ตอนที่11
ณ ถนนฝั่งตรงข้ามมหาลัย
วันนี้คือวันที่พี่รหัสผมนัดเลี้ยง เป็นความบังเอิญที่หวานเองก็เป็นน้องรหัสของกลุ่มเพื่อนพี่เขาด้วย พวกเรานัดเจอกันตอนหกโมงเย็นเพราะต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอก่อน ขืนใส่ชุดโทรมๆไปกินบุฟเฟ่ต์โรงแรมหัวเป็นพันๆได้ถูกพนักเฉดหัวส่งออกมาพอดี
รอสักพักพวกพี่เขาก็ทยอยมา
กลุ่มพี่เฟิงมีอยู่แปดคนรวมน้องรหัสด้วยก็เป็นสิบหก กลุ่มใหญ่พอสมควร แต่มีปีหนึ่งบางคนยังไม่มาพวกเราเลยยังจับกลุ่มคุยกันอยู่
“เป็นไงมั่ง เรียนยากไหม”
“ก็เรื่อยๆครับ พอถูไถ”บทสนทนาสุดคลาสสิคของผมและพี่เฟิง
ขณะที่ก๊วนเด็กเภสัชกำลังยืนคุยเล่นกันครื้นเครงก็มีเสียงของแขกที่ไม่ได้รับเชิญดังขึ้น
“เจอแล้วววว!”
ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งที่เข้ามาใหม่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนในคณะผมแหงๆ ประการแรกคือเสื้อช็อปที่พาดอยู่บนไหล่และท่าเดินที่บอกยี่ห้อนักเลงหัวไม้ ไหนจะรอยสักตรงต้นคออีก ไม่นับรวมสีแดงๆตรงปลายผมน่ะนะ คนมาใหม่แทรกเข้ามาในวง หยุดยืนข้างกายผม แลบลิ้นเลียริมฝีปากขณะกวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
น่ากลัวว่ะ ใครหงะ!?
ผมผงะถอยหลังสองสามก้าวตามสัญชาติญาณ สีหน้าพี่เฟิงเรียบตึงขึ้นมาทันที
“เจอร์มาทำอะไรที่นี่ นารายณ์ไม่ได้บอกเหรอว่างานนี้เราไม่เกี่ยว”
“โห่ยยย พี่เฟิง อย่าพูดจาไร้เยื่อใยอย่างงั้นสิคร๊าบบบบ ดูดิ พี่รหัสมีโรงแรมเป็นของตัวเองทั้งหลังแต่กลับเลี้ยงน้องตัวเองข้างถนนแล้วให้ใครก็ไม่รู้ไปกินในราคาพิเศษ ผมน้อยใจนะ เน๊อะเพลินเน๊อะ”หน้าแม่งโคตรกวนตีนอ่ะ ไม่มีแววตัดพ้ออย่างปากพูดสักนิด
มันสูงกว่าผมไม่มากผมเลยไม่ต้องเงยหน้าคุยกับมัน แต่ถึงตัวจะพอๆกันแต่ก็กลบความหวาดหวั่นของผมไม่มิด
“กลับไปเลย ไว้ให้นารายณ์มันพาไปเลี้ยงวันหลัง”พี่เฟิงกล่าวเสียงเรียบ
“ม่ายกลับ~”
ทั้งสองคนจ้องตากันเขม็ง
สุดท้ายพี่เฟิงก็แพ้ กดโทรศัพท์หาเพื่อนตัวเองรายงานสถานการณ์ฉุกเฉิน ตอนนี้ผมย้ายตัวเองมายืนอยู่ข้างหวานเพราะทนสายตาแปลกๆที่เจอร์มองมาไม่ได้
ตุ๊ดสัส หลบหลังผู้หญิง
“เพลินรู้จักป่ะ”หวานกระซิบถาม
“ไม่อ่ะ”
“แล้วทำไมมันตรงปรี่เข้าไปหาเพลินอย่างงั้นอ่ะ ไอ้เราก็นึกว่าเพื่อน มองไม่วางตาเลย ขนลุกว่ะ ไปยืนไกลๆดิ๊มาเกาะหลังกันแบบนี้เราพลอยโดนมองไปด้วย”
โคตรรักกันเลยว่าที่แฟนใครเนี่ย
รอไม่ถึงสิบนาทีพี่นารายณ์ก็มา ตอนนี้เลยหกโมงมาสักพักแล้วแต่ปีหนึ่งยังขาดอยู่คนนึง เห็นพี่รหัสเจ้าตัวโทรเร่งยิกเลยแต่ได้ยินว่าหอมันอยู่แถวอนุโน่นมาช้าก็ไม่แปลกพวกเราเลยทนรอกันไม่มีใครบ่น ยกเว้น...
“เมื่อไหร่จะไปกันอ่ะพี่!”ไอ้เจอร์
“หุบปากแล้วยืนนิ่งๆ จะแดกหรือจะกลับมึงเลือกเอา”พี่นารายณ์โคตรโหดอ่ะ ตั้งแต่พี่เขามาไอ้เจอร์ก็สงบเสงี่ยมลงเยอะ ไม่จ้องผมปานจะกลืนกินแล้ว แต่มีแอบมองเป็นระยะๆพอโดนสายตาเย็นๆของพี่นารายณ์ตวัดมองมันก็เบนสายตาไปทางอื่น
“เมื่อยอ่ะ ไปนั่งโน่นกัน”หวานชี้ไปยังป้ายรถเมล์ซึ่งคนเริ่มบางตาแล้ว พอทิ้งก้นนั่งหวานก็ควักมือถือออกมาทันที แอบเห็นชื่อแชทที่ส่งมาเป็นเพื่อนผมเองก็ลอบยิ้มมุมปาก คู่นี้แม่งน่ารักเว้ย
“อ๊ะ...นั่น”คนที่ก้มหน้าก้มตามองมือถือตัวเองอยู่นานสองนานสะกิดเรียกผม ปลายนิ้วของเธอชี้ไปยังร่างสูงของใครบางคนที่แอบมองผมอยู่ห่างๆอย่างลังเลว่าจะเข้ามาทักดีหรือไม่ ครอสนั่นเอง
พอผมส่งยิ้มให้มันก็เดินเข้ามาใกล้
“ยังไม่กลับอีกเหรอวะ”ผมถาม
“โดนเพื่อนลากมากินปังเย็น ว่าแต่มึงเหอะ ทำไมยังไม่ไป”
“คนขาดไปคนนึง โน่น...พวกพี่เขายืนรอเงกอยู่โน่น...”ผมบุ้ยหน้าไปทางกลุ่มพี่ๆทว่ารอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้าของครอสเมื่อสายตาก็มันฉายภาพของพี่นารายณ์
เมื่อวันก่อนผมบอกมันว่างานนี้ไม่มีพี่นารายณ์ แม้จะไม่ตั้งใจแต่ก็คือการโกหก
ผมทำหน้าไม่ถูกหวานเลยเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้งานว่า”น้องรหัสเขางอแงอยากไปด้วย พี่นารายณ์เลยต้องมา ไม่อยู่ในแพลน”
กู๊ดจ็อบ! ว่าแต่หวานกล้าใช้คำว่างอแงกับคนอย่างเจอร์!?
“ไม่เป็นไรไม่คิดมาก แค่จะบอกว่าถ้ามันดึกแล้วไม่มีคนมาส่งพี่เขาเปิดห้องให้ก็นอนกับเพื่อนนะ กับชื่ออะไรนะ หวานใช่ไหม ดูแลมันด้วย มันชอบเด๋อๆด๋าๆให้คนเขารู้ว่าอ่อน กินเหล้าได้แต่อย่าเมา ที่สำคัญคือห้ามโบกแท็กซี่กลับเองคนเดียวเด็ดขาด โอเค๊?”
“อื้ม”
“ดีๆ กูไปละ บายยยย”ครอสทำตัวเหมือนพ่อผมไปอีกคนละ ผมไม่ได้อ่อนขนาดนั้นสักหน่อย แต่พอมันยิ้มผมก็ยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้ โบกมือหยอยๆยืนมองมันจนลับตา
“เพลิน!หวาน! มาครบแล้วไปกันเถอะ”ถึงคราวผมต้องไปบ้างล่ะ
โรงแรมของพี่นารายณ์หรูหราเว่อวังอลังการดาวล้านดวงมาก โรงแรมนี้พวกลูกค้าจากจีนของบริษัทพ่อก็เคยมาพักอยู่แต่เขาบ่นว่าแพงไปต้องรวยกว่านี้ถึงจะมาพักไม่คิดเลยว่าจะเป็นของพี่นารายณ์ พวกเราเดินเด๋อด๋าเข้ามาด้านใน โดยเฉพาะน้องรหัสของพี่นารายณ์ที่ผิวปากวี๊ดวิ๊วยังกับบ้านนอกเข้ากรุง โชคดีที่มากับลูกเจ้าของเลยไม่มีใครมองเหยียด
กว่าจะมาถึงก็ทุ่มกว่าแล้วกว่าจะกินเสร็จคงเกือบสี่ทุ่ม
เหมาครับ!
งานนี้คุณลูกเจ้าของเขาจองทั้งร้านไว้สำหรับพวกเราโดยเฉพาะ เสียงดังกันได้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจใคร ไอ้เจอร์ตะโกนสั่งเหล้าคนแรกเลย มีพี่คนอื่นเอาตามด้วยแต่พวกปีหนึ่งยังเหนียมอยู่
“เพลินมานี่ๆ”พี่เฟิงเรียกผมให้ไปนั่งด้วยผมเลยต้องแยกกับหวานที่ไปนั่งกับพี่รหัสของตัวเองเหมือนกัน ที่โต๊ะมีกันสี่คนครับคือผม พี่เฟิง ไอ้เจอร์และพี่นารายณ์
เหี้ยนะแต่ไม่แสดงออก
ไอ้เจอร์ซัดเหล้าซัดไวน์ซัดแชมเปญยังกับน้ำเปล่า เรียกว่ามาครั้งนี้มันคุ้มสุด แต่ก็ดีเพราะมันมัวแต่สนใจเหล้าเลยเลิกมองหน้าผมสักที ส่วนพี่นารายณ์ก็นั่งกินเงียบๆตามประสาคนมาบ่อยจนชิน ร้านนี้สำหรับพี่แกคงไม่ต่างจากครัวหลังบ้าน ด้านพี่เฟิงที่บ้านเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นก็เลือกตักแต่อาหารฝรั่งมากิน
มีพี่คนนึงเปิดไมค์ร้องคาราโอเกะด้วย หลายคนลุกขึ้นไปเต้นแจม ทำลายภาพลักษณ์โรงแรมห้าดาวพินาศสิ้น เชื่อว่าจุดนี้ความเมากลบมารยาทมิดแล้ว เห็นหวานเดินไปตักอาหารแบบเป๋ๆสงสัยคงเมาตามพี่รหัสมันไปละ
“คืนนี้คงต้องให้ค้างที่นี่...”เสียงทุ้มรำพึงกับตัวเอง ทั้งโต๊ะมีผมคนเดียวที่ยังสติดีอยู่เพราะจิบไวน์ไปแค่แก้วเดียวแล้วรู้สึกไม่ถูกปาก พี่เฟิงโดนไอ้เจอร์กลอกเหล้าจนฟุบไปแล้วส่วนเจ้าตัวก็เดินถือขวดเหล้าไปแย่งไมค์จากมือพี่ที่ร้องเกะอยู่
“รบกวนพี่รึป่าวครับ”ผมถามตามมารยาท
“ไม่หรอก ปีที่แล้วก็มีเรื่องประมาณนี้ ที่สำคัญนี่ก็ดึกแล้วด้วย”
จริงด้วยวุ้ย! จะห้าทุ่มแล้วไม่รู้ตัวเลย พนักงานกับเชฟก็ทยอยกลับกันเกือบหมด
“งั้นเก็บของเลยแล้วกัน ที่จริงที่นี่ปิดสี่ทุ่มแต่เขาให้พี่เป็นกรณีพิเศษ แต่นี่ก็ดึกแล้วเราเลิกกันเถอะให้พนักงานได้กลับบ้าน”พี่นารายณ์ว่าพลางเดินไปเคลียร์เพื่อนและบรรดาน้องรหัสทั้งหลายที่เมาปลิ้น”เพลินไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ตามคนมาช่วยแบก”พี่เขาห้ามผมที่ทำท่าจะไปประคองหวาน
พี่นารายณ์สั่งเปิดห้องหกห้องครับ จับไปกองๆรวมกันห้องละสามคน หวานนอนรวมกับพี่ผู้หญิงอีกสองคนผมเลยต้องหาที่นอนห้องอื่นซึ่งมันก็เหลืออยู่ห้องเดียวคือห้องของพี่เฟิงกับพี่นารายณ์นั่นแหละ
ผมสังเกตมาพักนึงละ สายตาที่พี่นารายณ์ใช้มองพี่เฟิงมันมากกว่าเพื่อนชัวร์ ที่สำคัญคือตอนที่พี่รปภ.ช่วยกันหิ้วปีกเหล่านักศึกษาอนาคตของชาติขึ้นมาพี่นารายณ์กลับบอกัดแล้วประคองพี่เฟิงขึ้นมาด้วยตัวเองอย่างทะ นุถนอม
แววอกหักมาแต่ไกลเลยกู
“เข้าไปอาบน้ำสิ พี่ให้คนเตรียมชุดไว้ให้แล้ว”พี่นารายณ์ซึ่งง่วนกับการจัดท่านอนให้พี่เฟิงดีๆกล่าวขึ้น ผมมองทั้งสองคนจนเหลียวหลัง เดินเหม่อเข้าห้องน้ำมาโดยลืมเอาชุดที่ว่าเข้ามาด้วย
“โอ๊ะ...”ผมฉุกคิดขึ้นได้เลยเปิดประตูออกมา แต่นั่นเป็นการกระทำที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต!
พี่นารายณ์กำลังจะจูบพี่เฟิง!
ผมไม่ได้มองผิดไปแน่ ร่างสูงที่กำลังโน้มตัวจรดริมฝีปากเนียนุ่มของร่างข้างใต้ผงะขึ้นมาสบตาผมอย่างตื่นตะลึง ไวเท่าความคิดพี่นารายณ์พุ่งปราดเข้ามาคว้าขอมือของผมแล้วฉุดให้เดินตามออกจากห้องไป! พี่เขาลากผมซึ่งอยู่ในอาการช็อคมายังโซนห้องนั่งเล่นของชั้น
“เพลิน! เรื่องเมื่อกี้...อย่าเอาไปบอกใครนะ...”
โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่น้ำตาก็ไหลอาบเต็มสองแก้มของผม
พี่เขามองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าเคร่งเครียดฉายแววงุนงง ผมยกมือปาดน้ำตาตัวเองลวกๆ เสหน้ามองไปทางอื่นอย่างทนไม่ไหว...อย่างนี้พี่เขาก็รู้น่ะสิว่าผมรู้สึกยังไง
โถ่...ทำไมพี่เขาต้องมารู้ความรู้สึกของผมเวลาเดียวกับที่ผมรู้ความรู้สึกของพี่เขาด้วยนะ
พระเจ้าแม่งโคตรโหดร้ายอ่ะ...
กับผู้ชายตรงหน้าผมเจอเขาครั้งแรกข้างสนามบาส ฉากการพบกันดาษๆในนิยายรักอย่างการที่ลูกบาสเจ้ากรรมบังเอิญหลุดจากมือของพี่นารายณ์กระดอนมาชนหัวผมเข้าพอดี
ถึงมันจะธรรมดาหรือดาษดื่นแค่ไหนแต่สำหรับผมมันโคตรพิเศษเลย
จนรู้ตัวอีกทีก็
“พี่คบกับพี่เฟิงอยู่เหรอ...”
“เปล่า...พี่แค่คนแอบชอบและคงเป็นได้เท่านี้...”
“ผมก็แอบชอบพี่อยู่นะ...”
“!!”
“เพลิน...นี่เรา...”
แล้วอยู่ดีๆใบหน้าของพวกเราก็เลื่อนเข้าหากันเรื่อยๆ ถึงผมจะไม่เมาเพราะสัญญากับใครบางคนเอาไว้แต่ไม่ใช่ว่าได้กินเลย พี่นารายณ์เองก็เหมือนกัน ผมว่าตอนนี้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เล่นงานเราสองคนแล้วล่ะ ไม่อย่างงั้นผมคงไม่ใจกล้ารอรับสัมผัสของพี่เขาแบบนี้ และหากมีสติครบพี่เขาก็คงไม่ทำแบบนี้เช่นกัน
มือหยาบเลื่อนมารั้งท้ายทอยของผม ริมฝีปากของเราอยู่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งเซ็นต์
คนใจง่ายแม่งเลวว่ะ กึก!
“!!”
“พอเถอะ..แบบนี้ไม่เอา...”
ผมกำลังเมา พี่เขาก็กำลังเมา แต่ต่อให้ขาดสติแค่ไหนเรื่องพวกนี้ก็ไม่สมควรเกิด! ผมยันแผงอกของร่างสูงออกด้วยความตื่นตระหนก คำพูดของใครบางคนดังก้องอยู่ในหัวสลับกับใบหน้าของคนคนนั้น
“เพลิน...”สีหน้าของเดือนวิศวะก็ดูตระหนกไม่แพ้กัน นัยน์ตาสีดำเข้มของพี่นารายณ์สั่นพร่า ประกายที่สะท้อนแสงไฟสีส้มสลัวบนเพดานฉายชัดถึงความรู้สึกผิด
แล้วน้ำตาของผมก็ไหลออกมาอีกรอบ
“ผมชอบพี่นะ...ฮึก...ตั้งแต่วันที่เก็บลูกบาสให้วันนั้น วินาทีที่พี่คว้าลูกบาสไปจากมือผมแล้วก็วิ่งกลับเข้าไปในสนาม หัวใจของผมก็ติดมือพี่ไปด้วย...แต่ว่า...ฮึก...ฮือ”ร่างกายของผมสั่นเทิ่มไปหมด เมื่อความละอายใจมันแล่นขึ้นมาจุกอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก
กลัว...
ผมไม่รู้ว่ากำลังกลัวอะไรอยู่
“มันไม่ใช่แบบนี้...”
ผมรู้แค่ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ...ไม่ใช่เลยสักนิด!
“พี่ขอโทษ เพลิน พี่ไม่ได้...ตั้งใจ...”คำว่าไม่ได้ตั้งใจที่หลุดออกมายิ่งทำให้รู้สึกเจ็บ
ใช่ พี่เขาไม่ได้ตั้งใจ ตัวผมมันก็แค่เด็กจากไหนก็ไม่รู้ที่โผล่เข้ามาในจังหวะที่พี่เขากำลังหวั่นไหว เป็นแค่เด็กโง่ๆที่ร้องไห้แล้วก็พูดคำว่ารักใส่เขาซ้ำๆ
“ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร พี่ไปเถอะ ผมไม่เป็นไรจริงๆ ผมขออยู่คนเดียวนะ พี่ไปนอนเถอะ ผมจะกลับแล้ว ผมไม่เป็นไร”เหมือนหุ่นยนต์เอาแต่พูดคำเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา พี่นารายณ์ไม่เชื่อคำโกหกโต้งๆของผมหรอก พี่เขายื้อแขนของผมที่พยามจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป
ทว่าผมก็สะบัดทิ้งและวิ่งหนีออกมา
วิ่งหนีจากความรักสี่ปีไปสู่ความว่างเปล่าของท้องถนนยามราตรี ผมชอบพี่นารายณ์ จวบจนกระทั่งชั่วขณะที่ผลักพี่เขาออกไปหรือในตอนที่ออกมายืนร้องไห้ฟูมฟายอยู่ริมฟุตบาทนี้ก็ยังชอบอยู่
ผมโบกแท็กซี่ที่แล่นผ่านมาพอดี บอกเส้นทางกับลุงคนขับที่ตกใจกับใบหน้าอาบน้ำตาของผู้โดยสาร ทั้งๆที่เมื่อเย็นเพิ่งมีคนห้ามไม่ให้ขึ้นรถแท็กซี่คนเดียวตอนกลางคืนแท้ๆ ดูเหมือนผมจะเป็นคนไม่ฟังคำพูดคนอื่นเลยสินะ
“เราเป็นคนไม่ดีสินะ”
ผมถอดรองเท้าออกเพื่อชันเข่าขึ้นมาสวมกอดอย่างคนต้องการสิ่งยึดเหนี่ยว ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก น้ำตาก็ยังไหลออกมาเรื่อยๆ หากโดนปล้นหรือโดนพาไปที่ลับตาคนก็คงไม่มีทางรอดแต่ผมคงทำบุญมาดีเพราะใช้เวลาไม่นานรถโดยสารก็มาจอดเทียบหน้าทาวน์โฮมของผม
ผมจ่ายเงินและเดินเข้าบ้าน ทาวน์โฮมเล็กๆกลับดูกว้างและอ้างว้างขึ้นจนน่าใจหาย
หอบเอาอกซ้ายซึ่งกลวงโบ๋ขึ้นไปยังห้องนอนจนสำเร็จ
ผมอยากให้ใครสักคนช่วยปลอบ อยากโผเข้าไปกอดใครสักคนแล้วก็ร้องไห้จนสุดเสียง
น่าแปลกนะ...ถ้าเป็นเมื่อก่อนคนแรกที่ผมนึกถึงคงเป็นซัง ทว่าวันนี้มือซึ่งถือโทรศัพท์เอาไว้กลับกดเลือกหน้าต่างแชทที่ไม่เคยมีบทสนทนาใดๆขึ้นมา
เ พ ลิ น ~ : พรุ่งนี้เลิกเรียนกี่โมงเหรอ 01:21 น.
เ พ ลิ น ~ : อยากเจอ 01:34 น.
ผมกอดเข่านั่งมองหน้าจอซึ่งไร้การตอบสนองใดๆจนกระทั่งตีสอง มันคงนอนไปแล้ว ผมก็บ้าเนอะ ใครจะมานั่งตอบไลน์ผมเวลานี้กัน สุดท้ายผมก็เก็บเครื่องมือสื่อสารเข้าลิ้นชักหัวเตียงก่อนจะใช้ความพยามทั้งหมดเพื่อข่มตาหลับ
Cross xx : โทษทีๆ เมื่อกี้ปั่นงานอยู่ พรุ่งนี้มีพรีเซนส์ 02:17 น.
Cross xx : ที่ตึกคณะห้อง 401 มาดูป่าว 02:17 น.
Cross xx : เพลิน 02:19 น.
Cross xx : เป็นอะไรรึป่าว? ให้ไปหาตอนนี้เลยไหม 02:28 น.
" " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " " "
สิ่งที่เราชอบที่สุดในตอนนี้คือ 'เวลา' ที่ครอสตอบแชทไลน์เพลิน
ช่วงเวลา 2.19 น. ถึง 2.28 น.คือช่วงเวลาที่ผู้ชายคนนี้รอคำตอบจากเพลินอย่างกระวนกระวาย
ขั้นกว่าของ อยากเจอ คือ อยู่ไหนเดี๋ยวไปหา ค่ะ