**สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559  (อ่าน 84459 ครั้ง)

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เราชอบองค์รัชทายาทจจังเลย

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
หยั่งความคิด
ลองเชิงกันอยู่เงียบ ๆ

กว่าจะรักกันได้คงเหมือนหาทางออกจากค่ายกล

ออฟไลน์ tsukishi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
บทที่ 12 : กลอุบาย (2)


      เช้านี้ช่างไม่น่าพิศมัยเอาเสียเลย...

      นี่คือความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวของหลิวช่างหลินที่เพิ่งตื่นขึ้นมาได้ไม่นานนักหลังจากหลับๆตื่นๆบนรถม้ามาครึ่งคืน ส่วนตัวต้นเหตุที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลู่ซือเหยียนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร กลิ่นหอมน่ารับประทานที่โชยมาต้องจมูกนั้นไม่ได้กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากอาหารแม้แต่น้อย

     "เป็นอะไรไป ท่านไม่ทานรึ" ลู่ซือเหยียนเลิกคิ้วถามขึ้นหลังจากเห็นว่าคนที่ร่วมโต๊ะเอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ยอมแม้แต่จะจับตะเกียบขึ้นมา ทั้งๆที่เขาให้คนจับมือของอีกฝ่ายไปแตะที่ตำแหน่งของแต่ละอย่างบนโต๊ะอาหารแล้ว "หรือท่านต้องการให้ข้าป้อน?" ประโยคนี้เอ่ยเย้าออกมาไม่จริงจังนัก ทว่ากลับทำให้ร่างโปร่งยอมจับตะเกียบขึ้นมาในที่สุด

      "ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านแม่ทัพลู่ ข้าทานเองได้" หลิวช่างหลินตอบเสียงเย็นชาประหนึ่งน้ำแข็ง พื้นอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่หนักกว่าเก่า อาหารเลิศรสเช้านี้ถูกบุรุษหน้าชังผู้หนึ่งทำให้เสียรสชาติไป น่าเสียดายยิ่งนัก

       ลู่ซือเหยียนมองมือเรียวขยับตะเกียบอย่างคล่องแคล่วจนดูไม่เหมือนคนตาบอดอย่างสนใจ ความจริงแล้วท่วงท่าของอีกฝ่ายนั้นช่างงามสง่าสมกับที่เป็นชนชั้นสูงโดยกำเนิด เสียแต่ว่าพอยื่นมาคีบกับข้าวกลับคีบไม่ค่อยเจอตัวเนื้อเอาเสียเลย สิ่งที่ได้ทานเลยมีแต่ผักเสียเป็นส่วนใหญ่

      ดูท่าทุกวันจางเหลียนคงเป็นคนคีบกับข้าวให้เป็นแน่

      "ท่านทานแต่ผัก อร่อยนักหรือ?" คนมองเปิดปากถามในที่สุดทำให้มือเรียวที่กำลังคีบอาหารเข้าปากชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะขยับส่งอาหารเข้าปากโดยราบรื่น รอจนเคี้ยวกลืนลงคอ ยกผ้าซับที่ริมฝีปากเสร็จจึงเอ่ยตอบด้วยสีหน้าแฝงไปด้วยความไม่พอใจ

      "ท่านมิใช่มิรู้ว่าข้าพิการ ดวงตาทั้งสองข้างบอดสนิทไปแล้ว คำถามนี้ท่านตั้งใจจะเสียดสีข้างั้นรึ"

      ลู่ซือเหยียนมิคาดว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้ จึงได้นิ่งไปชั่วขณะ ความรู้สึกผิดคลายตีขึ้นมาระลอกหนึ่ง ทว่าก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาเอ่ยตอบว่าตนเองไม่ได้เจตนาไปคำหนึ่ง ลังเลอยู่เพียงเสี้ยววิ ก็ยื่นตะเกียบไปคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่ง  จัดการเลาะก้างแล้วนำไปวางไว้ที่ชามข้าวของหลิวช่างหลิน

     "ท่านอย่าได้โกรธ ข้ามิได้ตั้งใจจะเสียดสีท่าน ท่านทานต่อเถอะ ข้าจะคีบเนื้อให้ท่านเอง ถือว่าเป็นคำขอโทษจากข้าที่ไม่ละเอียดอ่อนเองก็แล้วกัน"

     หากบอกว่าการที่ได้นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับลู่ซือเหยียนทำให้ความอยากอาหารลดลงแล้วล่ะก็ การกระทำนี้ของแม่ทัพใหญ่ท่านนี้ก็ทำให้คิ้วเรียวต้องขมวดเป็นปมแน่นกว่าเดิม

     แม่ทัพใหญ่ผู้นี้คิดจะทำอันใดกับเขากันแน่ คิดจะทำให้เขายอมอ่อนข้อให้งั้นหรือ

     "ไม่จำเป็น ข้าทานเองได้" คำพูดเดิมถูกกล่าวซ้ำอีกครั้ง น่าเสียดายที่บุรุษเนื้อหนังหนาด้านทนทานเช่นลู่ซือเหยียนกลับไม่ยอมรับฟัง คีบเนื้อส่งเข้าชามของอดีตรัชทายาทเรื่อยๆราวกับเป็นคนหูหนวก

     "ท่านรู้ตัวว่าไม่สะดวกก็อย่าถือทิฐินักเลย" น้ำเสียงของลู่ซือเหยียนจริงจังยิ่งนัก "ต่อจากนี้จางเหลียนจะไม่ได้เข้ามารับใช้ท่านตลอดเวลาแล้ว หากยังไม่อยากอดตายไปก่อนจะได้เล่นงานข้าอีกครั้ง ท่านก็ทานเข้าไปดีๆเถอะ"

      หลิวช่างหลินขรึมลงเล็กน้อย เขาไม่ใช่เด็กน้อยไร้เดียงสา ความนัยที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อทำไมเขาจะไม่ทราบ ความจริงที่ทางต้าเสียงยอมให้จางเหลียนอยู่รับใช้ข้างกายเขามาได้นานขนาดนี้ก็นับว่าน่าประหลาดใจแล้ว

      "ท่านจะไม่ฆ่าเขาใช่หรือไม่"

      "ตราบใดที่ท่านทำตัวดี ว่าง่าย ข้าจะไม่ฆ่าเขาก็แล้วกัน"

      อดีตองค์รัชทายาทสูดลมหายใจเข้าลึก สงบอารมณ์ของตนเองให้กลับมาสงบนิ่งดังเดิม เขามิได้เอ่ยตอบรับลู่ซือเหยียนด้วยคำพูด ทว่าแสดงออกด้วยการคีบเนื้อที่ฝ่ายนั่นส่งมาให้ก่อนหน้าเข้าปากเป็นการตกลง

      เห็นร่างโปร่งยอมทานของที่ตนคีบให้แล้ว ริมฝีปากของคนมองก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วค่อยลงมือทานอาหารต่อบ้าง

      หนึ่งคีบส่ง หนึ่งคีบทาน ต่างคนต่างไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ทว่าบรรยากาศก็หาได้เยือกแข็งดังเช่นตอนแรกเริ่ม ทำให้เหล่าข้ารับใช้ที่คอยรินชาให้อยู่ข้างๆพอหายใจหายคอสะดวกขึ้นมาหน่อย
     
       แต่ว่านะ รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่คล้ายจะไม่จางลงเลยใช่หรือไม่ ขนาดพวกเขารับใช้ท่านแม่ทัพมานาน ยากนักที่จะได้เห็นรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเยี่ยงนี้

     ดูพึงพอใจ ทว่าแฝงไปด้วยความเย็นชา

     ข้ารับใช้ลอบมองรอยยิ้มของผู้เป็นนายได้ไม่นานนักก็ต้องหลุบตาต่ำลง เอาเถิด ท่านแม่ทัพจะรู้สึกอย่างไร หรือต้องการอะไรล้วนไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถอาจเอื้อมไปคาดเดาได้นานแล้ว

      อ่านใจท่านแม่ทัพใหญ่ได้ ก็ไม่สำคัญเท่ารักษาหัวของตัวเองไว้ได้หรอก!


************


เผลอกดอัพนิยายที่เด็กดีไปก่อน เลยเอามาลงที่นี่ไปด้วยซะเลย จะได้เท่าๆกัน ;v;

เหมือนจะหนิดหนม แต่ไรท์รู้สึกหนาวหนักมากค่ะ คู่นี้มันจะรักกันได้จริงๆไหมเนี้ย //ปาดเหงื่อ

ที่เอามาอัพนี่ก็ราวๆ 1/3 รอแต่งจบตอนแล้วจะมาลงให้ครบค่า

#ช่วงนี้งานรุมเร้าหนักมาก อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงก็อย่าลืมเม้นส่งแรงใจ(และพลังชีวิต)ให้ไรท์ตัวน้อยๆคนนี้ด้วยนะค้าาา

//ว่าแล้วก็กลับไปจมงานต่อ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ไม่รู้สึกถึงความหนิทหนมเลยค่ะ... แต่ความหนาวนี่เต็มๆเลยเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ตอนนี้ก็หวานอมขมดีนะ

ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เขาจะรักกันไงเนี่ยยยย

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
ทำไมดูซึนกันขึ้นเรื่อยๆ

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
โอ๊ยยยยยน่าร้ากกกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
หาความหวานไม่เจอค่ะ 55555
ในมุมมองของหลิวช่างหลินก็คงไม่ได้รู้สึกดีหรอกมั้งคะ
แล้วจะไปรักกันได้ยังไง .... :katai1:

ออฟไลน์ tsukishi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ mass

  • "Smile! It increases your face value." -Steel Magnolias (1989)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากอ่านต่อแล้วค่ะ รบกวนด้วยนะะะะ เพิ่งเคยอ่านพีเรียดจีนเรื่องแรกเลย ติดต่อ ชอบบรรยากาศของเรื่อง มันดูดราม่า แต่ถ้าทางหวานมาก พระเอกดูท่าอีกหน่อยจะหลงนายเอกมากกกก

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
ท่านแม่ทัพนี่ถือหลักตื้อเท่านั้นที่ครองโลกสินะคะ

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
ยังไม่ได้อ่านแต่บวกให้ก่อน เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
มันจะรักกันได้จริงๆใช่ปะ? ไม่ใช่ท่านแม่ทัพทำเสน่ห์ใส่ช่างหลินนะ
รู้สึกถึงความหนาวยะเยือกทุกครั้งที่2คนนั้นอยู่ด้วยกัน มาอัพอีกน้า

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
รอติดตามคะ >< มาตามอ่านรวดเดียว สนุกจนหยุดไม่ได้จริงๆ +++เป็ดให้ทุกตอนไปเลยคะ

ออฟไลน์ empty102153

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากเลยค่ะ ติดใจมาก
มาต่อเถอะนะคะ อยากอ่านต่อมากๆเลยค่ะ  :ling1:

ออฟไลน์ mass

  • "Smile! It increases your face value." -Steel Magnolias (1989)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาต่อเถอะสะดุดตา อย่าหายไปเลยนานแล้วค่ะ คิดถึงงงง :mew4: :hao5: :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
มีรสหวานในความเย็นชา
รสชาตินี้ล่อลวงใจยิ่งนัก

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
มาอัพหน่อยสิคะ อยากอ่านแล้วววว

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0



ต่อ กลอุบาย 2 (3/3)


ขณะเดียวกัน ในห้องที่ไม่ไกลจากจุดที่ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองอยู่มานัก

      จางเหลียนกำลังอารมณ์ไม่ดีถึงขีดสุดแล้ว ตะเกียบไม้เนื้อดีที่อยู่ในมือสั่นระริกคล้ายจะหักกลางได้ทุกขณะ แววตาเกรี้ยวกราดจ้องมองไปที่เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทเบื้องหน้าที่ยังคงรับประทานอาหารเงียบๆคล้ายไม่รู้สึกถึงอารมณ์คุกรุ่นของเขา

     "นายเจ้า ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่"

     หานหลงซานเหลือบตาขึ้นมามองใบหน้าอีกฝ่ายเล็กน้อย แล้วคีบอาหารเข้าปากต่อไปไม่ยอมตอบ

      "ทำไม เดี๋ยวนี้เจ้ากลายเป็นคนของต้าเสียงแล้ว เชลยศึกเช่นข้าคงหาได้มีสิทธิ์ที่จะถามเจ้าแล้วสินะ" จางเหลียนเอ่ยเสียงเย็น คราวนี้ไม่ได้เสียดสีอะไรต่อแม้แต่คำเดียว ก้มหน้าก้มตาทานอาหารไม่สนใจอีกฝ่ายอีก

      ผู้ที่ถูกเมินผ่อนลมหายใจเบา ทั้งยังรู้สึกหนักใจอย่างบอกไม่ถูก ท่านแม่ทัพใหญ่ให้เขาทำงานนี้ แทนที่จะเรียกว่าไว้ใจ ควรพูดว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันมากกว่า...

     หรือควรจะเรียกว่าบทลงโทษของคนที่กำลังโลเล?

     หานหลิงซานทานต่อได้อีกไม่กี่คำก็วางตะเกียบลง ยกชาร้อนหอมกรุ่นขึ้นจิบเป็นการจบมืออาหาร

     "ต่อไปนี้เจ้าต้องอยู่ที่นี่ ห้ามก้าวออกจากห้องเด็ดขาด นี่เป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพลู่ หากขัดขืน จะโทษว่าเราดูแลองค์ชายไม่ดีไม่ได้"

      "เจ้าขู่ข้า..." จางเหลียนคำรามเสียงต่ำในลำคออย่างโกรธแค้น

      "จากวันเวลาที่เจ้ารู้จักท่านผู้นั้น เจ้าไม่ควรถือว่าคำพูดของเขาเป็นการข่มขู่" หานหลงซานเพียงเอ่ยเสริมประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ออกยืนที่หน้าห้อง ทิ้งให้บัณฑิตหนุ่มยืนหน้าดำหน้าแดงอยู่เพียงผู้เดียว

      เจ้าคนทรยศ น่าตายนัก จางเหลียนแค่นในใจ ขณะที่กำลังจะกวาดข้าวของบนโต๊ะระบายอารมณ์ ดวงตาก็เหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษสีหม่นที่วางนิ่งอยู่ข้างชามข้าวของตนเอง หลังจากหันซ้ายหันขวาสำรวจว่าไม่มีใครอยู่รอบๆแล้ว มือเรียวจึงยื่นไปคว้าแผ่นกระดาษนั้นขึ้นมาอ่าน

      .....นี่..มัน...

*********

      ท่ามกลางความจอแจของตลาดยามเช้าของฉานโจว หนึ่งในเมืองใต้ปกครองของต้าเสียง รถม้าหรูหราคันหนึ่งแล่นเข้ามาช้าๆ ชาวบ้านร้านตลาดที่คราแรกยังเดินกันอยู่แน่นเต็มถนนก็พากันหลีกเข้าริมทาง แหวกพื้นที่ให้รถม้าคันนั้นวิ่งผ่านไป

      ชาวเมืองพากันมองไล่หลังรถม้าคันนั้นเต็มอยากรู้อยากเห็น เพราะไม่ค่อยมีชนชั้นสูงคนไหนขี่รถม้าเข้ามาในเขตตลาดเช่นนี้มาก่อน แต่ถึงจะสงสัยมากแค่ไหน อย่างไรก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปขวางรถม้าคันนั้นอยู่ดี

       ภายในรถม้าเตาอุ่นเล็กๆถูกตั้งไว้ไม่ไกลจากร่างของผู้โดยสารเท่าใดนักกำลังคุกรุ่นส่งไอร้อนขับไล่ความหนาวเย็นจากหิมะสีขาวโพลนซึ่งโปรยปรายอยู่ด้านนอก พู่แพรไหมสีทองที่ประดับอยู่ริมหน้าต่างแกว่งเบาๆไปตามจังหวะการเคลื่อนไหวของตัวรถซึ่งกำลังวิ่งลึกเข้าไปในตลาดมากขึ้น มากขึ้น...

      "ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ" คนขับรถม้าเอ่ยขึ้นมาในจังหวะที่กระโดดลงจากรถ เลิกผ้าไหมหนาหนักตรงประตูรถม้าเปิดออกให้คนด้านในก้าวออกมา ชายเสื้อสีขาวปักลายเมฆเป็นสิ่งแรกที่โผล่พ้นกรอบประตู ก่อนชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าในชุดผ้าไหมสีขาวผู้หนึ่งจะออกมาจากรถม้าและก้าวลงโดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้ใด ท่วงท่าการเคลื่อนไหวดูคล่องแคล่วปราดเปรียวอย่างคนฝึกยุทธ์ ดวงหน้ากระจ่างภายใต้แสงอาทิตย์แลดูปลอดโปร่งผ่อนคลาย

       สถานที่ที่รถม้ามาจอดอยู่นั้นเป็นเหลาอาหารขนาดเล็ก เหนือกรอบประตูมีป้ายไม้ที่มีอักษรตวัดอยู่เป็นคำว่า 'โหร่วเหลียน' ภายในเหลามีลูกค้านั่งอยู่ไม่มากนักล้วนเป็นคนที่แต่งตัวเช่นชนชั้นสามัญที่มีฐานะเล็กน้อยทั่วไป เถ้าแก่ร้านเห็นรถม้าหรูหราขนาดนี้มาจอดอยู่หน้าร้านก็ไม่กล้าชักช้า แล่นเข้ามาต้อนรับขับสู้ด้วยตนเอง เชื้อเชิญให้ชายหนุ่มในชุดขาวขึ้นไปชั้นบนที่จัดไว้เป็นห้องส่วนตัว

       เมื่อขึ้นมาถึงด้านบน ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง ริมฝีปากของผู้มาใหม่ก็ขยับโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้าง เร่งฝีเท้าเข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารด้านใน บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่เต็มส่งกลิ่นหอมยวนเย้ากระตุ้นให้คนได้กลิ่นอยากอาหาร รายการที่วางอยู่แต่ละอย่างเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมาปรากฎอยู่บนโต๊ะของเหลาอาหารเล็กๆแห่งนี้ได้พอๆกับร่างในชุดหรูหราสีดำสนิทซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว

      "พี่ใหญ่หลี่" ชายหนุ่มชุดขาวเรียกชายชุดดำที่นั่งอยู่ก่อนด้วยน้ำเสียงสนิทสนม ทิ้งตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้ามโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเชิญ ฝ่าย 'พี่ใหญ่หลี่' คิ้วกระตุกน้อยๆ

      "ข้าอายุน้อยกว่าเจ้าแม่ทัพหน้าตายนั่นแท้ๆ เหตุใดข้าถึงกลายเป็นพี่ใหญ่แล้วเจ้านั่นเป็นพี่รองไปได้? ฝ่าบาทคำนวนอะไรผิดไปหรือไม่" หลี่รุ่ยเต๋อเปิดปากมาก็แย้งวิธีการเรียกของอีกฝ่ายทันที ฝ่ายคนฟังได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มบนหน้าก็ยิ่งเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม

       "นั่นเพราะตอนเด็กๆท่านอยากเป็นพี่ใหญ่ไม่ใช่หรือ ข้าจะขัดท่านได้อย่างไร" ชายหนุ่มชุดขาวตอบด้วยน้ำเสียงระรื่น ทำเอาคนร่ำร้องจะเป็นพี่ใหญ่ต่อคำไม่ได้ พ่นเสียงหึแล้วถอนหายใจออกมาหนัก พัดในมือพัดเอาลมเข้าหาตัวแรงๆทั้งที่อากาศตอนนี้เรียกได้ว่าหนาวเสียดกระดูก

      "นั่นเพราะตอนอายุยังน้อย ตัวข้ายังเป็นเด็กชายใสซื่อไร้เดียงสา หากรู้ว่าเป็นพี่ใหญ่แล้วต้องแบกภาระ วิ่งไปทางนั้นที ทางนี้ทีแบบนี้ ข้าไม่ขอนับพวกท่านเป็นพี่น้องเด็ดขาด" หลี่รุ่ยเต๋อบ่นพึมพำ ยิ่งเห็นคนฟังทำหน้าเป็นแล้วยิ่งอยากจะส่ายหน้าแรงๆ ตัดสินใจเข้าเรื่องทำงานดีกว่า หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ บนซองจ่าหน้าถึง 'องค์ชายสาม' อย่างชัดเจน

      เมื่อหลี่รุ่ยเต๋อหยิบจดหมายฉบับนั้นออกมา สีหน้าของอมยิ้มของชายหนุ่มชุดขาวก็นิ่งขรึมลงทันตา หยิบจดหมายออกจากซองแล้วคลี่ออกไล่สายตาอ่านทีละตัวอักษรอย่างตั้งใจ เมื่ออ่านจบ แววตาของคนอ่านก็เปลี่ยนไปทันที เขาพักกระดาษในมือ แล้วสอดลงอกเสื้ออย่างบรรจง ถึงตอนนี้เพิ่งกลับมาสนใจคู่สนทนาอีกครั้งก็ตอนนี้ สีหน้ามีความกังวลใจฉายอยู่อย่างชัดเจน

      "นี่ออกจะเสี่ยงอยู่มาก...แผนการนี้ ใช่เสี่ยงเกินไปหรือไม่?"

       หลี่รุ่ยเต๋อเลิกคิ้ว พริบตาต่อมาก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น จวบจนโดนถลึงตาใส่นั่นแหละถึงจะเก็บอาการให้สงบลงมาได้ "องค์ชายสาม ท่านใช่เพิ่งรู้จักเจ้าบ้านนั่นวันนี้ ยังถามอีกหรือว่าเสี่ยงเกินไปหรือไม่?"

      ชายหนุ่มในชุดขาว ซึ่งก็คือ องค์ชายสามหวงเว่ยหงแห่งต้าเสียงพลันกระจ่าง เพิ่งนึกออกตอนนี้เองว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขาพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายทันที

      "เว่ยหงเข้าใจแล้ว พี่ใหญ่อย่าหัวเราะอีกเลย เดี๋ยวชาจะติดคอท่านตายเสียเปล่าๆ"

      หลี่รุ่ยเต๋อสะดุ้ง นึงถึงตอน 'ชาติดคอ' ครั้งก่อนแล้วก็ต้องรีบกระแอมไอกลืนเสียงหัวเราะที่หลงเหลืออยู่ในคอลงท้องไปทันควัน หวงเว่ยหงเห็นเป็นเช่นนั้น รอยยิ้มสบายอารมณ์ก็กลับมาบนหน้าอีกครั้ง องค์ชายหนุ่งถึงกลับหยิบพัดขึ้นมาโบกเลียนแบบท่าทางของอีกฝ่าย

      "พี่รองคิดแผนน่าสนุกเช่นนี้ออกมาได้ เว่ยหง จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน"

      "ข้าจะรอฝั่งเรื่องน่าสนุกก็แล้วกัน"

*********


หนึ่งเดือนต่อมา ค่ายทหารต้าเสียง เมืองโจว แคว้นต้าซาง

        "ท่านมาอีกแล้ว" เจ้าของกระโจมตัวจริงเอ่ยกับแขกที่วนไปเวียนมาราวกับที่นี่เป็นที่ของตัวเองด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แฝงไปด้วยความไม่ต้อนรับ ซึ่งหาได้ทำอันใดคนฟังได้ไม่ ลู่ซือเหยียนถือวิสาสะนั่งลงข้างๆไม่ใส่ใจ

      "ใช่ ข้าอีกแล้ว ท่านสบายดีหรือเปล่า'

      "ถ้าไม่นับรวมที่ท่านมารบกวนข้าทุกวัน ก็นับว่าสงบสุขดี" หลิวช่างหลินตอบคำถามด้วยถ้อยคำที่ยังไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ถึงจะรู้ว่าคำพูดพวกนี้ทำอะไรหนังหนาๆของท่านแม่ทัพใหญ่ข้างๆไม่ได้ก็ตาม

      "กลัวแต่ว่าท่านจะรู้สึกไม่สบาย ย้ายเป็นระยะแบบนี้ ถ้ามีอะไรไม่สะดวกก็บอกข้าก็แล้วกัน" ลู่ซือเหยียนไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยจริงๆ...

      ทั้งสองต่างคนต่างนั่งจิบชาของตัวเองดังเช่นทุกคราที่แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงผู้นี้มาเยือน ใช้ความเงียบเป็นหัวข้อสนทนาร่วม ไม่มีผู้ใดเอ่ยปากก่อน และจะเป็นเช่นนี้จนกระทั่งมีคนมารายงานอะไรบางอย่างกับลู่ซือเหยียนจนต้องลุกออกไป

      หลิวช่างหลินไม่เคยเข้าใจการกระทำนี้ของอีกฝ่าย หากกังวลว่าเขาจะหนีออกไป ส่งทหารฝีมือดีสักสี่ห้าคนมาเฝ้ายังได้ผลดีกว่าการแวะมาผลาญเวลาไปเปล่าๆเช่นนี้

       ถึงเขาจะไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรกับความเงียบเช่นนี้ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะคิดไม่เหมือนกัน จังหวะลมหายใจของลู่ซือเหยียนแปลกไปเล็กน้อย ลึกขึ้น ช้าลงคล้ายกำลังครุ่นคิด

       คิดเรื่องอะไรก็คิดไปเถอะ เขาไม่อยากจะเสียเวลาเดา

       "ท่านแต่งงานหรือยัง?" อยู่ๆลู่ซือเหยียนก็โพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้คนถูกถามต้องขมวดคิ้วแน่นๆ..

       "ข้าแต่งงานแล้วหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับท่าน?" คิดจะจับตัวประกัน มาถามอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ หรือว่าคิดจะข่มขู่อะไรเขาอีก สีหน้าของหลิวช่างหลินเย็นชาถึงขีดสุดแล้ว  "ท่านไม่จำเป็นต้องใช้ใครมาข่มขู่ข้าอีก รอบกายข้าทุกวันนี้มีแต่คนของท่าน ต่อให้อยากทำอะไรก็ทำไม่ได้"

       ใบหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงไม่น่าดูเท่าไหร่นัก คล้ายไม่ยินดีจะถามเช่นนี้ เสียแต่คนตาบอดไม่อาจมองเห็นความลำบากใจของเขาได้ จึงได้แต่พยายามข่มน้ำเสียงให้ราบเรียบ

       "ข้ามีข้อเสนอมาให้ท่าน"

       ประโยคนี้กระตุ้นความสนใจของหลิวช่างหลินได้ในที่สุด เขาวางจอกชาลงเป็นเชิงรับฟัง ท่าทางประหนึ่งนายเหนือหัวบัญชาผู้ใต้บังคับบัญชา "ว่ามา"

        "ข้าอยากให้ท่านมาเป็นคนรักของข้า" ลู่ซือเหยียนกล่าวออกมารวดเดียว "แค่แสร้งเป็นเท่านั้น หากท่านรับข้อเสนอ ข้าสัญญาว่าภายในสามปี ข้าจะละเว้นค่ายสุดท้ายของต้าซางที่หุบเขาดำ"

        เทียบกับประโยคแรกแล้ว สิ่งที่ทำให้ดวงตาไร้แววเบิกกว้างขึ้นอย่างแท้จริงกลับเป็นประโยคหลัง สามปี นั่นเพียงพอกับการตั้งตัวและสร้างกำแพงที่แข็งแกร่ง ค่ายเฮยเซ่อเป็นด่านสุดท้ายที่เหลือของต้าซางแล้ว ไม่คิดว่าลู่ซือเหยียนถึงกลับกล้ายื่นข้อเสนอนี้

      หากช้าไปก้าวเดียว ต้าซางอาจจะหลุดมือไปจริงๆ กับข้อเสนอที่ไร้แก่นสารเช่นนี้ลู่ซือเหยียนกล้าได้อย่างไร!


*************************



   
กลับมาแล้วค่า กลับมาช้าอย่างสมควรตาย ต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านด้วยค่ะ ชีวิตช่วงนี้ของคนเขียนติดหล่มอย่างจริงจัง เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น จนเรื่องนี้จะกลายเป็นนิยายรายปักษ์แล้ว 5555 //โดนฆ่า

ตัวละครหลักๆออกมาครบแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มดำเนินเรื่องของคู่หลักได้สักที เรามาลุ้นไปพร้อมๆกันนะคะ ว่าสองหน่อด้านบนนั่นเขาจะรักกันได้ยังไง 555

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
โอวววว ท่านแม่ทัพ มีแผนไรเนี่ย

คนเขียนรักษาสุขภาพนะคะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ยังสนุกไม่เปลี่ยนแปลงเลย

ออฟไลน์ mass

  • "Smile! It increases your face value." -Steel Magnolias (1989)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดีใจจจจจจจ มาต่อแล้ว ทำไมท่านแม่ทัพขออะไรแบบนี้ขึ้นมาง่ายๆล่ะ :impress2: ขอบคุณที่มาต่อนะคะ มาอีกนะค้างเลย :mew1: :L1: :กอด1:

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :katai4: อยากจะรู้แผนทันแม่ทัพนัก ว่าจะมีอะไรต่อ หรือนี่ค่อแผนลวงเพื่อเอาช่างหลินมาไว้กับตัวเลย อิอิ

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
บทที่ 13 : คู่รัก? (1/3)

**********


           เช้าวันต่อมา วันนี้เหล่าทหารกล้าที่เดินอยู่ในค่ายต่างพากันเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง คล้ายประสาทการรับรู้ถูกทำร้ายอย่างหนักหน่วง แต่ละคนพากันยกมือขยี้ตาแรงๆในระหว่างที่เหลือบมองไปยังร่างสองร่างที่เดินเคียงคู่กันอย่างแนบชิดสนิทสนมราวกับเป็นคู่รักหนุ่มสาวในงานเทศกาลหยวนเซียว*(1) เสียแต่เจ้าของร่างทั้งสองนั้นกลับเป็นบุรุษทั้งคู่ทั้งยังเดินอยู่ในค่ายทหารที่มีแต่พวกทหารหน้าตาเถื่อนๆเต็มไปหมด ยังไม่พอ สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือคนสองคนนั้นหนึ่งคืออดีตองค์รัชทายาทแห่งต้าซางที่ถูกจับมาเป็นตัวประกันตั้งแต่ตีเมืองหลวงได้เมื่อหลายเดือนก่อน อีกหนึ่งคือแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียง ลู่ซือเหยียน ผู้กุมอำนาจสูงสุดเหนือกองทัพต้าเสียงในแผ่นดินต้าซางตอนนี้!

       สองท่านนี้ ได้ข่าวว่าไม่ถูกกันไม่ใช่หรือ ไฉนถึงได้มาเดินเคียงคู่กระหนุงกระหนิงกันได้?

       "ตรงนี้เป็นค่ายพักของพวกนายกอง ท่านยังเดินไหวหรือไม่ อยากนั่งพักก่อนหรือเปล่า ถ้ายังไหวก็เดินต่ออีกหน่อย ไม่เกินสองเค่อก็ถึงริมแม่น้ำแล้ว แถวนี้อากาศมีแต่กลิ่นเหงื่อเหม็นๆของพวกทหาร ไม่ค่อยดีต่ออาการของท่านนัก"

       ดูสิดู! จะไม่ให้พวกเขาตื่นตนกได้อย่างไร เมื่อไหร่กันที่ท่านแม่ทัพใหญ่ของพวกเขาเริ่มพูดจาอ่อนโยนด้วยรอยยิ้มหวานเลี่ยนเช่นนี้! บรรดาทหารที่น่าสงสารหน้าเขียวหน้าเหลืองกันเป็นทิวแถว แต่ครั้นจะทิ้งงานเลี่ยงเรื่องน่าอับอายของท่านแม่ทัพก็ไม่อาจทำได้ จึงได้แต่พยายามทำเป็นหูหนวกตาบอด ตั้งใจทำงานของตัวเองต่อไปโดยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอันใดทั้งสิ้น

      ดีนะดี ดีที่กองทหารส่วนนี้เป็นกองที่ขึ้นตรงต่อท่านแม่ทัพมาตั้งแต่เจ้าตัวเริ่มเข้ากองทัพใหม่ๆเลยยังพอปิดปากกันได้ มิเช่นนั้นข่าวลือแปลกๆหลุดออกไปเมื่อไหร่ ชื่อเสียงของท่านแม่ทัพใหญ่ได้ป่นปี้เป็นแน่!

       "ข้าก็อยู่ในกองทหารมาหลายเดือนท่านเพิ่งมารู้สึกตอนนี้หรือ ว่ามันไม่ดีต่อจมูกข้า" น้ำเสียงของอดีตรัชทายาทองค์นั้นคล้ายกำลังไม่สบอารมณ์เล็กน้อย พร้อมกับเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ทำเอาร่างสูงที่ยืนเคียงข้างต้องรีบเอ่ยประจบเอาใจ

       "ซือเหยียนผิดไปแล้ว ท่านอย่าได้โกรธ ที่พักที่นี่ปลอดภัยที่สุดแล้ว แม้ไม่ดีต่อจมูกไปบ้าง ต่อไปข้าจะให้สาวใช้เอาเครื่องหอมมาให้ท่านเพิ่มดีหรือไม่ จางเหลียนก็จะให้กลับมารับใช้ท่าน แบบนี้ดีหรือไม่....." ท่านแม่ทัพประจบยังไม่ทันจบประโยค คนทั้งคู่ก็เดินออกห่างออกไปแล้ว รอจนลับร่างสูงใหญ่น่าเกรงขาม กองทหารที่สงบนิ่งคล้ายถูกหยุดเวลาก็วุ่นวายขึ้นมาทันทีราวกับผึ้งแตกรัง

        "สวรรค์! ท่านแม่ทัพบ้าไปแล้ว รีบไปเชิญท่านหมอโจวมาเร็ว!"
 
        "เร็วเข้า รีบไปรายงานท่านกุนซือเร็ว ท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้ว!!"


**********

บทที่ 13 : คู่รัก? (1/3)
ส่วนที่เหลือ >> ต่อหน้า 8 ค่ะ

**********

          *(1)เทศกาลหยวนเซียว ในเดือนแรกของปฏิทินจันทรคติเรียกว่า เดือนหยวน, และในสมัยก่อนเรียกเวลากลางคืนว่า เซียว ในภาษาจีนกลาง ดังนั้น ในประเทศจีนวันนี้จึงถูกเรียกว่า เทศกาลหยวนเซียว (元宵). ในวันที่ 15 ของเดือนแรกในปีจันทรคตินี้เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวง full moon. ตามประเพณีของลัทธิเต๋าวันที่ 15 ในเดือนแรกของปฏิทินจันทรคติ เรียกว่า ซ่างหยวน ตรงกับคำเรียก "เทพแห่งฟ้า" " ท่านเป็นผู้ที่ชอบแสงสว่าง และวัตถุแห่งความสุข ดังนั้น ผู้คนจึงได้แขวนโคมไฟสีสันสวยงามนับพันๆ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณท่าน ในปัจจุบันผู้คนจะมีการละเล่นแก้ปริศนาที่อยู่ในโคมไฟ และกินขนมบัวลอยในเทศกาลหยวนเซียว yuanxiao เรียกว่า ขนมทังหยวน tangyuan(จีนตัวย่อ: 汤圆; จีนตัวเต็ม: 湯圓; พินอิน: tāngyuán) และครอบครัวก็มีการมารวมตัวกันอย่างมีความสุข.[3]

กำลังตรวจภาษาตอนที่เหลือค่ะ ขอบคุณทุกคอมเม้นให้กำลังใจก่อนหน้าน้า มีแรงฮึดปั่นต่อขึ้นมาทันทีเลยค่ะ ช่วงนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆมาก ไม่กล้ามาจิ้มตรวจแก้ภาษาตัวเองเลย กลัวเรื่องเพี้ยน 55555

ตรวจส่วนแรกเสร็จอ่านแล้วชอบ เลยกดเปิดให้อ่านก่อน ส่วนที่เหลือ จะพยายามเรียบเรียงอารมณ์ตรวจอัพตามมาเร็วๆนี้นะคะ ตอนนี้เป็นตอนพักอารมณ์ ไม่มีช่วงเครียดๆค่ะ(?) ยังไงก็อย่าลืมคอมเม้นกันน้า ชอบตรงไหน ไม่ชอบตรงไหน เดี๋ยวจะปรับปรุงให้ดีขึ้นค่ะ ^^

ปล.เดี๋ยวจะลองทำแผนผังสรุปเหตุการณ์ตามที่มีคุณผู้อ่านแนะนำมาให้ดูนะคะ เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน คิดว่าหลายๆคนอาจจะงงจริงๆ ><
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2016 17:47:32 โดย NakiDGM14 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด