Rough and Tender 22
ครูสอนพิเศษของเขาชื่อเอกลักษณ์ แต่เจ้าตัวบอกให้เรียกพี่ฟี่ ดูเป็นคนอารมณ์ดี คุยสนุก เพราะแค่เจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง ขอบฟ้าก็ออกอาการติดเป็นที่เรียบร้อย
ส่วนใหญ่ พวกเขาจะมาติวกันที่คอนโดของกรทุกวันหยุด ครั้งละสองถึงสามชั่วโมงแล้วแต่ความอดทนของเจ้าของห้อง
“อืม ดีมาก ทำการบ้านถูกหมดเลย แอบให้ใครตรวจก่อนหรือเปล่าเนี่ย” เอกลักษณ์ชมหลังจากตรวจการบ้านที่ให้ไว้เมื่ออาทิตย์ก่อนหมดพร้อมชำเลืองหางตาไปยังอีกคนที่นั่งเล่นเกมอยู่หน้าจอโทรทัศน์ “เก่งแบบนี้ พี่ฟี่มีรางวัลให้”
ขอบฟ้ายิ้มอย่างตื่นเต้นแต่ยังไม่ทันรู้ว่ารางวัลที่ว่าคืออะไร หมอนใบโตก็ลอยจากหน้าโทรทัศน์เข้าใส่หน้าครูสอนพิเศษดังตุ้บ
“ห้ามแตะนะ ไอ้ฟี่”
“แหม กูล่ะเบื่อคนรู้ทัน ขอโทษนะ น้องฟ้า พี่ฟี่คงให้ไม่ได้แล้วล่ะ หมามันหวงน่ะ” เอกลักษณ์พูดยิ้มๆ
“ควาย!”
“น้องฟ้าเขาเก่งขึ้นตั้งเยอะ มึงด่าน้องเขาแบบนี้ เดี๋ยวน้องก็น้อยใจตายห่าหรอก”
เมื่อหมดความอดทน กรก็ผละจากหน้าโทรทัศน์ ก้าวตึงๆ มายืนตาขวาง ชี้นิ้วไปทางประตู “วันนี้พอได้แล้ว มึงกลับไปเลยไอ้ฟี่”
“อะไรว้า กูเพิ่งสอนไปได้ชั่วโมงเดียวเอง ไม่ได้หรอก เพราะเดี๋ยวน้องฟ้าเขาจะมีเทสต์ย่อยอาทิตย์หน้าแล้วด้วย กูต้องติวให้แน่น วันนี้อย่างต่ำต้องสามชั่วโมง” เหลียวดูนาฬิกาแล้วเอกลักษณ์ก็สั่ง “กูชักหิวแล้ว ถ้ามึงจะกรุณาช่วยรีบไปซื้อข้าวให้กูแดกจะดีมาก วันนี้กูขอปลาดิบชุดใหญ่นะ”
“ฝันไปเหอะ จะสั่งเท่าไหร่กูไม่ว่าแต่โทรสั่งให้มาส่งที่นี่”
ขอบฟ้าที่อดได้รางวัลกลับมาทำหน้ามึนเหมือนเดิม นั่งฟังสองคนเถียงกันแล้วเริ่มง่วงนอนจนต้องปิดปากหาว
“ละสายตาไปแค่ไม่ถึงชั่วโมงรับรองว่าไม่หายหรอกน่า มึงนี่แม่งโอเวอร์ขึ้นทุกวัน ถ้ากูไม่เห็นกับตา แล้วใครมาเล่าให้กูฟังคงหัวเราะฟันหัก” ส่ายหน้าดิกแล้วเริ่มผลักไสไล่ส่งเพื่อนอีกรอบ “มึงไปซื้อนั่นล่ะดีแล้ว ปลาดิบเดลิเวอรี่แดกลงเสียที่ไหน น้องเขาก็บ่นอยากกินเหมือนกัน เอามาสองชุดเลย”
“อ้าว” ชายหนุ่มมีท่าทีอ่อนลงกะทันหันแต่กระนั้นก็ยังไม่วายดุใส่คนนั่งหน้าง่วงแทน “อยากกินทำไมไม่บอกวะ มึงนี่มัน... เออๆ กูไปซื้อให้ก็ได้ แล้วมึงอย่ารุ่มร่าม ไม่งั้นกูจะเอาปลาดิบทั้งตัวยัดลงคอหอยมึง”
กล่าวฝากฝังเสร็จ เจ้าของห้องก็หยิบกุญแจรถออกไปอย่างว่าง่าย ทิ้งให้ขอบฟ้าเอ่ยไล่หลัง “เอ่อ ผมจำไม่ได้ว่าบ่นอยากกินปลา...”
ประตูกระแทกดังปัง กว่าที่เขาจะพูดจบ “อ้าว ไปซะแล้ว”
“ดีแล้ว เพราะขืนบอกทัน พี่ก็อดกินสิ” เอกลักษณ์พลิกหนังสือเปิด หน้าตากลับมาจริงจัง “เดี๋ยวเรามาดูส่วนนี้กันต่อดีกว่า”
ระหว่างที่เขาก้มหน้าก้มตาทำแบบฝึกหัด เอกลักษณ์ก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“น้องฟ้าไม่ได้คุยกับเจ้าพลอีกเลยเหรอ”
ไส้ดินสอหักเป๊าะคามือ หางรูทยาวไปถึงขอบกระดาษ ขอบฟ้าอ้าปากต้องการพูดแต่กลับนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี
“ใจเย็นๆ พี่ไม่ได้จะทำอะไรเราสักหน่อย ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้” เอกลักษณ์ยิ้มแต่ดูจะเป็นยิ้มที่ไม่ได้สดชื่นเอาเสียเลย “แฟนพี่เป็นเพื่อนของป่านเขาน่ะ พี่เลยได้ฟังมาบ้าง ไม่ได้รู้จากปากเจ้าพวกนั้นเองหรอก”
มองกิริยาจับดินสอกดแน่นแล้วครูสอนพิเศษก็ถอนหายใจ
“จะไอ้กรหรือไอ้พลก็ดี มันก็เป็นเพื่อนทั้งคู่ บอกตรงๆ ว่าพี่ไม่อยากเห็นมันต้องจบลงแบบไม่สวยอย่างนี้เลย มันสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง หัวหกก้นขวิดกันมาตั้งเท่าไหร่ ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้น พี่ไม่อยากโทษว่าใครเป็นคนผิด เพราะถ้าน้องฟ้ากับไอ้กรรักกันจริงๆ ไอ้พลมันก็เป็นแค่ส่วนเกินอยู่ดี...”
“ผม...ไม่ได้...รักกับพี่กร” เขาพูดช้าๆ เน้นทีละคำ เหงื่อเริ่มออกจนมือชื้น “เราไม่ได้รักกัน”
“อืม” เอกลักษณ์ลากเสียงยาวและยิ้มแหย “แต่เท่าที่พี่เห็น มันจะไม่ใช่แบบนั้นนะ อย่างน้อย...พี่ก็ไม่เคยเห็นไอ้กรเป็นแบบนี้แล้วกัน”
“เป็นแบบนี้...” บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงแต่ขอบฟ้าแน่ใจว่ามันห่างไกลกับคำว่ายินดีแน่ๆ เสียงของเขาฟังดูถึงขั้นเหยเกด้วยซ้ำ “แบบไหน”
“แบบ...จริงจังล่ะมัง” อีกฝ่ายเลิกยิ้มไปแล้ว “กรมันจริงจังกับความรักครั้งนี้มากนะ”
ขอบฟ้าเริ่มมึน จริงจังงั้นเหรอ ความรักงั้นเหรอ ไม่รู้หรอกว่าเอกลักษณ์ใช้เกณฑ์อะไรมาตัดสิน แต่เขาไม่เชื่อหรอกว่าเรื่องระหว่างเขากับกรจะเป็นอะไรที่สวยงามได้ขนาดนั้น
“แต่สิ่งที่พี่อยากบอกฟ้า อยากบอกถึงขนาดต้องหาวิธีไล่ไอ้กรออกไปก่อนน่ะคือเรื่องของเจ้าพลต่างหาก” คนพูดมีสีหน้าลำบากใจขณะกล่าวต่อ “ไอ้กรเล่าให้ฟังบ้างไหมว่าตอนนี้พลกับป่านเป็นยังไงบ้าง”
เขาหวนนึกถึงบทสนทนาครั้งนั้นและพยายามนึกให้ออกว่ากรบอกอะไรบ้าง “พี่กรบอกว่าไม่ค่อยได้เจอป่าน คงมีแฟนใหม่ไปแล้ว ส่วนพี่พลก็มีความสุขดี ...ควงเด็กไม่ซ้ำหน้า เขาบอกว่าพี่พลมีความสุข”
เมื่อเห็นสีหน้าคนฟัง ขอบฟ้าก็เริ่มสังหรณ์แล้วว่าคงมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นแล้วเป็นแน่
“...ไม่ใช่เหรอ”
“เรื่องป่านก็ถือว่าใกล้เคียงในส่วนที่บอกว่าไม่ค่อยได้เจอ ส่วนมีแฟนใหม่ไปแล้วนี่พี่ก็ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าป่านคงไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ผิดหวังจากคนหนึ่งแล้วจะรีบหาใครก็ได้มารักษาแผลใจหรอก ผู้หญิงดีๆ แบบนั้นมารักไอ้กรนี่ก็น่าสงสาร” หยุดมองปฏิกิริยาเขาสักพักก่อนจะเอ่ยต่อ “ส่วนไอ้พล มันไม่ค่อยโผล่หน้ามาเรียน โชคดีที่เป็นเทอมสุดท้ายแล้ว อาจารย์เลยไม่ค่อยซีเรียส คงเห็นว่าเกรดมันดีอยู่แล้วด้วยล่ะมั้ง แต่เจอหน้าแต่ละที จะว่าไงดีล่ะ...พี่เรียกไม่ค่อยถูกแต่คงเรียกว่ามีความสุขไม่ได้แน่ๆ”
ถึงใจหนึ่งจะอยากยกมือปิดหูไม่ยอมรับฟัง แต่อีกใจ เขากลับต้องการรู้ความจริงมากกว่า
“มันดูแย่ ได้ยินบางคนบอกว่ามันออกเที่ยวทุกคืน ร้านไม่ปิดมันไม่กลับ ดื่มหนัก ที่สำคัญ...ได้ยินว่ามันเริ่มเล่นยาด้วย”
ขอบฟ้านิ่งอึ้งไปทันทีหลังจากได้ยิน เขาไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างพลชนะจะสิ้นคิดถึงขั้นหันไปหายาเสพติดได้ แต่คนที่เล่าก็เป็นเพื่อนของชายหนุ่มเองซึ่งคงรู้เรื่องราวมาไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องโกหกเลย
“พี่พลติดยาเหรอ” เขาเค้นเสียงถามแหบแห้งออกไป ไม่ว่าเรื่องราวระหว่างเขากับพลชนะจะจบลงแบบไหน เขาก็ไม่พร้อมจะรับฟังว่าขณะนี้พลชนะตกต่ำลงถึงขั้นนี้
เอกลักษณ์พยักหน้า “ฟังดูไม่น่าเชื่อแต่พี่คิดว่าคงจะจริง เพราะคนอย่างไอ้พล ต่อให้เที่ยวหัวราน้ำขนาดไหนก็ไม่น่าจะโทรมลงได้เร็วขนาดนั้นถ้าไม่ได้เล่นยาด้วย”
มองสีหน้าซีดเผือดของลูกศิษย์แล้วเอกลักษณ์ให้ยิ่งรู้สึกผิด
“พี่รู้ว่าพี่ขอฟ้ามากเกินไป แต่ถ้าฟ้ายังเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตบ้าง พี่ก็อยากให้ฟ้าห้ามมันได้ไหม บอกตรงๆ ว่าพี่ไม่เห็นว่าจะมีใครห้ามมันได้อีกนอกจากเรา”
บอกตรงๆ ว่าเขานึกอะไรไม่ออกแล้ว แต่สิ่งที่เด่นชัดที่สุดในตอนนี้ก็คือเขาปล่อยให้พลชนะตกต่ำลงแบบนั้นไม่ได้ ถึงเรื่องระหว่างพวกเขาจะจบลงแบบไม่สวยงาม หากเมื่อนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่เขาเคยได้รับมาจากฝ่ายนั้น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเอาใจใส่ รอยยิ้มที่อ่อนโยน ความรู้สึกที่พลชนะมอบให้ เทียบกับสิ่งที่เขาตอบแทนให้แล้ว เรียกว่าต่อให้ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตชดใช้ให้ก็อาจจะยังไม่เพียงพอด้วยซ้ำ
“ได้ครับ ผมจะไปหาพี่พล” ตาเขาร้อนผ่าวตอนพูด ไม่ใช่ด้วยความสงสารหรือแค่เห็นใจ แต่เขาติดหนี้พลชนะมากมายเกินไปจริงๆ “ต่อให้พี่กรห้าม ผมก็จะไป”
“เอ้อ อย่าว่าอะไรเลยนะ แต่พี่ว่าถ้าไอ้กรรู้ มีหวังมันล่ามฟ้าติดไว้กับเสาแน่” คำทำนายของเอกลักษณ์ไม่ได้ฟังเกินจริงแม้แต่น้อย แค่นึกถึงตอนที่โดนใส่กุญแจมือติดกับหัวเตียง เขาก็หน้าซีดแล้ว “ถ้าฟ้าไม่รังเกียจ ให้พี่ไปเป็นเพื่อนแทนยังดีเสียกว่า ขืนไอ้กรรู้ นอกจากฟ้าจะแย่แล้วพี่อาจจะตายด้วย”
ขอบฟ้าพยักหน้ารับ อุ่นใจขึ้นนิดหน่อยที่รู้ว่าเอกลัษณ์จะไปเป็นเพื่อนด้วย แต่ต่อให้ต้องไปคนเดียว เขาก็จะไปอยู่ดี
“อย่าร้องไห้นะ ขืนฟ้าร้องไห้ ไอ้กรต้องมัดพี่ติดกับเก้าอี้แล้วถีบลงจากระเบียงแหงๆ ...พี่พูดจริง ไม่ได้โม้ ตอนปีสองมันเคยทำแบบนั้นกับรุ่นพี่ที่ด่าว่ามันเป็นหมาขี้ขโมย จ้องจะแดกแต่เมียชาวบ้าน คือแฟนของรุ่นพี่คนนั้นมาวิ่งไล่ตามไอ้กรเองแท้ๆ อ้อ แต่มันไม่ได้ถีบลงจากระเบียงหรอก แค่ถีบลงสระว่ายน้ำเอง กว่าพวกพี่จะลงไปงมรุ่นพี่ปากหมาขึ้นมาพร้อมเก้าอี้ได้แทบตาย หายซ่าไปเลย”
ถึงความจริงจะไม่ใช่เรื่องตลกแต่ด้วยท่าทางการเล่าก็ทำให้ขอบฟ้าหัวเราะออกมาได้ พอดีกับที่ประตูเปิดผลั๊วะเข้ามา กรซึ่งถือถุงพะรุงพะรังเข้ามาชะงักไปนิดหนึ่งก่อนเอ่ยเสียงขุ่น
“ไอ้ฟี่ กูไปซื้อมาให้แดกแล้วยังไม่มาช่วยรับอีก สันดานเสียนะมึง”
“คร้าบผม ไอ้ฟี่มาแล้วขอรับ คุณชาย” นอกจากจะไม่ถือสาแล้วเอกลักษณ์ยังถลาเข้าไปรับข้าวของมาด้วยหน้าตาชื่นบาน “โอ้โห นี่มึงไปเหมาปลาดิบเขามาหมดร้านเลยหรือไงวะ ไม่ต้องห่วงนะเพื่อน ไอ้ฟี่จะรับผิดชอบให้เอง”
ระหว่างที่เอกลักษณ์วิ่งไปตระเตรียมอาหารบนโต๊ะด้านใน กรก็เดินมานั่งลงข้างๆ เขาซึ่งกำลังจะขยับลุกไปช่วย แถมไม่นั่งเปล่า มือใหญ่ยังรั้งให้เขานั่งลงเบียดเสียแทบจะเกยขึ้นไปบนตักอยู่แล้ว
ด้วยความที่ไม่เคยนั่งตักใครมาตั้งแต่เลิกเป็นเด็ก แถมนี่มันก็ตักผู้ชายอีกด้วย ขอบฟ้าจึงตีหน้ากระอักกระอ่วน “มีอะไรเหรอครับ”
“เมื่อกี๊คุยอะไรกับไอ้ฟี่”
ไม่รู้ว่าเพราะโชคช่วยหรือเขาเกิดนึกขึ้นได้แต่เรื่องหลังสุดที่ได้ฟัง ขอบฟ้าจึงยิ้มกว้าง “พี่ฟี่เล่าเรื่องที่พี่กรเคยมัดรุ่นพี่กับเก้าอี้แล้วถีบตกน้ำ ที่จริงผมก็ว่ามันไม่ใช่เรื่องขำหรอกนะ แต่พี่ฟี่เขาเล่าตลกก็เลยขำ”
“อ๋อ เรื่องเมื่อตอนนั้น” กรพยักหน้า คิ้วที่เริ่มขมวดคลายออก “แม่ง เสือกปัญญาอ่อนหาว่ากูตามจีบแฟนมัน หน้าอย่างกับไข่เจียวลืมใส่น้ำปลา ใครจะแดกลง”
สรุปว่าถ้าสวยก็คงเล่นด้วย ว่างั้นเถอะ
“แรกๆ พี่กรก็ชอบเรียกผมว่าไอ้หน้าจืดนะ” สาบานได้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ไม่ได้พูดด้วยความน้อยใจ แค่นึกออกเลยพูด “ผมจำได้เพราะมันตลกดี”
กรจับหน้าเขาไว้แล้วไล่มองทีละส่วนๆ ขอบฟ้ากำลังจะอ้าปากถามว่าหาอะไร ชายหนุ่มก็พูดขึ้นมาเสียก่อน “ไม่ต้องดีใจไปหรอกเพราะตอนนี้มึงก็ยังเป็นไอ้หน้าจืดอยู่ แต่ถึงจะจืด กูก็...”
“ไอ้กร! นี่มันอะไรวะ!” เอกลักษณ์ถือกระดาษแผ่นหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมา แทบไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าอีกสองคนอยู่ในอิริยาบทอย่างไรเพราะความตกใจที่มีมากกว่า “มึงเอามาจากไหน!”
สิ่งที่อีกฝ่ายถือคือกระดาษสีแดงมีตัวหนังสือพิมพ์อยู่สั้นๆ แค่ไม่กี่คำ แต่เป็นไม่กี่คำที่ทำเอาขอบฟ้าตะลึง
กู-ไม่-ปล่อย-พวก-มึง-สอง-คน-แน่
“ไม่มีอะไรหรอก แค่จดหมายพวกโรคจิต ไม่ก็ไอ้เวรสักคนอยากล้อเล่นล่ะมั้ง” กรตอบแบบไม่ใส่ใจ “นี่ก็ไม่ใช่ฉบับแรกด้วย ฉบับก่อนๆ กูขยำทิ้งไปหมดแล้ว”
“นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ นี่มันจดหมายขู่ มึงช่วยทำท่าตกใจให้มากกว่านี้หน่อยสิวะ!” กลายเป็นเอกลักษณ์ที่เต้นผาง โบกกระดาษไปมาราวกับมันเป็นคำสั่งตัดสินโทษประหารชีวิต “กูว่ามึงต้องรีบไปแจ้งตำรวจ ให้หน่วยพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบหาลายนิ้วมือ...”
“มึงจะตื่นตูมไปถึงไหน ไอ้ฟี่ ถ้าจะให้กูคอยนั่งเครียดกับจดหมายประเภทนี้ทุกฉบับ ก็คงเครียดตายห่าไปแล้ว อีกอย่าง ไอ้เรื่องข่มขู่พรรค์นี้กูเจอแรงกว่านี้ตั้งกี่เท่า แค่นี้ยังเด็กๆ” กรยักไหล่ หันมาดึงมือคนที่นั่งนิ่งด้วยความตื่นตระหนก “ไปกินข้าวได้แล้ว หือ ทำไมมือเย็น เป็นอะไรวะ ถามไม่ตอบ”
“พี่กร ผมว่าเชื่อพี่ฟี่ดูสักครั้งดีไหม มันอันตราย” ขอบฟ้าดึงเสื้อชายหนุ่มกระตุกแรงๆ “ถ้าครั้งนี้มันไม่ใช่แค่การล้อเล่นล่ะ ถ้ามันเป็นการขู่จริงๆ...”
“มึงนี่ก็ตื่นเต้นตามไอ้ฟี่ไปอีกคน เห็นมึงประสาทแดกแบบนี้ ไอ้คนส่งคงหัวเราะฟันหัก” กรยิ้มเหยียด “กูไม่ยอมให้ไอ้โม่งหน้าไหนมาคอยบงการชีวิตกูหรอกนะ แต่ถ้ามึงอยากเต้นตามมันก็ตามใจ”
กล่าวจบ กรก็เดินเข้าครัวไปทิ้งให้พวกเขาอีกสองคนที่เหลือยืนมองหน้ากันเอง เอกลักษณ์ตัดสินใจพับกระดาษเจ้าปัญหาเก็บใส่กระเป๋าตนเอง ตบบ่าลูกศิษย์ปลอบใจ
“รอดูท่าทีก่อนก็ได้ มันอาจจะเป็นแบบที่ไอ้กรว่า ฝีมือพวกโรคจิตว่างงาน” พูดไปแล้ว คนพูดกลับทำหน้าเครียดเสียเอง “แต่ประโยค...พวกมึงสองคนเนี่ยมัน... ทำไมมันต้องขู่ฟ้าด้วย แสดงว่ามันรู้เรื่องฟ้ากับไอ้กรงั้นสิ ใครกันที่จะแค้นถึงขนาด...”
จู่ๆ เอกลักษณ์ก็ชะงักเช่นเดียวกับขอบฟ้า ถ้าจะมีใครเกลียดกรก็คงไม่แปลก แต่ถ้ามันลามมาถึงเขาได้ก็แสดงว่าน่าจะรู้จักเขาเช่นกัน ใครบางคนที่เพิ่งพูดถึงไปเมื่อครู่ผ่านแว่บเข้ามาในความคิด
“หรือว่าจะเป็นไอ้พล”
“ไม่มีทาง” ขอบฟ้าสวนทันควัน พูดอย่างเชื่อมั่น “พี่พลไม่มีทางทำแบบนี้เด็ดขาด”
ครั้งนี้ไม่เหมือนกับตอนที่เอกลักษณ์บอกว่าพลชนะติดยา เพราะมันไม่ใช่แค่ไม่น่าเชื่อแต่มันเป็นไปไม่ได้เลยต่างหาก เอกลักษณ์ยังมีท่าทางไม่แน่ใจหากท้ายสุดก็ยอมพยักหน้ารับ
“พี่ก็ไม่อยากเชื่อ เอาเป็นว่าถ้าหลังจากนี้ยังมีจดหมายข่มขู่ส่งมาอีก ฟ้ามาบอกพี่ก็แล้วกัน เก็บจดหมายไว้ด้วย อย่าให้ไอ้กรขยำทิ้งอีก ขอดูอีกสักระยะ พี่พอจะรู้จักคนของบ้านมัน บางที...” เสียงพูดเบาลงจนกลายเป็นแค่งึมงำในลำคอ
ขอบฟ้าตั้งท่าจะพูดอะไรต่อทว่ามีเสียงตะโกนดังมาเสียก่อน “พวกมึงสองคนจะจู๋จี๋กันอีกนานไหม! ไอ้ฟี่ เลิกขู่เมียกูได้แล้ว เดี๋ยวคืนนี้ถ้าแม่งนอนเยี่ยวราดรดกู กูจะกระทืบมึงให้ไส้แตก”
เขาเลยเปลี่ยนเป็นถอนหายใจ พยักหน้าให้ครูที่ยืนคอย่นแทนพร้อมตอบ “มาแล้วครับ พี่กร พี่มีปัญหาอะไรกับกระเพาะปัสสาวะผมนักหนาเนี่ย หลายรอบแล้วนะ”
บ่นพึมพำขณะเดินเข้าครัวไปหาคนเจ้าปัญหา ปลาดิบที่ถูกยื่นมาให้ถึงปากทำเอาผงะนิดหน่อยแต่ก็ยอมอ้าปากรับแต่โดยดี อันที่จริงเขากินไม่ค่อยเป็นหรอกนะ ไอ้ของดิบๆ พรรค์นี้ จึงเบือนหน้าหนีเมื่อคำต่อไปถูกยื่นจ่อชิดริมปาก
“ไม่เอา ผมไม่ค่อยชอบหรอก”
กรชะงักอีกรอบ ก่อนตะโกนดังลั่นเสียจนแก้วหูเขาสะเทือน
“ไอ้เหี้ยฟี่!!!”
++++++++++