[ เปิดพรี !! ] •HANDSOME GHOST•[END]สรุปตอนพิเศษในเล่ม+เกมแจกหนังสือ [2/11/62]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ เปิดพรี !! ] •HANDSOME GHOST•[END]สรุปตอนพิเศษในเล่ม+เกมแจกหนังสือ [2/11/62]  (อ่าน 124258 ครั้ง)

ออฟไลน์ pp_song

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: •HANDSOME GHOST• ตอนพิเศษที่1 P.17 - UP (29/5/59)
«ตอบ #510 เมื่อ27-07-2016 21:18:26 »

 :pig4: :-[

ออฟไลน์ spsygk

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: •HANDSOME GHOST• ตอนพิเศษที่1 P.17 - UP (29/5/59)
«ตอบ #511 เมื่อ28-07-2016 02:06:03 »

กริสส  อ่านจบแล้ว นึกว่าคริสจะกับปาร์คซะอีก ฮาาา

ออฟไลน์ MIwEMInE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: •HANDSOME GHOST• ตอนพิเศษที่1 P.17 - UP (29/5/59)
«ตอบ #512 เมื่อ28-07-2016 21:47:56 »

สนุกมากค่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮

  • There can be miracles When you believe
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • Twitter
Re: •HANDSOME GHOST• ตอนพิเศษที่1 P.17 - UP (29/5/59)
«ตอบ #513 เมื่อ13-09-2016 05:55:29 »

ฟานหื่นได้ใจจริง  :hao6:
ทำให้อยากอ่านตอนพิเศษอีก  :z1:

ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: •HANDSOME GHOST• ตอนพิเศษที่1 P.17 - UP (29/5/59)
«ตอบ #514 เมื่อ13-09-2016 21:16:43 »

สนุกมากๆๆๆๆ ขอบคุณที่แชร์ผลงานดีๆให้ได้อ่านนะครับ

ตอนแรกเชียร์คริสกะปาร์ค แต่พอกลายมาเป็นปาร์คกะฟาน

มันช่างเข้ากันอะไรขนาดนี้

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: •HANDSOME GHOST• ตอนพิเศษที่2 P.18 - UP (10/1/60)
«ตอบ #515 เมื่อ10-01-2017 22:48:38 »

ดีใจ ไรท์มาลงตอนพิเศษ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
งั้นตอนที่คริส ไปขอโลมให้ช่วยสอน
โลม บ่ายเบี่ยง และตอนที่ไปสอนที่ห้อง
โลม พยายามออกห่างจากคริส
เพราะชอบคริสมาก่อนหรือเปล่า
ตอนมีอะไรกัน
พอตื่นมาโลมคิดว่าคริสทำไปเพราะเมา
แบบไม่ได้ชอบโลมจริงๆสินะ
แต่คริสง้อโลมได้ ยอดมากกกก
คริส โลม  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขำพี่ฟาน โคตรหื่น  :ling1: :ling1: :ling1:
แต่ที่ขำกว่าคือปาร์คไม่ชอบที่พี่ฟานหื่น
ปาร์ค ปากบอกเบื่อๆ พี่ฟานกวนทั้งคืน
แต่ง้อด้วยของกินก็ยอมดีด้วยและ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Legpptk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: •HANDSOME GHOST• ตอนพิเศษที่2 P.18 - UP (10/1/60)
«ตอบ #516 เมื่อ13-01-2017 02:17:02 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ลงต่อเรื่อยๆๆได้ไหม ชอบบบบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะครับ

ออฟไลน์ กณกกรณ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ นางฟ้าที่ถูกถีบจากสวรรค์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โธ่เอ๊ยย  :ling1: นี่เค้าเชียร์คริสกับปาร์ค มาตลอดเลยนะ  :hao7: ฮือออออ เอาเถอะ สนุกดีค่ะ แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านอีกนะ จะตามอ่านจ้า  :bye2:

ออฟไลน์ เจ้าหญิงในเงามืด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2

ออฟไลน์ armsa2531

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กร้ากกกกๆๆๆๆ กุขำสาดดด

ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
•HANDSOME GHOST• 

พิเศษ[1] - อยู่ด้วยได้ไหม


“ประธานประชุมห้องไหน”

“ไอ้ประธาน ส่งงานให้ด้วยโว้ย”

“ประธานคะ ทำรายงานให้ด้วยนะคะ”

“ประธาน”

“ไอ้ประธาน”

“ประธานนนนน”

    นี่ผมชื่อประธานจริงๆใช่ไหม ชื่อเล่นผมชื่ออะไรนะ ดีน หรือเปล่า จำได้ว่าตอนรับน้องผมก็เขียนป้ายชื่อตัวเท่าบ้านว่า Deen แล้วห้อยท้ายเป็นติ่งเล็กๆว่าประธานรุ่น แต่หลังจากผ่านมาทั้งเทอม ไม่มีใครเรียกผมว่าดีนเลย มีแต่ไอ้ประธานอย่างนั้น ประธานอย่างนี้ เรียกด้วยคำว่าประธานจนผมแทบจะลืมชื่อเล่นของตัวเองไปแล้ว

ดีน คือชื่อเล่นของผม ส่วนคำว่าประธานเนี่ย เป็นตำแหน่งที่เพื่อนๆในรุ่นเลือกให้ผมเป็นประธานรุ่น ทีแรกก็ไม่อยากจะเป็นหรอกครับ เพราะรู้ว่างานต้องเยอะ กิจกรรมก็ต้องทำ แต่ในเมื่อเพื่อนเลือกแล้ว ก็เลยต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ผมคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องอะไร เพราะการเป็นประธานรุ่นของผมนั้น นอกจากจะเป็นผู้นำที่กล้าตัดสินใจ กล้าที่จะนำรุ่น ยังต้องมีความเป็นเบ๊ของรุ่นอีกด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นงานอะไร คนที่เป็นหัวหอกนำคนทั้งชั้นปีก็คือผม

ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอกครับ เรียนก็ปานกลางค่อนไปทางดี เป็นผู้ชายธรรมดาๆที่แค่ตัวสูงโปร่งผิวแทนและหน้าตาพอไปวัดไปวาได้ แถมมาด้วยแว่นหนาเตอะสำหรับคนสายตาสั้นห้าร้อยกว่าๆ ทั้งเรียนทั้งทำกิจกรรมจนหัวหมุนหัวฟู ภาพที่วาดฝันว่าจะเข้ามาหลอกจับมือสาวเป็นอันต้องพับเก็บไป

หลอกจับมือสาวยังไงหนะหรอ ผมดูดวงได้ครับ ประมาณว่ามีของหนะ ต้องคอยระมัดระวังเรื่องคำพูด การวางตัว และการกระทำที่อาจจะทำให้ของเสื่อม ของที่ว่า...ผมไม่บอกหรอกว่ามันคืออะไร รู้แค่ว่ามันติดตัวมาตั้งแต่เกิด คนอื่นดูดวงก็จะเป็นการดูดวงแบบไพ่ หรือดูลายมือ แต่ของผมแค่ใช้มือสัมผัสไปบนมือของอีกคน ภาพต่างๆก็จะไหลเข้ามาในหัว ส่วนใหญ่เป็นภาพที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่พอผมพูดบอกไปมันก็จะเกิดขึ้น ดังนั้นผมจึงเลือกจะพูดแต่สิ่งดีๆแต่เรื่องที่ควรระวังก็จะเตือนๆไว้ เช่น เคยบอกเพื่อนคนนึงว่าระวังเรื่องการกินดีๆนะ จะเป็นอาหารเป็นพิษ วันรุ่งขึ้นเพื่อนก็เข้าโรงพยาบาลเพราะอาหารเป็นพิษจริงๆ หลังจากนั้นจึงหลีกเลี่ยงที่จะพูดไปเลย แค่เตือนก็พอแล้ว

“ไอ้ประธาน ดูดวงให้กูหน่อย”ใบหน้าน่ารักของเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดในรุ่นขยับเข้ามาจ้องผมพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้า ปาร์คเป็นคนที่ชอบดูดวงมาก ดูได้ทุกวัน ไม่มีเบื่อเลย เรื่องที่ดูดวงก็ไม่พ้นเรื่อง...

“มึงว่าพี่ฟานจะทำอะไรอยู่วะ”

ครับ พี่ฟาน พี่ว้ากหน้าหล่อหวานใจเขาหละ

“ไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนนี้ดวงความรักมึงกำลังไปได้สวย จะเสียตัวในเร็ววัน”

อันนี้ล้อเล่นครับ ยังไม่ได้แตะมือมันเลย

“เห้ย จริงดิ” และเจ้าคนซื่อปนเกรียนก็ดันเชื่อ

“อืม ระวังไว้นะ....อ้าวเห้ย ไปไหนอะ”ผมตะโกนเรียกคนที่ผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไป

“ไปซื้อถุงยาง”

แปะ ผมตบหน้าผากตัวเอง ผมจะไม่รู้สึกอายเลย ถ้านี่ไม่ใช่กลางโรงอาหารคณะ แล้วเจ้าคนที่วิ่งออกไปก็ตะโกนกลับมาสุดเสียง เรียกสายตาของคนทั้งคณะให้หันไปมอง

GG



ข้อเสียอย่างหนึ่งของคนที่ดูดวงได้แบบผม คือไม่สามารถดูดวงของตัวเองได้ครับ เพราะงั้น เราจะไม่รู้เลยว่าวันไหนเราจะซวย ช่วงไหนเราจะดวงตก ช่วงไหนจะมีโชค ช่วงไหนจะป่วย ทำได้แค่ใช้ชีวิตไปตามปกติ แต่ก็มีแค่ความรู้สึกอึมครึมเท่านั้นแหละ ที่บอกว่าเรากำลังอับโชค และอาจจะถึงขั้นดวงซวย ดวงตก อะไรทำนองนั้น

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ตื่นมาตอนเช้าก็รู้สึกเมื่อยขบ พอออกมาจากหอก็มาเจอกับท้องฟ้าที่มืดครึ้ม รู้สึกอึมครึมมากกว่าปกติ ก็เลยต้องพยายามทำอะไรแบบระมัดระวังมากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าคราวซวยมันจะมาในรูปแบบไหน

พู่วววววว

จู่ๆลมเย็นก็พัดผ่านหน้าผมไปจนต้องเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินผ่านหน้าผมไป คนที่แต่งตัวซอมซ่อ ชุดที่ใส่ขาดหลุดลุ่ย เดินคอตกผ่านหน้าผมไป ก่อนที่จะหยุดยืนแล้วค่อยๆหันหลังกลับมามองที่ผมด้วยดวงตาเลื่อนลอย

ผมรีบหลบตาแล้วก้มลงมองจานข้าวผัดต้มยำของตัวเองทันที รู้ตัวเลยว่าคนที่เดินผ่านไปเมื่อครู่ ‘ไม่ใช่คน’

ผมต้องบอกก่อนว่าถึงผมจะมีของ แต่ผมไม่ใช่คนที่สามารถมองเห็นวิญญาณได้ ไม่สามารถมองเห็นสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติได้ เพราะคนที่เห็นสิ่งเหล่านั้น ถ้าไม่ใช่คนที่มีบุญมากๆก็ต้องเป็นคนที่ดวงตกมากๆ

“เห็น...... เห็นใช่ไหม”ผมขนลุกซู่กับเสียงเย็นที่ดังอยู่ข้างๆ รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกจ้อง แล้วความมีของของตัวเองก็ทำให้เห็นภาพที่ผู้ชายในชุดขาดหลุดลุ่ยที่กำลังจ้องตัวผมด้วยสายตาเย็นยะเยือก ถึงแม้ว่าตัวเองจะหลับตาและทำเป็นว่าไม่รับรู้กับคำพูดที่บางสิ่งกำลังพยายามจะสื่อสารด้วย แต่ก็มีภาพน่ากลัวที่ฉายชัดอยู่ในหัว

ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอ แต่ไม่เคยเจอประชิดตัวขนาดนี้

“ตอบ.......กู.....มึง......เห็นกู.........ใช่ไหม” เสียงเย็นที่ไร้การตะคอก กลับทำให้ผมสั่นกลัวแบบที่ไม่สามารถควบคุมอาการสั่นของตัวเองได้

ฟึ้บ

“ไอ้ประธาน มึงว่าแบบนี้ดีป่าววะ กูไม่รู้ขนาดของพี่ฟานอะ”อีกเสียงดังขึ้นข้างตัว เป็นเจ้าปาร์คที่จับไหล่ผมแล้วดึงให้ผมหันไปมองมัน ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นจากกล่องถุงยางในมือแล้วมองผมก่อนจะทำสายตาแปลกใจ

“เป็นไรของมึงอะไอ้ประธาน” ปาร์คถามด้วยความซื่อ ผมหันไปมองด้านข้างตัวก็ต้องพบกับความว่างเปล่าและไอเย็นจางๆที่ยังพอรู้สึกได้

น่ากลัว

“เปล่าๆ นี่มันแบบขรุขระนะปาร์ค เพลินทั้งคืนแน่”ผมหัวเราะนิดหน่อยกับความใสซื่อของปาร์ค เจ้าตัวยังไม่เข้าใจคำว่าเพลินของผม มือบางทำเพียงแค่เก็บกล่องถุงยางลงในกระเป๋า

“ไปเรียนกันดีกว่า”ปาร์คชวนให้ผมเก็บจานแล้วไปเรียนยังตึกแลปตึกใหญ่ ตึกที่วันนี้ดูอึมครึมกว่าปกตินิดหน่อย อันที่จริงก็ไม่นิดหน่อยเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองบนยอดตึกสูงสิบเอ็ดชั้นแล้วเห็นเมฆทะมึนสีดำอยู่ด้านหลัง ก่อนจะต้องโฟกัสสายตาไปที่ก้อนสีดำที่ค่อยๆหย่อนตัวลงมาจากยอดตึกแล้วกระทบพื้น

ปึ้ก

“เห้ย” ผมเซถอยหลังแล้วก้มลงมองก้อนสีดำที่ค่อยๆลุกขึ้นแล้วยืนนิ่ง ผมจะไม่กลัวเลยถ้าตรงนั้นไม่ใช่ทางขึ้นตึก

“เป็นไรวะ ไหวไหมเนี่ยไอ้ประธาน”เสียงของปาร์คยังไม่สามารถดึงสายตาผมออกจากร่างสีดำนั้นได้ และเมื่อร่างนั้นก้าวเท้ามาทางผม ผมก็รีบคว้ามือของปาร์คที่ยื่นมาทันที

พอดึงตัวเองขึ้นมาได้ ร่างสีดำนั่นก็หายไปแล้ว

ผมรู้ตัวแล้วหละ ว่าครั้งนี้ดวงผมซวยมากกว่าทุกครั้งที่เคยเป็น และปาร์คเป็นคนที่ช่วยผมได้ เพราะถ้าปาร์คไม่ใช่คนดวงแข็งมากๆ ก็เป็นคนที่เซนส์ทื่อมากๆ แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังแหละ

“ปล่อยมือกูได้แล้วไอ้ประธาน”ปาร์คยกมือข้างที่ถูกจับขึ้นมาปะทะกับสายตาผม ผมส่ายหน้าอย่างรัวๆแล้วทำหน้าเศร้า ตอนนี้ปาร์คคือความหวังเดียวของผม

“กูขอตัวติดมึงซักวันแล้วกันนะ วันนี้ก็ดวงซวยมากๆ”

“ไม่ได้เว้ย เดี๋ยวพี่ฟานเข้าใจผิด ละไหนมึงบอกมึงดูดวงตัวเองไม่ได้ไง”

“เถอะน่า ถ้าเจอพี่ฟานเดี๋ยวกูอธิบายเอง”

 สุดท้ายเจ้าปาร์คผู้ใสซื่อก็ยอมให้ผมเดินจับมือไปตลอด ขอยืมนิดนึงนะพี่ฟาน ไม่งั้นผมคงไม่รอดพ้นวันนี้ไปแน่ๆ

 

วันนี้แลปทำยากมาก และเสร็จเอาตอนทุ่มกว่าๆ ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม และที่ครึ้มกว่าคงเป็นตัวผมเอง เพราะตอนนี้ที่พึ่งเดียวของผมถูกรับกลับไปแล้วพร้อมกับถูกพี่ฟานคาดโทษไว้โทษฐานจับมือแฟนเขาไม่ยอมปล่อย ป่านนี้เจ้าปาร์คคงโดนรวบหัวรวมหางพร้อมกับถุงยางผิวขรุขระไปแล้วเรียบร้อยแน่ๆ แต่ผมเนี่ยสิ แค่ยืนรอวินมอ’ไซต์อยู่ใต้ตึกแลปยังไม่มีวินรับผมเลย

ฮัลโหลลลล มีใครเห็นผมไหมมม

ตุ๊บ !

เสียงเหมือนของหล่นดังมาจากทางด้านหลัง พาเอาขนผมลุกซู่ไม่กล้าหันไปมอง ได้แต่ภาวนาให้วินที่ขับผ่านมาตรงนี้ว่างและจอดรับผมซักที

กรอบ....กรึก...

เสียงเหมือนกระดูกที่บิดไปมาทำเอาผมหายใจไม่ทั่วท้อง มันค่อยๆดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ ภาพที่เข้ามาในหัวเอาตอนนี้ดันเป็นร่างโชกเลือดที่แขนขาบิดเบี้ยว คอที่หักห้อยลงมาจากบ่า และดวงตาขาวโพลนที่กำลังจับจ้องผม สัญชาตญาณบอกให้ผมรีบก้าวออกจากที่ตรงนี้ แต่ขามันดันก้าวไม่ออกเนี่ยสิ

“มึงเห็นกู.....” เสียงเย็นเยือกที่ดังขึ้นตรงหน้าทำให้ผมตัวแข็งทื่อ ทุกประสาทสัมผัสมันชาไปหมด ขนลุกตั้งชันโดยอัตโนมัติ

“ลืมตา...มองกู....”เสียงที่ได้ยินนั่นมันเย็นเสียจนราวกับว่ามาจากโลกแห่งความตาย ไม่เคยกลัวอะไรเท่านี้มาก่อนในชีวิตจริงๆ ตอนนี้ผมรู้สึกราวกับว่าวิญญาณตรงหน้ากำลังสูบพลังชีวิตผมออกไป ผมเริ่มรู้สึกแขนขาไม่ไม่แรง แต่ผมกลับไม่ล้มลงไป และไม่แม้กระทั่งจะมีแรงหายใจ

“กู...อยากได้....คนมาแทนที่กู...” สิ้นเสียงเย็นยะเยือกนั่นผมก็รู้สึกหมดแรงทุกอย่าง รู้สึกตัวหนักอึ้งและรู้สึกว่าตัวเองกำลังล้มลงบนพื้น

“เห้ยน้อง !”

 

 

……………………………………………..

“ฮัลโหล พี่จอดรถที่เดิมนะครับ เลิกเรียนแล้วใช่ไหม”ผมกรอกเสียงลงไปหาปลายสาย เสียงหวานตอบกลับมา ทำเอาผมเริ่มใจเสีย

“ยังทำแลปไม่เสร็จค่ะ พี่ม่อนกลับก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวนิน่ากลับเอง”

“ไม่เป็นไร พี่รอได้” ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรถ พยายามมองแสงไฟที่ยังเปิดอยู่ในหลายๆชั้น นิน่าทำวิจัยของเขาอยู่บนนั้น ทุกครั้งผมจะมารับเขาไปส่งที่ห้องของเขา ไม่ว่าจะนานแค่ไหนผมก็รอได้

“ไม่ต้องรอหรอกค่ะ อีกนานกว่านิน่าจะทำแลปเสร็จ พี่ม่อนกลับก่อนดีกว่านะคะ”

แต่ครั้งนี้เขากลับไม่ให้ผมรอ ผมตัดสินใจเปิดประตูรถลงไป ผมอยากจะรอเขาซักหน่อย เผื่อเขาจะทำวิจัยเสร็จทันเวลา และกลับลงมาเจอผมพอดี ไม่ต้องเรียกวินหรือแท็กซี่ดึกๆ ซึ่งมันคงจะอันรายเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างนิน่า

ผมรอจนคิดว่าคงจะต้องกลับเสียที แต่ผมดันไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนหลับตานิ่ง ราวกับกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง อยู่ข้างๆรถที่ผมจอดอยู่ ผมจะทำเป็นไม่สนใจก็ได้ ถ้าเขายังคงยืนอยู่ได้หนะนะ แต่เขากำลังหงายหลังล้มตัวลง ด้านหลังเป็นขอบอิฐที่ก่อขึ้นรอบต้นไม้ ถ้าเขาล้ม หัวเขาต้องกระแทกแน่ๆ

“เห้ยน้อง !”ผมพุ่งไปรับผู้ชายคนนั้น ก่อนที่เขาจะล้มลง

“น้อง !! เป็นอะไรรึเปล่า !”ผมตบหน้าน้องผู้ชายเบาๆ เขาปรือตาขึ้นมองผม หน่วยตามีน้ำตาเอ่อคลอรอบดวงตา เขาพยายามหันไปมองรอบๆ

“หาย....ไปแล้ว....” เขาพึมพำเบาๆแล้วหันมามองผม “ช่วยพา...ผม...ไปจาก...ที่นี่ที”

“เห้ยน้อง อย่าพึ่งหลับดิ น้อง !!” เขาหลับใส่หน้าผม หลับไปทั้งๆที่ผมยังคงประคองเขาอยู่ ผมพยายามเรียกเขาเท่าไหร่เขาก็ไม่ตื่น จนยามที่อยู่ป้อมยามข้างๆเดินเข้ามาดู

“มีอะไรรึเปล่าครับ”

“ไม่รู้ครับ อยู่ดีๆเขาก็เป็นลมไป”ผมตอบยามไป

“ไปโรงพยาบาลดีกว่าไหมครับ”ทันทีที่ยามพูดจบ คนที่นอนนิ่งก็ผงกหัวขึ้นมาทันที

“ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่โรงพยาบาล !”เขาใช้เสียงราวกับกำลังจะตะโกน แต่เสียงนั่นมันแหบแห้งมากจนเหมือนกับพูดอยู่ในลำคอ แล้วน้องก็สลบลงไปอีกรอบ พี่ยามโทรเรียกรถพยาบาลทันที รออยู่ไม่นานรถพยาบาลก็มารับน้องคนนั้น

ผมรีบขับรถตามไปที่โรงพยาบาล แต่พอทันทีท่าที่จอดรถได้และเดินไปที่ห้องฉุกเฉินก็ได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงโหวกเหวกมาแต่ไกล พร้อมกับร่างโปร่งของน้องคนนั้นที่กำลังร้องไห้และพยายามจะสะบัดมือของบุรุษพยาบาลออก

“ขอร้องหละครับ ฮือออ ผมอยู่โรงบาลไม่ได้จริงๆ ฮึก”เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นน่าสงสารพยายามจะเอ่ยขอร้อง และทันทีที่เห็นว่าผมเดินไปทางเขา เขาก็สะบัดสุดแรงแล้ววิ่งเข้ามาหาผม

“พี่ !! ฮึก ไม่เอาโรงบาล ฮืออออ พาผมไปที่อื่นที ฮืออออ”ผมมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา มันดูหมองหม่นและดูอ่อนล้าเต็มทน ผมประคองคนตรงหน้าเอาไว้ จนบุรุษพยาบาลวิ่งมาถึงและทำท่าว่าจะดึงเขากลับไปรักษาอีกรอบ แต่น้องก็ยังคงเกาะผมไว้แน่น

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมพาเขากลับเองครับ ขอโทษด้วยนะครับ”ในที่สุดผมก็พูดกับบุรุษพยาบาลออกไปแบบนั้นจนได้ ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะพาไปไหน แต่ทันทีที่ผมพูดประโยคนั้นไป ใบหน้าของน้องก็ดูจะดีขึ้นมาบ้าง แล้วก็ค่อยๆหลับตาลงราวกับจะหลับลงไปอีกรอบ

“น้อง.... อย่าพึ่งหลับ เดินไปที่รถไหวมั้ย ?” เขาพยักหน้าเบาๆ ...ผมก็หิ้วแขนเขาเดินกลับมาที่รถ พอดันน้องเข้าไปนั่งในรถได้แล้ว ทันทีที่ผมขึ้นมานั่งบนรถ น้องเขาก็หลับไปแล้ว รอบนี้ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น น่าจะหลับไปเลย เพราะการหายใจที่สม่ำเสมอนั่นหละมั้งที่ทำให้ผมคิดว่าเขาหลับ ผมยังไม่รู้เลยจะเอาเขาไปส่งที่ไหน ในเมื่อตอนนี้เรียกไปเขาคงไม่ตื่นมาบอกทางกลับที่พักของเขาให้ผมหรอก คงจะมีทางเดียวคือไปคอนโดผม แต่ก่อนอื่นผมต้องตรวจสอบก่อนว่าเขาเป็นใคร ไม่ใช่ว่าพอไปถึงห้องแล้วเขามายกเค้าผมหรอกนะ

ผมค้นกระเป๋าของเขาเพื่อหากระเป๋าเงิน แต่กระเป๋าของเขาไม่มี ผมจึงต้องมาลูบตามตัวเขาเพื่อหากระเป๋าเงิน พอมาลูบแบบนี้เขาดูตัวเล็กมากๆ แขนก็เล็ก ขาก็เล็ก ตัวก็ผอม แต่ไม่ถึงกับเก้งก้าง ผมเจอกระเป๋าเงินของเขาอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ผมหยิบออกมาแล้วเปิดดูบัตรนักศึกษาของเขา

“ปี2คณะวิทยาศาสตร์” อื้ม ก็ถือว่าปลอดภัย หิ้วกลับห้องได้

 

...................................................

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอย ประตูสีขาวที่มีเลขติดอยู่ค่อยๆผ่านสายตาไปทีละบาน รู้สึกเหมือนใครกำลังให้ผมขี่หลังอยู่เลยแฮะ แผ่นหลังกว้างๆนี่มันดูอบอุ่นขนาดนี้เลยหรอ ผมจะขอหลับต่อได้ไหมนะ ยังไม่อยากตื่นตอนนี้เลย อยากซุกเข้าหาความอบอุ่นให้มากกว่านี้อีกนิด อบอุ่นและปลอดภัย...

 “อ้าว ตื่นแล้วหรอ เดินไหวไหม”เขาทักผมด้วยเสียงทุ้มแล้วค่อยๆวางผมลงให้ยืนอยู่บนพื้น ขาผมมันก็รู้สึกเหมือนจะหมดแรงอีกครั้ง แต่ถ้าผมบอกเขาว่าผมไม่ไหว เขาก็จะอุ้มผมอีกรอบงั้นหรอ

“หวะ...ไหวครับ ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า ขอบคุณที่ช่วยนะครับ” พูดบอกเขาเป็นประโยคยาวๆ แต่แค่พูดแค่นี้ก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว ยิ่งขาที่กำลังยืนอยู่นี่ไม่ต้องพูดถึง มันสั่นจนเหมือนจะล้มเสียให้ได้

“ให้พี่ไปส่งไหม”เขาถามแล้วปล่อยให้ผมยืน โดยที่ยังประคองผมไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง

ไม่รู้จักกันซักหน่อย ทำไมต้องใจดีด้วยหละ

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากๆนะครับ”พูดจบผมก็หันหลังกลับ แต่กลับต้องชะงัก เพราะทางเดินนั่นกลับมีร่างดำทะมึนยืนขวางทางอยู่ ดวงตาแดงก่ำนั่นจ้องมองมาราวกับต้องการชีวิตผม

“เดี๋ยวพี่ไปส่ง คอนโดพี่ต้องใช้คีย์การ์ดออกประตู” เขาเดินมาจับไหล่ผม แล้วอยู่ๆร่างสีดำที่ยืนขวางทางผมอยู่ก็หายวับไป เหลือเพียงไอเย็นๆเท่านั้น ผมค่อยๆหันไปมองผู้ชายที่หันมามองหน้าตาเหรอหราของผมแล้วส่งยิ้มหล่อเหลามาให้

หรือว่าเขาจะเป็นอีกคนที่ช่วยผมได้วะครับ

       
“ขอผม.....อยู่กับพี่คืนนึงได้ไหมครับ”

+++++++++++++++++++++++++++++++
มาแล้วววว ตอนพิเศษของไอ้ประธาน ในที่สุดก็รู้ชื่อซักทีเนาะ น้องชื่อดีนนะครับ นิสัยน่ารักมาก ดูนุ่มนิ่มสุดๆ พาร์ทของดีนจะเป็นแนว.....ไหนดีอะ ไม่รู้สิ น่าจะครบรสแหละ มีหลายตอนนะครับ เกือบจะยาวเลยแหละ ฝากติดตาม คอมเมนท์ให้กำลังใจไนท์ด้วยนะครับบบ

ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
   •HANDSOME GHOST• 

   พิเศษ[2] - ต้องการ

   

   

   

   “ขอผม.....อยู่กับพี่คืนนึงได้ไหมครับ”ผมจำใจหน้าด้านขอเขาไป อย่างน้อยผมก็มีที่พึ่ง ถ้าผมกลับไปอยู่คนเดียวผมต้องโดนวิญญาณตนนั้นเอาชีวิตผมแน่ๆ ดวงตาแดงก่ำนั่นยังเป็นภาพติดตาผมอยู่เลย

   “ว่าแล้ว คงกลับไม่ไหวหรอก” เขาส่งยิ้มมาให้ผมอีกครั้ง และอยู่ๆหน้าผมก็เหมือนจะร้อนวูบวาบขึ้นมา คงเขินๆแหละ พี่เขาโคตรจะหล่อเลย แถมยังสูงและหุ่นดีอีกด้วย ต่อให้ผมเป็นผู้ชายใจก็ต้องกระตุกบ้างแหละ

   “รบกวนด้วยครับ” ผมหลบสายตาเขาแล้วค่อยๆเดินตามแรงที่เขารุนหลังผมให้เดินไปตามทางเดินของคอนโด

   

   “เอาหละ มาคุยนั่งคุยกันก่อน เพราะแม้แต่ชื่อเราพี่ยังไม่รู้จักเลย” เขาดันให้ผมนั่งลงตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น ก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงตรงข้ามผม

   “จริงด้วยนะครับ แหะๆ ผมชื่อดีนครับ คณะวิทย์ ปี2 ครับ แล้วพี่ ?”ผมถามเขากลับบ้าง

   “พี่ชื่อม่อน วิศวะ ปี1”เขาตอบกลับมายิ้มๆ

   “อ้าว”

   “ปี1ป.โทครับน้อง หึหึ”เขาเฉลยพร้อมกับหัวเราะในลำคอ “แล้วเป็นอะไร ทำไมถึงเป็นลม”

   “เอ่อ มันอธิบายยากหนะครับ คือ.....”

   ไม่รู้ว่าเล่าไปแล้วเขาจะเชื่อหรือเปล่านะ

   “คือ...?”

   “คือผมโดนผีหลอกครับ มันเชื่อยากนะเรื่องแบบนี้ แต่พี่คงจะพอได้ยินตำนานผีที่โดดตึกแลปมาบ้าง ผมก็ไม่เคยเจอหรอกครับ แต่วันนี้ผมดวงซวยนิดหน่อย เลยเจอไปสองรอบครับ แต่รอบที่ผมเป็นลมนี่มันสุดจะบรรยายจริงๆครับ”

   “อืม เชื่อยากจริงๆหนะแหละ แต่ก็ไม่เป็นไรก็ดีแล้วนะ”

   1“จะบอกว่าไม่เป็นไรมันก็ไม่เชิงครับ เพราะเหมือนว่าผมจะโดนวิญญาณตนนั้นตามอยู่ มันน่ากลัวมากๆครับ แต่พอเวลาที่พี่โดนตัวผมวิญญาณตัวนั้นก็หายไปทันทีเลยครับ” เขาทำหน้าแปลกใจกับสิ่งที่ผมเล่า

   “อธิบายให้ฟังหน่อยสิ มันเป็นยังไง”

   “คือ ในชีวิตพี่ทั้งชีวิตไม่เคยเจอเรื่องลี้ลับอะไรเลยใช่ไหมหละครับ แม้แต่จะรู้สึกว่ามีพลังงานอะไรอยู่รอบๆตัวเราก็ไม่เคย”

   “ใช่ รู้ได้ไง”

   “ง่ายมากครับ เพราะพี่เป็นคนประเภทเซนท์ทื่อ หรือไม่ก็ดวงแข็งมากๆ ของพี่ผมว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง แต่ว่ามันก็จะมีบางช่วง ถ้าหากดวงซวยจริงๆเช่น เบญจเพส หรืออะไรพวกนี้ ดวงก็จะอ่อนลง แล้วก็มีโอกาสจะเห็นผีได้ครับ”

   “อืม ปีหน้าก็เบญจเพสแล้ว ทำไมน้องดูเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้จัง”

   “ผมดูดวงได้หนะครับ ประมาณว่าเป็นคนมีของ”

   “วันหลังก็ดูให้พี่บ้างนะ แต่วันนี้คงจะไม่ไหวแล้ว พี่ว่านอนพักก่อนดีกว่า” แล้วเขาก็ปล่อยให้ผมนอนอยู่บนโซฟา ผมค่อยๆล้มตัวลงนอน ด้วยความอ่อนเพลียมาทั้งวัน

   ได้แต่เพียงหวังว่า พรุ่งนี้มันจะดีขึ้นบ้า

   ..........................................................

   น้องดีนหลับไปแล้ว ผมหยิบผ้าห่มในห้องออกมาห่มให้ คงต้องปล่อยให้น้องนอนทั้งชุดนักศึกษานี่แหละ เพราะจะให้เอาชุดมาให้เปลี่ยนก็ยังไงๆอยู่ พึ่งรู้จักกันวันนี้ด้วย ผมเองก็ช่วยได้แค่นี้ อย่างน้อยเรื่องที่น้องเล่าให้ผมฟังก็ดูมีเค้าเรื่องจริงอยู่บ้าง และดูน้องดีนก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร จะปล่อยให้กลับไปทั้งๆอย่างนี้ก็น่าสงสาร

   มองนาฬิกาตรงผนัง บอกว่าตอนนี้ก็สามทุ่มกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้นิน่าจะกลับหรือยัง อยากจะโทรไป แต่ก็กลัวจะรบกวน เลยได้แต่รอให้โทรศัพท์มันดังขึ้นมาเอง นิน่าก็เรียนคณะเดียวกับดีน เพียงแต่อยู่ปี4แล้ว ก็เลยต้องเร่งทำวิจัยให้เสร็จ ถึงช่วงนี้จะต้องทำแลปบ่อยขึ้น แต่ทุกครั้งผมจะไปรับไปส่งเขาเสมอ มีครั้งนี้ที่เขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

   ผมพยายามไม่คิดมาก พยายามจะหาอะไรทำ อย่างเช่นการอาบน้ำ ต่อด้วยการเอาวิทยานิพนธ์ของตัวเองมานั่งทำต่อบ้าง คอนโดผมไม่ได้ใหญ่มาก ปกติผมจึงมักอาศัยโต๊ะตรงโซฟาในการทำงานและอ่านหนังสือ ผมนั่งลงที่พื้นแล้วเปิดโน้ตบุ๊ก โดยที่ด้านหลังผมมีผู้ชายนอนหลับสนิทอยู่

   

   ผมนั่งทำงานจนเวลาล่วงเลยมาจนถึงห้าทุ่ม ดีนเริ่มนอนดิ้น พลิกตัวไปมา ผมหันไปมองเห็นคิ้วที่ขมวดเล็กน้อยของเขา แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งร่างโปร่งเริ่มหายใจติดขัด เขาเหมือนพยายามจะสูดหายใจแรงๆ ในขณะที่มือของเขาก็ยกขึ้นมาจับที่คอตัวเอง แล้วเขาก็เริ่มดิ้นแรงขึ้นๆ ผมลุกขึ้นมาเพื่อเรียกให้เขาตื่น

   “น้องดีน” ผมลองเรียกเขาดู

   “ฮือ....”เขาครางเบาๆ แต่ยังไม่ยอมตื่น แถมยังดิ้นแรงกว่าเดินจนผมเริ่มใจเสีย

   “ดีน !!” ครั้งนี้ผมเขย่าแขนเขาให้เขาตื่น และสำเร็จ เขาลืมตาขึ้นมา ก่อนจะมองหน้าผมด้วยสายตาที่กำลังหวาดกลัว

   “พี่ม่อน... ฮึก... ผมกลัว ฮือออออออออ” แล้วน้องดีนก็ร้องไห้ ผมกอดเขาเบาๆเพื่อปลอบให้เขาหายกลัว ดีนร้องไห้อยู่ซักพัก ก่อนที่จะหลับลงไปอีกครั้ง คงจะเพลียมากๆ และผมก็ช่วยอะไรไม่ได้เลยเนี่ยสิ

   ผมปล่อยให้น้องหลับ ส่วนผมก็กลับมาทำงานต่อ แต่มือบางของดีนก็ยังไม่ยอมปล่อยจากมือผมนะ เขาจับไว้ราวกับว่าผมเป็นที่พึ่งเดียวของเขาในตอนนี้ ทั้งๆที่ตัวเองกำลังหลับสนิท แต่แรงที่ยังคงจับมือผมไว้แน่นกลับไม่ยอมปล่อย ผมก็เลยต้องปล่อยให้น้องจับมือผมหลับไปทั้งอย่างนั้น

   น่าแปลกใจตัวเองที่กล้าไว้ใจคนแปลกหน้าขนาดนี้ แปลกใจที่ปล่อยให้เขานอนจับมือไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่เราพึ่งรู้จักกันเพียงแป้บเดียวเท่านั้น แปลกใจที่ผมดันเผลอยิ้มตอนที่เห็นว่าผู้ชายตรงหน้าหลับสนิท ไร้ความกังวลใดๆปรากฏบนใบหน้า แปลกใจมากๆเพราะผมไม่ได้ยิ้มแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ครั้งล่าสุดที่ยิ้มเพราะคนอื่นก็คงเป็นตอนที่นิน่าตกลงคบกับผม หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนไป ผมพยายามประคับประคองความสัมพันธ์ของเราเอาไว้อยู่ฝ่ายเดียว พยายามอย่างมากที่จะไม่ให้เขาต้องรู้สึกอยากจากผมไปไหน นิน่าตอบรับผมตามมารยาทเท่านั้นผมรู้ ผมไปรับไปส่งเขา พาไปกินข้าวหรือพาไปที่ไหน เขาก็ไม่เคยปฏิเสธผม แต่เหมือนเขาไม่มีความสุขกับสิ่งที่ผมทำให้เขาเลย

   พึ่งจะมีครั้งนี้แหละ ที่เขาปฏิเสธผม ปฏิเสธแบบจังๆ แบบที่ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมทำอะไรผิด รู้ทั้งรู้ว่าเขาโกหก แต่ผมกลับยอมปล่อยให้เขาโกหกแล้วทำเป็นไม่รับรู้อะไร เพราะรักเขามาก รักเขาเสียจนไม่อยากเสียเขาไป

   ผมง่วงซะแล้วสิ แต่จะเข้าไปนอนแล้วปล่อยให้น้องดีนนอนตรงนี้ก็ยังไงอยู่ แต่จะให้เข้าไปนอนในห้องด้วยก็แปลกๆอยู่ดี ตัดสินใจยาก เพราะเรื่องที่เขาเล่าก็ค่อนข้างเหลือเชื่อ แต่สิ่งที่เขาเป็นนั่นก็พอจะทำให้เชื่ออยู่บ้าง

   เอาหนะ บริสุทธิ์ใจซะอย่าง ต่อให้นอนจับมือทั้งคืนผมก็ไม่คิดอะไรอยู่แล้ว

   ผมดึงมือที่จับมือผมอยู่ออก คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย แล้วผมก็ช้อนตัวร่างโปร่งขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาว น้องดีนตัวสูงโปร่ง ตัวเบามากๆ อีกอย่างผมตัวสูงใหญ่ด้วยแหละ น้ำหนักน้องดีนเลยไม่เป็นผลกับผมเท่าไหร่

   “ฮึบ” ไม่เป็นผลก็แปลกละ ใช้แรงเยอะอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ผมอุ้มน้องเข้ามาในห้องนอน จัดการวางตัวน้องดีนลงแล้วห่มผ้าให้ ส่วนตัวเองก็ล้มตัวลงนอนที่เตียงอีกฝั่งนึง

   ถอนหายใจแรงๆแล้วหลับตาลง อยากให้ผ่านคืนนี้ไปแบบง่ายๆ แต่มันคงไม่ง่ายสำหรับผมเท่าไหร่ ยิ่งถ้ามีเรื่องต้องคิดมากแบบนี้ด้วย

   “อื้อ...”น้องดีนส่งเสียง คิ้วเรียวขมวดอีกครั้ง มือบางพยายามควานหาอะไรบางอย่าง ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนยื่นมือไปให้น้องคว้าเอาไว้ มือบางพอจับโดนมือผมก็ดึงไปแนบหน้าตัวเอง แล้วหลับลงไปทั้งๆอย่างนั้น มือผมข้างนึงจึงถูกน้องทับเอาไว้ จะดึงออกก็ไม่ได้ ก็คงต้องหลับทั้งอย่างนี้แหละนะ

   แต่ไม่รู้นึกอะไรผมถึงพลิกตัวไปจ้องหน้าของอีกคนที่อยู่ตรงข้าม ฝ่ามือผมสัมผัสแก้มนุ่มนั้นอยู่ ผมลูบเบาๆ รู้สึกผ่อนคลายกว่าทุกๆคืนที่ต้องนอนคนเดียวเสียอีก...และคงเป็นคืนที่ผมหลับสนิทที่สุดเลยหละมั้ง

   ....................................................

   ผมตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ซึ่งผมไม่มีเรียน แต่เอ๊ะ... ผมไม่ได้อยู่ที่ห้องของตัวเองใช่ไหม

   ผมยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเอง แต่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรติดมืออยู่ พอดึงมือตัวเองขึ้นมาก็พบว่ามีมือของใครบางคนจับอยู่ มือใครวะเนี่ยยย

   “ตื่นแล้วหรอ กี่โมงแล้วเนี่ย” เขาดึงมือออกไปแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ผมยังละสายตาจากเขาไม่ได้ ผู้ชายคนนี้เป็นใครนะ หุ่นดี หน้าหล่อ แม้แต่ทรงผมยุ่งๆนั่นยังทำให้เขาดูหล่อเลย นี่ผมเสียตัวให้ผู้ชายคนนี้รึเปล่านะ

   “ทำไมมองหน้าพี่แบบนั้นหละน้องดีน หรือว่าจำอะไรไม่ได้”เขายิ้มๆ ลุกขึ้นจากเตียงแล้วบิดตัวยืดเส้นยืดสาย เสื้อยืดรั้งตามแขนที่ถูกยกขึ้นทำให้เห็นกล้ามแน่นๆบริเวณหน้าท้อง

   “อ้อ.... เห้ย...ผมขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ ไม่คิดว่าจะรบกวนขนาดนี้เลย มันเบลอๆเหมือนไม่มีสติอะครับ ขอโทษครับ ผมคงต้องรีบกลับแล้ว ขอโทษจริงๆนะครับ แล้วก็ขอบคุณมากที่ช่วย” ผมรีบขอโทษขอโพย ยกมือไหว้สุดหัว ไม่คิดว่าจะรบกวนคนที่พึ่งรู้จักได้ขนาดนี้ แต่ทันทีที่ความทรงจำเมื่อคืนไหลมาก็โคตรจะรู้สึกผิดเลย ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าดวงคงจะไม่ซวยแบบเมื่อวานแล้ว

   พูดจบผมก็รีบลุกจากเตียงทันที แต่ขาดันไปเกี่ยวกับผ้าห่ม ทำให้ผมหน้าคว่ำลงกับพื้น พี่ม่อนตกใจ จะเข้ามาพยุง แต่ผมรีบลุกขึ้นแล้วรีบเดินไปที่ประตู พยายามจะก้มมองสำรวจเสื้อผ้าตัวเองกับข้าวของว่ายังอยู่ดีไหม แต่พอเงยหน้าขึ้นมา...

   ตึ้ง ! หัวผมก็กระแทกเข้ากับประตูจนต้องนั่งลงแล้วกุมหัวตัวเอง

   “ใจเย็นๆก่อน พี่ไม่ได้อะไรอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลนะ” เขาเดินมาวางมือลงบนไหล่ผม ทำให้อาการแพนิกของผมเมื่อครู่ค่อยๆผ่อนคลายขึ้น ผมไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆเลย รู้สึกเขินยังไงก็ไม่รู้ ทั้งเขินทั้งอายนั่นแหละ

   “เดี๋ยวพี่กำลังจะไปมหาลัย เราพักอยู่แถวไหนหละ พี่จะได้ไปส่งเราถูก”

   “หอ....... ซอยหลังมหาลัยครับ” ผมตอบไป แอบใช้หางตามองไปที่พี่ม่อนนิดหน่อย พี่ม่อนยิ้มรับ ก่อนลุกขึ้นแล้วถอดเสื้อออก คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

   ผมได้แต่นั่งอยู่ที่เดิมนิ่งๆ รู้สึกหน้าร้อนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะไม่เคยเจอคนที่ดูดีขนาดนี้ แถมตัวเองยังเวอจิ้น เลยไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงกับเหตุการณ์แบบนี้ เลยได้แต่นั่งนิ่งแล้วมองรอบๆห้อง

   ห้องของเขาตกแต่งแบบเรียบๆ โทนขาวเทา ข้าวของจัดอย่างเป็นระเบียบ ดูแล้วรู้เลยว่าเป็นคนมีระเบียบมากๆ แล้วผมก็มองไปยังที่นอน....ปกติเขาพับที่นอนรึเปล่า? ถ้าคนมีระเบียบมากๆเขาจะพับที่นอนนะ งั้นผมพับให้แล้วกัน

   ผมพับที่นอนจนเสร็จก็นั่งอยู่บนเตียง รอซักพัก เขาก็ออกมาจากห้องน้ำ ด้วยกางเกงตัวเดิม มองมาที่ผมแล้วยิ้มอบอุ่นมาให้ผมอีก ผมต้องหันหน้าหนี ไม่กล้าสบตา ทั้งเขินทั้งอาย ปนๆกันหมดนั่นแหละ

   “ไปรอพี่ข้างนอกก่อน พี่ขอแต่งตัวแป้บ” ผมพยักหน้ารับแล้วเปิดประตูออกไป นั่งรออยู่ที่โซฟา จำได้ว่าเมื่อคืนฝันร้ายมาก ฝันว่าวิญญาณตนนั้นพยายามจะเอาชีวิตผมด้วยการบีบคอผม ผมหายใจไม่ออก ต้องพยายามสูดลมหายใจเข้าแทบตาย แล้วพี่ม่อนก็มาปลุกผมใช่ไหมนะ.... ตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วเป็นพี่ม่อน มันโคตรดีเลยอะ มันรู้สึกเหมือนได้รับการปกป้อง ได้รับความอบอุ่น ได้รับความสบายใจที่เราจะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว แอบเผลอคิดว่าถ้าได้นอนและตื่นแบบนี้ทุกๆวันก็คงจะดีเนาะ เป็นความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ

   

   แล้วพี่ม่อนก็พาผมมาส่งที่หอของผม จากนั้นเขาก็กลับเข้ามหาลัยไป ทันทีที่แยกจากเขา ความรู้สึกดำมืดก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ก็จางๆลงบ้างแล้ว ไม่ได้รู้สึกแย่เท่าเมื่อวาน เมื่อวานคงจะหนักหนาสำหรับผมจริงๆ หัวถึงหมอนผมก็หลับอีกครั้ง หลับเป็นตายราวกับพลังงานชีวิตมันหายไปหมดแล้ว

   

   หลังจากวันนั้น ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว ไอ้ที่ว่าจะดีขึ้นหรอ ไม่เลย อาการเห็นผีก็ยังไม่หายไปไหน ตอนนี้ผมเลยโทรมอย่างกับผีเสียเอง หน้าดำคร่ำเครียด โดนเพื่อนทักว่าป่วยก็หลายที หนักสุดคือเจ้าปาร์คที่เป็นเดือดเป็นร้อนจะพาผมไปโรงพยาบาลให้ได้

   “ไปโรงบาลเหอะประธาน ไม่น่าจะรอดนะสภาพเนี้ย”มันทักผมด้วยประโยคนี้เป็นรอบที่สิบแปดของวันนี้แล้ว ทุกครั้งผมจะส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ครั้งนี้ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

   “ถ้าไปโรงบาลกูตายแน่ปาร์ค มึงรู้ไหมที่โรงยาบาลเป็นสถานที่ที่ผีชุกชุมมากที่สุดแล้ว ครั้งล่าสุดที่กูเข้าไปกูวิ่งออกมาแทบไม่ทันอะ” นึกถึงวันนั้นที่ผมถูกหามส่งโรงพยาบาล ตอนลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่ารอบเตียงเต็มไปด้วยวิญญาณที่จ้องผมอยู่ ผมก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีออกมาทันทีเลย รู้สึกราวกับว่าตัวเองตายไปแล้วงั้นแหละ โชคดีที่เจอพี่ม่อนซะก่อน

   “แต่สภาพมึงตอนนี้ก็ไม่ต่างจากศพเลยนะเว้ย ไป กูพาไปเอง อยู่กับกูซะอย่าง”

   “เออหวะ...”จริงด้วย ปาร์คก็พอจะช่วยผมได้บ้าง อย่างน้อยก็ทำให้ผมไม่เห็นผีไปซักระยะ

   

   ผมเดินเกาะปาร์คมาจนถึงโรงพยาบาล ผมจับมันไว้ไม่ยอมปล่อย จนกระทั่งถูกเรียกเข้าห้องตรวจ ผมจึงกำชับให้ปาร์ครอผมอยู่ที่เดิม ห้ามไปไหนเด็ดขาด หวังว่าในห้องหมอคงจะไม่มีผีนะ

   “สวัสดีครับ”ผมเอ่ยทักหมอ หมอพยักหน้ารับเฉยๆ

   “คุณพักผ่อนน้อยนะครับ นอนไม่พอหรอ”

   “ครับ ไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่”สะดุ้งตื่นทั้งคืนเลย

   “ครับ ตอนนี้ร่างกายคุณต้องได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอนะครับ ไม่งั้นร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา คุณก็จะมีสภาพแบบนี้นี่แหละครับ หมอจะจ่ายเป็นยานอนหลับกับยาแก้เครียดนะครับ มีอาการไข้ไอผื่นขึ้นไหมครับ”

   “ไม่มีแล้วครับ ขอบคุณมากครับ”

   เสร็จแล้วผมก็ออกจากห้องตรวจมา แต่ทันทีที่ออกจากห้องตรวจก็เห็นพี่ฟานอยู่กับปาร์ค สีหน้าพี่ฟานเหมือนจะโกรธผมหน่อยๆที่ผมพาแฟนเขามาถึงที่นี่

   “กูต้องกลับแล้วอะ ไว้เจอกันนะ บาย” ปาร์คมันก็บอกลาผมแค่นั้น แล้วก็เดินตามพี่ฟานออกไป ทันทีที่ปาร์คเดินพ้นจากสายตาของผม ความดำมืดที่เหมือนจะมืดกว่าเดิมก็เข้ามาปกคลุมรอบตัวผมอีกรอบ อากาศรอบตัวเย็นลงราวกับติดลบ

   ผมก้มหน้าลงแล้วนั่งรอรับยากับจ่ายเงิน หวังไว้ว่าไม่ให้ผีตัวไหนสังเกตเห็นว่าผมเห็นพวกเขา แต่คนดวงตกอะเนาะ

   “คนนี้เหมือนจะเห็นเราหละ.....” เสียงเล็กๆดังขึ้นตรงหน้า ผมสบตาวิญญาณเด็กน้อยสีขาว เป็นวิญญาณที่ไม่มีความชั่วร้ายอยู่เลย ใบหน้าน่ารักนั่นสดใสราวกับว่าเขายังมีชีวิตอยู่และวิ่งเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานในที่แห่งนี้ ผมจะไม่กลัวเลย ถ้าวิญญาณเด็กตนนั้นไม่วิ่งไปรอบๆแล้วบอกว่าผมเห็นพวกเขา

   “พี่คนนั้นเห็นหนูด้วย”

   “ลุงๆ พี่คนที่นั่งตรงนั้นมองเห็นหนูด้วยนะ เค้ามองหนู”

   “ป้า ป้าตามหาคนที่มองเห็นป้าอยู่ไม่ใช่หรอ นู่น คนนู่นมองเห็นเรานะ”

   เด็กน้อยยังคงวิ่งไปรอบๆพร้อมกับประกาศกร้าวว่าผมมองเห็นเขา ไม่นานวิญญาณก็เริ่มเดินมายืนล้อมหน้าล้อมหลังผม ผมพยายามไม่สบตาใครเลย ในใจภาวนาให้การเงินรีบๆเรียกชื่อผมไปจ่ายเงินซักที

   “หนู ช่วยป้าหน่อย ป้าตามหาญาติป้าไม่เจอ ป้าติดอยู่ที่นี่”เสียงของผู้หญิงแก่ดังขึ้นมาตรงหน้า ผมยังคงก้มหน้าไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ไม่ได้ จะแสดงให้พวกเขาเห็นไม่ได้เด็ดขาดว่าผมเห็นพวกเขา ถ้ามาแบบป้าไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามาแบบ....

   “ตามกูมาหน่อย.....มึง... กูบอกให้ตามกูมา !!”

   เชี่ย !! เนี่ย วิญญาณจะพาไปเป็นตัวตายตัวแทน โคตรน่ากลัว ผมนั่งก้มหน้าหลับตาปี๋ เสียงดังอื้ออึงเต็มหูไปหมด ตอนนี้ต่อให้การเงินเรียกชื่อให้ไปจ่ายเงินผมคงไม่ได้ยินแน่ๆ จะให้ลุกออกไปขาก็ไม่มีแรง อยู่ๆน้ำตาก็เริ่มไหลออกมา ความกดดันมากมายไหลท่วมเข้ามารอบตัวผม ตอนนี้แม่แต่แรงจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไปผมยังทำไม่ได้เลย

   แม่งเอ้ย.....

   “น้องดีน.... มาทำไรที่นี่หละ”





****************************************

ตอนใหม่มาแล้ววววว ขอกำลังใจหน่อยเร็วววววววววววว


ออฟไลน์ ไร้เงา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ว่าอยู่ทำไมชื้อคุ้นๆ เคยอ่านแล้วนี่เองงงง

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ 【focus_kung】

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เพิ่งได้กลับมาอ่านนิยายในเล้าหลังจากหายไปนานมากๆ สุ่มเรื่องนี้มาอ่านเรื่องแรกของการกลับมาเลย ไม่ผิดหวังค่ะ สนุกมากๆ ชอบคาแรคเตอร์ของตัวละครแต่ละตัวมากๆค่ะ แอบอยากให้มีตอนพิเศษของคู่หลักอีกสักหน่อย รู้สึกยังไม่อิ่มใจ5555555

ส่วนคู่ของดีนจะติดตามต่อไปนะคะ น่าสงสารท่านประธาน

ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
   •HANDSOME GHOST• 

   พิเศษ[3] - Feeling

   

   “น้องดีน.... มาทำไรที่นี่หละ”

      “น้องดีนครับ”

   “น้องดีน !” สัมผัสอบอุ่นวางลงบนแขนของผม ผมเงยหน้าขึ้นมองทันที

   “พี่ม่อน .... ฮึก ฮือออออออออ”ผมปล่อยโฮออกมาจนพี่ม่อนตกใจ เขาดึงผมไปกอดเอาไว้แล้วพูดปลอบโยนผมต่างๆนาๆ

   ผู้ชายคนนี้อีกแล้ว เขาปกป้องผมอีกแล้ว ความอบอุ่นที่โอบรอบตัวผมนี่มันรู้สึกดีขนาดนี้เลยหรอ

   “ไหน... ร้องไห้ทำไมครับ”เขาทำน้ำเสียงทุ้มคล้ายกับจะดุผมที่ผมร้องไห้งอแงเป็นเด็กๆ แต่แววตาอบอุ่นที่ผมมองผ่านม่านน้ำตานั่นกลับปลอบประโลมผมเป็นอย่างดี ผมส่ายหน้าตอบไป อธิบายตอนนี้ไม่ได้จริงๆ

   สุดท้ายผมเลยได้แต่นั่งจับมือหนาเอาไว้ รอการเงินเรียกชื่อจ่ายเงิน แล้วก็นั่งจับมือเขาเพื่อรอรับยา เมื่อได้รับยาแล้วเขาถึงยื่นมือมาให้ผมจับไว้อีกรอบ แล้วจูงมือผมเดินมาที่รถเขา

   

   “เป็นอะไรหละ มาหาหมอได้ พี่นึกว่าเราไม่ชอบโรงพยาบาลซะอีก”เขาถามทันทีที่เราเข้ามานั่งอยู่ในรถ

   “ก็ จากวันนั้นผมยังไม่หายเลยครับ สภาพผมก็เลยโทรมแบบนี้แหละ เพื่อนเลยพาผมมาหาหมอครับ แต่แฟนมันมาตามกลับไปซะก่อน ผมเลยต้องนั่งอยู่คนเดียว กำลังโดนวิญญาณรุมทึ้งเลยครับ บางตนก็อยากให้ผมช่วย บางตนก็อยากเอาผมไปเป็นตัวตายตัวแทน”

   “ก็เลยนั่งร้องไห้อยู่แบบนั้น ? ถ้าไม่เจอพี่จะทำไงเนี่ย หื้ม”เขาทำหน้าเหมือนจะดุผมอีกแล้ว แต่สายตาอบอุ่นนั่นกลับดูเป็นห่วงเป็นใยผม

   “ไม่รู้ครับ... ว่าแต่พี่มาหาหมอหรอ ไม่สบายหรอครับ ?”

   “อืม พี่เครียดนิดหน่อย”สีหน้าที่เขาตอบกลับมาดูเครียดอย่างที่ว่าจริงๆ ดูโทรมไปนิดหน่อย แต่ก็ยังหล่อมากๆอยู่ดี

   “เครียด เรื่องอะไรครับ...?”

   “ไม่มีอะไรมากหรอก ปะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง หรือจะไปค้างห้องพี่ไหม จะได้นอนหลับสบายๆซักคืน ดูท่าว่าจะไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้วสิ” พี่ม่อนสตาร์ทรถ และยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไร เขาก็ขับรถออกมาจากโรงพยาบาล แล้วมุ่งตรงไปที่คอนโดของเขาทันที

   

   “อะ ถึงแล้ว.... เห้ยพี่ลืมไปเลย เรามีเสื้อผ้าเปลี่ยนรึเปล่า ?”พี่ม่อนพูดทันทีที่เรามาจอดรถในคอนโดของเขา ผมเองก็ไม่กล้าทักท้วงอะไร เพราะอยากมาที่นี่เหมือนกัน จะได้หลับสนิทซักคืนแบบที่พี่เขาบอก

   “ไม่มีอะครับ”

   “ไม่เป็นไรหรอก ใส่ชุดนิสิตพี่ก็ได้”แล้วเราก็ลงจากรถ พี่ม่อนยื่นมือมาให้ผมจับไว้อีกครั้ง แล้วพาผมเดินเข้าไปข้างในคอนโด ผมได้แต่เดินก้มหน้า พยายามไม่มองไปที่มือหนาที่จับมือผมไว้อยู่ ครั้งนี้พอสติอยู่ครบ100%มันทำให้รู้สึกเขินยังไงก็ไม่รู้

   

   “หิวไหม พี่ไม่ได้ซื้อกับข้าวอะไรไว้เลยนะ”

   “นิดหน่อยครับ ผมยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย พี่ม่อนกินรึยังครับ ?”

   “ยังไม่ได้กินเหมือนกันครับ งั้นเดี๋ยวพี่ทำต้มจืดกับข้าวผัดให้กิน”

   “ครับ”

   “หรืออยากอาบน้ำก่อนไหม ?”

   “กินข้าวก่อนก็ได้ครับ”

   แม่งจะดูแลดีไปไหนวะ เขินจะแย่อยู่แล้ว

   “ให้ผมช่วยไหมครับ ผมพอจะหั่นผักเป็นบ้าง” ผมพูดขึ้นในขณะที่พี่ม่อนหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ ดูเป็นพ่อบ้านที่ดูดีๆคนหนึ่งเลย

   “อะ ระวังมีดด้วยนะ ยิ่งดวงตกอยู่ด้วย”เขายื่นอุปกรณ์พร้อมกับหอมหัวใหญ่ กระเทียม ต้นหอม ผักกาดขาว และเต้าหู่ไข่ มาให้ผม ผมรับมาแล้วเริ่มหั่น หั่นเสร็จก็ส่งให้เขา พี่ม่อนหยิบไปใส่หม้อใส่กระทะอย่างชำนาญ

   กับข้าวเสร็จแล้ว เป็นข้าวผัดหน้าตาธรรมดาๆ กับต้มจืดที่ดูจืดสมชื่อ แต่กลับรู้สึกถึงความอบอุ่น รู้สึกถึงความสบายใจแทน ราวกับว่าเราดูแลกันและกันอะไรทำนองนั้น

   ฮ่าๆ พูดอย่างกับพวกข้าวใหม่ปลามันงั้นแหละ ผมคงจะไม่ได้เผลอชอบผู้ชายที่เจอกันแค่สองครั้งหรอกมั้ง

   “กินเยอะๆนะ พี่มั่นใจฝีมือพี่ว่าทำอร่อย” พี่ม่อนยิ้มหล่อให้ผมอีกครั้งแล้วลงมือกินข้าวผัดตรงหน้า ผมพยักหน้ารับแล้วกินข้าวผัดบนจานของตัวเองบ้าง มันก็อร่อย แต่เป็นรสชาติธรรมดาๆที่เราหากินได้ทั่วไป

   แต่น่าแปลกที่วันนี้ผมสามารถกินข้าวหมดจานได้ ทั้งๆที่หลายวันมานี้ผมกินได้น้อยมาก และคนตรงหน้าก็น่าจะเป็นเหมือนกันมั้ง จานที่เคยมีข้าวผัดตอนนี้ว่างเปล่าไปแล้ว ต้มจืดก็เหลือแค่ซากแครอทง่อยๆ

   “จะช่วยพี่ล้างจานรึเปล่า?”พี่ม่อนพูดพร้อมกับเก็บจาน ผมพยักหน้า พยายามกลั้นยิ้มเพราะรอยยิ้มของคนตรงหน้ามันช่างดูดีซะเหลือเกิน

   เราช่วยกันล้างจานจนเสร็จ เขาหันมายิ้มให้ผม ก่อนจะจ้องหน้าผมนิ่ง แล้วยกมือหนาขึ้นมาปาดบริเวณใต้ตาดำคล้ำของผม

   “ฟอง...”

   เออ ก็แค่ฟอง ทำไมต้องเขินขนาดนี้ด้วยวะ แล้วพี่ม่อนจะยิ้มทำไมวะ แม่งงงงง

   “ไปอาบน้ำกันเถอะ”พูดพร้อมกับดึงมือผมไปด้วย...

   “เอ่อ....ม... ไม่ต้องจับมือก็ได้ครับ”

   “อ้าวหรอ โทษที หึหึ”แล้วทำไมต้องหัวเราะหึหึด้วยเล่า แค่นี้ก็ทำผมเขินจะแย่แล้วนะ

   

   ผมเข้าไปอาบน้ำโดยที่มีเสื้อผ้าที่พี่ม่อนเตรียมไว้ให้เข้ามาด้วย อาบเสร็จก็เปลี่ยนในห้องน้ำแล้วออกมาเลย ชุดที่ผมใส่เป็นชุดนอนโปร่งๆ สบายๆ พี่ม่อนเข้าไปอาบต่อ ไม่นานก็ออกมา แต่ก็มีแค่ผ้าเช็ดตัวที่พันเอวผืนเดียว อวดหุ่นสวยราวกับรูปปั้นเทพกรีก ผมพยายามหันหน้าเข้าผนังห้อง พยายามไม่มองว่าพี่ม่อนเปลี่ยนเสื้อผ้ายังไง ก็มันเขินหนิ

   “ไหน ดูดวงให้พี่บ้างสิ”แล้วพี่ม่อนในชุดนอนคล้ายๆผมก็นั่งลงบนเตียง ยื่นมือหนามาตรงหน้าผม ผมลุกขึ้นแล้วจับมือนั่นไว้ พยายามตั้งสมาธิเพื่อมองอะไรซักอย่าง แต่สายตาอบอุ่นที่ยังคงจ้องผมอยู่ก็ทำผมเสียสมาธิไปซะดื้อๆ

   “อย่าจ้องผมดิ ขอสมาธินิดนึง”ผมก้มหน้าหลบสายตา

   “ทำไมหละ”ใบหน้าหล่อของคนตรงหน้าเอียงคอพยายามมองตาผมราวกับสงสัย แต่ติดที่ดูขี้เล่นเนี่ยสิ นี่แกล้งกันรึเปล่าวะ รู้ว่าตัวเองหน้าตาดีก็จะแกล้งคนอื่นไปทั่วแบบนี้หรอ

   “พี่ม่อนหลับตาก่อน”พูดจบเขาก็หลับตา ผมก็หลับตาแล้วตั้งสมาธิอีกครั้ง

   ผมเห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังนั่งอยู่บนเตียงแล้วก็มีผู้ชายมานั่งข้างๆ จากนั้นพวกเขาก็......

   ผมอึ้ง พูดไม่ออก พยายามกลืนก้อนแข็งๆลงในคอ “พี่ม่อนอยากดูเรื่องอะไรก่อนครับ” พยายามจะเบี่ยงไปประเด็นอื่น

   “ความรัก” แต่เหมือนพี่ม่อนเองก็อยากรู้เรื่องนี้เหมือนกัน

   “ผม....”

   “น้องดีนเห็นอะไรครับ ?”เสียงเขานิ่งไปแล้ว ผมเงยหน้ามองเขา แววตาอบอุ่นดูหมองหม่นลงไปอย่างเห็นได้ชัด

   “ผมพูดได้รึเปล่า ?”ไม่รู้ว่าพูดไปแล้ว คนตรงหน้าผมจะเสียใจรึเปล่า ไม่รู้ว่าพูดไปแล้วเขาจะรู้สึกยังไง

   “พูดได้ทุกเรื่องครับ”เขาส่งยิ้มที่ราวกับคนหมดแรงมาให้ผม เป็นยิ้มที่เศร้าจริงๆ

   “แฟนพี่.....กำลังนอกใจพี่ครับ”เกิดความเงียบขึ้น

   “หึ”พี่ม่อนเพียงแค่หัวเราะในลำคอ ใบหน้าหล่อดูเจ็บปวด

   “พี่จะไม่เชื่อก็ได้นะครับ มันก็แค่ดวงหนะ ฮะๆ”ผมพยายามหัวเราะ พยายามยิ้มปลอบคนตรงหน้า พี่ม่อนหันมามองผม ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวผม

   “พี่เชื่อเรานะ.... เพราะตอนนี้แฟนพี่เขาก็เปลี่ยนไปจริงๆ อีกอย่าง พี่ไม่เคยบอกเราเลยว่าพี่มีแฟนแล้ว แต่น้องดีนก็รู้ว่าพี่มีแฟนแล้ว แถมยังรู้อีกว่าแฟนพี่กำลังนอกใจ สุดยอดอะ แม่นใช้ได้เลย”พี่ม่อนพยายามเปลี่ยนประเด็น พยายามยิ้ม แต่ผมกลับยิ้มไม่ออก ภาพที่ผมเห็นมันชัดเกินไป และผมก็เป็นห่วงความรู้สึกของคนตรงหน้ามาก พี่ม่อนจะเสียใจรึเปล่านะ ผมคิดถูกรึเปล่าที่บอกเขาไปแบบนั้น

   ปึ้ก ! แรงปะทะด้านข้างทำเอาผมขมวดคิ้ว

   พี่ม่อนถือหมอนไว้ในมือ ก่อนจะฟาดลงมาที่ผมอีกครั้ง “ไม่ต้องเครียด พี่ยังไม่เครียดเลย” เขาบอกไม่เครียด แต่ดูแววตาเศร้าๆนั่นดิ ต่างกับตอนก่อนหน้านี้ชัดเจนเลย ผมหยิบหมอนของตัวเองขึ้นมาบ้าง

   ปึ้ก !

   ปึ้ก ! ปึ้ก ! ปึ้ก ! ปึ้ก ! ปึ้ก ! ปุ้ก ! ปั้ก !

   มันกลายเป็นสงครามหมอนไปได้ยังไงเนี่ย เราฟาดกันไม่ยั้งมือ ผมลุกขึ้นแล้วฟาดหมอนไปเต็มๆใบหน้าหล่อๆนั้น แล้วเอี้ยวตัวหลบหมอนจากคนตรงหน้าที่ฟาดมาเช่นกัน แต่ผมก็โดนไปเต็มๆอยู่ดีๆ เราหัวเราะ ใช่ อยู่ดีๆเราก็หัวเราะ สนุกกับการเล่นแบบเด็กๆ ผมมองเข้าไปที่แววตาอบอุ่นนั่นอีกครั้ง กลับมาแล้ว แววตาอบอุ่นของผม

   ปึ้ก !!

   “อ้าว/อ้าว”เสียงเราสองคนอุทานพร้อมกัน เพราะหมอนใบที่พี่ม่อนใช้ฟาดผมเกิดแตกออก นุ่นนุ่มๆหลุดออกมาเกือบหมด พี่ม่อนจึงโกยนุ่นยัดเข้าไปในหมอนเหมือนเดิม แล้วโยนหมอนลงไปข้างๆเตียง

   “นอนกันเถอะ”

   “แต่....มีหมอนแค่ใบเดียวเองนะครับ”

   “ไม่เป็นไรหรอกน่า”พูดจบพี่ม่อนก็ล้มตัวลงนอน  ขยับถอยเล็กน้อยเพื่อให้เหลือพื้นที่สำหรับผม

   พอผมลงไปนอนบ้าง ไหล่ของผมก็เกยอยู่บนไหล่แข็งๆของพี่ม่อนไปแล้ว ผมเลยต้องหันหลังให้พี่ม่อนแล้วนอนตะแคงข้างแทน ยกแขนสองข้างที่ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนขึ้นมากอดอกไว้

   “ไม่ต้องจับมือนอนหรอครับ”พี่ม่อนเอ่ยถามขึ้นมาท่ามกลางความมืด

   “ม..ไม่ต้องก็ได้มั้งครับ”

   “อ่า...”

   แล้วห้องก็เงียบไป มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่ ผมพยายามข่มตานอน จนหลับลงไปในที่สุด

   

   “ปืนจะไปไหนคะ”เสียงใสดังขึ้นมา ภาพของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ เธอเอ่ยถามกับคำที่กำลังจะเดินออกจากประตูไป

   “ไปอ่านหนังสือกับเพื่อน” ผู้ชายคนนั้นหันกลับมาตอบ ผมรู้สึกคุ้นหน้ามาก แต่ดันนึกไม่ออกว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แล้วเขาก็เดินออกไปเลย ทิ้งให้ผู้หญิงนั่งกำมือแน่น ก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมาจนหนังสือของเธอเปียกชุ่ม

   แล้วอยู่ดีๆผมก็รู้สึกเหมือนผู้หญิงคนนั้น รู้สึกว่าตัวเองกำลังเศร้ามากๆ อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลลงมาในขณะที่ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมองเธอร้องไห้อยู่แบบนั้น

   

   “น้องดีน !! ร้องไห้ทำไมครับ ?”เสียงพี่ม่อนปลุกผมให้ตื่นขึ้น ผมจับหางตาตัวเองก็พบว่าน้ำตาผมไหลจริงๆ มันเศร้ามาก ความรู้สึกราวกับว่าเป็นความรู้สึกของผู้หญิงคนนั้น เจ็บปวด อึดอัด ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้แบบคนโง่

   “ผมฝันแปลกๆครับ ฮึก”

   “บอกแล้วให้จับมือนอน มานี่มา”แล้วพี่ม่อนก็ดึงผมเข้าหาเขา สอดแขนหนาไว้ใต้คอผม ผมขยับเข้าหาอ้อมกอดอุ่นแล้วร้องไห้ออกมาอีกครั้งโดยที่มีอ้อมกอดของพี่ม่อนคอยปลอบประโลม จนเราทั้งสองคนหลับไปอีกครั้ง

   อบอุ่นจัง

   

   ผมตื่นเอาตอนใกล้เช้า รู้สึกว่าฟ้ายังไม่สว่างเลย แถมผมก็ยังอยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆเหมือนเดิม เงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังหลับอยู่แล้วรู้สึกว่าใจเต้นแปลกๆ มันเรื่องปกติรึเปล่าที่ผู้ชายสองคนจะมานอนกอดกันอยู่แบบนี้ ผมไม่รู้ใจเขาหรอก แต่ผมว่าผมรู้ใจตัวเองนะ

   “ตื่นแล้วหรอ ยังไม่สว่างเลย” อยู่ๆเขาก็ลืมตาแล้วก้มลงมามองผม หน้าเราเลยห่างกันแค่ปลายเส้นผม ผมมองใบหน้าหล่อที่ยังคงหล่อแม้ว่าจะพึ่งตื่นนอนก็ตาม “จะขยับออกไหม อึดอัดรึเปล่า”เขายังคงพูดต่อ ใกล้ขนาดนี้ยังไม่มีกลิ่นปากเลย กลับเป็นกลิ่นกายที่ทำให้รู้สึกหอมมากกว่า

   ผมจะขยับออกดีไหมนะ มันเป็นความรู้สึกสบายใจ อบอุ่น เหมือนเราได้รับการปกป้องจากคนที่ไว้ใจได้

   ไม่อยาก.... ไม่อยากขยับออก อยากอยู่ในอ้อมกอดนี้ไปนานๆ

   ผมเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง ส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมกับสายตาเว้าวอน

   เขายิ้มให้ผม “ไม่อยากขยับออกก็นอนแบบนี้แหละ” เขาหลับตาลง และยังคงไม่หุบยิ้ม “พี่ก็ชอบให้เป็นแบบนี้เหมือนกัน”

   

   ………………………………….

   ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเกือบ10โมง ผมมีเรียน 11 โมง เป็นการนอนที่เต็มอิ่มมาก ผมรู้สึกว่าได้นอนไปเกือบสิบสองชั่วโมง ตื่นมาจึงสดชื่นมาก พอบิดขี้เกียจเสร็จก็หันหน้าไปทางตู้เสื้อผ้า ซึ่งเจ้าของห้องกำลังอยู่ในสภาพที่มีแค่กางเกงในตัวเดียว ยืนหันหลังแล้วรีดชุดนักศึกษาอยู่

   “อ้าว ตื่นแล้วก็รีบไปอาบน้ำครับ เดี๋ยวต้องกินข้าวก่อนไปเรียนด้วยนะ มีเรียน11โมงไม่ใช่หรอ”เขาทักผมโดยที่ไม่มีท่าทีขัดเขินอะไร ต่างกับผมที่ตอนนี้หน้าร้อนราวกับถูกไฟเผา

   ก็ผู้ชายที่ใส่กางเกงในตัวเดียวอวดหุ่นสวยงามตั้งแต่หัวจรดเท้า กำลังยืนรีดชุดนักศึกษาอยู่ ดาเมจมันโคตรแรง หัวใจผมเต้นรัวราวกับปืนกล หน้าคงแดงจนเห็นได้ชัดเลยละมั้ง

   “พี่รู้ได้ไงครับว่าผมมีเรียนกี่โมง”

   “ก็โทรศัพท์เราตั้งหน้าจอล็อคเป็นรูปตารางเรียนขนาดนั้น เอ้าเร็วสิ พี่รีดชุดไว้ให้แล้วนะ ใส่ชุดนี้ไปเรียน แต่งตัวเสร็จก็รีบออกมากินข้าว”เขาพูดไปในขณะที่ตัวเองก็หยิบเสื้อเชิตสีขาวกับกางเกงแสล็คสีน้ำเงินเข้มขึ้นมาใส่ ผมมองจนเขาออกจากห้องนอนไป แล้วผมก็เข้าไปอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวก็ผืนที่ผมใช้เมื่อวาน ส่วนแปรงฟันก็อันเดิมของเมื่อวานที่พี่ม่อนแกะของใหม่ให้

   อาบเสร็จก็ออกมาแต่งตัว หยิบเสื้อนักศึกษาสีขาวที่ดูเรียบกริบกับกางเกงแสล็คสีดำขึ้นมาใส่ ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันนะ มีคนคอยดูแล คอยเป็นห่วง มันรู้สึกดีขนาดนี้เลยหรอ

   เออ แม่งรู้สึกโคตรดีเลยอะ

   “ด่วนๆครับ รีบกินเลย เดี๋ยวไปเรียนสายนะ”เขาวางถ้วยโจ๊กลงตรงหน้าผม ของผมหนึ่งถ้วยของเขาหนึ่งถ้วย เขายิ้มให้แล้ว เราก็เริ่มนั่งกินกันอย่างรีบๆ

   

   “ตั้งใจเรียนนะ”เขามาส่งผมที่ตึกเรียน ผมเดินลงจากรถ กำลังจะไหว้ขอบคุณ เขาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “เลิกเรียนแล้วรอตรงนี้ พี่จะมารับ”

   “ครับ ?”

   “ตามนั้นแหละ ไม่อยากนอนหลับสบายๆแล้วหรอ”เขายกคิ้วเข้มขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงตั้งคำถาม

   “.........อยากครับ”

   ผมยืนมองจนรถของพี่ม่อนขับพ้นจากสายตาไป รู้สึกโลกสดใสขึ้นยังไงก็ไม่รู้ นี่มันคนกำลังมีความรักป่าววะ

   

   “หวัดดีไอ้ประธาน ยาหมอดีขนาดนั้นเลยหรอวะ หน้ามึงถึงได้สดใสขนาดนี้อะ” ปาร์คทักผมทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามาในห้องเรียน

   “หรอวะ หน้ากูดีขึ้นขนาดนั้นเลยหรอ”

   “เออดิ สดใสมาก.... งั้นน่าจะดูดวงให้กูได้แล้วดิ”

   “โถ่ อยากดูดวงนี่เอง” ผมก็นึกว่ามันจะเป็นห่วงผมซะอีก “เอามือมา” ผมแบมือ ปาร์คก็วางมือเขาบนมือผม “อยากรู้เรื่องอะไร”ผมถามออกไป ปาร์คสูดหายใจเข้าหนึ่งทีแล้วก็เล่า...

   “คืองี้ กูทะเลาะกับพี่ฟาน เพราะเมื่อวานกูไปส่งมึงที่โรงบาลใช่ปะ แล้วพี่ฟานแม่งหึงกูกับมึงอะ จะอ้วกไอ้สัส กูก็เลยบอกว่า หน้าอย่างมึง กูไม่เอาเป็นผัวหรอก อีกอย่าง มึงเป็นเพื่อนกูนะเว้ย กูจะไปอยากเอากับมึงได้ยังไงวะ พี่ฟานก็บอกว่าไม่ไว้ใจมึง กูก็เลยเถียงว่า มึงเป็นเพื่อนกู มึงไม่ได้คิดอะไรกับกูหรอก.....ใช่ไหม ถึงกูจะหน้าตาดี น่ารัก น่าคบ น่าจีบก็เถอะ”

   “ตรงไหนคือคำถามหรือหัวข้อที่จะให้กูดูดวงให้วะไอ้ปาร์ค”

   “อ้อ ไม่มีละ”

   ครับ เพื่อนผมมันอินดี้

   

   “วันนี้มึงไปกินสุกี้บ้านกูป่าว”ปารค์เอ่ยชวน หลังจากเราเรียนเสร็จแล้วในตอนเย็น ผมกับปาร์คกำลังเดินลงจากอาคารเรียน

   “กล้าพูดว่าบ้านมึงเต

   “ก็ยังหรอก แต่อีกไม่นานกูก็จะได้เป็นเจ้าของบ้านแล้ว ฮ่าๆๆๆ”

   “แล้วถ้ากูไป พี่ฟานเขาจะไม่หึงมึงอีกรึไง”ผมหันไปถามปาร์ค แต่ปาร์คกลับอมลมพองแก้มแล้วทำหน้าบึ้ง ปฎิกิริยาที่ปาร์คแสดงออกมานี่มันฉายชัดมากว่าอยากเอาผมไปยั่วโมโหพี่ฟาน “กูไม่ไปหละ กูมีนัดแล้ว”พูดจบประโยคผมก็หันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินสวนขึ้นบันไดมา ผมคงจะเดินผ่านไปเฉยๆ ถ้าไม่บังเอิญว่า ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ผมเห็นภาพตอนดูดวงให้พี่ม่อน

   “ค่ะพี่ปืน นิหน่ากำลังขึ้นไปค่ะ พี่ปืนรออยู่ที่ห้องแลปเลยก็ได้ค่ะ”เธอคุยโทรศัพท์ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับปลายสาย

   “ไอ้ประธาน พี่ฟานมารับแล้ว กูกลับละนะ”ปาร์คเรียกสติผมกลับมาอีกครั้ง ผมหันกลับมามองหน้าปาร์คที่กำลังเดินไปขึ้นรถพี่ฟาน ผมกำลังชั่งใจอยู่ว่าผมควรหน้าด้านแล้วเดินขึ้นไปดูเลยดีไหม ดูให้เห็นกับตาแล้วไปบอกพี่ม่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น....

   ....แล้วพี่ม่อนเขาจะเสียใจหรือเปล่า

   แต่ยังไม่ทันจะได้ตัดสินใจ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นตรงหน้า “น้องดีน ยืนรอพี่ตรงนี้ก่อนนะ พี่ว่าเมื่อกี้พี่เห็นนิหน่า” พี่ม่อนทำหน้ารีบร้อน เขากำลังจะก้าวขาขึ้นบันได ผมรีบคว้าแขนนั้นไว้

   “พี่ม่อนครับ... คือ... ”

   “แป้บเดียวครับ เดี๋ยวพี่มานะ”มือหนาแกะมือผมออกจากการรั้งแขนของเขา แล้วเขาก็รีบเดินขึ้นไปด้านบนทันที

   อ่า...พอเป็นแบบนี้ก็เจ็บเหมือนกันแฮะ ผมน่าจะประมาณตัวเองก่อน ว่าผมไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาเลย ผมเป็นแค่คนที่ช่วยให้เขาสบายใจได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง

   ผมยืนนิ่งๆอยู่ใต้ตึกเรียน ยืนรอว่าเขาจะเดินกลับลงมาไหม ไม่รู้ว่าเขาจะขึ้นไปเจออะไร หรือเขาจะเป็นอะไรไหม แต่เขาบอกให้ผมรอตรงนี้ ผมก็จะรออยู่ตรงนี้

   ความรู้สึกดำมืดเริ่มกลับมาอีกครั้ง เป็นความรู้สึกที่ผมไม่อยากจะเจอมันที่สุดในเวลานี้ มันเหมือนกับผมอยากจะร้องไห้ยังไงก็ไม่รู้สิ ต้องเป็นเพราะผีตัวนั้นแน่ๆ ผีผู้หญิงที่ผมเห็นในความฝันตอนนั้น.....

   ....เดี๋ยวนะ ปืน....

 “ปืนจะไปไหนคะ”

    “ไปอ่านหนังสือกับเพื่อน”

   ภาพในความฝันที่ผมเคยเห็นย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำ ใช่ปืนคนเดียวกันรึเปล่า !!?

   ผมกำลังจะวิ่งขึ้นบันไดไป แต่ผมเห็นพี่ม่อนเดินลงมาก่อน“พี่ม่อน......”เสียงของผมขาดห้วงไป เพราะภาพที่ผมเห็นมันช่าง.....เจ็บ

   พี่ม่อนเดินลงบันไดมากับแฟนของเขา สีหน้าของพี่ม่อนบ่งบอกว่าเขาดีใจแค่ไหน และแฟนของเขาก็ยิ้มให้เขาด้วย ผมไม่รู้ว่าด้านบนนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่มันคงจะดีมากๆจนทำให้พี่ม่อนมองผมแค่เพียงหางตา และเดินผ่านผมไปโดยที่ไม่พูดอะไรกับผมเลยซักคำ

   ผมสำคัญตัวเองผิดไปขนาดไหนกันนะ

   

   ท้องฟ้ารอบตัวผมมืดสนิท พอๆกับความรู้สึกที่ดำมืด และครั้งนี้ผมรู้สึกดำดิ่งลงไปกับความเศร้านี้จนน่ากลัว ผมยืนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้วนะ นานจนลืมไปว่าเขาบอกให้ผมรอเขาตรงนี้ เปลี่ยนที่ยืนบ้างดีกว่า

   ดาดฟ้าเป็นไง....?

   

   

   

   
**************************************************

   

   แงงงงง พี่ม่อนทำไมทำกับน้องดีนแบบนั้นเล่าาาาาา

   

   เห็นคอมเมนท์แล้วมีกำลังใจมากกกก ขอบคุณทุกคอมเมนท์มากๆนะครับ


   

   ฝากติดตามตอนต่อๆไปด้วยนะครับบบ


ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
บังเอิญกลับมาอ่านอีกรอบเลยได้อ่านเรื่องของดีนด้วย อยากให้มีคนที่ช่วยได้มาอยู่ข้างๆตลอดไปเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ReiiHarem

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
อ่านรวดเดียวจบเลย สำลักข้าวตอนน้องบอกจะเอายันต์ไปทำผ้าเช็ดโต๊ะ 55555

ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
   
•HANDSOME GHOST• 

   พิเศษ[4] - สงสาร

   

   

   

   ท้องฟ้ารอบตัวผมมืดสนิท พอๆกับความรู้สึกที่ดำมืด และครั้งนี้ผมรู้สึกดำดิ่งลงไปกับความเศร้านี้จนน่ากลัว ผมยืนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้วนะ นานจนลืมไปว่าเขาบอกให้ผมรอเขาตรงนี้ เปลี่ยนที่ยืนบ้างดีกว่า

   ดาดฟ้าเป็นไง....?

   

   ผมเดินขึ้นบันไดมาจนถึงชั้นบนสุด เดินขึ้นบันไดหนีไฟที่สามารถขึ้นไปจนถึงดาดฟ้าได้ ผมแน่ใจว่าผมไม่เคยเดินมาแถวนี้ และแน่ใจด้วยว่าตัวเองไม่รู้ทางขึ้นชั้นดาดฟ้า ผมรู้ตัวนะ แต่ความรู้สึกกลับบอกให้ผมเดินขึ้นไปให้ได้

   ฮึก.....

   ทุกย่างก้าวมันน่ากลัว แต่ผมก็ยังคงเดินขึ้นไปจนถึงบันไดขั้นสุดท้าย น้ำตาไหลออกมา ความรู้สึกดำดิ่งแบบที่ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น รู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวเองยังไงก็ไม่รู้ ไอ้ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันนะ

   นี่ใช่ตัวผมเองหรือเปล่า

   ผมเดินมารับลมตรงระเบียง มองเห็นแสงไฟจากตึกสูงอยู่ไกลๆ ลมเย็นๆพอจะช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ยืนมองหน้าจอแบบเฉื่อยชาไร้ความรู้สึก ใจผมอยากจะกดโทรออกหาใครซักคน แต่มือผมกลับไม่ทำแบบนั้น ผมโยนโทรศัพท์ทิ้งลงไปด้านล่าง โยนลงไปราวกับมันไร้ค่า.... ทำไมผมต้องทำแบบนั้นกันนะ

   เพราะเขาหรอ.... เพราะพี่ม่อนไม่เห็นค่าผมหรอ.... พอเขาเจอตัวจริงของเขา เขาก็ทิ้งผมไว้คนเดียวหรอ...

   “โดดสิ”เสียงกระซิบเย็นยะเยือกดังขึ้นข้างหู ผมหันไปมองรอบตัว แต่กลับไม่พบอะไร ผมจึงหันกลับมามองด้านหน้าอีกครั้ง

   นั่นสินะ อยู่ทำไม.....

   อ่า นั่นใช่ความคิดของผมจริงๆหรือเปล่า... ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนั้นกันนะ

   ขาของผมก้าวข้ามความสูงของระเบียงไปทีละข้าง จนผมนั่งห้อยขาลงมาทั้งสองข้าง เห็นไหม ด้านล่างนั่นไม่มีอะไรเลย ถ้าลงไปก็แค่นั้น จบไป ไม่มีอะไรหรอก

   “ดีน !!” ตัวผมถูกกระชากอย่างแรงจนลอยกลับเข้ามาด้านในระเบียง

   “ฮึก อ้า.... ฮืออออออออ”แล้วผมก็ร้องไห้ออกมา เสียงดังมากๆ ร้องแบบเสียใจที่สุดในชีวิต กลัวที่สุดในชีวิต ผมกอดตอบคนที่กำลังกอดผมอยู่ กอดเขาแบบสุดแรง กอดแบบไม่ให้ตัวผมหนีเขาไปไหนได้อีก

   ผมกลัว ผมกลัวตัวเอง ผมกลัวสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ กลัวเหลือเกิน

   “ชู่ว พี่อยู่นี่แล้วครับ ไม่ร้องแล้วนะ”เขาปลอบผม ผมพยักหน้ารับแล้วกอดอ้อมแขนแข็งแรงนั้นไว้แน่น

   “นิหน่าว่า พาลงไปก่อนดีไหมคะ”อีกเสียงเป็นเสียงของแฟนเขาแน่ๆ แต่ตอนนี้ผมกลับไม่ได้รู้สึกดำมืดขนาดนั้น ผมกลับรู้สึกกลัวและต้องการที่พึ่งมากกว่า

   ราวกับผมเมื่อครู่ ....ไม่ใช่ผม

   “ลุกไหวไหม ?”เขาถามผมอีกครั้ง ใบหน้าของเขาห่างออกไปแค่คืบ ผมมองใบหน้านั้นแล้วพยายามจะมองหาความห่วงใยแม้เพียงนิดที่เขาจะมีให้ผม “ถ้าไม่ไหวก็ขึ้นหลังพี่ไปนะ” อาจจะเพราะสายตาเว้าวอนของผม และผมก็เอาแต่เงียบ เขาถึงแบกผมขึ้นหลังเขาแล้วพาเดินลงมาทางบนไดหนีไฟ โดยมีนิหน่าเดินนำลงไปก่อน

   ผมยังคงหยุดร้องไห้ไม่ได้ ความรู้สึกเมื่อครู่ยังคงหลงเหลืออยู่ และผมกลัวตัวเองเกินกว่าจะพูดอะไรออกไปตอนนี้ กลัวว่าถ้าหากผมพูดอะไรออกไป เขาจะไม่เชื่อผม เขาจะคิดว่าที่ทำไปทั้งหมดนั่นคือผม

   “ผม....”

   “เดี๋ยวค่อยเล่า”เขารีบห้ามผมก่อน

   

   พอมาถึงที่รถของเขา เขาก็วางผมลงที่เบาะหลัง ผมได้แต่นอนลงแล้วร้องไห้ออกมาเบาๆ ประตูรถยังไม่ถูกปิดลง ทำให้ผมได้ยินบทสนทนานั้นของทั้งสองคน

   “นิหน่าต้องขึ้นไปทำวิจัยต่อรึเปล่าครับ”

   “คงไม่แล้วค่ะ แล้วน้องเขา ?”

   “เดี๋ยวพี่ไปส่งนิหน่าก่อนครับ แล้วพี่ค่อยไปส่งน้องเขา”

   แล้วทั้งสองคนก็ขึ้นมาบนรถ ผมได้แต่นอนร้องไห้ เอามือปิดหน้า พอเป็นตอนที่ผมต้องกอดตัวเองแบบนี้มันกลับรู้สึกโดดเดี่ยว มันน่ากลัวตรงที่ครั้งนี้ผมมั่นใจว่านี่คือตัวผม และผมไม่อยากรู้สึกแบบนั้นเลย

   พี่ม่อนส่งพี่นิหน่าที่ไหนซักที่ แล้วเขาก็ขับรถกลับคอนโดของเขา ทันทีที่ถึงคอนโดเขาผมก็พยายามลุกขึ้น อยากจะเดินเอง แต่เหมือนเรี่ยวแรงมันหายไปหมด ทุกภาพที่เกิดขึ้นมันยังคงติดตาเกินกว่าที่ผมจะเลิกกลัวมันตอนนี้ ก็เลยได้แต่กอดคอพี่ม่อนอยู่บนหลังของเขา ซบหน้าลงกับไหล่แกร่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่าผมจะปลอดภัย

   

   “ดีน เล่าให้พี่ฟังสิครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น”เขาพูดขึ้นทันทีที่ว่างผมลงบนโซฟา สายตาอบอุ่นเปลี่ยนเป็นสายตากดดันแบบที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ผมเลยได้แต่ก้มหน้า ถ้าผมพูดไปเขาจะชื่อผมไหม “ว่าไง.... หรือไม่อยากเล่าตอนนี้” เขาพยายามโน้มตัวลงมามองหน้าผม ผมหันไปมองใบหน้าหล่อของเขา อยู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมา เพราะสายตาอบอุ่นและห่วงใยนั่น

   เขายืดตัวขึ้นแล้วอ้าแขนออก ผมพุ่งเข้าไปกอดเขาพร้อมกับร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ราวกับความกดดันทั้งหมดที่ผมต้องเจอมันได้หมดไปแล้ว เหลือเพียงแค่ความสบายใจที่เขามอบให้ผมเท่านั้น “ฮึก....นั่น...ฮึก...ไม่ใช่ผมนะ....ฮือออออออ”

   “ครับ”

   “ไม่...ฮึก...ไม่ใช่ผม...ฮึก...นะ”

   “ตอนนั้นคงจะกลัวมากหละสิ ใช่ไหม”เขาถามพร้อมกับกอดปลอบผม เสียงของเขาดังอยู่ข้างๆหูผม ใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน

   “ผม..ฮึก...กลัว....ฮืออออ”

   เขากอดผมจนกระทั่งผมหยุดร้องไห้ เราสองคนผละออกจากอ้อมกอดอย่างช้าๆ เขามองผมแล้วยิ้มบางๆเท่านั้น จากนั้นผมก็เล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น

   “แล้ว....พี่ม่อนหละครับ รู้ได้ไงว่าผมอยู่บนนั้น”

   เขายิ้มแล้วล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ที่หน้าจอแตกร้าว แต่แสงจากหน้าจอที่เป็นรูปตารางเรียนยังพอมีให้เห็นบ้าง เขายื่นมาให้ผมแล้วกุมมือผมไว้

   “รู้ไหม ตอนที่พี่เห็นว่าเป็นโทรศัพท์เราร่วงลงมา พี่ใจหายมาก พอเงยหน้าขึ้นไปดูแล้วเห็นเรายืนอยู่ตรงนั้นพี่กลับรู้สึกกลัว กลัวเราจะเป็นอะไรไป ยิ่งตอนที่พี่ขึ้นไปถึงดาดฟ้าแล้วเห็นเรากำลังจะกระโดด พี่กลัวมาก กลัวว่าถ้าเสียเราไปแล้วพี่จะเป็นยังไง ไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกโหวงๆตอนนั้นมันคืออะไร แต่พี่มั่นใจว่ามันจะต้องเป็นความรู้สึกดีๆที่พี่มีให้เรานะ”เขาพูดยาวเหยียด ผมพยายามก้มหน้าหลบสายตาอบอุ่นนั่น

   “พี่ขอโทษที่ปล่อยให้เรารออยู่ตรงนั้นคนเดียว” เขายกมือขึ้นมาแล้ววางบนไหล่ผม บีบไหล่ผมเบาๆแล้วพูดต่อ “แต่ตอนที่พี่เห็นนิหน่า พี่กลับรู้สึกอยากเจอเขา อยากคุยกับเขา”

   “.............”

   “นิหน่าเป็นแฟนพี่ พี่รักเขามาก เราเข้าใจพี่ใช่ไหม”

   “ครับ” ผมตอบรับด้วยรอยยิ้มบางๆ ยิ้มที่ทำหัวใจผมกำลังร้องไห้ พอมาได้ยินแบบนี้ มันกลับเจ็บจนเกินกว่าจะทนไหวซะอีก

   ไม่กล้าพูดว่าตัวเองได้ยินอะไรมา ไม่กล้าพูดว่าให้เขาเลิกกับคนๆนั้นซะ เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ดีเลย เขากำลังนอกใจพี่ม่อนอยู่นะครับ เขากำลังมีคนอื่น

   เจ็บที่ไม่สามารถบอกเขาไปแบบนั้น แต่ที่เจ็บกว่าคือเขารู้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ยอมรับความจริงในข้อนั้น

   และผมก็เป็นแค่ตัวอะไรซักอย่างที่สำคัญตัวเองผิดไปตั้งแต่ต้น

   ผมไม่ใช่ความสบายใจของเขามาตลอด

   ผมเป็นแค่คนให้เขาคลายเหงาเท่านั้นเอง

   

   “จะนอนจับมือหรือจะนอนกอดกันครับ ?”เขาถามขึ้นตอนที่เรานั่งอยู่บนที่นอนแล้ว หมอนใบนั้นถูกเย็บซ่อมเรียบร้อย ระยะห่างจึงมากขึ้น ผมเลือกที่จะส่งยิ้มบางๆไปให้เขาแล้วนอนหันหลังให้เขาแทน

   ปิดกั้นตัวเองตอนนี้ยังจะดีซะกว่าถลำลึกไปกว่านี้ นี่เจอกันแค่สามครั้งเอง ผมยังเป็นถึงขนาดนี้ ผู้ชายคนนี้มีสเน่ห์เกินไป เขาดูดี หล่อเหลา ช่างพูดช่างเอาใจ ดูแลคนอื่นเป็น จนทำให้คนที่อยู่ใกล้ชิดกับเขาขนาดนี้หลงเขาได้ง่ายๆ

   อีกอย่างเขาคงเหมือนให้ความหวังผม ทุกการกระทำราวกับกำลังจะบอกผมว่าเขามีใจให้ผม แต่จริงๆแล้วเขาแค่สงสารผมเท่านั้นเอง สงสารที่ผมต้องเจอกับเรื่องเหล่านั้น

   ใช่ เขารู้สึกแค่นั้น ไม่มีทางพัฒนาไปไกลกว่านั้นได้เลย เพราะเขายังรักผู้หญิงคนนั้นหมดหัวใจ

   และเป็นผมเองที่ใจง่ายไปชอบเขามากขนาดนี้

   ก็คนมันไม่เคยมีความรักหนิ

   ผมหลับตาลง พยายามกอดตัวเองแล้วนอนให้หลับ ที่ผ่านมาไม่มีเขาแล้วยังอยู่ได้เลย ตอนนี้ก็ต้องได้ดิ แค่ผ่านคืนนี้ไปทุกอย่างก็คงจะดีขึ้นมั้ง หรือไม่ก็แย่ลงแบบสุดๆไปเลย

   

   “พิมพ์ถามว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครคะ ?” เอาอีกแล้ว ฝันแบบนี้อีกแล้ว คราวนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นตรงบันไดหนีไฟ น่าจะเป็นที่ตึกแลป เป็นฝันที่เหมือนจริงมาก เหมือนจริงตรงที่ผมรู้สึกแบบเดียวกับผู้หญิงคนนั้น ราวกับผมเป็นคนที่ถูกกระทำ

   “ไหนๆก็มาแล้ว ผมขอเลิกกับคุณเลยแล้วกัน”ผู้ชายคนนั้นพูดแบบห่างเหิน

   “ทำไมหละ พิมพ์เป็นแฟนปืนมาก่อนนะคะ”

   “โทษที แต่คุณมาทีหลังครับ ผมคบกับเขาก่อนจะเจอคุณ”

   “อะไรนะคะ... แล้วปืนคบกับพิมพ์ทำไมคะ ?”

   “......”

   “...ฮึก... มาคบกับพิมพ์ทำไม”

   “แค่สงสาร”

   ราวกับทั้งโลกทิ้งเราไปแล้ว อยู่ๆน้ำตาผมก็ไหลออกมา พร้อมๆกับผู้หญิงคนนั้นที่ทรุดลงแล้วร้องไห้ ผู้ชายคนนั้นแค่ยืนมอง ก่อนจะเดินออกไปแล้วปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้อยู่แบบนั้น

   

   “ดีน .......ร้องไห้อีกแล้ว”เสียงทุ้มอบอุ่นดังขึ้นข้างๆหู พร้อมกับดึงตัวผมเข้าอ้อมกอดเขา แต่มันกลับไม่รู้สึกอบอุ่นเหมือนเคย เพราะอะไรกันนะ เพราะผมรู้แล้วหรอว่าที่เขาทำไป เขาแค่สงสารผม

   ผมพยายามขืนตัวแล้วดันออกจากอ้อมกอดนั้น พี่ม่อนลุกขึ้นมองผมอย่างงงๆ มือหนาจับแขนผมไว้แล้วทำหน้าสงสัยกับการกระทำของผม

   “ถ้า...ฮึก...ถ้าพี่ทำไปเพราะสงสารผม...ฮึก... อย่าทำแบบนี้เลยครับ”ผมพยายามก้มหน้าหลบสายตาคู่นั้น ไม่รู้ว่าเขามองผมแบบไหน จะสงสารผม หรือสมเพชผม ผมรู้แค่ว่าตอนนี้หมดเวลาของผมแล้ว

   “พี่ไม่....”

   “ผมอยากกลับห้องครับ รบกวนพี่ไปส่งผมข้างล่างทีครับ”ผมกลืนก้อนสะอื้นแล้วบอกเขาไปแบบนั้น พยายามไม่มองไม่สบสายตาคู่นั้น ไม่อยากรู้แม้กระทั่งว่า สายตาอบอุ่นที่ผมเคยคิดว่ามันอบอุ่น เป็นเป็นเพียงแค่สายตาที่สงสารผม สมเพชผมเท่านั้นเอง

   “ครับ ไปเปลี่ยนชุดสิ”

   เขาไม่พูดอะไรอีก ผมเปลี่ยนชุดเป็นชุดเดิมที่ผมใส่วันนี้ หยิบกระเป๋าขึ้นมากอดไว้ราวกับมันเป็นที่พึ่งเดียวของผมตอนนี้ เขาเดินไปส่งผมเงียบๆ จนกระทั่งถึงทางออก ผมยกมือไหว้ขอบคุณเขา แล้วเดินออกมาจากคอนโดของเขา

   เขาไม่ผิดอะไรเลย เขาเป็นผู้ชายที่ดีมากๆด้วยซ้ำ เขาดูแลผมอย่างดี เขาเป็นห่วงเป็นใยผม ทำให้ผมสบายใจ ผิดที่ผมเอง ผิดที่ผมไปชอบเขามากขนาดนั้นเอง

   แม่งก็คนมันไม่เคยมีความรักหนิ

   ผมเดินออกมาจากคอนโด เดินไปเรื่อยๆแบบไร้จุดหมาย ใจหนึ่งอยากไปหาที่นั่งร้องไห้ที่ไหนซักที่ แต่กลัวจะโดนหาว่าเป็นคนบ้าหรือคนเร่ร่อนอะไรแบบนั้น เลยได้แต่เดินไปเรื่อยๆ

   ฟ้ารอบๆยังไม่สว่าง มันมืด แต่ไม่ใช่ความรู้สึกดำมืดแบบที่ผมเคยรู้สึก ก็ยังดีที่ผมไม่ได้ดิ่งขนาดนั้นแม้จะเจอเรื่องแบบนี้มา อาจจะเป็นเพราะผมยอมรับความจริงได้ และผมก็พยายามคิดว่าความรู้สึกที่ผมกำลังรู้สึกอยู่นี้เป็นของผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่ชื่อพิมพ์

   ผมเดินมาเรื่อยๆ คิดว่าจะไปบ้านปาร์ค อย่างน้อยตอนนี้มันก็เป็นที่พึ่งเดียวของผม ถึงมันจะบ้าๆบ้องๆอินดี้จัดๆ แต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดีคนนึงเลย และผมคิดว่าความร่าเริงของมันจะช่วยให้ผมดีขึ้นบ้าง อย่างน้อยก็ไปเห็นว่ามันกับพี่ฟานยังอยู่ดี

   ผมเดินมาถึงหน้าบ้าน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาปาร์ค รอสายไม่นาน ปาร์คก็รับด้วยเสียงงัวเงีย ไฟของห้องด้านบนเปิดขึ้นทันทีที่ผมบอกว่าผมอยู่หน้าบ้านมันแล้ว

   “มีอะไรรึเปล่าน้องดีน ทำไมมาเวลานี้”เป็นพี่ฟานที่เอ่ยถาม ปาร์คเดินงัวเงียตามหลังมา พอเห็นว่าผมยืนตาแดงก่ำจากการร้องไห้ ปาร์คก็ทำหน้าตกใจแล้วรีบเปิดประตูรั้วทันที

   “ใครทำอะไรมึงวะ แล้วมึงร้องไห้ทำไมเนี่ย”

   “เข้าบ้านก่อนได้ไหม เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”

   “เข้ามาสิ”เป็นพี่ฟานที่บอกให้ผมเข้าบ้านเขา พี่ฟานดูอ่อนลงเมื่อเห็นสภาพของผม และเขาก็ดูไม่ได้จะหึงผมกับปาร์คขนาดนั้น ผมคิดว่าพี่ฟานเพียงแค่อยากหาเรื่องอยู่กับปาร์คตลอดเวลามากกว่า

   ผมเล่าทุกเรื่องที่ผมเจอให้ปาร์คและพี่ฟานฟัง ทั้งสองคนดูจะเข้าใจกับสิ่งที่ผมเผชิญเป็นอย่างดี พี่ฟานตบไหล่ผมเบาๆก่อนเดินกลับขึ้นไปด้านบน

   “มึงนอนไหม อยู่บ้านนี้ไม่ต้องห่วง ไม่มีผีตัวไหนตามมึงได้หรอกโว้ย”ปาร์คอาศัยความร่าเริงทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ปาร์คก็เป็นแบบนี้แหละ ตัวมันเองมีความร่างเริงซะจนสามารถแบ่งให้คนรอบๆตัวได้สบายๆ

   ไม่แปลกใจเลยที่พี่ฟานจะรักและห่วงปาร์คขนาดนั้น

   “ให้กูนอนไหนหละ”

   “มีห้องนอนอยู่อีกห้องอะ มึงไปนอนห้องนั้นแล้วกัน ตอนเช้าตื่นเร็วๆหน่อยนะ จะไปวัดทำบุญ”แล้วปาร์คก็พาผมเข้าไปนอนในห้องนอนอีกห้องหนึ่งที่ว่างอยู่ พี่ฟานเอาเสื้อผ้ามาให้ผมเปลี่ยนใส่นอน ผมล้างหน้าชำระคราบน้ำตาแล้วนอน ถึงแม้ตอนนี้มันจะตี2แล้ว แต่กว่าจะเช้าผมคงได้นอนได้พักผ่อนบ้าง

   

   “ตื่นโว้ยยย จะไปวัดแล้ว” ปาร์คมาเรียกผมให้ตื่นในตอนเช้า แต่ความจริงผมยังไม่ได้นอนเลยแม้แต่ชม.เดียว ผมลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวไปวัดกับปาร์ค อย่างน้อยทำบุญให้รู้สึกดีขึ้นบ้างก็คงจะดี

   เสร็จแล้วผมก็ลงมานั่งรอข้างล่าง ไม่นานก็มีใครอีกคนเดินเข้าบ้านมา สีหน้าเขาก็แปลกใจเล็กน้อยที่เห็นผม ก่อนจะยิ้มให้ผม

   “เพื่อนน้องปาร์คหรอ”เขาเอ่ยถาม

   “ครับ แล้วพี่...”

   “พี่ชื่อโฬม เป็นเอ่อ....อธิบายไม่ถูก ฮ่ะๆ”เขาหัวเราะเบาๆแล้วเดินหายเข้าไปในครัว

   ไม่นานปาร์คก็เดินลงมาจากห้องนอน เข้าไปในครัวตามพี่โฬมแล้วพูดอะไรซักอย่างที่ผมฟังไม่ถนัด แต่พี่โฬมก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับปาร์คแล้วนั่งลงตรงหน้าผม

   “มีวิญญาณตามน้องหรอ ?”พี่โฬมถามผม ผมหันไปมองหน้าปาร์ค เพื่อนตัวดีก็พยักหน้าให้ผมบอกเรื่องที่ผมเจอออกไป

   “ครับ”

   “ไม่นะ พี่ไม่เห็นวิญญาณตามน้องเลย”

   “อ้าว มึงโกหกกูหรอไอ้ประธาน”ปาร์คเริ่มโวยวาย แต่ไม่จริงจังอะไรมาก

   “จริงๆนะ แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรอะ รู้สึกปกติๆ”

   “พี่ว่าเป็นแบบนี้รึเปล่า วิญญาณตามอีกคน พอน้องไปอยู่ใกล้ วิญญาณก็เลยสื่อสารผ่านน้อง เพราะอีกคนสัมผัสไม่ได้”ผมตาโตกับคำพูดของพี่โฬมทันที จริงด้วยนะ ถ้าผมจำไม่ผิด มีแค่ครั้งแรกที่ผมเจอวิญญาณตนนั้น แล้วเขาก็เห็นเขาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ทุกครั้งที่ผมเห็นวิญญาณตนนั้นคือตอนที่ผมอยู่กับพี่ม่อน

   วิญญาณตนนั้นกำลังพยายามจะสื่อสารกับพี่ม่อนโดยใช้ผมสินะ

   

   

   **************************************

   

   พี่ม่อน มึ้งงงงงงงงงงงงงงง

   

   *************************************

   หายไป 9 วัน !! ไนท์เนี่ยแหละ หายไปตั้ง9 วันนนน กราบขออภัยยยย จะบอกว่า

   สต็อกหมดแล้วววว สปีดนิยายมันก็จะช้าลงไปอีก เปิดเทอมแล้วด้วย แถมเริ่มทำงานใหม่อีกงานนึงแล้วด้วย แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

   ไม่ได้บอกว่าจะหยุดแต่งนะ จะมาต่อเรื่อยๆ แต่อาจจะช้าซักนิดหน่อย กราบขอโทษคนที่รอนานๆไว้ล่วงหน้าเลย ไนท์จะรีบปั่นมาส่งนะครับบบบบบบ

   

   อย่าลืมคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้ไนท์ด้วยนะ ไนท์อ่านทุกคอมเมนท์เลย มันฟีลกู้ดมากกกกกตอนที่เห็นว่าคนอ่านอินกับนิยายเราไรงี้

ออฟไลน์ clairon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ลุ้นตามตลอดเลย ทั้งคู่หลักและคู่รอง
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
เรื่องสนุกค่ะ แอบสงสารน้องประธาน

ออฟไลน์ analyze

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตามอยู่ตลอดเลยจ้าาา ชื้นใจที่บอกว่าจะลงต่อไม่หยุด
สู้ๆค่ะ ซอมเบิ่งอยู่เด้อออออ   :impress2:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
รอลุ้นกะตอนพิเศษต่อ

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
สนุกดี

ออฟไลน์ mashimashi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รออยู่น๊าาาาา   :katai2-1:

ออฟไลน์ APC.5789

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาต่อเถอะน้าาาา
 o13

ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
•HANDSOME GHOST•

พิเศษ[5] - ความสบายใจ


“พี่ว่าเป็นแบบนี้รึเปล่า วิญญาณตามอีกคน พอน้องไปอยู่ใกล้ วิญญาณก็เลยสื่อสารผ่านน้อง เพราะอีกคนสัมผัสไม่ได้”ผมตาโตกับคำพูดของพี่โฬมทันที จริงด้วยนะ ถ้าผมจำไม่ผิด มีแค่ครั้งแรกที่ผมเจอวิญญาณตนนั้น แล้วผมก็เห็นเขาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ทุกครั้งที่ผมเห็นวิญญาณตนนั้นคือตอนที่ผมอยู่กับพี่ม่อน

   วิญญาณตนนั้นกำลังพยายามจะสื่อสารกับพี่ม่อนโดยใช้ผมสินะ

   

   ทันทีที่ผมทำบุญกับปาร์คเสร็จ ผมก็ขอตัวกลับหอพักทันที จัดการอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปมหาลัยอีกรอบ หวังว่าผมจะเจอพี่ม่อนอยู่ที่ไหนซักที่

   

   ผมคงหวังมากไปสินะ มหาลัยออกจะกว้าง จะไปบังเอิญเจอคนๆเดียวได้ยังไงนะ ผมเดินมาจนถึงตึกเรียนแลป เอาวะ อย่างน้อยถ้าขึ้นไปดาดฟ้าแล้วถามหาวิญญาณตัวนั้น เขาน่าจะบอกอะไรกับผมได้บ้าง

   ผมขึ้นลิฟท์มาจนถึงชั้นบนสุด ก่อนจะพบว่า บันไดหนีไฟที่ผมเคยใช้ขึ้นไปบนดาดฟ้าตอนนี้ถูกปิดไว้เรียบร้อยแล้ว ล็อคแน่นหนาจนไม่คิดว่าตัวเองจะลอดผ่านลูกกรงเหล่านั้นเข้าไปได้ เลยได้แต่เดินคอตกกลับลงมาด้านล่าง

   “อ้าวน้อง....”แต่ยังไม่พ้นบันไดชั้นบนสุด ก็มีเสียงทักขึ้นมา เป็นเสียงหวานใสของผู้หญิงคนหนึ่ง ผมเงยหน้ามองเธอ พี่นิหน่าส่งยิ้มบางๆให้ผม ผมพยักหน้ารับ เธอมองไปด้านหลังผมแล้วพบว่าผมเดินมาจากทางไหน เธอก็เริ่มขมวดคิ้ว

   “นี่น้องจะขึ้นไปข้างบนนั้นอีกแล้วหรอ มีอะไรรึเปล่า มีอะไรปรึกษาพี่ได้นะคะ”เธอพูดเหมือนกับเป็นห่วงเป็นใยผม เธอพูดราวกับว่าเธอเป็นคนดีเสียเหลือเกิน ดีซะจนคนที่นอกใจพี่ม่อนนั้นไม่ใช่เธอ

   “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก” ผมเดินเลี่ยงเธอออกมา เดินลงมาจนถึงชั้นล่าง แล้วสายตาก็หันไปเจอกับผู้ชายคนนั้น คนที่ผมรู้ดีว่าเขามาเจอใครที่ตึกนี้ เขาเดินขึ้นไปด้านบนเฉยๆ โดยไม่ได้สนใจผม ก็แน่สิ เราไม่รู้จักกันหนินะ

   แต่ที่ตลกกว่าคือ พี่ม่อนก็กำลังเดินขึ้นไปเหมือนกัน เขาไม่ได้หันมามองผม เขาแค่เดินขึ้นไปเฉยๆ ผมควรจะทำยังไงดีนะ รอให้เขาเห็นความจริงแล้วยอมรับ หรือห้ามไม่ให้เขาขึ้นไปเห็นอะไรที่มันบาดตาเขา

   หรือบางทีเขาอาจจะรู้ทุกอย่าง แค่ต้องการรับความจริงตรงนั้นให้ได้

   แล้วถ้าเขารับไม่ไหวหละ เขาจะเสียใจรึเปล่า

   พี่ม่อนจะเจ็บเหมือนผมรึเปล่า

   ผมตัดสินใจเดินตามเขาขึ้นตึกไปอีกครั้ง พยายามเร่งฝีเท้าให้ทันกับขายาวๆของพี่ม่อน เขาเดินขึ้นมาชั้นบน เขาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องแลปห้องหนึ่ง ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองเข้าไป และเขาลังเลที่จะเปิดมัน

   ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขา ดึงมือเขาแล้วออกแรงลากเขาออกมาจากตรงนั้นแบบไม่พูดอะไรซักคำ และเขาเองก็ไม่คิดจะตอบรับอะไร เพียงแค่เดินตามแรงที่ผมลากเขาออกมาแบบง่ายๆ ทั้งๆที่ถ้าเขาจะขัดขืนผม ก็เพียงแค่สะบัดมือของเขาออก แต่เขาไม่ทำ

   ผมดึงเขาจนมาถึงบันไดหนีไฟ ที่นี่เงียบ และเหมาะจะพูดอะไรๆให้คนที่ไม่ยอมรับความจริงแบบพี่ม่อนได้เข้าใจซะบ้าง หรือไม่ก็อาจจะเปลี่ยนเรื่องไปซะ ให้เขาได้หลอกตัวเองแบบที่เขาอยากจะทำ

   “ป....เป็นไงบ้าง”พี่ม่อนเปิดปากถามก่อน พร้อมกับรอยยิ้มที่เด็กอนุบาลก็ดูออกว่าฝืนยิ้ม

   “สบายดีครับ พี่มาทำอะไร พี่หวังจะเจออะไร หรือรู้อยู่แล้วครับว่าจะเจออะไร...”บางทีผมอาจจะติดนิสัยขวานผ่าซากแบบเจ้าปาร์คมา ทำให้ผมเอ่ยถามเขาไปตรงๆแบบนั้น

   พี่ม่อนขมวดคิ้ว รอยยิ้มเริ่มจางลง เขาไม่ได้ตอบผมในทันที แต่กลับก้มหน้าคิด ผมรู้ว่าเขารู้ และผมก็รู้ ว่าเขารู้ว่าผมรู้ รู้ว่าความจริงคืออะไร

   “พี่มาหานิหน่า แต่คิดว่าคงไม่อยู่แหละ ฮะๆ” แต่เขาเลือกที่จะไม่ยอมรับความจริงนั้นอีกครั้ง

   ที่จริงพี่ม่อนดูเปลี่ยนไปนิดหน่อย ผู้ชายหน้าตาดีที่มากไปด้วยสเน่ห์คนนั้นหายไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่เพียงผู้ชายตัวใหญ่ธรรมดาๆที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเอาซะเลย

   ผมควรจะทำยังไงดีนะ บอกความจริงให้ผู้ชายขี้ขลาดคนนี้รู้ตัว หรือปล่อยให้เขาหลอกตัวเองต่อไปแบบนี้ ที่จริงผมเองก็ขี้ขลาดเหมือนกันแหละ ผมไม่กล้าพูดความจริงกับเขาเพราะกลัวเขาจะเสียใจ

   “ครับ พี่นิหน่าไม่อยู่หรอก พี่ม่อนลองโทรดูสิครับ”ผมบอกพี่ม่อน และเขาก็เชื่อผม มือหนาหยิบโทรศัพท์มาโทรหาผู้หญิงคนนั้น รออยู่นานปลายสายก็กดรับ

   “นิหน่า วันนี้มาทำแลปรึเปล่าครับ”เขาถามปลายสาย จากนั้นก็กลืนน้ำลายก่อนจะถามคำถามต่อไปด้วยความไม่มั่นใจ

   “ม...ไม่ได้มาหรอ... เราไม่ได้เจอกันหลายวันแล้วนะ ไปกินข้าวกันไหมครับ......อ่าครับ ไม่เป็นไรครับ”แล้วพี่ม่อนก็กดวางสายไป หันมามองหน้าผม ฝืนยิ้ม “จริงด้วยครับ”

   “งั้นปะ ผมหิวแล้ว อยากกินสเต็ก” พูดจบผมก็ออกแรงลากเขาลงมา พอถึงชั้นล่างผมก็ปล่อยมือ ให้เขาเดินนำไปที่รถของเขา ขึ้นรถไปกับเขา ให้เขาขับรถไปเรื่อยๆ

   ผมไม่รู้จะพูดอะไร จะปลอบใจเขาหรอ ผมไม่ได้พูดเก่งขนาดนั้น หรือพูดว่าผมจะเป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้นเอง ก็คงไม่เช่นกัน เพราะผมคือผม

   และถ้าผมจะทำให้พี่ม่อนรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง ผมก็จะทำ ต่อให้ผมจะรู้สึกแย่ ผมก็ยังจะทำ ต่อให้ถ้าสุดท้ายผมต้องเป็นคนที่โดดเดี่ยว ผมก็จะทำ ให้เขามีความสุข เพราะถ้าเขายิ้มได้ซักนิด ผมคงจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

   

               “พี่ม่อน หรูไปแล้วพี่ ผมจะมีเงินจ่ายหรอ กลับไปกินร้านหน้ามหาลัยดีกว่าไหมครับ”เขาจอดรถในโรงแรมแห่งหนึ่ง ผมพอจะรู้จักร้านสเต็กที่อยู่ในโรงแรมนี้พอสมควร เพราะผมอยากมากินร้านนี้นานแล้ว เป็นร้านในฝันที่ไม่อาจเอื้อมเลยก็ว่าได้ เพราะร้านมันหรูหราและราคาแพงมากๆ

   “เรารู้จักร้านนี้หรอ ร้านนี้ร้านโปรดพี่เลยนะ ไปลองกินเถอะ แล้วจะติดใจ”เขาดูสดชื่นขึ้นกว่าเมื่อครู่ เริ่มเห็นรอยยิ้มสดใสของเขาขึ้นมาเล็กน้อย และมันทำให้ผมยิ้มได้เหมือนกัน

   “ติดใจหนะ มันแน่นอนอยู่แล้วพี่ แต่เงินในกระเป๋าผมเนี่ยดิ” ว่าแล้วผมก็หยิบกระเป๋าเงินออกมาดู แบงค์1000บาทเพียงใบเดียวที่เหลืออยู่มีท่าทีว่าจะไม่พอจ่ายของร้านนี้ด้วยซ้ำ

   “มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง”เขายิ้มให้ผมแล้วยกแขนขึ้นพาดไหล่ผมเดินเข้าโรงแรม

   เราขึ้นมาที่ชั้น11 ไม่ใช่ชั้นสูงสุด แต่มีรูฟท็อปที่สูงพอเห็นวิวกรุงเทพได้ แต่ผมคงไม่คิดจะออกไปนั่งข้างนอกเอาบรรยากาศหรอก เพราะข้างนอกน่าจะ 35 องศาเซลเซียสได้ ผมอาจจะสุกแทนสเต็ก

   “พี่ม่อนเลี้ยงจริงดิ”ผมถามย้ำอีกครั้งเมื่อเราได้ที่นั่งแล้ว เป็นที่นั่งติดกระจก ก็พอจะมองเห็นวิวสวยๆบ้าง

   “ครับ แต่แลกกับการดูดวงให้พี่นะครับ” แค่นี้เอง สบายมาก

   ผมสั่งเมนูพ็อคช็อพที่ผมอยากกินมานานมากกกกกก แถมเมนนูนี้ของร้านนี้ยังอร่อยสุดๆอีกด้วย ส่วนพี่ม่อนก็สั่งเมนูอะไรก็ไม่รู้ ผมมัวแต่ตื่นเต้นเลยไม่ได้ฟัง

   ระหว่างรออาหาร เราเลือกที่จะคุยกันเรื่องทั่วๆไปซะมากกว่า เช่น วันนี้ทำอะไร ไปไหนมา แล้วจะไปไหนต่อ เรียนเป็นไงบ้าง งานโอเคไหม จนกระทั่งอาหารมา เราก็เลือกที่จะคุยกันเรื่องอาหารแทน

   ไม่มีเรื่องผู้หญิงคนนั้นซักนิด ไม่รู้ว่าเพราะเขาไม่อยากพูดถึง หรือไม่อยากพูดความจริงกันแน่

   “อะ ดูดวงให้พี่หน่อยครับ เอาเป็นเรื่องเรียนก่อนนะ”เขายื่นมือมาให้ผมจับไว้ ผมหลับตาลง ผมเห็นว่าเรียนเขาทำได้ดี โปรเจ็คของเขาก็ผ่านฉลุย

   “โปรเจ็คผ่านฉลุยเลยครับ แต่ระวังเรื่องการแต่งกายนิดนึง คนที่เข้าฟังพี่ม่อนพรีเซนท์เขาค่อนข้างซีเรียสกับชุดนักศึกษาถูกระเบียบอะครับ”

   “เรื่องสุขภาพ”เขาถามต่อ ผมหลับตาลง

   “ช่วงนี้ปั่นโปรเจ็คดึกเกินใช่ไหมครับ ดึกกว่าปกติที่เคยทำ”

   “ใช่ครับ แม่นมาก”

   “ระวังเรื่องนอนดึกนี่แหละครับ จะเสียสุขภาพเอานะ”

   “เรื่องเงินต่อเลย”

   “อืมมมมม มีเกณฑ์จะเสียทรัพย์จากการเลี้ยงข้าว ฮ่าๆๆๆๆ” อันนี้ผมยังไม่ได้ดูหรอกครับ พูดเล่นๆไปงั้น เรื่องเงินของเขาปกติดี ไม่มีอะไรผิดแปลก ผมเลยขอแวะไปดูเรื่องความรักของเขาหน่อย

   และภาพที่เห็นทำเอาผมหน้าแดง แดงแบบแดงมาก

   พี่ม่อนจูบผม.... ภาพในหัวคือพี่ม่อนจูบผม และจบที่เรามีอะไรกัน

   เชี้ยแล้ว มันคงไม่เกิดเร็วๆนี้หรอกใช่ไหม ??

   “น้องดีนเป็นอะไรครับ หน้าแดงเชียว”ผมรีบปล่อยมือพี่ม่อน เอามือมาจับแก้มร้อนๆของตัวเอง รู้สึกเขินแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่ๆๆๆๆ ผมจะพูดออกไปไม่ได้เด็ดขาด ถ้าพูดออกไปกลายเป็นเรื่องจริงแน่ ถึงแม้จะไม่พูดก็มีโอกาสที่เป็นเรื่องจริงก็เถอะ

   “ป่าวครับ ไม่มีอะไร ผม...เอ่อ....ผมอยากไปดูหนังอะครับ พี่ม่อนว่างไหม ให้ผมเลี้ยงหนังนะ”ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง พร้อมเสนอการเลี้ยงหนังเป็นตัวล่อ

   “อื้มมมมม พี่กำลังอยากดูเรื่องนึงพอดีเลย” เขาพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนหันไปเรียกเก็บเงินกับพนักงาน

   “ทั้งหมด 2300 บาทครับ”เชี้ย สองจาน2300 ถ้าผมมากินคนเดียวคงไม่มีเงินจ่ายแน่ๆ พี่ม่อนจ่ายไปแบบไม่ทุกข์ร้อนอะไร คนรวยก็เงี้ย

   

   “ปะ ไปดูหนังกันครับ ขอเป็นโรง 4DX แล้วกันนะครับ”ได้เงินทอนแล้วก็ลุกออกจากโต๊ะ พี่ม่อนเป็นคนพูดขึ้นก่อน

   “พอผมจะเลี้ยงหนังละเอาใหญ่เลยนะ” เห็นทีแบงค์1000ในกระเป๋าดูท่าจะอยู่กับผมได้ไม่นานซะแล้วสิ

   ว่าแต่ เรื่องอะไรนะ

   

   “พี่เลี้ยงสเต็กเราไปแล้ว หนังพี่ขอเลือกละกันนะครับ”

   “ตามสบายเลยค้าบบบบ”

   พี่ม่อนยืนเลือกหนังอยู่หน้าโรงหนัง สีหน้าเขาดูดีขึ้นมาก และผมคงไม่คิดจะขุดคุ้ยเรื่องผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาให้เขาไม่สบายใจอีกแล้วดีกว่า อย่างน้อยตอนที่อยู่กับผมก็ให้เขามีความสุขและสบายใจที่สุดดีกว่า

   ผมดูโปรแกรมหนังแล้วแอบผวา กลัวพี่ม่อนคิดพิเรนทร์เลือกหนังผีขึ้นมา ผมคงชักตายอยู่ในโรงหนังแน่ๆ และผมก็เริ่มจะขนลุกแล้วเมื่อพี่ม่อนเดินไปที่ตู้กดตั๋ว กดตั๋วฮันนิมูนซีท และแน่นอน มันเป็นหนังผี !! กูจะบ้า !!

   “พี่ม่อนนนน พี่อยากดูหรือพี่อยากแกล้งผมกันแน่เนี่ยยยย”

   “อยากดูครับ แล้วก็....เขาบอกว่า ถ้ามาเดทแนะนำให้ดูหนังผี”เขายิ้ม แต่ผมสะอึก.... เดท ?

   “.......”

   “อ่า....คือ.....”เขาดูไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นะ...

   “นี่คือเราเดทกันหรอครับ”ผมชี้นิ้วไปมาระหว่างเขากับผม ผมทำเป็นเก็กหน้าเข้ม พยายามเก็บอาการไม่ให้เขารู้ว่าผมเขินเขา

   “จะว่าแบบนั้นได้ไหมนะ.... เดทกันก็คือคนที่ชอบกันสองคนไปเที่ยวด้วยกันไงครับ”พี่ม่อนดูท่าทีเขินหน่อยๆนะ

   บ้า ! พี่ม่อนเขินผมหรออออ บ้าเอ้ย ผมกลั้นยิ้มสุดๆ แต่ก็กลั้นไม่ไหว เผลอยิ้มกว้างๆไปให้เขา ดีใจจัง เขาเองก็ชอบผม..... แต่ผมไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ เพราะผมรักเขาเนี่ยสิ

   “ก็ได้ครับ เดทก็เดท งั้นไปกินไอติมกันก่อน หนังอีกตั้งครึ่งชั่วโมง”

   

   มันกลายเป็นบรรยากาศสีชมพูแบบนี้ไปได้ยังไงนะ นั่งกินไอติมคนละถ้วย แต่ตักป้อนกันไปมา พี่ม่อนมุมนี้แม่งโคตรน่ารัก น่ารักแบบ ยิ่งเพิ่มสเน่ห์ขึ้นไปอีกเยอะมากกกกก ผมเขินตัวบิดไปหมด เขาก็เขินผม บ้าๆๆๆๆ

   “ชอบผมตั้งแต่เมื่อไหร่??” ผมยิงคำถามเด็ดระหว่างที่เรากำลังกินไอติมกันใกล้จะหมดแล้ว

   “ก็ วันนั้นเลย วันที่เห็นว่าเราหลับสนิท มันเป็นความสบายใจหนะ พี่คิดว่าถ้าเราเป็นความสบายใจให้กันไปตลอดก็คงจะดี”อ่า....

   เขาเคยเป็นความสบายใจของผมช่วงนึง แต่หลังจากนั้นมันไม่ใช่ความสบายใจเลย จนกระทั่งตอนนี้ก็ตาม แต่ผมเป็นความสบายใจของเขามาตลอด เพียงแค่เขาเลือกวางผมไว้แค่พี่น้องในตอนแรก แต่ผมคิดว่าตอนนี้เขาน่าจะยกผมออกจากตำแหน่งพี่น้องแล้วนะ เป็นความสบายใจที่เขาอยากจะเข้ามาหาแล้ว เป็นความสบายใจของเขาจริงๆซะที

   “ปะ ไปดูหนังกันดีกว่าครับ”เราหารกันออกค่าไอติม แต่ค่าหนังอะ ผมล้วนๆ รวมๆแล้วก็เหยียบพัน

   

   มาถึงโรงหนังแล้วเราก็เข้าไปนั่งฮันนีมูนซีท เป็นโซฟาคู่แบบไม่มีที่กั้นวางแขน กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกับเขานั่งตัวติดกันแบบไหล่ชนไหล่ มันรู้สึกอบอุ่นไปอีกแบบเนาะ ตอนที่รู้ว่าเขาก็ชอบเราแบบเนี้ย

   หนังสนุกมากกก ฉากผีไม่น่ากลัวเลยซักนิด อาจจะเป็นเพราะว่าผมเจอของจริงมาแล้ว ตอนฉากผีออกมาผมไม่มีแม้แต่อาการตกใจเลย หน้านิ่งๆ คิดในใจว่า แค่นี้หรอ ธรรมดามาก ฮ่าๆ ส่วนคนข้างๆก็ตรงข้ามกับผมเลยครับ ไอ้ที่คิดว่าจะยืดอกปกป้องผมหรือกอดปลอบผม กลายเป็นว่าผมต้องกอดปลอบพี่ม่อนแทน ตกใจทุกฉาก

   “ของจริงน่ากลัวแบบนี้รึเปล่าครับ”เขากอดผมแน่น เอ่ยถามชิดไหล่ผม คิดภาพตามนะครับ ผู้ชายตัวใหญ่ๆ หน้าหล่อๆ กลัวผี เอาหัวซุกไหล่ ใครบ้างจะไม่เขินวะ

   “ไม่เลย ของจริงน่ากลัวกว่านี้อีก”ผมหันลงไปกระซิบกับเขาบ้าง เขายังคงกอดแขนผมไว้แน่น ทุกฉากที่มีผีตุ่งแช่ออกมา เขาก็จะซูกหน้าลงกับไหล่ผม จนผมได้แต่แอบขำ ไม่เป็นอันดูหนังเลย เพราะเขินหรอ ป้าววว ไม่ได้เขินนนนน

   ช่วงสุดท้ายของหนังเป็นการดึงอารมณ์เศร้า ทั้งผมและพี่ม่อนที่จดจ่อกับเนื้อหามาตั้งแต่ต้น ต่างก็อินไปกับหนังจนน้ำตาไหลออกมาง่ายๆ แต่เพียงครู่เดียว สัมผัสอุ่นๆก็ไล้ผ่านแก้มผมไป ผมหันไปมองตามมือหนา ก่อนจะเบนสายตาไปมองเจ้าของมืออุ่นข้างนั้น ถึงแม้เขาจะร้องไห้ แต่เขาก็ยังคงส่งยิ้มหล่อๆมาให้ผมอยู่ดี ผมเลยเช็ดน้ำตาให้เขาบ้าง ก่อนที่เราจะหัวเราะเสียงเบาๆออกมากันสองคน

   

   “พี่ม่อนนน แวะตรงนี้แป้บนึงงง” ผมชี้ไปทางตู้คีบตุ๊กตา ศัตรูตัวฉกาจของผม ที่ผมเล่นมาตลอดชีวิต แต่ไม่เคยหยิบมันได้เลยซักครั้ง ครั้งนี้ขอซักสามสี่เหรียญเถอะ แค้นมาก

   ผมหยอดไปเหรียญแรก กดๆจิ้มๆ แล้วคีบ ลุ้นระทึกกับตู้คีบโดยมีพี่ม่อนยืนหัวเราะอยู่ด้านหลัง ตุ๊กตาลอยขึ้นตามคีมเหล็ก แต่แล้วมันก็ตกลงไปที่เดิมเป๊ะๆ ผมหยอดอีกเหรียญ และสุดท้ายก็จบแบบเดิม ตรงที่ตุ๊กตาลงไปนอนอยู่ที่เดิมพร้อมใบหน้ายิ้มเยาะของเจ้าตุ๊กตา หนอยยยยยยย

   “มานี่ พี่เล่นให้ อยากได้ตัวนี้หรอครับ?”พี่ม่อนอาสาเล่นแทนผม ใจนึงผมก็อยากเล่นเองและหยิบมันได้เอง แต่อีกใจก็อยากได้เจ้าตุ๊กตาตัวนั้นออกมาจากตู้

   แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้พี่ม่อนเล่นให้ มือหนากดตู้คีบอย่างชำนาน และไม่นาน เจ้าตุ๊กตาตัวนั้นก็ลอยลงช่อง แล้วพี่ม่อนก็ก้มลงไปหยิบลงมาแล้วยื่นให้ผม...... อะไรคือความยุติธรรมวะ ทำไมผมคีบไม่ได้ !!

   “ผมไม่เคยคีบได้เลยพี่ ตลอดชีวิตอะ ไม่เคยเลย”

   “งั้นหลังจากนี้ก็ให้พี่คอยคีบให้สิ”

   เหมือนจะเป็นประโยคง่ายๆนะ แต่น้ำเสียง สีหน้า ทุกๆอย่าง ณ ตอนนั้นแม่ง ทำให้ผมโคตรจะเขินเลย เหมือนกับพี่ม่อนจะบอกว่า หลังจากนี้ ก็ให้เขาคอยคีบให้สิ อยากได้อะไรเขาก็จะหามาให้ผม เขาบอกว่าหลังจากนี้ แปลว่า เขาจะคอยคีบให้ผมไปเรื่อยๆหรอ บ้าๆๆๆๆๆ

   เราเดินไปเล่นเกมตู้กันอีกหลายเกม ทั้งเกมยิงปืน ตกปลา ชู้ตบาสแข่งกัน ทำไมกิจกรรมง่ายๆแบบนี้กลับทำให้ผมรู้สึกสบายใจขนาดนี้นะ สบายใจมากจริงๆ แบบที่ไม่มีความกังวลอะไรเลย และผมคิดว่าพี่ม่อนก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เขาดูสบายใจขึ้นมาก ดูมีความสุขกว่าก่อนหน้านี้เยอะ ใบหน้าหล่อที่เคยส่งยิ้มมั่นใจและมีชีวิตชีวากลับแสดงออกมาให้ผมเห็นง่ายๆอีกครั้ง

   “กลับไหม พี่ไปส่ง”

   “ครับ กลับกันดีกว่า”หลังจากเดินเที่ยวกันจนเหนื่อย พี่ม่อนก็เอ่ยปากชวนผมกลับ ผมพยักหน้ารับพร้อมเดินตามเขาไป เราแค่เดินข้างๆกัน ไม่ได้จับมือ ไม่ได้เกาะแขน แค่เดินไปด้วยกันเรื่อยๆ ทำไมผมถึงมีความสุขขนาดนี้กันนะ

   ผมเข้ามานั่งในรถหรูคันเดิม พี่ม่อนอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ ทันทีที่สตาร์ทรถ พี่ม่อนก็เงียบไป ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน ได้แต่กอดตุ๊กตาของเขาไว้นิ่งๆ

   “น้องดีน....” เขาเรียกให้ผมหันไปมอง ใบหน้าหล่อมากสเน่ห์ของพี่ม่อนกลับดูดีขึ้นมากจากแสงสลัวๆแบบนี้

   “......”

   “ขอบคุณมากนะครับ”ประโยคง่ายๆ แต่ผมกลับรู้สึกเขินไปกับรอยยิ้มหล่อเหลาที่เขามอบให้ ผมละสายตาไปจากดวงตาอบอุ่นคู่นั้นไม่ได้เลย

   แล้วเหมือนกับระยะห่างมันเริ่มน้อยลง

   น้อยจนกระทั่งผมเริ่มได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวของผมกับเขา

   ใกล้มากจนผมได้กลิ่นลมหายใจหอมๆ และรู้สึกถึงลมอุ่นที่เป่ารดหน้าผม

   ชิดจนผมต้องหลับตาลง

   แล้วซึมซับความรู้สึกนุ่มหยุ่นตรงริมฝีปาก



*******************************************************************

จุ๊บแล้วววววววว แล้วนิมิตน้องดีนจะเป็นจริงมั้ยเนี่ยยยยยยยยย

**************************

ใครรอบ้าง จะบอกว่า อีกนานนะครับ กว่าจะได้มาต่อ ไม่อยากให้รอเก้อกันนะ (แกบอกช้าไปแล้ว)

เพราะว่าตอนนี้แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย เรียนหนักมาก งานเยอะมาก พรีเซนท์เปเปอร์ 5 เรื่องเลย

กะไว้อีกประมาณเดือนนึงนะครับ จะมาต่อตอนต่อไปให้ เอาจริงๆตอนนี้ไม่รู้ว่าเรื่องของดีนจะจบยังไง เพราะยิ่งแต่งยิ่งยืด

กลัวจะเบื่อกันไปซะก่อน แต่จะพยายามแทรกการดำเนินเรื่องไว้ตลอดนะ

เอาจริงๆรู้สึกว่าดำเนินเรื่องช้ากว่าของเจ้าปาร์คซะอีก ช้าพอๆกับสำนักพิมพ์ด้วย โมโหมาก อยากวีน แต่กลัวไม่มีเล่ม 55555555555

ใครรอเล่มอยู่ อดใจอีกนิด รอเปิดพรีเมื่อไหร่ จะเอาตัวอย่างตอนพิเศษมาอ่อยด้วย

ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะครับ ไนท์อ่านครบทุกอันเลย ติชมได้เสมอนะ รักคนอ่านทุกคนนะครับ จุ๊บ

ออฟไลน์ niightziiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม

[1]  - who’re following you ?



              “ป้ากกกก กูวววหิววววข้าวววววว หารายห้ายแดกหน่อยดิ้” ไอ้เก้าว่าเสียงยานคาง ผมเลยจัดการต้มมาม่าให้มันแดก

           “อะ แดกเสร็จแล้วก็นอนนะ” พวกมันสามตัวรุมถ้วยมาม่าผมอย่างกับแร้งลง พอกินเสร็จมันก็นอนแผ่หลาลงบนพื้น มีไอ้เก้าคนเดียวที่คลานขึ้นไปนอนบนเตียงได้ แต่เตียงขนาดหกฟุตไม่ได้ดูใหญ่เลยเมื่อโดนไอ้เก้านอนขวางไว้แบบนี้

            “อ็อก อ้วกกกก” และอ้วกอีกต่างหาก

            เห้อ จุดจบสายแข็ง ตายคาอ้วกทุกราย

            ผมส่ายหัวกับภาพตรงหน้า จัดการดึงผ้าปูที่นอนมันออกแล้วโยนทิ้งไว้ในห้องน้ำ เดินข้ามศพไอ้สองตัวที่นอนอยู่บนพื้นแล้วหยิบกระเป๋าที่วางอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าขึ้นมาสะพาย เดินไปหาไอ้เก้าที่นอนตายอยู่บนเตียง ตบแก้มมันสองสามทีจนมันลืมตาขึ้นมามองผม

            “กูจะกลับไปนอนบ้านนะ”

            “เอออออ ราวางบานดายช้านสามนา ”ว่าจบมันก็หลับตานอนต่อ

            บันไดชั้นสาม ?? มีอะไรอยู่งั้นหรอ ถึงต้องระวัง ??

            ผมส่ายหัวสะบัดความคิดนั้นทิ้งก่อนจะเดินออกจากห้องของไอ้เก้ามา เดินลงบันได แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเงาตะคุ่มพาดผ่านเป็นแนวยาวอยู่บนพื้นตรงหน้าบันไดของชั้นสาม

            ตุ๊บ !

            “เหี้ย !”

            “เมี้ยวววว” อ้อ ไม่ใช่เหี้ยครับ เป็นแมว แมวตัวหนึ่งกระโดดจากไหนไม่รู้มาที่พื้น มันเดินมาคลอเคลียกับขาผม แมวสีเหลืองน่ารัก ผมก้มลงไปลูบหัวแมวสองสามที เกาคางให้ แมวตัวนั้นค่อยๆนั่งลงแล้วยื่นคางให้ผมเกา

            “เมี้ยวววว” มันร้องขึ้นหลังจากที่ผมผละออกมาแล้วเดินลงบันไดไป มันเดินตามผมลงมาเรื่อยๆจนผมต้องหันไปคุยกับมัน สังเกตเห็นปลอกคอก็รู้แล้วว่ามีเจ้าของ

          “ถ้ายังไม่มีเจ้าของจะพากลับบ้านนะ”



..............................................................



          สุดท้ายผมก็ต้องเดินตามฟุตบาทมาจนถึงซอยหมู่บ้านของผม ตลอดทางที่เดินมากลับรู้สึกเหมือนมีคนเดินตาม แต่พอหันหลังไปก็ไม่เห็นมีใครเดินตามมา

            คิดไปเองมั้ง

          ครืด....

            ผมรีบหันไปมองด้านหลังตัวเองทันที เสียงครืดที่ผมได้ยินเหมือนกับเสียงรองเท้าที่ลากไปบนพื้น เหมือนตอนเราเดินแล้วยกเท้าไม่สูงมากอะไรประมานนั้น แต่ผมก็ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่าและแสงไฟสีเหลือง ผมหันหลังกลับแล้วรีบเดินเข้ามาจนถึงในหมู่บ้าน ตอบคำถามพี่ยามกะดึกที่ซักถามผมอยู่พักหนึ่งก็เดินเข้ามาในหมู่บ้านเรื่อยๆ กว่าจะถึงบ้านก็ปาไปตีสามครึ่งแล้ว ยังดีที่ผมเอากุญแจบ้านมาด้วย ผมเลยจัดการเปิดบ้านเข้าไป เดินขึ้นมาบนห้องพี่ฟาน เปิดประตูเข้าไปแล้วจัดการอาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วเข้านอน

            ความเหนื่อยจากการทำงานทั้งวันทำให้ผมหลับลงแทบจะในทันที

            แต่ผมฝัน.....มันเป็นฝันที่แปลกมาก

            ผมเห็นตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนในชุดนักศึกษามากมาย ผมมองไปรอบๆตัว ถ้าจำไม่ผิดนี่มันเป็นลานของคณะวิศวะในมหาลัยผม แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ทั้งๆที่ผมแทบจะไม่เคยไปในสถานที่จริงๆเลยด้วยซ้ำ

            “ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม ! ผมบอกคุณไปกี่ครั้งแล้ว แต่ทำไมคุณไม่ทำตามที่ผมบอก หะ ! บอกผมมา ! คุณยังอยากได้รุ่นอยู่ไหม !” ผมมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้า คิดว่าคงเป็นพี่ปีสามที่กำลังรับน้องในคณะอยู่

            “ยะ..อยากครับ”เสียงจากปีหนึ่งคนหนึ่งดังขึ้นเบาๆ ติดขัดและไม่เต็มเสียง

            “งั้นคุณตามผมมานี่ !” พี่ปีสามคนหนึ่งชี้ไปที่คนที่พูด คนนั้นเป็นผู้ชายตัวสูง แต่ท่าทางดูหงิมๆ ขายาวๆสองข้างที่กำลังสั่นเทาก้าวเดินไปตามคำสั่งของรุ่นพี่



....................................................



          “วันนี้กินเยอะจัง อ้วนแน่ๆ”

            “อ้วนแล้วไง จะเลิกกับผมก็ไม่ว่าอะไรนะ”

            หะ...นี่คือประโยคที่ผมพูดหรอ ?

            “..........” พี่ฟานเงียบ ผมเองก็รู้สึกตกใจกับประโยคนั้นที่ตัวเองพูดออกไป ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะพูดออกไปแบบนั้น รู้สึกเหมือนกับว่า ปากมันไปเอง

            “น้องปาร์คเป็นไรครับ พี่แค่พูดเล่นเอง จำเป็นต้องพูดถึงกับเลิกกันเลยหรอ ?” พี่ฟานขมวดคิ้วแล้ววางส้อมลงทันที

            “เอ่อคือ... ผมก็แค่พูดเล่นอะครับ”

            “เรื่องเลิกกันไม่ควรเอามาพูดเล่นครับน้องปาร์ค”

................................................



          “น้องปาร์ค..... เขาบอกว่าเขาชื่อตูมตาม เขาตามน้องปาร์คเพราะน้องปาร์คชวนเขามา” พี่โฬมหันมาพูดกับผม ผมส่ายหัวรัวๆ

          “เขาบอกว่า....เขาชอบน้องปาร์ค เขาอยากให้น้องปาร์คเลิกกับแฟนแล้วไปคบกับเขา” พี่โฬมหันมาบอกผม ผมขมวดคิ้วทันที งั้นที่ผมทะเลาะกับพี่ฟานวันนี้ก็ต้องเป็นเพราะผีตัวนี้แน่ๆ
            หนอย ไอ้ผีไม่เจียม

            “อ้อ ที่กูรู้สึกแปลกๆวันนี้ก็เพราะมึงใช่ไหม ที่กูต้องทะเลาะกับพี่ฟานก็เพราะมึงใช่ไหม” ผมเริ่มเดือด ไม่สนแล้วว่าตัวเองกำลังมีเรื่องกับผีอยู่

            “เขาบอกว่าเป็นฝีมือของเขาเอง” พี่โฬมหันมาบอกผม

            “หึ มึงอยากคบกับกูหรอ” ผมหันไปพูดกับโซฟาว่างเปล่าตรงหน้า

            “เขาบอกว่า....ใช่” พี่โฬมหันมาพูดกับผมอีกครั้ง ผมเลิกหลบหลังพี่โฬม เดินไปตรงหน้าโซฟาว่างเปล่า แล้วเอ่ยปากถามอย่างหาเรื่อง

            “กูถามหน่อย มึงจะเอากูยังไง ลีลาเด็ดเท่าแฟนกูไหม ถ้าไม่ มึงมาจากไหนมึงก็กลับไปทางนั้นเลย”

            โอ้โห คนอะไรด่าผี....

            ......อ้อผมเอง
 
...................................................

               “พี่ฟานหรอ ??” ผมถามเสียงงัวเงีย พยายามจะมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างเตียง พี่ฟานอาจจะกลับบ้านมาแล้ว แล้วก็มารับผม

            “หึหึ แฟนมึงจะซักเท่าไหร่กันเชียว” ภาพตรงหน้าผมเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ผมขมวดคิ้วเมื่อชุดที่พี่ฟานสวมอยู่มันคือเสื้อช็อปสีเลือดหมู เสื้อช็อปคณะวิศวะ แล้วยิ่งภาพในความมืดชัดเจนขึ้นมากเท่าไหร่ เครื่องหน้าขาวซีดนั่นก็ยิ่งชัดเจนเท่านั้น

            “.....ตูมตาม” ผมตกใจสุดขีด รู้แล้วว่าต้องเป็นผีที่กำลังตามผมอยู่แน่ๆ ผมพยายามจะถดตัวหนีเมื่อร่างกายหนาขาวซีดนั่นค่อยๆนั่งลงบนเตียง มือซีดเย็นเฉียบลูบไล้ต้นขาของผม ผมพยายามจะขยับหนี แต่กลับไม่เป็นผล... ผมไม่มีแรงเลย

            “พ....ฟะ.....” พี่ฟาน.... ผมพยายามจะร้องเรียกพี่ฟาน แต่เสียงที่ออกมามันกลับเป็นเพียงแค่ลมเปล่าๆ ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดบริเวณหน้าอก หายใจไม่ออก มันทรมานซะจนผมอยากจะร้องไห้ แต่ผมร้องไม่ออก

            มือเย็นเฉียบลูบไล้เข้ามาภายในเสื้อผ้าของผม ลูบผ่านหน้าท้องราบจนมาถึงหน้าอกผม ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อผมออก ใบหน้าหล่อขาวซีดนั่นค่อยๆโน้มลงมา ลิ้นเย็นเฉียบลากไล้ไปทั่วทั้งตัวผม

            ผมพยายามจะตะโกนออกมาให้ดังที่สุด แต่เหมือนกับผมพูดไม่ได้ เสียงของผมแทบจะไม่มีความดังเลยด้วยซ้ำ ผมขัดขืนอะไรไม่ได้เลย

            กางเกงบ็อกเซอร์ของผมถูกถอดออกไปง่ายๆ เหมือนกับผมสมยอม แต่ไม่ใช่ ผมพยายามฝืนตัวเองเต็มที่ แต่ผมไม่มีแรงแม้กระทั่งจะเรียกชื่อใครซักคน

            “อึก !” ขาของผมถูกดันขึ้นมาทั้งสองข้าง ร่างกายขาวซีดเข้ามานั่งแทรกกลางลำตัวของผม รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังถูไถอยู่ตรงช่องทางของผม

            ไม่ ! ผมจะไม่ยอมโดนผีข่มขืนเด็ดขาด ไอ้ปาร์ค สู้ดิโว้ย !





********************************************************************

เปิดพรีแล้วจ้าาาาา

24 ก.ย. 62 - 30 พ.ย. 62

ราคา 370 บาท ไม่รวมส่ง

ของแถม : ที่คั่นหนังสือ โปสการ์ด เล่มตอนพิเศษ

สั่งจองได้ที่ : bit.ly/2mlk44A

รายละเอียดเพิ่มเติม คอมเมนท์ถามได้เลยจ้า


หรือทักส่วนตัวมาที่ทวิต @Niightziiz








***********************************

ตัวอย่างตอนพิเศษจ้าาา นี่แค่ตัวอย่างสตอรี่แรก

จะบอกว่ายาวมาก เนื้อเรื่องน่าติดตามสุดๆ

ไนท์จะทยอยลงตัวอย่างที่เหลืออีกทีครับ

ใครชอบก็สั่งจองกันได้เลยน้า



จะดีใจมากถ้าช่วยกันรีวิวนิยายไนท์ในทวิตเตอร์ ติดแฮชแท็ก #HsGผีหล่อ

ขอบคุณทุกคอมเมนท์และการติดตามค้าบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด