(ต่อค่ะ)
หลังจากนั้นวรานนท์ก็ลงมาที่ชั้น1ที่เป็นซุปเปอร์ก่อนจะเดินเลือกซื้อของมากมายใส่รถเข็นก่อนจะเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แล้วลงมายังลานจอดรถที่อยู่ชั้นใต้ดิน
“อรอยากให้คุณสนใจอรบ้าง!...สักนิดก็ยังดี!”เสียงหวานที่ได้ยินทำให้คนที่กำลังจะสต๊าทรถหยุดชะงักเมื่อจำได้ว่าเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหนมาก่อน
“ผมให้คุณเป็นได้แค่เพื่อนจริงๆ”เสียงต่อมาทำให้ผมร้องอ๋อออกมาทันที
เสียงของราชานี่
“อรไม่ได้อยากเป็นเพื่อน!...พ่อแม่เราก็เห็นดีด้วยในการแต่งงานของเราแต่ทำไมคุณถึงไม่ยอมรับมันล่ะ?!”
“ผมไม่ได้ชอบคุณ”เสียงทุ้มที่ออกจะติดรำคาญเอ่ยออกไป
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลับมาเป็นสตอล์กเกอร์อีกครั้งเมื่อตัดสินในลงจากรถแล้วก้าวเข้าไปยังต้นเสียงที่มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนพูดคุยกันอยู่หน้ารถหรูคันดำเงาที่ดูแล้วน่าจะเป็นของราชาเพราะประตูรถด้านคนขับถูกเปิดไว้
“แต่ฉันรักคุณ!...รักคุณได้ยินไหมราชา!!”เธอตะโกนบอกพร้อมกับวิ่งกลับเข้าไปในห้าง
“โธ่เว้ย!”เสียงสถบจากราชาดังขึ้นก่อนจะวิ่งตามหญิงสาวคนนั้นเข้าไป
“...เดี๋ยวสิรถยังไม่ได้ล๊อค”เสียงนุ่มบอกเสียงเบาทำให้อีกฝ่ายไม่ยิน
นั่นทำให้คนที่แอบมองอยู่หันซ้ายหันขวาดูว่าควรจะทำยังไง
เล่นเปิดประตูรถอ้าไปขนาดนั้นถ้าโดนขโมยของข้างในไปจะทำยังไงล่ะ?
“หื้อ?...ไม่ได้ล๊อค”
เหมือนความคิดบางอย่างผุดเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็วทำให้ผมรีบวิ่งกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ไม่ไกลแล้วเปิดเบาะด้านใต้ที่ใส่กระเป๋าใบโปรดเอาไว้ภายในออกมา
รูปภาพที่ถูกอัดไว้ถูกหยิบออกมาจากอัลบั้มพร้อมจรดปากกาหมึกดำเขียนข้อความลงไป...ดวงตาสีเขียวปนเทาเหล่มองไปยังถุงที่ห้อยอยู่ตรงแฮนรถของตัวเองก็จะเบิกตากว้างขึ้นเมื่อมีความคิดดีๆ สองมือที่จัดการกับรูปภาพเรียบร้อยรีบหยิบของบางอย่างจากในถุงออกมาพร้อมควานหาสก๊อตเทปที่อยู่ในกระเป๋าก่อนจะติดทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกัน ไม่ช้าผมก็กลับมาที่รถสีดำเงาคันเดิมที่ถูกเปิดประตูทิ้งไว้ด้วยความตื่นเต้นว่าเจ้าของงรถจะมารึยังแต่เมื่อไม่เห็นเงาใครผมก็รีบวางของลงบนที่นั่งคนขับแล้วเดินจากไป
“...ควรปิดประตูด้วยดีกว่า”พอนึกขึ้นได้ก็วกกลับไปที่รถคันดำเงาอีกรอบพร้อมกับปิดประตูด้านคนขับให้เรียบร้อย...
ผมอยากจะเป็นกำลังให้นายแต่สิ่งที่ทำให้ได้คงมีแค่นี้...
“หวังว่าจะชอบนะ”พูดจบผมก็กลับไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของตนเองแล้วกลับห้องพักในที่สุด
ทางด้านธรณินทร์หรือราชาที่วิ่งตามหญิงสาวเข้ามาในห้างก็ถึงกลับเครียดเพราะทำยังไงก็คุยกับสาวตรงหน้าไม่รู้เรื่องสักที...เธอชื่ออรรัตน์ เพชรเกศาลูกสาวของประธานบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศ
การมากินข้าวครั้งนี้ถือเป็นการดูตัวที่ถูกจัดขึ้นโดยหลอกให้ผมมาโดยไม่ถามความสมัครใจเลยนิด....ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกก็ถูกนัดดูตัวอยู่ไม่เว้นวันจนรู้สึกอึดอัดและรำคาญมาก ทุกๆครั้งผมจะบอกพวกเธอไปตามตรงว่าไม่ได้มองพวกเธอแบบนั้นแต่ส่วนมากที่ได้ยินก็มักจะตื้อจนไม่รู้จะทำยังไงดี
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
“ทำไมถึงเป็นอรไม่ได้ละคะ?”เสียงของหญิงสาวตรงหน้าถามขึ้นโดยที่ดวงตาสีน้ำตาลคลอไปด้วยน้ำตา
“ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณ”
“ถ้าเราแต่งงานกันไปก็จะรักกันเองคะพ่อกับแม่อรก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน”เธอยังคงยืนกราน
“คุณก็น่าจะรู้ว่ามีหลายคู่ที่ต้องแยกทางกัน...เมื่อความรู้สึกไม่ตรงกันเราจะฝืนกันไปทำไม?”
“ก็เพราะอรรักคุณไงราชา!...รักมาตั้งแต่แรกเห็น!!”
“...ผมขอโทษจริงๆ”
เป็นเธอไม่ได้
ความรู้สึกมันบอกแบบนั้น
“...แล้วคุณจะเสียใจที่ไม่เลือกอร!!”เธอตะหวาดใส่ก่อนจะวิ่งออกไปอีกครั้งและครั้งนี้ผมเลือกที่จะไม่ตามไป
ถ้าตามไปก็คงเหมือนเดิมที่ต้องมายืนทะเลาะกันอีก
วันพรุ่งนี้เตรียมโดนโทรศัพท์บ่นจากพ่อได้เลย
“เฮ่อ...”ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างปลงๆก่อนจะเดินกลับรถที่จอดอยู่ชั้นใต้ดินของห้าง...สองขาที่ก้าวอย่างเชื่องช้าค่อยๆเร็วขึ้นก่อนจะกลายเป็นวิ่งเมื่อนึกได้ว่าลืมปิดประตูรถ
“...บ้าจริง!”วันนี้เป็นวันหยุดที่แย่ที่สุดเลย
หวังว่ารถจะยังไม่ถูกขโมยอะไรไปนะ
ทันทีที่กลับถึงรถก็ต้องชะงักเมื่อประตูที่ควรจะถูกเปิดกลับปิดลงอย่างเรียบร้อยอย่างกลับว่ามีผู้หวังดีเดินมาเจอแล้วปิดประตูรถให้ซึ่งมันเป็นไปได้ยากในยุคปัจจุบันนี้...เจ้าของรถรีบเดินไปเปิดประตูหลังเพื่อตรวจสอบว่ากระเป๋ากับพวกโน้ตบุ๊กที่อยู่ด้านหลังปลอดภัยดีไหมพอเห็นว่าของทุกอย่างยังอยู่ครบก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย
ต่อมาผมก็เปิดกระเป๋าเป้สีดำใบโปรดออกก่อนจะหยิบขวดน้ำขนาดเล็กที่ยังไม่ได้ถูกแกะออกมามอง...รูปภาพที่อยู่คู่กันได้ถูกเอาไปไว้ที่ห้องแล้วเพราะกลัวจะทำยับหรือตกหายที่ไหน เหลือเพียงแค่ขวดน้ำเปล่าที่อยู่ติดกระเป๋ามาตลอด
ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังน้ำในขวดตรงหน้า...เชื่อไหมว่าแค่มองก็เหมือนโดยสูบความเครียดที่มีออกไปเลย
อยากจะแกะดื่มแต่ก็รู้สึกเสียดายเลยทำได้แค่หยิบขึ้นมาดูแล้วก็เก็บใส่ไว้ในกระเป๋าตามเดิม
ใช้เวลาสักพักผมก็ปิดประตูหลังแล้วเดินมาเปิดประตูหน้าเพื่อจะได้ขับรถกลับไปพักผ่อนที่ห้องสักที...
กึก!
ร่างกายเหมือนหยุดชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นของบางอย่างที่วางอยู่บนเบาะสีดำตรงที่นั่งฝั่งคนขับ...ถุงแอปเปิ้ลเขียวที่วางอยู่ตรงหน้าทำให้เจ้าของรถถึงกลับงงว่าใครเป็นคนเอามาวาง
พลันมองไปด้านข้างถุงก็ต้องหรี่ตาลงพร้อมเพ่งมองราวกับไม่แน่ใจว่าสิ่งที่อยู่ด้านข้างคืออะไร
สองมือของผมเอื้อมไปหยิบถุงแอปเปิ้ลเขียวขึ้นมาก่อนจะพลิกไปดูด้านหลังแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรูปภาพรูปหนึ่งถูกแปะติดไว้กับถุงแอปเปิ้ลเขียว...
ผมรีบหันควับไปมองรอบกายทันทีเมื่อรู้ว่าใครเป็นเจ้าของภาพถ่ายและถุงแอปเปิ้ลเขียวพวกนี้...ไม่คิดว่าจะได้ของจากอีกฝ่ายเร็วขนาดนี้แปลว่าคงมาที่ห้างเดียวกันเพราะตราซุปเปอร์ที่แปะอยู่เป็นซุปเปอร์ของห้างนี้
หรืออาจจะถูกสะกดรอย?
ก็ไม่น่าใช่อีก
ผมเข้าไปนั่งในรถโดยมีถุงแอปเปิ้ลเขียววางไว้บนตัก...อากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้ไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่เลยเปิดแอร์ในรถให้เย็นฉ่ำก่อนจะค่อยๆดึงรูปภาพที่มีสก๊อตเทปติดอยู่ด้านหลังอย่างเบามือ
“ทำไมต้องแปะสก๊อตเทปด้วยนะ”ผมพึมพำออกมาเบาพรางระวังไม่ให้ภาพเสียหาย
“ได้ล่ะ!”
เจ้าของรถหรูถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสามารถแกะรูปภาพออกมาได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีอะไรเสียหาย...มือของตนหยิบรูปภาพนั้นก่อนจะพลิกดูด้านหน้าที่เป็นรูปของสวนดอกไม้สีขาวสว่างตาถูกล้อมรอบไปด้วยไม่พุ่มขนาดกลางเป็นรูปวงกลม...เป็นภาพที่ดูแล้วพาให้สดชื่นมาก
ความเครียดที่มีเริ่มคลายตัวและหายไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อได้อ่านข้อความที่ถูกเขียนไว้ด้านใต้ของพุ่มไม้สีเขียวด้วยหมึกสีดำที่แสนคุ้นเคยว่า...
‘นายไม่เหมาะกับใบหน้าเครียดๆแบบนี้เลย...แอปเปิ้ลเขียวเปรี้ยวนิดๆช่วยคลายเครียดได้นะราชา’
ข้อความนั่นดังขึ้นอยู่ในหัวตลอดตั้งแต่ขับรถออกจากห้างจนมาถึงคอนโดสุดหรูที่อยู่ใจกลางเมือง...แม้แต่ขึ้นมาจนถึงห้องข้อความนั่นก็ยังไม่จางหายไปจากหัว
ร่างของงธรณินทร์ก้าวออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อคลุมสีขาวที่ผูกเชือกไว้บริเวณเอวหลวมๆ...ปกติเวลานอนผมก็มักจะใส่แค่ชุดคลุมอาบน้ำเท่านั้น
การที่ใส่เสื้อผ้านอนมันค่อนข้างอึดอัดถ้าไม่จำเป็นผมก็จะใส่แค่นี้แหละ
ร่างสูงเดินมาจนถึงลิ้นชักข้างเตียงก่อนจะเปิดชั้นบนสุดที่มีรูปถ่ายสามใบถูกวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบภายใน
รูปภาพที่คนถ่ายเป็นคนเดียวกันทุกใบ
ภาพที่เป็นเหมือนแรงกำลังใจให้ผมผ่านหลายๆอย่างไปได้ทั้งที่พึ่งเจอกันไม่ถึงเดือน...จะเรียกว่าเจอก็คงไม่ถูกเพราะผมไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ เพศหรือแม้แต่หน้าตาของอีกฝ่ายเลย
มีแต่อีกฝ่ายนั่นแหละที่ดูเหมือนจะรู้จักผมดีซะเหลือเกิน
ถ้าเป็นสโตรกเกอร์ก็คงเรียกว่าเป็นสโตรกเกอร์ที่ให้ความรู้สึกดีน่ะนะ
ผมปิดลิ้นชัดกลับเข้าที่เดิมก่อนจะก้าวขาออกจากห้องนอนไปยังห้องครัวที่อยู่ถัดออกไป...ภายในห้องหรูนี้มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องครัวและหนึ่งห้องรับแขกเป็นห้องพักที่มีทุกอย่างครบครันพร้อมใช้งานสมกับเงินที่เสียไป
เสียงเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่ดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีน้ำตาลที่มองเข้าไปภายในจนเจอเข้ากับถุงแอปเปิ้ลเขียวที่ได้มาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อบ่ายวันนี้
อยากจะกินแต่อีกใจหนึ่งก็เสียดาย
“...ปล่อยไว้ก็เน่าน่ะสิ”เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเองอย่างครุ่นคิด
ผมอยากเก็บแอปเปิ้ลเขียวพวกนี้ไว้เพื่อเป็นหลักฐานว่ายังมีคนที่รักและเป็นห่วงเราอยู่อย่างไม่มีเหตุผลหรืออาจมีแต่ผมไม่รู้ก็ได้
โดยส่วนตัวผมคิดว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่งถ้าไม่นับเรื่องที่สะกดรอยตามน่ะนะ
จะมีสักกี่คนที่คอยตามให้กำลังใจทั้งที่คนที่ได้รับนั้นไม่รู้จักตัวเอง...
มันน่าเศร้านะ
บางทีอีกฝ่ายอาจจะอยากรู้จักแต่ไม่กล้าก็ได้...
“แปลว่าเป็นพวกขี้อาย?”ผมพึมพำออกมาอีกครั้งพร้อมกับหยิบแอปเปิ้ลเขียวออกมาจากถุงหนึ่งลูก
คำแรกที่กัดลงไปความเปรี้ยวก็แล่นเข้ามาก่อนจะตามด้วยความหวาน...รสชาติของแอปเปิ้ลเขียวปกติที่กินมาจนเบื่อแต่ครั้งกลับรู้สึกแตกต่างอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ใช่อร่อยกว่า...
ไม่ใช่สดใหม่กว่า...
แต่คงเพราะคนที่ให้แอปเปิ้ลนี้มาเป็นคนเดียวกับเจ้าของรูปภ่ายเมื่อสองครั้งก่อนก็ได้
“...คงต้องซื้อมาใส่ตู้ไว้เยอะๆแล้วสิ”เจ้าของห้องพึมพำเสียงเบาพร้อมคลี่ยิ้มให้กับลูกแอปเปิ้ลเขียวที่ถูกกัดไปกว่าครึ่ง
ข้อความที่อีกฝ่ายบอกว่ามันจะช่วยคลายเครียดได้...ผมว่ามันจริงซะแล้วล่ะ
พอจัดการแอปเปิ้ลเขียวเสร็จผมก็กลับเข้ามาในห้องนอนตามเดิม...ร่างสูงในชุดคลุมสีขาวนอนแผ่อยู่กลางเตียงโดยที่ในหัวกำลังคิดถึงเจ้าของรูปภาพและของอีกสองอย่างที่ได้รับมา
อยากจะปล่อยไว้แบบนี้เพื่อจะรอดูว่ารูปภาพต่อไปจะเป็นอะไร
เพียงแต่ความรู้สึกในตอนนี้มันกลับไม่ยอม
ไม่อยากรอมากไปกว่านี้แล้ว
ถ้าเป็นสโตรกเกอร์จริงก็คงจะอยู่รอบๆตัวผม
แบบนี้คงไม่ยากที่จะหาตัวใช่ไหม?
“ครั้งหน้าผมจะจับคุณให้ได้!”ผมประกาศก้องพร้อมกับคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง
แค่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำหน้ายังไงเมื่อรู้ว่าถูกผมจับได้ก็รู้สึกสนุกแล้ว
หวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ
คุณช่างภาพ...
........................................................................................
สวัสดีค่ะ
นำตอนใหม่มาเสิร์ฟแล้วค่ะ
หลายๆคนคนงอยากจะบ่นพระเอกว่าทำไม๊ทำไมไม่สนใจข้าวจ้าวที่แสนน่ารักเลย
ตอนนี้ราชาของเราเตรียมตัวที่จะจับสโตรกเกอร์แล้ว...
ตอนหน้าจะเป็นยังไง
ข้าวจ้าวจะถูกจับได้หรือไม่คอยติดตามกันต่อในอาทิตย์หน้านะคะ
ช่วงนี้น้องหมาที่บ้านเราป่วยอยู่เลยอาจอัพช้าเล็กน้อยเพราะต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดนะคะ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆกำลังใจที่มีให้นะคะ
แล้วมาพบกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ^^
บ๊ายบาย

nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪