(ต่อค่ะ)
“...ระ...ราชา...พาผมมานี่ทำไม?”ผมรีบหันไปถามคนที่เลี้ยวรถเข้าไปจอด
“พามาคุยไง”
“ก็ใช่แต่...ที่นี่มัน...หรือว่า...”ขอร้องละบอกว่าเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ห้องของราชาทีเถอะ
“ที่อยู่ผมเอง...ห้องผมอยู่ชั้นที่28ห้อง285”ราชาบอกพร้อมกับดับเครื่อง
“บอกผมทำไม?”ไม่เข้าใจเลย
ราชาวันนี้แปลกไปจริงๆด้วย
แปลกจนสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
“ข้าวจ้าวไม่อยากรู้เหรอ?”ดวงตาสีน้ำตาลคมหันมาสบก่อนจะคลี่ยิ้มส่งมาให้
“...ก็ไม่ใช่ไม่อยากรู้”ถ้าเป็นเรื่องของราชาต่อให้เล็กน้อยแค่ไหนก็อยากรู้ทั้งนั้น
“ผมบอกไว้เผื่อครั้งหน้าจะได้มาถูก”
“ห๊ะ?!”ผมถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความไม่เข้าใจ
หมายความว่ายังไง...ครั้งหน้าจะได้มาถูก?
ราชาจะให้ผมมาหาเหรอ?
ทำไมล่ะ?
“ไปกันเถอะ”ราชาไม่สนใจที่ผมตกใจออกไปแบบนั้นแถมยังลงจากรถไปก่อนซะอีก
ผมเดินตามราชาเข้าไปในตัวตึกที่ถูกตกแต่งด้วยสีขาวสลับกับเงินดูหรูหรามาก ราชาพาผมไปขึ้นลิฟต์โดยมีจุดหมายอยู่ที่ชั้น28ห้อง285ซึ่งเป็นห้องของราชานั่นเอง
“ผมไม่ชอบให้ใครมาที่ห้องหรอกนะ”เสียงทุ้มของคนที่เดินนำดังขึ้นก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าห้องหมายเลข285
“งั้นพาผมมาทำไมล่ะ?”ผมอดไม่ได้ที่จะถามสิ่งที่สงสัยออกไปตามตรง
“เพราะข้าวจ้าวเป็นคนพิเศษไง”คำตอบของราชาไม่ได้ทำให้หัวใจผมเต้นเร็วขึ้นเท่านั้นแต่ยังทำให้เลือดฉูบฉีดที่ใบหน้ามากขึ้นด้วย
คนพิเศษคืออะไร?
นี่เขาต้องการอะไรจากผมกันแน่เนี่ย?!
“...ราชา...ทำไม...”
“เข้ามาข้างในก่อนสิ”ยังไมทันถามจบราชาก็พูดแทรกพร้อมเปิดประตูห้องออก
“แต่...”
“เข้ามาก่อนแล้วผมจะบอกทุกอย่างที่อยากรู้”เพราะคำพูดนั่นทำให้ผมเงียบแล้วก้าวเข้ามาภายในห้องที่ถูกทาด้วยสีขาวดูสะอาดตา ทันทีที่เหยียบเข้ามากลิ่นของห้องก็ทำให้หน้าผมเห่อแดงขึ้นอีกครั้ง...
กลิ่นของราชาลอยอยู่เต็มไปหมด
แขกผู้มาใหม่อย่างผมได้แต่ก้มหน้าลง เม้มปากแน่นแล้วตั้งใจเดินตามราชาไปโดยไม่คิดฟุ้งซ่าน...ทั้งที่ภายในอกกู้ร้องด้วยความเขินอายและตื่นเต้นที่ได้เข้ามาในห้องของราชาเป็นครั้งแรก
“นั่งที่โซฟาเลยเดี๋ยวผมไปหาเครื่องดื่มมาให้”ราชาบอกเมื่อเดินมาถึงห้องแรกหรือห้องรับแขกที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบหรู
“ไม่เป็นไรผมไม่หิว”
“มีกาแฟ...โกโก้...น้ำส้ม...น้ำผลไม้รวม...เอาอันไหน?”ราชาไม่สนคำปฏิเสธที่ผมบอกไปสักนิด
“ราชาผมบอกว่า...”
“อย่าดื้อสิข้าวจ้าว”
“ผมเปล่านะ”
“งั้นที่ทำอยู่นี่เรียกว่าอะไร?”
“...แค่เกรงใจ”เมื่อถูกสายตาคมๆของอีกฝ่ายจ้องมาผมก็ต้องบอกความจริงไปในที่สุด
“ไม่ต้องเกรงใจ...ถ้าไม่เลือกก็อยู่แบบนี้มันทั้งวันเลยผมมีเวลาเหลือเฟืออยู่แล้ว”
“ราชา...วันนี้แปลกๆนะ”ผมถามออกไปอย่างอดไม่ได้
คำพูดก็อย่างหนึ่งแล้ว...ยังมีท่าทางกับรอยยิ้มแปลกๆนั่นอีก
เหมือนอีกฝ่ายกำลังเกร็งๆอะไรอยู่งั้นแหละ
“...พูดอะไรน่ะ?”
“...ราชา”
“...เฮ่อ!...ให้ตายสิ...ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้เนี่ย?!!”อยู่ราชาก็ตะโกนขึ้นพร้อมยกมือขยี้เส้นผมสีดำของตัวเองจนยุ่งไปหมด ใบหน้าที่มักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอกลับดูตึงเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เอ่อ...ราชา...”
“เดี๋ยวก่อน...อย่าพึ่งพูดอะไรเลย...ขอผมตั้งสติสัก5นาทีนะรออยู่นี่แหละ”ยังไม่ทันพูดอะไรอีกฝ่ายก็หันหลังหนีผมไปซะแล้ว ถึงเขาจะหันหนีแต่ก็ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่หนีไปไหน
ผมที่มองแผ่นหลังนั้นได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร...เมื่อราชาต้องการเวลาผมก็พร้อมจะให้เขาต่อให้นานเป็นชั่วโมงก็ตาม นั่นทำให้ผมละสายตาออกมาจากแผ่นหลังของคนที่แอบรักแล้วนั่งลงที่โซฟาหรูที่อยู่ใกล้ๆโดยที่ในหัวก็คิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ดูจากท่าทางของราชาก็พอรู้ว่ามีเรื่องอะไรสักอย่างจะพูดกับผมแน่และสิ่งที่จะพูดนั่นดูจะทำให้ต้องคิดหนักทีเดียว เรื่องที่ทำให้ราชาต้องคิดหนักแถมยังเกี่ยวตัวผมเอง...ถ้าให้คิดก็มีไม่กี่เรื่องที่คิดได้แต่ความคิดนั้นมันทำให้ริมฝีปากบางต้องขบเข้าหากันแน่นด้วยความหน่วงที่เกิดขึ้นภายในหัวใจ...
ต้องเป็นเรื่องที่ผมยังไม่ยอมตัดใจจากราชาแน่ๆ
วันก่อนที่เขาถามไม่น่าบอกไปเลยว่ายังชอบ...ยังรักอยู่
ควรจะบอกไปว่าตัดใจแล้วตอนนี้คิดกับราชาเพียงเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น
พอมานึกได้ตอนนี้ก็สายไปซะแล้ว
บรรยากาศเงียบๆยิ่งสร้างความกังวลให้ผมมากขึ้นไปอีก ทั้งที่ราชาคงจะยืนหันหลังให้อยู่ทางด้านหลังนี่แน่ๆแต่ผมกลับไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง...อยากจะหยุดเวลา ไม่สิ อยากย้อนเวลากลับไปจริงๆ
สิ่งที่ราชาจะพูดคงจะบอกให้ผมเลิกอยู่ข้างๆเขาแน่...การยังไม่ตัดใจก็ไม่ต่างกับการสร้างความรำคาญอีกฝ่าย
อย่างน้อยก็ขอทำใจสักนิดนึงเถอะ
“...ข้าวจ้าว”ยังไม่ทันได้เริ่มตั้งสติเสียงทุ้มของราชาก็ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ผมถึงกับสะดุ้งพร้อมหันไปมองต้นเสียงด้วยความตระหนก
แค่เวลาทำใจยังไม่มีเลยเหรอเนี่ย?
“...ครับ”เสียงที่ดังออกไปนั่นสั่นได้น่าอายจริงๆ
“ผมมีเรื่องอยากบอกกับข้าวจ้าว”
มาแล้ว!
ประโยคเกริ่นก่อนจะเข้าเรื่องเครียด...ก็รู้ว่าตัวเองคงจะอยู่ในสถานะนี้ได้อีกไม่นานแต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ก่อนที่จะไม่ได้เจอ พูดคุยหรือได้ยินเสียงก็อยากจะบอกความสึกของตัวนี้ในตอนนี้ออกไปเหมือนกัน
“...ขอบคุณที่ให้อยู่ข้างๆมาตลอดนะ”
สิ่งที่อยากบอกไม่ใช่ความโมโหหรือโกรธ
ไม่ใช่ความแค้นหรือชิงชัง
แต่เป็นเพียงคำขอบคุณพร้อมรอยยิ้มที่มาจากใจ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงจะหลบอยู่ในมุมของตัวเองเงียบๆแต่ตอนนี้ผมกลับขอบคุณตัวเองที่มีความกล้าทำให้ได้พูดคุย ได้สบตา ได้หัวเราะและได้อยู่ข้างๆเขาถึงแม้จะไม่นานผมก็มีความสุขมากจริงๆ
ขอบคุณที่ให้รู้ว่าการมีราชาอยู่ข้างๆมันมีความสุขมากขนาดไหน
“...ขอบคุณผมทำไม?”ดวงตาคมสีน้ำตาลที่มองมาหรี่ลงเหมือนไม่เข้าใจในการกระทำของผม
“แค่อยากบอก...ก่อนจะไม่มีโอกาสน่ะ”
“ไม่มีโอกาส?...ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ?...คุณจะไปไหนงั้นเหรอ?”
คำถามมากมายที่เอ่ยมาพร้อมคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นนั้นทำให้ผมส่ายหัวกลับไปให้พร้อมคำอธิบาย...
“ผมไม่ได้ไปไหน...แต่ราชาคงไม่อยากให้ผมอยู่ข้างๆแล้ว”
“พูดอะไรน่ะข้าวจ้าว?”น้ำเสียงทุ้มเริ่มจะแข็งกร้าวขึ้นมาเมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่ผมต้องการอธิบาย
นี่ผมคงต้องพูดออกไปตรงๆสินะ
“...ราชาอยากให้ผมเลิกเป็นเพื่อนกับราชาไม่ใช่เหรอ?”กว่าจะเอ่ยประโยคนั้นออกไปได้ก็ใช้ความพยายามอย่างมากจริงๆ...คำว่า ‘เลิก’ ไม่อยากพูดออกไปเลย
“ใช่ผมอยากให้คุณเลิกเป็นเพื่อน...”
ประโยคธรรมดาที่ได้ยินมันกลับเหมือนมีดที่กรีดเข้าไปถึงหัวใจของผมช้าๆจนความเจ็บปวดหายไปหมดมีเพียงความชาที่ปรากฏภายในหัวใจเท่านั้น
สิ่งที่คิด...ถูกจริงๆด้วย
อยากหวังว่าสิ่งที่ราชาจะบอกจะไม่ใช่เรื่องแต่ก็ไม่ใช่อย่างที่หวัง...
ผมก้มหน้าต่ำลงเพื่อซ่อนดวงตาคู่สวยของตัวเองที่กำลังร้อนขึ้นเพราะการข่มอารมณ์และกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา...ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องลำบากใจเพราะความขี้แยของตัวเอง
“ผมไม่อยากให้คุณเป็นเพื่อน...แต่มาเป็นแฟนผมได้ไหม?...”
“คบกับผมนะข้าวจ้าว!”
ผมที่กำลังกลั้นน้ำตาถึงกลับเงยขึ้นทันทีที่เสียงตะโกนในประโยคต่อมาดังขึ้น ภายในหัวมันตื้อไปหมดจนคิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง...รู้เพียงแค่ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกแล้ว
“...อะไรนะ...ราชา...”ผมถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ
ความไม่เข้าใจเข้ามาในหัวจนแทบไม่มีแรงจะขยับร่างกายด้วยซ้ำ...ประโยคเมื่อครู่ที่ได้ยินมันเป็นเสียงสะท้อนที่ดังอยู่ในหัวของตัวเองใช่ไหม
ไม่มีทางที่จะได้ยินประโยคนั้นจากคนตรงหน้าได้
ไม่เคยคิดและไม่เคยหวังด้วย
“...ผมถามว่า...คบกับผมได้ไหมข้าวจ้าว?”
ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมันกำลังหมุนอย่างรุนแรงเมื่อประโยคเดิมถูกกล่าวซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนโยนมากกว่าปกติ แค่น้ำเสียงนั่นก็ทำให้รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดแต่ความหมายของประโยคที่ได้ยินนั่น...
คบกันเหรอ?
อะไร?
ผมไม่เข้าใจสิ่งที่ราชาต้องการจะบอกเลย
จะให้คบเป็น...คนรักงั้นเหรอ?
ไม่ใช่หรอก
ไม่มีทางเป็นความหมายนั้นแน่ๆ
“...หมายถึงคบแบบไหนเหรอ?”ในเมื่อคิดยังไงก็ไม่ออกสุดท้ายผมก็ตัดสินใจถามคนตรงหน้าออกไปตามตรง
“คำว่าคบมันมีหลายความหมายเหรอข้าวจ้าว?”
“...ผมไม่รู้”
“ข้าวจ้าวจำวันที่ผมบอกให้มาเจอกันที่คาเฟ่ชั้น1ได้ไหม?”
“ได้สิ”ไม่เคยลืมวันนั้นเลย...วันที่ได้เข้าใกล้ราชามากกว่าเดิมด้วยสถานะเพื่อน
และเป็นวันที่ที่ผมสารภาพครั้งแรกด้วย
“ผมถามข้าวจ้าวว่า ‘ทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ด้วย?’คำตอบที่บอกคืออะไรยังจำได้เหมือนกันรึเปล่า?”ราชาพูดพร้อมเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น
“...จำได้สิ”แน่นอนเลย
“ในวันนั้นผมตอบปฏิเสธไป...”
“ราชา...”ผมไม่เข้าใจว่าเขาจะรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม
“แต่ในวันนี้ผมพร้อมที่จะตกลงด้วยความเต็มใจ...ผมชอบข้าวจ้าว...ไม่สิ...ผมรักข้าวจ้าวเพราะงั้นถ้าความรู้สึกของคุณยังเหมือนเดิม...หัวใจของข้าวจ้าวขอให้ผมเป็นคนดูแลได้ไหม?!”
“...”คนฟังถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเข้าใจทุกอย่างที่ราชาต้องการจะสื่อ
เขารักผม?
รักผมเนี่ยนะ?!
“ราชา...อาจแค่กำลังเข้าใจผิด...”
“ผมคิดมันมาอย่างดีแล้วข้าวจ้าว...คิดมาตลอดตั้งแต่ได้ยินคำว่าชอบจากปากคุณ...ผมไม่เคยรู้สึกกับใครมากเท่านี้ ความรู้สึกสบายใจ มีความสุข คิดถึงรวมถึงความหงุดหงิดและโมโห...ข้าวจ้าวทำให้ผมรู้สึกในทุกๆอย่างจนวันนี้ผมแน่ใจแล้วว่าผมรักข้าวจ้าว”
“...ทำไม...”ทำไมถึงเป็นผม
ทั้งที่ดีใจแต่อีกใจกลับหวาดกลัว...กลัวว่ามันจะเป็นเพียงความรู้สึกสับสน
มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่ราชาจะมาชอบผม
“วันที่ผมรับปริญญาคุณใช่ไหมที่ใส่รูปถ่ายพร้อมข้อความสั้นๆนั่นลงในกระเป๋าผม”ราชาเปลี่ยนเรื่องก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่หยุดจากดวงตาสีเขียวปนเทาอย่างเบามือ
ความอ่อนโยนที่สัมผัสได้ยิ่งทำให้น้ำตาลไหลมากขึ้นไปอีก
“...อืม...ขอโทษนะ”เขารู้แล้วว่าเป็นผม
ไม่คิดเลยว่าเขาจะจำได้ทั้งที่เรื่องนั้นผ่านมานานหลายปีแล้ว
“ผมไม่ต้องการคำขอโทษข้าวจ้าว...ผมอยากได้ยินคำตอบจากคุณ...คบกับผมได้ไหม?”คำขอครั้งที่สามดังขึ้นพร้อมกับมือทั้งสองข้างของราชาที่สัมผัสแก้มผมแล้วเกลี่ยเบาๆ
คำตอบของผมเหรอ...
จะเป็นไรไหมนะถ้าผมจะออกมาจากมุมที่ทำได้เพียงแค่มองมาอยู่ในที่ที่ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้มายืน
จะกลัวก็ช่าง
จะผิดหวังก็ไม่เป็นไร
อย่างน้อยในตอนนี้ผมก็อยากจะคว้าโอกาสเพียงโอกาสเดียวที่จะได้อยู่เคียงข้างราชา
ดังนั้นคำตอบของผมก็เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก...
“อืม...ผมตกลง”เชื่อไหมว่าพออีกฝ่ายได้รับคำตอบไปก็คลี่ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะคว้าตัวผมเข้าไปกอดจนแน่น
ครั้งนี้ผมไม่ผลักอีกฝ่ายออกไปแล้วแต่จะกอดตอบอ้อมกอดอุ่นๆนี่ด้วยหัวใจที่เต้นรัวแทน
ดีใจที่สุดเลย
ไม่คิดว่าการแอบรักคนคนหนึ่งมาตลอดจะได้มาอยู่เคียงข้างจริงๆแบบนี้
..................................................................................................
สวัสดีค่า
วันนี้มาอัพฉลองคนกดไลค์เพจเกิน1000คน
ของขวัญที่จะมอบให้กับนักอ่านทุกคนที่คอยติดตามมาตอนคือการอัพตอนต่อไปให้เร็วขึ้น
ถึงแม้เราจะต้องนั่งปั่นเกือบตลอดทั้งวันก็ตาม555
ถ้ามีคำผิดมากมายก็ขออภัยด้วย
สำหรับเรื่องนี้เหลืออีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้ว
ซึ่งเป็นหนทางที่ยาวไกลจริงๆ
เรายืดมาได้มากพอสมควร...และคิดว่าคงจะไม่ยืดมากไปกว่านี้
ตอนนี้ถือเป็นตอนสำคัญของเรื่องก็ว่าได้
ทั้งคู่เป็นแฟนกันแล้ววววว
มีคนทายถูกด้วยว่าเป็นพี่ชายของข้าวจ้าว(ปรบมือรัวๆ)
อย่างที่บอกไว้ตลอดว่าแต่ละเรื่องที่แต่งปราศจากดราม่าจึงอาจทำให้หลายๆคนเบื่อได้
แต่จะให้แต่งดราม่าคนแต่งก็เครียดอีก555(ไม่ถูกกับดราม่าหนัก)
เอาเป็นว่าอ่านสบายๆไม่ต้องคิดอะไรนะ
จากนี้เรื่องราวจะเป็นยังไงคงต้องรอติดตามตอนต่อไปค่ะ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆกำลังใจที่มีให้นะคะ
มีความสุขจริงๆที่ได้แต่งเรื่องนี้

ปล.เผื่อมีใครสงสัยว่ามาอัพวันนี้แล้วต้องตอนใหม่อาทิตย์หน้ารึเปล่า? บอกเลยว่าไม่ค่า...เรายังคงอัพตามกำหนดเดิมแม้จะต้องลำบากนิดหน่อยในการแต่ง555
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪