พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : สอนเสือเป่าขลุ่ย (?)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พยัคฆ์ร้ายกับรัชทายาทปัญญาอ่อน ตอนพิเศษ : สอนเสือเป่าขลุ่ย (?)  (อ่าน 159271 ครั้ง)

ออฟไลน์ felixia

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
ท่านพ่ออะไรจะโหดเหี้ยมขนาดนี้
มีเจ้าเมืองแบบนี่  ประชากรคงจะมีความสุขกันหรอกนะ
ขนาดลูกตัวเองยังไม่รักเลย
สงสารเวสเปอร์ ฮือออ น้องผิดอะไร ทำไมต้องมาเจอพ่อแบบนี้
สงสารเฟเนกส์ด้วย เพราะพ่อเป็นแบบนี้ ก็เลยเป็นคนแบบนี้สินะ ผิดที่การเลี้ยงดูนั่นแหละ
พี่เสืออออ สู้เขาาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ใครนะที่ทำให้เวสเปอร์เป็นแบบนี้

มันน่าฆ่าให้ตาย

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 17

การปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งของพยัคฆ์ดำนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่มีผลต่อชาวเมืองเอวินด์พอสมควรเพราะก่อนหน้านั้นได้มีข่าวเกี่ยวกับศพของเหล่าแม่ทัพเอกแห่งเมืองเอวินด์ ทุกชีวิตล้วนดับสิ้นมีเพียงมังกรคู่กายที่เหลือรอดซมซานกลับมาแต่ถึงอย่างนั้นภายในนัยน์ตาของพวกมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความหวาดผวาดที่ฝังลึกในจิตวิญญาณทำให้พวกมันไม่สามารถใช้การได้อีกจนต้องนำพวกมันกลับไปปล่อยในป่าที่เป็นที่อยู่อาศัยของมังกร   

ซึ่งผู้ที่กระทำสิ่งเหล่านี้ชาวเมืองเอวินด์ล้วนรู้อยู่แก่ใจ เป็นชายร่างยักษ์ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและมีดาบสีดำพาดไว้บนหลังข้างกายมีเสือขาวคอยติดตาม พวกเขาเห็นทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้น วันที่องค์ชายเวสเปอร์พยายามหลบหนีออกจากปราสาทโดยถูกเหล่าทหารขององค์ราชาไล่ฆ่าหรือแม้กระทั่งตอนที่องค์ชายเลือกซื้อเสื้อผ้าเพื่อปลอมตัวในเมืองอื่นๆ พวกเขาล้วนรู้เห็นกันทั้งนั้นเพียงแต่ไม่กล้าเอ่ยปากออกมาในที่สาธารณะ ผิดกับเมื่ออยู่ในวงแคบๆ จะพูดคุยเรื่องนี้กันจนน้ำลายแตกฟองคาดคะเนและวิเคราะห์ไปต่างๆ นานาถึงสาเหตุที่องค์ชายที่แสนอ่อนแอนี่ถูกไล่ฆ่า

แต่เรื่องแปลกคือไม่มีใครสนใจจะสงสารองค์ชายเวสเปอร์แม้แต่นิดเดียว อย่างที่รู้พวกเขานับถือคนแข็งแกร่งรังเกียจคนอ่อนแอ ลึกๆ แล้วพวกเขาล้วนรู้สึกอยากจะกลายเป็นดินแดนที่สำคัญที่สุดในดินแดนมนุษย์แทนเมืองโฮรัส ความต้องการลึกๆ เหล่านี้นั้นแรงกล้าจนทำให้พวกเขาเลิกสนใจที่จะให้กับความสนใจกับรัชทายาทปัญญาอ่อนนี้แล้วตั้งหน้าตั้งตาคอยดูว่ากษัตริย์ที่เกรียงไกรที่สุดของเมืองเอวินด์จะทำอย่างไร

คำตอบของเรื่องนี้ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด 

ถึงแม้กษัตริย์ไซมอนด์จะคิดเองเออเองว่าประชาชนจะไม่รับรู้ความโหดเหี้ยมและอำมหิตของตนเองเพราะเจ้าตัวพยายามปกปิดสิ่งเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มและการปกครองอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด น่าเสียดายที่กษัตริย์ไซมอนด์นั้นคิดผิดไปมหันต์ ชาวเมืองเอวินด์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องความถูกต้องมากนักแต่ให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องซะมากกว่า หากสิ่งใดที่ทำแล้วทำให้พวกเขามีกินพวกเขาก็ยอมทั้งนั้น พวกเขาถูกเอารัดเอาเปรียบจากขุนนางมานานเกินไปแล้ว

ดีไม่ดีหากเปิดเผยเรื่องที่ว่าจะกำจัดองค์ชายเวสเปอร์นำองค์ชายเฟเนกส์ขึ้นครองราขย์แทน พวกเขาอาจจะช่วยสนับสนุนด้วยซ้ำไป

หากแต่สิ่งที่ดำเนินอยู่ในตอนนี้คือองค์ชายเวสเปอร์ยังคงมีชีวิตอยู่โดยมีพยัคฆ์ดำอยู่ข้างกาย..

ความโหดเหี้ยมและความเก่งกาจของพยัคฆ์ดำถูกตีแผ่ออกไปมากกว่าเดิม จนแค่ได้ยินชื่อเด็กก็ต้องร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว นักรบฉกรรจน์ถอยหนี หรือแม้แต่ลมหายใจสะดุดไปเลยก็มี

ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็น่าจะบอกกล่าวถึงสภาพจิตใจชาวเมืองเอวินด์ได้ดี

"หนีเร็ว!! มันกำลังจะมาฆ่าพวกเรา! พยัคฆ์ดำจะมาฆ่าพวกเราทุกคน!" ทหารร่างยักษ์ผู้เฝ้าประตูทางเข้าปราสาทตะโกนดังลั่นก่อนจะรีบพาตัวเองหนีไปเมื่อถูกนักฆ่าหันไปมองอย่างดุร้าย 

"พวกนี้มันน่ารำคาญชะมัด" โลกัสบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด กระแทกเท้าเบาๆ เข้าที่ท้องเจ้าม้าให้สาวเท้าไปยังปราสาทให้ไวขึ้นอีก แม้ว่าตอนนี้เจ้าม้าดำกำลังวิ่งอย่างสุดฝีเท้าอยู่ก็ตาม

ฮื่ออออ!

เจ้าม้าดำที่กลับมาเป็นม้าธรรมดาแล้วคำรามในลำคอเสียงดังอย่างไม่พอใจ นี่ก็สุดฝีเท้าของมันแล้ว เจ้าเสือหน้าโง่นี่ต้องการอะไรจากมันอีก? หากจะให้มันบินอีกครั้งก็คงไม่ได้เพราะสิ้นเปลืองพลังวิญญาณของมันเกินไป

"บ้าน.. บ้าน" 

องค์ชายพูดเสียงเครือน้ำตาคลอเมื่อเห็นภาพที่คุ้นเคย แม้ว่าจะได้ออกมาข้างนอกไม่บ่อยนักแต่เวสเปอร์ก็พอจำได้ว่าที่นี่คือเมืองเอวินด์

เมืองที่ขับไสไล่ส่งตนเองออกจากเมือง

"เจ้าเสือ ไม่เอา ไม่ ข้าไม่ ไม่ อยากกลับบ้าน" องค์ชายสะอื้นฮักจนตัวโยน ภาพปราสาทที่ตนเองเพิ่งจากมาได้ไม่นานใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ราวกับกำลังตอกย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างเป็นเรื่องจริง อย่าได้พยายามหลอกตัวเองอีก

"ข้าเข้าใจแล้ว ฮือ เจ้าเสือข้า ข้าไม่ไป เจ้าจะทิ้งข้าไว้ ที่นี้ก็ได้ ข้า ข้าจะหนีออกไปเอง" เวสเปอร์พยายามเขย่าตัวโลกัสตัวสั่นเทา รู้ตัวดีว่าถ้าตัวเองกลับเข้าไปในปราสาทจะต้องเจอกับอะไร

แม้จะไม่อยากนึกถึงแต่ก็เห็นภาพท่านพ่อถือมีดเตรียมจะแทงเข้าที่ตัวของตัวเอง เหมือนที่ท่านแม่เคยจะทำ 

"นะเจ้าเสือ ข้า ฮึก ข้าต้องตายแน่ๆ" 

สิ่งสุดท้ายที่เวสเปอร์ต้องการคือการตายด้วยน้ำมือของท่านพ่อที่เคยรักตัวเองมากที่สุด

โลกัสเผยสีหน้ายุ่งยากใจก่อนจะปิดปากองค์ชายด้วยปากตัวเองแกล้งใช้ลิ้นรุกล้ำไปข้างในจนร่างองค์ชายอ่อนยวบอีกครั้งจึงผละออกมา

"ข้าขอโทษ เวสเปอร์ มันคงจะเป็นไปไม่ได้" โลกัสลูบหัวเวสเปอร์เบาๆ และกดจูบที่หน้าผากเชิงปลอบ "ข้าไม่มีปล่อยให้เจ้าตายแน่นอน เจ้าไม่ต้องกลัว"

เวสเปอร์หน้าแดงก่ำหอบหายใจสะอื้น 

"จะ เจ้าเสือทำอะไรข้าอีกแล้ว ฮึก ข้า ข้าไม่อยากกลับบ้าน" 

ความคิดขององค์ชายยังคงเด็กนักจึงไม่เข้าใจว่าตนเองนั้นถูกจูบ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เจ้าเสือกระทำนั้นเรียกว่าอะไร รู้เพียงว่าอยากจะหนีไปให้ไกลจากที่แห่งนี้

"ข้าไม่ได้พาเจ้ากลับบ้าน เวสเปอร์ ข้าแค่มาสะสางเรื่องในอดีตให้จบเท่านั้น" นัยน์ตาของพยัคฆ์ดำแข็งกร้าวและโกรธจัด ยังคงจำความรู้สึกราวกับหัวใจแตกสลายได้ มือหยาบจับมือเย็นเฉียบของเวสเปอร์แล้วกระซิบเสียงแตกพร่า "หลังจากนั้นเจ้าอยากจะไปไหนข้าก็จะพาเจ้าไป เจ้าอยากอยู่ไหนข้าก็จะอยู่ เจ้าเสือเป็นของๆ เจ้าแล้วเวสเปอร์"

หัวใจที่เต้นถี่ในอกของโลกัสคล้ายจะเป็นสิ่งยืนยันอีกอย่างถึงความรู้สึกบางอย่างที่โลกัสเพิ่งจะมารู้เอาทีหลังว่ามันคงจะไม่ใช่ความรู้สึกพี่ชายน้องชายอย่างที่ควรเป็น

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสือดำอย่างข้าไปชอบเจ้ากวางซื่อๆ นี่ตอนไหน? แต่สิ่งที่แน่ใจมาตลอดก็คือความเอ็นดู ข้าไม่เคยรู้สึกรำคาญเวสเปอร์แม้แต่ครั้งเดียว

คำปลอบของโลกัสคล้ายจะได้ผลครึ่งไม่ได้ผลครึ่งเพราะองค์ชายเลิกร้องไห้แล้วแต่สีหน้ายังคงเศร้า

"ข้า.. ไม่อยากเจอท่านพ่อ"

พยัคฆ์ดำไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ลูบหัวเงียบๆ

รู้ตัวดีว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้เพราะทุกอย่างล้วนพุ่งเป้าไปยังพ่อของเวสเปอร์

บุคคลที่หล่อหลอมให้เกิดพยัคฆ์ดำขึ้นมา

---------------------

มาแล้วว รอบนี้มาไว  :m18:

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ  :man1:
 
 
 

ออฟไลน์ targetsii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เจ้าเสือรู้ใจตัวเองแล้วแต๊ะอั๋งใหญ่เลย ชอบบบ 5555555
ไม่ต้องกลัวนะเวสเปอร์ เจ้าเสือจะปกป้องเอง  :mew2:
รอนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
orz

เรื่องนั้นมุ้งมิ้ง เรื่องนี้เครียดจริงๆ

เกือบปรับอารมณ์ไม่ทัน ><

****

ตกลงว่าคนที่ฆ่าพ่อของโลกัสคือราชาจริงดิ?? ไม่มั้งงงงงงงงงงงงงง มันง่ายไปเป่า ราชาดูเหมือนไม่มีพลังอะไรนะ.....

เอ๊ะ...หรือมี???

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
พ่อเวสเปอร์เป็นปิศาจแน่ๆ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ในอีกมุมหนึ่งของเมืองมีทหารสวมชุดสีดำสนิทลักษณะคล้ายกับเสื้อผ้าของพยัคฆ์ดำและมีอาวุธครบมือจำนวนหนึ่งกำลังสาวเท้าเดินพร้อมกันเป็นจังหวะติดตามนายของพวกเขาที่นั่งอยู่บนม้าสีขาวสว่างซึ่งมัน็กำลังสาวเท้าไปข้างหน้าอย่างสุขุมและแฝงไปด้วยความทระนงตน ชาวเมืองรอบกายพากันหลีกทางทางให้อย่าหวั่นเกรงเพราะนัยน์ตาสีเทาของสิงโตหนุ่มนั้นคล้ายจะฆ่าพวกเขาทั้งเป็นถ้าหากกล้ายื่นแขนหรือขาออกมาขวางทาง

แกว้ก

เหยี่ยวหิมะขนาดยักษ์บินกลับมาเกาะบนไหล่หนาและเอาหัวซุกไซร้ตัวสิงโตหนุ่มเชิงอ้อน

แต่บนใบหน้าของสิงโตหนุ่มก็ยังไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ มือลูบหัวไวท์และเอ่ยพึมพำเสียงเบา "ขอบใจเจ้ามาก ไว้ข้าทำทุกอย่างสำเร็จ ข้าจะให้เจ้ากินเนื้อเสือที่เจ้าชอบ"

คล้ายกับดีใจ ไวท์ส่งเสียงร้องในลำคออย่างมีความสุข มันออดอ้อนนายของมันครั้งสองครั้งและกลับมาเกาะนิ่งๆ เช่นเดิมเหมือนหุ่นตัวหนึ่ง

"ทหารพวกนั้นสวมชุดสีดำ ต้องเป็นพวกของพยัคฆ์ดำแน่ๆ มันกลับมาแก้แค้นองค์ราชา! ไอ้เสือวิปริตที่ชอบองค์ชายปัญญาอ่อนนั่น เจ้ารีบไปบอกคนอื่นเร็ว" ชาวบ้านคนหนึ่งที่เห็นขบวนทัพหน้าซีดเผือดตะโกนบอกคนอื่นๆ และวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

ความหวาดกลัวที่เกาะกุมชาวเมืองมานานทำให้ชาวเมืองเอวินด์หวาดผวาไปจนไม่ทันได้ไตร่ตรองอะไรมากนัก ว่าบุคคลที่นั่งอยู่บนหลังม้านั้นเป็นร่างที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอย่างอัลฟิน เจ้าเมืองเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กลับเมืองเอวินด์และต้องส่งเครื่องบรรณาการมาให้ทุกปี 

อัลฟินขยับยิ้มพึงพอใจเมื่อบางอย่างที่บังเอิญเกิดขึ้นนั้นส่งผลดีต่อตนเองโดยที่ไม่ต้องลงมืออะไรแม้แต่น้อย

สิงโตหนุ่มกำลังใช้ข่าวลือของโลกัสให้เป็นประโยชน์... ไม่สิ ข้าไม่ได้ใช้มันเป็นแค่ข่าวลือแต่ข้าใช้มันเป็นหมากในการเดินกระดานของข้าต่างหาก หลายครั้งที่มันคิดว่ามันหนีพ้นหนูที่คอยดักหาข่าวสารแต่ความโง่ของมันก็ทำให้มันลืมไปว่านอกจากผืนดินแล้วยังมีท้องฟ้าอยู่ นกทั้งหลายที่ฉวัดเฉวียนในอากาศเหนือหัวมันล้วนเป็นนกสืบข่าวของข้าทั้งนั้น
มันถูกข้าจับตามองตั้งแต่ที่มันหนีพ้นข้าไป ทีแรกข้าตั้งใจจะบุกไปหามันเพื่อชิงตัวเวสเปอร์กลับมาอีกครั้งแต่ดูเหมือนว่าข้าจะโชคดีกว่านั้น พยัคฆ์ดำย้อนกลับไปยังเมืองเอวินด์กับเวสเปอร์ ทำให้ข้าไม่ต้องปะทะกับมันให้เสียแรงเปล่า
ยิ่งกว่านั้นการที่มันกลับมาไปยังปราสาทเมืองเอวินด์ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการแย่งชิงบัลลังก์กษัตริย์เมืองเอวินด์ของข้า ไม่สิ ถ้าหากแย่งชิงบัลลังก์ไม่สำเร็จข้าก็จะทำลายเมืองนี้ให้พังพินาศไปเลย!!

อัลฟินขบกรามกรอดเมื่อเห็นภาพท่านพ่อในเสื้อผ้ามอซอสีหน้าม่วงคล้ำจากโรคประหลาดที่ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมหาศาลกล่าวกับตัวเองในตอนเด็กก่อนที่ท่านจะกลับคืนสู่แผ่นดิน

'มันกำลังฆ่าเราทั้งเป็น อัลฟิน' ท่านพ่อกระซิบเสียงแหบพร่านัยน์ตาเศร้าสร้อยและเดือดดาล 

ครอบครัวของอัลฟินเป็นชาวบ้านธรรมดาจึงไม่สามารถหาเงินจำนวนมากมายมารักษาอาการป่วยได้ อัลฟินจึงทำได้เพียงเฝ้ามองพ่อของตัวเองสิ้นลมต่อหน้า ความรู้สึกนั้นเจ็บปวดและตรึงลึกยากที่จะถอดถอนมันออกไป

แต่สิ่งที่ยังคงดังก้องในหัวอัลฟินตลอดมาก็คือคำพูดสุดท้ายของท่านพ่อ

"เจ้าต้องฆ่ามัน ก่อนที่มันจะฆ่าเราทุกคน"

มันดังในหัวตลอดเวลาราวกับคำสาปแม้แต่ยามหลับนอนก็ยังคงเป็นเสียงพึมพำน่าสยดสยองข้างหู แรกๆ อัลฟินรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อยแต่นานไปก็ชินชาและถือมันเป็นแรงผลักดันตัวเอง

ว่าจะทวงคืนทุกอย่างกลับมาให้ได้!

เมืองของอัลฟินนั้นเคยอยู่อย่างสงบสุขจากภูมิประเทศที่ติดทั้งเทือกเขาและทะเลทำให้สามารถค้าขายได้คล่องตัวจนกลายเป็นเมืองที่ค่อนข้างมีฐานะร่ำรวยจนกระทั่งถูกกองทัพจากเมืองเอวินด์บุกเข้ามาตีและยึดให้เป็นเมืองขึ้นของเมืองเอวินด์ จากฐานะที่ค่อนข้างร่ำรวยกลายเป็นเมืองยากจนเพราะสินค้าข้าวของกำไรต่างๆ ถูกบังคับให้ส่งเข้าเมืองเอวินด์เมืองเป็นของบรรณาการจนเกือบครึ่งซึ่งถ้าหากไม่ทำตามก็จะถูกเผาเมืองให้วอดวาย

ชาวเมืองจึงต้องอยู่กันอย่างอดๆ อยากๆ มีหลายครอบครัวที่อัลฟินคุ้นเคยขอแยกตัวออกไปอยู่เมืองอื่น บรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม พวกเขาเคยลองก่อกบฎเพื่อชิงเอกราชมาอีกครั้งแต่ก็พ่ายแพ้อย่างง่ายดายให้กับองค์รักษ์ประจำตัวกษัตริย์ไซมอนด์ที่ถูกส่งมาปราบพวกเขาโดยเฉพาะ

อัลฟินที่เคยเติบโตขึ้นมาพร้อมกับเมืองก่อนหน้านี้ถึงกับอดรนทนไม่ได้ ประกาศกร้าวสาบานต่อหน้าชาวเมืองเกือบทั้งเมืองในตอนที่ทุกคนมาเพื่อแสดงความเสียใจแก่การจากไปของเจ้าเมืองคนเก่า

"ข้าจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ข้าสาบาน!!!"

อัลฟินในวัยเพียงสิบห้าปีตวาดก้อง หลังจากนั้นก็ทุ่มเทในการศึกษาเล่าเรียนในเมืองเอวินด์อย่างหนักจนกลายเป็นนักเรียนดีเด่นแทบจะในทุกด้านและได้รับคำชมไม่ขาดปากทั้งจากอาจารย์หรือแม้แต่กษัตริย์ไซมอนด์ที่เคยพูดว่าจะดึงตัวอัลฟินเข้าไปเป็น
องค์รักษ์ประจำกาย

ถึงแม้อัลฟินจะสามารถฉวยโอกาสนี้ในการแก้แค้นได้ แต่เจ้าตัวก็เลือกที่จะปฏิเสธเพราะสะอิดสะเอียนเกินทนหากจะต้องข้องเกี่ยวกับบุคคลที่เคยฆ่าพ่อของตัวเองทางอ้อมและฆ่าชาวเมืองของตัวเองอย่างช้าๆ

หากว่ามันไม่เข้ามายึดเมือง ไม่มีทางที่ทุกอย่างจะเลวร้ายแบบนี้..

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้อัลฟินก็เม้มปากแน่น ความเศร้าฉายชัดในแววตาก่อนที่จะหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อตระหนักว่าตอนนี้ตนเองกำลังทำอะไรอยู่

ในตอนนี้อัลฟินดำรงอยู่ในฐานะเจ้าเมืองที่มีสัมพันธไมตรีอันดีต่อเมืองเอวินด์แต่ก็คงจะดำรงแบบนั้นได้อีกไม่นานนัก เพราะโอกาสที่สิงโตหนุ่มรอคอยนั่นมาถึงแล้ว

การแต่งตั้งกษัตริย์องค์ต่อไป!

อัลฟินยิ้มพอใจและเงยหน้ามองท้องฟ้าสีทึมที่มีเพียงจันท์เสี้ยวสีแดงประดับอยู

แม้ว่ามันอาจจะดูเห็นแก่ตัวที่ข้าเลือกที่จะแต่งตัวคล้ายกับโลกัสเพื่อใส่ความว่าพยัคฆ์ดำเป็นคนทำซึ่งมันก็มีไว้ในกรณีที่ข้าทำตามแผนไม่สำเร็จจะได้แอบอ้างว่าถูกพยัคฆ์ดำบังคับ ช่วยไม่ได้ในเมื่อโลกใบนี้โหดร้ายกับข้านัก ข้าก็ไม่มีความจำเป็นที่จะปรานีใครเช่นกัน

ฮื่อ

เจ้าม้าพ่นลมหายใจเสียงดังและหยุดเดิน

สิงโตหนุ่มเลิกคิ้วงุนงงเล็กน้อยแต่เมื่อหันกลับมามองและเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มขำออกมา

"ข้าควรจะกล่าวสายัณห์สวัสดิ์สินะ องค์ชาย"

เป็นพยัคฆ์ดำกับเจ้าม้าดำที่ทำให้การเดินทางชะงักไป เจ้าม้าดำมองม้าของอัลฟินอย่างดุร้าย รู้สึกไม่ถูกชะตาขั้นรุนแรงจนมันกระแทกเท้าเสียงดังอยู่กับที่ บดพื้นดินให้ลึกลงไปคล้ายกับว่ามันกำลังเหยียบหน้าเจ้าม้าสีขาวตรงหน้า

ม้าของอัลฟินนั่นมองตามนิ่งๆ ไม่สนใจที่จะโต้ตอบ มันเป็นม้าประจำกายของอัลฟินย่อมมีนิสัยเหมือนกับนายของมัน ทำให้มันเลือกที่จะมองผ่านไปซะเฉยๆ และเลือกที่จะโต้ตอบกลับในตอนที่เจ้าม้าดำเผลอ   

โลกัสมองกองทัพย่อยๆ ด้านหลังสิงโตหนุ่มที่สวมชุดคล้ายตัวเองสลับกับอัลฟิน เพียงไม่นานก็เข้าใจถึงจุดประสงค์ของสิงโตหนุ่มเจ้าเล่ห์ "เจ้าคิดจะทำอะไร? อัลฟิน" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเดือดดาล นัยน์ตาสัตว์ป่าจ้องอัลฟินอย่างดุร้าย "ข้าไม่ได้โง่อย่าที่เจ้าคิดหรอกนะ ไอ้สิงโตเวร!"

"ช้าก่อน ใจเย็นหน่อยสิ สหายข้า" อัลฟินหรี่ตามององค์ชายที่ซุกตัวอยู่กับตัวโลกัสแต่ก็เพียงชั่วเวลาสั้นๆ แล้วยิ้มกลบเกลื่อน "ก็อย่างที่เห็น ข้าก็แค่มาส่งของบรรณาการเท่านั้น เจ้าคิดว่าอะไรล่ะ"

อัลฟินเอ่ยตอบอย่างไม่ยี่หระ แต่มือที่แอบอยู่ด้านหลังทำสัญลักษณ์บางอย่างที่รู้กันเพียงในกองทัพ เหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังอัลฟินมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อได้รับคำสั่งให้เตรียมโจมตีหากว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจึงกระชับอาวุธในมือลมหายใจเพิ่ม
ความถี่อย่างช้าๆ เพราะความเครียดที่ต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่ได้ชื่อว่าพยัคฆ์ดำ

"เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ข้าจะให้โอกาสเจ้าตอบข้าอีกครั้ง" โลกัสมองอัลฟินนิ่ง

อัลฟินคลี่ยิ้มลึกลับ "แค่ช่วยเหลือเจ้าจากปีศาจมังกรดำครั้งเดียว เจ้าประทับใจข้าขนาดนั้นเชียว?"  ก่อนจะหลุดหัวเราะหึๆ ออกมา

ตอนที่เจอกันนั้นเจ้าเสือหน้าโง่นี่ยังเป็นแค่นักฆ่าปลายแถวที่ไปไล่ปราบปีศาจมังกรดำที่กำลังอาละวาดแต่ไม่รู้ว่าไปทำท่าไหนถึงถูกมังกรไล่ต้อนกลับมาในสภาพปางตาย ถ้าหากว่าข้าไม่เจอมันแล้วช่วยไล่มังกรดำนั่นไปล่ะก็ คำว่าพยัคฆ์ดำคงจะเป็นแค่ชื่อลอยๆ ที่เจ้าของชื่อตายไปแล้ว หลังจากนั้นโลกัสก็อยู่รักษาตัวกับข้าจนหายดีและขอแยกตัวออกไปตามทางของตัวเองต่อ
ยังไงก็ตามระหว่างข้ากับมันก็ยังถือว่ามีบุญคุณต่อกันอยู่ฉะนั้นเจ้าต่อให้โกรธกันแทบตายยังไงมันก็ไม่มีวันพลั้งมือฆ่าข้า ไม่อย่างนั้นตอนที่ข้าลักพาตัวองค์ชายสุดรักสุดหวงของมันมาหากมันกับข้าไม่มีบุญคุณต่อกัน มันคงจะฆ่าข้าตรงนั้นเลยด้วยซ้ำไป

หลังจากที่แยกกันไปข้าก็เคยเจอเจ้าเสือโง่อีกครั้ง ข้าได้ยินข่าวว่ามันกำลังตามหาพยัคฆ์ทมิฬปีศาจเสือที่เคยเป็นที่เลื่องลือในอดีตเลยหลอกมันไปหาที่ตายเล่นๆ อย่างนึกสนุกแต่น่าเสียดายที่มันไม่ตายแล้วยังเก็บเรื่องนี้เป็นความแค้นอีกด้วย
นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้ข้ารู้สึกสนุกที่สุดในรอบปีนั้นเลยล่ะมั้ง? เพราะตลอดทั้งปีนั้นข้าต้องกลัดกลุ้มกับการหาเงินเข้าเมืองให้มากที่สุด ปีนั้นเป็นปีที่ฤดูหนาวยาวนานที่สุดในรอบหลายปี ชาวเมืองพากันโอดครวญและแทบจะพากันอดตาย หากข้าไม่หาเงินมาช่วยทุกคนอาจจะตายกันจริงๆ 

บ่ากว้างของสิงโตหนุ่มคล้ายจะตกลงเล็กน้อย เหยี่ยวหิมะมองนายของตัวเองอย่างเศร้าสลด รู้สึกถึงความเศร้าลึกๆ ที่ฝังอยู่ใต้คำว่าสิงโตหิมะ มันใช้หัวถูไถคออัลฟินเบาๆ หวังจะปลอบประโลม

บางครั้งข้าก็รู้สึกว่าสิ่งที่ข้าแบกไว้บนบ่านั้นหนักเหลือเกิน ข้าจะสามารถทำให้สิ่งที่ข้าปรารถนาเป็นจริงได้จริงๆ งั้นเหรอ แต่ถ้า
หากข้าไม่ทำแล้วใครจะทำล่ะ ในเมื่อทุกคนหมดหวังกันไปหมดแล้ว..

เหลือเพียงข้าเท่านั้นที่ยังคงพยายาม

ไม่สิ ข้าต้องพยายามต่างหาก!

เมื่อนึกถึงตรงนี้อัลฟินก็กลับมานั่งหลังเหยียดตรงสีหน้าสุขุมเฝ้ารอคำตอบของโลกัสเมื่อถูกตัวเองพูดยียวนไป

"เจ้าตอบไม่ตรงคำถาม" โลกัสพ่นลมหายใจขึ้นจมูกเซ็งๆ นัยน์ตาดุร้ายอ่อนลงเมื่อเห็นความผิดปกติบางอย่างที่พาดผ่านแววตาของอัลฟินไป ถึงนั้นจะเป็นเพียงชั่วเวลาสั้นๆ เหมือนกับการกระพริบตาแต่โลกัสก็สังเกตเห็นมัน
 
ความเศร้าสลดถึงฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณ

ถึงแม้ว่าอัลฟินมักจะคิดเสมอว่าโลกัสเป็นเสือโง่และปัญญาอ่อนไม่มีทางที่จะตามความคิดมันทันแต่หารู้ไม่ว่าการเดินทางที่ทั้งยาวนานและเต็มไปด้วยผู้คนทำให้โลกัสกลายเป็นเสือตัวใหม่ที่ไม่ได้โง่เหมือนเมื่อก่อน

มันรับรู้ดีว่าสิงโตหิมะที่ทุกคนรู้จักนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น

ความสุขุมเข้มแข็งอะไรพวกนั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ข้าเคยอยู่กับมัน ทำให้ข้าพอจะรับรู้บ้างว่ามันมีนิสัยยังไง

ลึกๆ แล้วข้ารู้สึกถึงความใจดีของมันแต่สิ่งที่มันแสดงออกมาคือสิ่งที่มันจะใช้ควบคุมคนอื่น รูปลักษณ์โง่ๆ พวกนั้นอาจจะควบคุมใช้ควบคุมข้าก็ได้แต่ไม่ใช่กับข้าไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนก็ตาม

มันเกลียดและสามารถฆ่าพวกอ่อนแอที่เลี้ยงไม่เชื่องและไม่พยายาม

แต่มันจะใจดีและดีใจมากๆ หากคนพวกนั้นทำตามที่มันต้องการอย่างตั้งใจ

โลกัสมองอัลฟินที่กำลังทำท่าทางเหมือนตัวเองเหนือกว่าทุกคนก็ถอนหายใจเบาๆ ออกมา ตบคอเจ้าม้าดำเชิงให้เลิกเล่นสักที

"ช่างมันเถอะ ข้าถือว่ารอบนี้เป็นของเจ้า จะทำอะไรก็ทำไป" 

นัยน์ตาสัตว์ป่าจดจ้องกองทัพด้านหลังอัลฟิน

"แต่หลังจากนี้ข้ากับเจ้านับว่าไม่มีบุญคุณต่อกันอีกต่อไป"

กล่าวจบก็กระแทกเท้าที่ท้องเจ้าม้าดำ มันยกขาคู่หน้าขึ้นสูงร้องเสียงดังคล้ายตะโกนด่าโลกัสและควบตะเบ็งไปข้างหน้าทันที
ทิ้งให้สิงโตหนุ่มมองตามไล่หลังด้วยความงุนงงจนกระทั่งมองไม่เห็นหลังผ่าเผยนั้นแล้วจึงแค่นเสียงหึออกมา

"ดูเหมือนว่ามันจะฉลาดขึ้นสินะ"

เจ้าม้าขาวส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ แล้ววิ่งตามไปอย่างรวดเร็วโดยมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน

คือปราสาทแห่งเมืองเอวินด์!

--------------------

อัลฟินกลับมาแล้ววว 55555 หลังจากหายไปหลายตอน 

ดูๆ ไปแล้วดูเหมือนแทบจะทุกคนในเรื่องเลยที่ได้รับผลกระทบจากองค์ราชา  :hao4:
 
 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อัลฟินออกโรงละอ่า

T T


พ่อเวสเปอร์ปกครองไม่ดีขนาดนี้ ทำไมประชาชนถึงยังทนอยู่??

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ลุ้นว่าราชาจะเป็นแบบไหน

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
อ่านรวดเดียว 17ตอ . สนุกม่กๆค่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ targetsii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สิงโตขาวก็ดูน่าสงสารแต่ก็กลัวอ่ะ โหด  o22
ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 18

"ต้องฆ่าเวสเปอร์ ข้าต้องฆ่าให้ได้!" 

เสียงพูดพึมพำดังก้องหน้าปราสาทอันเงียบสงัด รอบกายนั้นมีทหารองค์รักษ์ฝีมือเก่งกาจจำนวนหนึ่งคอยคุ้มกันผู้ที่มีตำแหน่งเป็นองค์ราชาในวันพรุ่งนี้ ซึ่งพวกเขานั้นล้วนมีสีหน้าไร้อารมรณ์ราวกับเป็นเพียงร่างมนุษย์ที่ไม่มีวิญญาณอยู่ข้างในแต่นั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับความจริงนัก ชีวิตพวกเขาไม่สนใจความดีหรือศีลธรรมอะไรทั้งนั้น หากมีเงินมากพอพวกเขาล้วนสวามิภักดิ์และภักดีด้วยชีวิต

"ถ้าข้าฆ่าได้ ท่านพ่อต้องดีใจมากแน่ๆ" องค์ชายอันดับสองแห่งเมืองเอวินด์พูดรอยยิ้ม มือกระชับดาบสีขาวสว่างที่ตามดาบสลักด้วยเวทสีทองสละสลวยช่วยเพิ่มพละกำลังยามที่ฟาดฟันดาบนี้ลงไป มันเป็นดาบที่ท่านพ่อเพิ่งให้เขาเมื่อกี้ ท่านพ่อบอกว่าตั้งใจ
จะให้ตอนที่ขึ้นไปราชาแล้วแต่ตอนนี้เกิดเหตุฉุกเฉินเลยให้ตอนนี้แทน

เฟเนกส์มองดาบในมืออย่างภูมิใจ มันมีลักษณะคล้ายกับดาบของกษัติรย์เมืองโฮรัสที่เป็นเมืองแห่งแสงสว่าง เพียงแต่ดาบที่เฟเนกส์ได้รับนั้นมีน้ำหนักที่เบากว่ามากเพราะเมืองเอวินด์เป็นเมืองแห่งสายลม หากไม่รู้จักประยุกต์ให้ดีก็คงจะเป็นเรื่องน่าอาย ดาบของเฟเนกส์นั้นถูกลมช่วยประคับประคองตลอดเวลาโดยอาศัยช่างดาบกับนักเวทย์ระดับสูงหากแต่เมื่อใช้มันฟันสิ่งใดแม้แต่เหล็กกล้าก็มิอาจทนได้

ฮื่อออ

"เงียบน่า ไคออส เดี๋ยวมันก็มาแล้ว" เฟเนกส์หันไปเอ็ดมังกรเพลิงที่ชะเง้อคอไปมาพยายามหาร่างของศัตรูที่ทั้งนายมันและตัวมันเองกำลังรออยู่่

ไคออสพ่นลมหายใจเพลิงออกมาพรวดใหญ่จนเกิดเพลิงขนาดยักษ์ในอากาศ อากาศรอบข้างพลันร้อนผ่าวขึ้นมาทันที แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครตกใจหรือหน้าเปลี่ยนสีเลยแม้แต่นิดเดียว

มันกำลังไม่พอใจที่ต้องอยู่นิ่งๆ เฉยๆ ตามวิสัยของมังกรเพลิงนั่นคือความใจกล้า บ้าระห่ำ ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดแม้ว่าศัตรูตรงหน้าจะมีพละกำลัง พลังเวทย์มากกว่าตัวก็ตาม มันเกลียดการหนีจากศัตรูมากที่สุดและสิ่งที่มันชื่นชอบที่สุดก็คือการโรมรันเข้าหาศัตรูก่อนที่ศัตรูจะตั้งตัวได้

"ข้ารู้ว่าเจ้าอยากสู้จนเต็มทน เพียงแต่ว่าครั้งนี้เจ้าจะเล่นเหมือนทุกครั้งไม่ได้" เฟเนกส์กล่าวตำหนิไคออสเสียงเย็น นัยน์ตากลับมาเย็นเยียบและอำมหิตดังเดิมราวกับว่ารอยยิ้มที่ปรากฎขึ้นเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น

ฮื่อ!

มังกรเพลิงจ้องกลับตาวาวโรจน์ไม่พอใจ มันตบเท้าลงบนพื้นจนเกิดเป็นหลุมยักษ์

"ไคออส เจ้าอยากรู้งั้นเหรอว่าใครเป็นนายของเจ้า!" องค์ชายอันดับสองคำรามออกมาเสียงดังลั่นจนไคออสชะงักกึก มันส่งเสียงฟืดๆ ไม่พอใจแต่ก็ยอมอยู่นิ่งๆ ไม่กล้าทำท่าทีไม่พอใจอะไรอีก

เฟเนกส์แค่นเสียงหึในลำคออย่างพอใจ ท่าทีหยิ่งทระนงตนเหมือนกับพ่อตนเองไม่ผิดเพี้ยน มือข้างที่ว่างตบฝุ่นออกจากชุดเกราะสีขาวจัดที่ทำมาจากอัญมณีหายากมีคุณสมบัติในการป้องกันเชิงเวทย์และทางกายอย่างดีเยี่ยม 

ทั้งตัวขององค์ชายเฟเนกส์นั้นแทบจะเป็นสีขาวซึ่งมันก็เข้ากันดีกับใบหน้าหล่อเหลา ผมสีทองและนัยน์ตาสีเดียวกัน ส่งผลให้รูปลักษณ์ของเฟเนกส์นั้นเหมือนกับองค์ชายแห่งแสงสว่างที่จะนำพาความรุ่งโรจน์มาสู่ดินแดนมนุษย์

แต่ในความเป็นจริงนั้นสวนทาง

หากองค์ชายเฟเนกส์เป็นผู้นำความรุ่งโรจน์มาสู่ดินแดนมนุษย์จริง ดินแดนมนุษย์นั้นคงลุกเป็นไฟ ดังนั้นสิ่งที่เห็นจึงเป็นเพียงลักษณะภายนอกที่ใช้หลวกลวงผู้คนเท่านั้น ใครเล่าจะคิดว่าบุคคลที่มีฐานะเป็นถึงกษัตริย์และรูปโฉมสง่างามถึงเพียงนี้จะมีจิตใจโสมมยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ใครเล่าจะเชื่อถือขอทานที่แท้จริงแล้วอาจเป็นผู้ที่ใจประเสริฐที่สุด 

และใครเล่าจะเชื่อถือในร่างนักฆ่าที่ขึ้นชื่อว่าอำมหิตที่สุด!

"องค์ชายขอรับ มันมาแล้ว!"

ฮื่อ!!!!

เจ้าม้าดำส่งเสียงคำรามดังลั่น ทะยานลงมาหยุดยืนตรงหน้าองค์ชายเฟเนกส์ที่กำลังใช้ดวงตาสีทองที่คล้ายจะแดงก่ำ แสยะยิ้มน่าขนหัวลุกเมื่อมองเห็นเวสเปอร์ในอ้อมกอดของโลกัส

"สายัณห์สวัสดิ์เวสเปอร์" เฟเนกส์พูดด้วยรอยยิ้มอำมหิต มือที่จับดาบกวัดแกว่งไปมาเล่น

ส่วนมังกรไฟที่ตอนนี้ได้เจอศัตรูสมใจ มันเชิดหน้าใส่จ้องมองด้วยสายตาดุร้าย ตามเนื้อตัวเริ่มปรากฎเพลิงลุกไหม้จางๆ จนทั่งพื้นที่อากาศร้อนระอุแม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืน

"พ่อเจ้าอยู่ที่ไหน!" โลกัสคำรามถามกดหัวเวสเปอร์ให้จมลึกลงไปในอกตัวเองมากกว่าเดิม

เฟเนกส์เลิกคิ้วยิ้มยียวน "พ่อข้าจะอยู่ไหนก็เรื่องของพ่อข้าสิ พยัคฆ์ดำ เจ้ามันก็แค่นักฆ่าที่มีดีแค่ดาบโง่ๆ เท่านั้น!" กล่าวจบก็กระโจนและตวัดดาบใส่ทั้งโลกัสและเจ้าม้าดำทันที

เจ้าม้าดำกระโดดหนีได้ทันท่วงที มันส่งเสียงฮี้ๆ หงุดหงิด เริ่มรู้สึกไม่พอใจที่ตนเองเป็นแค่เพกาซัสธรรมดาๆ ตัวหนึ่งทำไมต้องมาตกอยู่ท่ามกลางสงครามของมนุษย์พวกนี้ด้วย! นี่มันไม่สนุกแล้ว

ถ้าหากมันตายใครจะรับผิดชอบ!

โฮกกกก

เจ้าม้าดำคำรามเสียงดังปีกคู่ยักษ์งอกออกมาจากแผ่นหลัง มันสยายปีกออกคลุมตัวโลกัสและองค์ชายไว้หลวมๆ หมอกวิญญาณลอยรอบตัวมันรอคอยคำสั่งจากปากมัน

"ข้าจะทบทวนความจำให้เจ้าได้นะ เฟเนกส์ ว่าครั้งที่แล้วมันเกิดอะไรขึ้น" โลกัสกล่าวยิ้มๆ รอยสักสีดำคล้ายลวดลายเสือโคร่งปรากฎขึ้นจางๆ ตามแขน 

"มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? เรื่องที่ว่ามีเสือหน้าโง่ที่หนีออกจากปราสาทหัวซุกหัวซุนน่ะเหรอ!" เฟเนกส์หัวเราะดังลั่นราวกับสิ่งที่ตนเองพูดตลกนักหนา ทั้งๆ ที่ครั้งนั้นมันรู้สึกกลัวพยัคฆ์ดำแทบตายแต่ตอนนี้มันกลับเฉยชาราวกับศัตรูตรงหน้าเป็นเพียงแมวตัวหนึ่งไร้พิษภัย

ไม่สิ สาเหตุที่มันไม่รู้สึกหวาดกลัวก็คงจะเป็นเพราะดาบที่ท่านพ่อให้แน่ๆ

ใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ

คิดถึงเรื่องนี้เลือดของเฟเนกส์ก็พลุ่งพล่านด้วยความฮึกเหิม รู้สึกร่างกายเบาหวิวพร้อมที่จะสู้กับพยัคฆ์ดำตรงหน้าจนตายกันไปข้าง

"ปากดี" โลกัสแค่นเสียงหัวเราะดูแคลน มองอย่างแข็งกร้าวแทบจะฉีกทึ้งร่างตรงหน้าทั้งเป็น "ข้าไว้ใจเจ้าได้ไหม เพกาซัส" ก่อนจะเปลี่ยนมาคุยกับเจ้าม้าดำ

เจ้าม้าดำโคลงหัวไปมาชั่งใจคิดก่อนจะส่งเสียงฮื่อๆ ออกมาเชิงตกลงและพยักเพยิดให้โลกัสลงจากตัวมันแล้วไปจัดองค์ชายปากดีตรงหน้านั่นได้แล้ว!

"ขอบใจ ในตอนนี้มีเพียงเจ้าที่ข้าไว้ใจและปกป้องเวสเปอร์ได้" กล่าวขณะที่กระโดดลงจากตัวเจ้าม้าดำและวางเวสเปอร์ที่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวบนหลังเจ้าม้าดำ

แต่ยังไม่ทันกล่าวอะไรต่อก็ถูกไคออสจู่โจมทันควัน!

ฮื่อออ

เพลิงลูกยักษ์ถูกพ่นใส่โลกัสกับเวสเปอร์ซึ่งมันก็คลุมไปทั้งตัวจนร่างทั้งคู่หายไปในเพลิง

ฮี้!

เจ้าม้าดำส่งเสียงคล้ายอวดชัยชนะเพราะเมื่อเพลิงหายไปก็ปรากฎร่างของทั้งคู่ซึ่งไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว หมอกสีดำที่สว่างขึ้นจนเกือบส้มส่งเสียงฟู่วๆ เหมือนคนกำลังเป่าอะไรสักอย่างให้หายร้อน

แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือร่างของโลกัสที่เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ทั่วลำตัวเกิดลวดลายสีดำคล้ายเสือโคร่ง หูมนุษย์แปรเปลี่ยนเป็นหูของเสือโคร่งตั้งชัน เขี้ยวแหลมที่ซุกซ่อนไว้ในปาก แต่สิ่งที่ทำให้เฟเนกส์ลมหายใจกระตุกและเผลอก้าวถอยหลังก็คือดวงตาที่ตาขาวเปลี่ยนสีแดงและตาดำที่กราดเกรี้ยวเหมือนกับพยัคฆ์จริงๆ ในร่างมนุษย์!

"ตั้งรับให้ดีแล้วกัน!!" โลกัสคำรามมือที่มีกรงเล็บงอกยาวจับดาบแน่นและกระโจนเข้าไปหาเฟเนกส์โดยไม่ไตร่ตรองอะไรอีก!
ความฉุนเฉียนหงุดหงิดทำให้โลกัสไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เท่าที่ควรจนกดพลังที่พยัคฆ์ทมิฬเคยให้ไว้ไม่อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นโลกัสก็ไม่ได้ต่อต้านมันปล่อยให้มันรุกล้ำร่ายกายและแปรเปลี่ยนเป็นพละกำลังและพลังเวทย์ ด้วยจุดประสงค์หนึ่งเดียวคือการแก้แค้นให้การเจ้าของพลังที่มันใช้อยู่ตอนนี้!

หากแต่เมื่อคมดาบใกล้จะถึงเฟเนกส์กลับถูกดาบหนึ่งสกัดเอาไว้อย่างรุนแรงจนต้องร่นถอยกลับไปตั้งหลัก

"เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเถิดองค์ชายเฟเนกส์!"

-------------------
 
ใครน่ะ  :z2:
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :m31: :m31:
คนเขียนนนนนนน :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
T T

ศึกนี้ตึงมือจริงๆ โลกัสอย่าวู่วามน่า~

(อยากให้พ่อเวสเปอร์ตายอ่ะ อิอิ)
แต่ใครเป็นคนฆ่าพ่อโลกัสจริงๆกันแน่??

ออฟไลน์ Red_sister

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
อยากอ่านต่อแล้ววว

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
น่าสงสาร ทำไมมีแต่คนเกลียดนะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โอ้ยยย ทำไมโลกัสเท่ห์แบบนี้ง่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :monkeysad: สงสารน้องเวสเปอร์ แต่ๆๆๆๆ
คนเขียนจะแต่งสั้นไปไหนค่ะ  กำลังฟินตัดฉับดับฝันตลอดๆ มาต่อให้ไวด้วยน่ะคะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
ลุ้นๆอ่ะ
ดาบของท่านพ่อคงมีดีเหมือนกันแหละ
แต่จะสู้โลกัสได้หรือเปล่าก็แค่นั้น
ชั้นคิดว่าไม่ได้อ่ะแก ชั้นทีมพระเอกทีมน้องเวสเปอร์
55555

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
นายเอกจะน่าสมเพชไปไหนเนี่ย คนในวังก็ส้นตีนเหลือเกินนน พ่อก็หลงใหลอำนาจ เฮ้อ ชาติไหนเวสเปอร์จะมีความสุข ความสุขยังยาวไป เวสเปอร์จะหายปัญญาอ่อนไหม เริ่มรำคาญที่โคตรเหง้าตามฆ่าตามหลอกลวงแล้ว สงสารยังน้อยไปอ่ะบอกเลย ฆ่ามันทั้งโคตรนั่นแหละ แล้วทำลายเมืองทิ้งซะ ประชาชนก็สันดานเหลือเกิน เฮ้ออออ เวสเปอร์เอ้ย ชาติก่อนทำอะไรมาวะ ชาตินี้ถึงได้ใช้กรรมซะหนักเชียว รอฉากเฟเนกตายอย่างใจจดใจจ่อ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
เสียงทุ้มต่ำตะโกนดังลั่นพร้อมปรากฎร่างคุ้นตาของเฟเนกส์

ร่างสูงใหญ่ที่สวมชุดเกราะหนักสีดำทั้งตัว ทุกอย่างในตัวถูกปกปิดทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าที่มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกปิดเอาไว้ 

"ท่านอาจารย์แอคเนส" เฟเนกส์ครางในลำคอหยุดชะงักขาที่ตั้งใจจะร่วมวงด้วย มองบุคคลที่เป็นทั้งอาจารย์ของตัวเองและเป็น
องค์รักษ์มือหนึ่งของท่านพ่อด้วยสายงุนงง 

พยัคฆ์ดำไม่ได้ปล่อยให้พักหายใจนานมากนักบุกเข้าโรมรัมต่อทันที การลงดาบทุกดาบดุดันและเน้นจุดตายหากแต่คำว่าองค์
รักษ์มือหนึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่ฉายาของแอคเนส ทำให้แอคเนสสามารถตั้งรับร่างนักฆ่าได้ทุกท่วงท่า แม้ว่าดาบที่ฟันมาแต่ละครั้งนั้นจะไวจนมองตามแทบไม่ทันและรุนแรงจนรู้สึกร้าวไปทั้งกระดูก แอคเนสนั้นเป็นองค์รักษ์ให้กับกษัตริย์ไซมอนด์ตั้งแต่ยังหนุ่มจวบจนถึงปัจจุบัน คอยเป็นแขนขาให้กับองค์กษัตริย์มาตลอด ฝีมือที่ถูกลับคมด้วยระยะเวลาอันยาวนานย่อมทำให้ฝีมือเฉียบคมและฉับไว ต่อให้มีพละกำลังเป็นรองก็สามารถหาหนทางในการเอาชนะได้

หากแต่ก็มีบางสิ่งเช่นกันที่ช่วยเกื้อหนุนให้แอคเนสเก่งกาจอย่างก้าวกระโดด

บางสิ่งที่บางครั้งแม้แต่ตัวมันเองก็ยังควบคุมไม่ได้

"เจ้ากลับเข้าไปในปราสาทซะ พิธีแต่งตั้งกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว" แอคเนสกล่าวตัดบทอย่างเย็นชา ไม่แยแสสีหน้าของเฟเนกส์แม้แต่น้อยว่ากำลังทำสีหน้ายังไงอยู่

"ท่านพ่อสั่งให้ข้าฆ่าเวสเปอร์!" เฟเนกส์คำรามออกมาเสียงดังเมื่อถูกขัดใจ ความสุขที่มันวาดไว้กำลังถูกพังลง หากมันไม่ได้ฆ่าเวสเปอร์ด้วยตัวเองแล้วท่านพ่อจะดีใจเหรอ? จะชมมันงั้นเหรอ? ย่อมไม่ ฉะนั้นความสุขเล็กๆ นี่มันไม่ยอมสูญเสียไปเป็นอันขาด
องค์ชายอันดับสองแห่งเมืองเอวินด์จึงพุ่งตัวเข้าไปหาเจ้าม้าดำอย่างไม่ลังเลแต่กลับถูกเรี่ยวแรงมหาศาลผลักออกจนเซถอยหลังออกจากเจ้าม้าดำ

"ข้าสั่งให้เจ้ากลับไป เฟเนกส์ องค์ราชารอเจ้าอยู่ข้างใน!!" องค์รักษ์ร่างใหญ่ตะคอกเสียงดัง นัยน์ตาที่เปิดเผยเพียงอย่างเดียวในร่างกายขึ้นสีแดงก่ำอย่างน่ากลัว "แค่ข้าเจ้ายังไม่มีปัญญาทำอะไร อย่าหวังว่าเจ้าจะสู้กับพยัคฆ์ทมิฬได้ เฟเนกส์!"

"บัดซบ!" เฟเนกส์สบถเสียงดัง "ท่านก็ฆ่าพยัคฆ์ดำไปสิ ข้าก็จะไปฆ่าเวสเปอร์!!!" ตะโกนออกมาดังลั่นโดยไม่ได้สังเกตแม้แต่นิดเดียวว่าบุคคลที่ตัวเองกล่าวถึงนั้นร้องไห้จนตัวโยน กอดเจ้าแมวในมือแน่นคล้ายกับพยายามหาสิ่งยึดเหนี่ยวให้กับตัวเองแทนเจ้าเสือที่กำลังฟาดฟันอยู่ในสนาม

"เพกาซัสเจ้าก็ไม่มีปัญญาฆ่าหรอ--!" แอคเนสยังด่ากลับไม่ทันจบประโยคก็รู้สึกถึงจิตสังหารรุนแรงที่กระทบกับตัวเอง ความเย็นเยียบเกาะกุมตั้งแต่หัวจรดเท้า คนเป็นองค์รักษ์สูดหายใจลึกรีบท่องเวทย์บางอย่างทันที

"คู่ต่อสู้เจ้าอยู่นี่" โลกัสกล่าวเสียงเย็นและออกแรงฟันคอสุดแรงก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อศัตรูของตัวเองยิ้มพรายไม่ยอมเอาดาบขึ้นมาตั้งรับดังเช่นปกติ

หรือว่าเกราะเหล็กนี่แข็งกว่าดาบข้า? โลกัสคิดงุนงง แต่ก็ได้ข้อหักล้างอย่างรวดเร็ว ไม่สิ มันก็แค่เหล็กโง่ๆ เท่านั้นเอง!

ฉึก

ดาบยักษ์ถูกสกัดด้วยมือของร่างชุดเกราะอย่างง่ายดาย หากแต่เหล็กของชุดเกราะนั้นหลุดออกมาบางส่วนและร่วงกราวลงบนพื้น กลิ่นเลือดแปลกประหลาดส่งกลิ่นฟุ้งกระจายน่าคลื่นเหียนราวกับว่าไม่ใช่เลือดมนุษย์

โลกัสเบิกตากว้าง มือที่จับดาบสั่นเทาเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติของศัตรูตรงหน้า

นัยน์ตาสีแดงก่ำนั้นเปลี่ยนเป็นสีขาว! 

ร่างนักฆ่ากระชากดาบกลับมาและถอยห่างจากแอคเนสทันทีโดยไม่ต้องคิด สายตาจับจ้องแอคเนสที่หัวเราะหึๆ ในลำคอ หากแต่เสียงที่ดังออกมานั้นเหมือนเสียงหัวเราะของสัตว์ประหลาด

"กลัวข้างั้นหรือ แมวน้อย" แอคเนสพูดยั่วเย้าแต่ไม่ใช่เสียงของตัวเอง มืออีกข้างจิกแผลที่มือเข้าหากันและมาก็สมานกันอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ร่ายเวทสักคำ

ความตึงเครียดเกาะกุมโลกัส แม้จะมั่นใจในฝีมือของตัวเองแต่ศัตรูตรงหน้ามันตอนนี้ราวกับไม่ใช่คนเดียวกับเมื่อกี้ มันเหมือนกับมนุษย์ตรงหน้านี้กำลังถูกบางอย่างกัดกินวิญญาณอยู่ข้างในเพื่อแลกกับการใช้พลังของมัน ซึ่งสังเกตได้จากร่างกายที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำกระด่างแผลผุพองน่ารังเกียจหากแต่เมื่อคิดต่อไปในหัวกลับว่างเปล่า 

มันเคยคิดว่าตัวเองรู้เรื่องราวมากกว่าพวกหนอนหนังสือในรั้วปราสาท แต่ครั้งนี้มันกลับพบว่าในหัวไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับบางอย่างที่มีพลังอำนาจและตาสีขาวเลยแม้แต่น้อย 

"ข้าไม่ได้กลัว!!" คำรามตอบเชิดหน้าสูงมือถือดาบเตรียมตั้งรับการโจมตี

"แมวน้อย แม่แมวคงไม่เคยสอนเจ้า" ร่างกึ่งคนกึ่งบางอย่างกล่าวกลั้วหัวเราะก่อนที่จะนัยน์ตาสีขาวจะมองพยัคฆ์ดำด้วยสายตามุ่งเอาชีวิต "ว่าอย่าเข้ามาในถิ่นคนอื่น!!"

ตะโกนดังลั่นเป็นสัญญาณให้กับเหล่าองค์รักษ์ฝีมือดีให้ลงมือฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้า!

ไม่เพียงเหล่าองค์รักษ์ เฟเนกส์ก็พุ่งตัวไปหาเวสเปอร์เหมือนกัน "เวสเปอร์!!" หัวเราะเสียงดังลั่นตะโกนเรียกเวสเปอร์ซ้ำไปซ้ำมาคล้ายกับกำลังทบทวนสิ่งที่ตัวเองต้องทำตอนนี้

"ข้าบอกว่าไปก็คือไปสิ เฟเนกส์"

โฮกกกกกก

ไคออสกรีดร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อมันที่กระโจนเข้าไปหาเวสเปอร์เหมือนกันโดนอะไรบางอย่างตัดเข้าที่ขา โชคดีที่เกล็ดมันหนาพอจึงเป็นแค่รอยกรีดลึก

เฟเนกส์จ้องไคอสสลับกับพื้นหลุมยักษ์ตรงหน้าอย่างหวาดหวั่น

การทำร้ายสัตว์เลี้ยงก็เหมือนกับทำร้ายผู้เป็นนาย...

เริ่มรู้สึกเกรงใจและหวาดกลัวในตัวองค์รักษ์ประจำกายพ่อตัวเองขึ้นมาบ้าง ความตั้งใจจะที่มีเต็มเปี่ยมตอนแรกพลันหดหายค่อยๆ หันหลังกลับและสาวเท้าเข้าไปในปราสาทด้วยเนื้อตัวสั่นเทา สิ่งที่ทำให้เฟเนกส์ยอมอย่างว่าง่ายไม่ใช่เพียงเพราะเหตุผลนี้เท่านั้น

มีบางอย่างกำลังเลียที่ต้นคอคล้ายกับกระหายเต็มทน กลิ่นสาปคล้ายศพฟุ้งฉุนจมูก กรงเล็บปลายแหลมที่ลากไปมาตรงต้นคอทำให้รู้สึกแสบๆ คันๆ  เฟเนกส์พยายามปัดมันออกจากคอกลับพบว่าทำไม่ได้ มันว่องไวมากและส่งเสียงข้างหูอย่างน่าขนลุก

"เฟเนกส์.. ยินดีที่ได้รู้จัก... ข้า หึหึ ไม่นานคงได้ทำความรู้จักกัน"

เฟเนกส์รับรู้ดีว่ามันตามมาจากตัวแอคเนส พยายามขับไล่มันออกจากตัวแต่กลับพบว่าทำไม่ได้ สัตว์ประหลาดบนหลังมันหัวเราะคิกคักอย่างพอใจ

"ข้าคง.. เล่นกับเจ้าได้ไม่นาน เจ้างั่งนั่น ต้องใช้.. พลังข้า"

ก่อนที่มันจะหายไปจากหลังซะเฉยๆ เฟเนกส์สูดหายใจลึกพยายามดึงสติที่หายไปเกือบครึ่งให้กลับมาและตั้งหน้าตั้งตาเดินเข้าไปในปราสาทเพื่อเข้าพิธีแต่งตั้งเป็นองค์กษัตริย์ แต่ลึกๆ ในใจก็คิดว่าอาจจะไม่ได้แต่งตั้งจริงในวันนี้ เพราะตามกำหนดแล้วการต้องพรุ่งนี้ตอนเช้ามืดเนื่องจากเป็นทั้งวันที่ไร้แสงจันทร์มีเพียงดวงอาทิตย์เท่านั้นในวันนั้น ท่านพ่อบอกว่ามันเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุดแล้วสำหรับปีนี้

ฮี้!!!!!

เสียงเจ้าม้าดำร้องดังลั่นไม่พอใจเมื่อถูกรุมล้อมทั้งจากด้านหน้าและด้านหลัง ดาบมากมายฟันแทงเข้ามาหามันไหนจะเวทย์ที่ถูกร่ายเอาๆ และมีเป้าหมายเป็นมัน!

หมอกดำอเนกประสงค์คลุมตัวมันไว้อย่างหนาแน่น ซึมซับกำจัดสะท้อนพลังที่มุ่งร้ายเจ้าม้าดำ หากแต่แค่หมอกดำไม่อาจเพียงพอต่อฝีมือและจำนวนองค์รักษ์พวกนี้ได้

"คิดว่าจะหลบได้นานแค่ไหนเชียว เจ้าม้า" หัวหน้าองค์รักษ์หัวเราะหึเข้าประชิดตัวเจ้าม้าในช่วงจังหวะที่เผลอและตวัดดาบเข้าที่คอมันทันที

เคร้ง

ดาบถูกสกัดอีกครั้งหากแต่ไม่ใช่ของแอคเนส

แต่เป็นสิงโตหนุ่มที่เพิ่งจะตามมาทัน!

"อย่ารังแกสัตว์สิ" อัลฟินตอบด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน "น่าเสียดาย ที่หมาหมู่อย่างพวกเจ้าคงไม่เข้าใจ!"
อากาศรอบตัวอัลฟินเย็นขึ้นฉับพลัน สิงโตหนุ่มลูบแหวนแล้วร่ายเวทเสียงหนักแน่น พายุหิมะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ จนกลายเป็นขนาดมหึมาและมันก็พัดเข้าใส่เหล่าองค์รักษ์ทันที

หัวหน้าองค์รักษ์หน้าเปลี่ยนสีเพราะไม่คิดว่าคนที่มาช่วยนั้นจะเป็นอัลฟิน!

สิงโตหิมะที่มีนิสัยเป็นมิตรและมักจะมาส่งของบรรณาการทุกปีด้วยท่าทีนอบน้อมไม่ปริปากบ่นอะไรสักคำต่างจากเมืองอื่นๆ ที่มองพวกมันด้วยสายตาเกลียดชังปากบ่นพล่ามถึงความแร้นแค้นที่พวกมันประสบ แต่พวกมันก็ไม่คิดจะใส่ใจ มนุษย์อ่อนแอพวกนี้ก็ดีแต่ปากเท่านั้นไม่มีปัญญาทำอะไรพวกมันได้จริงๆ หรอก

แต่มันไม่ใช่กัับอัลฟิน สิงโตหิมะที่เป็นหัวกะทิในทุกด้าน!

ตูม!

เสียงระเบิดดังลั่นเมื่อหัวหน้าองค์รักษ์ปาระเบิดเพลิงใส่พายุหิมะและพบว่าไม่สามารถทำอะไรมันได้สักนิด มันจิ้ปากไม่พอใจผิวปากเรียกองค์รักษ์ให้กลับมาจัดรูปทัพเพื่อตั้งรับ โล่ขนาดใหญ่ที่สามารถป้องกันได้ทั้งธนู คมดาบ หรือแม้แต่เวทย์หนักๆ ถูกยกขึ้นมาบดบังร่างกายส่วนมืออีกข้างกดดาบลึกลงในพื้นและจับมันไว้แน่น

อัลฟินหัวเราะหึๆ เมื่อเห็นพายุหิมะของตัวเองค่อยๆ พัดพาองค์รักษ์ขึ้นฟ้า สิงโตหนุ่มไม่ลังเลเลยที่จะชูมือขึ้นมาและชี้ไปที่เป้าลอยฟ้าเหล่านั้นและกล่าวเสียงเย็น

"ฆ่า!"

ธนูเพลิงจำนวนหนึ่งถูกปล่อยใส่ทันทีแต่จู่ๆ มันกลับหายไปทั้งๆ ที่เพิ่งหลุดออกจากคันธนูได้ไม่นาน

กร็อบ

เสียงคล้ายไม้หักดังลั่นก่อนที่จะพบซากไม้ที่เคยเป็นลูกธนูกองอยู่บนพื้น

"ตราบใดที่ยังมีข้าในสนามรบ อย่าหวังที่จะพรากชีวิตพวกโง่พวกนี้" เจ้าของผลงานหัวเราะในลำคอ นัยน์ตาสีขาวคล้ายกับลูกตาของซากศพมองอัลฟินแล้วเหยียดยิ้ม "ข้าจำเจ้าได้.. มนุษย์ แต่ดูเหมือนเจ้าจะเล่นซนเกินไปนะ"

เพียงแค่มันสะบัดมือไปทางพายุ พลังสีดำทมิฬคล้ายดวงวิญญาณของสัตว์ร้ายก็พุ่งเข้าไปกัดกินพายุนั้นจนมันค่อยๆ ลดความแรงลงและหายไปจนหมดทิ้งไว้เพียงสีหน้าเจ็บปวดของอัลฟิน

"เจ้า เจ้ากินวิญญาณข้า" อัลฟินพูดเสียงสั่น รู้สึกถึงหัวใจที่สั่นเทา มือที่สั่นเทา ทั้งตัวสั่นเทาไปหมด ราวกับกำลังหวาดกลัวร่างที่เข้ามากระโจนกัดกินพลังวิญญาณนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ

ปีศาจ! ไม่ ไม่สิ นี่มันไม่ใช่พลังของปีศาจ

สิงโตหนุ่มคิดอย่างตื่นตระหนก

 "เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่!!" อัลฟินหายใจเฮือกๆ พยายามยัดอากาศเข้าปอดทั้งๆ กำลังรู้สึกร้าวไปทั้งตัว ตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะคล้ายกับถูกบางอย่างน่าขยะแขยงกำลังไต่ขึ้นมาอย่างช้าๆ นัยน์ตาสีเทาที่มักจะสุขุมตอนนี้หวาดผวาถึงขีดสุดเพราะมองไม่เห็นว่าสิ่งใดกำลังขึ้นร่างของตัวเองอยู่!

ฉึบ!

ดาบสีดำอาบด้วยเลือดมนุษย์ตวัดใส่พื้นตรงหน้าอัลฟินจนผืนดินแยกออกจากกันเป็นสองฝั่ง

วี้ดดดด

พวกมันกรีดเสียงวี้ดๆ ด้วยความเจ็บปวดรีบผละจากร่างอัลฟินกลับไปยังบ้านที่แสนปลอดภัยและเปี่ยมไปด้วยพลังและอาหารสำหรับพวกมัน

สิงโตหนุ่มเข่าอ่อนทรุดฮวบลงบนหลังเจ้าม้าขาวปากพึมพำเอ่ยขอบคุณอย่างไม่เต็มใจนัก 

"อยากรู้ว่าข้าเป็นตัวอะไร ก็สาบานด้วยวิญญาณของเจ้าสิ" แอคเนสหัวเราะเสียงเพี้ยนจนน่าขนลุก นัยน์ตาซากศพตวัดมองพยัคฆ์ดำนิ่ง "คงต้องฆ่าเจ้าก่อนสินะ.. เจ้าลูกแมวเจ้าปัญหา"

โลกัสยิ้มพรายกระดิกหูตัวเองมองแอคเนสด้วยท่าทีที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว 

ต่างจากเมื่อกี้ที่ยังคงมีความหวาดผวาอยู่บ้างแต่เลือดในกายกลับเอาแต่กู่ร้องให้ฆ่ามันเพราะในตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว จะกลัวอะไรกับแค่สัตว์ประหลาดลืมหลุมสักตัว!

"ถ้าคิดว่าเจ้าทำได้ก็ลองดู" โลกัสแค่นเสียงดูถูก มือที่ถูกกรีดเป็นแผลลึกลูบดาบดำของตัวเองจนชุ่มเลือด ดาบในมือนักฆ่าร่างนักฆ่าคล้ายกับมีชีวิตขึ้นมา มันกลืนกินเลือดพยัคฆ์ดำไปจนหมด จากดาบที่มีขนาดยักษ์ค่อยๆ หดสั้นลงเป็นขนาดปกติหากแต่ความยาวที่หายไปในั้นกลับไปเพิ่มความคมกับพลังเวทย์ให้กับดาบแทน ละอองผงสีดำกลิ่นประหลาดลอยฟุ้งออกมาจากดาบ

แอคเนสเหลือบมองดาบโลกัสแล้วเอียงคอไปมา "ต่อให้เจ้ามีก้างปลาโง่ๆ ของเจ้าอยู่ในมือ เจ้าก็ฆ่าข้าไม่ได้หรอกนะ" แสยะยิ้มจนตาหยีแม้ว่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายเห็นเพียงแค่นัยน์ตาของตัวเองเท่านั้น

แต่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับการบอกคนอื่นว่าเจ้าของร่างกำลังโกรธขนาดไหน!

"อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน แมวน้อย"


-------------------------
TBC.

ตัดด้วยฉากบู้อีกแล้ว XD  ใกล้ถึงจุดพีคเรื่องแล้ว  :impress2: (อยากให้ถึงไวๆ)

ช่วงนี้ก็เดากันไปเล่นๆ ค่ะ ว่าใครจะอยู่หรือใครจะไป

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ กอดด  :กอด1:
 
 
 
 
 
 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ว๊อด เดอะ .........

แอคเนสไปถวายวิญญาณกับตัวอะไรรรรรรรรรรรร

ใครจะปราบลงได้? พระราชารู้เห็นแน่นอน หรือแอคเนสคือคนที่ฆ่าป๊ะป๋า? ต้องใช่แน่อ่ะ  :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ลุ้นไปดิ๊ โอ้ยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
มันคือตัวอะไร ?!?
แล้วจัดการไอ้นี่ได้ก็ต้องไปจัดการพ่ออีก เหนื่อยแทนเลย

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 19

ภายในปราสาทที่จะเกิดพิธีแต่งตั้งขึ้นนั้นถูกตกแต่งด้วยสีดำเป็นส่วนใหญ่ ผ้าม่าน โคมไฟ โต๊ะ เชิงเทียน เรียกได้ว่าทุกอย่างนั้นเป็นสีดำทมิฬราวกับกำลังถูกฝังอยู่ในรัตติกาลอันมืดมิด แม้แต่ดวงไฟสีให้แสงสว่างยังเป็นสีดำแดงสลัว บริเวณกลางห้องโถงนั้นมีแท่นพิธีที่ถูกยกสูงขึ้นจากบริเวณอื่นๆ หากแต่สิ่งที่ตั้งอยู่ตรงนั้นกลับไม่ใช่เก้าอี้บัลลังก์ทองอย่างเคย
แต่เป็นโต๊ะสีดำที่มีอ่างแก้วใสลวดลายแปลกประหลาดวางอยู่!

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในปราสาท ลมหายใจของเฟเนกส์ก็คล้ายกับถูกช่วงชิงไป

ทำไมภายในลานพิธีถึงได้กลายเป็นแบบนี้? เมื่อวันยังเป็นสีทองสว่างไสวอยู่เลย

นัยน์ตาสีทองเต็มไปด้วยความงุนงงแต่งุนงงได้ไม่นานนักก็รับรู้ถึงบรรยากาศตึงเครียด จึงหันกลับมามองพบว่าหลังโต๊ะสีดำกลางห้องโถงนั้น มีองค์กษัตริย์แห่งเมืองเอวินด์กับเหล่าขุนนางคนสนิทจ้องมองมาอย่างเย็นเยียบคล้ายกับกำลังตำหนิและด่าทอทางสายตา

องค์ชายรองสูดหายใจลึกสาวเท้าไปต่ออย่างมั่นคงไร้ท่าทีความรู้สึกผิด

ไม่ว่าเจ้าจะถูกหรือผิดก็จงทระนงตนเอาไว้

นั่นเป็นคำสอนของท่านพ่อที่ให้เขายึดถือปฏิบัติซึ่งดูเหมือนว่าจะทำได้ดีจนเกินไป ท่านพ่อถึงได้มองมาอย่างดุร้ายเช่นนั้น...

"เจ้ามาช้า" แม้แต่น้ำเสียงยังเย็นชาจนเหมือนจะแช่แข็งทั้งเป็น

สีหน้าของเฟเนกส์ไม่เปลี่ยนแปลง ฝีเท้ายังไม่หยุดก้าว แต่ภายในหัวกำลังกู่ร้องเมื่อความความเศร้าเข้าครอบงำ

เหตุใดท่านพ่อถึงได้เย็นชากับข้านักนะ?

เฟเนกส์คิดเศร้าๆ เชิดหน้าสูงเมื่อหยุดยืนต่อหน้าบัลลังก์ทองที่ตั้งอยู่ตรงกลางของห้องโถง "ข้าตั้งใจจะฆ่าเวสเปอร์ที่เป็นขวากหนามของข้า ก่อนที่จะเข้ามารับบัลลังก์"

อธิบายถึงสาเหตุด้วยถ้อยคำสั้นๆ ไม่มีคำแก้ตัวแต่อย่างใด

องค์กษัตริย์แค่นเสียงหึดูถูก "ขยะพรรค์นั้นเจ้าจะไปสนใจทำไม ข้าสั่งให้เจ้ามา เจ้าก็ต้องมาสิ หรือว่าเจ้าจะไม่เห็นว่าข้าเป็นพ่อของเจ้าแล้ว?" 

"…" เฟเนกส์ไม่ได้ตอบรู้สึกถึงก้อนเค็มๆ จุกในลำคอ รู้สึกเหมือนจะร้องไห้เมื่อถูกท่านตราหน้าเช่นนั้น แม้สีหน้าจะไม่ยี่ระแต่ในใจกลับเต็มไปด้วยคำตัดพ้อต่างๆ มากมาย

ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นแม้แต่นิดเดียว ทำไมท่านพ่อถึงได้พูดมันออกมานะ... หรือเป็นข้าดีที่ควรจะถามท่านพ่อว่าเคยเห็นข้าเป็นลูก
บ้างหรือเปล่า?

คำถามมากมายถาโถมเข้ามาในหัวเฟเนกส์จนเจ้าตัวควบคุมตัวเองไม่อยู่ มือที่สั่นเทาเล็กๆ จึงถูกซ่อนไว้ข้างหลังเพื่อปกปิดความรู้สึกของตนเอง

"เอาเถอะ มาก็ดีแล้ว" ไซมอนด์เหยียดยิ้มเหลือบมองเหล่าขุนนาง "เริ่มเลยแล้วกัน"

"งานพิธีแต่งตั้งไม่ได้จัดขึ้นในช่วงเช้าหรือขอรับ ท่านพ่อ" 

แม้จะความรู้สึกหลากหลายจะแปรปรวนในอกแต่ความสงสัยก็ดลให้ถามออกไป

เดิมทีงานพิธีแต่งตั้งนั้นจะถูกจัดขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ท่ามกลางประชาชนนับพันที่มาร่วมฉลอง องค์รัชทายาทจะเดินข้างกันกับสัตว์ประจำกายรอบเมืองหนึ่งครั้งก่อนที่จะเข้ามาในปราสาท ในทุกขณะที่พิธีแต่งตั้งกำลังดำเนินไปนั้นจะมีนักบวช นักดนตรีต่างๆ มากมายคอยบรรเลงเพลงด้วยเสียงอันดัง มีบางตำนานเล่าว่าหากโชคดีมากๆ ท่านโฟเทียสจะลงมาร่วมแสดงความยินดีด้วยแต่มันก็เป็นแค่เรื่องเล่าเท่านั้นไม่มีสามารถรับประกันได้ว่ามันจะเกิดขึ้นจริง

แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตอนนี้กลับไม่ใช่ ไม่มีแม้แต่จะอารมณ์ความรู้สึกว่างานพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ที่เฟเนกส์วาดฝันไว้นั้นจะเกิดขึ้น
เฟเนกส์เม้มปากแน่นเมื่อเห็นแววตาท่านพ่อสีทองของท่านพ่อคล้ายจะเปลี่ยนเป็นสีขาวก่อนที่มันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม และจู่ๆ เสียงของสิ่งนั้นก็ดังแว่วอยู่ข้างหู

เลือดของเจ้าบริสุทธิ์มาก... ฮื่อ มากกว่าไอ้ราชาอ่อนแอนั่นอีก

องค์ชายรองหน้าซีดเผือดเผลอสะดุ้งออกมา ทำเอามือที่สั่นอยู่แล้วสั่นมากกว่าเดิมท่ามกลางร่างกายที่สั่นเทาทั้งจากความเย็นเยียบไม่ทราบสาเหตุและความหวาดกลัวจากเบื้องลึกในจิตใจ

นี่มันเกิดอะไรขึ้น มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว ท่านพ่อกำลังจะทำอะไร? นี่ไม่เห็นเหมือนที่ท่านบอกเลย

เฟเนกส์ก้าวถอยหลังอย่างหวาดหวั่น

"ยังอยากเป็นอยู่ไหม? กษัตริย์ที่จะเกรียงไกรที่สุดในเมืองมนุษย์น่ะ" ไซมอนด์คำรามเสียงดัง เหล่าขุนนางที่รู้ใจนายของตัวเองดีโถมตัวเข้าล้อมรอบเฟเนกส์จนเจ้าตัวตั้งตัวไม่ทัน มีมือข้างหนึ่งผลักร่างว่าที่กษัตริย์ใส่โต๊ะดังลั่นก่อนที่คนอื่นๆ จะจับตัวองค์ชายเฟเนกส์ไว้แน่นจนขยับเขยื้อนไม่ได้

"ไม่ ท่านพ่อ ท่านกำลังจะทำอะไรข้า" เฟเนกส์น้ำตารื้นอย่างห้ามไม่ได้ ใบหน้าหล่อเหลาที่ส่วนคล้ายกับองค์กษัตริย์ไซมอนด์บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด จิตใจที่อ่อนแอทำเอาเฟเนกส์แทบไม่เรี่ยวแรงขัดขืนอะไร ความทุกข์ขรมและความไม่เข้าใจฟูเต็มอก
ไซมอนด์ไม่ได้ตอบคำถามลูกของตัวเองเพราะในหัวนั้นกำลังหัวเราะดังลั่นเมื่อสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝันนั้นกำลังจะกลายเป็นจริงในอีกไม่นาน สติที่พร่ามัวไปด้วยความโลภทำให้ไม่แม้แต่จะสนใจฟังสิ่งใด มือกระชากดาบสีขาวที่ตนเพิ่งให้เฟเนกส์ออกจากปลอกดาบและฟันลงที่แขนทันที!

อ้ากกกกกกกก

เฟเนกส์เบิกตากว้างกรีดร้องน้ำตาไหลพราก ตัวดิ้นพล่านหากแต่ขยับไม่ได้เพราะถูกพันธนการไว้อย่างเหนียวแน่น นัยน์ตาสีทองสั่นระริกในขณะที่มองพ่อตัวเองกำลังใช้อ่างแก้วรองเลือดสดๆ ที่ไหลบ่าออกจากแขน

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแผลกรีดลึกแต่ความเจ็บปวดนั้นราวกับถูกหักกระดูกเป็นสองท่อน!

"ท่านพ่อ ท่านจะทำอะไรข้า!!!"

ตะคอกถามเสียงดังอย่างผิดวิสัย ความคิดต่างๆ ในหัวเริ่มจางหายไปและถูกแทนที่ความบ้าคลั่ง

"ท่าน ท่านพ่อ!!! ฮืออออ!"

เสียงกรีดร้องของเฟเนกส์เหมือนกับสุนัขจนตรอก 

หากแต่องค์กษัตริย์ก็ยังไม่สนใจอยู่ดีเมื่อเลือดนั้นมากอยู่ในระดับที่ปริ่มกับขอบอ่างก็เริ่มร่ายเวทบางอย่างทันที เหล่าขุนนางรีบกระชากตัวเฟเนกส์ออกจากโต๊ะ อีกส่วนหนึ่งเลื่อนโต๊ะออกและเปิดกลไกลับที่ซ่อนอยู่ใต้พรมสีดำ

แกร้ก กึก 

เสียงสลักกลอนดังกุกกักสองสามครั้งก่อนที่ประตูจะค่อยๆ เลื่อนออกเป็นบันไดลงสู่ห้องลับใต้ดิน

ความลับที่ถูกซุกซ่อนมาอย่างยาวนานของไซมอนด์

ฮื่อออออออออ !

เพลิงลูกใหญ่ถูกพ่นใส่เหล่าขุนนางทันทีเมื่อมังกรเพลิงสัตว์ประจำกายของเฟเนกส์มาถึงปราสาท นัยน์ตาของมันลุกโชนเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดเมื่อเห็นนายของตัวเองถูกทำร้าย เสียงกรีดร้องนั่นทำเลือดในกายมันพลุกพล่าน ถึงแม้มันกับนายจะชอบตีกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเกลียดกัน!

โฮกกกกกกก!

ไคออสคำรามจนเลือดในอ่างเลือดของเฟเนกส์สั่นระริกเป็นริ้ววงกลม ไซมอนด์ถึงได้รู้สึกตัวและเหลือบมองอย่างเย็นชา

"แอคเนส" ไซมอนด์กระซิบกับอากาศก่อนที่จะเดินลงบันไดอย่างไม่ยี่หระ
 


"อย่าหาข้าใจร้ายแล้วกัน แมวน้อย" 

สิ้นคำกล่าวร่างขององค์รักษ์ก็หักดาบในมือทิ้ง พลังสีดำรอบกายพลันสั่นไหวน้อยๆ ราวกับกำลังตอบรับคำสั่งของผู้เป็นนาย ก่อนที่มันจะค่อยๆ ก่อตัวเป็นดาบอันใหม่ให้กับนายของมัน

"หึ"

โลกัสแค่นเสียงหึนัยน์ตาสัตว์ป่าลุกวาวกระชับดาบในมือที่เริ่มสั่นเทิ้มราวกับว่ามันก็มีชีวิตเช่นเดียวกับผู้ที่ถือ

"แต่จะว่าไปกลิ่นวิญญาณของเจ้ามันก็คุ้นๆ นะ" แอคเนสกล่าวขณะที่มวลอากาศรอบกายค่อยๆ ก่อตัวเป็นพลังบางอย่างที่ชวนให้ขนหัวลุกหากเงี่ยหูฟังดีๆ ก็คล้ายกับได้ยินเสียงกรีดร้องของอะไรบางอย่าง

มันเป็นพลังที่คล้ายกับของเจ้าม้าดำหากแต่เป็นพลังอำนาจที่ชั่วร้ายและอำมหิตยิ่งกว่า!

"กลิ่นคนที่จะฆ่าเจ้าน่ะเหรอ?" โลกัสหัวเราะในลำคออย่างถือดีและพุ่งเข้าใส่ทันทีอย่างไม่กลัวเกรง

นัยน์ตาสีขาวเปล่งประกายวาบน่าขนลุก "ตื่นได้แล้ว เจ้าน่ะ"

ผลั่ก!! 

มวลอากาศสีดำรอบกายพุ่งเข้าใส่โลกัสอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นแค่อากาศว่างๆ หากแต่สิ่งที่โลกัสรู้สึกนั้นคือหมัดหนักๆ จากวิญญาณคลุ้มคลั่ง!

ร่างนักฆ่าเลื่องชื่อกระเด็นจนตัวลอยหากแต่ก็ตีลังกากลับมายืนอย่างมั่นคงได้อีกครั้ง หอบหายใจถี่หนักเมื่อในหัวเหมือนถูกอะไรบางอย่างส่งเสียงน่าสยดสยองพร่ำกระซิบข้างหู

"หิว.. หิวเหลือเกิน.."

โลกัสสะบัดหัวและคำรามออกมาเสียงดัง เสียงที่ได้ยินนั้นชวนให้รู้หดหู่และสิ้นหวังราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไป 

"แมวน้อย ข้าจะสอนเจ้าเองว่าการทระนงตนกับข้าน่ะ"

เสียงหนึ่งดังกระซิบข้างหูโลกัส

"เป็นเรื่องที่โง่เง่าที่สุด!!!"

ก่อนจะกลายเป็นเสียงหวีดร้องจนแสบแก้วหูซึ่งมันก็มาพร้อมกับคมดาบที่แทงเข้ามาที่ท้อง

ฉับพลันหัวของโลกัสขาวโพลน นัยน์ตาเบิกกว้างก่อนจะกลายเป็นดวงตาของสัตว์ร้ายอย่างเต็มตัวในชั่ววินาที ร่างกายถอยหนีออกจากคมดาบและใช้ดาบของตนเองแทงกระหน่ำตอบ

คมดาบว่องไวฟาดฟันกันในอากาศจนมองไม่ทัน แอคเนสพยายามใช้พลังลึกลับของตนเองในการลอบโจมตีโลกัสไปด้วยหากแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะร่างนักฆ่าคล้ายกับมีตาหลังสามารถหลบได้ทันทุกครั้ง

จากที่เคยได้เปรียบเริ่มกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ

แอคเนสขบกรามกรอด สายตามองไปยังร่างนักฆ่าอย่างกราดเกรี้ยวเมื่อจำได้ว่าสิ่งที่ตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่คืออะไร "พยัคฆ์ทมิฬ!!"

ปีศาจเสือโคร่งดำที่มันเคยปะทะเมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว!

"ไม่คิดว่าเจ้าจะจำข้าได้" เสียงหนึ่งที่ไม่ใช่เสียงของโลกัสกล่าวออกมาอย่างไม่ยี่หระ ใบหน้าหล่อเหลากรำแดดของโลกัสแสยะยิ้มเหี้ยม "กริมม์"

"ย่อมจำได้ เพราะเจ้าเป็นเสือโง่ๆ ไม่กี่ตัวที่กล้าเผชิญหน้ากับข้า" เมื่อชื่อที่แท้จริงของตัวเองปรากฎ กริมม์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนใบหน้าของแอคเนสมาเป็นที่แท้จริงของตัวเอง

ใบหน้าสีดำที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์จนหาใบหน้าจริงแทบไม่ได้ นัยน์ตาข้างนึงที่ถูกควักออกไปเหลือเพียงข้างเดียวที่มีเพียงตาขาวที่พลังสีขาวหมุนริ้วอยู่ภายใน

"ยินดีที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง ฮาร์เคฟ" กริมม์พูดด้วยรอยยิ้มจางแต่กลับทำให้คนมองรู้สึกขนลุกชัน "ถึงจะในร่างมนุษย์ก็เถอะ"

ฮาร์เคฟโคลงหัวไปมาขณะที่พูด "ช่วยไม่ได้ ข้าชอบตอนที่ได้เหยียบพื้นด้วยเท้าสี่ข้างมากกว่า" ก่อนที่นัยน์ตาจะจ้องมองมาหากริมม์อย่างเย็นเยียบ มือกระชับดาบแน่นจนดาบเกิดรอยริ้วเป็นลวดลายประหลาด

"แต่ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ร่างไหน ก็อย่าหวังว่าจะฆ่าข้าได้!!" กริมม์ตะคอกตวัดดาบที่อัดแน่นด้วยพลังวิญญาณเข้าใส่ร่างของโลกัสอย่างไม่รอช้า

หากแต่นั่นก็ยังช้าไปกว่าร่างของโลกัส สัญชาตญาณที่ผ่านการสร้างมาอย่างยาวนานทั้งของโลกัสและฮาร์เคฟผสมผสานกันจนกลายเป็นมากกว่าสัญชาตญาณ สามารถตอบสนองได้ทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดแม้ต่เสี้ยววินาทีเดียว ร่างนักฆ่ากระโดดหลบได้อย่างรวดเร็วและโจมตีกลับด้วยดาบทรงพลังใส่ที่คอ!

ในชั่วขณะนั้นฮาร์เคฟคลี่ยิ้มสะใจออกมาพร้อมกับอารมณ์ตื่นเต้นที่คาดว่าตนเองจะสามารถบั่นคอคนที่เคยฆ่าตัวเองไป!
กึก

ปลายดาบถูกสกัดด้วยด้ามดาบของกริมม์

"ลืมไปแล้วหรือ แมวน้อย ความประมาทคือหนทางแห่งความตาย"

กริมม์กระซิบตอบกระชากดาบในมือเพื่อกระชากตัวฮาร์เคฟมาด้วยก่อนที่จะเรียกพลังวิญญาณมาก่อเป็นมีดเล็กเตรียมจะแทงเข้าที่ท้องแต่ก่อนที่คมมีดจะถึงท้องของโลกัสนั้น กริมม์ก็พูดอะไรบางอย่างที่ตกค้างในใจตัวเองมานาน

"ข้าก็สงสัยอยู่ว่าวิญญาณของเจ้าหายไปไหน"   

กริมม์กระตุกยิ้ม

"กลายมาเป็นผีลืมหลุมแอบซ่อนอยู่ในร่างมนุษย์นี่เอง!" สิ้นประโยคคมดาบก็จ้วงเข้าที่ท้องของโลกัสทันที!

ฮาร์เคฟในร่างโลกัสเบิกตากว้างจนแทบตาถลนด้วยความตกใจ นิสัยทระนงตนและมั่นใจในตัวเองเกินเหตุกำลังทำพิษให้มันอีกแล้ว เดิมทีมันอาศัยอยู่ในเมืองมนุษย์จึงไม่ค่อยมีใครสามารถสู้มันได้ ทำให้มันมั่นใจจนเกิดเหตุว่าศัตรูจะไม่มีวันทำอะไรมันได้ แต่มันก็ลืมไปว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงมนุษย์..

ครั้งที่แล้วที่มันสู้กับกริมม์ก็พ่ายแพ้เหมือนกันเพราะหลงคิดว่าตัวเองจะฆ่ามันได้แล้ว แต่ก็พบว่าตัวเองคิดผิด กริมม์ไม่ได้พ่ายแพ้มันเพียงแต่รอโอกาสที่จะฆ่ามันอย่างทรมาน!

เคร้ง

กริมม์เบิกตากว้างเมื่อเห็นดาบน้ำแข็งเข้ามาสกัดมีดเล่มเล็กของตัวเอง 

"อย่าลืมสิ ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว" อัลฟินยิ้มพรายกลบเกลื่อนความรู้สึกรวดร้าวภายใน มันเหมือนกับว่ากำลังมีอะไรบางอย่างแทะร่างกายอยู่ตลอดเวลา

"หึ ข้าต้องนับเจ้าอยู่ในศัตรูด้วยเหรอ?" กริมม์หัวเราะในลำคอเปลี่ยนมีดเล็กเป็นดาบด้ามยาวในพริบตากระโจนเข้าใส่อัลฟิน หากแต่ยังไม่ทันได้ออกดาบก็ต้องหลบไปอีกทางเมื่อไอ้เสือปัญญาอ่อนข้างหลังได้สติเอาดาบมาไล่ฟันแทงด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมและรุนแรงมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

มีผลมาจากโทสะที่ถูกเก็บสะสมมาหลายสิบปีปะทุออกมาพร้อมกับความรู้สึกเคียดแค้นที่ตัวเองโง่งมเกือบจะตกเป็นเหยื่อให้กริมม์มันฆ่าได้ง่ายๆ อีกครั้ง!

"ไม่ข้าตาย เจ้าก็ต้องตาย!!!" ฮาร์เคฟตะโกนดังลั่นคล้ายลั่นวาจาสาบาน เสียงที่ดังออกมานั้นคล้ายกับเสียงคำรามของเสือโคร่งที่พร้อมจะฆ่าศัตรูที่กล้ารุกล้ำเข้ามาในอาณาเขต

ร่างของนักฆ่าพุ่งเข้าใส่กริมม์ที่หนีอย่างว่องไวไม่ยอมปะทะตรงๆ ซึ่งยิ่งเวลายื้อไปมากเท่าไหร่ความดุดันเลือดในกายของโลกัสก็พลุ่งพล่านจนร้อนผ่าวไปทั้งตัว ปากอ้ากว้างหอบน้อยๆ เผยให้เห็นเขี้ยวที่ยาวออกมาอย่างเห็นได้ชัด

อัลฟินมองการต่อสู้ดุเดือดตรงหน้าด้วยสีหน้าทึ่งๆ มือกุมท้องที่มวนขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ สิงโตหนุ่มเผลอทำสีหน้าเหยเกและทรุดฮวบลงบนพื้น 

"ท่านอัลฟิน!" หนึ่งในองค์รักษ์ของอัลฟินที่ยังคงชุลมุนกับการสู้กับองค์รักษ์ขององค์ราชาอุทานขึ้นมา รีบปลีกตัวและถลาเข้าไปประคองนายของตัวเองทันที จับแขนท่านอัลฟินพาดคอตัวเองไว้และพยุงให้ลุกขึ้นเพื่อจะพาไปขึ้นหลังเจ้าม้าขาวที่สาวเท้าเข้ามาใกล้มองเจ้านายของมันด้วยสายตาเป็นห่วง 

"ข้าไม่เป็นไร" อัลฟินดึงมือออกอย่างสุภาพพยายามยืนด้วยตัวเองแม้ว่าจะรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดอวลอยู่ในปากและจมูก จึงพยายามสูดหายใจแรงๆ เพื่อกดมันลงไปให้หมด นัยน์ตาสีเทาจับจ้องเจ้าม้าขาวและลูบหัวมันเบาๆ "ข้าไม่เป็นไรจริงๆ เจ้าไม่ต้องห่วงข้า"

กล่าวจบก็ถีบตัวขึ้นหลังเจ้าม้าขาวทันทีเพื่อแสดงให้เจ้าม้าเห็นว่าตัวเองไม่เป็นไรจริงๆ

ฮื่อ!

เจ้าม้าพ่นลมหายใจไม่พอใจ ส่ายหัวไปมาอย่างหงุดหงิด 

อัลฟินยิ้มเหนื่อยใจลูบแผงคอนุ่มเบาๆ 

ไม่ว่าเรื่องอะไรข้าก็ปิดเจ้าม้าบ้านี่ไม่ได้สินะ... 

ฮี้!

เสียงม้าแปร่งๆ เสียงหนึ่งดังเสียดหูและคุ้นหูอย่างประหลาดทำให้อัลฟินหันไปให้ความสนใจ

"ต้องการอะไรจากข้า เจ้าม้า" อัลฟินถามเสียงนุ่มทั้งๆ ที่เลือดกำลังไหลออกมาจากจมูกอย่างช้าๆ ร่างทั้งร่างชาวาบเหมือนถูกบางสิ่งที่มองไม่เห็นกระชากวิญญาณในร่างจนเป็นชิ้นๆ

อึ่ก

อัลฟินปิดปากตัวเองที่เผลอร้องออกไป ใบหน้าหล่อเหลาพยายามคงใบหน้าสุขุมเอาไว้หากแต่ก็ทำได้ไม่ดีนักเพราะความเจ็บปวดนั้นลุกลามเร็วจนเกินไป

กุบกับ

เจ้าม้าดำสาวเท้าเข้าไปใกล้อัลฟิน มันมองสิงโตหิมะเบื่อๆ และควบคุมหมอกวิญญาณไปครอบตัวอัลฟินเพื่อดึงสิ่งแปลกปลอมที่พยายามเข้าไปครอบครองร่างของอัลฟินออกมา

ถึงแม้ว่าพลังของกริมม์นั้นจะเหนือกว่าเจ้าม้าดำ แต่ก็เป็นพลังชนิดเดียวกันจึงพอหักล้างกันได้

เจ้าม้าขาวค้อมหัวลงเล็กๆ เชิงขอบคุณที่ช่วยเหลือนายของมัน ลืมความแค้นความเหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกพบจนหมด เมื่อเจ้าม้านี่กลายเป็นผู้รักษานายของมัน ทั้งๆ ที่มันคิดว่าเจ้าม้าดำนี่จะใช้โอกาสที่นายมันอ่อนแอแก้แค้นทั้งมันและนายของมัน
ฟู่ว

เจ้าม้าดำพ่นลมหายใจเหนื่อยๆ ออกมาทางจมูก และเชิดหน้าขึ้นคล้ายกับกำลังโอ้อวดเมื่อใบหน้าของอัลฟินกลับมามีสีเลือดอย่างเห็นได้ชัด

อัลฟินลูบจมูกตัวเองอึ้งๆ ความรู้สึกแปลกประหลาดพวกนั้นหายไปหมดแล้วเหลือเพียงรอยเลือดจางๆ ที่มือนี่เป็นหลักฐานว่าสิ่งที่เขาประสบเมื่อกี้มันเกิดขึ้นจริงไม่ได้ฝันไป

"ขอบคุณเจ้ามาก เจ้าม้า-- ไม่สิ" อัลฟินส่ายหัวเบาๆ แล้วยิ้ม "เพกาซัส"

เจ้าม้าดำส่งเสียงฮื่อๆ ในลำคออย่างลำพองก่อนที่มันจะใช้หัวมันพยักเพยิดไปบนหลังของมันคล้ายกับกำลังบอกอะไรบางอย่างกับสิงโตหนุ่ม

อัลฟินมองตามอย่างว่าง่ายพบว่าเห็นเวสเปอร์กำลังนั่งนิ่ง เจ้าแมวที่อยู่ภายในอ้อมกอดพยายามเอาตัวถูไถเรียกร้องความสนใจอย่างลุกลี้ลุกลน 

สิงโตหนุ่มมองภาพตรงหน้าด้วยความงุนงงหากแต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเวสเปอร์ก็ลมหายใจกระตุก

เพราะสีหน้าของเวสเปอร์ไม่ได้นองไปด้วยน้ำตาอย่างเคย แต่เป็นใบหน้านิ่งเรียบเฉยนัยน์ตาเลื่อนลอยไร้แววราวกับปฏิเสธที่จะรับรู้เรื่องราวใดๆ ต่อจากนี้อีก!

"เวสเปอร์! เวสเปอร์" อัลฟินเขย่าตัวเวสเปอร์จนตัวโยนอย่างร้อนรน ไร้ท่าทีเย็นชาดั่งที่เจอกันครั้งแรก ตอนนี้ทั้งอัลฟินและเวสเปอร์น่าจะกลายเป็นพวกกันได้เพราะ พวกเขาล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือการโค่นบัลลังก์ปัญญาอ่อนนี่ลง! 

"อืม?" เวสเปอร์ครางในลำคอเชิงรับรู้นัยน์ตาสะท้อนใบหน้าของอัลฟินก่อนที่เจ้าตัวจะเอียงคอเล็กๆ เพื่อแสดงถึงความงุนงงของตัวเอง

"เวสเปอร์ เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?" อัลฟินตั้งใจจะเอาหลังมืออังหน้าผากเวสเปอร์หากแต่ก็ถูกมือเล็กๆ ผลักออก 

"ข้า.. ไม่เป็นไร" องค์รัชทายาทคนโตของเมืองเอวินด์กล่าวเสียงเรียบ นัยน์ตาหลุบต่ำมองเจ้าม้าดำที่เอียงคอมามองอย่างเป็นห่วง "ข้า.. ก็แค่ไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว"

"การร้องไห้ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะอ่อนแอหรอกนะ เวสเปอร์" สิงโตหนุ่มพยายามพูดพยายามดึงองค์ชายขี้แยคนนั้นกลับมาจากองค์รัชทายาทที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ตรงหน้า

นี่เจ้าจริงๆ งั้นเหรอ? เวสเปอร์..

เวสเปอร์หัวเราะเบาๆ ตอบ มือลูบขนเจ้าแมวในที่มองตนเองตาแป๋วอ้อยอิ่ง "ข้า... ก็แค่คิดว่ามัน.. เปล่าประโยชน์ที่ข้าจะร้องไห้ เพราะ.. ยังไงก็ไม่มี มี อึก" เวสเปอร์สะบัดหัวตัวเองเมื่อเผลอพูดติดอ่าง "ไม่มีใครเห็นใจข้าอยู่ดี" 

กล่าวจบก็เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เป็นสีแดงก่ำ พระจันทร์เสี้ยวเดียวที่ยังคงประดับอยู่บนท้องฟ้านั้นให้ความรู้สึกคล้ายกับกริชที่พร้อมจะแทงองค์รัชทายาทอย่างข้า.. โดยที่ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคนในครอบครัวของข้า..

ท่านแม่... เฟเนกส์.. ไอเรส.. ท่านพ่อ.. 

ไม่ว่าใครก็ล้วน.. ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตอยู่ทั้งนั้น

เวสเปอร์เม้มปากแน่นเมื่อน้ำตาทำท่าจะไหลอีกครั้ง มือจิกแน่นที่แขนเพื่อใช้ความเจ็บปวดสร้างความเข้มแข็งให้กับตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าภายในหัวจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น คำถามไร้ที่มาปรากฎมากมายในหัวเวสเปอร์จนต้องยกมือกุมหัวตัวแน่นหอบหายใจตัวโยน พยายามที่ต่อสู้กับมันด้วยตัวเอง

ข้าร้องไห้มากี่ครั้งแล้วนะ?

โง่เขลากี่ครั้งแล้วนะ?

เกือบจะถูกฆ่ามากี่ครั้งแล้วนะ?

ข้าเคยเข้มแข็งไหมนะ?

เคยมีใครต้องการข้าไหมนะ?

เวสเปอร์กัดปากจนกลิ่นเลือดอวลในปาก หลับตาแน่น

ข้าควรมีชีวิตอยู่ไหมนะ?

แค่ก!

"เวสเปอร์!" อัลฟินสะดุ้ง

กลุ่มเลือดกระเด็นออกมาจากปากเวสเปอร์เปรอะไปทั่วตัวเจ้าม้าดำ องค์ชายใช้หลังมือเช็ดปากตัวเองลวกๆ และวางมือสั่นๆ ลงวางบนหัวเจ้าแมวอีกครั้ง

"ข้าไม่เป็นไร" กระซิบตอบเสียงเบาเหลือบมองไปยังเจ้าเสือที่ยังคงไล่ล่าฆ่าตัวประหลาด "เจ้าเสือ..." เผลอเรียกออกไปโดยไม่รู้ตัว ในอกรู้สึกคิดถึงมืออุ่นๆ ของโลกัสอย่างประหลาด 

คิดถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ว่าอะไรในโลกใบนี้ก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้อีก

"โลกัส.." พูดอีกครั้งอย่างเลื่อนลอยก่อนที่จะต้องเบิกตากว้างเมื่อตัวประหลาดที่กำลังถูกไล่ล่าพุ่งตัวเข้าชนคมดาบและเจ้าเสือออกให้พ้นทางไม่สนใจอาการบาดเจ็บ 

"ตามข้ามาสิ ถ้าเจ้ากล้า!!" มันหัวเราะเสียงดังลั่นและหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว

ฮาร์เคฟคำรามตามเข้าไปโดยไม่ต้องคิด ไม่สนใจแม้แต่จะรอเวสเปอร์เหมือนอย่างเคย

เพราะวิญญาณเจ้าของร่างในตอนนี้ไม่ใช่พยัคฆ์ดำ!

"เจ้าเสือ เจ้าเสือ" เวสเปอร์ลืมตาโพลง เขย่าคอเจ้าม้าดำ 

เจ้าม้าดำยกขาขึ้นสูงส่งเสียงคำรามในลำคอกระแทกเท้าตามเข้าไปทันที ขณะที่มันเกือบจะวิ่งหายเข้าไปในปราสาทมันเหลือบมองอัลฟินที่กำลังโบกมือให้ยิ้มๆ เชิงลา

สิงโตหิมะส่งเสียงหัวเราะคิกในลำคอ "เป็นม้าที่มารยาทดีจังนะ" และมองไปยังเหล่าองค์รักษ์ของราชาไซมอนด์ที่ได้รับบาดเจ็บหนักกว่าองค์รักษ์ของตัวเองด้วยความสะใจ

มือหนาหักกระดูกนิ้วตัวเองดังกร็อบ

"ถึงเวลาเชือดแล้วสิ"

---------------
 :z13: แต่งหลายวันมากตอนนี้

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่า  :กอด1:
 
 
 
 
   
 
 
 
 
 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เอิ้บ

ถึงอัลฟินจะดันให้เวสเปอร์ครองบัลลังก์ แต่เวสเปอร์จะกลายเป็นหุ่นเชิดแทน

กริมม์ก็มา เจอคนที่ฆ่าพยัคฆ์ดำจนได้~

แต่บอสใหญ่คือตัวอะไรน้อ~?? ใครจะเอาลง มันดูเทพเกินจริ๊ง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด