ว่าไง กินอะไรมาหรือยัง” แล้วผมก็ทักขึ้น
เด็กนั่นเหลือบมามองหน้าผม แล้วก็ส่ายหน้าช้าๆ
“แล้วหิวหรือเปล่า”
คำตอบยังคงเป็นการส่ายหน้าเหมือนเดิม ผมเลยไม่ถามต่อ ขยับให้เด็กนั่นเข้ามาข้างในบ้านแทน
“คีตาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นน่ะ ถ้าไม่หิวก็ไปเล่นกับคีตาไป พวกจูเลียน เซซิลกับเบลคก็อยู่ เข้าไปเลย”
ไม่ต้องอธิบายว่าชื่อของเด็กอีกสามคนนั่นเป็นใคร พวกมันรู้จักกันอยู่แล้ว ก็ญาติพี่น้องกันทั้งนั้นนี่นา ไม่รู้จักก็แปลก
อาร์ทูโรพยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปสมทบกับเด็กคนอื่นๆ ที่เล่นตัวต่อเลโก้กันเสียงดัง
พอคนใหม่เข้ามา พวกเด็กๆ ก็ชะงัก หันมามองหน้าอาร์ทูโรเล็กน้อย ทักตามมาอีกนิดแล้วก็เล่นต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้เองที่ผมเห็นว่าคินน์ก็มาสมทบ เล่นกับพวกพี่ๆ ด้วย จะมีก็แต่คีตานี่แหละที่เห็นอาร์ทูโรแล้วก็ยิ้มร่าอย่างที่นานๆ ทีจะได้เห็นที ตามมาด้วยน้ำเสียงลิงโลด
“องค์ชาย!”
“ไงคีตา” อาร์ทูโรเองก็ร้องทักคีตาเช่นกัน
คีตาทิ้งตัวต่อ วิ่งถลาเข้ามาคุกเข่าทำความเคารพทันควัน
“องค์ชายจะเสด็จมา ไม่เห็นบอกกล่าวหม่อมฉันล่วงหน้าเลยล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“เราก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่เราจะพาเรามาหานายกะทันหันแบบนี้เหมือนกัน”
อาร์ทูโรว่าเสียงเนือยๆ สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าเอือมระอากับการกระทำของริชาร์ดกับแอสตันแค่ไหน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกมันเอาลูกมาฝากไว้กับผม นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จนอาร์ทูโรจะกลายเป็นลูกผมกับคีธอีกคนไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็ช่วยไม่ได้ งานของพวกมันไม่ใช่งานอยู่กับที่นี่นา ช่วยเหลืออะไรได้ก็ช่วยไปก่อนแล้วกัน พวกมันกำลังขาขึ้น
“แล้วองค์ชายจะอยู่ที่บ้านหม่อมฉันนานเท่าไหร่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่รู้สิ เกือบเดือนมั้ง เห็นพ่อๆ เราว่างี้” อาร์ทูโรว่าก่อนจะปรายตามองคีตาที่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่แล้วกวักมือน้อยๆ “ลุกขึ้นได้แล้วท่านผู้พิทักษ์”
คีตารีบเด้งผึงขึ้นมาทันใด พร้อมกับยิ้มกว้าง
“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”
ผมนี่ถึงกับยกมือขึ้นยีหัวเลยเมื่อได้ยินสรรพนามที่เด็กสองคนนี้เรียกกัน
ใช่... ลูกผมน่ะเป็นผู้พิทักษ์ให้ลูกริชาร์ดกับแอสตันที่มีศักดิ์เป็นองค์รัชทายาทแห่งยูนิกม่าในนาม ‘อาร์ทูโร รามูเอลี ที่เก้า’ ถึงแม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วย แต่ด้วยความที่คีธมีศักดิ์เป็นผู้พิทักษ์ให้แอสตัน ลูกผมก็เลยถูกมัดมือชกสืบทอดตำแหน่งไปด้วยโดยปริยาย ตอนแรกผมก็เป่าหูคีตานะว่าให้ปฏิเสธไป แต่ไม่รู้เป็นไงมาไง ไอ้ลูกบ้านี่ถึงได้ชอบตำแหน่งนี้ขึ้นมาได้ซะงั้น
ที่ผมไม่อยากให้คีตารับตำแหน่งนี้ก็เพราะผมตั้งใจว่าจะปั้นลูกตัวเองให้เป็นดาราเด็กน่ะ แต่ก็ทำใจไว้แล้วว่าคีตาคงจะไม่สน ผมก็เลยวางมือ ไปตั้งใจจะปั้นคินน์แทน ทว่าคินน์ก็เพิ่งจะเก้าขวบ แถมความงี่เง่าก็ไม่เป็นรองใคร เลยปั้นกันไม่ได้ง่ายๆ ต้องรอให้โตกว่านี้อีกหน่อยถึงค่อยจับมาคุยกันอีกที
“แล้วเราจะเล่นอะไรกันดีพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย” คีตาทำลายความเงียบขึ้นมา ดึงความสนใจของผมไปทางลูกชายตัวเองอีกครั้ง
“แล้วนายอยากจะเล่นอะไรล่ะ”
“อะไรก็ได้ที่องค์ชายปรารถนา”
อาร์ทูโรยืนนิ่งคิดไปเล็กน้อย เหลือบมองไปทางคนอื่นๆ ที่นั่งเล่นตัวต่อกันแล้วก็ว่าขึ้นมา
“เราไม่อยากเล่นต่อเลโก้ เบื่อแล้ว”
“เช่นนั้นองค์ชายอยากเล่นอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
ผมเกือบจะไม่สนใจแล้วปล่อยให้ลูกๆ เล่นกันไปตามประสาเด็กอยู่แล้ว ถ้าเกิดอาร์ทูโรมันไม่พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“งั้นมาเล่นเป็นโฮสต์กัน”
ผมนี่ชะงักเลย หันไปมองลูกตัวเองที่พยักหน้าหงึกหงึกเห็นดีเห็นงานด้วยตาโต แล้วก็ไม่ใช่ผมเท่านั้นที่ชะงักด้วย เด็กคนอื่นๆ ก็ชะงัก ทิ้งตัวต่อเลโก้ทันใด ก่อนเบลคจะร้องลั่นอย่างเห็นด้วย
“เล่นๆ! เล่นด้วย! เซซิล จูเลียน คินน์ เล่นด้วยกัน!”
เด็กๆ คนที่ถูกชวนก็พยักหน้าเออออไป เซซิลน่ะตามเบลคเพราะตัวเองก็เบื่อการเล่นแบบเด็กๆ เหมือนกัน จูเลียนนี่เออออตามคนอื่นเพราะไม่ค่อยมีปากมีเสียง เป็นพวกอะไรก็ได้ ส่วนคินน์... เห็นพี่ๆ เล่นอะไร ก็เล่นตามไปหมดนั่นแหละ
ผมก็ไม่อยากจะให้พวกเด็กนี่เล่นเป็นโฮสต์บ้าบอคอแตกอะไรนี่หรอก ทว่าพอเห็นคีธนั่งจ้องจอโทรทัศน์อยู่ใกล้ๆ กับเด็กพวกนั้นแล้ว ผมก็พอเบาใจได้ว่าถ้าพวกมันเล่นอะไรแผลงๆ กันขึ้นมา อย่างน้อยๆ คีธก็คงจะห้ามได้ ผมเลยละความสนใจ ตั้งใจจะกลับไปทำงานที่ห้องของตัวเองอีกครั้ง
หากแต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงของเด็กพวกนั้นดังแว่วเข้ามาในหู
“ใครจะเป็นโฮสต์ ใครจะเป็นชาวยูนิกม่าล่ะ” จูเลียนถาม
“เราจะเป็นชาวยูนิกม่า” อาร์ทูโรบอก
“พวกเราก็จะเป็นชาวยูนิกม่า” เบลคชี้ตัวเองแล้วก็ชี้ไปที่เซซิล "นายก็ด้วยจูเลียน"
จูเลียนพยักหน้า ก่อนเซซิลจะว่าขึ้นบ้างพลางดันแว่นบนปลายจมูก
“งั้นก็เหลือแค่คนเป็นโฮสต์อย่างเดียวแล้วสินะ นายกับคินน์ก็เป็นโฮสต์ไปแล้วกัน”
คีตาหน้าตึงทันที ขณะที่คินน์ก็เบะปากด้วยไม่อยากเป็นโฮสต์ ก่อนจะเดินไปเกาะพี่ชาย ให้พี่ชายช่วยพูด
“แต่หม่อมฉันไม่อยากเป็นโฮสต์ หม่อมฉันอยากเป็นชาวยูนิกม่า คินน์ก็เหมือนกัน” คีตาช่วยน้อง
หากแต่ไอ้พวกเด็กเวรนั่นมองหน้ากัน แล้วก็ให้อาร์ทูโรเป็นคนสั่งการ
“นี่คือคำสั่งของเรา! ถ้านายไม่ยอมเป็นโฮสต์ก็ไม่ต้องเล่น!”
ไม่ใช่แค่พูด พร้อมใจกันเมินลูกๆ ผมด้วย คีตากับคินน์ก็หน้าจ๋อยไปเลย ก่อนคีตาจะตอบรับเสียงอ่อย
“พ่ะย่ะค่ะ”
พอคีตายอมจำนนได้ อาร์ทูโรก็เดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆ คีธ ก่อนจะกวักมือเรียกคีตา
“มานี่สิ มาให้เราวางไข่ เราจะวางไข่ก่อน จูเลียนค่อยวางทีหลัง”
จูเลียนยักไหล่ ยืนมองนิ่ง ส่วนคีตาเดินอาดๆ ไปนั่งข้างๆ ก่อนจะถูกอาร์ทูโรผลักให้นอนราบไปกับโซฟา แล้วก็โถมตัวลงมาใกล้เสียจนหน้าห่างกันเพียงคืบ
“เราจะวางไข่แล้วนะ”
พะ...พวกมึงเล่นอะไรกันให้สมกับเป็นเด็กอายุสิบขวบหน่อยเว้ย!
ขณะที่คินน์ก็ถูกลูกๆ ไอ้เวรซีเลนพุ่งเข้ามาจับแขนไว้คนละข้าง ลากไปที่โซฟายาวอีกตัวใกล้ๆ แล้วจับกดลงนอนทันใด
“ฉันวางก่อน แล้วนายค่อยวาง” เซซิลว่า เบลคพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก
“ก็ได้ คราวนี้ฉันจะเสียสละให้นายก่อน”
“มะ...ไม่เอา” คินน์ทำหน้าเหลอหลา เหมือนจะร้องไห้ด้วย
ตอนนี้ผมรีบส่งสัญญาณให้คีธผ่านทางสายตาเป็นเชิงให้รีบหยุดพฤติกรรมบ้าๆ ของเด็กพวกนั้นทันที แต่ไอ้บ้าคีธแม่งก็เอาแต่ดูทีวี จนผมต้องถอดรองเท้าแตะขว้างใส่มัน มันถึงหันมามองผมในตอนนี้
“มีอะไรเหรอกวินทร์”
มึงยังจะมีหน้ามาถามว่ามีอะไรอยู่อีก! ลูกมึงโดนลูกไอ้มนุษย์ต่างดาวเวรพวกนั้นกดอยู่ข้างๆ ตัวมึงน่ะเห็นมั้ยนั่น! กดทั้งคนเล็ก คนโต มึงจะยังทำเฉยอีก!
ผมส่งสัญญาณให้คีธอีกครั้ง ตอนนี้เหมือนมันจะรู้ตัวแล้วล่ะว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะหันไปทางเด็กพวกนั้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
“ทำอะไรกันอยู่เหรอพ่ะย่ะค่ะเหล่าองค์ชาย”
อาร์ทูโรชะงักจากการตั้งท่าจะดูดปากลูกผม หันมามองคีธด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ก็จะวางไข่ไงล่ะคีทาเย”
ลูกมึงนี่ไม่มีสัมมาคารวะเลยไอ้ริชาร์ด! มาเรียกชื่อผู้หรับผู้ใหญ่เฉยๆ ได้ยังไง!
เซซิลกับเบลคเองก็เช่นกัน หันขวับมามองหน้าคีธแล้วก็ว่าออกมาหน้าตาเฉย
“อย่ากวนสิ ไม่เห็นหรือไงว่ากำลังทำอะไรอยู่” เซซิลเริ่มก่อน
“ไร้มารยาท เป็นแค่ผู้พิทักษ์แต่ไร้มารยาท” แล้วก็ตามด้วยเบลค
ผมถึงกับกำมือแน่น ขณะที่จูเลียนก็ได้แต่ยืนมองเหมือนเดิม แล้วก็หัวเราะราวกับเห็นเรื่องสนุก แล้วก็นะ แทนที่ไอ้เวรคีธมันจะห้าม มันดันพยักหน้ารับน้อยๆ แล้วพูดว่า...
“งั้นก็เชิญองค์ชายทั้งหลายทรงเกษมสำราญต่อเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
มึงจะส่งเสริมทำเตี่ยมึงเหรอ! ลูกมึงกำลังโดนกดนะเว้ย! ห้ามสิห้าม!
ผมไม่รอให้คีธเป็นฝ่ายห้ามอีกต่อไป เดินอาดๆ เข้ามาแล้วคว้าแขนคีตาขึ้นนั่งทันใด ก่อนจะพุ่งไปตบกะโหลกไอ้ลูกพี่น้องเปรตนั่นที่ทำคินน์ร้องไห้จ้าไปแล้วคนละที ก่อนจะดึงร่างเล็กเข้ามากอดที่เอว
“ไปเล่นอย่างอื่นกัน อย่ามาเล่นแบบนี้” แล้วก็ตามมาด้วยดุเสียงเข้ม
คีตามองหน้าผมเหมือนจะขอคำตอบว่าทำไมถึงเล่นไม่ได้ ขณะที่เด็กพวกนั้นมองผมอย่างขุ่นเคืองที่ผมขัด
“ห้ามเล่นแบบนี้กันอีกเด็ดขาด เข้าใจมั้ย” ผมย้ำอีกครั้งเมื่อไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับอีก
กระทั่งคีตาทนไม่ไหว ถามออกมาจนได้
“ทำไมล่ะครับ”
ผมเลี่ยงที่จะไม่ตอบแล้วโบกมือไล่แทน
“เอาเป็นว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่จะมาเล่นอะไรแบบนี้ ไปเล่นอย่างอื่นกันไป ถ้าไม่เล่นอย่างอื่น ก็ไม่ต้องเล่นด้วยกันอีก”
พอผมพูดเท่านี้ อาร์ทูโรก็ย่นคิ้วใส่ผมก่อนจะเดินสะบัดสะบิ้งหนีออกไปนอกห้องนั่งเล่น เซซิลกับเบลคก็โวยวายให้ผมได้ปรี่เข้าไปตบกบาลอีกคนละผัวะ พวกนั้นเลยกระทืบเท้าปึงตามอาร์ทูโรออกไปบ้าง เหลือแต่จูเลียนที่มองลูกพี่ลูกน้องตัวเองแล้วก็ยิ้มแห้งๆ ก่อนก้มหัวให้ผมเป็นเชิงขออนุญาตแล้วก็ตามคนอื่นๆ ออกไปบ้าง
ผมถอนหายใจกับไอ้เด็กพวกนั้นที่ถูกสปอยล์เพราะเป็นเจ้าชาย แต่ขอโทษเถอะ มาอยู่กับผมก็ต้องอยู่ในกฎของผม จะมาขัดคำสั่งไม่ได้
คีตาทำท่าจะวิ่งตามอาร์ทูโรกับคนอื่นๆ ไป แต่ผมก็คว้าแขนเอาไว้ก่อน
“เราต้องคุยกันคีตา”
“อะไรเหรอครับ” คีตาหันมาทำตาแป๋ว ผมนี่สวมวิญญาณยักษ์ทันทีทันใดเลย
“ทีหลังถ้าอาร์ทูโรชวนเล่นเป็นโฮสต์อีก ห้ามเล่นรู้มั้ย ถึงจะเป็นคนอื่นก็เล่นด้วยไม่ได้ ห้ามเด็ดขาด แล้วก็ห้ามให้คนอื่นมาเล่นแบบนี้กับน้องด้วย” ผมเอี้ยวใบหน้าไปยังคินน์ที่ยังสะอึกสะอื้นไม่เลิก ดูท่าจะตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกเด็กสองคนนั่นขึงพืดล่ะมั้ง
“ทำไมล่ะครับ” คีตาย่นคิ้วยู่
“เอาเป็นว่าห้ามเล่นก็แล้วกัน” ผมตอบปัดๆ
คีตาทำหน้างุนงง ดูก็รู้ว่าอยากได้คำตอบ แต่จะให้ผมอธิบายยังไงล่ะว่าการจูบกันแบบนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่เด็กอายุสิบขวบควรจะทำ ที่สำคัญ ถ้าจูบกันขึ้นมาแล้วเกิดไอ้เด็กพวกนั้นมันวางไข่สร้างทายาทล่ะ ลูกผมไม่ต้องท้องตั้งแต่ตัวเท่าลูกหมาเหรอ!?
และเพราะผมไม่ตอบ คีตาก็เลยหันไปขอคำตอบจากคีธแทน
“ทำตามที่แม่ว่านั่นแหละ อย่าดื้อ”
กูบอกมึงหลายครั้งแล้วว่าอย่าให้ลูกเรียกกูว่าแม่! มึงเป็นคนป้อนนม มึงก็ให้ลูกเรียกมึงว่าแม่สิวะ! กูเป็นพ่อเว้ย! พ่อ!
“ทำไมล่ะครับ” คีตานี่ก็เป็นเด็กช่างซักช่างถามเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกผมล่ะก็ ผมคงจะตบกะโหลกเปิดโทษฐานที่ถามเซ้าซี้ไปแล้ว
และคีธก็ทำหน้าที่พ่อที่ดีในตอนนี้ พอเห็นคีตาจะเอาคำตอบให้ได้ มันก็คว้าไหล่ลูกเข้าไปจับแล้วว่าด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าคีตาจะเล่นแบบนั้น คีตาต้องจำไว้นะว่า...”
“ว่า...?”
“คีตาต้องเป็นฝ่ายกดเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร คีตาก็ต้องเป็นฝ่ายกดเท่านั้น อย่าเป็นฝ่ายถูกกดเด็ดขาด”
มึงสอนลูกอะไรของมึงอย่างนั้นไอ้เวรคีธ! อย่าสอนให้ลูกเป็นคนหื่นกามเหมือนมึงสิเว้ย! จะเป็นคนกดหรือคนถูกกด มันก็ไม่ควรจะเล่นทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะเล่นกับไอ้พวกลูกมนุษย์ต่างดาวเนี่ย ห้ามเด็ดขาดเลย! ห้ามเด็ดขาด! เดี๋ยวพวกมันก็วางไข่ใส่ลูกมึงหรอก!
--------------------------------------
วิญญาณขุ่นแม่หวงลูกเข้าสิงมาก แล้วตบกบาลลูกๆ ซีเลนนี่คือกะเอาคืนที่เคยถูกแม่ๆ พวกเด็กๆ กระทำมาก่อนใช่มั้ย กร๊ากกกก กวินทร์ผู้ตบทั้งเด็กและพ่อผัวอย่างหน้าตาเฉย XD

ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น่ารักดี ชอบๆๆ^^

ออฟไลน์ PiSCis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
กวินทร์ฮามากอ่ะ  :m20: :m20:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
555555 น่าสงสารคุณแม่อย่างกวินทร์จริงๆ

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
 :laugh: ชีวิตกวินทร์น้อยผู้น่าสงสาร

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
คีธสอนถูกแล้วค่ะ5555

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
เอาความจริง แอบไม่ชอบไม่พวกเจ้าชายตัวน้อยด้วยเหมือนกัน เป็นเราจะถีบแมร่งเลย มาเล่นแผลงๆกับลูกเนอะกวินทร์ เอาเป็นว่าตอนต่อไปขอให้ไอ้พวกเจ้าชายทั้งหลาย มันมาหลงรักคีตากับคินท์จนยอมทุกอย่างละกัน แอบเคือง  ช่วยหาตำแหน่งอะไรให้ลูกน้อยทั้ง2หน่อยยยยยย

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ตัวอย่างตอนพิเศษแก๊งเกรียนเอเลี่ยน [4]
ตัวอย่างตอนพิเศษของคีธกับกวินทร์ตอนสุดท้ายค่ะ ตอนนี้เป็นบักคีธมาบรรยายนะ
เรามาทำความเข้าใจระบบความคิดและความหื่นของนางกัน 555
อยากจะบอกว่าเวลาที่เขียนบักคีธบรรยายทีไรเนี่ย เขียนยากทุกทีเพราะต้องคอยระงับไม่ให้เกรียนมากเหมือนกวินทร์ เพราะบักคีธนางเป็นคนนิ่งๆ
(แต่ความหื่นชัดเจนมาก ชัดเจนกว่ากวินทร์เยอะมาก กร๊ากกกก)
ตัวอย่างตอนพิเศษตอนหน้าจะเป็นของริชาร์ดกับแอสตันแล้วนะคะ
ตามด้วยซีเลนกับสองพี่น้องเปรต แล้วก็เจเนซิสกับลาร์คโอปป้าที่ทุกท่านรอคอย ฮาาา
รอกันเน้อ
------------------------------------------------
Special Episode [Kieth & Kawin] 4: Super jealous hubby

ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ตัวกวินทร์มีกลิ่นแปลกๆ
กลิ่น...ที่ผมไม่คุ้นเคย
กลิ่น...ที่ผมไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน
กลิ่น...ของใครบางคน
กลิ่น...ของผู้ชายอื่น
ผู้ชายหรือผู้หญิง อันที่จริงผมก็ไม่แน่ใจนัก แต่สัญชาตญาณของผมบอกว่ามันต้องเป็นกลิ่นผู้ชาย เพราะผมได้กลิ่นอายของนักล่าลอยโชยมาอ่อนๆ ซึ่งส่วนใหญ่เพศหญิงจะไม่มีกลิ่นแบบนี้หากไม่นับพวกเผ่าพันธุ์รุกราน
และผมก็ยิ่งมั่นใจกว่าเดิมว่าต้องเป็นกลิ่นผู้ชายแน่ๆ เมื่อกวินทร์โน้มตัวมาหยิบแก้วกาแฟบนโต๊ะขณะที่ผมนั่งอยู่ไม่ไกล
“เดี๋ยวฉันจะไปแล้ว วันนี้อาจกลับดึกหน่อยนะ ต้องไปช่วยงานกองถ่าย”
“เป็นโปรดิวเซอร์ ทำไมต้องเข้ากองถ่าย” ผมลองถามดู ตั้งใจจับผิดนั่นแหละเพราะผมรู้ว่ากวินทร์ทำงานด้านประสานงานเป็นส่วนใหญ่ ไม่จำเป็นต้องออกกอง แต่ก็ถามด้วยน้ำเสียงปกติด้วยต้องการจะจับพิรุธ
กวินทร์ชะงัก วางแก้วกาแฟที่กระดกไปอึกหนึ่งลง เหลือบมามองผมแล้วว่าเร็วๆ
“ก็คนมันขาด ฉันก็ต้องไปช่วย”
“ทีมงานไม่มีเหรอ หนังฮอลลีวูดน่าจะมีงบจ้างทีมงานอยู่แล้วนี่ โปรดิวเซอร์ต้องลงกองเองทำไม”
คราวนี้สายตาของกวินทร์ที่มองผมเหลือบไปยังสองนาฬิกาแวบหนึ่ง เป็นสัญญาณให้ผมรู้ทันทีว่ากวินทร์กำลังเริ่มคิดหาคำโกหก
“ก็... หนังคราวนี้มันฟอร์มเล็ก ผู้กำกับวิลล์ขอมา ฉันเลยต้องไป”
โกหก... มองหน้าก็รู้เลยว่าโกหก ระดับน้ำเสียงก็สูงกว่าปกติด้วย ถึงกวินทร์จะพยายามบังคับให้เป็นโทนเดิมก็เถอะ แต่อย่าลืมสิว่าประสาทด้านการฟังของผมดีกว่าชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงินหลายเท่านะ
ผมไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่มองหน้ากวินทร์เท่านั้น ตอนนี้เองที่กวินทร์เริ่มดูเลิ่กลั่ก วางแก้วกาแฟลง คว้ากระเป๋าเอกสารก่อนส่งเสียงหงุดหงิดมา
“ฉันต้องไปแล้ว นายถามอะไรเนี่ย จุกจิกชะมัด เดี๋ยวก็สายกันพอดี คีตา คินน์ มาให้พ่อจุ๊บหน่อยเร็ว” แล้วกวินทร์ก็โน้มตัวไปจูบหน้าผากคีตาที่นั่งกินขนมปังปิ้งอยู่ ก่อนจะกอดคินน์ที่ทิ้งตัวลงจากเก้าอี้เข้าไปหา
ล่ำลาลูกๆ เสร็จก็ตั้งท่าจะออกไปจากครัว ผมรีบลุกขึ้น ตรงไปคว้าแขนกวินทร์เอาไว้ก่อน
“จูบลาฉันด้วยสิ”
“นายเป็นเด็กหรือไง ต้องจูบลาเนี่ย” กวินทร์หงุดหงิดใส่ผมอีกแล้ว
ทำไมล่ะ ปกติก็จูบกันก่อนไปทำงานนี่ มีเดือนนี้นี่แหละที่กวินทร์ไม่จูบลาผมเลย
...ไม่จูบเลย ตั้งแต่มีกลิ่นของใครคนนั้นติดตัวมา
“จูบหน่อย เดี๋ยวก็สายหรอก” ผมบอก กวินทร์ชักสีหน้ารำคาญเล็กน้อย ก่อนจรดริมฝีปากลงมาบนเรียวปากผมเร็วๆ
“แค่นี้พอ ฉันไปละ เย็นนี้ไม่ต้องทำอาหารเผื่อนะ กลับดึก พาลูกกินแล้วเข้านอนก่อนได้เลย” ว่าจบ ก็พุ่งออกจากบ้านไปเลย
ผมมองตามแล้วก็กอดอกครุ่นคิด กวินทร์แปลกไปจริงๆ ด้วย อย่างนี้คงจะมี...
“พ่อกวินทร์มีกลิ่นแปลกๆ”
คิดยังไม่ทันจบ เสียงของคีตาก็เรียกความสนใจของผมไปเสียก่อน พอผมหันไปมองก็เห็นว่าคีตาเองก็กอดอกอยู่เหมือนกัน
“พ่อคีธได้กลิ่นมั้ยครับ” ผมพยักหน้า คีตาเลยพูดต่อ “กลิ่นผู้ชายด้วย พ่อกวินทร์มีชู้แน่ๆ”
ผมก็คิดอย่างนั้น และยิ่งมั่นใจกว่าเดิมเมื่อลูกชายคนโตที่มีประสาทสัมผัสด้านการรับกลิ่นดีไม่แพ้ชาวยูนิกม่าแท้ๆ ก็ยืนยันอย่างนั้น คีตาคงจะได้กลิ่นตอนที่กวินทร์จูบหน้าผากล่ะมั้ง
“คินน์ได้กลิ่นหรือเปล่า” คีตาหันไปถามน้องที่คนซีเรียลในชามเล่น
คนถูกถามส่ายหน้าพรืด ผมไม่สงสัยหรอกว่าทำไมคินน์ถึงไม่ได้กลิ่น ก็คินน์ไม่ได้ความสามารถด้านนี้มา ได้แต่ความสามารถด้านภาษากับการจำแนกเสียง ต่างจากคีตาที่ได้ด้านพละกำลังกับการได้กลิ่น มีเรื่องการได้ยินด้วย แต่ไม่ได้ดีเท่าคินน์
“คินน์นี่จมูกไม่ดีเลยนะ” คีตาพึมพำเบาๆ ให้คินน์ให้ทำแก้มป่อง
ผมยกมือแตะบ่าลูกชายคนต่อก่อนที่รายนั้นจะทำน้องร้องไห้
“วันนี้คีตาพาคินน์ไปโรงเรียนได้มั้ย” ที่ถามอย่างนี้เพราะปกติแล้วผมจะขับรถไปส่ง
ดวงตากลมโตของคีตาประกายวาวทันทีที่ได้ยินผมพูดอย่างนั้น
“พ่อคีธจะให้ผมไปโรงเรียนเองเหรอครับ!?”
“อืม พาคินน์ไปส่งที่ห้องเรียนด้วย”
“ได้สิ! ผมไปเองได้!” คีตาตอบรับทันที คินน์ก็พลอยดีใจกระโดดโลดเต้นตามพี่ชายไปด้วย
ที่ดีใจนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอก นี่เป็นครั้งแรกที่คีตากับคินน์จะได้ไปโรงเรียนด้วยตัวเองน่ะ ความจริงแล้วทั้งคู่ก็น่าจะไปโรงเรียนเองได้แล้ว คีตาอายุสิบขวบ คินน์ก็เก้าขวบ โรงเรียนก็อยู่ไม่ไกลจากบ้าน เดินไปสิบห้านาทีก็ถึง แต่กวินทร์ไม่ยอมปล่อยให้ลูกไปเองเพราะเป็นห่วงว่าจะถูกลักพาตัว เหตุผลก็ไม่มีอะไร แค่กวินทร์คิดว่าลูกๆ ของเราหน้าตาน่ารักจนน่าขโมยเท่านั้น บอกตรงๆ ว่าผมไม่ค่อยเข้าใจระบบความคิดของกวินทร์เท่าไหร่นัก ลูกชาวยูนิกม่า ไม่ว่าอย่างไรก็เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว แต่ไม่อยากให้กวินทร์โกรธก็เลยต้องไปรับ-ส่งตลอดอย่างที่เห็น
“งั้นวันนี้คีตากับคินน์ไปโรงเรียนเองนะ” ผมสรุปอีกครั้ง
คีตากับคินน์พยักหน้ารัว ก่อนคีตาจะถามขึ้นมา
“แล้วพ่อคีธจะไปไหนเหรอครับถึงได้ให้ผมกับคินน์ไปโรงเรียนเอง”
“จะไปไหนล่ะ ก็ไปจับชู้พ่อกวินทร์ไง” คินน์เป็นคนตอบ
ผมมองแล้วก็พยักหน้ารับ ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่คินน์จะรู้ รายนี้เป็นพวกหัวไว ต่างจากคีตาที่คิดช้า-ทำช้า ส่วนคีตาก็ย่นคิ้วทันทีที่ได้ยิน สีหน้าเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดขึ้นมาเล็กน้อย
“เอากองกำลังสำรองมั้ยครับพ่อ”
ผมหยักยิ้มมุมปากเล็กน้อย ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ
“ไปโรงเรียนเถอะ เดี๋ยวพ่อจัดการเอง”
คีตาตะเบ๊ะรับ เร่งให้คินน์จัดการอาหารเช้าให้เสร็จไวๆ ผมรอจนลูกๆ ออกจากบ้าน ตัวเองถึงออกจากบ้านบ้าง วันนี้ผมไม่ขับรถยนต์อย่างเคย แต่ปัดฝุ่นรถช็อปเปอร์ที่องค์ชายแอสโซซิโนพระราชทานให้มาใช้เพื่อความคล่องตัว สตาร์ทเครื่องวอร์มพักหนึ่งด้วยไม่ได้ใช้มานาน พลางตั้งสมาธิไปด้วยเพื่อค้นหากลิ่นของกวินทร์ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน พอจับจุดได้ ผมก็ยกขาขึ้นสับเกียร์ บิดคันเร่งออกไปยังที่หมายทันที
 
โรงแรมระดับสามดาว... คือที่หมายที่ผมมาถึง กลิ่นของกวินทร์ชัดเจนยามอยู่ที่นี่ ผมเดาเอาว่าวันนี้กองถ่ายของด็อกเตอร์มาร์ตินคงจะมาใช้สถานที่ถ่ายทำที่นี่ แต่พอคิดๆ ดูแล้ว ทำไมหนังฮอลลีวูดจะต้องมาถ่ายทำที่สถานที่จริงด้วย ถ้าต้องการใช้สถานที่เป็นโรงแรม ที่สตูดิโอก็จัดฉากถ่ายทำได้แท้ๆ
แบบนี้ต้องเป็นกวินทร์ที่มาเจอกับชู้แน่ๆ
ผมสงบใจที่ร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างใจเย็น ก้าวเข้าไปข้างใน ท่าทางสงบนิ่งและไม่แปลกแยกทำให้ชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่นี่เข้าใจว่าผมเป็นแขกคนหนึ่งของโรงแรม นี่เป็นสิ่งที่ผมเรียนรู้จากการอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนี้ ซึ่งนั่นก็คือการทำตัวกลมกลืน หากกลมกลืนก็จะไม่มีใครสงสัย ผมเลยผ่านเข้ามาได้ง่ายๆ
ผมขึ้นลิฟต์ ยืนนิ่งอยู่ครู่ จมูกก็ดมหากลิ่นกวินทร์ไปด้วยว่าอยู่ชั้นไหน ก่อนจะกดหมายเลขแปดบนแผงควบคุมและก้าวออกจากลิฟต์เมื่อมาถึงชั้นที่ต้องการ
การหาตัวกวินทร์ไม่ยากเท่าไหร่นัก พอขึ้นมาถึงชั้นแปด กลิ่นของกวินทร์ก็ชัดเจนจนผมใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็เจอห้องที่กวินทร์อยู่
แต่...
กวินทร์ไม่ได้อยู่คนเดียว
ไม่ได้มีกลิ่นกวินทร์แค่คนเดียว
มีกลิ่นของผู้ชายคนนั้นด้วย... ชัดเจนมาก ชัดเจนจนผมแน่ใจว่าต้องอยู่ด้วยกันแน่ๆ
และความมั่นใจของผมก็ทวีคูณขึ้นเป็นกองเมื่อหูทั้งสองข้างได้ยินเสียงคุ้นหูของกวินทร์ดังแว่วมา
“อืม... อา... เฟร็ด ตรงนั้นมัน...อา...”
กวินทร์กำลังผสมพันธุ์กับชู้!
ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมเต้นตูมตามราวกับดาวยักษ์สีแดงที่กำลังจะเกิดปรากฎการณ์ซูเปอร์โนวา ผมใจเย็นไม่ไหวอีกต่อไป ยื่นมือไปจับที่ที่จับบนประตู ก่อนจะออกแรงเล็กน้อยหักมันทันใด เสียงดังปี๊บของประตูอิเล็กโทรนิกส์ดังสั้นๆ พอผมผลักบานประตูเข้ามา กวินทร์ที่นอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงโดยมีชายร่างใหญ่พอๆ กับผมคร่อมอยู่ก็ลุกพรวดทันใด
“คีธ! มาได้ไงเนี่ย!”
“ตามกลิ่นมา” ผมว่าเสียงเรียบ ตาปรายมองไปยังชายคนนั้นที่มองผมอย่างตกใจ ก่อนจะถูกกวินทร์ผลักออกเต็มแรง
ผลักผู้ชายคนนั้นออกได้ ก็ปรี่เข้ามาหาผม ถามเสียงดังอีกต่างหาก
“แล้วคีตากับคินน์ล่ะไปไหน อย่าบอกนะว่าให้ลูกหยุดเรียนเพราะมาตามฉัน!?”
“เปล่า ให้ไปโรงเรียนเอง”
ฝ่ามือกวินทร์ฟาดลงมาข้างกระหม่อมผมทันใด ตามมาด้วยเสียงตะคอกอีกต่างหาก
“จะบ้าหรือไงไอ้คีธ! ให้ลูกไปโรงเรียนเองอย่างนั้น ถ้าโดนลักพาตัวมาจะทำยังไงวะ!”
ผมมองกวินทร์ที่โวยวายไม่หยุดนิ่งๆ ความกรุ่นโกรธเมื่อครู่หายไปแล้วล่ะ กลายเป็นความสำนึกผิดแทน ไม่ใช่เพราะผมปล่อยลูกๆ ไปโรงเรียนเองจนโดนกวินทร์สวดยาวอย่างนี้หรอกนะ แต่เป็นเพราะในห้องนี้ไม่ได้มีแค่กวินทร์กับผู้ชายคนนั้นเพียงสองคน แต่เต็มไปด้วยทีมงานกองถ่าย ทั้งตากล้อง ช่างไฟ ช่างแต่งหน้า สต๊าฟฝ่ายต่างๆ และที่ขาดไม่ได้ก็คือผู้กำกับวิลล์ที่นั่งอยู่หลังจอมอร์นิเตอร์และกำลังมองมาทางผมอย่างงุนงง
กลิ่นผู้ชายคนนั้นที่ผมได้กลิ่นจากกวินทร์ คงจะมาจากการถ่ายหนังสินะ
“ขอโทษครับ” เท่านั้น ผมก็เลยชิงขอโทษไปก่อน ไม่ได้ขอโทษกวินทร์ ขอโทษผู้กำกับวิลล์กับทีมงานที่ผมไม่ทันเช็คให้ดีก่อนว่ามีกลิ่นคนอื่นอยู่ในห้องด้วย แค่ได้กลิ่นกวินทร์กับผู้ชายคนนั้นก็บุกเข้ามาแล้ว ทำให้กองถ่ายขัดข้องชั่วขณะ
แต่กวินทร์คิดว่าผมขอโทษ ชักสีหน้าใส่ผมแล้วตบกระหม่อมซ้ำลงมาอีกที
“ขอโทษแล้วมันหายมั้ยวะ ถ้าลูกหายไปจะทำยังไง!”
“ถ้ากวินทร์บอกกับฉันตรงๆ ว่าที่ต้องออกกองกับผู้กำกับวิลล์เป็นเพราะต้องมาเป็นสแตนด์อินให้นักแสดงที่กำลังป่วยอยู่ ฉันก็คงไม่ทำแบบนี้หรอก” ผมสวนกลับไป
ที่รู้ว่ากวินทร์มาเป็นสแตนด์อินแทนก็เพราะเมื่อกี้ผมได้ยินทีมงานสองคนตรงมุมห้องกระซิบกระซาบกันน่ะ พวกนั้นกระซิบว่า ‘สามีคุณเควินต้องเอาเรื่องแน่ๆ คุณเควินซวยจริงๆ มาเป็นสแตนด์อินแบบโดนบังคับแล้ว ยังจะถูกสามีโกรธอีก งานนี้ครอบครัวร้าวฉานแน่’
ทว่ากวินทร์ทำหน้าตกตะลึงที่ได้ยินผมพูดประโยคนั้น ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น พูดเสียงเบาประหนึ่งเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิด
“ถ้าบอกนายไปตรงๆ ว่าฉันมาทำแบบนี้กับคนอื่น นายก็ไม่ยอมน่ะสิ จะเอาสแตนด์อินมาแทนก็หาไม่ทัน คนที่ยอมเล่นเป็นเกย์คู่ขาพระเอกนี่มันหายากนะ มีเวลาไม่ถึงสองวันดีอย่างนั้นน่ะ ฉันก็เลยต้องมารับหน้าที่แทนไปก่อนเพราะผู้กำกับวิลล์บอกว่าท่าทางฉันได้อย่างที่เห็นนี่แหละ” โบ้ยไปให้ผู้กำกับวิลล์ที่ยิ้มหน้าระรื่นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นตรงนั้นด้วย
ผมไม่ถือสาหรอก รู้อยู่ว่าที่กวินทร์มีงานทำ ได้เป็นโปรดิวเซอร์มือดีที่มีงานชุกขนาดนี้ได้ เป็นเพราะผู้กำกับวิลล์ให้โอกาสทั้งนั้น แต่มันก็น่าโมโหตรงที่กวินทร์เป็นเมียผมแท้ๆ ดันมามีความลับกันซะได้ ไม่รู้หรือไงว่าผมเป็นคนยังไง เรื่องแค่นี้ไม่โกรธหรอก ก็แค่หึง แล้วก็จะปล้ำให้สาสมเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่พูด เกิดสงสารกวินทร์ขึ้นมา ยกมือขึ้นลูบไหล่เปลือยของเขาเล็กน้อย แล้วพยักหน้าให้
“ไม่เป็นไร กวินทร์ไม่ต้องห่วง ฉันไม่โกรธ”
“จริงเหรอ”
ผมพยักหน้าอีกที “แต่ขอคุยกับผู้กำกับวิลล์หน่อย”
พูดจบ ผมก็เดินไปหาอีกฝ่ายทันที ผู้กำกับวิลล์ก็เหมือนจะเตรียมตั้งรับอยู่แล้ว ผมเลยไม่รีรอ พูดออกไปทันใด
“ผมขอให้เป็นเทคสุดท้าย ถ้าไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน หาสแตนด์อินอื่น”
“สามีเควินมาตามถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าฉันดันทุรังสั่งเทคใหม่ เห็นทีคงจะโดนต่อยหน้าบี้ซะมั้ง” เขาว่าขำๆ
ผมไม่ขำด้วย ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เขา แล้วพยักหน้าให้เขาเป็นเชิงว่าให้รีบสั่งถ่ายต่อเร็วๆ
“โอเค งั้นเริ่มกันใหม่อีกทีนะ เอาสปริงเกอร์ไปฉีดหน้าให้พระเอกหน่อยซิ แล้วก็ฉีดให้เควินหน่อย ขออิมเมจแบบเหงื่อชุ่ม ไม่ต้องชุ่มมากนะ”
ช่างแต่งหน้าคว้าขวดสปริงเกอร์บรรจุน้ำไปฉีดหน้าพระเอกที่ในเรื่องชื่อว่าเฟร็ดทันที ก่อนจะไปฉีดให้กวินทร์ สีหน้าของกวินทร์ตอนนี้ดูไม่ดีเลยสักนิด ดูซีด... ไม่สิ ดูอย่างกับคนตาย ขาวจนไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย
“โอเค นับสามแล้วเริ่มกันใหม่นะ ไปนอนบนเตียงเตรียมเข้าฉาก... สาม สอง หนึ่ง แอคชัน!”
การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง พระเอกของเรื่องซุกไซ้ใบหน้าลงบนลำคอของกวินทร์ ไล่พรมจูบไปทั่วหน้าและลำคอ ก่อนลงต่ำมายังหน้าอก ผมมองแล้วก็ยกมือขึ้นป้องปาก พยายามสงบสติอารมณ์ให้ไม่พุ่งไปจับหมอนั่นเหวี่ยงออกจากหน้าต่างชั้นแปดไปโหม่งพื้นด้านล่าง ส่วนกวินทร์ก็ส่งเสียงอืออาออกมาบ้างเป็นฟีลลิงของตัวละคร แต่ผมสัมผัสได้ถึงความเกร็งตลอดการถ่ายทำ
เกร็งจนน่ากลัวว่าจะเป็นตะคริวอีกไม่ช้านี้
“เควินทำไมเกร็งจังวะ เฮ้ย คัตๆๆ! เกร็งขนาดนี้มันใช้ไม่ได้ เทคที่แล้วยังเล่นดีกว่าอีกนะเควิน!” ผู้กำกับวิลล์ก็คิดเช่นนั้น ดูการถ่ายทำผ่านจอมอร์นิเตอร์แล้วก็สั่งคัทลั่น
“ขอโทษครับ” กวินทร์รีบผุดลุกขึ้นนั่ง ขอโทษขอโพยอย่างน่าสงสาร
ผมรู้หรอกว่าที่กวินทร์เกร็งขนาดนี้ เป็นเพราะผมมานั่งดูการถ่ายทำอยู่ด้วย แต่ผมไม่พูดอะไร ดูซิว่ากวินทร์จะทำยังไงต่อไปในเมื่อเมื่อกี้ผมบอกผู้กำกับวิลล์ว่าให้แค่เทคเดียวเท่านั้น
ทว่าผู้กำกับวิลล์ก็หันมาหาผมเสียก่อน และออกปากขอ
“ฉันขออีกเทคได้มั้ย เทคเดียว”
ผมหันไปมอง พยักหน้าให้น้อยๆ
“อีกหลายเทคก็ได้”
“พูดจริง?” ผู้กำกับวิลล์ทำหน้าไม่เชื่อ
“ครับ แต่มีข้อแม้”
“ว่ามา”
“ผมจะเป็นสแตนด์อินให้พระเอกเอง”
ผู้กำกับวิลล์หัวเราะลั่นทันที ก่อนจะพูดเสียงดัง “ตกลง! ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรนะ แค่เมคเลิฟช่วงบน ช่วงล่างไม่ต้องถอด ต้องอธิบายเพิ่มเติมมั้ยเนี่ย”
“ไม่ต้องครับ” ไม่ต้องจริงๆ นั่นแหละ ของแบบนี้ ผมรู้อยู่แล้วว่าต้องทำยังไง
“งั้นก็เริ่มเลย”
พระเอกคนนั้นถอยฉากออกมาทันทีที่ถูกเรียก เหลือแค่กวินทร์ที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม ผมเดินเข้าไปหา ถอดเสื้อออก เหลือแต่กางเกงยีนส์เท่านั้นที่ปกปิดร่างกายอยู่
“คะ...คีธ อย่าทำอะไรนอกบทนะ” กวินทร์สั่งผมเสียงเบาทันทีที่ผมนั่งลงบนเตียง
ผมไม่ตอบ หยักยิ้มให้เล็กน้อย
“ไม่นอกบทแน่นอน”
“สาบาน?”
“ไม่” ผมเล่นลิ้น กวินทร์ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ ตะโกนใส่ผมลั่น
“ไอ้คีธ!”
“เริ่มเลยนะ สาม สอง หนึ่ง แอคชั่น!”
จังหวะเดียวกับที่ผู้กำกับวิลล์สั่งเทคพอดี เท่านั้นผมก็ผลักกวินทร์ลงบนเตียง กวินทร์ดิ้นพล่าน พยายามจะลุกหนี แต่ไม่ทัน ผมขึ้นมาคร่อมไว้แล้วเรียบร้อย ซุกหน้าลงบนลำคอ ลากริมฝีปากไปบนผิวนุ่มนั่นเบาๆ
“ยะ...อย่านอกบท” เสียงกระซิบของกวินทร์ยังดังมาให้ได้ยิน
แต่... ใครจะฟังล่ะ แค่พูดมาปุ๊บ ผมก็เงยหน้าขึ้น แสยะยิ้มให้
“โทษฐานโกหก...จะเอาให้ตายคาเตียง”
แคว่ก!
ตามมาด้วยกระชากกางเกงยีนส์ที่สวมอยู่บนตัวกวินทร์ขาดสะบั้นออกจากกัน ทุกชีวิตมองผมที่ฉีกผ้าหนาๆ ด้วยมือเปล่าได้อย่างไม่เชื่อสายตา ขณะที่กวินทร์อ้าปากค้างและแหกปากลั่นเป็นภาษาไทย
“ทำบ้าอะไรของมึงเนี่ย! หนังโรแมนติกเว้ย! หนังโรแมนติก! ไม่ใช่หนังโป๊เกรดบีนะเว้ย จะฉีกกางเกงกูหาเตี่ยมึงเหรอไอ้คีธ! แค่ภายนอก มึงไม่ต้องจริงจัง! อยากจริงจังค่อยกลับไปทำที่บ้าน ไม่ต้องโชว์!”
ไม่รู้ล่ะ ไม่ฟังด้วย ถือว่ามีความลับกับผม แถมทำผมหึงหน้ามืด ระแวงไปหลายวันขนาดนี้ จะเป็นหนังรักโรแมนติกหรือหนังโป๊เกรดบี ยังไงกวินทร์ก็ต้องโดนทำโทษ
เอาให้เห็นกันทั้งบางว่ากวินทร์เป็นของใคร!

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
เอาความจริง แอบไม่ชอบไม่พวกเจ้าชายตัวน้อยด้วยเหมือนกัน เป็นเราจะถีบแมร่งเลย มาเล่นแผลงๆกับลูกเนอะกวินทร์ เอาเป็นว่าตอนต่อไปขอให้ไอ้พวกเจ้าชายทั้งหลาย มันมาหลงรักคีตากับคินท์จนยอมทุกอย่างละกัน แอบเคือง  ช่วยหาตำแหน่งอะไรให้ลูกน้อยทั้ง2หน่อยยยยยย

บรรดาเจ้าชายจะไปสยบให้หนูคีตากับหนูคินน์ในเล่ม Mini novel: Alien's Kids พวกผมเป็นลูกเอเลี่ยน ค่า เดี๋ยวมาอัพตัวอย่างให้อ่านชิมลางกันน้า XD

ออฟไลน์ PiSCis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
กวินทร์ไม่รอดจริงๆล่ะคราวนี้  :z1: :laugh: :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด