**สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **สุราใต้แสงจันทร์** [แนวจีนโบราณ] บทที่ 17 : ข่าวลือ (2) P.10 UP 18/12/2559  (อ่าน 84470 ครั้ง)

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
 :hao6:ตะลึง ตึงตึง ตามทหารแถวนั้นไปด้วย ดูคำที่แม่ทัพใช้เรียกตัวเองสิ  :-[

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
แอบเขินแทนเลยอะไรจะหวานอย่างงั้น

ออฟไลน์ mass

  • "Smile! It increases your face value." -Steel Magnolias (1989)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กำลังคิดอยู่ว่าผู้คนจะรับท่านแม่ทัพได้ไหม คิดว่ารักผช.ด้วยกัน แถมเป็นศัตรูอีก ส่วนองค์ชายดูน่าสงสารถ้าข้างแพร่ออกไปจะกลายเป็นคนทรยชไหม

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: คลิกเข้ามาอ่านด้วยความหวัง ทำไมเนื้อหามันมาแค่นี้ T_T

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ตายแล้วววว ทำไมท่านแม่ทัพน่ารักเยี่ยงนี้ :hao7:
แต่องค์ชายดูอารมณ์บูดมากกว่าอารมณ์พ่อแง่แม่งอนนะ 5555555
วางแผนอะไรกัน บอกมาเดี๋ยวเน้  :hao3:

มาต่อนิดนึงก็ดีใจแล้วค่า ดูแลสุขภาพด้วยนะค้า

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
แท้จริงแล้ว มันคือวิธีการจีบของแม่ทัพสินะ
 o13 o13

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เราไม่ค่อยอยากให้องค์ชายตกลงเรื่องนี้เลย...

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
ดีงามพระรามแปด มาต่อแล้วววววว
ท่านแม่ทัพนี่เล่นเอาเรื่องนี้มาต่อรอง ร้ายกาจเกินไปแล้วววววว

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

**********

ต่อตรงนี้ อัพเดท 29/05/16


**********


คืนก่อนหน้านี้ กระโจมพักของหลิวช่างหลิน

      "ข้าอยากให้ท่านมาเป็นคนรักของข้า" ลู่ซือเหยียนกล่าวออกมารวดเดียว "แค่แสร้งเป็นเท่านั้น หากท่านรับข้อเสนอ ข้าสัญญาว่าภายในสามปี ข้าจะละเว้นค่ายสุดท้ายของต้าซางที่หุบเขาดำ" น้ำเสียงช่างจริงจังจนคนฟังมิอาจคิดไปว่าคนพูดกำลังกล่าววาจาล้อเล่นไม่จริงจัง หลังจากชะงักค้างไปพักหนึ่งอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางก็คล้ายจะหาเสียงของตนเจอในที่สุด

     "ท่านพูดบ้าอะไรของท่าน ไข้ขึ้นอยู่รึ? หรือไปกินเห็ดเมามา?" กับข้อเสนอที่ดูไร้สาระแต่ผลตอบแทนกับหอมยั่วยวนข้อนี้ หลิวช่างหลินมิได้รีบกระโดดตะครุบตั้งแต่แรก  เขาเลือกใช้น้ำเสียงเย็นชาตอกกลับไปเป็นการบอกอ้อมๆว่าตนไม่เล่นด้วย

     สีหน้าของลู่ซือเหยียนเคร่งเครียดกว่าเดิม รู้ดีว่าการเจรจาครั้งนี้กับหลิวช่างหลินไม่ใช่ของง่าย แต่อย่างไรเล่า ในเมื่อไม่ว่าอย่างไร อีกฝ่ายก็ต้องยอมรับอยู่ดี เพียงเขาไม่อยากใช้การข่มขู่ก็เท่านั้น "ข้ามีสติสมบูรณ์ดี และข้าจริงจังตามที่พูด"

     "ท่านมาขอให้ข้าแสร้งเป็นคนรักของท่าน? มีความจำเป็นอันใดต้องทำเช่นนั้น ท่านแม่ทัพข้าหลิวช่างหลินมิใช่คนเอารัดเอาเปรียบคน ข้อเสนอที่ท่านเสียข้าได้เช่นนี้ ข้ามิอาจรับได้" หากไม่บอกรายละเอียดมาให้หมด อย่าคิดว่าเขาจะกระโดดลงหลุมที่ตัวเองวางไว้ง่ายๆเลย

       ความนัยของอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางนั้น ลู่ซือเหยียนเข้าใจและชัดแจ้งอย่างยิ่ง จากท่าทีของอีกฝ่ายไม่คล้ายจะบอกปัดอย่างเด็ดขาด ทว่าหากจะให้ตกลง เขาคงอมพะนำไม่พูดไม่จาคงไม่ได้ นิ่งอยู่ครู่ใหญ่ลู่ซือเหยียนก็ยิ้มเย็นๆออกมา เริ่มบอกเล่าแผนการของตัวเอง

      "ท่านก็รู้ว่าข้ามีผลงานใหญ่ยิ่ง ในการคว้าเอาชัยชนะเหนือต้าซางของท่าน"

      ใบหน้าของหลิวช่างหลินเรียบตึง แต่ก็ไม่ได้คัดค้านความจริงข้อนี้ คล้ายจะเข้าใจอะไรได้เลาๆ

      ลู่ซือเหยียนสังเกตสีหน้าของร่างโปร่งแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ท่านน่าจะรู้จักตระกูลของข้า ตั้งแต่รุ่นของบิดาข้าเป็นต้นมา ตระกูลลู่ก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คว้าชัยชนะเหนือศึกมากมาย มาตอนนี้ ข้าเอาชัยเหนือต้าซางของท่านได้ ท่านเป็นเชื้อพระวงศ์ คงรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร"

     ตระกูลลู่ทรงอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ จนเหยียบเข้าเส้นอันตรายแล้ว!

     สีหน้าคนฟังอ่อนลงเล็กน้อย เข้าใจความหมายของลู่ซือเหยียนดี ตระกูลที่มีอำนาจมากเกินไป ทั้งยังไม่ได้แต่งงานเข้าราชสกุล ไม่ต่างจากหอกข้างแคร่ อันตรายและไม่น่าไว้ใจอย่างที่สุด แล้วมันอย่างไรเล่า ตระกูลของศัตรูตกที่นั่งลำบาก มันเกี่ยวอะไรกับเขากัน? คำถามในใจฉายบนใบหน้าอย่างชัดจนมิอาจชัดเจนไปกว่านี้ ลู่ซือเหยียนมิใช่คนโง่ เขาย่อมเข้าใจสีหน้าของอีกฝ่ายดี

      "ตอนนี้ชาวบ้านกำลังยอมรับนับถือข้า หากมีข่าวเรื่องเสียหายร้ายแรงของข้าหลุดออกไปสักข่าว มิใช่ตระกูลของข้าปลอดภัยแล้วงั้นหรือ" ลู่ซือเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

      นี่หมายความว่าเช่นไร หมายความว่าลู่ซือเหยียนต้องการให้เขากลายเป็นเป้ารับคมหอกคมดาบของศัตรูแทนอย่างไรเล่า! บรรยากาศรอบตัวของหลิวช่างหลินนั้นเยือกเย็นประหนึ่งน้ำแข็ง "ข้าไม่คิดจะเอาศักดิ์ศรีของตัวเองไปแลกกับความปลอดภัยของตระกูลท่าน อีกอย่าง ข้าได้ยินว่า องค์จักรพรรดิของท่านไม่ใช่คนเยี่ยงนั้น จริงๆ เพียงท่านแต่งงานกับองค์หญิงของต้าเสียงเรื่องก็จบแล้ว"

     "ข้าไม่คิดจะแต่งงานกับนาง" เนื้อเสียงของลู่ซือเหยียนแข็งขึ้นทันที "ฝ่าบาทของข้าอาจจะไม่ใช่คนเช่นนั้น แต่คนข้างกายของฝ่าบาทหลายคนไม่ใช่ ที่นั่นมีคนมากมายถือมีดคอยแทงข้างหลังข้าไม่รู้เท่าไหร่ องค์หญิงที่ฝ่าบาทของข้าจะพระราชทานงานแต่งให้ ก็ไม่ใช่คนที่จะไว้ใจได้แม้แต่นิดเดียว"

      กล่าวตามตรง คราแรก ข่าวนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยออกมา ทว่าเป็นฝั่งขององค์ชายรองที่ได้ข่าวว่าเขาเข้าออกกระโจมของหลิวช่างหลินไม่เว้นแต่ละวันจงใจปล่อยออกมาเพื่อบ่อนทำลายเขา หวังใช้ข่าวนี้ทำลายชื่อเสียงดีงามที่ตระกูลของเขาสั่งสมมานานไม่รู้กี่ชั่วอายุคน คราแรกเขาโมโหจะแทบจะคว้าดาบควบม้ากลับไปบั่นคอเจ้าคนสมควรตายแล้วดีที่ได้จั๋วเจียหานจับเขาไว้ได้เสียก่อน และกล่อมให้เขามาเจรจากับหลิวช่างหลิน

      พลิกข่าวร้ายให้มาสร้างประโยชน์แก่ตนเอง ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยินดีกับแผนการนี้มากเท่าไหร่ เขาไม่นิยมการใช้ตัวตายตัวแทนมายืนรับอันตรายแทนตัวเองทั้งๆที่ตัวตายตัวแทนคนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ถึงจะปฎิเสธไม่ได้ว่าแรกเริ่มเขาพอใจในตัวอีกฝ่ายมาก นี่ยิ่งทำให้เขามิอยากใช้แผนการนี้

     แต่อำนาจมิเคยปล่อยให้ผู้ใดได้อยู่สบายอย่างแท้จริง ถึงเขาไม่อยาก ศัตรูของเขาย่อมไม่หยุดอยู่ด้วย ท้ายที่สุดเขาจึงยอมมานั่งอยู่ในจุดๆนี้ ลู่ซือเหยียนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "ข้ามิได้มาบังคับท่าน แต่ข้าลู่ซือเหยียนไม่เคยกลับคำพูด สิ่งใดที่ข้าให้สัญญา ย่อมหมายความว่าจะเป็นไปตามนั้น เป็นสิ่งที่ข้าจะรักษาด้วยชีวิต"

      สามปี เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาอันมีค่าที่หาไม่ได้อีกแล้ว ยิ่งเป็นต้าซางที่บอกช้ำจนเหลือเพียงปราการด่านสุดท้าย สามปีเป็นช่วงเวลาพลิกฟื้นที่ดีที่สุด หากต้าเสียงไม่ลงมือรุกไล่ต่อ

      "ท่านกำลังเอาแผ่นดินเกิดมาบังคับข้า อีกอย่างท่านกำลังให้ข้อเสนอที่จะทำให้ท่านกลายเป็นคนทรยศแผ่นดินของตัวเอง ข้ามั่นใจว่าฝ่าบาทของท่านต้องไม่ยอมเห็นด้วยกับเรื่องนี้แน่นอน" หลิวช่างหลินหรี่ตาลง เขาไม่เชื่อในคำสัญญาของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย อีกอย่าง...

      "สามปีเป็นสิ่งตอบแทนที่ข้ามอบให้ท่าน หากหลังจากสามปีมีคำสั่งบุกต่อข้าก็จะทำตาม ถ้าไม่..ก็ถือให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับท่าน อย่างไรต้าซางก็หาใช้แคว้นใหญ่อีกต่อไปแล้ว หาได้มีอำนาจที่จะคานอำนาจกับต้าเสียงได้อีก หากยอมแพ้แล้วเจรจากันดีๆ สิ่งที่ต้าเสียงจะมอบให้ต้องมิใช่ท่าทีแย่ๆอย่างแน่นอน" ลู่ซือเหยียนเพียงอธิบายความคิดของตัวเอง ความคิดที่รู้ดีว่าอีกฝ่าย...ย่อมไม่ปฏิเสธตนอย่างแน่นอน...

      นี่เป็นครั้งแรก ที่เขาไม่ยินดีในชัยชนะในการเจรจาอย่างแท้จริง แท้จริงแล้วแผนการนี้ไม่ได้มีผลประโยชน์เพียงแค่กับเขา แต่เกี่ยวข้องถึงบัลลังก์มังกรของต้าเสียงซึ่งเขาพูดออกมาให้อีกฝ่ายฟังไม่ได้ แผ่นดินต้าเสียงไม่อาจตกเป็นของคนที่เห็นเพียงผลประโยชน์ส่วนตน มิเช่นนั้นประชาชนไม่รู้กี่ชีวิตจะต้องเดือดร้อน แผ่นดินที่เขารักก็จะลุกเป็นไฟ

      "..." หลิวช่างหลินนิ่งเงียบ ความสับสนปะปนไปด้วยความหวัง ความไม่ยินยอมพร้อมใจ อารมณ์หลากหลายพากันพร้อมใจแล่นผ่านขึ้นมาให้ร่างสูงที่นั่งข้างได้เห็นเต็มตา... ท้ายที่สุด อารมณ์สุดท้ายที่ปรากฏขึ้นมาก็คือความจนใจ... "สัญญากับข้าอีกข้อ หากต้าซางส่งคนมาช่วยข้าแล้วถูกท่านค้นพบ ท่านฆ่าได้ทุกคน...ยกเว้นน้องชายคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของข้า หลิวอิ่นหลิง ให้คำมั่นกับข้าว่าท่านจะไม่ฆ่าเขา" ในเมื่อตกลงปลงใจว่าจะแลกซึ่งศักดิ์ศรี เขาขอใช้โอกาสนี้แลกกับผลประโยชน์ทั้งหมดที่ต้าซางควรจะได้รับ

      "...ข้าให้สัญญา ท่าน...ยินดีมาเป็นคนรักของข้าหรือไม่" ลู่ซือเหยียนไม่ยินดี เขาไม่ชมชอบสีหน้าแบบนี้ของหลิวช่างหลินเลยจริงๆ เมื่อเป็นเช่นนี้กับคำขออันตรายเยี่ยงนี้เขาเพียงแต่ให้คำสัญญาอย่างหนักแน่นมั่นคงด้วยความรู้สึกผิดที่ตีขึ้นมาในใจ

      ได้ยินคำสัญญาที่หนักแน่นมั่นคงเช่นนี้ ความลังเลในใจของอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางก็มลายหายไป ดวงตาที่มืดบอดลืมขึ้นอีกครั้ง เลื่อนตรงไปยังลู่ซือเหยียนอย่างมั่นคง กระจ่างกว่าครั้งใดที่คนมองเคยพบเจอ

      "ข้า...ยินดี"

      และการสบตาเพียงฝ่ายเดียวครั้งนี้นี่เอง ดวงใจทั้งดวงของลู่ซือเหยียนก็คล้ายกับถูกฉุดกระชาก มันกระตุกอย่างแรงหนึ่งครั้ง ก่อนที่แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงจะให้คำมั่นสัญญาหนึ่งกับตัวเอง

      แม้จะเป็นเพียงข้อตกลงที่ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายสัญญาที่จะเป็นคนรักปลอมๆของเขา ยินยอมยืนอยู่เบื้องหน้าเป็นเป้าล่อคมธนูมากมาย...

      ลู่ซือเหยียนผู้นี้ก็ยินดีทุ่มเทกายใจ ปกป้องคนรักตรงหน้าด้วยชีวิตของเขาเอง

***************

      "ท่านกุนซือ! เกิดเรื่องแล้ว! ท่านรีบไปพบท่านแม่ทัพเร็วเข้า" นายกองผู้หนึ่งวิ่งมาร้องโหวกเหวกอยู่หน้ากระโจมของจั๋วเจียหาน กุนซือประจำกองทัพด้วยน้ำเสียงร้อนรน ดังก้องจนราวกับกลัวว่าผู้อื่นจะไม่ได้ยินว่ามีข่าวร้ายเกี่ยวกับแม่ทัพใหญ่ของตัวเอง มือที่กำลังยกชาขึ้นจิบนั้นขยับส่งน้ำชาเข้าปากอย่างลื่นไหล ไม่ติดขัดแม้แต่นิดเดียว

     ท่าทางที่เบาสบายนี้ ราวกับคนที่ส่งเสียงอยู่หน้าประตูนั้นไม่ได้มาแจ้งข่าวร้ายแต่เป็นเรื่องม้าถ่ายออกไม่ออกที่หยุมหยิมเล็กน้อยเกินกว่าที่เขาจะสนใจ เฉินฟู่หลิง รองแม่ทัพใหญ่ขมวดคิ้วทันที มองท่าทางสบายๆสลับกับเงาร่างร้อนรนด้านนอก ตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาเสียเองเลย

     "ท่านกุนซือ ทหารนอกกระโจมนั่นคล้ายจะมีเรื่องสำคัญ ปล่อยให้โวยวายอยู่ข้างนอกแบบนี้จะดีรึ?" ขืนให้ข่าวร้ายของท่านแม่ทัพกระจายออกไป ขวัญกำลังใจของทหารจะลดลงเอาได้

     ดวงตาราวกับจิ้งจอกของจั๋วเจียหานเปล่งประกายสังหารออกมาวูบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้พลทหารที่เฝ้าอยู่ข้างประตูกระโจมเปิดทางให้นายกองผู้นั้นเข้ามา ทันทีอนุญาตร่างของทหารที่มีสีหน้าแตกตื่นราวกับเห็นผีคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา

      "ทะ ท่านกุนซือ เกิดเรื่อง...เกิดเรื่องกับท่านแม่ทัพแล้ว!" เสียงร้องของทหารครั้งนี้ดังเกินไปจริงๆ จนจั๋วเจียหานต้องหันหน้าหลบเสียงแล้วหันกลับมาจ้องอย่างไม่ชอบใจ

       "เสียงดังทำไมกัน หายใจเข้าลึกๆแล้วค่อยรายงานข้า เกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่ทัพใหญ่?"

       นายทหารคนนั้นสะอึกไปเล็กน้อย รีบกลืนเสียงของตัวเอง ลดให้เหลือเบาลงเท่าน้ำเสียงปกติ "ท่านแม่ทัพ... ท่านแม่ทัพไปสนิทสนมกับ...กับอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางขอรับ! เดินเคียงคู่ราวกับคนรัก น่ากลัวว่าจะถูกวางแผนร้ายล่อลวง ท่านกุนซือโปรดพิจารณาด้วย!" ท้ายประโยคเสียงก็เพิ่มความดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาทหารที่กำลังเดินยามอยู่ด้านนอกชะงักขากันเป็นทิวแถว อดพากันเงี่ยหูฟังไม่ได้...

      "ว่าไงนะ!" จั๋วเจียหานผุดลุกขึ้นแล้วตะคอกนายทหารเบื้องหน้าด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ เฉินฟู่หลิงก็เบิกตาโพล่งเช่นกัน...

      ระ เรื่องอะไรกันนี่!

       "เจ้าบอกใครระหว่างทางบ้างหรือเปล่า มาจากค่ายไหนกัน?" จั๋วเจียหานหรี่ตาลงด้วยดวงตาเหี้ยมโหด เมื่อนายทหารส่ายหน้า ดาบในมือของกุนซือประจำกองทัพก็โบกสะบัด ตัดคอของนายทหารคนนั้นให้ขาดกระเด็น... "ถึงอย่างนั้นเสียงเมื่อครู่ของเจ้าก็ดังเกินไปอยู่ดี ทำลายขวัญกำลังใจทหาร โทษคือประหารชีวิต"

     เฉินฟู่หลิงเห็นท่านกุนซือผู้รักษาท่าทีสงบนิ่งมาตลอดลงมืออย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้ก็สะดุ้งเบาๆ "ทำแบบนี้จะดีหรือ แค่เสียงดังเกินไปเท่านั้นเอง..."

     จั๋วเจียหานเหลือบมองไปยังพลทหารที่หน้าประตูเสี้ยววินาที เห็นสีหน้าที่เผือดสีลงไปวูบหนึ่งก็พอใจอยู่คนเดียวเงียบๆ สีหน้ายังคงเย็นชา เขาเช็ดดาบแล้วตอบคำถามด้วยท่าทางสงบนิ่ง

     "เมื่อกี้เสียงของเจ้านี่ดังอย่างกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่ได้ยิน ดููแล้วคงไม่ใช่ตัวดีแน่นอน คงเป็นสายจากใครสักคนที่ต้าเสียง กำจัดไปซะก็ไม่เสียหายอะไร"

      "แล้วเรื่องท่านแม่ทัพ..." เฉินฟู่หลิงผู้เป็นคนสนิทของลู่ซือเหยียนแต่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยถามอีกคำด้วยท่าทางร้อนรน อยากจะวิ่งไปดูท่านแม่ทัพเสียเดี๋ยวนี้

       มีตัวอย่างการร้อนรนของจริงให้ดูเช่นนี้ จั๋วเจียหานก็ลอกเลียนท่าทางร้อนรนที่เสมือนจริงได้อย่างไม่ยากเย็น เขาชักสีหน้ากังวลออกมา แล้วบอกว่าให้ไปดูกัน

      ระหว่างที่ผ่านตัวพลทหารที่หน้าประตู ร่างสูงสง่าก็หยุดชะงักลง ส่งผลให้ใบหน้าของพลทหารเผือดสีลงน้อยๆ กลัวว่าอีกฝ่ายจะลงมือกับตัวเองด้วย ทว่าเมื่อจั๋วเจียหานพูดต่อสีหน้าหวาดกลัวก็ผ่อนคลายลง เจ้าตัวเพียงกำชับว่าให้เก็บทุกอย่างที่ยินเป็นความลับ และให้จัดการศพให้เรียบร้อยก่อนจะผลุนผลันจากไป

      ลับหลังร่างทั้งสองของกุนซือและรองแม่ทัพประจำกองทัพ นายทหารผู้น้อยนายนั้นก็ขยับยิ้มเย็นๆออกมา ก้าวฉับๆไปที่โต๊ะหนังสือ แล้วดึงกระดาษออกมาจากอกเสื้อของตนเอง เขียนจดหมายฉบับหนึ่งรายงานเรื่องที่ได้ยินทุกประโยคอย่างแม่นยำโดยใช้น้ำหมึกที่จั๋วเจียหานฝนไว้เมื่อครู่ หลังจากเขียนเสร็จนายทหารก็เป่ากระดาษให้แห้งแล้วเก็บเข้าอกเสื้อตัวเองอีกครั้ง หยิบแท่งหมึกสีเดียวกันออกมาฝนเติมและจัดเก็บพู่กันให้เข้าที่ตามเดิม

     รอเวลาที่จะส่งข่าวกลับไปให้นายของตนคืนนี้
     
 
**********

++++++++++อัพเดท 29 / 05 / 16+++++++++++

มาต่อจนครบตอนแล้วค่า ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้ท่านแม่ทัพเพียงสนใจหลินเอ๋อร์ของเรา ตอนนี้ก็เป็นตอนที่สะดุดตกหลุม(?)จริงๆแล้วล่ะค่ะ 555

เห็นมีผู้อ่านหลายๆท่านงงกับเนื้อหาพอสมควร ขอไล่ลำดับเหตุการณ์คร่าวๆดังนี้นะคะ

>>ต้าซางถูกตีแตก องครักษ์คนสนิทขององค์รัชทายาทนามว่าหานหลงซานทรยศ รัททายาทถูกวางยาจนตาบอด
>>เวลาผ่านไป ต้าเสียงออกรุกไล่ต้าซางอีกครั้ง จนกองกำลังที่เหลือทั้งหมดของต้าซางไปรวมอยู่ที่ค่ายเฮยเซ่อ หรือหุบเขาดำที่เป็นสิ่งที่ท่านแม่ทัพลู่ใช้มาต่อรองกับช่างหลินในครั้งนี้

>>ทางต้าเสียง การวางแผนชิงอำนาจรุนแรงขึ้น เริ่มส่งผลต่อแนวหน้า ลู่ซือเหยียนจึงเลือกข้างและเริ่่มเคลื่อนไหวเพื่อตอบโต้องค์ชายรอง
>>กลายมาเป็นเรื่องราวและข้อตกลงระหว่างช่างหลินกับซือเหยียนเรื่องคนรักในปัจจุบัน

ตอนหน้าจะทำแนะนำตัวละครหลักทั้งหมดมาให้นะคะ ขอแรงใจอ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงก็เม้นบอกกันได้นะคะ>< ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นล่วงหน้าด้วยค่ะ~ <3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2016 22:09:16 โดย NakiDGM14 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รอชม บทบาท ของท่านแม่ทัพ จะดูซิว่าจะสมจริงมากน้อยเพียง ใด :katai2-1:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ชอบค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค๊ะ

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ต้าเสียงเสียดุลต้าซางซะแล้ว ปันใจไปให้เค้าก่อน กุนซือทัพนี่ก็แสดงละครเก่งเบอร์สิบ วางแผนเองแกล้งทำหน้ากังวลเอง 555

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
กรี๊ดดดดดด อาลู่ ลื้อต้องปกป้องอาหลิวน้า อาหลิวตาบอดด้วย องค์หญิงนั่นต้องร้ายแน่ๆ แล้วต้องมาลงไม้ลงมือกะอาหลิวแน่ๆเลยอ่ะ เริ่มเห็นวี่แววความยุ่งเหยิง :hao5:

ทำไมอาลู่ถึงไม่คิดว่าถ้าเอาอาหลิวเป็นคนรัก ก็อาจจะจะโดนใส่ความได้ว่าจะทรยศบ้านเมืองน่ะ กลัวจะโดนข้อหานี้แทนน่ะสิ  :ruready หรืออาหลิวจะเล่นละครสมบทบาทพอกัน นอกจากจะอันตรายแล้วยังต้องกล้ำกลืนฝืนทนอีก ฮืออออออออ

ปอลิง ทำไมรู้สึกสงสารเฉินฟู่หลิง สงสารฮีแบบแปลกๆมาหลายตอนแล้วอ่ะ    :laugh:
ปอลิงสอง ท่านกุนซือเอสมาก 555555555

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

ออฟไลน์ mass

  • "Smile! It increases your face value." -Steel Magnolias (1989)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่าาาชอบค่ะ รอตอนหวานๆอยู่นะ :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :hao6: รอดูตอนต่อไปอยากเห็นท่านแม่ทัพแสดงบทคนรัก 55555

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ท่านแม่ทัพนี่สกิลความหน้าหนาอัพเพิ่มขึ้นพรวดๆเลยนะ อยากรู้จริงๆนะว่า2คนนั้นจะรักกันได้ยังไง

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อุแหม่! ฉันยกมือทาบอก ตาโต อ้าปากค้างเลยล่ะ

"ซือเหยียนผิดไปแล้ว..."

มันช่างมุ้งมิ้งแท้เชียว!

หลินเอ๋อร์น่ารัก

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
รอดูโมเม้นท์ของคู่รักคู่ใหม่  :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
แม่เจ้าาาาา ท่านลูมีสกิลปากหวานด้วยรึ !!!!!! o22 o22

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
บทที่ 14 : ซ้อนแผน(1/2)


      ตอนที่จั๋วเจียหานและเฉินฟู่หลิงวิ่งมาถึงจุดที่พวกลู่ซือเหยียนอยู่นั่น ร่างโปร่งในข่าวลือก็เอนตัวพิงต้นไม้งีบหลับไปได้พักใหญ่แล้ว เป็นเหตุให้ท่านแม่ทัพใหญ่หันมามองสองคนสนิทที่เพิ่งวิ่งตึงๆมาถึงด้วยดวงตาดุดันเอาเรื่อง สองคนที่ส่งเสียงดังจึงต้องหยุดอยู่ในระยะที่ห่างออกไปเกือบครึ่งลี้ ใช้ฝีเท้าแผ่วเบาวิ่งเหยาะๆเข้ามาแทน

      "มาทำไม" ลู่ซือเหยียนตวัดสายตามองไปที่กุนซือตัวดีของตัวเอง เป็นเหตุให้คนถูกหมายหัวเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางยักไหล่ไม่สะทกสะท้านพลางตอบกลับไปว่า "มาหาเจ้า" แล้วทิ้งตัวลงนั่งที่ขอนไม้ข้างๆตัวคนถามไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย

      น่าเสียดายที่เฉินฟู่หลิงไม่ได้ขวัญกล้าถึงเพียงนั้น ร่างสูงใหญ่ยืนกระมิดกระเมี้ยนอยู่นานจนผู้มีอำนาจสูงสุดทนรำคาญตาไม่ไหว ชี้ส่งๆไปยังพื้นหญ้า ท่านรองแม่ทัพที่น่าสงสารจึงได้ก้าวไปนั่งลงเพื่อเริ่มบทสนทนา ในนาทีนี้เขามิได้ตกอกตกใจเช่นคราแรกอีกแล้ว เพราะระหว่างทางที่มา จั๋วเจียหานอธิบายสาเหตุคร่าวๆให้เขาได้ฟัง

       ที่แท้ก็เป็นแผนการของท่านแม่ทัพ ได้ยินครั้งแรก เขาแทบจะหัวใจวายตาย ว่าแล้วก็แอบเหลือบมองคนหลับเล็กน้อย ตอนแรกท่าทีที่ท่านแม่ทัพแสดงออกมาต่อคนผู้นี้ก็ไม่ใช่ท่าทีตามปกติอยู่แล้ว ดีนะ...ดีนะที่เป็นเพียงข่าวลือ...

      รองแม่ทัพคนเก่งยกมือขึ้นลูบอกปลอบใจตนเอง หากข่าวลือเป็นจริงเขาคงไม่รู้จะเข้าหน้ากับผู้ที่เป็นแบบอย่างของตนผู้นี้อย่างไรดี

      "แล้วเป็นไปตามแผนหรือเปล่า" ลู่ซือเหยียนปรายตามองไปยังจั๋วเจียหาน ก่อนจะพยักหน้าพอใจเมื่อกุนซือหนุ่มแสยะยิ้มกลับมาให้ตนเอง ร่างสูงผ่อนลมหายใจออกอย่างแรง นัยตาคมกริบเหม่อมองไปบนท้องฟ้า

      "งั้นก็ดี" เขาไม่ชอบใจการแสดงเมื่อครู่นี้เท่าไหร่นัก หลิวช่างหลินดูคล้ายจะไม่ชอบใจ เขากับอีกฝ่ายยังต้องอยู่ร่วมกันอีกนาน เป็นไปได้ เขาไม่อยากจะฝืนใจอีกฝ่ายเท่าไหร่

      "เมื่อครู่ได้ยินว่าค่ายนั้นครึกครื้นดีทีเดียว เจ้าทำอะไรกันแน่ ข้ารู้จักเจ้ามานานหลายปี เพิ่งรู้ว่าเจ้าทำตัวหวานเลี่ยนเยี่ยงนั้นเป็น" จั๋วเจียหานผู้ที่ถูกเหล่าทหารในค่ายตะโกนขอให้ช่วยท่านแม่ทัพมาตลอดทางค้อนสหายตาคว่ำ จะทำให้เอิกเกริกน้อยกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ "ถ้าพวกนั้นเดาได้ว่าเจ้าจงใจ จะทำยังไงหา"

      "ด้วยมันสมองของหวงเว่ยฉี ต่อให้ฉลาดกว่านี้สักสิบเท่า ก็ไม่ทางคิดแผนพิเรนทร์ๆเช่นนี้ออกมาได้หรอก ไม่ต้องห่วง" ถือโอกาสแดกดันสหายกลับสักประโยค ในอกก็ค่อยโล่งขึ้นมาเล็กน้อย ลู่ซือเหยียนละสายตาไม่มองจั๋วเจียหานอีก เพียงหันไปยังทิศที่มีร่างสองร่างเร่งรุดเข้ามาใกล้ หนึ่งในนั้นอยู่ในชุดเกราะของต้าเสียง อีกหนึ่งเพียงสวมชุดเรียบง่าย เจ้าของใบหน้าเฉยเมยเย็นชาในชุดสีฟ้าเรียบง่ายคือ จางเหลียน คนสนิทของอดีตรัชทายาทที่ถูกจับแยกออกไปนานพอดู

      สายตาของจางเหลียนยามสบตากับลู่ซือเหยียน หาได้มีความเป็นมิตรแม้แต่น้อย ซึ่งคนโดนหมายหัวก็ไม่ได้แยแส เพียงหันหน้าไปยังร่างที่นอนพิงต้นไม้หลับอยู่อีกด้าน เมื่อจางเหลียนมองตา ดวงตาก็เบิกกว้าง รุดกายเข้าไปหานายเหนือหัวของตนทันที

      "ฝ่าบาท!"

      เสียงเรียกอันคุ้นเคยปลุกหลิวช่างหลินให้ลืมตาขึ้นแล้วขยับตัวลุกโดยความช่วยเหลือของคนสนิทที่เข้ามาประคองหลังให้ลุกนั่งช้าๆ หลิวช่างหลินเลื่อนมือของตนเข้าหาเจ้าของเสียงอย่างประหลาดใจ

     "อาเหลียน?"

     เสียงทุ้มนุ่มที่ไม่ได้ยินมานานทำเอาจางเหลียนขอบตาร้อนผ่าวจนต้องรีบกระพริบเพื่อไล่หยาดน้ำตาออกไป ขานรับเจ้าเหนือหัวของตนด้วยน้ำเสียงนอบน้อม "พ่ะย่ะค่ะ"

     ชาวต้าเสียงทั้งสามมิได้ส่งเสียงแทรกการสนทนาของสองนายบ่าว เพียงเบือนสายตาไปต่างทิศทาง มีเพียงลู่ซือเหยียนที่ยังไม่ละไปจากร่างโปร่งซึ่งดูยิ้มแย้มมีชีวิตชีวากว่าเคย...

     อืม ดูเหมือนการตัดสินใจครั้งนี้จะไม่ผิดพลาด พยักหน้าให้กับคิดเห็นของตนพลางสบกับสายตาจับผิดของจั๋วเจียหานด้วยแววตาเฉยเมยไร้อารมณ์ หาได้แยแสใบหน้าบูดบึ้งไม่น่ามองของสหายแม้แต่น้อย

       "...ข้าเหนื่อยแล้ว ขอตัวกลับที่พักก่อนได้หรือไม่" หลังจากตอบคำถามจางเหลียนโดยไม่หยุดพักมาเกือบหนึ่งเค่อ หลิวช่างหลินดูจะรู้ตัวได้ในที่สุดว่าที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงตนกับคนสนิท จึงยกมือขึ้นให้อีกฝ่ายหยุดพูดก่อนชั่วครู่เบือนหน้าไปยังตำแหน่งที่ร่างสูงนั่งอยู่อย่างแม่นยำ

     ลู่ซือเหยียนหันเหความสนใจกลับมาทันที จังหวะที่กำลังจะเอ่ยอาสาพาไปส่ง ดวงตาดุจัดของใครบางคนก็จ้องมองทำให้ต้องหยุดความคิดแล้วมองไปที่จางเหลียน "ให้ท่านกลับไปกับคนสนิทท่านก็แล้วกัน ข้ายังมีเรื่องต้องคุยกับสหายเล็กน้อย"

     จางเหลียนแค่นเสียง พยุงร่างสูงโปร่งให้ลุกจากพื้นอย่างระมัดระวัง เมื่อยืนได้มั่นคงดีแล้วหลิวช่างหลินจึงยกมือประสานตามแบบต้าซาง เอ่ยขอตัวแล้วเดินออกมาทันที


******


      คล้อยหลังสองนายบ่าวเดินจากไป เฉินฟู่หลิงที่นั่งเกรงอยู่นานก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียดอย่างโล่งอก ไม่ค่อยถูกกับพวกชนชั้นสูงเช่นนั้นเท่าไหร่ เห็นทีไรแล้วพาลอึดอัดจนหายใจไม่ออกทุกที ยามนี้ไม่มีคนนอกท่าทางจึงสดชื่นขึ้นมาทันตาเห็น ยืดตัวนั่งหลังตรงไปยังแม่ทัพและท่านกุนซือ เพื่อรอฟังว่าจะมีคำสั่งใหม่มาหรือไม่ ตอนนี้พวกเขาก็ทิ้งระยะการโจมตีมาได้พักใหญ่ ทหารที่บาดเจ็บไม่มากก็ฟื้นตัวดีขึ้นหมดแล้ว

     สมควรที่จะได้เปิดฉากบุกอีกครั้งแล้วกระมัง เพียงคิดว่าจะได้ออกสู่สนามแห่งการฟาดฟันอีกครั้ง เลือดในกายก็เดือดพล่านไปด้วยความตื่นเต้น คราวก่อนเขาแพ้เจ้าเหอตี้ชุนสมควรตายนั่นจนต้องถอยร่น หากมีโอกาสอีกครั้งย่อมต้องแก้มือมิใช่หรือ! ทว่าความเลือดร้อนยังไม่ทันได้แสดงออกมา น้ำเสียงเรียบเรื่อยของลู่ซือเหยียนก็สาดเข้ามาดับไฟอันคุโชนได้อย่างโหดร้ายเป็นที่สุด

      "อีกไม่นาน เราก็คงได้กลับบ้านกันแล้ว"

      "กลับบ้าน?.." เฉินฟู่หลิงงุนงง คำๆนี้โผล่ออกมาจากไหนกัน การศึกยังติดพัน แพ้ชนะไม่รู้ขาดจะกลับได้อย่างไร? คาใจได้ไม่นานสีหน้าก็เปลี่ยนมาเป็นเจ็บแค้นผสมไปด้วยความไม่อยากเชื่อหูตัวเอง "พวกเขาจะเรียกพวกเรากลับเพราะข่าวพวกนั้น? นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว! พวกเราลงแรงมาเท่าไหร่ คิดจะให้ใครก็ไม่รู้มาแย่งผลงานของพวกเราไปงั้นหรือ"

      หากเพราะข่าวที่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จข่าวเดียว ทำให้ต้าเสียงต้องเปลี่ยนแม่ทัพใหญ่ เช่นนั้น ต้าเสียงยังจะคู่ควรให้รับใช้อีกหรือ!

       มองดูความเจ็บแค้นของขุนพลคนสนิท ลู่ซือเหยียนทำได้เพียงยกมือตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ "เมื่อก่อนฝ่าบาทอาจจะมิทำเช่นตอนนี้ ทว่าพระวรกายของฝ่าบาทไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว รอบกายของฝ่าบาทก็มีแต่คนขององค์ชายรองแฝงอยู่เต็มไปหมด ต่อให้อยากเปิดพระทัยให้กว้างก็ใช่ว่าจะทำได้" กล่าวถึงตรงนี้ ลู่ซือเหยียนไม่ได้ขยายความอีก เพราะรู้ว่ารองแม่ทัพของตนไม่มีทางที่จะไม่เข้าใจ

     ฝ่าบาทของพวกเขามิได้กุมอำนาจแต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไปแล้ว บัลลังก์จำเป็นต้องมีผู้ที่เหมาะสมรับการถ่ายโอนอำนาจมา เสียดายเพียงองค์รัชทายาทของพวกเขานั้นเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน ตำหนักบูรพาของต้าเสียงจึงได้ว่างลง เปิดช่องให้กลุ่มผู้แสวงหาอำนาจได้มีช่องทางที่จะส่งเสริมคนของตนเองขึ้นมา

      เฉินฟู่งหลิงสีหน้าเปลี่ยนสีสลับไปมาอยู่นาน ไม่รู้จะทำใจยอมรับสภาพการณ์เช่นนี้ได้เยี่ยงไร ทำคุณงามความดี ไม่ได้รับรางวัลก็ช่าง ไฉนถึงได้มีอันตรายมาจ่อเยือนถึงคอหอยเยี่ยงนี้

     จั๋วเจียหานซึ่งเงียบอยู่นานขยับลุกขึ้นมาตบบ่าคนเถรตรงเบาๆคล้ายจะปลอบใจ นัยตาจิ้งจอกเปล่งประกายชั่วร้ายออกมาจนคนโดนปลอบหนาวสันหลังเล็กๆ ต้องหยุดคิดวุ่นวายหันมาสงบสติฟังสิ่งที่ทั้งสองจะกล่าวดีๆ

       "เอาล่ะ ในเมื่ออย่างไรก็ต้องกลับบ้านสักวันอยู่ดี จะกลับเร็วหรือช้าขึ้นอีกหน่อยจะเสียหายตรงไหน" กุนซือหนุ่มโบกพัดเบาๆ "ตราบใดที่คนยังไม่ตาย โอกาสสร้างผลงานก็ใช่จะมีเพียงหนเดียว หรือถ้าเจ้าไม่อยากกลับ จะอยู่ที่นี่คอยรับใช้คนที่มาแทนก็ได้นะ เดาว่าไม่เกินสามวัน กองทหารของเจ้าคงไม่พ้นโดนส่งไปตายเป็นแน่"

     ถ้อยคำประเภทไหนกันนี่ นอกจากจะไม่เหลือทางให้เลือกแล้ว ยังบีบบังคับกันอีก นี่เรียกว่าให้เลือกได้หรือ เฉินฟู่หลิงได้แต่บ่นในใจอย่างเจ็บช้ำระหว่างที่ส่ายหน้าตอบกลับเป็นการบอกว่าตนไม่อยู่ต่อแน่นอน

     "ดี ในเมื่อเจ้าจะติดตามข้ากลับไป ข้าก็มีงานสำคัญมากงานหนึ่งให้เจ้าทำ" ลู่ซือเหยียนเอ่ยขึ้นมาทันทีที่เฉินฟู่หลิงพยักหน้ารับคำสหาย ความจริงจังในเนื้อเสียงมากจนมิอาจมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

      เฉินฟู่หลิงสะบัดเสื้อคลุมด้านหลังลุกขึ้นยืน ก่อนประสานมือนั่งคุกเข่ารอฟังคำสั่ง

      "ปกป้องหลิวช่างหลินด้วยชีวิตของเจ้า ตลอดการเดินทางตราบใดที่เจ้ามีชีวิต คนผู้นั้นก็ต้องอยู่รอดปลอดภัย ห้ามมิให้มีรอยแผลใดๆเกิดขึ้นแม้แต่รอยเดียว หากทำไม่ได้ตามคำสั่ง ประหาร!"

      "ขอรับ!"

******


บทที่ 14 : ซ้อนแผน (2/2)
Coming Soon

(ตรวจภาษาได้ครึ่งนึงแล้วเอามาลงก่อน ครึ่งตอนหลังจะมาภายในสองสามวันค่า)

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ครึ่งตอนแรกไม่ค่อยมีโมเมนต์หวานๆของหลิวชางหลินกับลู่ซือเหยียนเลย

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
มาต่อบ่อยๆ นะคะ รอติดตามคะ  :L2:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
แหม่
แค่หลินเอ๋อร์มีท่าทีสบายใจ ซือเหยียนก็ปลื้มปริ่มขนาดนี้เชียว

นี่ถ้าเขายิ้มให้แบบอ่อนหวาน พ่อคุณมิเคลิ้มจนเข่าอ่อนเลยรึ!

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ใจยัง กร๊าว ไม่หยุดหย่อน :ling1:

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
ไม่ต้องกระไรมาก แค่นอนพิงต้นไม้งีบหลับ ติ่งก็พอใจแล้ว~~~

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เริ่มหลงแล้วชิมิท่าน หุๆๆๆ :m1: :m1:

ออฟไลน์ NakiDGM14

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
บทที่ 14 : ซ้อนแผน (2/2)

************************


     ทางด้านของหลิวช่างหลินกับจางเหลียน หลังจากเดินออกมาจากที่แห่งนั้นฝ่ายจางเหลียนก็ประคองนายของตนกลับมายังกระโจมที่พักเงียบๆมิได้เอ่ยถามมากมายเช่นทุกครา เพียงใช้แววตาห่วงใยมองสำรวจเจ้าชีวิตของตนอยู่นานจนคนที่โดนจับจ้องรู้สึกได้ถึงสายตานั้น หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ร่างโปร่งถึงค่อยผ่อนลมหายใจเอาแผ่วจาง เลื่อนมือไปตบที่หลังมือจางเหลียนเบาๆก่อนจะเปิดปากขึ้นเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

     "ระหว่างที่โดยแยกออกไป พวกเขาทำอันตรายเจ้าหรือไม่?" ความเป็นห่วงฉายชัดในน้ำเสียง อย่างไร ผู้ที่เขาสามารถเชื่อใจได้ก็มีเพียงคนผู้นี้... กระแสเสียงนี้เองที่ทำให้จางเหลียนรู้สึกร้อนผ่าวตรงขอบตา ความรู้สึกรุนแรงที่ถูกสะกดเอาไว้ตั้งแต่ได้ยินข่าวบ้าๆข่าวหนึ่งก็เอ่อล้นขึ้นมา วางกาชาลงหยุดยืนนิ่ง สุดท้ายจึงทิ้งตัวลงคุกเข่าโครม

     "ข้าน้อยสมควรตาย ช่วงเวลาเช่นนี้กลับมิได้อยู่รับใช้ข้างกาย เปิดโอกาสให้พวกมันทำเรื่องน่าอดสู่เช่นนี้กับฝ่าบาท จางเหลียนไม่กล้ามีชีวิตอีกต่อไปแล้ว!" พูดจบก็โขกหัวลงกับพื้นดังตึง หลิวช่างหลินไม่คิดว่าคนสนิทของตนจะมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้เบิกตากว้าง รีบย่อตัวลงไปดึงมิให้โขกหัวอีก ทว่าก็ไม่สมารถต้านทานแรงในตอนนี้ของจางเหลียนได้ เสียงโขกดังเข้าหูอีกครั้งกลิ่นสนิมเหล็กลอยมาแตะจมูกยิ่งทำให้หลิวช่างหลินลนลาน

      "อาเหลียน! เจ้าทำอะไรของเจ้า หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าไม่ฟังคำสั่งข้าแล้วหรือ!" อดีตองค์รัชทายาทร้องสั่งเสียงเด็ดขาด บัณฑิตหนุ่มกลับไม่ชะงักการกระทำของตนเลยแม้แต่น้อย โขกหน้าผากลงกับพื้นอีกครั้งจนเกิดเสียงทึบๆฟังดูน่าสะพรึงกลัว หยาดโลหิตสีแดงฉานไหลลงมาจากรอยแตกช้าๆหยดลงพื้นดินทีละหยด ก่อนเพิ่มจำนวนมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆจนคนใจแข็งยิ่งกว่าอะไรกังวลขึ้นมาเป็นครั้งแรก ครานี้ทิ้งตัวลงนั่งเบื้องหน้าข้ารับใช้ของตนมือทั้งสองจับไหล่รั้งเอาไว้เท่าที่แรงในตอนนี้จะทำได้

     "คนข้างนอก ใครก็ได้เข้ามาในนี้เร็วเข้า!"

      "ฝ่าบาท! ผู้น้อยบกพร่องต่อหน้าที่ทำให้ฝ่าบาทถูกเดรัจฉานนั้นทำร้าย ได้โปรดอย่าห้ามจางเหลียนเลยพ่ะย่ะค่ะ!"

      "เจ้ากำลังทำบ้าอะไร!" เสียงทุ้มเหี้ยมกดตวาดเสียงลั่นจากด้านหลัง ลู่ซือเหยียนที่เดินตามมากับเฉินฟู่หลิงพลิกผ้าเดินเข้ามาในกระโจมด้วยสีหน้าถมึงทึงตรงเข้ามากระชากจางเหลียนออกจากอดีตองค์ชายที่ตอนนี้หน้าซีดเผือดไปแล้ว เสียงเหล็กร้องบาดหูแว่วเข้ามาในโสตประสาท ดาบเหล็กเยียบเย็นก็พาดอยู่บนของบัณฑิตหนุ่มแล้ว

       ดวงตาคมเข้มเบิกกว้างมองอย่างดุดัน กดปลายดาบลงบนลำคอขาวจนคมบาดเรียกเลือดออกมา "เจ้า...ทำบ้าอะไรอยู่!"

       ถูกดาบทาบอยู่บนคอเยี่ยงนี้จางเหลียนหาได้มีทีท่าหวาดกลัวแม้เพียงเสี้ยว ถลึงตาจ้องกลับแข็งกร้าวไม่ยอมจำนน ถ่มน้ำลายใส่หน้าอย่างรังเกียจเดียจฉันท์

        "เจ้าสิทำอะไรฝ่าบาทของข้า! เจ้ากล้าทำได้ลงคอ ถึงอย่างไรฝ่าบาทก็เป็นเชื้อพระวงศ์ของต้าซาง หาใช่คนที่เจ้าจะเอามาทำให้แปดเปื้อนเยี่ยงนี้ได้! เจ้ากล้ากุข่าวขึ้นมาทำร้ายฝ่าบาท เจ้ามันสมควรตาย!"

       ลู่ซือเหยียนหรี่ตาลงด้วยทั่วร่างกายเต็มไปด้วยประกายสังหาร กดเสียงเค้นถามลอดไรฟัน "เจ้าอยากตายใช่หรือไม่..." ใบดาบกดลึกมากกว่าเดิม จางเหลียนก็ยังเชิดหน้าท้าอย่างไม่กลัวความตาย

      "อยากฆ่าก็ฆ่า ถึงตายเป็นผี ข้าแซ่จางก็จะไม่มีหยุดสาปแช่งเจ้า!"

     "จางเหลียน! อย่าได้เสียมารยาทกับท่านแม่ทัพลู่!" คราวนี้หลิวช่างหลินตวาดมาจากด้านหลังด้วยตนเอง น้ำเสียงจริงจังจนมิอาจจริงจังได้มากกว่านี้ หยุดคำผรุสวาทที่กำลังจะหลุดออกมาได้ทันควัน จางเหลียนชะงักคำงับริมฝีปากลงอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดฝ่าบาทจึงได้ไม่มีท่าทางโกรธขึงบ้างเล่า

       "ฝ่าบาท..." จางเหลียนครางเสียงแหบแห้งในคออย่างไม่เข้าใจ ทว่าหลิวช่างหลินมิเปิดโอกาสให้คนสนิทตนพูดอะไรออกมาอีก เข้ามารั้งบ่าให้คุกเข่าลงกับพื้นอย่างแรงต่อหน้าร่างสูงใหญ่ของลู่ซือเหยียนที่ผละดาบไปตั้งแต่ร่างโปร่งก้าวเข้ามา คนถูกบังคับให้คุกเข่ามีสีหน้าไม่ยินยอมแต่จะสะบัดมือของนายเหนือหัวลุกขึ้น เขาก็ทำไม่ได้

      "ขอขมาท่านแม่ทัพเดี๋ยวนี้..." หลิวช่างหลินเอ่ยเสียงเยียบเย็น

      ประโยคเดียวดังสายฟ้าฟาดลงที่กลางใจของคนฟังอย่างแรง จางเหยียนกระตุกสีหน้ากราดเกรี้ยวปะปนไปด้วยความไม่อยากเชื่อขึ้นมา มิคิดว่านายเหนือหัวของตนจะยอมลงให้กับสุนัขรับใช้ของต้าเสียงมากถึงเพียงนี้ "ฝ่าบาท!"

     "ถ้ายังเห็นข้าเป็นนายของเจ้า ขอขมาท่านแม่ทัพลู่เดี๋ยวนี้ ได้ยินหรือไม่" อดีตรัชทายาทสั่งซ้ำด้วยน้ำเสียงเย็นชา นี่อาจจะเรียกว่าเคราะห์ดีกระมังที่ดวงตาทั้งสองข้างของตนสูญเสียการมองเห็นไปแล้ว จึงไม่ต้องทนเห็นสีหน้าผิดหวังของข้ารับใช้ที่จงรักภักดีที่สุดของตน สามารถแข็งใจพูดต่อไปได้ด้วยน้ำเสียงมั่นคงดุจเดิม "เรื่องของข้ากับท่านแม่ทัพลู่ทุกอย่างหาได้มีการป้ายสีใส่ร้ายอันใดไม่ ทุกอย่างเป็นความจริง ข้ามิได้โดนบังคับ เป็นข้าเองที่เต็มใจให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้"

      น้ำเสียงเรียบเฉย สีหน้าราบเรียบ ไร้วี่แววของความฝืนใจบนใบหน้า ไร้ความรู้สึกผิดแม้เพียงเศษเสี้ยว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏแก่สายตาทำให้จางเหลียนรู้สึกราวกับโดนหักหลังอย่างแรง ร่างผอมของบุคคลคงแก่เรียนสั่นสะท้าน "ไม่มีทาง...ไม่มีทางที่ฝ่าบาทจะทำเยี่ยงนี้แน่ ฝ่าบาทไม่มีทางทรยศต้าซางแน่นอน ต้าซางเป็นชีวิตของฝ่าบาทไม่มีทางยอมให้เรื่องอัปยศเช่นนี้มาแปดเปื้อนชื่อเสียงของต้าซางแน่นอนมิใช่หรือ... ฝ่าบาท...ไม่ใช่เยี่ยงนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ..."

       ถ้อยคำของบุคคลที่เป็นทั้งสหายแหละข้ารับใช้ที่คบหาสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กราวกับเป็นลูกธนูที่เล็งยิงได้ตรงเป้าแม่นยำ ใบหน้าของหลิวช่างหลินแม้ไม่เปลี่ยนสีแต่ก็มิอาจเอ่ยอะไรออกมาได้อีก ความเปลี่ยนแปลงนี้เอง ลู่ซือเหยียนไม่ยินยอมยืนนิ่งอีกต่อไป เดินผ่านร่างที่สั่นสะท้านบนพื้นไปคว้าร่างของคนที่นิ่งงันมาไว้ในอ้อมกอด สั่งเฉินฟู่หลิงให้พาจางเหลียนออกไป

     เฉินฟู่หลิงได้รับคำสั่งก็ได้สติในที่สุด รีบรุดเข้ามาคว้าตัวข้ารับใช้ชาวต้าซางขึ้นจากพื้น จางเหลียนไม่ได้ดิ้นรนอีกแล้ว ยอมถูกกระชากออกไปแต่โดยดี รอจนเหลือเพียงสองคนแล้ว ลู่ซือเหยียนจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ร่างสูงโปร่งไม่ขัดขืนแม้เพียงนิด ยิ่งทำให้ลู่ซือเหยียนรู้สึกได้ถึงความไม่มั่นคงของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน แม่ทัพใหญ่แห่งต้าเสียงสอดแขนกอดแน่น ก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของร่างในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงทุ้มเบา ปลอบประโลม..

     "มันไม่ใช่ความผิดของท่าน..."

     ใช่แล้ว มิใช่ความผิดของหลิวช่างหลินเลยแม้แต่น้อย ว่ากันตามความจริงแล้ว เขาต่างหากที่ลากอีกฝ่ายมาจมโคลนปลักนี้

     "เป็นความผิดของข้าเอง ท่านอย่าได้โทษตัวเอง" เพียงเริ่มต้นเขาก็มิอาจทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองได้ ทั้งยังเป็นคนส่งความเจ็บปวดชนิดนี้มาให้อีกฝ่ายด้วยตนเอง ยิ่งพูด เสียงก็ยิ่งมีความรู้สึกผิดปะปนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายจึงตัดใจ...

      "ท่านสามารถยกเลิกคำสัญญาของเร..."

      ไม่รอให้ลู่ซือเหยียนพูดจนจบ หลิวช่างหลินก็ยกนิ้วขึ้นมาแตะปิดที่ริมฝีปากหนามิให้พูดต่อ ขยับออกจากอ้อมแขนอบอุ่นที่สวมกอดตนเองช้าๆ มายืนเผชิญหน้าด้วยสีหน้ามั่นคงดุจเดิม เขาส่ายหน้าแผ่วเบาในระหว่างที่ดึงนิ้วของตนเองกลับไป "ไม่...ข้าไม่ได้เป็นอะไร ท่านอย่าได้กังวล"

     "แต่ว่า..."ลู่ซือเหยียนอยากจะค้าน ติดที่ว่าคนตรงหน้ายกมือขึ้นห้ามอีกครั้ง ดวงตาสีนิลไร้ภาพสะท้อนคู่นั้นคล้ายกำลังจับจ้องมองมา เขาจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยขัดอะไร

     "ท่านบอกว่าท่านเป็นคนรักษาสัญญา ข้าสามารถเชื่อท่านได้หรือไม่" หลิวช่างหลินถามด้วยท่าทีสงบนิ่ง

     "แน่นอนว่าได้"

     "เช่นนั้น ท่านต้องไม่พูดว่าจะยกเลิกสัญญาระหว่างเรา เพียงจดจำคำพูดของท่านเอาไว้ให้ดีก็เพียงพอแล้ว"

     "แต่ท่าน..." ลู่ซือเหยียนทำท่าจะคัดค้านอีกครั้ง คราวนี้มือเรียวของอีกฝ่ายเลื่อนมาปิดปากของเขาอย่างแม่นยำจนไม่อาจฝืนกล่าวได้อีก ยินยอมนิ่งฟังแต่โดยดี

     "สามปี...แค่สามปีเท่านั้น" อดีตรัชทายาทแห่งต้าซางกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวลนัก "สามปีที่ท่านและข้าจะเป็นคนรักกัน แม้จะเป็นเพียงการเสแสร้ง แต่ข้าจะทำหน้าที่คนรักให้เต็มความสามารถ ขอแค่ท่านรักษาคำสัญญาที่มีให้กับต้าซาง...เมื่อครบกำหนดสามปี พวกเราก็ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก"

      คำกล่าวที่มีหลักการ ทั้งยังมั่นคงไม่หวั่นไหวเช่นนี้ช่างสมกับฐานะในอดีตของอีกฝ่ายเหลือเกิน ทว่าไม่รู้ทำไมในอกของเขาถึงได้เจ็บลึกเช่นนี้ รู้สึกราวกับถูกสาดน้ำใส่จนตื่นจากภวังค์ความฝันอันแสนนุ่มนวลอย่างโหดร้าย

      ใช่แล้ว...เพียงสามปีเท่านั้น ที่คนตรงหน้าจะเป็นของเขา...

      เพียงแค่สามปี...เวลาไม่สั้นไม่ยาวสำหรับการรอคอยให้มันจบลง แต่ทำไมกันหนอ...

      ทำไมเขาถึงได้หวังว่าให้สามปีข้างหน้านั้นไม่มีวันมาถึง



**********


       หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นราวกับลู่ซือเหยียนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาพบความจริงอีกครั้ง เขามิได้แวะเวียนไปคอยกวนหลิวช่างหลินทุกวันอีกแล้ว ตลอดสองเดือนเขาคร่ำเคร่งกับการสับเปลี่ยนกองกำลังทั้งหมดให้เข้าที่เข้าทาง ดึงคนของตนมาอยู่ในตำแหน่งที่จะถูกเรียกกลับไปพร้อมกับตนในตอนที่พระราชโองการมาถึง ข่าวจากพิราบสื่อสารส่งมาได้สามวันแล้ว ฝ่าบาทมีบัญชาตามตัวเขาและคนสนิททั้งหมดให้กลับต้าเสียงจริงๆดังที่คาดการณ์เอาไว้ อีกครึ่งเดือน แม่ทัพชุดใหม่จะมาถึงค่ายแห่งนี้ และเป็นผู้ควบคุมการบุกเองทั้งหมด

      ในช่วงแรกที่คนของลู่ซือเหยียนรู้ข่าวนี้ แต่ละคนล้วนกัดฟันอย่างโกรธแค้นทั้งสิ้น ความดีความชอบที่สั่งสมมาราชสำนักหาได้เห็นคุณค่า อย่างนี้จะไม่ให้พวกเขาแค้นใจจนอยากจะกระอักโลหิตได้อย่างไร กว่าลู่ซือเหยียนจะกล่อมคนของตนให้สงบลงแล้วกลับไปทำงานต่อได้ก็เสียเวลาไปไม่น้อย วันนี้เขาเพิ่งละจากงานได้ไม่ถึงชั่วยาม ก็เดินมายังกระโจมของใครบางคนซึ่งไม่ได้เห็นมาหลายวันหยุดยืนอยู่ด้านนอกอย่างช่างใจ

      ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะหลับอยู่หรือไม่ อากาศเริ่มอุ่นขึ้นแล้วก็จริง แต่ได้ข่าวจากท่านหมอโจวว่าหลิวช่างหลินร่างกายไม่แข็งแรงเท่าไหร่ เขาให้คนส่งยามาให้หลายครั้ง อาการถึงได้ทรงตัวขึ้นมา ถ้าเข้าไปตอนนี้ไม่รู้จะเป็นการรบกวนหรือไม่

     ถึงอีกฝ่ายจะเน้นย้ำระยะเวลาอันแสนสั้น เขาก็หาได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ที่สองเดือนนี้ทิ้งระยะห่างก็เพื่อให้อีกฝ่ายได้มีจังหวะเตรียมใจก่อนจะลงสู่สนามรบของจริงเท่านั้น

     อีกไม่นานก็ต้องเดินทางกลับต้าเสียงแล้ว

     ท่านแม่ทัพใหญ่ยืนลังเลอยู่ได้พักใหญ่ ในกระโจมก็มีคนพลิกผ้าผืนหนาเดินออกมาด้วยสีหน้าเฉยชา จางเหลียนนั่นเอง อีกฝ่ายไม่ได้ชักสีหน้าที่ราวกับจะฆ่าแกงใส่เขาอีกหลังจากเขาส่งจั๋วเจียหานไปอธิบายทุกอย่างให้ฟัง แต่ความไม่เป็นมิตรก็ยังคงฉายชัดบนสีหน้าของบัณฑิตหนุ่มไม่เปลี่ยนแปลง

     ดีที่อีกฝ่ายรับใช้หลิวช่างหลินอย่างใส่ใจยิ่งกว่าเดิม เขาจึงไม่ได้ลากอีกฝ่ายไปบั่นคอเสีย ปล่อยกลับมาให้เป็นคนดูแลความเป็นอยู่ของอดีตรัชทายาทแห่งต้าซางอีกครั้ง

     "ฝ่าบาทให้มาเชิญท่านเข้าไปด้านใน" จางเหลียนเดินมาหยุดตรงหน้าด้วยสีหน้าแข็งกระด้าง เพียงประสานมือค้อมกายลงเล็กน้อยแล้วผายมือไปยังกระโจมโดยไม่รอคำตอบ ท่าทางหยิ่งทระนงเช่นนี้ลู่ซือเหยียนเคยชินเสียแล้ว เห็นแก่หลิวช่างหลิน เขามิได้เก็บเอาท่าทางยโสนั้นมาใส่ใจ เพียงพยักหน้าให้ เดินเข้าไปด้านในตามคำเชื้อเชิญ

      ทันทีที่เข้ามาในกระโจม กลิ่นกำยานสมุนไพรที่ช่วยให้หายใจสะดวกก็โชยเข้าจมูกเป็นสิ่งแรก ด้านในอากาศอุ่นกว่าด้านนอกไม่น้อย ลู่ซือเหยียนจึงปลดผ้าคลุมลงส่งให้จางเหลียนที่รอรับอยู่ถึงค่อยเดินเข้าไปหาคนบนเตียงเพื่อไม่ให้ตนเองเอาไอเย็นเข้าไปกระทบคนเพิ่งหายป่วย

      "ท่านไม่ได้มาเสียนาน" หลิวช่างหลินในชุดคลุมบุขนสัตว์สีขาวสะอาดตาทักขึ้น ขยับมือชี้ไปยังเก้าอี้ข้างเตียงให้แขกนั่งลง หันไปสั่งให้จางเหลียนรินชามารับรองก่อนหันมาขยับยิ้มส่งให้เล็กน้อย "งานยุ่งมากหรือ ดื่มชาก่อนสักจอกเถิด"

    ลู่ซือเหยียนไม่ปฏิเสธรับชามาดื่มอย่างว่าง่าย ชาร้อนช่วยให้ร่างกายอุ่นซ่านขึ้นมาได้เป็นอย่างดี เจ้าของใบหน้าคมคายขยับยิ้ม ชมว่าชาดีคำหนึ่ง ถึงยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆ

     "ไม่มีไข้แล้วใช่หรือไม่ หลายวันมานี้ไม่ได้มาเยี่ยมท่านเลย ต้องขออภัยด้วย"

     ท่าทางเอาใจใส่เช่นนี้หลิวช่างหลินไม่ได้ปัดป้อง ทั้งยังส่ายหน้าเล็กน้อย "ข้าไม่ถือสา งานในกองทัพมีมากมาย ท่านไม่มีเวลามาหาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"

     ถ้อยคำนุ่มหูพวกนี้ทำให้แม่ทัพใหญ่ขยับยิ้มจาง ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้จางเหลียนและข้ารับใช้เดินออกไปจากกระโจม เมื่อลับสายตาคนนอกแล้ว ลู่ซือเหยียนก็ขยับมืออีกฝ่ายมากุมไว้เบาๆพลางนำโส่วลู่มายัดใส่มืออีกฝ่าย ตำหนิอย่างไม่จริงจังนัก

     "ท่านปล่อยให้มือตัวเองเย็นอีกแล้ว อย่างนี้ถึงได้ไม่หายป่วยเสียที" ถึงตรงนี้ก็ลดเสียงตัวเองลงแค่พอให้ได้ยินกันสองคน "ท่านไม่ส่งจดหมายถึงน้องชายจริงหรือ"

     "ว่าข้ามือเย็น ท่านเองเย็นกว่าข้าเสียอีกยังไม่เห็นป่วยเป็นอะไร เช่นนี้เย็นหรือไม่ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่" คนโดนตำหนิตอบกลับอย่างผ่อนคลายเช่นกัน มีเพียงมือที่กุมโส่วลู่เท่านั้นที่ขยับกุมแน่นขึ้นเล็กน้อยในขณะที่ส่ายหน้า

      ไม่ยินดีส่งจดหมายไปเล่า ยินดีให้ทุกคนเข้าใจผิดไปเช่นนั้นจะดีกว่า อิ่นเอ๋อร์จะได้ไม่ทำอะไรบ้าๆเพื่อช่วยเขาอีก

     ลู่ซือเหยียนถอนหายใจเบา ขยับเข้าไปจับผ้าห่มให้ห่มแนบสนิทดีขึ้นกว่าเดิมหน่อย ค่อยกล่าวต่อไป "ท่านช่างดื้อดึงนัก" ทั้งเรื่องสุขภาพ และเรื่องหัวแข็งไม่ยอมงอนั่นก็ใช่

     "ข้าไม่อยากเป็นจุดอ่อนของท่าน" ประโยคนี้ถูกเอ่ยขึ้นมีนัยถึงเรื่องจดหมาย หากตกไปอยู่ในมือขอผู้ไม่หวังดี ทุกอย่างที่ทำมานี้ก็จบกัน ลู่ซือเหยียนไม่ใช่ไม่รู้ แต่ก็อดยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีไม่ได้

     "ท่านจะเป็นตัวถ่วงได้อย่างไร อย่าได้คิดมากไป กลับไปต้าเสียงเมื่อไหร่ ข้าจะให้หมอที่ดีที่สุดมารักษาท่านด้วยตัวเอง เท่านี้ท่านก็ไม่ต้องกังวลแล้ว"

      หลิวช่างหลินชะงักไปเล็กน้อย พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายอยากจะบอก...

      การแสดงของจริง ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว

      "ท่านพร้อมหรือไม่" ลู่ซือเหยียนยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าอีกฝ่ายไว้ไปทัดหูให้อย่างอ่อนโยนนัก เป็นการถามย้ำอีกครั้ง...โอกาสสุดท้ายที่จะกลับลำมีเพียงตอนนี้เท่านั้น

      เมื่อเดินทางถึงต้าเสียง จากข่าวลือจะเป็นความจริง ทุกคนจะรับรู้ว่าองค์ชายตรงหน้ามีฐานะเป็นคนรักของเขา แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมนำความเสื่อมเสียมาให้อีกฝ่าย อย่างมิอาจกอบกู้คืนมาได้อีก...

      หากอยากหยุด ก็ให้หยุดเสียตั้งแต่ตอนนี้

      อดีตรัชทายาทแห่งต้าซางขยับยิ้มบางๆบนใบหน้า ลืมดวงตามืดบอดที่เขาชอบจ้องมองมาทางเขาอีกครั้ง ท่าทางเป็นธรรมชาติจนยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายมิอาจมองเห็นความสวยงามและความโหดร้ายของโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว มือเรียวยาวสะอาดตาเลื่อนขึ้นมาคว้ามือหนาหยาบจากการจับดาบมาจับเอาไว้

      "ท่านจะรักษาสัญญาใช่หรือไม่" ทุกคำสัญญาที่ท่านมอบให้ข้าและต้าซาง...

      ลู่ซือเหยียนมองบุคคลตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนลง เขาชอบความมั่นคงนี้นัก...หรือควรจะเรียกว่าหลงใหลดีเล่า

      "ข้าลู่ซือเหยียนจะไม่มีวันผิดคำสัญญา ขอสาบานต่อฟ้าดิน ชาตินี้มิมีวันผิดคำสัญญาต่อท่าน ช่างหลินท่านพร้อมจะก้าวเดินไปกับข้าหรือไม่"

     ก้าวเดินไปในทางที่เต็มไปด้วยโคลนสายนี้

     "ข้าพร้อม" มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่เคยคิดจะหันหลังกลับแม้แต่น้อย

     "เช่นนั้น ข้าก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว" ลู่ซือเหยียนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่อีกฝ่ายคงไม่มีวันได้รับรู้ ถือโอกาสที่หลิวช่างหลินไม่ทันตั้งตัว ยื่นใบหน้าเข้าไปหา ประทับจุมพิตลงที่แก้มเบาๆ

      "ข้าจะไม่มีวันให้ท่านเป็นอะไรไปแน่นอน"

      นี่เป็นคำสัญญาที่เขาให้ไว้กับตนเองอีกครั้ง และจะไม่มีวันผิดคำสัญญา





*******************

มาต่อจนจบแล้วค่าาาาาาาาาาาาาาา ใกล้จะจบภาคแรกแล้ว น่าจะอีกตอนไม่ก็สองตอน จะรีบเข็นมาให้อ่านกันนะคะ!

พอจบภาคแรกก็จะไปต่อกันที่ต้าเสียงแล้วค่ะ ความสงบแบบนี้คงหาได้ยากแล้ว ขอเชิญนักอ่านทุกท่านไว้อาลัยให้ช่างหลินและซือเหยียนกันสักสิบวินะคะ--- //โดนตี

ชอบไม่ชอบยังไงก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้นะคะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ทั้งที่เม้นและท่านที่หลงเข้ามาอ่านจนถึงตอนนี้ทุกคนเลยค่ะ เห็นยอดวิวก็ชื่นใจแล้ว

แล้วพบกันค่า

 :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-06-2016 21:18:59 โดย NakiDGM14 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด