One Fine Day
เมื่อออกจากลิฟต์ สิ่งแรกที่รู้สึกคือความเงียบ ถึงปกติชั้นนี้จะทำงานกันเงียบๆ อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็ยังมีเสียงเคาะคีย์บอร์ด เสียงพูดคุยเบาๆ บ้าง ไม่ใช่เงียบกริบเป็นป่าช้าแบบนี้
ยิ่งเดินผ่านฉากกั้นทำงาน เห็นพนักงานนั่งก้มๆ ไม่เงยหน้ามองอะไรนอกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เขายิ่งรู้สึกผิดสังเกต เพราะปกติจะมีพนักงานสองสามคนที่ชอบพยักหน้าทักทายส่งยิ้มให้เขาอยู่บ้าง
เดินมาถึงโต๊ะของปวิน เห็นฝ่ายนั้นนั่งหน้ายุ่ง ขยับปากขมุบขมิบโดยไม่มีเสียงลอดออกมา เขายิ่งลังเลหนัก คิดตำหนิตัวเองในใจว่าเลือกมาไม่ถูกวันเสียเลย
“อ้าว คุณฟ้า” ปวินเงยหน้าทักเขาอย่างดีอกดีใจ อากัปกิริยาพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือทั้งที่เขาเริ่มเกรงใจ
“สวัสดีครับ คุณปั้น” ยิ้มเขินตอบ ขยับถุงในมือกรอบแกรบ เกริ่นนำอ้อมแอ้ม “ฝากนี่ให้พี่กรได้ไหมครับ”
“อะไรเหรอครับ” นอกจากไม่ยอมรับไปจากมือเขา ปวินยังกรากมาคว้าแขนเขาไว้เหมือนกลัวขอบฟ้าจะเปลี่ยนใจวิ่งหนีเตลิดกลับบ้าน
“ผมทำแซนด์วิชแบบใหม่ดู รสชาติพอกินได้ คือ...เพราะใช้แต่วัตถุดิบดีๆ น่ะครับก็เลย...” หัวเราะแหะๆ แล้วพยายามยัดถุงใส่มือปวินอีกข้าง “หน้าตาบูดเบี้ยวไปหน่อยแต่ผมตั้งใจทำมากเลย ถ้าลองจัดใส่จานสวยๆ ก็พอดูได้ เก็บไว้ให้พี่กรกินตอนบ่ายน่าจะไม่ถึงขั้นเขวี้ยงทิ้ง”
“แม่พระมาโปรด...” เสียงพึมพำดังไม่ชัดจากปากปวินทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ถามอย่างไม่แน่ใจ
“คุณปั้นว่าอะไรนะครับ ผมไม่ค่อยได้ยิน”
“ผมบอกว่าคุณฟ้ามาถูกเวลามาก คุณกรยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย แซนด์วิชแห่งความรักนี่คงเป็นอาหารกลางวันที่ดีที่สุดแน่”
“เอ๊ะ แต่นี่มันเกือบบ่ายสอง...”
ปวินตีหน้าเศร้าราวกับถูกแฟนทิ้ง “มันแย่มากครับ เช้านี้มีรายงานเรื่องไม่สู้ดีนักตอนประชุม คุณกรเลยด่า...เอ๊ย อบรมไปชุดใหญ่ บริษัทที่คิดว่ากำลังจะถูกฟ้องล้มละลายก็ดันมีคนมาช้อนซื้อหุ้นตัดหน้า คุณกรเลยโมโหหนัก แถมท้ายสุด แม่สาวเสิร์ฟดันทำน้ำหกใส่ตอนเตรียมมื้อกลางวันเพราะพยายามยื่นนมให้ดู พ่อเลยแปลงร่างอาละวาด...เอ๊ย หมดอารมณ์กิน กลับมาเหวี่ยงใส่ทุกคนตั้งแต่ยามหน้าบริษัทจนถึงเลขาตัวน้อยๆ แต่แสนซวยอย่างผมนี่ไง”
กระพริบตาปริบแล้วขอบฟ้าก็เตรียมหันหลัง “งั้นผมไปก่อนดีกว่า”
“อย่าเพิ่งเลยครับ” แม้คำพูดจะนุ่มนวล หากอุ้งมือปวินบนแขนกระชับเหนียวแน่น “คุณกรคงหิวมาก คุณฟ้าช่วยเอาแซนด์วิชแห่งความรักนี้ไปให้คุณกรแล้วใส่บทพูดน่ารักๆ แบบที่พูดกับผมเมื่อกี๊ลงไปด้วย รับรองว่า...”
“ผมโดนเหวี่ยงกระเด็นก่อนพูดจบแน่” ต่อให้เสร็จแบบไม่คิดเข้าข้างตัวเองสักนิด
“ไม่มีทาง ผมกล้าเอาหัวรับประกันเลยว่าคุณกรต้องอารมณ์ดีขึ้นแน่ถ้าเห็นคุณฟ้าเอาแซนด์วิชแห่งความรักนี้มาให้ถึงที่นี่” กล่าวพลางออกแรงลากเขาไปทางประตูห้องแห่งความลับ ขอบฟ้าขืนตัวแต่ไม่เป็นผล
“แต่...” ปวินเคาะประตูห้องแล้ว เขาเลยขอหันมาสั่งเสียครั้งสุดท้าย “ถ้าครึ่งชั่วโมงแล้วผมยังไม่ออกมา ช่วยเข้าไปดูด้วยนะ”
“ครึ่งชั่วโมง สัญญาครับ” ปวินขยิบตา โยนเขาเข้าดงกับระเบิดเรดโซนแบบไม่มีแม้แต่เสื้อกันกระสุนสักตัวแล้วปิดประตู
บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ไม่มีเงาเจ้าของห้อง ขอบฟ้าเหลียวไปอีกด้านและเห็นร่างสูงนอนเหยียดยาวพาดอยู่บนโซฟา จึงค่อยๆ ก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวัง
พอเริ่มแน่ใจว่ากรหลับอยู่ เขาจึงจรดปลายเท้าไปนั่งยองๆ ตรงด้านข้าง ตอนหลับก็ดูหล่อเหลา น่ารัก ไม่มีความชั่วร้ายหรือไอมารเลยแท้ๆ แต่ทำไมพอตื่นถึงได้ร้ายกาจปานนั้นก็ไม่รู้
ตัดสินใจไม่ปลุกคนหลับแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอีกตัว รอเงียบๆ ให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาเอง จนกระทั่งผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มก็เริ่มขยับ ลุกขึ้นมานั่งด้วยหน้าตายังไม่ตื่นดี หาวหวอดไร้มาดท่านประธาน พอหันมาเจอเขาก็เพ่งมองแล้วขมวดคิ้ว ยกมือขยี้ตาเหมือนเด็ก
ขอบฟ้ายิ้มให้และนั่งมองจนกรกระดิกนิ้วเรียก ถึงได้ลุกไปหาใกล้ๆ โดนดึงให้ก้มหน้าลงแล้วริมฝีปากได้รูปก็จูบลงบนหน้าผาก กดลงบนสองแก้ม แตะที่ปากและจบด้วยการดึงไปกอดแน่นๆ
“พี่กร” ถ้าไม่ได้ยินปวินไซโคมาก่อนหน้า เขายังอยากจะคิดว่ากรอ่อนโยนกว่าปกติด้วยซ้ำ
“หืม” รับคำโดยไม่ได้คลายอ้อมกอด
“หิวหรือเปล่า ผมทำแซนด์วิชแห่งความรัก...เอ๊ย ทำแซนด์วิชมาฝาก” เพราะฟังปวินพูดกรอกหูซ้ำไปซ้ำมาแท้ๆ เลยเผลอติดมาด้วย หวังว่ากรคงไม่ทันได้ยินนะ “คุณปั้นบอกว่าพี่กรยังไม่ได้กินข้าว งั้นกินแซนด์วิชแทนนะครับ”
“อื้ม กินสิ” ตอบแต่ไม่ยอมปล่อย จนเขาต้องเขย่ากล่องในมือกุกกักเป็นเชิงประท้วง กรถึงค่อยคลายอ้อมแขนแบบเสียไม่ได้ แล้วเอาแต่นั่งมองเขาแกะถุง เปิดฝากล่องให้วุ่นวาย พอยื่นส่งให้ ดันอ้าปากรอซะงั้น
เอาน่า แค่ป้อนคนอารมณ์ไม่ดีจะเป็นไรนักเชียว ขอบฟ้าขยับป้อนให้ถึงปากอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง คำแล้วคำเล่าจนหมดเรียบ เขาถึงรีบกุลีกุจอวิ่งไปรินน้ำมาประเคนส่งถึงปาก พออิ่ม กรก็กวักมือเรียกเขาอีกรอบพร้อมตบโซฟาข้างๆ เป็นเชิงสั่งให้นั่ง
หากพอนั่งปุ๊บ ชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักปั๊บ ตั้งท่าเหมือนจะนอนต่อดื้อๆ
“กินเสร็จแล้วนอน เดี๋ยวก็กลายเป็นหมูหรอก” เขาดุไม่จริงจังนัก แต่กรกลับหัวเราะหึๆ ลืมตามอง ไม่ยอมลุกอยู่ดี
“ดีจริงๆ นะที่มีมึงอยู่ข้างๆ” คนเอ่ยพลิกตัวเกยขึ้นมานอนกอดเอวพร้อมซุกหน้าลงกับท้องเขา “พวกผู้หญิง...น่าเบื่อ น่ารำคาญ บ้าผู้ชาย...”
“อย่าพูดถึงผู้หญิงแบบนั้น พี่กร ยังไงเขาก็เป็นเพศแม่ ผู้หญิงดีๆ มีอยู่เยอะแยะ แบบยัยฝน น้องผมไง น่ารักจะตาย”
“น้องสาวมึง...” เว้นช่วงไปให้ขอบฟ้าเตรียมทะเลาะเต็มที่ มือก็เงื้อแล้วด้วย กะว่าถ้าไม่เข้าหูต้องขอสักป้าบในชีวิต ตายเป็นตาย “พูดมาก”
“ก็เด็กผู้หญิงนี่นา น้องพูดเก่งเพราะผมไม่ค่อยชอบพูด น้องเลยช่วยพูดแทนส่วนของผมต่างหาก”
หัวเราะกับพุงเขาแล้วอยู่ๆ กรก็เอ่ยขึ้น “วันหลังทำอะไรมาให้กินอีกนะ ไม่ต้องเป็นแซนด์วิชแห่งความรักก็ได้ เปลี่ยนเป็นข้าวกล่องแห่งความรัก ก๋วยเตี๋ยวแห่งความรักหรืออย่างอื่นก็ได้ แต่ต้องใส่ความรักมาด้วยนะ”
ขอบฟ้ารู้สึกได้เลยว่าเลือดในตัวกำลังสูบฉีดขึ้นไปกองอยู่บนหน้า ทั้งอายที่กรได้ยิน ทั้งนึกเขินจัดจนพูดไม่ออก ฝ่ายที่ซุกหน้าอยู่ก็ดันทะลึ่งเงยขึ้นมามองตาแป๋วอย่างล้อเลียนอีก
“หึหึ หน้าแดงเชียว เขินหรือไง” กรจิ้มแก้มเขาที่ยังร้อนผ่าวๆ เล่น “แก้มนิ่มเหมือนซาลาเปาเลย ไหน ขอกัดทีดิ”
“ฮื้อ ไม่เอา ไม่เล่น” ปัดป้องคนบ้าจี้ที่ยื่นหน้ามาทำท่าจะกัดแก้มเขาจริงๆ “ไปทำงานได้แล้วไป๊”
“เบื่อ ไม่อยากทำ เซ็ง อยากกลับบ้าน อาบน้ำนอน” บทจะงอแงนี่เอาโล่เลยทีเดียว ทีแรกขอบฟ้าคิดจะเทศนาเรื่องความขยันขันแข็ง แต่พอมองสีหน้าเหนื่อยๆ กับรอยคล้ำใต้ตา เขาก็เปลี่ยนใจ
“งั้นเราไปขออนุญาตคุณปั้นให้พี่กรลางานครึ่งวันกันดีกว่า” เขายังลูบผมอีกฝ่ายเล่นเมื่อปวินทำตามสัญญา ชะโงกเข้ามาดูว่าเขายังมีชีวิตอยู่ “คุณปั้นมาพอดี บ่ายนี้ผมขอตัวพี่กรกลับบ้านได้ไหม”
ปวินยังกระพริบตางงๆ จนเขาชักไม่แน่ใจ “หรือว่ามีงานอะไรที่ต้องอยู่ต่อ ถ้าเป็นแบบนั้นก็...”
“ไม่มีงานด่วนหรอกครับ อันที่จริง คุณฟ้าช่วยเอาตัวกลับไปก็ดี พวกพนักงานจะได้หายใจหายคอโล่งกันบ้าง ช่วยห่อกลับบ้านเอาใส่ถุงไปเลยครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง”
“ปั้น...” แค่เสียงเรียกต่ำๆ ฟังคล้ายๆ คำรามจากกรก็ทำให้ขอบฟ้าต้องรีบดึงแขนฝ่ายนั้นไปทางประตู แม้จะยังมีทีท่าฮึดฮัดขัดใจแต่กรก็ยอมเดินตามแรงดึงเขาโดยไม่ขัดขืน ตลอดทางถ้าเดินผ่านพนักงานที่ก้มหน้าก้มตาจะต้องมีสายตาแอบชำเลืองมาพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามหลังที่เห็นเขาหอบทอร์นาโดลูกโตกลับบ้านเสียที
อืม ท่าจะอาการหนักเอาการ
“เฮ้อ” เผลอถอนหายใจอย่างโล่งอกตามไปด้วยเมื่อเข้ามานั่งในรถและเกือบสะดุ้งเมื่อหันไปเจอทอร์นาโดกำลังตั้งเค้าคุกรุ่นเตรียมแตะงวงพายุลงพื้นเพื่อทำลายล้าง “โชคดีจังที่วันนี้ได้เลิกงานเร็ว พี่กรอยากไปไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”
ถามไปพร้อมรอยยิ้มด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ลุ่มๆ ดอนๆ ทำใจดีสู้เสือสุดฤทธิ์
“ถ้าพี่นึกไม่ออก งั้นเราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีไหม ผมกลัวพี่กินข้าวมาก่อนแล้วเลยทำแซนด์วิชมากะแค่พอให้กินเป็นอาหารว่าง พี่กรต้องไม่อิ่มแน่ๆ เลย ถ้ากินอิ่มแล้วหาหนังสนุกๆ ดูสักเรื่องก็ดีนะครับ” พยายามเกลี้ยกล่อมพร้อมหาเหตุผลประกอบ ไม่แน่ว่าที่เจ้าตัวอารมณ์เสียสุดเหวี่ยงแบบนี้อาจเป็นเพราะโมโหหิวก็เป็นได้
ฝ่ายไอ้เสือโหยนิ่วหน้ามองเขาสักพัก ครุ่นคิดอะไรอีกหน่อยจึงค่อยสตาร์ทรถ “ยังไม่ค่อยอิ่มหรอก เดี๋ยวแวะซื้ออะไรเข้าไปกิน หาหนังออกใหม่สักเรื่องไปนั่งดูที่บ้านดีกว่า ตอนนี้ไม่อยากอยู่ในห้างนานๆ เบื่อมนุษย์โลก”
ออกอาการอยากกลับดาวแม่ขนาดนี้คงหนักหนาจริงๆ เสียด้วย นาทีนี้ขอบฟ้าไหลตามน้ำอยู่แล้ว พวกเขาแวะห้างสรรพสินค้าบนทางผ่านเพื่อซื้อของกินกลับไป ก่อนจะแวะร้านขายแผ่นหนังต่อ กรคว้าแผ่นหนังออกใหม่มาสี่ห้าเรื่องโดยไม่ต้องห่วงว่าจะเคยดูแล้วหรือไม่ เพราะพวกเขาไม่ค่อยดูหนังในโรงกันเท่าไหร่
เมฆดำที่มืดครึ้มนานานในที่สุดก็พรำฝนลงมาจนได้ โชคดีที่กลับถึงบ้านพอดี ไม่อย่างนั้นคงเจอรถติดอีกยาว
กรนั่งกินของที่ซื้อมาอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนขอบฟ้าก็กินเป็นเพื่อนบ้างเล็กๆ น้อยๆ เพราะยังไม่หิวเท่าไหร่ หลังจากกวาดอาหารจนเกลี้ยง กรที่ดูอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจึงจัดการเลื้อยลงมานอนหนุนตักเขาพลางดูหนังต่ออย่างแสนสบาย และเป็นไปตามคาด ผ่านไปไม่นาน กรก็หลับสนิทคาตักเขานั่นล่ะ
สุดท้าย ขอบฟ้าจึงลดเสียงโทรทัศน์ลงและนั่งดูหนังคนเดียวสลับกับก้มลงมองคนหลับปุ๋ยเป็นพักๆ ท่ามกลางเสียงฝนพรำและบรรยากาศอันสงบสุข
แม้จะอยู่ในสถานที่เดิมๆ ไม่ได้เปลี่ยนบรรยากาศหาความแปลกใหม่ หากความสุขแบบง่ายๆ ที่ขอแค่มีคนที่ใช่อยู่ข้างๆ นั้นก็มากเกินพอ
+++++ จบ +++++
ตอนนี้เป็นตอนพิเศษที่อยู่ท้ายเล่ม Fallen and Destined ค่ะ หากสนใจอ่านตอนอื่นๆ ยังไงเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://ddnovel.lnwshop.com/ นะคะ ทางเรากำหนดปิดจอง Pre-orderวันที่ 15 ก.ย. นี้แล้วค่ะ