Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนพิเศษ 2) 31-01-2559 จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนพิเศษ 2) 31-01-2559 จบแล้ว  (อ่าน 45190 ครั้ง)

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 12) 05-01-2559
«ตอบ #30 เมื่อ05-01-2016 20:28:15 »


Just Love รักนะครับ




12


   

เขาใช้เวลาอีกสองวันแล้วจึงตัดสินใจไปตามเดือน เดาเองว่าเดือนคงไปอยู่ที่บ้านเช่ากับเพื่อนหลังเดิมที่เขาเคยไปพบเจ้าตัวประจำ บ้านไม้สองชั้นดูทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัดในเวลากลางวัน รอบตัวบ้านมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมร่มครึ้ม บ้านเงียบราวกับไม่มีคนอยู่ รถรามากมายที่เคยเห็นยามค่ำคืนนั้นหายไปเหลือเพียงมอเตอร์ไซค์เก่าสองคันกับจักรยานแม่บ้านจอดทิ้งไว้ในโรงจอดรถ

   
จอดมอเตอร์ไซค์ไว้ริมรั้วไม้สีถลอกเดินผ่านประตูรั้วที่เปิดไว้เพียงครึ่งเดียวเข้าไปยังตัวบ้าน น่าแปลกใจที่ภายในห้องซึ่งมาเมื่อไรก็เห็นว่ารกข้าวของปนกันเกลื่อนกลาดจนแยกไม่ออกตอนนี้กลับเรียบร้อยสะอาดตาข้าวของที่เคยกระจัดกระจายหายไปเหลือพื้นสะอาดเกลี้ยงมันวับ หนังสือ กระดาษวางกองไว้เป็นระเบียบในตู้ไม้ใหญ่ชิดผนัง

   
ขณะที่กำลังลังเลว่าจะร้องเรียกคนที่มาหาดีหรือไม่ก็มีเสียงตกใจดังขึ้นด้านหลัง

   
“อ้าว” หันขวับไปมองต้นเสียง เพื่อนของเดือนที่ชื่อฝันนั่นเอง “หวัดดีซัน”

   
“มาหาไอ้คุณเหรอ” ฝันทักขึ้นอย่างอารมณ์ดีว่าแล้วก็ผิวปากเป็นทำนองเพลง เขาพยักหน้าตอบ “มันเพิ่งไปนอนเมื่อกี้แน่ะ เป็นบ้าอะไรไม่รู้กลับมาก็แม้งแตก โวยวายให้ทุกคนจัดบ้าน บ้าบอชะมัด ไม่ได้หลับได้นอนกันสองวันแล้วเนี่ย” เธอพูดเหมือนบ่นทั้งที่ริมฝีปากฉีกยิ้ม แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ไม้รับแขก พยักพเยิดให้เขานั่งลงเด้าอี้ที่เหลือ

   
“แต่ก็ดีเหมือนกัน บ้านสะอาดขึ้นเยอะเลย ไล่ไอ้พวกซกมกกินเหล้าเมายาออกไปหมด ต่อจากนี้คงน่าอยู่มาบ้างล่ะนะ” ฝันพูดต่อ เขานั่งทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ว่าง “ซันมาช้าไปวันหนึ่งนะ ถ้ามาเมื่อวานจะเห็นของที่หาเจ้าของไม่ได้วางกองอยู่เต็มลานหน้าบ้านเลยล่ะ ไอ้คุณเอะอะจะจุดไฟเผา ต้องช่วยห้ามกันใหญ่ ดีที่ไอ้แหยมไปเรียกซาเล้งมาทัน มันเลยยอมวางมือ”


คนพูดเล่าด้วยท่าทางออกรสแล้วหัวเราะตบท้ายเสียงดังแล้วก็เหมือนรู้ตัว เธอจึงเงียบเสียงแล้วส่งยิ้มอ่อนเป็นเชิงขอโทษมาให้ ทั้งที่คนตรงหน้ามีท่าทางเป็นธรรมชาติแต่เขากลับอึดอัดกับสายตาที่เหมือนจะรู้ทันนั่น สิ้นเสียงหัวเราะทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เขาทนกับความกดดันแปลกๆ จากเพื่อนของเดือนไม่ไหวจึงเอ่ยถามถึงคนที่ตามหา   
   

“อยู่ไหน”


ฝันยกมือชี้บนเพดานตรงตำแหน่งห้องเดิมที่เดือนเคยอาศัยอยู่ ส่งยิ้มที่แปลไม่ออกให้บางเบา “จะเอามันกลับเลยเหรอ ให้มันตื่นก่อนค่อยไปก็ได้มั้ง”

   

“อืม” เขานั่งรอ ฝันเดินไปเปิดโทรทัศน์สักพักก็ถามขึ้น

   

“ซัน...ทะเลาะกันเหรอ?” เขาละสายตาจากจอสี่เหลี่ยมสบตากับคนถาม ใช้เวลาคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเดือน เรียกว่าทะเลาะกันหรือเปล่า?
   
   
“...อืม” 
   

“เห็นไอ้คุณร้องไห้แล้วตกใจ ปกติมันไม่เคยร้องเลยน่ะ” ฝันพูดต่อไป มองหน้าเขาสลับกับโทรทัศน์ไปมา


“ไอ้คุณ...มันแคร์ซันมากนะ” เขานั่งเงียบไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะต้องตอบฝันว่าอย่างไรเขารอฟังว่าเธอจะพูดอะไรต่อ


“ลองให้โอกาสมันบ้างเถอะซัน...คงเป็นซันคนเดียวที่เติมมันเต็ม” ฝันสูดหายใจลึกแล้วสบตากับเขา “ยอมรับ รัก จากไอ้คุณซะที...อย่าทำเป็นไม่รู้ต่อไปอีกเลยทั้งที่สองคนรักกันมากขนาดนี้”

   

ดั่งถ้อยคำของหญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องเป็นค้อนใหญ่ มันตรงเข้าทุบก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของเขาจนปวดหนึบจนต้องหลับตา ทั้งที่ไม่อยากได้ยินแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว กล่องที่ซุกซ่อนไว้ลึกสุดใจถูกค้นจนเจอไม่พอยังถูกยกขึ้นมารื้อค้นเสียกระจัดกระจายป่าวประกาศเรื่องราวความรู้สึกของเขาไปทั่ว   

   

“.................................รัก?” เงียบไปหลายอึดใจ เขาก็กระซิบคำพูดที่รู้จักแต่ไม่เคยเข้าใจออกมา ใจทั้งใจสั่นสะเทือน

   

ผู้หญิงตรงหน้าที่เจอทีไรถ้าไม่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายก็จะกรี๊ดกร๊าดจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำตัวไร้สาระไปวันๆ การพบกันวันนี้เธออยู่กลับจริงจังอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เธอบอกกับเขาว่าเขารักเดือนอย่างนั้นหรือ?
 
   

“รัก...ใช่แล้ว”

   

ทั้งที่คำว่ารักสามารถให้กับใครได้หลายสถานะแต่นาทีนี้ทั้งเขาและเธอต่างก็รู้ดีว่ามันคือความรักในแบบใด มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน

   

“ไม่จริงหรอก...ไม่ใช่ เดือนเป็นเพื่อน--” ปฏิเสธออกมาไม่ถึงครึ่งคำก็โดนสวนกลับ

   

“ไม่มีเพื่อนที่ไหนดูแลกันขนาดนี้หรอก ดูอย่างกายสิ ซันอยากดูแลไอ้กายแบบไอ้คุณไหม”

   

สั่นหัวทันที ให้ดูแลหาข้าวหาน้ำให้ไอ้กายเนี่ยนะ ไม่มีทาง

   

“เห็นไหม แล้วถ้าเดือนเป็นเพื่อนทำไมต้องดูแลขนาดนั้นด้วยล่ะ” ฝันรุกถามต่อไปอย่างไม่รอให้เขาตั้งตัว

   

“...ก็แม่น้องบอกให้ดูแล เดือนไม่ดูแลตัวเอง—“

   

“มันก็อยู่ของมันมาได้ตั้งสองปีแล้วน่ะซัน พอแค่ย้ายไปอยู่กับซันมันถึงกับดูแลตัวเองไม่เป็นเลยหรือไงเล่า โธ่ ที่มันทำตัวอย่างนั้นมันอ้อนนายนะซัน รู้บ้างไหมเนี่ย” 

   

ฝันพูดจบก็ส่ายหัว ทำราวกับว่าเหนื่อยใจเสียเหลือเกินที่ต้องอธิบายเรื่องง่ายๆ อย่างที่ใครก็รู้ให้กับคนที่เรียนปีสามอย่างเขาฟังแล้วไม่เข้าใจเสียที   

   

“ลองคิดดูดีๆ สิ” ฝันพักหายใจ

“ถ้าสรุปออกมาว่าไม่ใช่ก็เลิกให้ความหวังไอ้คุณมันได้แล้ว”

ประโยคสุดท้ายเธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดหนักแน่น   
   
   

“............................”

   

เขาก็พอรู้อยู่บ้างหรอกว่าเดือนคิดยังไงกับตัวเอง หากจะให้ยอมรับจริงๆ แล้วก็คือเดือนสารภาพออกมากับเขาแล้ววันก่อน แต่ที่เขาทำไปทั้งหมดเรียกว่าให้ความหวังหรือ...ที่ดูแลเพราะกลัวว่าอีกคนจะไม่สบายเนี่ยนะ

   
เสียงฝีเท้าเดินย่ำบันไดลงมา ทั้งเขาและฝันหันไปมอง

   

“ไอ้ฝันคุยอะไรกับใคร---“ เดือนชะงัก ยืนอึ้งเมื่อเห็นว่าคนที่ฝันคุยด้วยคือเขา

   
“เออ...ซันมาหามึงน่ะ” ฝันเดินไปตบบ่าเดือนแล้วออกจากห้องเดินขึ้นบันไดหายไป

   


คนที่เขาตามหายืนอยู่นั่งสักพักจึงเดินมานั่งที่เก้าอี้แทนฝัน กวาดสายตามองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วแล้วก็พบว่ารอยคล้ำใต้ตาของคนผิวขาวซีดนั้นเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เสื้อยืดสีดำที่เจ้าตัวสวมใส่ทำให้ร่างดูผ่ายผอมลงไปถนัดตา จ้องมองที่ข้อมือทั้งสองข้างก็พบว่าปกติ ไม่มีผ้าพันแผลหรือร่องรอยบาดแผลให้เห็น 


   
“เค้า...จะย้ายออกมาอยู่บ้านนี้นะ” เดือนพูดเสียงเบาโดยเพราะมัวแต่สำรวจร่างกายของฝ่ายตรงข้ามจึงไม่ทันได้ยิน หรือจริงๆ แล้วเขาได้ยินแต่ไม่อยากเข้าใจ

   

“.........................” มีคำถามมากมายอยู่ในหัวแต่ไม่สามารถถามออกไปได้ เขารู้สึกเหมือนหาเสียงตัวเองไม่เจอจึงได้แต่เงียบ

   

“เค้ารบกวนซันมากเลยใช่ไหม ทั้งเรื่องที่อยู่ ทำอาหาร แล้วยังเรื่องทำความสะอาดอีก...ขอโทษนะ” คนพูดเอาแค่ก้มหน้ามองโต๊ะรับแขกที่กั้นเราไว้ สิ้นคำพูดเขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้ว เดือนพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไงกัน

   
“ใคร?”

   
“หะ ใครอะไร” เงยหน้าขึ้นมาสบตาจึงเห็นว่าตาทั้งสองข้างเริ่มแดง

   
“ใครบอกว่ารบกวน...ยังไม่ได้พูดอย่าคิดไปเอง” ดวงตาของเดือนเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง

 
“จะย้ายมาอยู่นี่เหรอ...ไม่ต้อง! ไม่อนุญาต”


“...ซันๆ” เดือนเรียกชื่อเขาแม้จะด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่พอได้ยินชื่อตัวเองผ่านริมฝีปากบางออกมา อารมณ์คุกกรุ่นค่อยเย็นลง ความหงุดหงิดหายไปราวกับควันไฟยามต้องลม




“กลับเถอะ...กลับห้องเถอะเดือน”


เขาพูดออกมาแล้ว ถ้อยคำที่อยากพูดมาตลอดตั้งแต่วินาทีที่เดือนก้าวออกจากห้องไปเมื่อห้าวันก่อน




.



.



.



รถมอเตอร์ไซค์จอดลงที่หน้าร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่ง เวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ เกือบสี่ทุ่มคนในร้านบางตา ลงมายืนข้างรถรอให้คนขับล็อครถแล้วก็เดินตามไป

“จะกินอะไร”

   
“ข้าวผัดหมู” คนที่นั่งตรงข้ามสั่ง “ข้าวผัดหมูสองครับป้า”

   
ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่ ทุกครั้งที่ทะเลาะหรือมีเรื่องผิดใจกันต้องหาอะไรกินเสมอ

   
ซันๆ เวลาหิวแล้วจะโมโหล่ะมั้ง

   

ถอนหายใจออกมาแผ่วเบาระวังไม่ให้คนตรงหน้าได้ยิน ตั้งแต่เกิดเรื่องทะเลาะกันอย่างรุนแรงเมื่อห้าวันก่อน เขาได้ตะโกนถ้อยคำที่อัดแน่นอยู่ในใจออกมา

   

‘เดือนรักซันๆ ได้ยินไหม’

   

แนบริมฝีปากตนเองเข้ากับริมฝีปากของอีกฝ่ายเสี้ยววินาทีอย่างไม่ทันได้รู้ตัว พอรู้ว่าทำอะไรลงไปก็รีบหนีออกมา

   

ขับมอเตอร์ไซค์ไปเรื่อยๆ จนมาจอดหน้าบ้านเช่าสองชั้นสีขาวที่เคยอยู่ เดินเข้าไปเจอฝันก็ร้องไห้ออกมาเสียงดังนอนนิ่งซังกะตายอย่างเลื่อนลอย เมื่อรู้สึกตัวก็ทำตัวเสียสติไล่ตะเพิดพวกที่ไม่รู้จักออกบ้านไป ทั้งยังโวยวายจนเพื่อนๆ ทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมาช่วยกันทำความสะอาดบ้านกันทั้งคืน ลากยาวมาจนถึงตอนค่ำของอีกวัน เมื่อเห็นว่าบ้านสะอาดดูดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็โล่งใจ โดนเพื่อนลากขึ้นไปนอน

   

สะดุ้งตื่นตอนค่ำได้ยินเสียงพูดคุยมาจากด้านล่าง เดินลงบันไดมาเจอคนที่หนีมาก็ตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่ง เวลาผ่านไปสักพักซันๆ ก็ไม่พูดอะไรจึงบอกเรื่องที่ตัดสินใจแล้วออกมา

   

จะย้ายออกมาอยู่บ้านนี้ ไม่อยากรบกวน ทำให้ซันๆ ต้องอารมณ์เสียอีกแล้ว

   

รู้ตัวว่าเขานั้นแย่ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นคงทำให้ความอดทนของซันๆ ถึงขีดสุด ระเบิดอารมณ์รุนแรงออกมา

   

คำว่า ‘มั่ว’ ที่ได้ยินจากปากของซันๆ ช่างเจ็บปวด กรีดหัวของของเขาจนทนไม่ไหว น้ำตาทะลักด้วยความละอาย

   


น่าสมเพช

   


ร่างกายนี้แปดเปื้อนเสียจนน่ารังเกียจยังมีหน้าไปทำให้ดวงตะวันของเขาต้องพลอยแปดเปื้อนไปด้วย

    
   

แต่...

   


‘ใครบอกว่ารบกวน...ถ้ายังไม่ได้พูดอย่าคิดไปเอง’
   
   

ดั่งถ้อยคำนั้นคือคำว่าให้อภัย เขาเบิกตากว้าง ความรู้สึกดีใจที่รู้ว่าไม่ควรเกิดก็เข้าท่วมหัวใจที่ปวดระบม ช่วยเยียวยาดวงใจบอบช้ำให้กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง

   

‘กลับเถอะ...กลับห้องเถอะเดือน’

   


ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม
แค่ซันๆ ยกโทษ
แค่ซันๆ ให้อภัย

เขาคนนี้สัญญาว่าจะไม่ทำตัวอย่างที่แล้วมาอีกต่อไป







   

‘สนใจทำไมอดีต หรือว่าเดือนกลับไปแก้ไขได้’ 

   

ยังจำคำพูดของซันๆ ในวัยสิบแปดปีที่พูดกับเขา หลังจากที่ได้สติรู้สึกตัวขึ้นมาในโรงพยาบาลเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้เพราะอาการเสียเลือดมาก ข้อมือซ้ายปวดแปลบจนไม่กล้าที่ขยับ


‘ตั้งใจทำปัจจุบันให้ดีแล้วอนาคตก็ดีเอง’

   
ซันๆ ไม่ได้พูดอะไรที่เขาไม่เคยได้ยินหรือไม่รู้มาก่อน แต่เพราะคำเหล่านั้นออกมาจากปากของซันๆ คนที่อยู่กับเขาเสมอมาทำให้เขาคิดได้ ไม่ทำร้ายตัวเองโดยการกรีดข้อมืออีก และคำพูดเหล่านั้นยังเป็นแรงบันดาลใจให้เขาพยายามตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันอีกด้วย

   

   



ข้าวผัดหมูสองจานวางลงบนโต๊ะ แตงกวาสามชิ้นย้ายจานชามแรกมานอนอยู่ในจานของเขา ช้อนส้อมที่เช็ดแล้ววางตามมา

   
“ซันๆ” เขาสบตากับดวงตาสีดำสนิท “ต่อไปเค้าจะไม่ทำตัวแย่ๆ อีกแล้ว”

   
“.......................” ซันๆ ไม่ตอบ แต่ก็ไม่ปฏิเสธที่จะฟัง

   
“เค้าสัญญา...”

   
ไม่ว่าซันๆ จะเชื่อในคำสัญญาหรือไม่ เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะปรับปรุงตัวเอง ไม่ทำตัวเสเพล ไร้สาระอย่างที่ผ่านมา

   
“กินข้าวเถอะ”

   
“ไม่ต้องเชื่อก็ได้...แต่คอยดูหน่อยละกันนะซันๆ”   
   
   


อีกฝ่ายแค่พยักหน้า จากนั้นก็ทานอาหาร ไม่มีคำพูดใดๆ อีก





   
กลับมาถึงห้องซันๆ เดินนำเข้าไปก่อนนั่งลงบนโซฟาหน้าโทรทัศน์พยักหน้าให้นั่งลงข้างๆ

   
“ที่พูดวันนั้นน่ะ...จริงใช่ไหม” สบตากับดวงตาสีเข้มแล้วก็พยักหน้า พวงแก้มอุ่นวาบ ที่บอกว่าเดือนรักซันๆ น่ะ จริงๆ นะ


“ทำได้” หะ อะไรนะ


“อะไรนะ”


“ที่บอกว่ารักไม่ได้น่ะ ทำได้สิ” หัวใจเต้นรัวจนต้องยกมือขึ้นกด สูดหายใจเข้าลึกระงับอาการ




“......................”



อึ้งไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร รู้แต่ว่าดีใจเหลือเกิน



“......................”



ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ แล้วซันๆ ก็พูดขึ้นใหม่


“ไปถามเพื่อนที่เรียนจิตวิทยามา มันบอกว่าเดือนเหงา ให้หาอะไรทำ”



ใช่ เหงา เพื่อนต่างก็รู้ว่าพอพูดคำนี้ออกมาชวนไปไหนไอ้คุณก็ไปไม่ปฏิเสธ




“อยากเลี้ยงอะไรล่ะ” คนนั่งข้างๆ ถามออกมา จับต้นชนปลายไม่ถูก



“เลี้ยงอะไร” ไม่เข้าใจ ซันๆ จะให้ทำอะไรน่ะ


“แมว หมา นก กระต่าย อยากเลี้ยงอะไร”



“สัตว์เลี้ยง?” ให้เลี้ยงสัตว์เหรอ “ไม่รู้สิ” หัวใจยังคงเต้นระห่ำจากเสียงที่ไม่ได้ยินมาตลอดห้าวันทั้งที่คนพูดเปลี่ยนเรื่องไปตั้งนานแล้ว


“เพื่อนมีลูกแมวเพิ่งเกิด”
 

“เลี้ยงแมวก็ได้”


“อืม”



เราเงียบกันไปอีก






เพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตาคลอเมื่อมืออุ่นของใครอีกคนเช็ดน้ำตาให้พลางพูดพึมพำว่า “ขยันร้องไห้ชะมัด”


“ซันๆ” เสียงของเขาแหบพร่าสั่นครือ


“อืม”   


“ถึงไม่อยากฟังแต่...ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ” พูดออกมาอีกครั้งเพราะถ้อยคำเหล่านั้นมันอัดแน่นอยู่ในใจ


“อืม...ไม่ต้องพูดแล้ว” ความอบอุ่นที่แก้มหายไปยามซันๆ ละมือออก


“ไปนอนเถอะ” ขยับตัวลุกขึ้น “เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปซื้อของให้ลูกแมวกัน”


เขาลุกขึ้น ขยับตัวเข้าไปใกล้ “ขอบคุณมากนะซันๆ”


“อืม ฝันดีนะ”





ซันๆ ยกมือขึ้นมาขยี้ผมจนยุ่งเหยิง บอกฝันดีแล้วเดินเข้าห้องนอนไป ทิ้งเขาไว้ให้ใจสั่นระรัว


แค่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง


คำว่า ฝันดี ยังน้อยเกินไป



------------------------------
[05.01.59]
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ อ่านแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย// ยิ้มแก้มแตก
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเช่นเคยค่ะ
 :man1:
Lavender’s blue

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 12) 05-01-2559
«ตอบ #31 เมื่อ06-01-2016 21:01:30 »

เดือนน่าสงสารอ่ะ แล้วที่ซันทำมันก็การให้ความหวังดีๆนี่เอง
อยากจะร้องเพลงไม่รักไม่ต้องให้ซันๆฟังเลยอ่ะ
แต่นี่มันรักกันแต่ไม่ยอมรับ เห้อ เอาใจช่วยล่ะกันนะ

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 12) 05-01-2559
«ตอบ #32 เมื่อ06-01-2016 22:07:01 »

เมื่อไหร่ซันจะปากตรงกับใจ รักก็แค่รักมันจะอะไรนักหนา จะได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 13) 07-01-2559
«ตอบ #33 เมื่อ07-01-2016 19:32:07 »


Just Love รักนะครับ





13


   



“พี่...พี่กาย ไหวไหม”

   

ผมเขย่าร่างที่นอนฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะแรงขึ้นเมื่อไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจนสุดท้ายก็รู้ว่าเปล่าประโยชน์เลยหยุด ถอนหายใจกับตัวเองเฮือกใหญ่ ทั้งที่กะจะแกล้งมอมเหล้าคนขี้โวยวายเพื่อความสนุกสนานสักหน่อย ผลกลับเป็นว่าต้องมาดูแลซะงั้น พี่ซันก็พาพี่คุณที่เมากรึ่มกลับไปก่อนแล้วด้วย อะไรวะเนี่ย!!



เวลาตีหนึ่งกว่าเกือบตีสองแสงไฟสลัวที่เคยเปิดตั้งแต่เปิดร้านตอนนี้กลายเป็นไฟนีออนสีนวลตา ลูกค้าแน่นขนัดช่วงห้าทุ่มเที่ยงคืนเหลือเพียงเสียงพูดคุยเบาๆ ของลูกค้าสองสามโต๊ะ เพลงที่เปิดคลอตั้งแต่หัวค่ำถูกปิดลงไปแล้ว
 

พยุงร่างสูงใหญ่พอๆ กันออกมาด้วยความช่วยเหลือของพนักงานในร้าน ติดเครื่องรถมอเตอร์ไซค์ได้ จู่ๆ คนเมาอยู่ก็สะดุ้งพรวดตื่นขึ้นตะโกนออกมาเสียงดัง


“ไอ้เหี้ยยยยย!!!” รถเซเกือบล้ม ดีนะที่ยังประคองไว้ได้ ไอ้พี่กาย สลัด


“เฮ้ยพี่กาย...นั่งนิ่งๆ ดิเว้ย เอออย่างนั้นแหละ เดี๋ยวรถล้มไปละซวยแย่นะพี่” ผมหันไปบอกคนเมาที่ตอนนี้ดิ้นขยับตัวจะลงจากรถ พี่กายเหมือนจะรู้ตัวก็ยอมทำตามที่บอกพยับหน้าพูดตอบด้วยเสียงงึมงำ “ครับๆ”
เมาแล้วว่าง่ายชะมัดเลยเว้ยเฮ้ย


   
 
ขับรถมาด้วยความเร็วกว่าปกติเพราะกลัวว่าคนเมาจะทำอะไรแปลกๆ จนทำให้รถล้มกลางทางเสียงก่อน ผมยังไม่อยากวัดพื้นถนนยามดึกด้วยสภาพกรึ่มๆ อย่างนี้ซะด้วย

   
“พี่กุญแจอยู่ไหน” ห้องพี่กายแม่งอยู่ไกลอีก ลิฟต์อยู่กลางอาคาร ห้องที่ใกล้ลิฟต์คือห้อง 512 ห้องพี่กาย 501 ริมสุดของตึกเลยทีเดียว พยุงอย่างทุลักทุเลพอสมควรก็มาหยุดที่ประตูหน้าห้อง


ผมให้พี่กายพิงผนังไว้ ตบมือไปตามกระเป๋ากางเกงด้านซ้ายไม่มี กระเป๋าด้านขวามีของเล็กๆ อยู่ ล้วงออกมาเป็นเศษกระดาษที่ถูกฉีกออกมาจากระดาษรายงาน เขียนด้วยตัวหนังสือหวัดๆ แต่ตัวใหญ่ชัดเจนว่า
 

ผมนายกรวิทย์ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยXXX
หอพักXXX ห้อง 501 โทร XXXXX ตอนนี้เมามาก
ถ้าไปส่งถึงหอพักจะขอบพระคุณมาก ค่ารถรับที่ยามใต้ตึกนะครับ




อ่านจบแล้วถึงกับกลั้นหัวรเราะไม่อยู่ อะไรวะเนี่ย เขียนชื่อที่อยู่ใส่กระเป๋าไว้อย่างกับเด็กๆ มีประวัติเมาแล้วโดนทิ้งมาก่อนหรือเปล่า ฮ่าๆ


เสียงหัวเราะของผมคงจะเข้าไปรบกวนการนอนของแก คนเมาขยับกะพริบตาถี่ๆ เห็นดังนั้นจึงรีบถาม “พี่กุญแจห้องอยู่ไหนอะ”
เหมือนจะรู้ตัวพี่กายสะบัดหัวค้อมตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยแล้วหยิบกระเป๋าเงินจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังมาให้

   
“ไม่เอาตังค์พี่ เอากุญแจห้อง” พี่แกงึมงำแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจก็เลิกเสื้อขึ้น ...อ่ากุญแจอยู่นั่นเอง คล้องกับหูกางเกงยีนส์อยู่ ผมหยิบออกมา อดไม่ได้ที่จะมองกล้ามท้องลอนสวย หุ่นดีเวอร์ๆ พี่รหัสผม

   
เปิดประตูห้องเข้ามาได้ก็พาไปยังห้องนอน ตอนผ่านห้องนั่งเล่นระเกะระกะ ได้ยินเสียงของหล่นตามทางระนาว ...อย่ามาว่าผมนะที่ทำของพี่พัง ห้องพี่รกเองนะเว้ย

   
   




“ไอ้ดิววววว มึงทำเชี่ยไรวะ ส่งลูกกลางสนามด้ายงายยยย” สะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ ก็ถูกกระชากคอเสื้อโดยคนที่พยุงอยู่เลยเสียหลักล้มลงไปบนเตียงทั้งคู่

   
“โอ้ย!/เฮ้ย!”

   
 
ผมถูกคนเมานอนทับ ตอนที่ล้มลงหัวดันโขกกันอีก อู้ย จะโนไหมเนี่ย “พี่กาย! อยู่นิ่งๆ ดิวะ”

   
คนเมายังคงไม่รู้ตัวยื่นมือออกมาคว้าคอเสื้อผมอีกครั้ง
“คราวหน้ากูไม่ให้มึงลงแล้วสัตว์...มึงไปเป็นตัวสำรองซะดีๆ”


   
“พี่ ผม แมน ไม่ใช่ไอ้ดิวเว้ย” ปัดมือที่กำคอเสื้อออกไปดันตัวขึ้นนั่ง พี่กายกะพริบตา

   

“แพนเหรอ?”



ฮะ! แพนไหนวะ

   

กำลังจะถามคนที่เพิ่งถูกผลักออกกระโจนขึ้นคร่อมอย่างรวดเร็ว น้ำหนักที่ทับลงมากดผมลงไปนอนราบกับเตียงอีกครั้ง “โอ้ย อะไรพี่วะเนี่ย” ไหนพี่ซันบอกเมาแล้วหลับไง ตอนขับรถมาก็หลับ แล้วทำไมตอนนี้เป็นอย่างนี้วะ
   

ผมพยายามจะลุกขึ้นแต่พี่กายกลับเพิ่มน้ำหนักที่กดลงมาอีก คนเมาแรงเยอะชิบเป้ง ทั้งผลักทั้งดิ้น คนที่ทับคงรำคาญเลยเอามือมาจับใบหน้าให้อยู่นิ่งๆ แล้วบังคับให้สบตากับดวงตาสีดำสนิทที่กำลังมองตรงมา ผมชะงักกึก ร่างกายเหมือนถูกสะกดไปเสี้ยววินาที

   

“คิดถึงจัง”


   
“เฮ้ย!” ไม่ว่าเปล่าคนไม่ได้สติก็ซบหน้าลงมาที่ซอกคอพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ จักกะจี้ชะมัด ขณะที่กำลังรวบรวมแรงเพื่อผลักอีกคนออกไป


ริมฝีปากร้อนจัดก็ขบเม้มเข้าที่ต้นคอ
เจ็บจี้ด เชร็ดโด่ว ผมถูกผู้ชายทำรอยจูบที่คอ



   
ด้วยความตกใจเรี่ยวแรงที่เหมือนจะหายไปเมื่อจ้องตาคืนก็กลับมาอย่างรวดเร็ว ผมผลักไอ้พี่รหัสตัวเองออกไป คนเมาพลิกตัวนอนหงายไปกับเตียงอย่างหมดสภาพ ไม่นานเสียงกรนเบาๆ ก็ดังออกมาจากปากที่....แม่ง กัดคอผม!!!



   
หึ...พี่คิดว่าตัวเองทำเป็นคนเดียวหรือไงวะ !!

    

หัวเราะทีหลังได้เปรียบ
ผมไม่ชอบเสียเปรียบว่ะพี่
ถ้าไม่เท่าทุนก็ขอกำไรนะครับ





.


.


.

   



ระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าห้องชมรมเพื่อไปเปลี่ยนชุดลงมาซ้อม อยู่ก็ถูกลากหลุนๆ เข้าห้องน้ำไปทั้งอย่างนั้นพร้อมกับถูกจับมือไขว้หลัง หัวถูกกดเข้ากับผนังห้องน้ำ “เฮ้ย อะไร ใครวะ”

   
“เงียบ!” ได้ยินเสียงก็รู้

    
“พี่กาย พี่ทำบ้าไรวะ” พยายามสะบัดตัวออกแต่ก็ถูกกดไว้แน่น

   
“มึงทำเหี้ยไรลงไป ยังมีหน้ามาถามกูอีกเรอะ ไอ้ห่าแมน”

   
“โอ้ยพี่ มือหนักชะมัด ผมทำอะไรเล่า” ดึงหนังหัวแรงไปแล้วนะเว้ย

   
“ก็ที่มึง...” คนพูดเงียบไปได้ยินเสียงกัดฟันกรอด

   
“ที่ผมดูดคอพี่ใช่มะ--...โอ้ย!!” ตึง! ไอ้พี่กายจับหัวผมโขกกำแพง เฮ้ย! รุนแรงเกินไปแล้วนะเว้ย

   
“สลัด มึงจะตะโกนให้พ่อมึงรู้เรอะ แม่งกูโคตรอยากต่อยมึงชิบหาย” ทำอย่างกับตัวเองไม่ตะโกน

   
“ผมไม่ผิดนะ” พอขยับปากเท่านั้นแหละ โอ้ย หนังหัวจะหลุดแล้ว

   
“ไม่ผิดเหี้ยไรมึง เอาหน้ามาให้กูต่อยซะดีๆ ไอ้ห่า”

   
“ผมไม่ผิดเพราะพี่ทำผมก่อนอะ” คราวนี้ไม่รอให้พี่แกได้ลงมือ ผมรีบพูดออกไปอย่างรวดเร็ว

   
“ฮะ มึงว่าไรนะ” แรงดึงหนังหัวลดลงไปเล็กน้อย

   
“ผมว่าผมไม่ผิดเพราะพี่กายเป็นคนมาดูดคอผมก่อน”   


“ไอ้สัตว์ อย่างกูเนี่ยนะจะไปดูดคอมึง ละเมอชัดๆ”


“พี่ดูหลักฐานไหมล่ะ” ไอ้พี่กายยอมปล่อย ผมหันไปปลดกระดุมคอ ไอ้พี่กายจ้องรอยแดงๆ ที่คอผมจนตาแทบถลนออกมาจากเบ้า


“กูไม่ได้ทำ!” ปฏิเสธเสียงแข็ง


“เหอะ ถ้าพี่ไม่ทำแล้วใครจะทำล่ะ เพราะพี่ทำไงผมเลยต้องทำคืนบ้าง เสมอกันนะพี่”


“.......มะ....ไม่จริง...กู.......” คนตรงหน้ายังส่ายหน้าหวือ ท่าทางตกใจสุดขีด 


“พี่ลองนึกดูดีๆ ดิ น่าจะพอจำได้นะว่าทำอะไรลงไปบ้างเมื่อคืน” ผมพูดจบก็ไม่สนใจ ปล่อยให้คนแก่กว่าย้อนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน เดินชนไหล่กลับมาที่ล็อคเกอร์เปิดกระเป๋าหยิบเสื้อบอลออกมาปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาจนหมด


“เหี้ยยยยยยยยยยย!!!” หันตัวกลับไปมองหน้าคนที่ทำหน้าตาช็อคโลก ตลกชะมัด


“จำได้แล้วใช่ปะพี่ คราวนี้ผมจะถือว่าเจ๊ากันไปละกันนะ ----“


ปัง!!!


ยังไม่ทันจบประโยคคนที่มาหาเรื่องก็เปิดประตูออกไปแล้วกระแทกประตูปิดเสียงดังสนั่น เห็นแวบๆ ว่าใบหน้าคล้ำแดดนั้นขึ้นสีแดงหน่อยๆ ผู้ชายตัวโตๆ หน้าแดง...เห็นแล้วน่าแกล้งชะมัด ว่าแล้วก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ตามออกไป


“พี่ พี่กาย” ร่างสูงใหญ่ชะงักตามเสียงเรียก แต่ไม่หันหน้ามาคุย


“พี่ทำอะไรผมแล้วจะหนีไปได้ไง”


“กูไม่ได้ทำไรมึงเว้ย”


“โหพี่ แล้วเมื่อกี้ล่ะ” ที่จับมือผมไขว้หลังแล้วเอาหัวโขกกำแพงน่ะ


“อันเมื่อกี้ไม่นับ ไม่มีไรกุจะไปละ เด็กมันซ้อมกันแล้วเนี่ย” ว่าแล้วก็ขยับเท่าเดิน


“นอกจากดูดคอแล้ว พี่จำอย่างอื่นได้ปะ” ได้ผล พี่กายหมุนตัวกลับมาทันที ตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน


“...มึงว่า...นอกจากกูจะ...จะ..ดูดคอ..แล้วยัง...”  พี่แกพูดตะกุกตะกัก


“ไม่ใช่” ผมชิงพูดขึ้นก่อนที่จะจบประโยค


“ฮะ อะไร—“ เดินเข้าไปใกล้ กระซิบเบาๆ ให้ได้ยินสองคน


“นอกจากที่คอแล้ว ยังมีที่ปากด้วยนะพี่ที่ผมทำน่ะ ถือว่าเป็นค่าไปส่งที่ห้อง” ยักคิ้วให้ทีหนึ่งแล้วจากมา เสียงตะโกนตามหลัง


“ไอ้สัตว์แมนนนนนนน!!!”


.

.

.



ตั้งแต่วันนั้นที่ไปหาเรื่องไอ้แมนถึงที่ชมรม ผมก็ไม่ไปชมรมอีกเลย ไปให้มันล้อสิครับ ไอ้ห่า...เพราะกูเมาใช่ไหม ปล่อยให้ไอ้เด็กเปรตนั่นทั้งดูดทั้ง...โว้ย อยากจะปฏิเสธอยู่หรอกว่ามันไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น แต่เมื่อลองกลับไปทบทวนความทรงจำ ความรู้สึกอุ่นๆ ที่ริมฝีปากก่อนที่จะหลับสนิทก็ยังคอยตอกย้ำจริงๆ ว่าโดนไอ้เด็กบ้านั่น ‘จูบ’ ไปซะแล้ว คิดแล้วมันน่าจับมาหักคอชะมัด



แล้วไอ้ซันไม่รู้เป็นบ้าคึกอะไรขึ้นมาชวนไปชมรมทุกวันนะช่วงนั้น ผมเลยต้องหาทางปฏิเสธมันตลอด รู้ว่ามันสงสัยแต่ก็นั่นแหละถ้าไม่บอกมันก็ไม่ถามหรอก


หลบหน้าไอ้แมนได้เกือบอาทิตย์ เย็นวันศุกร์มันมาหาผมที่หอ นั่งรออยู่ที่หน้าประตูห้องท่าทางเหมือนเด็กหลง ยามใต้หอปล่อยให้มันขึ้นมาได้ไงวะเนี่ย?!!


“พี่คิดว่าตัวเองจะหนีไปเฉยๆ ได้ไง” ผมกำลังจะหันหลังกลับไอ้เด็กนั่นก็หันมาเห็นเข้าซะก่อน เมื่อยังเห็นว่าผมเฉย มันก็พล่ามต่อ “จะให้ผมบอกไหมว่าพี่ทำอะไรกับผมบ้าง หรือ อ๋อ อยากให้ผมบอกว่าผมทำอะไรกับพี่บ้างใช่มะ---“

“สัตว์แมน!!” ไอ้แมนหุบปาก แต่มันยังจ้องมาที่ผมนิ่ง ไม่มีสลด

“มีอะไรก็ไปคุยข้างใน” ต้องยอมมันจนได้สิน่า


เสียงประตูปิดดังปัง เข้ามายืนในห้อง ไอ้แมนก็ยังเงียบ ผมขยับตัวอย่างอึดอัด ทำไมต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้กับมันด้วยวะ

“ผม...ขอโทษนะพี่กาย” มันพูดจบก็ก้มหน้ายืนนิ่ง “ไปชมรมเถอะพี่...ชมรมตอนที่ไม่มีพี่โคตรไม่สนุกเลย”

“มาขอโทษเพื่อให้กูไปชมรมเนี่ยนะ” ถามมันออกไป


“...ผมแค่---“


“พอเถอะ มึงจะพูดแค่นั้นก็กลับไป”


“พี่กาย” ไอ้แมนเรียกชื่อผมสียงโหย มันเงียบไปสักพัก ทำหน้าลังเลใจก่อนจะพูดขึ้นว่า “ถ้าพี่ได้ชกผมแล้วจะอารมณ์ดีขึ้นไหม”
 

“ทำไม มึงจะให้กูชกหรือไง” ถามมันกลับด้วยเสียงนิ่งๆ อารมณ์เริ่มไม่ดีขึ้นมาจริงๆ แล้ว


“อืม ผมยอม” พูดด้วยเสียงหนักแน่น “ถ้าพี่ชกผมแล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิมผมยอมให้พี่ชก—“ ไม่รอให้มันพูดจบประโยค หมัดผมก็ซัดเข้าให้ที่ปลายคางของไอ้คนพูดแล้ว ด้วยไม่ทันตั้งตัวไอ้แมนล้มลงกับพื้น


มันไม่ส่งเสียงร้องสักเอะ เหอะ คิดว่าจะสงสารหรือไงวะ


ตึง!!

ผมเตะกล่องกระดาษกล่องใหญ่ที่วางอยู่บนพื้นห่างจากที่ที่ไอ้แมนล้มลงไปนอนแค่ฝ่ามือเดียวสุดแรง ของในกล่องกระจายไปทั่ว “โธ่เว้ย!!” ผมตะโกนเสียงดัง เรายืนเงียบกันอยู่อย่างนั้นสักพัก

“พี่กาย...พี่ชกผมแล้ว...ก็หายโกรธเถอะนะ..อู้ยยย” ผมหันไปมองหน้าเหยเกของมัน ไม่น่าเชื่อว่าแผลช้ำที่มุมปากของไอ้แมนจะทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาได้

“แล้วห้องนี่...ผมจะเป็นคนช่วยพี่เก็บเองนะ” มันมองซ้ายมองขวาแล้วส่ายหัวทำหน้าอ่อนใจกับสภาพห้องของผม

“มึงอยากทำมึงก็ทำ...กูไม่ทำเว้ย” ได้คนมาทำความสะอาดห้องก็ดี

“พี่ช่วยผมลุกขึ้นหน่อย” ไอ้แมนยกสองแขนขึ้นทำท่าเหมือนเด็กที่อยากให้อุ้ม เมื่อเห็นว่าผมเฉยมันก็เร่งขึ้นมาอีก “โหย เร็วดิพี่ ช่วยหน่อยน่า” นี่คือคำขอร้องของมึงเรอะ

“ขอบคุณครับ”

“ไปพูดไกลๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องมากระซิบใกล้ๆ ไอ้ห่า ตกใจหมด” ไอ้แมนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะซูดปาก เจ็บแผลใช่ไหม สม อยากแกล้งผมดีนัก

“พี่กาย พี่ไม่โกรธผมแล้วใช่ปะ”

“เออ” ต่อยมันแล้วอารมณ์ดีขึ้นเยอะ

“พี่จะให้ผมมาทำความสะอาดห้องให้ด้วยใช่ไหม”

“อืม มึงพูดเองก็ทำด้วยล่ะ” อย่าเบี้ยวเด็ดขาด

“งั้น...ผมขอกุญแจห้องพี่ด้วยสิ”

“เอาไปทำไรวะ”

“ถ้าพี่ไม่อยู่ ผมก็จะได้เข้ามาทำความสะอาดไงเล่า วันเสาร์พี่มีเรียนใช่ป่าว ผมอาจจะมาทำวันเสาร์เลยนะ” อืม รีบๆ มาทำเลยแหละดี ผมเดินเข้าไปในห้องนอน หยิบกุญแจสำรองโยนให้


“พี่..หิวข้าวอะ” ไอ้แมนเอากุญแจใส่รวมกับพวงกุญแจของมันแล้วบอกหิวข้าว


“ไปกินเดะ” หิวก็ไปกิน บอกทำไม ห้องผมไม่มีอะไรที่กินได้หรอกครับน้องจากน้ำเปล่าและเครื่องดื่มมึนเมา


“ไปเป็นเพื่อนหน่อย นะ...ผมมารอพี่ตั้งแต่สี่โมงแล้วอะ นะพี่กายนะ” มึงไม่ต้องมากะพริบตาปริบๆ เป็นลูกหมา


“เออ ไปก็ไป ทุเรศว่ะ นึกว่าเป็นเด็กอนุบาลหรือไงมึง”


ไอ้แมนทำหน้าดี้ด้าผิดกับที่มันตีหน้าเศร้าๆ บอกหิวข้าวเมื่อกี้ราวกับคนละคน อดไม่ได้ต้องโบกหัวมันไปอีกที ตอแหลเก่งนักนะมึง ช่วงที่มึงมาทำความสะอาดก็ทำคนเดียวละกัน กูไม่อยู่ช่วยหรอกเว้ย



.


.


.



ไอ้แมนมาทำความสะอาดห้องผมจริงๆ ทำคนเดียวด้วยโดยที่ผมไม่มาช่วยไม่โผล่มาเจอมันเลยสักครั้ง ปล่อยให้มันทำของมันไปเอง ผมหลบไปอยู่ห้องไอ้ซันจนดึกจะกลับห้องเมื่อเห็นว่าไอ้แมนขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปแล้ว


ทุกคืนหน้าตู้เย็นก็จะเจอกระดาษทับแม่เหล็กไว้ ไอ้แมนมันจะเขียนบอกสิ่งที่มันทำในแต่ละวัน เป็นต้นว่าเก็บอะไรไปแล้วบ้าง เอาของอะไรวางไว้ตรงไหน กองไหนคิดว่าจะทิ้งให้ผมมาเรื้อดูอีกที นั่นโน่นนี่สารพัด ตัวหนังสือเรียงกันเป็นพืดทั้งตัวอักษรที่เป็นระเบียบของไอ้แมนและตัวหวัดเล็กๆ ของผม ยาวเป็นหน้าๆ แสดงข้อความที่มันถามและผมก็เขียนตอบกลับไปมา



การสื่อสารล้ำสมัยไปถึงไหนต่อไหน
แต่ทำอย่างนั้นทำไม...ผมไม่เคยคิดหาคำตอบสักที


เวลาผ่านไปอีกเกือบอาทิตย์ ห้องก็สะอาดเอี่ยมจนไอ้ซันที่แวะมาเล่นเกมพูดล้อแต่ทำไมต้องถามถึงไอ้แมนวะครับ เรื่องอะไรจะบอก ปล่อยให้มันสงสัยเงียบๆ เองละกัน มึงไม่ถามกูก็ไม่บอกเว้ย

ไอ้แมนหายเงียบไปหลังจากมันทำความสะอาดห้องเสร็จ ทั้งๆ ที่ไอ้ซันบอกว่ามันถามถึงผมกับมันจากชมรมบ่อยๆ


เรื่องชมรม ไอ้แมนมันไม่รู้ว่าผมไปทุกวันแต่แอบดู ไม่เข้าไปทักทาย เล่นบอลอย่างเคย...ไม่รู้สิ แค่รู้สึกแปลกๆ มาแอบมองน้องซ้อมบอลไปก็เพลินดี คนที่เจอผมก็ไอ้ซันอีกแล้ว แต่เมื่อบ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถามมันก็ไม่ถามเซ้าซี้ คงคอยสังเกตเงียบๆ อีกตามเคย


สุดสัปดาห์ที่ไปค่ายชมรม ไอ้ซันก็ดันทิ้งผมไว้กับไอ้แมนให้คุยกันอีก จะให้คุยอะไรวะ มันเป็นคนหายไปก่อนเองนั่นแหละ และก็จริง ตอนบ่ายวันนั้นผมกับแมนแค่ยืนอยู่ด้วยกัน ไม่มีคำพูดบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นเลย เพื่อนไอ้แมนมาตามไปคุยงาน ผมก็ผละจากไปโดยไม่เหลียวมองมันสักนิด

   




“พี่กาย?!!” ไอ้แมนทักขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่เวรคู่กับมันคือใคร “พี่ไม่มีเวรนี่ แล้วทำไม—“

“ไอ้ซันให้กูอยู่แทน” ได้ฟังคำอธิบายไอ้ซันก็เงียบไป หันไปยุ่งอยู่กับกองไฟที่จุดทิ้งไว้ตั้งแต่ช่วงเย็น ตอนนี้ก็เริ่มมอดดับลงไป เหลือเป็นแสงสีส้มแก่ส่ายไหวตามจังหวะของสายลมที่พัดผ่าน

ไอ้แมนหยิบกาน้ำร้อนใกล้กองไฟขึ้นมา เทลงในแก้ว ไม่นานกลิ่นกาแฟก็หอมกระจายไปทั่วบริเวณ มันหันมามองผมบ้างแต่เมื่อเห็นว่าผมมองมันอยู่มันก็หันหน้าหนีเป็นอย่างนี้จนรอบที่สามผมทนไม่ได้ก็ถามมัน “มึงเป็นเชี่ยไรวะเนี่ย”

ไอ้แมนหันมามองหน้าผม ดวงตาสีดำสนิทของมันล้อแสงไฟ “ผมเปล่า”

“ก็เห็นชัดๆ ว่าเป็น มองหน้ากูแล้วไม่พูด พอกูเห็นก็หันหน้าหนี” นั่นมึงทำอย่างที่กูว่าไปชัดเลยคราวนี้

“ลีลานักนะมึงเนี่ย”

“พี่กาย พี่โคตรนิสัยเสียเลยรู้ไหม”

“อะไรมึง อยู่ดีๆ ก็มาว่ากูซะงั้น”

“ผมยอมให้พี่ชกก็เพราะว่าอยากขอโทษ พี่ชกผมแล้วพี่ก็ทำท่าง่าจะหายโกรธแล้วแท้ๆ แต่ทำไมไม่ไปชมรมล่ะ ผมมาทำความสะอาดห้องพี่เป็นอาทิตย์พี่ก็ไม่โผล่มาสักครั้ง คำขอบคุณสักคำไม่มีแล้วยังจะมาคาดคั้นคนอื่นอีก พี่โคตรแย่เลยว่ะ”
พูดจบมัยก็ยกกาแฟขึ้นจิบ

“ไอ้ห่าแมน มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่ไปชมรม” ถามมันเสียงนิ่ง

“ก็ไม่เจอพี่น่ะสิ ผมไปชมรมทุกวันนะพี่ ไม่เคยเจอพี่เลยสักครั้ง”

“กูก็ไปทุกวัน มึงไม่เห็นกูเอง”

“...พี่ไปจริงดิ...แล้วทำไมไม่เข้าไปล่ะ” มันหันหน้ากลับมาพูดกับผมแล้ว เออดี อย่าให้อารมณ์เสีย

“ไม่อยากเข้า แล้วก็ถ้ามึงอยากได้คำขอบคุณจากการที่มึงเข้าไปทำความสะอาดห้องกู...กูขอบคุณมึงก็ได้ ขอบใจไอ้แมน ...เชี่ย ก็พอมึงทำเสร็จแล้วก็หายหัวไปกูจะรู้ไหมว่าต้องทำอะไรน่ะสัตว์” หมั่นไส้ที่มันยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำขอบคุณ โบกหัวมันไปทีเต็มๆ

“โอ้ยพี่ ชอบตบหัวผมจังวะ” อารมณ์ดีแล้วสิมึง

“มึงมันไอ้กะล่อน” ว่าแล้วก็ขอยีหัวมันอีกหลายๆ ทีจนมันร้องโอดโอย

“พอก่อนพี่...พี่กายพอแล้ววววว....กาแฟไหมพี่เดี๋ยวผมชงให้นะ”

“ขอตบหัวอีกที โทษฐานไม่ทำให้กูก่อน สลัด” มันแบบมือให้ ผมตบลงไปเต็มแรง ไอ้แมนคว้ามือไปกุมไว้ไม่ปล่อย

“พี่กายขอยืมมือก่อนนะ อากาศหนาวจะได้อุ่นๆ นะพี่”

เออ ความสามารถพิเศษของมึงคือชกกาแฟมือเดียวใช่ไหม ถ้าหกเดี๋ยวโดนแน่


------------------------------------------------
[07.01.59]
พักยกคู่เอกมาดูคู่รองบ้าง คู่นี้จะ แมนxกาย หรือ กายxแมน ดีน้อ ฮ่าๆ
ดีใจที่มีความเห็นใจเดือน *กอด* ความจริงคนที่น่าตีที่สุดในเรื่องคือซันๆ เลยนะเนี่ย
ความดราม่าของเรื่องนี้ไม่มีค่ะ เป็นนิยายเฉื่อยๆ เรื่อยๆ จะเศร้าก็ไม่สุด จะกิ๊บกิ๊วไหมก็ไม่รู้ คนอ่านรู้อย่างนี้แล้วก็อย่าหนีน้า อยู่ด้วยกันจนจบเรื่องเลยนะคะ *อ้อน*
 :mew1:
Lavender’s blue

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 13) 07-01-2559
«ตอบ #34 เมื่อ08-01-2016 05:47:53 »

#แมนกาย ก็น่ารักไม่หยอก
ดีๆ ไม่มีดราม่า ชอบๆๆ คึคึ

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 14) 08-01-2559
«ตอบ #35 เมื่อ08-01-2016 21:52:17 »

คำเตือน: โปรดดื่มเครื่องดื่มเข้มๆ ขณะอ่าน



Just Love รักนะครับ





14






เดือนเลือกแมวสีดำตัวเล็กที่สุดในคอกมาเลี้ยง เจ้าตัวเล็กมีขนสีดำปลอดทั้งตัวยกเว้นบริเวณเท้าทั้งสี่ที่มีขนสีขาวแซมเหมือนใส่ถุงเท้า

   
เดือนบอกให้เขาเป็นคนตั้งชื่อเลยให้ชื่อเจ้าดำปลอดว่า ‘แสนดี’

   

...เผื่อคนเลี้ยงจะแสนดีตามชื่อแมวบ้าง

   

ลูกแมวนี้ได้มาจากพี่รหัสของแพง เห็นบอกว่าแมวที่บ้านที่คิดว่าเป็นตัวผู้มาตลอดอยู่ๆ พุงโตขึ้นนึกว่าอ้วนแต่ที่ไหนได้ดันท้องซะงั้นเลยรีบหาคนดูแลเจ้าเหมียวทั้งสามที่เกิดมาอย่างไม่ทันรู้ตัว แพงโพสเรื่องในเฟซบุ๊คพอดีจึงไปติดต่อและก็ได้เจ้า ‘แสนดี’ มาอยู่ด้วยกัน
   
   

ก่อนที่ทั้งเขาและเดือนจะไปรับ ‘แสนดี’ มาเลี้ยงเรามีข้อตกลงกันเล็กน้อย

   

‘เดือน...ลูกแมวที่จะไปรับมาเลี้ยงน่ะ เค้าไม่เลี้ยงนะ’

   

‘อ้าว...’ เดือนที่กำลังดื่มน้ำหลังทานข้าวเสร็จรีบวางแก้วน้ำลงพร้อมทำหน้างุนงง เขาไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำหน้ายุ่งรีบพูดต่อ
   

‘เค้าจะให้เดือนเลี้ยง’

   
‘ยังไง’

   
‘เค้าจะไม่ยุ่งกับเจ้าเหมียวเลย จะเล่นด้วยเฉยๆ เดือนจะต้องเป็นคนดูแลนะ ทั้งคอยทำความสะอาดกระบะทราย ให้อาหารให้น้ำทุกวัน แล้วก็อาบน้ำด้วย’

   
‘เฮ้ย!! ซันๆ เค้าจะทำได้เหรอ เค้าไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อนเลยนะเว้ย’

   
‘ได้ ตัวทำได้ ยังไงเค้าก็จะคอยช่วยห่างๆ ไง’


ให้กำลังใจคนที่ไม่เคยดูแลอะไรแม้กระทั่งตัวเอง
โดยเริ่มจากการดูแลสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว
สักวัน เดือนคงจะเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น ดูแลตัวเองได้ดีขึ้น


‘ซันๆ ก็...’ คนที่จะต้องรับผิดชอบแมวส่ายหน้าจะเอ่ยปฏิเสธ

‘ทำไม ตัวไม่เชื่อเค้าเหรอ เค้าเชื่อนะว่าตัวทำได้’ สบตาให้กำลังใจ

‘ซันๆ จะช่วยเค้าใช่ปะ...’ พยักหน้าให้คนไม่มั่นใจ ‘ถ้าอย่างนั้น...ก็ได้’ ดวงตาสีเข้มค่อยเปลี่ยนจากแววลังเลเป็นมั่นคง

‘ดีมาก...ไปกันเถอะ แพงนัดพี่เค้าไว้ที่คณะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว’



จัดการเก็บโต๊ะ สวมรองเท้าหยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์เดือนก็เดินตามมาไม่นานมอเตอร์ไซค์ที่มีผู้ชายสองคนซ้อนกันก็แล่นออกไปบนท้องถนนยามสายด้วยความคุ้นเคย




.



.



.




หญิงสาวสามคนนั่งรออยู่แล้วใต้ตึกคณะเมื่อชายหนุ่มทั้งสองคนไปถึงแพงแนะนำว่าเป็นรุ่นพี่คณะชื่อพี่หวานกับพี่ซี  พี่หวานส่งยิ้มให้เขาและเดือนอย่างอ่อนหวานสมชื่อ พี่ซีเพียงแค่พยักหน้าให้อย่างง่ายๆ


“เลี้ยงไม่ยากหรอกจ้ะ สีดำน่ะน่ารักที่สุดในคอกแล้วนะ”


พี่หวานเริ่มคุยเมื่อทุกคนนั่งลง เธอเลื่อนตะกร้าหูหิ้วที่มีฝาปิดขนาดสองฟุตมากลางโต๊ะแล้วเปิดฝาด้านบนออก เขามองเข้าไปภายในตะกร้าสีฟ้าใสลูกแมวตัวเล็กสีดำขยับตัวอยู่บนผ้าบนหนูสีเข้ม มันกะพริบตามองไปมาอย่างแปลกที่ก่อนส่งเสียงร้องเหมียวอย่างออดอ้อนดวงตาสีดำใสแจ๋วมองผู้ชายแปลกหน้าอย่างสนใจ


“มันชอบกินขนมปัง” พี่ซีเสริมแล้วบ่นออกมา “พี่ดีชอบให้แมวกินของแปลกๆ เรื่อย”


“อย่าว่าพี่ดีสิ” พี่หวานหันไปปรามเพื่อน อีกคนก็รีบพูดทันควัน “เอ้า ก็จริงนะหวาน ตัวเองดูที่พี่ดีให้แมวกินแต่ละอย่าง แตงโมงี้ ขนมปังแผ่นๆ งี้ โหย”


“แต่เจ้าเหมียวก็ชอบนี่น่า พี่ดีอาจรู้ก็ได้ว่าแมวชอบกินอะไรก็ได้”


“ตัวกับพี่น้ำตามใจพี่ดีมากไปแล้วนะ” พี่ซีกระตุกชายเสื้อพี่หวานเบาๆ ท่าทางงอแงเหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจ   


แพงหันมายิ้มให้พร้อมทำปากแบบที่ไม่มีเสียงว่า ‘เป็นแบบนี้ตลอด โทษทีนะ’


“แพงเป็นไงบ้าง” นับจากวันนั้นที่ไปทานข้าวกันสามคน เขาก็ไม่ได้ติดต่อหญิงสาวตรงหน้าอีกเลย


“สบายมาก ซันกับคุณล่ะ” แพงคงสบายดีอย่างที่บอกหน้าตาสดใสไม่เปลี่ยน


“ยุ่งนิดหน่อย ไม่ได้ติดต่อไปเลย โทษทีนะ” แพงส่ายหัวบอกว่าไม่เป็นไร แล้วหันไปส่งยิ้มกว้างให้คนที่นั่งเงียบ


“คุณไม่ต้องคิดมากน้า ซันกับแพงเป็นเพื่อนกันจ้า”   


“เฮ้ย เราไม่ได้คิดอะไรนะ” เดือนรีบพูดแก้มขึ้นสีเรื่อ ปฏิกิริยาของเดือนทำให้สองสาวรุ่นพี่ที่คุยกันกระจุ๋งกระจิ๋งเงยหน้าขึ้นมา พี่ซีกวาดสายตามองสถานการณ์อย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยเสียงเข้มกับแพงว่า


“ทำไม ยัยแพง แกไปทำให้สองคนนี้เค้ามีปัญหากันเรอะ”

“บ้าพี่ซี แพงไม่ได้ทำนะ” แพงรีบลุกขยับไปนั่งใกล้ๆ พลางเกาะแขนออดอ้อน

“แล้วไป” พี่หวานหัวเราะเบาๆ “เค้าเหมาะสมกันดีที่สุดแล้ว แพงถอยออกมาเถอะนะ” ลิ่วตาล้อเลียน


พี่ซีปลดแขนแพงออกอย่างเนียนๆ พร้อมขยับเข้าไปใกล้เพื่อนตัวเอง แพงไม่ตอบแต่หันมามองเขาและเดือนยกยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากพึมพำว่า ‘แค่เกือบไปแล้ว’ จากนั้นก็ไปกระซิบกระซาบกันสามคนโดยแอบเหลือบตามองมาที่เขาไม่ก็เดือนเป็นระยะ


“เออ...” ตั้งใจจะขัดจังหวะของสามสาวและขอตัวจากสถานการณ์ประหลาด แต่ก็พี่ซีก็ถามขึ้นมาก่อน



“ซันรู้จักกับคุณนานแค่ไหนแล้ว” สาวสามเงยหน้าขึ้นมองมาที่เขาเป็นตาเดียว

   
“ก็...ตั้งแต่เล็กแล้วครับ” ...นี่ต้องสอบประวัติก่อนจะเอาแมวไปเลี้ยงหรือเปล่า 

   
“น้องคุณจ้ะ ซันชอบกินอะไร” ได้คำตอบแล้วพี่หวานก็หันไปถามเดือน

   
“...พวกขนมนะ ใช่ไหม” เดือนหันมาถาม เขาพยักหน้าตอบ

   
“ซันทำอาหารเป็นด้วยหรือเปล่า อร่อยไหมจ๊ะ” แพงถามเขาแต่พยักพเยิดให้เดือนตอบ

   
“อร่อยมาก” เดือนบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง สาวๆ หัวเราะกันยกใหญ่

   
“แล้วซันเกลียดอะไร” ถามเรื่องเขาแต่ทำไมพี่ซีไปถามกับเดือนล่ะ

   
“แตงกวา”

“...ไม่ได้เกลียด แค่ไม่กินเฉยๆ” ท้วงออกมาทันควัน ทุกคนหัวเราะขำ

   
“น้องซัน น้องคุณล่ะ เกลียดอะไร”

   
“ผักครับ ตักมาให้ผมทานตลอด” ได้ทีเอาคืน หันไปยักคิ้วให้คนที่ถูกเผาบ้าง

   
“ไม่ได้เกลียด คะ---“ เดือนแก้ตัวไม่ทันจบเขาก็ต่อ “แค่ไม่ชอบ” ได้รางวัลเป็นกำปั้นต่อยเข้าที่สีข้างเบาๆ

   

“โอ้ยยยยย หวานเค้าไม่ไหวแล้วววววว” พี่ซีที่หัวเราะอยู่ดีๆ ก็พูดขึ้นเสียงดัง พี่หวานและแพงตกใจ “เป็นอะไร ไม่สบายตรงไหน” แพงเปิดกระเป๋า ค้นหาของวุ่นวาย หยิบยาดมออกมาจ่อจมูกคนร้องโอดโอย

   

“ฟินจ๊ะ ฟินเกิ้นนนนนน งุ้งงิ้ง มุ้งมิ้ง สุดๆ” พี่ซีคว้ายาดมไปสูบเองเฮือกใหญ่

   

“ยัยบ๊อง ทำเอาตกใจหมด” พี่หวานผลักหัวเพื่อนตัวเองพี่ซีไม่ทันตั้งตัวจึงเกือบหงายหลัง พอตั้งตัวได้ก็ทำแก้มป่องต้องให้เพื่อนง้ออีกยกใหญ่

   

“แพงบอกแล้วว่าเรียล เชื่อหรือยังคะ แค่ซันยังซึนๆ และคุณก็มึนๆ แค่นั้นแหละ” แพงพูดสำทับ ...แพงพูดอะไรนะ อะไรที่ว่าจริง ทำไมเขาซึน เดือนมึนคืออะไร เขาฟังที่เธอพูดออกแต่ทำไมไม่เข้าเลยวะเนี่ย

   

“ขอให้รู้ใจตัวเองไวๆ จ๊ะ พวกป้าๆ จะได้ไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อยนะ” พี่หวานเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาลูบหัวลูบหางเจ้าแมวน้อยพูดจบก็ส่งยิ้มหวานมาให้อีกรอบ
   

พี่ซีอ้าปากจะถามอะไรแปลกๆ ด้วยสายตาพิลึกๆ ต่อแต่เขาชิงพูดก่อน

   
“ขอบคุณที่ให้แสนดีมาเลี้ยงนะครับ จะดูแลอย่างดีเลย” เอื้อมมือไปคว้าตะกร้าขึ้นมา เตรียมลุกขึ้น
   

“เออ...เดียวต้องไปซื้อของเพิ่มอีกนิดหน่อยน่ะครับ ขอบคุณมากนะครับพี่ซี พี่หวาน แพงด้วยนะ”

   
เดือนกล่าวขอบคุณทั้งสามคนแล้วเตรียมจะเข้ามาถือตะกร้า เขาบอกปฏิเสธ“ไม่เป็นไร เค้าถือก่อนได้”

   
สาวๆ ลุกขึ้น โบกมือลา
   

“ดูแลให้ดีทั้งคน ทั้งแสนดีนะ ซัน”
   
“รักกันมากๆ นะ”     
   
“ซันกับคุณสู้ๆ”

   
เป็นคำบอกลาที่แปลกประหลาด
เขาแค่มารับแมวไปเลี้ยง ทำไมคำร่ำลาถึงเหมือนกับอวยพรคู่บ่าวสาวชอบกล
   

เดือนหัวเราะกับท่าทางโบกไม้โบกมือของคนทั้งสามแล้วหันไปโบกมือตอบบ้าง เพราะเดินหันหลังเลยสะดุดเข้ากับรอยต่อของพื้นคอนกรีต

   
“ระวัง”

โชคดีที่เขาคอยระวังไว้ก่อน จึงคว้าเอวคนเซจะล้มไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นมีหวังล้มกลิ้งไม่เป็นท่าแน่
คนที่เขาช่วยไว้ส่งยิ้มขอบคุณจับมือที่โอบรอบเอวออกแล้วเลยถือโอกาสจับไว้ตลอดทาง


   
หันไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถามพลางเขย่ามือที่กุมอยู่หลวมๆ เดือนเพียงแค่ส่งยิ้มอ่อนมาให้



“..นะ”

   

โอเค อยากจับก็ได้
ทางเดินแถวนี้มันไม่เรียบหรอก ล้มอีกจะได้ช่วยกันทัน





.


.


.


   

“นี่ซันๆ คนทำดีก็ต้องได้รางวัลใช่ปะ”

   

เดือนพูดขึ้นระหว่างที่เราสองคนนั่งกับพื้นดูลูกแมวกินมื้อเย็น ตอนเช้าหลังจากไปรับลูกแมวมาเลี้ยงพวกเขาไปซื้อของใช้สำหรับแสนดีหลายอย่างจนเดือนต้องถือของซ้อนมอเตอร์ไซค์พะรุงพะรัง กลับมาถึงห้องตอนเที่ยงกว่าทานบะหมี่น้ำที่ซื้อมาแล้วก็พาแสนดีสำรวจบ้านใหม่ไปตามเรื่อง

   
‘แสนดีจ๋า’ เดือนคลานไปกับพื้นตามหลังลูกแมวดำที่สำรวจไปทั่วห้องใหม่ ร้องเรียกชื่อ ‘แสนดีจ๋า...แสนดีจ๋า’ ตลอดเวลา

   
‘เดือน ตัวไปจัดการของที่ซื้อมาด้วยสิ’ เขาล้างชามเสร็จก็ชวนคนเลี้ยงแมวไปจัดของ ถุงพลาสติกหลายใบที่กองอยู่บนพรมหน้าโทรทัศน์ถูกรื้ออย่างช้าๆ
   
‘อันนี้อะไร’ เดือนเข้ามาถาม ขณะที่เขายกถุงกระสอบใบเล็กออกมา
   
‘ทรายแมว’
   
‘หอมดีจัง’ กลิ่มหอมอ่อนๆ เหมือนไม้ลอยออกมาเมื่อเจ้าตัวก้มลงไปดมใกล้ๆ

   
‘อืม ไว้ตอนแสนดีเข้าห้องน้ำน่ะ’
   
‘หา’
   
‘ทรายแมว เอาไว้ให้แมวเข้าห้องน้ำน่ะ’
   
‘เฮ้ย ซันๆ ไม่บอก ก้มลงไปดมแล้วเนี่ย’

   
‘ฮะฮะฮะ’ หัวเราะพลางยกกระสอบเทลงไปในกระบะพลาสติก เขาซื้อมาสองกลิ่นทั้งกลิ่นไม้กับกลิ่นแอปเปิ้ลใช้ผสมกันให้กลิ่นหอมอ่อนๆ

   
‘แล้วอันนี้ล่ะ’ ถาดสีน้ำตาลตรงกลางเป็นขดเชือกแผ่เป็นวงรอบๆ ถูกยื่นเข้ามาถาม

   
‘ที่ลับเล็บ’ พอได้คำตอบคนถามก็พยักหน้าหงึก คว้าตัวเจ้าแสนดีที่อยู่ใกล้มาอุ้มแล้วพยายามจับเท้าหน้าเล็กๆ ข่วนแป้น ‘แบบนี้ใช่ไหมๆ เหมียวๆ แสนดีข่วนเล็บหน่อย’

   
ลูกแมวน้อยไม่ขัดขืนปล่อยให้เดือนจับหมุนซ้ายขวาตามชอบ เดือนลูบหัวทีก็เข้าไปอ้อนอีก...รักกันน่าดู

   
‘เดือน อันนี้แชมพูนะ’ ยื่นขวดขนาดเล็กไปให้ เดือนเปิดดมแล้วบอกว่าหอม

   
‘อาบน้ำเดือนละครั้งก็ได้ วันนี้เลยป่ะ’ จัดของเสร็จพอดีเขาว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ สอนให้เดือนอาบน้ำแมวด้วยเลยละกัน รอสักพักไม่เดินตามมาก็ส่งเสียงเรียก

   
‘เดือน ตัวเองพาแสนดีมาในห้องน้ำนี่’

   
‘ให้ไปอาบในห้องน้ำเหรอ เค้านึกว่าอาบที่อ่างล้างจาน’

   
‘ในห้องน้ำนี่แหละ เอากะละมังที่ซื้อเมื่อกี้มาด้วย เค้าหยิบแชมพูมาแล้ว’

   
กะละมังสีเขียวถูกยื่นเข้ามาในห้องน้ำก่อน แสนดีนั่งหน้าแป้นอยู่ข้างในแล้วเดือนก็ตามเข้ามา พอเห็นเขาเดือนก็ชะงักก่อนจะร้องอออกมาอย่างตกใจ

   
‘เฮ้ย! ซันๆ ถอดเสื้อทำไม’

   
‘เดี๋ยวเปียก’ เดือนก็โวยวายไปได้ ทำอย่างกับไม่เคยเห็น

   
‘ใส่เถ้อะ’ ลงท้ายหางเสียงสูง ‘ใจคอไม่ดี’ อะไรจะขนาดนั้น

   
‘ไม่เป็นไรหรอก มาอาบน้ำแสนดีเร็ว’

   
ว่าแล้วก็เปิดน้ำอุ่นใส่กะละมัง ปากก็คอยบอกวิธีอาบน้ำแสดีกับเดือนไปด้วย
   
‘ให้อาบน้ำตอนบ่าย อากาศร้อนหน่อย ไม่งั้นแสนดีจะเป็นหวัด’

   
‘อื้อ’

   
‘ใส่น้ำแค่ครึ่งเดียวพอ ลองเอามือจุ่มดูสิ ร้อนไหม’ มือขาวซีดจุ่มลงในน้ำ

‘ร้อนนิดหน่อย’ เขาเปิดน้ำเย็นเข้าผสม ‘ให้น้ำประมาณนี้ ไม่เย็นไปไม่ร้อนไป โอเคนะ’ เดือนเอามือจุ่มน้ำแกว่งไปมา ‘ทำไงต่อ’

   
‘ค่อยๆ กวักน้ำในกะละมังลูบตามตัว ช้าๆ พูดปลอบได้ด้วย แสนดี คนดี คนเก่ง อยู่นิ่งๆ นะ’ เดือนมองแล้วทำตาม สองมือขาวซีดวางลูกแมวลง กวักน้ำจากกะละมังลูบตามตัวปากก็พร่ำบอก
   
‘แสนดีจ๋า คนดี อยู่นิ่งๆ นะ แสนดี ดีดี๊ ดี คนเก่ง’
   
‘ระวัง ให้เปียกแค่คอพอ หัวกับหน้าอย่าเพิ่งนะ’
   
แสนดียิ่งนิ่งๆ ให้อาบน้ำไม่รู้เป็นเพราะเสียงนุ่มทุ้มจากปากเล็กๆ หรือมือขาวๆ ที่คอยวักน้ำลูบตามตัวอย่างแผ่วเบากันแน่


   
‘เรียบร้อยแล้ว ทำไงต่อ...ซันๆ’ เดือนเรียกเขาสะดุ้งเผลอมองเพลินไปหน่อย เสียงนุ่มทุ้มนั้นเงียบลงไปแล้ว

   
‘ใส่แชมพูเลย ผสมกับน้ำตีเป็นฟองแล้วก็เอามาลูบเร็วๆ ให้ทั่ว’ เทแชมพูแมวขวดเล็กลงในขันพลาสติกใช้น้ำผสมตีจนขึ้นฟองยื่นให้คนที่กำลังจับแสนดี

   
‘แชมพูห้อมหอม แสนดีอยู่นิ่งๆ จะได้ตัวหอมๆ น้า’ เดือนพูดปลอมเจ้าเหมียวเมื่อเริ่มหยุกหยิกราวกับรู้แสนดีก็ร้องเหมียวตอบรับแล้วก็ยื่นเฉย

   
‘พอสะอาดดีแล้วก็กวักน้ำล้างออกเหมือนตอนแรกเลย’ พูดจบก็ยืนขึ้นหันไปค้นผ้าเช็ดตัวผืนเล็กออกมา ’สีไหน’ 

   
เดือนเงยหน้าขึ้น มือขาวเกี่ยวผมยาวทัดหูฟองสีขาวติดเต็มแก้ม ‘สีเทาก็ได้ ไม่ค่อยได้ใช้ เดือนยกให้แสนดีละกันนะ’ บอกเขาแล้วหันไปพูดกับแมว

   
ผ้าเช็ดผมผืนสีเท่าที่เจ้าตัวบอกไม่ค่อยได้ใช้ก็ถูกนำมาห่อเจ้าแสนดี เช็ดตัวไปพลางปลอบเบาๆ ไปพลาง เขาจัดการเก็บของในห้องน้ำเสร็จแล้วเดินออกมายังเห็นว่าฟองติดอยู่ที่แก้มของเดือนก็เดินเข้าไปใกล้

   
‘ซันๆ...จะทำอะไร’

   
ไม่ตอบคำถามแต่คอยยื่นมือเช็ดคราบฟองสบู่บนแก้มขาวแผ่วเบา กลิ่นดอกลาเวนเดอร์หรือดอกไม้อะไรสักอย่างที่เขาไม่อยากจะหาคำตอบส่งกลิ่นอ่อนตามสายลม

   
ขยับเข้าไปใกล้จนเห็นเงาตัวเองสะท้อนในดวงตาสีดำสนิท


   
‘เหมี้ยววววว’ 

   
แล้วเขาก็ต้องกะพริบตาเมื่อได้ยินเสียงร้องของแสนดี ปลายจมูกชนกับแก้มนุ่มเมื่อเดือนหันหน้าไปตามเสียงร้อง

   
‘แสนดี หิวหรือเปล่า’ เดือนลุกไปคว้าเจ้าแสนดีมากอด ทันได้เห็นแก้มขึ้นสีแวบเดียว

   
‘ซันๆ ให้แสนดีกินอะไรหน่อยไหม’
    
   
‘ได้สิ ไปกินข้างนอกตรงระเบียบเถอะ รับลมร้อนๆ สักหน่อยแสนดีจะได้แห้งสนิท’ หยิบถาดอาหารและน้ำขึ้นมา เดินนำออกไปที่ระเบียบห้อง วางอาหารให้ ลูกแมวสีดำสวมถุงเท้าสีขาววิ่งเข้ามาดมๆ แล้วก้มหน้าก้มตากินอย่างรวดเร็วท่าทางหิวจัด

   
‘หิวจริงๆ ด้วยล่ะซันๆ กินไม่หยุดเลย’ เดือนลูบหน้าลูบหลังเจ้าตัวเล็ก เส้นผมสีดำร่วงลงมาจนเจ้าตัวต้องคอยสะบัดไม่ให้บังสายตา ผมยาวๆ แบบนั้นไม่รำคาญหรือไงนะ

   
เดินกลับเข้าห้องหยิบหนังยางมัดผมออกมา ยื่นให้ เดือนเงยหน้าขึ้นมาช้อนสายตามอง

   
‘มัดให้หน่อย …..นะ’

   

เส้นผมสีเข้มยังคงนุ่มลื่นมืออย่างเคย รวบเส้นผมที่ปล่อยสยายรวมกันแล้วม้วนให้ เป็นจุกด้านหลังเสร็จแล้วทิ้งตัวลงนั่งลงบนพื้นพิงระเบียงข้างกัน


   
“นี่ซันๆ คนทำดีก็ต้องได้รางวัลใช่ปะ” หันไปมองหน้าคนถามที่ตอนนี้กะพริบตาทำหน้าออดอ้อน

   
“ก็ได้...อยากได้อะไร”

   
“อยากได้คำตอบ” เจ้าตัวกัดฟันพูดแก้มขึ้นสีชมพูจางๆ

   
“คำตอบ?”

   
“ใช่...คำตอบของคำถามนี้ ซันๆ ตัวว่า เค้ายังจะมีโอกาสไหม” ดวงตาสีนิลเปล่งประกายสะท้อนแสงตะวันจ้องตรงมายังเขา

   
“โอกาสอะไร” ยังไมเข้าใจคำถาม


   
“เค้ายังจะมีโอกาส ‘รัก’ ซันๆ ได้อีกหรือเปล่า”

   

ดวงตาสีเข้มยังคงจ้องมองตรงมาและขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะค่อยๆ หลับลงช้าๆ จนเขาเห็นเพียงเปลือกตาขาวซีดที่ต้องแสงแดดยามเย็นกับขนตาสีดำยาวเป็นแพ

   
ลมหายใจของเดือนเหมือนสะดุดไปครู่หนึ่ง
เสียงรบกวนรอบตัวจางหายไป รับรู้แค่เสียงลมหายใจของคนตรงหน้า

   

ฝ่ามือของเดือนเย็นเฉียบเมื่อสัมผัสกับลำคอ เขากดเบียดริมฝีปากแนบลงไปหนักหน่วงยกมือขึ้นไปนวดบริเวณหลังคอเล็กเจ้าของก็ส่งเสียงอื้ออาเปิดปากให้เขาได้สำรวจอย่างไม่ขัดขืน ส่งลิ้นไล่เลาะไปตามแนวไรฟัน ดูดดึงกระพุ้งแก้ม ไม่นานลิ้นเล็กก็เข้ามาทักทายเกาะเกี่ยวกระหวัดพันอย่างอ่อนหวาน

   

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ลมหายใจถี่กระชั้นของเราจึงกลับมาเป็นปกติ เขาค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมาจูบซับไปตามริมฝีปากของเดือนเรื่อยไปตามแก้ม แชมพูกลิ่นดอกไม้เมื่อตอนบ่ายยังคงลอยวน

   
เดือนขึ้นมาอยู่บนตักเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เอนตัวซบกับซอกคอของเขา แก้มทั้งสองข้างร้อนจัดขึ้นสี ริมฝีปากสีเข้มกว่าปกติจากการดูดเม้ม

   
“นี่...พอจะเรียกว่าคำตอบได้หรือเปล่า” มือทั้งสองข้างลูบหลังลูบไหล่คนบนตักแผ่วเบา

   
“ซันๆ ตัวยังไม่ต้องพูดก็ได้ ให้เค้าพูดเอง เดือนรักซันๆ นะ”

   
เดือนพูดอู้อี้กับอก แล้วเงยหน้าขึ้นมาจูบที่ปลายคางเร็วๆ ก่อนจะก้มหน้ากลับที่เดิม

   
“แน่หรือเปล่า” กระซิบข้างใบหู

   
“อื้อ”

   
“เปลี่ยนใจไม่ได้นะ”

   
“ไม่เคยเปลี่ยนอยู่แล้ว”

   
“จะมาร้องไห้ทีหลังก็ไม่ปล่อยแล้วนะ”




คราวนี้เดือนไม่ตอบแต่เอื้อมแขมขึ้นมาเกี่ยวคอของเขา
กระซิบชิดริมฝีปากเป็นประโยคสุดท้าย



“ไม่ต้องถามแล้ว รักมาตั้งนาน ยังไงก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก”



----------------------------------------
[08/01/2559]
ตอนนี้น่ารักจุง แต่งเองกรี๊ดเอง ฮ่า
มุมโฆษณา สองสาวมาจากเรื่อง ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (จบ) ค่ะ รับบทเป็นตัวป่วนที่คอยเชียร์ให้พี่ชายรักกัน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเช่นเคยค่ะ
 :-[
Lavender’s blue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2016 20:52:50 โดย Wendy »

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 15) 09-01-2559
«ตอบ #36 เมื่อ09-01-2016 22:25:41 »



Just Love รักนะครับ






15




   

เคร้ง!!

   

เสียงโลหะกระทบพื้นทำให้เขาที่กำลังนอนหลับสนิทสะดุ้งพรวดตื่นขึ้น รีบลุกจากเตียงนอน มุ่งตรงไปยังแหล่งกำเนิดเสียงทันที

   

“เดือน! ทำอะไรน่ะ”

   

เห็นอยู่หรอกว่าเดือนกำลังทำอะไร แต่หมายถึงทำไมถึงทำ

   

“อ่า ซันๆ ตื่นแล้วเหรอ แฮะๆ” คนพูดเกาท้ายทอยแก้เก้อที่โดนเขาจับได้
 
   

ยื่นพิงกรอบประตูมองคนที่ก้มๆ เงยๆ เก็บตะหลิวและส้อมที่เจ้าตัวเผลอทำหล่น ไล่สายตาไปทั่วห้องครัวเล็กเครื่องปิ้งขนมปังบนเคาน์เตอร์ส่งกลิ่นหอม ไม่รวมใกล้กันมีจานใส่ขนมปังแผ่นสองแผ่นที่ไหม้จนดำเกรียม เดือนที่ก้มเก็บตะหลิวกับส้อมได้แล้วก็หันกลับไปยุ่งอยู่บนเตา เขาเดินเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นซอสปรุงรสและเสียงฉ่าของน้ำมันร้อนจัด


   
“โอ้ย!” เดือนก้าวถอยหลังหลบน้ำมันร้อนๆ ที่กระเด็นขึ้นมาจากการตอกไข่แล้ว ‘โยน’ ลงน้ำมันเดือด

   
ถอยออกมาดูอยู่ห่างๆ รอดูว่าฝีมือการเข้าครัวของพ่อครัวมือใหม่จะออกมาในรูปแบบไหน ระหว่างนั้นเองเครื่องปิ้งขนมปังก็ได้ที่ เดือนจึงหันไปจัดการขนมปัง มือขาวซีดคีมแผ่นขนมปังร้อนๆ ขึ้นมาจากเครื่องปิ้งแล้วทิ้งลงบนเคาน์เตอร์ดื้อๆ เจ้าของมือสะบัดมือไปมา “ร้อนโว้ย” ว่าแล้วยังไม่พอเอาปลายนิ้วที่แดงเพราะความร้อน เข้าปากหน้าตาเฉย


ให้ตาย!

   

ครู่เดียวไข่ที่ทอดไว้ก็เกิดควันคลุ้ง เขาจึงร้องเตือน “เดือน! ไข่”

   

ชายหนุ่มหันตัวกลับมาด้วยท่าทีร้อนรน หยิบตะหลิวขึ้นมาถืออย่างเงอะงะ ทำอะไรไม่ถูก ควันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

“ปิดเตาก่อน” มือขาวซีดทำตาม ได้ยินเสียงถอนหายใจเสียงดัง ฟู่

“เอาตะหลิวค่อยๆ ช้อนไข่ขึ้นมา แล้วใส่จานนี่” ยื่นจานที่ปูทิชชู่ซับน้ำมันแล้วให้

“ดูไม่จืดเลยนะ” ก้มลงมองสิ่งที่อยู่ในจานแล้วอดหัวเราะไม่ได้

“เฮ้ย อย่าขำดิซันๆ” เดือนถูปลายจมูกของตัวเองไปมา

“ไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวเค้าจัดโต๊ะแล้วออกมากินข้าวกัน” เดือนฉวยจานในมือไปวางบนโต๊ะ หยิบขนมปังที่ถูกทิ้งไว้นอนแอ้งแม้งบนเคาน์เตอร์ใส่จานวางไว้ข้างๆ กัน เตรียมตัวจะทำอาหารเช้าอีกชุด

“อย่าทำไฟไหม้ล่ะ” เขาไม่ขัดศรัทธา ขยี้ผมสีดำสนิทของพ่อครัวแล้วไปอาบน้ำตามคำสั่ง



อาหารหน้าตาแปลกประหลาดวางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับพ่อครัวส่งยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ เขานั่งลงเดือนก็เลื่อนจานขนมปังปิ้งมาให้ หยิบเข้าปากก่อนจะเคี้ยว

   

“เป็นไง”

หน้าตาคนถามมีความหวังสุดๆ


“ก็กินได้”


ขนมปังปิ้งเกรียมด้านหนึ่งอีกด้านขาวจั๊วะไม่ผ่านความร้อน ผสมน้ำลายพ่อครัวนิดหน่อย
ดีที่ซื้อกาแฟชงสำเร็จรูปไว้เมื่อวันก่อน รสชาติจึงเหมือนเดิม จิบคล่องคอเป็นที่สุด


เห็นว่าคนตรงข้ามเงียบไป เงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นทำหน้าแดงๆ ยิ้มแก้มแตกจนตาเป็นขีดโค้ง


“กาแฟน่ะ”


“ซันๆ อ่า” เดือนเอ่ยเสียงละห้อย ทำคอตก


“เอาน่า แรกๆ ก็งี้แหละนะ”


“ห้ามบ่นนะ”


“เออ ไม่บ่นหรอก” ขนาดห้ามยังไม่ห้ามเลย เกิดบ่นเดี๋ยวคนทำเสียกำลังใจแย่ แค่นี้ก็รู้สึกว่าเดือนกำลังพยายามปรับปรุงตัวเองอยู่ ไม่บอกหรอกว่าดีใจ เดี๋ยวได้ใจใหญ่


สงสัยอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ได้กินแค่ไข่ดาวกับขนมปังปิ้งเป็นอาหารเช้าแน่นอนไม่ต้องรอใครฟันธง


เลื่อนจานขนมปังที่ตอนนี้ว่างเปล่าออกไป เดือนก็เลื่อนอีกชามแทนที่ เขาตักกิน


“ไข่ดาวเป็นไง กินได้ไหม”


“อ้าว นี่ไข่ดาวเหรอ”


“ใช่สิ ทำไมอ่า”


“นึกว่าช็อคโกแล็ตทอด” มันก็ไม่ถึงกับไหม้เกรียมจนดำปี๋ขนาดนั้น แค่เปลี่ยนสีจนมองไม่ออกว่าตรงไหนไข่ขาวตรงไหนไข่แดงเท่านั้น


“ซันๆ!” พ่อครัวหน้าง้ำหน้างอ ปากบางนั่นยื่นล่ะ


“ฮ่าๆ”


“ไข้หวัดนกระบาดกินไข่ทอดสุกๆ น่ะดีแล้ว รู้หรือเปล่า” อันนี้มันสุกเกินไปหรือเปล่า


“เดือนก็กินด้วยสิ” เห็นว่าคนตรงหน้าเอาแต่นั่งมองเขากินจึงชวนบ้าง เดือนลองชิมไข่ดาวก่อน ตักเข้าปากได้ไม่ถึงสองวินาทีก็โวยวายใหญ่


“ซันๆ กินไข่เข้าไปได้ไง เค็มโคตร”


“เอาน่า กินๆ ไปเถอะ” ซดกาแฟตามก็ไม่เค็มแล้ว จริงๆ

“งะ ไม่อร่อยอ่า ตัวกินหมดได้ไงเนี่ย” เดือนยกแก้วกาแฟของตนเองมาดื่มจนเกิดเสียงดังอึก


“หิวละมั้ง” ลุกขึ้นหยิบจานไปเก็บ เหลือบไปเห็นแสนดีก้มหน้าก้มตาเคี้ยวอะไรอยู่บนพื้นใต้โต๊ะกินข้าวเลยก้มลงไปดู

“เดือน! เอาขนมปังปิ้งให้แสนดีกินหรอ”


“เออใช่ แสนดีชอบมากเลย กินไปเกือบแผ่นเลยนะ”


หยิบเศษขนมปังแถวๆ นั้นมาดูก็เห็นว่าปิ้งออกมาเป็นสีเหลืองสวย เออดี เอาขนมปังที่ปิ้งดีๆ ให้แมว ของคนนี่กินอันที่ไหม้เกรียมๆ สินะ
 

“เอ้า ไปอาบน้ำเลย เค้าเก็บครัว ล้างจานเอง เดี๋ยวจะได้ออกไปกัน”


มองนาฬิกาก็บอกเวลาแปดโมงครึ่ง วันนี้มีเรียนเก้าโมงทั้งคู่ เดือนถึงลุกมาทำอาหารแต่เช้าได้อย่างไม่มีปัญหา


เขาเริ่มล้างจานก่อน เสร็จแล้วก็หันกลับไปจัดการกับความเลอะเทอะที่พ่อครัวมือใหม่ทำไว้ เคาน์เตอร์ใกล้เตาไฟเต็มไปด้วยเศษขนมปังใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดก็สะอาด เขาถึงกับส่ายหัวด้วยความอ่อนใจเมื่อเห็นสภาพเตาไฟซึ่งมีคราบน้ำมันกระจายไปมั่ว กระทะที่เดือนหยิบมาใช้คือกระทะเคลือบสารเทฟลอน ดังนั้นการทำแค่ไข่ดาวจึงไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันแต่อย่างใด แน่นอนว่าข้อนี้คนทำไม่รู้...ก็เล่นเทน้ำมันลงไปค่อนขวดขนาดนั้น... เขาสวมผ้ากันเปื้อนแล้วก็ขัดกระทะต่อไป


เอาเถอะ ค่อยๆ บอกแล้วกัน 

     

.



.



.



ตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก หกโมงครึ่ง ถือว่าเป็นการตื่นที่เช้าที่สุดในรอบเกือบสามปีตั้งแต่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย


“แค่ทอดไข่กับปิ้งขนมปังเอง ง่ายๆ”


เห็นซันๆ ทำเดี๋ยวเดียวตอนเช้าก็ได้ทานแล้ว นี่เผื่อเวลาเกือบๆ สองชั่วโมงยังไงก็น่าจะได้กิน
เปิดตู้เย็น ดื่มน้ำสองแก้วโตๆ แล้วหยิบวัตถุดิบออกมาเตรียม ไข่ดาวกับขนมปังปิ้ง ก็มีไข่กับขนมปังแผ่น
คิดแล้วก็หยิบไข่ออกมาสี่ฟองกับขนมปังหนึ่งแถววางบนเคาน์เตอร์


เฮ้ย! เดี๋ยวสิ


ไข่ฟองแรกที่วางลงไปกลิ้งหลุนๆ ไปตามความยาวของเคาน์เตอร์ก่อนจะ...


โผล๊ะ


รีบวางไข่ที่เหลือใส่ตะกร้าแล้วหยิบกระดาษทิชชู่แผ่นใหญ่สำหรับทำความสะอาด ก้มลงไปเช็ดพื้นอย่างลนลาน


...แค่เริ่มก็ยากละ


เช็ดพื้นจนสะอาดดีแล้วก็เดินไปเสียบปลั๊กเครื่องปิ้งขนมปัง ใส่ขนมปังลงไปในช่องสองแผ่น


...เอ้า ทำไมมันไม่ทำงานล่ะ ปกติก็เห็นซันๆ แค่เอาขนมปังใส่แล้วรอมันเด้งขึ้นมาเองไม่ใช่เหรอ


สองมือจับเครื่องปิ้งขนมปังขึ้นมาพลิกซ้ายขวาแล้วจึงเห็นปุ่มตั้งเวลา เลื่อนเวลาไปที่เลข 3 เหนือปุ่มปรับเวลาก็เห็นปุ่มกดอีกปุ่มจึงนึกขึ้นได้ กดลงไปจนสุดความยาวของปุ่ม เครื่องทำขนมปังปิ้งก็ค่อยๆ ร้อนจนมองเห็นขดลวดด้านในเป็นสีแดงปลั่ง


แค่นี้เองสินะ


ขณะนั้นเองแสนดีที่ได้ยินเสียงกุกกักในครัวก็วิ่งเข้ามาแล้วส่งเสียงร้องเหมียวๆ ออดอ้อน สักพักมือขาวซีดก็ลูบไปตามตัว แสนดีเอียงคอให้มือผอมๆ เกาอย่างสบายอารมณ์



“ขี้อ้อนนะเรา”




ปิ้ง!


เสียงเครื่องปิ้งขนมปังดีดตัวพร้อมกับกลิ่นควันไฟอ่อนๆ คว้าแสนดีขึ้นมาแล้วรีบเดินไปดู


อุตส่าห์วาดหวังว่าจะออกมาสีเหลืองทอง ส่งกลิ่นหอมอย่างที่ซันๆ ทำประจำ แต่ทำไมมันดำเสียจนดูไม่ออกว่าเคยเป็นขนมปังมาก่อนขนาดนี้เลยล่ะ


ขนมปังสองแผ่นแรกถูกโยนทิ้งลงถัง พร้อมด้วยเสียงถอนหายใจ เฮ้อออออ



“เหมี้ยวววววว” ราวกับรู้ว่าคนที่อุ้มเริ่มรู้สึกท้อแท้ แสนดีจึงส่งเสียงให้กำลังใจพลางเอาหัวเล็กๆ ถูกไถ่ไปตามมือที่อุ้มอยู่


“แสนดี แสนดี แสนดีจ๋า” อย่างน้อยๆ แสนดีก็ยังให้กำลังใจอยู่นะ



คราวนี้มือผอมลองหมุนปรับเวลาลดลงมาอยู่ที่เลข 1 ใส่ขนมปังแล้วกดลงไปอีกครั้ง


ปิ้ง!


ขนมปังที่ออกมาครั้งนี้เป็นสีเหลืองอ่อนแทบจะไม่ต่างจากแผ่นที่ยังไม่ได้ปิ้ง ยกขึ้นมาดมๆ ก็น่าจะไหวอยู่ แสนดีส่งเสียงร้องดังหลายครั้ง ถี่กว่าเดิม คล้ายเวลาเขาเขย่ากระป๋องใส่อาหารของเจ้าเหมียว


“หิวเหรอ” ส่งเสียงร้องยาวอีกครั้ง เหมี้ยวววววววววววว


“กินแผ่นนี้ก็ได้” วางแสนดีลงกับพื้น นั่งลงข้างๆ แล้วยื่นขนมปังสีเหลืองอ่อนในมือให้ แสนดีแลบลิ้นสีชมพูเลียไปมา ทำท่าจะงับแต่ก็งับไม่ได้


“เอ้า ฉีกให้ละกันนะ” บิดขนมปังเป็นชิ้นเล็กเท่าปลายก้อย ส่งให้แมวดำ แสนดีร้องเหมียวออกมาหนึ่งครั้งแล้วเคี้ยวกินด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย


คนป้อนยังคงป้อนเจ้าเหมียวไปเรื่อยๆ ขนมปังหมดไปกว่าครึ่งแผ่นแล้วจึงรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่  “แสนดีกินเองก่อนนะ ไปทอดไข่ก่อน นี่ฉีกไว้ให้แล้ว”

   
ทอดไข่ จะทอดก็ต้องใช้กระทะ หยิบกระทะใบขนาดกลางที่เห็นซันๆ ใช้ประจำออกมา

   
เทน้ำมันลงไปแล้วก็เปิดเตา พรึบ! โอเค รอให้น้ำมันร้อนแล้วก็...

   

หาตะหลิวก่อน หันไปค้นกุกกักในลิ้นชักเคาเตอร์ เจอตะหลิว ช้อนยังต้องคู่กับส้อม ตะหลิวกับส้อมก็คงไม่แปลกอะไร...มั้ง   
 ระหว่างรอน้ำมันร้อน นึกได้ว่าต้องใส่ผ้ากันเปื้อนด้วย หันไปสวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลที่แขวนไว้ใกล้ตู้เย็น เผลอปล่อยมือทั้งตะหลิวและส้อมก็หล่นกระจาย



เคร้ง!!

   

เสียงโลหะกระทบกับพื้นดังก้องไปในความเงียบ ...แย่แล้ว
ก้มลงไปเก็บก็ได้ยินเสียงซันๆ

   

“เดือน! ทำอะไรน่ะ” เหลือบมองก็เห็นซันๆ ยืนกอดอกพิงตัวกับกรอบประตูห้องไม่ได้เดินเข้ามาในบริเวณที่เป็นครัว

   

...กำลังจะทอดไข่ดาว ตอบในใจ แต่ก็นั่นแหละ เห็นกันอยู่เลยไม่พูดออกไป เสทักทายปกติ



“อ่า ซันๆ ตื่นแล้วเหรอ แฮะๆ” มือไปอยู่ที่ท้ายทอยอัตโนมัติ ไข่แตกหนึ่งฟองและขนมปังไหม้หนึ่งคู่ในถังขยะ ซันๆ อย่าเพิ่งเห็นนะ



หันกลับไปมองเตาเห็นน้ำมันเริ่มเดือด เอาซอสปรุงรสออกมา ตอกไข่ใส่ลงไปในกระทะ ใส่ซีอิ๊วตาม น้ำมันแตกกระจาย



“โอ้ย!”



ก้าวถอยหลังหลบน้ำมันร้อนๆ ขนมปังก็กระเด้งออกมาพอดี ถลาเข้าไปหยิบแล้วก็ต้องทิ้งลงเพราะขนมปังร้อนจัด สะบัดมือไปมา ใช้น้ำส่วนตัวดับก็ค่อยยังชั่วแต่ปลายนิ้วยังคงเป็นสีแดงจัด


“เดือน! ไข่” หันไปมองกระทะก็คลุ้งไปด้วยควัน แล้วต้องทำไงล่ะ เอาตะหลิวตักออกมาน้ำมันจะกระเด็นใส่ไหม ระหว่างที่รีๆ รอๆ ทำอะไรไม่ถูก เสียงซันๆ ก็แว่วเข้ามาอีก
   

“ปิดเตาก่อน” รีบทำตามอย่างไว ฟู่ ปล่อยลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก กลุ่มควันหนาค่อยจางลง

   

“เอาตะหลิวค่อยๆ ช้อนไข่ขึ้นมา แล้วใส่จานนี่”

   

ซันๆ ยื่นจานที่เอากระดาษทิชชู่รองไว้เรียบร้อยมาให้ พูดแซวพอให้ขำก็ไล่ไปอาบน้ำ

   

...ถ้ารู้ว่าทำอาหารแล้วเหนื่อยขนาดนี้ล่ะก็นะ ขอสมัครเป็นคนกินต่อไปน่าจะดีกว่า...





.



.



.


   

โดนไล่ไปอาบน้ำ เสียงซันๆ ล้างจานแว่วเข้ามา

   

เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนถึงชอบบังคับให้ทานข้าวให้หมด โดยเฉพาะถ้ามื้อไหนเป็นมื้อที่ทำทานกันเองแล้วล่ะก็ กินไม่หมดโดนซันๆ โกรธไปหลายชั่วโมง

   

เห็นซันๆ กินไข่เค็มๆ กับขนมปังเกรียมด้านเดียวก็เข้าใจ


ความรู้สึกพองโตในอกมันอัดแน่นจนทนไม่ไหว กลั่นออกมาเป็นรอยยิ้มกว้างจนหุบไม่ลง ...แม้กระทั่งในตอนนี้ มองตัวเองในกระจกยังแปลกใจ วันนี้ยิ้มเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็เหลือจะนับ

   

เห็นคนกินอาหารที่ลงมือทำเองจนหมด มันสุขใจอย่างนี้นี่เอง
   

   


คราวหน้าจะทำให้อร่อยกว่านี้เลย สัญญานะซันๆ






   

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยออกมาก็เจอซันๆ นั่งรออยู่แล้ว ส่งยิ้มแหย่ๆ ไปให้ ทำไมต้องทำหน้านิ่งขนาดนั้นด้วย คงจะมาว่าเรื่องทำครัวเลอะเทอะแน่

   

“เป็นไงทำอาหารครั้งแรก” ผิดคาดซันๆ ไม่ได้ว่า แต่ถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย

   

“ก็...เหนื่อยดี” เหนื่อยโคตรๆ เลย

   

“คราวหลังจะได้รู้ว่าตั้งใจทำให้กินขนาดไหน” คนพูดพูดจบก็ยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง

   

“อื้อ” ได้ยินก็อดยิ้มกว้างอีกครั้งไม่ได้

   

“ถ้าอยากทำก็บอก จะสอน” เกือบเดือนที่ย้ายเข้ามาอยู่กับซันๆ ไม่มีครั้งไหนที่เขาขอให้ซันๆ ทำอาหารอะไรให้ทานแล้วซันๆ จะปฏิเสธ

   

“อื้อ” ซันๆ ดูนาฬิกาข้อมือแล้วลุกขึ้น พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าจะออกไปมหาวิทยาลัยจึงเดินไปใส่รองเท้า

   

ขณะที่นั่งลงตรงหน้าประตูห้องใกล้ที่วางรองเท้าเพื่อใส่รองเท้า

   

ลมหายใจอุ่นก็ปัดผ่านแก้ม ไวเสียจนแทบไม่รู้สึก
เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็ได้ยินเสียงประตูปิดดังปัง คนที่แอบขโมยหอมแก้มก็หายไปเลยแล้ว

   
รอยยิ้มกว้างเกิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะรีบใส่รองเท้าข้างที่เหลือแล้วรีบวิ่งลงไปหาคนที่ติดเครื่องมอเตอร์ไซค์รอ กำลังจะสวมหมวกกันน็อค

   
“แอบหอมคนอื่น นิสัยไม่ดี”
   

ซันๆ ชะงัก ใบหูที่โผล่จากกลุ่มผมสีดำสนิทเป็นสีชมพูอ่อน


“แล้วไม่ให้?”



“เปล๊า คราวหลังขอนานๆ กว่านี้หน่อยนะ ฮ่าๆ” ว่าแล้วก็กระโดดขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์



คนโดนแซวจับหมวกกันน็อคยัดใส่หัวได้ก็เคาะแรงๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะเร่งเครื่องออกไป


-------------------------------------------------------
[09/01/59]
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ : )
Lavender’s blue

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 15) 09-01-2559
«ตอบ #37 เมื่อ10-01-2016 01:40:14 »

หูย!!  น่ารักอ่ะ รู้ใจตัวเองกันแล้ว อ่านไปนี่ยิ้มไปด้วย กรี๊ดดดดดดดด!! มาต่ออี๊กกกกกก

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 15) 09-01-2559
«ตอบ #38 เมื่อ10-01-2016 11:07:18 »

น่ารักมากจ้า  ทั้งแสนดีแมวน้อยน่ารัก  และน้องเดือน น่ารักขึ้นมากเลย
ตื่นมาทำอาหาร  สู้ๆๆ  นะ  ต้องทำอาหารอร่อยๆ  ให้ซันได้กินแน่นอน  อิอิ

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 16) 11-01-2559
«ตอบ #39 เมื่อ11-01-2016 20:46:42 »


Just Love รักนะครับ





16


   

“ชีวิตดีสิมึง”

   

ขณะที่กำลังเดินทอดน่องมองดูต้นไม้ใหญ่บริเวณหน้าคณะซึ่งตอนนี้ออกดอกสีเหลืองพราวส่งกลิ่นหอมฟุ้งอบอวนไปทั่วบริเวณ เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากแนวพุ่มไม้ทางซ้ายมือที่เขาเพิ่งจะเดินผ่านมาเพียงสองก้าว

   

กายขยับตัวลุกขึ้นบัดเศษดินเศษหญ้า สะบัดผมเดินฝ่าไม้พุ่มสูงระดับเอวออกมา

   

เขาไม่ตอบคำถามเพียงแค่พยักหน้าเป็นเชิงทักทาย

   

“เงียบเชียวมึง ทำไมกลัวคนเขารู้หรือไงว่าแฟนทำกับข้าวอร่อยน่ะ”

   

เงียบแล้วผิดตรงไหน เกี่ยวอะไรกับทำกับข้าว...ขมวดคิ้วยังไม่ทันได้ถามข้อสงสัย ไอ้กายก็ยื่นมาปัดเศษขนมปังแถวๆ ปกเสื้อให้

   

“วันนี้เมนูเดิมอีกแล้วเรอะ” 

   

“อืม”



ขนมปังไข่ดาวกินมาวันนี้ครบ 1 สัปดาห์พอดี ช็อคโกแล็ตทอดกลายร่างเป็นไข่ดาวแสนสวยกึ่งดิบกึ่งสุกแบบที่เขาชอบ เหมียวเล็กได้กินขนมปังปิ้งสีเหลืองอร่ามสวยงามเช่นเดียวกับเขาทุกเช้า


นึกถึงสีหน้าภูมิอกภูมิใจของคนทำอาหารเช้านี้ก็อดที่จะยิ้มบางๆ ขึ้นมาไม่ได้


“แน่ะ พูดแค่นี้ยิ้มไม่หุบนะมึง หมั่นไส้โว้ย” ไอ้กายที่โดนเพื่อนสนิทเมินเริ่มเสียงดังเรียกร้องความสนใจ


“อะไรมึง ไอ้แมนไม่เลี้ยงแล้วหรือไงวะ”


“เหอะ”


สวนกลับไปประโยคเดียวแท้ๆ เพื่อนสนิทพ่นลมหายใจใส่หน้าเต็มๆ พร้อมทำเสียงดังแล้วสะบัดตูดเดินนำขึ้นอาคารเรียนไปซะอย่างนั้น


...มึงแซวกูหลายประโยคกูยังไม่เขินแบบมึงเลยนะเว้ย




มองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าเหลือเวลาอีก 10 นาทีก่อนจะเริ่มเรียนจึงยังคงทอดน่อง พูดคุยตอบคำถามทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ใต้อาคารชั่วครู่



ใกล้เวลาเรียนจึงลุกขึ้นเตรียมตัวเข้าห้องเรียน


“พี่ซัน!!!”


เสียงตะโกนก้องจนเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ทั้งโต๊ะรวมทั้งเขาหันไปมอง


“ว่าไง”


ชายหนุ่มรุ่นน้องวิ่งมาหยุดตรงหน้าพลางหายใจหอบฮัก ดูก็รู้ว่าคงวิ่งมาเต็มที่ ความเข้าใจเกิดขึ้นในใจเขาเงียบๆ เลยอดที่จะเอ่ยแซวไม่ได้


“วิ่งแค่นี้เหนื่อย เมื่อวานหนักหรือไง”


“แฮ่ก ...โถ่พี่ หนักดิ นี่ไม่ได้นอนทั้งคืน” คนพูดเอามือเท้าสะเอว เงยหน้าขึ้นสูดหายใจเข้าออกยาวๆ


“เออ มิน่ามันงอนมึงอะ”


“..แหะๆ ...ก็นะ ใกล้สอบแล้ว ไม่อ่านหนังสือก็แย่ดิพี่” ไอ้แมนหันไปเปิดกระเป๋าค้นเอาถุงพลาสติกใบย่อมออกมา


“ฝากให้พี่กายหน่อยนะครับ” ...ทีจะใช้คนอื่นก็ยิ้มประจบประแจงเสียจนน่าเตะ


“เออ มีไรอีกมะ”


“...งั้นฝากบอกด้วยว่า...ทานให้หมดนะครับ คนซื้อเป็นห่วง”



เสียงกริ่งบอกเวลาเข้าเรียนดังขึ้น ไอ้แมนรีบยกมือไหว้ขอบคุณยกใหญ่ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งเข้าห้องเรียน เขาจึงไม่มีโอกาสได้แซวมันอีกสักนิด



เดินเข้ามาในห้องเรียน ไอ้กายฟุบหน้าอยู่กับกระเป๋า โยนถุงใบย่อมให้มันสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมา ไม่รอให้มันได้โวยวายก็รีบชิงพูดใส่หน้ามันด้วยคำพูดที่มีคนฝากมาทันทีว่า



“ทานให้หมดนะครับ...คนซื้อเป็นห่วง” กระตุกยิ้มมุมปากใส่มันไปที ไอ้กายอ้าปากแล้วหุบแล้วอ้าอยู่นั่น ก่อนจะได้ยินเสียงงึมงำในคอ “ไอ้บ้าเอ้ย!”




ไม่รู้ว่าไอ้แมนซื้ออะไรใส่ถุงมาให้เพราะเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากสมุดเล็คเชอร์เมื่อหมดคาบ ถุงใบย่อมก็ลงไปนอนในถังขยะเสียแล้ว
ไอ้กายที่หน้าเป็นตูดก็เริ่มยิ้ม หัวเราะส่งเสียงแซวคนโน้นคนนี้เมื่อหมดคาบได้อย่างเคย 




.


.


.





   
“ครับ...อยากทำเหรอ...เอางั้นก็ได้...เดี๋ยวเค้าซื้อของเข้าไปเอง ตัวเองรอที่ห้องนั่นแหละ....อ่า เลิกบ่ายสามโมง...ตึก 3 มาถูกใช่ไหม...ครับแล้วเจอกันครับ”
   
   
วางสายเสร็จหันมาก็สบตากับใบหน้าสนอกสนใจเรื่องของชาวบ้านอย่างไอ้กายทันที

   
“เดี๋ยวๆ มึงไม่ต้องพูดก็ขอเดาก่อน” มันทำท่านับนิ้วทำปากขมุบขมิบไม่มีเสียงเลียนแบบพวกหมอดู ตบโต๊ะดังตึง แล้วก็พูดออกมาเป็นฉากๆ

   
“คนเมื่อกี้ที่โทรมาเป็นคนที่คุณให้ความสนิทสนมมาแต่เล็กใช่ไหม” มันพยักพเยิดให้พยักหน้าก็เลยหยักหน้าให้ทีหนึ่ง หมอดูจึงตั้งคำถามต่อไป
   

“คนที่โทรมาบอกว่าต้องการทำอะไรสักอย่างที่คุณถนัดแล้วขอให้คุณสอนใช่หรือไม่” พยักหน้า
   

“คุณเสนอตัวว่าจะซื้อวัสดุอุปกรณ์เข้าไปเองแต่ถูกปฏิเสธใช่หรือไม่”
   

“เออ”
   

“คุณถูกปฏิเสธ คนที่โทรมาบอกว่าอยากจะไปด้วยแล้วจะมาหาคุณที่คณะชะ..โอ้ย!”

   

“พอเหอะ เล่นไรมึงเนี่ย” ตบหัวไอ้คนที่พยายามทำตัวลึกลับไปที

   

“เดือนจะมาหาใช่มะ พวกมึงจะทำไรกัน” ไอ้กายกลับมาเป็นเจ้าของไร่เผือกอีกหนอย่างเปิดเผย

   

“จะทำกับข้าว มึงสนปะ”
   

เดือนโทรมาบอกว่าอยากทำอาหารอย่างอื่นบ้าง เขาเห็นว่าเดือนใช้ครัวเริ่มคล่องแล้วเลยตกลง พอบอกว่าจะซื้อของเข้าไปกลับอยากไปซื้อของด้วยเลยไม่ขัด เดี๋ยวรอเลิกเรียนวิชาบ่ายก็จะมาหาที่คณะแล้วไปซื้อของพร้อมกัน

   

“ไปซื้อที่ไหน ตลาดเหมือนเดิมปะ กูไปด้วย”

   

เจ้าของไร่เผือกยังไงก็ขายเผือกอยู่วันเย็นค่ำ



   

ตลาดสดยามเย็นเต็มไปด้วยผู้คนจอแจทั้งแม่บ้านที่หอบหิ้วตะกร้าบรรจุผักสด เนื้อสด ผลไม้พะรุงพะรัง พ่อค้าแม่ขายตะโกนร้องเรียกลูกค้า บ้างก็ไล่ลูกค้า บ้างก็ส่งเสียงแส่คุยเกี่ยวกับโชคลาภที่พลาดไปเมื่อตอนกลางวัน บ้างกระซิบเสียงเบาจนได้ยินกันทั่วเกี่ยวกับเลขเด็ดงวดหน้าที่บอกว่าแม่นมาหลายงวดแต่ก็ไม่เคยถูกสักทีกับแผงข้างๆ

   

ภาพบรรยากาศเหล่านี้เขาคิดว่าน่าสนุกกว่าการเดินในตลาดนัดติดแอร์ ห้างสรรพสินค้าเป็นไหนๆ ที่สำคัญราคาที่ติดป้ายไว้สามารถ ‘คุย’ กันได้

   

หันไปหวังจะถามคนที่เดินอยู่ข้างๆ ก็เห็นว่ามองซ้ายมองขวาเหลียวหน้าเหลียวหลังไปทั่ว ใบหน้าขาวมีเหงื่อพราวผมยาวสยายเกล้าไว้ด้วยดินสอไม้แท่งเดียว ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายสดใส มองไปตามแผงร้านต่างๆ อย่างสนใจ

   
จังหวะนั้นเอง มือขาวก็คว้าเข้าที่มือใหญ่ กระตุกสองสามที
   

“นั่นอะไรน่ะซันๆ ลูกสีเหลืองๆ ใบเขียวๆ” หันไปมองตามนิ้วที่ยกขึ้นชี้ เห็นแล้วก็ส่ายหัวเพราะเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเหมือนกัน แม่ค้าเห็นทำท่าสนใจก็ร้องบอกว่า
   

“ชมพู่น้ำดอกไม้จ๊ะ สนใจไหมหนุ่ม กองละ 35”
   

ส่ายหัวแล้วส่งยิ้มให้พลางกระตุกมือขาวให้เดินตาม


   
“อยากกินไร”

   
“ข้าวผัดหมูกับต้มยำไข่เจียว” เดือนพูดพลางแกว่งมือที่จับกันอยู่ไปมา

   
“สองอย่างเลย?”

   
“อ่า...ไม่ได้เหรอ” บีบมือตอบเบาๆ เดือนก็ส่งยิ้มกว้างคืนมา

   
“ทำไมต้องข้าวผัดหมูด้วยวะเดือน ข้าวผัดกุ้งแทนไหม” ไอ้กายที่เดินตามหลังมาทันส่งเสียง

   
“ไม่ได้เว้ย ซันๆ แพ้กุ้ง” แค่นั้นก็ทำให้คนที่ตั้งตาจะโน้มน้าวให้เปลี่ยนจากหมูเป็นกุ้งก็ล้มเลิก ยักไหล่ให้อย่างกวนๆ แทน

   
เมื่อทราบเมนู เขาก็เดินนำเดือนและกายมาฝั่งแผงขายเนื้อสัตว์
   

“หมูชิ้น 50 ครับ” มือกระตุกจึงหันไปมองต้นเหตุ

   
“เอาที่ยังไม่ได้หั่นไหม อยากลองทำ”

   
“พี่ๆ เอาแบบยังไม่ได้หั่นแทนล่ะกันครับ...ขอโทษแล้วก็ขอบคุณครับ”

   

เดินย้อนกลับมาที่แผงขายผักผลไม้

   

“มะเขือเทศ 4 ลูกกับแครอท 1 หัวครับ....” เหลือบไปเห็นผักใบเขียวจึงหันไปแซว “...คะน้าหน่อยไหม”
   

“ง่า ไม่เอา” จ่ายเงินก็ยื่นให้เจ้าของไร่เผือกที่ยื่นมือมารับไปถือ

   

“ไอ้ซัน มึงจะทำต้มยำด้วยไม่ใช่เรอะ” กำลังจะเดินกลับ กายที่ถือของมาก็ทักขึ้นจึงเดินกลับไปซื้อเครื่องต้มยำอีกรอบ หอมแดง พริกขี้หนู และเห็ดอีกหลายชนิด

   

กลับมาถึงที่จอดรถก็พบว่ามีคนนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ของเขา

   

“พี่กาย!! / ไอ้แมน!!”

   

ไอ้กายหันขวับมองมาที่เพื่อนตนเองอย่างเขาทันที ดูสายตามันแล้วไม่โกรธเท่าที่แสดงออกหรอก...เป็นเพื่อนกันมาหลายปีดูแค่นี้ก็รู้

   

“พี่ซัน พี่คุณ หวัดดีพี่” ไอ้แมนหันมาไหว้ แล้วก็หมดความสนใจหันไปพูดกับพี่มันต่อ เสมือนว่าไม่มีพวกเขาสองคนยืนอยู่

   

“พี่กายอ่า...”

   

“อะไรมึง” ไอ้กายเอาสาละวันกับการเอาของแขวนกับแฮนด์รถ

   

“...ขอโทษนะครับ พี่ไม่โกรธผมน้า ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ”

   

“อะไรมึง” พูดได้คำเดียวแล้ว

   

ไอ้แมนส่งยิ้มตาปิดไปให้ไอ้กายอีกที ท่าทีของเพื่อนก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

   

“ขอโทษทำไม มึงทำไรผิด”

   

เท่านั้นแหละ ไอ้เด็กนั่นก็แทบจะโดดใส่ ไอ้กายยกตีนขึ้นมากระดิก ไอ้แมนจึงยอมยื่นนิ่งๆ แล้วเขากับเดือนก็ได้รับความสนใจจากพวกมันอีกครั้ง

   

“พี่ซันกับพี่เดือนจะทำอาหารใช่ป่าวพี่ ทำไรกันอะ” ไอ้แมนหลบไปค้นๆ ดูของที่ซื้อมาแก้เก้อเมื่อเห็นสายตาของพวกเขาที่ส่งยิ้มล้อเลียน

   

“ข้าวผัดหมูกับต้มยำไข่เจียว มากินด้วยกันดิ” เดือนบอกเมนูพร้อมเอ่ยชวน ถ้ามีหางไอ้แมนคงกระดิกขาดใจ




.


.


.


   

กลับมาที่ห้อง การสอนทำอาหารก็เริ่มขึ้น นักเรียนเดือนกับครูซันๆ สองคนส่งเสียงคุยกันหงุงหงิงในครัว ไอ้สองคนที่ตามมา คว้าเกมได้ก็นั่งส่งเสียงดัง กวนกันไปมา

   

“ล้างผักก่อนให้สะอาด เอามือลูบ เช็ดให้ทั่ว เบาๆ สิ แรงเดียวช้ำหมด” รีบบอกเมื่อเห็นว่าเดือนออกแรงล้างมะเขือเทศแรงเกินไป

   

“เอ้า เครื่องต้มยำ แม่ค้าเขาทำมาให้แล้วก็จริงแต่ก็ต้องล้างอีกรอบ เลือกเอาที่ใบงามๆ พอ ใบที่กระดำกระด่างก็เด็ดทิ้งได้”

   

เดือนก้มหน้าทำตามคำบอกอย่างดี นานๆ จึงจะถามออกมาสักครั้ง

    
 
“ล้างผักแล้วก็ล้างเนื้อสัตว์ ถ้าล้างผักทีหลังกลิ่นคาวจะติดผัก ตัวไม่ชอบกลิ่นคาวๆ ใช่ปะ”

   
“อืม ต้องล้างผักก่อนสินะ”
 
   
“ล้างแล้วก็หั่นเลย ทำผักให้เสร็จก่อนแล้วค่อยทำหมูทีเดียว”

   
บอกวิธีหั่นผักแต่ละชนิด คนทำก็ทำได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

   
“ความจริงถ้าเอาเนื้อหมูแช่แข็งไว้แล้วมาหั่นจะง่ายมาก นิ่มๆ แบบนี้ก็ระวังหน่อยมันจะลื่น” เขาเตือนพ่อครัวคนใหม่พลางเทเนื้อหมูลงในชามส่งให้เดือนล้าง สะเด็ดน้ำพักไว้ครู่หนึ่งพอหมาด

   
เตรียมเขียงกับมีดอีโต้พร้อมแล้วก็เริ่มหั่นหมูได้

   
“ค่อยๆ เริ่มหั่นช้าๆ สังเกตดูลายเนื้อด้วยให้หั่นตามขวาง หั่นตามยาวแล้วเคี้ยวยาว” ทำเป็นตัวอย่าสองสามชิ้นแล้วถอยออกมายื่นมองนักเรียนที่สีหน้าตั้งใจจนอยากแอบถ่ายไปอวดแม่กับน้าน้อง

    

กึก! กึก! กึก! เสียงมีดกระทบกับเนื้อหมูและเขียงไม้ดังต่อเนื่องเป็นจังหวะก้องในครัวเล็กๆ
   
   

“ไอ้ซัน! โทรศัพท์” กายตะโกนมาจากหน้าโซฟา เดือนหันมาส่งยิ้มให้บอกว่าทำได้ เขาจึงพยักหน้าเดินครัวไป

   

เพื่อนโทรมาจะขอยืมสมุดเล็คเชอร์ไปถ่ายเอกสาร เขาตกลง หันมาหยุดมองดูจอโทรทัศน์ที่พี่รหัสกับน้องรหัสเล่นเกมกันอย่างเมามัน



พริบตาเดียวก็มีเสียง กึก! …และ  “โอ้ยยยยยยยย” เพล้ง! เสียงโลหะตกกระทบพื้น



กระโจนเข้ามาในครัวเห็นเดือนยืนกุมมือซ้ายไว้แน่น กวาดตามองเห็นเลือดหยดเป็นดวงหลายแห่งบนพื้น รีบเดินเข้าไปใกล้คว้าข้อมือเล็กมาจับ มีดสับเข้าไปบนนิ้วขาวจนเกือบเห็นกระดูก



“กูพาเดือนไปคลินิกหน่อยนะ ไอ้แมนมึงมาทำต่อดิ กลับมาต้องเสร็จนะมึง”


 
ตะโกนบอกงานแล้วพาเดือนออกจากห้อง เร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์ออกไปอย่างรวดเร็ว

   


   




“มาล้างแผลที่คลินิกทุกวันนะคะ ประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากนั้นคนไข้ก็สามารถทำแผลตามปกติเองได้ค่ะ” พยาบาลประจำคลินิกบอกกับคนที่นั่งหน้าซีดไม่พูดอะไรออกมาสักคำตั้งแต่มาถึง

   
“มียาอะไรทานแก้ปวดบ้างไหมครับ”

   
“เดี๋ยวรอเรียกชื่อสักครู่ค่ะ”

   

โชคดีที่คลินิกคนไม่เยอะ พอเดือนมาถึงพยาบาลก็สามารถทำแผลได้ทันที จนตอนนี้เหลือเพียงแค่จ่ายเงินและรับยาแก้ปวดเท่านั้น เดือนตกใจมากจนหน้าซีดเผือดลงกว่าเดิม
   

เอื้อมมือไปตบบ่าเบาๆ แล้วพักมือไว้อย่างนั้น เดือนหันหน้ามามอง เอียงหัวซบลงบนบ่า ไถ่หัวไปมา ปราศจากคำพูด...อ้อนเหมือนเด็กๆ

   

“แสบไหม”
   

“...ไม่เท่าไหร่ซันๆ ปวดตุ้บๆ ที่แผลกับที่แขนมากกว่า”
   

“เดี๋ยวกินยาก็หาย”
   

“ไม่จริงหรอก...อยู่ใกล้ๆ ซันๆ ก็หาย” ว่าแล้วก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มใส่ตา อดจะบีบจมูกเล็กๆ นั่นไม่ได้ “แล้วทำไมซันๆ ต้องตรวจอะไรด้วยล่ะ ตัวไม่สบายตรงไหน” เดือนเอี้ยวตัวมามองผ้าพันแผลที่บริเวณข้อพับของเขาเทียบกับของตนเอง
   

“ตรวจเป็นเพื่อนคนขี้แงไง” คนฟังทำท่าจะโวยวายแต่พยาบาลก็ขานชื่อออกมาก่อน
   


“คุณนพคุณค่ะ” พยาบาลเรียกชื่อ เขาเดินไปรับยาสีชมพูสดมาหนึ่งแผง
   

“ค่าทำแผลกับค่ายาเป็นเงิน ห้าร้อยห้าสิบบาทค่ะ ส่วนค่าตรวจ---/ ชู่ว์“  พยาบาลชะงักไปนิดเมื่อเขาส่งเสียงบอกว่าไม่ต้องพูด
   

“รวมเป็นเงิน ----“ ไม่รอให้พูดจบส่งแบงค์พันหลายใบให้พยาบาลยื่นรอสักครู่ใบเสร็จและเงินทอนก็ถูกส่งมาให้

   

“จะรู้ผลภายในหนึ่งสัปดาห์ค่ะ เดี๋ยวทางเราจะโทรแจ้งให้มาฟังผลนะคะ”

   
“ครับ”  หันกลับไปก็ตกใจเดือนมายื่นใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่

   
“ฟังผลอะไร”

   

“ผลตรวจเชื้อบาทยักน่ะ เห็นว่าหั่นหมูพอดีไง มันสกปรกแล้วก็ตรวจอะไรๆ อีกเยอะแหละ นี่พยาบาลนัดมาฟังผลอาทิตย์หน้า” เดือนคงไม่ทันสังเกตว่าเขาพูดเร็วและอธิบายยืดยาวกว่าปกติ
 
   
เดือนพยักหน้าเข้าใจแล้วก็เดินนำไปรอที่รถ ก่อนจะขับกลับหอพัก

   

...ไม่ได้โกหกหรอกมั้ง แค่บอกไม่หมดเท่านั้นเอง
    
ยังไงอาทิตย์หน้าก็นัดมาฟังผลพร้อมกันอยู่แล้ว



.


.



.

 

   

“โหพี่คุณ เลือดยังซึมๆ อยู่เลยอะ”
   

“นั่นถุงไร มียาด้วยเรอะ”

   

สองหนุ่มออกมาต้อนรับถึงหน้าประตู ถามนั่นชี้โน้นวุ่นวายไปหมด ยังดีที่เดินเข้ามาเห็นว่าบนโต๊ะทานข้าวมีอาหารวางไว้รออยู่แล้ว เขาจึงไม่พูดอะไรออกไป จูงแขนเดือนไปนั่งเก้าอี้ รอทานข้าว
   
ทุกคนเดินมานั่งเรียบร้อย เมื่อทานไปได้สักพัก เขาก็ถามขึ้น
   

“ใครทำ”

   

“มึงคิดว่าใคร” ไอ้กายยักคิ้วให้อย่างกวนๆ

   

“ไม่ใช่มึงล่ะ ทำกับข้าวอร่อยนะแมน” หันไปชมรุ่นน้องที่นั่งตรงข้ามกัน ไอ้แมนส่งยิ้มเขินๆ มาให้

   

“เออ ไอ้นี่นะ ทำกับข้าวเป็นก็ไม่บอก ปล่อยให้กูเปิดคอมฯ งมหาวิธีทำตั้งนาน” ไอ้กายบ่น พลางตักข้าวเข้าปากคำโต

   

“ก็ผมไม่เห็นพี่ถาม ที่เปิดคอมฯ นึกว่าเล่นเฟส...”

   

ปล่อยมันหนุงหนิงหันไปมองคนที่ซดน้ำต้มยำแล้วยิ้มออกมาอย่างถูกใจรสชาติก็อารมณ์ดีขึ้นกว่าตอนที่เห็นว่าเดือนหน้าซีดอย่างในคลินิกหลายเท่า


“กินเยอะๆ จะได้หายไว้ๆ” ตักมะเขือเทศกับหมูในจานของเขาใส่ในจานของคนข้างๆ ส่งยิ้มให้


กำลังจะตักไข่เจียวให้ตัวเองจากจานของเดือน เจ้าของก็ขวางไม่ให้เสียอย่างนั้น


“เป็นแผลกินไข่ๆ เยอะ ไม่ดี เดี๋ยวแผลหายช้า เอามาให้เค้านี่ ตัวกินมะเขือเทศกับหมูแล้วก็ซดน้ำต้มยำไปแหละ จะได้หายไวๆ”



เดือนถึงยอมยกไข่เจียวให้
ส่งยิ้มขอบคุณที่ทำให้เขายิ้มตอบเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่รู้มาให้อีกหน : D




----------------------------------------------------------
[11.01.59]
ซันๆ ไปตรวจอะไรเป็นเพื่อนเดือนน้อ *คิคิ
(ความจริงซันๆ ทำผิดนะ เดือนมีสิทธิ์ฟ้องได้ การจะตรวจเลือดคนไข้มีสิทธิ์ที่จะรู้และทราบผลได้ด้วยตนเองค่ะ จะมาแอบเอาเลือดไปตรวจแล้วก็หลอกแบบซันๆ ทำไม่ได้นะคะ)
ตอนนี้คนเขียนมึนๆ กับที่ทำงานใหม่ ขอเวลาปรับตัวสักระยะนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและขอบคุณมากๆ ที่แสดงความคิดเห็นไว้ค่ะ ดีใจมากเลย //กอดๆ
 :กอด1:
Lavender’s blue

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 16) 11-01-2559
« ตอบ #39 เมื่อ: 11-01-2016 20:46:42 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 16) 11-01-2559
«ตอบ #40 เมื่อ11-01-2016 22:54:09 »

ขอบคุณค่า  เดือนใสซื่อจัง  จะทันพี่ซันไหมเนี่ยน้องเดือน  หุหุ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 16) 11-01-2559
«ตอบ #41 เมื่อ11-01-2016 23:30:52 »

ซันๆแอบตรวจเลือดเดือนเหรอ ถึงตัวเองจะตรวจด้วยแต่ก็ไม่น่าทำนะ ถ้าบอกกันดีๆ เดือนก็น่าจะยอมตรวจง่ายๆ แต่ทำแบบนี้เป็นเรา เราคงโกรธแน่ๆ

ออฟไลน์ nixnix

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 16) 11-01-2559
«ตอบ #42 เมื่อ12-01-2016 18:01:23 »

แปะไว้....ตามอ่านก่อนคะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 16) 11-01-2559
«ตอบ #43 เมื่อ12-01-2016 21:29:40 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 17) 12-01-2559
«ตอบ #44 เมื่อ12-01-2016 23:19:55 »


Just Love รักนะครับ






17

   


เทศกาลสอบกลางภาคเกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังนั้น ทั้งที่เขาเตรียมตัวอ่านหนังสืออยู่ตลอดเวลายังอดหวั่นไม่ได้ว่าจะอ่านหนังสือไม่ทัน ไอ้กายก็อพยพย้ายตัวเองมาอยู่ที่ห้องด้วยอีกคนเพื่อติวหนังสือกันทุกเวลาที่มีโอกาส เทอมนี้ต้องทำเกรดกันให้ดีหน่อย เพื่อที่จะมีโอกาสได้เลือกที่ฝึกงานดีๆ

   
ถามถึงเดือน...เจ้าตัวไม่อยู่ห้องย้ายไปกินนอนทำไฟนอลโปรเจ็คหลังจากนิ้วเริ่มหายดี เขาเพิ่งขนของใช้จุกจิกกับเสื้อผ้าไปให้เมื่อวาน เห็นสภาพแล้วอดไม่ได้ที่จะลากกลับมาที่ห้อง บังคับให้อาบน้ำ กินข้าวและนอน จนเห็นว่าเจ้าตัวพักผ่อนเต็มที่แล้วจึงพากลับไปทำงานต่อ

   
“เหมี้ยว”
   

แสนดีเดินมาใกล้ ส่งเสียงพลางเอาหัวและลำตัวถูกไถ่กับข้อเท้า เลยอุ้มขึ้นมานั่งตัก ปกติถ้าเดือนอยู่แสนดีไม่เคยที่จะมาอ้อนเขาด้วยซ้ำ วันนี้คงหิวมากจนทนไม่ไหว ถึงได้อ้อนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
   

ว่ากันว่า สัตว์เลี้ยงกับเจ้าของจะมีนิสัยเหมือนกัน จะว่าไปแล้ว เจ้าของแมวก็อ้อนเก่งแต่เด็กแล้วเหมือนกันล่ะนะ
ยังจำได้ตอนที่เพิ่งขึ้นชั้นมัธยม ๑ ได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ เดือนก็ถูกเพื่อนในห้องแกล้งอย่างที่เคยโดดประจำช่วงประถม

   

ตอนนั้นเป็นช่วงพักเที่ยง เขาเพิ่งเลิกการจากเตะบอลกับเพื่อน ระหว่างที่เดินกลับห้องนั้น เดือนก็โผล่ออกมาจากมุมตึก ใบหน้าขาวซีดขึ้นสีแดงเรื่อ เดินก้มหน้าไม่สบตาใคร
   

‘เดือน จะไปไหน’ เขาเดินไปหยุดตรงหน้าคนที่เดินก้มหน้างุดๆ สิ้นเสียงเดือนเงยหน้าขึ้นมามองอย่างรวดเร็ว
   

‘..ซัน..ซัน..’ เรียกชื่อเขาด้วยเสียงสั่นเครือ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมีน้ำตาคลอ ริมฝีปากถูกเม้มจนเป็นสีแดงก่ำ เห็นดังนั้นก็หันไปส่งภาษามือบอกให้เพื่อนขึ้นไปก่อน แล้วจูงแขนคนตัวเล็กไปนั่งใต้ต้นไม้
   

‘ใครแกล้ง บอกซันมา เดี๋ยวซันไปจัดการให้’ เดือนส่ายหัว น้ำตาที่กลั้นไว้หยดต้องแก้มขาว ก่อนจะกลิ้งหล่นพื้นไปตามแรงโน้นถ่วง
   

‘เดือน...ไม่เอาอย่าร้อง’ เห็นท่าไม่ดี เขารีบขยับเข้าใกล้ เอื้อมมือไปลูบหลังลูบไหล่ ‘บอกเถอะมีเรื่องอะไร ซันไม่ไปจัดการก็ได้ ไปบอกครูแทน เนอะ’ เดือนพยักหน้าเห็นด้วย เอียงหัวซบลงตรงไหล่ ความสูงของเดือนเพิ่มขึ้นแค่ 2-3 เซนติเมตรในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา ขณะที่เขาสูงขึ้นกว่าเดิมสัก 7-8 เซนได้
   

‘มีอะไรบอกซันเถอะ ไม่เชื่อใจซันเหรอ’ จบคำพูดก็ทำให้เดือนรีบบอกทันที

   
‘...มือถือเค้าหาย...หาไม่เจอ’ ผมกับเดือนเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งนี้ตั้งแต่อนุบาล และคาดว่าคงจะเรียนต่อไปจนถึงระดับมัธยมปลาย โรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษานำโทรศัพท์มาโรงเรียนได้ แต่ให้ปิดเครื่องไว้ อนุญาตให้เปิดได้ช่วงเลิกเรียนแล้วเท่านั้น แม่น้องเพิ่งซื้อโทรศัพท์ให้เดือนเมื่อวาน วันจันทร์มาโรงเรียนก็หายเสียแล้ว
   
ได้ยินดังนั้นก็ออกเดินนำขึ้นตึกไปที่ห้องเรียนทันที นักเรียนหลายคนวิ่งเล่นกันวุ่นวายส่งเสียงดังอยู่บริเวณสนามหญ้าข้างตึก เดินเข้าไปหาแป้ง หัวหน้าห้องเพื่อขอกุญแจห้องเรียน ห้องเรียนแต่ละห้องจะต้องล็อคกุญแจห้องไว้ ทุกครั้งที่พักสามเวลาคือเช้า เที่ยงและบ่าย เขาเปิดประตูเข้าไปค้นกระเป๋าของเดือนที่เก็บโทรศัพท์ไว้ แล้วก็ไม่เจอโทรศัพท์จริงๆ เพื่อนคนอื่นที่พอทราบเรื่องก็เข้ามาช่วยหา เดือนเดินตามมาเงียบๆ ไม่พูดอะไรสักคำ


‘ใครเอาไป’ เขาถาม หลายคนที่เล่นกันอยู่ชะงักค้างแล้วหลบตาอย่างมีพิรุธ


‘จะให้ค้นทีละคนไหม....นับ หนึ่ง สอง สาม’ เขาเดินไปค้นดูตามโต๊ะของเพื่อนทีละคนจนมาถึงโต๊ะของบอมคนที่มักจะแกล้งเดือนเป็นประจำตั้งแต่ชั้นประถม


‘ใครเอาไปบอกมา ถ้าเจอละก็...’ เขาละคำพูดไว้ไม่พูดจนจบ ก้มลงค้นกระเป๋า



ไม่มี



ก้มดูที่ใต้โต๊ะ ก็ไม่มีอีก ขณะที่เงยหน้าขึ้นมา ก็มีเพื่อนผู้หญิงส่งเสียงมาจากโต๊ะหน้า



‘ซัน...คุณ เจอแล้ว!’ แป้งนั่นเองที่หาเจอ โต๊ะตัวที่โทรศัพท์ของเดือนถูกนำไปวางไว้นั้นเป็นโต๊ะว่างที่ไม่มีใครนั่ง



‘อยากให้รู้นะว่าเล่นอะไรแบบนี้อีก’
 


‘แค่สนุกๆ น่า ไอ้ซันมึงจะไรนักหนา’ บอมรีบพูด


‘กูไม่สนุก...อย่าให้มีอีก’ จ้องตาไอ้บอมเขม่งจนมันหลบตาไป



‘ทำอะไรกันนักเรียน...เอ้าเร็ว รีบสวดมนต์ค่ะ จะได้เริ่มเรียน’


ครูประจำวิชาเดินเข้ามา ทุกคนกลับไปนั่งที่เริ่มต้นสวดมนต์ เดือนยิ้มออกมาได้แล้ว แก้มแดงก่ำ ตาวาววับไปด้วยน้ำตา กับรอยยิ้มบนใบหน้า ทำให้ความหงุดหงิดใจของเขาจากการที่เดือนถูกแกล้งปลิวหายไปราวกับควันต้องลม


‘ไง นพคุณ หาโทรศัพท์เจอหรือยังคะ’ ครูเดินเข้ามาถาม เดือนพยักหน้าตอบ ครูส่งยิ้มให้แล้วเดินไปหน้าชั้น


‘ถ้ามีใครแกล้งเพื่อนแบบที่แกล้งนพคุณวันนี้อีก ครูทำได้อย่างเดียวค่ะ โทรเรียกผู้ปกครองมาพบ และอย่างที่ทราบกันดีแล้วว่าคุณพ่อไม่ชอบเด็กนิสัยเสีย คิดว่าคุณพ่อจะทำอะไรก็ลองไปคิดดูนะคะ’ ทั้งห้องเงียบกริบ
แล้วก็มีเสียงของบอมดังขึ้นมาว่า

‘คิดไม่ออกครับครู’

ครูเดินเข้าไปใกล้คนพูดส่งยิ้มหวานพร้อมพูดว่า ‘กฤษดาจะลองไปเรียนรู้ด้วยตนเองเลยไหมคะ’ เท่านั้น บอมก็นิ่งเงียบอาจด้วยชนักที่ปักหลังอยู่ก็ได้



เดือนขยับตัวเข้ามาใกล้ กระซิบ ‘ขอบคุณนะซันๆ’
แก้มขาวๆ ยังมีรอยหยาดน้ำตา แต่รอยยิ้มที่เดือนส่งมาให้ก็สดใสเหมือนเดิมทุกครั้งที่ยิ้มให้กัน



เย็นนั้นเรากลับบ้านโดยตามปกติโดยไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนให้ผู้ใหญ่ฟัง พ่อศักดิ์กับแม่น้องยังไม่เลิกงาน เดือนจึงต้องมาคอยพ่อกับแม่ที่บ้านเขาเกือบทุกเย็น ระหว่างที่ทำการบ้านกันอยู่นั้น อยู่ๆ เดือนก็วางปากกา แนบตัวลงนอนกับโต๊ะญี่ปุ่น ถอนหายใจออกมายาวเหยียด


‘เฮ้อออออออ’


เหลือบตาขึ้นมองคนที่เตรียมตัวงอแง ก่อนจะทำก้มหน้าทำการบ้านต่อไป


‘..................’


รับรู้ได้ถึงสายตาของเดือนที่มองอยู่


‘อะไร’



‘ซันๆ อ่า’



‘ทำการบ้านให้เสร็จเลย’



เดือนนอนหนุนแขน เอียงหน้ามองตาแป๋ว ‘ซันๆ อ่า วันนี้เค้าโดนแกล้งมานะ’



‘……………’



‘ซัน..ซัน’ นั่น เริ่มทำเสียงเครือๆ แล้ว ขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ เอาหัวทุยๆ มาไถๆ แขน



‘………..’



พอเห็นเขาเงียบ เดือนก็ขยับเข้ามาใกล้ มุดเข้ามาในวงแขน



‘ซันๆ’



‘เฮ้ออออออ’ แกล้งถอนหายใจเสียงดังไปงั้น สุดท้ายก็ยอมให้ไอ้ตัวเล็กมันขึ้นมานั่งบนตัก ลูบหัวตบหลัง ปลอบกันไป



‘ซันๆ ใจดีกับเค้ามากๆ นะ’


‘อือ’


‘ถ้าเป็นแบบนี้ตลอดไปก็คงดี’



เดือนหันมายิ้มให้แล้วก็ลงจากตักไปนั่งทำงานต่อ
จนเดือนกลับบ้านไปแล้ว เขาเพิ่งรู้ตัวว่า เราไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยหลังจากนั้น



ทั้งๆ ที่มีแต่ความเงียบ กลับไม่รู้สึกถึงความอึดอัดสักนิด










“เหมี้ยววววว”



แสนดีส่งเสียงร้องอีกครั้ง เขากลับออกมาในโลกปัจจุบัน วันนี้เป็นวันที่เดือนส่งโปรเจ็ค หกโมงเย็นคือเส้นตาย ตอนนี้เพิ่งบ่ายสาม ออกไปซื้อของมาทำกับข้าวเตรียมไว้ก่อนน่าจะดี พอไปรับเดือนกลับมาจะได้กินข้าวแล้วก็พักผ่อนเลยวางแผนเสร็จก็นั่งเล่นกับแสนดีสักพัก จึงเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถมอเตอร์ไซค์




เปิดประตูห้องออกมาก็เห็นว่ามีคนนั่งพิงกำแพงข้างประตูห้องอยู่



“กาย?”



“ไอ้กาย”
 

เรียกแล้วไม่ตอบรับเลยเดินเข้าไปใกล้แล้วเอาเท้าสะกิด กายเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าตาเคร่งเครียดที่สุด


“ไอ้ซัน”


“นั่งทำไรตรงนี้วะ”


“..กะ..กูไม่รู้ว่ะ” กายยันตัวลุกขึ้น เห็นหน้ามันแล้วเขายังส่ายหัว โทรมสุดๆ วันก่อนที่เจอกันวันสอบยังดูได้กว่านี้


“งั้นเข้าไปรอในห้องเป็นเพื่อนแสนดีทีดิ กูจะไปตลาด” โยนกุญแจให้มันแล้วก็เดินจากมา ลงลิฟต์มาถึงชั้นล่าง กดโทรศัพท์ไปหาคนที่น่าจะเป็นสาเหตุใหญ่ให้เพื่อนของเขามีสภาพอย่างที่เห็นทันที


“ครับพี่ซัน”


“ไอ้กายอยู่ที่ห้องกู ถ้ามึงยังทำให้มันกลับมาเป็นปกติไม่ได้ วันจันทร์กูสั่งซ่อม!” พูดจบก็วางโทรศัพท์ทันที



...ยังไง ไอ้แมนก็ต้องรีบมาดูแลพี่รหัสมันด้วยความเร็วแสงอย่างเคยอยู่แล้ว...






.


.


.




เปิดประตูห้องเข้ามาเห็นรองเท้าหน้าตาแปลกๆ สองคู่ เดินเข้ามาข้างใน แปลกใจนิดหน่อยที่ไม่มีเสียงพูดคุย ทีวีเปิดไว้แต่ไม่มีคนดู สองคนนั้นหายไปไหน


“แสนดี...แสนดีอยู่ไหน มาหาพ่อซันเร็ว” แสนดีร้องเหมียวมาจากโซฟา แกว่งหางไปมาสองสามทีแล้วก็นอนต่อไป  ...เอาวะ ยังดีที่ส่งเสียงตอบ


สองคนนั้นอาจไปคุยปรับความเข้าใจกันที่ไหนสักแห่ง ผ้าม่านตรงระเบียบพลิ้วเพราะแรงลม ... คงคุยกันอยู่ตรงระเบียง

   
เดินเข้าไปในครัว จัดการกับของที่ซื้อมาอย่างรวดเร็ว ตอนไปไม่ได้คิดว่าจะซื้ออะไร พอมาดูตอนนี้มีแต่ของชอบของเดือนทั้งนั้น แทบจะหาผักใบเขียวไม่เจอ

   
“.................”

   
“..........................”

   
มีเสียงแว่วมาจากระเบียงห้อง ....จะว่าไปแล้วไอ้สองคนนี้มันยังไงกันอยู่นะ

   

“เหมี้ยว” เขาขยับตามแสนดีออกมาจากครัว ย่อง...ย่อง...มาผ่านห้องนั่งเล่น แสนดีกระโดดขึ้นนั่งบนโซฟา เขาก็ลงไปนั่งข้างๆ

   

“พี่กาย ผม..”
   

“กู...”
   

“พี่..พี่ฟังหน่อยไม่ได้เหรอครับ”
   

“...กู...ไม่อยากได้ยิน..”
   

“............................”
   

“............................”
   

“ผม....ขอโทษที่รบกวนครับ”
   

แล้วไอ้แมนก็เปิดประตูระเบียงเข้ามาในห้อง มันยกมือไหว้เขา ตาแดงๆ ทำอย่างกับจะร้องไห้ แล้วรีบเดินออกจากห้องไป
   

ตึง!
   

“โว้ย!”
   
   
บรรยากาศตึงเครียดเขารีบก้าวกระโดดกลับไปทำทีเตรียมอาหารต่อ

   

“ไอ้ซัน กูรู้ว่ามึงได้ยิน บอกมาดิว่ากูควรทำไงดี”

   

กายตะโกนจากระเบียงนำเข้ามาก่อน หยุดเท้าแขนกับเคาน์เตอร์เตรียมอาหารฝั่งห้องนั่งเล่น หลังมือมีเลือดซึมสายตาจ้องเขม่งมาที่เขาสีหน้าบอกว่า กูรู้ว่ามึงจะให้คำตอบกูได้

   
“กูจะรู้กับมึงไหมวะ สลัด!”
   

“มึงต้องตอบได้สิ มึงกับเดือนเป็นแฟนกันนะเว้ย”
   

“พ่อง! เกี่ยวไรกับเดือน เรื่องของมึงก็เรื่องของมึงว่ะ เรื่องกูกับเดือนไม่เหมือนมึง”

   
สีหน้าไอ้กายดูสับสนจนเขาเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ พูดปลอบมันไปอีกว่า
   

“กูถามมึงคำเดียว...ถ้ามึงไม่ได้ทำตามที่มึงต้องการตอนนี้ มึงจะเสียใจไหม”

     

ไอ้กายเม้มปากแน่น

   

“เรื่องบางเรื่อง มันไม่ต้องใช้สมองหรอกวะมึง ทำตามใจมึงบ้างเถอะ”

   

พูดไปแล้ว ตัวเขาเองก็ได้แต่นิ่งอึ้ง


   
เส้นสีขาวพาดผ่านเข้ามาในสมองแล้วสว่างวาบไปทั้งหัว แจ่มแจ้ง เห็นชัดยิ่งกว่าเวลาเที่ยงวัน

   



...เรื่องของเขากับเดือนทั้งหมด มันเป็นเพราะเขาเองสินะที่ยังไม่ยอมรับตัวเอง ปล่อยทุกอย่างให้คลุมเครือ ไม่สนใจที่จะทำความเข้าใจ กดความรู้สึกที่มีต่อเดือนไว้ภายใต้คำว่า ...เพื่อนสนิท เพื่อนรัก เพื่อนตาย

   
ทั้งๆ ที่ถ้าเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นแต่เปลี่ยนเป็นไอ้กายแทนที่จะเป็นเดือน เขายังไม่รู้เลยว่าจะเป็นเดือดเป็นร้อน หรือ สนใจเท่าที่เป็นเรื่องของเดือนเองหรือไม่

   
คิดไปแล้วมันก็น่าขำ ...อย่างที่คนโบราณว่าไว้ ผงเข้าตาตัวเองแล้วเขี่ยไม่ออก มันเป็นอย่างไร เขาก็เพิ่งเข้าใจ
   
ต้องขอบใจกายและไอ้แมน ที่ช่วยให้เขาเข้าใจตัวเองมากขึ้น

   

“....................”

   

“ไอ้ซัน! น้ำเดือดแล้วเว้ย”

   

“ฮะ! เออๆ” รีบกุลีกุจอปั้นหมูสับเป็นก้อนกลมๆ ใส่ในน้ำเดือด

   

“เหอะ เพื่อนกำลังทุกข์ใจแท้ๆ มึงยังไปคิดถึงแฟนมึงได้อีก” ไอ้กายเดินมาข้างๆ ล้างมือทำความสะอาดแผลของมันไปตามเรื่อง

   

“อะไรมึง”

   

“อย่ามาทำมึน...เรื่องที่ทำให้มึงยิ้มเป็นบ้าได้แบบนี้ก็มีเรื่องไอ้คุณคนเดียวละว้า”
กายเดินออกไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลทำแผลของตัวเองอย่างรวดเร็ว

   

“...................”

   

“กูจะลองไปคิดดูแล้วกันนะ” ไอ้กายพูดต่อไป

   

“ไม่ต้องบอกกู ไปบอกไอ้แมนโน้น” ใส่ผักกาดขาวลงไป ต้องต้มนานหน่อยเพราะเดือนชอบกินแบบนุ่มๆ

   

“เหอะ!”

    
   

“เดี๋ยวน้ำเดือด มึงปิดเตาทีนะ กูไปรับเดือนก่อน”

   

“แวะซื้อถุงใส่กับข้าวมาด้วย”

   

“เอามาทำไร”

   

“เอามาเถอะน่า...รีบไปเลยมึง เดี๋ยวไอ้คุณรอแย่”

   

เมื่อขับมอเตอร์ไซค์มาถึง เดือนก็รออยู่แล้วพร้อมกับเพื่อนอีกสองสามคน เห็นท่าทางเล่นหัวใกล้ชิดสนิทสนมแล้วเขาก็รู้สึกหงุดหงิดชอบกล

   

“ซันๆ” เดือนตะโกนเรียกชื่ออกมาเสียงดัง คนทั้งโต๊ะก็หันมองมาที่เขาเป็นตาเดียวยกมือทักทายฝันที่โบกไม่โบกมือมาให้

   

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ก็มีเสียงเป่าปาก โห่แซวขึ้นมาระรอกหนึ่ง

   

“พอเลยพวกมึง! เล่นไม่เข้าเรื่อง” เดือนรีบปรามเพื่อนตัวเอง
   

“แหมๆ ที่อย่างนี้ทำเขินนะไอ้คุณ” คนหนึ่งเอ่ยแซวแล้วที่เหลือก็ตามมา
   
“ทีตอนออกไปพรีเซ็นต์หน้าห้อง กูหายางอายมึงไม่เจอสักหยด”
   
“ม่ายมีรายมากกกก แค่อยากบอกรักผะ- อุ๊ป!” เดือนหันไปตบปากเพื่อนตัวแสบเสียงดัง
พลางเหลือบมองหน้าเขา แก้มขาวซีดก็ค่อยๆ มีเลือดฝาด

   
“ฮิ้ววววว”
   
   
เขาพอจะเข้าใจเรื่องได้รางๆ แล้ว รอยยิ้มก็ถูกจุดขึ้นที่มุมปาก
   

“โอ้ย ซัน ได้โปรดเถอะ!” ฝันตะโกนขึ้นมาทำเอาทุกคนเงียบกริบ
   

“ครับ?”

    

“ยิ้มแบบนั้นเอามีดมาแทงกันเลยดีกว่า” ฝันยักคิ้วให้สองที เล่นเอาหุบยิ้มไม่ทัน

   

“ฮิ้วววววววววว”

   

“พอๆ กลับล่ะพวกมึง เจอกันๆ” เดือนพูดขอตัว โบกมือลาเพื่อนๆ แล้วลากแขนเขาออกมา ทิ้งคำล้อเลียนและเสียงหัวเราะฮาเฮไว้เบื้องหลัง

   
   



   

“เดือน”

   

ขับรถกลับมาถึงหอพัก เดือนก็รีบกุลีกุจอทำทีจะเดินขึ้นห้องไปก่อน

   

“อารายยยย”

   

“พูดให้ฟังหน่อยสิ” ส่งยิ้มล้อเลียนไปให้

   

“พูดอะไร หิวข้าวมากตอนนี้” ท้ายเสียงลากยาวใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องหรอกนะ ท้ายประโยคลากเสียงแบบกวนๆ ด้วย

   

“อยากได้ยินน่ะ”

   

“ซาน...ซานนนนนนน ไม่เอา ไปๆ เข้าห้องๆ” แก้มแดงไปหมดแล้วซะงั้น

   

“ไม่ได้เหรอ” ทำท่าอ้อนสุดชีวิต เดือนมองหน้าเขานิ่งไปสักพัก สะบัดหัวแล้วรีบเข้าห้องไป

   

“ถ้ากับข้าวอร่อยจะพูดให้ฟัง ฮ่าๆ”

   

เข้ามาในห้องก็ต้องแปลกใจที่เห็นห้องมืดสนิท มีเพียงแสงสีเหลืองส้มมะลังมะเลืองมาจากโต๊ะกินข้าว เดือนยืนนิ่ง ก้มหน้าอ่านอะไรบางอย่างบนโต๊ะ เขาเดินเข้าไปใกล้ แล้วพบว่าอาหารเย็นถูกจัดใส่จานแล้วเรียบร้อย คนที่จะทำได้ก็คงมีแต่ไอ้กายคนเดียว ยิ่งกว่านั้น มันหาเทียนไขมาจุดไว้อีกต่างหาก พร้อมดอกกุหลายสีแดงใกล้เหี่ยวสามดอกเสียบไว้ในขวดน้ำพลาสติก


“ไอ้กาย เล่นไม่เข้าเรื่อง” เขาว่ามันให้เดือนได้ยิน เดือนเงยหน้าขึ้นมาสบตา ส่งยิ้มกว้างตาปิดให้

 
“ซันๆ มาอ่านนี่สิ”

เดือนหยิบกระดาษโน้ตแผ่นเล็กบนโต๊ะขึ้นมาแล้วยื่นให้



กระดาษแผ่นนั้นมีลายมือที่พยายามเขียนเป็นระเบียบของไอ้กายความว่า




“บอกกูให้คิด มึงก็อย่าลืมถามตัวเองด้วยล่ะไอ้ซัน
แต่เชื่อกูเถอะว่า มึงรักใครไม่ได้อีกแล้วล่ะ นอกจากไอ้คุณ
               Guy ผู้ชายสุดหล่อ”





อ่านจบแล้วแทบจะคิดท่ามันยักคิ้วสองทีออก เงยหน้าขึ้นมาก็เจอเดือนฉีกยิ้มกว้างให้


“ว่าไงซันๆ”


“หิวแล้ว กินข้าวกันเถอะ” เขาทำเป็นไม่เข้าใจ เป่าเทียนดับจนเหลือแต่ควันนั่งลงหยิบช้อนส้อมเตรียมกินข้าว


“โธ่ ซันๆ อ่า บรรยากาศออกจะเป็นใจขนาดนี้” เดือนโอดครวญ แต่ก็ยอมนั่งลงและยกช้อนขึ้นมาบ้าง



“เอ้านี่ กินเลย ไม่พักเดียวจะกลับมาผอมเท่าเดิมแล้วนะ” ตักเต้าหู้ไข่กับหมูก้อนใส่ชามคนที่ยังคงส่งเสียงบ่นหงุงหงิงไม่หยุด



“อ้าปากเลย” เมื่อเห็นว่าเดือนยังไม่ยอมทานสักทีก็ตักหมูไปจ่อปาก “เร็วๆ”



“ซะ------ กินเองได้น่า” เดือนเปิดปากจะพูดแต่ก็โดนป้อนเข้าให้ก่อนแล้ว



“อร่อยไหม” พอได้ลงมือทาน ไอ้ตัวเล็กก็ทานไม่หยุดจนอดแซวไม่ได้



“ไม่น่าถาม ฝีมือซันๆ อร่อยที่สุดอยู่แล้วเถอะ”



“ใช่ไหม งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็มาพูดให้ฟังด้วย”



“เห้ยยยยย นี่ยังไม่ลืมอีกหรือเนี่ย”



“ไม่ลืมหรอก อยากได้ยิน”



“....ง่า”



“งั้นแลกกัน เดี๋ยวเค้าก็จะบอกตัวด้วย ตกลงปะ”



ได้ยินดังนั้น เดือนก็ยิ้มกว้างอีกรอบ ดวงตาสีดำสนิทส่องแสงแวววับเปี่ยมไปด้วยความยินดี
แล้วความเร็วในการกินข้าวของเดือนก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า



.


.


.




ล้างจานเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ต่างคนก็แยกกันไปจัดการธุระของตัวเอง เขาอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วออกมานั่งดูโทรทัศน์บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ครู่หนึ่งเดือนก็เดินออกมา อาบน้ำแล้วปล่อยให้ผมเปียกน้ำหยุดเป็นทาง ในมือถือผ้าขนหนูมาถึงก็ยื่นให้



“เช็ดให้หน่อย” พร้อมนั่งลงข้างๆ



“พูดก่อนจะเช็ดให้” รู้ว่าถ้ารอเช็ดผมให้แห้งก่อนแล้วค่อยพูด เดือนคงได้แอบหลับไปก่อนแน่ๆ



“ซันๆ อ่า ไม่เคยดูคลิปเหรอ เดี๋ยวเปิดให้ดู” เดือนทำท่าจะลุกขึ้นแต่คว้าแขนไว้ทัน



“ไม่ต้องเลย จะฟังที่ตัวพูด พูดให้ฟังหน่อยนะ”  เดือนเม้มปาก แก้มขึ้นสีอีกแล้ว



“งะ...งั้นขอผ้าเช็ดผมก่อน” พูดแล้วก็เอื้อมมือมาหยิบผ้าเช็ดผมไปด้วยความเร็วแสง
เอาไปปิดหน้าตัวเองซะงั้น

   

“เอ้า ฟังดีๆ นะ....เฮ้ยยย เขินอะ ซันๆ หลับตาก่อน” ทั้งๆ ที่มีผ้าขนหนูปิดหน้าไว้แล้ว ยังเขินได้อีก

   

“...สึดดีชาวโซเชี่ยวแคม...”

   

“หึๆ ....โอ้ย!” หมัดขาวๆ ต่อยเข้าที่สีข้างอย่างแรง “อย่างขำเด้ จะฟังไหม”

   

“อ่าครับๆ”

   

“..สึดดีชาวเชี่ยวแคม...ม่ายมีรายมาก..แค่อยากบอกรัก—“ เอื้อมมือไปเปิดผ้าขนหนู ดวงตาสีดำเบิกกว้าง “ซันๆ”

   

“ครับ...”

   

แนบริมฝีกปากลงบนปากของเดือนแผ่วเบา กดแนบไว้อย่างนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวใดใด จนเริ่มรู้สึกถึงความร้อนจากร่างกายของทั้งคู่จึงผละออกมา

   

“ซันก็ไม่มีไรมาก...แค่อยากบอกให้รู้ว่า รักเดือนเหมือนกันนะ”



“ซัน..ซัน” น้ำตาเม็ดโตร่วงลงมาต้องแก้มขาว


ขยับตัวช้อนเดือนให้ขึ้นมานั่งบนตัก



“โอ๋ๆ จะร้องไห้ทำไมครับ คนบอกรักก็ต้องดีใจสิ”



“...ซันๆ” เดือนฝังหน้าลงตรงซอกคอรับรู้ได้ถึงหยาดน้ำตาที่ซึมผ่านเสื้อยืด


“.........” หยิบผ้าเข็ดผมมาซับผมเปียกๆ ของคนเจ้าน้ำตา



“ซันๆ เค้าน่ะไม่ดีพอ—“



“เดือนน่ะ ดีที่สุดแล้ว ไม่เชื่อเค้าเหรอ”



เดือนไม่ตอบ ส่งยิ้มตาปิดมาให้อีก โน้มใบหน้าลงใกล้ แววตาของเดือนสะท้อนใบหน้าของเขา





“ซันๆ ถ้าไม่จูบ
เค้าจูบก่อนละนะ”



--------------------------------------------------------------
[12/01/59]
ใครจูบก่อนชนะ เย้!
ขอบคุณมากๆ ที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :-[
Lavender’s blue
ปล มุกเก่าเพราะเรื่องนี้ตั้งไว้ตั้งแต่ปี 57 แล้วค่ะ

ออฟไลน์ nixnix

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 17) 12-01-2559
«ตอบ #45 เมื่อ12-01-2016 23:51:04 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 18) 13-01-2559
«ตอบ #46 เมื่อ13-01-2016 20:06:48 »


Just Love รักนะครับ








18







“โธ่เว้ย!!”

   
ปัง!!

   


แตะขอบประตูเข้าไปเต็มแรง เจ็บจี๊ดจนต้องทรุดตัวลงกุมเท้าเอาไว้



รู้สึกร้อนผ่าวบริเวณขอบตา
กะพริบตาถี่ๆ ... ไล่หยดน้ำใส


   
ห้องพักมืดสนิท แสงไฟจากเสาไฟฟ้าตรงถนนใหญ่ส่องเข้ามาให้เห็นสภาพภายในห้องเป็นเงาตะคุ่ม ทรุดตัวนั่งลงราบไปกับพื้น หลังพิงประตู เงยหน้าสูดลมหายใจลึก

   



อารมณ์ปั่นป่วนยังคงทำให้คิดอะไรไม่ออก ทั้งความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ น้อยใจ ปะปนกันมั่วไปหมด




เรื่องน่าตลกมันอยู่ที่ ถึงแม้จะรู้สึกอย่างไร ก็ทำใจให้โกรธต้นเหตุไม่ลง
เป็นเรื่องตลกที่ขำไม่ออกเลยจริงๆ

   

“หึ หึ” หัวเราะออกมาท่ามกลางความเงียบ

   


ใจย้อนกลับไปถึงครั้งแรกที่ได้รู้จัก ผู้ชายงี่เง่าที่ชื่อ ‘กาย’







.



.



.



   

“นายชื่อไรอะ”

   

ผมเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือ หันไปมองคนที่เข้ามาสะกิด เขาสวมชุดนักเรียนโรงเรียนเอกชนชื่อดัง ทรงผมสไตล์เกาหลีนั่นขัดใจผมชะมัด โรงเรียนรัฐบาลของผมให้ตัดได้แค่ทรงผมนักเรียนเกรียนๆ เท่านั้นเอง คนที่เข้ามาทักคงประหม่าไม่น้อยถึงได้คอยเอามือดันแว่นตากรอบสีแดงตลอดเวลา
   

“แมน”
   
“เออ..เรากายนะ”
   

คำแทนตัวที่สุภาพอย่างคำว่า ‘นาย’ หรือ ’เรา’ ที่ไอ้แว่นแดงพูดออกมา มันดูขัดกับหน้าตาอย่างสิ้นเชิง
   

“ไม่ต้องพูดเพราะกับกูก็ได้..ไม่ชินว่ะ”

   
“เออ..เห็นหน้าตาเรียบร้อยแบบนี้ กูก็นึกว่ามึงคุณหนูไง”

   
นั่นไง มันไม่ได้เป็นคนสุภาพหรือพูดเพราะอะไรจริงๆ ด้วย


   
“กิจกรรมน่าเบื่อรึไง กูเห็นมึงนั่งเล่นแต่โทรศัพท์” กายนั่งลงข้างๆ

   
วันนี้เป็นวันสอบสัมภาษณ์ในการเข้าเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง คณะวิทยาศาสตร์ รุ่นพี่นัด ‘ว่าที่’ ปีหนึ่งตั้งแต่แปดโมงเช้า เพื่อเข้ามาละลายพฤติกรรม ทำความรู้จักกันก่อนที่จะเริ่มสัมภาษณ์โดยคณาจารย์ประจำคณะตอนสิบโมง
   

“มั้ง..กูไม่ชอบ”

   
ตั้งแต่มาถึง ผมไม่เห็นว่าจะได้ทำอะไรนอกจากแนะนำตัวและร้องเพลงกับเต้นท่าตลกๆ
   
   

“สนใจหน่อยก็ดีนะกูว่า . . . พี่ๆ เขาก็เตรียมมาตั้งเยอะนะเว้ย” พูดจบไอ้กายก็หันไปมองดูกิจกรรม ตบมือ แหกปากร้องเพลง หัวเราะราวกับว่ามันสนุกสนานเต็มที

   

ผมเก็บโทรศัพท์ หันไปมองกิจกรรมตรงหน้า อาจเพราะเสียงหัวเราะอย่างเต็มที่ของคนข้างๆ ก็ได้ที่ทำให้ผมเริ่มสนุกไปกับกิจกรรมต่างๆ







   

“ไงมึง”

   
กายส่งเสียงทักเมื่อผมเดินออกมาจากห้องสอบสัมภาษณ์

   

“ก็ดี”

   

“เออ มึงไม่เครียดก็ดีละ..กูไปถามพี่มา อาจารย์ไม่ได้ซีเรียสไรมาก ถ้ามึงพูดกับเค้ารู้เรื่องก็ผ่านละ .... แล้วมึงจะไปไหน ไปกินข้าวกันไหม” เราลงลิฟต์มาชั้นล่างของตึก กายเดินนำต่อไปยังโรงอาหารของคณะ
   

“มึงดูเชี่ยวนะ” แปลกใจกับท่าทางคุ้นเคยของเพื่อนใหม่จนต้องพูดออกมา

   

“เอ้า...ก็พี่กูเรียนนี่... มาๆ มึงจะแดกไรแมน ก๋วยเตี๋ยวอร่อยนะ ลองไหม” 
    
   

“งั้นก็ได้”

   
คนในโรงอาหารบางตา คงเป็นเพราะอยู่ในช่วงปิดเทอม

   

“มึงไม่ไปซื้ออะ” แทนที่จะไปซื้อข้าวพร้อมกัน ไอ้กายกลับนั่งลงเอาโทรศัพท์มาเล่นซะงั้น

   
“มึงไปก่อนเลย กูนั่งจองโต๊ะให้”

   
“ไม่ต้องจองหรอกน่า ไปซื้อพร้อมกันนี่แหละ มึงจะได้แนะนำเมนูอร่อยๆ ให้กูไง”



   
ร้านก๋วยเตี๋ยวที่กายแนะนำเป็นร้านที่มีต่อคิวซื้อเยอะที่สุด โดยเฉพาะรุ่นพี่ปีสองที่มาจัดกิจกรรมให้กับน้องๆ ปีหนึ่งวันนี้และเพื่อนใหม่ของเขาดูจะเป็นที่รู้จักของพี่ปีสองทุกคน


   
“น้องกายยยยยยย” พี่ผู้หญิงหน้าตาหน้ารักคนหนึ่งส่งเสียงเรียกชื่อกายลั่น เมื่อเราเดินมาต่อแถวซื้อก๋วยเตี๋ยว

   
“หวัดดีครับพี่แนน” กายยักคิ้วให้

   
“แหม ใส่ชุดนักเรียนแล้วน่ารักจังเลยนะ” พี่ผู้หญิงอีกคนทักขึ้นบ้าง

   
“แน่นอน พี่หญิง คนหล่อใส่อะไรก็หล่อ” กายตอบพลางเก๊กหล่อเต็มที่ ไม่สนใจเสียงหัวเราะคิกคักของรุ่นพี่ที่ส่งให้อย่างล้อเลียน

   
“แล้วนี่เพื่อนเหรอ. . . แนะนำให้รู้จักหน่อยสิ” เมื่อหันมาเห็นผม พี่แนนก็ทักขึ้นมา

   
“แมน นี่รุ่นพี่คณะปีสอง พี่แนน พี่หญิง พี่ฝ้าย ..คนสุดท้ายนี่ ไม่บอกไม่รู้สินะว่าเป็นดาวคณะ” ว่าแล้วกายก็หันหน้ามายักคิ้วให้ผมหนึ่งที หัวเราะกับท่าทางตลกๆ และเสียงโวยวายของรุ่นพี่สาวสวยทั้งหลาย

   

 “ปากเสียชะมัด อิกายยยยยยย”
 
   
พี่ฝ้ายรี่เข้ามาหมายจะทำร้ายร่างกายฝ่ายตรงข้าม กายหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานใช้ตัวผมเป็นเครื่องกำบัง



   
“เล่นอะไรกันเป็นเด็กๆ”
   

เสียงห้าวๆ ดังขึ้นขัดขังหวะ ทุกคนหันไปมองที่ต้นเสียง ชายหนุ่มร่างสูงผิวคล้ำหน้าตาคมเข้มยืนกอดอกมองอยู่

   

“อ้าว พี่ซัน หวัดดีครับ”

   

กายหยุดเล่นหันไปทักทายพี่หน้าโหดอย่างอารมณ์ดี ขณะนั้นเองพี่ฝ้ายอาศัยจังหวะที่กายเผลอ ต่อยเข้าที่หัวไหล่เต็มแรง

   

“โหยยยยย ดาวคณะประสาไรวะเนี่ย หมัดหนักชะมัด” ได้ยินเสียงกายบ่นงึมงำ

   

“พอเถอะน่ากาย เอ้าเร็ว แนะนำเมนูไร” ผมบอกกายอย่างเพลียๆ ให้เลิกกวนตีนพี่ๆ เมื่อแถวขยับมาใกล้ กายก็กลับมาพูดจ้อ แนะนำเมนูอาหารนั่นนี่เรื่อยเจื้อย




กายเป็นเพื่อนคนแรกของผมที่คณะ ตั้งแต่วันแรกที่มาสัมภาษณ์ มีงานอะไร ซื้อของ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชุดนักศึกษา อุปกรณ์การเรียนต่างๆ กายก็เป็นคนชวนออกไปซื้อพร้อมแนะนำร้านดีๆ ให้ตลอด



ผมไม่ได้เอะใจเลย



ไม่เลยสักนิดว่าชีวิตน้องใหม่ปีหนึ่ง




จะได้พบกับกิจกรรมที่เรียกว่า ... พี่เนียน ...








วันสุดท้ายของกิจกรรม เรื่องราวต่างๆ ก็ได้เฉลยออกมาว่า กาย และเพื่อนๆ ผมอีกหลายคนที่ดูจะคุ้นเคยกับพี่และคณะนั้น เป็น “พี่เนียน”




“พี่เนียน” รุ่นพี่ที่แฝงตัวเข้ามาเป็นเพื่อนกับน้องๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างน้องใหม่ด้วยกันเองให้แนบแน่นยิ่งขึ้น เป็นคนที่คอยให้คำแนะนำน้องๆ อย่างเนียนๆ ในหลายๆ ด้าน




เข้าใจแล้วว่าทำไม กายถึงเข้ามาทักผม ชวนคุย ในวันแรกที่ผมมาสัมภาษณ์



เข้าใจแล้วว่าทำไมกายถึงพูดมาก ชวนคุย สร้างหัวข้อให้ผมและเพื่อนๆ ได้คุยกันตลอด




เข้าใจแล้วว่าทำไมกายถึงบอกเรื่องกิจกรรม ชวนไปซื้อของ พาไปที่ต่างๆ ในคณะอย่างถูกต้อง





หลายคนคงรู้สึกเหมือนถูกหลอก ผมเองก็คิดแบบนั้น





แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มอ่อนและใบหน้ารู้สึกผิดของกายที่กำลังถูกรุ่นน้องผู้หญิงทั้งหลายรุมซักไซ้
ความรู้สึกว่าถูกหลอกก็หายไป



คำพูดของ “พี่กาย” ในวันสอบสัมภาษณ์แว่วมาให้ได้ยินอีกครั้ง




‘สนใจหน่อยก็ดีนะกูว่า . . . พี่ๆ เขาก็เตรียมมาตั้งเยอะนะเว้ย’






ผมถึงได้เข้าใจว่า ถ้าไม่สนใจ ไม่ห่วงใย พี่เนียนหลายคนคงไม่ยอมเสียสละมาทำงานนี้ งานที่เสี่ยงต่ออารมณ์ ความรู้สึกของทั้งตนเองและน้องๆ หลายคน













พี่กายผละออกมาจากกลุ่มรุ่นน้องผู้หญิงเมื่อเห็นผมยืนอยู่ใกล้ๆ



“ไงมึง”



“....” ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ส่งยิ้มบางๆ ให้



“มึงโกรธกูเหรอ....น้องรหัส” พี่กายเดินเข้ามารวบไหล่เข้าไปกอด ทำหน้ากรุ้มกริ่ม ล้อเลียน



“โหพี่...” กำลังจะพูด พี่กายก็ตะโกนขัดขึ้นมาก่อน



“...ซัน ไอ้ซัน”  พี่ซันเดินเข้ามาใกล้ พี่กายก็รีบพูด



“กูจองไอ้แมนเป็นน้องรหัสกู” พอได้ฟังพี่ซันก็เลิกคิ้ว



“กูถูกชะตาว่ะ ... กูเป็นพี่รหัสมึงนะเว้ย” ประโยคหลังพี่กายหันมาย้ำกับผมอีกที



“อันนี้แล้วแต่น้อง ไอ้กาย บอกกูก็ไม่ช่วยไรหรอก” พี่ซันพูดเท่านั้น ก็เดินจากไป



“ไอ้แมน ... มึงอยากเป็นน้องกูป่าว ไม่เอา ไม่ต้องตอบ กูไม่ถามล่ะ ยังไงน้องรหัสกูก็ต้องเป็นมึง นี่เป็นคำสั่ง!!”



พี่กายพูดจบ ก็ทิ้งผมไว้ หายไปท่ามกลางกลุ่มคนมากมาย











ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
ผมก็ได้เป็นน้องรหัสพี่กายจริงๆ



.
.
.



   



ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!


   
“แมน เปิดประตู”


   
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงเคาะประตู


   

เสียงที่เรียกผมเมื่อครู่ คือเสียง พี่กาย หรือเปล่า


   


ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!

   



“กูเอง เปิดประตูหน่อยเว้ย ยุงกัด”

   


เมื่อแน่ใจว่าเป็นพี่กายก็เปิดประตูให้อีกฝ่ายเข้ามา


   

   

“เปิดช้าชะมัด ยุงกัดกูจนอิ่มทั้งตระกูลแล้วมั้ง สลัด!” พอเข้ามาในห้องก็บ่นเสียงดัง ถอดรองเท้าแบบขอไปทีแล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟา

   

ผมเขี่ยรองเท้าให้เป็นระเบียบแล้วเดินตามมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ




   

ความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่ในห้อง ผมได้ยินกระทั่งเสียงหึ่งๆ ของยุง



   
แขกยามวิกาลขยับตัวอย่างอึดอัดหลายหน แต่ก็ไม่พูดอะไร
ผมได้แต่ยืนรออย่างไม่เข้าใจการมาของเขา 

 


   
“เอ้า..ไอ้สลัด มึงจะพูดไรก็พูดเด้ กูมาฟังแล้วไง”
    



พูดกับทีวีหรือไง
คนที่จะพูดด้วยอยู่ตรงนี้นะครับ





“...ไม่มีอะไรพูดแล้วพี่”





“อย่ามากวนตีน ตอนเย็นมึงยังเซ้าซี้จะให้กูฟังอยู่เลย”





“...ผมคงไม่..”




“นับ! หนึ่ง!....”




จะให้พูดอะไร




“ถ้ากูนับถึงสาม แล้วมึงยังไม่พูด ก็จะไม่ฟังมึงอีกเลย ...สอง!”





หัวใจผมเต้นระรัว






“...สะ”






ผมชอบพี่!!



“ชอบมากๆ จนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว . . . ผมพยายามที่จะไม่ชอบพี่แล้วแต่ก็ทำไม่ได้ . . . พี่กาย...ผมชอบพี่จริงๆ นะ ถ้าพี่ไม่ชอบ ผมจะไม่เข้ามายุ่งวุ่นวาย แต่ให้ผมได้เป็นน้องพี่เหมือนเดิม เป็นไอ้แมนน้องรหัสพี่เหมือนเดิมก็ได้ อย่าไล่ อย่ารังเกียจผมเลยนะพี่...”



“..................”



“..................”




ผมก้มหน้าก้มตาพูด ไม่รู้ตัวสักนิดว่าถูกจ้องจากคนที่ทำทีเป็นมองซ้ายขวาไม่สบตา
จนรวบรวมความกล้าขึ้นมาได้มากพอก็เงยหน้าขึ้น
สบตากับดวงตาสีเข้ม
เราจ้องมองกันอยู่อย่างนั้น




“...ถ้ารังเกียจ กูจะยังมานั่งฟังมึงพูดไหม มึงประสาทว่ะไอ้แมน”



“.....”

   

“เอ้า ทำน้ำตาคลอ ง่วงแล้วมึง ไปจัดที่นอนดิ จะให้กูนอนบนโซฟานี่หรือไงวะ”



รีบกุลีกุจอไปทำตามที่บอก    




ความรู้สึกที่ไม่โดนปฏิเสธยังคงโลดแล่นอยู่ทั่วร่างกาย
จนกระทั่งเมื่อปิดไฟนอน
ได้ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจ




พี่กาย แขก นอนบนเตียงผมสบายใจ สบายหลัง
ผม เจ้าของห้อง ถูกขับไล่ลงมาให้นอนบนพื้นข้างเตียง ถึงจะสบายใจ แต่ก็ปวดหลังไม่น้อย




“พี่กาย” กระซิบเรียก



“........”



“พี่กาย” ไม่ตอบก็กระซิบให้ดังขึ้นอีกนิด



“..เออ” เสียงห้วนๆ ส่งมาจากบนเตียงที่เคยเป็นของผม



“พี่ไม่ว่าถ้าผมจะชอบพี่ใช่มะ”



“เออ”



“แบบนี้แสดงว่า...”ลากเสียงยาว เชิงออดอ้อน



“ว่า?”   



“ผมจะมีโอกาสใช่ป่าว”



“.............” เอ้า ทำไมเงียบซะงั้นล่ะ



“พี่กาย” ตอบผมด้วยเด้



“...........”




“เอ้า พี่กาย นอนแล้วเหรอ ตอบคำถามผมก่อนเด้”



“เงียบไปเลยสลัด!! คนจะนอนเว้ย”  ยังไม่หลับจริงๆ นั่นแหละ



“...พี่กาย” แต่เมื่อไม่อยากให้กวนก็...



“..อะไรอีก” พี่กายเลิกผ้าห่ม พลิกตัวกลับมา พร้อมท่าทางหัวเสียเต็มที



“ฝันดีครับ”




“เออ!” 



-------------------------------------------------------
[13/01/2559]
เด็กมันมุ้งมิ้งอย่างนี้นี่เองสินะ *-*

ซันๆ : หมาป่าในคราบแกะจ่าฝูง
เดือน: แมวนวดนาดบนรั้ว
กาย: เพื่อนแกะจ่าฝูง
แมน: หมาน้อยต้อนแกะแต่กลับโดนแกะไล่ *โธ่วววว น้องแมนของป้า 5555

 :katai5:
Lavender’s blue

ออฟไลน์ NOPKAN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-1
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 18) 13-01-2559
«ตอบ #47 เมื่อ13-01-2016 20:16:37 »

 :hao3:

ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 18) 13-01-2559
«ตอบ #48 เมื่อ13-01-2016 20:34:13 »

แมนน่ารักมุ้งมิ้งมากกก ><
กายกาย กินเด็กแล้วเป็นอมตะนะ

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 18) 13-01-2559
«ตอบ #49 เมื่อ15-01-2016 20:36:53 »

ซันๆกับเดือนก็หวาน แมนกายก็มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวสุดๆไปเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 18) 13-01-2559
« ตอบ #49 เมื่อ: 15-01-2016 20:36:53 »





ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 19) 15-01-2559
«ตอบ #50 เมื่อ15-01-2016 20:39:37 »


Just Love รักนะครับ






19



   

ตื่นมาตอนเช้าตรู่ พร้อมอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ขณะที่เหยียดมือออกไปก็พบว่ามีใครบางคนแอบเข้ามานอนอยู่ข้างๆ
   
...ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้...



   
“เดือน”


   
ส่งเสียงเรียกพร้อมเอื้อมมือไปเขย่าหัวไหล่ผอมๆ


   
“..ฟี้..อื้อ...”

   

“แอบมานอนเตียงคนอื่นแล้วยังตื่นสายอีกนะ” พูดออกมาเบาๆ แล้วก็ได้แต่หัวเราะกับตัวเอง

   

เขาไม่เคยล็อคห้องนอน ไม่แปลกใจเลยว่าเดือนจะเข้าห้องมาได้ยังไง ...ไม่ใช่ครั้งแรกที่เดือนแอบเข้ามานอนด้วยเสียเมื่อไหร่
เดือนเกลียดเสียงฟ้าร้อง... เหตุผลเดียวที่ทำให้เดือนเข้ามานอนข้างๆ   



บิดขี้เกียจมองไปยังคนที่นอนงอตัวเหมือนกุ้งลวกสุกรู้ตัวอีกทีปลายนิ้วของเขาก็สัมผัสกับริมฝีปากบางของคนที่แอบมานอนข้างกัน ได้สติจึงละนิ้วออกขยับตัวลุกขึ้นตื่นเต็มตา
   


คนที่นอนอยู่บนเตียงสะลึมสะลือตื่นขึ้นมานั่งหัวยุ่งตอนที่เขากำลังเริ่มแต่งตัวพอดี

   
“งื้อ... ซันๆ”

   

“เอ้า ตื่นแล้วก็เก็บเตียงเลย เดี๋ยวออกไปข้างนอกกัน”

   

“ไปหนายยย” เดือนขยี้ตาถามเสียงง่วงๆ

   

“เถอะน่า เร็วๆ”


   

“Hug me, kiss me”

   
“บ่นอะไรงุ้งงิ้ง”

   
“จุ๊บหน่อย”

   
“ไม่เอา ไม่จูบกับคนไม่แปรงฟัน”

   
“โห...ใจร้ายว่ะ”

   
“ไปอาบน้ำ”

   
เดือนทำหน้ายุ่ง จัดการพับผ้าห่ม ตบหมอน จัดเตียงเรียบร้อย เดินหน้างอมาใกล้ๆ

   
“ขอมัดจำไว้ก่อนล่ะกันนะ” พูดจบเจ้าตัวก็แขย่งตัวขึ้นมาหอมแก้มเขาเต็มฟอด ยักคิ้วกวนๆ หนึ่งทีแล้วก็ลอยหน้าลอยตาเดินออกจากห้องไป

   

   
“.........”

   

ความรู้สึกร้อนวาบกระจายไปทั่วใบหน้าและลำคอ หันไปมองกระจก ใบหน้าคล้ำแดดนั้นไม่มีอะไรแตกต่าง แต่ส่วนใบหูและลำคอนั้นเป็นสีจัด
   

...ต่อให้ก่อนละกันนะเดือน

   

   



พวกเรามาทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งไม่ไกลจากหอพักนัก บริเวณวัดร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยผลิใบสีเขียวขจีให้ร่มเงา บรรยากาศเงียบสงบอย่างที่ไม่พบเจอมาหลายวันให้รู้สึกผ่อนคลาย


    
   
เขาหวังว่าบรรยากาศและความเงียบสงบนี้จะช่วยให้เรื่องที่จะคุยกับเดือนเป็นไปอย่างราบรื่น


   

เดินมาถึงท่าน้ำ ศาลาไม้สภาพเก่าแต่ได้รับการดูแลอย่างดี เมื่อก้าวขึ้นไปนั่ง สายลมอ่อนพัดกลิ่นของสายน้ำ ดอกไม้และแสงแดดผ่านมาอย่างนุ่มนวล ในศาลามีกล่องพลาสติกขนาดย่อมหนึ่งกล่อง เปิดดูพบว่าเป็นอาหารปลา เขาและเดือนบริจาคเงินจำนวนหนึ่งทำบุญ และหยิบอาหารปลาที่บรรจุไว้ออกมาคนละถุง


   
“ซันๆ ตัวว่าปลามันจะเบื่อไหม”

   
จู่ๆ เดือนก็ถามขึ้นมาระหว่างที่เรากำลังเพลิดเพลินกับการมองดูปลาตัวโตโผล่จากน้ำขึ้นมาฮุบกินอาหารเม็ดที่โปรยลงไป

   
“ไม่หรอก ทีตัวยังไม่เบื่อข้าวเลย”

   
“แต่บางวันก็กินก๋วยเตี๋ยว กินสปาเก็ตตี้ เค้กบ้างนะซันๆ”

   
“นี่อยากรู้จริงๆ ใช่ปะ”

   
“เอ้า จริงเด้ ไม่งั้นจะถาม’ไมอะ” ตายังคงมองปลาจำนวนมากที่มากินอาหาร ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้

   
“แล้วเดือนเบื่อซันปะ”

   
จบคำถามเดือนหันควับมาอย่างรวดเร็ว ขยับเข้ามาใกล้ ตอบเร็วปรือ เสียงดังฟังชัด

   
“ไม่เบื่อ ไม่เคยคิดเลยเถอะ!!”


   
อดที่จะส่งยิ้มกว้างให้ทั้งน้ำเสียง สีหน้าและท่าทางที่จริงจังนั้นไม่ได้

   
“ก็เหมือนปลาไง...อะไรที่รักก็ไม่เบื่อหรอก...ใช่ปะ”

   
“โหหหหหห....ตายเลยซันๆ พอๆ เขิน ฮ่าๆ” เดือนโห่เสียงดัง แล้วเดินผละไปอีกด้าน

   
“ไม่ชอบเหรอ” เดินตามไปถาม

   
“ชอบ..ชอบมากกกกกก แต่นี่วัดปะ ทำไรไม่ได้ ฮ่าๆ”

   
“ตรงตลอด”


ว่าแล้วก็ขยี้หัวคนช่างคิดไปอีกหลายทีจนเจ้าตัวต้องบอกให้หยุด





ให้อาหารปลากันไปอีกสักพักจนหมด กลับมานั่งชมบรรยากาศของสายน้ำต้องแดดเป็นประกายระยิบระยับ หมู่ไม้สีเขียวส่ายไหวตามสายลม

   
...ช่วงเวลานี้ คงเหมาะสมแล้ว หรือเปล่า...

   
“เดือน”

   
“หืม”  เดือนละสายตา หันมามองหน้าเขา ใบหน้าแต้มรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปาก

   
“พรุ่งนี้...”

   

“...?”


   

“พรุ่งนี้...กลับบ้านด้วยกันนะ”

   

ริมฝีปากถูกเม้มเป็นเส้นตรง เดือนหลุบสายตาลงต่ำ ไม่สบตา

   

“......................”


“....ว่างใช่ไหม กลับบ้านกันเถอะ”


“.......ไม่รู้สิซันๆ”


“...เค้าไปด้วยนะ ซันๆ ไปด้วย เดือนไม่ต้องกลัวอะไรหรอก”



คว้าข้อมือขาวทั้งสองข้างที่เริ่มจะเกรงแน่นมากุมไว้



“...ยังไงไปนอนบ้านเค้าก็ได้..บ้านเดือนก็แวะไปตอนกลางวัน...โอปะ”



“แล้วซันๆ จะมาด้วยไหม”



เหงื่อชื้นๆ ในมือของเดือนค่อยๆ แห้งไป



“ไปสิ ตัวอยู่ไหน เค้าก็อยู่นั่นแหละ ตกลงไหม”


“ซันๆ อย่าทิ้งกันนะ” เดือนเงยหน้าขึ้นมาสบตา ความกังวลฉายชัดในแววตา


“ไม่มีทาง”


กระชับมือที่กุมไว้แน่น ส่งยิ้มกว้างแบบที่เดือนชอบให้ กระตุกให้ลุกขึ้นยืน



“ถ้ารู้สึกแย่เมื่อไหร่ก็บอก แล้วซันพากลับเลย ดีไหม”


“..อื้อ..”


“อาหารอีกถุงไหม” พยักเพยิดหน้าไปทางกล่องอาหารปลา  เดือนส่ายหัวเป็นคำตอบ


“งั้น..วันนี้จัดทริปตามใจนพคุณ..อยากไปไหนต่อครับ”



เดือนนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะคว้ามือเขาไปกุมไว้และออกเดินนำ





“ไปเดินเล่น”

 





.


.



.





เราเดินเที่ยวเล่นไปทั่วจนหัวค่ำ เมื่อกลับถึงห้องต่างก็แยกย้ายกันไป เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสำหรับใส่อยู่บ้านแล้วก็นั่งลงตรงพื้นหน้าจอขนาดใหญ่ทันที



ก๊อกๆ !!



“ซันๆ”



เห็นจากทางหางตาว่า เดือนเคาะประตูห้อง มือข้างหนึ่งหอบหมอน ข้างที่ใช้เคาะห้องมีผ้าห่มพาดอยู่



“นอนด้วย”



“อืม”



ไม่ละสายตาไปจากภาพตรงหน้า สองมือกดปุ่มเล็กรัว จนกระทั่ง หน้าจอขึ้นคำว่า Completed ถึงได้เบือนหน้าจากหน้าจอโทรทัศน์



เดือนนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง มีผ้าห่มที่ขนเข้ามาคลุมอยู่และซ้อนทับด้วยผ้าห่มของเขา ...รู้ทั้งรู้ว่าห้องเขาเปิดแอร์เย็น แต่ก็ยังคงใส่แค่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นนอน สุดท้ายก็ต้องมาลากผ้าห่มไปห่มเพิ่ม



ตอนออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จก็พบว่าเดือนหลับไปแล้ว ทั้งๆ ที่มือยังคงถือโทรศัพท์มือถืออยู่อย่างนั้น



“เดือน”



เดินเข้าไปใกล้ โน้มตัว เพื่อจะหยิบโทรศัพท์ออกจากมือของคนที่นอนหลับแต่เดือนก็สะดุ้งตื่น



“อื้อ ซันๆ”



“จะนอนแล้วก็เลิกเล่นได้แล้ว โทรศัพท์น่ะ”



“อารายยยย ยังไม่นอน..ฮ้าวววว”   ยังจะเถียงให้ได้ นั่นหาวขนาดนั้นแล้วแท้ๆ



“งั้นเค้าจะนอนแล้วนะ ถ้าตัวจะนอนก็ปิดไฟด้วย” ทำท่าจะล้มตัวนอนบนเตียง เดือนจึงได้รีบบอก



“เอ้ยยยย ถ้าซันๆ จะนอนแล้วก็ปิดไฟเลย เค้าก็จะนอนแล้วเถอะ ฮ้าววว ง่วงแล้ว”




ว่าแล้วก็รีบเก็บโทรศัพท์ แล้วก็หาวออกมายกใหญ่ ขยี้หัวทุยนั่นอย่างอดไม่ได้แล้วจึงไปปิดไฟ




ล้มตัวลงนอนได้ไม่กี่อึดใจ
คนข้างๆ ก็พูดขึ้นมา




“ซันๆ “  น้ำเสียงของเดือนดังขึ้นมาแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบ





“หือ?” ตอบรับในลำคอ นอนหลับตานิ่ง ไม่เคลื่อนไหว ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง แล้วจึงมีเสียงของเดือนตอบมาช้าๆ




“...เปล่า”




ไม่มีใครพูดอะไรต่อ จนเมื่อถึงกึ่งหลับกึ่งตื่น เสียงของเดือนก็เข้ามาปลุกให้เขาตื่นอีกครั้ง





“ซันๆ”






“เดือน...ทำไร” เหมือนว่าเดือนจะจับน้ำเสียงได้ว่าเขาเริ่มหงุดหงิด จึงได้พูดออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ   
 






“... เปล่า ...แค่อยากรู้ว่า...ไม่ได้อยู่คนเดียว” 




มันคงเป็นการกระทำที่ผ่านสไปนอล คอร์ต (Spinal cord ระบบตอบสนองของร่างกายที่เป็นไปโดยสัญชาติญาณ) มากกว่าสมองแน่ๆ ที่ทำให้เขาพลิกตัวเข้าไปกอดเดือนทั้งตัวทันทีที่พูดจบ




“ซันๆ”





เดือนตกใจกับการถูกรวบไปกอดแบบไม่ทันตั้งตัว เกรงตัวอยู่ครู่เดียวก็ยอมอยู่ในอ้อมกอดโดยดี แผ่นหลังของเดือนมีเหงื่อซึม ทั้งๆ ที่อุณหภูมิภายในห้องเย็นสบาย 


“อยู่กับเดือนนี่แหละ”



เดือนเอียงคอมาซบตรงซอกคอ สัมผัสได้ถึงความชื้นจากบริเวณไรผม



“ซันๆ  ถ้าพรุ่งนี้..”



เดือนกระซิบไม่ทันขาดคำ ริมฝีปากของเขาก็ประทับลงริมฝีปากของเดือน สกัดคำพูดและความคิดที่จะทำให้เจ้าตัวไม่สบายใจยิ่งขึ้นให้หายไป




เริ่มจากการจากบดเบียดอย่างแนบสนิทอย่างช้าๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นการดูดดึงริมฝีปากของกันและกัน ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัด เลาะเล็ม ปลอบประโลม รสจูบของเราไม่ได้เป็นกองไฟที่ร้อนแรงลุกโชน แผดเผาทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่เป็นสายลมอ่อนที่พัดแผ่วเบาให้กองไฟไม่มอดดับ



ก่อนที่กองไฟลุกโชน ริมฝีปากของเราก็กดแนบกันและกันไว้นิ่ง จนจังหวะของหัวใจกลับมาเต้นคงที่สม่ำเสมอจึงได้ผละออกมา กระซิบแนบริมฝีปากของคนในอ้อมกอด



“ไม่ต้องกังวลไปหรอก เชื่อสิ”




เดือนกดริมฝีปากเข้าที่ปลายคาง




“อื้อ”





ลากมือลูบแผ่นหลังของเดือนอย่างแผ่วเบา คิดไปถึงสิ่งที่เดือนกังวล แม้ว่าเดือนจะไม่เคยบอกแต่เรื่องพวกนี้ก็ไม่พ้นคำบอกเล่าจาก ‘แม่’ ของเขาอยู่แล้ว






.



.



.





‘ตาซัน อยู่หอคนเดียวเหงาไหม’


แม่โทรหาเขาตอนเช้าวันหนึ่งซึ่งเขาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้เดือนกว่า การปรับตัวเข้ากับระบบการเรียนแบบใหม่ สังคมและเพื่อนใหม่ผ่านไปอย่างราบรื่น แม่เพิ่งจะมาเป็นห่วงลูกชายหรือยังไงกัน


‘ก็มีบ้างแหละแม่ แต่คิดว่าอยู่คนเดียวสบายใจกว่า’



แม่ไม่ตอบในทันที ได้ยินเสียงถอนหายใจ



‘...เออ งั้นก็ดีแล้วล่ะ’


‘มีไรป่าวแม่’


‘ก็เดือนนะสิ แม่น้องโทรมาเล่าให้ฟังว่าไปทะเลาะกับพ่อศักดิ์เรื่องอยู่หอนี่แหละ’



‘อ่า... ’



‘พ่อศักดิ์โมโหมากทะเลาะกันใหญ่โต แล้วเดือนก็ออกจากบ้านไปเลย ไม่ติดต่อมาเลยล่ะ วันก่อนเพิ่งจะโทรหาแม่น้องบอกกว่าไปอยู่กับเพื่อน’



‘ครับ...แล้ว..’



‘เดือนบอกพ่อว่าอยู่หอคนเดียวแล้วเหงา อยากออกไปอยู่กับเพื่อน พ่อศักดิ์ไม่อนุญาตเลยทะเลาะกันน่ะ’



‘อ๋อ’



‘แม่ก็กลัวซันเหงาไง แต่ลูกอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม งั้นคงไม่มีปัญหาไรนะยะ’



เริ่มตั้งแต่โทรมาเสียงของแม่ซึมๆ ฟังดูคล้ายกังวลและเป็นห่วงเขาจริงๆ แต่ตอนนี้ดูความกังวลของแม่จะหายไปแล้วถึงได้พูดเล่นเฮฮาขึ้นมาได้บ้าง



‘ไปสืบมาหน่อยดิว่าเดือนไปพักอยู่แถวไหน’




‘โหวแม่ ถ้าเดือนไม่บอกก็แปลว่าไม่บอกไง’ บอกแม่ สนิทกันตั้งแต่เด็กๆ ทำไมจะไม่รู้ว่าเดือนชอบหรือไม่ชอบอะไร



‘แม่กับแม่น้องแค่อยากรู้ เผื่อมีอะไรจะได้ติดต่อได้..ไปหามาเถอะน่าซัน แกจะปล่อยให้เดือนเร่ร่อนไปนอนนั่นทีโน้นทีไม่เป็นหลักแหล่งหรือไง’



‘อ่า ครับๆ’




ไม่กี่วันก็ทราบว่าเดือนไปอยู่บ้านเช่าหลังใหญ่กับเพื่อนร่วมคณะ เขาก็รายงานแม่ไป ทางแม่น้องก็ไม่ได้กล่าวอะไรถึงเรื่องนี้อีกปล่อยให้เดือนได้ใช้ชีวิตอยู่กบเพื่อนอย่างที่ต้องการ แม่น้องไม่มีทางปล่อยให้ลูกชายใช้ชีวิตลำพังแน่จึงแอบแวะมาดูบ้างจนเจ้าตัวรู้เข้า ทั้งคู่ทั้งเดือนและแม่น้องถึงได้ยอมพูดคุยกันดีๆ เหมือนเดิมจนในที่สุดเมื่อต้นเทอมที่ผ่านมา ทั้งสองแม่คงทนกับความติสท์ของศิลปินเพื่อนของเดือนแต่ละคนไม่ไหว ถึงได้บังคับแกมข่มขู่ให้เดือนย้ายมาอยู่กับเขา




ไม่ทราบว่าเหตุการณ์ที่แม่เรียกว่า ‘ทะเลาะกันใหญ่โต’ ระหว่างเดือนกับพ่อศักดิ์นั้นเป็นอย่างไร ทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหน สาดคำพูดร้ายกาจใส่กันมากเพียงใด จนกระทั่งเดือนหันหลัง เดินออกมาจากบ้าน และไม่เคยกลับไปเลยตั้งแต่วันนั้น




ทั้งคู่ไม่เคยพูดถึงอีกฝ่ายอีกเลย





แต่เท่าที่เขามองสถานการณ์ ทั้งแม่น้องและแม่ที่คอยแวะเวียนมาดูแลเดือนและเขาอย่างสม่ำเสมอแล้ว อารมณ์โมโหพ่อศักดิ์อาจหายไปกับสายลมทันทีที่เดือนเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้วก็ได้




------------------------------------------------------
 [15/01/2559]
นอกจากอยากให้เดือนได้กลับบ้านทำความเข้าใจกับพ่อศักดิ์แล้ว
ตาซันยังแอบมีวาระซ่อนเร้นกับเขาด้วยนะ ;D
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
Lavender’s blue


ออฟไลน์ nixnix

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 19) 15-01-2559
«ตอบ #51 เมื่อ15-01-2016 23:09:27 »

 :3123: :3123: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mi22

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 19) 15-01-2559
«ตอบ #52 เมื่อ16-01-2016 03:18:01 »

อ่านรวดเดียวเลยค่ะ งานการไม่ได้ทำเลย
โอ้ยยย ชอบมากก ชอบซันๆ ทำไมเป็นผู้ชายอบอุ่นขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เดือนจะชอบ
แล้วก็ชอบอีกคู่ด้วย คู่นั้นก็มึนๆกันดี อิพี่กายมึนคนเดียวมากกว่า 5555

เขียนดีค่ะ ชอบภาษา

ออฟไลน์ mynamejnkf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 19) 15-01-2559
«ตอบ #53 เมื่อ16-01-2016 06:52:49 »

บรรยากาศฟรุ้งฟริ้งมากเลยอ่ะ งื่ออออ

อ่านรวดเดียวเลยเนี่ย

เมื่อไหร่จะได้กันคะ 19 ตอนแล้วนะ ...สักทีเถอะน่าา นะ น้าาา ~ อยากรู้ซันๆจะแผดเผาเดือนได้ขนาดไหน อิ๊อ๊ะ

ขอบคุณคนแต่งสำหรับนิยายดีๆค่ะ สู้ๆน้า :-[ :impress2: :กอด1:

ออฟไลน์ imvodka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 19) 15-01-2559
«ตอบ #54 เมื่อ16-01-2016 11:12:55 »

 :hao5: อ่านรวดเดียว  รอดูผลการตรวจ  :hao7:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 19) 15-01-2559
«ตอบ #55 เมื่อ16-01-2016 11:16:29 »

ทะเลาะกับพ่อศักดิ์ถึงขนาดที่กลัวจะกลับบ้านตัวเอง มันเรื่องอะไร

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 19) 15-01-2559
«ตอบ #56 เมื่อ16-01-2016 15:47:00 »

ฮื้ออออ ตามอ่านรวดเดียวเลยยยย

ซันๆกับเดือนน่ารักกกกกกกกกกกกกกกก~

ออฟไลน์ nixnix

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 19) 15-01-2559
«ตอบ #57 เมื่อ17-01-2016 20:14:09 »

รออ่านอยู่นะคะ

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 20) 18-01-2559
«ตอบ #58 เมื่อ18-01-2016 21:12:19 »



Just Love รักนะครับ






20






“ไปบ้านเค้าก่อนป่าว”


เขาถามคนที่เอาแต่นั่งพิงหน้าต่างรถมาตลอดทางการเดินกลับบ้านด้วยกัน เดือนส่ายหัวทั้งที่ยังหลับตาท่าทางอ่อนล้า เขาลูบหัวทุยแผ่วเบา



“ซันๆ อยู่ด้วยน่า เดือนจะกัวไยฮะ”


ประโยคหลังเลียนเสียงที่พูดไม่ชัดเหมือนเด็กๆ ซึ่งก็ได้ผลเดือนลืมตาขึ้นมามองพร้อมหัวเราะหึหึในคอ มีความกังวลไม่น้อยอยู่ในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น



“เดือนมีซันๆ นะครับ”



“อืม”



ไม่นานรถประจำทางก็จอดลงตรงสถานีปลายทาง เวลาเช้าตรู่ท้องฟ้ายังคงสลัว ดวงอาทิตย์ยังไม่ปรากฏให้เห็น มีเพียงแสงสีส้มสะท้อนบนก้อนเมฆใหญ่ตัดกับสีน้ำเงินเข้มของท้องฟ้า ดาวประกายพรึกส่องสว่างเปล่งประกาย



“สวยจังเลยนะซันๆ”



เดือนมายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ กระซิบเสียงแผ่ว



“เรื่องที่บ้านน่ะ ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ” พยักหน้าตอบ





สถานีขนส่งผู้โดยสารอยู่ห่างจากบ้านของเดือนไม่มาก เราเดินลัดเลาะมาตามคลองเล็กข้างสถานีเพื่อจะมาโผล่บนถนนสายหนึ่งในหมู่บ้านชานเมืองอันเงียบสงบ ละทิ้งความจอแจของผู้คนและเสียงอันวุ่นวายของสถานีขนส่งไว้เบื้องหลัง



เราสองคนเดินทอดน่องกันอย่างช้าๆ ด้วยหวังว่าจะยืดเวลาในการเผชิญหน้ากับความจริงออกไปให้นานที่สุด อย่างไรก็ตาม ๑๕ นาทีต่อมารั้วปูนสีน้ำตาลอ่อนก็ปรากฏให้เห็นเจ้าของบ้านชะงักไป เขาจึงยื่นมือไปตบบ่าเบาๆ เพื่อจะบอกว่า


เขายังอยู่ตรงนี้ข้างๆ กัน





ได้ยินเสียงสูดลมหายใจลึก แล้วสองเท้าของเดือนก็ออกเดินอีกครั้ง จนมาหยุดที่ประตูบ้านรั้วไม้สีน้ำตาลเข้ม เสียงกริ่งดังไม่นาน ประตูไม้บานเล็กข้างประตูใหญ่ก็เปิดออกพร้อมกับเสียงที่ทั้งเขาและเดือนคุ้นเคย



“กว่าจะมาถึงนะ...พ่อบอกจะไปรับก็ไม่ยอม” 





 “พ่อ!!/ พ่อศักดิ์”






.


.


.





“ไงละเรา ยอมกลับบ้านแล้วเรอะ”




ผู้ชายรูปร่างสันทัดคนนี้คือพ่อศักดิ์ พ่อของเดือน เกือบสามปีที่ไม่ได้พบกัน พ่อศักดิ์ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ทรงผม หนวดหรือหน้าตาที่ดูเคร่งขรึมจริงจังสมกับอาชีพวิศวกรใหญ่ของบริษัทแห่งหนึ่ง


เขาเงยหน้าสบตากับเจ้าของคำพูด พ่อศักดิ์กะพริบตาพร้อมส่งยิ้มให้ชั่วพริบตาจนคิดว่าตนเองตาฝาด ก่อนจะกลับมาทำหน้าเคร่งขรึม หันไปมองลูกชายของตนเองที่มัวแต่ก้มหน้ามองพื้น


   
“..ครับ”


   
ลูกชายก้มหน้านิ่งไม่ยอมสบตาผู้เป็นพ่อ
ท่าทางอึดอัดกับบรรยากาศเคร่งเครียดที่พ่อของตนเองสร้างขึ้น


   


ความเงียบเข้าปกคลุมห้องชั่วขณะ
จะหายใจยังกลัวว่าจะทำลายความเงียบที่แสนอึดอัดนี้



   
“สภาพดูไม่ได้ แกไปเรียนหนังสือหรือทำไรฮะเจ้าเดือน!” พ่อศักดิ์พูดเสียงดัง เน้นชื่อของเดือนเป็นพิเศษ

   

“.........” เดือนไม่ตอบ กำสองมือแน่น

   

“หายไปสามปี ไม่ติดต่อกลับมาบ้าง ดีนะที่มีซันๆ ถึงได้ตามหาแกเจอ”

   

“...........” เดือนยังคงไม่ตอบคำถาม ริมฝีปากถูกเม้มแน่นขึ้น

   

“อวดเก่ง บอกว่าดูแลตัวเองได้แล้วเป็นไง สุดท้ายก็ต้องมาให้ซันๆ ดูแลอยู่ดี”
   
   

“ผมไม่ได้อวดเก่ง”

   

“บอกว่าโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ จะให้เชื่อยังไงล่ะ” พ่อศักดิ์พูดต่อราวกับไม่ได้ยินเสียงของลูกชาย


   

เขาทนเห็นเดือนโดนต่อว่าไม่ได้ขยับตัวจะพูด กลับถูกห้ามไว้ด้วยสัญญาณมือจากพ่อศักดิ์ ซึ่งหันหน้ามาทางเขาแล้วส่งยิ้มแล้วทำสัญญาณให้เงียบ

   


และด้วยท่าทีนั้นเอง
เหมือนเขาจะเริ่มเข้าใจอะไรบ้างแล้ว


   


“ไปอยู่กับเพื่อน กินเหล้าเมายา จนแม่เขาทนไม่ได้ต้องบังคับให้มาอยู่กับซันๆ ไม่อยากจะคิดถึงสภาพตอนแกไปอยู่กับเพื่อนเลย ให้ตายสิ ถ้าแกเชื่อพ่อแต่แรกก็คง...”

   

ทั้งที่กำลังใช้วาจาว่ากล่าวแดกดันเดือนอยู่ รอยยิ้มบนหน้าพ่อศักดิ์กว้างขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถซ่อนไว้ได้ เขามองเดือนที่ยังคงก้มหน้ากำมือไว้แน่นแล้วก็อดสงสารไม่ได้
   



กำลังคิดว่าจะทำอะไรสักอย่างให้เดือนเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าโดนพ่อตัวเองแกล้งนั้น เสียงแม่น้องก็ดังขึ้น

   

“พ่อ!! แกล้งอะไรลูกอีกล่ะนั่น”

   

เดือนหันขวับไปตามเสียง แม่น้องเดินมาจากทางครัวด้านหลังของบ้านพร้อมผ้ากันเปื้อนสีหวาน ส่งยิ้มกว้างให้ลูกชาย เดือนทำตาโตมองแม่และหันกลับมามองที่พ่อตนเองอย่างรวดเร็ว

   

“พ่อ!! แกล้งเดือนเหรอ” ดวงตาสีดำสนิทมีน้ำตาคลอ พ่อศักดิ์เห็นดังนั้นก็หัวเราะดังลั่น อย่างกลั้นไม่อยู่

   

เดือนลุกขึ้นไปกอดแม่พูดอู้อี้กับอกฟังไม่เป็นภาษา แม่น้องลูบหัวลูบหน้าเช็ดน้ำตาลูกชายอย่างอ่อนโยน พลางหันหน้าไปทำหน้าดุกับสามีตนเอง อาการของทั้งสามคนทำให้เขาอดที่จะยิ้มกว้างไม่ได้ เดือนเงยหน้าขึ้นมาสบตากันกลับถูกเจ้าตัวค้อนเข้าให้

   
“แม่!! พ่อกับซันๆ แกล้งเดือน”

   
“ซันๆ ไม่ได้แกล้งเถอะแม่น้อง พ่อศักดิ์ไม่ให้บอก” เขาหุบยิ้ม รีบแก้ตัว แม่น้องพยักหน้าอย่างเข้าใจ 

   
“พ่อ!!” เสียงแม่น้องเรียกพ่อศักดิ์เสียงดัง จนพ่อศักดิ์สะดุ้งโหยง หยุดหัวเราะ รีบอธิบาย

   
“ก็ใครบอกให้เจ้าเดือนทำท่าอย่างกับว่าพ่อเป็นยักษ์เป็นมารอย่างนั้นล่ะ”

   
“เดือนไม่ได้ทำ” คนโดนป้ายความผิดร้องบอกทันที

   
“ทำสิ เหอะ พ่อก็เสียใจนะ” พ่อศักดิ์เริ่มเข้าโหมดดราม่า

   
“ก็ตอนนั้น พ่อบอกไม่ให้เดือนกลับบ้านอะ!!”

   
“เหอะ ตอนไหน จำไม่เห็นได้เลย” ไม่พูดเปล่า พ่อศักดิ์ยักไหล่อย่างกวนๆ ให้เดือนด้วย

   
“พ่อ!! นิสัยไม่ดี!!” ถ้าเป็นตอนเด็กเจ้าตัวคงกัดปากกำมือกระทืบเท้าสองข้างเสียงดังไปด้วยเป็นแน่น

   


“โอ้ย พอเถอะจ้ะ ซันๆ มานี่ลูก ไปกินข้าวกันดีกว่า ปล่อยสองพ่อลูกเขาทะเลาะกันต่อไปเถอะ”

   

แม่น้องที่โดนทั้งเดือนกอดและพ่อศักดิ์เหวี่ยงไปมาเลิกสนใจ ผละออกจากเดือนแล้วเดินมาควงแขนพาเขาไปห้องครัว
สองพ่อลูกได้แต่ประสานเสียงร้อง “แม่!!” เสียงดัง ก่อนจะตามมาทานอาหารเช้ากัน

   
   

อาหารเช้านั้นอร่อยมากเสียจนเดือนที่ปกติจะกินข้าวนิดเดียวพอกับแสนดี เติมถึงสองครั้งเลยนะทีเดียว




   


หลังจากทานข้าว เราขึ้นมาพักผ่อน ระหว่างรอเดือนอาบน้ำ เขาผล็อยหลับไปด้วยความเมื่อยล้าจากการเดินทาง
สะดุ้งตื่นเพราะเดือนสะบัดผมที่ยังเปียกๆ ใส่หน้าตนเอง



“ลุกไปอาบน้ำเลย อี๋ๆ”


เส้นผมสีดำสนิทถูกเจ้าตัวสะบัดไปมาแกว่งไกว
หยดน้ำต้องแสงแดดพราวใส แก้มสีซีดมีเลือดฝาดริมฝีปากบางอมยิ้มน้อยๆ



“เหอะ ตัวสะอาดตายล่ะ”



“สะอาดสิ อาบน้ำแล้วด้วย” เจ้าตัวยกแขนขึ้นมาดมด้วยท่าทางเยาะเย้ย

   

“ขอพิสูจน์ก่อน มานี่เลย”
   
   

คว้าตัวเดือนมาได้ ก็กดหน้าเข้ากับซอกคอขาว
กลิ่นหอมของสบู่และความเย็นจากผิวเนื้อที่เพิ่งผ่านน้ำมาหมาดๆ
ทำให้เขาเผลอ

   


เผลอกดจมูกหนักๆ ไปตาม ลำคอเรื่อยมาถึงลาดไหล่

   

“อือ”

   


เผลอสบตากับเจ้าของดวงตาสีดำสนิท

   


เผลอมองริมฝีปากบางที่เผยออกน้อยๆ 

   


“ซันๆ”

   

ก่อนที่ริมฝีปากจะบรรจบกัน
เสียงของเดือนเหมือนดังแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล

   

คนอาบน้ำแล้วเอียงหน้าหลบจึงได้สัมผัสกับแก้มนุ่มแทน
สติที่หายไปค่อยๆ กลับเข้ามา พร้อมกับเสียงตะกุกตะกักของคนในอ้อมกอด

   

“ปะ... ไปอาบน้ำเลย ซันๆ”

   

สบตากับดวงตาสีดำอีกครั้ง
คราวนี้เดือนหลบตาผละไปแต่งตัวอย่างเร่งรีบ








ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำ เดือนนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงไปแล้ว เขาล้มตัวลงนอนขยับเข้าไปกอดเดือนจากด้านหลัง คนขี้เซาขยับตัวเล็กน้อยกระซิบอย่างงัวเงียว่า




“ซันๆ ขอบคุณนะ”




“ครับ”





ฝังจมูกลงต้นคอขาวอีกครั้ง ก่อนจะค่อยเข้าสู่ห้วงนิทรา






.


.


.




เขาตื่นขึ้นมาตอนบ่ายแก่ๆ เพราะความหิว
เห็นว่าคนในอ้อมกอดยังคงนอนหลับตาพริ้ม หวนคิดถึงเรื่องเมื่อตอนเช้าก็อดที่จะยิ้มไม่ได้



พ่อศักดิ์ ผู้ชายหน้าดุท่าทางจริงจังคนนั้น น้อยคนนักจะรู้ว่าเป็นพวกชอบแกล้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกชายคนเดียวเสมอ



ตอนที่เรายังเด็กอยู่นั้น พ่อศักดิ์ยังเป็นเพียงวิศวกรตำแหน่งเล็กๆ ที่ต้องไปทำงานต่างจังหวัดประจำ นานครั้งจึงจะได้กลับบ้าน ปล่อยให้ภรรยาและลูกชายอยู่บ้านตามลำพังกับคนงานสองสามคนในบ้านหลังใหญ่



แม้ทั้งสองคนจะรักลูกชายคนเดียวนี้มากเพียงไร แต่ด้วยหน้าที่การงานจึงทำให้ไม่มีเวลาดูแลใส่ใจได้เต็มที่จนเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น แม่น้องออกจากงานมาดูแลเดือนเต็มตัว พ่อศักดิ์ย้ายมาเป็นพนักงานประจำเข้ามาทำงานในบริษัท



ช่วงเวลาแห่งความรักและความเข้าใจจึงเกิดขึ้นในครอบครัวอีกครั้ง 



ส่วนเรื่องทะเลาะกันของสองพ่อลูก คงเป็นเพราะความเป็นห่วงของพ่อศักดิ์และอารมณ์ร้อนของเดือน ทั้งสองคนจึงมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ด้วยความโมโหพ่อศักดิ์คงเผลอไล่เดือนออกจากบ้าน ลูกชายคงเสียใจกับคำพูดของพ่อมากถึงได้จากบ้านมาอย่างที่พ่อพลั้งปากพูดจริงๆ


แต่เมื่อผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งทั้งคู่คงรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น




ทางพ่อศักดิ์จึงได้ส่งแม่น้องมาหาเดือนและเดือนเองก็ยอมมาเจอแม่น้อง
การคืนดีกันแบบไม่เห็นหน้า ไม่แม้แต่พูดคุยกัน ใช้การสื่อสารผ่านคนกลางอย่างแม่น้องล้วนๆ

 

เขาค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้น มองหน้าคนที่หลับตาพริ้มอีกครั้ง



“เดือน ไปกินข้าวกัน”


ปลายนิ้วไล้ไปตามใบหน้ามน
ไล่จากหน้าผาก
เรื่อยมาจมูก
ปัดป่ายปลายนิ้วแผ่วเบาบนริมฝีปากบาง



เดือนไม่ตอบ ส่ายหน้าหยุกหยิกเมื่อถูกรบกวน



เขาตัดสินใจปล่อยให้เดือนนอนต่อไปเดินลงมาชั้นล่างพบว่าพ่อศักดิ์กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน



“ให้ผมช่วยนะพ่อศักดิ์”



“เออดี เอาเลยซันๆ” พ่อศักดิ์ยื่นสายยางมาให้ ก่อนจะชวนคุย



“โตขึ้นเยอะนะเรา เรียนเป็นไงบ้างล่ะ”



“ก็ดีครับ ปีสามเรียนหนักขึ้นแต่ก็พอไหว”



“เจ้าเดือนล่ะ มันไปอยู่ด้วยรบกวนหรือเปล่า”



“ฮ่าๆ ไม่หรอกครับ”



ซุ้มดอกเฟื่องฟ้าริมรั้วออกดอกสีขาวพราวสะพรั่ง เสียงพ่อศักดิ์ร้องบอกให้รดน้ำน้อยๆ เพราะเกรงว่าดอกจะร่วงไปเสียก่อน ระหว่างนั้นก็จัดการปัดทำความสะอาดโต๊ะ เก้าอี้ใต้ซุ้ม เขารับรู้ได้ถึงสายตาคมกริบที่เฝ้ามองเขาอย่างพิจารณา ไม่นานเสียงทุ้มเข้มที่คุ้นชินก็ดังขึ้น



“ฝากดูแลเดือนด้วยนะซันๆ”



หันกลับไปสบตากับพ่อศักดิ์ที่มองมาอย่างแน่วแน่
สายตานั้นมีแววคาดคั้นจริงจังอย่างที่เขาไม่ค่อยได้เห็น



“ครับ”



รับคำเสียงหนักแน่น
พ่อศักดิ์คลายสีหน้าลงส่งยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากให้ ก่อนจะแย่งสายยางไปถือและไล่เขาเข้าไปหาอะไรทานในครัว




เข้ามาด้านในพบว่าแม่ของเขากำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานกับแม่น้อง สองมือก็ล้างผักหลากสีสันไปด้วย


“แม่! มาตั้งแต่เมื่อไหร่” กอดแม่ด้วยความคิดถึง

“มาตั้งแต่บ่ายสามแล้วย่ะ นอนหลับสนิทเลยละซิเรา”


แม่ส่งสายตาเป็นประกายมาให้ก่อนจะหันไปหัวเราะกับแม่น้องสองคน






เย็นนั้น เรามีงานเลี้ยงฉลองกันเล็กๆ ป๊า แม่ พ่อศักดิ์ แม่น้อง เขาและเดือน นั่งทานอาหารกันในสวนใต้ซุ้มเฟื่องฟ้าที่เตรียมไว้ตอนเย็น อาหารค่ำมื้อเป็นไปอย่างชื่นมื่น ความสุข รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอบอวลฟุ้งอยู่ในอากาศ


เขาหันไปสบตากับเดือน ผู้ที่ถูกแซว ถูกล้อ และถูกแกล้งมากที่สุด เลื่อนมือเข้าไปกุมมือของคนที่นั่งข้างไว้ แล้วบีบเบาๆ สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะเอ่ยออกมาว่า



“พ่อครับ แม่ครับ...”


ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนหันมามองที่เขารอยยิ้มจากความสนุกสนานยังคงแตะแต้มบนใบหน้า




“ซันๆ กับเดือน เราคบกันอยู่ครับ” 



เดือนสะดุ้งสุดตัว มือกระตุกรุนแรงแทบจะหลุดออกจากการเกาะกุมแต่เขาคว้าเอาไว้แน่น



“ซะ ซันๆ” เดือนครางออกมาอย่างตกใจ



“ผมรักเดือนมาก จากนี้ไปอนุญาตให้ผมได้ดูแลเดือนนะครับ”



พูดจบเขาก็ยกมือไหว้ ก้มหน้านิ่งรอรับผลจากคำสารภาพของตนเอง
ไม่ทราบว่าผู้ใหญ่สี่คนที่เหลือนิ่งค้างตกใจกันมากน้อยแค่ไหนอย่างไร



“เจ้าซัน ลูกพูดว่าอะไรนะ” พ่อของเขาได้สติขึ้นมาก่อน เอ่ยถามออกมา



“ซันรักเดือนครับป๊า เราคบกันอยู่” เงยหน้าขึ้นมาสบตากับพ่อของตนเอง



“.............” พ่อไม่ตอบ ได้แต่กะพริบตาปริบท่าทางจนคำพูด



เหลือบสายตามองคนอื่น พ่อศักดิ์มองหน้าเขากับเดือนสลับกันไปมา แม่น้องมองเขาตาค้างจนเครื่องดื่มที่กำลังรินล้นแก้วออกมาไหลไปโดนแม่ของเขาทั้งคู่ร้องขอโทษขอโพยกัน ยกใหญ่ เช็ดทำความสะอาดกันวุ่น



“พ่อครับ แม่ครับ” เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างทำเป็นไม่สนใจ เดือนจึงเรียกพ่อกับแม่ของตนเองบ้าง



“ว่าไงจ้ะเดือน ลูกจะเอาข้าวเพิ่มหรือเปล่า เดี๋ยวแม่ตักให้นะ” แม่น้องกระวีกระวาดลุกขึ้นเตรียมจะตักข้าวให้เดือน



“...ผม...” เหมือนเดือนจะพูดอะไรออกมาอีก เขาบีบมือเดือนเป็นเชิงว่าให้เงียบแล้วจึงว่า



“...ขอโทษที่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังนะครับ แต่ซันๆ รักเดือนจริงๆ ให้เราได้คบกันเถอะครับ”



แม่ของเขาหันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว



“แม่ไม่เคยผิดหวังในตัวลูกนะซันๆ..เดือนก็ด้วย”



สิ้นคำพูดทุกหันไปมองแม่ทั้งด้วยความตกตะลึงและความไม่เข้าใจ



“อะไรกันยะ ทำไมล่ะ ลูกทั้งสองคนจะรักกันไม่ได้หรือไงเล่า”



ท่าทางแม่จะเริ่มหัวเสียกันท่าทีมึนงงของเพื่อนและสามีตัวเองจนเริ่มเสียงดัง
ป๊ารีบส่ายหัวแล้วหันมามองหน้าเดือน ก่อนจะถามว่า



“แล้วเดือนละลูก ว่าไงบ้าง เห็นเจ้าซันพูดเอาๆ คนเดียว ลูกชายป๊ามันบังคับอะไรเดือนหรือเปล่า”



ใบหน้าซีดเผือดของเดือนในตอนแรก ค่อยซับเลือดจนตอนนี้กลายเป็นสีแดงจัด



“มะ..ไม่ครับ”



ป๊าหันไปมองหน้าพ่อศักดิ์ ยักคิ้วหลิ่วตากันช่วงแวบแล้วพ่อศักดิ์ก็รีบพูด



“ไม่อะไร เจ้าซันมันโมเมไปเองใช่ไหม แกไม่ได้รักมันหรอกใช่ไหมเจ้าเดือน”



เดือนเงยหน้าขึ้นสบตาพ่อของตนเองด้วยสายตาแน่วแน่



“เดือนรักซันๆ นะ มากๆ ด้วย”



หน้าตาที่จริงจังนั้นทำให้เขายิ้มกว้างออกมาทันที สิ้นเสียงยืนยันของเดือน พวกผู้ใหญ่ก็หัวเราะออกมาเสียงดังปล่อยให้ต้นเรื่องงงงวย หันไปมองคนนั้นทีคนนี้ที สุดท้ายก็หันมาถามเขา



“ทำไมทุกคนหัวเราะแบบนี้ พ่อกับแม่ไม่โกรธแล้วเหรอ”



เห็นหน้าตาสงสัยขมวดคิ้วยุ่งของเจ้าตัวแล้วก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมใครๆ ถึงชอบแกล้งเดือนนัก ยังไม่ทันที่เขาจะได้อธิบายอะไร แม่ของเขาก็พูดขึ้นมา




“เห็นไหมล่ะ บอกแล้วว่าให้เตรียมใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วยสิ”



“ป๊าก็ไม่ได้เถียงอะไรแม่สักคำนะ” ป๊ารีบพูดเอาใจแม่ยกใหญ่พลางรินเครื่องดื่มใส่แก้วเพิ่มให้



“แม่ก็ทำใจไว้ตั้งนานแล้วเหมือนกันล่ะนะ” แม่น้องส่งยิ้มมาให้เรา



“พ่อไม่เห็นต้องทำใจเลยแม่ ลูกมันจะรักใครไม่ว่าไรหรอกนะ แล้วเจ้าเดือน มัวแต่ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกอยู่นั่น กินข้าวอิ่มแล้วหรือไง”




“นี่ รู้กันหมดแล้วเหรอครับ” คนถูกแกล้งยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย



“ฉันจะไม่รู้จักลูกตัวเองได้ไงเล่า ซันๆ ก็อีก เลี้ยงมาด้วยกันแท้ๆ” พ่อศักดิ์ทำท่าน้อยใจ ก่อนจะหันไปออดอ้อนภรรยาตัวเอง



“ป๊าไม่ว่าอะไรหรอกนะ ถ้าจะคบกันก็ดูแลกันดีๆ ล่ะ” ป๊าลุกขึ้นมาตบบ่าเขาและเดือนหนักๆ ก่อนจะกลับไปสังสรรค์ต่อ



“ซันๆ ก็ใจเย็นกับเดือนหน่อยนะลูก เราน่ะโมโหร้าย เดือนก็อย่าไปใจดีกับคนอื่นมาก ลูกแม่น่ะ ขี้หึงมากๆ นะ” จบประโยคด้วยเสียงหัวเราะคิกคักราวกับสาวๆ  แม่ของเขาพูดท่าทางร่าเริงพวงแก้มเป็นสีชมพูปลั่ง เดินถือแก้วเครื่องดื่มเข้ามาคุยหยอกล้อด้วย



“ได้ไปแล้วอย่าทิ้งอย่าขว้างเดือนนะซันๆ” แม่น้องที่น้ำเสียงเริ่มจะอ้อแอ้เดินเข้ามาร่วมวง



“ยังไม่ได้ครับ โอ้ย..” เดือนซัดเข้าที่ชายโครงเต็มเหนี่ยว



“ฮะฮะฮะ เออดีๆ หมัดหนักๆ แบบนี้ ซันๆ ก็อย่าริเจ้าชู้ล่ะ”
 

พ่อศักดิ์เสริมเมื่อเห็นท่าทางเขินอายแล้วใช้กำลังของเดือน โดนแซวหนักเข้าจนตัวแดงเป็นกุ้งเผา ในที่สุดเดือนก็ทนไม่ไหวร้องออกมา




“ทำไมแกล้งผมกันจัง”




พ่อแม่ต่างหัวเราะแล้วเดินกลับไปนั่งสังสรรค์ต่อ ทิ้งเขาไว้กับเดือนลำพัง



“ก็เดือนน่ารัก เวลาเขินแก้มแดงมันน่าแกล้งดี”


“อะไรวะเนี่ย เจอพ่อแปบเดียว ติดโรคขี้แกล้งมาอีกคนหรือไงซันๆ” เดือนโวยวาย


“น่าจะติดเดือนมากกว่านะตอนนี้”



“โอ้ย พอ! ทีเวลาอยากให้พูดแทบตายไม่พูด พอได้พูดแล้วพูดไม่หยุดเลยนะ”



“ไม่ชอบเหรอ” ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดของเขาคงสูงพอตัว ทำให้ตอนนี้พูดไม่หยุด คิดอะไรก็พูดออกไปทันที



“ไม่ชอบ” คำตอบของเดือนทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด



“แน่ใจนะที่พูด” อารมณ์กรุ่นๆ เริ่มคุกอยู่ในใจ



“ไม่ชอบ เพราะ ‘รัก’ ต่างหากเล่า ล้อเล่นแค่นี้โกรธ” เดือนละล่ำละลักตอบคำถาม ไม่วายเอื้อมมือมาบีบจมูก ริมฝีปากยกส่งยิ้มกว้างเห็นฟันไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้มีเรื่องต้องให้ยิ้มมากขนาดนี้ ก้มหน้ากระซิบข้างใบหูเล็ก



“รักนะครับ”



“อือ”



เขายังไม่พอใจคำตอบ



“อือ นี่คืออะไรเหรอ” คาดคั้นกับคนข้างกาย



“ก็นั่นแหละ” พวงแก้มใสแดงก่ำ ไม่ทันได้รู้ตัวปลายจมูกก็กดเข้ากับเนื้อนุ่มนั้นเสียแล้ว



“เฮ้ย ทำอะไร” เดือนผลักเขาออก พลางหันไปมองทางพ่อแม่อย่างประหม่า ซึ่งทางนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกเราเลย



“บอกซันก่อน เร็ว”



สองมือดึงเดือนให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ



“เค้าบอกตัวหลายทีแล้วเหอะ ตาซันบอกเดือนบ้างดิ” สบเข้ากับลูกแก้วสีดำสุกใส เขาหันหน้าไปทางพ่อแม่อย่างรวดเร็ว



“พ่อครับ แม่ครับ ซันๆ รักเดือนนะครับ” ไม่พูดเปล่าดึงตัวเดือนที่ดิ้นรนหนีเข้ามากอดไว้แน่น




“ฮ่าๆ”




งานเลี้ยงในวันนั้นจบลงราวๆ สี่ทุ่ม ความสุขและเสียงหัวเราะทำให้หัวใจของเขาพองโต รอยยิ้มแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าจนกระทั่งนอนหลับไปพร้อมกับคนในอ้อมกอด




“รักนะครับ”



เดือนพลิกตัวขยับเข้ามานอนในวงแขน พูดอู้อี้กับอก




“รักซันๆ เหมือนกัน”








เพราะเหตุนี้เขาถึงได้ชวนเดือนกลับบ้านเสมอ


บ้านจะคอยตอนรับเราอย่างอบอุ่นทุกครั้ง
ไม่ว่าการจากลาของเราจะเกิดขึ้นในรูปแบบไหน


บ้านที่มีความรัก ความเข้าใจ ความปรารถนาดีให้เราเสมอมา




การกลับบ้านครั้งหน้าของเรา เขาอาจไม่ได้เป็นคนชวนฝ่ายเดียวอีกต่อไปแล้ว




-----------------------------------------------------
[18/01/2559]
หัวหน้าไม่มา ลูกน้องร่าเริง //อย่าถามถึงพรุ่งนี้ 55555 อาทิตย์นี้ต้องเคลียร์งานใหญ่หลายงานเลย ไม่แน่ใจว่าจะได้มาต่อไหม ขอโทษไว้ตรงนี้เลยนะคะ
ส่วนใครเป็นห่วงบอกเลยเรื่องนี้ไม่มีดราม่าอะไรค่ะ หวานแหววกุ๊งกิ๊งสุดๆ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :กอด1:
Lavender’s blue

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: Just Love ❤ รักนะครับ (ตอนที่ 20) 15-01-2559
«ตอบ #59 เมื่อ18-01-2016 23:45:16 »

น่ารักอ่ะ โคตรๆเลย อ่านไปยิ้มไป ปลื้มปริ่ม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด