Just Love ❤ รักนะครับ 20
“ไปบ้านเค้าก่อนป่าว”
เขาถามคนที่เอาแต่นั่งพิงหน้าต่างรถมาตลอดทางการเดินกลับบ้านด้วยกัน เดือนส่ายหัวทั้งที่ยังหลับตาท่าทางอ่อนล้า เขาลูบหัวทุยแผ่วเบา
“ซันๆ อยู่ด้วยน่า เดือนจะกัวไยฮะ”
ประโยคหลังเลียนเสียงที่พูดไม่ชัดเหมือนเด็กๆ ซึ่งก็ได้ผลเดือนลืมตาขึ้นมามองพร้อมหัวเราะหึหึในคอ มีความกังวลไม่น้อยอยู่ในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น
“เดือนมีซันๆ นะครับ”
“อืม”
ไม่นานรถประจำทางก็จอดลงตรงสถานีปลายทาง เวลาเช้าตรู่ท้องฟ้ายังคงสลัว ดวงอาทิตย์ยังไม่ปรากฏให้เห็น มีเพียงแสงสีส้มสะท้อนบนก้อนเมฆใหญ่ตัดกับสีน้ำเงินเข้มของท้องฟ้า ดาวประกายพรึกส่องสว่างเปล่งประกาย
“สวยจังเลยนะซันๆ”
เดือนมายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ กระซิบเสียงแผ่ว
“เรื่องที่บ้านน่ะ ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ” พยักหน้าตอบ
สถานีขนส่งผู้โดยสารอยู่ห่างจากบ้านของเดือนไม่มาก เราเดินลัดเลาะมาตามคลองเล็กข้างสถานีเพื่อจะมาโผล่บนถนนสายหนึ่งในหมู่บ้านชานเมืองอันเงียบสงบ ละทิ้งความจอแจของผู้คนและเสียงอันวุ่นวายของสถานีขนส่งไว้เบื้องหลัง
เราสองคนเดินทอดน่องกันอย่างช้าๆ ด้วยหวังว่าจะยืดเวลาในการเผชิญหน้ากับความจริงออกไปให้นานที่สุด อย่างไรก็ตาม ๑๕ นาทีต่อมารั้วปูนสีน้ำตาลอ่อนก็ปรากฏให้เห็นเจ้าของบ้านชะงักไป เขาจึงยื่นมือไปตบบ่าเบาๆ เพื่อจะบอกว่า
เขายังอยู่ตรงนี้ข้างๆ กัน
ได้ยินเสียงสูดลมหายใจลึก แล้วสองเท้าของเดือนก็ออกเดินอีกครั้ง จนมาหยุดที่ประตูบ้านรั้วไม้สีน้ำตาลเข้ม เสียงกริ่งดังไม่นาน ประตูไม้บานเล็กข้างประตูใหญ่ก็เปิดออกพร้อมกับเสียงที่ทั้งเขาและเดือนคุ้นเคย
“กว่าจะมาถึงนะ...พ่อบอกจะไปรับก็ไม่ยอม”
“พ่อ!!/ พ่อศักดิ์” .
.
.
“ไงละเรา ยอมกลับบ้านแล้วเรอะ”
ผู้ชายรูปร่างสันทัดคนนี้คือพ่อศักดิ์ พ่อของเดือน เกือบสามปีที่ไม่ได้พบกัน พ่อศักดิ์ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ทรงผม หนวดหรือหน้าตาที่ดูเคร่งขรึมจริงจังสมกับอาชีพวิศวกรใหญ่ของบริษัทแห่งหนึ่ง
เขาเงยหน้าสบตากับเจ้าของคำพูด พ่อศักดิ์กะพริบตาพร้อมส่งยิ้มให้ชั่วพริบตาจนคิดว่าตนเองตาฝาด ก่อนจะกลับมาทำหน้าเคร่งขรึม หันไปมองลูกชายของตนเองที่มัวแต่ก้มหน้ามองพื้น
“..ครับ”
ลูกชายก้มหน้านิ่งไม่ยอมสบตาผู้เป็นพ่อ
ท่าทางอึดอัดกับบรรยากาศเคร่งเครียดที่พ่อของตนเองสร้างขึ้น
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องชั่วขณะ
จะหายใจยังกลัวว่าจะทำลายความเงียบที่แสนอึดอัดนี้
“สภาพดูไม่ได้ แกไปเรียนหนังสือหรือทำไรฮะเจ้าเดือน!” พ่อศักดิ์พูดเสียงดัง เน้นชื่อของเดือนเป็นพิเศษ
“.........” เดือนไม่ตอบ กำสองมือแน่น
“หายไปสามปี ไม่ติดต่อกลับมาบ้าง ดีนะที่มีซันๆ ถึงได้ตามหาแกเจอ”
“...........” เดือนยังคงไม่ตอบคำถาม ริมฝีปากถูกเม้มแน่นขึ้น
“อวดเก่ง บอกว่าดูแลตัวเองได้แล้วเป็นไง สุดท้ายก็ต้องมาให้ซันๆ ดูแลอยู่ดี”
“ผมไม่ได้อวดเก่ง”
“บอกว่าโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ จะให้เชื่อยังไงล่ะ” พ่อศักดิ์พูดต่อราวกับไม่ได้ยินเสียงของลูกชาย
เขาทนเห็นเดือนโดนต่อว่าไม่ได้ขยับตัวจะพูด กลับถูกห้ามไว้ด้วยสัญญาณมือจากพ่อศักดิ์ ซึ่งหันหน้ามาทางเขาแล้วส่งยิ้มแล้วทำสัญญาณให้เงียบ
และด้วยท่าทีนั้นเอง
เหมือนเขาจะเริ่มเข้าใจอะไรบ้างแล้ว
“ไปอยู่กับเพื่อน กินเหล้าเมายา จนแม่เขาทนไม่ได้ต้องบังคับให้มาอยู่กับซันๆ ไม่อยากจะคิดถึงสภาพตอนแกไปอยู่กับเพื่อนเลย ให้ตายสิ ถ้าแกเชื่อพ่อแต่แรกก็คง...”
ทั้งที่กำลังใช้วาจาว่ากล่าวแดกดันเดือนอยู่ รอยยิ้มบนหน้าพ่อศักดิ์กว้างขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถซ่อนไว้ได้ เขามองเดือนที่ยังคงก้มหน้ากำมือไว้แน่นแล้วก็อดสงสารไม่ได้
กำลังคิดว่าจะทำอะไรสักอย่างให้เดือนเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าโดนพ่อตัวเองแกล้งนั้น เสียงแม่น้องก็ดังขึ้น
“พ่อ!! แกล้งอะไรลูกอีกล่ะนั่น”
เดือนหันขวับไปตามเสียง แม่น้องเดินมาจากทางครัวด้านหลังของบ้านพร้อมผ้ากันเปื้อนสีหวาน ส่งยิ้มกว้างให้ลูกชาย เดือนทำตาโตมองแม่และหันกลับมามองที่พ่อตนเองอย่างรวดเร็ว
“พ่อ!! แกล้งเดือนเหรอ” ดวงตาสีดำสนิทมีน้ำตาคลอ พ่อศักดิ์เห็นดังนั้นก็หัวเราะดังลั่น อย่างกลั้นไม่อยู่
เดือนลุกขึ้นไปกอดแม่พูดอู้อี้กับอกฟังไม่เป็นภาษา แม่น้องลูบหัวลูบหน้าเช็ดน้ำตาลูกชายอย่างอ่อนโยน พลางหันหน้าไปทำหน้าดุกับสามีตนเอง อาการของทั้งสามคนทำให้เขาอดที่จะยิ้มกว้างไม่ได้ เดือนเงยหน้าขึ้นมาสบตากันกลับถูกเจ้าตัวค้อนเข้าให้
“แม่!! พ่อกับซันๆ แกล้งเดือน”
“ซันๆ ไม่ได้แกล้งเถอะแม่น้อง พ่อศักดิ์ไม่ให้บอก” เขาหุบยิ้ม รีบแก้ตัว แม่น้องพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“พ่อ!!” เสียงแม่น้องเรียกพ่อศักดิ์เสียงดัง จนพ่อศักดิ์สะดุ้งโหยง หยุดหัวเราะ รีบอธิบาย
“ก็ใครบอกให้เจ้าเดือนทำท่าอย่างกับว่าพ่อเป็นยักษ์เป็นมารอย่างนั้นล่ะ”
“เดือนไม่ได้ทำ” คนโดนป้ายความผิดร้องบอกทันที
“ทำสิ เหอะ พ่อก็เสียใจนะ” พ่อศักดิ์เริ่มเข้าโหมดดราม่า
“ก็ตอนนั้น พ่อบอกไม่ให้เดือนกลับบ้านอะ!!”
“เหอะ ตอนไหน จำไม่เห็นได้เลย” ไม่พูดเปล่า พ่อศักดิ์ยักไหล่อย่างกวนๆ ให้เดือนด้วย
“พ่อ!! นิสัยไม่ดี!!” ถ้าเป็นตอนเด็กเจ้าตัวคงกัดปากกำมือกระทืบเท้าสองข้างเสียงดังไปด้วยเป็นแน่น
“โอ้ย พอเถอะจ้ะ ซันๆ มานี่ลูก ไปกินข้าวกันดีกว่า ปล่อยสองพ่อลูกเขาทะเลาะกันต่อไปเถอะ”
แม่น้องที่โดนทั้งเดือนกอดและพ่อศักดิ์เหวี่ยงไปมาเลิกสนใจ ผละออกจากเดือนแล้วเดินมาควงแขนพาเขาไปห้องครัว
สองพ่อลูกได้แต่ประสานเสียงร้อง “แม่!!” เสียงดัง ก่อนจะตามมาทานอาหารเช้ากัน
อาหารเช้านั้นอร่อยมากเสียจนเดือนที่ปกติจะกินข้าวนิดเดียวพอกับแสนดี เติมถึงสองครั้งเลยนะทีเดียว
หลังจากทานข้าว เราขึ้นมาพักผ่อน ระหว่างรอเดือนอาบน้ำ เขาผล็อยหลับไปด้วยความเมื่อยล้าจากการเดินทาง
สะดุ้งตื่นเพราะเดือนสะบัดผมที่ยังเปียกๆ ใส่หน้าตนเอง
“ลุกไปอาบน้ำเลย อี๋ๆ”
เส้นผมสีดำสนิทถูกเจ้าตัวสะบัดไปมาแกว่งไกว
หยดน้ำต้องแสงแดดพราวใส แก้มสีซีดมีเลือดฝาดริมฝีปากบางอมยิ้มน้อยๆ
“เหอะ ตัวสะอาดตายล่ะ”
“สะอาดสิ อาบน้ำแล้วด้วย” เจ้าตัวยกแขนขึ้นมาดมด้วยท่าทางเยาะเย้ย
“ขอพิสูจน์ก่อน มานี่เลย”
คว้าตัวเดือนมาได้ ก็กดหน้าเข้ากับซอกคอขาว
กลิ่นหอมของสบู่และความเย็นจากผิวเนื้อที่เพิ่งผ่านน้ำมาหมาดๆ
ทำให้เขาเผลอ
เผลอกดจมูกหนักๆ ไปตาม ลำคอเรื่อยมาถึงลาดไหล่
“อือ”
เผลอสบตากับเจ้าของดวงตาสีดำสนิท
เผลอมองริมฝีปากบางที่เผยออกน้อยๆ
“ซันๆ”
ก่อนที่ริมฝีปากจะบรรจบกัน
เสียงของเดือนเหมือนดังแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล
คนอาบน้ำแล้วเอียงหน้าหลบจึงได้สัมผัสกับแก้มนุ่มแทน
สติที่หายไปค่อยๆ กลับเข้ามา พร้อมกับเสียงตะกุกตะกักของคนในอ้อมกอด
“ปะ... ไปอาบน้ำเลย ซันๆ”
สบตากับดวงตาสีดำอีกครั้ง
คราวนี้เดือนหลบตาผละไปแต่งตัวอย่างเร่งรีบ
ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำ เดือนนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงไปแล้ว เขาล้มตัวลงนอนขยับเข้าไปกอดเดือนจากด้านหลัง คนขี้เซาขยับตัวเล็กน้อยกระซิบอย่างงัวเงียว่า
“ซันๆ ขอบคุณนะ”
“ครับ”
ฝังจมูกลงต้นคอขาวอีกครั้ง ก่อนจะค่อยเข้าสู่ห้วงนิทรา
.
.
.
เขาตื่นขึ้นมาตอนบ่ายแก่ๆ เพราะความหิว
เห็นว่าคนในอ้อมกอดยังคงนอนหลับตาพริ้ม หวนคิดถึงเรื่องเมื่อตอนเช้าก็อดที่จะยิ้มไม่ได้
พ่อศักดิ์ ผู้ชายหน้าดุท่าทางจริงจังคนนั้น น้อยคนนักจะรู้ว่าเป็นพวกชอบแกล้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกชายคนเดียวเสมอ
ตอนที่เรายังเด็กอยู่นั้น พ่อศักดิ์ยังเป็นเพียงวิศวกรตำแหน่งเล็กๆ ที่ต้องไปทำงานต่างจังหวัดประจำ นานครั้งจึงจะได้กลับบ้าน ปล่อยให้ภรรยาและลูกชายอยู่บ้านตามลำพังกับคนงานสองสามคนในบ้านหลังใหญ่
แม้ทั้งสองคนจะรักลูกชายคนเดียวนี้มากเพียงไร แต่ด้วยหน้าที่การงานจึงทำให้ไม่มีเวลาดูแลใส่ใจได้เต็มที่จนเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น แม่น้องออกจากงานมาดูแลเดือนเต็มตัว พ่อศักดิ์ย้ายมาเป็นพนักงานประจำเข้ามาทำงานในบริษัท
ช่วงเวลาแห่งความรักและความเข้าใจจึงเกิดขึ้นในครอบครัวอีกครั้ง
ส่วนเรื่องทะเลาะกันของสองพ่อลูก คงเป็นเพราะความเป็นห่วงของพ่อศักดิ์และอารมณ์ร้อนของเดือน ทั้งสองคนจึงมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ด้วยความโมโหพ่อศักดิ์คงเผลอไล่เดือนออกจากบ้าน ลูกชายคงเสียใจกับคำพูดของพ่อมากถึงได้จากบ้านมาอย่างที่พ่อพลั้งปากพูดจริงๆ
แต่เมื่อผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งทั้งคู่คงรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทางพ่อศักดิ์จึงได้ส่งแม่น้องมาหาเดือนและเดือนเองก็ยอมมาเจอแม่น้อง
การคืนดีกันแบบไม่เห็นหน้า ไม่แม้แต่พูดคุยกัน ใช้การสื่อสารผ่านคนกลางอย่างแม่น้องล้วนๆ
เขาค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้น มองหน้าคนที่หลับตาพริ้มอีกครั้ง
“เดือน ไปกินข้าวกัน”
ปลายนิ้วไล้ไปตามใบหน้ามน
ไล่จากหน้าผาก
เรื่อยมาจมูก
ปัดป่ายปลายนิ้วแผ่วเบาบนริมฝีปากบาง
เดือนไม่ตอบ ส่ายหน้าหยุกหยิกเมื่อถูกรบกวน
เขาตัดสินใจปล่อยให้เดือนนอนต่อไปเดินลงมาชั้นล่างพบว่าพ่อศักดิ์กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน
“ให้ผมช่วยนะพ่อศักดิ์”
“เออดี เอาเลยซันๆ” พ่อศักดิ์ยื่นสายยางมาให้ ก่อนจะชวนคุย
“โตขึ้นเยอะนะเรา เรียนเป็นไงบ้างล่ะ”
“ก็ดีครับ ปีสามเรียนหนักขึ้นแต่ก็พอไหว”
“เจ้าเดือนล่ะ มันไปอยู่ด้วยรบกวนหรือเปล่า”
“ฮ่าๆ ไม่หรอกครับ”
ซุ้มดอกเฟื่องฟ้าริมรั้วออกดอกสีขาวพราวสะพรั่ง เสียงพ่อศักดิ์ร้องบอกให้รดน้ำน้อยๆ เพราะเกรงว่าดอกจะร่วงไปเสียก่อน ระหว่างนั้นก็จัดการปัดทำความสะอาดโต๊ะ เก้าอี้ใต้ซุ้ม เขารับรู้ได้ถึงสายตาคมกริบที่เฝ้ามองเขาอย่างพิจารณา ไม่นานเสียงทุ้มเข้มที่คุ้นชินก็ดังขึ้น
“ฝากดูแลเดือนด้วยนะซันๆ”
หันกลับไปสบตากับพ่อศักดิ์ที่มองมาอย่างแน่วแน่
สายตานั้นมีแววคาดคั้นจริงจังอย่างที่เขาไม่ค่อยได้เห็น
“ครับ”
รับคำเสียงหนักแน่น
พ่อศักดิ์คลายสีหน้าลงส่งยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากให้ ก่อนจะแย่งสายยางไปถือและไล่เขาเข้าไปหาอะไรทานในครัว
เข้ามาด้านในพบว่าแม่ของเขากำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานกับแม่น้อง สองมือก็ล้างผักหลากสีสันไปด้วย
“แม่! มาตั้งแต่เมื่อไหร่” กอดแม่ด้วยความคิดถึง
“มาตั้งแต่บ่ายสามแล้วย่ะ นอนหลับสนิทเลยละซิเรา”
แม่ส่งสายตาเป็นประกายมาให้ก่อนจะหันไปหัวเราะกับแม่น้องสองคน
เย็นนั้น เรามีงานเลี้ยงฉลองกันเล็กๆ ป๊า แม่ พ่อศักดิ์ แม่น้อง เขาและเดือน นั่งทานอาหารกันในสวนใต้ซุ้มเฟื่องฟ้าที่เตรียมไว้ตอนเย็น อาหารค่ำมื้อเป็นไปอย่างชื่นมื่น ความสุข รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอบอวลฟุ้งอยู่ในอากาศ
เขาหันไปสบตากับเดือน ผู้ที่ถูกแซว ถูกล้อ และถูกแกล้งมากที่สุด เลื่อนมือเข้าไปกุมมือของคนที่นั่งข้างไว้ แล้วบีบเบาๆ สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะเอ่ยออกมาว่า
“พ่อครับ แม่ครับ...”
ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนหันมามองที่เขารอยยิ้มจากความสนุกสนานยังคงแตะแต้มบนใบหน้า
“ซันๆ กับเดือน เราคบกันอยู่ครับ”
เดือนสะดุ้งสุดตัว มือกระตุกรุนแรงแทบจะหลุดออกจากการเกาะกุมแต่เขาคว้าเอาไว้แน่น
“ซะ ซันๆ” เดือนครางออกมาอย่างตกใจ
“ผมรักเดือนมาก จากนี้ไปอนุญาตให้ผมได้ดูแลเดือนนะครับ”
พูดจบเขาก็ยกมือไหว้ ก้มหน้านิ่งรอรับผลจากคำสารภาพของตนเอง
ไม่ทราบว่าผู้ใหญ่สี่คนที่เหลือนิ่งค้างตกใจกันมากน้อยแค่ไหนอย่างไร
“เจ้าซัน ลูกพูดว่าอะไรนะ” พ่อของเขาได้สติขึ้นมาก่อน เอ่ยถามออกมา
“ซันรักเดือนครับป๊า เราคบกันอยู่” เงยหน้าขึ้นมาสบตากับพ่อของตนเอง
“.............” พ่อไม่ตอบ ได้แต่กะพริบตาปริบท่าทางจนคำพูด
เหลือบสายตามองคนอื่น พ่อศักดิ์มองหน้าเขากับเดือนสลับกันไปมา แม่น้องมองเขาตาค้างจนเครื่องดื่มที่กำลังรินล้นแก้วออกมาไหลไปโดนแม่ของเขาทั้งคู่ร้องขอโทษขอโพยกัน ยกใหญ่ เช็ดทำความสะอาดกันวุ่น
“พ่อครับ แม่ครับ” เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างทำเป็นไม่สนใจ เดือนจึงเรียกพ่อกับแม่ของตนเองบ้าง
“ว่าไงจ้ะเดือน ลูกจะเอาข้าวเพิ่มหรือเปล่า เดี๋ยวแม่ตักให้นะ” แม่น้องกระวีกระวาดลุกขึ้นเตรียมจะตักข้าวให้เดือน
“...ผม...” เหมือนเดือนจะพูดอะไรออกมาอีก เขาบีบมือเดือนเป็นเชิงว่าให้เงียบแล้วจึงว่า
“...ขอโทษที่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังนะครับ แต่ซันๆ รักเดือนจริงๆ ให้เราได้คบกันเถอะครับ”
แม่ของเขาหันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว
“แม่ไม่เคยผิดหวังในตัวลูกนะซันๆ..เดือนก็ด้วย”
สิ้นคำพูดทุกหันไปมองแม่ทั้งด้วยความตกตะลึงและความไม่เข้าใจ
“อะไรกันยะ ทำไมล่ะ ลูกทั้งสองคนจะรักกันไม่ได้หรือไงเล่า”
ท่าทางแม่จะเริ่มหัวเสียกันท่าทีมึนงงของเพื่อนและสามีตัวเองจนเริ่มเสียงดัง
ป๊ารีบส่ายหัวแล้วหันมามองหน้าเดือน ก่อนจะถามว่า
“แล้วเดือนละลูก ว่าไงบ้าง เห็นเจ้าซันพูดเอาๆ คนเดียว ลูกชายป๊ามันบังคับอะไรเดือนหรือเปล่า”
ใบหน้าซีดเผือดของเดือนในตอนแรก ค่อยซับเลือดจนตอนนี้กลายเป็นสีแดงจัด
“มะ..ไม่ครับ”
ป๊าหันไปมองหน้าพ่อศักดิ์ ยักคิ้วหลิ่วตากันช่วงแวบแล้วพ่อศักดิ์ก็รีบพูด
“ไม่อะไร เจ้าซันมันโมเมไปเองใช่ไหม แกไม่ได้รักมันหรอกใช่ไหมเจ้าเดือน”
เดือนเงยหน้าขึ้นสบตาพ่อของตนเองด้วยสายตาแน่วแน่
“เดือนรักซันๆ นะ มากๆ ด้วย”
หน้าตาที่จริงจังนั้นทำให้เขายิ้มกว้างออกมาทันที สิ้นเสียงยืนยันของเดือน พวกผู้ใหญ่ก็หัวเราะออกมาเสียงดังปล่อยให้ต้นเรื่องงงงวย หันไปมองคนนั้นทีคนนี้ที สุดท้ายก็หันมาถามเขา
“ทำไมทุกคนหัวเราะแบบนี้ พ่อกับแม่ไม่โกรธแล้วเหรอ”
เห็นหน้าตาสงสัยขมวดคิ้วยุ่งของเจ้าตัวแล้วก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมใครๆ ถึงชอบแกล้งเดือนนัก ยังไม่ทันที่เขาจะได้อธิบายอะไร แม่ของเขาก็พูดขึ้นมา
“เห็นไหมล่ะ บอกแล้วว่าให้เตรียมใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วยสิ”
“ป๊าก็ไม่ได้เถียงอะไรแม่สักคำนะ” ป๊ารีบพูดเอาใจแม่ยกใหญ่พลางรินเครื่องดื่มใส่แก้วเพิ่มให้
“แม่ก็ทำใจไว้ตั้งนานแล้วเหมือนกันล่ะนะ” แม่น้องส่งยิ้มมาให้เรา
“พ่อไม่เห็นต้องทำใจเลยแม่ ลูกมันจะรักใครไม่ว่าไรหรอกนะ แล้วเจ้าเดือน มัวแต่ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกอยู่นั่น กินข้าวอิ่มแล้วหรือไง”
“นี่ รู้กันหมดแล้วเหรอครับ” คนถูกแกล้งยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย
“ฉันจะไม่รู้จักลูกตัวเองได้ไงเล่า ซันๆ ก็อีก เลี้ยงมาด้วยกันแท้ๆ” พ่อศักดิ์ทำท่าน้อยใจ ก่อนจะหันไปออดอ้อนภรรยาตัวเอง
“ป๊าไม่ว่าอะไรหรอกนะ ถ้าจะคบกันก็ดูแลกันดีๆ ล่ะ” ป๊าลุกขึ้นมาตบบ่าเขาและเดือนหนักๆ ก่อนจะกลับไปสังสรรค์ต่อ
“ซันๆ ก็ใจเย็นกับเดือนหน่อยนะลูก เราน่ะโมโหร้าย เดือนก็อย่าไปใจดีกับคนอื่นมาก ลูกแม่น่ะ ขี้หึงมากๆ นะ” จบประโยคด้วยเสียงหัวเราะคิกคักราวกับสาวๆ แม่ของเขาพูดท่าทางร่าเริงพวงแก้มเป็นสีชมพูปลั่ง เดินถือแก้วเครื่องดื่มเข้ามาคุยหยอกล้อด้วย
“ได้ไปแล้วอย่าทิ้งอย่าขว้างเดือนนะซันๆ” แม่น้องที่น้ำเสียงเริ่มจะอ้อแอ้เดินเข้ามาร่วมวง
“ยังไม่ได้ครับ โอ้ย..” เดือนซัดเข้าที่ชายโครงเต็มเหนี่ยว
“ฮะฮะฮะ เออดีๆ หมัดหนักๆ แบบนี้ ซันๆ ก็อย่าริเจ้าชู้ล่ะ”
พ่อศักดิ์เสริมเมื่อเห็นท่าทางเขินอายแล้วใช้กำลังของเดือน โดนแซวหนักเข้าจนตัวแดงเป็นกุ้งเผา ในที่สุดเดือนก็ทนไม่ไหวร้องออกมา
“ทำไมแกล้งผมกันจัง”พ่อแม่ต่างหัวเราะแล้วเดินกลับไปนั่งสังสรรค์ต่อ ทิ้งเขาไว้กับเดือนลำพัง
“ก็เดือนน่ารัก เวลาเขินแก้มแดงมันน่าแกล้งดี”
“อะไรวะเนี่ย เจอพ่อแปบเดียว ติดโรคขี้แกล้งมาอีกคนหรือไงซันๆ” เดือนโวยวาย
“น่าจะติดเดือนมากกว่านะตอนนี้”
“โอ้ย พอ! ทีเวลาอยากให้พูดแทบตายไม่พูด พอได้พูดแล้วพูดไม่หยุดเลยนะ”
“ไม่ชอบเหรอ” ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดของเขาคงสูงพอตัว ทำให้ตอนนี้พูดไม่หยุด คิดอะไรก็พูดออกไปทันที
“ไม่ชอบ” คำตอบของเดือนทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด
“แน่ใจนะที่พูด” อารมณ์กรุ่นๆ เริ่มคุกอยู่ในใจ
“ไม่ชอบ เพราะ ‘รัก’ ต่างหากเล่า ล้อเล่นแค่นี้โกรธ” เดือนละล่ำละลักตอบคำถาม ไม่วายเอื้อมมือมาบีบจมูก ริมฝีปากยกส่งยิ้มกว้างเห็นฟันไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้มีเรื่องต้องให้ยิ้มมากขนาดนี้ ก้มหน้ากระซิบข้างใบหูเล็ก
“รักนะครับ”
“อือ”
เขายังไม่พอใจคำตอบ
“อือ นี่คืออะไรเหรอ” คาดคั้นกับคนข้างกาย
“ก็นั่นแหละ” พวงแก้มใสแดงก่ำ ไม่ทันได้รู้ตัวปลายจมูกก็กดเข้ากับเนื้อนุ่มนั้นเสียแล้ว
“เฮ้ย ทำอะไร” เดือนผลักเขาออก พลางหันไปมองทางพ่อแม่อย่างประหม่า ซึ่งทางนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกเราเลย
“บอกซันก่อน เร็ว”
สองมือดึงเดือนให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ
“เค้าบอกตัวหลายทีแล้วเหอะ ตาซันบอกเดือนบ้างดิ” สบเข้ากับลูกแก้วสีดำสุกใส เขาหันหน้าไปทางพ่อแม่อย่างรวดเร็ว
“พ่อครับ แม่ครับ ซันๆ รักเดือนนะครับ” ไม่พูดเปล่าดึงตัวเดือนที่ดิ้นรนหนีเข้ามากอดไว้แน่น
“ฮ่าๆ”
งานเลี้ยงในวันนั้นจบลงราวๆ สี่ทุ่ม ความสุขและเสียงหัวเราะทำให้หัวใจของเขาพองโต รอยยิ้มแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าจนกระทั่งนอนหลับไปพร้อมกับคนในอ้อมกอด
“รักนะครับ”
เดือนพลิกตัวขยับเข้ามานอนในวงแขน พูดอู้อี้กับอก
“รักซันๆ เหมือนกัน”
เพราะเหตุนี้เขาถึงได้ชวนเดือนกลับบ้านเสมอ
บ้านจะคอยตอนรับเราอย่างอบอุ่นทุกครั้ง
ไม่ว่าการจากลาของเราจะเกิดขึ้นในรูปแบบไหน
บ้านที่มีความรัก ความเข้าใจ ความปรารถนาดีให้เราเสมอมา
การกลับบ้านครั้งหน้าของเรา เขาอาจไม่ได้เป็นคนชวนฝ่ายเดียวอีกต่อไปแล้ว
-----------------------------------------------------
[18/01/2559]
หัวหน้าไม่มา ลูกน้องร่าเริง //อย่าถามถึงพรุ่งนี้ 55555 อาทิตย์นี้ต้องเคลียร์งานใหญ่หลายงานเลย ไม่แน่ใจว่าจะได้มาต่อไหม ขอโทษไว้ตรงนี้เลยนะคะ
ส่วนใครเป็นห่วงบอกเลยเรื่องนี้ไม่มีดราม่าอะไรค่ะ หวานแหววกุ๊งกิ๊งสุดๆ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
Lavender’s blue