แอบรัก⊰ ❤ ⊱พิเศษวันวาเลนไทน์
วันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรักนั้นถูกจัดขึ้นในวันที่14 กุมภาพันธ์ของทุกปี...สำหรับประวัตินั้นจะให้เล่าก็คงต้องย้อนไปนานมากเอาเป็นว่าวันวาเลนไทน์เกิดขึ้นเพื่อระลึกถึงนักบุญเซนต์วาเลนไทน์นั่นเอง ทั้งที่เป็นวันระลึกถึงคนที่ถูกประหารแต่ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านค้า แม้แต่ถนนสองข้างทางก็เต็มไปด้วยสิ่งของสีชมพูและแดง
ช่วงสายของวันช่างภาพอย่างผมได้รับงานจากเจ้าของรานแกลลอรี่ที่ทำงานอยู่ให้ออกมาถ่ายรูปเพื่อเป็นจัดพิมพ์เป็นโปสการ์ดขายในเทศกาลวันวาเลนไทน์ที่จะถึงในอีกสองวันข้างหน้า...ความจริงในร้านก็มีโปสการ์ดวันวาเลนไทน์ขายอยู่แล้วไม่รู้ทำไมถึงต้องให้ออกมาถ่ายเพิ่มอีก
ในช่วงก่อนวันเทศกาลแบบนี้ทางร้านจะคนเยอะมากเพราะมีทั้งเด็ก นักเรียน นักศึกษา วัยรุ่นหรือผู้ใหญ่เข้ามาให้ช่วยวาดรูปเป็นของขวัญบ้างล่ะ ถ่ายรูปคู่บ้างล่ะ บางครั้งก็มีงานวาดรูปเหมือนบ้าง
สำหรับผมคงต้องบอกว่าการวาดรูปเหมือนนั้นเป็นงานที่สนุกมาก คล้ายกับเป็นการฝึกฝนฝีมือไม่ให้ลืมการสเก็ตภาพไป...จริงอยู่ที่ผมวาดภาพบ่อยแต่ส่วนมากจะเป็นภาพตามจินตนาการไม่ใช่ภาพเหมือนของมนุษย์
“...อยากวาดรูปเหมือนจังเลยนะ”เสียงพึมพำดังขึ้นตลอดถนนเส้นยาวที่เดินผ่าน ทั้งสองข้างของถนนเต็มไปด้วยร้านเล็กๆตั้งมากมายซึ่งของที่ทุกร้านมีเหมือนกันคือดอกกุหลายสามสี สีแดง สีขาวและสีชมพู
กล้องถ่ายรูปคู่ใจถูกหยิบขึ้นมาจับภาพผู้คนมากมายที่กำลังเลือกซื้อดอกกุหลาบด้วยรอยยิ้มและสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกรักที่แผ่ออกมาจนสัมผัสได้ หลายๆคนเลือกที่จะซื้อตุ๊กตาหมีหรือกระต่ายถือรูปหัวใจเพื่อมอบให้คนที่รัก
ท่าทางตอนหยิบตุ๊กตาเหล่านั้นไม่พ้นช่างกล้องมืออาชีพแบบผมแน่นอน
หลายชั่วโมงผ่านไปหลังจากที่เดินตามถนนไปและกลับ...รูปถ่ายที่ได้มานั้นมีหลายรูปครบองค์ประกอบ
ระหว่างทางที่เดินกลับของสีแดงและชมพูทำให้ผมนึกถึงคนรักของตัวเองขึ้นมาได้...
“...ราชา...”ผมพึมพำชื่อของคนรักที่คบกันมาได้หลายปีเพียงแค่เรียกชื่อใบหน้าก็รู้สึกเหมือนร้อนขึ้นเล็กน้อย
ผ่านมาตั้งนานแล้วแต่ก็ยังเลิกนิสัยเขินอายนี่ไม่ได้สักที
จะว่าไป...วันวาเลนไทน์ผมก็ควรหาซื้อของให้ราชาด้วยสินะ
แต่จะให้ซื้อพวกดอกไม่หรือตุ๊กตาอีกฝ่ายก็คงไม่ชอบเท่าไหร่...
ถ้าจะหาอะไรเป็นของขวัญผมก็อยากจะเป็นคนทำขึ้นมาด้วยตัวเอง
ของที่ทำเอง...
และเหมาะจะให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์...
“อ๊ะ...วาดภาพเหมือนดีกว่า”สุดท้ายก็คิดได้ว่าจะให้อะไรราชาดี
การวาดภาพเป็นสิ่งที่ผมถนัดที่สุดดังนั้นผมจะทุ่มทุกอย่างในการวาดภาพเหมือนของราชาให้เสร็จภายในสองวันให้ได้
“...จะทันไหมนะ”การจะวาดภาพเหมือนอาจให้เวลาไม่นานแต่เพราะอยากจะลงสีด้วยเลยอาจต้องใช้เวลานานพอสมควร แล้วยิ่งตอนนี้ผมพักอยู่ห้องเดียวกับราชาอีกจะให้แอบวาดก็คงไม่ได้...
ทำยังไงดีนะ...
เดี๋ยวนะ...ถ้าทำที่ห้องไม่ได้ก็มาทำที่ร้านอาวิก็ได้นี่
เมื่อคิดได้ผมก็รีบวิ่งกลับไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ไม่ไกลเพื่อกลับไปยังร้านแล้วบอกอาวิเกี่ยวกับเรื่องที่จะขอยืมสตูดิโอสักสองวัน...อาวินั้นให้ยอมโดยไม่ถามอะไรทำให้ผมคลี่ยิ้มออกมา...
ถ้าค้างที่ร้านอาวิสักสองวันก็จะมีเวลาวาดได้ทั้งคืนโดยไม่มีใครเข้ามากวน...
แบบนี้ทันแน่
ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่...
(...ทำไมต้องค้างที่ร้านของอาวิด้วยล่ะ?”เสียงทุ้มของคนรักดังขึ้นจากปลายสายด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเนื่องจากผมได้ขี่รถไปเก็บเสื้อผ้าที่จะค้างคืนมาโดยไม่บอกให้อีกฝ่ายรู้ก่อน
“ผมมีงานที่อยากทำให้เสร็จน่ะ”
(งานสำคัญกว่าผมเหรอ?)
“มะ...ไม่ใช่นะ”ผมรีบปฏิเสธ
งานจะสำคัญกว่าราชาได้ยังไง
(งั้นก็กลับมานอนนี่เถอะ...เดี๋ยวผมไปรับนะ...)
“ไม่ต้องมาๆ...ผมขอแค่สองวันนะราชา...แค่สองวันนะ”ขืนยอมให้มารับภาพที่จะวาดเสร็จก็ไม่เสร็จกันพอดี
(...เป็นงานที่สำคัญเหรอ?)
“อืม...สำคัญมาก”เพราะเป็นของขวัญที่จะให้กับราชาเลยสำคัญมาก
(...)
“ราชา...”ทำไมเงียบล่ะ
(...พรุ่งนี้ขอไปหาที่ร้านได้ไหม?)อีกฝ่ายเปลี่ยนคำถาม
“ได้สิ...มีอะไรเหรอ?”
(อยากเจอ...)
“...”เสียงทุ้มที่พูดประโยคนั่นเบาๆทำให้มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ถึงกลับกำแน่นขึ้น
(อยากเจอข้าวจ้าว)
“...ราชา”ประโยคเดิมถูกย้ำอีกครั้งพร้อมกับใบหน้าผมที่รู้สึกเหมือนถูกไหม้
(รีบทำงานให้เสร็จนะ...ผมอยากให้คุณกลับมาเร็วๆ)
“อืม...จะพยายามนะ”ผมขานรับด้วยเสียงสั่นๆ
(ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยใส่แขนยาวนอนนะ)
“ได้...ราชาก็อย่าเปิดแอร์แล้วเปิดพัดลมจ่อนะเดี๋ยวไม่สบาย”ผมบอกกลับไปบ้าง
(ถ้าไม่สบายข้าวจ้าวจะรีบกลับมาดูผมใช่ไหม?)
“...ถ้าแกล้งทำผมจะโกรธจริงๆด้วย”ผมต้องรีบบอกก่อนที่คนปลายสายจะนอนจ่อทั้งแอร์และพัดลมเพื่อให้ตัวเองป่วย
(ไม่ทำหรอก...ดึกแล้วนี่...งั้นเจอกันพรุ่งนี้)
“เจอกันพรุ่งนี้ราชา”
(ฝันดี...ไม่สิ...ฝันถึงผมนะ)
“...ใครจะฝันกัน”มาพูดอะไรน่าอายก่อนนอนเนี่ย!
(ข้าวจ้าวไง...ผมก็จะฝันถึงคุณนะ...บาย)
“บ๊ายบาย”ผมตอบรับเสียงเบาก็จะวางสายลง
แค่ได้ยินเสียงก็รู้สึกเหมือนได้รับกำลังใจมาอย่างเต็มเปี่ยม
“เอาล่ะ...มาเลือกรูปกันดีกว่า”ต้องรีบเลือกจะได้เริ่มวาดโครงก่อน
วันนี้ผมกะว่าจะเลือกภาพและวาดโครงก่อนจะพักไปทำงานอื่นที่ได้รับมอบหมายมา...อย่างที่บอกว่ามีหลายคนที่มาให้ทางร้านวาดภาพเหมือนให้วันนี้เองก็มีมาทั้งหมด5ภาพซึ่งอาวิบอกจะจัดการเอง3ส่วนผมก็2ภาพ
อาจดูน้อยแต่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น วันอื่นก็มีคนมาจ้างให้วาดอีกรวมทั้งหมดตอนนี้ก็มีอยู่เกือบ30ภาพได้แต่ส่วนมากก็จะเสร็จไปหมดแล้วรอแค่เจ้าของมาเอาไปเท่านั้น การวาดภาพเหมือนปกติจะใช้เวลาประมาณ1วันก่อนจะตัดเส้นตามแต่ลูกค้าต้องการในส่วนที่ต้องการให้ลงสีก็จะใช้เวลามากกว่าเดิมอยู่พอสมควร
ดังนั้นการที่ผมจะทำทั้งงานและของขวัญให้ราชาก็ถือว่าเป็นงานยาก
นานมานี้อาวิได้ต่อเติมห้องเพิ่มทำให้มีสตูดิโออยู่สองห้อง...ห้องหนึ่งผมอยู่ส่วนอีกห้องอาวิก็ทำงานอยู่เช่นกัน
ผมกับอาวิคล้ายกัน...ต้องบอกว่าคนที่ชอบวาดรูปก็คงคล้ายกันหมดนั่นแหละ การจะวาดรูปโดยมีสมาธิมากที่สุดก็ต้องวาดคนเดียว ยิ่งอยู่รวมกันหลายๆคนก็จะยิ่งไม่มีสมาธิในการทำงาน
รูปถ่ายของราชาถูกเปิดขึ้นจากอัลบั้มรูปส่วนตัวที่ถูกเก็บอยู่ในสตูดิโอพลิกไปมาเพื่อหารูปที่ดีที่สุดในการวาด...ถือว่าอยากเพราะไม่ว่าจะรูปไหนราชาก็ดูดีไปหมด...
“ชักเพ้อล่ะข้าวจ้าว”ผมบอกตัวเองก่อนจะสะบัดหน้าไปมา อัลบั้มถูกเปิดออกอีกครั้งและครั้งนี้ผมตั้งใจในการเลือกมากกว่าเดิมจนในที่สุดก็ได้รูปของราชาตอนที่เท้าแขนอยู่กับรถหรูสีดำเงา ใบหน้าของราชาหันมาหาคนถ่ายซึ่งก็คือผมด้วยรอยยิ้มมุมปากแค่ยิ้มนิดๆแบบนั้นผมก็แทบจะละลายไปให้รู้แล้วรู้รอด
การวาดโครงของภาพนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนที่ช่วงนี้ทำมาเกือบทุกวันแบบผมเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเค้าโครงทั้งภาพก็ถูกวาดออกมาอย่างสมบูรณ์ตามที่ตั้งใจ ผมยกยิ้มของเล็กน้อยเพราะสามารถวาดมันออกมาได้ตามที่คิดทั้งที่ใช้เวลาน้อยกว่าภาพอื่นอยู่มาก...
อาจเพราะเป็นภาพของราชาที่แอบมองมาตลอดทำให้ไม่เป็นต้องหันไปมองต้นแบบ ทุกส่วนของเค้าหน้าหรือส่วนสูงผมก็สามารถวาดได้โดยไม่ต้องกะสเกลเหมือนภาพอื่น
หลังจากนั้นผมก็ลุกขึ้นไปจัดการงานที่ได้รับมาหลายชั่วโมงติดต่อกัน เรียกว่าหลายชั่วโมงคงไม่พอ...พูดว่าทั้งคืนจะถูกต้องกว่า การอดนอนแค่คืนเดียวไม่ทำให้คนเรียนด้านนี้มาง่วงหรอกรอสักสี่คืนติดจะตาจะเริ่มพล่าและสลบไปโดยไม่รู้ตัวเลย
ที่บอกได้เพราะเคยเจอกับตัวมาก่อน...จำได้เลยว่าตอนนั้นเป็นช่วงส่งงานวาดภาพตามจินตนาการโดยมีแค่หัวข้อให้ผมนั่งวาดผ้าใบขนาดใหญ่กว่าตัวอยู่ห้าวันเต็มก่อนจะพรีเซนต์ผลงานให้อาจารย์ฟัง...
ทันทีที่เสร็จผมก็ล้มลงต่อหน้าต่อตาอาจารย์เลย
มาคิดเอาตอนนี้ก็ตลกดีเหมือนกัน
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะกระจกดังขึ้นจากประตูทางเข้าห้องสตูดิโอ โชคดีที่ผมไม่ได้นั่งลงสีอยู่เลยได้ยินเสียงนั่นได้ ก๊อกน้ำถูกหมุนปิดก่อนจะเดินไปทางประตูแต่ก็ไม่เห็นใครจากกระจกนั้นเลย ดวงตาสีเขียนปนเทาหรี่ลงเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูออกไป...
พุบ!
“อ๊ะ...”ผมถึงกลับสะดุ้งเมื่อถูกใครบางคนดึงจากด้านข้างดันจนติดเข้ากับผนังห้อง...บริเวณเอวถูกรัดเอาไว้แน่นด้วยสองมือจากคนด้านหน้า ส่วนใบหน้านั้นก็ไม่สามารถเห็นได้เนื่องจากอีกฝ่ายซุกหน้าอยู่ที่ไหล่ผม
แต่ถึงจะไม่เห็นทั้งหน้าหรือได้ยินเสียง...
ผมก็รู้ว่าคนที่กอดอยู่ในตอนนี้คือใคร
มีคนเดียวเท่านั้นแหละ...
“ราชา...”ผมพึมพำชื่อนั้นพร้อมกับกอดตอบอีกฝ่าย
“รู้ด้วยเหรอ?”เสียงทุ้มถามกลับโดยที่ยังซุกหน้าอยู่
“รู้สิ...”แค่ได้กลิ่นก็รู้แล้ว แถมสัมผัสแบบนี้มีแค่คนเดียว
“คิดถึงจัง”
“...ราชา”
“แค่คืนเดียวที่ไม่มีคุณนอนข้างผมก็แทบแย่แล้ว...นอนไม่หลับเลยด้วย”
“นอนไม่หลับเหรอ?...แบบนี้ทำงานไหวไหม...อย่าฝืนนะ”ผมบอกด้วยความเป็นห่วง
“วันนี้มีประชุมใหญ่...”
“กี่โมง?”ผมถามพรางยกนาฬิกาขึ้นมาดู
“9โมง”
“ราชา...นี่มัน8โมงจะครึ่งแล้วนะ”จะสายแล้วนี่
“รู้แล้ว”
“รีบไปทำงานเลย”ผมพูดก่อนจะดันคนด้านหน้าออกไป
“ทำไมชอบไล่กันจัง...ผมพึ่งมานะ...นี่ข้าวจ้าว...”เสียงเรียกของราชาดังขึ้นโดยที่ดวงตาคมสีน้ำตาลเงยขึ้นมาสบเหมือนต้องการจะบอกอะไรสักอย่าง
“...อะไร”สายตาแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก
“ฝันถึงผมไหม?”
“...”คำถามธรรมดาๆทำเอาคนฟังได้แต่เม้มปากตัวเองแน่น
“เงียบแบนี้คืออะไรล่ะ?”
“...แล้วราชาล่ะ”
“ผมทำไม?”
“...”ปากที่เม้มเข้ากันแน่นยิ่งแน่นกว่าเดิมเมื่อถูกคนรักขยับใบหน้าเข้ามาใกล้แถมยังแกล้งให้ผมถามคำถามน่าอายนั่นออกไปอีก
ผมรู้ว่าเขารู้ถึงสิ่งที่ผมอยากถามแต่ก็ยังแกล้งกันอยู่นั่นแหละ
“ข้าวจ้าว...บอกผมหน่อยสิ”เสียงทุ่มที่ร้องขอกับสายตาที่อ่อนโยนนั่นทำให้ผมพ่ายแพ้ไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
“...ราชาฝันถึงผมรึเปล่า?”สุดท้ายผมก็ต้องถามคำถามนั่นออกไปจนได้
“ฝันสิ...ถึงจะนอนไม่ค่อยหลับก็เถอะ”
“ไม่สบายรึเปล่า”ผมพึมพำก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของราชาเบาๆ
ไม่มีไข้นี่นา
“...ทำตัวน่ารักแต่เช้าเลยนะ”
“คะ...ใครน่ารักกัน!”ผมถึงกับหลุดเสียงสั่นๆออกไปเพราะคำพูดน่าอายนั่น
“ข้าวจ้าวไง...ทำตัวน่ารัก...รักจนจะแย่แล้วเนี่ย...รับผิดชอบเลยนะ”พูดจบปลายจมูกโด่งเป็นสันก็ขยับเข้ามาคลอเคลียปลายจมูกผมเบาๆโดยที่ดวงตาของพวกเราประสานกัน
“...พูดอะไรน่ะ?”
“งานยังไม่เสร็จอีกเหรอ?”ราชาเปลี่ยนคำถาม
“อืม...ของอีกคืนนะ”ผมตอบไปตามตรง
“พรุ่งนี้ก็วันวาเลนไทน์แล้วคุณจะปล่อยให้ผมตื่นมาบนเตียงคนเดียวเหรอ?”
“...ราชาคือ...”จะให้บอกว่ามีของขวัญให้ก็ไม่ได้อีก
“ผมมีของให้คุณด้วยนะ...แล้วคุณล่ะมีอะไรไห้ผมไหม?”เสียงทุ้มถาม
“...”คำถามตรงๆนั่นทำให้ผมสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยแต่ก็เพียงพอให้คนที่มองอยู่คลี่ยิ้มออกมา
“มีสินะ”
“...”ผมได้แต่นิ่งเงียบพร้อมเม้มปากตัวเองแน่น
“ถ้าให้เดาที่ขอมาค้างนี่แปลว่าทำอะไรให้ผมล่ะสิ”
“...”ดวงตาสีเขียวปนเทาเบิกกว้างผ่านเลนส์แว่นทำให้คนที่มองมายิ้มกว้างขึ้น
“น่ารักจริงๆ...ชักอยากเห็นแล้วสิ”
“...ไม่ได้บอกว่ามีสักหน่อย”ผมพึมพำเสียงเบา แม้จะรู้ว่าไม่สามารถโกหกได้แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเถียงกลับไปบ้าง
“แค่เห็นก็รู้แล้ว...อย่าโกหกเลยข้าวจ้าว”
“...ขี้โกงนี่”แบบนี้จะเรียกของขวัญได้ยังไงในเมื่อถูกเจ้าตัวรู้แล้วแบบนี้
“ขี้โกงอะไร...แบบนี้ก็ถือว่าเสมอกันไง”ราชาบอก
“เสมอตรงไหน?”
“ก็ผมรู้ว่าคุณมีของให้...ส่วนคุณก็รู้ว่าผมมีของให้ไง”
“ของ...ให้ผมเหรอ?”ผมชี้นิ้วไปที่ตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
“อะไรกัน...นี่ไม่ได้ฟังเลยเหรอ...ผมมีของให้คุณวันวาเลนไทน์เหมือนกันเพราะงั้นวันพรุ่งนี้ทำตัวให้ว่างไว้นะ”
“ว่างเหรอ...ทำไมล่ะ?”ผมยังคงถามต่อ
“จะพาคนรักไปเดทไง”คิ้วสีดำยักขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา แค่ได้เห็นหัวใจที่เต้นอยู่ก็ไม่อาจสงบได้อีกต่อไป
“...ผมต้องทำงานนะ”ถึงจะอยากไปแต่ก็มีงานที่ต้องจัดการอยู่ยิ่งวันวาเลนไทน์คนยิ่งเยอะ
“ไม่ต้องห่วงช่วงเช้าผมก็ไม่ว่างเหมือนกัน...ผมจะมารับตอนบ่ายสามนะ...แบบนี้คงได้ใช่ไหม?”
“...อืม”ใบหน้ามนพยักขึ้นลงเป็นการตกลง
“คอยดูเถอะผมจะทำให้คุณหน้าแดงยิ่งกว่าดอกกุหลาบซะอีก”คำพูดสุดท้ายของคนรักดังขึ้นก่อนที่จะขอตัวไปจัดการการประชุมที่จะเริ่มในอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีนี้
ค่ำคืนของวันก่อนวาเลนไทน์ผ่านพ้นไปด้วยความเหนื่อยล้าของผมและอาวิที่ต้องมานั่งวาดรูปตลอดทั้งวันจนแทบไม่มีเวลาพัก...วันนี้มีลูกค้าอีกหลายคนที่มาให้วาดรูปแต่เพราะงานที่มีในตอนนี้ค่อนข้างหนักแล้วเลยได้เสนอให้เปลี่ยนจากวาดรูปเป็นอย่างอื่นแทนซึ่งทางลูกค้าก็ดูจะพอใจอยู่มาก
ภาพวาดเลียนแบบราชาถูกลงสีก่อนจะทาน้ำยาเพื่อให้ภาพดูเงางามและคมชัดขึ้น...ตอนนี้ก็เหลือแค่ใส่กรอบเท่านั้น สำหรับกรอบที่ผมเลือกเป็นกรอบธรรมดาๆมีจุดเด่นอยู่ที่ความเรียบหรู
“...เสร็จแล้ว”เมื่อภาพวาดที่ตั้งใจวาดด้วยใจถูกจัดใส่กรอบสีเงินหรูพร้อมใส่กล้องเรียบร้อยดวงตาสีเขียวปนเทาก็ปรือลงแทบจะทันที
ความง่วงเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็วจนร่างกายเซไปเซมาอย่างไม่ตั้งตัว
แค่อดนอนสองวันเป็นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“หนูข้าวมาพักก่อน...อ๊ะ...หนูข้าว”น้าแก้วที่เปิดประตูเข้ามาวิ่งเข้ามารับร่างผมที่ทรุดลงพื้นด้วยใบหน้ากังวล
“...ขอโทษครับ...ผมแค่ง่วง”ผมบอกความจริงไป
“ไม่ง่วงก็แปลกแล้ว...เล่นฝืนทำงานขนาดนี้นี่...อีกคนก็พึ่งเข้าไปนอนในห้องเอง เราก็รีบไปนอนพักเถอะ”น้าแก้วบอก
“...ครับ”ผมจำใจลุกขึ้นแม้ในหัวจะแทบไม่หลงเหลือสติแล้วก็ตาม
สองขาเดินออกไปยังห้องพักที่อยู่ฝั่งตรงข้างกับสตูดิโอ...ทันทีที่ถึงเตียงขนาดเล็กในห้องทั้งร่างก็ทรุดฮวบลงไปอย่างรวดเร็ว สติอันน้อยนิดที่เหลืออยู่เลือนหายไป มีเพียงแค่ความฝันอันแสนสุขโดยมีราชายืนยิ้มเมื่อได้รับภาพวาดของตัวเองเท่านั้น...
“...ข้าวจ้าว...นี่ข้าวจ้าว...”
“...อื้อ...”เสียงครางเล็กๆดังขึ้นก่อนที่ดวงตาสีสวยจะค่อยๆปรือขึ้น สิ่งแรกที่รู้สึกคือสัมผัสของมือที่เกลี่ยเส้นผมสีน้ำตาลไปมาอยู่ข้างๆ
“นอนทำไมไม่ถอดแว่นล่ะ”เสียงทุ้มจากด้านข้างทำเอาคนที่สะลึมสะลืออยู่เด้งตัวขึ้นจากเตียงอย่างหมดความง่วง แว่นที่เผลอใส่นอนถูกดันขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้เห็นคนตรงหน้าชัดมากขึ้น
“...ราชา?...ทำมาอยู่นี่ล่ะ?”
“นี่คงไม่ลืมใช่ไหมว่าเรามีเดทกันน่ะ”ดวงตาคมหรี่ลงพร้อมกับจ้องมาเขม็ง
“ไม่ลืมๆ...แต่เรานัดตอนบ่ายสามไม่ใช่เหรอ?”ผมถามต่อ...จำได้ว่าตอนที่ทำทุกอย่างเสร็จเพิ่ม11โมงเอง
“ใช่...ก็นี่บ่ายสามแล้วไง”พูดจบราชาก็ยกนาฬิกาข้อมือเรือนสวยขึ้นมาให้ดูเต็มตา
“...”นี่ผมนอนไปนานขนาดนั้นเลยเหรอ
“ไหวนะ...พักอีกหน่อยไหม?”เตียงด้านข้างยุบลงเล็กน้อยเพราะราชานั่งลงข้างๆผม
“ไม่ล่ะ...แค่นี้ก็นอนเต็มอิ่มแล้ว”ผมส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธ
“แน่ใจนะ”
“อืม...อ๊ะ...ขอไปเอาของก่อนไปนะ”ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปยังห้องสตูดิโอฝั่งตรงข้าม กล่องของขวัญสีน้ำเงินลายเงินที่ภายในมีภาพวาดที่ใช้เวลาถึงสองวันในการวาดอยู่ถูกคว้าขึ้นมาแนบอก...
แค่คิดว่าของนี่จะได้อยู่ในมือของราชาผมก็คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ยืนยิ้มแบบนั้นคิดอะไรอยู่เหรอ?”คนด้านหลังกระซิบถามเสียงหวาน
“ระ...ราชา”คนถูกระซิบตกใจจนแทบจะปล่อยกล่องของขวัญหลุดมือไปแล้ว
โชคดีที่ยังไม่ตก
“หื้ม?...นี่ของขวัญให้ผมสินะ”อีกฝ่ายถามพร้อมกับยิ้มออกมา
“...เปล่าสักหน่อย”ผมพยายามโกหกทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้
“จริงเหรอ...ไม่ใช่จริงเหรอ?”คนตรงหน้ายังคงถามต่อโดยที่สายตายังมองมายังกล่องของขวัญที่ผมกอดอยู่ที่อก
“...อย่าแกล้งกัน”
“ไม่ได้แกล้งสักหน่อย...แค่อยากรู้ว่ากล่องของขวัญที่คนรักผมกอดอยู่ตอนนี้เป็นของผมรึเปล่า?”
“ถ้า...บอกว่าไม่ใช่ของราชาล่ะ?”ผมลองถามออกไป
“...”คำถามนั้นทำให้รอยยิ้มของราชาหายไปทันที
“...เอ่อ...”
“ถ้ากล่องของขวัญนั้นเป็นของคนอื่นผมจะหึงคุณให้สุดๆไปเลย”ประโยคพร้อมน้ำเสียงที่จริงจังนั่นสร้างรอยผมยิ้มให้ปรากฏขึ้น
“ของขวัญนี่...เป็นของราชา”ผมบอกพร้อมกับรอยยิ้ม
“ข้าวจ้าว...”
“แต่ขอยังไม่ให้นะ...ไว้จะให้ที่ห้อง”ผมบอกต่อ
“ได้สิ...เราไปกันดีกว่า”
“อืม”
หลังจากนั้นผมก็นั่งรถที่มีราชาเป็นคนขับไปตามถนนสายหลัก...ในหัวตอนนี้มีแต่ความอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะพาไปเดทที่ไหน แต่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนขอแค่มีราชาผมก็มีความสุขที่สุดแล้ว
รถยนต์หรูคันสีดำเคลื่อนไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยก่อนจะเลี้ยวเข้าไปยังคอนโดหรูซึ่งเป็นห้องพักของราชา...เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็รีบหันไปมองคนขับรถด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม...
ไหนบอกว่าจะไปเดท...แต่ทำไมถึงพามาที่ห้องล่ะ?
“ผมเห็นคุณเหนื่อยเลยไม่ไปสวนพฤกษาศาสตร์แล้ว”
“ผมไหวนะ”ผมรีบตอบแม้ในความจริงจะยังรู้สึกมึนอยู่นิดหน่อยก็ตาม
“ไม่ไหวหรอก...แค่ดูก็รู้ขืนผมฝืนตามใจคุณแล้วถ้าเกิดเป็นลมล้มขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ”
“...ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย”ผมบ่นอุบอิบ
“ยังไงผมก็ไม่เสี่ยงหรอก...ไว้เราไปวันอื่นก็ได้”
“...อืม...ขอบคุณนะ”ผมตอบกลับพร้อมอมยิ้ม
เขาเป็นห่วงผม...ดีใจจัง
พวกเราขึ้นมาถึงห้อง285ของราชาเหมือนอย่างทุกครั้ง...แต่ครั้งนี้ตอนที่อีกฝ่ายไขกุญแจเสร็จกลับหันมาส่งยิ้มให้พร้อมกับเดินมาอยู่ด้านหลังผมแทน การกระทำนั่นทำให้ผมต้องเอียงคอไปมองคนด้านหลังอย่างไม่เข้าใจ
“เปิดสิ”เสียงทุ้มบอก
“ทำไมให้ผมล่ะ?”ปกติราชาเป็นคนเปิดนี่
“เอาน่า...เร็วสิ”
เมื่อถูกเร่งผมก็ได้แต่พยักหน้าตกลงก่อนจะค่อยๆเปิดประตูตรงหน้าออกช้าๆ...เพียงแค่แง้มออกกลิ่นของดอกไม้ขึ้นชื่อในวันแห่งความรักก็รอดออกมา นั่นทำให้ผมหรี่ตาลงอย่างสงสัยแล้วตัดสินใจเปิดประตูตรงหน้าออกกว้างรวดเดียว...
ดวงตาสีเขียวปนเทาเบิกกว้างผ่านเลนส์แว่นด้วยความตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า...กลิ่นของกุหลาบที่เล็ดรอดออกมาฟุ้งกระจายอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่กลิ่นของกุหลาบแต่ภายในห้องตั้งแต่ทางเดิน ผนังห้องหรือแม้แต่ตามโต๊ะเล็กที่ตั้งอยู่ก็เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีแดง ชมพูและขาวปะปนกันอยู่เต็มห้องไปหมดโดยตรงทางเดินมีเพียงกลีบกุหลาบที่โปรยอยู่เท่านั้น
ผมถึงกับทำตัวไม่ถูกที่เห็นสิ่งตรงหน้านี้...
“...ราชา...คือ...”ยังไม่ทันที่จะหันไปถามร่างของผมก็ถูกคนด้านหลังโอบกอดพรางวางคางที่ไหล่
“ผมไม่อาจมอบหัวใจของจริงให้คุณได้แต่อยากให้รู้ไว้ว่าหัวใจทั้งดวงของผมเป็นของคุณคนเดียว...ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหนผมจะบอกว่ารักคุณ...สุขสันต์วันวาเลนไทน์ข้าวจ้าว”เสียงทุ้มกระซิบพร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
น้ำเสียงของเขาทำให้หัวใจผมเต้นเร็วขึ้นจนแทบจะระเบิดออกมา...อย่าได้ถามถึงใบหน้าผมในตอนนี้เลย มันคงจะแดงมากกว่ากุหลาบที่อยู่ภายในห้องซะอีก...
ก็รู้อยู่ว่าราชามีของจะให้...
แต่ใครจะรู้ล่ะว่าจะเป็นแบบนี้
ผมอยากจะตะโกนออกไปดังๆเลยว่ามีความสุขมากแค่ไหนที่ได้รับของขวัญชิ้นนี้
“...ราชา...ขอบคุณนะ”มีคำพูดมากมายที่อยากแสดงความรู้สึกตื้นตันในตอนนี้แต่สิ่งที่พูดออกไปกลับเป็นแค่ประโยคสั้นๆเท่านั้น
“ชอบไหม?”
“ชอบสิ...ชอบมาก...”
“ชอบมากกว่าผมอีกเหรอ?”อีกฝ่ายถามเสียงตลก
“...ชอบราชาที่สุด”
“ขอบคุณครับ”น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นพร้อมๆกับคนพูดที่จูบเบาๆยังขมับผม
“...ปล่อยผมก่อนได้ไหม?”
“ทำไมล่ะ?...ผมยังอยากกอดคุณอีกหน่อยนี่”
“ผมอยากให้ของขวัญราชาบ้าง”ผมตอบกลับไป
“...เอาสิ”ในที่สุดราชาก็ยอมคลายอ้อมกอดออก
ผมหันไปหาอีกฝ่ายที่มองมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก...ความรู้ต่างๆที่สื่อมาทางสายตาผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกันหรอก...
“ผมให้นะ...แกะดูเลย”กล่องสีน้ำเงินลายเงินถูกยื่นไปให้คนรักด้วยหัวใจที่เต้นแรงขึ้น
“แกะเลยนะ”กระดาษห่อและกล่องใส่ค่อยๆถูกแกะออก ไม่นานภาพวาดในกรอบสีเงินเรียบหรูก็ปรากฏต่อสายตาของราชา คนที่ได้รับถึงกับนิ่งไปเมื่อได้เห็นทำเอาใจผมเริ่มไม่สู้ดี
“...เอ่อ...ราชา...อ๊ะ...”เป็นอีกครั้งที่ถูกราชาดึงเข้าไปกอดโดยที่ยังพูดไม่จบ
“คุณนี่มัน...”
“ราชา...ไม่ชอบเหรอ?”
“จะไม่ชอบได้ยังไงกัน...ชอบสิ...ชอบมากๆเลยด้วย...ผมจะเอาไปแขวนไว้ในห้องนอนของเราเลย”อีกฝ่ายตอบโดยที่ยังกอดผมอยู่
“ห้องนอนเลยเหรอ...ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้”ผมรีบตอบ...ถ้าแขวนที่อื่นผมคงไม่เขินเท่าห้องนอนที่พวกเรามักจะนอนเล่นด้วยกัน
“ผมอยากจะเอาติดตัวไม่ทุกที่ด้วยซ้ำ”
“...เว่อร์แล้ว”
“พูดจริงนะ...คุณนี่ชอบทำให้ผมรัก...ชอบทำให้หลง...ชอบทำให้ในหัวผมคิดถึงแต่คุณ”
“...ไม่ได้ทำสักหน่อย”ผมตอบเสียงสั่นด้วยใบหน้าที่แดงขึ้น
“ทำสิ...คบกันมาตั้งนานแล้วแต่ไม่เคยมีวันไหนที่ทำให้ผมรักคุณน้อยลง...มีแต่มากขึ้นเรื่อยๆ”
“ราชา...”
“ขอบคุณสำหรับของขวัญนะ”
“อืม...ผมก็ขอบคุณที่รักกันเสมอ...ราชา”ผมกอดตอบอีกฝ่ายพร้อมพึมพำสิ่งที่คิดออกไป
วันวาเลนไทน์หรือเทศกาลแห่งความรักเป็นเพียงวันวันหนึ่งที่เราจะแสดงออกต่อคนที่รักว่าเรารักเขามากแค่ไหนแต่ในความเป็นจริงต่อให้วันนี้ไม่ได้เป็นวันแห่งความรัก...
ความรู้สึกรักที่มีมันก็ไม่มีทางหายไป
เหมือนอย่างผมกับราชาที่เราต่างรักกันไม่ว่าจะเป็นวันนี้หรือวันไหนก็ตาม...
สุขสันต์วันวาเลนไทน์
..............................................................................................
สวัสดีค่ะ
มาอัพตอนรับวันพิเศษ
มีหลายคนขอหวานๆมา...หวานสมใจกันไหมเอ่ย?
ช่วงนี้ราชาเริ่มถูกคนอ่านบ่นเพราะเอาแต่ให้ความหวังทั้งๆที่รู้ความรู้สึกของข้าวจ้าว
แต่เดิมราชาค่อนข้างเข้ากันง่ายกับเพื่อนทุกคนอยู่แล้วเลยไม่ได้คิดอะไรเวลาแหย่ข้าวจ้าว(พูดง่ายๆก็ยังไม่รู้ใจตัวเอง)
ในตอนหน้า...ฝ่ายราชาเองก็เริ่มรู้สึกตัวบ้างแล้ว
ยังคงยืนยันว่าไม่ดราม่าค่ะอย่าได้กังวลไป...หลังจากนี้มีแค่เหตุการณืที่จะทำให้ราชาเข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น
สำหรับข้าวจ้าวอาจเพราะไม่ได้คิดหวังว่าความรักที่มีจะสำเร็จเลยไม่ได้รู้สึกอะไรที่เข้าข้างตัวเองนัก...ยังไงเราก็วางนิสัยให้เป็นพวกขี้อายและไม่เข้าข้างตัวเองอยู่แล้ว
มีหลายคนสงสัยสีตาของข้าวจ้าว...บอกเลยละกันค่ะไม่มีปมอะไรทั้งนั้น...
ข้าวจ้าวมีเชื้อรัสเซียอยู่นิดหน่อยทำให้มีตาสีนี้ค่ะ
มีคอมเม้นต์เกี่ยวกับการแต่งที่สลับสรรพนามบุรุษ1กับ3ไปมา...เรื่องนี้ก็กำลังพยายามปรับปรุงอยู่ บอกตรงๆเลยว่าตอนนี้แนวการแต่งตัวเองยังไม่แน่นอนเลยว่าจะยังไงดี เรายังเป็นมือใหม่อยู่เลยต้องอาศัยการอ่านเยอะๆเพื่อเอามาใช้ในงานเขียนตัวเอง
ขอบคุณสำหรับทุกคำติชมนะคะ...จะนำไปปรับปรุงให้ผลงานดีๆขึ้นไปค่ะ^^
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกกำลังใจที่มีให้ตลอดนะคะ
happy valentine's day
ขอให้มีความสุขมากๆในวันแห่งความรักค่ะ^^
เจอกันใหม่ครั้งหน้า
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪